การแบ่งยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ * ช่วงเวลาในสมยั ก่อน ปวศ. ในสังคมมนษุ ยเ์ รมิ่ ตน้ ไม่ เท่ากนั นักโบราณคดบี างคนถอื การกาเนดิ ของมนุษยชาติ ซงึ่ มกี ารค้นพบโครงกระดกู ของบรรพบรุ ษุ ทเ่ี กา่ แก่ท่สี ุด คือ มนษุ ยส์ ายพนั ธ์ “ออสตราโลพเิ ทคัส” มีอายรุ าว 4.4 ลา้ นปมี าแลว้ หรอื ทีร่ ู้จักกนั ดีในช่ือว่า “ลูซ”ี่ ขดุ พบท่ี แหล่งฮาดาร์ ป.เอธิโอเปีย โดยหลุยส์ ลีคกี
การแบง่ ยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์ * นกั โบราณคดบี างคนกใ็ ชห้ ลกั ฐานการ คน้ พบมนษุ ยส์ ายพนั ธุโ์ ฮโมอิเร็กตสั (มนุษยท์ ยี่ นื ตรง) และมนุษยโ์ ฮโมฮาบิลสี (มนษุ ยร์ จู้ กั สรา้ งเคร่อื งมอื ) ซึ่งคล้ายคลงึ กบั มนุษย์ในปจั จบุ ัน มอี ายรุ าว 2 ลา้ นปี มาแลว้
การแบ่งยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร์ แบง่ ออกเป็น 2 ช่วงใหญ่ ๆ คอื 1. สมัยก่อนประวตั ิศาสตร์ (Prehistoric Age) เร่ิมตงั้ แต่มีมนุษย์เกดิ ขึน้ ในโลก สิ้นสดุ เมื่อมนุษยป์ ระดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้เปน็ คร้งั แรก หรือประมาณ 5 ลา้ นปี – 6,000 ปมี าแล้ว
สมัยกอ่ นประวตั ศิ าสตร์ สามารถแบ่งออกเป็นสมยั ย่อยๆ ไดห้ ลายรปู แบบ แต่ทน่ี ิยมใชม้ ี 2 รูปแบบตาม เกณฑ์ ดงั นี้ * แบ่งโดยใช้พัฒนาการทางเทคโนโลยีการ ประดิษฐเ์ ครอ่ื งมือเครือ่ งใชข้ องมนุษย์ แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ยุค คือ ยุคหิน และ ยคุ โลหะ ในแตล่ ะยุคสามารถแบง่ ย่อย ตามเทคนคิ วธิ ีการและวสั ดทุ ใี่ ช้ในการทาเครอ่ื งมือ เครื่องใช้ โดยยุคหนิ แบง่ เป็นยุคหนิ เก่า ยคุ หินกลาง และ ยคุ หนิ ใหม่ สว่ นยคุ โลหะ แบง่ เป็น ยคุ สารดิ และ ยุค เหลก็
* แบ่งโดยใช้แบบแผนการดารงชวี ติ และลักษณะ ทางสงั คม แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 ยคุ คอื ยคุ สังคมล่าสตั ว์ และ หาของปา่ หรอื ยคุ สงั คมนายพราน ยุคหม่บู ้านสังคม เกษตรกรรม และยคุ สังคมเมือง การแบ่งยุคแบบนี้ นัก โบราณคดมี กั อา้ งองิ การแบง่ ยุคเวลาตามธรณวี ิทยา ซึง่ ปรากฏหลักฐานการกาเนดิ มนษุ ยชาติในธรณีกาลในช่วง สดุ ท้าย คือ สมยั ไพลสโตซนี และสมัยโฮโลซีน
สมยั ไพลสโตซนี หมายถึง ชว่ งเวลาทางธรณวี ทิ ยาที่ปรากฎธาร นา้ แข็งปกคลุมพ้นื ท่ีหลายบริเวณของโลกสลบั กับอากาศ อบอุน่ หลายครั้ง ยคุ นม้ี ีความสาคัญต่อประวตั ศิ าสตร์ มนุษยชาตอิ ยา่ งมาก เพราะมีการค้นพบหลกั ฐานของ บรรพบุรุษมนษุ ยห์ ลายสายพันธ์ุทัง้ ในทวีปแอฟริกา ยโุ รป และเอเชยี สมยั น้ีเปน็ ช่วงเวลาประมาณ1,8000,000 – 10,000 ปีมาแล้ว
สมยั โฮโลซีน หมายถงึ ชว่ งเวลาทางธรณวี ทิ ยาที่ตอ่ จากสมัย ไพลสโตซนี ตอนปลาย มีอายรุ ะหว่าง 10,000 ปมี าแล้ว ถงึ ปัจจุบนั ในยุคนเ้ี ปน็ ยคุ ทีน่ ้าแขง็ บริเวณข้ัวโลกเร่มิ ละลาย อากาศอบอุ่นขึน้ และมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภมู ิ ประเทศในบริเวณต่าง ๆ เชน่ ตามชายฝ่งั ทะเลและป่าไม้ เขตร้อน
ยุคตามธรณกี าล ยคุ ตามแบบ ยคุ ตามการใช้ ชว่ งเวลาประมาณ แผนการดารงชวี ติ เทคโนโลยเี ครอ่ื งมือ (กอ่ น ค.ศ.) สมยั ไพลสโตซีน และลกั ษณะทาง สมยั โฮโลซีน เครอื่ งใช้ 2,000,000 – สงั คม 10,000 ปี ยคุ สังคมลา่ สตั ว์และ ยุคหนิ 10,000 – 8,000 ปี 8,000 – 3,000 ปี หาของป่า หรอื ยุคสงั คม - ยุคหนิ เกา่ 3,000 – 1,000 ปี นายพราน - ยุคหินกลาง 1,000 ปลี งมา ยุคหมบู่ า้ นสงั คม - ยุคหนิ ใหม่ เกษตรกรรม ยคุ สงั คมเมือง ยุคโลหะ - ยุคสาริด - ยคุ เหล็ก
2. สมยั ประวัติศาสตร์ (Historic Age) เร่ิมเมือ่ มนุษยร์ ู้จกั ประดษิ ฐ์ตัวอักษร ต่อเน่ืองถึง ปัจจบุ นั ดินแดนแตล่ ะแหง่ เขา้ สู่ยคุ ประวัตศิ าสตรใ์ นระยะเวลา ไมเ่ ทา่ กัน เนื่องจากมพี ฒั นาการท่ตี ่างกัน เช่น * โลกตะวนั ตก เขา้ สสู่ มัยประวัติศาสตร์ โดยนับ ทดี่ ินแดนเมโสโปเตเมีย และ อียิปต์ เมื่อประมาณ 3,500 ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช * โลกตะวนั ออก จีนเข้าสู่สมยั ประวัติศาสตร์ เมื่อ ประมาณ 2,000 B.C สาหรบั อินเดีย เริ่มประมาณ 2,500 B.C
ลกั ษณะสาคญั ของสมยั กอ่ นประวัติศาสตร์ เป็นช่วงเวลาที่ยงั ไม่มีการประดิษฐ์ตวั อักษรใช้ การศึกษาเรอื่ งราวยคุ นจ้ี ึงใชว้ ชิ าโบราณคดี และ มานษุ ยวิทยา หลกั ฐานสว่ นใหญท่ พี่ บเปน็ โครงกระดกู เครือ่ งมือเครอื่ งใช้ เครือ่ งประดบั และภาพเขยี นสบี น ผนังถ้า
ลกั ษณะสาคัญของสมัยก่อนประวตั ิศาสตร์ จะพบกระจายตามภูมิภาคต่างๆ ทัว่ โลก ในทาง สากลจะยอมรับวฒั นธรรมสมยั กอ่ นประวตั ิศาสตร์ ที่ เกิดข้ึนในทวปี แอฟริกา และยโุ รปเป็นแม่แบบ หลกั ฐานทีเ่ ก่าแก่มอี ายุมากทสี่ ุด คือ กะโลก ศีรษะมนุษยท์ ่ีพบในประเทศแทนซาเนีย ทวปี แอฟริกา มอี ายปุ ระมาณ 3.2 – 5 ลา้ นปีมาแล้ว
1. สมัยกอ่ นประวัตศิ าสตร์ (แบง่ โดยใชพ้ ัฒนาการทาง เทคโนโลยกี ารประดษิ ฐ์เครอื่ งมือเครอ่ื งใช้) 1.1 ยุคหิน
1.1.1 ยุคหินเก่า : มีอายปุ ระมาณ 2.5 ล้านปี – 10,500 ปมี าแล้ว อย่ทู างภาคตะวันออกของทวปี แอฟริกา ในประเทศแทนซาเนีย เคนยา และเอธโิ อเปีย มอี ายุประมาณ 2.5 – 5 ลา้ นปี มาแล้ว
มนษุ ยป์ กั กิง่ (จีน)/ มนษุ ย์โฮโมฮาบีลีสในทวีป แอฟรกิ า และโฮโมอิเร็กตสั : ยุคหนิ เก่าตอนตน้
มนษุ ย์นีแอนเดอรท์ ัล (เยอรมนี) : ยคุ หนิ เกา่ ตอนกลาง
มนษุ ย์ชวา (อินโดนีเซยี )
มนุษย์โครมนั ยอง (ฝรั่งเศส) เป็นมนุษย์ยุคหนิ เกา่ รนุ่ สดุ ทา้ ยที่มลี ักษณะเหมอื นปจั จุบนั มากที่สดุ
อยดู่ ว้ ยการล่าสัตว์ จบั ปลา หาของปา่ เรร่ อ่ น ตาม แหลง่ อาหารแห่งใหม่ มักอาศยั ตามถา้ และอยูใ่ กลแ้ หลง่ นา้ นาหินมาทาอาวธุ และเคร่อื งมือ เครือ่ งใช้อย่างหยาบๆ โดยนามากะเทาะให้แหลมคม เพอื่ ใช้ตดั ขุด เจาะ เรียกวา่ “เครอ่ื งมอื หินกะเทาะ
พัฒนาการทีส่ าคัญ คอื การใช้สติปัญญา และการ กระทาอยา่ งมีเหตุผล เช่น - มีภาษาพูด - มกี ารฝงั ศพ และมพี ธิ ีกรรมเก่ียวกบั ความตาย ซง่ึ สะทอ้ นถึงความเชอ่ื หลงั ความตาย - รู้จกั ใช้ไฟเพอ่ื ปรุงอาหาร ให้แสงสว่าง และ ป้องกันภัยจากสัตว์ต่างๆ - รจู้ กั นาหนังสัตว์มาทา เคร่อื งนงุ่ ห่ม
- มกี ารสร้างสรรคง์ านศิลปะ เชน่ ภาพเขียนสีบนผนัง ถ้า และการแกะสลกั หินรปู คน จติ รกรรมฝาผนังทถ่ี า้ ลาโกซ์ ประเทศฝรั่งเศส เป็ นหลกั ฐานทแ่ี สดงให้เห็นถงึ พฒั นาการของมนุษย์ ยุคหินเก่าท่ีรู้จักสร้างสรรค์ผลงานศิลปะทสี่ วยงาม
อยูร่ วมกนั เป็นครอบครัวและกลุ่มยอ่ ยๆ มกี ารจดั ระเบยี บภายในกลมุ่ โดยแบง่ งานกนั ทาระหวา่ ง หญิงกบั ชาย เชน่ ผู้ชายลา่ สัตว์ ทาอาวธุ และเครื่องมอื เคร่อื งใช้ ผู้หญงิ ทาหน้าท่ีเลีย้ งลูก เก็บหาของป่า
1.1.2 ยคุ หนิ กลาง : มีอายปุ ระมาณ 10,500 – 10,000 ปีมาแล้ว จบั ปลาดว้ ยเครอ่ื งมอื คล้ายกับแห เรร่ อ่ นไปตามแหลง่ น้าทีอ่ ุดมสมบูรณ์ รู้จกั การเพาะปลูก แต่อาชพี หลัก ยังคงล่าสัตว์ และเรร่ ่อนไปตาม แหล่งทอี่ ดุ มสมบูรณ์ เล้ยี งสุนขั
ร้จู ักทาเครื่องจกั สาน ทารถลาก
1.1.3 ยคุ หินใหม่ : มอี ายุประมาณ 10,000 – 4,000 ปมี าแล้ว หลกั ฐานทส่ี าคญั คอื อนุสาวรยี ์หนิ สโตนเฮนจ์ เมอื งซัลลิสเบอรี สหราชอาณาจักร เปน็ สถาปตั ยกรรมทางศาสนา สันนษิ ฐานว่าสร้างขน้ึ เพือ่ ใช้ประกอบพธิ กี รรมบชู า ดวงอาทติ ย์
มนษุ ยเ์ ข้าสสู่ งั คมเกษตรกรรม มกี ารเพาะปลกู และ เลีย้ งสตั ว์ ซง่ึ แต่ละภูมิภาคจะตา่ งกันไป เช่น ปลกู ขา้ วสาลี ข้าวเจา้ เลี้ยงแพะ แกะ ววั ทาให้หยุด การเร่ร่อน และมีการต้งั ถ่ินฐานอย่างถาวร ผล จากการต้ังถ่นิ ฐานและรวมเป็นชุมชน ทาใหเ้ กิด การจัดระเบียบ เพ่อื ควบคมุ สงั คม มผี ้นู า มีรูปแบบการปกครอง มกี ารแลกเปลีย่ นสินคา้ และ ความเจรญิ ในด้านต่างๆ
เมืองชาทลั ฮูยุค ในประเทศตุรกี แหล่งชุมชนยคุ หินใหม่ ภาพวาดจินตนาการ การดารงชีวติ ของ ขนาดใหญ่ มนุษย์ยุคหินใหม่
รจู้ กั ทาภาชนะเคร่ืองปนั้ ดินเผา เครื่องจักสาน และทอผ้าทาเคร่อื งนงุ่ ห่ม ร้จู ักพัฒนาเครื่องมอื เคร่อื งใช้ โดยนาเคร่ืองมอื หนิ กะเทาะมาขดั และฝนใหเ้ รียบและจบั ได้ถดั มอื เรียกว่า “เคร่ืองมอื หนิ ขัด” เคร่ืองมือที่สาคัญ คอื ขวานหินขดั ดา้ มไม้ เคยี วหินเหลก็ ไฟด้ามไม้ และ หม้อสามขา
พัฒนาการความเจรญิ ของมนษุ ย์ยุคหนิ ใหม่ คือ เป็นการปฏิวตั ยิ คุ หินใหม่ หรอื การปฏวิ ัติ เกษตรกรรม นับเปน็ คล่นื ลูกท่หี น่ึงในการปฏิวัติ ของมนษุ ยชาติ
1.2 ยุคโลหะ
1. ยุคทองแดง 2. ยคุ สาริด
3. ยคุ เหลก็
1.2.1 พัฒนาการความเจริญ ดงั น้ี
1.2.2 ปจั จัยสง่ เสรมิ ความเจรญิ ของยคุ โลหะ
1.2.3 แหล่งความเจรญิ ของมนุษย์ยุคโลหะในภมู ภิ าค ตา่ งๆ ของโลก
2. สมัยประวตั ศิ าสตร์
2.1 ประวตั ศิ าสตรส์ มัยโบราณ
2.2 ประวตั ิศาสตร์สมยั กลาง/ยุคแหง่ ความศรทั ธา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111