Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ppt Art History 9_2562

ppt Art History 9_2562

Published by thitimaa29, 2020-03-20 01:41:23

Description: ppt Art History 9_2562

Search

Read the Text Version

สร้างขนึ ในปี พ.ศ.2208 เป็นที่ประทับของสมเดจ็ พระนารายณ์ ท่สี ร้างทบั ลงไปบนรากฐานเดมิ ของพระทีน่ ัง่ ซงึ่ พระราเมศวรได้ทรง สรา้ งเม่ือครังครองเมืองลพบุรี พระที่นั่งองค์นีเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยแท้ ด้านหน้ามี มุขเด็จ ภายหลังเม่ือได้สร้างพระที่น่ังสุทธาสวรรย์ขึน สมเด็จพระ นารายณ์ ทรงย้ายไปประทับที่พระท่ีน่ังองค์ใหญ่ และโปรดให้ใช้ พระที่น่ังจันทรพิศาลเป็นที่ออกขุนนาง ซึ่งตรงกับบันทึกของชาว ฝรั่งเศสว่าเป็นหอประชุมองคมนตรี ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงบูรณะ พระท่ีนัง่ องคน์ ีตามแบบเดมิ



สร้างขึนเพ่ือเป็นท่ีประทับของรัชกาลที่ 4 เมื่อครังเสด็จบูรณะ เมืองลพบรุ ี ประกอบด้วย พระที่นั่ง 4 องค์ คือ พระท่ีน่ังพมิ านมงกุฎ เป็นท่ีประทับ พระที่น่ังวิสุทธิวินิจฉัย เป็นท้องพระโรงเสด็จออกว่า ราชการแผ่นดิน พระที่นั่งไชยศาสตรากร เป็นท่ีเก็บอาวุธ พระท่ีนั่ง อกั ษรศาสตราคม เป็นท่ที รงพระอักษร ในสมัยรัชกาลท่ี 5 ได้ทรงพระราชทานให้เปน็ ศาลากลางจังหวัด ต่อมาเมื่อศาลากลางจังหวัดย้ายไปอยู่ที่เมืองใหม่ พระท่ีนั่งหมู่นีจึง รวมกับพระที่นั่งจันทรพิศาล เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จ พระนารายณ์









พระพุทธรูป ศิลปะอู่ทอง รุ่น 2 (ศิลปะอยุธยาตอนต้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกาแพงเพชร) - เส้นรอบนอกและปริมาตรของพระพุทธรูปกลมกลืนน้อยกว่า พ ร ะ พุท ธ รูป แ บ บ อู่ท อ ง รุ่น 3 ( ซึ่ง มีร ส นิย ม ศิล ป ะ สุโ ข ทัย มากกว่า) ขณะที่เคร่งขรึมน้อยกว่าพระพุทธรูปแบบศิลปะอู่ ทอง รุ่น 1 ซึ่งยังมีรสนิยมในศิลปะเขมรชัดเจน - พระรัศมีรูปเปลว (จากศิลปะสุโขทัย) เริ่มมีและต่อมาจะพบ เสมอในแบบอู่ทอง รุ่นที่ 3 - พระนลาฏ (หน้าผาก) กว้าง ยังสืบทอดมาจากแบบอู่ทอง รุ่นที่ 1 - ชายสังฆาฎิ ที่เคยตัดตรง เปล่ียนมีปลายแยกเป็นสองแฉก



วหิ ารพระมงคลบพติ ร

สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราว แผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยตามพงศาวดาร วิหารพระมงคลบพิตรนัน เดิมประดิษฐานอยู่ด้านทิศ ตะวันออกของพระราชวังหลวง บางคนสันนิษฐานว่า เคย ประดษิ ฐานอยู่กลางแจง้ ทีว่ ัดชีเชยี งมากอ่ น ในปี พ.ศ. 2146 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม โปรดฯ ให้ ชลอมาไว้ทางดา้ นทิศตะวันตก แล้วให้สร้างมณฑปขึนครอบ ไว้ โดยมีหลักฐานจากภาพวาดของชาวตะวันตกที่เข้ามาใน รัชสมยั สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

ยอดมณฑปของพระมงคลบพิตรถูกฟ้าผ่าในสมัยพระเจา้ เสือ จนพังทลายลงมาโดนพระเศียรของพระพุทธรูปหักตกลงมา จงึ ได้ มีการบูรณะและเปลีย่ นอาคารจากทรงมณฑปมาเป็นพระวิหาร ต่อมาจะได้ทาการบูรณะพระวิหารใหม่อีกครังในสมัยพระ เจ้าบรมโกศ หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครังที่ 2 (พ.ศ.2310) พระ วิหารได้ถูกทิงร้างและพังทลายตามกาลเวลา พระเมาลีและพระ กรได้หัก จึงไดม้ ีการซ่อมในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาในปี พ.ศ.2499 สมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ มีการสร้างวิหารพระมงคลบพิตรขึนใหม่ อย่างท่ีปรากฏใน ปจั จบุ ัน

พระมงคลบพิตรเปน็ พระพุทธรูปปางมารวิชัย หลอ่ ด้วยสาริด และลงรักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปที่ในยุคกลาง ท่ีคงจะสร้างขนึ ใน รัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และแม้ว่าจะได้รับการบูรณะแล้ว แต่ยังรักษาเค้าเดิมตามที่ปรากฏในภาพถ่ายก่อนการบูรณะ เค้า พระพักตร์มน เคร่ืองแต่งพระพักตร์ห่างจากสุนทรียภาพของ พระพทุ ธรปู แบบสุโขทยั มากพอสมควร เมื่อกรมศิลปากรบูรณะพระพุทธรูปองค์นี ได้พบว่าภายใน พระอุระบรรจุพระพุทธรูปสาริดหลายองค์ มีทังขนาดย่อมและ ขนาดเลก็









พ ร ะ พุ ท ธ รู ป ท ร ง เ ค รื่ อ ง ใหญ่ ปางมารวิชัย มีพระ นามว่า “พระพุทธนิมิตวิชิต มารโมลี ศรีสรรเพชญ์บรม ไตรโลกนาถ”

ปางทรมานมหาชมพูบดี พระพุทธรูปจะทรงเครอื่ งขัตติยราช แบบกษัตรยิ ์อยา่ งเต็มยศ หลอ่ ดว้ ยสารดิ หรือ ภายนอกฉาบด้วยปูน ลงรกั ปดิ ทอง พระพุทธรูปทรงเครอ่ื ง แบบจักรพรรดิราช

สวมมงกฎุ กุณฑล กรรเจยี กจอน ทับทรวง สร้อยสงั วาล พาหุรดั ข้อพระกร ปั้นเหนง่ กาไลพระบาท ธามรงค์ สนบั เพลา









*ประตมิ ากรรมปนู ปน้ั ประดับวหิ ารวดั ไลย์ จ.ลพบุรี ประติมากรรมแผงภาพปูนป้ันประดับผนังสกัดหน้าของวิหาร เร่ือง ทศ ชาติชาดก ลักษณะของภาพแต่ละเร่ืองเป็นเหตุการณ์ฉากเดียว ป้ันไว้ภายใน กรอบสี่เหล่ียมจัตุรัสเรียงกัน ตรงส่วนกลางปั้นเรื่องพุทธประวัติ ตอนพระพุทธ องค์เสด็จลงจากดาวดึงส์ การทาภาพเล่าเรื่องชาดกในพุทธศาสนานันปรากฏตังแต่ศิลปะอินเดีย แม้วา่ จะไมม่ ีการทาครบทัง 10 เรอื่ ง ตอ่ มาความนยิ มนีส่งตอ่ ให้แก่ศิลปะลงั กา ความนิยมในการทาเร่ืองทศชาติอย่างเต็มรูปแบบปรากฏขึนที่พม่า ซ่ึง อยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 17-18 ภาพปูนป้ันทศชาติชาดกที่วัดไลย์นัน สันนิษฐานว่าอาจรับอิทธิพลด้านคติและรูปแบบมาจากศิลปะพม่า เนื่องจากมี รูปแบบการทาคล้ายคลึงกัน คือ ทาเป็นปูนป้ันในกรอบสี่เหลี่ยมเรียงต่อกันเป็น แผง

พระปรางค์วัดราชบูรณะมีกรุใหญ่และลึก กรมศิลปากรทาการขุด เรียบร้อยแล้ว เม่ือปี พ.ศ. 2500 ในปัจจุบันเปิดให้เข้าไปชมกรุได้ ตามปกติ กรุพระปรางค์วัดราชบูรณะมีทังหมด 4 ห้องใหญ่ๆ เรียงกันลง ไปแนวดิ่ง โดยชันลา่ งสดุ อยใู่ นแนวระดบั พืนดิน ดงั นี กรุชันที่ 1 เป็นชนั ทอี่ ยูบ่ นสดุ เดิมมผี นงั กอ่ ปดิ ภาพทังหมด (ภาพคน จีน เทพชุมนุม ฯลฯ) หลังผนังทาเป็นช่องเล็กๆ ใส่พระพิมพ์ และ พระพทุ ธรูปไวจ้ นเต็ม



กรุชันที่ 2 เป็นชันกลาง มีถาด ทองคา 3 ใบเต็มไปด้วยเครื่องทอง มี จิ ต ร ก ร ร ม เ ป็ น ภ า พ อ ดี ต ช า ติ พระพุทธเจา้ วาดอยู่ในช่องสีเ่ หลย่ี ม กรุชันท่ี 3 เป็นห้องท่ีอยู่ในสุด เป็นห้องที่สาคัญที่สุด บรรจุพระ บรมธาตุ ซึ่งเก็บรักษาอย่างดีใน เจดีย์ทองคา และ รอบๆยังเต็มไป ด้วยพระพุทธรูปตา่ งๆ

ภาพเล่าเร่ืองชาดกเป็น ภาพพระโพธิสัตว์ในพระชาติ ต่างๆ เช่น ภาพ นก กวาง กา เผือก ชา้ ง คนขีม่ ้า สนุ ขั นกเขา และหงส์ ตัวภาพปิดทอง ตัด เสน้ ดว้ ยสดี า นบั ได้ 60 ชาติ













ศริ าภรณท์ องคา จากปรางคว์ ัดราชบรู ณะ







พระคชาธารทองคา สลกั ลวดลายและประดบั พลอยมณี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook