เมรมุ มุ วัดไชยวฒั นาราม
ภาพสลักท่ี1 ตอน พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติอย่บู นสวรรคช์ นั ดสุ ติ หรอื ตอนปรนิ ิพพาน ทิศตะวันออก
ภาพสลักที่2 ตอน พระราชพิธอี ภเิ ษกสมรสพุทธบดิ ามารดา ทิศตะวันออกเฉียงใต้
ภาพสลักที่3 ตอน ประสูติ ทิศตะวันออกเฉียงใต้
ภาพสลกั ท่ี4 ตอน การสละอนั ยงิ่ ใหญ่ ทิศใต้
ภาพสลักที่5 ตอน ออกมหาภเิ นษกรมณ์ ทิศตะวันตกเฉยี งใต้
ภาพสลักท่ี6 ตอน เจ้าชายสทิ ธัตถะทรงตดั พระเมาฬี และทรงบาเพ็ญทกุ รกริ ิยา ทิศตะวนั ตกเฉยี งใต้
ภาพสลกั ท่ี7 ตอน นางสชุ าดาเตรยี ม และถวายข้าวมธปุ ายาส ทศิ ตะวันตก
ภาพสลกั ท่ี8 ตอน มารผจญ ทศิ ตะวันตกเฉียงเหนือ
ภาพสลักที่9 ตอน ปฐมเทศนา ทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนือ
ภาพสลักที่10 ตอน ยมกปาฏิหารยิ ์ ทิศเหนือ
ทิศตะวันออกเฉยี งเหนอื ภาพสลักท่ี11 ตอน เทศนาโปรดพทุ ธมารดาบนสวรรค์ชันดาวดงึ ส์
ภาพสลักที่12 ตอน เสด็จลงจากดาวดงึ ส์ ทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
เจดียท์ รงระฆัง : ยคุ ต้น วดั มเหยงคณ์
เจดีย์ทรงระฆัง : ยุคกลาง วดั พระศรสี รรเพชญ์
ภาพสันนษิ ฐานพระมณฑปและเจดยี ์วดั พระศรสี รรเพชญ์
เจดยี ์ทรงระฆัง : ยคุ ปลาย วดั กุฎีดาว มาลยั เถา บัวถลา
เจดียท์ รงแปดเหล่ยี ม
สันนิษฐานว่าสร้างสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 โปรดฯ ให้สร้าง ขึนท่ีบริเวณท่ีปลงพระศพเจ้าแก้วเจ้าไทย ซึ่งสินชีพตักษัยด้วย อหิวาตกโรค เม่ือปีพทุ ธศักราช 1900 สถาปนาพระเจดีย์และพระวิหาร ใหน้ ามวา่ “วดั ปา่ แก้ว” และยังเป็นที่จาพรรษาของสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายขวาหรือฝา่ ยอรญั วาสี ชาวบ้านเรียกวัดนีว่า “วัดใหญ่” ซ่ึงเกี่ยวกับการสร้างมหาเจดีย์ เมื่อคราวท่ีสมเด็จพระนเรศวรรบชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่า ทาให้ อยุธยาประกาศความเป็นอาณาจักรอิสระได้อีกครังนับแต่ต้องเป็นรัฐ บรรณาการของพม่า เมื่อคราวเสียกรุงครังท่ี 1 ดังนัน พระองค์จึงให้ สร้างมหาเจดีย์ “ชัยมงคล” ชื่อวัดจึงเปล่ียนจาก วัดป่าแก้ว มาเป็น วดั ใหญช่ ัยมงคล
พระอุโบสถอยู่ด้านหน้า ของพระมหาเจดีย์ กาแพง ด้ า น ข้ า ง ทั ง ส อ ง ข อ ง พร ะ อุโบสถหลังเดิมยังได้รับการ รักษาไว้โดยสร้างอุโบสถหลัง ใหม่ซ้อนขนึ มา เชอื่ กนั ว่านี่คอื พระอุโบสถทีเ่ หล่าขุนนางและพระเฑยี รราชา (พระมหาจักรพรรดิ) ได้มาชุมนุมกันเสี่ยงเทียน เพื่อตัดสินใจ วา่ จะร่วมกนั ทาการยดึ อานาจจากองค์กษัตริย์ขุนวรวงศาธิราช และแม่อยูห่ ัวศรีสุดาจันทร์
เจ ดี ย์ ป ระ ธา น ทร งกล ม ข น า ด ใ ห ญ่ ตั ง อ ยู่ บ น ฐ า น ประทักษิณ มีระเบียงคด ลอ้ มรอบ
ที่ห้องภายในองค์พระมหาเจดีย์ จากการขุดค้นทาง โบราณคดี พบว่ามีกรุท่ีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ตรงกลาง ใต้ห้องนี
องค์เจดีย์ศรีสุริโยทัย เป็นเจดีย์ เหล่ียมเพิ่มมุมไม้สิบสอง ลักษณะ ใกล้เคียงกับเจดีย์ภูเขาทอง สิ่งท่ี ต่างกัน คือ บนยอดซุ้มมณฑปทังสี่ ทิศของเจดีย์ศรีสุริโยทัย มีเจดีย์ องคเ์ ล็กตังอยู่ เจดีย์องค์นีน่าจะเป็นเจดีย์ทรง สเี่ หล่ียมเพ่ิมมุมท่ีเก่าท่ีสุด โดยช่าง อยธุ ยาได้นาการเพ่ิมมุมของปรางค์ แ ล ะ เ จ ดี ย์ ท ร ง ป ร า ส า ท ย อ ด ม า ผสมผสานกับเจดีย์ทรงกลม จน เ กิ ด เ ป็ น เ จ ดี ย์ แ บ บ ใ ห ม่ ซึ่ ง เ ป็ น เอกลักษณ์เฉพาะตัวของอยุธยา
กาแพงพระราชวังก่อด้วยอิฐถือ ปนู มีใบเสมาเรียงรายบนสันกาแพง มี ซุ้มประตูทังหมด 11 ซุ้ม ช่องประตูเข้า โคง้ แหลม หลังคาประตูเป็นทรงจตุรมุข ตรงจ่ัวซุ้มประตูตกแต่งลายกระจังปูน ปั้นที่วิวัฒนาการมาจากดอกบัว ที่ซุ้ม ป ร ะ ตู แ ล ะ ก า แ พ ง พ ร ะ ร า ช ฐ า น ชั น กลาง และชันในมีช่องเล็กๆ เจาะเป็น รูปโค้งแหลมคล้ายบัวเรียงเป็นแถว สาหรับวางตะเกียง ประมาณ 2,000 ช่อง
พระคลังศุภรัตน์ เป็นตึกที่ตังเรียงรายอยู่ระหว่างอ่างเก็บ นาและตึกเลียงรับรองแขกเมือง เป็นอาคารที่สร้างอย่างมี ระเบยี บด้วยอฐิ เป็น 2 แถว ยาวเรียงชิดติดกนั มีถนนผา่ นกลาง รวม 12 หลัง สันนิษฐานว่าเป็นคลังเก็บสินค้าหรือเก็บส่ิงของ เพื่อใช้ในราชการเลียงตึกแขกเมือง ใช้เป็นสถานที่พระราชทาน เลียง บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่ามีคูนาล้อมรอบตึกภายในมี คนู า มีสายนาพขุ นึ มาเหมือนจากฝักบัวรดนา
ตังอยู่ในเขตพระราชฐานชันนอก ใกล้กับตึกสิบสอง ท้องพระคลัง เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส ตังอยู่กลางอุทยาน รอบตึกมีคูนาล้อมรอบ ภายในคูมีนาพุพุ่งเรียงรายได้ระยะ 20 แหง่ ทางด้านหน้าตึกเลียงรับรอง มีรากฐานเป็นอิฐแสดงให้เห็น ว่าตึกหลังเล็ก ๆ คงจะเป็นโรงมหรสพ ซึ่งมีการแสดงให้แขก เมืองชมภายหลังการเลียงอาหาร สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้พระราชทานเลียงแก่คณะทูตฝร่ังเศส ณ สถานที่แห่งนีในปี พ.ศ.2228 และ พ.ศ.2230
เป็นพระที่น่ังท้องพระโรงสาหรับเสด็จออกรับคณะราชทูตในสมัย สมเด็จพระนารายณ์ มียอดแหลมทรงมณฑป ศิลปกรรมแบบไทย ผสมผสานกับฝร่ังเศส ประตูและหน้าต่างท้องพระโรงด้านหน้าทาเป็นรูป โค้งแหลมแบบฝร่ังเศส ส่วนตัวมณฑปด้านหลังทาประตูหน้าและหน้าต่าง เป็นซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์แบบไทย ตรงกลางท้องพระโรงมีสีหบัญชร เป็น ท่ีเสดจ็ ออกเพื่อมปี ฏิสนั ถารกับผ้เู ข้าเฝ้าในทอ้ งพระโรงตอนหนา้ ผนังภายในท้องพระโรงประดับด้วยกระจกเงา ซ่ึงโปรดให้คนไป จัดซือมาจากประเทศฝรั่งเศส ดาวเพดานเป็นช่องสี่เหล่ียมประดับลาย ดอกไม้ทองคาและแก้วผลึก ผนังด้านนอกพระที่น่ังตรงมณฑปชันล่าง เจาะเป็นช่องเล็กๆ รูปโค้งแหลมคล้ายบัว สาหรับตังตะเกียงในเวลา กลางคืน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141