Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อารยธรรมกรีก

อารยธรรมกรีก

Published by jidayadum, 2019-11-02 20:18:24

Description: อารยธรรมกรีก

Search

Read the Text Version

อารยธรรมกรีกเป็นอารยธรรมเก่าแก่ ปรากฏในบริเวณดินแดนทาง ตอนใตข้ องคาบสมุทรอิตาลี บริเวณที่ราบชายฝ่ังทะเลเอเจียน และหมู่ เกาะต่างๆ ในทะเลเอเจียน

ชาวโรมนั เป็นผใู้ ชค้ าน้ีเป็นคร้ังแรก แต่ชาวกรีก เรียกตนเองวา่ เฮลีนส์ และเรียกอารยธรรมของตน วา่ “อารยธรรมเฮเลนิค” ต่อมาอารยธรรมกรีกไดแ้ ผข่ ยายกระจายออกไปทางตะวนั ออกของ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพราะการทาสงครามขยายอาณาเขตเริ่มต้งั แต่ 338 B.C อารยธรรมกรีกที่แผข่ ยายไปภายหลงั น้ี เรียกวา่ “อารย ธรรมเฮเลนิสติก”

ดินแดนของชาวกรีกบนพ้ืนแผน่ ดินในทวีปยโุ รปแบ่งไดเ้ ป็ น 3 ส่วน คือ 1. ภาคเหนือ ไดแ้ ก่ แควน้ มาซิโดเนีย เทสซาลี และอิไพรัส

2. ภาคกลาง ไดแ้ ก่ บริเวณท่ีเป็ นเนินเขาสูง เป็ นท่ีต้งั ของนคร ทีบส์ นครเดลฟี ช่องเขาเทอร์มอปิ เล และยอดเขาพาร์แนสซัส ซ่ึงเป็ นที่ สถิตของอะพอลโลหรือสุริยเทพ ตรงปลายสุดของด้านตะวนั ออก คือ แควน้ แอตติกา ซ่ึงมีเมืองหลวง คือ นครรัฐเอเธนส์ แหล่งกาเนิดของการ ปกครองระบอบประชาธิปไตย

3. บริเวณคาบสมุทรเพโลพอนนีซสั อย่ตู อนใตอ้ ่าวคอรินท์ เป็ น ท่ีต้งั ของนครรัฐสปาร์ตา ที่มีช่ือเสียงทางการรบ และโอลิมเปี ย ซ่ึงเป็ นท่ี สถิตของบรรดาเทพเจา้ กรีก

สภาพภูมิประเทศของบริเวณท่ีกาเนิดอารยธรรมกรีก (ปัจจุบนั คือ ประเทศกรีซ) มีลกั ษณะเป็นภูเขา คาบสมุทร และหมู่เกาะ ดงั น้นั ปัจจยั ทาง ภูมิศาสตร์ท่ีสาคญั ท่ีมีอิทธิพลต่อ ประวตั ิศาสตร์กรีก และความเป็ นอยู่ ของประชาชน ประกอบดว้ ย ภูเขา พ้นื ดิน และทะเล

การท่ีดินแดนกรีซส่วนใหญ่เตม็ ไปดว้ ยภูเขา ภูเขาเหล่าน้ีจะแบ่ง ดินแดนที่เป็นท่ีราบหุบเขาออกจากกนั มากมาย โดยมีภูเขาเป็น อุปสรรคในการคมนาคมติดต่อระหวา่ งที่ราบหุบเขาต่าง ๆ ทาให้ ชุมชนต่างๆ ท่ีต้งั ตามที่ราบหุบเขามีการปกครองท่ีเป็นอิสระต่อกนั มี บางคร้ังท่ีทาสงครามระหวา่ งกนั บางคร้ังกร็ วมกนั อยา่ งหลวมๆ ใน ระยะเวลาส้นั ๆ



