Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ยุโรปร่วมสมัย

ยุโรปร่วมสมัย

Published by jidayadum, 2020-02-10 23:48:37

Description: ยุโรปร่วมสมัย

Search

Read the Text Version

ยโุ รปเริ่มตน้ ยุคใหม/่ ร่วมสมยั

การเปล่ยี นแปลงและการปฏิรูป การ ปป. ทีเ่ กิดขึน้ ระหว่างปี ค.ศ. 1300 – 1500 มีดงั นี้ 1. สังคมฟวิ ดลั เสอื่ มลง เพราะการเกิดลัทธชิ าตนิ ยิ ม ทาให้ประชาชนต้องการรวมชาติ/รฐั ชาติ 2. เมืองศูนยก์ ลางการคา้ บรเิ วณ ท.เมดิเตอร์เรเนยี น ลดความสาคัญลง 3. เร่มิ มกี ารสารวจเส้นทางเดินเรือไปส่ดู นิ แดนทาง ตอ.

4. ชนชน้ั กลางกลายเป็นกลุม่ อิทธพิ ลด้วยเงนิ ตรา และ ค.มง่ั ค่ัง 5. ปรัชญาสกอลัสตกิ /ปรชั ญาของอริสโตเติลทีย่ า้ ถงึ การใช้เหตุผลใหส้ อดคลอ้ งกับคาสอนทางศาสนาท่เี ร่ิมเสื่อม ลง โดยนักคดิ ในยคุ เร่ิมต้นยุคใหมพ่ ยายามเน้นการใช้ เหตผุ ลมากกว่าการใชศ้ รัทธาทางศาสนา

6. เกดิ การปฏิรปู ที่สาคญั คอื การฟ้นื ฟศู ลิ ปะ วทิ ยาการ และการปฏิรปู ศาสนา โดยผลของการปฏิรปู ทั้ง 2 ทาใหเ้ กดิ การ ปป.พ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ คือ เปลย่ี นจาก เศรษฐกิจแบบทอ้ งถน่ิ ไมห่ วงั ผลกาไร มาเป็นเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยม 7. จกั รวรรดิไบแซนไทน์ตกอยภู่ ายใตก้ ารยึดครอง ของพวกเตริ ์กในปี ค.ศ. 1453

พฒั นาการทางการเมอื ง : การกาเนดิ รัฐชาติ ในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 15 เปน็ สมัยการกาเนิดรัฐชาติ ภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธริ าชย์ ซง่ึ ประเทศท่ี สามารถรวมตวั เป็นรัฐชาตไิ ดส้ าเร็จ ไดแ้ ก่ สเปน โปรตเุ กส อังกฤษ และฝรงั่ เศส ในขณะท่เี ยอรมนั และ อติ าลยี งั คงแตกแยกเปน็ แควน้ เล็กแควน้ นอ้ ย เนอ่ื งจาก ทั้ง 2 ประเทศขาดเอกภาพทางการเมอื ง

1. ค.เส่อื มของระบอบฟวิ ดลั คอื ในช่วงปลายยุค กลาง อานาจของ K. แห่งรัฐชาติเจริญมง่ั คง่ั ขึ้นแทนท่ี อานาจของศาสนจักร และ ขนุ นางในระบอบฟิวดัล โดย ปจั จยั ท่ีสง่ เสรมิ อานาจ K. คอื การปฏวิ ัติเทคโนโลยี ทางการทหาร มีการประดษิ ฐ์ปืนใหญ่ขึ้นได้ นอกจากน้ี K. ยงั เปน็ ภาคีกบั พอ่ คา้ ผูม้ ัง่ คงั่ ทาใหพ้ ระองค์ได้รบั เงิน อดุ หนนุ เพ่อื ยดึ อานาจจากเจ้านครและขนุ นาง 2. ค.สานกึ ในความเป็นชาติ

ระบอบการปกครองในยุคของการเปล่ียนแปลง มี 2 ลกั ษณะ ดงั น้ี 1. ระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์/ระบอบราชาธิปไตย หมายถงึ ระบอบท่ี K. มีอานาจสงู สุด และมอี านาจ เด็ดขาดในการปกครองแผ่นดนิ ซง่ึ จะมกี ารรวมอานาจเข้า สสู่ ว่ นกลาง เพ่อื ธารงไว้ซ่ึงสนั ติสขุ และ ค.ม่นั คงปลอดภยั โดยการไดม้ าซ่งึ อานาจดังกล่าว มีดังนี้

