❖ ❖
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
❖ ❖ ผลจากการสารวจทาใหโ้ ปรตเุ กสได้ครอบครองบราซิลในทวปี อเมรกิ าใต้ ดนิ แดนในโลกใหม่ (ทวปี อเมรกิ า) ลังกา มลายู หมเู่ กาะเครอ่ื งเทศในอนิ เดียตะวันออก และเมอื งสาคัญๆ ทางการค้าในอินเดีย และแอฟริกา
❖
❖ ❖ ❖
❖ ❖
❖ ❖ ❖
คาบรลั (Cabral) ❖ เดินทางไปถงึ บราซลิ ในอเมรกิ าใต้ ในปี ค.ศ. 1500
❖ ❖ ❖
และเดลคาโน ❖ ❖ ❖
บลั บวั (Balboa) พอล เดอ ลาออน (Ponce de Laon) ❖ ค้นพบมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ❖ สารวจฟลอลิดา ในปี ค.ศ. 1513 ในปี ค.ศ. 1513 คอรเ์ ตซ (Cortez) ❖ สารวจดินแดนเม็กซิโก ปีซาโร (Pizarro) ❖ ยดึ เปรไู ดใ้ นปี ค.ศ. 1533
❖ ❖
❖ ❖ ❖ ❖
ระบอบการปกครองในยคุ ของการเปลย่ี นแปลง มี 2 ลกั ษณะ ดงั นี้ 1. ระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ / ระบอบราชาธปิ ไตย ระบอบทกี่ ษัตริยม์ ีอานาจสูงสดุ และมีอานาจเดด็ ขาดในแผ่นดนิ จะมกี ารรวมอานาจ เขา้ สศู่ นู ย์กลาง เพือ่ ธารงไว้ซงึ่ สันติสุข และความม่ันคงปลอดภยั โดยการได้มาซง่ึ อานาจ มี ดงั นี้ 1) ผลของสงครามครเู สด สงครามร้อยปี และสงครามดอกกหุ ลาบ 2) ผลของการคา้ ทาใหก้ ษัตริย์มง่ั คั่งขน้ึ 3) กษตั รยิ ์ไดร้ ับการสนบั สนนุ จากชนชน้ั กลาง 4) การปฏิรูปศาสนาครสิ ต์นกิ ายโปเตสแตนต์ ทาให้ความเปน็ กลมุ่ ก้อนของศาสนา ครสิ ต์แตกกระจัดกระจาย อานาจของศาสนจักรและสนั ตะปาปาเส่อื มลง
2. อานาจเทวสทิ ธขิ์ องกษตั รยิ ์ อานาจเทวสทิ ธ์ิในยคุ กลาง แต่เดมิ คอื อานาจของสันตะปาปา เมื่อสันตะปาปาเสอ่ื มอานาจ กษตั ริยจ์ ึงเป็นผใู้ ชอ้ านาจน้แี ทน โดยอ้างว่าพระองคเ์ ป็นตวั แทน ของพระผูเ้ ป็นเจา้ ที่สง่ มาปกครองมนุษย์ และได้รบั อานาจเทวสทิ ธม์ิ าจากพระเจา้ ดังนั้น ประชาชนไม่มีสิทธิ์ปลดกษตั ริย์ออกจากตาแหนง่ หรือ ถา้ คิดลม้ ล้างกษตั ริย์ จะถือว่า เป็นความผดิ บาป โดยผู้ทส่ี นบั สนุนความคดิ ดังกลา่ ว ไดแ้ ก่ ดงั เต้ วิคลฟิ และ มาร์ตนิ ลเู ธอร์
พวกนิยมหลักเหตุผล/Rationalism นักเหตผุ ลนยิ มทสี่ นบั สนนุ กษตั รยิ ใ์ นระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ 1. มาเคยี เวลลี เขียนหนงั สือเร่อื ง The Prince ซึ่งถอื วา่ เปน็ คูม่ อื การใชอ้ านาจทางการเมอื งสาหรับ นักปกครอง เนอ้ื หาจะเก่ยี วกับเร่ือง ราชาธปิ ไตย/อานาจรัฐทมี่ ีอานาจเดด็ ขาด ซงึ่ จะแยก เรอ่ื ง ศาสนาออกจากการเมืองอย่างเดด็ ขาด จดุ มงุ่ หมายของผแู้ ตง่ คือ ต้องการเหน็ การรวมอติ าลใี หอ้ ย่ภู ายใตก้ ารปกครอง เดยี วกนั โดยมีผูป้ กครองที่ฉลาด เขม้ แข็ง รกั ชาติอย่างจรงิ ใจ ใชน้ โยบายเดด็ ขาด และมี วิธีการทไ่ี ดม้ าซ่ึงอานาจโดยไม่คานึงถึงศีลธรรม จริยธรรม ความซือ่ สัตย์ยุติธรรม / เกยี รตยิ ศชื่อเสยี ง
2. ฌอ็ ง โบ แดง (Bodin) ผลงาน คอื The State ซง่ึ สนับสนุนการมรี ัฐบาลทอ่ี ยู่เหนอื กฎหมาย และมอี านาจสูงสุดทางการเมือง 3. โทมสั ฮอบส์ (Thomas Hobbes) เห็นว่า โดยธรรมชาตขิ องมนุษย์ จะมีความเหน็ แก่ตัว ขดั แยง้ ตอ่ สู้ แย่ง ชิงกนั ตลอดเวลา ซ่ึงฮอบสเ์ ห็นดว้ ยกับมาเคียเวลลี ในเรื่องความพยายามของ มนษุ ย์ คอื การตอ่ สู้เพ่ือานาจ มแี รงจูงใจจากการแขง่ ขัน ความกลวั และช่อื เสยี ง นอกจากนีฮ้ อบสย์ ังสนับสนุนการมีรฐั บาลทเ่ี ข้มแข็ง ผู้ปกครองควรออก กฎหมาย รวมทั้งมอี านาจเหนอื การแสดงออกทางความคิดทัง้ ปวง
❖ ❖ ❖
❖ ❖ ❖ ❖
❖ ❖
❖ ❖ ❖
❖ ❖ ❖
❖ ❖ ❖
❖ ❖ ❖ ❖
❖ ❖ ❖ ❖
❖ ❖ ❖ ❖
การปฏิรปู ศาสนาในดนิ แดนตา่ งๆ (โปเตสแตนต)์ 1. การปฏริ ปู ศาสนาในสวติ เซอรแ์ ลนด์ ผู้ทาการปฏริ ูป คือ อูลรคิ สวงิ กลิ นกั มนุษยนยิ มชาวสวสิ มแี นวคิด คือ ใหค้ ริสตจกั รขนึ้ กับเมืองทีม่ ชี นช้นั กลางจานวนมาก และเป็นประชาธปิ ไตย
2. นกิ ายคาลแวงหรอื คาลวนิ สิ ม์ กอ่ ตง้ั โดย จอหน์ คาลแวง ชาวฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1533 เปน็ นกิ ายทเ่ี นน้ การอา่ นพระคมั ภรี ์ ทฤษฎี เลอื กสรร และทฤษฎชี ะตากาหนด ซง่ึ เชอ่ื วา่ พระเจ้า กาหนดศรทั ธาของบุคคลเอาไวต้ ั้งแตก่ อ่ นเกิด ตอ่ มา นกิ ายนไ้ี ด้มีอทิ ธพิ ลตอ่ ประเทศตา่ งๆ ภายนอกดินแดน เยอรมนี เช่น ในองั กฤษ จะถกู เรียกวา่ “พวกเพียว- ริตัน” ในฝรง่ั เศส เรียกวา่ “อูเกอโน” ในสกอตแลนด์ เรยี กวา่ “พวกเพรสไบทเี รียน”
3. การปฏริ ปู ศาสนาในฝรง่ั เศส แอดมรี ลั เดอ โคลญิ ยี เปน็ ผนู้ าของลทั ธคิ าลแวงในฝรง่ั เศส โดย เรยี กพวกตนว่า “อูเกอโน” ร่วมกบั เฮนรีแห่งนาวาร์ ภายหลัง พระเจ้าเฮนรที รงเปลีย่ นมานับถือนกิ ายคาทอลกิ เพื่อ เอาใจคนส่วนใหญ่ และได้ออกประกาศ “กฤษฎกี าแหง่ เมืองนังต”์ ในปี ค.ศ. 1859 เพ่อื เป็นการประนปี ระนอมและใชข้ นั ติศาสนา รวมทงั้ ทรงให้ สทิ ธิแกอ่ เู กอโนในการนบั ถือศาสนาดว้ ย
4. นิกายแองกลคิ นั /การปฏริ ปู ศาสนาในองั กฤษ เกิดข้ึนเพราะ พระเจ้าเฮนรที ่ี 8 แห่งอังกฤษ ทรงไมพ่ อพระทยั สนั ตะปาปาท่ีไม่ยอมจดั การให้พระองค์หยา่ ขาดกับพระนางแคเทอรีนแหง่ อรา กอน เพอื่ จะได้แต่งงานใหมก่ ับ แอน โบลีน จึงทรงตงั้ สังฆราชแห่งแคนเทอเบอร่ี ขน้ึ ใหม่ โดยตดั ขาดจากคริสตจกั รท่ีกรงุ โรม และทรงใหร้ ฐั สภาออกกฎหมายท่ี เรยี กวา่ “The Act of Supremacy” ในปี ค.ศ. 1534 เพ่อื แตง่ ตงั้ ให้พระองค์เป็น ประมุขทางศาสนาในประเทศองั กฤษแทนสนั ตะปาปา ซง่ึ ส่งผลให้องั กฤษเปลย่ี น มาเป็นโปเตสแตนตน์ ิกายองั กฤษ/แองกลิคัน
