234 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 เอกสารอ้างองิ โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์. (2554). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ(Management Information Systems: MIS). กรุงเทพฯ: ซเี อด็ ยเู คขั่น. สัลยุทธ์ สว่างวรรณ. (2552). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. กรุงเทพฯ:เพียรสัน เอ็ดดูเคช่ัน อินโด ไชน่า. พนิดา พาณิชกุล. (2553). ความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศและการจัดการ. กรุงเทพฯ: เคทีพี คอมพ์ แอนด์ คอนซลั ท.์ ความม่นั คงและปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 235 รายวิชา แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 10 การจดั ระบบสารสนเทศทางการศึกษาด้วยคอมพวิ เตอร์ หัวข้อเนอ้ื หา 1. ความหมายและความสาคญั จรยิ ธรรม 2. จริยธรรมทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. จริยธรรมสาหรบั วชิ าชีพไอทีและผใู้ ช้ไอที 4. กฎหมายที่เกย่ี วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ วตั ถปุ ระสงค์เชิงพฤติกรรม 1. บอกความหมายและความสาคัญจริยธรรมได้ 2. อธิบายจรยิ ธรรมทางเทคโนโลยีสารนเทศได้ 3. อธิบายคุณลกั ษณะของจริยธรรมสาหรับวิชาชพี ไอทแี ละผ้ใู ช้ไอทีได้ 4. บอกกฎหมายท่เี กี่ยวกับเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ วธิ สี อนและกจิ กรรมการเรียนการสอนประจาบท 1. บรรยายเน้ือหาในแต่ละหวั ข้อ พร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ 2. ศึกษาจากเอกสารประกอบการสอน 3. ผู้สอนสรุปเนอ้ื หา และซักถามในชั้นเรียน 4. ทาแบบฝกึ หัดเพอื่ ทบทวนบทเรียน 5. ผู้เรยี นถามข้อสงสัย จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
236 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 สื่อการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาการจัดการสารสนเทศทางการศึกษาด้วยคอมพิวเตอร์ 2. ภาพเลื่อน (Slide) 3. ตัวอย่างจากหนงั สือวิชาการจัดการสารสนเทศทางการศึกษาและเวบ็ ไซต์ที่เกย่ี วข้อง 4. เคร่อื งคอมพิวเตอร์ การวดั ผลและการประเมนิ 1. ประเมนิ จากการซักถามในชัน้ เรยี น 2. ประเมนิ จากการทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบท 3. ประเมินจากความรบั ผิดชอบตอ่ การเรียน จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 237 บทที่ 10 จรยิ ธรรมและกฎหมายที่เกยี่ วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อสังคมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นจริยธรรมท่ี เก่ียวกับระบบสารสนเทศท่ีจาเป็นต้องพิจารณารวมท้ังเร่ืองความปลอดภัยของระบบสารสนเทศการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศหากไม่มีกรอบจริยธรรมกากับไว้แล้ว สังคมย่อมจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาไม่ ส้ินสุด รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ด้วย ดังนั้นหน่วยงานที่ใช้ระบบสารสนเทศจึงจาเป็นต้อง สร้างระบบความปลอดภัยเพ่ือป้องกันปัญหาพร้อมทั้งรู้เก่ียวกับจริยธรรมและกฎหมายเกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยสี ารสนเทศ 1. ความหมายและความสาคญั จริยธรรม คาจากัดความของจริยธรรมมีอยู่มากมาย เช่น “หลักของศีลธรรมในแต่ละวิชาชีพเฉพาะ” “มาตรฐานของการประพฤติปฏิบัติในวิชาชีพที่ได้รับ” “ข้อตกลงกันในหมู่ประชาชนในการกระทาส่ิงที่ ถูกและหลีกเล่ียงการกระทาสง่ิ ท่ีผิด” หรืออาจสรุปได้ว่า จริยธรรม (Ethics) หมายถึง หลักของความถูก และความผดิ ทีบ่ คุ คลใชเ้ ป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิ (Laudon & Laudon, 1999:105) จริยธรรม (Ethic) หมายถึง หลักพื้นฐานในการตัดสินความถูกหรือผิดที่แต่ละบุคคลนามาใช้ อย่างอิสระในการเลือกหนทางปฏิบัติ หรือกาหนดพฤติกรรมของตนเอง เทคโนโลยีข่าวสารระบบ สารสนเทศได้ทาให้เกิดคาถามใหม่ๆ ทางด้านจริยธรรมสาหรับท้ังบุคคลและองค์กรเน่ืองจากได้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรนุ แรงและทาให้เกิดแรงกดดันต่อวิธกี ารกระจายอานาจ การเงิน สิทธิ และ ขอ้ บงั คับในปัจจุบนั เทคโนโลยขี า่ วสารก็เหมือนกับเทคโนโลยีอน่ื ๆ เช่น เครอื่ งจักรไอน้า ไฟฟา้ โทรศัพท์ และวทิ ยุ คอื ช่วยให้สังคมก้าวไปข้างหน้าแตก่ ็อาจถูกนามาใช้ในการก่ออาชญากรรมและคุกคามต่อคุณค่า อันดีงามท่ีสังคมยึดมั่นมายาวนาน การพัฒนาเทคโนโลยีข่าวสารสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่คนหลาย กลมุ่ ในขณะท่ีคนอีกจานวนหนึ่งอาจจะต้องตกเป็นผเู้ สียประโยชน์ในทางตรงและทางอ้อม ประเด็นทางจริยธรรมในระบบสารสนเทศได้ทาให้เกิดความเร่งด่วนขึ้นมาโดยการเกิดขึ้นของ ระบบอินเตอร์เน็ตและการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและองค์กรดิจิตอลทาให้การ ประกอบการบูรณาการ และการกระจายข่าวสารเกดิ ขึน้ ได้งา่ ยกว่าแตก่ ่อนมาก ซึง่ เป็นการเปิดเผยความ หว่ งใยอันใหม่เกี่ยวกบั ความเหมาะสมในการใช้ข่าวสารเกีย่ วกับลูกคา้ การปกปอ้ งความเป็นสว่ นตัว และ การปกป้องทรพั ยส์ ินทางปัญญา จริยธรรมและกฏหมายเกย่ี วกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ
238 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 ประเดน็ อ่นื ๆ ทางจริยธรรมทเี่ กดิ ขึน้ เน่อื งจากระบบสารสนเทศรวมทัง้ การจัดตั้งความรบั ผิดชอบ ต่อผลท่ีจะเกิดข้ึนจากการใช้ระบบสารสนเทศ การกาหนดมาตรฐานเพ่ือความปลอดภัยในคุณภาพของ ทางระบบที่ปกป้องความปลอดภัยให้และบุคคลและสังคม และการรักษาคุณค่าและสถาบันนั้นเป็นส่ิงท่ี ถือว่ามีความสาคัญอย่างย่ิงต่อคุณภาพชีวิตในสังคมข่าวสารเม่ือมีการใช้งานระบบสารสนเทศเมื่อใดก็ ตาม ควรทีจ่ ะต้งั คาถามว่า อะไรคอื ความรบั ผิดชอบทางสงั คมและจรยิ ธรรมตอ่ การกระทานน้ั ๆ ความสัมพันธ์ของหลักจริยธรรม(Ethics) สังคม(Social) และการปกครอง (Political) เป็น ส่ิงที่มีความผูกพันต่อสังคมอย่างเหนี่ยวแน่น ผู้บริหารระบบสารสนเทศมักจะพบกับทางสองแพร่งเมื่อ พิจารณาตามหลักจริยธรรมท่ีถูกสะท้อนออกมาในรูปของการโต้เถียงทางสังคมและการปกครอง ลอง วาดภาพดวู า่ ถ้าสังคมเปรยี บเสมอื นสระนา้ ท่ีสงบนิง่ แห่งหน่ึงระบบนิเวศวิทยาอันซับซ้อน ณ สระน้าแห่ง นี้กค็ อื ความสมดุลของกล่มุ บคุ คล และองคก์ รปกครองแต่ละบุคคลรวู้ ธิ ีทตี่ นจะต้องปฏบิ ัติภายในสระน้าที่ สมดุลน้เี พราะสถาบันทางสังคม(ครอบครัว การศกึ ษา และองค์กร) ได้พัฒนากฎเกณฑ์อันทรงคุณค่าทาง พฤติกรรมไว้ให้ปฏิบัตติ าม และมีกฎหมายสาหรับการควบคุม ซง่ึ ได้รบั การพัฒนาข้นึ มาโดยฝ่ายปกครอง ทกี่ าหนดพฤติกรรมและบทลงโทษสาหรบั ผู้ฝา่ ฝืน สมมุติวา่ มผี ้หู นงึ่ โยนก้อนหินลงไปทกี่ ลางสระน้าแห่งนี้ แต่แทนท่ีจะกลายเป็นก้อนหิน แต่กลายเป็นเทคโนโลยีและระบบสารสนเทศท่ีทรงพลังอานาจซ่ึงทาให้ เกิดการกระแทกแบบรุนแรงต่อสังคมที่สงบนิ่ง ส่ิงที่เกิดข้ึนก็เหมือนกับสระน้าน้ันคือการกระเพื่อมหรือ ความสับสนอยา่ งมากมายน้นั เอง 1.1 กรอบความคดิ เรื่องจรยิ ธรรม หลักปรัชญาเกี่ยวกับจริยธรรม มีดังนี้ (Laudon & Laudon, 1999) R.O. Mason และ คณะ ได้จาแนกประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรมท่ีเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเปน็ 4 ประเภทคือ ความ เป็นส่วนตัว (Privacy) ความถูกต้องแม่นยา (Accuracy) ความเป็นเจ้าของ (Property) และ ความสามารถในการเข้าถึงได้ (Accessibility) (O’Brien, 1999: 675; Turban, et al., 2001: 512) 1) ประเด็นความเป็นส่วนตัว (Privacy) คือ การเก็บรวบรวม การเก็บรกั ษา และการเผยแพร่ ข้อมูลสารสนเทศเกยี่ วกบั ปัจเจก บคุ คล เช่น ความเป็นส่วนตัวของบุคคลต้องได้ดลุ กบั ความตอ้ งการของสังคม สิทธขิ องสาธารณชนอยู่ เหนือสทิ ธิความเป็นส่วนตวั ของปจั เจกชน สิทธิการรับรู้ข่าวสารและพันธกรณี (Information rights and obligations) แต่ละบุคคล และองค์กรควรมีสิทธิในการรับรู้ข่าวสารอย่างไรบ้างเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลท่ีเก่ียวกับตนเอง จะมีวิธี ปกป้องข้อมูลส่วนตัวได้อย่างไร และควรมีพันธกรณีหรือความรับผิดชอบอย่างไรต่อข้อมูลท่ีตนเอง ครอบครองอยู่ สิทธิส่วนบุคคล ( Privacy) หมายถึงการที่บุคคลต้องการอยู่อย่างโดดเดี่ยว ปราศจากการ ถูกจับตามองหรือการรบกวนใด จากผู้อ่ืนหรือองค์กรใดรวมท้ังองค์กรของรัฐ การอ้างสิทธิส่วนบุคคลยัง จรยิ ธรรมและกฏหมายเกย่ี วกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 239 ครอบคลุมเข้าไปในสถานที่ทางาน พนักงานจานวนหลายล้านคนกาลังถูกจับตามองโดยอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ (เรียกกันว่าอุปกรณ์ตรวจสอบไฮเทค) ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยี สมัยใหม่ได้คุกคามตอ่ สิทธิส่วนบุคคลดว้ ยวิธกี ารต่าง ๆ ท่มี คี ่าใชจ้ า่ ยต่าแตม่ ีประสทิ ธภิ าพสูงยง่ิ สิทธิส่วนบุคคลได้รับการปกป้องในหลายประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหพันธรัฐเยอรมัน ประเทศไทย และอีกหลายประเทศในหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน ในสหรัฐอเมริกา ธรรมนูญการปกครองข้อแรกได้กล่าวถึงเสรีภาพในการพูด และข้อที่ส่ีกล่าวถึงสิทธิในการได้รับการ ปกป้องจาการถูกตรวจค้นและการถูกยึดเอกสารหรือทรัพย์สินส่วนบุคคลโดยไม่มีเ หตุผลอันควรรวมท้ัง การรับประกันกระบวนการยตุ ธิ รรม กระบวนการยุตธิ รรมส่วนท่ีเรยี กว่า Due Process ได้กลายเป็นกุญแจสาคัญในการกาหนด นิยามของความเป็นส่วนตัวกระบวนการยุติธรรมกาหนดให้มีกฎเกณฑ์หรือกฎหมายกลุ่มหนึ่งที่กาหนด รายละเอียดท่ีชัดเจนในเรื่องการใช้งานข่าวสารส่วนบุคคลรวมทั้งการจัดให้มีกลไกในการร้องอุทธรณ์ นิยามที่ชัดเจนอย่างหน่ึงของกระบวนการยุติธรรมได้รับการอธิบายไว้ใน กฎการปฏิบัติต่อข่าวสารโดย ยึดหลักความเป็นธรรม (the Fair Information Practices Doctrine ) ซ่ึงได้รับการพัฒนาข้ึนมาใน ตอนตน้ ของทศวรรษที่ 1970 กฎหมายเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริกาและยุโรปส่วนใหญ่มีพื้นฐาน อยู่บนกฎการปฏิบัติต่อข่าวสาร อย่างเป็นธรรม ( Fair Information Practice; FIP ) ซ่ึงได้รับการ รายงานเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2516 โดยคณะที่ปรึกษาของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ( US Department of Health, Education, and welfare, 1973 ) การปฏิบัติต่อข่าวสารอย่างเป็นธรรมประกอบด้วย กฎเกณฑ์พื้นฐาน 5 ข้อ ท่ีกาหนดวิธีการรวบรวมและใช้ข่าวสารท่ีเก่ียวข้องกับส่วนบุคคล กฎการปฏิบัติ ต่อข่าวสารอย่างเป็นธรรมมีพื้นฐานมาจากความสนใจร่วมกันระหว่างผู้ท่ีเก็บรวบรวมข้อมูลและเจ้าของ ข้อมลู บคุ คลท่วั ไปที่เป็นเจ้าของข้อมูลมีความสนใจในการเขา้ ไปมสี ่วนรว่ มในการควบคุมรายการทางาน (Transaction) ส่วนผู้ที่เก็บรวบรวมข้อมูลซึ่งมักจะเป็นองค์กรธุรกิจหรือองค์กรของรัฐต้องการใช้ข้อมูล เกี่ยวกับบุคคลทั่วไปเพื่อช่วยให้การทารายการเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ ดังน้ันแต่ละคนจะยังคงให้ความ สนใจกบั ข้อมลู ทถ่ี กู บันทกึ ไวแ้ ล้วน้ันเพื่อใหแ้ น่ใจไดว้ ่าข้อมลู จะไม่ถูกนาไปใช้ในการทางานอ่ืนโดยไม่ได้รับ ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน ในปี ค.ศ. 1998 the Federal Commission (FCT) ซึ่งเป็น หน่วยงานของรัฐได้กล่าวย้าและขยายขอบเขตที่กาหนดโดย FIP ออกไปเพื่อการนาเสนอข้อแนะนา สาหรบั การปกปอ้ งความเป็นสว่ นตวั ในระบบออนไลน์ การปฏิบัติอย่างเป็นธรรมกับข่าวสารของ FTC ถูกนามาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อน การเปลี่ยนแปลงการปฏบิ ัติอย่างเปน็ ธรรมกับข่าวสารของ FTC ถกู นามาใชเ้ ปน็ แนวทางในการขับเคลื่อน การเปลยี่ นแปลงกฎหมายเก่ียวกับความเป็นส่วนตวั ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1998 รฐั สภาสหรฐั ได้ออก กฎหมายช่ือ the Children’s Online Privacy Protection Act (COPPA) ได้กาหนดให้เวบ็ ไซต์ตา่ งๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองของเดก็ ก่อนที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเดก็ ที่อายุต่ากว่า 13 ปี จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ
240 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 FTC ได้แนะนาให้มีการออกกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคออนไลน์ใน เครอื ขา่ ยการโฆษณาที่เก็บรวบรวมข้อมลู เกี่ยวกบั กิจกรรมของผู้บรโิ ภคเพื่อนาไปสร้างรูปแบบการใช้งาน และจะถูกนาไปใชโ้ ดยองคก์ รอนื่ เพื่อทจี่ ะเจาะกลุ่มลูกคา้ ออนไลน์เปา้ หมาย ข้อแนะนาอนื่ ๆ เกย่ี วกับการ ออกกฎหมายปกป้องการใช้งานออนไลน์เก่ียวกับข้อมูลที่เป็นหมายเลขท่ีใช้ระบุตัวตนของผู้บริโภค เชน่ หมายเลขประกันสังคมหรือหมายเลขบัตรประชาชน, การปกป้องการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลทาง อินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของแต่ละบุคคลน้ันไม่ได้รับการคุ้มครองจากพระราชบัญญัติ COPPA, และขดี จากดั ของการใชเ้ ทคนิคการทาเหมืองข้อมูลในการรักษาความปลอดภัย การปกป้องการเป็นส่วนตัวได้รับการเพ่ิมเติมเข้าไปในกฎหมายใหม่ๆ ในการให้ความเป็น อิสระในการให้บริการทางการเงินและการรักษาความปลอดภัยการบารงุ รักษาและการถ่ายทอดข่าวสาร เก่ียวกับสุขภาพของแต่ละบุคคล พระราชบัญญัติ the Gramm-Leach-Bliley Act of 1999 ซึ่งเลิกล้ม ข้อจากัดก่อนหน้านี้ของการประกอบกิจการร่วมกันระหว่างธนาคาร บริษัทรักษาความปลอดภัยและ บริษัทประกันภัย รวมท้ังการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคเก่ียวกับการให้บริการทางการเงิน ต่างๆ สถาบันทางการเงินทุกแห่งจะต้องยินยอมใหล้ ูกค้าสามารถเลือกที่จะไม่ยินยอมให้มีการจัดการใช้ ขา่ วสารรว่ มกนั กับบคุ คลที่สามท่ีไมไ่ ดป้ ระกอบธุรกิจรว่ มกัน พระราชบัญญัติ the Health Insurance Portability and Accountability Act of 1996 (HIPPA) ซึ่งมีผลใช้บังคับในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2003 ได้รวมเอาการปกป้องความเป็นส่วนตัว เก่ียวกับข้อมูลทางสุขภาพเอาไว้ด้วย กฎหมายน้ีได้มีสิทธิแก่คนไข้ในการเข้าถึงบันทึกข้อมูลทาง การแพทย์ของตนเองได้ซ่ึงถูกจัดเก็บไว้ที่สถานรักษาสุขภาพน้ันๆ โรงพยาบาล หรือผู้ให้บริการประกัน สุขภาพ และสิทธิในการอนุญาตในการเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับการปกป้องนี้ แพทย์ โรงพยาบาล และ สถานรักษาสุขภาพทั้งหลายจะต้องจากัดการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของคนไข้ไว้ในระดับต่าท่ีสุดเพื่อท่ีจะ ปฏบิ ัตติ ามกฎหมายฉบับนี้ ความท้าทายความเป็นส่วนตัวบนระบบอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตได้ทาให้เกิด ความท้าทายใหม่ขึ้นมาในเร่ืองการปกป้องความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล ข่าวสารที่ถูกส่งผ่าน เครือข่ายขนาดใหญ่น้ีอาจเดินทางผ่านระบบคอมพิวเตอร์มากมายหลายระบบก่อนที่จะเดินทางไปยัง เป้าหมาย ระบบคอมพิวเตอร์แต่ละระบบมีขีดความสามารถที่จะเฝ้าตรวจ ยึดเอาไว้ หรือบันทึกข่าวสาร ทกุ ชนิดทีไ่ หลผา่ นตวั เครอื่ งไป มีความเป็นไปได้ท่ีจะทาการบันทึกกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ รวมท้ังนิวส์กรุ๊ปแบบออนไลน์ หรือแฟ้มข้อมูลต่างๆ ที่ผู้ใช้เข้าไปใช้งาน เว็บไซต์หรือเว็บเพจผู้ท่ีใช้เข้าไปเย่ียมชม และส่ิงท่ีผู้ใช้น้ันได้ เข้าไปตรวจสอบหรือซื้อผ่านเว็บ กิจกรรมการเฝ้าตรวจและการติดตามการเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ น้ี เกิดข้นึ เปน็ ลักษณะงานเบอื้ งหลงั ทาให้ผใู้ ช้ไม่มีโอกาสทราบไดเ้ ลยวา่ ไดเ้ กิดกจิ กรรมลับๆ อะไรขึน้ มาบ้าง เครื่องมือที่ใช้เฝ้าตรวจกิจกรรมบนเว็บได้กลายเป็นเคร่ืองมือที่นิยมนามาใช้อย่างกว้างขวางเน่ืองจาก เคร่ืองมือนี้จะช่วยให้องค์กรได้ทราบว่ามีใครบ้างท่ีเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ข องตนเองและสามารถทราบ จรยิ ธรรมและกฏหมายเกย่ี วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 241 วิธีการจัดการเพื่อให้เว็บไซต์ของตนเองสามารถตอบสนองผู้ใช้ได้ถูกกลุ่มเป้าหมายมากย่ิงขึ้น ผู้จัดตั้ง เว็บไซต์เดี๋ยวนี้สามารถที่จะเข้าถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยใหเ้ ขาเฝ้าดูพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ของแต่ละ บุคคลและกลุ่มต่างๆ ในขณะท่ีเขากาลังเย่ียมชมเว็บและทาการซ้ือสินค้า ปัจจุบันนี้ความต้องการ ข่าวสารของแตล่ ะบคุ คลแทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในระดบั ที่ไมร่ ูจ้ กั เพียงพอเลยทีเดียว เว็บไซตต์ า่ งๆ สามารถเรียนรู้คุณลักษณะเฉพาะท่ีใช้ระบุตวั ตนของผู้เยี่ยมชมเว็บของตนได้ ถ้าผู้เยี่ยมชมสมัครใจท่ีจะลงทะเบียนที่เว็บน้ันเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการหรือเพื่อให้ได้รับการบริการอยา่ ง หนึ่งอย่างใดโดยไม้ต้องชาระเงิน เช่น การได้รับข่าวสารต่างๆ เว็บไซต์สามารถท่ีจะยึดเอาข่าวสาร เกย่ี วกับผู้เยี่ยมชมไดโ้ ดยไมต่ อ้ งไดร้ บั ความยินยอมโดยใช้เทคโนโลยีคุ้กกี้ (Cookie) คุ้กกี้เป็นแฟ้มข้อมูลขนาดเล็กมากที่ฝากไว้ท่ีหน่วยบันทึกข้อมูล (ฮาร์ดดีสก์) ในเครื่อง คอมพวิ เตอรข์ องผ้ใู ช้เมื่อผใู้ ชเ้ ขา้ ไปเยี่ยมชมเว็บไซต์บางแห่ง คุ้กก้จี ะระบซุ อฟต์แวรบ์ นบราวเซอรข์ องผู้ใช้ และติดตามการเย่ียมชมในเว็บไซต์นั้นๆ เมื่อผู้ใช้กลับมายังเว็บไซต์เดิมท่ีทาการบันทึกคุ้กกี้เอาไว้ ซอฟต์แวร์ของเว็บไซต์นั้นจะทาการค้นหาคุ้กกี้จะทราบวา่ (จากข้อมูลในคุ้กกี้) กิจกรรมใดที่ผู้ใช้น้ันไดท้ า ไว้ในอดีตบ้าง ซอฟต์แวร์น้ีอาจจะทาการปรับปรุงข้อมูลในคุ้กกี้ตัวเดิมให้มีความทันสมัยมากย่ิงขึ้น ซ่ึง ขน้ึ อยู่กบั กขิ กรรมทผี่ ู้ใชเ้ ลือกปฏิบัติในขณะนั้น ตัวอย่างเช่น ถา้ ท่านซือ้ หนังสือไปสักเล่มหน่ึงจากเว็บไซต์ ของ Amazon.com และย้อนกลบั มาท่เี วบ็ ไซต์นอ้ี ีกครง้ั หน่ึงโดยใชโ้ ปรแกรมบราวเซอร์ตัวเดิม เวบ็ ไซต์นี้ จะต้อนรับท่านด้วยช่ือของท่านเอง (ซ่ึงได้ให้เอาไว้เม่ือเข้ามาเย่ียมชมครั้งก่อน) พร้อมกับแนะนาหนังสือ ใหม่ๆ ให้แก่ท่านโดยอาศัยข้อมูลหนังสือท่ีท่านได้ซ้อื ไปแลว้ ดับเบิลคลิก (ท่ีได้กล่าวถึงก่อนหน้าน)ี้ ใช้คุ้ก ก้ีในการสร้างเอกสารเฉพาะเกี่ยวกับรายละเอียดของการซ้ือสินค้าออนไลน์และใช้ในการตรวจสอบ พฤตกิ รรมการเย่ียมชมเว็บไซต์ของผูใ้ ช้ 2) ประเด็นความถูกต้องแม่นยา (Accuracy)ได้แก่ ความถูกต้องแม่นยาของการเก็บ รวบรวมและวธิ ีการปฏิบัตกิ ับข้อมูลสารสนเทศ 3) ประเด็นของความเป็นเจ้าของ (Property)คือ กรรมสิทธิ์และมูลค่าของข้อมูล สารสนเทศ (ทรัพย์สินทางปัญญา) ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดย ปัจเจกชน หรือนิติบุคคล ซ่ึงอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกฎหมายลิขสิทธิ์ กฎหมายความลับทางการค้า และกฎหมายสทิ ธิบัตร ลิขสิทธิ์ (Copyright) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 หมายถึง สิทธิ์แต่ผู้เดียวทีจ่ ะ กระทาการใด ๆ เกี่ยวกับงานท่ีผู้สร้างสรรค์ได้ทาข้ึน ซึ่งเป็นสิทธ์ิในการป้องกันการคัดลอกหรือทาซ้าใน งานเขยี น งานศลิ ป์ หรอื งานด้านศลิ ปะอ่นื ตามพระราชบญั ญัติดังกลา่ วลิขสิทธท์ิ ัว่ ไปมีอายุหา้ สบิ ปีนับแต่ งานได้สร้างสรรค์ข้ึน หรือนับแต่ได้มีการโฆษณาเป็นครั้งแรกในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีอายุ เพียง 28 ปี จริยธรรมและกฏหมายเกย่ี วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
242 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 สทิ ธบิ ัตร (Patent) ตามพระราชบัญญัตสิ ทิ ธบิ ัตร พ.ศ. 2522 หมายถงึ หนังสอื สาคัญท่ีออก ให้เพ่ือคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยสิทธิบัตรการ ประดิษฐม์ อี ายุย่ีสบิ ปีนับแต่วันขอรับสิทธิบัตร ในขณะทปี่ ระเทศสหรฐั อเมริกาจะคมุ้ ครอง 17 ปี สิทธิความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน(Property rights) สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาท่ีมีอยใู่ น ปัจจบุ ันจะได้รบั การปกป้องอยา่ งไรในสังคมดิจิตอลซ่ึงการคน้ หาหรือติดตามความเป็นเจ้าของลขิ สิทธิ์น้ัน กระทาได้ยากย่ิง แต่การเพิกเฉยต่อสิทธิดังกล่าวกลับกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ระบบสารสนเทศร่วม สมัยแม้ไม่มีเจตนาแต่ก็ได้ท้าทายต่อกฎหมายและแนวทางการปฏิบัติในสังคมท่ีมีอยู่ในปัจจุบันท่ีให้ การ ป้องกันสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ซ่ึงเป็นทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยบุคคลหรือองค์กร ระบบสารสนเทศได้ทาให้การปกป้องทรัพย์สินประเภทนี้กระทาได้ยากมากเน่ืองจากข้อมูลในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์สามารถถูกทาสาเนาและเผยแพร่ผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว การ ป้องกันทรัพย์สินทางปัญญาสามารถกระทาได 3 รปู แบบคือ ความลับทางการคา้ ลขิ สิทธิ์ และสทิ ธิบัตร ความลบั ทางการคา้ สนิ คา้ ใดก็ตามทเ่ี กดิ ข้ึนจากการใชส้ ตปิ ัญญาในการคดิ ค้นขึน้ มา เช่น สตู รการคานวณ อุปกรณ์ รปู แบบหรือการดดั แปลงความหมายของข้อมลู ทที่ าขนึ้ มาเพ่ือวตั ถุประสงค์ ในทางธุรกจิ เรียกว่าเป็น ความลับทางการค้า ซงึ่ ไมร่ วมถึงส่ิงทนี่ ามาจากสาธารณสมบตั ิ ซอฟต์แวรท์ ม่ี ีคา ประพนั ธ์ หรอื สว่ นทมี่ ีคณุ สมบตั เิ ฉพาะต่างๆกส็ ามารถถือไดว้ ่าเปน็ ความลับทางการคา้ กฎหมายท่วั ไปท่ี ปกปอ้ งความลบั ทางการค้ามักจะหมายถึงการปกป้องสิทธิความเปน็ เจ้าของในแนวความคดิ ทนี่ ามาใช้ ซง่ึ อาจนาไปสู่ความเป็นเจา้ ของตาหรบั แต่เพยี งผ้เู ดยี วก็ได้ ลิขสิทธิ์ หมายถึงการได้รับสิทธิในการปกป้องของผู้ท่ีเป็นผู้สร้างหรือประดิษฐ์ส่ิงนั้นข้ึนมา ด้วยสติปัญญาของตนเองต่อการคัดลอกหรือทาสาเนาโดยผู้อื่นไม่ว่าจะโดยวัตถุประสงค์ใดๆ ตลอดช่ัว ชีวิตของผู้ที่เป็นเจ้าของน้ัน และขยายต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 70 ปีภายหลังจากที่เจ้าของได้เสียชีวิตไป แล้วสาหรับงานที่เป็นเจ้าของโดยสถานประกอบการกฎหมายให้ความคุ้มครองไว้ 95 ปีนับต้ังแต่วันท่ีได้ คิดค้นขึ้นมา กฎหมายฉบับแรกที่กล่าวถึงลิขสิทธ์ิคือ The Federal Right Act of 1790 ซ่ึงต่อมาไดมี การจัดต้ังสานักงานสาหรบั การจดทะเบียนและบังคับการปกป้องลิขสทิ ธ์ิขึ้นมารองรับ ในปัจจุบันรฐั สภา สหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายเพ่ิมเติมหลายฉบับเพื่อขยายขอบเขตการปกป้องลิขสิทธิ์ให้ครอบคลุมใน เร่ือง หนังสือ วารสาร คาบรรยายหรือการสอน การแสดงละคร การแสดงมหรสพ แผนที่ ภาพวาด งาน ศิลป์ และภาพยนตร์ทุกชนิด วัตถุประสงค์หลักของการออกกฎหมายคุ้มครองก็เพื่อสนับสนุนการสร้าง งานใหม่ๆ 4) ประเด็นของความเข้าถงึ ได้ (Accessibility)คือ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้ และการจ่ายค่าธรรมเนยี มในการเขา้ ถงึ ข้อมลู สารสนเทศ จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 243 1.2 แนวโน้มทางเทคโนโลยที ่ีเปิดประเดน็ การขดั แย้งกับหลกั จริยธรรม ประเด็นทางจริยธรรมได้มีมานานก่อนหน้าเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี สารสนเทศได้เพ่ิมระดับความกงั วลเก่ียวกับจริยธรรม ทาให้เกิดความส้ินเปลืองในการจัดการทางสังคมท่ี มีอยู่แล้ว และทาให้กฎหมายบ้างส่วนล้าสมัยหรือถูกทาให้หมดความสาคัญลงอย่างมาก แนวโน้มทาง เทคโนโลยหี ลกั 4 ประการทร่ี บั ผิดชอบต่อความเหน่อื ยยากทางจริยธรรม การเพ่มิ ขีดความสามารถในการประมวลผลเป็นสองเทา่ ในทุก 18 เดอื นไดท้ าใหอ้ งค์กรส่วนใหญ่ นาระบบสารสนเทศไปใชป้ ระโยชน์อย่างจริงจังในกระบวนการจดั การหลักของการผลิตสน้ิ ค้าและบริการ ผลท่ีเกิดตามมาคือองค์กรได้ผูกมัดตนอย่างแน่นหนาเข้ากับระบบฯ ทาให้เกิดความผิดพลาดของระบบฯ และข้อมูลที่มีคุณภาพต่าส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประสิทธิภาพขององค์กรยิ่งกว่านั้น ความล้ม เลวของระบบการประมวลผลบางส่วนทาให้มวลชนเกิดความตื่นตระหนกต่อระบบอื่นที่มีความสาคัญตอ่ ประชาชนโดยส่วนรวมแม้ว่าระบบเหล่าน้ันจะยังใช้งานได้ตามปกติก็ตามกฎเกณฑ์ของสังค มและ กฎหมายก็ยังไม่ได้รับการปรับปรุงให้เข้ากับความผูกพันท่ีแน่นแฟ้น และมาตรฐานท่ีทาให้เกิดความ เท่ียงตรงและความไว้วางใจได้ของระบบสารสนเทศยังไม่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปหรือยังไม่ได้รับการ นาไปปฏิบตั อิ ย่างจริงจงั ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการเก็บรักษาข้อมูลและราคาท่ีลดลงอย่างรวดเร็วเป็นสาเหตุสาคัญ ที่ทาให้เกดิ การกระจายตวั อยา่ งมากมายของฐานข้อมลู ขา่ วสารส่วนบุคคล (ข้อมลู ของลกู จ้าง ลกู คา้ หรือ ผูท้ ่ีอาจจะเป็นลูกค้าในอนาคต) ท่ีเกบ็ รกั ษาโดยองค์กรของรฐั และเอกชนทั่วไป ความกา้ วหน้าในการเก็บ รักษาข้อมูลทาให้เกิดการละเมิดสทิ ธิส่วนบุคคลทาให้ได้ราคาที่สูงมากแต่กลบั มีประสทิ ธิภาพสงู ยิ่ง ราคา อุปกรณ์บันทึกข้อมูลในปัจจุบันน้ันต่ามากจนกระทั่งร้านค้าเล็กๆ แห่งหนึ่งสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้า ทุกคนในเมืองระดับมหานครได้อย่างสบาย ลองนึกถึงวิธีการท่ีท่านสร้างข้อมูลทางคอมพิวเตอร์เก่ียวกับตัวท่าน เช่น การซื้อส้ินค้าด้วยบัตร เครดิต การใช้โทรศัพท์ การสมัคเป็นสมาชิกนิตยสาร การเช่าวีดีโอ การซ้ือสิ้นค้าทางไปรษณีย์ บันทึก รายการธนาคาร ข้อมูลในหน่วยงานปกครองท้องถิ่นและส่วนกลาง(รวมท้ังข้อมูลทางศาลและข้อมูล บันทึกของตารวจ) เม่ือนาข้อมูลเหล่าน้ีเข้ามารวมไว้ด้วยกันและจัดการอย่างเหมาะสมแล้วนอกจาก ข่าวสารเหลา่ น้ีจะสามารถเปดิ เผยข้อมูลเกยี่ วกบั เครดติ ของทา่ นแล้วมันยงั สามารถบงบอกถงึ นิสยั การขับ รถยนต์ รสนิยมความเก่ียวข้องกับสิ่งต่างๆ และความสนใจในทางการเมืองได้อีกด้วย ซึ่งอาจถูกนาไปใช้ หาผลประโยชน์ทงั้ ทางตรงและทางออ้ มไดอ้ ย่างง่ายดาย องค์กรทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับการคา้ ขายสนิ ค้าท่จี ะซ้ือขอ้ มูลท่ีต้องการเหลา่ นี้จากแหลง่ ต่างๆเองช่วยให้ สามารถเจาะเข้ากลุ่มลกู ค้าที่ต้องการได้ เชน่ ถ้าท่านซือ้ สินคา้ ชั้นสงู จากรา้ นหน่ึง ข้อมลู ของทา่ นอาจถูก ส่งตอ่ (ขายหรือแลกเปล่ียน) ไปยงั ฐานข้อมลู ของร้านอน่ื ที่ขายสินคา้ ประเภทเดยี วกนั ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์จานวนมากท่ีอนุญาตให้ ดับเบิ้ลคลิก (www.boubleclicke.net) ซ้ึงเป็น บริษัทตัวแทนทางโฆษณาบนอินเตอร์เน็ตสามารถติดตามกิจกรรมต่างๆของผู้มาเย่ียมชมเว็บไซต์ของ จริยธรรมและกฏหมายเกยี่ วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ
244 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 ตนเองได้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนรายได้จากการขายโฆษณาโดยขึ้นอยู่กับข่าวสารท่ีดับเบิลคลิกสามารถ รวบรวมได้ ดับเบลิ คลกิ ใช้ข่าวสารน้ใี นการสรา้ งรปู แบบเวบ็ ไซต์ของผใู้ ชแ้ ตล่ ะคน และจะเพ่มิ รายละเอียด เข้าไปเร่ือยๆ เม่ือผู้ใช้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่สมาชิกดับเบิลคลิก เม่ือระยะเวลาผ่านไปนานขึ้นดับเบิล คลิกจะสามารถสร้างเป็นเอกสารที่บันทึกเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้ใช้และนิสัยในการใช้คอมพิวเตอร์บน เว็บไซต์ซ่ึงจะสามารถนาไปขายให้แก่องค์กรต่างๆ เพื่อช่วยให้สามารถกาหนดกลุ่มเป้าหมายการขาย โฆษณาทางเว็บไซต์ใหเ้ ทย่ี งตรงได้มากย่งิ ขน้ึ 1.3 การวเิ คราะห์ตามหลกั จริยธรรม แตล่ ะบคุ คลจะมีวิธกี ารวิเคราะหแ์ ละหาเหตผุ ลเมื่อตอ้ ง เผชญิ หน้ากับสถานการณท์ ีเ่ ก่ียวข้องกบั จริยธรรมได้ตามข้ันตอนหา้ ขนั้ ต่อไปนี้ 1. แยกแยะและอธิบายข้อเท็จจริงให้ชัดเจน พยายามคน้ หาข้อเท็จจริงว่าใครได้ทาอะไรต่อ ใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร ความประหลาดใจอาจเกิดขึ้นได้เม่ือพบว่าข้อเท็จจริงในหลายๆ เหตุการณ์ท่ีได้รับจากรายงานเบ้ืองต้นนั้นไม่ถูกต้องซึ่งเมื่อทราบข้อมูลที่ถูกต้องแล้วก็อาจจะพบวิธีแก้ไข ปญั หาขอ้ นั้นๆด้วย และบางครง้ั ก็ชว่ ยใหฝ้ ่ายตรงขา้ มมีความเข้าใจในข้อเทจ็ จริงรว่ มกัน 2. กาหนดความขัดแย้งหรือทางเลือกและแยกแยะค่านิยมระดบั สงู ท่ีเข้าเกีย่ วข้อง ประเด็น ทางจรยิ ธรรม สังคม และการปกครองมกั จะอ้างองิ ถงึ ค่านยิ มในระดับสูงทุกฝา่ ยที่เกย่ี วขอ้ งกับการโต้แย้ง มักจะอ้างว่ากาลังไขว่คว้าหาค่านิยมในระดับสูง เช่น ความเป็นอิสระ ความเป็นส่วนตัว การปกป้อง ทรัพย์สิน และระบบการค้าเสรี เป็นต้นโดยท่ัวไปหลักจริยธรรมเข้าไปเกี่ยวข้องกับทางสองแพร่ง คือ ทางเลือกท่ีสนับสนุนค่านิยมที่แตกต่างกัน เช่น การท่ีร้านค้าต้องการขยายตลาด การค้าอย่างมี ประสิทธภิ าพ ในขณะทีค่ นทว่ั ไปต้องการปกปอ้ งสิทธสิ ว่ นตัว 3. ระบุผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี หลกั ทุกข้อของจรยิ ธรรม สังคม และการปกครองจะต้องมผี ูม้ สี ่วนได้ เสียอยู่เสมอ หมายถึงผู้ท่ีให้ความสนใจแก่ผลลพั ธ์ท่ีจะเกิดขึ้น ต่อสิ่งที่ได้ลงทุนไปแล้ว การค้นหากลุ่มคน น้ีให้พบจะสามรถชว่ ยในการออกแบบหนทางแก้ไขปัญหาทเี่ หมาะสมไดใ้ นภายหลัง 4. ระบุทางเลือกท่ีสามารถยอมรับได้ ในบางครั้งอาจพบว่าไม่มีทางเลือกใดเลยที่สามารถ ตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคลได้ทุกข้อ อย่างไรก็ตาม ทางเลือกบางอย่างก็ดูดีกว่าทางเลือก อ่ืนๆ บางคร้ังการใช้หนทางแก้ปัญหาท่ีดีหรือใช้ทางแก้ปัญหาท่ีสอดคล้องกับจริยธรรมอาจจะไมทาให้ เกดิ ความสมดุลต่อสง่ิ ที่จะเกดิ ตามมาแก่กลมุ่ ผูส้ นับสนนุ 5. ระบุผลที่อาจจะเกิดตามมาจากทางเลือกที่มี หนทางเลือกบางอย่างอาจถูกต้องตาม หลกั จริยธรรมแต่อาจกลายเป็นความสญู เสยี ต่อสิง่ อื่น ในขณะท่ีทางเลือกอ่ืนอาจมีความเหมาะสมเฉพาะ กรณซี ่ึงอาจไม่สามารถนาไปใชใ้ นกรณีอื่นได้ จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 245 2. จรยิ ธรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความนิยมใช้อินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ทาให้ผู้ใช้ คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนตัวแบบออนไลน์ได้เป็นจานวนมาก ความ ไว้วางใจระบบสารสนเทศมีมากทาใหม้ คี วามเส่ียงในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในทางทีผ่ ิดมากขน้ึ 2.1 แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งผลกระทบต่อจริยธรรม ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีท่ีมีแนวโน้มเพิ่มสูงข้ึน เป็นปัจจัยหลักที่ทาให้ประเด็นด้าน จริยธรรมให้ความสนใจมากข้ึน พลเมืองมีแรงจูงใจในการทาผิดศีลธรรมมากข้ึน โดยแนวโน้มของ เทคโนโลยีท่เี ปน็ สาเหตุหลกั คอื 2.1.1 สมรรถนะในการประมวลผลของระบบคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทาให้ หลายองค์กรนาระบบสารสนเทศมาใช้ในธุรกิจหลักขององค์กรมากขึ้น ทาให้ผู้ใช้และผู้ที่เก่ียวข้องกับ ระบบต้องพ่ึงพาระบบมากข้ึน เส่ียงต่อการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัว อีกท้ังคุณภาพและความน่าเชือ่ ถือของ ข้อมลู ลดลง 2.1.2 ต้นทุนของแหล่งจัดเก็บข้อมูลลดลงแต่ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บที่สูงข้ึน เป็นผลให้ องค์กรจัดเก็บข้อมูลแยกย่อยแต่ละกลุ่มได้มากขึ้น เช่น กลุ่มลูกค้าทั้งหมด และกลุ่มลูกค้าสาคัญ เป็นต้น ทาให้ละเมิดความเป็นส่วนตัวของลูกค้ามีต้นทุนต่า และได้ผลมากข้ึน นอกจากนี้แหล่งจัดเก็บต้นทุนต่า ทาใหบ้ ริษัทขนาดเลก็ สามารถจดั เก็บข้อมูลลกู ค้าได้เชน่ กัน 2.1.3 ความก้าวหน้าในการวิเคราะห์ข้อมูล เทคโนโลยีที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลมี ความก้าวหน้ามากขึ้น ทาให้ผู้บริหารเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้มากข้ึน (ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าและบุคคล ทั่วไป) 2.1.4 ความก้าวหนา้ ของระบบเครือข่ายและอินเทอร์เนต็ ทาใหก้ ารขโมยข้อมลู จาก เครือข่ายทาได้ง่ายข้ึน 2.2 ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีสารสนเทศกับพฤตกิ รรมที่ขดั หลกั จริยธรรม ด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและอีคอมเมิร์ช ทาให้หลายองคืกรมีความกังวล เก่ียวกับการใช้ข้อมูลของลูกค้าอย่างเหมาะสม การักษาความลับของลูกค้า ตลอดจนการป้องกัน ทรัพย์สินทางปัญญามากข้ึน นอกจากน้ียังรวมถึงประเด็น การหาผู้รับผิดชอบเมื่อมีผู้ได้รับความเสียหาย จากการใช้ระบบสารสนเทศในทางท่ีผิดด้วย อีกทั้งยังพบพฤติกรรมหลายอย่างที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์หลาย กลุ่มกระทากนั อย่างกวา้ งขวางโดยไม่คานึงถึงหลักจริยธรรม เช่น 1. หลายองค์กรมกี ารตดิ ตามและตรวจจับการใช้งานอีเมลแ์ ละการเข้าถงึ เว็บไซตต์ า่ งๆ ของพนกั งาน 2. ผูใ้ ช้อินเทอร์เนต็ อพั โหลดและดาวนโ์ หลดเพลง ภาพยนตร์ และซอฟต์แวร์โดยไมเ่ สยี ค่าใชจ้ ่าย จริยธรรมและกฏหมายเกย่ี วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ
246 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 3. หลายองค์กรนยิ มใช้วิธีการโฆษณาสนิ คา้ ด้วยการส่งอเี มล์ในลักษณะ Spam mail 4. แฮคเกอรเ์ จาะเขา้ ไปในระบบฐานข้อมลู ของสถาบันการเงนิ เพ่ือขโมยขอ้ มลู ลูกค้า 5. นักศึกษาดาวนโ์ หลด e-book ได้โดยไม่เสียคา่ ใชจ้ ่าย และสามารถดาวน์โหลดเอกสาร ประกอบการเรยี นไดจ้ ากเน็ต 6. Web Server มีการบันทึกไฟล์ Cookies ไวท้ เ่ี ครื่องคอมพิวเตอรข์ องผเู้ ย่ียมชม เพื่อ จดจาและบนั ทกึ การเข้าใชเ้ ว็บไซต์ 2.3 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งจริยธรรม สงั คม และการเมือง จริยธรรม สังคม และการเมือง มีความสัมพันธ์กันแบบส่งผลกระทบต่อกันในลักษณะ ระลอกคลนื่ โดยการอยูร่ ว่ มกนั ของคนในสังคมน้ัน นอกจากตอ้ งยดึ ถอื หลักจรยิ ธรรมตามวัฒนธรรมของ แต่ละท้องถิ่นแล้ว ทางด้านการเมืองหรือรัฐบาล ยังได้ออกกฎหมายที่โดยทั่วไปจะครอบคลุมหรือ สอดคล้องกับจริยธรรม หากมีเทคโนโลยีใหม่หรือระบบสารสนเทศใหม่เกิดข้ึน ผลกระทบเร่ิมจากตัว บุคคลที่อาจต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ตอ้ งตัดสินใจทาสิง่ ที่ก้ากึ่งระหว่างความถูกต้องและความไม่ถูกต้อง ด้านจริยธรรม จากน้ันส่งผลกระทบไปยังสังคมท่ียังไม่สามารถตัดสินใจในประเด็นใหม่ได้เช่นกั น ความสมั พนั ธ์เกย่ี วข้องกับสทิ ธโิ ดยชอบธรรมทัง้ 5 ด้าน ดังนี้ 2.3.1 สิทธิทางด้านสารสนเทศ (Information Rights) ประเด็นท่ีเก่ียวข้องกับสิทธิทางด้านสารสนเทศท่ีสาคัญคือ “ความเป็นส่วนตัว (Privacy)” โดยแบง่ ออกเปน็ 2 ดา้ นคือ ความเปน็ สว่ นตัวทางกายภาพ และ ความเปน็ ส่วนตัวทางด้าน สารสนเทศ 2.3.2 สทิ ธใิ นการเป็นเจ้าของ (Property Rights) เป็นการพิจารณาว่า “ทรัพย์สินทางปัญญา” ที่ถูกคิดค้นและสร้างขึ้น จะได้รับการ ปกป้องอย่างไรในสังคมยุคดิจิตอล เพ่ือไม่ให้เกิดการคัดลอก ทาซ้า หรือเผยแพร่ทรัพย์สินทางปัญญา ดังกล่าวได้ ปัจจุบันการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญามี 3 ประเภท ได้แก่ ลิขสิทธ์ิ เคร่ืองหมายการค้า สิทธิบตั ร 2.3.3 ความรบั ผดิ ชอบและการควบคมุ (Accountability and Control) เป็นการพิจารณาหาผู้รบั ผดิ ชอบและชดใช้คืนในกรณีท่เี กิดความเสยี หายแก่สิทธสิ ว่ น บุคคล สิทธิในการรวบรวมสารสนเทศ และสิทธิในการเปน็ เจา้ ของทรัพย์สินทางปัญญา เชน่ กรณกี าร โอนเงินผา่ นเวบ็ ไซต์ internet banking 2.3.4 คณุ ภาพของระบบ (Quality System) เปน็ การพจิ ารณาเพอื่ กาหนดมาตรฐานคุณภาพของข้อมูลและระบบ เพื่อค้มุ ครองสทิ ธิ สว่ นบุคคลและความปลอดภัยของสงั คม เชน่ ระบบและข้อมูลไม่มีคุณภาพ มีการรักษาความปลอดภยั เพียงระดับเดียว การนาเข้าข้อมลู ไม่ถกู ตอ้ ง 2.3.5 คณุ ภาพชีวติ (Quality of Life) จริยธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยสี ารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 247 เป็นการพิจารณาว่าคุณคา่ ทีไ่ ดร้ บั จากสงั คมสารสนเทศ หน่วยงานใดทาหนา้ ทคี่ มุ้ ครอง หากเกิดความเสียหาย เช่น เส้นแบ่งระหว่างชีวิตส่วนตัว การทางาน และเวลาว่างไม่ขัดเจน การพึ่งพา เทคโนโลยแี ละระบบสารสนเทศทีม่ ากจนเกนิ ไป 3. จริยธรรมสาหรับวชิ าชีพไอทีและผูใ้ ชไ้ อที สาหรับวิชาชีพไอทียังเป็นอาชีพท่ีไม่มีใบประกอบฯ ดังน้ันจึงมีการกาหนดจรรยาบรรณข้ึนจาก หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ซ่ึงอยู่ในลักษณะเพียง “ข้อแนะนา” หรือ “บทบัญญัติ” ที่มีการบังคับใช้ใน หน่วยงานเฉพาะเท่านัน้ 3.1 ประโยชน์ของการกาหนดจรรยาบรรณสาหรบั หน่วยงาน การกาหนดจรรยาบรรณข้ึนเป็นหลักปฏิบัติของสมาชิกในหน่วยงาน มีประโยชน์ทั้งต่อบุคคล และสังคมคือ พัฒนาการตัดสินใจทางจริยธรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สนับสนุนให้เกิดมาตรฐานของ การประพฤติตามจริยธรรม เพิ่มความน่าเชื่อถือและน่านับถือจากสาธารณะชน มีการประเมิน เปรยี บเทยี บกบั มาตรฐาน 3.2 หน่วยงานทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั วิชาชีพไอที 3.2.1 Association for Computing Machinery หรือ ACM องค์กรที่จดั ตั้งข้นึ ใน สหรฐั อเมรกิ า เพ่ือส่งเสรมิ การเพ่ิมพนู ศกั ยภาพ และความเชยี่ วชาญทางด้านไอทขี องบุคคลทัว่ ไป และ นสิ ติ นักศึกษา ซึ่งเปน็ องค์กรท่ีเปดิ รบั สมาชิกท้ังใน รูปแบบรายบุคคล และรปู แบบกลุ่มที่มคี วามสนใจ เฉพาะด้าน จากแตล่ ะชมุ ชนในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สาหรบั จรรยาบรรณทีส่ มาคมไดก้ าหนดขึน้ คือ ตอ้ งการให้สมาชกิ ของสมาคมปฏิบัติหนา้ ท่ี ของตนตามจรยิ ธรรมในการใชง้ านคอมพิวเตอร์ การปกป้องสารสนเทศทีเ่ ป็นความลบั รกั ษาความเปน็ ส่วนตวั ด้านสารสนเทศของผู้อ่ืน และเคารพทรัพย์สนิ ทางปัญญาของผอู้ นื่ ตัวอย่างจรรยาบรรณของ ACM ดังนี้ (www.acm.org) ช่วยเหลือมนษุ ยแ์ ละสงั คม 2. หลีกเลี่ยงการทาอนั ตรายต่อผู้อนื่ ซ่ือสัตยแ์ ละประพฤติตนให้นา่ ไวว้ างใจ ยตุ ธิ รรมและไม่เลือกปฏบิ ตั ิ เคารพในสิทธิความเปน็ เจา้ ของรวมทัง้ ลขิ สิทธแิ์ ละสิทธิบตั รของผู้อน่ื ใหเ้ ครดติ แก่เจ้าของทรัพย์สินทาง ปญั ญา เคารพสิทธิส่วนบุคคลของผู้อ่ืน รักษาความลบั ของข้อมูล 3.2.2 ISC2 (International Information Systems Certification Consortium, Inc.) เป็นหน่วยงานท่ีไม่แสวงหาผลกาไร ทาหน้าท่ีสร้างความเช่ือม่ันและให้การรับรองบุคลากรด้านความ มั่นคงและปลอดภัยของสารสนเทศเป็นหลัก โดยมีการจัดการเนื้อหาความรู้ด้านความม่ันคงปลอดภัย และการดูแลระบบ และประเมินผู้ประกอบวชิ าชีพด้านน้ี สาหรับจรรยาบรรณเบื้องต้นท่ี ISC2 กาหนด มี 4 ข้อหลัก ดังนี้ (wwwisc2.org) ปกป้องสังคม เครือข่ายสมาชิก และโครงสร้างพ้ืนฐาน ปฏิบัติงานด้วย จริยธรรมและกฏหมายเกย่ี วกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ
248 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 ความซื่อสัตย์ สุจริต ยุติธรรม รับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ให้บริการอย่างเต็มกาลัง ด้วยความวริ ิยะอตุ สาหะ ส่งเสรมิ ความก้าวหนา้ และปกป้องชือ่ เสียงเกียรตยิ ศของวชิ าชีพ 3.2.3 DPMA (The Data Processing Management Association) เ ป็ น อ ง ค์ ก ร ท่ี จัดการและรับผิดชอบด้านสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพ กาหนดจริยธรรมและมาตรฐานในการ ปฏบิ ตั ิงานเกย่ี วกบั คอมพิวเตอร์ 3.2.4 ACM (The Association for Computing Machinery) เ ป็ น ส ม า ค ม ท า ง การศึกษาและศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนความรับผิดชอบในการใช้ คอมพวิ เตอร์และพฒั นา กระบวนการทางระบบสารสนเทศในฐานะทเ่ี ป็นศาสตรแ์ ขนงหนึ่ง 3.2.5 ICCP (The Institute for Certification of Computer Professional) เป็นองค์ ที่สนับสนุนให้ผู้ท่ีอยู่ในวิชาชีพได้มีโอกาสทดสอบความรู้และความ เป็นนักวิชาชีพ และมีการออกใบ ประกาศวชิ าชีพให้ดว้ ย 3.2.6 CIPS (The Canadian Information Processing Society) เป็นสมาคมวิชาชีพ คอมพวิ เตอร์ท่ีให้การสนับสนุนความเป็นนักวชิ าชีพในกลุ่มของ ผทู้ างานระบบสารสนเทศ ผู้ทจ่ี ะได้รับใบ ประกาศวชิ าชพี ของสมาคมจะตอ้ งมีคณุ สมบตั ิและมปี ระสบการณ์ตาม มาตรฐานที่กาหนด 3.2.7 BCS (The British Computer Society) เป็นสมาคมวิชาชีพสาหรับผู้ทางาน ทางด้านคอมพิวเตอร์เพ่ือพัฒนาทางด้าน คอมพิวเตอร์และการนาไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ บทบาทที่ สาคัญของสมาคม คือ กาหนดมาตรฐานสมรรถนะทางวิชาชีพ และจริยธรรมในการปฏิบัติงานด้าน คอมพวิ เตอร์ นอกจากนย้ี งั มีบทบาทในการออกกฎหมายเกยี่ วกับการค้มุ ครอง 3.3 ประเดน็ จริยธรรมสาหรับผู้ใชไ้ อที ประเด็นดา้ นจรยิ ธรรมท่ัวไปสาหรับผู้ใช้ไอที มีดังนี้ 3.3.1 การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟแวร์ หมายถึง การทาซ้า ดัดแปลง การเผยแพร่ซอฟต์แวร์ต่อ สาธารณะชน การใหเ้ ชา่ ตน้ ฉบบั หรือสาเนาซอฟตแ์ วร์ ตลอดจนการแสวงหากาไรจากซอฟต์แวร์โดยไม่ได้ รบั อนุญาตหรือโดยไมไ่ ดเ้ สียค่าใชจ้ ่ายคา่ ลิขสทิ ธิ์ทก่ี าหนดไว้ 3.3.2 การใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างไม่เหมาะสม เช่น การเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ในเวลางาน เว็บไซต์ลามกอนาจาร การดาวน์โหลดภาพยนตร์ เพลงหรือซอฟต์แวร์อื่นๆ โดยใช้อินเทอร์เน็ตของ องค์กร การเล่นเกมในเวลางาน เป็นต้น พฤติกรรมดังกล่าวจัดว่าเป็นการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ของ องค์กรอย่างไมเ่ หมาะสม ซึง่ นอกจากทาใหป้ รมิ าณงานลดน้อยลงแล้ว ยังทาให้องค์กรมคี วามเส่ยี งต่อการ กระทาผดิ ทางคอมพวิ เตอรด์ ้วย จรยิ ธรรมและกฏหมายเกย่ี วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 249 3.3.3 การแบ่งปันสารสนเทศอย่างไม่เหมาะสม การแบ่งปันข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน ซ่ึง เน้ือหาของข้อมูลข่าวสารที่แลกเปลี่ยนกันบางคร้ังเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือเป็นความลับทาง การคา้ ขององค์กร เชน่ แผนงานโปรโมชั่นทางการตลาด สตู รการผลิต กระบวนการผลิต 3.4 สนบั สนุนจรยิ ธรรมอนั ดีแกผ่ ใู้ ช้ไอที การเพ่ิมจานวนของผู้ใช้ไอทีทาให้ประเด็นขัดแย้งใหม่ๆ ด้านจริยธรรมเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นหลายองค์กรจึงได้ตระหนักถึงความจาเป็นในการกาหนดนโยบายป้องกันการกระทาผิด แม้ว่า นโยบายจะไม่สามารถหยุดผู้กระทาผิดได้ แต่ก็จัดว่าเป็นการกาหนดหลักปฏิบัติให้ผู้ใช้ไอทีในองค์กรได้ ทราบ องค์กรสามารถสนับสนุนให้เกิดจริยธรรมในการใช้งานคอมพิวเตอร์ในองค์กรของผู้ใช้ ได้ โดย 3.4.1 กาหนดและจากัดการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม องค์กรควรจัดทาและบังคับใช้ นโยบายการใช้ทรัพยากรไอทีข้ึนมา พร้อมท้ังรณรงค์ให้พนักงานปฏิบัติตามนโยบาย และใช้ทรัพยากร เพอ่ื เพิม่ ประสิทธิภาพการทางานของตนใหม้ ากทส่ี ุด 3.4.2 กาหนดกฎเกณฑ์การใช้ซอฟแวร์ขององค์กร เพ่ือป้องกันปัญหาการทาซ้า ซอฟต์แวร์ บางอยา่ งขององค์กรไปใชท้ ่บี ้านของพนักงาน 3.4.3 ควบคุมการเข้าถึงระบบสารสนเทศขององค์กร องค์กรควรมีการกาหนดสิทธ์ิการใช้ งานแกพ่ นกั งานทุกคนตามอานาจหน้าท่ี 3.4.4 ตดิ ตง้ั และบารงุ รักษา Firewall องคก์ รสามารถติดต้งั Firewall เพ่อื ป้องกันการเข้า ชมเวบ็ ไซตท์ ี่ไมเ่ หมาะสมของพนกั งานได้ 3.5 บัญญตั ิ 10 ประการในการใชค้ อมพิวเตอร์ สาหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ท่ัวไป สามารถยึดหลักปฏิบัติตามบทบัญญัติ 10 ประการใน การใชค้ อมพวิ เตอรท์ ก่ี าหนดขนึ้ โดย “Computer Ethics Institute”ในการปฏบิ ัตติ นได้ ดังตอ่ ไปนี้ 3.5.1 ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพวิ เตอรท์ าอนั ตรายผ้อู ่นื 3.5.2 ต้องไม่แทรกแซงหรือรบกวนการทางานของผู้อื่น 3.5.3 ต้องไมส่ อดแนม หรอื เปดิ ดูแฟ้มข้อมูลของผู้อ่นื 3.5.4 ต้องไมใ่ ช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร 3.5.5 ตอ้ งไมใ่ ช้คอมพิวเตอรส์ รา้ งหลกั ฐานหรือพยานทีเ่ ปน็ เท็จ 3.5.6 ตอ้ งไม่คดั ลอกซอฟแวรท์ ่ีมีลิขสิทธ์ิ โดยไม่จ่ายค่าลขิ สิทธ์ิ 3.5.7 ตอ้ งไมล่ ะเมิดการใชท้ รัพยากรคอมพิวเตอร์ของคนอ่ืนโดยไม่ได้รับอนญุ าต 3.5.8 ตอ้ งไม่ละเมิดสทิ ธิ์ในทรัพยส์ นิ ทางปญั ญาของผูอ้ ื่นมาเปน็ ของตน จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