1. ผลของสงครามครเู สด สงครามร้อยปี และสงคราม ดอกกุหลาบ ทาใหข้ นุ นางหมดอานาจ สง่ ผลให้ระบอบฟิวดลั เสอ่ื มลง ในขณะที่ K. มอี านาจเพ่มิ ขึ้น 2. ผลของการคา้ ทาให้ K.ม่ังคั่งขึ้น 3. K.ทรงได้รบั การสนับสนุนจากชนชนั้ กลางในการ ปราบปรามขนุ นางและศาสนจกั รใหเ้ ขา้ มาอยูภ่ ายใตอ้ านาจ ส่งผลให้ K. ทรงมีพระราชอานาจอยา่ งไมจ่ ากัด และสามารถ รวมอานาจได้สาเร็จ

4. การปฏริ ปู ศาสนาคริสตน์ ิกายโปรเตสแตนท์ ทาให้ ความเป็นกล่มุ ก้อนของศาสนาคริสตแ์ ตกกระจดั กระจาย สง่ ผลให้อานาจของศาสนจักรและสนั ตะปาปาเสื่อมลง ในขณะ ท่ี K. มีอานาจเพม่ิ ข้นึ เนอื่ งจากประชาชนในชาติไม่อยภู่ ายใต้ อานาจของศาสนจกั รอีกตอ่ ไป

2. อานาจเทวสทิ ธข์ิ องกษตั ริย์ อานาจเทวสิทธ์ิในยุค กลางแตเ่ ดิม คอื อานาจของสันตะปาปา เมือ่ สนั ตะปาปา เส่ือมอานาจลง K.จึงเปน็ ผู้ใช้อานาจนน้ั แทน โดยทรงอ้างว่า พระองคเ์ ป็นตัวแทนของพระผูเ้ ป็นเจา้ ที่ถูกสง่ มาปกครอง มนษุ ย์ และทรงได้รับอานาจเทวสทิ ธิ์มาจากพระเจา้ ดังนน้ั ประชาชนจงึ ไมส่ ทิ ธิทจี่ ะปลด K. ออกจากแหน่ง เพราะถา้ คิดล้มล้าง K. กถ็ ถือวา่ เป็น ค.ผดิ บาปใหญห่ ลวง โดยผูท้ ี่ สนบั สนนุ ความคิดดงั กล่าวได้แก่ ดังเต้ วิคลฟิ และ มารต์ ิน ลเู ทอร์

พวกนิยมหลักเหตผุ ล นักเหตผุ ลนยิ มที่สนับสนุนอานาจ K.ระบอบ สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ คอื มาเคยี เวลลี โบแดง และ ฮอบส์ 1. มาเคียเวลลี เขยี นหนงั สอื เร่อื ง “The Prince” ซง่ึ ถือ ว่าเปน็ คู่มือการใชอ้ านาจทางการเมืองสาหรบั นกั ปกครอง โดย เนอ้ื หาจะเปน็ เร่อื งราวเกยี่ วกับราชาธปิ ไตย/รัฐบาลทม่ี ีอานาจ เดด็ ขาด จดุ มุง่ หมายของมาเคียเวลลี คอื ตอ้ งการรวมอิตาลี ให้อยู่ภายใตก้ ารปกครองเดียวกนั โดยมผี ู้ปกครองที่ฉลาดและ เขม้ แข็ง เป็นผูร้ กั ชาตอิ ย่างจริงใจ ใชน้ โยบายเด็ดขาด และมี วิธกี ารไดม้ าซึง่ อานาจโดยไมค่ านึงถึงศีลธรรม จริยธรรม ความ ซอื่ สัตย์ยุตธิ รรม / เกียรติยศชอื่ เสียง

2. โบแดง ผลงานของเขาคอื The State ซง่ึ สนับสนุน การมีรัฐบาลที่อยู่เหนือกฎหมายและมอี านาจสงู สดุ ทาง การเมือง 3. ฮอบส์ เหน็ วา่ มนษุ ย์ในสภาพธรรมชาตนิ ั้นเหน็ แกต่ วั ขดั แยง้ ต่อสู้แยง่ ชงิ กันตลอดเวลา ฮอบสเ์ หน็ ด้วยกบั มาเคียเวล ลีทีว่ า่ ความพยายามของมนุษย์ คอื การต่อสเู้ พือ่ อานาจมี แรงจูงใจจากการแข่งขนั ความกลวั และชอ่ื เสียง นอกจากนเ้ี ขา ยังสนับสนนุ การมีรัฐบาลท่ีเขม้ แข็ง และผู้ปกครองควรเปน็ ผู้ ออกกฎหมาย รวมท้ังมีอานาจเหนอื การแสดงออกทางความคิด ทัง้ ปวง

กษัตรยิ ผ์ ทู้ รงสถาปนารัฐชาติ 1. พระเจ้าเฟอรด์ ินานด์ และ พระนางอซิ าเบลลาแหง่ สเปน การอภเิ ษกระหว่าง K.สเปน 2 พระองค์ คือ พระเจ้าเฟอรด์ นิ านด์ที่ 2 แห่งอรากอน กบั พระนางอิซาเบลลาที่ 1 แหง่ คาสติลในปี ค.ศ. 1469 ถือเปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ในการรวมสเปน เขา้ ด้วยกนั โดย 2 พระองคม์ ผี ลงานสาคัญ คือ - สามารถขับไล่พวกยิวออกจากคาบสมุทรไอบเี รยี สาเรจ็ - ยดึ อาณาจักรกรานาดาคืนจากพวกมัวร์/มอสเลม็ ไดส้ าเรจ็ จากนัน้ ไดท้ รงปกครองรว่ มกนั ในฐานะ K.คาทอลกิ ทาให้การ ปกครองโดยมสุ ลมิ ในสเปนส้ินสดุ ลง และทาให้สเปนกลายเป็น ป. ท่ีมั่งคง่ั มั่นคง และมอี านาจบนคาบสมทุ รไอบีเรียเม่อื เรม่ิ ตน้ ยคุ ใหม่

2. เคาน์ต์เฮนรแี หง่ เบอร์กนั ดีของโปรตุเกส แต่เดมิ โปรตเุ กสเป็นส่วนหนึ่งของสเปน ต่อมาไดถ้ กู ยดึ ครองโดยพวก มัวร์ไปพรอ้ มๆ กับสเปน แต่กถ็ กู ยดึ คนื โดย K.เฟอร์ดนิ านด์ แหง่ อาณาจักรคาสตลิ กระทง่ั พระเจา้ อัลฟองโซที่ 6 ทรงมอบ ดินแดนให้โปรตุเกสเป็นสนิ สมรสให้แกเ่ จ้าหญงิ เทเรซาในการ อภเิ ษกกบั เจา้ ชายเฮนรแี หง่ เบอร์กนั ดี

ต่อมาเมือ่ เจา้ ชายอัลฟองโซ เฮนรกิ โอรสสามารถรบชนะ ทง้ั คาสตลิ และพวกมวั ร์ จงึ ทรงประกาศเอกราชอย่างเป็น ทางการตามข้อตกลงในสนธิสญั ญาซาโมรา และแยกตัวออก จากการปกครองของคาสตลิ พร้อมกับสถาปนาอาณาจกั ร โปรตุเกสขึ้นในปี ค.ศ. 1139 โดยมผี ลงานสาคญั คอื การสารวจ เส้นทางเดินเรือมายงั ทวีปแอฟรกิ าและเอเชยี ในครสิ ต์ศตวรรษ ที่ 15 ภายใตก้ ารนาของเจ้าชายเฮนรี, ไดแอช และวาสโก ดา กามา

3. พระเจ้าหลยุ สท์ ี่ 11 แหง่ ฝรั่งเศส คอื สมัยเร่ิมต้นยุค ใหมข่ องรฐั ชาตใิ นฝรั่งเศส โดยพระองคท์ รงทาลายอานาจของ ขนุ นางระบอบฟิวดลั มีการขยายดินแดนกว้างขวางขน้ึ ทรงใช้ ผลของสงครามมาเป็นขอ้ อ้างในการเพิม่ ภาษี และ เกณฑท์ หาร นอกจากน้ียังทรงส่งเสริมการคา้ รวมท้งั สนบั สนุนพ่อค้า ซง่ึ เป็นชนชัน้ กลางใหเ้ ข้ารบั ตาแหน่งสาคัญๆ เพื่อใหค้ นเหล่าน้นั ช่วยคา้ จุนราชบัลลงั ก์ และปรับปรงุ คมนาคมใหส้ ะดวกมากขึ้น

4. พระเจ้าเฮนรที ่ี 7 และ พระนางเอลิซาเบทท่ี 1 แห่ง อังกฤษ พระเจา้ เฮนรที ี่ 7 เป็นปฐม K.แหง่ ราชวงศ์ทวิ ดอร์ ภายหลงั ทส่ี งครามดอกกหุ ลาบสิ้นสดุ ลง โดยทรงสนับสนุนขนุ นางชั้นรองและชนชัน้ กลาง ส่งเสรมิ การค้ากับต่างประเทศ สรา้ งกองทพั เรือท่ีเขม้ แขง็ ส่งเสรมิ การเดินเรอื และการ แสวงหาอาณานคิ ม จนกระทัง่ ถงึ รัชสมยั พระนางเอลิซาเบทท่ี 1 อังกฤษได้เปน็ มหาอานาจทางเรือทย่ี ง่ิ ใหญ่ ด้วยการทาสงคราม ทางทะเลชนะสเปนในสงครามอาร์มาดาในปี ค.ศ. 1588

ความลม้ เหลวในการรวมชาติ ของเยอรมนีและอิตาลี ทัง้ เยอรมนีและอติ าลีขาดเอกภาพทางการเมือง คือ เยอรมนยี ังแบง่ แยก ออกเป็นแคว้นเลก็ แคว้นน้อย และอยู่ภายใต้การปกครองของจกั รวรรดโิ รมัน อนั ศักดส์ิ ิทธ์ิ ซ่ึงมรี าชวงศแ์ ฮปสเบิรก์ ปกครอง ส่วนอติ าลีกแ็ บ่งเปฯ็ แคว้นต่างๆ 6 แควน้ โดยไม่มรี าชวงศป์ กครอง ในขณะทสี่ เปน โปรตุเกส ฝรัง่ เศส และ องั กฤษ สามารถรวมตัวเปน็ รัฐชาติได้สาเร็จ

พัฒนาการทางการค้า : การปฏวิ ัตทิ างการคา้ การปฏวิ ัติทางการค้า หมายถึง ค.เจริญเตบิ โตทาง เศรษฐกิจของยโุ รป ได้เปล่ยี นจากบรเิ วณ ท.เมดิเตอรเ์ รเนยี นไป เป็นมหาสมทุ รแอตแลนติกและโพน้ ทะเล อิตาลีซงึ่ เคยรุ่งเรอื ง มากในยุคกลาง ไดถ้ กู ลดบทบาทลงเม่อื ประมาณปี ค.ศ. 1550 ขณะท่สี เปนและโปรตเุ กสกลบั มีอิทธิพลมากข้นึ โดยเมอื งแอน เวิรป์ ในเบลเยี่ยม และเมืองลยี งในฝร่ังเศสกลายเปน็ คแู่ ข่งทาง การค้าของเวนิสและเจนวั นอกจากนกี้ ารคา้ ไดเ้ ขา้ มามีบทบาทแทนอาชีพเกษตรกรรม และลทั ธเิ ศรษฐกิจแบบพาณชิ ย์ชาตินยิ ม กลับแพร่หลายออกไป

ลทั ธพิ าณชิ ยน์ ยิ ม ลทั ธพิ าณชิ ย์นยิ ม หมายถึง ระบบการค้า ทรี่ ฐั บาลแห่งชาตแิ ละ K. จะเปน็ ผู้ควบคมุ เศรษฐกจิ ทั้งหมด โดยพวกนายทุนจะได้รบั การ สง่ เสริมทางการค้าจากรฐั บาล สว่ น K.จะสะสม โลหะมคี า่ เพ่ือหาเงนิ มาขยายกองทัพ และสะสม อาวุธเพ่ือป้องกนั การรุกรานจากชาตอิ ่ืน

นอกจากน้ยี ังผูกขาดการคา้ โดยบังคับให้ ป.อาณานิคม ค้าขายกบั เมอื งแม่เทา่ นั้น เน้นการพ่งึ พา ศก.จากชาตอิ น่ื ๆ ให้ น้อยท่ีสุด และสง่ เสรมิ การมอี าณานคิ ม ทาใหเ้ กดิ การแขง่ ขัน ทางการค้าและเกดิ กรณีพิพาทในกลมุ่ ป.อาณานิคม จนเกดิ สงครามบอ่ ยครั้งระหว่างปี ค.ศ. 1650 - 1815

สนิ ค้าชนดิ ใหมท่ ่ชี าวยโุ รปตอ้ งการส่วนใหญ่ เปน็ สินค้า ฟมุ่ เฟือย และสง่ิ อานวยความสะดวกในการดารงชีวิต เช่น โกโก้ ชา กาแฟ น้าตาล วานลิ า เครอ่ื งเทศ ยาสบู มนั เทศ มะเขอื เทศ และไก่งวง นอกจากน้ยี งั เริ่มรจู้ ักการใช้ยาควนิ ิน และการใชฝ้ น่ิ ในทาง การแพทย์ดว้ ย

ผลของการปฏิวตั ิทางการค้าระหว่างปี ค.ศ. 1500 - 1700 1. เกดิ ระบอบทุนนิยม ซ่ึงเนน้ นโยบายการค้าเสรี หมายถงึ การทีร่ ัฐบาลไม่ เขา้ ไปยงุ่ เก่ยี วกบั การดาเนนิ การคา้ และธุรกจิ ของนายทุน โดยปลอ่ ยให้ นายทนุ แสวงหากาไรด้วยวธิ ีการของตนเอง 2. มีการหันกลบั มาใชเ้ งินเหรยี ญและทองคามากขนึ้ 3. เกดิ การแข่งขันทางเศรษฐกิจเพื่อความม่ังค่งั 4. ชนช้ันกลางหรอื พวกพ่อคา้ กลายเป็นพวกท่ีมี อิทธิพลทางเศรษฐกจิ

5. เกดิ การฟืน้ ฟูการค้าทาสโดยชาวโปรตุเกส ซ่ึงถอื ว่าเปน็ จดุ มัวหมองของ สมยั นี้ และต่อมาประเทศอ่ืนๆ เช่น อังกฤษ สเปน ฝร่งั เศสก็ถือปฏิบัติ ตามดว้ ย 6. เกิดการเปล่ียนแปลงทางสังคมจากท้องถน่ิ และ บริเวณจากัดในสมยั กลางมาเปน็ การเปิดการค้าใน โลกกว้าง โดยอาศยั อานาจเงินตราเพม่ิ มากข้ึน 7. เป็นการนาทางไปสูก่ ารปฏิวัติอตุ สาหกรรม และทาให้ จานวนประชากรเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว

การขยายอิทธิพลของยุโรปกบั ยุคคน้ พบและแสวงหาดินแดนใหม่ ผูน้ าในการแสวงหาดินแดน คอื โปรตเุ กส ซ่ึง เดินทางไปทวีปแอฟริกา และ เอเชีย ส่วน สเปน ได้ เดินทางไปพบโลกใหม่ คือ ทวปี อเมริกา และไดต้ ง้ั อาณา นคิ มที่แท้จรงิ เป็นครัง้ แรก ซ่งึ จุดมงุ่ หมายหลักในการตง้ั อาณานคิ มของสเปน เพ่อื ตอ้ งการค้นหาแหลง่ แรท่ องคา และ เงนิ

หลงั จากน้ันก็มชี นชาติอนื่ ๆ แสวงหาอาณานิคมกนั มากข้ึน คือ องั กฤษ ฝร่งั เศส และดัตซ์ ท้ังน้ีการสารวจ ดินแดนในระยะแรกๆ ยงั มิไดม้ ีการจับจองเป็นอาณานคิ ม จนถงึ “ยคุ ทองของจกั รวรรดนิ ิยม” ในตอนปลาย ครสิ ต์ศตวรรษท่ี 19 การยึดครองดนิ แดนใหม่จึงเกดิ ข้ึน อย่างจริงจัง

สาเหตทุ กี่ ่อใหเ้ กิดการสารวจทางทะเลของประเทศ ในยโุ รป ตต. มาส่ทู วีปเอเชยี ในสมยั ศตวรรษท่ี 15 1. แรงบันดาลใจทเี่ กดิ ข้ึน นับตง้ั แต่ยคุ กลางทกี่ องทพั ครู เสดนาเอาความรู้และสินคา้ จากเอเชยี ไปเผยแพร่ในยโุ รป 2. กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกพวกออตโตมนั เติร์ก เข้ายดึ ครองในปี ค.ศ. 1453 ทาให้เส้นทางการคา้ ระหว่างยุโรปกบั เอเชยี ถกู ตดั ขาด

3. มีความต้องการสนิ ค้าจากเอเชยี /ภาค ตอ. เชน่ เครื่องเทศ ทองคา ผ้าไหม พรม เครื่องแกว้ เปน็ ตน้ 4. ตอ้ งการคา้ การผกู ขาดการค้าของพวกพ่อคา้ ชาวอิตาลีท่ี มั่งค่ังจากการคา้ เชน่ เวนสิ เจนัว 5. มีการปรับปรงุ เส้นทางเดินเรือ มกี ารประดิษฐ์เรือขนาด ใหญ่ เขม็ ทิศ และมีการทาแผนทที่ ่มี ีความแน่นอนมากขน้ึ

การสารวจดินแดนของชนชาติตา่ งๆ 1. โปรตุเกส ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 15 โปรตุเกสเป็นชาตแิ รกที่เป็น ผนู้ าในการเดินเรือเข้ามาในทวปี เอเชยี ภายใตก้ ารนาของ “เจา้ ชายเฮนรีนกั เดินเรอื ” โดยทรงสนพระทยั ในการศกึ ษา เรื่องราวของทวปี แอฟริกา และทรงเปิดโรงเรยี นเดินเรือขึ้น ทาให้โปรตเุ กสมีนักเดนิ เรือท่ีสาคัญ 3 ทา่ นไดแ้ ก่

1) ไดแอช เดนิ ทางไปถึงใตส้ ดุ ของทวีปแอฟรกิ าใน ปี ค.ศ. 1488 2) วาสโก ดา กามา สามารถเดนิ เรอื อ้อมทวปี แอฟรกิ าไปถึงอินเดีย ในปี ค.ศ. 1498 ไดส้ าเรจ็ เปน็ คนแรก

3) คาบรลั เดนิ ทางไปถึงบราซลิ ในอเมรกิ าได้ในปี ค.ศ. 1500 ผลการสารวจทาให้โปรตุเกสได้ครอบครองบราซิลในอเมริกาใต้ ดินแดนใน โลกใหม่ (ทวปี อเมรกิ า) ลงั กา มลายู หม่เู กาะเคร่อื งเทศในอนิ เดยี ตอ. และเมือง สาคัญๆ ทางการค้าในอนิ เดีย และแอฟรกิ า

2. สเปน มีนกั เดนิ เรอื สาคญั คือ 1) โคลมั บัส ได้รับพระบรมราชานุญาตจาก พระเจ้าเฟอรด์ นิ านด์และพระราชนิ อี ิซาเบลลาแห่ง อาณาจกั รคาสตลิ ของสเปน ในปี ค.ศ. 1492 ให้ เดนิ ทางไปสูท่ วีปเอเชยี ด้วยเส้นทางตะวนั ตก เพ่ือพิสจู น์ วา่ โลกกลม จนกระท่งั ไปค้นพบโลกใหม่ คือ ทวปี อเมริกา แตเ่ ขาเขา้ ใจว่าเป็นอนิ เดีย จึงเรียกชาว พ้นื เมอื งในทวปี อเมริกาวา่ “อนิ เดยี น” (ผู้ที่ให้ชอ่ื วา่ “อเมริกา” คอื อเมรโิ ก เวสปคุ ช)ี

2) บัลบวั ค้นพบมหาสมทุ รแปซิฟิก ในปี ค.ศ. 1513 3) พอนซ์ เดอ ลาออน สารวจฟลอรดิ าในปี ค.ศ. 1513 4) คอรเ์ ตซ สารวจดินแดนเมก็ ซิโก 5) แมกเจลแลน และ เดลคาโน เป็นนักสารวจทาง เรอื กลุ่มแรกท่ีแล่นเรือเดินทางรอบโลกได้สาเร็จเปน็ คร้งั แรก ในระหว่างปี ค.ศ. 1519 – 1522 และถือวา่ เปน็ การพิสูจน์ให้ เหน็ วา่ โลกกลมเป็นครัง้ แรกดว้ ย

6) ปชิ าโร ยดึ เปรูได้ในปี ค.ศ. 1533 ผลจากการสารวจทาให้สเปนได้ครอบครอง ดินแดนส่วนใหญ่ของอเมรกิ าใต้ อเมรกิ ากลาง และ ดนิ แดนสว่ นใหญข่ องสหรัฐอเมริกาในปัจจุบนั

3. อังกฤษ มนี กั เดินเรือสาคัญ คอื แคบอท, เดรค, กลิ เบริ ต์ และราเลห่ ์ 4. ฮอลนั ดา มนี กั เดินเรอื สาคญั คือ ฮดั สัน หมายเหตุ : จากข้อพิพาทในการสารวจดินแดนอเมรกิ า ได้ทาให้เกิด สนธสิ ญั ญาทอรเ์ ดเซลลสั ขึน้ ในปี ค.ศ. 1494 โดยสนั ตะปาปาอเลก็ ซานเดอร์ ที่ 6 ทรงให้ลากเส้นสมมตุ ิ เพื่อแบ่งเขตการสารวจทางทะเลระหวา่ งสเปนกบั โปรตุเกส ซ่ึงส่งผลให้สเปนได้สิทธกิ ารสารวจทาง ตต. และโปรตเุ กสไดส้ ทิ ธิ การสารวจทาง ตอ.

ความเปลี่ยนแปลงหลงั การค้นพบดินแดนใหม่ มหี ลายประการ คือ 1. อารยธรรมยุโรปแพร่ขยายไปสู่แอฟรกิ า 2. ความร้เู ร่ืองภมู ศิ าสตร์ก้าวหนา้ ขึ้น 3. เส้นทางการคา้ เพ่ิมมากขึน้ 4. เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการคา้ 5. สภาพชวี ติ ของประชาชนเปลยี่ นไป

6. เสน้ ทางการเดินเรอื ในมหาสมทุ รแอตแลนติกมี ความสาคัญขน้ึ 7. มีการพฒั นาการผลติ สนิ คา้ ซ่งึ นาไปส่กู ารปฏวิ ตั ิ อตุ สาหกรรม 8. ทาให้เกิดการแข่งขันระหว่างประเทศท่อี อกสารวจทะเล ซงึ่ นาไปสู่สงคราม

การฟ้ืนฟูศิลปวิทยาการ/เรอเนสซองส์ การฟ้นื ฟูศลิ ปวิทยาการ หมายถงึ การเกดิ ใหม่ของ อารยธรรมคลาสสกิ /เปน็ การฟื้นฟูอารยธรรมกรีก – โรมนั ขึ้นมาใหม่อกี ครั้งในระหวา่ งปี ค.ศ. 1300 – 1500 โดยมี ความสาคญั ดงั น้ี 1. เปลีย่ นจากอานาจของครสิ ตจกั รท่ีครอบงาจาก ยุคกลางมาเป็นสมยั วิทยาศาสตร์ และความเปน็ ปัจเจกชน นิยมในยุคใหม่

2. การฟืน้ ฟูศิลปวทิ ยาการในองั กฤษ ทาใหเ้ กดิ แนวคิด เรือ่ ง “Utopia” หรอื รฐั ในอดุ มคตขิ อง เซอร์โทมสั มอร์ 3. การฟ้ืนฟูศลิ ปวทิ ยาการในเยอรมนี ทาให้มกี ารประดิษฐ์แท่นพิมพข์ อง ชาวยโุ รปไดส้ าเร็จในปี ค.ศ. 1445 โดยโยฮนั น์ กูเตนเบริ ก์ ช่างทอง ชาวเยอรมนั

4. เน้นความสาคัญของมนุษย์และปรชั ญามนุษยนิยม โดยเฉพาะอดุ มคตขิ องสากลมนุษย์ ภายใตค้ าขวญั ท่ีวา่ “มนษุ ย์ทาได้ทกุ อย่างทอ่ี ยากจะทา” ดังนัน้ ในยคุ น้จี ึง เนน้ ในเร่ืองการแสดงออกของปัจเจกบคุ คล และ ประสบการณท์ างโลก ซ่ึงตา่ งจากยคุ กลางทถ่ี ูก ครอบงาจากครสิ ตศ์ าสนา

อิตาลีแหล่งฟืน้ ฟศู ิลปวทิ ยาการ (ค.ศ. 1300 – 1500) การฟน้ื ฟูศลิ ปวิทยาการเกดิ ขน้ึ ครั้งแรกท่เี มืองฟลอ เรนซ์ ในอติ าลี กอ่ นท่จี ะแพรข่ ยายเข้าไปใน ป.ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเย่ียม เนเธอรแ์ ลนด์ และอังกฤษ สาเหตุที่ทาให้อติ าลีเปน็ ประเทศแรกทีเ่ ป็นศนู ยก์ ลาง การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เพราะ

1. อิตาลีเป็นทายาทโดยตรงของอารยธรรมโรมนั 2. ไดร้ บั แรงกระตุ้นใหส้ นใจ ค.รอู้ ย่างกว้างขวาง จากการเดินทางของมารโ์ ค โปโล ไปยงั จนี 3. การเป็นศนู ยก์ ลางทางการคา้ และผูกขาด การคา้ ของอติ าลี ทาให้มีผู้มัง่ คง่ั สะสมงานศลิ ปะและ หนงั สือความรทู้ ุกแขนง 4. ชนชนั้ สูง + ชน้ั กลางในนครรฐั ตา่ งๆ ของอิตาลี ที่มง่ั ค่งั จากการค้าให้การสนับสนุนนักปราชญ์ นกั ประพนั ธ์ ช่างฝีมอื และช่างศลิ ป์ ในการสรา้ งงานศลิ ปะ ต่างๆ

การแบง่ สมยั ฟื้นฟศู ิลปวิทยาการ 1. สมยั คลาสสกิ (Classical Period) คือ สมัยยอ้ นกลับโรม เพราะอิตาลเี คยเป็น ศนู ยก์ ลางของจักรวรรดโิ รมัน ดังน้นั จึงเป็นการกลบั ไปสู่ สมัยการศกึ ษากฎเกณฑท์ ี่เครง่ ครดั ของโรม ศึกษาศิลปะ และวรรณคดโี รมนั ศลิ ปนิ และกวีหันกลับไปเทพนิยาย และ ตานานสมัยกอ่ นกาเนดิ คริสต์ศาสนา รวมทงั้ การกลบั มา สนใจในเรือ่ งความงามโดยตรง จนเกิดคากล่าวที่ว่า “ศิลปะเพือ่ ศิลปะ”

รัฐในอติ าลซี ึง่ เปน็ ผู้นาในการฟื้นฟศู ิลปะวทิ ยาการ ไดแ้ ก่ เวนิส, ดูซแี หง่ มิลาน, ฟลอเรนซ์, รัฐสนั ตะปาปา และอาณาจักรเนเปลิ ส์ – ชิชิลี ซึ่งในบรรดา 5 รฐั น้ี เวนิสถือวา่ ร่ารวยที่สุด ในฐานะทเ่ี ปน็ ศนู ย์กลางควบคุม การค้าใน ท.เมดเิ ตอรเ์ รเนยี น จนได้ชอื ว่า “ราชนิ แี หง่ ท้องทะเล” (Queen of the Seas)

วรรณคดแี ละแนวคดิ ผู้ฟืน้ ฟดู า้ นแนวคดิ และ วรรณคดี คือ 1) ดังเต้ (Dante) เปน็ กวที ี่สนับสนนุ อานาจประมุข แหง่ ชาตใิ น “De Monarchia (เดอโมนาดเชยี / โรมาเนยี )” และเนน้ การใชภ้ าษาทอ้ งถนิ่ มากกว่าการใช้ ภาษาละตนิ อันเป็นทน่ี ยิ มในขณะนัน้ ผลงานที่สาคัญ คอื Divine comedy ซึ่งทาใหเ้ ขาได้รบั การยกยอ่ งว่า เปน็ ยอดกวีของอติ าลี

2) ฟรานเชสโก เพทราค (Francesco Petach) ไดช้ อ่ื วา่ เป็น “บิดาของลทั ธมิ นษุ ยนยิ ม” มีชอื่ เสียงดา้ นบท ประพันธป์ ระเภทแสดงอารมณ์ และเปน็ ผู้เริม่ ตน้ แสวงหาจารึกกรีกและละติน ซงึ่ เขาไดส้ ร้างรูปแบบของ ภาษาอิตาลใี นปัจจุบันขน้ึ เมอ่ื ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 16 เพทราคไดช้ อ่ื วา่ เปน็ ผู้คิดประดิษฐซ์ อนเนต็ งาน กวนี ิพนธ์ซอนเน็ตของเขาได้รับยกย่องและเปน็ ท่ีร้จู ัก ทว่ั ไปในยโุ รปตลอดยุคเรอเนสซองส์ซงึ่ ได้กลายเป็นแบบ มาตรฐานสาหรบั งานกวนี ิพนธ์ในยุคต่อมา

3) กีโอวานนี บอคคดั ซโิ อ (Giovanni Boccaccio) เป็นนกั ประพันธว์ รรณกรรมและบทกลอนชาวอิตาเลยี น เขาเป็นเพื่อนกับฟรานเซสโก เพทราร์กา มกี าร ติดต่อกนั ทางจดหมายอยู่เสมอ บอคคชั ชโิ อ เป็นนกั มนุษยวทิ ยาทีส่ าคัญมากในยคุ เรอเนสซองส์ เขามี ผลงานท่ีโด่งดงั มากมาย เช่น เดคาเมรอน, On Famous Women และบทกลอนต่างๆบทประพนั ธ์ของ บอคคัชชโิ อมชี อ่ื เสียงโดดเด่นอยา่ งมากในเรอื่ งของบท สนทนาท่ี รว่ มสมยั เนอื่ งจากวรรณกรรมต่างๆในสมยั น้นั ล้วนมีแต่เนือ้ เรือ่ งเดิมๆ ทไ่ี ม่น่าสนใจน่ันเอง

4) นโิ คโล มาเคียเวลลี (Nicolo Machiavelli) เป็น นกั เขียนผู้ทรงอทิ ธพิ ลมากท่สี ุดในยุคฟน้ื ฟูศิลปวทิ ยา การ โดยผลงานทมี่ ชี อื่ เสยี ง คอื The Prince ในปี ค.ศ. 1513 ซงึ่ เป็นหนงั สอื ทแ่ี นะนาผูป้ กครองใหร้ กั ษา ความปลอดภยั ของรฐั ในทกุ วิถีทางท่ีจาเปน็ โดย ผูป้ กครองทดี่ ตี อ้ งมลี กั ษณะแขง็ แกร่ง กล้าหาญ ฉลาด แกมโกง รวมท้งั วิธีการที่จะกา้ วไปสคู่ วามสาเร็จและ ไดม้ าซ่ึงอานาจ โดยไม่คานึงถงึ ศีลธรรมและความ ถูกต้อง เป็นการแยกเร่อื งการเมืองกับศาสนาออกจาก กันโดยเดด็ ขาด

5) เซอร์โทมสั มอร์ เจ้าของผลงานเรอ่ื ง “ยูโทเปยี ” ซงึ่ จัดวา่ เปน็ อุดมการณ์ทม่ี ีชื่อเสยี งของโลก โดยสังคมยู โทเปยี จะไม่มคี วามยากจน มนษุ ยไ์ มก่ ดขี่ขม่ เหงกัน ไม่มี สงครามและโรคภยั ไข้เจ็บ ทางานเพียงหกชว่ั โมงต่อวนั ขา้ ของเคร่อื งใช้เปน็ สมบตั ิของส่วนรวม คนมีความฉลาด และยุตธิ รรม ทง้ั ยงั เชอ่ื วา่ พระเจา้ มอี ยู่จรงิ และเปน็ วญิ ญาณอมตะ สังคมนี้จงึ มแี ตค่ วามสขุ ดั่งสวรรคบ์ นโลก

6) วิลเลยี ม เช็คสเปียร์ เป็นนักเขยี นวรรณกรรมผู้ ยิ่งใหญ่ทีส่ ุดของอังกฤษ โดยมีผลงานเปน็ บทละคร ทั้งหมด 38 เรื่อง มีทงั้ สขุ นาฏกรรม โศกนาฏกรรม และประวัตศิ าสตร์ ซงึ่ บทละครทมี่ ีชือ่ เสยี งของ เชค็ สเปยี ร์ เชน่ Hamlet, Macbeth, Romeo and Juliet, เวนิสวาณิช เปน็ ตน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook