เปน็ เร่ืองราวของอดตี ทีเ่ ตม็ มผี ูค้ นล้มตาย ไปด้วยขอ้ มลู เกีย่ วกับ ว.ด.ป. หรอื สงิ่ ก่อสร้าง และเหตกุ ารณท์ ี่ไม่นา่ จดจา ทีเหลือแตซ่ าก หลายคนมคี วามเหน็ ว่า ประวตั ศิ าสตร์ ??? ไมน่ า่ สนใจและไม่เปน็ ประโยชน์ตอ่ แต่ !!! การดาเนินชวี ติ ในโลกปัจจุบนั ท่ีเต็มไปดว้ ย ข้อมลู ขา่ วสารและเทคโนโลยี
ประวัตศิ าสตรเ์ ป็น เรื่องราวทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับ สงั คมมนษุ ยท์ ี่เกิดขึ้น การไต่สวน การตรวจสอบ และมีผลสบื เน่อื งมา หาความจรงิ ในส่งิ ที่มนษุ ย์ จนถึงปัจจุบัน ไดค้ ิด ได้ทา รวมท้ังทักษะ การคิดวเิ คราะห์ วนิ จิ ฉยั ข้อมูล ขา่ วสารจากหลักฐานต่าง ๆ ล้วนมีความเกย่ี วเนอ่ื งกบั ประวัตศิ าสตรท์ ง้ั ส้นิ ประวัตศิ าสตรจ์ งึ เป็น ศาสตรส์ าคญั และ จาเป็นสาหรบั มนษุ ยชาตใิ นยุค โลกาภวิ ตั น์
หมายถึง การศึกษาหรือ การสืบคน้ เรื่องราวหรือเหตุการณ์สาคญั ในอดีตของสงั คม มนุษยท์ ่ีเปล่ียนแปลงไปตามเวลาและสิ่งแวดลอ้ มวา่ ใคร ทา อะไร ท่ีไหน เมื่อไหร่ อยา่ งไร และทาไม เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจสภาพ ของสงั คมปัจจุบนั อนั เป็นผลจากอดีตไดอ้ ยา่ งชดั เจน
การศึกษาเร่ืองราวของสังคมมนุษย์ ตอ้ งประกอบดว้ ย * หลกั ฐานหรือร่องรอยท่ีมนุษยไ์ ดส้ ร้างข้ึนท้งั ที่ต้งั ใจและ ไม่ต้งั ใจสร้าง * วธิ ีการศึกษาตามข้นั ตอนท่ีเป็นระเบียบระบบ ซ่ึงเรียกวา่ “วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์”
วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ คือ กระบวนการศึกษา ประวตั ิศาสตร์ เพื่อใหไ้ ดค้ วามรู้ใหม่ท่ีเป็นจริงโดย ปราศจากอคติ โดยเริ่มต้งั แต่การคน้ ควา้ หาหลกั ฐาน การวเิ คราะห์หลกั ฐานหรือขอ้ มูล และการนาเสนอ ขอ้ มูลอยา่ งมีเหตุผล เป็นตน้
ความหมายของหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ หมายถึง ร่องรายจากพฤติกรรมของมนุษย์ ในอดีต ไดแ้ ก่ ร่องรอยการกระทา การพดู การเขียน การสร้างสรรค์ การอยอู่ าศยั ความคิด โลกทศั น์ อารมณ์ ความรู้สึก ประเพณี ปฏิบตั ิของมนุษยใ์ นอดีต รวมท้งั ส่ิงต่างๆ ตามธรรมชาติที่มีส่วนเก่ียวขอ้ งกบั สงั คม มนุษย์
วธิ ีการแบ่งประเภทของหลกั ฐาน แบ่งตามความสาคญั ของหลกั ฐาน แบ่งได้ 2 ประเภท ดงั น้ี
1. หลกั ฐานช้ันต้นหรือ ช้ันปฐมภูมิ หมายถึง หลกั ฐานที่เกิดข้ึนในเหตุการณ์น้นั หรือช่วงเวลาน้นั โดยผสู้ ร้างหลกั ฐานเป็นผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั เหตุการณ์หรือรู้เห็นเหตุการณ์ หลกั ฐานประเภทน้ีถือเป็นหลกั ฐานท่ีมีคุณค่าและความสาคญั มากกวา่ หลกั ฐานช้นั รอง เช่น โบราณสถาน โบราณวตั ถุที่สร้างข้ึนในสมยั น้นั
เอกสารท่ีบนั ทึกข้ึนจากผทู้ ี่อยใู่ นเหตุการณ์ เช่น จดหมาย เล่าเร่ืองต่าง ๆ หนงั สือพมิ พท์ ่ีรายงานขา่ ว นอกจากน้ียงั มีคาบอกเล่า ของผทู้ ี่อยใู่ นเหตุการณ์
2. หลกั ฐานช้ันรองหรือ หลกั ฐานทุตยิ ภภูมิ หมายถึง หลกั ฐานท่ีสร้างข้ึนภายหลงั เหตุการณ์น้นั ๆ ผา่ นพน้ ไปแลว้ เช่น อนุสาวรียบ์ ุคคลสาคญั ต่าง ๆ เอกสารท่ีเขียนข้ึนจากคาบอก เล่าของผอู้ ่ืน รวมถึงเอกสารที่ผา่ นการวิเคราะห์ตีความจากหลกั ฐาน ช้นั ตน้ และหลกั ฐานช้นั รองอื่น ๆ เช่น หนงั สือทีเรียบเรียงโดย นกั วิชาการ วทิ ยานิพนธ์ บทความ หนงั สือเรียน
วธิ ีการแบ่งประเภทของหลกั ฐาน แบ่งตามรูปลกั ษณะของหลกั ฐาน แบ่งได้ 2 ประเภท ดงั น้ี
หลกั ฐานท่ีเป็ นลายภลกั ษณ์อกั ษร หมายภถงึ หลกั ฐานท่ีเขียนข้ึนเป็นตวั หนงั สือ หลกั ฐานที่เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร ที่สาคญั ในสมยั รัตนโกสินทร์ เช่น จารึก เป็นบนั ทึกที่เกิดจากการ สลกั ตวั อกั ษรลงบนวสั ดุท่ี มีความคงทนอยา่ งหินหรือ โลหะ เป็นเร่ืองราวต่างๆ
พระราชพงศาวดาร เป็ นงานเขียนทาง ประวตั ิศาสตร์ที่บนั ทึก เร่ืองราวเกี่ยวกบั พระมหากษตั ริย์
จดหมายภเหตุ เป็นบนั ทึกร่วมสมยั หรือ บนั ทึกจากความทรงจาท่ี ผจู้ ดบนั ทึกเป็นผทู้ ี่มีชีวติ อยู่ ในช่วงเวลาเดียวกบั ที่เกิด เหตุการณ์ มีท้งั ท่ีเขียนโดย ชาวไทยและชาวตา่ งชาติ
หนังสือชีวประวตั ิ และอตั ชีวประวตั ิ เป็นหนงั สือที่บอกเร่ืองราว เก่ียวกบั ชีวติ ส่วนตวั หรือ ความเป็ นมาของบุคคล
หลกั ฐานทไี่ ม่เป็ นลายภลกั ษณ์อกั ษร หมายถึง หลกั ฐานท่ีไม่ปรากฏเป็นตวั หนงั สือ เช่น 1) โบราณสถาน คือ ส่ิงก่อสร้างต่างๆ ที่มีอายมุ ากกวา่ 100 ปี ข้ึนไป และ ไม่สามารถหยบิ ยกหรือเคลื่อนที่ได้ เจดยี ภ์วดั ใหญ่ชัยภมงคล จงั หวดั พระนครศรีอยภธุ ยภา
2) โบราณวตั ถุ คือ ส่ิงของต่างๆ ท่ีมี อายมุ ากกวา่ 100 ปี ข้ึนไป และ ที่สามารถหยบิ ยกหรือเคล่ือนท่ีได้
3) จิตรกรรมฝาผนงั คือ งานเขียนภาพระบายสีน้าบนฝาผนงั ของพระอุโบสถ หรือโบสถ์ วหิ าร ศาลาการเปรียญ และตามสถานที่ต่างๆ เป็นงานศิลปกรรม แขนงหน่ึงท่ีส่วนใหญ่ไดแ้ รงบนั ดาลใจจากความเชื่อทางศาสนา
4) คาบอกเล่าของผเู้ ฒ่าผแู้ ก่ ผรู้ ู้ หรือผทู้ ี่อยรู่ ่วมในเหตุการณ์ เป็นหลกั ฐานท่ี ถ่ายทอดดว้ ยคาพดู ซ่ึงบอกเล่าสืบต่อกนั มา หลกั ฐานคาบอกเล่าน้ีมกั เปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลา จึงตอ้ งใชป้ ระกอบกบั ขอ้ มูลหลกั ฐานอ่ืนๆ
5) หลกั ฐานประเภทโสตทศั น์ ไดแ้ ก่ ฟิ ลม์ สไลด์ แถบบนั ทึกเสียง แถบ วีดิทศั น์ ภาพยนตร์ ประพาสต่างประเทศของ ร.5 หลกั ฐานเหล่าน้ีสามารถ ใชค้ วบคู่กบั การศึกษาหลกั ฐานที่เป็นลายลกั ษณ์อกั ษรได้
วธิ ีการประเมินความน่าเชื่อถือของหลกั ฐาน สมุดข่อยจาลองจากตาราจินดามณี • เป็ นของแท้หรือของทาเลยี ภนแบบ ดูไดจ้ ากวสั ดุ หนงั สือเรียนเลม่ แรกของไทย ที่ใชเ้ ขียน รูปแบบตวั เขียน สานวนภาษา • การศึกษาภูมหิ ลงั ของผู้ทาหรือผู้เกย่ี ภวข้อง เช่น เป็นพวกเดียวกนั เป็นศตั รู หรือเป็นผมู้ ีความรู้ ในเรื่องท่ีบนั ทึกหรือไม่ • วตั ถุประสงค์ของการจัดทา โดยพิจารณาวา่ เพราะเหตุใดจึงมีการบนั ทึกเรื่องน้นั ๆ • ช่วงระยภะเวลาทีจ่ ดั ทาหลักฐาน โดยพจิ ารณาวา่ จดบนั ทึกแบบทนั ที หรือเวลาผา่ นไปนานแลว้ จึงจดบนั ทึก • รูปลกั ษณ์ของหลกั ฐาน หากเป็นรายงานราชการ จะกระชบั เขียนตามระเบียบ หากเป็นบนั ทึก ส่วนตวั จะเขียนเชิงพรรณนา
การแยภกแยภะหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ การแยภกแยภะความแตกต่างระหว่าง การแยภกแยภะระหว่างความจริง ข้อเทจ็ จริงกบั ความคดิ เห็น กบั ข้อเท็จจริง • ข้อเทจ็ จริง เป็นขอ้ มูลจากหลกั ฐาน • ความจริง คือ ขอ้ มูลหรือเร่ืองราว ต่างๆ ซ่ึงอาจตรงกนั หรืออาจ ที่เกิดข้ึนจริง เช่น ไทยเสียกรุงศรีอยธุ ยา ขดั แยง้ กนั บา้ ง ใน พ.ศ. 2112 และ พ.ศ. 2310 • ความคดิ เห็น เป็นขอ้ มูลส่วนที่ผู้ • ข้อเท็จจริง คือ ขอ้ มูลท่ีเป็นคาอธิบาย บนั ทึก หรือผใู้ ชห้ ลกั ฐานคิดวา่ ท่ีปรากฏในหลกั ฐานท้งั หลายวา่ น่าจะเป็นอยา่ งไร ทาไมไทยจึงเสียกรุงศรีอยธุ ยา
ความสาคญั ของการตีความทางประวตั ศิ าสตร์ เพื่ออธิบายภเร่ืองราว เพื่อตคี วาม วเิ คราะห์ ทปี่ รากฏในหลกั ฐาน ความสาคญั ของหลกั ฐาน เพ่ือวพิ ากษ์ หรือวิจารณ์ ช่วยภอธิบายภความถูก เพ่ืออธิบายภข้อมูลท่ี หลกั ฐานว่ามีความ ผดิ ของข้อมูลท่ี ปรากฏในหลกั ฐาน เทยี่ ภงตรง ไม่ลาเอยี ภง ปรากฏในหลกั ฐาน ให้เข้าใจง่ายภขนึ้
การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ และจดั หมวดหมู่ข้อมลู •การนาขอ้ เทจ็ จริงท่ผี ่านการวิเคราะหม์ า รวบรวมจัดหมวดหมู่
ความสาคญั ของการวเิ คราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล ความสาคญั ของ • เพื่อแยกขอ้ มูลในส่วนท่ีเป็นขอ้ เทจ็ จริงจาก การวเิ คราะห์ข้อมูล หลกั ฐานกบั ความคิดเห็นของบุคคล • เพอ่ื แยกขอ้ มูลท่ีตรงกนั หรือต่างกนั • เพอ่ื แยกขอ้ มูลท่ีเป็นความต่อเนื่อง ความ เปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ ความสาคญั ของ • เพอ่ื จดั รวมขอ้ มูลท่ีเป็นเร่ืองเดียวกนั ไวด้ ว้ ยกนั การสังเคราะห์ข้อมูล ท้งั ที่เป็นขอ้ มูลสนบั สนุนและขดั แยง้ • เพื่อจดั ลาดบั เหตุการณ์ ความต่อเนื่อง ความเปล่ียนแปลงของขอ้ มูล • เพอ่ื จดั รวมความคิดเห็นส่วนตวั ในการนาเสนอ
หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์เหล่าน้ีเป็น ผลผลิตของแต่ละสงั คมในแต่ละยคุ สมยั และใน ขณะเดียวกนั กเ็ ป็นผลผลิตของการติดต่อสมั พนั ธ์ ระหวา่ งสงั คมดว้ ย ซ่ึงในที่น้ีสามารถแบ่งหลกั ฐาน ออกตามยคุ สมยั ดงั น้ี
1. หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์สมยั ภก่อนประวตั ศิ าสตร์ 1.1 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์จีน สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์
เช่น โครงกระดูกมนุษยป์ ักกิ่ง ยคุ หินเก่า อายปุ ระมาณ 5 แสนปี มาแลว้ จานวนมากกวา่ 40 โครง กะโหลกมนุษย์ปักก่งิ พบท่ถี ำ้ โจ่วโข่วเตีย้ น ประเทศจนี
2. เครอื่ งปนั้ ดินเผาวฒั นธรรมหยางเชา (Yangshao Culture) อยู่บริเวณลุม่ น้าหวางเหอเครือ่ งปัน้ ดนิ เผานยิ มเขียน เป็นรปู เรขาคณติ และวัฒนธรรมหลงชาน (Longshan Culture) อยู่บริเวณลุ่มนา้ หวางเหอด้านตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของจนี เคร่อื งป้นั ดินเผาใช้แป้นหมนุ มีเนือละเอยี ด บาง วัฒนธรรมหยำงเชำ วัฒนธรรมหลงชำน
1.2 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ อินเดียสมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์
1. เมืองโมเฮนโจดาโร (Mohenjodaro) และฮารัปปา (Harappa) เป็นหลกั ฐานท่ีส้าคัญของอารยธรรมลมุ่ น้าสินธุ ให้ข้อมูล ด้านการปกครอง ระบบเศรษฐกิจแบบเกษตรกรรม ระบบ ชลประทาน สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อ สภาพชีวิตของประชากร และศิลปวัฒนธรรมของชาวดราวิเดียนในช่วงก่อนท่ีชาวอารยันเข้ามา ในอนิ เดีย
2. คัมภีร์พระเวทของชาวอารยัน เป็นคัมภีร์ที่ส้าคัญทาง ศาสนาของชาวอารยัน ประกอบไปด้วยคัมภีร์ฤคเวท สามเวท ยชุรเวท และอาถรรพเวท นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าคัมภีร์พระ เวทน่าจะถูกสร้างขนึ ในชว่ ง 1,400–1,000 ปีก่อนครสิ ต์ศกั ราช ให้ข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา สังคม การเมือง และวัฒนธรรม ความเช่ือเร่ืองเหนือธรรมชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจน ปรชั ญาของชาวอารยนั
1.3 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ ตะวนั ตกสมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์
เปน็ หลักฐานทางโบราณคดี เช่น 1. โครงกระดกู มนษุ ยส์ มัยก่อนประวัตศิ าสตร์ เชน่ -โครงกระดูกมนษุ ยส์ ไตนไ์ ฮม์ (Steinheim man) อายรุ าว 350,000 ปีมาแลว้ พบใกลเ้ มืองสตุตการ์ต ประเทศ เยอรมนี -โครงกระดกู มนษุ ย์โครมันยอง (Cro-Magnon) อายรุ าว 40,000 ปมี าแลว้ พบทางตะวนั ตกเฉยี งใตข้ องฝรัง่ เศส โครงกระดกู มนษุ ย์สไตน์ไฮม์ โครงกระดกู มนษุ ย์โครมนั ยอง
2. ศิลปะถ้า เช่น ภาพเขียนสีวัว ในถ้าอัลตามีรา (Altamira) ทางภาคเหนือของสเปน ภาพเขียนสีฝูงม้าและวัวก้าลงั กระโดด ในถ้า ลาสโก (Lascaux) ทางตะวนั ตกเฉยี งใต้ของฝรง่ั เศส เป็นต้น
3. สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) เป็นแท่งหินขนาดใหญ่ท่ีน้ามา เรียงเป็นรูปวงกลม บางแห่งวางพาดข้างบนในแนวนอน อยู่ท่ีราบ ซอลส์เบอรีทางภาคใต้ของอังกฤษ แสดงให้เห็นความสามารถด้าน สถาปตั ยกรรมของมนุษยย์ คุ หินใหม่
2. หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์สมยั ภโบราณ 2.1 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์จีน สมยั โบราณ เริ่มต้งั แต่ราชวงศช์ าง เม่ือ 1,570 B.C ไปสิ้นสุดสมยั ราชวงศฮ์ นั่ ใน ค.ศ. 220
Search