250 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 3.5.9 ต้องคานงึ ถงึ ผลท่ีจะเกิดขน้ึ กับสังคมทเ่ี กดิ จากโปรแกรมที่ท่านกาลงั เขยี นหรือ ออกแบบ 3.5.10 ตอ้ งใชค้ อมพวิ เตอรโ์ ดยเคารพต่อกฎระเบยี บ กติกา และมมี ารยาท 3.6 จรรยาบรรณของนกั คอมพวิ เตอร์ 3.6.1 จรรยาบรรณต่อตนเอง ยึดม่ันในความซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าท่ีและดารงชีวิต เหมาะสมตามหลกั ธรรมมาภิบาล 1. ประกอบวิชาชีพนักคอมพิวเตอร์ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีความยุติธรรม ใฝ่หา ความรใู้ หมๆ่ อย่เู สมอ เปน็ การพัฒนาตน และงานทรี่ บั ผิดชอบ อันจะเป็นการเพ่ิมศักยภาพให้ตนเองและ หนว่ ยงานท่ีสังกัด 2. ผู้ประกอบวิชาชีพคอมพิวเตอร์จะมีความวิริยะอุตสาหะในการปฏิบัติงานเพ่ือให้ บรรลคุ วามสาเรจ็ ของงานสงู สุด 3.6.2 จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมงาน ต้ังมนั่ อยู่ในความถกู ต้อง มเี หตุผล และรู้รกั สามัคคี 1. ไม่คัดลอกผลงานของผู้อ่ืนมาเป็นของตน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิ เดมิ อย่างเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร 2. ให้ความยกย่องและนับถือผู้ร่วมงานและผู้ร่วมอาชีพทุกระดับท่ีมีความรู้ ความสามารถและความประพฤติดี 3. รักษาและแสวงหามติ รภาพระหวา่ งผูร้ ว่ มงานและผ้รู ว่ มอาชีพ 3.6.3 จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ไม่ประพฤติหรือกระทาการใดๆอันเป็นเหตุให้เสื่อมเสียเกียรติ ศกั ดิใ์ นวชิ าชีพแหง่ ตน 1. ใช้ความรู้ความสามารถในทางสร้างสรรค์ ไม่ใช้ในทางทาลายหรือกลั่นแกล้งให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย 2. ไมแ่ อบอ้าง อวดอา้ ง ดหู ม่นิ ต่อบคุ คลอนื่ ๆหรือกลุ่มวิชาชีพอ่ืน 3. ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าท่ีเพ่ือส่งเสริมเกียรติคุณของวิชาชีพ ผู้ร่วมอาชีพ และเพอ่ื พัฒนาวชิ าชีพ 3.6.4 จรรยาบรรณต่อสังคม ปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติตน ในวิชาชีพนักคอมพิวเตอร์ท่ีดี เป็น แบบอย่างท่ดี ขี องสงั คม 1 ไม่เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งสาหรับตนเอง หรือ ผอู้ ื่นโดยมิชอบดว้ ยกฎ ระเบยี บ และหลกั คุณธรรม จรยิ ธรรม 2. ไม่ใช้อานวยหนา้ ที่โดยไม่ชอบธรรมในการเอื้อให้ตนเองหรือผู้อ่ืนได้รับประโยชน์หรือเสีย ประโยชน์ 3. ไมใ่ ชค้ วามรูค้ วามสามารถไปในทางล่อลวง หลอกลวง จนเป็นเหตใุ หเ้ กิดผลเสียตอ่ ผอู้ ่ืน จริยธรรมและกฏหมายเกย่ี วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 251 3.6.6 จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ เคารพในสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของผู้อ่ืน ปฏิบัติ หนา้ ทีด่ ้วยความโปร่งใส เปน็ ธรรม 1. รับฟังความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างบุคคล เครือข่าย และองค์กรที่ เกีย่ วข้อง 2. เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามสี ่วนร่วมและสามารถตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ านได้ 4. กฎหมายทเ่ี ก่ียวกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการดารงชีวิตประจาวันของเราทุกคนต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมายที่รัฐได้ตราขึ้น เพ่ือความสงบเรียบร้อยของสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม กฎหมายท่ีออกมาบังคับใช้ ในปัจจุบันมี มากมายหลายฉบับยากท่จี ะจดจาได้ทง้ั หมด แต่ผปู้ ฏิบัติงานจาเปน็ อยา่ งย่งิ ทจี่ ะตอ้ งรู้และเข้าใจอย่างถ่อง แท้ในเนื้อหาสาระของกฎหมายท่ีเก่ยี วข้อง เพื่อให้งานหรือกิจการน้ันๆ บรรลุวัตถปุ ระสงค์ตามเปา้ หมาย อยา่ งมีประสิทธภิ าพและประสิทธิผล กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ มดี งั น้ี 4.1 พระราชบัญญัตวิ า่ ด้วยการกระทาความผดิ เก่ยี วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มี เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติ คือ เพื่อกาหนดฐานความผิดและบทลงโทษสาหรับการกระทาความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์รวมท้ังกาหนดอานาจหน้าท่ีของพนักงานเจ้าหน้าท่ี รวมท้ังหน้าท่ีของผู้ให้บริการ โดยมีทงั้ หมด ๓๐ มาตรา ประกอบดว้ ย หมวดท่ัวไป มาตรา 1 ชือ่ กฎหมาย มาตรา 2 วันบังคับใช้ มาตรา 3 คานิยาม มาตรา 4 ผู้รกั ษาการ หมวดที่ 1 ความผิดเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซ่ึงระบบคอมพิวเตอร์ท่ีมีมาตรการป้องกัน การเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหน่ึงหมื่นบาท หรือท้ังจาท้ังปรบั มาตรา 6 ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ท่ีผู้อื่นจัดทาขึ้นเป็นการ เฉพาะ ถ้านามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อ่ืน ต้อง ระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหนึง่ ปี หรอื ปรบั ไม่เกินสองหมืน่ บาท หรือทัง้ จาท้ังปรบั มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ท่ีมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน ส่ีหม่ืนบาท หรือ ทัง้ จาทั้งปรับ จริยธรรมและกฏหมายเกยี่ วกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ
252 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 มาตรา 8 ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือดักรับไว้ซึ่ง ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ของผู้อน่ื ท่ีอยูร่ ะหว่างการส่งในระบบคอมพวิ เตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์น้ันมิได้มีไว้ เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลท่ัวไปใช้ประโยชน์ได้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือ ปรับไมเ่ กินหกหม่ืนบาท หรอื ทง้ั จาท้ังปรบั มาตรา 9 ผ้ใู ดทาใหเ้ สียหาย ทาลาย แก้ไข เปลย่ี นแปลง หรือเพม่ิ เตมิ ไม่ว่าทั้งหมดหรอื บางส่วน ซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อ่ืนโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทงั้ จาทัง้ ปรบั มาตรา 10 ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบ เพ่ือให้การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ของ ผู้อ่ืนถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทางานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน หา้ ปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ หนงึ่ แสนบาท หรือทง้ั จาทง้ั ปรับ มาตรา 11 ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น โดยปกปิดหรือ ปลอมแปลงแหล่งท่ีมาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคล อ่นื โดยปกติสขุ ตอ้ งระวางโทษปรับไม่เกนิ หนง่ึ แสนบาท มาตรา 12 ถ้าการกระทาความผดิ ตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐ (1) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายน้ันจะเกิดข้ึนในทันทีหรือใน ภายหลังและไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสน บาท (2) เป็นการกระทาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบ คอมพิวเตอร์ทเี่ ก่ยี วกบั การรักษาความมัน่ คงปลอดภยั ของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทาต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพ่ือ ประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจาคุกต้ังแต่สามปีถึงสิบห้าปี และ ปรับตั้งแต่หกหม่ืนบาทถึงสามแสนบาท ถ้าการกระทาความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกต้ังแต่สิบปถี ึงยี่สบิ ปี มาตรา 13 ผใู้ ดจาหนา่ ยหรือเผยแพรช่ ดุ คาสั่งที่จัดทาขึ้นโดยเฉพาะเพ่ือนาไปใช้เป็นเคร่อื งมือใน การกระทาความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหนึ่งปี หรือปรับไมเ่ กนิ สองหมืน่ บาท หรือท้ังจาทงั้ ปรบั มาตรา 14 ผูใ้ ดกระทาความผิดท่ีระบุไว้ดงั ต่อไปนี้ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินห้าปี หรอื ปรับไม่ เกินหน่งึ แสนบาท หรือทัง้ จาท้งั ปรับ (1) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอรอ์ ันเป็นเท็จ โดยประการทน่ี ่าจะเกดิ ความเสียหายแก่ผ้อู ่นื หรอื ประชาชน (2) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสยี หายตอ่ ความม่นั คงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตน่ื ตระหนกแก่ประชาชน จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 253 (3) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเก่ียวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรอื ความผดิ เก่ียวกบั การกอ่ การรา้ ยตามประมวลกฎหมายอาญา (4) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และ ขอ้ มลู คอมพิวเตอร์นัน้ ประชาชนท่ัวไปอาจเขา้ ถงึ ได้ (5) เผยแพร่หรือส่งต่อซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรอื (4) มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทาความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ท่ีอยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทาความผิดตาม มาตรา ๑๔ มาตรา 16 ผ้ใู ดนาเข้าสรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทัว่ ไปอาจเข้าถึงได้ ซง่ึ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วย วิธีการทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์หรือวธิ กี ารอื่นใด ทั้งน้ี โดยประการที่น่าจะทาใหผ้ อู้ ่ืนน้ันเสียช่อื เสียง ถูกดูหม่นิ ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหม่ืนบาท หรือทัง้ จาทงั้ ปรบั ถ้าการกระทาตามวรรคหน่ึง เป็นการนาเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจรติ ผู้กระทาไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหน่ึงเป็นความผดิ อันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผดิ ตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อน ร้องทกุ ข์ ใหบ้ ิดา มารดา คูส่ มรส หรอื บุตรของผู้เสยี หายร้องทุกขไ์ ด้ และใหถ้ ือว่าเปน็ ผู้เสยี หาย มาตรา 17 ผู้ใดกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตนิ ีน้ อกราชอาณาจกั รและ (1) ผู้กระทาความผดิ นนั้ เป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศท่ีความผิดได้เกิดข้ึนหรือผเู้ สียหาย ได้รอ้ งขอให้ลงโทษ หรือ (2) ผูก้ ระทาความผดิ นัน้ เป็นคนต่างดา้ ว และรฐั บาลไทยหรอื คนไทยเปน็ ผเู้ สยี หายและผู้เสียหาย ได้รอ้ งขอให้ลงโทษ จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร หมวดท่ี 2 พนกั งานเจ้าหน้าท่ี มาตรา 18 ภายใต้บังคับมาตรา 19 เพ่ือประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวน ในกรณีท่ีมีเหตุ อันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจอย่างหน่ึง อย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จาเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทาความผิดและ หาตวั ผูก้ ระทาความผดิ (1) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลท่ีเก่ียวข้องกับการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี มาเพื่อให้ถ้อยคา ส่งคาชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดท่ีอยู่ในรูปแบบที่ สามารถเขา้ ใจได้ จริยธรรมและกฏหมายเกย่ี วกับเทคโนโลยสี ารสนเทศ
254 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 (2) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อส่ือสารผ่านระบบ คอมพิวเตอรห์ รอื จากบุคคลอนื่ ที่เก่ียวขอ้ ง (3) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการท่ีต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือท่ีอยู่ใน ความครอบครองหรือควบคุมของผู้ใหบ้ ริการใหแ้ ก่พนักงานเจา้ หนา้ ท่ี (4) ทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุ อนั ควรเชื่อได้วา่ มีการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ในกรณีทร่ี ะบบคอมพวิ เตอรน์ ้ันยังมิได้อยู่ใน ความครอบครองของพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี (5) สง่ั ให้บคุ คลซึ่งครอบครองหรอื ควบคมุ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ หรอื อุปกรณท์ ีใ่ ช้เกบ็ ขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ ส่งมอบขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ หรืออปุ กรณ์ดงั กลา่ วใหแ้ ก่พนกั งานเจา้ หน้าที่ (6) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเก่ียวกับ การกระทาความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทาความผิดและสั่งให้บุคคลน้ันส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์ ทเ่ี กย่ี วข้องเท่าทจ่ี าเป็นใหด้ ว้ ยก็ได้ 7๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพวิ เตอร์ของบุคคลใด หรอื สง่ั ใหบ้ ุคคลทีเ่ ก่ยี วข้องกับการเข้ารหัส ลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทาการถอดรหัสลบั หรือใหค้ วามรว่ มมอื กับพนักงานเจา้ หนา้ ทใ่ี นการถอดรหัส ลบั ดงั กลา่ ว (8) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าท่ีจาเป็นเฉพาะเพ่ือประโยชน์ในการทราบรายละเอียด แห่งความผิดและผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี มาตรา 19 การใช้อานาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) ให้ พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อมีคาส่ังอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีดาเนินการ ตามคาร้อง ทั้งน้ี คาร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทาหรือกาลังจะกระทาการอย่างหนึ่ง อย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุท่ีต้องใช้อานาจ ลักษณะของการกระทาความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ท่ีใช้ในการกระทาความผิดและผู้กระทาความผิด เท่าท่ีสามารถจะระบุได้ ประกอบคาร้องด้วย ในการพิจารณาคาร้องให้ศาลพิจารณาคาร้องดังกล่าวโดยเร็วเม่ือศาลมีคาสั่ง อนญุ าตแลว้ ก่อนดาเนินการตามคาสง่ั ของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าทส่ี ง่ สาเนาบันทึกเหตุอนั ควรเชื่อที่ทา ให้ต้องใช้ อานาจตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบ คอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่น้ัน ให้ พนักงานเจ้าหน้าท่สี ่งมอบสาเนาบนั ทึกนัน้ ให้แกเ่ จ้าของหรือผู้ครอบครอง ดังกล่าวในทันทีที่กระทาได้ให้ พนักงานเจ้าหน้าท่ีผู้เป็นหัวหน้าในการดาเนิน การตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) ส่งสาเนา บันทึกรายละเอียดการดาเนินการและเหตุผลแห่งการดาเนินการ ให้ศาลท่ีมีเขตอานาจภายในสี่สิบแปด ช่ัวโมงนับแต่เวลาลงมือดาเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 18 (4) ให้กระทาไดเ้ ฉพาะเมือ่ มีเหตอุ นั ควรเชือ่ ไดว้ า่ มีการกระทาความผดิ ตามพระราช บัญญตั ิน้ี และตอ้ งไม่เป็น จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยสี ารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 255 อุปสรรคในการดาเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นเกินความจาเป็นการ ยึดหรืออายัดตามมาตรา 18 (8) นอกจากจะต้องส่งมอบสาเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้ เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะส่ังยึดหรือ อายดั ไว้เกินสามสบิ วันมิได้ ในกรณีจาเปน็ ที่ต้องยึดหรืออายัด ไวน้ านกวา่ นัน้ ให้ย่นื คาร้องต่อศาลท่ีมีเขต อานาจเพ่ือขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกัน ได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เม่ือหมดความจาเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกาหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าท่ีต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลันหนังสือแสดงการยึด หรืออายัดตามวรรคหา้ ใหเ้ ป็นไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง มาตรา 20 ใน กรณีที่การกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทาให้แพร่หลายซึ่ง ข้อมลู คอมพิวเตอรท์ ี่อาจกระทบกระเทือนต่อความม่ันคงแหง่ ราชอาณาจักรตามท่ีกาหนดไว้ ในภาคสอง ลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจย่ืนคาร้อง พร้อมแสดง พยานหลักฐานต่อศาลท่ีมีเขตอานาจขอให้มีคาสั่งระงับ การทาให้แพร่หลายซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ในกรณีท่ีศาลมีคาส่ังให้ระงับ การทาให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม วรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทาการระงับการทาให้แพร่หลายนั้นเอง หรือส่ังให้ผู้ให้บริการระงับการ ทาใหแ้ พรห่ ลายซง่ึ ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์นนั้ ก็ ได้ มาตรา 21 ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคาสั่ง ไม่พึงประสงค์ รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอให้มีคาสั่งห้ามจาหน่ายหรือ เผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์น้ันระงับการใช้ ทาลาย หรือแก้ไข ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกาหนดเง่ือนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคาสั่งไม่พงึ ป ร ะ ส ง ค์ ดั ง ก ล่ า ว ก็ ไ ด้ ชุ ด ค า สั่ ง ไ ม่ พึ ง ป ร ะ ส ง ค์ ต า ม ว ร ร ค ห น่ึ ง ห ม า ย ถึ ง ชุ ด ค า ส่ั ง ที่ มี ผ ล ท า ใ ห้ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคาสั่งอ่ืนเกิดความเสียหาย ถูกทาลาย ถูกแก้ไข เปลย่ี นแปลงหรอื เพ่ิมเตมิ ขัดขอ้ ง หรือปฏิบตั งิ านไมต่ รงตามคาสัง่ ท่ีกาหนดไว้ หรอื โดยประการอื่นตามที่ กาหนดในกฎกระทรวง ท้ังนี้ เว้นแต่เป็นชุดคาส่ังที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคาส่ังดังกล่าว ข้างต้น ตามท่รี ัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานเุ บกษา มาตรา 22 ห้ามมใิ ห้พนักงานเจา้ หน้าที่เปิดเผยหรอื ส่งมอบข้อมลู คอมพวิ เตอร์ ข้อมลู จราจรทาง คอมพิวเตอร์ หรอื ขอ้ มูลของผู้ใชบ้ ริการ ท่ไี ด้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใด ความในวรรคหน่ึงมิให้ใช้ บังคับกับการกระทาเพ่ือประโยชน์ในการดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อ ประโยชนใ์ นการดาเนนิ คดีกับพนกั งานเจา้ หนา้ ที่เก่ยี วกับการใช้อานาจหน้าทโ่ี ดยมชิ อบ หรอื เป็นการกระ ทาตามคาสั่งหรือท่ีได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าท่ีผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจาคุกไม่ เกนิ สามปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ หกหม่นื บาท หรอื ทั้งจาทั้งปรบั จริยธรรมและกฏหมายเกย่ี วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
256 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 มาตรา 23 พนักงานเจ้าหน้าท่ีผู้ใดกระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อ่ืนล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ขอ้ มลู จราจรทางคอมพวิ เตอร์ หรอื ข้อมลู ของผู้ใช้บริการ ท่ีไดม้ าตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจาคุกไม่ เกินหน่งึ ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรอื ทั้งจาท้ังปรับ มาตรา 24 ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของ ผู้ใช้บริการ ท่ีพนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อ ผู้หน่ึงผู้ใด ต้องระวาง โทษจาคกุ ไม่เกนิ สองปี หรือปรับไมเ่ กินสีห่ มืน่ บาท หรือทง้ั จาทงั้ ปรับ มาตรา 5 ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ท่ีพนักงานเจ้าหน้าท่ี ไดม้ าตามพระราชบัญญตั ินี้ ใหอ้ า้ งและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบญั ญัตแิ ห่งประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอนื่ อันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเปน็ ชนิดท่ีมิได้เกิดขน้ึ จากการจูง ใจ มีคามั่นสัญญา ข่เู ข็ญ หลอกลวง หรอื โดยมิชอบประการอน่ื มาตรา 26 ผู้ ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไวไ้ ม่น้อยกว่า เก้าสิบวันนบั แต่วันท่ีข้อมูลน้ันเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะส่ัง ให้ผู้ให้บริการผู้ใด เก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหน่ึงปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและ เฉพาะคราวก็ได้ผู้ให้บริการจะ ต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าท่ีจาเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ ใช้บริการนับตั้งแต่เร่ิมใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า เก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้ บริการส้ินสุดลงความในวรรคหน่ึงจะใช้กับผู้ให้ บริการประเภทใด อย่างไร และเม่ือใด ให้เป็นไปตามท่ี รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาผู้ให้บริการผู้ใดไม่ ปฏิบัติตามมาตราน้ี ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน ห้าแสนบาท มาตรา 27 ใดไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าท่ีท่ีส่ังตามมาตรา 18 หรือ มาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของศาลตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินสองแสนบาท และปรบั เปน็ รายวันอกี ไม่เกนิ วันละห้าพันบาทจนกวา่ จะปฏบิ ตั ิให้ถกู ต้อง มาตรา 28 การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าท่ีตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มี ความรู้และความชานาญเก่ยี วกับระบบคอมพิวเตอรแ์ ละมีคุณสมบัตติ ามทร่ี ัฐมนตรกี าหนด มาตรา 29 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี เป็นพนักงานฝ่าย ปกครองหรือตารวจช้ันผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอานาจรับคาร้องทุกข์หรอื รับคากล่าวโทษ และมีอานาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ในการจับ ควบคุม ค้น การทาสานวนสอบสวนและดาเนินคดีผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาท่ีเป็น อานาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีประสานงาน กับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อ ดาเนินการตามอานาจหน้าท่ีต่อไปให้นายก รัฐมนตรีในฐานะผู้กากับดูแลสานักงานตารวจแห่งชาติและ รฐั มนตรีมอี านาจร่วมกัน กาหนดระเบยี บเก่ยี วกับแนวทางและวธิ ปี ฏบิ ัติในการดาเนินการตามวรรคสอง จริยธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 257 มาตรา 30 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าท่ีต้องแสดงบัตรประจาตัว ต่อบุคคลซึ่ง เก่ียวข้องบัตรประจาตัวของพนักงานเจ้าหน้าท่ีให้เป็นไปตามแบบท่ีรัฐมนตรีประกาศ ในราชกิจจา นุเบกษา ตารางที่ 10.1 ตวั อยา่ งพฤติกรรมที่มีความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ิว่าด้วยการกระทาความผิดเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 พฤตกิ รรม ฐานความผดิ ใช้ user name/password ของผอู้ น่ื Log in เขา้ สู่ระบบ มาตรา 5 ปรบั ไมเ่ กนิ 10,000.- จาคุกไมเ่ กนิ 6 เดอื น Forward email ท่มี ีขอ้ ความ เน้ือหา หรือรปู ภาพทไ่ี ม่ มาตรา 14 ปรบั ไม่เกนิ 100,000.- จาคุกไมเ่ กิน 5 ปี เหมาะสม เป็นเทจ็ กระทบความมน่ั คง หรือลามกก่อนา จาร โพสข้อความตามกระทูต้ า่ งๆ ทม่ี เี นอื้ หาไมเ่ หมาะสม เป็น มาตรา 14 ปรบั ไม่เกิน 100,000.- จาคุกไมเ่ กิน 5 ปี เทจ็ กระทบความมั่นคง หรอื ลามกอนาจาร เผยภาพตัดตอ่ ให้ผูอ้ ื่นได้รับความเสือ่ มเสยี หรืออับอาย มาตรา 16 ปรบั ไม่เกนิ 60,000.- จาคุกไมเ่ กนิ 3 ปี พวก ท่ีชอบเจาะระบบคอมพวิ เตอร์ของผ้อู ่ืน ทเี่ ขาอุตสา่ ห์ โทษสาหรับพวกชอบเจาะ จาคุกไมเ่ กนิ 6 เดอื น ปรบั สร้างระบบป้องกนั ไว้แต่ถา้ เขา้ เวบ็ สาธารณะ ก็ยอ่ มไมม่ ี ไมเ่ กิน 10,000 บาท ความผิด โทษสาหรบั พวกชอบเจาะ คนท่เี ผยรหัส (Password) ที่ตวั เองรูม้ า สาหรบั เพอ่ื ใชเ้ ขา้ มีโทษจาคุก 1 ปี ปรบั ไมเ่ กิน 20,000 บาท ระบบคอมพวิ เตอร์ พวก ทช่ี อบสง่ เมล์ก่อกวนหรอื โฆษณาขายสินค้าหรอื ขาย มโี ทษปรับอย่างเดียวไมเ่ กนิ 1000,000 บาท โทษฐาน บรกิ าร ประเภทป๊อปอัพ หรอื พวกสง่ เมลข์ ยะโดยท่เี ขาไม่ กอ่ ความราคาญ ตอ้ งการ พวก ที่ชอบส่งเมล์ เปน็ ขอ้ มลู ปลอมข้อมลู เท็จ ใสร่ ้ายปา้ ย จาคกุ ไมเ่ กิน 5 ปปี รับไมเ่ กิน 100,000 บาท สคี นอืน่ หรอื พวกเจ้ากรมข่าวลอื ทช่ี อบปลอ่ ยขา่ วใหเ้ กดิ ความวุน่ วาย รวมถงึ ส่งภาพลามกอนาจารทงั้ หลาย รวมถึง พวกผสมโรงทีไ่ ดร้ บั แล้วสง่ ตอ่ ด้วย พวก ที่ชอบใช้ศลิ ปะเฉพาะตวั ตัดตอ่ ภาพของคนอ่นื แล้ว ตอ้ งโทษาจาคุกไมเ่ กนิ 3 ปี ปรบั ไมเ่ กนิ 600, 000 นาเข้าเผยทางอินเตอรเ์ นต็ ทาให้เจ้าของภาพเข้าเสยี หาย บาท อบั อาย 4.2 พระราชบญั ญัติวา่ ดว้ ยธุรกรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ พ.ศ. 2544 เป็นกฎหมายเพอื่ รับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ใหเ้ สมอด้วยกระดาษ อันเป็นการรองรับนิติสัมพันธ์ ตา่ ง ๆ ซ่งึ แต่เดิมอาจจะจัดทาข้นึ ในรูปแบบของหนังสือให้เท่าเทียมกับนิติสัมพนั ธ์รูปแบบใหม่ท่ีจัดทาข้ึน ใหอ้ ยู่ในรูปแบบของข้อมูลอเิ ล็กทรอนิกส์ รวมตลอดทัง้ การลงลายมือช่ือในข้อมูลอิเล็กทรอนกิ ส์ และการ รับฟงั พยานหลกั ฐานท่ีอย่ใู นรูปแบบของขอ้ มลู อิเลก็ ทรอนิกส์ จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยสี ารสนเทศ
258 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 4.3 กฎหมายเกยี่ วกับการคุ้มครองความเปน็ ส่วนตัวและข้อมูลส่วนบคุ คล ในประเทศไทยได้มกี ารพูดถึงข้อมูลสว่ นบุคคลอันเป็นสิทธิมนษุ ยชนขั้นพน้ื ฐานอย่าง กวา้ งขวาง เช่น (1) รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 4 ศกั ด์ศิ รีความเปน็ มนุษย์ สทิ ธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลยอ่ มไดร้ ับความคุ้มครอง มาตรา 35 สิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ช่ือเสียง ตลอดจนความเป็นอยู่ส่วนตัวย่อม ได้รับความคุ้มครองการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซ่ึงข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีใดไปยังสาธารณชน อันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศ ช่ือเสียง หรือความเป็นอยู่ ส่วนตัวจะกระทามิได้เว้นแต่กรณีท่ีเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับความคุ้มครองจาก การแสวงประโยชน์โดยมชิ อบจากข้อมลู สว่ นบุคคลทเ่ี กย่ี วกับตน ทงั้ น้ี ตามทกี่ ฎหมายบัญญัติ (2) พระราชบัญญัติขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540 “ข้อมลู ข่าวสารสว่ นบุคคล” หมายความว่า ขอ้ มูลขา่ วสารเกย่ี วกบั ส่งิ เฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศกึ ษา ฐานะการเงนิ ประวัตสิ ขุ ภาพ ประวัตอิ าชญากรรม หรือประวตั กิ ารทางาน บรรดาท่มี ชี ่ือของผู้ นั้นหรอื มเี ลขหมาย รหัส หรือส่งิ บอกลกั ษณะอ่ืนทท่ี าให้รู้ตัวผ้นู ัน้ ได้ เช่น ลายพิมพน์ ้วิ มือ แผ่นบนั ทกึ ลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และใหห้ มายความรวมถงึ ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับสง่ิ เฉพาะตัวของผทู้ ่ีถึง แกก่ รรมแลว้ ดว้ ย (3) ร่าง พระราชบัญญตั ิค้มุ ครองข้อมูลส่วนบคุ คล พ.ศ. 2555 “ข้อมลู สว่ นบคุ คล” หมายความว่า ข้อมูลเก่ยี วกบั สง่ิ เฉพาะตวั ของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะ การเงิน ประวัติสขุ ภาพ ประวัตอิ าชญากรรม ประวัติการทางาน หรือประวัติกจิ กรรม บรรดาทีม่ ีช่ือของคุ คลนั้นหรือมีเลขหมาย รหสั หรือสง่ิ อน่ื ที่ทาใหร้ ้ตู ัวบุคคลน้ันได้ เช่น ลายพิมพ์นิว้ มือ แผน่ บนั ทกึ ลกั ษณะ เสียงของคน หรอื รปู ถ่าย และให้หมายความรวมถงึ ข้อมลู เกี่ยวกบั ส่งิ เฉพาะตวั ของผู้ถึงทถี่ ึงแกก่ รรมแล้ว (4) ปฏญิ ญาสากลว่าดว้ ยสทิ ธิมนุษยชน ข้อ 12 บุคคลใดจะถูกแทรกแซงตามอาเภอใจในความเปน็ ส่วนตวั ครอบครวั ท่ีอยู่อาศัย หรือ การสอ่ื สาร หรือจะถูกลบหล่เู กียรติยศและชื่อเสยี งไม่ได้ ทุกคนมีสิทธทิ ีจ่ ะได้รบั ความคุ้มครองของ กฎหมายต่อการแทรกแซงสิทธหิ รอื การลบหลดู่ ังกลา่ วนัน้ 4.4 กฎหมายเกยี่ วกับการปกป้องทรัพย์สนิ ทางปัญญา “ทรัพย์สินทางปัญญา” (Intellectual property) หมายความรวมถึง สิทธิอันเกี่ยวกับงาน วรรณกรรม ศิลปกรรม และวิทยาศาสตร์ การแสดงของศิลปิน นักแสดง การดาเนินการบันทึกและแพร่ เสยี งแพรภ่ าพการแสดงนนั้ การประดิษฐ์กรรมทกุ ประเภทที่เกดิ จากความอตุ สาหะของมนษุ ย์ การคน้ พบ ทาง วทิ ยาศาสตร์ การออกแบบผลติ ภณั ฑท์ างอุตสาหกรรม เครือ่ งหมายการค้า เครอ่ื งหมายบริการ และ ชื่อหรือส่ิงกาหนดอนั เกยี่ วกับการคา้ การป้องกันการกระทาอันเป็นการแข่งขนั โดยไม่เป็นธรรม ตลอดจน จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยสี ารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 259 สิทธิอ่ืน ๆ อันเป็นผลมาจากการสร้างสรรค์โดยใช้ปัญญาในทางอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ วรรณกรรม และศิลปกรรม โดยท่ัวไปทรัพย์สินทุกคนรู้จักคุ้นเคยกัน คือ อสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็น ทรัพย์สินที่มีรูปรา่ งหรอื จับต้องได้ (tangible property) แต่ทรัพย์สินทางปัญญาถือว่าเป็นทรัพย์สนิ ท่ีไม่ มีรูปร่างหรือไม่สามารถจับต้องได้ (intangible property) ซ่ึงโดยลักษณะแล้วยากท่ีผู้ใดจะครอบครอง ไว้ได้ แม้จะแฝงตัวอยู่ในทรัพย์สินที่จับต้องได้ แต่ด้วยระบบกฎหมายท่ีให้ความคุ้มครองและปกป้อง ทรัพย์สินทางปัญญาจึงสามารถถือครองหรือครอบครองได้ นอกจากนี้ การให้ความคุ้มครองและใช้ ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาจาเป็นต้องมีกลไกและระบบที่แตกต่างจากระบบทรัพย์สินท่ัวไปในบาง กรณี ดังนั้น จึงมีกฎหมายเฉพาะรองรับหรือให้ความคุ้มครองแตกต่างจากทรัพย์สินในความหมายท่ัวไป ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีกฎหมายให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเฉพาะที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของกรมทรพั ย์สนิ ทางปัญญา ดังน้ี 1. พระราชบญั ญตั ิสทิ ธิบัตร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2542 เป็นกฎหมายหลักที่ให้ความคุ้มครอง การประดิษฐ์และการออกแบบผลิตภณั ฑ์ที่เปน็ ประโยชน์ต่อสังคม โดยเหตุผลใตการตราพระราชบญั ญัติ สิทธิบัตร เพ่ือส่งเสริมให้มีการค้นคว้าวิจัยและประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีใดข้ึนใหม่ และการ ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์และเป็นความก้าวหน้าทางเทคนิคในเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมในประเทศ และเพื่อให้ผู้ประดิษฐ์และผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ได้รับความ คุ้มครอง โดยห้ามมิให้บุคคลอ่ืนลอกเลียนแบบ หรือเลียนแบบการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยมิได้ค่าตอบแทน กฎหมายสิทธิบัตรได้กาหนดรูปแบบของการให้ความคุ้มครองแก่การประดิษฐ์ไว้ ดงั นี้ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภณั ฑ์ อนสุ ทิ ธิบัตร 2. พระราชบญั ญตั เิ ครอ่ื งหมายการค้า พ.ศ. 2534 วัตถุประสงคห์ ลักของเครื่องหมายการค้า คือ การระบุแหล่งท่ีมาของสินค้าและบริการ และแยกความแตกต่างสินค้าหรือบริการจากสินค้าหรือ บริการอืน่ เคร่ืองหมายการค้าส่วนใหญ่จะรูจ้ ักและคนุ้ เคยกันในชื่อของคาว่ายี่ห้อ ตรา โลโก้ หรอื แบรนด์ กล่าวได้ว่าเครื่องหมายการค้าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหน่ึง ซึ่งจัดอยู่ในประเภททรัพย์สิน อตุ สาหกรรม สงิ่ ทจี่ ะได้รบั ความคุ้มครองตามกฎหมายเครอ่ื งหมายการค้า คือ เคร่อื งหมายทีใ่ ชก้ ับสินค้า หรือบริการซ่ึงกฎหมายเคร่ืองหมายการค้าได้ให้นิยามคาวา่ เครื่องหมาย ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพ ประดิษฐ์ ตรา ชื่อ คา ตัวหนังสือ ตัวเลข ลายมือช่ือ หรือสิ่งเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง รวมกัน แต่ไม่หมายความรวมถงึ แบบผลิตภณั ฑต์ ามกฎหมายว่าดว้ ยสิทธิบัตร 3. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวท่ีจะกระทา การใด ๆ เก่ียวกับงานท่ีผู้สร้างสรรค์ได้ทาขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ลิขสิทธ์ิเป็นผลงานท่ีเกิดจากการใช้ สติปัญญา ความรู้ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์งานให้เกิดข้ึน ซ่ึงถือว่าเป็น จรยิ ธรรมและกฏหมายเกย่ี วกับเทคโนโลยสี ารสนเทศ
260 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 ทรพั ย์สนิ ทางปัญญาประเภทหนึง่ โดยมพี ระราชบัญญัตลิ ิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ให้ความคุ้มครองแก่งานอันมี ลิขสทิ ธิ์ 4. พระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ. 2545 ส่ิงที่ได้รับความคุ้มครองความลับทาง การค้าค่อนข้างกว้างขวางโดยรวมถึงวิธีการขายหรือ จัดจาหน่ายสินค้า รายละเอียดของลูกค้า กลยุทธ์ การโฆษณา รายชื่อลูกค้า และกระบวนการผลิต เป็นต้น การวิเคราะห์ว่าอะไรเป็นข้อมูลความลับทาง การค้าหรือไม่ ข้ึนกับสถานการณ์ในแต่ละกรณี ความลับทางการค้าอาจเกิดจากการรวบรวมลักษณะ พิเศษหรือองค์ประกอบอ่ืน ๆ ของข้อมูลที่เป็นสาธารณะอยู่แลว้ โดยการให้กระบวนการใหก้ ารนาข้อมลู มาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีมาตรการป้องกันรักษาความลับ ตัวอย่างของความลับทางกาค้าท่ีมีช่ือเสียง เช่น สูตรน้าอัดลมของบริษัทโค้ก หรือ source code ของโปรแกรมวินโดว์ของบริษัทไมโครซอฟท์ เป็น ต้น โดยหลักการความลับทางการค้าย่อมได้รับความคุ้มครองทันที หากข้อมูลความลับทางการค้าเข้า เงือ่ นไขทีจ่ ะเป็นความลบั ทางการคา้ ได้ตามกฎหมาย ซ่ึงประกอบดว้ ยคณุ ลักษณะดังน้ี (1) ข้อมลู ทางการค้านนั้ ยงั ไมเ่ ป็นท่ีรจู้ ักกนั โดยท่ัวไป หรอื ยังเขา้ ไม่ถึงได้ในหมูบ่ ุคคล ซึ่งโดย ปกติแล้วต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลความลับทางการค้าไม่จาเป็นต้องเป็นข้อมูลความลับขั้น สุดยอดหรอื เป็นส่ิงใหม่ท่ีไม่เคยมีใครเคยรู้มาก่อน อยา่ งไรกต็ าม ข้อมลู ดงั กล่าวต้องเปน็ ข้อมลู ทชี่ อบด้วย กฎหมาย (2) ข้อมูลการค้าน้ันต้องมีประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เน่ืองจากเป็นความลับ ท้ังน้ี การมี ประโยชน์ในทางพาณิชย์ หมายถึง การดารงคงอยู่ของธุรกิจการค้าท่ีกระทาอยู่ หรือที่กาลังจะกระทา ต่อไปข้นึ อยู่กับข้อมูลนนั้ และผ้เู ปน็ เจ้าของข้อมูลได้ใชเ้ วลา ความพยายาม และค่าใชจ้ า่ ยอย่างมากจึงจะ ไดข้ ้อมลู น้นั มา (3) ขอ้ มลู การคา้ นน้ั ผูค้ วบคมุ ความลบั ทางการคา้ นั้นได้ใช้มาตรการท่ีเหมาะสมเพื่อรักษาไว้ เป็นความลับซ่ึงผู้ควบคุมความลับทาการค้าหมายถึงเจ้าของความลับทางการค้า หรือผู้ครอบครอง ควบคุมหรือดูแลความลบั ทางการค้า เช่น หากจาเป็นต้องการเปิดเผย ความลับ อาจทาสัญญาเก็บรักษา ความลับกับผทู้ ีจ่ ะล่วงรคู้ วามลบั น้ัน หรือการวางกฎระเบียบในการเก็บรกั ษาความลับ 4. พระราชบัญญัติคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ. 2546 ส่ิงบง่ ช้ีทางภมู ิศาสตร์ คอื ช่ือ หรือสัญลักษณ์หรือสง่ิ อ่ืนใดที่บอกแหล่งผลิตของสินค้า โดยสามารถสือ่ ให้ผบู้ ริโภคเข้าใจได้ว่าสนิ ค้าน้นั มี คุณภาพหรือคุณลักษณะพิเศษแตกต่างจากสินค้าที่ผลิตในแหล่งผลิตอ่ืน เช่น มะขามหวานเพชรบูรณ์ ท่ี ประกอบด้วยคาวา่ มะขามหวาน ซึง่ บอกว่าสินคา้ คอื อะไร และคาว่าเพชรบรู ณ์ ซงึ่ บอกแหลง่ ผลิตมะขาม หวานดังกล่าว และยังสื่อให้คนทั่วไปเข้าใจว่ามะขามหวานดังกล่าวมีคุณภาพสูงมีรสชาติหวานและไม่ แฉะ อันเป็นคุณลักษณะเฉพาะของมะขามหวานเพชรบูรณ์ ซ่ึงได้รับอิทธิพลจากดินท่ีเหมาะสมสาหรับ การปลูกมะขามและปริมาณน้าฝนท่ีพอเหมาะพอดีในจังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบกับฝีมือการเพาะปลูก ของเกษตรกรชาวเพชรบูรณ์ ซึ่งมีกรรมวิธีในการปลูกโดยเฉพาะ จึงทาให้มะขามที่ปลูกในจังหวัด เพชรบูรณ์มีความหวานมากกว่าท้องถ่ินอื่น ฉะนั้น ส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเม่ือมี จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 261 องค์ประกอบหรือปัจจัยสาคัญสองประการคือ ธรรมชาติกับมนุษย์ในแหล่งหรือท้องท่ีนั้น โดยธรรมชาติ นั้นสร้างส่ิงแวดล้อมหรือวัตถุดิบให้แก่การผลิตสินค้า ส่วนมนุษย์นั้นใช้ทักษะ ความชานาญ และภูมิ ปัญญาในการผลิตสินค้าน้ัน ทั้งสองปัจจัยจึงได้ก่อให้เกิดสินค้าที่มีคุณภาพหรือคุณลักษณะพิเศษเฉพาะ ด้วยเหตุน้ี สิทธิในส่ิงบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์จึงเป็นสิทธิชุมชน หรือสิทธิของกลุ่มคนที่อยู่ในท้องถ่ินท่ีผลิต สนิ ค้านั้น 5. พระราชบัญญัติการผลิตภัณฑ์ซีดี พ.ศ. 2548 โดยที่ ปัจจุบันการละเมิดทรัพย์สินทาง ปัญญาในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างย่ิงปัญหาการละเมิดลิขสิทธ์ิในรูปแบบผลิตภัณฑ์ซีดีได้ทวีความ รุนแรงจนกระทั่งกลไกของรัฐที่มีอยู่ไม่สามารถที่จะควบคุม หรือป้องปรามการละเมิดดังกล่าวได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ จึงเหน็ สมควรมีมาตรการกากับดูแลการผลิตผลติ ภัณฑ์ซีดี โดยการกาหนดขน้ั ตอนการแจ้ง การผลติ สาหรับผู้ที่ประสงค์จะประกอบการผลิต การครอบครองเคร่ืองจักรทใ่ี ชใ้ นการผลติ ตลอดจนการ รายงานปริมาณและสถานที่เก็บวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยเสรมิ สร้างกลไกการ ป้องปรามการละเมิดลิขสิทธ์ิให้ มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้นรวมท้ังจะทาให้การจัดเก็บภาษี อากรได้ผลเต็ม ที่ ท้ังจะทาให้ผู้ประกอบธุรกิจเก่ียวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ซีดีดาเนินการผลิต สินค้าที่ ถกู ตอ้ งตามกฎหมายจึงจาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี 6. พระราชบัญญัติคุ้มครองแบบผังภูมิของวงจรรวม พ.ศ. 2543 ให้ความคุ้มครองแก่แบบ ผังภูมิวงจรรวม (integrated-circuit layout design) โดยกฎหมายให้คาจากัดความ “วงจรรวม” (semiconductor chip) ว่า หมายความถึงผลิตภัณฑ์สาเร็จรูป หรือกึ่งสาเร็จรูปท่ีทาหน้าที่ทาง อเิ ลก็ ทรอนิกส์ อนั ประกอบด้วยช้ินส่วนที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติการทางอิเลก็ ทรอนิกส์รวมอยู่ ด้วย และส่วนเชื่อมต่อท่ีเชื่อมชิ้นส่วนเหล่าน้ันทั้งหมด หรือบางส่วนเข้าด้วยกัน ซ่ึงได้จัดวางเป็นช้ัน ลักษณะที่ผสานรวมกันอยู่บนหรือในวัตถุก่ึงตัวนาช้ินเดียวกัน ซ่ึงเรียกกันโดยทั่วไปว่า “ชิบ” (chip) ซ่ึง ใช้กันอย่างกว้างขวางในผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เคร่ืองรับ วิทยุหรือโทรทัศน์ เคร่ืองคิดเลข และนาฬิกา เป็นต้น และ “ระบบผังภูมิ” หมายความถึงแบบแผนผัง หรอื ภาพท่ีทาขน้ึ วา่ จะปรากฎในรูปแบบใดเพอ่ื ใหเ้ ห็นถงึ การจัดวางเปน็ วงจรรวมในลักษณะสามมิติ จรยิ ธรรมและกฏหมายเกย่ี วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ
262 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 สรุป จริยธรรม หมายถึง หลักพื้นฐานในการตัดสินความถูกหรือผิดท่ีแต่ละบุคคลนามาใช้อย่าง อิสระในการเลือกหนทางปฏิบัติ หรือกาหนดพฤติกรรมของตนเอง ความสัมพันธ์ของหลักจริยธรรม สังคม และการปกครอง เป็นส่ิงที่มีความผูกพันต่อสังคมอย่างเหน่ียวแน่น ผู้บริหารระบบสารสนเทศ มักจะพบกับทางสองแพร่งเม่ือพิจารณาตามหลักจริยธรรมที่ถูกสะท้อนออกมาในรูปของการโต้เถียงทาง สังคมและการปกครอง ประเด็นความเป็นส่วนตัว คือ การเก็บรวบรวม การเก็บรักษา และการเผยแพร่ ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับปัจเจกบุคคล เช่น ความเป็นส่วนตัวของบุคคลต้องได้ดุลกับความต้องการของ สงั คม สิทธขิ องสาธารณชนอยเู่ หนอื สทิ ธิความเปน็ สว่ นตัวของปัจเจกชน การกาหนดจรรยาบรรณข้ึนเป็นหลักปฏิบัติของสมาชิกในหน่วยงาน มีประโยชน์ทั้งต่อบุคคล และสังคมคือ พัฒนาการตัดสินใจทางจริยธรรมให้มีประสิทธภิ าพมากข้ึน สนับสนุนให้เกิดมาตรฐานของ การประพฤติตามจริยธรรม เพ่ิมความน่าเชื่อถือและน่านับถือจากสาธารณะชน มีการประเมิน เปรียบเทียบกับมาตรฐาน ในการดารงชีวิตประจาวันของเราทุกคนต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมายที่รัฐได้ตรา ข้ึน เพ่ือความสงบเรียบร้อยของสังคมท้ังทางตรงและทางอ้อม กฎหมายที่ออกมาบังคับใช้ กฎหมายท่ี เก่ียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ มีดังน้ี พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัติวา่ ดว้ ยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 กฎหมายเก่ยี วกบั การคุ้มครอง ความเปน็ สว่ นตัวและข้อมลู สว่ นบคุ คล และกฎหมายเกีย่ วกับการปกปอ้ งทรพั ย์สินทางปญั ญา จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ
เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 263 แบบฝึกหดั 1. จงบอกความหมายและความสาคญั จรยิ ธรรม 2. คุณลักษณะเชน่ ไรทหี่ มายถงึ การมีจรยิ ธรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. เทคโนโลยคี กุ้ กี้ (Cookie) คืออะไร อยสู่ ว่ นใดของระบบคอมพวิ เตอร์ 4. แนวโน้มของเทคโนโลยที เี่ ป็นสาเหตุหลักของผลกระทบตอ่ จริยธรรม มอี ะไรบ้าง 5. จงอธิบายคุณลกั ษณะของจรยิ ธรรมสาหรบั วชิ าชีพไอทีและผใู้ ชไ้ อที 6. กฎหมายท่เี ก่ียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ มกี ฎหมายใดบ้าง 7. บทลงโทษของผูล้ ะเมิดลิขสิทธ์ิทรพั ย์สนิ ทางปญั ญา มวี ่าอย่างไร ผดิ ในมาตราใด จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ
264 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 เอกสารอ้างอิง สัลยทุ ธ์ สว่างวรรณ.(ผ้แู ปล)จาก Kemneth C. Laudon, Jane P. Laudon. (2552). ระบบสารสนเทศ เพื่อการจัดการ. กรุงเทพฯ:เพียรสนั เอ็ดดเู คช่ัน อนิ โดไชนา่ . พนิดา พาณิชกุล. (2553). จริยธรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ =Ethics in Information Technology. กรุงเทพฯ: เคทพี ี คอม์ แอนด์ คอนซลั ท์. สานักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์ สานกั งานปลัดกระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและ การสื่อสาร. (2558). รวมกฎหมายเกี่ยวกับธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละกฎหมายที่ เกีย่ วข้อง. พิมพค์ รั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั ศนู ย์การพิมพแ์ ก่นจันทร์ จากดั กฎหมายทรัพย์สินทางปญั ญาไทย. จาก https://www.ipthailand.go.th/index.php?option=com_docman&task=cat_view&gi d=114&Itemid=169 ค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2557 จรยิ ธรรมและกฏหมายเกยี่ วกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ
บรรณานกุ รม กิตติ ภักดวี ฒั นะกลุ . (2546). คมั ภรี ์ระบบสารสนเทศ. กรุงเทพฯ:เคทีพี คอมพ์ แอนด์ คอนซลั ท์. จติ ตมิ า วงศ์วฒุ ิวฒั น,์ นติ ยา วงศ์ภินันทว์ ัฒนา และ ปัญจาศี ปุณณชัยยะ. (2547). การวเิ คราะหแ์ ละ ออกแบบระบบ. กรงุ เทพฯ: เพยี ร์สนั เอ็ดดูเคชน่ั อนิ โดไชน่า. ชัชวาล วงษป์ ระเสรฐิ . (2548). การจัดการสารสนเทศเบ้ืองต้น. กรุงเทพฯ: เอ็กซเปอรเ์ น็ท ดารณี พมิ พช์ ่างทอง. (2552). ระบบสารสนเทศในองค์กร. กรงุ เทพฯ: ทรปิ เพล้ิ กรปุ๊ . ตนิ ปรชั ญพฤทธิ์. (2542). ศัพทร์ ฐั ประศาสนศาสตร์. พมิ พ์คร้งั ท่ี 4. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ทพิ วรรณ หลอ่ สุวรรณรัตน.์ (2547). ระบบสารสนเทศเพอื่ การจัดการ. กรุงเทพฯ: แซทโฟร์ พรนิ้ ติ้ง จากัด. ปทปี เมธาคณุ วุฒิ. (2544). เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การบรหิ ารสถานศกึ ษา. กรุงเทพฯ:จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . ปานใจ ธารทศั นวงศ.์ (2554). การวเิ คราะห์และออกแบบระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศในมุมมองดา้ น การบริหาร. กรุงเทพฯ: สินทวกี ารพิมพ์. ธีระ กุลสวสั ดิ.์ (2553). เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร. กรุงเทพฯ: ห้างหนุ้ ส่วนจากัด เอม็ .ที. เพรส.. พรรณี สวนเพลง. (2555). ระบบสารสนเทศเชงิ กลยทุ ธ์. กรงุ เทพฯ: ซเี อ็ดยูเคชัน่ . พงษ์ศกั ด์ิ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซที ีและการจดั การยุคใหม่= ICT System and Modern Management. กรงุ เทพฯ: วติ ตก้ี รุ๊ป. วิทยาการ เชียงกูล. (2546). อธิบายศัพท์การศกึ ษาและความรูส้ าขาต่างๆ. กรงุ เทพฯ: สายธาร. สัลยุทธ์ สวา่ งวรรณ. (2552). ระบบสารสนเทศเพอื่ การจัดการ. กรงุ เทพฯ:เพียรสัน เอด็ ดเู คช่ัน อินโด ไชน่า. สานักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์ สานกั งานปลัดกระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและ การสื่อสาร. (2558). รวมกฎหมายเก่ยี วกบั ธรุ กรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และกฎหมายท่ี เกย่ี วข้อง. พมิ พ์ครั้งท่ี 7. กรงุ เทพฯ: บริษทั ศนู ยก์ ารพิมพ์แกน่ จันทร์ จากดั โอภาส เอยื่ มสิรวิ งศ์. (2554). ระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การ (Management Information System: MIS). กรงุ เทพฯ: ซีเอด็ ยูเคชน่ั . กฎหมายทรัพยส์ ินทางปญั ญาไทย. จาก https://www.ipthailand.go.th/index.php?option=com_docman&task=cat_view&gid=114 &Itemid=169 คน้ เมื่อ 15 กรกฎาคม 2557
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284