TO BE NUMBER ONE จานวนมาก เปน็ เดก็ วยั รนุ่ ท่ัวๆไป ท่ีมาเขา้ รว่ มกิจกรรมต่างๆ ดว้ ยการที่เด็กท่ัวไปและเด็กกลุ่มเส่ียง (ซึ่งเราไม่รู้ แน่ชัดว่าคนไหนบ้าง) มาร่วมกิจกรรมในโครงการด้วยกัน ถือเป็นความสาเร็จสูงสุด เพราะทาให้เกิด การโนม้ นากนั ในหม่สู มาชิก เดก็ ทไี่ ม่มีเพอื่ น ข้ีอาย ไมก่ ล้าแสดงออก เรียนออ่ น ขาดโอกาส ไม่เคยเขา้ สงั คม EQ ตา่ ก็จะมีการเรียนรู้ มีเพื่อน และมีสังคม ช่วยให้สามารถปรับตัว และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ด้วยความม่ันใจ สนุก และ มีความสุข 1.1 วัตถปุ ระสงค์ 1.1.1 เพอ่ื สร้างกระแสนิยมในกลุ่มเยาวชนไม่ยุ่งเกีย่ วกบั ยาเสพตดิ 1.1.2 เพื่อสนบั สนนุ ให้เยาวชนและชมุ ชนได้จัดกจิ กรรมสรา้ งสรรค์ โดยการสนับสนนุ ของสงั คม 1.1.3 เพื่อสรา้ งความเข้าใจและยอมรับผ้มู ปี ัญหายาเสพติด และใหโ้ อกาสกลบั มาเป็นส่วนหนึง่ ของ สังคม 1.1.4 เพื่อเผยแพร่ความรูเ้ กย่ี วกบั การป้องกนั สารเสพติดในกลมุ่ เยาวชนและประชาชนทัว่ ไป 1.2 รปู แบบกำรดำเนินกำร ใช้การรณรงค์และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อและกิจกรรม โดยเฉพาะกิจกรรมด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ และอ่ืนๆท่ีวัยรุ่นและเยาวชนช่ืนชอบและให้ความสนใจ ท้ังน้ีเพ่ือให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักซ่ึงเป็นวัยรุ่นและ เยาวชนได้งา่ ย 1.2.1 การรณรงค์โดยการประชาสัมพนั ธผ์ ่านส่ือ 1.2.1.1 สื่อวทิ ยุโทรทศั น์ ส่ือสังคมออนไลน์ (Social media) 1.2.1.2 สื่อส่ิงพมิ พ์ สื่อหนังสอื พิมพ์ แผ่นพบั โปสเตอร์ ประกาศ ป้ายไวนลิ 1.2.1.3 สอื่ นิทรรศการ เมอื่ ออกกจิ กรรมรณรงค์ตา่ งๆ 1.2.1.4 สื่อCD VCD DVD และ VDO 1.2.1.5 สอ่ื สญั ลักษณ์ ได้แก่ เขม็ TO BE NUMBER ONE นิตยสาร TO BE NUMBER ONE นิตยสาร TO BE NUMBER ONEIDOL เพลง TO BE NUMBER ONE สายรัดขอ้ มอื TO BE NUMBER ONE ฯลฯ
1.2.1.6 ผลิตภณั ฑข์ องโครงการ เชน่ เสื้อ กระเป๋า ถงุ เท้า รองเทา้ อุปกรณเ์ ครื่องเขยี น 1.2.2 การรณรงคโ์ ดยการจดั กจิ กรรม 1.2.2.1 องค์ประธานโครงการเสด็จเย่ียมติดตามผลการดาเนินงาน โครงการเสด็จเปิดชมรม และศนู ย์เพอ่ื นใจ TO BE NUMBER ONE ในจงั หวัดภูมภิ าค และเขตกรงุ เทพมหานคร 1.2.2.2 จัดต้ังชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา สถานประกอบการ และชุมชน ทั่วประเทศ เพอ่ื ใหด้ าเนินกิจกรรมตลอดปี 1.2.2.3 จั ด ก า ร แ ข่ ง ขั น TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE CHAMPIONSHIP ประจาทกุ ปี 1.2.2.4 จัดประกวดผลงานในโครงการ TO BE NUMBER ONE ระดับจังหวดั ระดบั ภาค และ ระดับประเทศ 1.2.2.5 จดั งานมหกรรมรวมพล TO BE NUMBER ONE 1.2.2.6 จดั ประกวดเยาวชนต้นแบบเกง่ และดี TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE IDOL) ประจาทุกปี 1.2.2.7 จัดนทิ รรศการ คอนเสริ ต์ และกจิ กรรมอ่นื ๆ เนือ่ งในโอกาสพิเศษต่างๆ 1.2.2.8 จัดประกวดกิจกรรมสรา้ งสรรค์ และพัฒนา EQ สาหรบั กลมุ่ วยั ร่นุ และเยาวชน 1.3 ตัวอย่ำงกิจกรรมสรำ้ งกระแสในยุทธศำสตรท์ ่ี 1 1.3.1 การรับสมัครสมาชิกชมรม จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการ/ประชาสัมพันธ์ชมรมและรับสมัครสมาชิกผ่านกิจกรรม เสยี งตามสายโรงเรียน/ชุมชน ผ่านผ้บู ริหาร ผนู้ าชมุ ชน การใชข้ บวนรถแห่ป้ายประชาสัมพนั ธ์ในชุมชน ตามบริบท ของแต่ละชมรม โดยเปิดโอกาสให้นกั ศึกษาทุกคนสมัครเปน็ สมาชิก เพื่อร่วมกจิ กรรมของชมรม ด้วยความสมัครใจ เพือ่ รณรงคต์ อ่ ตา้ นยาเสพตดิ โดยสามารถยื่นใบสมัครสมาชิกชมรมไดท้ ่ีคณะกรรมการชมรม 1.3.2 ประชาสมั พนั ธช์ มรม จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ชมรม TO BE NUMBER ONE ให้สมาชิกและบุคคลท่ัวไปทราบ เพื่อสร้างกระแสผ่านส่ือ Social network โดยจัดต้ังกลุ่ม Line, Facebook เพ่ือใช้เป็นช่องทางการสื่อสาร สรา้ งกระแส/การสอื่ สาร/การเผยแพรค่ วามเคลือ่ นไหว เพ่ือประชาสมั พันธ์ชมรมสู่สมาชกิ และเครือขา่ ย เชน่ 1.3.2.1 โครงการสาระดีๆ จากเดก็ TO BE NUMBER ONE เป็นการจดั รายการเสยี งตามสาย แจ้งข่าวสารความเคลื่อนไหวของชมรมสอดแทรกความรู้เร่ืองยาเสพติด โดยอาจใช้เวลาช่วงพักเที่ยงหรือช่ัวโมง กิจกรรม 1.3.2.2 โครงการผลิตแผ่นพับ TO BE NUMBER ONE เป็นการสร้างกระแสของชมรม ผ่านแผ่นพับประชาสัมพนั ธก์ ารใหค้ วามรขู้ ้อมลู ข่าวสารตามโอกาสตา่ งๆ
1.3.3 จดั กจิ กรรมดนตรี กีฬา การประกวดกิจกรรมสรา้ งสรรค์ตา่ งๆ จัดกิจกรรมประกวดความสามารถด้านดนตรี กีฬา กิจกรรมสร้างสรรคเ์ พ่ือให้สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ได้มีโอกาสแสดงความสามารถของตนเองในทางท่ีสร้างสรรค์ เป็นการจุดประกายให้เกิด การพัฒนาทกั ษะความสามารถและความกลา้ แสดงออก ตลอดจนการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ 1.3.3.1 กิจกรรมประกวดวงดนตรีลูกทุ่ง TO BE NUMBER ONE สู่ฝันเด็กไทย เป็นการ จัดประกวดวงดนตรีลูกทุ่งของสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE โดยให้สมาชิกคัดเลือกสมาชิกที่มีทักษะ ความสามารถมารวมตัวกนั ต้งั วงดนตรลี ูกทุ่ง เพือ่ ส่งเขา้ รว่ มประกวดในโอกาสตา่ งๆ ทีเ่ หมาะสม 1.3.3.2 กิจกรรมประกวดวาดภาพ TO BE NUMBER ONE เป็นหน่ึงโดยไม่พ่ึงยาเสพติด โดยเปิดรับสมัครสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ที่จะเข้าร่วมประกวดวาดภาพ ภายใต้หัวข้อเก่ียวกับการ ดาเนินงาน TO BE NUMBER ONE โดยจัดให้มีการมอบโล่รางวัล และเงินรางวัลให้แก่ผู้ชนะ พร้อมทั้งนาเสนอ ผลงานภาพวาดท่ชี นะในกจิ กรรมประกวดวาดภาพเพื่อสร้างความภาคภมู ใิ จ 1.3.4 การตรวจหาสารเสพติด จัดกิจกรรมคัดกรองตรวจหาสารเสพติดผู้เรียน เพื่อคัดกรอง หากลุ่มเสี่ยงที่เสพยาเสพติด โดยสถานศกึ ษาประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานทีม่ ีหน้าท่ีรับผิดชอบมาชว่ ยดาเนินการในส่วนของการตรวจ ปัสสาวะหาสารเสพติด และดาเนนิ การแก้ไขตามขั้นตอน เพือ่ รณรงคป์ อ้ งกนั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ การตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย จะใช้การตรวจจากตัวอย่างปัสสาวะ ซ่ึงจะได้ผลดีที่สุด และเปน็ ท่ียอมรับในกระบวนการยุติธรรมในระดับสากล เพราะเมอ่ื เขา้ ส่รู ่างกายโดยการกิน ฉีด สูบ หรือสดู ดมควันยา และสารเสพติดเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด หลังจากนั้นประมาณ 2–3 ชั่วโมง ร่างกายจะขับสารเสพติด ออกทางปสั สาวะ ซ่ึงมีความเขม้ ข้นมากพอทาให้ตรวจพบไดง้ ่ายและถกู ต้อง (Thaiheath ออนไลน์,2562) 1.3.4.1 กิจกรรมตรวจหาสารเสพติดในวนั เปิดเทอมโดยจัดกิจกรรมการตรวจหาสารเสพติด ในวันเปิดเทอมวันแรก โดยดาเนินการตรวจหาสารเสพติดผู้เรียนทุกคน เพ่ือคัดกรองกลุ่มเส่ียง และหากพบผู้เสพ สถานศึกษาจะดาเนินการช่วยเหลือด้วยการ ส่งผู้เสพเข้าสู่ระบบการบาบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดให้กลับตัวกลับใจ เลกิ ยุง่ เกย่ี วกับยาเสพติด 1.3.4.2 กจิ กรรมตรวจหาสารเสพติดในระหว่างเปิดเรียน กิจกรรมนจ้ี ะจัดโดยไม่ระบุช่วง วนั เวลา ที่แน่นอน ผู้เรียนจะไม่ทราบล่วงหนา้ ว่าจะมีการตรวจคัดกรองหาสารเสพติด ซ่ึงกิจกรรมนี้จะทาให้ได้ผลใกล้เคียง ความจรงิ และเป็นประโยชน์ในการดาเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศกึ ษา
