Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวนพฤกษสาสตร์โรงเรียน

สวนพฤกษสาสตร์โรงเรียน

Published by ชัญญาฏา แจ่มศิลา, 2020-11-02 08:41:56

Description: สวนพฤกษสาสตร์โรงเรียน0

Search

Read the Text Version

สวนพถกษศาสตร์ในโรงเรียน ประกอบวิชา ว32101 เทคโนโลย2ี ครูประจาํ วชิ า ครูรัชชนก วงศเ์ ขียว

คานา หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เรื่อง สวนพฤกษศาสตร์ใน โรงเรียนเลม่ น้ี ประกอบดว้ ยเน้ือหาเก่ียวกบั ตน้ ไมแ้ ละ ดอกไมใ้ นโรงเรียนวงั เหนือวทิ ยาเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า ว32101 เทคโนโลย2ี ผจู้ ดั ทาํ หวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ เน้ือหาในหนงั สือ อิเลก็ ทรอนิกส์น้ีจะเป็นประโยชน์สาํ หรับผทู้ ่ีศึกษาได้ เป็นอยา่ งดี ช่ือ จิราภรณ์ ลุงหรั่ง ชื่อ อภิชญา พานแกว้ ผจู้ ดั ทาํ

ปี บ ปี บ ชื่อสามญั Cork tree, Indian cork ช่ือวิทยาศาสตร์ :Millingtonia hortensis L.f. จดั อยใู่ นวงศแ์ คหาง ค่าง (BIGNONIACEAE มีชื่อทอ้ งถิ่น: เตก็ ตองโพ่ (กะเหร่ียง-กาญจนบุรี), กาซะลอง กาสะลอง กาดสะ ลอง กาสะลองคาํ (ภาคเหนือ), ปี บ กอ้ งกลางดง (ภาคกลาง) กางของ (ภาคอีสาน) เป็ นตน้ สรรพคุณของปี บ 1.ดอกมีสรรพคุณเป็นยาบาํ รุงกาํ ลงั (ดอก) 2.ช่วยบาํ รุงโลหิต (ดอก) 3.รากช่วยบาํ รุงปอด (ราก) 4.ช่วยรักษาวณั โรค (ราก) 5.ใชเ้ ป็นยารักษาไซนสั อกั เสบ (ดอก) 6.ช่วยรักษาริดสีดวงจมกู ดว้ ยการใชด้ อกที่ตากแหง้ แลว้ นาํ มา มวนเป็นบุหรี่สูบเพ่อื รักษาอาการ (ดอก) 7.ช่วยรักษาอาการหอบหืด หอบเหนื่อย ทาํ ใหร้ ะบบการหายใจ ดียงิ่ ข้ึนดว้ ยการใชด้ อกปี บแหง้ ประมาณ 6-7 ดอก แลว้ มวนเป็น บุหร่ีสูบ เพ่อื รักษาอาการหอบหืดได้ (ราก, ดอก) 8.ช่วยรักษาปอดพิการ (ราก) 9.ใชเ้ ป็นยาแกล้ ม (ดอก) 10.ใบใชม้ วนเป็นบุหร่ีสูบแทนฝ่ิ น เพื่อช่วยขยายหลอดลมและ รักษาอาการหอบหืดไดเ้ ช่นกนั (ใบ)

ดอกชบา ชื่อสามญั : Chinese rose ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Hibiscus rosa sinensis. ตระกลู : MALVACEAE ถ่ินกาํ เนิด :จีน อินเดียและฮาวาย ลกั ษณะทวั่ ไป ชบาในบา้ นเรารู้จกั กนั มานานแลว้ จะเห็นไดจ้ ากบา้ นคนสมยั ก่อนจะมีชบายอยู่ แทบทุกบา้ นปัจจุบนั ชบาไดร้ ับการผสมพนั ธุ์เพ่ือใหไ้ ดพ้ นั ธุใ์ หม่ออกมามากมาย ซ่ึงลว้ นแต่สวย ๆ งาม ๆท้งั น้นั ทาํ ใหไ้ ดด้ อกของชบาที่มีรูปร่างสวยงามสีสนั ของดอกสดใส ขบาน้นั จดั เป็นไมพ้ มุ่ ความสูงดดยทวั่ ไปประมาณ 2.50 เมตร ใบ มีสีเขียวเขม้ มนรี ปลายใบแหลม แต่ปัจจุบนั กย็ งั มีพนั ธุ์ แตกต่างออกไปอีก มากมาย

เฟ่ืองฟ้ า ช่ือสามญั : Paper flower[2], Bougainvillea[3] ช่ือวทิ ยาศาสตร์ :Bougainvillea glabra Choisy จดั อยใู่ นวงศ์ บานเยน็ (NYCTAGINACEAE) ชื่อทอ้ งถิ่น:ดอกต่างใบ (กรุงเทพฯ), ดอกกระดาษ ดอกโคม (ภาคเหนือ), ตรุษจีน (ภาคกลาง), เยจ่ ่ือฮวา จ่ือซานฮวา (จีนกลาง) เป็นตน้ สรรพคุณของเฟื่ องฟ้ า 1.ดอกเฟ่ื องฟ้ ามีสรรพคุณช่วยบาํ รุงหวั ใจและระบบขบั ถ่าย (บางขอ้ มลู ระบุ วา่ ดอกเฟ่ื องฟ้ ามีสรรพคุณช่วยบาํ รุงโลหิตและใชแ้ ทนเคร่ืองหอมไดด้ ว้ ย) (ดอก)[5] 2.ดอกเฟื่ องฟ้ า (สายพนั ธุ์ Bougainvillea glabra Choisy.) มีรส ขมฝาด เป็นยาสุขมุ ออกฤทธ์ิต่อตบั ใชเ้ ป็นยาแกป้ ระจาํ เดือนมาไม่เป็นปกติ ทาํ ใหเ้ ลือดไหลเวยี นไดด้ ี รักษาสตรีท่ีประจาํ เดือนไม่มาหรือมุตกิดตกขาว ของสตรี ดว้ ยการใชด้ อกท่ีเป็นยาแหง้ คร้ังละ 10-15 กรัมนาํ มาตม้ กบั น้าํ รับประทาน หรือจะใชร้ ่วมกบั ตวั ยาอื่น ๆ ในตาํ รับยาตามที่ตอ้ งการ (ดอก)[1] 3.เฟื่ องฟ้ าดอกขาว (Bougainvillea spectabilis Willd.) ใน ประเทศจีนจะไม่นิยมนาํ มาใชท้ าํ ยา แต่ในประเทศไทยจะมีการนาํ รากมาใช้ เป็นยาแกพ้ ษิ ต่าง ๆ (ราก)

อินทนิลบก ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Lagerstroemia macrocarpa var macrocarpa ช่ือวงศ์ : LYTHRACEAE ชื่อสามญั : Inthanin bok ชื่อท้องถ่ิน : อนิ ทนิลบก (กลาง) ; กากะเลา (อบุ ลราชธานี) ; กาเสลา (ตะวนั ออกเฉียงเหนือ) ; จ้อล่อ , จะลอ่ , จะล่อหกู วาง (เหนือ) ; ปะหนา่ ฮอ , ซีมงุ (แม่ฮ่องสอน) สรรพคณุ ทางยา 1.เปลือก รสฝาดขม แก้ไข้ แก้ท้องเสีย 2. ใบ รสจืดขมฝาดเยน็ ต้มหรือชงนา้ ร้อนด่ืม แก้โรคเบาหวาน ขบั ปัสสาวะ เป็นยาลดความดนั 3.เมลด็ รสขม แก้โรคเบาหวาน แก้นอนไมห่ ลบั 4.แก่น รสขม ต้มดื่มแก้โรคเก่ียวกบั ทางเดนิ ปัสสาวะ แก้ปัสสาวะ พกิ าร แก้โรคเบาหวาน 5.ราก รสขม แก้แผลในปาก ในคอ เป็นยาสมานท้อง

แคฝร่ัง ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Gliricidia sepium (Jacq.) Kunth ex Walp. ช่ือสามญั :Mata Raton ในฮอนดรู ัสเรียก Cacao de nance หรือ cacahnanance ในฟิลิปปินส์เรียก Kakawate ในกวั เตมาลาเรียก Madre Cacao หรือ Madre de Cacao ในนิคารากวั เรียก Madero negro เป็นพชื ตระกลู ถว่ั ท่ีมีเนือ้ ไม้ขนาดกลาง เป็นพืชที่ใช้ประโยชน์ได้ หลากหลาย ในประเทศไทย การใชป้ ระโยชน์ พชื ชนิดน้ีใชป้ ระโยชนไ์ ดห้ ลากหลาย เช่น ปลูกเป็นร้ัว อาหารสตั ว์ ใหร้ ่มเงา เช้ือเพลิง ป๋ ุยอินทรีย์ และยาฆ่าหนู แคฝร่ังใชเ้ ป็นยาและป้ องกนั แมลง ในฟิ ลิปปิ นส์สาร สกดั จากใบใชก้ าํ จดั ปรสิตภายนอก แคฝรั่งเติบโตไดด้ ีในดินคุณภาพต่าํ จึงใชป้ ลกู ทดแทน ป่ าที่ถูกทาํ ลายได้ จดั เป็นวชั พืชในจาเมกา ใชป้ ลกู เพ่อื ป้ องกนั การพงั ทลายของหนา้ ดิน แคฝร่ังกาํ ลงั เป็นพชื บาํ รุงดินที่นิยมปลูกในแอฟริกา สามารถตรึง ไนโตรเจนได้ จึงเพิ่มผลผลิตโดยไม่ตอ้ งใส่ป๋ ุย

โป๊ ยเซยี น ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Euphorbia milli) เป็นหน่ึงในไมม้ งคล จดั อยใู่ นวงศ์ Euphorbiaceae อยใู่ นสกลุ Euphorbia ซ่ึงเป็นสกลุ เดียวกบั พืชหลายชนิด เช่น ตน้ คริสตม์ าส และสม้ เชา้ โป๊ ยเซียน (八仙) มาจากภาษาจีน แปลวา่ เทพยดาท้งั 8 องค์ ไดแ้ ก่ เซียนทิก๋วยล้ี เซียนฮน่ั จงหลี เซียนลือท่งปิ น เซียนเจียงกวั๋ เลา้ เซียนหลนั ไฉ่เหอ เซียนฮ่อเซียนโกว เซียนหนั เซียงจือ เซียนเชาก๊กกู๋ เช่ือกนั วา่ ถา้ บา้ นใดมีดอกโป๊ ยเซียนครบ 8 ดอก จะนาํ ความโชคดีมาใหแ้ ก่บา้ นของผนู้ ้นั ลกั ษณะโดยทว่ั ไป ใบยาวรี ปลายใบจะแหลม ออกดอกเป็นกลมุ่ ๆ แต่ละดอกจะมกี ลีบอย่ตู รงข้ามกนั ดอก โป๊ ยเซียนมีหลายสี เช่น แดง เหลอื ง ชมพู ส้ม ขาว เป็นต้น ดอกโป๊ ยเซียนจะออกดอกทงั ้ ปี แต่ ออกมากในหน้าหนาว และดอกจะทนมาก ลา ต้นมหี นามแหลม และแข็งคล้ายกระบองเพชร

ต้นลลี าวดี ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Plumeria spp. ชื่อวงศ์ :APOCYMACEAE ชื่ออื่น :ลน่ั ทมแดง ลนั่ ทมเหลือง ลีลาวดี ถ่ินกาํ เนิด :เมก็ ซิโก อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ลกั ษณะทวั่ ไป:ไมต้ น้ ขนาดเลก็ สูง 3-8 ม. ขนาดทรงพุม่ 6-8 ม. ผลดั ใบ ทรงพ่มุ รูปไข่ หรือรูปร่ม แผก่ วา้ ง โปร่ง ลาํ ตน้ และกิ่งอวบน้าํ เปลือกตน้ สีน้าํ ตาลปนเทา เรียบ ทุกส่วนมีน้าํ ยางสีขาว การใชป้ ระโยชน์ แต่ก่อนไม่ปลกู ตามบา้ น เพราะถือวา่ มีชื่อพอ้ ง กบั คาํ อปั มงคล แต่ปัจจุบนั นาํ มาปลกู เป็นไมป้ ระดบั เน่ืองจากตน้ ทรงสวย และดอกมีสีสนั สวยงาม และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ปลูกไว้ ตกแต่งสวน หยอ่ ม หรือสวนตามบา้ น

กระดมุ ทอง ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Wedelia trilobata (L) Hitch ช่ือวงศ์ : ASTERACEAE ชื่อพนื ้ เมืองอ่ืนๆ : เบญจมาศเครือ กระดมุ ทอง กระดมุ ทองเลือ้ ย ถ่ินกาเนดิ : อเมริกาใต้ การใชป้ ระโยชน์ : ปลกู เป็นไมป้ ระดบั อาคารและสวนหยอ่ ม ปลกู คลุมดินที่ลาดเอียงหรือริมสระน้าํ ธรรมชาติเพ่ือป้ องกนั การพงั ทลาย ของดิน

จามจรุ ี ชื่อพ้นื เมือง :จามจุรี กา้ มปู ฉาํ ฉา ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Samanea saman (Jacq.) Merr. ช่ือวงศ์ : LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE ช่ือสามญั : Rain Tree, East Indian Walnut, Monkey Pod ประโยชน์ :เป็นแม่ไมท้ ่ีใชเ้ ล้ียงคร่ัง เน้ือไมเ้ ป็นวตั ถุดิบ ในอุตสาหกรรมแกะสลกั ไมภ้ าคเหนือ ใบและฝักเป็น อาหารสตั ว์ เน่ืองจากเป็นพืชตระกลู ถว่ั จึงมีคุณสมบตั ิ ในการปรับปรุงคุณภาพของดินใหด้ ีข้ึน และยงั เป็นไม้ ประดบั ยนื ตน้

ดอกเข็ม ช่ือวงศ์: RUBIACEAE ลกั ษณะทวั่ ไปทางพนั ธศุ าสตร์เข็ม ต้นเขม็ เดมิ เป็นพรรณไม้พนื ้ เมืองของอเมริกาใต้ จดั วา่ เป็นไม้ พมุ่ ซงึ่ มีความสงู 1-3 เมตร เขม็ หอม หรือเขม็ ขาวมีสาต้นขนาดเลก็ แตกก่ิงใกล้ผิวดินจานวนมาก เราจงึ พบว่าเขม็ หอมมกั อยกู่ นั เป็นพมุ่ แน่น โดยแตล่ ะต้นมีเส้นผา่ ศนู ย์กลางของลาต้น 1-2 เซนตเิ มตร เปลือกสีดา หรือมว่ งเข้ม ใบเป็นใบเดี่ยวรูปรีแกมขอบขนาน เรียงตรงข้าม หน้าใบมนั สีเขียวเข้ม หลงั ใบสีออ่ นกวา่ และเหน็ เส้นใบชดั เจน ในส่วนของช่อดอก จะมีสีขาว ออกที่ปลายยอด มีเส้นผา่ ศนู ย์กลางช่อดอก 8-18 เซนติเมตร มีดอกย่อยจานวนมาก ดอกย่อยมีกลีบเลีย้ งสีเขียวรูปถ้วย ปลายแยก เป็นกลีบ โคนกลีบดอกเช่ือมติดกนั เป็นหลอดเล็ก ๆ ยาว 2.5-3 เซนตเิ มตรปลายหลอดมีกลีบแยกจากกนั เป็น 4 กลีบ แตล่ ะกลีบรูปไข่ กว้าง 0.3 เซนติเมตร ยาว 0.6 เซนตเิ มตร เมื่อดอกบานมีเส้น ผ่า ศนู ย์กลาง 1.2-2 เซนตเิ มตร ดอกยอ่ ยภายในชอ่ ดอกเดียวกนั บานใน เวลาใกล้เคียงกนั ดอกที่บานใหม่ ๆ จะมีสีขาว บริสทุ ธ์ิ เมื่อใกล้โรยจะ เปลี่ยนเป็นสีคลา้ ดอกมีกล่ินหอม และออกดอกตลอดปี

พญาสตั บรรณ พญาสตั บรรณ หรือ สตั บรรณ หรือ ตีนเป็ด ชื่อวิทยาศาสตร์: Alstonia scholaris เป็นไมย้ นื ตน้ ขนาด ใหญ่มีความสูงประมาณ 12-20 เมตร อยใู่ นวงศ์ Apocynaceae มีถ่ินด้งั เดิมในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ และ พบไดท้ ุกภาคในประเทศไทย [2] และเป็นตน้ ไมป้ ระจาํ จงั หวดั สมุทรสาคร การใชป้ ระโยชน์ ในเอเชียใตแ้ ละเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตใ้ ชเ้ ปลือกตน้ พญาสตั บรรณรักษาโรคบิด ลาํ ไส้ติดเช้ือ และมาลาเรีย ใบใชใ้ นการรักษาโรคระบบทางเดินหายใจเร้ือรัง ใน ประเทศอินเดียมีการนาํ ส่วนต่างๆ ของตน้ พญาสัตบรรณมาใชเ้ ป็นพชื สมุนไพรเช่นใชเ้ ป็นยา สมุนไพรรักษาโรคมาลาเรียในช่ือ Ayush-64 ซ่ึงมี ขายตามทอ้ งตลาด นาํ ยางสีขาวและใบรักษาแผล แผล เปื่ อย และอาการปวดขอ้ นอกจากน้ี ตน้ พญาสตั บรรณ ยงั เป็นแหล่งของสารอลั คาลอยดท์ ่ีสาคญั [2] ใน บอร์เนียว นาํ เน้ือไมไ้ ปทาํ ทุ่นของแหและอวน พญาสัตบรรณเป็นพืชท่ีมีฤทธ์ิทางอลั ลีโลพาที สาร สกดั จากใบสามารถยบั ย้งั การเจริญของคะนา้ ได[้ 4] สารสกดั จากเปลือกลาํ ตน้ สามารถยบั ย้งั การเจริญของ ขา้ ว ขา้ วโพด คะนา้ ถวั่ เขียวผวิ ดาํ ถวั่ เขียวผวิ มนั ได[้ 5]

น.ส.จิราภรณ์ ลุงหร่ัง เลขที่34 ช้นั ม.5/1 น.ส.อภิชญา พานแกว้ เลขท่ี37 ช้นั ม.5/1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook