การสร้างเสริมสุขภาพและการปอ้ งกันปญั หาสขุ ภาพในโรงเรียน อาจารย์วิกานดา หมัดอะด้มั
วัตถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้1. บอกแนวคิดและหลกั การใหบ้ ริการอนามยั โรงเรียนไดถ้ ูกตอ้ ง2. อธิบายบทบาทหนา้ ท่ีของพยาบาลในงานอนามยั โรงเรียนไดถ้ ูกตอ้ ง3. วางแผนการใหก้ ารใหบ้ ริการในสถานการณ์ต่างๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง4. บอกองคป์ ระกอบของโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพได้
เนื้อหา 1. แนวคิดและหลกั การใหบ้ ริการอนามยั โรงเรียน 2. บทบาทหนา้ ที่ของพยาบาล 3. การใหบ้ ริการในสถานการณ์ต่างๆ 4. โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ 5. การใหบ้ ริการบุคคลท่ีมีความตอ้ งการพเิ ศษในโรงเรียน
แนวคดิงานอนามัยโรงเรียน หมายถึง การดาเนินกิจกรรมท่ีก่อใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจ ป้องกนั รักษา การส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรทุกคนท่ีอาศยั อยใู่ นโรงเรียน เพอ่ื ใหก้ ลุ่มคนเหล่าน้ีมีสุขภาพดี โดยการมีส่วนร่วมของโรงเรียนบา้ นและชุมชน ครอบคลุมกิจกรรมดา้ นการจดั ส่ิงแวดลอ้ ม การบริการสุขภาพและการสอนสุขศึกษา
ความสาคญั ของงานอนามยั โรงเรียน
ความสาคญั ของงานอนามัยโรงเรียน 2.1 สถานศึกษาเป็นสังคมใหม่ของนกั เรียนท่ีมาจากสถานที่ที่หลากหลาย 2.2 วยั เรียนเป็นวยั ท่ีมีการเปล่ียนแปลง 2.3 สิทธิในการไดร้ ับการบริการดา้ นสุขภาพที่เท่าเทียมกนั 2.4 ส่งเสริมความรู้ดา้ นสุขภาพ สามารถนาไปปฏิบตั ิไดถ้ ูกตอ้ งเป็นแบบอยา่ งที่ดีกบั ครอบครัว และบุคคลใกลช้ ิด 2.5 ส่งเสริมป้องกนั และไดร้ ับการดูแลเม่ือเจบ็ ป่ วย 2.6 ส่งเสริมความร่วมมือระหวา่ งโรงเรียน บา้ นและชุมชน
หลกั การให้บริการอนามยั โรงเรียน3.1 การบริการดา้ นสุขภาพ (School health service)3.2 การใหบ้ ริการดา้ นการศึกษาหรือสุขศึกษา (School healtheducation)3.3 การจดั ส่ิงแวดลอ้ มในโรงเรียนท่ีถูกสุขลกั ษณะ (School healthenvironment)3.4 การสร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งโรงเรียน บา้ น และชุมชน(School family and community)
บทบาทหน้าทข่ี องพยาบาล ในงานอนามัยโรงเรียน
การสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกนั โรค
การรักษาพยาบาลเบือ้ งต้น• ใหก้ ารรักษาพยาบาลเบ้ืองตน้• ส่งต่อการรักษา• ติดตามเยยี่ มเดก็ ป่ วยท้งั ในขณะท่ีอยโู่ รงพยาบาลและเมื่อกลบั บา้ น
การฟื้ นฟูสภาพนักเรียน• ติดตามใหก้ ารช่วยเหลือและแนะนาเดก็ ท่ีอยใู่ นระยะพกั ฟ้ื นจาก การเจบ็ ป่ วย• สอนการดูแลตนเองในระยะพกั ฟ้ื นแก่เดก็ และผปู้ กครอง• ฟ้ื นฟสู ภาพนกั เรียนที่มีความพกิ ารจากการเจบ็ ป่ วย
การให้บริการในสถานการณ์ต่างๆ
การบริการด้านสุขภาพ (School health service) 1. การตรวจสุขภาพ (Health appraisal) 2. การชงั่ น้าหนกั และวดั ส่วนสูง 3. การวดั สายตา (Eyesight test) 4. การทดสอบการไดย้ นิ (Hearing test) 5. การตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน
1. การตรวจสุขภาพ (Health appraisal)• สารวจความผดิ ปกติทางดา้ นสุขภาพอนามยั ในระยะเร่ิมแรก• สามารถใหก้ ารดูแลและแกไ้ ขไดง้ ่าย ป้องกนั การดาเนินของโรคหรือ ความพกิ าร• ป้องกนั โรคติดต่อไม่ใหแ้ พร่ระบาด• กระตุน้ ใหน้ กั เรียนสนใจในการปรับปรุงหรือส่งเสริมสุขภาพของตนเอง ดว้ ย
การตรวจสุขภาพจาแนกตามผู้ตรวจได้ดังนี้• การตรวจสุขภาพโดยแพทย์ (Medical examination)• การตรวจสุขภาพช่องปากโดยทนั ตแพทย์• การตรวจสุขภาพโดยครู• การตรวจสุขภาพโดยพยาบาลหรือเจ้าหน้าทสี่ าธารณสุขทม่ี ใิ ช่แพทย์
สถานทสี่ าหรับตรวจ 1. ควรเลือกหอ้ งสาหรับตรวจท่ี คอ่ นขา้ งมิดชิด เงียบ และไม่มี นกั เรียนเขา้ ออกพลุกพล่าน2. หอ้ งควรมีแสงสวา่ งเพยี งพอโดยใหแ้ สงสวา่ งเขา้ ดา้ นหลงัผตู้ รวจ3. ควรมีอา่ งลา้ งมือในหอ้ งตรวจ
สถานทตี่ รวจห้องเรียน ห้องพยาบาล
วธิ ีการตรวจร่างกาย
ภาพทา่ ท่ี 1 ท่าที่ 1 ยนื่ มือไปขา้ งหนา้ ใหส้ ุด แขนท้งั สองขา้ ง คว่ามือกางนิ้ว ทุกนิ้ว
ภาพทา่ ท่ี 2 ท่าท่ี 2 เป็ นท่าต่อเนื่องจากท่าท่ี 1 คือ พลิกมือ หงายมือ
สิ่งผดิ ปกตทิ ่ีควรสังเกต (ท่าท่ี 1 และ 2 ) -เลบ็ ยาว สกปรก ลกั ษณะผดิ ปกติ สีซีด -ผวิ หนงั บวม เป็นแผล -มีเมด็ ตุ่มเลก็ ๆ มีน้าใสๆ ตามง่ามมือ -ตุ่มสากบริเวณดา้ นนอกวงแขน
ภาพทา่ ท่ี 3 ท่าท่ี 3 งอแขนพบั ขอ้ ศอก ใชน้ ิ้วแตะเปลือกตาดา้ นล่าง เบา ๆ ดึงเปลือกตาดา้ นล่าง พร้อมกบั เหลือกตาข้ึนและ ลง แลว้ จึงกรอกตาไป ดา้ นขวาและซา้ ย
ส่ิงผดิ ปกติทค่ี วรสังเกต -ดวงตาแดง มีข้ีตา คนั ตา -เปลือกตาบวมเจบ็ หรือเป็นตุ่มหนองที่เปลือกตา -ขอบตาล่างแดงมาก อกั เสบเป็นเมด็ -ผวิ หนงั บริเวณขอ้ ศอกเป็นผื่น เมด็หรือเป็นตุ่ม รอยแผลต่างๆ
ภาพท่าท่ี 4 ท่าที่ 4 ใชม้ ือท้งั สองขา้ ง ดึงคอ เส้ือออกใหก้ วา้ ง ภายหลงั ท่ีปลด กระดุมหนา้ อกเส้ือ แลว้ หมุนตวั ซา้ ยและขวาเลก็ นอ้ ยเพ่ือจะได้ เห็นรอบ ๆ บริเวณคอ ท้งั ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั
ส่ิงผดิ ปกติทคี่ วรสังเกต ภาพเมด็ ผ่ืน ขีไ้ คล ท่ีคอ -ดูความผิดปกติของกระดูกหนา้ อกการเคล่ือนไหวของหนา้ อก -เมด็ ผนื่ บริเวณผวิ หนงั ใตค้ อ -ผวิ หนงั สกปรก มีข้ีไคล ผนื่ ตุ่มเมด็กลาก เกล้ือน -ต่อมน้าเหลืองที่คอและต่อมไทรอยดโ์ ต
ภาพทา่ ท่ี 5 ท่าที่ 5 นร.ชาย สาหรับนกั เรียนหญิง ใช้ภาพท่าท่ี 5 มือขวาเปิ ดผมไปทดั ไวท้ ่ี นร.หญิง ดา้ นหลงั หูขวา หนั หนา้ ไป ทางซา้ ยส่วนนกั เรียนชายหนั หนา้ ไปทางซา้ ยเท่าน้นั
ภาพทา่ ท่ี 6 ท่าที่ 6 นร.ชาย ในท่าเดียวกนั นกั เรียน ภาพทา่ ท่ี 6 หญิง ใชม้ ือซา้ ยเปิ ดผมไปทดั ไว้ นร.หญิง ดา้ นหลงั หูซา้ ย หนั หนา้ ไป ทางขวา ส่วนนกั เรียนชายใหห้ นั หนา้ ไปทางขวาเท่าน้นั
ส่ิงผดิ ปกตทิ ี่ควรสังเกต (ท่าที่ 5 และ 6)-มีไขเ่ หาบริเวณเสน้ ผม -มีน้าหรือน้าหนองไหลออกจากหูดา้ นใดดา้ นหน่ึง-ต่อมน้าเหลืองหลงั หูโต -ความสกปรกและลกั ษณะของ ภาพนา้ /นา้ หนองไหลจากหูผวิ หนงั บริเวณใบหู หลงั หู
ภาพท่าท่ี 7 ท่าท่ี 7 ใหก้ ดั ฟันและยมิ้ กวา้ ง ใหเ้ ห็นเหงือกเหนือฟันบน และ เห็นฟันล่างใหเ้ ตม็ ที่
สิ่งผดิ ปกตทิ ่คี วรสังเกต ภาพเหงือกบวม -เหงือกบวม เป็นหนองหรือสีซีด เป็นหนอง -เป็นแผลท่ีมุมปากแหง้ แตก -ริ มฝี ปากซีดมาก -ฟันผุ มีคราบหินปูนเกาะ -ผวิ หนงั บริเวณแกม้ คาง เป็นผนื่ มีวงด่าง -จมูกมีน้ามูก มีแผล ฝี
ภาพทา่ ท่ี 8 ท่าที่ 8 ใหอ้ า้ ปากกวา้ งแลบลิ้น ยาว พร้อมท้งั ร้อง “อา” ใหศ้ ีรษะ เอนไปขา้ งหลงั เลก็ นอ้ ย และให้ หุบปาก ลองกลืนน้าลาย
ส่ิงผดิ ปกตทิ คี่ วรสังเกต -ลิ้นแตก แดง เจบ็ หรือเป็นฝ้าขาว -ฟันผุ มีหินปูนเกาะ -เพดานปาก ช่องปากมีการอกั เสบ เป็ นแผล -ต่อมทอนซิลและต่อมไทรอยดโ์ ต ภาพตอ่ มทอนซลิ โต
ภาพทา่ ท่ี 9 ท่าที่ 9 สาหรับนกั เรียนหญิง ใหแ้ ยกเทา้ ท้งั สองขา้ งห่างกนั 1 ฟตุ ใชม้ ือท้งั 2 ขา้ งจบั กระโปรงดึงข้ึนเหนือเข่าท้งั สองขา้ ง ส่วนนกั เรียนชายเพยี ง แยกเทา้ ท้งั สองขา้ งใหห้ ่างกนั 1 ฟตุ เช่นกนั
ภาพทา่ ท่ี 10 ท่าท่ี 10 นกั เรียนหญิง ชาย อยู่ ในท่าท่ี 9 ใหก้ ลบั หลงั หนั สงั เกตดา้ นหลงั แลว้ ใหเ้ ดินไป ขา้ งหนา้ ประมาณ 4-5 กา้ ว แลว้ เดินกลบั หนั เขา้ หาผตู้ รวจ
ส่ิงผดิ ปกตทิ ค่ี วรสังเกตท่าท่ี 9-10 ภาพเดก็ ขาโกง -แผลบริเวณเข่า หนา้ แขง้ และน่อง -เป็นตุ่ม แผลพพุ อง -เส้นเลือดขอด -ทรวดทรง รูปร่าง การเดิน -ลกั ษณะของกระดูก ความพกิ าร
การช่ังนา้ หนักและวดั ส่วนสูง
หลกั เกณฑ์การชั่งนา้ หนักและวดั ส่วนสูง 1. ควรตรวจสอบเคร่ืองชง่ั น้าหนกั ใหเ้ ท่ียงตรงเสมอ 2. นาส่ิงของต่างๆ ในกระเป๋ าเส้ือ กระโปรงและกางเกงออกใหห้ มด และถอดรองเทา้ ก่อนชง่ั ทุกคร้ัง 3. ไม่ควรชงั่ น้าหนกั ภายหลงั รับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ หรือกระเพาะปัสสาวะเตม็ 4. ใหน้ กั เรียนยนื ตรงกลางที่ชงั่ วางเทา้ ใหเ้ ตม็ ท่ีท้งั สองเทา้ และอ่านผลโดยมองตรงๆไปที่ตวั เลข 5. ใหน้ กั เรียนถอดรองเทา้ ถุงเทา้ ของประดบั บนศรีษะก่อนวดั ส่วนสูง ยนื ท่าตรงน่องตึง ยดื อก เทา้ ชิด ใหส้ ้นเทา้ ตะโพก ไหล่ส่วนบน และทา้ ยทอยชิดเครื่องวดั เลื่อนไม้วดั ระดบั บนยอดศีรษะ แลว้ อ่านผล ถา้ มีเศษอ่านทศนิยมหน่ึงตาแหน่ง 6. เคร่ืองชง่ั น้าหนกั ควรใชม้ าตราเดียวกนั และใชเ้ ครื่องชง่ั เดียวกนั ทุกคร้ัง
การประเมนิ การเจริญเตบิ โตด้วยนา้ หนักและส่วนสูงมี 3 วธิ ี 1. น้าหนกั ตามเกณฑอ์ ายุ แสดงถึงภาวะพร่องโภชนาการ 2. ส่วนสูงตามเกณฑอ์ ายุ แสดงระดบั การเจริญเติบโตของเดก็ 3. น้าหนกั ตามเกณฑส์ ่วนสูง ใชป้ ระเมินภาวะโภชนาการเกิน (อว้ น)และภาวะผอม
3. การวดั สายตา (Eyesight test)
อปุ กรณ์
การเตรียมสถานที่• สถานที่มีความยาวไม่นอ้ ยกวา่ 6 เมตร• มีพ้ืนที่และแผน่ ฝาที่เรียบทึบ• มีแสงสวา่ งอยา่ งเพียงพอ
การตดิ แผ่นวดั สายตาและเตรียมผู้ทจ่ี ะวดั สายตา• ช้ีแจงนกั เรียนใหเ้ ขา้ ใจวธิ ีและจุดประสงคก์ ารวดั สายตา• ติดแผน่ วดั สายตาที่ฝาผนงั โดยใหต้ วั เลขแถวสุดทา้ ยอยใู่ นระดบั สายตา นกั เรียนโดยเฉล่ีย• วดั ระยะทางจากแผน่ วดั สายตา ใหไ้ ดร้ ะยะ 6 เมตร เขียนเลขกากบั ระยะ และตรงที่ 6 เมตร ทาเครื่องหมายใหน้ กั เรียนยนื ในตาแหน่งท่ีถูกตอ้ ง• อธิบายวธิ ีการอ่านตวั อกั ษรE การใชต้ วั อกั ษรอีบอกทิศทาง ปิ ดตาทีละ ขา้ งและทดลองอ่านเพ่อื ทาความเขา้ ใจ
วธิ ีการวดั สายตา
การบนั ทึกV.A. = ระยะทางท่ีนกั เรียนยนื (ผถู้ กู วดั ) ระยะตวั อกั ษรที่อ่านไดบ้ นแผน่ วดั สายตาเช่น ตาขวา 6/6 ตาซา้ ย 6/9หมายถึง ??????