จากสภาพภูมิประเทศแบบน้ีจึงทาใหก้ ารต้งั ถ่ินฐานบา้ นเมืองของชาว กรีกแบ่งออกเป็นนครรัฐต่าง ๆ ที่มีการปกครองแตกต่างกนั หลาย รูปแบบ สภาพพ้นื ดินของดินแดนกรีซขาดความอุดมสมบูรณ์ เพราะภูมิ ประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง เนินเขา มีท่ีราบระหวา่ งภูเขาท่ีมีความ อุดมสมบูรณ์ไม่มากนกั แม่น้าท่ีไหลผา่ นจะเป็นสายส้นั ๆ การผลิต พืชผลจึงไม่เพียงพอกบั พลเมืองท่ีเพม่ิ มากข้ึน แต่กเ็ ป็นดินแดนที่มีทรัพยากรธรรมชาติ เช่น เหลก็ ทอง เงิน หินอ่อน ทองแดง

แต่การท่ีดินแดนกรีซมีลกั ษณะเป็นคาบสมุทร มีชายฝ่ังทะเลเวา้ แหวง่ ใชเ้ ป็นอ่าวธรรมชาติสาหรับจอดเรือไดเ้ ป็นอยา่ งดี รวมท้งั บรรดา เกาะต่างๆ ในทะเลเอเจียน จึงเป็นปัจจยั ทางภูมิศาสตร์ที่สาคญั ที่ทาใหช้ าวกรีกสามารถเดินทาง คา้ ขายทางทะเลกบั ดินแดนอื่นๆ และไดเ้ รียนรู้อารยธรรมต่างๆ เช่น อียปิ ต์ เมโสโปเตเมีย แลว้ นามาปรับเป็นอารยธรรมของตน ซ่ึงเป็น รากฐานของอารยธรรมของยโุ รปในเวลาต่อมา

ชีวติ ประจาวนั จะเก่ียวกบั กิจกรรมสาธารณะและการพกั ผอ่ น หยอ่ นใจ เนน้ ความสนุกสนานร่ืนเริงและมีความสุขในการดาเนินชีวิต ประติมากรรมจะนิยมป้ันรูปเทพเจา้ ท่ีมีลกั ษณะคลา้ ยมนุษย์ นน่ั คือ เนน้ ความสมจริงของสดั ส่วนมนุษย์ โดยเฉพาะร่างกายท่ีสมบูรณ์ แขง็ แรงและกลา้ มเน้ือ เป็นนกั มนุษยนิยม (Humanists) ใฝ่หาความรู้ในหลกั การและปรัชญา

อารยธรรมกรีกโบราณ แบ่งออกเป็น 2 สมยั ไดแ้ ก่ 1. อารยธรรมเฮลเลนิก (Hellenic) เป็นอารยธรรมกรีกแท้ หรือ สมยั ก่อนพระเจา้ อเลก็ ซานเดอร์มหาราช โดยเร่ิมต้งั แต่สมยั การ อพยพของพวกอินโด-ยโู รเปี ยน ซ่ึงเป็นบรรพบุรุษของชาวกรีก 2. อารยธรรมเฮลเลนิสติก (Hellenistic) เป็นอารย ธรรมหลงั สมยั พระเจา้ อเลก็ ซานเดอร์มหาราช โดย เป็นอารยธรรมผสมระหวา่ งอารยธรรมกรีกเฮล เลนิก (ตต.) กบั อารยธรรมเปอร์เซีย (ตอ.)

การเรียน ปวศ.กรีกยุคโบราณเป็ นการเรียนรู้ถึงเรื่องราวของนครรัฐ หลายๆ นครรัฐ ที่ไม่เคยรวมเป็ นรัฐเดียวกนั ไดเ้ ลย ยกเวน้ ในภาวะท่ี ถูกรุกรานจากต่างชาติ นครรัฐต่างๆ ก็จะรวมกันเป็ นสมาพนั ธรัฐ (Federations) เป็ นคร้ังคราว เม่ือเสร็จศึกสงครามจากภายนอกแลว้ กจ็ ะแตกแยกกนั อีก และดาเนินการปกครองตนเองโดยลาพงั ดว้ ยเหตุ น้ีกรีกจึงถูกวิจารณ์วา่ เป็นชนชาติท่ีไม่บรรลุวฒุ ิภาวะทางการเมือง

คาวา่ “นครรัฐ” (City-state) จะตรงกบั คาในภาษากรีกวา่ “Polis” ซ่ึงมีความหมายวา่ ป้อมค่าย หรือ ท่ีปลอดภยั จากศตั รู โดยแต่ละ Polis จะมีสภาพแตกต่างกนั ออกไป แต่ท่ีเหมือนกนั คือ 1. มีขนาดเลก็ 2. มีประชากรไม่มาก 3. ที่ต้งั ที่ปลอดภยั ท่ีสุดของโพลิสจะอยบู่ น ท่ีสูงท่ีสุดของนครรัฐซ่ึงกค็ ือ อะโครโพลิส (Acropolis) 4. มีตลาดและมีสถานท่ีพบปะหรือท่ีประชุม กนั

ชาวกรีกโบราณแมจ้ ะแยกกนั อยเู่ ป็นนครรัฐ แต่กร็ ู้ตวั วา่ เป็น ชาวกรีกเหมือนกนั ซ่ึงปัจจยั ท่ีทาใหช้ าวกรีกสามารถรวมตวั กนั ได้ มีดงั น้ี 1. มีภาษาพดู เดียวกนั ส่วนพวกท่ีไม่พดู ภาษากรีกจะถูกเรียกวา่ “พวกป่ าเถื่อน” (Barbarians) 2. รู้สึกวา่ พวกตน คือ พวกเฮลเลนส์ (Hellenes) และเรียกดินแดน ที่ตนอาศยั อยวู่ า่ “เฮลลสั ” (Hellas) ซ่ึงนบั ถือศาสนาเดียวกนั

3. มีการจดั การแข่งขนั กีฬาโอลิมปิ ก ซ่ึงในช่วงเวลาดงั กล่าว นครรัฐต่างๆ จะหยดุ ทาสงครามแลว้ มาแขง่ ขนั กีฬาร่วมกนั 4. เมื่อมีการทาสงคราม นครรัฐต่างๆ กจ็ ะมารวมตวั กนั เป็น สมาพนั ธรัฐ เมื่อเสร็จศึกสงครามจากภายนอก กรีกกจ็ ะ แตกแยกกนั และต่างกด็ าเนินการปกครองตนเองไปโดยลาพงั

ชาวกรีกเป็นพวกอินโด-ยโู รเปี ยน มีหลกั แหล่ง ด้งั เดิมอยบู่ ริเวณดานูบ ในปี 2,000 B.C. พวกครีตนั ไดอ้ พยพเขา้ ไปในแหลมกรีก โดยเร่ิมจาก พวกไอโอเนียน เอเคียน และดอเรียน ซ่ึงเป็นชาวกรีกกลุ่มสุดทา้ ยท่ีเขา้ มารุกรานบริเวณภาคกลางของคาบสมุทรกรีก ภาค ตอ.ของแหลมเพลอ พอเนซสั และหมู่เกาะทางตอนใตข้ องทะเลเอเจียน กระทงั่ 1,000 B.C. พวกดอเรียนสามารถยึดครองเมืองคนอร์ซสั ซ่ึง เป็นศูนยก์ ลางของวฒั นธรรมมิโนบนเกาะครีตไดส้ าเร็จ

เป็นสมยั ก่อนท่ีบรรพบุรุษของชาวกรีก/พวกอินโด-ยโู รเปี ยนจะ อพยพเขา้ มาต้งั ถ่ินฐานอยบู่ ริเวณคาบสมุทรกรีก และบริเวณรอบๆ ทะเลอีเจียน โดยเป็นอารยธรรมของชนเผา่ เซไมท์ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มยอ่ ย ไดแ้ ก่

เกิดข้ึนบนเกาะครีตในทะเลอีเจียน เมื่อประมาณ 2,000 – 1,400 B.C. สรุปความเจริญ ไดด้ งั น้ี ชนพ้ืนเมืองบนเกาะครีต เรียกวา่ “ชาวครีต หรือ ชาวครีตนั ” ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเดินเรือคา้ ขายทางทะเลกบั ดินแดนต่าง ๆ สินคา้ ออกท่ีสาคญั คือ น้ามนั มะกอก เหลา้ องุ่น และภาชนะโลหะ โดยรัฐเป็นผผู้ กู ขาดการคา้ รู้จกั ประดิษฐอ์ กั ษรภาพและตวั อกั ษรท่ีเป็ นเสน้ ตรง เรียกวา่ “ลีเนียร์ เอ” ซ่ึงมีสญั ลกั ษณ์ท้งั หมด 87 ตวั ใช้ แทนคาพยญั ชนะ ปัจจุบนั ยงั ไม่มีใครสามารถอ่านได้



อารยธรรมไมนวนเจริญรุ่งเรืองมากระหวา่ ง 1,800 – 1,500 B.C. กษตั ริยท์ ี่มีอานาจมากท่ีสุด คือ พระเจา้ มินอส มีการสร้างพระราช ขนาดใหญ่ ช่ือ พระราชวงั นอสซสั หรือคนอสซุส บนเกาะครีต ซ่ึง ขดุ คน้ พบซากพระราชวงั ดงั กล่าวโดยนกั โบราณคดีชาวองั กฤษ

ซากพระราชวงั นอสซสั เป็นสิ่งก่อสร้างสูง 3 ช้นั สร้างดว้ ยอิฐและ หิน ทาใหร้ ู้วา่ ชาวครีตนั มีความสามารถในดา้ นสถาปัตยกรรมและ วิศวกรรมอยา่ งสูง และรู้จกั ทาน้าประปาใช้ ฝาผนงั หอ้ งในพระราชวงั นอสซสั มีภาพวาดปูนเปี ยก แสดงชีวิต ความเป็นอยขู่ องชาวครีตนั ท่ีมีความสุข ชอบร้องราทาเพลง เล่นกีฬา และมีงานเฉลิมฉลองในเทศกาลต่าง ๆ ผหู้ ญิงไดร้ ับการยกยอ่ ง ทดั เทียมกบั ผชู้ าย

สงั คมชาวครีตนั มุ่งดาเนินชีวติ ทางโลก เพราะมีสภาพแวดลอ้ มทาง ธรรมชาติที่ส่งเสริมการประกอบอาชีพทางทะเลและปลอดภยั จาก การรุกราน ชาวครีตนั จึงไม่นิยมสร้างศาสนสถาน และนกั บวชไม่มี บทบาทมากนกั เทพเจา้ ท่ีสาคญั คือ เทพมารดา การสิ้นสุดของแหล่งอารยธรรมไมนวน เกิดข้ึนเมื่อประมาณ 1,460 B.C. เกาะครีตถูกรุกรานและยดึ ครองโดยพวก ไมซีนี จากแผน่ ดินใหญ่ เนื่องจากเกาะครีต ไม่มีกาแพงหรือป้องปราการใดๆ จึงถูกขา้ ศึก เขา้ โจมตีไดโ้ ดยง่าย

ความเจริญท่ีสาคญั ในสมยั อารยธรรมมิโนน มีดงั น้ี 1. มีการปกครองแบบเทวราชา 2. มีสินคา้ ออกท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ น้ามนั มะกอก องุ่น ขา้ วบาเลย์ และ เครื่องเคลือบดินเผา 3. นิยมเล่นกีฬาประเภทสูว้ วั กรีฑา ฯลฯ 4. มีการนบั ถือพระแม่ธรณี

แหล่งอารยธรรมไมซิเน/ไมซินี ต้งั อยบู่ นคาบสมุทรเพโลพอนนี ซสั เจริญรุ่งเรืองราว 1,400 – 1,120 B.C. มีศูนยก์ ลางการปกครองอยทู่ ี่ เมืองไมซีเน พวกไมซิเนเป็นชนเผา่ อินโด-ยโู รเปี ยน แต่เดิมเรียกวา่ “ชาว เอเคียน” มีความเจริญ ดงั น้ี มีความสามารถในการรบและการคา้ ทางทะเล สามารถขยายอานาจ และอิทธิพลเขา้ ครอบครองดินแดนชายฝั่ง ตอ. ของทะเล เมดิเตอร์ เรเนียน เมื่อ ประมาณ 1,460 B.C. พวกไมซิเนเขา้ โจมตี เกาะครีตทาลายพระราชวงั นอสซสั และเขา้ ครอบครองเกาะครีต (แหล่งอารยธรรมไมนวน)

กษตั ริยไ์ มซีเนทรงควบคุมและผกู ขาดการคา้ แต่เพยี งผเู้ ดียว สินคา้ ออกที่สาคญั คือ น้ามนั มะกอก พวกไมซีเนรับอารยธรรมจากดินแดนใกลเ้ คียงท่ีติดต่อกนั ทางการคา้ เช่น เกาะครีต และอียปิ ต์ อารยธรรมไมซิเนที่ถ่ายทอดใหช้ าวกรีก สมยั หลงั ๆ คือ การประดิษฐต์ วั อกั ษร ไมซีเนียน ซ่ึงเป็นรากฐานของตวั อกั ษร กรีกโบราณ และความเชื่อทางศาสนา ซ่ึงชาวไมซีเนนบั ถือเทพเจา้ หลายองค์ โดยเฉพาะเทพเจา้ ซูส ซ่ึงต่อมาชาวกรีก นบั ถือเป็นเทพเจา้ สูงสุด

มรดกทางวฒั นธรรม •ส่ิ งที่ พว กไ มซิ นี ทิ้ งไว้ให้แ ก่ ช าว กรี ก รุ่ น หลัง ไดแ้ ก่ รูปบูชาเทพซุส เฮรา และโพไซดอน •การอุทิศตนใหแ้ ก่การกีฬา เฮรา โพไซดอน ซุส

การสิ้นสุดของแหล่งอารยธรรมไมซีเนียน เมื่อประมาณ 1,120 B.C. พวกดอเรียน ซ่ึงเป็นชาวกรีกอีกเผา่ หน่ึงไดเ้ ขา้ รุกรานและยดึ ครอง ดินแดนของพวกไมซีเน

เมืองทรอยต้งั อยทู่ าง ตอ./น. ของเอเชียไมเนอร์หรือ เอเชียนอ้ ย ถือวา่ เป็นอารยธรรมอีเจียนแหล่งสุดทา้ ยที่ พยายามต่อตา้ นชาวกรีกผรู้ ุกราน ในปี ค.ศ. 1870 ไฮน์ริช ชลีมานน์ นกั โบราณคดี ชาวเยอรมนั ไดข้ ดุ พบซากเมืองทรอย ซ่ึงพบวา่ เมืองน้ีสร้างซอ้ นทบั ถมกนั อยถู่ ึง 9 เมือง เป็นตน้ กาเนิดของมหากาพยอ์ ีเลียต และ โอดิสซีย์ ที่แต่งโดยกวตี าบอด ช่ือ โฮเมอร์

ในมหากาพยม์ ีการเล่าถึงสงครามเมืองทรอยวา่ เป็นสงครามระหวา่ ง นครรัฐสปาร์ตากบั เมืองทรอย (โทรจนั ) โดยเกิดข้ึนเพราะเจา้ ชาย ปารีสแห่งทรายไปแยง่ ชิงพระนางเฮเลน (Helen) ราชินีสปาร์ตามา เป็นของตน และไดพ้ ากนั หนีไปครองรักกนั ท่ีกรุงทรอย ทาใหพ้ ระนางมีฉายาวา่ “Helen of Troy” ซ่ึงเป็นสญั ลกั ษณ์ของความอ่อนแอ และเป็น ตน้ เหตุใหเ้ กิดสงครามมา้ ไม้ ผลปรากฏวา่ กรีกเป็น ฝ่ายมีชยั ดว้ ยกลอุบายการใชม้ า้ ไม้ ซ่ึงเป็นมา้ ท่ีทาดว้ ย ไมข้ นาดใหญ่ และซ่อนทหารไวข้ า้ งใน ส่วนกรุงทรอยตอ้ งล่มสลายไปในท่ีสุด

พวกดอเรียนมีความเจริญดอ้ ยกวา่ กรีกพวกแรกๆ และไดเ้ ขา้ มา ครอบครองเกาะครีต และเมืองไมซีเน แต่เน่ืองจากพวกดอเรียนมีความ ดุร้าย มีลกั ษณะนิสัยแบบทหาร และช่ืนชอบการทาสงคราม ดงั น้นั จึง ไดท้ าลายความเจริญของกรีกเผา่ ด้งั เดิมจนหมดสิ้น ส่งผลใหก้ รีกเขา้ สู่ ยคุ มืดเป็นเวลานาน 400 ปี เหตุการณ์น้ีทาใหช้ าวกรีกด้งั เดิมตอ้ งอพยพล้ีภยั ไปอยแู่ ถบเอเชียไมเนอร์ จากน้นั พวกดอเรียนจึง ไดส้ ร้างบา้ นเรือนของตนข้ึนมา โดยพวกดอเรียน ท่ีรู้จกั กนั ดี คือ สปาร์ตา และคอรินเธียน

ศิลปวฒั นธรรมกรีกไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อน ระหวา่ ง 1,120 – 800 B.C. เป็นช่วงเวลาที่ชาวกรีกอยอู่ ยา่ งกระจดั กระจาย ไม่ สามารถรวมเป็นปี กแผน่ เหมือนแต่ก่อน การคา้ ท่ีเคยรุ่งเรืองกต็ กเป็น ของพอ่ คา้ ต่างชาติ (ชาวฟิ นีเซีย) อารยธรรมความเจริญดา้ นต่าง ๆ หยดุ ชะงกั ถือวา่ เป็นยคุ มืดของอารยธรรมกรีก งานวรรณกรรมในยุคมืดของอารยธรรมกรีก คือ มหากาพยอ์ ิเลียต และโอดิสซีย์ ของกวีเอกชื่อ โฮเมอร์ เป็นเร่ืองราวการผจญภยั ของ วีรบุรุษกรีก ซ่ึงใหค้ วามรู้ทางดา้ นประวตั ิศาสตร์และอารยธรรมกรีก ในยคุ แรก ๆ

โฮเมอร์

1. กรีกเข้าสู่สมัยคลาสสิคและอารยธรรมเฮเลน นบั ต้งั แต่ 800 B.C. เป็นตน้ มา กรีกไดฟ้ ้ื นตวั จากยคุ มืดและมีการ สร้างสรรคอ์ ารยธรรมของตนใหม่ เรียกวา่ “อารยธรรมเฮเลนหรือ เฮล เลนิก” เป็นอารยธรรมกรีกแท้ และเรียกช่วงเวลาน้ีวา่ “สมยั คลาสสิก”

เป็นอารยธรรมกรีกแท้ / สมยั ก่อนพระเจา้ อเลก็ ซานเดอร์มหาราช โดยเริ่มต้งั แต่สมยั การอพยพของพวกอินโด-ยเู ปี ยน ซ่ึงเป็นบรรพ บุรุษของชาวกรีก ประกอบดว้ ย พวกเอเคียน, พวกไอโอเนีย และพวก ดอเรียน ไดร้ ับรูปแบบอารยธรรมบางส่วนจากอีเจียน นอกจากน้นั ไดร้ ับมาจาก พอ่ คา้ ฟิ นิเซียนมาผสมผสาน

2. นครรัฐของกรีก ชาวกรีกเหล่าน้ีจะแยกยา้ ยกนั อยเู่ ป็นนครรัฐ โดยไม่เคยมีการรวมเป็น รัฐชาติเดียวกนั ท้งั น้ีเพราะ 1. ปัญหาทางสภาพภูมิศาสตร์ท่ีมีลกั ษณะเป็นภูเขาสูง และเป็นเกาะ อยตู่ ิดชายฝ่ังทะเลท่ีเวา้ ๆ แหวง่ ๆ พ้ืนท่ีไม่ติดต่อกนั และหาท่ีราบ ยาก จนกลายเป็นพรมแดนท่ีแบ่งแยกชาวกรีกออกจากกนั และ เป็ นอิสระต่อกนั 2. ชาวกรีกมีนิสยั รักความเป็นอิสระ นครรัฐท่ีสาคญั ไดแ้ ก่

เอเธนส์

สปาร์ตา

ไมซิเน

ทีบส์

พลเมืองของแต่ละนครรัฐต่างกเ็ ช่ือวา่ ตนสืบเช้ือสายมาจากบรรพ บุรุษสายเดียวกนั จึงมีความสมั พนั ธ์กนั ทางสายโลหิต พลเมืองของ แต่ละนครรัฐ ไดแ้ ก่ 1. ผมู้ ีสิทธิและมีส่วนที่จะประกอบพธิ ีกรรมทางศาสนา 2. ผมู้ ีสิทธิและมีส่วนร่วมทางการเมือง 3. ผมู้ ีส่วนในการต่อสูเ้ พ่ือป้องกนั นครรัฐ กรีกไดช้ ่ือวา่ เป็นชนชาติแรกท่ีมีการพฒั นา ประชาธิปไตยในยคุ โบราณ โดยแบ่ง ออกเป็น 4 ยคุ

ยุคกษตั ริย์ (Monarchy) - เป็นยคุ ที่เร่ิมการปกครองแบบนครรัฐ และเนน้ ความเชื่อทางศาสนา โดย ไดอ้ ธิบายถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ การควบคุมตนเอง ความ เจริญรุ่งเรืองของตนเอง การทามาหากิน และหนทางที่จะไดป้ ระโยชน์ - ชาวกรีกจะไม่คานึงถึงจริยธรรมทางศาสนา ไม่หวงั ใหศ้ าสนาช่วยใหพ้ น้ บาปหรือใหพ้ รใดๆ และไม่มีความหวงั เก่ียวกบั ชีวิตหลงั ความตาย

- ชาวกรีกมีความเช่ือในเร่ืองวญิ ญาณและอานาจลึกลบั ต่างๆ โดยเชื่อวา่ ผทู้ ี่อยเู่ บ้ืองหลงั สิ่งลึกลบั เหล่าน้นั คือ เทพเจา้ ท้งั น้ีเทพเจา้ กรีกจะมี รูปร่างหนา้ ตา อารมณ์ และความรู้สึกเช่นเดียวกบั มนุษย์ โดยสถิตอยู่ บนยอดเขาโอลิมปัสทางภาคเหนือของกรีก - เทพเจา้ ท่ีสาคญั เช่น เทพเจา้ ซีอุสเป็นเทพเจา้ สูงสุด (เทพเจา้ จูปี เตอร์ ของโรมนั ), เทพโพไซดอน เป็นเจา้ แห่งทะเล (เทพเจา้ เนปจูนของ โรมนั ) เป็นตน้

- ชาวกรีกโบราณเชื่อวา่ เทพเจา้ กรีกมกั จะพอใจในการแสดงออกถึง ความกลา้ หาญ และความเขม้ แขง็ ของมนุษย์ จึงไดจ้ ดั ใหม้ ีการแขง่ ขนั กีฬาโอลิมปิ กข้ึนทุกๆ 4 ปี เพ่ือถวายแด่เทพซีอุส ซ่ึงผทู้ ี่ชนะจะไดร้ ับ มงกุฏท่ีทาดว้ ยกา้ นมะกอกหรือช่อมะกอกศกั ด์ิสิทธ์ิ - กีฬาโอลิมปิ กจดั ข้ึนคร้ังแรกในปี 776 B.C. โดยเรียกระยะเวลา 4 ปี ระหวา่ งการแขง่ ขนั แต่ละคร้ังวา่ “โอลิมเปี ยด” และไดถ้ ูกยกเลิกในปี ค.ศ.393 ในสมยั จกั รพรรดิธิโอไดซีอุส เพราะมีการวา่ จา้ งนกั กีฬาให้ มาแข่งขนั มีการพนนั และมีการมอมเมา

ยุคขุนนาง (Nobles or Aristocracy) - เป็นยคุ ที่ขนุ นางในนครรัฐต่างๆ เร่ิมมีอานาจควบคุมวฒุ ิสภาและกษตั ริย์ โดยกษตั ริยจ์ ะมีอานาจนอ้ ยลงในขณะท่ีขนุ นางมีอานาจควบคุมกองทพั ในยามสงคราม - พวกขนุ นางมีอานาจปกครองนครรัฐกรีกอยปู่ ระมาณ 150 ปี (800 – 650 B.C.) ภายใตก้ ารปกครองระบอบอภิชนาธิปไตย

- ต่อมากองทหารราบเริ่มมีความสาคญั ข้ึนมาแทนที่กองทหารมา้ ของ พวกขนุ นาง และพวกขนุ นางกเ็ ร่ิมทะเลาะกนั เอง ประกอบกบั ประชาชนจานวนมากไม่พอใจการปกครองในลกั ษณะน้ี จึงเปิ ด โอกาสใหพ้ วกทรราชกรีก ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นพอ่ คา้ ที่มงั่ คง่ั สามารถจา้ ง ทหารของตนเขา้ ยดึ อานาจจากพวกขนุ นางไดส้ าเร็จ ซ่ึงเป็นการเริ่มตน้ เขา้ สู่ยคุ ทรราช (Tyranny) ของกรีกในเวลาต่อมา

ยุคทรราช (Tyranny) - ทรราชกรีก (Tyrants) คือ ผทู้ ี่กา้ วข้ึนสู่อานาจดว้ ยการใชก้ าลงั ไม่ใช่ดว้ ย การสืบสายโลหิต - ส่วนใหญ่ทรราชจะมาจากพอ่ คา้ ที่อา้ งวา่ จะปกป้องคนจนจาก พวกขนุ นาง และขา้ ราชการ เนน้ การปกครองเพอ่ื แกไ้ ขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชน โดยช่วยส่งเสริมการคา้ และเคร่งครัดใน การประมวลและการใชก้ ฎหมาย ซ่ึงสามารถแกไ้ ข ปัญหา ไดด้ ี - ต่อมาเมื่อมีการสืบทอดสายโลหิต พวกทรราช คนต่อมา หลงอานาจและปกครองแบบกดข่ี จึงถูกประชาชน ร่วมมือกนั ขบั ไล่ออกจากอานาจ

ยุคประชาธิปไตย (Democracy) - ในระหวา่ งปี 600 – 500 B.C. หลายนครรัฐไดเ้ รียกร้องการปกครองแบบ ปกครองตนเอง (Sel – government) โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การปกครอง ระบอบประชาธิปไตย เพ่อื ใหป้ ระชาชนมีสิทธิทางการเมืองมากข้ึน โดย การปกครองในระบอบประชาธิปไตยประสบความสาเร็จมากท่ีสุดใน นครรัฐเอเธนส์

ลกั ษณะทแี่ ตกต่างกนั ของสปาร์ตา กบั เอเธนส์ ลกั ษณะการรวมตวั แบบนครรัฐ หรือ Polis ของกรีก หมายถึง การมี เมือง นคร หรือ เขตชนบทเลก็ ๆ รอบเมืองใหญ่ที่เป็นศูนยก์ ลางการ ปกครอง แต่นครรัฐกรีกเหล่าน้ีไม่เคยรวมกนั เป็นรัฐชาติเดียวกนั ได้ เลย ในสมยั กรีกเฮเลนนิก จึงปรากฏแต่เพยี งความเจริญใน 2 นครรัฐ ใหญ่คือ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook