เคมไี ฟฟา้ 1
เคมไี ฟฟา้ ปฏิกิริยารีดอกซ์ เซลลก์ ัลวานกิ ศกั ยไ์ ฟฟา้ รีดักชัน่ มาตรฐาน การเกิดข้ึนเองได้ของปฏิกิรยิ ารีดอกซ์ ผลของความเข้มขน้ ต่อคา่ emf ของเซลล์ แบตเตอรี่ การกัดกรอ่ น การแยกสลายดว้ ยไฟฟ้า 2
เคมไี ฟฟา้ (electrochemistry) • เคมีไฟฟ้า คือ สาขาของเคมีที่เกี่ยวขอ้ งกับการเปลย่ี นแปลง ระหวา่ งพลังงานไฟฟ้าและพลังงานเคมี 3
ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ • กระบวนการไฟฟา้ เคมี คือ ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ (ออกซเิ ดช่นั -รดี ักชั่น) ปฏกิ ริ ิยาเคมี ปฏิกิริยาไฟฟ้า ปฏกิ ิริยารดี อกซ์ จะมีการถ่ายโอน e จากสารหน่ึงไปสู่อกี สารหนึ่ง เช่น เลขออกซิเดชนั่ 0 +1 +2 0 Mg(s) + 2HCl(aq) MgCl2(aq)+H2(g) 4
เซลลก์ ลั วานิก (Galvanic cell) การทดลองจมุ่ โลหะสังกะสี (Zn) ลงใน สารละลาย CuSO4 ผล โลหะสงั กะสี (Zn) กร่อนและมีโลหะสี นํ้าตาลแดง(Cu)มาเกาะทส่ี ังกะสี สารละลาย สีฟ้าจางลง Zn(s) + Cu2+(aq) Zn2+(aq) + Cu(s) Zn เปน็ ตวั รีดิวส์ เกิด Cu2+ตัวออกซิไดส์ ปฎิกริ ิยาออกซิเดช่ัน เกิดปฎิกิริยารดี ักช่ัน 5
เซลล์กัลวานิก (Galvanic cell) • ทําโดยแยกตัวออกซไิ ดส์และตวั รดี ิวสอ์ อกจากกนั แลว้ ใช้ตัวกลางทีน่ ํา ไฟฟา้ ชว่ ยในการถ่ายโอน e • เม่ือปฏกิ ริ ิยาเกิดสมาํ่ เสมอก็จะมีการไหลของ e- เกดิ กระแสไฟฟา้ ข้ึน 6
7
นยิ ามในเรื่องของเซลล์กลั วานิก 8 • แอโนดคอื ขั้วทเ่ี กดิ ปฏิกริ ยิ าออกซเิ ดชัน่ • แคโทด คอื ขัว้ ทเ่ี กดิ ปฎิกิรยิ ารดี ักช่ัน • กระแสไฟฟ้า(e)ไหลจากขวั้ แอโนด(Zn)ไปแคโทด(Cu) • ข้ัวสงั กะสี คือ แอโนด (anode = oxidation) Zn(s) Zn2+(aq) + 2e- • ขัว้ ทองแดง คอื แคโทด (cathod = reduction) Cu2+(aq) + 2e- Cu(s) • ปฎิกริ ิยารีดอกซ:์ Cu2+(aq) +Zn(s)Cu(s)+Zn2+(aq)
• สะพานเกลอื (salt bridge) : เป็นตัวกลางทน่ี าํ ไฟฟ้า ทําให้ วงจรไฟฟา้ สมบูรณ์ ให้ไอออนสามารถเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางดา้ น หนึง่ ไปยังอกี ด้านหน่ึงได้ • เป็นทอ่ รปู ตวั ย(ู U)กลับหัว ภายในบรรจุสารละลายอเิ ล็กโทรไลตท์ ่ี ไมท่ ําปฏิกิรยิ ากบั ไอออนอน่ื ในสารละลาย เช่น KCl , KNO3หรอื NH4NO3 9
ความตา่ งศักย์ของเซลล์ ความตา่ งศกั ยข์ องเซลล์ คือ ความแตกต่างของศักยไ์ ฟฟ้า ระหว่างแอโนด กบั แคโทด วดั ดว้ ยโวลท์มิเตอร์ อาจแทนด้วยคําวา่ แรงเคลอ่ื นไฟฟา้ หรือ emf(E) และศกั ย์ ของเซลล์ ความตา่ งศกั ยข์ องเซลล์ ข้นึ กับ ธรรมชาตขิ องอิเลก็ โทรด และ ไอออน , ความเขม้ ขน้ ของไอออน และอุณหภูมิทเ่ี ซลล์ทาํ งาน 10
การเขยี นแผนภาพเซลล์หรือเซลล์ไดอะแกรม ของเซลลก์ ัลวานิก เส้นเดยี วแทนขอบเขตวฎั ภาค Zn(s) Zn2+(1M) Cu2+(1M) Cu(s) เขยี นแอโนด เส้นตงั้ ฉากคู่ เขยี นแคโทด ทางซา้ ยของเส้นคู่ แทนสะพานเกลอื ทางขวาของเส้นคู่ 11
ศกั ยไ์ ฟฟ้ารีดักชน่ั มาตรฐาน(Eo) • ภายใต้สภาวะมาตรฐาน(ความเขม้ ข้น สารละลาย 1 M, P=1 atm, T= 25oC) • ศักยไ์ ฟฟา้ สําหรับปฏิกริ ยิ ารดี ักชั่นของ H+ มคี า่ = 0 ดงั น้ี 2H+(1M)+2e-H2(1atm) Eo=0 V • Eo= ศกั ยไ์ ฟฟา้ รดี กั ชั่นมาตรฐาน ข้ัวไฮโดรเจนมาตรฐาน (standard hydrogen electrode : SHE 12
SHE ใช้วัดศักย์ไฟฟ้าของอิเล็กโทรดอน่ื ๆได้ เชน่ Zn(s) / Zn2+(1M) // H+(1M) /H2(1atm) / Pt(s) anode: Zn(s) Zn2+(aq)+2e- cathode: 2H+(1M)+ 2e- H2(1atm) Redox: Zn(s)+ 2H+(1M) Zn2+(aq)+ H2(1atm) E0cell =E0cathode – E0anode E0cell = E0H+/H2 – E0Zn2+/Zn 0.76 V = 0 - E0Zn2+/Zn , E0Zn2+/Zn = -0.76 V Note: Pt(s) ทาํ หนา้ ท่ีเป็นพน้ื ผวิ ให้เกิดปฏิกริ ยิ ารดี ักช่นั 13
SHE ใช้วัดศกั ย์ไฟฟา้ ของอิเลก็ โทรดอน่ื ๆได้ Pt(s) / H2(1atm) / H+(1M)// Cu2+(1M) / Cu(s) anode: H2(1atm) 2H+(1M)+ 2e- cathode: Cu2+(aq)+2e- Cu(s) Redox: H2(1atm) +Cu2+(1M) 2H+(1M) +Cu(s) E0cell = E0cathode – E0anode E0cell = E0Cu2+/Cu – E0H+/H2 0.34 V = E0Cu2+/Cu - 0 , E0Cu2+/Cu = 0.34 V 14
ค่า E0 ของ Zn และ Cu เอามาหา emf ของเซลล์ได้ Zn(s) /Zn2+(1M) // Cu2+(1M) /Cu(s) anode: Zn(s) Zn2+(1M)+2e- cathode: Cu2+(1M)+2e- Cu(s) Redox: Zn(s) +Cu2+(1M) Zn2+(1M) +Cu(s) คา่ emf ของเซลลเ์ ทา่ กับ E0cell = E0cathode – E0anode E0cell = E0Cu2+/Cu– E0Zn2+/Zn = 0.34 – (-0.76) = 1.10 V 15
ตาราง ศกั ย์ไฟฟา้ รีดักช่นั มาตรฐานท่ี 25oC 16
ตาราง ศกั ย์ไฟฟา้ รีดักช่นั มาตรฐานท่ี 25oC 17
ตาราง ศกั ย์ไฟฟา้ รีดักช่นั มาตรฐานท่ี 25oC 18
สรปุ ข้อมูลจากตารางศักย์ไฟฟ้ารีดักช่ันมาตรฐาน ค่า E0 เปน็ ค่าของปฏิกริ ิยาไปข้างหนา้ (รดี กั ช่ัน) ค่า E0 เป็น + มาก แสดงว่า สามารถรับ e-งา่ ย (คเปา่ ็นEต0ัวเปอน็อก-ซมิไดากส์แแรสงด)งเวช่า่นสาFม2 ารถรับ e-ยาก(ให้ e-งา่ ย) (เป็นตวั รีดวิ สแ์ รง) เช่น Li+ ถา้ เขียนสมการกลับข้าง คา่ E0 เปลีย่ นเคร่ืองหมายเป็นตรงกนั ข้าม เช่น Li+ + e- Li(s) E0 = -3.05 เขียนกลับสมการ Li(s) Li+ + e- E0 = +3.05 การคูณสมการไม่มผี ลต่อคา่ E0 Li+ + e- Li(s) E0 = -3.05 2Li+ + 2e- 2Li(s) E0 = -3.05 19
สรุปข้อมูลจากตารางศักย์ไฟฟา้ รีดักชนั่ มาตรฐาน • ครึง่ ปฏกิ ริ ิยานี้ ผนั กลับได้ (เป็นไดท้ ง้ั แอโนดและแคโทด) ขนึ้ กบั ว่าไป จบั คกู่ ับอะไร ถ้าอย่บู รรทัดบน(มากกวา่ ) จะเปน็ แคโทด(รบั e-) อยู่ บรรทดั ลา่ ง(นอ้ ยกว่า)เปน็ แอโนด(ให้ e-) เรยี กว่า กฎทแยงมุม Cu2+ (1M) + 2e- Cu(s) Zn2+ (1M) + 2e- Zn(s) E0 = 0.34 E0 = -0.76 ปฏกิ ริ ิยาท่เี กดิ คอื Zn(s) Zn2+ + 2e- E0 = -0.76 Cu2++ 2e- Cu(s) E0 = 0.34 Cu2+ + Zn(s) Cu(s) + Zn2+ E0cell=0.34-(-0.76)=1.1V 20
Ex. จงทํานายการเกิดปฏิกิริยา เมอ่ื เตมิ Br2 ลงใน สารละลายทมี่ ี NaCl และ NaI • ใน สลล. มี Br2 , Na+, Cl- , I- • ดูตาราง 21.1 เรียงคา่ E0 • Cl2(g)+2e- 2Cl- E0 = +1.36 E0cell=+1.07-(+0.53) • Br2(l)+2e- 2Br- E0 = +1.07 =+0.54 • I2(s) + 2e- 2I- E0 = +0.53 • Na+ + e- Na(s) E0 = -2.71 • สรุป anode 2I- I2(s) + 2e- cathode: Br2(l)+2e- 2Br- Redox: 2I-(1M) +Br2(l) I2(s) + 2Br- (1M) 21
แบบฝกึ หดั Sn สามารถรีดวิ ส์ Zn2+ ภายใตส้ ภาวะ มาตรฐานไดห้ รือไม่ ดตู าราง 21.1 เรยี งคา่ E0 Sn2+(aq) + 2e- Sn(s) E0= -0.14 Zn2+(aq) + 2e- Zn(s) E0= -0.76 ตามกฎทแยงมุม Sn ไม่สามารถรีดิวส์ Zn2+ ได้ หรือดวู ่า Zn2+ มีคา่ E0= -0.76 นอ้ ยกว่า Sn2+ ทําให้ไมส่ ามรถ ชงิ e- จาก Sn ได้ จงึ ไมเ่ กิดปฏิกิริยา 22
แบบฝกึ หดั 21.3 จงคาํ นวณค่า emf ของเซลลก์ ัลวานิกที่ ประกอบด้วยแคดเมยี มอิเล็กโทรดใน สลล. Cd(NO3)2 1M และโครม เมียมอิเล็กโทรด ใน สลล. Cr(NO3)3 1M ท่ี 25oC • มี Cd กบั Cr ดูตาราง 21.2 เรียงคา่ E0 ด้วย • Cd2+ + 2e- Cd(s) E0 = -0.40 • Cr3+ + 3e- Cr(s) E0 = -0.74 • ใช้กฎทแยงมุม หรือ ดูวา่ Cd2+ ชงิ e- ได้ดกี ว่า Cr3+ ดงั นน้ั Cd เปน็ แคโทด(รดี กั ชน่ั ) Cr เปน็ แอโนด(ออกซิเดชนั่ ) • emf = E0cat – E0an = -0.40-(-0.74) =-0.40+0.74= 0.34 V 23
ผลของความเข้มขน้ ตอ่ ค่า emf ของเซลล์ การหาค่า EM0cเeรllาใจนะกใชรณ้สมีไมก่ใาชรส่เนภินาสวทะม(์ NาตeรrnฐsาtนEเqชu่นaคtiวoาnม) ใน เขม้ ข้นไมใ่ ช่ 1 การคาํ นวณ คา่ E เปน็ + จงึ เกิดปฏกิ ริ ยิ า ถ้าเปน็ – แสดงว่าไม่เกิด (หรือเกิดในทศิ ตรงข้าม) E = E0cell– 0.0257V ln Q ที่ 25oC n หรือ E = E0cell– 0.0592V log Q n ที่ 25oC n = จํานวน e- ท่ถี ่ายเทในปฏิกริ ยิ ารวมของเซลล์ Q = ผลหารปฏิกิรยิ า(จากเรอื่ งสมดลุ เคมี) E0cell = E0 Cathode - E0 Anode 24
ทบทวนเรอ่ื งคา่ ผลหารปฏิกิริยา(Q)ในเรือ่ งสมดลุ เคมี จากสมการ aA + bB cC + dD จะไดว้ า่ ความเขม้ ข้น สารละลายใช้ หนว่ ย โมล/ลิตร(M/l) Q = [C]c.[D]d [A]a.[B]b แก๊สใชค้ วามดนั ยอ่ ย(atm) 25
ตย. Zn(s)+Cu2+(aq) Zn2+(aq)+Cu(s) Cu2++ 2e- Cu(s) E0 = 0.34 Zn2++ 2e- Zn(s) E0 = -0.76 E0cell = E0cat – E0an = 0.34-(-0.76) = 1.10 V เขียนสมการเนนิ สท์ ดังนี้ E = 1.10V– 0.0257V ln [Zn2+] 2 [Cu2+] เอาคา่ ความเข้มข้น(โมล/ลิตร หรือ atm มาใส่แล้วคาํ นวณ) 26
Ex จงทํานายปฏิกริ ิยานวี้ า่ เกดิ ได้เองหรือไมท่ ี่ 298 K Co(s)+Fe2+(aq) Co2+(aq)+Fe(s) กําหนดให้ [Co2+]=0.15M , [Fe2+]=0.68M • Anode: Co(s) Co2+(aq)+2e- E0= -0.28 • Cathode: Fe2+(aq)+2e- Fe(s) E0= -0.44 • E0cell = (-0.44)-(-0.28) = -0.16 V • แทนค่าสมการเนนิ สท์ E =-0.16V– 0.0n257V ln [[CFoe22++]] 27 E =-0.16V– 0.02257V ln [[00..1658]] = -0.14V
แบบฝกึ หัด 21.6 จงทํานายปฏกิ ริ ิยานว้ี ่าเกิดไดเ้ องหรือไม่ท่ี 25oC Cd(s)+Fe2+(aq) Cd2+(aq)+Fe(s) กาํ หนดให้ [Fe2+]=0.60M, [Cd2+]=0.010M • Anode: Cd(s) Cd2+(aq)+2e- E0= -0.40 • Cathode: Fe2+(aq)+2e- Fe(s) E0= -0.44 • E0cell = -0.44-(-0.40) = -0.04 V • แทนคา่ สมการเนนิ สท์ E =-0.04V– 0.0257V ln [Cd2+] n [Fe2+] E =-0.04V– 0.0257V ln [[00..0610]] = +0.0126V 2 28
แบบฝึกหดั จงคํานวณค่า emf ของเซลกัลป์วานิก ทีป่ ระกอบ ดว้ ยครงึ่ เซลล์ Cd2+/Cd และPt/H+/H2 เมอื่ [Cd2+]=0.2M,[H+]=0.16M,PH2=0.8 atm • Anode: Cd(s) Cd2+(aq)+2e- E0= -0.40 • RCeadthooxd: eC:d2(sH)++(2aHq)+(+a2qe)- CdH2+2((agq) )+HEE200(c=ge)ll0=0-(-0.4)=0.4V • แทนคา่ สมการเนินสท์ • E =0.4V– 0.0257V ln[Cd[H2++]][2H2] n E =0.4V– 0.02257V ln [0.2][0.8] = +0.376V [0.16]2 29
เซลลค์ วามเข้มขน้ จะใชส้ ารชนดิ เดียวกัน/ไอออนเดียวกันมาทาํ เซลลก์ ลั วานกิ เพอ่ื ให้กระแสไฟฟา้ กไ็ ด้ แต่ตอ้ งให้ความเข้มขน้ ไอออนต่างกัน จงึ จะมคี วามต่าง ศักยไ์ ฟฟา้ เกดิ ขึ้นได้ เซลล์ชนิดนเี้ รียกวา่ “เซลลค์ วามเข้มขน้ ” เช่น Zn(s)/Zn2+(0.1M)//Zn2+(1M)/Zn(s) 30
Zn(s)/Zn2+(0.1M)//Zn2+(1M)/Zn(s) Anode: Zn(s) Zn2+(0.1M) + 2e- Cathode: Zn2+(1M)+2e- Zn(s) Redox: Zn2+(1M) Zn2+(0.1M) ค่า emf ของ cell เทา่ กับ E =E0cell– 0.0257V ln [[ZZnn22++]]cdoilnc n E = 0 – 0.0257V ln [0.1] = +0.0296V 2 [1] 31
เซลลช์ วี ภาพ คอื เซลล์ความเข้มขน้ นัน่ เอง • ศกั ยไ์ ฟฟ้าของ mambrane คือ ศกั ยไ์ ฟฟา้ ท่เี กิดขน้ึ ท้งั 2 ด้าน ของเมมเบรนชนิดตา่ งๆของเซลล์ • ศักย์ของเซลล์ทาํ ให้เกดิ การแพร่ขยายของสัญญาณประสาทและ การเตน้ ของหัวใจ 32
เหตผุ ลท่ขี าดสมดลุ เกลือแร่แล้วเสียชวี ติ ได้ • เกลอื แร่ เป็นสิง่ จําเป็นตอ่ รา่ งกายมาก ทสี่ ําคัญก็มี โซเดียม โปตสั เซียม และแคลเซีย่ ม การทํางานของกล้ามเนื้อทุกสว่ น จะตอ้ งมี กระบวนการแลกเปลี่ยนสารเหลา่ น้ี เขา้ ๆออกๆเซลลต์ ่างๆของ ร่างกายรวมทงั้ เซลล์กล้ามเน้อื หวั ใจ • แคลเซยี่ มก็สําคญั มาก ขาดนดิ ขาดหน่อย หัวใจจะเต้นไมป่ กติ แตโ่ ชค ดีที่ร่างกายมีแคลเซ่ยี มสะสมอย่มู ากในกระดกู พอจะหมุนเวยี นมา สนบั สนุนได้ ข้อมลู จาก tosapol http://www.afaps.ac.th/forum/index.php?topic=7.60 33
เหตผุ ลท่ีขาดสมดุลเกลอื แรแ่ ล้วเสียชวี ติ ได้ โซเดยี ม ก็สาํ คญั แต่มีปริมาณในเลือดสงู กว่าโปตสั เซยี ม ขาดไปบา้ ง กย็ ังพอมีเวลาปรับตัวไหว เช่นมี ๑๔๐ ขาดไป ๑๐ ก็ยังเหลอื ๑๓๐ คดิ เป็นเปอรเ์ ซนตก์ ไ็ มม่ ากนัก แตโ่ ปตัสเซยี ม มีแค่ระดับหลักหน่วย สมมตุ วิ ่ามี ๔ ถ้าขาดไป ๑ เหลือ ๓ เท่ากบั วา่ ขาดไปถึง ๒๕ เปอร์เซน็ ต์ การขาดโปตัสเซยี มทําให้หัวใจเตน้ ผดิ จังหวะและหยดุ เตน้ ได้ การออกกําลังกายหนัก มเี หง่ือออกมาก จะเสียโซเดยี มไดม้ าก การอาเจยี นมากๆ อาจจะเสยี โปตสั เซยี มได้จนถึงระดับทอี่ าจเกดิ อนั ตรายได้ http://www.afaps.ac.th/forum/index.php?topic=7.60 34
แหลง่ อาหารโปแตสเซียม กระจายอย่ใู นอาหารทว่ั ไปตามธรรมชาติทั้งในพืช สตั ว์ เชน่ ใน ถวั่ ธญั พืช ผกั ใบเขียว เนือ้ สตั วต์ า่ งๆ ผลไมต้ า่ งๆ เชน่ ส้ม กลว้ ย ลกู พรุน โปแตสเซยี มทอี่ ย่ใู นอาหารจะอยใู่ นรูปเกลือหรอื สารประกอบที่ ละลายนาํ้ ได้ดี 35
หลกั การดม่ื น้ํา ข้อมลู วิจัยพบว่า หลงั ออกกาํ ลงั กายแลว้ ใหด้ ่ืมน้ํา พบว่า แตล่ ะคนดม่ื น้าํ ไป ประมาณ สามในสี่สว่ น ของปรมิ าณนํา้ (เหง่ือ)ทเ่ี สยี ไปเทา่ นน้ั ก็จะพงึ พอใจ รู้สกึ สดช่ืน หายกระหายนํ้า ดังนั้น เมอ่ื เล่นกฬี า หรือ ออกกําลังกายใดๆแล้ว หากเราด่มื นํา้ ไป สามแก้ว แล้วรูส้ ึกว่าสดช่ืน พอเพยี ง หายกระหายแล้ว แสดงวา่ รา่ งกายเรายังขาดนํา้ อกี ประมาณหน่ึงแกว้ ใหด้ ื่มเพ่มิ ไปอีก 1 แก้ว ให้เพยี งพอกบั ความตอ้ งการ 36
เราต้องทดแทนเกลอื แร่มากน้อยแคไ่ หน โดยทั่วไป คนปกติ ท่ีแข็งแรงดี มักจะมีปริมาณเกลอื แรท่ จี่ ําเป็น สํารองอยู่ในระบบตา่ งๆของรา่ งกายอยา่ งพอเพยี ง โดยไม่ตอ้ งทดแทน เพิม่ เติมเปน็ พิเศษใดๆ หากออกกาํ ลงั กายหนักปานกลาง เปน็ เวลา ประมาณ ๔๕ นาที ถงึ ๑ ชม. หรือเตม็ ท่กี ็ หน่ึงช่วั โมงครง่ึ ซ่ึงเปน็ เกณฑ์ทคี่ นท่ัวๆไปเล่นกีฬา หรือออกกําลงั กายเพ่ือสขุ ภาพกนั โดยทว่ั ไป แตใ่ นการเล่นกฬี าหนกั ๆเพอ่ื การแข่งขัน หรือการฝกึ ต่างๆ ในระบบ ของทหาร-ตาํ รวจ จะมคี วามหนัก ความนาน มากกวา่ ที่กลา่ วไวแ้ ล้ว มกั จะมีการเสยี เหงอ่ื (ซง่ึ กค็ ือเสยี น้ําและเกลอื แร)่ มากจนถึงจุดที่ จําเปน็ จะตอ้ งได้รบั ทดแทน มคี ําแนะนําโดยรวมว่า ถา้ ออกกําลังกายหนักๆ ต่อเน่ือง มากกวา่ ๑ ชม.(เหงอ่ื ท่วมตัว) ควรตอ้ งดม่ื เครอ่ื งดื่มเกลือแรท่ ดแทน ในปรมิ าณ และความเข้มขน้ ท่เี หมาะสม 37
แบตเตอรี่ แบตเตอรี่ เปน็ เซลลก์ ลั ป์วานกิ หรอื อนุกรมของเซลลก์ ัลปว์ านิก ที่ตอ่ กันแล้วสามารถใชเ้ ป็นแหล่งไฟฟ้าได้ 38
แบตเตอรี่ชนดิ เซลลแ์ หง้ (dry cell battery) คือ เซลลเ์ ลดลงั เช่ ใชใ้ นกระบอกไฟฉาย,วิทยุ แอโนด คือ กระบอกสังกะสี ทส่ี ัมผสั อยูก่ บั MnO2 และ อเิ ลก็ โทรไลต์ (NH4Cl,ZnCl2ในน้ํา) มีศกั ยไ์ ฟฟ้าประมาณ 1.5 V 39
แบตเตอร่ีปรอท ใชม้ ากในอุตสาหกรรมการแพทย์และ อิเลก็ ทรอนิกส์ ราคาสูงกว่าเซลล์แห้ง บรรจใุ นกระบอกเหล็กกลา้ ไร้สนิม Zn(Hg)+HgO(s)ZnO(s)+Hg(l) ให้ศักยไ์ ฟฟา้ 1.35V คงที่กว่า อายยุ าวกว่า ใช้ใน นาฬิกา เครื่องชว่ ยฟังฯลฯ 40
แบตเตอรีต่ ะกวั่ มี 6 เซลล์ ให้กระแสไฟฟา้ เซลล์ละ 2 V รวม 12V สามารถชาร์จใหม่ได้ เกิดปฏิกิรยิ ายอ้ นกลบั ได้ Anode: Pb(s)+SO42-(aq) PbSO4(s)+2e- 41 Cat: PbO2(s)+4H+(aq)+SO42-(aq)+2e-PbSO4(s)+2H2O(l) Redox: Pb(s)+PbO2(s)+4H+(aq)+2SO42-(aq) PbSO4(s)+2H2O(l)
ข้อควรทราบเกย่ี วกับแบตเตอร่ี ปฏกิ ริ ิยาเคมไี ฟฟา้ ในแบตเตอรี่ ใช้กรดซัลฟุรกิ ดังนน้ั ระดบั การ ปลอ่ ยประจไุ ฟฟา้ ของแบตเตอร่ี สามารถตรวจสอบได้โดยการวัด คา่ ความหนาแนน่ ของอเิ ล็กโทรไลต์(กรดซัลฟุริก) ด้วย ไฮโดรมิเตอร์ ควรมีค่าเทากบั หรอื มากกว่า 1.2 g/mg ในพ้นื ที่อากาศหนาวเยน็ จะสตารท์ รถติดยาก เนอ่ื งจาก ความ หนืดของอิเล็กโทรไลทเ์ พิ่มข้ึน ไอออนเคลอ่ื นท่ีไดช้ ้ามาก ทาํ ให้ กาํ ลังไฟฟา้ ของแบตเตอร่ีลดลง 42
แบตเตอร่ลี ิเทียมไอออน ใช้ Li ซ่งึ ให้ e-งา่ ยท่สี ุด นน.เบาทส่ี ดุ Recharge ใหม่ได้ หลายร้อยคร้งั ใชก้ บั Notebook,มือถอื ,กล้องดจิ ทิ ลั Anode: Li(s)Li+ + e- Cathode:Li++CoO2 +e- LiCoO2(s) Redox: Li(s)+CoO2 LiCoO2(s) 43
เซลลเ์ ช้ือเพลิง (fuel cell) เป็นเซลลก์ ัลวานกิ ทีต่ ้องป้อน สารตั้งตน้ อยา่ งต่อเนอ่ื งให้ สามารถทาํ งานได้ เช่น เชือ้ เพลงิ H2-O2ใช้งานใน ยานอวกาศ ได้น้ํามาใหน้ กั บิน อวกาศบรโิ ภค Anode: 2H2(g) + 4OH-(aq) 4H2O(l) + 4e- 44 Cathode: O2(g) + 2H2O(l) +4e- 4OH-(aq) Redox: 2H2(g)+O2(g) 2H2O(l)
การกดั กรอ่ น(Corrosion) เปน็ การเสอื่ มสภาพของโลหะโดยกระบวนการเคมีไฟฟ้า การเกิดสนิม กอ่ ให้เกิดการสูญเสีย งป.ทร.ในการซ่อมบํารงุ เรือรบ เป็นวงเงินจํานวนมาก 45
H+มาจาก CO2 กบั น้ํา เกดิ เปน็ กรด H2CO3 Anode: Fe(s) Fe2+(aq)+2e- E0= -0.44V Cathode: O2(g)+4H+(aq)+4e-2H2O(l) E0= 1.23V Redox: 2Fe(s)+O2(g)+4H+(aq) 2Fe2+(aq)+ 2H2O(l) E0cell=1.23-(-0.44) = 1.67V 46
Fe2+ ถกู ออกซไิ ดสต์ ่อด้วย O2 เป็น Fe2O3.xH2O 4Fe2+(aq)+O2(g)+(4+2x)H2O(l) 2Fe2O3.xH2O(s)+8H+(aq) Fe2O3.xH2O คือ สนิมเหล็ก มีความพรนุ ทาํ ใหน้ ํ้าและออกซิเจนเขา้ ทําปฏิกิรยิ าตอ่ ได้ ดังนัน้ เมอ่ื เกิดสนิมแล้ว จะผุกรอ่ นตอ่ อย่างรวดเร็ว 47
สนมิ ของอะลมู ิเนยี ม(ออกไซด์ของอะลูมเิ นียม) Al เกดิ ออกไซด์ไดง้ า่ ยกวา่ เหล็ก(เสยี e- ง่ายกวา่ ) แตล่ ักษณะออกไซด์ (Al2O3) ไม่ละลายนาํ้ จึง ทาํ หนา้ ท่ี ป้องกันผิวอะลูมเิ นยี มทีอ่ ยู่ด้านล่าง 48
ทองแดงและเงนิ กเ็ กดิ การกัดกร่อนได้แตช่ า้ กว่าเหล็ก Cu เกดิ เปน็ CuCO3 (สารสเี ขียว-แพทินา) ป้องกันผิวทองแดง Ag เกดิ Ag2S ป้องกนั ผวิ เงนิ เช่นกัน 49
การป้องกันการผุกร่อนของโลหะ ใชส้ เี คลอื บผวิ การซ่อมทําสตี ัวเรือใตแ้ นวนาํ้ การซ่อมทาํ สีตัวเรือเหนอื แนวนาํ้ 50
Search