การแปลผลการวดั สายตา• 6/6 (20/20) แสดงวา่ สายตาปกติ• น้อยกว่า 6/6 เช่น 6/9, 6/12 แสดงวา่ มีสายตาผดิ ปกติ• ผลการวดั สายตา เท่ากบั 6/9 หมายความวา่ ผถู้ ูกวดั อ่านอกั ษรที่คนปกติ อ่านไดใ้ นระยะ 9 เมตร แต่ผถู้ ูกวดั อ่านไดท้ ี่ระยะ 6 เมตร• ผลการวดั สายตาผ่านแว่นรูเข็มแลว้ มองเห็นชัดขึน้ แสดงวา่ ความ บกพร่องในการมองเห็นเกิดจากความผดิ ปกติของสายตาเกี่ยวกบั การหกั เหของแสง คือ ส้นั ยาว เอียง แกไ้ ขโดยการใส่แว่น• ผลการวดั สายตาผ่านแว่นรูเข็มแลว้ มองเห็นแย่ลง แสดงวา่ ผถู้ ูกวดั มี ความผดิ ปกตเิ กยี่ วกบั โรคตา ควรส่งพบจกั ษุแพทย์
การดูแลนักเรียนทม่ี ผี ลการวดั สายตาผดิ ปกติ• ผลการวดั สายตาข้างใดข้างหนึ่งเท่ากบั 6/9 (20/30), 6/12 (20/40) ใหเ้ ฝ้าระวงั โดยการวดั สายตาปี ละคร้ัง และใหน้ งั่ แถวหนา้• ผลการวดั สายตาข้างใดข้างหน่ึงน้อยกว่า 6/12 (20/40) เช่น 6/18 (20/50) ใหส้ ่งพบจกั ษแุ พทย์• ผลการวดั สายตาสองข้างห่างกนั เกนิ 2 แถว เช่น ตาขวา 6/6 (20/20) ตาซา้ ย 6/24 (20/70) ใหส้ ่งพบจกั ษแุ พทยเ์ พอื่ ตดั แวน่
การทดสอบการได้ยนิ (Hearing test)1.) การใชน้ ิ้วหวั แม่มือและนิ้วช้ีถูกนั เบาๆ ห่างจากดา้ นหลงั ของผู้ถกู ตรวจประมาณ 1 นิ้ว ท้งั สองขา้ ง ซ่ึงการถูนิ้วจะเกิดเสียง 20 เดซิเบล ซ่ึงคนปกติจะไดย้ นิ หากไม่ไดย้ นิ เสียงถูนิ้วใหส้ งสัยว่าหูตงึ2.) ใหน้ กั เรียนยนื หนั หลงั ผตู้ รวจและห่างจากผตู้ รวจ 5 ฟตุ ผตู้ รวจเรียกชื่อหรือพดู ใหท้ าตามคาสง่ั ดว้ ยเสียงปกติ ประมาณ 5 คร้ัง ถา้นกั เรียนขานตอบหรือปฏิบตั ิตามคาสงั่ ได้ แสดงวา่ การไดย้ นิ ปกติหากไม่ไดย้ นิ แสดงวา่ นักเรียนหูตงึ
การตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน
วธิ ีการตรวจโรคเหงือกอกั เสบ1.) ให้นักเรียนนง่ั หรือยืนหันหน้าไปหาแสงสว่าง ผตู้ รวจนง่ั หันหนา้ เขา้ หานกั เรียนโดยใหห้ นา้ ของนกั เรียนอยใู่ นระดบั สายตาของผตู้ รวจ2.) แบ่งตาแหน่งเหงือกทต่ี รวจเป็ น 6 ส่วน3.) ตรวจเหงือกทลี ะส่วน
Search