1.3.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมในวนั สาคญั ตา่ งๆ รว่ มกับภาครัฐ/เอกชน 1.3.5.1 จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหร่ีโลกในวันท่ี 31 พฤษภาคมของทุกปี โดยจัดกจิ กรรมดังนี้ ทาปา้ ยคาขวญั วันงดสูบบุหรี่/ประกวดบอรด์ รณรงค์จัดรายการเสยี งตามสายป้ายไวนิลรณรงค์ วนั งดสูบบุหรโี่ ลก การแสดงละครตา้ นภัยบหุ รี่ ประกวดเรียงความยาเสพติด ทาแผน่ พับความรปู้ ระชาสัมพันธ์ ฯลฯ 1.3.5.2 กิจกรรมเน่อื งในวนั ต่อต้านยาเสพติดสากลในวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี แนวทาง โดยจัดกิจกรรมดังนี้ ทาป้ายคาขวัญต่อต้านยาเสพติด/ประกวดบอร์ดรณรงค์/จัดรายการเสียงตามสาย/ป้ายไวนลิ รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด/การแสดงละครรณรงค์แก้ปัญหายาเสพติด/ประกวดเรียงความยาเสพติด/ ทาแผ่นพับ ความร้ปู ระชาสัมพันธ์ ฯลฯ 1.3.6 จัดแขง่ ขนั กีฬาภายใน และหรือกบั หน่วยงานภาครฐั เอกชน และชุมชน จัดแข่งขันกีฬาต้านภัยยาเสพติดประจาทุกปีเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงด้านรา่ งกายและ ความเข้มแข็งด้านจิตใจให้กบั ผู้เรยี น ได้พัฒนาความสามารถของตนเองในด้านกีฬา การออกกาลังกาย ใช้เวลาว่าง ให้เกิดประโยชน์ โดยไม่ย่งุ เกี่ยวกับยาเสพติด นอกจากนี้การจัดกิจกรรมแขง่ ขันกฬี าเปน็ การสร้างมิตรภาพ ความรกั ความสามคั คี การรแู้ พ้รชู้ นะ มีน้าใจนักกฬี า 1.3.6.1 โครงการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดกิจกรรมนี้เป็นการจัดแข่งขันกีฬาสากล ให้ครอบคลุมทุกประเภท เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความสามารถด้านกีฬา และส่งเสริมการออกกาลังกาย ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านจิตใจเพ่ือสร้างให้มีภูมิคุ้มกันปัญหายาเสพติด และปัญหาอน่ื ๆ 1.3.6.2 โครงการแข่งขันกีฬาพ้ืนบ้าน สืบสานวัฒนธรรม กิจกรรมน้ีเป็นการจัดแข่งขัน กีฬาพ้ืนบ้าน เพ่ือสร้างความสนุกสนาน และสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการรณรงค์แก้ปัญหายาเสพติด โดยจะเน้น ประเภทกฬี าท่มี ีความสนกุ สนานบนั เทงิ และเสริมสร้างความรว่ มมือร่วมใจในการแขง่ ขัน 1.3.7 สนบั สนุนทนุ การศึกษา อปุ กรณ์ แกส่ ถานศึกษาและชุมชน จดั กิจกรรมมอบทุนการศกึ ษา อปุ กรณ์การศึกษาให้กับสมาชิก TO BE NUMBER ONE ที่มีความประพฤตดิ ี ไม่ยงุ่ เก่ียวกับยาเสพติด และรว่ มกจิ กรรมของชมรม TO BE NUMBER ONE แตม่ ีฐานะยากจน โดยชมรมจะดาเนินการจัดหาทุนจากผู้มีจิตศรัทธา เพ่ือมอบให้สมาชิกท่ีได้รับมอบ พร้อมทั้งติดตามผลที่เกิดจาก การรับมอบทุน เพอ่ื ประเมินผลโครงการ 1.3.8 รว่ มกบั ชมุ ชนในการดูแลสิง่ แวดลอ้ ม กิจกรรมการอนุรกั ษ์ส่ิงแวดล้อม เป็นการส่งเสริมให้สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE จัดหรือเข้าร่วมกับชุมชนเพื่ออนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม โดยการให้สมาชิกชมรมฯ ประสานของบสนับสนุนจากชมรมฯ/ หรอื จากหน่วยงานอนื่ ๆ เพือ่ ดาเนนิ กิจกรรมอนรุ ักษส์ งิ่ แวดลอ้ มท่ีเปน็ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวมและเกิดความภาคภูมใิ จ
1.3.8.1 กิจกรรม “รักษ์โลก กับTO BE NUMBER ONE” โดยให้สมาชิกชมรมร่วมกันทา กิจกรรมอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมในชุมชนของตนเอง ซึ่งจะช่วยสร้างความรักความสามัคคีให้กับสมาชิก เปิดโอกาส เรยี นรู้การทางานรว่ มกนั การทากจิ กรรมสรา้ งสรรคเ์ พ่อื ประโยชน์ของส่วนรวม 1.3.8.2 กิจกรรมประกวดคาขวัญ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเปิดรับสมัครสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ท่ีสนใจเข้าร่วมประกวดคาขวญั ภายใต้หัวข้อการอนรุ ักษ์สิ่งแวดล้อม โดยจัดให้มีการมอบ โล่รางวลั และเงินรางวัลใหก้ ับผ้ชู นะ พร้อมทั้งเผยแพร่ผลงานที่ชนะการประกวด เพ่ือสรา้ งความภาคภูมใิ จ กจิ กรรมทำ้ ยเรือ่ งท่ี 1 ยุทธศำสตรท์ ่ี 1 กำรรณรงคป์ ลูกจิตสำนกึ และสร้ำงกระแสนยิ มท่ีเออื้ ตอ่ กำรป้องกนั และ แกไ้ ขปญั หำยำเสพติด (ให้ผเู้ รียนทากจิ กรรมทา้ ยเรื่องท่ี 1 ในสมดุ บันทึกกิจกรรมการเรยี นร้ปู ระกอบชดุ วิชา) เรื่องที่ 2 ยุทธศำสตรท์ ่ี 2 กำรเสริมสรำ้ งภมู ิคมุ้ กนั ทำงจิตใจให้แกเ่ ยำวชน โครงการ TO BE NUMBER ONE ได้กาหนดยุทธศาสตร์การเสริมสร้างภูมิคุ้มกนั ทางจิตใจให้แก่เยาวชน โดยการถ่ายทอดความรู้และฝึกทักษะให้แก่แกนนาเยาวชนท้ังในและนอกสถานศึกษา เพื่อให้สามารถจัดกิจกรรม พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ให้แก่เพ่ือนเยาวชน และสมาชกิ ชมรม TO BE NUMBER ONE ใหม้ ีสุขภาพจิต ทด่ี ีมีจติ ใจทเ่ี ขม้ แข็ง อันจะเปน็ การป้องกันปญั หายาเสพติดในอนาคต 2.1 วัตถุประสงค์ 2.1.1 เพอ่ื ถ่ายทอดความรู้ และฝึกทักษะการพฒั นาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ใหแ้ กแ่ กนนา เยาวชน ทั้งในและนอกสถานศึกษา 2.1.2 เพ่ือให้แกนนาเยาวชน สามารถจัดกิจกรรมพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ให้แก่เพ่ือน สมาชกิ 2.1.3 เพื่อให้สมาชกิ TO BE NUMBER ONE มีสขุ ภาพจติ ที่ดี มีจติ ใจท่ีเข้มแข็ง ปลอดภัยจากปัญหา ยาเสพตดิ 2.2 รปู แบบกำรดำเนินงำน รูปแบบการดาเนินงานตามยุทธศาสตร์ที่ 2 การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน ดาเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การจัดกิจกรรมเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน และการจัดต้ัง ศูนยเ์ พือ่ นใจ TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE FRIENDCORNER) โดยมรี ายละเอยี ดดงั นี้ 2.2.1 การจดั กิจกรรมเสริมสรา้ งภมู คิ มุ้ กันทางจิตใจให้แก่เยาวชนโดยมวี ัตถุประสงค์ ดังน้ี 2.2.1.1 เพ่ือให้แกนนาเยาวชนสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ให้แก่เพ่ือนเยาวชนซ่งึ จะชว่ ยปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หายาเสพติดในอนาคต
2.2.1.2 เพ่ือใหแ้ กนนาเยาวชนสามารถจดั กิจกรรมพฒั นาความฉลาดทางอารมณ์ ให้แก่ เพอื่ นเยาวชนได้อยา่ งเหมาะสม 2.2.1.3 เพ่ือใหแ้ กนนาเยาวชนได้รบั การเสริมสร้างทกั ษะในการชว่ ยเหลอื เพ่ือนเยาวชน ให้มกี าลงั ใจท่ีเขม้ แข็งสามารถดแู ลตัวเองให้ปลอดภัยจากยาเสพติด 2.2.1.4 เพ่ือพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่สมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE วธิ ีดำเนนิ กำรจดั กิจกรรมเสริมสรำ้ งภมู คิ มุ้ กนั ทำงจติ ใจใหแ้ ก่เยำวชน ดงั นี้ 1) จดั คา่ ยพฒั นาแกนนาอาสาสมัคร TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE CAMP FOR LEADERS) สาหรบั แกนนาอาสาสมัครในชมรม TO BE NUMBER ONE และศนู ย์เพอ่ื นใจTO BE NUMBER ONE 2) จัดค่ายพัฒนาสมาชิก TO BE NUMBER ONE สู่ความเป็นหน่ึง (TO BE NUMBER ONE CAMP FOR MEMBERS) สาหรับสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE และศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ในสถานศกึ ษาในชมุ ชนท่วั ประเทศ ทั้งในกรุงเทพมหานครและจงั หวัดภมู ภิ าคโดยองคป์ ระธานเสด็จทรงปดิ คา่ ยและ พระราชทานเกยี รตบิ ตั ร 3) ผลติ และพัฒนาเทคโนโลยกี ารเสรมิ สร้างภมู คิ ้มุ กนั ทางจติ ใจใหแ้ ก่เยาวชน 4) สนบั สนนุ องค์ความรแู้ ละส่อื ในการจัดกจิ กรรมเสรมิ สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ทางจิตใจใหแ้ ก่เยาวชน 2.2.2 การจัดตั้งศนู ย์เพ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE FRIEND CORNER) การตัง้ จดั ศนู ย์เพอ่ื นใจ TO BE NUMBER ONE เปน็ กจิ กรรมหนึ่งของชมรม TO BE NUMBER ONE ซึ่งแกนนาอาสาสมัคร(เยาวชน) ประจาศูนย์จะเป็นผู้บริหารจัดการจัดกิจกรรมและให้บริการต่างๆภายใน ศูนย์ฯเป็นกิจกรรมซ่ึงจัดบริการให้กับสมาชิก TO BE NUMBER ONE ท่ีเข้ามาในศูนย์ฯเท่านั้น หากกิจกรรมใดก็ ตามท่ีจดั ขึ้นนอกศนู ย์ฯ จะดาเนนิ การโดยชมรม TO BE NUMBER ONE ซ่ึงบริหารจดั การโดยคณะกรรมการชมรม (ดรู ายละเอียดในการจดั ตง้ั ศนู ย์เพ่อื นใจ TO BE NUMBER ONE) 2.2.2.1 วตั ถปุ ระสงค์การจัดต้งั ศนู ย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE FRIEND CORNER) 1) เพื่อให้เยาวชนที่มีปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือได้รับคาปรึกษาแนะนาท่ีถูกต้อง เหมาะสมจากผเู้ ชี่ยวชาญหรอื เพอื่ นอาสาสมัครทีผ่ ่านการอบรม 2) เพ่ือให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ และเพ่ิมพูนทักษะจากการฝึกแก้ปัญหา และพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ท้ังดว้ ยตนเองและจากกลมุ่ เพือ่ นวัยเดียวกัน 3) เพ่ือให้เยาวชนได้มีโอกาสใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยเข้าร่วมกิจกรรม ท่ีสร้างสรรค์และเสรมิ สรา้ งความสุขให้กบั ตนเอง ดว้ ยการฝึกทักษะด้านดนตรี กีฬา ศลิ ปะ ฯลฯ จากผู้เชยี่ วชาญ 4) เพื่อให้โอกาสแก่เยาวชนได้มีสถานที่ๆ เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย
ในการทากิจกรรมทสี่ นใจร่วมกนั 5) เพ่ือให้เยาวชนกลุ่มหน่ึงที่มีความสามารถ เข้ารับการอบรมเป็นอาสาสมัครให้ คาปรึกษาเพื่อนช่วยเพ่อื น 2.2.2.2 วิธีดาเนินการการจดั ต้งั ศนู ย์เพ่อื นใจ TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE FRIEND CORNER) 1) จัดตั้งศูนย์เพอ่ื นใจ TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา 2) จัดตัง้ ศนู ย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ในสถานประกอบการ 3) จัดตั้งศูนย์เพ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE ในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและ เยาวชน และศูนย์ฝึกอบรมในสังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ทัณฑสถานและเรือนจาในสังกัดกรม ราชทัณฑ์และสานักงานคมุ ประพฤตจิ งั หวดั ในสงั กดั กรมคมุ ประพฤติ 4) จัดต้ังศูนย์เพ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE ในศูนย์การค้า (เฉพาะเมืองใหญ่ท่ีมีสถานที่ เหมาะสม) เช่น ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ในศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ซีคอนสแควร์ฟิวเจอร์พารค์ รังสติ และเดอะมอลล์บางแค ซึง่ ทง้ั 4 แห่ง กรมสุขภาพจติ เปน็ ผรู้ บั ผิดชอบดาเนนิ งานโดยจัดหาแกนนาอาสาสมัคร มาเป็นผู้บริหารจัดการสนับสนุน เป็นผู้ผลิตและพัฒนาสื่อเทคโนโลยีในการจัดตั้งและดาเนินงานศูนย์เพ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE รวมท้ังสนบั สนุนวิทยากร องค์ความรู้ ตลอดจนคมู่ ือและส่ือที่เกย่ี วขอ้ งทุกประเภท 2.3 ตวั อยำ่ งกิจกรรมกำรสร้ำงควำมคุ้มกันทำงจิตใจ ในยุทธศำสตร์ท่ี 2 เช่น 2.3.1 การจัดต้งั ศูนยเ์ พื่อนใจ TO BE NUMBER ONE กิจกรรมท่ี 1 ศูนยส์ หายคลายทกุ ข์สรา้ งสุขสร้างรอยย้ิม บริการให้คาปรกึ ษาแกส่ มาชิกชมรม หรือเยาวชนอื่น ๆ ท่ีมปี ัญหาโดยคณะกรรมการทผ่ี า่ นการอบรมการให้คาปรึกษาเบื้องต้น กิจกรรมท่ี 2 สหาย TO BE NUMBER ONE ปรับทุกข์ สร้างสุขสร้างรอยยิ้ม สร้างเสริม ภูมิคุ้มกันทางจิตให้กับสมาชิกในชุมชนแนวคิด เป็นกิจกรรมสร้างเสริมภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้กับเยาวชนภายใต้ หลักการ คลายทุกข์ สร้างสุขแก้ปัญหา พัฒนา(EQ) เป็นกิจกรรมในศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่นหรือศูนย์สหาย TO BE NUMBER ONE คลายทุกข์ สร้างสขุ สรา้ งรอยยิม้ ของชมรม โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เยาวชนได้มีโอกาสและสถานที่ในการคลายทุกข์ สร้างสุขแก้ปัญหา พัฒนาอีควิ และบริการคลายทุกข์ ผูกมิตร กิจกรรมดำเนนิ งำนของชมรม 1) บริการให้คาปรึกษาแก่สมาชิกชมรมหรือเยาวชนอนื่ ๆ ที่มีปัญหา โดยผู้ให้คาปรึกษาทุกคน ผ่านการอบรม การให้คาปรึกษาเบ้ืองต้นมาแล้ว 3 ครั้ง และฟื้นฟูปีละ 1 คร้ัง ตารางเวลาปฏิบัติงาน 17.00-20.00 น ผใู้ หค้ าปรกึ ษาวันละ 3 คน บริการให้คาปรึกษาท้ังรายกลมุ่ และรายบคุ คล 2) กิจกรรมฝึกคิดแก้ปัญหาและพัฒนา(EQ) สาหรับสมาชิกผู้ท่ีต้องการพัฒนาความฉลาด ทางอารมณข์ องตนเอง ชมรม TO BE NUMBER ONE
3) ให้เรียนรู้ด้วยตนเองจากแบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ด้วยตนเองหรือคู่มือ การเรยี นร้ทู ี่วเิ คราะห์และประเมินได้ 4) เรยี นร้ทู างอินเตอรเ์ น็ตจากโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบล ท่ีเปิดให้บริการฟรีในตอนเย็นทาให้สนุกสนานได้รู้จักเพ่ือน ทาให้ได้พัฒนาอีคิวของตนเองเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคม อยา่ งมีความสขุ ปลอดภยั จากยาเสพตดิ 5) กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างสุข เป็นการแนะนาให้เข้ากลุ่มกิจกรรมต่างๆของชมรม ตามความสนใจของเยาวชน เชน่ กลมุ่ เลน่ ดนตรี กลมุ่ เลน่ กีฬา กลุ่มศลิ ปะ กลมุ่ ร้องเพลง เต้นรา จติ อาสา 2.3.2 การอบรมใหค้ วามรู้เรือ่ งยาเสพติด 1) โครงการรณรงค์การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ ในสถานศกึ ษา TO BE NUMBER ONE 2) โครงการ “เยาวชนร่นุ ใหม่ รว่ มใจตา้ นภัยยาเสพติด” 3) ชมรม TO BE NUMBER ONE จัดกจิ กรรมทศั นศึกษาในสถานทบ่ี าบดั ผู้ตดิ ยาเสพตดิ 2.3.3 การทาบญุ ทางศาสนา ฟงั เทศน์ 1) ชมรม TO BE NUMBER ONE จัดกิจกรรมโครงการนาสมาชิก TO BE NUMBER ONE เขา้ วดั ทุกวนั พระและสอนธรรมศกึ ษาโดยการฟังเทศน์ 2) ชมรม TO BE NUMBER ONE จดั กิจกรรมทาบุญเลยี้ งพระ ใส่บาตร ในโอกาสวนั สาคัญต่างๆ 3) ชมรม TO BE NUMBER ONE จัดกิจกรรมตามวัฒนธรรมประเพณี เช่นแห่เทียน เข้าพรรษา สรงน้าพระวันสงกรานต์ 4) ชมรม TO BE NUMBER ONE จัดกิจกรรมบรรพชาสามเณรภาคฤดรู อ้ น 5) ชมรม TO BE NUMBER ONE จัดกิจกรรมน่งั สมาธิทุกวนั ตอนเย็น 2.3.4 การจัดกจิ กรรมท่ีใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ 1) เล่นดนตรีแบบศิลปิน ขงจ๊ือได้กล่าวไว้ว่า “ดนตรีมอบความพึงพอใจท่ีธรรมชาติ ของมนษุ ย์ไม่สามารถทาได้” และจากผลการวิจยั ก็ระบุว่าดนตรีหรอื เสยี งเพลงสามารถกระตุ้นสมองของมนุษย์ได้ดี และนักวจิ ยั หลายคนกไ็ ด้แสดงผล งานวิจยั ทบี่ ง่ บอกวา่ ผู้ทท่ี ั้งฟังดนตรีและเป็นผ้เู ลน่ เอง มพี ืน้ ท่ีหนว่ ยความจาที่มากขึ้น 2) อ่านหนังสือให้เหมือนเป็นโอกาสสุดท้ายท่ีจะได้แตะมัน การอ่านหนังสือจะช่วยเพิ่ม ระดับความฉลาดได้ แต่หมายถึงว่าต้องอ่านแบบไม่ลืมหูลืมตาและอา่ นหลากหลายแนวต้ังแต่ นวนิยาย ชีวประวัติ ไปจนถึงบทประพันธ์ต่างๆ การอ่านหนังสือช่วยลดความเครียด ช่วยให้คุณเผชิญหน้ากับอารมณ์ความรู้สึก ท่ีหลากหลาย และทาให้มีความรู้ในเร่ืองต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสาหรับการรับมือในสถานการณ์หลากหลาย และเข้าใกลก้ ับเปา้ หมายชีวิตในอนาคตมากข้นึ
3) ฝึกสมาธิเป็นกิจวัตร ประโยชน์ที่สาคัญที่สุดของการฝึกสมาธิ คือ การช่วยให้มีโฟกัส และรู้จักเน้อื แท้ของตัวเอง ช่วยลดระดับความเครียดและขจดั ความกังวลท้ังหลาย การฝึกสมาธิเป็นประจาทุกวัน ผู้ฝึกจะมีจิตใจที่สงบ รู้จักควบคุมตัวเอง มีความหยั่งรู้ ทาให้สามารถเรียนรู้ คิด และวางแผนส่ิงต่างๆ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น 4) ออกกาลังสมอง การท้าทายสมองให้ทาสิ่งใหม่ๆ ทุกวันจะช่วยเพ่ิมความสามารถและ ทาให้ฉลาดข้ึน คุณสามารถฝึกสมองได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การเล่นโซโดกุ ปริศนาตามหน้าหนังสือพิมพ์ เกมกระดาน และปริศนาคาทาย กิจกรรมดังกล่าวจะช่วยสร้างความเชื่อมโยงของสมอง ผู้เล่นจะได้เรียนรู้ การตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ในลักษณะท่ีมีความสร้างสรรค์ พัฒนาความสามารถในการมองเห็น ให้มองได้ หลายมมุ มองและสมองมปี ระสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน 5) ออกกาลังกาย ก็เป็นเร่ืองสาคัญการมีร่างกายท่ีแข็งแรงก็เป็นเครื่องการันตีว่าสุขภาพ สมองดี การออกกาลงั เป็นประจา นอกจากจะชว่ ยให้สุขภาพดแี ล้วยงั ช่วยลดความตงึ เครยี ด และทาให้นอนหลับงา่ ย จากการศึกษาทดลองในหนูและมนุษย์ ไดแ้ สดงให้เห็นวา่ การออกกาลังกายสามารถสร้างเซลล์สมองใหม่ และทาให้ ประสทิ ธิภาพการทางานโดยรวมของสมองดีขน้ึ 6) ลองทาเมนูอาหารหลากหลาย คนท่ีลองทาอาหารเมนูแปลกไปจากปกติ มักเป็นคนท่ี มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ และเป็นคนท่ีมีความใส่ใจในเรื่องของรายละเอียดส่ิงที่คุณจะได้ จากการทาอาหาร คือ สามารถทาสง่ิ ต่างๆ ได้หลากหลาย มคี วามแม่นยา และตัดสินใจได้อยา่ งรวดเร็ว 7) ระบายความรู้สึกผ่านตัวหนังสือ นอกจากการเขียนบ่อยๆ จะเป็นการเพิ่มทกั ษะทางภาษาแล้ว ยังช่วยพัฒนาความสามารถในเรื่องของการโฟกัส ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และความเข้าใจ ไม่จาเป็นตอ้ ง เขยี นลงในกระดาษเท่านั้น สามารถเขียนทีไ่ หนก็ได้ตามตอ้ งการ ไม่ว่าจะเขียนลงบนมือ หรือแมแ้ ต่สรา้ งบล็อกของ ตวั เองขน้ึ มา กจิ กรรมท้ำยเรื่องท่ี 2 ยทุ ธศำสตร์ท่ี 2 กำรเสริมสร้ำงภูมิคุ้มกันให้เดก็ และเยำวชน (ใหผ้ เู้ รยี นทากิจกรรมทา้ ยเรื่องท่ี 2 ในสมดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นรปู้ ระกอบชุดวชิ า)
เรอ่ื งที่ 3 ยุทธศำสตรท์ ่ี 3 กำรสรำ้ งและพฒั นำเครอื ข่ำยเพือ่ กำรป้องกันและแก้ไขปัญหำยำเสพตดิ 3.1 วัตถปุ ระสงค์ 3.1.1 เพ่อื พัฒนาศักยภาพสมาชิกเครือข่าย ผูป้ ฏิบัตงิ าน และผเู้ ก่ียวข้องในโครงการ TO BE NUMBER ONE ใหส้ ามารถดาเนนิ งานป้องกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพติดได้อย่างเขม้ แขง็ และมีประสิทธิภาพ 3.1.2 เพ่ือผลิตและพัฒนาองค์ความรู้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใต้โครงการ TO BE NUMBER ONE สาหรับเครอื ข่าย TO BE NUMBER ONE ทั่วประเทศ 3.1.3 เพือ่ ใหส้ มาชิกเครอื ข่าย TO BE NUMBER ONE ไดม้ โี อกาสแลกเปล่ียนเรยี นรู้ประสบการณ์ ในการทางานซ่ึงกันและกัน อันจะนาไปสู่การขยายผล พฒั นาประสิทธภิ าพการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด อยา่ งยง่ั ยนื 3.1.4 เพ่ือให้สมาชิกเครือข่าย TO BE NUMBER ONE ท่ัวประเทศ มีกาลังใจ มีความผูกพัน พร้อมท่ีจะช่วยเหลือกนั รว่ มแรงรว่ มใจกนั ทางานภายใต้โครงการ TO BE NUMBER ONE อย่างจริงจังตอ่ เนื่องซง่ึ จะทาใหเ้ กิดเปน็ พลงั แผ่นดนิ อยา่ งแทจ้ ริง 3.2 กำรดำเนนิ งำน 3.2.1 พัฒนาระบบการจัดเก็บและรายงานข้อมูลการดาเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ต่อคณะกรรมการอานวยการระดับจังหวดั 3.2.2 พัฒนาช่องทางการติดต่อส่ือสารระหวา่ งเครือข่ายสมาชิก TO BE NUMBER ONE และปฏิบัติงาน ในโครงการ TO BE NUMBER ONE และผู้เกยี่ วข้อง ไดแ้ ก่ Fanpang. facebook. TO BE NUMBER ONE กศน.จงั หวัดพังงา Line สมาชิก TO BE NUMBER ONE พังงา /Line ผู้บริหาร TO BE NUMBER ONE จังหวัดพังงา Line TO BE NUMBER ONE กศน.พงั งา 3.2.3 การศึกษาดูงานชมรม TO BE NUMBER ONE ตน้ แบบ 3.2.4 การจัดนิทรรศการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ร่วมกบั เครือขา่ ย 3.2.5 การแลกเปลย่ี นกจิ กรรมสร้างสรรค์ 3.2.6 เครอื ขา่ ยเขม้ แขง็ ดว้ ย Social 3.2.7 เขา้ รว่ มกิจกรรมการประกวด TO BE NUMBER ONE ระดบั ภาค/ระดบั ประเทศ 3.2.8 เปิดโอกาสให้เยาวชนผู้ท่ถี ูกควบคุมความประพฤติดา้ นยาเสพติด เขา้ มาทากิจกรรมศึกษาต่อ กบั กศน. 3.2.9 สนบั สนนุ วิทยากร เงนิ ทุน ในการอบรมให้ความรู้เร่อื งยาเสพติดแกห่ นว่ ยงานเครอื ข่าย 3.2.10 สนบั สนนุ การจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE กศน.ทุกตาบล/อาเภอ หมายเหตุ: การจดั กจิ กรรมแต่ละครัง้ อาจจดั อยู่ในหลายๆยุทธศาสตร์หรืออาจอยู่ในยทุ ธศาสตรท์ ี่ต่างกัน ในแตล่ ะครั้งท่ีจดั ทง้ั นี้ขนึ้ อยูก่ ับวตั ถุประสงคใ์ นการจดั แตล่ ะครัง้
3.3 กิจกรรมกำรดำเนนิ งำนในโครงกำร TO BE NUMBER ONE ประกอบดว้ ย 3.3.1 กจิ กรรมแลกเปลย่ี นเรยี นร้กู ารรณรงค์ป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ 3.3.2 จดั เก็บรวบรวมข้อมูลของเหลา่ สมาชิกผ่านเครอื ข่ายอินเตอร์เนต็ เพอ่ื เปน็ การเชอื่ มโยงเครอื ข่าย 3.3.3 ประชาสมั พันธก์ จิ กรรมชมรมทาง Website / facebook ของชมรม 3.3.4 การแลกเปลย่ี นประสบการณ์ของเหล่าสมาชกิ ระหว่างชมรมในเครอื ขา่ ย 3.3.5 เข้ารว่ มมหกรรมชมรม TO BE NUMBER ONE ระดบั จังหวัด ระดบั ภาคและระดบั ประเทศ 3.3.6 การผลติ และจาหน่ายผลิตภณั ฑใ์ นโครงการ 3.3.7 การจัดค่าย TO BE NUMBER ONE สาหรบั แกนนา (TO BE NUMBER ONE FOR LEADERS) 3.3.8 การจัดค่าย TO BE NUMBER ONE สาหรับสมาชิก (TO BE NUMBER ONE FOR MEMBERS) 3.3.9 การผลิตและเผยแพรร่ ายการวทิ ยุและโทรทศั น์ 3.3.10 การจดั มหกรรมรวมพล TO BE NUMBER ONE ระดับภาค /ประเทศ 3.3.11 การจดั กิจกรรมการประกวด 3.4 ตวั อยำ่ งกิจกรรมกำรสร้ำงและพัฒนำเครือขำ่ ยในยทุ ธศำสตร์ท่ี 3 เชน่ 3.4.1 สนับสนุนวิทยากรอบรมให้ความรู้ เงินทุนและอุปกรณ์แก่ชุมชน และสถานศึกษาในการ จดั ต้งั ชม TO BE NUMBER ONE ศนู ย์เพื่อนใน TO BE NUMBER ONE การสนับสนุนวิทยากรอบรมให้ความรู้เรื่องการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดให้กับเครือข่ายชมรม TO BE NUMBER ONE เพ่อื สร้างและพัฒนาเครือขา่ ย แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ และชว่ ยเหลือในการดาเนินงานตลอดจน การสนบั สนุนเงนิ ทุนและอปุ กรณ์แกช่ มุ ชน และสถานศกึ ษา 3.4.2 เป็นพ่ีเล้ียงท่ีปรึกษาในการจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE แก่ชมรมอื่น การดาเนินงาน โครงการ TO BE NUMBER ONE มียุทธศาสตร์ในเร่ืองการสร้างและพัฒนาเครือข่ายชมรมฯ ท่ีตั้งข้ึนทั้งในสถานศึกษา สถานประกอบการและในชมุ ชน เพอื่ รว่ มกันแก้ไขปัญหายาเสพตดิ ในเยาวชนซ่ึงเปน็ อนาคตของชาติ การรว่ มมือกนั ของเครือขา่ ยทุกภาคสว่ น จะชว่ ยใหก้ ารดาเนนิ งานประสบความสาเร็จและมปี ระสิทธภิ าพ 3.4.3 เปิดโอกาสให้ผู้ที่ผ่านการบาบัดยาเสพติด เข้ามาทางานได้ โครงการ TO BE NUMBER ONE มีเป้าหมายในการแก้ปัญหายาเสพติดในกลุม่ เยาวชน ซึ่งเป็นกล่มุ เส่ียงในเรื่องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มากทส่ี ุด เยาวชนมีความสาคญั ต่อการพฒั นาประเทศในทุกๆด้าน เรียกไดว้ ่าทิศทางการพัฒนา การแข่งขนั กับประเทศอื่นๆ ข้ึนอยู่กับคนกลุ่มนี้ การแก้ปัญหายาเสพติดมรี ะบบการดาเนินงานที่ครอบคลุม ต้ังแต่การให้ความรู้รณรงค์ป้องกนั และแก้ปญั หาผูเ้ สพ ซึ่งรวมถึงการให้โอกาสผเู้ สพที่ผ่านการบาบัดไดก้ ลบั คนื สูส่ ังคม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การให้โอกาส ผู้เสพทผ่ี า่ นการบาบัดมาชว่ ยจัดกิจกรรมแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ นอกจากจะส่งผลดีต่อการดาเนินงาน ของโครงการ แล้วยังเปน็ การให้กาลงั ใจแก่ผเู้ สพท่ผี า่ นการบาบัด ใหเ้ หน็ คุณคา่ ในตัวเอง คณุ ค่าในการทาความดี
กิจกรรมท้ำยเรื่องที่ 3 ยุทธศำสตร์ท่ี 3 กำรสรำ้ งและพัฒนำเครือข่ำยเพื่อกำรปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หำยำเสพ ตดิ (ใหผ้ ู้เรียนทากจิ กรรมท้ายเรอื่ งที่ 3 ในสมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนร้ปู ระกอบชุดวิชา)
หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 6 TO BE NUMBER ONE กบั ภำวะผู้นำและกำรทำงำนเป็นทมี สำระสำคัญ โครงการ TO BE NUMBER ONE มีแนวทางการดาเนินงานในรูปแบบของชมรมTO BE NUMBER ONE ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE โดยมีเยาวชนแกนนาและสมาชิกเป็นผู้ขับเคลื่อนโครงการ และกิจกรรมของ ชมรม เพอื่ แก้ไขปญั หายาเสพติดในกลมุ่ เด็กและเยาวชนตามวัตถุประสงค์ของโครงการ จากเหตุผลความสาคัญดงั กล่าว การพัฒนาเยาวชนแกนนาและสมาชิกของชมรม ให้มีความรู้ความสามารถและพัฒนาทักษะภาวะผู้นากับการ ทางานเป็นทีม เป็นส่ิงท่ีจาเป็นเพ่อื ให้เยาวชนแกนนา เห็นคุณค่าความสาคัญของภาวะผู้นากับการทางานเป็นทีม ซ่งึ เป็นปัจจัยสาคัญใหก้ ารดาเนนิ งานโครงการฯ ประสบความสาเรจ็ บรรลุตามวัตถปุ ระสงคท์ ี่วางไว้ ตัวช้วี ัด 1. อธิบายความหมาย บทบาทและองคป์ ระกอบของภาวะผู้นา 2. อธิบายความหมายคณุ ลักษณะและการสรา้ งภาวะผู้นา 3. อธิบายความหมาย ความสาคญั ลกั ษณะของการทางานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ และกลยุทธ์ในการสรา้ งทีมงาน ขอบขำ่ ยเนื้อหำ เรอ่ื งที่ 1. TO BE NUMBER ONE กบั ภาวะผู้นา 1.1 ความหมายและบทบาทของภาวะผู้นา 1.2 องคป์ ระกอบของภาวะผ้นู า เร่อื งท่ี 2. คณุ ลักษณะของผ้นู าและการสรา้ งภาวะผ้นู า 2.1 คณุ ลกั ษณะของผ้นู า 2.2 การสรา้ งภาวะผู้นา เรื่องที่ 3. TO BE NUMBER ONE กบั การทางานเปน็ ทีม 2.1 ความหมาย และความสาคัญของการทางานเป็นทมี 2.2 ลักษณะของการทางานเปน็ ทมี ท่มี ีประสิทธภิ าพ 2.3 กลยทุ ธ์ในการสรา้ งทีมงาน เวลำท่ใี ช้ในกำรศึกษำ
จานวน 14 ช่ัวโมง ส่อื กำรเรียนรู้ 1. ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE เป็นหนง่ึ โดยไม่พง่ึ ยาเสพติด ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น 2. สมดุ บันทึกกจิ กรรมการเรียนรูป้ ระกอบชุดวชิ า 3. ส่ือเสริมการเรยี นรูอ้ นื่ ๆ
เรอ่ื งที่ 1. TO BE NUMBER ONE กับภำวะผ้นู ำ 1.1 ควำมหมำยและบทบำทของภำวะผูน้ ำ 1.1.1 ความหมายของภาวะผูน้ า ผู้นา ( Leader ) คือ บุคคลที่ได้รับการแต่งต้ังหรือการเลือกตั้งหรือการยกย่องจากกลุ่ม ให้ทาหน้าท่ีของตาแหน่งผู้นา เช่น การชี้แนะ สั่งการ และช่วยเหลือให้กลุ่มสามารถปฏิบัติงานได้สาเร็จ ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ได้มีการเขียนชื่อผู้นาแตกต่างกันออกไปตามลักษณะงานและองค์การท่ีอยู่ เช่น ผู้บริหาร ผู้จัดการ ประธานกรรมการผอู้ านวยการ อธกิ ารบดี เปน็ ต้น ภาวะผู้นา (Leadership) คือกระบวนการที่บุคคลใดบุคคลหน่ึงหรือมากกว่า พยายามใช้ อิทธิพลของตนหรือกลุ่มตนกระตุ้นช้ีนา ผลักดันให้บุคคลอ่ืนหรือกลุ่มบุคคลอ่ืนมีความเต็มใจและกระตือรือร้น ในการทาส่ิงตา่ งๆตามต้องการ โดยมีความสาเรจ็ ของกลุ่มหรือองค์การเปน็ เปา้ หมาย 1.1.2 บทบาทและภาวะผู้นา 1.1.2.1 เปน็ ตวั แทนในทุกสถานการณ์ 1.1.2.2 เป็นนักพูดทด่ี ี 1.1.2.3 เป็นนกั เจรจาต่อรอง 1.1.2.4 การสอนงานท่ีดี 1.1.2.5 เป็นผู้สามารถสรา้ งทีมงานได้ 1.1.2.6 แสดงบทบาทการทางานเปน็ ทีม 1.1.2.7 สามารถแก้ปญั หาดา้ นเทคนิคได้ 1.1.2.8 การประกอบการ 1.2 องค์ประกอบของภำวะผนู้ ำ ภาวะผ้นู านนั้ มปี จั จัยท่ีเป็นองค์ประกอบหลกั 4 ปจั จยั อนั ได้แก่ 1.2.1 ผู้นา(Leader) หมายถึง ตัวบุคคลท่ีนากลุ่ม มีบุคลิกอุปนิสัยในการเป็นผู้นาเพ่ือให้ผู้ตาม เกิดความไว้วางใจ และสามารถกระตุน้ ผู้ตามใหก้ ระทาการต่างๆ ให้ประสบความสาเร็จ 1.2.2 ผู้ตาม (Followers) หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลท่ีรับอิทธิพลจากผู้นาที่ต้องการรูปแบบ ภาวะผนู้ าท่แี ตกต่างกันข้นึ อยูก่ ับพ้ืนฐานความเขา้ ในในธรรมชาตขิ องมนษุ ย์ 1.2.3 การส่ือความหมาย หมายถึง การสื่อความหมายสองทางไม่เพียงแต่การใช้คาพูดยังรวมถึง การทาให้ดเู ปน็ ตัวอย่าง 1.2.4 สถานการณ์ (Situation) หมายถึงเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมท่ีเกิดข้ึนในสถานการณ์ที่ แตกต่างกัน จงึ ต้องใชว้ ิจารณญาณทเ่ี หมาะสมกับแตล่ ะสถานการณ์ กจิ กรรมทำ้ ยเรอ่ื งท่ี 1 TO BE NUMBER ONE กับภำวะผนู้ ำ (ให้ผู้เรียนไปทากิจกรรมท้ายเรอื่ งที่ 1 ในสมุดบนั ทกึ กจิ กรรมการเรยี นรปู้ ระกอบชดุ วชิ า)
เร่อื งที่ 2. คณุ ลกั ษณะของผู้นำและกำรสรำ้ งภำวะผนู้ ำ 2.1 คุณลกั ษณะของผูน้ ำ การศึกษาภาวะผู้นาจากคุณลักษณะของผู้นา (Leader Traits) เป็นวิธีการศึกษาวิธีแรกสุด แต่เนื่องจากการศึกษาไม่สามารถยืนยันได้ว่าคุณลักษณะ (Trait) ของผู้นาแบบใดท่ีจะส่งผลต่อประสิทธิภาพ ของภาวะผู้นาได้มากที่สุด จึงได้มีผู้ศึกษาถึงลักษณะผู้นาไปในหลายแนวทางทั้งในด้านคุณลักษณะบทบาทหน้าที่ แตใ่ นความเป็นจริงน้นั เราสามารถทจี่ ะแบง่ ผูน้ าออกเป็น 2 ลักษณะคือ 1) ผู้นาแบบเป็นทางการ (Formal Leaders) หมายถึง ผู้บังคับบัญชาในหน่วยงาน เพราะว่า ผู้บังคับบัญชานั้น คือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้ดารงตาแหน่งหัวหน้าหรือให้มีอานาจหน้าที่ในการ ดาเนนิ การอย่างหน่งึ อยา่ งใดตามกฎระเบียบขององค์กร 2) ผู้นาแบบไมเ่ ปน็ ทางการ (Informal Leaders) คือผ้นู าทไ่ี ม่ใชผ่ บู้ งั คับบญั ชา เพราะไม่มตี าแหนง่ เปน็ หวั หน้าในองค์กร แต่สมาชกิ ในหนว่ ยให้การยอมรบั และยกยอ่ งใหเ้ ปน็ ผนู้ าเพราะเขามคี ณุ สมบตั ิ บางประการ ที่หน่วยงานหรือสมาชิกในองค์การต้องการให้การยอมรับหรือให้ความไว้วางใจเช่น ประสบการณ์ ความรู้ ความ สามารถ มนษุ ย์สัมพันธ์ เปน็ ต้น ลักษณะสาคัญประการหนึ่งของผู้นาไม่ว่าจะเป็นแบบทางการหรือไม่เป็นทางการก็คือจะต้องมี ลูกน้องมีเงอ่ื นไขในการปกครองต่างๆ เช่น กฎระเบียบ ข้อบังคับ การให้คุณ ให้โทษ นอกจากนี้ผู้นายังมเี ร่อื งของ วิสัยทัศน์ ความซ่ือสัตย์ การจัดความสาคัญก่อนหลัง ความสามารถในการสร้างสรรค์ การเปล่ียนแปลงทางบวก ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการสือ่ สารท่ีดี และมวี นิ ยั 2.1.1 คุณลกั ษณะดา้ นบุคลิกภาพของผู้นาทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ล มลี กั ษณะดงั นี้ 2.1.1.1 เปน็ บุคคลทท่ี าใหอ้ งคก์ รประสบความก้าวหนา้ และบรรลผุ ลสาเร็จ 2.1.1.2 เป็นผูท้ ่ีมีบทบาทท่ีสามารถสรา้ งความสัมพันธร์ ะหว่างบุคคลท่ีเป็นผู้ใต้บงั คับบัญชา 2.1.1.3 การจูงใจผู้อื่นให้ปฏิบัติตามการติดต่อสื่อสารและมีอิทธพิ ลเหนือผู้ใต้บังคับบัญชา ตามอานาจหน้าที่ของการบริหารทีด่ ารงตาแหน่งอยู่ 2.1.1.4 ผู้นามีส่วนทาให้เกิดวิสัยทัศน์ขององค์กรและของพนักงาน ซ่ึงรวมถึงผู้นาท่ีสามารถ ใชอ้ านาจอทิ ธพิ ลตา่ งๆ ทั้งทางตรงและทางออ้ มเพ่ือนากลุ่มประกอบกจิ กรรมใดกจิ กรรมหนึ่งดว้ ย 2.1.1.5 ผู้นายังเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มและสามารถนากลุ่มให้ปฏิบัติงานต่างๆ เพ่ือใหบ้ รรลุเป้าหมายขององค์กร
2.1.2 คณุ สมบัติผ้นู าทด่ี ี 2.1.2.1 ความรู้ ( Knowledge) การเป็นผู้นาน้ัน ความรู้เป็นสิ่งจาเป็นท่ีสุด ความรู้ในท่ีนี้ มิได้หมายถึงเฉพาะความรู้ เก่ียวกับงานในหน้าท่ีเท่านั้น หากแต่รวมถึงการใฝ่หาความรู้เพ่ิมเติม ในด้านอ่ืนๆด้วย การจะเป็นผู้นาที่ดี หัวหน้างานจึงต้องเป็นผู้รอบรู้ ย่ิงรอบรู้มากเพียงใด ฐานะแห่งความเป็นผู้นาก็จะยิ่งมั่นคง มากขึน้ เพยี งนน้ั 2.1.2.2 ความริเร่ิม ( Initiative) คือ ความสามารถท่ีจะปฏิบัติสิ่งหน่ึงส่ิงใด ในขอบเขต อานาจหน้าท่ีได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องคอยคาส่ัง หรือความสามารถแสดงความคิดเห็น ท่ีจะแก้ไขส่ิงหนึ่งสิ่งใด ให้ดีข้ึน หรือเจริญข้ึนได้ด้วยตนเอง ความริเริ่มจะเจริญงอกงามได้ หัวหน้างานจะต้องมีความกระตือรือร้น คอื มใี จจดจ่องานดี มีความเอาใจใสต่ ่อหนา้ ท่ี มพี ลงั ใจท่ีตอ้ งการความสาเรจ็ อยู่เบอื้ งหน้า 2.1.2.3 มีความกล้าหาญและความเด็ดขาด ( Courage and firmness) ผู้นาที่ดีจะต้อง ไม่กลวั ตอ่ อนั ตรายความยากลาบาก หรือความเจบ็ ปวดใดๆท้ังทางกายวาจาและใจผู้นาท่ีมีความกล้าหาญจะช่วยให้ สามารถผจญต่องานต่างๆ ให้สาเร็จลุล่วงไปได้ นอกจากความกล้าหาญแล้ว ความเด็ดขาดก็เป็นลักษณะอันหน่ึง ที่จะต้องทาให้เกิดมขี ึ้น ในตัวของผนู้ าเองตอ้ งอยใู่ นลกั ษณะของการ\" กลา้ ไดก้ ลา้ เสียดว้ ย 2.1.2.4 การมีมนุษย์สัมพันธ์ ( Human relations) ผู้นาท่ีดีจะต้องรู้จักประสานความคิด ประสานประโยชน์สามารถทางานร่วมกับคนทกุ เพศทุกวยั ทุกระดบั การศึกษาได้ ผู้นาทีม่ ีมนุษย์สมั พันธ์ดจี ะช่วยให้ ปญั หาใหญ่เป็นปญั หาเลก็ ได้ 2.1.2.5 มคี วามยุตธิ รรมและซอื่ สัตยส์ ุจริต ( Fairness and Honesty) ผนู้ าที่ดจี ะต้องอาศยั หลักของความถูกต้อง หลักแห่งเหตุผล และความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองและผู้อ่ืน เป็นเครื่องมือในการวินิจฉัยส่งั การ หรอื ปฏบิ ัติงานด้วยจิตท่ปี ราศจากอคติ ปราศจากความลาเอยี ง ไมเ่ ล่นพรรคเล่นพวก 2.1.2.6 มีความอดทน ( Patience) ความอดทนจะเปน็ พลังอนั หนง่ึ ที่จะผลกั ดนั งานใหไ้ ปสู่ จุดหมายปลายทางได้ อย่างแทจ้ รงิ 2.1.2.7 มีความต่ืนตัวแต่ไม่ตื่นตูม( Alertness ) ความระมัดระวัง ความสุขุมรอบคอบ ความไม่ประมาท ไม่ยืดยาดขาดความกระฉับกระเฉง มีความฉับไวในการปฏบิ ัติงานทัน ต่อเหตุการณ์ ความต่ืนตัว เป็นลักษณะท่ีแสดงออกทางกาย แต่การไม่ต่ืนตูม เป็นพลังทางจิตท่ีจะหยุดคิดไตร่ตรอง ต่อเหตุการณ์ต่างๆ ทเ่ี กิดขึ้น รจู้ ักใชด้ ุลยพนิ ิจท่ีจะพิจารณาสงิ่ ต่างๆ หรือเหตตุ า่ งๆได้อย่างถูกต้อง พดู ง่ายๆ ผู้นาที่ดีจะต้องรจู้ ักควบคุม ตัวเองนน่ั เอง (Self control) 2.1.2.8 มีความภักดี (Loyalty) การเปน็ ผู้นาหรือหัวหน้าที่ดีนัน้ จาเป็นตอ้ งมีความจงรักภกั ดี ต่อหม่คู ณะ ต่อสว่ นรวมและต่อองค์การ ความภักดนี ี้ จะช่วยใหห้ วั หน้าได้รับความไว้วางใจ และปกปอ้ งภยั อันตราย ในทกุ ทศิ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
2.1.2.9 มีความสงบเสง่ียมไม่ถือตัว (Modesty) ผู้นาที่ดีจะต้องๆ ไม่หยิ่งยโส ไม่จองหอง ไม่วางอานาจ และไม่ภูมิใจในสิ่งท่ีไร้เหตุผล ความสงบเสงี่ยมนี้ ถ้ามีอยู่ในหัวหน้างานคนใดแล้ว ก็จะทาให้ลูกนอ้ ง มคี วามนบั ถอื และให้ความรว่ มมอื เสมอ 2.2 กำรสรำ้ งภำวะผนู้ ำ การสร้างภาวะผนู้ า ก็คือสภาพของความเป็นผู้นา ซ่ึง ดไวท์ เอลเซนฮาวเออร์ (Dwight Elsenhower) ไดข้ ยายความไวว้ ่าเป็น“ศิลปะในการทาให้ผ้อู ่ืนทาในส่ิงท่ีคุณต้องการให้สาเร็จลุล่วงได้ดว้ ยความเต็มใจของพวกเขาเอง” สว่ นวิธีการสร้างภาวะผนู้ าหรือสร้างศิลปะในการทาให้ผู้อน่ื ทาในสงิ่ ที่ผูน้ าต้องการให้สาเรจ็ ลุลว่ งไดด้ ้วยความเต็มใจ ของพวกผู้ปฏิบัตินั้นมีสูตรสาเร็จ 5 ประการ ที่เรียกว่าสูตร 1 2 3 4 5 คือ 1 เข้มแข็ง 2 แกร่งกล้า 3 ศรัทธา 4 คุณค่า 5 สามารถ ดังนี้ 2.1.1 เข้มแข็ง หมายถึง ความเขม้ แขง็ 1 ประการ คอื ตอ้ งเป็นคนเขม้ แขง็ ท้งั ทางรา่ งกายและ จิตใจ ไม่หวั่นไหว ไมว่ า่ จะตกอยู่ในสถานการณอ์ ย่างใดก็ตาม 2.1.2. แกร่งกลา้ หมายถึง ความแกรง่ กลา้ 2 ประการ คอื 1) แกร่งกล้ารบั ผดิ 2) แกร่งกล้ารับชอบ คอื ตอ้ งแกรง่ กลา้ รบั ทง้ั ผิด รับทัง้ ชอบ จะรับอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ เพียงอยา่ งเดยี วไมไ่ ด้ ซงึ่ เป็น ทมี่ าของคาว่าความรบั ผิดชอบ 2.1.3 ศรัทธา หมายถงึ ความศรัทธา 3 ประการ ไดแ้ ก่ 1) ศรัทธาตัวเอง 2) ศรัทธาเพอื่ นร่วมงาน 3) ศรัทธาหนว่ ยงาน ผู้นาต้องมีศรัทธา โดยเร่ิมต้นท่ี ตัวเอง ก่อน ว่าเราเป็นคนมคี วามรู้ มีความสามารถ สิ่งใดท่ี ผู้อ่ืนทาได้ เราก็ต้องทาได้ และพยายามทาให้ดีกว่า นอกจากศรัทธาในตัวเองแล้ว ต่อมาคือ ศรัทธาเพื่อนร่วมงาน ตอ้ งรู้จักให้ เกียรติผอู้ ่ืน เหน็ ความสาคัญและความสามารถของผู้อื่น ตลอดจนเขา้ ใจถงึ วธิ กี ารทางานเปน็ ทมี สดุ ท้าย คือ ศรัทธาหน่วยงาน หรือองค์กรท่ีเราสังกัดอยู่ ผู้นาคือตัวแทนของ หน่วยงาน ถ้าเราต้องการสร้างภาวะผู้นา โดยขาดสานกึ แห่งศรัทธาต่อหนว่ ยงานของตนเอง ย่อมไม่สามารถจงู ใจให้ผ้ตู ามทางานใหป้ ระสบความสาเรจ็ ได้ 2.1.4 คุณค่า หมายถงึ ความมีคุณค่า 4 ประการ คือ 1) คุณคา่ แหง่ การคิด 2) คุณคา่ แหง่ การพูด 3) คณุ ค่าแห่งการตดั สนิ ใจ
4) คุณค่าแหง่ การกระทา คนเป็นผู้นาต้องสร้างคุณค่าให้คนเห็นคนเชื่อถือเคารพรักและศรัทธา การคิด การพูด การตัดสินใจ ตลอดจนการกระทาจึงต้องผ่านการกลั่นกรองมาก่อนเสมอ การสร้างคุณค่าด้วยการคิด คือต้องมี ความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ มีวิสัยทศั น์ ไมห่ ยุดนิง่ คดิ ในส่ิงทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและอยใู่ นกรอบของคณุ ธรรม 2.1.5 สามารถ หมายถงึ ความสามารถ 5 ประการ คือ ความสามารถในการ 1) วางแผนงาน 2) มอบหมายงาน 3) ควบคุมงาน 4) ประสานงาน 5) พฒั นาคน พฒั นางาน ซ่ึงทั้ง 5 สามารถน้ี ถือเป็นบทบาท หน้าที่ของผู้นา โดยเฉพาะผู้นานักบริหาร เพราะผู้นา ต้องรู้จักการ วางแผนงาน จะทาสิ่งใด ต้องคิดไว้ล่วงหน้าว่า จะทาอะไร ท่ีไหน เมื่อไร อย่างไร โดยใคร ขั้นต่อไป คือมอบหมายให้ผู้ที่ถูกระบุน้ันไปดาเนินการ เรียกว่า การมอบหมายงาน โดยคานึงอยู่เสมอว่า ผู้บริหาร คือ “ผู้ทท่ี างานให้เสร็จ โดยไมล่ งมือทาดว้ ยตนเอง แต่ใชว้ ิธจี ูงใจ ให้คนอืน่ มาทางาน แทนตนจนสาเร็จ” เมอื่ มอบหมาย งานแล้ว ก็ต้องรู้จักติดตามงาน ตรวจงาน ว่างานที่มอบให้ผู้อ่ืนไปทาน้ันได้ผลประการใด มีปัญหาอุปสรรคหรือไม่ วิธีการน้ีเรียกว่า การควบคุมงาน และ ถึงแม้ว่าจะมีการควบคุมงานอย่างดีแล้วก็ตาม การทางานในปัจจุบันไม่ได้ กระทารว่ มกับ คนๆ เดียวหรอื หนว่ ยงานเดยี ว การประสานงาน จงึ เป็นเร่ืองสาคัญ แต่ทีส่ าคญั มากไปกวา่ นัน้ คอื ต้อง มีการพัฒนาคน พัฒนางาน อยู่ตลอดเวลา คาว่า พัฒนา คือ การทาให้เกิด การเปล่ียนแปลงไปในทางท่ีดีขึ้น เมื่อ พฒั นาคน จนได้คนเก่ง คนดแี ล้ว คนเก่ง คนดี ต้องทางานดี ทางานเกง่ คอื มกี ารพัฒนางาน เพอื่ ให้ไดผ้ ลงานที่ดี มี คณุ ภาพ จงึ จะถือเป็นความสาเรจ็ ของ ผูน้ า นักบริหาร ท้ังหลาย กจิ กรรมท้ำยเร่ืองท่ี 2 คณุ ลักษณะและกำรสรำ้ งภำวะผนู้ ำ (ให้ผู้เรยี นไปทากิจกรรมท้ายเรือ่ งที่ 2 ในสมุดบันทกึ กิจกรรมการเรียนร้ปู ระกอบชุดวชิ า)
เรื่องที่ 3. TO BE NUMBER ONE กบั กำรทำงำนเปน็ ทมี 3.1. ควำมหมำยและควำมสำคญั ของกำรทำงำนเปน็ ทีม การทางานเป็นทีม หมายถึงการร่วมกันทางานของสมาชิกท่ีมากกวา่ 1 คนโดยท่ีสมาชิกทุกคนนนั้ จ ะ ต้ อ ง มี เ ป้ า ห ม า ย เ ดี ย ว กั น จ ะ ท า อ ะ ไ ร แ ล้ ว ทุ ก ค น ต้ อ ง ย อ ม รั บ ร่ ว ม กั น มี ก า ร ว า ง แ ผ น ก า ร ท า ง า น ร่ ว ม กั น การทางานเป็นทีมมีความสาคัญในทุกองค์การการทางานเป็นทีมเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับการเพ่ิมประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผลของการบริหารงานการทางานเป็นทีมมีบทบาทสาคัญที่จะนาไปสู่ความสาเร็จของงานท่ีต้องอาศัย ความรว่ มมือของกลุม่ สมาชิกเปน็ อย่างดี 3.1.1 ลกั ษณะทสี่ ำคัญของทีม 4 ประกำรได้แก่ 1) การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล หมายถึง การที่สมาชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมีความ เกี่ยวขอ้ งกนั ในกิจการของกลุม่ /ทีม ตระหนักในความสาคัญของกันและกัน แสดงออกซึ่งการยอมรบั การใหเ้ กียรติ กัน สาหรบั กลุม่ ขนาดใหญ่มกั มีปฏสิ มั พันธ์กันเปน็ เครอื ขา่ ยมากกว่าการติดตอ่ กนั ตัวต่อตวั 2) มีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายร่วมกัน หมายถึง การท่ีสมาชิกกลุ่มจะมีส่วนกระตุ้นให้เกิด กิจกรรมร่วมกันของทีม /กลุ่ม โดยเฉพาะจุดประสงค์ของสมาชิกกลุ่มที่สอดคล้องกับองค์การ มักจะนามาซ่ึง ความสาเร็จของการทางานไดง้ า่ ย 3) การมีโครงสร้างของทีม /กลุ่ม หมายถึง ระบบพฤติกรรม ซ่ึงเป็นแบบแผนเฉพาะกลุ่ม สมาชิกกลุ่มจะต้องปฏิบัติตามกฎหรือมติของกลุ่ม ซ่ึงอาจจะเป็นกลุ่มแบบทางการ (Formal Group) หรือกลุ่ม แบบไม่เป็นทางการ (Informal Group) ก็ได้ สมาชิกทุกคนของกลุ่มจะต้องยอมรับและปฏิบัติตามเป็นอย่างดี สมาชกิ กล่มุ ยอ่ ย อาจจะมีกฎเกณฑ์แบบไมเ่ ปน็ ทางการ มคี วามสนทิ สนมกนั อย่างใกล้ชดิ ระหวา่ งสมาชิกด้วยกัน 4) สมาชิกมีบทบาทและมีความรู้สึกร่วมกัน การรักษาบทบาทท่ีม่ันคงในแต่ละทีม / กลุ่ม จะมีความแตกต่างกันตามลักษณะของกลุ่ม รวมทั้งความรู้ความสามารถของสมาชิก โดยจีการจัดแบ่งบทบาท และหน้าที่ ความรับผิดชอบ กระจายงานกันตามความรู้ ความสามารถ และความถนัดของสมาชกิ การทางานเป็นทีม เป็นแรงจูงใจสาคัญท่ีจะผลักดันให้ท่านเป็นผู้นาที่ดีถ้าท่านประสงค์ท่ีจะ นาทีมให้ประสบความสาเรจ็ ในการทางาน ท่านจาเป็นต้องค้นหาคุณลักษณะของการทางานเป็นทีม ให้พึงระลกึ ไว้ เสมอว่าทุกคนมีอิสระในตัวเอง ขณะเดียวกันก็เป็นส่วนหน่ึงของทีม แล้วจึงนาเอากลยุทธ์ในการสร้างทีมเข้ามาใช้ เพื่อใหท้ ุกคนทางานรว่ มกันและประสบความสาเร็จ
3.2 ลกั ษณะของกำรทำงำนเปน็ ทมี ท่มี ีประสิทธิภำพ ทีมที่จะประสบความสาเรจ็ ในการทางานคือกลุ่มของบุคคลที่ทางานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ของทีมโดยมลี ักษณะของการทางานต่อไปน้ี 3.2.1 วัตถุประสงค์ท่ีชัดเจน และเป้าหมายที่เห็นพ้องต้องกัน เพ่ือใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงาน ท่ีต้องการทาให้องค์กรบรรลุผลสาเรจ็ ทีค่ าดหวังไวใ้ นการดาเนินงานให้เป็นไปตามภารกิจขององค์การ 3.2.2 ความเปดิ เผยต่อกนั และการเผชญิ หน้าเพื่อแก้ปญั หา เปน็ ส่งิ สาคัญต่อการทางานเปน็ ทีมท่ีมี ประสิทธิภาพสมาชิกจะต้องการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา แก้ปัญหาอย่างเต็มใจและจริงใจ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันและทางานร่วมกันเป็นอย่างดี โดยมีการเรียนรู้เก่ียวกับบุคคลอ่ืนในด้านความต้องการ ความคาดหวัง ความชอบหรือไม่ชอบ ความรู้ความสามารถความสนใจความถนัด จุดเด่นจุดด้อยและอารมณ์ รวมทัง้ ความรูส้ ึกความสนใจนิสัยใจคอ 3.2.3 การสนับสนุนและความไว้วางใจต่อกัน สมาชิกในทีมจะต้องไว้วางใจ ซึ่งกันและกัน โดยแต่ละคนมีเสรีภาพแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องกลัวว่าได้รับผลร้ายท่ีจะมีต่อเนื่อง มาภายหลงั สามารถทาใหเ้ กดิ การเปิดเผยต่อกัน และกล้าท่จี ะเผชญิ หน้าเพ่ือแก้ปญั หาตา่ งๆ ไดเ้ ป็นอย่างดี 3.2.4 ความรว่ มมือและการให้ความขัดแย้งในทางสร้างสรรค์ ผู้นากลุ่มหรือทีมจะต้องทางานอย่างหนัก ในอนั ที่จะทาให้เกิดความร่วมมือดังนี้การสร้างความร่วมมือกบั บุคคลอนื่ ในการสร้างความร่วมมือเพื่อความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน และมีบุคคลอยู่สองฝ่ายคือ ผู้ขอความร่วมมือ และผู้ให้ความร่วมมือ ความร่วมมือจะเกิดข้ึนได้เม่ือ ฝา่ ยผใู้ ห้เต็มใจและยินดีจะให้ความรว่ มมอื เหตผุ ลทท่ี าใหข้ าดความรว่ มมอื ไม่ช่วยเหลือกนั คอื การขดั ผลประโยชน์ ไม่อยากให้คนอ่ืนได้ดีกว่า สัมพันธภาพไม่ดี วัตถุประสงค์ของท้ังสองฝ่ายไม่ตรงกัน ไม่เห็นด้วยกัน วิธีทางาน ขาดความพร้อมท่ีจะร่วมมือ หรืองานที่ขอความร่วมมือนั้นเส่ียงภัยมากเกินไป หรือเพราะความไม่รับผิดชอบ ต่อผลงานส่วนรวม การแก้ปญั หาความขัดแย้งในการทางานเปน็ ทีม ควรใช้วิธกี ารแก้ปัญหาร่วมกนั ไมพ่ ดู ในลกั ษณะ ท่ีแปลความหรือมุ่งตัดสินความ ไม่พูดในเชิงวิเคราะห์ ไม่พูดในลักษณะท่ีแสดงตนเหนือกว่าผู้อื่น หรือไม่พูด ในลักษณะ ที่ทาให้ผู้อ่ืนเจ็บปวด เสียหน้า อับอาย เจ็บใจ หรือการพยายามพูดหาประเด็นความขัดแย้ง ไม่กล่าว โจมตีวา่ ใครผิดใครถูก 3.2.5 กระบวนการทางานและการตัดสนิ ใจทถ่ี ูกตอ้ งเหมาะสม งานที่มปี ระสิทธภิ าพนนั้ ทกุ คน ควร จะคิดถงึ งานหรือคิดถึงผลงานเปน็ อนั ดับแรก ตอ่ มาควรวางแผนวา่ ทาอยา่ งไรงานจงึ จะออกมาดไี ด้ ดังทเี่ ราต้องการ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจน้ัน จุดมุ่งหมายควรจะมีความขัดแย้งและสมาชิกทุกคน ควรมีความเข้าใจ ในจุดมุ่งหมายของการทางานเป็นอย่างดี จุดมุ่งหมายท่ีชัดเจนถือเป็นหัวใจสาคัญด้วยเหตุนี้ จุดมุ่งหมายควรตอ้ งมี ความชดั เจน และ สมาชิกทกุ คนมีความเข้าใจอย่างดีเพราะจะนาไปสู่แนวทางในการทางานว่าต้องทาอย่างไรจึงจะ บรรลตุ ามเปา้ หมายของงาน ให้ได้ผลของงานออกมาไดอ้ ยา่ งดที ี่สดุ การตัดสินใจส่งั การ เป็นกระบวนการขนั้ พ้ืนฐาน ของการบรหิ ารงาน ผู้บรหิ ารหรือผนู้ าทมี เปน็ บุคคลสาคญั ในการที่จะมีสว่ นในการตัดสนิ ใจ วธิ ีการ ทีผ่ ูบ้ ริหารใช้ใน
การตัดสินใจหลายวิธีคือ ผู้บริหารตัดสินใจเพ่ือแก้ปัญหา โดยไม่ต้องซักถามคนอื่น หรือ ผู้บริหาร จะรับฟังความ คิดเห็นก่อนตัดสินใจ กล่าวคือ ผู้บริหารยังคงตัดสินใจด้วยตนเอง แต่ข้ึนอยู่กับความคิดเห็น และข้อมูลอ่ืนๆ ท่ีผู้บริหารได้รับมาจากสมาชิกของทีม บางคร้ังผู้บริหารอาจจะตัดสินใจร่วมกบั ทีมงานที่คัดเลือกมาโดยท่ีผู้บริหาร นาเอาปัญหาให้ทมี งานอภิปราย แล้วให้ทมี งานตดั สินใจหรือทีมงานอาจจะมอบหมายการตัดสินใจให้คนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มย่อม ท่ีเห็นว่าเหมาะสมก็ได้ขั้นตอนในการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยข้ันตอนท่ีสาคัญ 4 ข้นั ตอน คือ 1) ทาความเข้าใจอยา่ งชดั เจนในเหตุผล สาหรับการตัดสนิ ใจ 2) วเิ คราะหล์ กั ษณะของปัญหาที่จะตัดสินใจ 3) ตรวจสอบทางเลอื กตา่ งๆ ในการแก้ปัญหาโดยพจิ ารณาถงึ ผลทอี่ าจเกดิ ตามมาดว้ ย 4) การนาเองผลการตดั สนิ ใจไปปฏบิ ตั ิ 3.2.6 ภาวะผู้นาที่เหมาะสมผู้นา ในการทางานตามบทบาทของผู้นา คือการแบ่งงานกระจายงาน ให้สมาชิกทุกกลุ่มตามความรู้ ความสามารถสาหรับสมาชิกของทีมงานที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้นา ต้องพร้อม ที่จะทาหน้าท่ีใหเ้ หมาะสมกับงานที่ได้รับมอบหมายโดยการให้การสนับสนนุ นาทมี ให้ประสบผลสาเร็จ ส่งเสรมิ ให้มี บรรยากาศทีด่ ใี นการทางาน เป็นทีม มกี ารพฒั นาบคุ ลากรและทมี งาน 3.2.7 การตรวจสอบทบทวนผลงานและวิธีในการทางาน ทีมงานที่ดีไม่เพียงแตด่ ูจากลักษณะของทีม และบทบาทที่มีอยู่ในองค์กรเท่าน้ัน แต่ต้องดูวิธีการท่ีทางานด้วยการทบทวนงาน แนะนาให้ทีมงานได้เรียนรู้จาก ประสบการณ์ทที่ ารูจ้ กั คิด การไดร้ บั ขอ้ มูลป้อนกลับเกย่ี วกับการปฏบิ ตั งิ านของแตล่ ะคน หรอื ของทมี 3.2.8 การพัฒนาตนเอง การทางานเป็นทีมท่ีมีประสิทธิภาพพยายามท่ีจะรวบรวมทักษะต่างๆ ของแต่ละคน การพัฒนาบุคคลากรในองค์กรมักจะมองในเร่ืองทักษะและความรู้ที่แต่ละคนมีอยู่แล้ว ก็ทาการ ฝกึ อบรมพัฒนาคนใหม้ คี วามสามารถสูงขึ้น อันจะมผี ลดีในการทางานให้ดีขนึ้ ผู้บรหิ ารหรอื ผ้นู าต้อง มคี วามรูใ้ นการ บริหารคน สามารถสอนพัฒนาคนใหม้ ีลักษณะที่ดีขน้ึ ทีมท่จี ะประสบความสาเร็จในการทางาน คอื กลมุ่ ของบุคคล ท่ที างานร่วมกนั เพือ่ ใหบ้ รรลุเป้าหมายของทีม ตอ่ ไปน้ีเป็นสิ่งท่ีผ้เู รียนและเพอ่ื นรว่ มทีม จะต้องยดึ ถอื เป็นกรอบเพ่ือ ทางานร่วมกันมีความเป็นหน่ึงเดียวกัน สมาชิกของทีมท่ีประสบความสาเร็จในการทางานจะต้องมีความเป็นหน่ึง เดียวกันทุกๆ คนจะถูกดึงเข้ามาในทิศทางเดียวกันเพื่อให้บรรลุความสาเร็จในงานและบรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยทั่วไปแล้วงาน หรือเป้าหมายอาจบรรลุได้เมื่อทางานร่วมกัน แทนที่จะต่างคนต่างทา ทีมงานท่ีมีประสิทธิภาพ จะมีลักษณะโดดเด่นและสมาชิกทุกคนมีความรู้สึกว่า ตนเองมีส่วนร่วม ในความสาเร็จด้วย จัดการด้วยตนเอง ทมี งานทป่ี ระสบความสาเร็จในการทางาน มีแนวโน้มว่าจะสร้างโครงสรา้ งเฉพาะตนข้ึนมา เน่ืองจากสมาชกิ ยอมรับ บทบาทของตนในเวลาต่างๆ กัน คล้อยตามความจาเป็นความต้องการ และความสามารถของตน บางคนอาจมี ประสบการณใ์ นงานเฉพาะอย่าง จึงอาจเปน็ คนจัดการให้คนอ่นื ๆ ทาตามคนอืน่ ๆก็จะทาหน้าที่ในกิจกรรมของตน ไปในงานท่ีเขาคุ้นเคย พฤติกรรมเหล่านจ้ี ะถูกพฒั นาไปในแนวของโครงสร้างองค์กรและสมาชกิ ทุกคนจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม
พ่งึ พาตวั เองสมาชกิ ของทีมที่ประสบความสาเรจ็ ในการทางานจะรว่ มมือกับคนอ่นื ๆ เพอ่ื ทางานชน้ิ ใดช้ินหน่งึ หรอื ทา ให้เป้าหมายสาเรจ็ อยา่ งไมห่ ลกี เลย่ี ง 3.3 กลยทุ ธ์ในกำรสร้ำงทีม กลยุทธ์ในการสร้างทีม โดยแนวความคิดแล้วท่านและเพื่อนร่วมทีมย่อมต้องการเป็นทีมท่ีประสบ ความสาเรจ็ ในการทางานโดยมที ่านเปน็ ผู้นาทีมมีขน้ั ตอนหลายข้ันตอนที่ท่านควรนามาใช้เพื่อให้บรรลุกระบวนการ อนั ไดแ้ ก่ 3.3.1 สร้างทีมย่อยๆ ข้ึนมา เห็นได้ชัดว่าท่านสามารถช่วยได้ในการกระตุ้นให้ทีมที่ประสบความสาเร็จ สามารถพฒั นาสมาชกิ อนั มีจากัดไดเ้ ม่ือต้องการ บางทีก็สัก 5 คน ซงึ่ อาจเป็นตวั เลขทีด่ ีทสี่ ดุ สาหรับสภาพแวดล้อมทว่ั ๆไป ท่านจาเป็นต้องคิดถึงบุคคลซ่ึงประกอบกันเข้าเป็นทีม คงไม่เหมาะสมนักที่จะให้มีพนักงานสองคนซึ่งเป็นนักคิด เข้าร่วมทีมจะทาให้เกิดกรณีพิพาทข้ึนภายในทีม เพราะการริเริ่มและทัศนะที่ไม่สอดคล้องกันฉันใดก็ฉันนน้ั เราไม่ ควรมีนักปฏิบัติการมากนัก เพราะแต่ละคนจะทางานไปคนละทางสองทาง ดังนั้นจึงควรนาเอาอัตราส่วนผสม ทีเ่ หมาะสมเข้ามาใช้ในการสร้างทีม ให้มีนกั คดิ นกั จัดองค์กร นกั ปฏบิ ตั ิการ และอ่นื ๆซ่ึงจะสนบั สนุนซึง่ กันและกัน และตรวจสอบกันเองเป็นไปตามความเหมาะสม 3.3.2 เห็นชอบในเป้าหมาย ให้แน่ใจว่าสมาชิกทุกคนรู้ว่างานของตนคืออะไรมาตรฐาน และ เป้าหมายคืออะไรและจะก้าวไปในทิศทางใด บุคลากรแต่ละหน่วยงานจะต้องพยายามรวมกลุ่มเข้าด้วยกัน เพ่ือ ทางานในหน้าท่ีอย่างดีท่ีสุดและให้อยู่ในทีมเดียวกัน สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้สมาชิกทุกคนจัดรูปงานของตนเข้ากบั งานของคนอ่ืน ๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมายรวมอย่างมีประสิทธิภาพ และทันเวลาต้องให้สมาชิกทุกคนเห็นด้วยกับส่ิง ทตี่ นกระทาอยวู่ ่ากาลงั ทาอะไร ทาเมือ่ ใดทาอย่างไร เพราะจะชว่ ยให้เกิดการประสานงานและทางานดว้ ยกนั อย่าง สามัคคกี ลมเกลียว 3.3.3 ร้จู กั สมาชกิ เป็นรายตัว เปน็ ทีก่ ระจ่างชัดว่า ทา่ นจะต้องรู้จักสมาชกิ แต่ละคนในทีมเปน็ อย่าง ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะสามารถระบุได้ว่าสมาชิกแต่ละคนมีลักษณะสาคัญและองค์ประกอบอย่างใด ทราบจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละคน ท่านจะต้องติดต่อกับแต่ละคนในลักษณะท่ีแตกต่างกันยกตัวอย่างเช่น นักปฏิบัติการจะต้องถูกกระตุ้นให้ทางานช้าลง รอคอยคิดและรับฟังคนอื่นก่อนท่ีจะทางานต่อ ในบางคร้ังท่าน จะต้องเข้าไปไกล่เกลี่ยสมาชิกของท่าน เช่นระหว่างนักปฏิบัติการกับนักตรวจสอบ ให้ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเจรจากัน รับฟังความคิดเห็นของแตล่ ะฝ่ายและยอมรับทัศนะของอีกฝ่ายหน่งึ บ้าง 3.3.4 รักษาไว้ซึ่งการติดต่อสื่อสารที่ดี การติดต่อส่ือสารระหว่างท่านและทีมงานและระหว่างทีม ด้วยกันเอง มีความสาคัญในการพัฒนาเพ่ือนาไปสู่การเป็นทีมท่ีจะประสบความสาเร็จในการทางานการติดต่อ ส่ือสารสองทางอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และผลที่ได้รับกลับมาจะชว่ ยหยดุ การซุบซบิ นนิ ทา ลดความสบั สน ระงับปัญหาต่างๆ ได้อยา่ งรวดเรว็ และฟื้นฟูสัมพนั ธภาพโดยรวม นบั เปน็ ความจาเป็นที่ทุกคนในองค์กรจะต้องพูดจากับคนอ่ืนๆทั้งใน การประชุมปกติ ท่ีเป็นทางการและอย่างไม่เป็นทางการเพื่อก้าวไปข้างหน้า ยอมรับคาแนะนาต่างๆ รับฟังและ แลกเปล่ยี นความคิดเห็นระหว่างกนั
กิจกรรมทำ้ ยเรื่องที่ 3 TO BE NUMBER ONE กบั กำรทำงำนเปน็ ทีม (ให้ผเู้ รียนไปทากิจกรรมท้ายเร่ืองท่ี 3 ในสมดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นร้ปู ระกอบชดุ วชิ า)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126