ทวีปยุโรป การพฒั นาด้านการเมอื งการปกครอง สังคม เศรษฐกจิ และ ศิลปวัฒนธรรม
โดย ด.ช.คุณานนต์ ตรีทรงเกียรต์ิ เลขท่1ี ม.3/3
ยุโรป คำว่ำ “ยโุ รป” เช่ือว่ำมำจำกภำษำแอสซีเรียนว่ำ “เอเรบ” (Ereb) หมำยถงึ ดินแดนแหง่ ดวงอำทติ ย์ตก ซง่ึ เป็นภำษำ โบรำณของชำวเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้ ยโุ รป เป็นทวีปท่ีมีขนำดเล็กเป็นอนั ดบั 2 รองจำกทวีป ออสเตรเลีย เป็นทวีปที่มีพนื ้ แผน่ ดินตดิ ตอ่ เป็นผืนเดียวกบั ทวีปเอเชีย มีเส้นกนั้ พรมแดนธรรมชำตไิ ด้แก่ เทือกเขำอู รำล แม่นำ้ อรู ำล ทะเลสำบ แคสเปียน เทือกเขำคอเคซสั ลกั ษณะคล้ำยเป็นคำบสมทุ รหนงึ่ ของทวีปเอเชีย จงึ มีชื่อ เรียกรวมกนั ว่ำ ยเู รเชีย (Eruasia)
ท่ตี งั้ บริเวณใต้สดุ ของทวีป อย่ใู นแนวเดียวกนั กบั ตอนกลำงของ ประเทศจีนและตอนใต้ของญี่ป่นุ คือ อยรู่ ะหวำ่ ง ละตจิ ดู 36 องศำ 1 ลปิ ดำเหนือ ถงึ 71องศำ10ลปิ ดำเหนือ และ ระหว่ำงลองจิจดู 66 องศำตะวนั ออก ถงึ 9องศำ30ลปิ ดำ ตะวนั ตก ยโุ รปเป็นทวีปที่มีขนำดเล็ก รองจำกทวีปออสเตรเลียซง่ึ มีขนำดเล็กที่สดุ ประกอบด้วยประเทศต่ำง ๆ ถึง 43 ประเทศโดยกระจำยอย่ใู น ภมู ภิ ำคต่ำง ๆ 4 ภมู ิภำค คือ ยโุ รปเหนือ ยโุ รปใต้ ยโุ รปตะวนั ตก และ ยโุ รปตะวนั ออก
ภมู หิ ลังทางประวัตศิ าสตร์ จนมีเอกลกั ษณ์เป็นของตนเอง และต่อมาไดแ้ ผข่ ยายไป ยงั ดินแดนต่างๆ ในบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทวปี ยโุ รปเป็นดินแดนท่ีเคยเป็นแหล่งอารยธรรม โบราณแห่งหน่ึง ที่มีประวตั ิศาสตร์ความเจริญต่อเน่ือง โดยเฉพาะคาบสมุทรบอลข่านและคาบสมุทร ยาวนานมาเป็นเวลากวา่ 2000 ปี มาแลว้ อิตาลี จึงนบั วา่ ชนชาติกรีกและชนชาติโรมนั มีส่วน สาคญั ที่สุดในการวางรากฐานความเจริญในยโุ รป มีหลกั ฐานปรากฎอยา่ งชดั เจนวา่ ความเจริญของ ทวปี ยโุ รปมีรากฐาน กาเนิดจากอารายธรรมไมโนน (Minoan Civilization) ที่มีศนู ยก์ ลางอยทู่ ี่เกาะครีต (Crete) ตอนใตข้ องคาบสมุทรบอลข่านในทะล เมดิเตอร์เรเนียน อารยธรรมไมโนนเป็นอารยธรรม ที่เกิดจากการ ผสมผสานระหวา่ งอารยธรรมโบราณ 2 แห่ง คือ อารยธรรมอียปิ ต์ (ลุ่มแม่น้าไนล)์ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (ลุ่มแม่น้าไทกรีส-ยเู ฟรติส)
เกร็ดน่ารู้
เกร็ดน่ารู้ ชาวกรีกจะให้ความสาคัญกับเทพเจ้า เช่ือว่าพลังธรรมชาตจิ ะ ให้คุณและโทษได้ อานาจลึกลับนีม้ าจากเทพเจ้าเป็ นผู้ บันดาล โครนัสเป็ นเทพบดิ าปกครองเทพทงั้ มวล
เกร็ดน่ารู้
เกร็ดน่ารู้
ยุโรปในยุคสมัยต่างๆ ยุคโรมัน แบ่งเป็ น สมยั รำชอำณำจกั ร (753 – 509 ปี ก่อนคริสต์ศกั รำช) ประวตั ิศำสตร์ตะวนั ตก สมยั สำธำรณรัฐ (508 – 27 ปี ก่อนคริสต์ศกั รำช) • สมัยโบราณ สมยั จกั รวรรดิ (27 ปี ก่อนคริสต์ศกั รำช – ค.ศ. 476) (ศตวรรษท่ี 9 ก่อนคริสต์ศกั รำช – ค.ศ. 476) แบง่ เป็น 2 ยคุ •สมัยกลาง (ค.ศ. 476 – ค.ศ.1492) ยุคกรีก แบ่งเป็ น สมัย อาร์คาอกิ ยคุ กลำงตอนต้น (ค.ศ. 476 – ค.ศ. 1050) (ศตวรรษที่ 9 - ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศกั รำช) สมัยคลาสสกิ ยคุ กลำงรุ่งโรจน์ (ค.ศ. 1050 – ค.ศ. 1350) (ศตวรรษที่ 5 - ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศกั รำช) สมัยเฮเลนิสตกิ ยคุ กลำงตอนปลำย (ค.ศ. 1350 – ค.ศ. 1492) (ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศกั รำช - ค.ศ. 6 ) กษัตริย์ กลบั มำสถำปนำอำนำจแบบศนู ย์รวม และสร้ำงรัฐชำติ รวมดนิ แดนได้ เกิดระบบกำรปกครองแบบ ฟิวดลั (Feudalism) เป็นกำรกระจำยอำนำจให้ตกในมอื ขนุ นำง เจ้ำของท่ดี ิน ยคุ ฟื น้ ฟศู ิลปะวทิ ยำกำร (ค.ศ. 1350 – ค.ศ. 1650) • สมัยใหม่ ใหม่ ตอนต้น (ค.ศ. 1492 – ค.ศ.1815) ใหม่ ตอนปลำย (ค.ศ. 1815 – ค.ศ.1945) • สมัยปัจจุบนั (ค.ศ. 1945 – ปัจจบุ นั )
การเมืองการปกครอง สมัยโบราณ
ยุโรปสมยั โบราณ อาณาจักรกรีก
ชนชาตกิ รีกเป็นพวกอินโดยโู รเปี ยนมีถ่ินฐานเดิม วหิ ารบูชาเทพเจ้า “พาร์เธนอน” Parthenon 500 B.C. อยแู่ ถบแม่น้าดานูบ ในเขตประเทศออสเตรียในปัจจุบนั สร้างด้วยหนิ อ่อน หลังคาหน้าจ่ัว มีเสาหนิ ไดอ้ พยพเขา้ มาต้งั ถิ่นฐาน ในบริเวณคาบสมุทรบอลข่าน เม่ือประมาณ 2000 ปี ก่อนคริสตก์ าล กรีกเป็นชนชาติแรกที่ไดร้ ับถ่ายทอดความเจริญ ของอารยธรรมไมโนน ไปจากเกาะครีต หลงั จากน้นั ชนชาติโรมนั ซ่ึงต้งั ถ่ินฐานในบริเวณ คาบสมุทรอิตาลี กไ็ ดร้ ับความเจริญไปจากชนชาติกรีก อีกทอดหน่ึง กรีกไดท้ ิ้งมรดกทางศิลปะวฒั นธรรมอนั มีค่าหลาย ประการไวแ้ ก่โลกตะวนั ตก เพราะกรีกเป็นนกั คิดและนกั สร้างสรรคท์ ่ีสาคญั ผลงานที่เด่นๆ ไดแ้ ก่ สถาปัตยกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม ปรัชญา
และที่สาคญั ท่ีสุด กรีกไดว้ างรากฐานการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย ไวแ้ ก่ประเทศต่างๆ ในปัจจุบนั ประชำธิปไตยในยคุ กรีกโบรำณรำว 300-500 ปีก่อน คริสตกำล คือกำรต้องนำปัญหำมำถกกนั เพื่อหำทำงออก แตส่ ่ิงที่เป็นจดุ อ่อนคือ จะเริ่มมีคนอยำกพดู อยำกใช้สทิ ธิ แต่ไมม่ ีคนอยำกเหน่ือยอยำกรับผดิ ชอบ
กรีกโบราณมีรูปแบบการเมืองการปกครองเป็ น นครรัฐ ไม่ได้รวมเป็ นอาณาจกั รทเี่ ป็ นอันหน่ึง อนั เดยี วกนั แบบอยี ปิ ต์ นครรัฐกรีกเป็ นหน่วยทางการเมืองทม่ี ีอธิปไตย อย่างสมบูรณ์ แต่ละหน่วยคือ รัฐอสิ ระที่ดาเนิน นโยบายและตดั สินเร่ืองต่างๆ ด้วยตวั เอง กรีกเรียกหน่วยเหล่านีว้ ่าโปลสิ ซ่ึงกรีก ประกอบด้วยโปลสิ จานวนมากมาย แต่โปลสิ ที่ สาคญั และมบี ทบาทมากในอารยธรรมยคุ โบราณ ได้แก่ เอเธนส์ และ สปาร์ตา
นครรัฐเอเธนส์ เป็ นต้นกาเนิดของรัฐ ประชาธิปไตย นครรัฐเอเธนส์ปกครองโดยสภา หา้ ร้อย ซ่ึงไดร้ ับเลือกจากพลเมืองเอเธนส์ท่ีมี สิทธิออกเสียง สภาน้ีมีหนา้ ท่ีตรวจสอบร่าง กฎหมายและบริหารการปกครอง นอกจากน้ียงั มี สภาราษฎร ซ่ึงเป็นท่ีประชุมของพลเมืองที่มี สิทธิออกเสียงทุกคนและทาหนา้ ท่ีพจิ ารณาร่าง กฎหมาย การท่ีเอเธนส์ใหส้ ิทธิและเสรีภาพแก่ ปัจเจกชน ทาใหเ้ กิดนกั คิดและนกั ปราชญท์ ี่ เรียกวา่ พวกโซฟิ สต์ (Sophists) สานกั ต่างๆ ใน สงั คมเอเธนส์ แนวคิดและปรัชญาของนกั ปรัชญาคนสาคญั ไดแ้ ก่ โซเครติส และเพลโต ยงั เป็นหลกั ปรัชญาของโลกตะวนั ตกดว้ ย
เกร็ดน่ารู้ มนษุ ย์ทกุ คนมีเสียงของตวั เองผำ่ น ‘ประชำธิปไตย’ : กรีก 507 ปีก่อนคริสตกำล ประชำธิปไตย (Democracy) ถกู ประดิษฐ์ขนึ ้ ในช่วง 507 ปี ก่อนคริสตกำลโดยรัฐบรุ ุษชำวเอเธนส์นำม ‘คลิสเทเนส’ (Cleisthenes) ซง่ึ หลงั จำกบม่ เพำะประชำธิปไตยในจดุ เลก็ ๆ เป็นเวลำกวำ่ ร้อยปี จนแพร่กระจำยไปทวั่ แผน่ ดินกรีก พฒั นำเป็นระบบท่ีเป็นรูปเป็นร่ำง เม่ือประชำชนทกุ คนที่เข้ำสู่ อำยุ 18 ปี สำมำรถมีสิทธิในกำรกำหนดควำมเป็นไปของรัฐได้ โดยใช้ออกเสียงเพ่อื ตวั เอง แม้แตร่ ัฐบรุ ุษที่มีชื่อเสียงของเอเธนส์ ‘เพริคลีส’ (Pericles) ก็ ไม่มีอำนำจเหนือประชำชน สงิ่ ที่เขำทำได้มำกท่ีสดุ คือโน้มน้ำว ให้คนเห็นว่ำ แนวคิดหรือนโยบำยของเขำนำ่ สนใจ แต่หำกผ้คู น ไมเ่ ห็นด้วย ก็สำมำรถมีปำกเสียงปฏิเสธได้ตำมสทิ ธิอนั ชอบธรรม
