Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อารยธรรมอียิปต์

อารยธรรมอียิปต์

Published by jidayadum, 2019-08-27 01:24:16

Description: อารยธรรมอียิปต์

Search

Read the Text Version

• เฮโรโดตสั นกั ปราชญช์ าวกรีกที่ไดร้ ับการยกยอ่ งว่าเป็ น บิดาของวิชาประวตั ิศาสตร์” ได้กล่าวว่า “อียิปต์เป็ น ของขวญั ของแม่นำ้ ไนล์” (Egypt is a gift of the Niles) เพราะแม่น้ าไนล์คือหัวใจสาคัญที่หล่อเล้ียง ประเทศอียิปต์ ซ่ึงแม่น้าไนล์มีความสาคญั ต่อการสร้าง อารยธรรมของอียปิ ต์ ดงั น้ี

1. ทาให้อียิปต์เป็ นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทาเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกขา้ วสาลี และขา้ วบาร์เลย์ 2. จากการการข้ึนลงของแม่น้ าไนล์เพ่ือทาการ ชลประทาน ไดน้ าไปสู่การประดิษฐป์ ฏิทินแบบสุริยคติ

3. ชาวอียปิ ตเ์ ชื่อวา่ การข้ึนลงแม่ ม.ไนลเ์ กิดข้ึนจาก อิทธิพลของฟาโรห์ นน่ั คือ เม่ือฟาโรห์ยงั มีชีวิตจะมีฐานะเป็น เทพโฮรัส โอรสของเทพโอซิริส ซ่ึงเป็นเทพเจา้ แห่ง ม.ไนล์ แต่เมื่อตายไปแลว้ กจ็ ะกลบั ไปเป็นเทพโอซิริสอีกคร้ัง ซ่ึงแสดงถึง ค.เช่ือเก่ียวกบั การแบ่งภาคเป็นฟาโรห์ มาปกครอง และนาไปสู่การสร้างพรี ะมิด เพ่ือบูชา เทพเจา้ หรือฟาโรห์นนั่ เอง

1. ปัจจัยทำงภูมศิ ำสตร์กบั กำรต้งั ถน่ิ ฐำน อารยธรรมลุ่มแม่น้าไนลห์ รืออารยธรรมอียิปตโ์ บราณ ก่อกาเนิดใน บริเวณดินแดนสองฝ่ังแม่น้าไนลท์ ่ีเป็ นแนวยาว ต้งั แต่ปากแม่น้า ซ่ึง เป็ นตอนปลายสุดของแม่น้าไปจนถึงตอนเหนือของ ป.ซูดานใน ปัจจุบนั

สภาพภูมิประเทศของลุ่มแม่น้าไนล์ แบ่งบริเวณลุ่มน้า เป็น 2 บริเวณ ไดแ้ ก่ บริเวณอียปิ ตล์ ่าง ต้งั อยทู่ ่ีราบปากแม่น้าไนล์ เป็นบริเวณที่ ม.ไนลแ์ ยกเป็นแม่น้าสาขา มีลกั ษณะเป็นรูปพดั ซ่ึงชาวกรีกโบราณ เรียกวา่ “เดลตา” แลว้ ไหลลงทะเล เมดิเตอร์เรเนียน อารยธรรมโบราณ ของอียปิ ตไ์ ดเ้ จริญข้ึนแถบน้ี ส่วนบริเวณอียปิ ตบ์ น ไดแ้ ก่ บริเวณท่ี ม.ไนลไ์ หลผา่ นหุบเขา เป็นที่แคบ ๆ ขนาบดว้ ยหนา้ ผาและทะเลทราย

ในฤดูร้อน ม.ไนลท์ ่ีไดร้ ับน้าจากการท่ีหิมะละลายในเขตที่ราบสูง เอธิโอเปี ย ทาใหเ้ กิดน้าหลากเขา้ ท่วมบริเวณท่ีราบลุ่มแม่น้าในเดือน ส.ค. ถึง ต.ค.ของทุกปี แต่การมีน้าท่วมกไ็ ดน้ าเอาดินตะกอนมาทบั ถมจึงทาให้ บริเวณดงั กล่าวมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกบั การเพาะปลูก บริเวณท่ีราบลุ่ม ม.ไนล์ เปรียบเหมือนโอเอซีสท่ามกลางทะเลทราย เพราะเป็นดินแดนท่ีลอ้ มรอบดว้ ยทะเลทราย คือ ** ทิศเหนือ จดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและคาบสมุทรไซนาย ** ทิศตะวนั ตก จดทะเลทรายลิเบียและทะเลทรายสะฮารา ** ทิศ ตอ.+ทิศใต้ จดทะเลทรายนูเบีย และทะเลแดง