การปฏริ ปู ศาสนา (คาทอลกิ ) : การตอ่ ตา้ นการปฏริ ปู ศาสนา การตอ่ ต้านการปฏิรปู ศาสนา หมายถึง การท่กี รุงโรมตอ่ ตา้ น การปฏริ ปู ศาสนาฝ่ายโปเตสแตนต์ โดยสนั ตะปาปาปอลที่ 3 ด้วยวธิ ีการ ต่อไปนี้ 1. การจดั ตง้ั สมาคมเยซ/ู คณะเยซอู ติ อิกนาเชยี ส โลโยลา ไดก้ ่อตง้ั สมาคมน้ี ในปี ค.ศ. 1534 เพื่อต่อต้านการปฏริ ปู ศาสนา นิกายโปเตสแตนต์ ซึง่ มีจดุ มุ่งหมายสาคัญ คอื - เพื่อเน้นใหพ้ ระคาทอลกิ เคร่งครัดในระเบียบวนิ ยั - เนน้ ใหก้ ารศกึ ษาแบบใหม่แกบ่ ตุ รหลานชาวคาทอลกิ เพือ่ จะได้ไมเ่ ปลย่ี นไปเปน็ โปเตสแตนต์ โดยเน้นจดั ตง้ั มหาวิทยาลยั ทงั้ ในอติ าลี สเปน โปรตเุ กส และเยอรมนีตอนใต้
2. การจดั ตงั้ ศาลพเิ ศษทางศาสนา เพอ่ื ต่อตา้ นการกระทาและลงโทษพวกนอกรีต/พวก โปเตสแตนตอ์ ยา่ งรุนแรง เชน่ การเผาทง้ั เป็น โดยศาลพิเศษ ทางศาสนาประสบความสาเร็จในการปราบปรามพวกรตี ในสเปน และ อติ าลี จงึ ทาให้ท้งั 2 ประเทศนี้รอดพน้ จากการ ขยายอทิ ธิพลของพวกโปเตสแตนต์
3. การประชมุ ทางศาสนาทเี่ มอื งเทรนท์ ในปี ค.ศ. 1545 สนั ตะปาปาปอลที่ 3 ไดจ้ ัดใหม้ ีการประชมุ สังฆสภาท่เี มืองเทรนทท์ าง เหนอื ของอติ าลี การประชุมสบื มาถึงปี ค.ศ. 1566 ซ่ึงเป็นปสี นิ้ สุดการปฏิรปู ของคาทอลิก ผลการประชมุ มสี าระสาคญั ดงั น้ี - สนั ตะปาปา คือ ประมขุ ทางศาสนา - คมั ภีรไ์ บเบลิ ตอ้ งเขยี นเป็นภาษาละตินเท่านั้น - หา้ มขายตาแหนง่ ทางศาสนา และ ขายใบไถบ่ าป - อนญุ าตให้พระเทศเป็นภาษาทอ้ งถน่ิ ได้ เพื่อความเขา้ ใจทีด่ ขี ้นึ
- มีการจัดทารายชอื่ บญั ชหี นงั สือต้องหา้ มของนกิ ายคาทอลกิ โดยหา้ มทัง้ ซื้อขาย และถือเปน็ กรรมสิทธ์ิ เช่น หนงั สอื วิจารณพ์ ระคมั ภีรใ์ หม่ หนังสอื เก่ยี วกับศาสนา ของ Erasmus ทีไ่ ม่ทราบผู้แต่ง คาประทว้ ง 95 ข้อ ของลูเธอร์
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
❖ ❖ ❖
การปฏวิ ตั วิ ทิ ยาศาสตรใ์ นท่ีน้มี ไิ ด้หมายถึงการค้นพบส่ิงใหม่ๆ แต่จะมุ่งเน้นการ อธิบายเรื่องทยี่ ังมืดมนด้วยหลักการทางวทิ ยาศาสตร์ คอื การสงั เกต การคานวณ และการทดลอง ซ่งึ ใช้เวลานานประมาณ 200 ปี ตัง้ แตส่ มยั โคเปอรน์ คิ สั ถึง สมยั นวิ ตนั โดยนาไปสสู่ มยั “การปฏวิ ตั แิ นวความคดิ ของมนษุ ย”์ ซ่ึงยอมรบั วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ จนกลายเป็นพืน้ ฐานของการเกดิ การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม ทาให้มนษุ ยไ์ ด้ก้าวไปสู่วถิ ีทาง การดาเนินชีวิตแบบยุคใหมอ่ ยา่ งแท้จริง
❖ ❖ ❖
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115