นครรัฐสปาร์ตา มีการปกครองแบบทหารนิยม คณะผปู้ กครองมีอานาจสูงสุดและเดด็ ขาด พลเมืองชายทุกคนท่ีมีอายตุ ้งั แต่ 20-60 ปี ตอ้ ง ถูกฝึกฝนใหเ้ ป็นทหาร เรียนรู้วธิ ีการต่อสูแ้ ละ เอาตวั รอดในสงคราม แมแ้ ต่พลเมืองหญิงกย็ งั ตอ้ งฝึกใหม้ ีสุขภาพแขง็ แรงเพ่ือเตรียมเป็น มารดาของทหารท่ีแขง็ แกร่งในอนาคต อน่ึง พวกสปาร์ตายงั ต่อตา้ นความมงั่ คงั่ ฟ่ ุมเฟื อย เพราะเกรงวา่ อานาจของเงินตราจะทาลาย ระเบียบวนิ ยั ทหาร รวมท้งั ยงั ไม่สนบั สนุน การคา้ ขายและการสร้างสรรคศ์ ิลปกรรมใดๆ การปกครองของพวกสปาร์ตานบั เป็นการ ขดั ขวางสิทธิของปัจเจกชน และเป็ นต้นกาเนิด ของระบอบการปกครองแบบเผดจ็ การ เบด็ เสร็จ (Totalitarianism)
ยุโรปสมัยโบราณ อาณาจักรโรมนั
ชนชาติโรมัน น้นั แมว้ า่ จะรับความเจริญต่างๆ ทาง ที่สาคญั ท่ีสุดคือ กฎหมายโรมนั ซ่ึงเป็นรากฐานของ ศิลปวฒั นธรรมมาจากกรีก แต่กร็ ู้จกั ท่ีจะนามา การร่างกฎหมายประเทศต่างๆ ในทวีปยโุ รป ประยกุ ตด์ ดั แปลงใหเ้ กิดประโยชนท์ างดา้ นการใช้ สอยใหค้ ุม้ ค่า โดยเฉพาะการวางผงั เมืองการวางท่อ ลาเลียงน้า ท่ีอาบน้าสาธารณะ ผลงานทางศิลปะต่าง ๆ ถนนโรมนั โดยกำรนำหนิ ศลิ ำมำทำเป็นพืน้ ถนน สำมำรถรองรับนำ้ หนกั ของรถม้ำได้
เกร็ดน่ารู้ กฎหมาย 12 โต๊ะ โรมันมีกฎหมายมาตงั้ แต่สมัยสาธารณรัฐ ในระยะแรก กฎหมายไม่ได้เขียนเป็ นลายลักษณ์ การบังคับใช้กฎหมาย เป็ นไปตามวนิ ิจฉัยของผู้พพิ ากษาซ่งึ เป็ นกลุ่มชนชัน้ สูง ดังนัน้ พวกสามัญชนจงึ เรียกร้องให้เขียนกฎหมายเป็ นลาย ลักษณ์ ซ่งึ ต่อมาได้แกะสลักบนแผ่นไม้รวม 12 แผ่น เรียกว่า กฎหมายสบิ สองโต๊ะ (Twelve Tables) ความ โดดเด่นของกฎหมายโรมันคือ ความทนั สมัย เพราะมีการ ปรับปรุงแก้ไขเพ่มิ เตมิ ให้สอดคล้องกับโครงสร้างการ ปกครองท่เี ปล่ียนเป็ นระบอบจกั รวรรดแิ ละ สภาพแวดล้อมของประชาชนในทกุ ส่วนของจักรวรรดิ นอกจากนีต้ ุลาการชาวโรมันยงั มีส่วนทาให้เกดิ การ ยอมรับหลักการพนื้ ฐานของกฎหมายว่า ประชาชนทกุ คน มีความเสมอภาคกนั ภายใต้กฎหมาย ซ่งึ รวมถงึ กระบวนการยตุ ธิ รรมท่ยี ดึ เป็ นแบบอย่างปฏบิ ตั ติ ่อมาถงึ ปัจจบุ ันคือ ให้สันนิษฐานว่าผู้ต้องหาทกุ คนเป็ นผู้บริสุทธ์ิ ไว้ก่อน จนกว่าจะมีหลักฐานยนื ยันแน่ชัดว่ามีการกระทา ความผิด
โรมัน ใช้การปกครองระบอบสาธารณรัฐแทน ระบอบกษัตริย์ตามแบบอารยธรรมโบราณอ่ืนๆ พลเมืองโรมันจะแบ่งเป็ น 2 กล่มุ ใหญ่ๆคือ •กลุ่มท่ีเป็ นผู้บริหารและชนช้ันปกครอง •ราษฎรธรรมดาทว่ั ไป ในสมัยแรกๆกล่มุ ผู้บริหารและชนช้ันปกครองจะมี อานาจในการปกครองและออกกฎหมายมากใน ขณะที่ราษฎรธรรมดาแทบไม่มีสิทธิเหล่านีเ้ ลย
ชาติโรมนั มีสงครามเพ่อื ขยายดินแดนออกไปเร่ือยๆ มี ปฐมจกั รพรรดิแหง่ จกั รวรรดโิ รมนั อาณาเขตกวา้ งขวางข้ึน ปัญหาดา้ นเศรษฐกิจและการ ปกครองกต็ ามมา มีความเหลื่อมล้าทางชนช้นั มีการทุจริต คอรับชนั มีความขดั แยง้ ภายในระหวา่ งผนู้ ากลุ่มต่างๆจน กลายเป็นสงครามกลางเมือง ทาใหร้ ะบบสาธารณรัฐซ่ึงผู้ นามาจากการเลือกต้งั ตอ้ งพงั พนิ าศ 27 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช ชาวโรมนั ไดย้ ตุ ิการปกครองใน ระบอบ สาธารณรัฐและหนั มาใชก้ ารปกครองแบบ จกั รวรรด์ิอยา่ งเป็นทางการ ออคเท เวียน (Octavian) ไดร้ ับสมญานามวา่ ออกสั ตสั (Augustus) และสภาโรมนั ได้ ยกยอ่ งใหเ้ ป็นจกั รพรรดิ หรือ ซีซาร์ องคแ์ รกของจกั รวรรดิโรมนั โรมนั เจริญถึงขีดสูงสุด และสามารถขยายอานาจและ อิทธิพลไปทวั่ ท้งั ทวีปยโุ รป เอเชียตะวนั ตก และแอฟริกา เหนือ
จกั รวรรดิโรมนั ตะวนั ตกไดเ้ ร่ิมเสื่อมลงตามลาดบั กล่มุ ชนเผา่ อนารยชนบุกทาลายกรุงโรม และในที่สุดไดถ้ ูกพวกอนารยชนเยอรมนั เผา่ กอท (Goth) เขา้ รุกรานและยดึ ครองใน ค.ศ.476 ซ่ึงมีผลทา ใหค้ วามเจริญต่าง ๆ ทางศิลปวฒั นธรรมหยดุ ชะงกั ลง สภาพทางสงั คมของจกั รวรรดิโรมนั ตะวนั ตก ภายหลงั กา รุกรานของอนารยชน เตม็ ไปดว้ ยความวนุ่ วาย สับสน บา้ นเมืองระส่าระสายไปทวั่ มีศึกสงคราม ติดต่อกนั เกือบตลอดเวลา จนเป็นเหตุให้ ความกา้ วหนา้ ทางศิลปวิทยาการของกรีก-โรมนั ตอ้ งหยดุ ชะงกั ลง และทาใหท้ วีปยโุ รปตกอยใู่ นสภาวะท่ีเรียกวา่ ยคุ มืด Dark Ages ซ่ึงอยรู่ ะหวา่ งคริสตศ์ ตวรรษที่ 5-10
กล่มุ ชนเผ่าอารยชนบุกทาลายกรุงโรม
การเมืองการปกครอง สมัยกลาง
การเมืองการปกครองสมัยกลาง ยโุ รปเข้ำส่สู มยั กลำง เมื่อจกั รวรรดโิ รมนั ล่มสลำยใน ค.ศ.476 จำกกำรรุกรำนของชนเผำ่ กอท หรือชนเผ่ำเยอรมนั มีอำณำจกั รใหมๆ่ เกิดขนึ ้ หลำยอำณำจกั ร มีกษัตริย์เป็นประมขุ แตม่ ไิ ด้มีอำนำจในกำร ปกครองอยำ่ งแท้จริง กำรปกครองสมยั กลำงใช้ระบบ ฟิวดลั (Feudalism) หรือ ระบบศกั ดนิ ำสวำมิภกั ดิ์ ระบบฟิ วดัล ลกั ษณะกำรปกครองแบบกระจำยอำนำจ ไม่รวมศนู ย์อำนำจไว้ที่ สว่ นกลำงเหมือนกบั สมยั จกั รวรรดิโรมนั โดยกษัตริย์จะทรง แจกจำ่ ยท่ีดนิ ให้แก่ขนุ นำงผ้ปู กครองแคว้นต่ำงๆให้ใช้ประโยชน์ จำกท่ีดินนนั ้
เกร็ดน่ารู้ ระบบฟิ วดลั เกดิ ขึน้ ได้อย่างไร ในยคุ กลำงบ้ำนเมืองเกิดควำมเสื่อมโทรม กษัตริย์ได้ทรง แต่งตงั้ ขนุ นำงให้มีหน้ำท่ีดแู ลประชำชน โดยขนุ นำงได้ใช้ อำนำจท่ีได้รับจำกกำรแต่งตงั้ ของกษัตริย์ จงึ ทำให้เกิดระบบ ฟิวดลั ขนึ ้ ระบบฟิวดลั (Feudalism) หรือระบบศกั ดนิ ำ สวำมิภกั ดิ์ ซงึ่ เป็นระบบที่ครอบคลมุ ทงั ้ ทำงด้ำนกำรเมืองกำร ปกครอง สงั คม และ เศรษฐกิจของยโุ รปยคุ กลำงในเวลำต่อมำ คำว่ำ Feudalism มำจำกคำว่ำ ฟีฟ (Fief) หมำยถงึ ที่ดินที่เป็นพนั ธสญั ญำระหวำ่ งเจ้ำนำยที่เป็นเจ้ำของท่ีดนิ ซง่ึ เจ้ำของท่ีดนิ จะเป็นพวกขนุ นำงที่เรียกว่ำ ลอร์ด (Lord) กบั ผ้ใู ช้ประโยชน์ในท่ีดนิ คือ ข้ำ หรือเรียกว่ำ วสั ซลั (Vassal) ควำมสมั พนั ธ์ในระบบฟิวดลั คือควำมสมั พนั ธ์ ระหว่ำงผ้อู ปุ ถมั ภ์กบั ผ้ไู ด้รับกำรอปุ ถมั ภ์
เกร็ดน่ารู้ ระบบฟิวดลั นนั้ เริ่มจำกกษัตริย์ที่เจ้ำนำยชนั้ สงู ของระบบ และเป็นเจ้ำของที่ดินทงั้ รำชอำณำจกั ร จะทรงพระรำชทำนที่ดนิ ให้กบั ขนุ นำงระดบั สงู ในท้องถ่ินเพื่อให้ขนุ นำงระดบั สงู จงรักภกั ดีและเป็นกำรตอบแทนควำมดีควำมชอบจำกกำรทำ สงครำม ทงั้ กษัตริย์และขนุ นำงจะมีพนั ธะต่อกนั และขุนนำงมี หน้ำท่ีสง่ ทหำรมำช่วยเหลือเมื่อมีสงครำม ส่งภำษีตำมเวลำที่ กำหนด สว่ นกษัตริย์มีหน้ำท่ีให้ควำมค้มุ ครองและควำม ยตุ ธิ รรมแก่ขนุ นำง สว่ นประชำชนท่ีเป็นข้ำติดที่ดินจะได้รับกำร ค้มุ ครองจำกขนุ นำงระดบั สงู จำกนนั้ ขนุ นำงจะนำที่ดนิ นนั้ มำหำ ผลประโยชน์และปกครองดแู ลผ้คู นดแู ลคนที่จะทำมำหำกินบน ที่ดิน ประชำชนที่อำศยั และทำงำนในท่ีดนิ นนั้ เรียกว่ำ เซริ ์ฟ (serf) หรือข้ำติดที่ดิน
เกร็ดน่ารู้ ดงั นนั้ ระบบนีจ้ งึ เป็นกำรแบ่งที่ดินลงไปเป็นทอดๆ ขนุ นำง ลำ่ งสดุ คืออศั วิน โดยมีปรำสำทเป็นศนู ย์กลำง ซงึ่ เป็นท่ีอย่ขู องขนุ นำงและครอบครัว บริเวณท่ีดนิ โดยรวมเป็นที่ทำกินของชำวนำ และเชริ ์ฟ ซงึ่ รวมกนั เป็นหม่บู ้ำน ซงึ่ ชำวนำและเซริ ์ฟจะต้องแบ่ง ผลผลติ ให้เจ้ำของท่ีดนิ เป็นค่ำตอบแทน ควำมสมั พนั ธ์หรือ ข้อตกลงของลอร์ดกบั วสั ซลั เรียกวำ่ “กำรแสดงควำมจงรักภกั ดี” (homage) หรือ สวำมภิ กั ดิ์ กำรท่ีกษัตริย์แต่งตงั้ ขนุ นำงให้ดแู ลประชำชนเพ่ือเป็นกำร ตอบแทนให้กบั ขนุ นำงท่ีชว่ ยเหลือ ซงึ่ ขนุ นำงก็ต้องตอบแทน กษัตริย์โดยกำรช่วยเหลือด้ำนตำ่ งๆ ให้กบั กษัตริย์ซ่ึงระบบฟิวดลั จงึ เป็นระบบท่ีแสดงถงึ กำรจงรักภกั ดีหรือสวำมภิ กั ดิ์ท่ีมีตอ่ กนั
การเมืองการปกครอง สมัยใหม่
ระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เกิดขนึ ้ ครัง้ แรกท่ีประเทศองั กฤษ เม่ือขนุ นำงรวมตวั กนั ต่อต้ำนกำรใช้อำนำจกำรปกครองท่ีกดข่ีของพระเจ้ำจอห์นที่5 โดยบีบบงั คบั ให้พระองค์ทรงลงนำมและยอมปฏิบตั ิตำมกฎ บตั รแมกนำ คำร์ตำ (Magna Carta) ในปี ค.ศ.1215 ผลท่ีตำมมำคือ เป็นกำรจำกดั พระรำชอำนำจสทิ ธ์ิขำด และกำรกระทำของพระองค์ และทำให้ฐำนะกษัตริย์องั กฤษ ไม่ทรงอย่เู หนือกฎหมำยอีกต่อไป นอกจำกนีก้ ฎบตั รแมกนำ คำร์ตำ ยงั เป็นรำกฐำนของ รัฐธรรมนูญ และ รัฐสภา ขององั กฤษ ในสมยั ต่อมำอีกด้วย ในสมยั ตอ่ มำ กษัตริย์องั กฤษในยคุ สมยั หลงั ๆหลำยพระองค์ ไม่ปฏบิ ตั ิตำมกฎบตั รแมกนำ คำร์ตำ จงึ เกิดกำรตอ่ ต้ำนจำก ประชำชน ดงั เหตกุ ำรณ์ ในปี ค.ศ. 1688 ที่เรียกวำ่ “กำรปฏวิ ตั ิ อนั รุ่งโรจน์”
เกร็ดน่ารู้ ศตวรรษที่ 13 เหล่ำขนุ นำงผ้ใู หญ่ในองั กฤษ เสนอข้อเรียกร้องที่ เรียกว่ำ“แมกนำ คำร์ตำ” (The Great Charter, Magna Carta, 1215 C.E.) หรือ “กฎบตั รใหญ่” มหำกฎบตั ร ต่อพระ เจ้ำจอหน์ท่ี 5 เพ่อื ปฏิรูปกำรปกครองอนั มี ลกั ษณะลดทอนอำนำจ กษัตริย์ลง และเพมิ่ อำนำจขนุ นำง ประกนั สทิ ธิเสรีภำพ และควำม เสมอภำคบำงประกำรของประชำชน ยดึ หลกั ไม่ให้กษัตริยป์ กครอง ตำมอำเภอใจ ถือเป็นจดุ เร่ิมต้นในกำรลดอำนำจเดด็ ขำดของกษัตริย์ลงมำนี ้ นำไปส่กู ำรเปลี่ยนแปลงท่ีสำคญั ต่ำงๆ ในกำรพฒั นำกำรเมืองกำร ปกครององั กฤษไปสคู่ วำมเป็นประชำธิปไตยที่เจริญก้ำวหน้ำ เรื่อยมำจนปัจจบุ นั
ปี ค.ศ.1215 ขนุ นำงบงั คบั ให้กษัตริย์ คือ พระเจ้ำจอห์นท่ี 5 ทรง เกร็ดน่ารู้ ยอมรับกฎบตั ร แมกนำ คำร์ตำ ถือ เป็นกำรสละสิทธ์ิของ พระมหำกษัตริย์ท่ีอยเู่ หนือกฎหมำย นำไปสกู่ ำรตงั้ รัฐสภำสภำ พระเจ้ำจอห์นที่ 5 ขนุ นำง และสภำสำมญั กฎบตั ร Magna Carta ถือเป็ นรัฐธรรมนูญฉบบั แรก ของโลก เพรำะระบถุ งึ เสรีภำพของประชำชน(กำจดั อำนำจ กษัตริย์) องั กฤษเป็นแมแ่ บบกำรปกครองในระบอบ ประชำธิปไตย โดยมี พระมหำกษัตริย์อย่ภู ำยใต้ กฏหมำยรัฐธรรมนญู แบบท่ีไม่เป็น ลำยลกั ษณ์อกั ษร
ระบอบกษัตริย์แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบท่ีกษัตริย์ทรงมีพระรำชอำนำจสิทธ์ิขำดหรือเป็น ศนู ย์กลำงแหง่ อำนำจซงึ่ รุ่งเรืองอย่ใู นบรรดำชำติมหำอำนำจของ ยโุ รป ในสมยั ศตวรรษที่ 17-18 เช่นฝรั่งเศส รัสเซีย และบรัสเซีย (รัฐผ้นู ำในกำรรวมชำติเยอรมนั ) กษัตริย์ที่ประสบควำมสำเร็จในกำรใช้กำรปกครองแบบ สมบรู ณำญำสิทธิรำชย์คือ พระเจ้ำหลยุ ส์ที่ 14 และพระเจ้ำซำร์ปีเตอร์ รูปพระเจา้ หลุยส์บงั คบั ราชรถประหน่ึงสุริยเทพ
พระเจ้ำหลยุ ส์ที่ 14 เกร็ดน่ารู้ การรวมศูนยอ์ านาจ หลงั จากท่ีพระมารดาของพระองคส์ วรรคตในปี 1666 แลว้ หลุยส์กม็ ีอานาจโดยไม่ตอ้ งเกรงใจใครอีกต่อไป ช่วงวยั เยาวพ์ ระองคฝ์ ังใจกบั การท่ีพวกขนุ นางก่อกบฎ จนพระองคต์ อ้ งหนีออกไปจากปารีส พระองคจ์ ึงให้ สร้างวงั ใหม่นอกปารีสที่แวร์ซายส์ เพื่อใหพ้ ระองคอ์ ยู่ ห่างจากปารีส แต่ในขณะเดียวกนั หากพระองคม์ าอยู่ แวร์ซายส์พวกขนุ นางกจ็ ะอยนู่ อกสายตาของพระองค์ พระองคจ์ ึงสร้างแวร์ซายส์ใหใ้ หญ่โตมากพอที่ขนุ นาง ท้งั ราชสานกั จะมาอาศยั อยไู่ ด้ พระองคใ์ หต้ บแต่งวงั อยา่ งหรูหราท่ีสุดเพือ่ ใหพ้ วกขนุ นางเพลิดเพลินจนไม่ คิดก่อกบฎ ในขณะเดียวกนั พระองคก์ ใ็ หข้ า้ ราชการที่ สามารถไวใ้ จไดเ้ ขา้ ไปจดั การการปกครองดินแดนของ พวกขนุ นางโดยตรง ทาใหอ้ านาจของพระองคเ์ ขม้ แขง็ ข้ึนมากจนพระองคส์ ามารถกล่าวไดว้ า่
เกร็ดน่ารู้ L'état, C'est Moi - รัฐคือขา้ !!!
เกร็ดน่ารู้ พระเจา้ ปี เตอร์ไดท้ รงแบ่งเขตการปกครอง ออกเป็น 8 เขตแดน (Guberny) ไดแ้ ก่ มอสโก, Peter The Great หรือ Peter I : พระเจ้าปี เตอร์มหาราช (ค.ศ.1672-1725) อินเกอร์แมนแลนด,์ เคียฟ, สโมเลนสค,์ คาซาน, อาร์เชนเกล, อาซอฟและไซบีเรีย (ต่อมาไดม้ ีการ แบ่งเขตแดนออกอีกเป็น 45 และเป็น 50 มณฑล ในปี 1719 ซ่ึงทุกเขตแดนยกเวน้ ..มอสโก จะมีขา้ หลวงคนสนิทของซาร์ปี เตอร์ประจาอย.ู่ . โดยขา้ หลวงเหลา่ น้ี..จะข้ึนตรงต่อพระเจา้ ปี เตอร์ เท่าน้นั ซ่ึงเป็นการปกครองแบบรวมอานาจเขา้ สู่ ศูนยก์ ลาง และลดอานาจของพวกขนุ นางทอ้ งถ่ิน ลง โดยขา้ หลวงประจามณฑลจะมีหนา้ ที่ในการ ดูแลปกครองเขตมณฑล ในดา้ นการบริหาร ตุลา การ และอ่ืนๆ ส่วนเร่ืองการเกบ็ ภาษีใหไ้ ดต้ าม เป้า..เป็นหนา้ ท่ีของทหารปกครองเขตแทนในปี 1722 (ทาตามแบบอยา่ งการปกครองทอ้ งถ่ินของ สวีเดน)
ในส่วนพวกขนุ นางเก่าๆ พระเจา้ ซาร์ปี เตอร์ไดท้ รง เกร็ดน่ารู้ พยายามลดบทบาทของพวกขนุ นาง..และทาใหส้ ภา โบยา่ ร์หมดความสาคญั ลง โดยใชว้ ธิ ีจดั ต้งั สภา อนสุ ำวรีย์พระเจ้ำปีเตอร์มหำรำช (Bronze Horseman) องคมนตรี เพ่ือทาหนา้ ท่ีเป็นที่ปรึกษาแทน.. ผ้เู ป็นกษัตริย์พระองค์แรกท่ีได้ขนำนนำมว่ำ มหำรำช นอกจากน้ี..ยงั มีกฎบงั คบั ใหพ้ วกขนุ นางสามารถ มอบมรดกท่ีดิน..ใหแ้ ก่บุตรชายคนโตเพียงคนเดียว เป็นอนสุ ำวรีย์แห่งแรกของนครเซน็ ต์ปีเตอร์สเบริ ์ก ประเทศรัสเซยี เท่าน้นั และใหส้ ่งลูกชายคนรองๆเขา้ รับราชการ ทหารและราชการพลเรือน (เพื่อจากดั การขยายฐาน อานาจของครอบครัวขนุ นาง) และในภายหลงั พระ เจา้ ปี เตอร์ไดป้ ระกาศยกเลิกยศขนุ นางระดบั สูงที่ เรียกวา่ \" โบยา่ ร์ \" และใหใ้ ชย้ ศเคานต์ (count) และ บารอน (baron) แบบยโุ รปตะวนั ตกแทน และทรงมี นโยบายกระตุน้ ใหพ้ วกขนุ นางหนั มาลงทุนในดา้ น การคา้ เป็นตน้
การเมืองการปกครอง สมยั ปัจจุบนั
ระบอบการปกครองในทวีปยุโรปสมัยปัจจุบนั ระบอบประชาธิปไตย กำรปกครองแบบประชำธิปไตยแบง่ ออกได้ 3 แบบโดยอำศยั รูปแบบกำรจดั ตงั้ รัฐบำลขนึ ้ บริหำรประเทศ ได้แก่ หลงั สงครำมโลกครัง้ ที่ 2 ระบอบกำรปกครองของยโุ รปแยก 1. ระบบรัฐสภำ Parliamentary System ออกเป็น 2 ระบอบอยำ่ งเดน่ ชดั ดงั นี ้ 2.ระบบประธำนำธิบดี Presidential System 1) ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบท่ีเน้นควำมเป็นปัจเจก 3.ระบบกึง่ รัฐสภำก่งึ ประธำนำธิบดี Semi-Parliamentary บคุ คลนยิ ม (individualism) เหตผุ ลนิยม (rationalism) และเสรีภำพ (freedom) หลกั กำรสำคญั ของแนวควำมคิด System, Semi- Presidential System ประชำธิปไตย คือ สิทธิ เสรีภำพของประชำชน ประชำชนเป็นท่ีมำ ของอำนำจอธิปไตย ทกุ คนมีสิทธิ เสรีภำพ และควำมเสมอภำค ภำยใต้กฎหมำย กำรปกครองระบอบประชำธิปไตยมีต้นกำเนิดมำ ตงั้ แต่สมยั กรีกโบรำณ เม่ือกวำ่ 500 ปีก่อนคริสต์ศกั รำช โดยนครรัฐ เอเธนส์เป็นดนิ แดนแห่งแรกท่ีให้สิทธิแก่พลเมืองเพศชำยท่ีเป็นเสรี ชนทกุ คนมีสิทธิในกำรเลือกตงั้ และเข้ำนง่ั ในสภำ ทงั้ ยงั ดำรง ตำแหน่งผ้ปู กครองได้ ระบอบกำรปกครองแบบประชำธิปไตยเป็น ระบอบกำรปกครองท่ีประชำชนมีอำนำจสงู สดุ โดยมีรัฐสภำทำ หน้ำที่เป็นตวั แทนของประชำชน
ระบบรัฐสภำ Parliamentary System หลกั กำรสำคญั ของกำรปกครองระบอบรัฐสภำ กำรปกครองระบบรัฐสภำ เป็นระบบกำรปกครองท่ี 1. ตำแหนง่ ประมขุ ของประเทศแยกออกจำกตำแหน่งบริหำร 2. ตวั แทนของประชำชนทำหน้ำที่นติ ิบญั ญตั ิ เกิดขนึ ้ ณ ประเทศสหรำชอำณำจกั ร ในศตวรรษที่ 17 ซง่ึ มีผล 3. คณะรัฐบำลเกิดจำกรัฐสภำ มำจำกกำรแย่งชิงอำนำจระหวำ่ งกษัตริย์กบั สภำที่ประเทศ องั กฤษ จงึ ถือว่ำประเทศองั กฤษ เป็นต้นแบบของกำรปกครอง 4. กำรบริหำรงำนของรัฐบำลขนึ ้ อยกู่ บั ควำมไว้วำงใจของรัฐสภำ ในระบอบประชำธิปไตบแบบรัฐสภำ เพรำะรัฐสภำของประเทศ องั กฤษในสมยั นนั้ มีขนึ ้ ในสมยั ที่พระมหำกษัตริย์ ยงั มีอำนำจ เด็ดขำดในกำรปกครองประเทศ รัฐสภำในสมยั นนั้ มีสมำชกิ จำก ประชำชนในชนชนั้ ต่ำง ๆ ซง่ึ เปิดโอกำสให้ประชำชนธรรมดำ สำมญั เข้ำไปนง่ั ในสภำด้วย ฉะนนั้ รัฐสภำจงึ เป็นสถำบนั ของ ประชำชน นน่ั ก็คือประชำชนได้มีบทบำท ในกำรควบคมุ กำรใช้ อำนำจของกษัตริย์รวมถึงกำรปฏิบตั ิงำนของรัฐมนตรีด้วย
ระบบประธำนำธิบดี Presidential System 5. ใช้หลกั กำรคำนอำนำจ เนื่องจำกประธำนำธิบดีและสมำชกิ รัฐสภำ รูปแบบรัฐบำลระบบประธำนำธิบดีเกิดขนึ ้ ครัง้ แรก ณ ประเทศ ต่ำงก็มำจำกกำรเลือกตงั้ ของประชำชน ดงั นนั้ จงึ มีกำรแบง่ แยกอำนำจ กนั อย่ำงเดด็ ขำดทงั้ ฝ่ำยบริหำร ฝ่ำยตลุ ำกำรและฝ่ำยนติ บิ ญั ญตั ิ เพื่อ สหรัฐอเมริกำ โดยผ้นู ำของสหรัฐอเมริกำได้พฒั นำระบอบกำรปกครอง ไม่ให้ฝ่ำยใดฝ่ำยหนงึ่ ใช้อำนำจมำกเกินไปกวำ่ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนญู เพอ่ื ไมใ่ ห้ผ้ใู ดมีอำนำจมำกเกินไปในกำรปกครองประเทศ โดยมี 6. วฒุ ิสภำ มีอำนำจในกำรให้ควำมเห็นชอบกำรแตง่ ตงั้ เจ้ำหน้ำที่ฝ่ำย รำยละเอียดดงั นี ้ บริหำร เช่น รัฐมนตรี เอกอคั รรำชทตู ตำมท่ีประธำนำธิบดีเสนอมำ 1. มีกำรแบ่งแยกอำนำจ ฝ่ำยบริหำรกบั ฝ่ำยนติ ิบญั ญตั ิ โดย 7. อำนำจตลุ ำกำร สำหรับตำแหน่งผ้พู พิ ำกษำ ประธำนำธิบดีเป็นผู้ ประธำนำธิบดี มำจำกกำรเลือกตงั้ จำกประชำชนและประธำนำธิบดีเป็น แตง่ ตงั้ โดยต้องได้รับควำมเห็นชอบจำกรัฐสภำก่อน ศำล มีอำนำจชีข้ ำด ผ้สู รรหำคณะรัฐมนตรี โดยได้รับควำมเหน็ ชอบจำกรัฐสภำ รัฐมนตรีจะ เป็นสมำชิกรัฐสภำไม่ได้ ซงึ่ ไมเ่ หมือนกบั คณะรัฐมนตรีแบบรัฐสภำ ว่ำกฎหมำยท่ีออกโดยฝ่ำยรัฐสภำนนั้ ขดั ต่อกฎหมำยรัฐธรรมนูญหรือไม่ 2. ประมขุ ของรัฐและประมขุ ของฝ่ำยบริหำรเป็นคน ๆ เดียวกนั 3. รัฐบำลมีอิสระจำกกำรควบคมุ ของรัฐสภำ 4. รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบโดยตรงตอ่ ประธำนำธิบดี
ระบบกงึ่ รัฐสภำกึง่ ประธำนำธิบดี Semi-Parliamentary 3. นำยกรัฐมนตรีต้องรับผดิ ชอบตอ่ รัฐสภำและประธำนำธิบดี เน่ืองจำก นำยกรัฐมนตรีดำรงตำแหนง่ โดยได้รับกำรแต่งตงั้ จำกประธำนำธิบดี System, Semi- Presidential System นำยกจงึ ต้องรับผดิ ชอบตอ่ ประธำนำธิบดีและในขณะเดียวกนั ก็ต้อง ระบบกง่ึ รัฐสภำกึ่งประธำนำธิบดี เกิดขนึ ้ ครัง้ แรก ณ ประเทศฝรั่งเศส ทงั้ นีเ้พรำะไม่วำ่ ผ้ใู ดจะมำดำรงตำแหนง่ ประธำนำธิบดี ก็เกิดควำม รับผิดชอบต่อรัฐสภำด้วย ว่นุ วำย มีข้อขดั แย้งมำกมำย ต้องยบุ สภำบ่อย รัฐบำลหรือรัฐสภำต้อง ออกจำกตำแหน่ง มีกำรเลือกตงั้ ใหม่ บอ่ ยครัง้ ทำให้เสียงบประมำณ ดงั นนั้ นกั รัฐศำสตร์และนกั นิติศำสตร์ของฝรั่งเศส จงึ ได้พฒั นำรูปแบบ กำรปกครองโดยผสมผสำนกนั ระหวำ่ งแบบรัฐสภำและแบบ ประธำนำธิบดี โดยมีลกั ษณะดงั นี ้ 1. ประธำนำธิบดีมีอำนำจเด็ดขำด เนื่องจำกประธำนำธิบดี เกิดขนึ ้ จำกกำรเลือกตงั้ ของประชำชนโดยตรง ประธำนำธิบดีจงึ มีอำนำจสูงสดุ และเป็นผ้แู ต่งตงั้ นำยกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยแบ่งหน้ำท่ีกำร บริหำรงำนให้แก่นำยกรัฐมนตรีและคณะ แต่อำนำจในกำรอนมุ ตั ิ กำรลง นำม ในกฎหมำยยงั คงอย่ทู ่ีประธำนำธิบดี 2. รัฐสภำมีอำนำจนติ ิบญั ญตั ิและกำรบริหำรบำงสว่ น กล่ำวคือ อำนำจของรัฐสภำมีมำกกว่ำแบบประธำนำธิบดี แตม่ ีอำนำจน้อยกว่ำ ระบอบรัฐสภำ
2) ระบอบเผดจ็ การคอมมิวนิสต์ เป็นระบอบกำรปกครองท่ีอ้ำง อดุ มกำรณ์ของทฤษฎีสงั คมนยิ มของ คำร์ล มำร์ก (Carl Marx) ในกำรสร้ำงสงั คมท่ีปรำศจำกชนชนั้ และมีควำมเสมอ ภำคกนั ในด้ำนตำ่ งๆ โดยชนชนั้ แรงงำนเป็นผ้ปู กครองประเทศระ อบเผด็จกำรคอมมวิ นสิ ต์มีพรรคกำรเมืองเพียงพรรคเดียว ผ้นู ำ พรรคคอมมวิ นสิ ต์และผ้นู ำรัฐเป็นคนเดียวกนั สหภำพโซเวียตเป็น ประเทศแรกที่มีกำรปกครองในระบอบเผด็จกำรคอมมวิ นิสต์ ภำยหลงั กำรปฏิวตั ิรัสเซยี ในเดือนตลุ ำคม ค.ศ. 1917 หลงั สงครำมโลกครัง้ ที่ 2 ก็มีประเทศอื่นปกครองในระบอบเผด็จกำร คอมมวิ นิสต์อีก 16 ประเทศ แต่เมื่อสหภำพโซเวียตลม่ สลำยลงใน ค.ศ. 1991 ก็เหลือเพียงไม่ก่ีประเทศ เช่น จีน คิวบำ เกำหลีเหนือ เป็นต้น สว่ นบรรดำประเทศบริวำรของสหภำพโซเวียตเดิม (รวมทงั้ รัสเซีย) ก็ต้องปฏริ ูปกำรปกครองตนเองในแนวทำงของระบอบกำร ปกครองแบบประชำธิปไตยด้วย สญั ลกั ษณ์พรรคคอมมิวนสิ ต์
การเมืองการปกครอง บทสรุป
สมัยกรีกและโรมัน กษัตริย์มีอานาจสูงสุด สมัยกลาง สมัยใหม่ ระบอบฟิ วดลั สมัยปัจจบุ ัน ระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ระบอบกษัตริย์สมบูรณาญาสทิ ธิราชย์ ระบอบประชาธิปไตย ระบอบคอมมิวนิสต์
Search