จากลกั ษณะภูมิประเทศดงั กล่าว ทาใหด้ ินแดนแถบลุ่ม ม.ไนล์ มีปราการ ทางธรรมชาติป้องกนั การรุกรานจากภายนอก ชาวอียปิ ตจ์ ึงอยกู่ นั อยา่ ง สนั โดษ สามารถพฒั นาอารยธรรมไดอ้ ยา่ งต่อเนื่องยาวนาน ลกั ษณะภูมิอากาศ • เป็นทะเลทราย แหง้ แลง้ และฝนตกนอ้ ยมาก บางปี ไม่มีฝนเลย • ส่วนบริเวณชายฝ่ังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิ เตอร์เรเนียน คือ ในฤดูหนาวมีฝนตก และในฤดูร้อนมีแดดจดั อากาศ ร้อนและแหง้ แลง้ • ชาวอียปิ ตโ์ บราณตอ้ งอาศยั แม่น้าไนลห์ ล่อเล้ียงชีวติ • เฮโรโดตสั นกั ปวศ. ชาวกรีกไดก้ ล่าวถึงอียปิ ตไ์ วว้ า่ “อียปิ ตเ์ ป็น ของขวญั จากแม่น้าไนล”์ เพราะถา้ ขาดแม่น้าไนลเ์ สียแลว้ อียปิ ตก์ จ็ ะ กลายเป็ นทะเลทรายไป

ปัจจัยทำงธรรมชำตทิ ่ีช่วยสร้ำงอำรยธรรมอยี ปิ ต์ ไดร้ ับ ค.ชุ่มช้ืนจาก ม.ไนล์ ทาให้อียิปตก์ ลายเป็ นดินแดนท่ีมี ค.อุดมสมบูรณ์ และมี ค.ม่ังคง่ั จนสามารถสร้างสมอารย ธรรมที่ยงิ่ ใหญ่ของโลกในยคุ โบราณได้ มีทะเลทรายช่วยก้นั ให้พน้ จากเขตอากาศร้อน และความกด อากาศต่า นอกจากน้ียงั เป็ นปราการธรรมชาติท่ีช่วยป้องกนั การรุกรานจากศตั รูภายนอก

สภาพอากาศท่ีร้อนและแหง้ แลง้ ของอียปิ ต์ ไดช้ ่วยรักษาสิ่งท่ี มีค่าทางอารยธรรม ไดแ้ ก่ สภาพศิลปะ และสถาปัตยกรรม ไม่ใหเ้ กิดความเสียหายได้ กระแสลมจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนท่ีพดั ลงใตอ้ ยา่ ง สม่าเสมอ ช่วยอานวยความสะดวกต่อการเดินทาง คา้ ขายทางทะเล ถึงแมอ้ ียปิ ตจ์ ะขาดแคลนป่ าไม้ แต่กม็ ีดินเหนียว หินแกรนิต หินทราย และหินฝ่ นุ ซ่ึงเป็นประโยชนต์ ่อ การก่อสร้างของอียปิ ต์

ลกั ษณะเด่นของอำรยธรรมอยี ปิ ต์ อียปิ ตเ์ ป็นอารยธรรมของชนชาติเดียว อียิปตม์ ีทะเลทรายเป็ นปราการทางธรรมชาติ ซ่ึงช่วยสกดั ก้นั การรุกรานจากศตั รูภายนอก ทาให้ไม่มีการสู้รบและการทา สงครามในยคุ แรกๆ ส่ิงก่อสร้างของอียปิ ตท์ ามาจากหินจึงมีความแขง็ แรงทนทาน

อียปิ ตไ์ ดร้ ับประโยชน์จากความอดุ มสมบูรณ์ของแม่น้าไนล์ ทาใหม้ ีการดารงชีวติ ที่สุขสมบูรณ์ประกอบกบั มีความเช่ือ ในเร่ืองวิญญาณเป็นอมตะ ชีวติ หลงั ความตาย และโลกหนา้ ทาใหช้ าวอียปิ ตเ์ ป็นพวกที่มองโลกในแง่ดี และหวงั จะ กลบั มาเกิดใหม่ในโลกหนา้ จึงมีการรักษาศพไม่ใหเ้ น่าเปื่ อย ดว้ ยการทามมั มี่และมีการสร้างสุสานไวเ้ กบ็ ศพ

บริเวณเดียวที่เป็นจุดอ่อนทางภูมิศาสตร์ของอียปิ ตท์ างดา้ น การป้องกนั ประเทศ คือ บริเวณช่องแคบสุเอซ ซ่ึงเป็นพ้นื ที่ เช่ือมระหวา่ งทวปี แอฟริกากบั ทวีปเอเชียตะวนั ตกบริเวณที่ ราบลุ่มแม่น้าไทกริส-ยเู ฟรตีส ซ่ึงเป็นแหล่งกาเนิดอารยธรรม เมโสโปเตเมีย ดงั น้นั พ้นื ท่ีบริเวณน้ี จึงเป็นทางเชื่อมหรือสะพานระหวา่ ง 2 ทวปี และ 2 อารยธรรมเป็นเสน้ ทาง การคา้ เป็นแหล่งเชื่อมความคิด และ เป็นทางเดินของศตั รูผรู้ ุกรานตลอด สมยั ประวตั ิศาสตร์อนั ยาวนานของ อียปิ ต์

2. ประวตั ศิ ำสตร์ทำงกำรเมืองของอยี ปิ ต์ แบ่งออกเป็น 2 สมยั ใหญ่ๆ คือ 1. สมยั ก่อนรำชวงศ์ มีความสาคญั ดงั น้ี 1) มีกลุ่มชนอพยพเขา้ มาต้งั ถิ่นฐานในอียปิ ตบ์ ริเวณ ลุ่มแม่น้าไนลเ์ มื่อประมาณ 5,000 B.C. ประชากรส่วนใหญ่เป็น เกษตรกร เล้ียงสตั ว์ ปลูกบา้ นดว้ ยโคลนและดินเหนียว อยรู่ วมกนั เป็นหมู่บา้ น และมีหวั หนา้ ปกครอง 2) มีการสร้างปฏิทินแบบสุริยคติที่หน่ึงปี มี 365 ¼ วนั ในปี 4241 B.C. ซ่ึงต่อมาจูเลียส ซีซาร์ ไดน้ าไปเป็นแบบอยา่ งและเผยแพร่ใชใ้ นสาธารณรัฐ โรมนั

3) ดินแดนลุ่มแม่น้าไนลถ์ ูกแบ่งออกเป็น 2 ตอน จึงไดช้ ื่อวา่ “Land of Two Lands” ไดแ้ ก่ (1) อียปิ ตบ์ น/อียปิ ตส์ ูง (Upper Egypt) คือ บริเวณที่แม่น้าไนลไ์ หล ผา่ นหุบเขาทางภาคใต้ ซ่ึงมีความยาว 500 ไมล์ กลุ่มคนที่เขา้ มาอาศยั ใน ดินแดนอียปิ ตบ์ น เป็นพวกเร่รอน พกั อาศยั ตามชะง่อนหิน ล่าสตั ว์ + ตกปลา เป็ นอาหาร

(2) อียปิ ตล์ ่าง/อียปิ ตต์ ่า (Lower Egypt) คือ บริเวณที่แม่น้าไนลแ์ ตก สาขา ออกเป็นรูปพดั ทางภาคเหนือ แลว้ ไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซ่ึงเรียกวา่ “เดลตา้ ” โดยมีความยาว ประมาณ 200 ไมล์ คนส่วนใหญ่อาศยั บริเวณที่ราบลุ่มหนองบึง จะสร้างที่ พกั หยาบ ๆ โดยใชด้ ินเหนียว และ ตน้ ออ้

ต่อมาอียปิ ตล์ ่างกก็ า้ วเขา้ สู่สมยั ที่เรียกวา่ “สมยั ราชวงศ”์ เม่ือ เมเนส กษตั ริยแ์ ห่งนครทีนิส ไดร้ วมอียปิ ตส์ ูงและอียปิ ตต์ ่าเขา้ เป็นอาณาจกั รเดียวกนั จากน้นั จึงเขา้ สู่สมยั ราชวงศ์ 2. สมยั รำชวงศ์ แบ่งออกเป็น 4 สมยั ยอ่ ย ดงั น้ี 1) สมัยอำณำจกั รเก่ำ/สมัยพรี ะมิด (3,000 – 2,400 B.C.) - เร่ิมตน้ ข้ึนเมื่อฟาโรห์เมเนสทรงรวมอียปิ ตส์ ูงและอียปิ ตต์ ่า เขา้ ดว้ ยกนั - สร้างเมืองใหม่ คือ เมืองเมมฟิ ส ข้ึนเป็นเมืองหลวง

- มีการรวมนครรัฐต่างๆ ของอียปิ ตเ์ ขา้ ดว้ ยกนั ซ่ึงกินระยะเวลา ตลอดสมยั ราชวงศท์ ่ี 1 คือ ประมาณ 2,700 B.C. - มีระบบการปกครองเป็นแบบเทวาธิปไตย โดยมีฟาโรห์ มี ความหมายถึง พระราชวงั /เรือนหลวง เป็นประมุขสูงสุด กล่าวคือ ทรง มีฐานะเป็นโอรสของเทพเจา้ แห่งดวงอาทิตย/์ สุริยเทพเรหรือรา ทรงทา หนา้ ท่ีเป็นผนู้ าสูงสุดท้งั หวั หนา้ รัฐบาลและหวั หนา้ พระ เป็นผพู้ พิ ากษา สูงสุด รวมท้งั เป็นผบู้ งั คบั บญั ชาการกองทพั และ บญั ชาการทางดา้ นพลเรือน โดยมีนโยบายคือ รักษาสนั ติภาพไม่รุกรานใคร

- แต่จุดอ่อนของฟาโรห์คือไม่มีกองทพั เป็นของพระองคเ์ อง ตอ้ งอาศยั การเกณฑท์ หารมาจากพวกขนุ นางที่ปกครองจงั หวดั ต่างๆ จนเป็นสาเหตุท่ีทาใหฟ้ าโรห์สูญเสียอานาจใหก้ บั เหล่าขนุ นาง ทาให้ สมยั อาณาจกั รเก่าเส่ือมลงในท่ีสุด

- ศิลปกรรมที่สาคญั ในสมยั น้ีคือ การสร้างพีระมิด เพื่อถวาย แก่ฟาโรห์ โดยมีจุดประสงคว์ า่ เม่ือฟาโรห์สิ้นพระชนมแ์ ลว้ กจ็ ะไดไ้ ป ร่วมมือกบั เทพเจา้ เพ่อื นาความอุดมสมบูณ์มาใหแ้ ก่อียปิ ต์ เหมือนใน สมยั ที่ฟาโรห์ยงั มีชีวติ อยู่ และจากความเช่ือในเรื่องวญิ ญาณเป็นอมตะ และโลกหนา้ ทาใหม้ ีการสร้างพีระมิดไวเ้ กบ็ รักษาพระศพของฟาโรห์ เพ่อื รอการฟ้ื นคืนชีพ

2) สมยั ฟิ วดลั (2,200 – 2,000 B.C.) - เป็นสมยั ที่พวกขนุ นางหรือผวู้ า่ ราชการมณฑล เขา้ ยดึ อานาจ จากฟาโรห์มาเป็นของตนเอง ทาใหฟ้ าโรห์ในสมยั ราชวงศท์ ี่ 7 และ 8 มีฐานะเป็นเพียงฟาโรห์หุ่นเชิด โดยจะทาหนาที่เป็นหวั หนา้ ของพวก พระ - จนกระทงั่ ในสมยั กษตั ริยร์ าชวงศท์ ี่ 11 แห่งราชวงศท์ ีบิส สามารถขบั ไล่ขนุ นางและเขา้ ยดึ อานาจ ไดส้ าเร็จ ทาใหอ้ ียปิ ตร์ วมตวั เป็นปึ กแผน่ ไดอีกคร้ัง

3) สมัยอำณำจกั รกลำง (2,000 – 1,730 B.C.) - ถือเป็นยคุ ทองของอียปิ ต์ เป็นสมยั ท่ีฟาโรห์ทรงยดึ อานาจคืน มาจากพวกขนุ นาง โดยไดร้ ับความช่วยเหลือจากประชาชน พระองค์ จึงตอบแทนประชาชนดว้ ยการอนุญาตใหส้ ามญั ชนเขา้ รับราชการ ได้ รวมท้งั ใหส้ ิทธิในการปกครอง ซ่ึงถือวา่ เป็นการเริ่มตน้ การปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยของอียปิ ต์

- ในปี 1,730 B.C. อียปิ ตถ์ ูกรุกรานเป็นคร้ังแรกโดยพวกฮิค โซส ผา่ นทางบริเวณช่องแคบสุเอซ ซ่ึงพวกน้ีรู้จกั การใชม้ า้ และรถศึก ในการทาสงคราม ในขณะท่ีอียปิ ตใ์ ชท้ หารเดินเทา้ ดว้ ยเหตุน้ีจึงทาใหพ้ วกฮิคโซสสามารถยดึ ครองอียปิ ตต์ ่า บริเวณเดลตา้ ไดส้ าเร็จ เป็นเวลานานถึง 150 ปี

4) สมยั อำณำจกั รใหม่หรือสมยั จกั รวรรดิ (1,580 – 1,090 B.C.) - เป็นสมยั ที่ฟาโรห์มีอานาจมากท่ีสุด เพราะหลงั จากที่ขนุ นาง อียปิ ตส์ ามารถขบั ไล่พวกฮิคโซสออกจากอียปิ ตไ์ ดส้ าเร็จแลว้ ฟาโรห์ ไดท้ รงดึงอานาจคืนจากพวกขนุ นางและพระ - จากน้นั ทรงปกครองดว้ ยอานาจเดด็ ขาดแต่เพยี งผเู้ ดียว โดยมี การสงั่ สมกองทพั ท้งั กองทพั ยกและกองทพั เรือ รับรูปแบบการใชม้ า้ และรถศึกจากฮิคโซส - เร่ิมรู้จกั ใชเ้ หลก็ เริ่มใชน้ โยบายรุกราน เพ่อื นบา้ นเอาไวเ้ ป็นรัฐกนั ชน (Buffer States) เพื่อป้องกนั การรุกรานจากภายนอก

- ท่ีสาคญั คือ การเปลี่ยนจากการสร้างพีระมิดมาเป็ นการสร้าง วหิ ารตามไหล่เขาและหนา้ ผาอยา่ งใหญ่โตมโหฬาร เพอ่ื แสดงอานาจ และความมง่ั คง่ั ของฟาโรห์ โดยไม่ไดห้ วงั ความสุขในภพหนา้ เหมือน ในสมยั พรี ะมิดอีกต่อไป

- ฟาโรห์อาเมนโฮเตปท่ี 4 (ฮิคนาเตน) เป็นฟาโรห์ที่มีบทบาท สาคญั ในสมยั จกั รวรรดิ โดยทรงปฏิรูปศาสนาดว้ ยการยกเลิกการนบั ถือเทพเจา้ องคอ์ ื่นๆ ท้งั หมด แลว้ ใหช้ าวอียปิ ตห์ นั มานบั ถือ เทพอาเตน เพยี งองคเ์ ดียวเท่าน้นั - ทรงยา้ ยเมืองหลวงจากทีบิส ไปอยทู่ ี่เทล เอล อามาร์นา ซ่ึงมีจุดมุ่งหมายเพอื่ ผลทางการเมือง คือ เป็ นการลดอานาจของพวกพระอามอนที่ร่ ารวยข้ึน จากทรัพยส์ ินที่บรรดาหวั เมืองนามาถวาย และยงั ถือ เป็นจุดเร่ิมตน้ ของการนบั ถือเทพเจา้ องคเ์ ดียว

อารยธรรมอียปิ ต์ 1. กำรเกษตรและกำรค้ำ ชาวอียปิ ตอ์ าศยั ความอดุ มสมบูรณ์จากแม่น้าไนล์ ประกอบ กบั มีการปรับปรุงระบบชลประทานไดด้ ี นน่ั คือ มีการขดุ คูส่งน้า เพื่อการเกษตรกรรม ทาใหอ้ ียปิ ตส์ ามารถทานาไดถ้ ึง 3 คร้ังต่อปี มี ผลผลิตไวเ้ สียภาษี เม่ือผลผลิตทางการเกษตรเหลือกินเหลือใช้ อียปิ ตก์ จ็ ะส่งเป็นสินคา้ ออกไปขายในยา่ นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลอีเจียน ทะเลแดง และมหาสมุทรอินเดีย โดยสินคา้ ออกที่ สาคญั คือ ผา้ ลินิน กระดาษปาปิ รุส และเคร่ืองเพชรพลอย

2. กำรแบ่งชนช้ันในสังคม แบ่งจากสูงสุดไปต่าสุด ไดแ้ ก่ 1) ฟาโรห์ เป็นชนช้นั สูงสุดในสงั คม โดยทรงเป็น ศูนยก์ ลางของทุกสถาบนั เป็นเทวกษตั ริย์ เป็นประมุขทางศาสนา เป็นผพู้ พิ ากษาสูงสุด และทรงเป็นกษตั ริยเ์ อกาธิปไตย 2) ชนช้นั สูง ไดแ้ ก่ ขนุ นางและพระ เป็นพวกท่ีไดร้ ับอภิสิทธ์ิในสงั คมมากท่ีสุด 3) ชนช้นั กลาง แก่ พอ่ คา้ นายธนาคาร หมอ ครู อาลกั ษณ์ ทนายความ ฯลฯ 4) ทาสเชลย ถือเป็นชนช้นั ต่าสุดในสงั คม

3. ศิลปะ สถำปัตยกรรม และวศิ วกรรม ศิลปะของอียปิ ตโ์ บราณมกั ถูกสร้างสรรคข์ ้ึนเพอ่ื สนองการ พระศาสนา และไม่ใช่ศิลปะเพ่ือศิลปะแต่เป็นศิลปะที่เปล่ียนแปลง ไปตามอดุ มคติ วถิ ีทางการเมืองและสังคม ซ่ึงผลงานสาคญั ทางดา้ น สถาปัตยกรรมของอียปิ ต์ คือ การสร้างพรี ะมิด ในสมยั อาณาจกั รเก่า ซ่ึงตอ้ งอาศยั ความเจริญทางดา้ นสถาปัตยกรรม วิทยาศาสตร์ (โดยเฉพาะดาราศาสตร์) คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี ลกั ษณะทางวศิ วกรรม ช้นั สูง และแรงงานคนเป็นจานวนมาก

การสร้างพรี ะมิด จากความเชื่อของชาวอียปิ ตโ์ บราณที่เชื่อวา่ ฟาโรห์คือเทพเจา้ ผเู้ ป็น อมตะหรือผไู้ ม่ตาย ดงั น้นั จึงแสวงหาความรู้ที่จะสงวนรักษาร่างกาย ไม่ใหเ้ น่าเปื่ อย และเกบ็ เครื่องใชท้ ่ีจาเป็นต่อการดารงชีวติ วิญญาณ ของฟาโรห์กจ็ ะคงอยตู่ ่อไป จึงไดม้ ีการสร้างพรี ะมิดเพ่ือใหเ้ ป็นที่ ประทบั ชวั่ นิรันดร์ของฟาโรห์ที่จะคุม้ ครองดินแดนน้ีตลอดไป พีระมิดจึงถูกสร้างข้ึนเรียงรายตามริมฝ่ังตะวนั ตกของแม่น้าไนล์ พรี ะมิดลูกแรก สร้างเม่ือ 2,700 B.C ชื่อวา่ พรี ะมิดข้นั บนั ไดแห่งซกั การา สร้างโดยวเิ ซียร์ของฟาโรห์ซอสเซอร์ ช่ือวา่ “อิมโฮเตป” และอิม โฮเตปไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ เป็นสถาปนิกที่ยง่ิ ใหญ่ของโลก



มหาพรี ะมิดกิซา เป็นหมู่พิระมิดทางดา้ นหนา้ คือ พริ ะมิดใหญ่ สร้าง ข้ึนในสมยั ฟาโรห์คีออปส์ หรือฟาโรห์คูฟู เป็นพีระมิดที่ใหญ่ที่สุด สูง 146.5 เมตร คลุมพ้นื ที่ 32 ไร่คร่ึง ใชก้ อ้ นหินมีน้าหนกั เฉล่ียกอ้ นละ 2.5 ตนั จานวน 2.3 ลา้ นกอ้ น การเดินรอบพีระมิดคิดเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ใชร้ ะยะเวลาก่อสร้างนาน 20 ปี ขา้ งหนา้ พรี ะมิดมีตวั สฟิ งส์ ทาจากหินขนาดใหญ่ ใบหนา้ เป็นคน ลาตวั เป็นสิงโต ทาหนา้ ท่ีพิทกั ษร์ ักษาพีระมิด สฟิ งซ์ท่ีมีช่ือเสียง คือ สฟิ งซท์ ี่กิซา ที่อยขู่ า้ งพระศพฟาโรห์คีออปส์ เป็นรูปสิงห์ท่ีมีใบหนา้ เป็นสตรี และพระเศียรพระนางเนเฟอร์ดีดิ มเหสีของฟาโรห์ อคั นาตนั ที่งดงามมาก





4. วทิ ยำศำสตร์และคณติ ศำสตร์ ไดแ้ ก่ 1) ด้ำนดำรำศำสตร์ มีการคานวณระยะเวลาท่ีแม่น้าไนล์ ท่วมฝ่ัง เพอ่ื วางแผนสร้างพรี ะมิด และเพอ่ื เตรียมแผนงานดา้ น ชลประทาน นอกจากน้ียงั มีการหาทิศทางของดวงดาวต่างๆ รู้จกั วธิ ีการผสมโลหะ ทานาฬิกาแดด และทาแกว้ สามารถคานวณการเคลื่อนที่ของโลกและดวงจนั ทร์ที่ หมุนรอบดวงอาทิตย์ และนาความรู้น้ีไปทาปฏิทินโดยในข้นั ตน้ ได้ จดั ทาปฏิทินจนั ทรคติข้ึนก่อน ต่อมาไดป้ รับปรุงเป็นปฏิทินสุริยคติ ไดต้ ้งั แต่ 2,800 B.C. เพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั ฤดูกาล ปฏิทินของอียปิ ตม์ ี 365 วนั ปี หน่ึงมี 12 เดือน เดือนหน่ึงมี 30 วนั ส่วนอีก 5 วนั จะ นาไปรวมกบั เดือนสุดทา้ ยของปี

ต่อมาชาวอียปิ ตโ์ บราณยงั คานวณดว้ ยวา่ ทุก ๆ 4 ปี จะ หายไป 1 วนั วนั ไดเ้ ติม 1 วนั ทุก ๆ 4 ปี และแบ่งปี ออกเป็น 3 ฤดู คือ ฤดูน้าท่วม ฤดูหวา่ นไถ และฤดูเกบ็ เก่ียว

2) ด้ำนคณิตศำสตร์ ชาวอียปิ ตเ์ ป็นผวุ้ างรากฐานวชิ า คณิตศาสตร์ 2 แขนง คือ เลขคณิตและเรขาคณิต ท้งั น้ีเพื่อนาไปใช้ ประโยชนใ์ นการสร้างส่ิงก่อสร้างขนาดใหญ่ นอกจากน้ียงั รู้จกั วธิ ีบวก ลบ และหาร แต่ยงั ไม่รู้จกั วธิ ีคูณ คน้ พบระบบทศนิยมแต่ยงั คิดเลข 0 ไม่ได้ คน้ พบวา่ ������ มีคา่ เท่า 3.14 และรู้จกั วธิ ีคานวณหาปริมาตรของพีระมิด เพอ่ื รองรับแรงกดของ หินขนาดใหญ่จานวนมากๆ

5. ตัวอกั ษร ชาวอียปิ ตไ์ ดป้ ระดิษฐต์ วั อกั ษรเฮียโรกลิฟิ ก ข้ึนเม่ือประมาณ 3,000 B.C. ซ่ึงเป็นอกั ษรภาพที่ผสมระหวา่ งอกั ษรแทนความหมาย และอกั ษรแทนเสียง และบนั ทึกลงบนแผน่ กระดาษปาปิ รุส อยา่ งไร กต็ าม อกั ษรภาพดงั กล่าวมีจานวนมากถึง 600 ตวั ทาใหย้ ากแก่การ จดจา และเรียนรู้ ต่อมาจึงมีการปรับปรุงใหม้ ีตวั อกั ษรภาพนอ้ ยลง ดว้ ยการพฒั นาใหเ้ ป็นอกั ษรเครื่องหมายหรืออกั ษรเสน้ ซ่ึงไดแ้ ก่ อกั ษรเฮราติก และอกั ษรเดโมติก โดยอกั ษรเดโมติกจะมีเพียง 24 ตวั เท่าน้นั ซ่ึงใชใ้ นการติดต่อคา้ ขาย และเร่ืองราวทว่ั ไป จนถึงตน้ คริสตศ์ กั ราช ไดม้ ีการนาอกั ษรกรีกผสมกบั อกั ษรเฮียโรกลิฟิ ก กลายเป็นตวั อกั ษรคอปติก

ตวั อกั ษรเฮียโรกลิฟิ ก

ตวั อกั ษรเฮราติก

ตวั อกั ษรเดโมติก

ตวั อกั ษรคอปติก

การบนั ทึกชาวอียปิ ตไ์ ดจ้ ารึกเร่ืองราวเก่ียวศาสนา ลงใน แผน่ หิน ส่วนเร่ืองการคา้ บนั ทึกความเจริญต่าง ๆ เช่น ดา้ น การแพทย์ คณิตศาสตร์ รวมท้งั ความคิด ความเช่ือ ชาวอียปิ ต์ โบราณจะเขียนลงในแผน่ กระดาษ โดยใชป้ ากกาและหมึก ซ่ึง ปากกาประดิษฐจ์ ากตน้ ออ้ เส้ียมปลายใหแ้ หลม ส่วนหมึกทาจากข้ี เขม่า/ถ่านผสมน้าและ ยางไม้

การประดิษฐก์ ระดาษปาปิ รุส ชาวอียปิ ตโ์ บราณรู้จกั ทากระดาษปาปิ รุสจากตน้ ปาปิ รุส ซ่ึง ข้ึนอยตู่ ามริมแม่น้าไนล์ โดยปอกเปลือกตน้ ปาปิ รุสออกแลว้ เฉือนบาง ๆ ตามยาว แช่น้าเพอื่ ใหย้ างออกแลว้ รีดใหเ้ ป็นแผน่ บาง จากน้นั นามาวางสลบั กนั ตามทางยาว และขวาง เพือ่ ใหม้ ีความหนาพออยตู่ วั แลว้ ใชข้ องหนกั กดทบั เพื่อใหป้ ระสานสนิท เป็นแผน่ เดียวกนั ตากแหง้ กจ็ ะนามาเขียนได้

การประดิษฐก์ ระดาษปาปิ รุส

6. กำรแพทย์ เป็นสมยั ท่ีเกิดผเู้ ชี่ยวชาญในดา้ นต่างๆ เช่น จกั ษุแพทย์ ทนั ตแพทย์ และศลั ยกรรม นอกจากน้ียงั มีการคน้ พบวา่ หวั ใจ คือ ศูนยก์ ลางการหมุนเวยี นของโลหิต มีการใชด้ ่างทบั ทิมในการรักษา บาดแผล ใชน้ ้าเกลือเพอื่ ป้องกนั การอกั เสบ มีการทาน้ายารักษาศพ ไม่ใหเ้ น่าเป่ื อย และริเร่ิมการตรวจและรักษาโรคดว้ ยวธิ ีการทาง วิทยาศาสตร์

7. กำรชลประทำน มีการสร้างระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมกี าร ขดุ คูส่งน้าเพ่ือการเกษตร และจากการสงั เกตการข้ึนลงของระดบั น้า ในแม่น้าไนลแ์ ลว้ จดบนั ทึก วนั เวลา ฤดูกาล เป็นสถิติ เพื่อการทา ระบบชลประทาน จึงเป็นท่ีมาของการสร้างปฏิทินสุริยคติของอียปิ ต์ ในปี 4,241 B.C. ซ่ึงมีประโยชนอ์ ยา่ งมากต่อการทาเกษตรกรรม เพราะทาใหท้ ราบระยะเวลาการเปล่ียนแปลงของฤดูกาล และทาให้รู้ สภาวะการข้ึนลงของแม่น้าไนลไ์ ดอ้ ยา่ งแม่นยา

8. ศำสนำ ศาสนามีความสาคญั มากในชีวติ ของชาวอียปิ ต์ ศิลปะของ อียปิ ตเ์ ป็นการแสดงออกซ่ึงสัญลกั ษณ์ของศาสนา วรรณคดี และ ปรัชญา รวมท้งั เนน้ การมองโลกในแง่ดี โดยศาสนาของอียปิ ตจ์ ะเริ่ม ต้งั แต่การนบั ถือเทพเจา้ หลายองค์ แลว้ ค่อยๆ เปล่ียนมานบั ถือเทพเจา้ องคเ์ ดียว โดยมีเทพเจา้ ท่ีสาคญั เช่น โอซิริส เป็นเทพเจา้ แห่งแม่น้าไนล,์ เร/รา เป็นเทพเจา้ แห่งดวงอาทิตย์ เป็นตน้

ชาวอียปิ ตม์ ีความเชื่อเร่ืองวิญญาณเป็นอมตะ ชีวติ หลงั ความ ตาย เป็นพวกมองโลกในแง่ดีและหวงั จะกลบั มาเกิดใหม่ในโลกหนา้ ดว้ ยความเชื่อน้ีจึงทาใหช้ าวอียปิ ตน์ ิยมฝังศพไปพร้อมๆ กบั ขา้ วของ เครื่องใชแ้ ละอาหาร ส่วนร่างกายกจ็ ะเกบ็ รักษาไวไ้ ม่ใหเ้ น่าเป่ื อย ดว้ ยการทาเป็นมมั ม่ี มีการสร้างสุสานไวเ้ กบ็ ศพ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook