อำกำรของผเู้ สพยำบำ้ เมื่อเสพเข้าสู่ร่างกาย ในระยะแรกจะออกฤทธิ์ทาให้ร่างกายต่ืนตัว หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ใจส่ัน ประสาทตึงเครียด แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยา จะรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ ประสาทล้าทาให้การตัดสินใจช้า และผิดพลาด เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทาให้สมองเส่ือม เกิดอาการ ประสาทหลอน เห็นภาพลวงตา หวาดระแวงคลุ้มคล่ัง เสียสติ เป็นบ้าอาจทาร้ายตนเองและผู้อ่ืนได้ หรือในกรณีที่ ได้รับยาในปริมาณมาก (Overdose) จะไปกดประสาทและระบบการหายใจทาให้หมดสติ และถึงแก่ความตายได้ อนั ตรำยทไ่ี ด้รบั กำรเสพยำบ้ำก่อให้เกดิ ผลรำ้ ยหลำยประกำร ดงั นี้ 1) ผลต่อจิตใจ เม่ือเสพยาบ้าเป็นระยะเวลานานหรือใช้เป็นจานวนมาก จะทาให้ผู้เสพมีความ ผิดปกติทางด้านจิตใจกลายเป็นโรคจิตชนิดหวาดระแวง ส่งผลให้มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น เกิดอาการ หวาดหวั่น หวาดกลัว ประสาทหลอน ซ่ึงโรคนี้หากเกิดขึ้นแล้ว อาการจะคงอยู่ตลอดไป แม้ในช่วงเวลาท่ีไม่ได้ เสพยาก็ตาม 2) ผลต่อระบบประสาท ในระยะแรกจะออกฤทธิก์ ระตุน้ ประสาท ทาให้ประสาทตึงเครยี ด แตเ่ ม่ือ หมดฤทธ์ิยาจะมีอาการประสาทล้า ทาให้การตัดสินใจในเร่ืองต่างๆ ช้า และผิดพลาด และหากใช้ติดต่อกัน เป็นเวลานานจะทาให้สมองเส่ือม หรือกรณีที่ใช้ยาในปริมาณมาก (Overdose) จะไปกดประสาท และระบบการ หายใจทาให้หมดสติ และถึงแกค่ วามตายได้ 3) ผลต่อพฤติกรรม ฤทธ์ิของยาจะกระตุ้นสมองส่วนท่ีควบคุมความก้าวร้าว และความกระวน กระวายใจ ดังนั้น เมื่อเสพยาบ้าไปนานๆ จะก่อให้เกิดพฤติกรรมที่เปล่ียนแปลงไป คือ ผู้เสพจะมีความก้าวร้าว เพิ่มขึ้น และหากยังใช้ต่อไปจะมโี อกาสเป็นโรคจิตชนดิ หวาดระแวง เกรงว่าจะมีคนมาทาร้ายตนเอง จึงต้องทาร้าย ผอู้ ืน่ ก่อน 1.2.11 ยาอ,ี ยาเลิฟ ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) เป็นยาเสพติดกลุ่มเดียวกัน จะแตกต่างกันบ้างในด้านโครงสร้างทางเคมี ลักษณะของยาอี มีทั้งท่ีเป็นแคปซูลและเป็นเม็ดยาสีต่างๆ แต่ท่ีพบในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเม็ด กลมแบน เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 0.8-1.2 ซม. หนา 0.3-0.4 ซม. ผิวเรียบ และปรากฏสัญลักษณ์บนเม็ดยา เป็นรูปตา่ งๆ เช่น กระต่าย, ค้างคาว, นก, ดวงอาทิตย์, PT ฯลฯ เสพโดยการรับประทานเป็นเม็ด จะออกฤทธิ์ภายในเวลา 45 นาที และฤทธ์ยิ าจะอย่ใู นรา่ งกายได้นานประมาณ 6 – 8 ชัว่ โมง ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี เป็นยาท่ีแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นท่ีชอบเที่ยวกลางคืน ออกฤทธ์ิใน 2 ลกั ษณะ คอื ออกฤทธก์ิ ระตุ้นระบบประสาท ในระยะส้นั ๆ หลังจากนน้ั จะออกฤทธิห์ ลอกประสาทอยา่ งรนุ แรง ฤทธ์ิ ของยาจะทาให้ผเู้ สพรู้สึกร้อน เหงอ่ื ออกมาก หัวใจเต้นเรว็ ความดันโลหิตสูง การไดย้ นิ เสยี ง และการมองเห็นแสงสี ต่าง ๆ ผิดไปจากความเป็นจริง เคลิบเคลิ้ม ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ อันเป็นสาเหตุที่จะนาไปสู่
พฤตกิ รรมเส่อื มเสียต่างๆ และจากการค้นคว้าวิจยั ของแพทย์ และนกั วทิ ยาศาสตรห์ ลายท่าน พบวา่ ยาชนดิ นีม้ อี นั ตราย ร้ายแรง แม้จะเสพเพียง 1-2 คร้ัง ก็สามารถทาลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้ผู้เสพมีโอกาสติดเช้ือโรค ต่างๆ ได้ง่าย และยังทาลายเซลล์สมองส่วนที่ทาหน้าท่ีส่งสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซ่ึงเป็นสาระสาคัญในการ ควบคุมอารมณ์ให้มีความสขุ ซ่งึ ผลจากการทาลายดังกลา่ ว จะทาให้ผู้เสพเขา้ สสู่ ภาวะของอารมณ์ ทเี่ ศรา้ หมองหดหู่ อยา่ งมาก และมีแนวโน้มการฆ่าตัวตายสูงกว่าปกติ อำกำรของผ้เู สพยำอ,ี ยำเลิฟ, เอ็คซต์ ำซี มอี าการเหง่ือออกมาก หวั ใจเต้นเร็ว ความดันโลหติ สูง ระบบประสาทการรับร้เู กิดการเปล่ียนแปลงทั้งหมด (Psychedelic) ทาให้การได้ยินเสียง และการมองเห็นแสงสีต่างๆ ผิดไปจากความเป็นจริง เคลิบเคล้ิม ควบคุม อารมณไ์ ม่ได้ อนั ตรำยทีไ่ ดร้ บั การเสพยาอี กอ่ ให้เกดิ ผลร้ายหลายประการ ดงั นี้ 1) ผลต่ออารมณ์ เมอ่ื เริ่มเสพในระยะแรกยาอีจะออกฤทธกิ์ ระตุน้ ประสาท ให้ผูเ้ สพรูส้ ึกตื่นตวั ตลอดเวลา ไมส่ ามารถควบคมุ อารมณข์ องตนเองได้ เปน็ สาเหตใุ ห้เกดิ พฤติกรรม สาสอ่ นทางเพศ 2) ผลต่อการรูส้ ึก การรับรจู้ ะเปลย่ี นแปลงไปจากความเป็นจรงิ 3) ผลต่อระบบประสาท ยาอีจะทาลายระบบประสาท ทาให้เซลล์สมองส่วนท่ีทาหน้าท่ีหล่ังสารซโี รโทนนิ (Serotonin) ซึ่งเปน็ สาระสาคญั ในการควบคุมอารมณน์ ้นั ทางานผิดปกติกล่าวคือ เม่อื ยาอีเขา้ สสู่ มองแล้ว จะทาให้ เกิดการหล่ังสาร “ซีโรโทนิน” ออกมามากเกินกว่าปกติ ส่งผลให้จิตใจสดชื่นเบิกบาน แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป สารดังกล่าวจะลดน้อยลง ทาให้เกิดอาการซึมเศร้าหดหู่อย่างมาก อาจกลายเป็นโรคจิต ประเภทซึมเศร้า (Depression) และอาจเกิดสภาวะอยากฆ่าตัวตาย นอกจากนี้การที่สารซีโรโทนินลดลง ยังทาให้ธรรมชาติของ การหลับนอนผิดปกติ จานวนเวลาของการหลับลดลง นอนหลับไม่สนิท จึงเกิดอาการอ่อนเพลียขาดสมาธิในการ เรยี นและการทางาน อ่อนเพลยี ขาดสมาธิในการเรียน และการทางาน 4) ผลตอ่ สภาวะการตายขณะเสพ มกั เกิดเมอื่ ผูเ้ สพสูญเสียเหงื่อมาก ทาให้เกดิ สภาวะขาดน้าอย่างฉับพลัน หรือกรณีท่ีเสพยาอีพร้อมกับดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมาก หรือผู้ท่ีป่วยเป็นโรคหัวใจ จะทาให้เกิดอาการช็อก และ เสยี ชวี ติ ได้ สรปุ ยาเสพตดิ มีหลายชนิด มฤี ทธริ์ ้ายแรงทาลายสุขภาพ มีผลต่อระบบประสาทเป็นอย่างมาก ผูเ้ สพจะมี อาการในลักษณะทคี่ วบคุมตนเองไมค่ ่อยได้ เปน็ ไปตามฤทธ์ิของยาเสพตดิ แตล่ ะชนดิ เมือ่ เสพติดต่อกันไประยะหน่ึง
จะทาให้ มีความต้องการโดยขาดไมไ่ ด้ และจะมคี วามตอ้ งการเพิ่มขึ้นเร่ือย ๆ ในทสี่ ดุ รา่ งกายจะทรุดโทรม และเสียชีวิตในทส่ี ดุ ยาเสพติดเหลา่ นี้ได้แก่ ฝ่ิน มอรฟ์ ีน เฮโรอีน ยากลอ่ มประสาท กญั ชา ยาอี ฯลฯ ผู้เรยี น ไมค่ วร ริลอง เพราะจะทาให้เกิดการเสพติดโดยง่าย ทาใหเ้ สยี การเรียน เสียอนาคตในท่ีสุด ลกั ษณะอำกำรของผู้ตดิ ยำเสพตดิ ลกั ษณะทั่วไป 1) ตาโรยขาดความกระปรีก้ ระเปร่า นา้ มูกไหล น้าตาไหล ริมฝีปากเขียวคล้าแหง้ แตก (เสพโดยการสูบ) 2) เหงอ่ื ออกมาก กล่นิ ตัวแรง พูดจาไมส่ มั พนั ธ์กบั ความจริง 3) บริเวณแขนตามแนวเสน้ โลหติ มรี อ่ งรอยการเสพยาโดยการฉดี ให้เหน็ 4)ทีท่ อ้ งแขนมีรอยแผลเป็นโดยกรีดดว้ ยของมีคมตามขวาง (ติดเหลา้ แห้ง ยากล่อมประสาท ยาระงบั ประสาท) 5) ใสแ่ วน่ ตากรอบแสงเขม้ เป็นประจา เพราะมา่ นตาขยายและเพ่ือปิดนยั นต์ าสีแดงกา่ 6) มักสวมเส้ือแขนยาวปกปิดรอยฉีดยา โปรดหลีกให้พ้นจากบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าว ชีวิตจะสุขสันต์ ตลอดกาล 7) มคี วามต้องการอยา่ งแรงกลา้ ทีจ่ ะเสพยานั้นตอ่ ไปอีกเรือ่ ย ๆ 8) มคี วามโนม้ เอยี งที่จะเพิ่มปรมิ าณของสง่ิ เสพติดใหม้ ากขน้ึ ทกุ ขณะ 9) ถา้ ถงึ เวลาทีเ่ กิดความต้องการแลว้ ไมไ่ ด้เสพจะเกดิ อาการขาดยาหรืออยากยา โดยแสดงออกมา ในลกั ษณะอาการต่าง ๆ เช่น หาว อาเจยี น น้ามกู นา้ ตาไหล ทรุ นทุราย คลมุ้ คลงั่ ขาดสติ โมโห ฉุนเฉียว ฯลฯ 10) สิ่งเสพติดน้ันหากเสพอยู่เสมอๆ และเปน็ เวลานานจะทาลายสุขภาพของผู้เสพทั้งทางร่างกาย และจิตใจ 11) ทาให้รา่ งกายซูบผอมมโี รคแทรกซ้อน และทาให้เกดิ อาการทางโรคประสาทและจติ ไมป่ กติ
1.3 กำรปอ้ งกนั และหลกี เล่ยี งกำรตดิ ยำเสพตดิ การดาเนนิ งานปอ้ งกนั ยาเสพติด จาเปน็ ตอ้ งสรา้ งให้กลุ่มเปา้ หมายมี “ภูมิคุ้มกนั ” เกดิ ขนึ้ กบั ตวั เอง มีทักษะชีวิต (Life Skill) เพียงพอท่ีจะไม่ให้ตนเองต้องติดยาเสพติดและสามารถ เฝ้าระวังพฤติกรรมเส่ียง ปรับเปลยี่ นพฤติกรรมเส่ยี ง เพื่อปอ้ งกันมิใหบ้ ุคคลทตี่ นรกั เพอื่ นสนิท ฯลฯ ตดิ ยาเสพติดได้ โดยสามารถดาเนนิ การ ได้ ดังน้ี 1.3.1 ป้องกันตนเอง ไมใ่ ชย้ าโดยมไิ ด้รับคาแนะนาจากแพทย์ และจงอย่าทดลองเสพยาเสพติด ทุกชนดิ โดยเด็ดขาด เพราะตดิ งา่ ยหายยาก 1.3.2 ป้องกันครอบครัว ควรสอดส่องดูแลเด็กและบุคคลในครอบครัวหรือท่ีอยู่ร่วมกัน อย่าให้ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องคอยอบรมส่ังสอนให้รถู้ ึงโทษและภยั ของยาเสพติด หากมีผู้เสพยาเสพติดในครอบครัว จงจัดการให้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ให้หายเด็ดขาด การรักษาแต่แรกเร่ิมติดยาเสพติดมีโอกาสหายได้เร็วกว่า ท่ีปลอ่ ยไวน้ าน ๆ 1.3.3 ป้องกันเพื่อนบ้าน โดยช่วยช้ีแจงให้เพื่อนบ้านเข้าใจถึงโทษ และภัยของยาเสพติด โดยมิให้ เพื่อนบ้านรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต้องถูกหลอกลวง และหากพบว่าเพ่ือนบ้านติดยาเสพติด จงช่วยแนะนาให้ไปรกั ษาตวั ทโ่ี รงพยาบาล 1.3.4 ป้องกันโดยให้ความร่วมมือกับทางราชการ เม่ือทราบว่าบ้านใด ตาบลใด มียาเสพติดแพร่ ระบาด ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตารวจทุกแห่งทุกท้องที่ทราบ หรือท่ีศูนย์ปราบปรามยาเสพติดให้โทษ กรมตารวจ (ศปส.ตร.) โทร. 0-2252-7962, 0-2252-5932 และท่ีสานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สานักงาน ป.ป.ส.) สานักนายกรัฐมนตรี โทร. 0-2245-9350-9 สรุป ยำเสพติดได้แพร่ระบำดเข้ำไปถึงกลุ่มคนทุกกลุ่ม ส่งผลกระทบต่อสุขภำพของกลุ่มคนเหล่ำน้ัน และมี ผลต่อประเทศชำติในที่สุด กำรดำเนินงำนปอ้ งกันยำเสพติด จงึ ควรใหภ้ มู ิคุ้มกันแก่กลุ่มเปำ้ หมำย โดยมี หลกั กำร รปู แบบกิจกรรมเพอ่ื ปอ้ งกนั ยำเสพตดิ ใหโ้ ทษทช่ี ัดเจน 1.4 กฎหมำยทเี่ กี่ยวขอ้ งกับยำเสพติด “ยาเสพติดเป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิษต่อสังคม” เป็นคากล่าวท่ีแสดงถึงภาพของยาเสพติดเป็นอย่างดี ในปัจจุบันปัญหาเรื่องยาเสพติดเป็นปัญหาท่ีทุกชาติให้ความสาคัญเป็นอย่างมาก ในการป้องกันและปราบปราม และถือว่าเป็นความผิดสากลซ่ึงแต่ละชาติสามารถจับกุมและลงโทษผู้กระทาความผิดเก่ียวกับยาเสพติดได้ทันที กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดได้ให้ความหมายของคาว่ายาเสพติดไว้ ดังน้ี “สารเคมีหรือวัตถุชนิดใดๆ ซึ่งเมื่อเสพ เข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะโดยรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยประการใดๆ แล้วทาให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจ
ในลักษณะสาคัญ เช่น ต้องเพิ่มขนาดการเสพข้ึนเป็นลาดับ มีอาการถอนยาเม่ือขาดยา มีความต้องการเสพท้ัง ทางรา่ งกายและจติ ใจอย่างรุนแรงตลอดเวลาและสุขภาพโดยท่วั ไปจะทรุดโทรมลง กับใหร้ วมถึงพชื หรือสว่ นของพืช ท่ีเป็นหรือให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษ หรืออาจใช้ผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษ และสารเคมีที่ใช้ในการผลิต ยาเสพติดให้โทษด้วย” จากความหมายของยาเสพติดทาให้ทราบว่าอะไรบ้างที่เข้าลักษณะของยาเสพติด พืช อาจเป็นยาเสพติดได้ ถ้าเสพแล้วเกิดผลต่อร่างกายและจิตใจจนขาดไม่ได้ มิใช่เฉพาะแต่เฮโรอีน ซึ่งเป็นสิ่ง สงั เคราะห์เท่านน้ั ที่เป็นยาเสพติดใหโ้ ทษ 1.4.1 ประเภทของยำเสพติดและบทลงโทษตำมกฎหมำย ตามกฎหมายไดแ้ บ่ง ประเภทของยาเสพตดิ ให้โทษแบง่ ออกเป็น 5 ประเภท 1) ยาเสพติดประเภท 1 ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง เช่น เฮโรอีน ฝ่ิน ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จาหน่าย นาเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เว้นแต่เพ่ือประโยชน์ทางราชการ ตามที่รัฐมนตรี อนญุ าต เปน็ หนงั สอื เฉพาะราย ผู้ฝา่ ฝืนระวางโทษตั้งแต่ 1 ปถี ึงประหารชีวิต แล้วแต่จานวนยาเสพติด ทจี่ าหนา่ ย หรือมีไว้ ในครอบครอง 2) ยาเสพติดประเภท 2 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษทั่วไป เชน่ มอรฟ์ ีน กฎหมายห้ามมใิ ห้ผู้ใด ผลติ นาเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 แต่สามารถจาหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองได้ เมื่อได้รับอนุญาต จากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือผู้ซ่ึงได้รับมอบหมายหรือสาธารณสุขจังหวัด สาหรับการมีไว้ ในครอบครองท่ีไม่เกินจานวนที่จาเป็นสาหรับใช้รักษาโรคเฉพาะตัว โดยมหี นังสือรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ไมต่ ้องขออนญุ าต ผู้ฝา่ ฝืนระวางโทษจาคกุ ไม่เกิน 5 ปี ถึงจาคกุ ตลอดชวี ิต แล้วแต่ความหนกั เบาของความผดิ 3) ยาเสพติดประเภท 3 ยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดประเภท 2 เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย เช่น ยาแก้ไอผสมโคเคอีน กฎหมายห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นาเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 3 เว้นแต่ ได้รับอนุญาต ซึ่งต้องเป็นร้านค้าท่ีได้รับอนุญาตให้ผลิต ขาย นาหรือส่งเข้า ในราชอาณาจักร ประเภทยาแผน ปจั จุบนั และมเี ภสัชกรประจาตลอดเวลาท่ีเปิดทาการ ผู้ฝ่าฝนื ระวางโทษจาคุกไม่เกนิ 1 ปถี ึงจาคุกไมเ่ กนิ 3 ปี 4) ยาเสพติดประเภท 4 สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือประเภท 2 กฎหมายหา้ มมใิ หผ้ ู้ใดผลติ นาเขา้ หรอื สง่ ออกหรอื มไี ว้ในครอบครองซ่งึ ยาเสพติดให้โทษประเภท 4 เวน้ แต่รัฐมนตรี อนุญาต ผ้ฝู ่าฝนื ระวางโทษจาคกุ ตั้งแต่ 1 ปี – 10 ปี 5) ยาเสพติดประเภท 5 ยาเสพตดิ ให้โทษทม่ี ไิ ดเ้ ข้าอยู่ในประเภท 1 ถงึ ประเภท 4 เช่น กญั ชา พืชกระทอ่ ม กฎหมายมิให้ผู้ใด ผลิต จาหนา่ ย นาเขา้ สง่ ออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เวน้ แตร่ ฐั มนตรีอนุญาต ผู้ฝ่าฝนื ระวางโทษจาคกุ ต้ังแต่ 2 ปี – 15 ปี
1.4.2 กฎหมำยท่ีเกี่ยวข้องกับยำเสพติด พระราชบัญญัติและระเบียบต่างๆ ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีหลายฉบับ ซงึ่ สามารถจัดเป็นกลมุ่ ๆ ได้ คอื 1.4.2.1. กฎหมายทเี่ ก่ียวกับตัวยา ได้แก่ 1) พระราชบญั ญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 2) พระราชบญั ญัตยิ าเสพติดใหโ้ ทษ (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2545 3) พระราชบัญญัติวตั ถุทีอ่ อกฤทธติ์ อ่ จิตและประสาท พ.ศ. 2528 แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ พ.ศ. 2535 4) พระราชกาหนดป้องกนั การใชส้ ารระเหย พ.ศ. 2533 5) พระราชบัญญตั คิ วบคมุ โภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 1.4.2.2 กฎหมายท่เี กีย่ วกบั มาตรการ ไดแ้ ก่ 1) พระราชบัญญัติปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 2) พระราชบญั ญัติป้องกนั และปราบปรามยาเสพติด (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ.2545 3) พระราชบญั ญตั ฟิ ื้นฟสู มรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพตดิ พ.ศ.2545 ประชาชน นักเรียน นักศึกษาจึงควรศึกษาทาความเข้าใจถึงข้อกาหนดการกระทาผิดและบทลงโทษ ท่ีเกี่ยวกับยาเสพติด เพ่ือหลีกเล่ียงการกระทาผิดพร้อมท้ังควรแนะนาเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวแก่เพื่อน สมาชิก ในครอบครัว และประชาชนในชุมชน ให้ตระหนักถึงโทษภัยของยาเสพติด รวมท้ังร่วมกันรณรงค์ป้องกันการ แพร่ระบาดสู่เดก็ และเยาวชนในชมุ ชน ตอ่ ไป ทั้งนี้ การกระทาความผิดเก่ียวกับยาเสพติดไม่ว่าจะกระทาในหรือนอกประเทศต้องรับโทษในประเทศ ซึ่งถ้ารับโทษจากต่างประเทศมาแล้ว ศาลอาจลดหย่อนโทษให้ตามสมควร และตามท่ีกล่าวไว้ในตอนต้นถึงความ จริงจังในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จึงมีการกาหนดให้การกระทาบางอย่างต้องรับโทษหนักกว่า กฎหมายอื่น เช่น กาหนดโทษให้ผู้พยายามกระทาความผิดต้องระวางโทษเสมือนกระทาความผิดสาเร็จ ซ่ึงตาม กฎหมายอาญา ผู้พยายามกระทาความผิดจะรับโทษเพียง 2 ใน 3 ของโทษมีกาหนดสาหรับความผิดนั้นเท่านั้น นอกจากนี้ผู้สนับสนุน ช่วยเหลือ ให้ความสะดวกผู้กระทาความผิด ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทาความผิด และทรพั ย์สินทีไ่ ด้มาจากการกระทาความผิด จะตอ้ งถกู ศาลสัง่ รบิ นอกจากพิสูจน์ไดว้ ่าทรัพย์สนิ น้ันไม่เกย่ี วข้องกับ การกระทาความผิด และในเร่ืองการสืบทราบการกระทาผิด เจ้าหน้าที่มีอานาจเรียกบุคคลใดให้ถ้อยคาส่งบัญชี เอกสารหรือหลักฐานใดๆ ประกอบการพิจารณาและมีอานาจเข้าไปในเคหสถาน เมื่อตรวจค้นหลักฐานในกรณี มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทาความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เมื่อตรวจสอบและพบหลักฐานการกระทาความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด เจ้าหน้าท่ีมีอานาจจับกุมและสอบสวนผู้กระทาผิด และทาสานวนฟ้องศาลต่อไปตามกระบวน พิจารณาของศาล ซ่ึงโทษท่จี ะได้รับสาหรับผูก้ ระทาความผดิ คงเปน็ โทษทีห่ นักเนื่องจากความผิดเก่ยี วกับยาเสพติด เปน็ ความผดิ รา้ ยแรง ท่ีแตล่ ะชาติได้ใหค้ วามสาคัญ ตามท่ีกลา่ วไว้ในขา้ งต้น
กิจกรรมท้ำยเรอ่ื งท่ี 1 ควำมรูเ้ กีย่ วกบั ยำเสพติด (ใหผ้ ู้เรยี นทากิจกรรมท้ายเร่ืองท่ี 1 ในสมุดบันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชดุ วชิ า) เร่อื งท่ี 2. กำรวเิ ครำะห์ปญั หำ สำเหตุ ผลกระทบ และกำรแพรร่ ะบำดของยำเสพติดในปจั จุบันของ ประเทศไทย 2.1 สถำนกำรณ์ยำเสพตดิ ในปจั จบุ ัน ปัจจุบนั ปญั หาการแพรร่ ะบาดของสารเสพติด นบั ว่ารุนแรงมากยิง่ ขึ้น โดยเฉพาะในกล่มุ เดก็ และเยาวชน จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า จานวนผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติดในกลุ่มเด็กนักเรียนเพิ่มมากข้ึน จนน่าเป็นห่วง ซ่ึงการที่เด็กวัยเรียนมีการเสพติด ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สติปัญญา และสมาธิในการเรยี นรู้ ทาใหค้ ณุ ภาพประชากรลดลง เป็นปญั หาตอ่ การพัฒนาประเทศ และการแขง่ ขันในระดบั โลก ตอ่ ไปในอนาคต ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาความมั่นคงปลอดภัยของมนุษยชาติ (Human security) และยาเสพติด เปน็ ตัวการท่สี าคญั ในการบ่อนทาลายกาลงั ทรัพยากรบคุ คลของชาติ ความรนุ แรงของสถานการณย์ าเสพติด จะเป็น ตัวแปรท่ีสาคัญให้มีการกาหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ของรัฐบาลและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกรัฐบาลท่ีผ่านมา ให้ความสาคัญต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับที่สูงมาก โดยการ กาหนดเป็นวาระแห่งชาติ (National agenda) การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นนโยบายสาธารณะ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การควบคุมพฤติกรรมของบคุ คล เพอ่ื ประโยชนต์ อ่ สงั คมส่วนรวม (Protective regulatory policy) ในอนาคตปัญหายาเสพติด ยงั คงมีแนวโน้มรุนแรงอยู่ และนบั วนั จะทวีความซบั ซอ้ นมากยงิ่ ขน้ึ ประชาชน ได้คาดหวังให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดในการควบคุม ป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาอย่างมี ประสิทธิภาพ เพ่ือจะได้มีความรู้สึกม่ันคงปลอดภัยในการดารงชีวิต ด้วยเหตุน้ีการจัดทาแผนยุทธศาสตร์เพ่ือใช้ เป็นกรอบทิศทางในการดาเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเป็นเรอ่ื งทีม่ ี ความสาคญั และเป็นอย่างย่งิ 2.2 สถำนกำรณ์กำรลกั ลอบผลิตยำเสพตดิ 2.2.1 ดา้ นประเทศเมยี นมาร์ ยงั คงมสี ถานะเป็นประเทศผู้ผลติ ยาเสพติดหลักในภมู ภิ าคอาเซียน ทั้งฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า และไอซ์ โดยเฉพาะยาบ้าซ่ึงผลิตเพ่ือส่งตลาดในประเทศไทยเป็นหลัก แม้ว่ารัฐบาลเมียนมาร์ จะมคี วามพยายามในการเจรจาหยดุ ยิงกับชนกล่มุ น้อยกลุ่มตา่ งๆ เพ่อื ให้เกดิ ความสงบสุขภายในประเทศ ตลอดจน มกี ระบวนการเดนิ หน้าทางประชาธิปไตย ส่งิ เหลา่ น้คี าดวา่ จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ยาเสพติด ในประเทศ เมยี นมาร์มากนกั เนื่องจากกล่มุ วา้ มักจะไมเ่ ขา้ รว่ มในการเจรจาทส่ี าคญั นอกจากน้ีหากประเทศเมียนมาร์ ต้องการกวาดล้างแหล่งผลิตยาเสพติดต้องใชท้ ั้งงบประมาณ อาวธุ และ
กาลังพลจานวนมาก จึงไม่ใช่เร่ืองสาคัญลาดับต้นๆ ของนโยบายของประเทศเมียนมาร์ และรัฐบาลเองก็ไม่มี งบประมาณเพียงพอท่ีจะดูแลชนกลุ่มนอ้ ย ที่ขาดรายได้จากยาเสพติด และอาจก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไมด่ ี หากใช้ ความรุนแรงในการปราบปราม 2.2.2 ดา้ นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ยังคงเป็นประเทศทผ่ี ลิตกัญชา แล้วสง่ ผลกระทบต่อ ประเทศไทยมากท่ีสุดในอาเซยี น รวมทงั้ มีการปลกู ฝิ่นในพน้ื ที่ทางตอนเหนือของประเทศเพิ่มสงู ขึ้นทุกปี สะทอ้ นถึง ความตอ้ งการฝิ่นดิบจานวนมากเพ่อื สง่ โรงงานผลิตเฮโรอนี นอกจากนั้นยงั มีสถานะเปน็ ประเทศทางผ่านยาเสพติด สาคัญจากประเทศเมียนมาร์มายังไทย เวียดนาม และกัมพูชา ก่อนที่จะลาเลียงต่อไปยังประเทศต่างๆ รวมถึง เปน็ ทางผา่ นสารต้งั ต้น เขา้ สแู่ หล่งผลิตในพืน้ ทสี่ ามเหลยี่ มทองคา 2.2.3 ด้านประเทศกัมพูชา มีความเป็นไปได้ท่ีจะยังคงมีการผลิตไอซ์ สารตั้งต้นซาฟโรล สาหรับผลิต เอ็กซ์ตาซีหรือยาอี และยังเป็นฐานการค้าของเครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวแอฟริกันซ่ึงกระจายยาเสพติด ได้แก่ ไอซ์ และโคเคน ไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะประเทศไทย รวมถึงยังมีสถานะเป็นทางผ่าน ยาเสพติดท้ังเฮโรอีน ไอซ์ และยาบ้าจากพนื้ ที่สามเหล่ียมทองคาไปยงั ประเทศทส่ี าม 2.2.4 ดา้ นพืน้ ทภ่ี าคเหนือของประเทศไทย การลกั ลอบปลูกฝน่ิ มีแนวโน้มทรงตัว การเพิ่มข้ึนหรอื ลดลง ของพ้ืนที่ปลูกในแต่ละปีมีไม่มากนัก สามารถควบคุมปัญหาได้ในแต่ละปีสามารถดาเนินการตัดฟันทาลายต้นฝ่ิน ได้มากกว่าร้อยละ 95 ผลผลิตที่ได้ส่วนใหญ่เหลือเพียงใช้เสพในพ้ืนที่เท่านั้น แม้ว่าผลผลิตที่ได้จะไม่ส่งผลต่อ สถานการณย์ าเสพติดภายในประเทศ แต่ต้องมกี ารเฝา้ ระวังและปอ้ งปรามในพ้นื ท่เี ดมิ ท่ีมีการปลูก โดยเฉพาะพ้ืนท่ี ท่ีทุรกันดารยากต่อการเข้าถึงของเจ้าหน้าท่ี ได้แก่ อาเภออมก๋อย เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อาเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก และอาเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีโอกาสลักลอบปลูกเพิ่มขึ้น ปัญหาฝิ่นมีลักษณะซับซ้อนและ เกยี่ วขอ้ งกับปญั หาด้านอนื่ ๆ ของประเทศด้วย 2.2.5 ด้านพ้ืนท่ีท่ัวไป การลักลอบปลูกกัญชาและพืชกระท่อมยังมีการกระจายตัวไปในทุกภูมิภาค ของประเทศ การค้นหาแหลง่ เพาะปลูกกัญชาและพชื กระท่อม เพ่ือทาการปราบปรามตัดฟันทาลายเป็นไปไดย้ าก 2.2.6 เม่ือมีการปราบปรามจับกุมและสกัดกั้นอย่างเข้มงวด องค์กรการผลิตยาเสพติด จะพัฒนาตวั เอง และกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมใี หม้ ีความซับซอ้ นมากข้ึน มคี วามพยายามแสวงหาเคมีภัณฑ์ชนิดใหม่ๆ รวมทัง้ สารต้ังต้นประเภทอื่นๆ มาใช้มากขึ้นโดยลาดับ ประกอบกับอุปกรณ์การผลิตยาเสพติดบางประเภท ยังไม่ผิด กฎหมายแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์การผลิต เครื่องอัดเม็ด (tableting rotary) โดยสภาพปกติแล้ว สามารถครอบครอง ซ้ือขาย และเคลื่อนย้ายได้โดยท่ัวไป จึงมีความเป็นไปได้ท่ีจะมีการลักลอบผลิตเกิดข้ึน โดย มลี ักษณะท่ไี มย่ งุ่ ยากซับซ้อน เป็นการอดั เม็ดใหม่เพอ่ื เพ่ิมกาไรในการจาหน่ายแก่ผู้ผลิตยาบ้า หรือการลกั ลอบผลิต ยาบา้ และไอซ์ ภายในประเทศในลักษณะ kitchen lab โดยมีความพยายามเปล่ียนพนื้ ที่ไปไม่เลอื กพืน้ ที่เดิมท่ีเป็น ทเี่ พง่ เล็งของเจ้าหน้าท่ี
2.2.7 พัฒนาการในกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมี ทาให้ศักยภาพในการผลิตยาเสพติดสูงข้ึนตามไป ด้วย มียาเสพติดชนิดใหม่ๆ เข้ามาแพร่หลายในท้องตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างย่ิงยาเสพติดประเภทสังเคราะห์ (designer drugs) 2.3 สถำนกำรณ์กำรลกั ลอบนำเข้ำยำเสพติด 2.3.1 การลักลอบนาเข้ายาเสพติดทางบก ด้วยเหตุท่ีประเทศไทยมีพ้ืนที่ชายแดนทางบกติดต่อกับ ประเทศเพื่อนบ้านเป็นระยะทางยาวมาก ปัจจัยด้านสภาพภูมิประเทศจึงยังคงเออื้ อานวยต่อการลักลอบนาเข้ายา เสพติด อยู่ในพ้ืนที่นาเข้าหลัก (เกินกว่าร้อยละ 80) ยังคงเป็นพื้นท่ีชายแดนภาคเหนือ โดยเฉพาะพ้ืนที่จังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเป็นพ้ืนที่ๆ อยู่ใกล้กับแหล่งเก็บพักยาเสพติดของกลุ่มผู้ผลิต และ เป็นเขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม หากการสกัดกั้นในพื้นท่ีชายแดนภาคเหนือ มีความเข้มข้นและเป็นไปอย่างต่อเน่ือง จะเปลี่ยนเส้นทางมานาเข้าในพ้ืนท่ีภาคะวันออกเฉียงเหนือเพ่ิมมากข้ึน พน้ื ทๆ่ี ควรเฝ้าระวังอยา่ งใกล้ชดิ เน่ืองจากมกี ารนาเขา้ ในปริมาณมากอยา่ งต่อเน่ืองหรือเปน็ พืน้ ที่ใหมท่ ่เี ริม่ ปรากฏ การนาเข้าในปริมาณมาก ได้แก่ อาเภอแม่สาย อาเภอแม่ฟ้าหลวง อาเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย อาเภอฝาง อาเภอไชยปราการ อาเภอเชียงดาว อาเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อาเภอเมือง จังหวัดหนองคาย อาเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ อาเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี อาเภอชานุมาน จังหวัดอานาจเจรญิ อาเภอเมือง อาเภอท่าอุเทน อาเภอธาตุพนม อาเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม อาเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และอาเภอสงั ขละบรุ ี จังหวดั กาญจนบรุ ี เปน็ ต้น ภาพท่ี 8 ภาพการลักลอบขนยาเสพติด (ขนยาเสพติดหนา้ แลง้ , 2562) 2.3.2 การลักลอบนาเข้ายาเสพติดทางน้า การลักลอบนาเข้ายาเสพติดผ่านทางแม่น้าระหว่างประเทศ และน่านน้าระหวา่ งประเทศมแี นวโน้มยังคงอยูอ่ ย่างตอ่ เน่ือง
2.3.3 การลักลอบนาเข้ายาเสพติดทางอากาศ เน่ืองจากประเทศไทยมีระบบการคมนาคมขนส่งทาง อากาศที่เช่ือมโยงกับทั่วทุกภูมิภาคของโลก สถานะของประเทศไทยจึงเป็นไปได้ทั้งเป็นประเทศต้นทาง (Source country) ประเทศทางผ่าน (Transit country) และประเทศปลายทาง (Destination country) ของการ ลักลอบ ลาเลียงยาเสพติด การลักลอบนาเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศโดยทางเครื่องบินมักจะใช้สนามบิน สุวรรณภูมิ เป็นหลัก หลังจากท่ีมีการเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นทาให้กลุ่มเครือข่ายการค้ายาเสพติด ระหว่างประเทศปรับเปลี่ยนเสน้ ทางการลาเลียง โดยการนาผา่ นประเทศเพือ่ นบ้านก่อนนาเข้าประเทศไทยโดยทาง บก มาเป็นการใช้สนามบินนานาชาติในภูมิภาค ได้แก่ สนามบินนานาชาติภูเก็ต สนามบินนานาชาติสมุย และ สนามบนิ นานาชาติเชียงใหม่ การปรบั เปลย่ี นการเดินทางโดยใช้สายการบิน Low cost รวมทง้ั การเปล่ียนแปลงตัว ผู้ลาเลียงให้หลากหลายสัญชาติ ข้อมูลดังกล่าวเหล่าน้ีจาเป็นต้องมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพ่ือ ประโยชน์ในการวางแผนเฝา้ ระวังรว่ มกัน 2.3.4 การพัฒนาเสน้ ทางคมนาคมขนสง่ รองรับการเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซียนท่ีคาดว่าอาจจะส่งผลกระทบ ต่อการลักลอบลาเลียงยาเสพติดในอนาคตที่ต้องเฝ้าระวังได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรือน้าลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย โดยจะมกี ารพัฒนาโครงสรา้ งพน้ื ฐานทางถนนท่สี าคญั 2.3.5 มีปริมาณยาเสพติดจานวนมากท่ีรอดพ้นไปจากการสกัดกั้นปราบปรามและจับกุมของเจ้าหน้าท่ี และถูกกระจายไปสูก่ ล่มุ ผเู้ สพผู้ติดในประเทศ 2.4 สถำนกำรณก์ ำรลกั ลอบสง่ ออกยำเสพติด 2.4.1 การลกั ลอบส่งออกยาเสพติดทางบก ความตกลงวา่ ด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภมู ิภาคลุ่มน้า โขง และความตกลงอาเซียนว่าดว้ ยการอานวยความสะดวกในการขนสง่ ผู้โดยสารทางบกข้ามพรมแดน อาจจะเป็น ชอ่ งโอกาสของการลกั ลอบสง่ ออกยาเสพตดิ มากข้นึ ได้ 2.4.2 การลักลอบส่งออกยาเสพติดทางน้า แนวโน้มการขนส่งสินค้าทางท่าเรอื ยงั คงมีมากอย่างต่อเน่ือง ในแต่ละวันมีสินค้าไหลเวียนผ่านทางคลังสินค้า เพื่อการส่งออกไปยังต่างประเทศเป็นปรมิ าณมาก จนไม่สามารถ ทาการตรวจตูบ้ รรจสุ นิ คา้ ได้โดยละเอยี ดและทัว่ ถงึ ย่ิงไปกว่านนั้ สภาพชายฝ่ังทะเลท่ียาว ทาให้ยากต่อการตรวจตรา ดูแลใหท้ ่วั ถงึ ยงั มปี ญั หาในการตรวจตราและควบคุมเรือ เพราะมีการใชพ้ าหนะหลากหลายรูปแบบ ทงั้ เรือหางยาว ติดเครื่องยนต์ท้าย เรือประมงขนาดเล็ก เรือประมงขนาดใหญ่ติดอาวุธ มีเรือประมงทั้งท่ีจดทะเบียนและไม่จด ทะเบียนเคล่ือนไหวเข้าออกได้ทุกจุด เรือบรรทุกสินค้าขนาดเล็กก็สามารถจอดแวะท่ีท่าเทียบเรือ ระหว่างการ เดินทางที่ใดก็ได้ หลายจุดเป็นพื้นท่ีอิทธิพลเป็นท่าเรือเอกชน ในการปฏิบัติการทางทะเลเพ่ือสกัดกั้น การลักลอบ ลาเลียงยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ้ืนท่ีๆเป็นรอยต่อเขตเหลื่อมทับ และเขตพ้ืนท่ีทับซ้อนทางทะเลอาจจะ กลายเป็นการเผชิญหนา้ กนั และกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกบั ประเทศเพ่อื นบ้านขน้ึ ได้
2.4.3 การลักลอบส่งออกยาเสพติดทางอากาศ เน่ืองจากพื้นท่ีท่าอากาศยานแต่ละแห่งกว้างขวาง มีช่องทางเข้าออกหลายแห่ง มีทั้งผู้โดยสารและผู้ใช้บริการเป็นจานวนมากในแต่ละวัน ในการควบคุมดูแล และตรวจตราผู้โดยสารเคร่ืองบินก่อนออกเดินทางก็มีเวลาค่อนข้างจากัดมาก ยิ่งไปกว่านั้นหากเจ้าหน้าท่ี ไม่มีประสบการณ์หรอื ไม่มีข่าวสารทช่ี ัดเจนก็ยากท่จี ะดาเนินการสกัดกั้นจับกุม 2.4.3 การลักลอบนาสารต้ังต้นและเคมีภัณฑ์จากประเทศไทยเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านยังคงเกิดขน้ึ ทั้งการกว้านซ้ือในประเทศ และการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพ่ือส่งออกโดยเฉพาะยาแก้หวัดสูตรผสม ซูโดอีเฟดรีน กรดอาเซติก โซเดียมคาร์บอเนต กรดไฮโดรคลอริก กาเฟอีน และฟอสฟอรัส ที่มีการระบุว่าเปน็ สาร ที่สามารถใชเ้ ป็นสารต้ังตน้ ในการผลติ ยาบา้ และไอซ์ 2.4.4 การควบคุมยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เป็นปัญหาระดับชาติและนานาชาติ ทุกประเทศ ตอ้ งหามาตรการปอ้ งกันการยกั ย้าย การเปลี่ยนแปลง และการลักลอบลาเลยี งเพื่อนาไปใชใ้ นทางที่ผิดกฎหมาย 2.5 สถำนกำรณก์ ำรลักลอบคำ้ ยำเสพติด 2.5.1 กลุ่มนักค้าชาวแอฟริกันยังคงมีบทบาทสาคัญในการบงการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าดาเนนิ การในประเทศเพ่ือนบ้านอาศัยการเปิดประเทศเข้าสู่ประชาคมอาเซยี น ซ่ึงจะเอ้ือประโยชน์ ในการลาเลยี งยาเสพติด ขณะท่กี ลมุ่ ผู้ลาเลียงภายในประเทศท่ีสาคญั คอื กลุ่มม้ง มูเซอ ลีซอ และอาขา่ โดยเฉพาะ กลุ่มม้งที่มีเครือข่ายใหญ่ครอบคลุมในพื้นที่ภาคเหนือจะเข้ามามีบทบาทสาคัญในการลาเลียง รวมทั้ง การพัฒนาตนเองเปน็ นกั คา้ ยาเสพติด 2.5.2 ในชว่ งทผ่ี า่ นมายังไม่สามารถตดั วงจรการค้ารายสาคัญท่ีอยู่ในและนอกเรือนจา รวมถึงเจา้ หนา้ ท่ี รัฐที่เข้าไปเก่ียวข้องกับยาเสพติดได้จากสถิติการจับกมุ พบว่ากลุ่มนักค้ารายใหญย่ งั คงมบี ทบาทในการบงการๆค้า อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มนักโทษรายสาคัญในเรือนจาและเจ้าหน้าที่รฐั ถือเป็นตัวจักรสาคัญต่อสถานการณ์ปญั หา ยาเสพติดในอนาคต 2.5.3 แม้ว่ากลุ่มการค้าส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีการเดิมๆ ในการซุกซ่อนยาเสพติด แต่ช่วงหลังพบการ ลักลอบขนส่งโดยรถโดยสารประจาทาง รถไฟ บริษัทขนส่งสินค้า การส่งทางพัสดุไปรษณีย์บ่อยครั้งขึ้น จาเป็น จะต้องประสานความร่วมมือกับบริษัทไปรษณีย์ไทยจากัด การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมการขนส่งทางบก เพื่อกาหนดมาตรการในการป้องกัน ตรวจสอบ และพิจารณาดาเนินการเพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับ สถานการณท์ ีเ่ กิดขนึ้ 2.5.4 จากการจับกุมคดีผลิตไอซ์ในช่วงปี 2552 - 2553 มีผู้ต้องหาระบุว่าได้เรียนรู้การผลิต และส่ังซื้อสารต้ังต้นจากอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ยังปรากฏว่ามีหลายเว็บไซต์ท่ีมีการโฆษณาเชิญชวนและ
จาหน่ายยาเสพติด หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารต้องร่วมมือกัน แก้ไขอยา่ งใกล้ชดิ 2.5.5 เนอื่ งจากขบวนการค้ายาเสพตดิ มีเงินจานวนมากเข้ามาเกยี่ วข้อง แมว้ ่าภาครฐั จะได้มมี าตรการ ในการยึดทรัพยส์ ินและพยายามสืบสาวไปถงึ ผู้บงการท่อี ยู่เบ้ืองหลัง แต่การเปดิ เสรดี ้านการเงินในอนาคต อาจส่งผล ให้การดาเนินงานด้านธุรกรรมการเงินของผู้ค้ามีความซับซ้อนมากขึ้น ท้ังนี้เพื่อป้องกันหรือตัดตอนมิให้สามารถ จบั กุมผูค้ า้ ยาเสพติดรายใหญ่หรือผู้อยเู่ บอ้ื งหลังได้ 2.5.6 ในกรณีที่มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรงและต่อเน่ืองจะนาไปสู่ภาวะขาดแคลน ยาเสพติด สภาพยาเสพติดท่ีหายากทาให้ราคายาเสพติดสูงข้ึน ผลของราคายาเสพติดที่แพงกลายเป็นแรงจูงใจ ให้มีคนบางกลมุ่ หนั มาคา้ ยาเสพติดมากขึ้นเพ่ือหวงั ผลกาไร 2.5.7 เม่ือใดท่ีมีการมุ่งเน้นปราบปรามยาเสพติดชนิดใดเข้มงวดมาก มีแนวโน้มจะทาให้เกิด การหลีกเลี่ยงหันไปสู่ยาเสพติดชนิดใหม่เกิดข้ึน เกิดการแตกตัวของยาเสพติดขึ้นมามากมาย (Diversification of drug) หรือไม่ กห็ ันไปคา้ ยาเสพติดในพนื้ ทอ่ี นื่ ๆ (Displacement effect) มากยิ่งขนึ้ 2.6 แนวโน้มสถำนกำรณ์ปญั หำเสพตดิ ในระดบั พ้ืนที่ จากการประมวล วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลที่มีทาให้เห็นแนวโน้มปัญหายาเสพติดในระดับพื้น ทีว่ ่ามีความรุนแรงมากขนึ้ กล่าวคอื 2.6.1 พ้ืนทภี่ าคเหนอื ตอนบน ปริมาณยาเสพติดภายนอกประเทศ ยังคงมอี ย่ลู น้ เหลือ มียาเสพติดจานวนมากพกั รอตามแนวชายแดน เพ่ือคอยจังหวะโอกาสท่ีจะนาเข้ามาในประเทศไทย พื้นที่นาเข้ายาเสพติดหลักยังคงเป็นพ้ืนที่จังหวัดเชียงใหม่ และเชยี งราย ถึงแม้จะได้มีการสกัดกัน้ ปราบปรามจับกุมการลักลอบลาเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน ได้มากข้ึน ก็ตามแต่เชื่อว่ายังมียาเสพติดที่หลุดรอดเข้ามายังพ้ืนท่ีตอนในได้อีกเป็นจานวนมากเช่นกัน ยังมีความพยายาม ลักลอบลาเลียงยาเสพติดจากพ้ืนที่ชายแดนเข้ามายังพ้ืนท่ีตอนในอย่างต่อเนื่อง เครือข่ายการค้ายาเสพติด จะเปลย่ี นแปลงไปเป็นลกั ษณะองคก์ รอาชญากรรมที่ขยายตัวกว้างขวางย่งิ ขน้ึ เครือขา่ ยนักโทษในเรือนจายงั คงเป็น กลุ่มหลักในการเชื่อมโยงการค้ากับกลุ่มนักค้ายาเสพติดในพ้ืนท่ีภาคเหนอื ตอนบน การค้าระดับรายย่อยยังคงมีอยู่ ในชุมชนเมือง โครงสร้างการค้า และการเสพมีการขยายตัวเข้าไปในกลุ่มเด็กและเยาวชนทั้งในและนอก สถานศึกษามากขึ้น ตัวยาเสพติดจะมีความหลากหลายมากขึ้น มีการดัดแปลงตัวยาเสพติดในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ยาบ้ายังคงเป็นตัวยาหลัก รองลงมาได้แก่ ฝ่ิน ส่วนตัวยาที่มีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนได้แก่ ไอซ์ เฮโรอีน และ สารระเหย
พน้ื ทก่ี ระทาความผดิ เก่ียวกบั ยาเสพติดส่วนใหญ่เป็นทพี่ ักอาศัยเชงิ พาณิชย์ทั้งหอพกั บ้านเชา่ รองลงมา ไดแ้ ก่ สถานบันเทงิ โตะ๊ สนกุ๊ เกอร์/โต๊ะพนันบอล/รา้ นคา้ แอบแฝง และรา้ นเกมส/์ อนิ เตอรเ์ น็ต 2.6.2 พื้นทภี่ าคเหนือตอนล่าง พ้ืนทภ่ี าคเหนอื ตอนล่างเปน็ ทางผ่านของเสน้ ทางลาเลียงยาเสพติดเข้าสู่พนื้ ท่ีตอนในของประเทศ การคา้ ยาเสพติดยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างย่ิงเครือข่ายการค้าในพื้นท่ีอาเภอแม่สอด อาเภอพบพระ และ อาเภอวงั เจา้ จงั หวดั ตาก อาเภอนครไทย อาเภอชาตติ ระการ จงั หวดั พษิ ณุโลก และอาเภอเขาคอ้ จงั หวดั เพชรบูรณ์ ผู้เสพยาเสพติดยกระดับข้ึนไปเป็นผู้ค้ารายย่อยในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน ยาบ้ายังคงเป็นตัวยาหลักที่มีการแพร่ ระบาดโดยเฉพาะในเขตตวั เมอื งของทุกจังหวดั 2.6.3 พ้นื ท่ีภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนบน สถานการณก์ ารผลิตยาเสพติดจากภายนอกประเทศเพม่ิ ปริมาณมากข้ึน เน่ืองจากเปน็ ปจั จัยภายนอกท่ี ควบคุมไม่ได้ เปน็ เหตุใหย้ ังคงมีความต้องการระบายยาเสพติดจากกลุ่มผู้ผลิตและนักค้ายาเสพติดในประเทศเพื่อน บา้ นและยงั คงมีความพยายามลกั ลอบนาเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดนอยู่ตลอดเวลา สบื เนอ่ื งจากพื้นที่นาเข้าทาง ภาคเหนือถกู กดดันอย่างหนักจากเจา้ หน้าท่ี การลกั ลอบนาเขา้ ยาเสพติดในพื้นทีภ่ าคตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนบน มแี นวโน้ม เพม่ิ สงู ขน้ึ เรื่อยๆ โดยเฉพาะจงั หวัดเลยและจงั หวดั หนองคาย หมู่บ้านชุมชนตามแนวชายแดน ถูกใชเ้ ป็นแหล่งพักยา เสพตดิ ยังมกี ลมุ่ นกั ค้ารายยอ่ ยในพื้นท่ตี อนในของภาค รวมทง้ั กลมุ่ รับจ้างขนและลาเลียงยาเสพติดตาม ความตอ้ งการ ของกลมุ่ นายทนุ ทง้ั ในและนอกพนื้ ที่ การคา้ และแพรร่ ะบาดยาเสพติดยังคงมีแนวโนม้ เพมิ่ ขึ้นสงู กลมุ่ ผเู้ สพรายใหม่ ยังคงเพิ่มสูงข้ึน กลุ่มผู้ใช้แรงงานในภาคเกษตรกรรมยังมคี วามเชื่อวา่ การเสพยาบ้า สามารถช่วยให้มีแรงทางานได้ ซ่ึงสง่ ผลตอ่ รายได้ที่เพิม่ ขึน้ มนี ักคา้ รายยอ่ ยในพน้ื ท่ีเพ่มิ ข้นึ โดยเฉพาะเยาวชนทงั้ ในและนอกสถานศึกษา 2.6.4 พื้นที่ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนล่าง พ้ืนท่ีแหล่งพักยาเสพติดยังปรากฏในประเทศเพื่อนบ้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทาให้ มีการลักลอบนาเข้าผ่านมาทางพื้นที่ชายแดน และพักไว้ตามหมู่บ้านแนวชายแดน ยาเสพติดท่ีลักลอบนาเข้า พบทั้งยาบา้ ไอซ์ และกัญชาแหง้ การคา้ และแพรร่ ะบาดของยาเสพติดยงั คงมีอย่โู ดยเฉพาะในเขตพน้ื ที่อาเภอเมือง และอาเภอขนาดใหญ่ในจังหวัด โดยยาบ้า กัญชา สารระเหย และไอซ์ ยังคงพบการแพร่ระบาดมากในพ้ืนท่ี ผเู้ สพรายใหม่ (มีการใชย้ าเสพติดระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี) มอี ัตราสูงเฉลี่ยรอ้ ยละ 10.36 กล่มุ เยาวชนทไ่ี มอ่ ยใู่ นระบบ การศกึ ษาจะมคี วามเสยี่ งสงู ตอ่ การเข้าไปเกีย่ วข้องกบั ยาเสพตดิ มากกวา่ กลุม่ ท่ีอยใู่ นระบบการศกึ ษาถงึ 5 เทา่ 2.6.5 พื้นท่ีภาคกลาง กลุ่มผลิตอัดเม็ดยาบ้ายังคงสร้างตัวแทนใหม่ทดแทนบุคคลในเครือข่ายท่ีถูกจับกมุ ไปแล้วอย่างต่อเนื่อง การค้ายาเสพติดรายสาคัญระดับภาค ระดับจังหวัด แม้จะมีปฏิบัติการและจับกุมไปแล้วหลายรายแต่เครือข่าย การค้ายังคงสามารถจัดหายาเสพติดทุกชนิดได้จากพ้ืนที่ชายแดน ซุกซ่อนลาเลียง และพักยาเสพติดในพ้ืนที่
ปริมณฑล เพื่อนาส่งปลายทางได้อย่างต่อเน่ือง โดยพบว่าส่วนใหญเ่ ชื่อมโยงกับผู้ต้องขังและนายทุนทุกภาค ยาบ้า ยังคงเป็นตัวยาที่แพร่ระบาดหลัก และมีปริมาณมากทาให้ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดหาซ้ือได้ง่ายด้วยราคาท่ีไม่สูงขึ้น เฉลี่ยเม็ดละไม่เกิน 200 บาท เด็กและเยาวชนที่เข้าไปเก่ียวข้องกับยาเสพติดมีแนวโน้มมากข้ึน และมีสัดส่วน กระทาผิดซ้าเพ่ิมขึ้นต่อเน่ือง พื้นท่ีเศรษฐกิจสาคัญมีการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดปริมณฑล พระนครศรอี ยุธยา สระบรุ ี โดยมีจานวนโรงงานและแรงงานเขา้ สู่พื้นทเ่ี พิม่ ขนึ้ 2.6.6 พื้นทภ่ี าคตะวันออก ยงั มกี ารนาเขา้ ยาเสพติดจากประเทศเพอื่ นบ้าน การคา้ และแพร่ระบาดในพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตพ้ืนที่ ชมุ ชนเมือง พ้นื ท่ีทอ่ งเที่ยว และพน้ื ท่นี คิ มอุตสาหกรรม กลมุ่ ผเู้ สพทพ่ี ฒั นาตวั เองเป็นผู้ค้ารายย่อย การแพรร่ ะบาด ยาเสพติดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ทั้งการรับจ้างทั่วไป ลูกจ้างในภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ว่างงาน ค้าขาย และเยาวชนทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา ยาเสพติดที่แพร่ระบาด ได้แก่ ยาบ้า ไอซ์ กัญชา และ พชื กระทอ่ ม 2.6.7 พ้ืนที่ภาคตะวนั ตก พื้นที่ภาคตะวันตกยังคงถูกใช้เป็นพนื้ ท่ีพักยาเสพติดและกระจายยาเสพติดไปยงั พืน้ ที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล กลุ่มเครือข่ายการค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันตกเป็นเส้นทางในการลักลอบลาเลียงยาเสพติด ทั้งจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางลงสู่พ้ืนท่ีภาคใต้ การพัฒนาขยายเส้นทางถนนหมายเลข 87 จากอาเภอพญาตองซู ประเทศสหภาพเมียนมาร์เช่ือมต่อกับถนนสายหลักหมายเลข 8 และการเปิดช่องทาง ชายแดนด้านบ้านพุน้าร้อน อาเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพ่ือรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจการค้า ของโครงการทวายส่งผลให้การลักลอบนาเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดนด้านอาเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มีแนวโน้มเพิ่มข้ึน กลุ่มผู้เก่ียวข้องรายใหม่ทั้งผู้ค้าและผู้เสพยังคงเป็นปัญหาหลัก มีกลุ่มแรงงานต่างด้าว บคุ คลสามสญั ชาตเิ ขา้ มากระทาความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทัง้ คดีคา้ และคดีเสพยาเสพติดมากขึ้น 2.6.8 พื้นทีก่ รงุ เทพมหานคร เครือข่ายการค้ายาเสพติดยังคงนายาเสพติดที่มีปริมาณมากมาพักคอยในพ้ืนที่กรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล เพื่อนาไปจาหน่ายให้กับผู้ค้าระดับกลางและรายย่อยในชุมชน นักค้ารายกลางและรายสาคัญท่ียัง ไม่ถูกจบั กุมยงั อยู่ในพื้นทแ่ี ละยังมกี ารเคล่อื นไหวอยู่อยา่ งต่อเน่ือง กลุ่มนกั ค้ายาเสพติดท่ียงั คงมีบทบาทสาคญั ได้แก่ เครือข่ายนักโทษในเรือนจา กลุ่มนักค้ารายเก่า ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐท่ีเข้าไปมีผลประโยชน์และเก่ียวข้องกับ ขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่กลุ่มการค้ายาเสพติดใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะผู้เสพพัฒนาตนเอง เป็นนักค้ารายใหม่ ยังมีพื้นท่ีเสี่ยงมากมายหลายแหล่งที่เอื้ออานวยต่อการแพร่ระบาดของยาเสพติด อย่างเช่น สถานบรกิ าร สถานบนั เทิง หอพกั ทพี่ ักอาศัยเชิงพาณิชย์ ร้านเกมส์ อินเตอรเ์ นต็ และมีปัจจยั เส่ยี งหลายประการท่ี นาไปสู่วงจรปัญหายาเสพติด ยังมีชุมชนที่เป็นแหล่งจาหนา่ ยและแพรร่ ะบาดยาเสพติดกระจายครอบคลุมทั่วพื้นท่ี
กรงุ เทพมหานครจานวน 621 ชมุ ชน หรือร้อยละ 30 ของชมุ ชนทั้งหมดในพื้นท่กี รงุ เทพมหานคร นอกจากนั้นพื้นท่ี กรงุ เทพมหานครยังถกู ใช้ในการลกั ลอบลาเลียงยาเสพติดจากประเทศไทยไปยงั ตลาดต่างประเทศ และนายาเสพติด จากตา่ งประเทศเขา้ มาจาหน่ายในประเทศไทยอกี ด้วย 2.6.9 พน้ื ที่ภาคใตต้ อนบน ยังคงมีความเคล่ือนไหวของเครือข่ายการค้ายาเสพติดที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายภาคเหนือและภาคใต้ อย่างต่อเน่ือง ผู้เสพรายใหม่ยังมีโอกาสเกิดข้ึนได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นพ้ืนที่ภาคใต้ตอนบนยังเป็นพ้ืนท่ีๆมี ชาวต่างชาติเข้ามาจานวนมาก ทั้งการเข้ามาท่องเที่ยวและการเข้ามาทางาน โดยเฉพาะแรงงานชาวพม่าซ่ึงพบ การเข้ามากระทาผดิ ในคดียาเสพติดมากกว่าสัญชาติอ่ืนๆ 2.6.10 พืน้ ทภี่ าคใตต้ อนล่าง ยังคงมีการลักลอบลาเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางเข้าส่พู ืน้ ที่ ภาคใต้ตอนล่าง การค้าและแพร่ระบาดมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้น โดยเฉพาะในเขตพ้ืนที่อาเภอเมืองและเมืองสาคัญ เช่น อาเภอสไุ หงโกลก จังหวัดนราธวิ าส อาเภอสะเดาและอาเภอหาดใหญจ่ งั หวัดสงขลา มีการลักลอบนาเข้ายาเสพติด โดยเฉพาะ Club Drugs และไอซ์จากประเทศมาเลเซีย ส่วนมากนาเข้ามาเสพเพื่อการไปเที่ยวในสถานบริการ สถานบนั เทิง ตวั ยาทแ่ี พร่ระบาดหลักยงั คงเป็นยาบา้ รองลงมาคอื พชื กระท่อม ไอซ์ กญั ชาแห้ง และเฮโรอีน 2.7 สำเหตุกำรติดยำเสพตดิ 2.7.1. สาเหตทุ ีเ่ กดิ จากความรเู้ ทา่ ไม่ถงึ การณ์ จาแนกตามการออกฤทธติ์ ่อระบบประสาท แบ่งเปน็ 4 ประเภท 1) อยากทดลอง เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นซ่ึงเป็นนิสัยของคนโดยทั่วไป โดยที่ไม่คิดว่าตน จะติดส่ิงเสพตดิ น้ไี ดจ้ งึ ไปทาการทดลองใช้สิง่ เสพตดิ นนั้ ในการทดลองใช้ครงั้ แรกๆ อาจมคี วามรสู้ ึกดหี รือไม่ดีก็ตาม ถา้ ยงั ไม่ตดิ สิ่งเสพตดิ นนั้ กอ็ าจประมาทไปทดลองใชส้ ิง่ เสพติดน้ันอกี จนใจทส่ี ดุ ก็ติดสง่ิ เสพติดนนั้ หรอื ถ้าไปทดลอง ใชส้ ิง่ เสพติดบางชนิด เช่น เฮโรอนี แมจ้ ะเสพเพยี งครัง้ เดยี ว กอ็ าจทาใหต้ ิดได้ 2) ความคึกคะนอง คนบางคนมคี วามคกึ คะนอง ชอบพดู อวดเก่งเปน็ นสิ ัย โดยเฉพาะวยั รนุ่ มักจะ มีนิสัยดังกล่าว คนพวกนี้อาจแสดงความเก่งกล้าของตน ในกลุ่มเพ่ือนโดยการแสดงการใช้ส่ิงเสพติดชนิดต่าง ๆ เพราะเห็นแกค่ วามสนกุ สนาน ตนื่ เต้น และใหเ้ พ่ือนฝงู ยอมรับว่าตนเก่ง โดยมไิ ดค้ านึง ถงึ ผลเสียหาย หรืออันตราย ที่จะเกดิ ข้นึ ในภายหลังแต่อยา่ งไร ในทส่ี ดุ จนเองก็กลายเป็นคนตดิ ส่ิงเสพตดิ นั้น 3) การชักชวนของคนอืน่ อาจเกิดจากการเชื่อตามคาชักชวนโฆษณา ของผู้ขายสินคา้ ทเี่ ป็นสิ่งเสพติด บางชนิด เช่น ยากระตุ้นประสาทต่างๆ ยาขยัน ยาม้า ยาบ้า เป็นต้น โดยผู้ขายโฆษณาสรรพคุณของส่ิงเสพติดนั้น วา่ มคี ุณภาพดสี ารพัดอยา่ งเชน่ ทาใหม้ ีกาลังวงั ชา ทาให้มีจิตใจแจม่ ใส ทาใหม้ สี ุขภาพดี ทาใหม้ สี ตปิ ัญญาดี สามารถ
รักษาโรคได้บางชนิด เป็นต้น ผู้ที่เชื่อคาชักชวนโฆษณาดังกล่าวจึงไปซื้อตามคาชักชวนของเพ่ือนฝูง ซ่ึงโดยมาก เป็นพวกที่ติดสิ่งเสพติดนั้นอยู่แล้ว ด้วยความเกรงใจเพ่ือน หรือ เชื่อเพ่ือน หรือต้องการแสดงว่าตัวเป็นพวกเดียว กับเพื่อนจงึ ใช้สงิ่ เสพติดนั้น 2.7.2 สาเหตุทเ่ี กดิ จากการถกู หลอกลวง ปจั จบุ นั นม้ี ผี ู้ขายสนิ คา้ ประเภทอาหาร ขนม หรือเครอื่ งด่มื บางรายใชส้ ง่ิ เสพติดผสมลงในสนิ ค้า ท่ีขายเพื่อให้ผู้ซ้ือสินค้านั้นไปรับประทานเกิดการติด อยากมาซ้ือไปรับประทานอีก ซ่ึงในกรณีนี้ ผู้ซื้ออาหารนั้น มารับประทานจะไม่รู้สึกว่าตนเองเกิดการติดส่ิงเสพติดขึ้นแล้ว รู้แต่เพียงว่าอยากรับประทานอาหาร ขนม หรือ เครื่องด่ืมที่ซื้อจากร้านนั้นๆ กว่าจะทราบก็ต่อเมื่อตนเองรู้สึกผิดสังเกตต่อความต้องการจะซ้ืออาหารจากร้านนั้น มารับประทาน หรอื ตอ่ เม่ือ มีอาการเสพตดิ รุนแรง และมีสุขภาพเสือ่ มลง 2.7.3. สาเหตุทเ่ี กดิ จากความเจบ็ ปว่ ย 1) คนท่มี อี าการเจ็บปว่ ยทางกายเกิดขนึ้ เพราะสาเหตุต่าง ๆ เชน่ ได้รบั บาดเจบ็ รุนแรง เปน็ แผล เร้ือรังมีความเจ็บปวดอยู่เป็นประจา เป็นโรคประจาตัวบางอย่าง เป็นต้น ทาให้ได้รับทุกข์ทรมานมากหรือ เป็นประจาจึงพยายามแสวงหาวิธีที่จะช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากความทุกข์ทรมานนั้น ซ่ึงวิธีหน่ึงท่ีทาได้ง่ายคือ การรบั ประทานยาทมี่ ฤี ทธ์ิระงบั อาการเจ็บปวดนนั้ ได้ ซง่ึ ไม่ใชเ่ ปน็ การรกั ษาท่เี ปน็ ต้นเหตขุ องความเจ็บป่วยเพียงแต่ ระงับอาการเจ็บปวดให้หมดไปหรือลดน้อยลงได้ช่ัวขณะ เมื่อฤทธิ์ยาหมดไปก็จะกลับเจ็บปวดใหม่ ผู้ป่วย กจ็ ะใชย้ านั้นอีก เมอ่ื ทาเชน่ นี้ไปนานๆ เกดิ อาการตดิ ยานนั้ ข้ึน 2) ผทู้ ่ีมจี ิตใจไม่เปน็ ปกตเิ ช่น มคี วามวิตก กงั วล เครยี ด มคี วามผดิ หวังในชวี ติ มีความเศร้าสลด เสียใจ เป็นต้น ทาให้สภาวะจิตใจไม่เป็นปกติจนเกิดการป่วยทางจิตข้ึน จึงพยายามหายาหรือสิ่งเสพติดท่ีมีฤทธ์ิ สามารถคลายความเครียดจากทางจิตได้ชั่วขณะหนึ่งมารับประทาน แต่ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุเมื่อยาหมดฤทธ์ิ จิตใจก็จะกลับเครยี ดอีก และผูป้ ว่ ยกจ็ ะเสพสงิ่ เสพตดิ ถ้าทาเช่นนีไ้ ปเรื่อยๆ กจ็ ะทาให้ผูน้ ั้นตดิ ยาเสพติดในที่สุด 3) การไปซ้ือยามารับประทานเอง โดยไมท่ ราบสรรพคุณยาที่แท้จรงิ ขนาดยาท่ีควรรับประทาน การรับประทานยาเกินจานวนกว่าท่ีแพทย์ได้สั่งไว้ การรับประทานยาบางชนิดมากเกินขนาด หรือรับประทาน ติดตอ่ กนั นานๆบางครง้ั อาจมอี าการถึงตายได้ หรือบางคร้งั ทาให้เกดิ การเสพตดิ ยาน้ันได้ 4) สาเหตอุ นื่ ๆ การอยู่ใกล้แหล่งขายหรือใกลแ้ หล่งผลิต หรอื เป็นผขู้ ายหรือผู้ผลิตเอง จึงทาให้ มีโอกาสติดสิ่งเสพติดให้โทษน้ันมากกว่าคนท่ัวไป เม่ือมีเพื่อนสนิทหรือพ่ีน้องที่ติดส่ิงเสพติดอยู่ ผู้น้ันย่อมได้เห็น วิธีการเสพ ของผู้ที่อยู่ใกล้ชิด รวมทั้งใจเห็นพฤติกรรมต่างๆ ของเขาด้วย และยังอาจได้รับคาแนะนาหรือชักชวน จากผ้เู สพดว้ ย จึงมโี อกาสติดได้
2.8 ผลกระทบของยำเสพติดในปัจจบุ ัน 2.8.1 โทษของการติดยาเสพติด 2.8.1.1 โทษตอ่ ร่างกายและจิตใจ 1) ทาลายประสาทสมอง จติ ใจเสอื่ ม ซมึ เศร้า กังวล เลือ่ นลอย และเป็นโรคจติ จากพษิ ยานั้นๆ 2) เสยี บุคลกิ ภาพ ขาดความสนใจตนเอง ขาดสติสัมปชญั ญะ 3) ร่างกายซูบซดี อ่อนเพลยี 4) พิษยาทาลายอวัยวะต่างๆใหเ้ สือ่ มลง มีโรคแทรกไดง้ ่าย 5) ประสบอบุ ตั เิ หตไุ ด้ง่าย เพราะการควบคมุ ทางกล้ามเนื้อและระบบบกพรอ่ ง 6) ขาดความรบั ผดิ ชอบตอ่ ครอบครวั และญาติพนี่ ้องและครอบครัว 7) เสียทรพั ย์ทจี่ ะต้องซ้อื ยามาเสพ และรักษาตวั 8) ขาดหลกั ประกนั ของครอบครัว ท างานไมไ่ ด้ ไมเ่ ป็นท่ีวางใจ ของคนท่วั ไป นาภยั มาส่บู ุตรภรรยา ญาตพิ ี่นอ้ ง 2.8.2.2 โทษต่อสังคม 1) เปน็ ภยั ต่อสงั คม 2) มีโอกาสเป็นอาชญากรประเภทลักขโมยได้ง่ายเน่ืองจากมีรายจ่ายสูง โทษต่อ ส่วนรวมและประเทศชาติ 3) เป็นภัยอันตรายต่อผู้อื่น ชุมชนและประเทศชาติ เพ่ิมงบประมาณของประเทศ ในการป้องกันปราบปรามและบาบดั รักษา 4) ส่งผลกระทบตอ่ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศ ภาพที่ 9 ผู้ติดยาเสพตดิ คลมุ้ คลั่ง (sanook.com/news/tag/คล่ังยา, 2562)
2.8 แนวทำงกำรปอ้ งกันกำรแพร่ระบำดของสำรเสพติด ปัญหายาเสพติดเกิดขึ้นได้เพราะมีสถานการณ์สองอยา่ งประกอบกันคือ มีผู้ต้องการใช้ยาอยู่ในสังคม (Demand) กับมียาเพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ (Supply) ซึ่งองค์ประกอบทั้งสองน้ี ต่างฝ่ายต่างส่งเสรมิ สนับสนุนซงึ่ กันและกันแบบลูกโซ่ ดังนั้นการแก้ไขปัญหายาเสพติด จึงต้องดาเนนิ การกับองค์ประกอบทง้ั สองอย่าง ไปพร้อมๆ กัน คือจะต้องลดปริมาณความต้องการยาเสพติดลง ในขณะเดียวกันก็จะต้องลดปริมาณของยาเสพติด ในตลาดด้วย ในทางปฏิบัติระหวา่ งมาตรการสองอย่างน้ีดูเหมือนว่ามาตรการลดความต้องการจะได้รับความสนใจ น้อยกว่า เพราะคนส่วนใหญจ่ ะนึกถึงการลดปริมาณยาในตลาดเสียมากกวา่ ปัญหายาเสพติด คือ ปัญหาที่เกิดจาก การใช้ยาเสพติดหรือใช้ยาในทางที่ผิดซ่ึงเป็นปัญหาพฤติกรรมของมนุษย์อันเนื่องมาจากความคาดหวังท่ีจะได้รับ ประโยชน์จากฤทธ์ิของยาหรือจากความคิดท่ีจะอาศัยฤทธ์ิยาเปน็ ที่พงึ่ ในสถานการณ์ต่างๆ องคป์ ระกอบสาคัญของ ปัญหาคอื ยากบั คนเปน็ องค์ประกอบหลกั โดยมแี รงจงู ใจให้ใช้ยากับโอกาสที่เอื้อต่อการใช้ยาเปน็ องค์ประกอบเสริม ถ้าองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งขาดไปปัญหาเสพตดิ จะไม่เกิดข้ึน มีแต่คนแต่ไม่มียา หรือมีแต่ยาแต่ไม่มคี นใช้ยา ปัญหาไม่เกิด หรือมีคนมียาแต่ไม่มีแรงจูงใจให้คนเอายามาใช้ ปัญหาไม่เกิด หรือแม้จะมีแรงจูงใจให้ใช้ยา มีคนท่ี อยากใช้ยา และมียาใหใ้ ช้ แต่ไม่มีโอกาสจะใช้ เชน่ สถานทไ่ี มเ่ หมาะสม ไมม่ อี ุปกรณ์ มีตารวจตรวจตราเข้มงวด หรือ อยใู่ นสายตาพ่อแม่ ครูอาจารย์การใช้ยาจะเกิดขน้ึ ไม่ได้ ปญั หายาเสพตดิ ไมเ่ กิด ภาพที่ 10 พธิ เี ผาทาลายยาเสพติด (pptvhd36.com/news/ประเดน็ รอ้ น/58379, 2562) กจิ กรรมทำ้ ยเร่ืองที่ 2 กำรวิเครำะหป์ ญั หำ สำเหตุ ผลกระทบและกำรแพร่ระบำดของยำเสพติดในปจั จุบนั ของ ประเทศไทย (ใหผ้ ูเ้ รียนทากจิ กรรมทา้ ยเร่ืองท่ี 2 ในสมดุ บันทึกกจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ า)
เรอื่ งที่ 3 กำรวเิ ครำะหป์ ัญหำ สำเหตุ ผลกระทบ และกำรแพร่ระบำดของยำเสพตดิ ในปัจจบุ ันของ จังหวัดพังงำ 3.1 สถำนกำรณป์ ญั หำยำเสพตดิ ในพ้นื ท่จี ังหวัดพังงำ สถานการณ์ยาเสพติดในภาพรวมของจังหวัดพังงา ยังคงไม่เปล่ียนแปลงมากนัก และยังคงอยู่ ในสถานะท่ีมีปัญหาการค้าและการแพร่ระบาดอยู่ในระดับเบาบางเม่ือเปรียบเทียบกับพื้นท่ีจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ ภาคใตต้ อนบน อยา่ งไรกด็ ีจากการประเมินสถานการณ์แวดลอ้ มจากฐานขอ้ มลู ทางสถติ ิ และข้อมลู การขา่ วประกอบ กับรายงานข่าวสารจากหน่วยงานในพ้ืนท่ี พบว่าพ้ืนท่ีจังหวัดพังงายงั คงมีปัญหาที่ควรให้ความสาคัญและเฝ้าระวัง ดงั นี้ 3.1.1 สถานการณ์ยาเสพติดพ้ืนที่จังหวัดพังงาอยู่ในระดับเบาบาง เมื่อเปรียบเทียบจากสถิติ แต่ในเดือนที่ผ่านมาพบการจับกุมและของกลางยาเสพติดจานวนมากและพบกับการลักลอบลาเลียงยาเสพติด เขา้ พนื้ ทจ่ี งั หวดั พังงา เพม่ิ มากข้นึ สอดคล้องกับการจับกุมในพน้ื ท่ีใกล้เคยี งเช่น จงั หวดั กระบ่ี และ จังหวัดระนอง 3.1.2 การจับกมุ พบยาเสพติดจานวนมากอาจสง่ ผลใหม้ ีผู้ใชย้ าเสพติดในพน้ื ท่ี จงั หวัดพังงาเพ่ิมมากขึ้น 3.1.3 การดาเนินการมาตรการเฉพาะพ้ืนที่เช่น อาเภอตะก่ัวป่า อาเภอเมือง และ อาเภอตะก่ัวทุ่ง ซึ่งเป็นพ้ืนที่มีสถานการณ์ปัญหายาเสพติดอยู่ในระดับสูงกว่าพ้ืนท่ีอื่น พ้ืนท่ีควรต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งปัจจุบัน มีแนวโนม้ ปรมิ าณยาบ้าและไอซ์เพ่ิมมากขึ้น ในทุกพืน้ ที่ และราคาลดลงมาก เมือ่ เปรยี บเทียบกับปกี ่อน 3.1.4 พชื กระทอ่ ม ยังคงมกี ารแพรบ่ าดในทกุ พ้นื ท่ี โดยเฉพาะ อาเภอตะก่ัวทงุ่ พบกระท่อมจบั กมุ ได้ จานวนมาก ซ่ึงจากการสัมภาษณ์ผู้เข้าค่ายปรับเปล่ียนพฤติกรรมในหลายพื้นท่ี ระบุว่ามีการใช้ร่วมกับยาเสพติด ชนดิ อืน่ ในบางรายเช่นยาบ้า ยาไอซ์ 3.1.5 อาชีพที่มีผู้เข้ารับการบาบัดรักษายาเสพติดสูงในพื้นที่ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพรับจ้าง รองลงมาได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพค้าขาย เกษตร กลุ่มผู้ใช้แรงงาน รวมถึงกลุ่มผู้ว่างงาน ตามลาดับ ซึ่งการเสพ ยามักใช้ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานหรือรับจ้างซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือว่างงาน ซ่ึงเป็นปัญหาหน่ึงของสังคมที่ นอกจากมาตรการเฉพาะพ้ืนท่ี แล้วควรมีมาตรการเฉพาะกลุ่ม ท่ีพบปัญหาชัดเจน เช่นกลุ่มเยาวชน กลุ่มอาชีพ กลมุ่ ผู้ประกอบการ ปญั หายาเสพตดิ ยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในด้านอืน่ เช่นการศกึ ษา เน่อื งจากพบผเู้ สพราย ใหมเ่ พมิ่ ข้นึ ในกลมุ่ เยาวชนท้ังในและนอกสถานศกึ ษาเข้าไปเกี่ยวข้องจานวนมาก
3.2. สำเหตุกำรแพร่ระบำดของยำเสพตดิ ในจังหวัดพังงำ 3.2.1 เทคโนโลยีการติดต่อทางโซเชียลมีเดีย เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ผลิตและผู้ค้าเข้าถึงกันได้ โดยตรง ไม่ตอ้ งผ่านตวั แทนหรอื คนกลางในพน้ื ท่ีชายแดนอยา่ งเช่นในอดีตอีกต่อไป จงึ ไมต่ อ้ งเสียคา่ สว่ นตา่ งจานวน มาก การส่งั ซ้อื ยาเสพตดิ จึงสามารถซอ้ื ได้ปริมาณทมี่ ากขึน้ ในจานวนเงนิ ท่เี คยสง่ั ซื้อเท่าเดิม 3.2.2 กลุ่มนกั ค้าทกุ ระดับ(รายย่อย รายกลาง รายใหญ)่ มกี ารใช้สอ่ื สงั คมออนไลน์ และการขนส่ง ท้งั ของภาครัฐ/เอกชน เออ้ื ประโยชน์การคา้ การลาเลียงยาเสพตดิ ส่งผลให้เกดิ การขยายเครือขา่ ยอย่างรวดเรว็ ตวั อย่ำงขำ่ วกำรคำ้ ยำเสพติดในพน้ื ทีจ่ งั หวัดพงั งำ ตัวอยา่ งท่ี1 วนั นี้ (24 พ.ค.) ที่หน้า สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.เสกสันต์ ชรู งั สฤษฎิ์ รอง ผบก.ภ.จ. สงขลา พร้อมด้วย พ.อ.สรุ เทพ หนแู กว้ รอง ผบ. มทบ.42/รอง ผอ.รมน.จ.สงขลา และเจ้าหน้าท่ี ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครอื ข่ายค้า ยาเสพติดรายใหญ่ในพน้ื ที่ภาคใต้ ได้ผู้ต้องหา 2 ราย ประกอบดว้ ย นายชยั สิทธิ์ หรอื จิ ปะรา อายุ 43 ปี อาชีพทาสวน ชาว อ.ควนเนียง จ.สงขลา และนายปะกิต หรอื โป้ ทองตนั อายุ 29 ปี อาชพี รับจา้ งเลีย้ งปลา ชาว อ.ท้ายเหมอื ง จ.พงั งา พร้อมของกลางยาบ้า 180,000 เม็ด มูลค่ากวา่ 9 ล้านบาท รวมทั้งยดึ ทรพั ยร์ ถยนต์เก๋ง 3 คนั และรถจักรยานยนต์อีก 1 คัน สาหรับการจบั กุมในคร้งั นี้ สืบเนอ่ื งมาจากเจ้าหน้าท่ีท้งั จากตารวจภธู รภาค 9 ตารวจ สภ.หาดใหญ่ รวมทง้ั กอ.รมน.จ.สงขลา และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ได้สืบทราบและติดตามความเคล่ือนไหวของขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นท่ีภาคใต้ และได้แกะรอยจนกระทั่งสามารถจับกุม นายชัยสิทธิ์ หรือจิ ปะรา ซึ่งทาหน้าที่เป็นนักบิน หรือ คนเดนิ ยาได้คาบ้านเช่า 2 ชั้น ภายในซอย 17 ถนนรัตนอทุ ศิ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา เม่ือวนั ท่ี 22 พ.ค. ท่ีผ่านมา พร้อมของกลางยาบ้า 180,000 เม็ด ท่ีใส่เอาไว้ในกระเป๋าผ้าซุกซ่อนเอาไว้ใต้บันไดช้ัน 1 หลังจากที่ได้ เดินทางไปรับยาเสพติดมาจากในพน้ื ท่ี อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และนามาพกั เอาไว้ทีบ่ ้านเช่าหลังดงั กล่าว (MGR Online [ออนไลน]์ , 2562)
ตัวอย่างที่ 2 เมอ่ื เวลา 17.00 น.วันน้ี (4 ธ.ค.) ทีก่ องบงั คบั การตารวจภธู รจังหวัดพังงา พล.ต.ต.วิมล พิทกั ษ์บูรพา ผบก. ตารวจภูธรจงั หวัดพงั งา พร้อมด้วย พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย รอง ผบก.ตารวจภูธรจังหวัดพงั งา พ.ต.อ.ประเทอื ง ศรลี ะมนตรี ผกก. สส.ภ.จว.พังงา ร่วมแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดพังงา หลังจากตารวจ สภ.ท่าฉัตรไชย อ. ถลาง จ.ภูเก็ต ได้จับกุมตัว นายนายกิตติ หรืออู๊ด เพื่อนรักษ์ อายุ 28 ปี อยู่ ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา พร้อมด้วย ของกลาง ยาบา้ 60,000 เม็ด และยาไอซ์ 1 กิโลกรมั คาดา่ นตรวจทา่ ฉัตรไชย จากน้ันชุดสืบสวนตารวจภธู รจังหวดั พังงา ร่วมกับสืบสวนตารวจภูธรจังหวดั ภูเก็ต สภ.ท่าฉัตรไชย ป.ป.ส. ภาค 8 สภ.ตะก่ัวป่า กอ.รมน.จงั หวดั พงั งา และสบื สวนภาค 8 ขยายผลเข้าจับกมุ เครอื ขา่ ยในพ้ืนทจ่ี งั หวดั พังงา โดย ได้จับกุมตัวนายอภิชาติ หรือเดียว กดทรัพย์ อายุ35 ปี ชาว ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา ได้พร้อมของกลางยาบ้า 38,000 เม็ด และยาไอซ์ 2 กิโลกรัม ซ่ึงได้นาซุกซ่อนไว้ในป่าหลังบ้าน จากน้ันได้เข้าจับกุมตัว นายมานิต หรือเบส พรมจนั ทร์ อายุ 34 ปี ชาว ต.ทา่ นา อ.กะปง จ.พังงา ซึ่งจบั กุมได้ท่บี ้านเชา่ ในหมูบ่ า้ นไอทวี ี ต.บางม่วง อ.ตะก่ัวป่า จ.พังงา พร้อมของกลาง ยาบ้า 44,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ตู้โชว์ภายในบ้าน เจ้าหน้าจึงแจ้งข้อหามียาเสพติด ประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ)์ ไว้ในครอบครองเพอ่ื จาหน่ายโดยผิดกฎหมาย (77 ขา่ วเด็ด [ออนไลน]์ ,2562) กจิ กรรมท้ำยเร่ืองท่ี 3 กำรวเิ ครำะหป์ ญั หำ สำเหตุ ผลกระทบและกำรแพรร่ ะบำดของยำเสพติดในปจั จุบันของ จังหวัดพงั งำ (ให้ผ้เู รียนทากจิ กรรมท้ายเร่ืองที่ 3 ในสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรยี นรูป้ ระกอบชุดวิชา)
หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 3 แนวทำงกำรดำเนินงำนโครงกำร TO BE NUMBER ONE สำระสำคญั โครงการ TO BE NUMBER ONE ยึดวัยรุ่นและเยาวชนเป็นศูนย์กลาง บนพ้ืนฐานความเข้าใจโดย ธรรมชาติ พฒั นาตามความต้องการ ความสนใจและพฤติกรรมเฉพาะของวยั รุ่น วยั รนุ่ เปน็ ช่วงชีวิตระหว่างเดก็ กบั ผู้ใหญ่ซ่ึงเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อท่ีสาคัญยิ่ง เพราะมีการเปล่ียนแปลงที่ซับซ้อนท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญาและ สงั คม แต่เยาวชนและวยั รนุ่ ยังขาดความรอบคอบและการยบั ย้ังชั่งใจ ตลอดจนขาดประสบการณ์ ความชานาญและ คุณภาพเม่ือเทียบกับความคิดของผู้ใหญ่ พัฒนาการทางสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปตามร่างกายจิตใจ และสติปัญญา ท่ีสาคัญคือสังคมกลุ่มเพ่ือนร่วมวัย การพบเพื่อนร่วมวัยเป็นพฤติกรรมที่สาคัญย่ิงต่อจิตใจของเด็กวัยรุ่น เพราะ สามารถร่วมสุขร่วมทุกข์แก้ไขและเข้าใจปัญหาของกันและกันได้ดีกว่าคนต่างวัย ซึ่งมีความคับอกคับใจต่างกัน กลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE กลุ่มเป้าหมายหลักได้แก่กลุ่มเป้าหมายที่มีอายุระหวา่ ง 6 – 24 ปี เยาวชนและประชาชนกล่มุ เส่ียง และกลมุ่ เสพ สาหรับประชาชนทัว่ ไปเปน็ กลุ่มเปา้ หมายรอง ซ่งึ จาก พื้นฐานความเข้าใจ และการยึดวัยรุ่นและเยาวชนเป็นศูนย์กลางข้างต้น นาไปสู่หลักการดาเนินงานของโครงการ TO BE NUMBER ONE โดยการดาเนนิ งานภายใต้ 3 ยุทธศาสตรห์ ลักคือ 1. การรณรงค์ปลกุ จติ สานึกและสรา้ งกระแสนยิ มทีเ่ ออื้ ตอ่ การป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ 2. การเสริมสรา้ งภมู ิค้มุ กนั ทางจติ ใจใหแ้ กเ่ ยาวชน 3. การสร้างและพฒั นาเครอื ข่ายเพอ่ื การป้องกนั และแก้ปัญหายาเสพติด ตัวชว้ี ดั 1. อธิบายและยกตวั อยา่ งกลุ่มเป้าหมายผเู้ ข้าร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE 2. อธบิ ายหลกั การดาเนนิ งาน TO BE NUMBER ONE 3. อธิบายยทุ ธศาสตร์การดาเนินงาน TO BE NUMBER ONE ขอบข่ำยเน้อื หำ เรอ่ื งท่ี 1 กล่มุ เปา้ หมายผู้เขา้ ร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE 1.1 กลมุ่ เป้าหมายหลกั 1.2 กล่มุ เปา้ หมายรอง เรือ่ งที่ 2 หลักการดาเนินงาน TO BE NUMBER ONE เรอ่ื งที่ 3 ยทุ ธศาสตรก์ ารดาเนนิ งานโครงการ TO BE NUMBER ONE 3.1 ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 1 การณรงค์ปลุกจติ สานกึ และสรา้ งกระแสนิยมทเ่ี อื้อต่อการป้องกนั และแกไ้ ข
ปัญหายาเสพติด 3.2 ยุทธศาสตรท์ ่ี 2 การเสรมิ สร้างภมู ิคุ้มกนั ทางจิตใจใหแ้ ก่เยาวชน 3.3 ยุทธศาสตร์ท่ี 3 “ก”ารสรา้ งและพฒั นาเครอื ขา่ ยเพือ่ การป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ เวลำทใี่ ช้ในกำรศึกษำ 4 ชั่วโมง สอื่ กำรเรียนรู้ 1. ชดุ วิชา TO BE NUMBER ONE เปน็ หนึง่ โดยไม่พ่งึ ยาเสพติด ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น 2. สมุดบนั ทกึ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวิชา 3. ส่ือเสรมิ การเรยี นรู้อนื่ ๆ
เร่ืองท่ี 1 กลมุ่ เป้ำหมำยผู้เข้ำรว่ มโครงกำร TO BE NUMBER ONE 1.1 กลมุ่ เป้ำหมำยหลัก 1.1.1 กลุม่ เป้าหมายท่มี ีอายุระหวา่ ง 6 – 24 ปี 1.1.2 เยาวชน และประชาชนกล่มุ เส่ียง และกลมุ่ เสพ 1.2 กลุ่มเป้ำหมำยรอง ประชาชนทว่ั ไป เร่อื งท่ี 2 หลกั กำรดำเนนิ งำน TO BE NUMBER ONE โครงการ TO BE NUMBER ONE ยดึ วยั รุ่นเป็นศนู ยก์ ลาง จึงมีหลกั ในการดาเนนิ งานท่ีสง่ เสริมการแสดง ความสามารถ กล้าคิด กล้าทา กล้าแสดงออก และช่วยสร้างเสริมความภาคภูมิใจให้แก่เยาวชน เกิดเป็นภูมิคุ้มกัน ทางจติ ใจให้แก่เยาวชน ไม่เขา้ ไปยุ่งเกีย่ วกบั ยาเสพติด ใชส้ อื่ ดนตรี กีฬา ศิลปะในการเข้าถึงเยาวชน และกระต้นุ ให้ เข้ามารวมกลมุ่ กันทากิจกรรมท่สี นใจอย่างสร้างสรรค์ เสรมิ สรา้ งความรูแ้ ละทักษะในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหายา เสพติด ซ่ึงเป็นภูมิคุ้มกันที่สาคัญสาหรับเยาวชนให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด หลักการ “เพ่ือนช่วยเพื่อน” เพราะวยั ร่นุ เปน็ วัยท่ี “เพอื่ น” มคี วามสาคัญมาก ดังนัน้ โครงการ TO BE NUMBER ONE จงึ เนน้ ไปท่ี “การทาโดย เยาวชน เพื่อเยาวชน” การทาโครงการ TO BE NUMBER ONE จะมีการจัดตั้งขมรม TO BE NUMBER ONE และ/หรอื ศนู ยเ์ พือ่ นใจ TO BE NUMBER ONE จะเปน็ การสรา้ งศูนย์รวมให้วยั รุ่นรวมกล่มุ กันทากิจกรรมที่สนใจ สร้างสรรค์และเกิดสุขซ่ึงจากพ้ืนฐานความเข้าใจ และการยึดวัยรุ่นและเยาวชนเป็นศูนย์กลางข้างต้น นาไปสู่ หลักการในการดาเนนิ งานของโครงการ TO BE NUMBER ONE ดงั นี้ 2.1 สง่ เสรมิ การแสดงความสามารถ กล้าคดิ กล้าทา กลา้ แสดงออกและชว่ ยสรา้ งเสริมความภาคภมู ใิ จ 2.2 ใชส้ อื่ ดนตรี กฬี า ในการเข้าถึงเยาวชน และกระตุน้ ใหเ้ ยาวชนเข้ามารวมกล่มุ กัน 2.3 สรา้ งความรู้และทกั ษะในการป้องกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพติดซึ่งเปน็ ภูมิคุม้ กนั ท่ีสาคัญสาหรับเยาวชน ในชมุ ชนใหป้ ลอดภัยจากปัญหายาเสพตดิ 2.4 เพื่อนชว่ ยเพื่อน 2.5 สรา้ งศูนยร์ วมใหว้ ยั รุน่ รวมกลมุ่ กัน ทากิจกรรมที่สนใจ สร้างสรรค์และเกิดสุข 2.6 สร้างเครอื ข่าย TO BE NUMBER ONE ทมี่ ศี กั ยภาพ จะทาใหเ้ กิดการดาเนนิ งานปอ้ งกันและแกไ้ ข ปัญหา ยาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ต่อเนือ่ งและยั่งยนื โดยการดาเนินงานภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์หลักเพ่ือให้บรรลุเป้าหมาย “วัยรุ่นและเยาวชนมีกระแสนิยม การเป็นหนึง่ โดยไม่พงึ่ ยาเสพติด ตลอดจนวัยรุน่ และเยาวชนมีภมู คิ มุ้ กันทางจติ ใจ สามารถดารงความเข้มแขง็ ในการ ต่อต้านยาเสพติดเพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด” มีแนวทางการดาเนินงานโดยการใช้วิธี บูรณาการความร่วมมอื ระหวา่ งหน่วยงานท่เี กยี่ วข้อง ดงั นี้ ระดบั ประเทศ ประกอบดว้ ยคณะกรรมการ 2 ชุด ไดแ้ ก่ 1. คณะกรรมการอานวยการโครงการรณรงคป์ อ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพตดิ ระดบั ประเทศโดยมี
ทลู กระหม่อมหญิงอบุ ลรัตน์ราชกัญญา สริ ิวัฒนาพรรณวดี ทรงเป็นองคป์ ระธานคณะกรรมการฯ และผ้บู ริหารจาก หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งหนว่ ยงานหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ซึ่งมีอานาจหน้าท่ีพิจารณา และให้ความเหน็ ชอบแผนงานโครงการ และกิจกรรมการรณรงคป์ ้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติด ควบคมุ กากับและ ดาเนินกิจกรรมต่างๆ ตามแผนงานหรือโครงการน้ันๆ โดยมีอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ทาหน้าท่ี เลขานกุ ารคณะกรรมการอานวยการโครงการรณรงค์ปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหายาเสพติด 2. คณะอนุกรรมการบรู ณาการโครงการรณรงค์ปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติดประกอบด้วย อธบิ ดีกรม สุขภาพจิตเป็นประธาน และผูแ้ ทนจากหนว่ ยงานหลักท่ีเก่ียวขอ้ งเป็นคณะอนกุ รรมการ เพือ่ ประสานการดาเนนิ งาน ในระดบั ปฏบิ ตั ใิ หเ้ ป็นไปตามนโยบายแผนงานและโครงการ ระดบั พื้นที่ ในจังหวัด ภูมิภาค กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นชอบจัดต้ังคณะกรรมการโครงการ TO BE NUMBER ONE ระดบั จังหวดั เพอ่ื รว่ มกนั รณรงคป์ ้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพตดิ อยา่ งเขม้ แข็งและจริงจัง โดยผวู้ ่าราชการจงั หวัด เป็นประธาน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นเลขานุการ ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานและเครือข่ายท่ี เกี่ยวข้องภายในจังหวัดเป็นคณะกรรมการ มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโครงการท้ังการจัดทาแผนและงบประมาณเพือ่ สนบั สนุนการดาเนนิ กจิ กรรม TO BE NUMBER ONE ของจงั หวัด เรอื่ งที่ 3 ยุทธศำสตร์กำรดำเนินงำนโครงกำร TO BE NUMBER ONE โครงการ TO BE NUMBER ONE มยี ุทธศาสตร์ในการดาเนินงาน 3 ยทุ ธศาสตร์ ยุทธศาสตรท์ ี่ 1 การรณรงค์ปลุกจติ สานึก และสรา้ งกระแสนิยมทเ่ี อ้ือต่อการปอ้ งกัน และแก้ไขปัญหา ยาเสพตดิ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเสรมิ สร้างภูมคิ ุ้มกนั ทางจิตใจให้แกเ่ ยาวชน ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 การสรา้ งและพฒั นาเครอื ข่ายการปอ้ งกันและแกไ้ ข ปัญหายาเสพตดิ ยุทธศำสตร์ TO BE NUMBER ONE
3.1 ยุทธศำสตร์ท่ี 1 กำรรณรงค์ปลุกจิตสำนึกและสร้ำงกระแสนิยมที่เอ้ือต่อกำรป้องกันและแก้ไข ปัญหำ ยำเสพตดิ จำกพระดำรัสตอ่ ไปน้ี “บางคร้ังการเกิดปัญหายาเสพติดมาจากหลายสาเหตุ จึงต้องสร้างค่านยิ มใหม่สร้างความมัน่ ใจให้เขารูส้ กึ ดี กับตัวเอง ให้เขาได้สนุก โดยพยายามหากิจกรรมต่างๆ มาใช้ เพราะส่ิงเหล่านี้ทาให้คนมีสังคม มีร่างกาย แข็งแรง มสี ขุ ภาพจิตดี และไมไ่ ปเกยี่ วข้องกบั สง่ิ เสพติด” พระดำรัส ทลู กระหม่อมหญงิ อบุ ลรตั นรำชกัญญำ สิรวิ ฒั นำพรรณวดี ของสังคม 3.1.1 วัตถุประสงค์ 1) เพ่ือสร้างกระแสนยิ มในกลุ่มเยาวชนไมย่ งุ่ เกยี่ วกบั ยาเสพติด 2) เพือ่ สนบั สนุนใหเ้ ยาวชนและชุมชนได้จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยการสนบั สนุนของสงั คม 3) เพื่อสร้างความเข้าใจและยอมรับผู้มีปัญหายาเสพติด และให้โอกาสกลับมาเป็นส่วนหน่ึง 4) เพอ่ื เผยแพร่ความร้เู กี่ยวกับการปอ้ งกนั สารเสพติดในกลุม่ เยาวชนและประชาชนทั่วไป 3.1.2 วธิ ีดำเนินกำร ใช้การรณรงค์และประชาสัมพันธ์ผ่านส่ือและกิจกรรม โดยเฉพาะกิจกรรมด้านดนตรี กีฬา ศิลปะและ อื่นๆท่ีวัยรุ่นและเยาวชนชื่นชอบและให้ความสนใจ ท้ังน้ีเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักซ่ึงเป็นวัยรุ่นและเยาวชน ไดง้ ่าย 3.1.3 กำรรณรงคโ์ ดยกำรประชำสัมพนั ธ์ผ่ำนสอื่ 1) ส่ือวิทยุโทรทัศน์ เช่น การจัดรายการวิทยุ ทอล์ คทูบีนัมเบอร์วัน ทุกวันพฤหัสบดี เสยี งตามสายในชมุ ชน หมู่บา้ น 2) ส่ือนทิ รรศการ แผ่นพับ โปสเตอร์ ป้ายไวนลิ 3) สอ่ื VCD DVD และ VDO / TO BE NUMBER ONE E-BOOK หอ้ งสมุด กศน.จงั หวดั พังงา 4) สือ่ สัญลักษณ์ ได้แก่ โลโก้ TO BE NUMBER ONE ของ กศน.จังหวดั พังงา และกศน.อาเภอ เข็ม TO BE NUMBER ONE นิตยสาร TO BE NUMBER ONE นิตยสาร TO BE NUMBER ONE IDOL
เพลง TO BE NUMBER ONE สายรดั ข้อมือ ฯลฯ 5) ผลิต และจาหน่ายผลิตภณั ฑ์ของโครงการ เชน่ นติ ยสาร เส้อื TO BE NUMBER ONE จังหวดั พังงา เปน็ ตน้ 3.1.4 กำรรณรงคโ์ ดยกำรจัดกิจกรรม 3.1.4.1 กิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหร่ีโลก จัดในวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี กิจกรรม ประกอบดว้ ย 1) ทาปา้ ยคาขวัญวันงดสบู บุหร่ี 2) จดั บอรด์ รณรงคใ์ นหอ้ งเรียน 3) จดั รายการเสียงตามสาย 4) ปา้ ยไวนิลรณรงค์วนั งดสูบบหุ รี่โลก 5) การแสดงละครต้านภัยบหุ รี่ 6) การประกวดจัดบอรด์ วันงดสูบบหุ รี่ 7) ประกวดเรยี งความยาเสพติด 8) ทาแผ่นพับแจกในโรงเรยี น/ชุมชน ฯลฯ 3.1.4.2 กิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดสากล จัดในวันท่ี 26 มิถุนายนของทุกปี แนวทาง ในการจัดกจิ กรรม มีลกั ษณะคลา้ ยกนั กบั วนั รณรงคต์ อ่ ต้านบุหรี่ แนวทางปฏิบัติสามารถจัดกิจกรรมร่วมกนั ระหว่าง แกนนาชมรม TO BE NUMBER ONE คณะกรรมการนักเรยี น 3.1.4.3 การแข่งขันกีฬาต้านภัยยาเสพติด จัดในช่วงเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม ของทุกปี รปู แบบกิจกรรมเดินรณรงค์ตอ่ ต้านยาเสพตดิ แข่งขันกีฬา ประกวดกองเชียร์และขบวนพาเหรด ประกวดเรยี งความ เพื่อให้ผเู้ รียนใชเ้ วลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ หนั มาเล่นกีฬา ห่างไกลยาเสพตดิ 3.1.4.4 กระแส TO BE NUMBER ONE ผ่านสื่อ Social network จัดตั้งกลุ่ม Line, Face book เพอ่ื สรา้ งกระแส/การสอ่ื สาร/การเผยแพรค่ วามเคลอื่ นไหวของชมรมสู่สมาชกิ และเครอื ขา่ ย 3.1.4.5 การทาเส้อื TO BE NUMBER ONE ประจาชมรมของ กศน.แตล่ ะอาเภอ 3.1.4.6 บอร์ดประชาสัมพันธ์รู้เท่าทันปัญหายาเสพติด ของชมรมสาหรับเผยแพร่ความรู้ข้อมูล ข่าวสารที่เก่ียวข้องกับยาเสพติดหรอื อืน่ ๆ 3.1.4.7 จัดการแข่งขนั TO BE NUMBER ONE ตอบปญั หายาเสพติด 3.1.4.8 การประชาสัมพันธ์โครงการ/การรับสมัครสมาชิก จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการ ประชาสมั พันธช์ มรมและรับสมัครสมาชิกผ่านกิจกรรมเสียงตามสายโรงเรยี น/ชุมชน ผา่ นผู้บริหาร ผู้นาชมุ ชน การ ใชข้ บวนรถแห่ ปา้ ยประชาสมั พนั ธใ์ นชุมชนตามบริบทของแตล่ ะชมรม
3.1.4.9 TO BE NUMBER ONE EXERCISE 3.1.4.10 การตรวจหาสารเสพติด กจิ กรรม Don’t do drug ดูดี 3.2 ยทุ ธศำสตรท์ ี่ 2 กำรเสรมิ สรำ้ งภูมิคุ้มกนั ทำงจิตใจใหแ้ ก่เยำวชน 3.2.1 การจดั กจิ กรรมเสรมิ สร้างภมู คิ ุ้มกนั ทางจติ ใจให้แกเ่ ยาวชน 3.2.1.1 วตั ถุประสงคก์ ารจดั กจิ กรรมเสรมิ สร้างภูมคิ มุ้ กนั ทางจติ ใจให้แก่เยาวชน 1) เพ่ือให้แกนนาเยาวชนสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เพ่ือนเยาวชน ซงึ่ จะชว่ ยป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติดในอนาคต 2) เพื่อให้แกนนาเยาวชนสามารถจัดกิจกรรมพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ให้แก่เพื่อน เยาวชนได้อย่างเหมาะสม 3) เพ่ือให้แกนนาเยาวชนได้รับการเสริมสร้างทักษะในการช่วยเหลือเพ่ือนเยาวชนให้ มีกาลังใจทีเ่ ขม้ แขง็ สามารถดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากยาเสพติด 4) เพอ่ื พฒั นาศักยภาพและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจติ ใจให้แก่สมาชิก TO BE NUMBER ONE 3.2.1.2 กิจกรรมที่สอดคล้องกบั ยุทธศาสตร์ เช่น 1) พลัง TO BE จิตอาสา กศน.จงั หวัดพงั งา 2) กิจกรรมคา่ ยยาเสพตดิ 3) การประชมุ คณะกรรมการ TO BE NUMBER ONE 4) จัดกจิ กรรมใหค้ วามรู้แกแ่ กนนา/คณะกรรมการ TO BE NUMBER ONE 5) กิจกรรม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม “Kids Dee ธรรมดี” 6) เขา้ คา่ ย TO BE NUMBER ONE CAMP 7) อบรมแกนนา TO BE NUMBER ONE กศน.ทกุ อาเภอ 3.2.2 การจัดตง้ั ศูนยเ์ พ่อื นใจ TO BE NUMBER ONE (TO BE NUMBER ONE FRIEND CORNER) การตั้งจัดศูนยเ์ พ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE เปน็ กิจกรรมหนึ่งของชมรม TO BE NUMBER ONE ซึ่งแกนนาอาสาสมัคร(เยาวชน) ประจาศูนย์จะเป็นผู้บริหารจัดการจัดกิจกรรมและให้บริการต่างๆ ภายในศูนย์ เป็นกิจกรรมซ่ึงจัดบริการให้กับสมาชิก TO BE NUMBER ONE ท่ีเข้ามาในศูนย์เท่าน้ัน หากกิจกรรมใดก็ตาม ท่ีจัดขึ้นนอกศูนย์ จะดาเนินการโดยชมรม TO BE NUMBER ONE ซึ่งบริหารจัดการโดยคณะกรรมการชมรม (ดูรายละเอยี ดในการจดั ต้ังศูนย์เพือ่ นใจ TO BE NUMBER ONE) 3.2.2.1 วัตถปุ ระสงค์การจัดต้ังศูนยเ์ พ่อื นใจ TO BE NUMBER ONE 1) เพอ่ื ให้เยาวชนท่มี ีปญั หา หรอื ต้องการความช่วยเหลือได้รับคาปรึกษาแนะนาที่ ถกู ต้องเหมาะสมจากผเู้ ช่ียวชาญหรือเพ่อื นอาสาสมัครที่ผา่ นการอบรม
2) เพ่ือให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ และเพิ่มพูนทักษะจากการฝึกแก้ปัญหาและ พฒั นา EQ ทั้งด้วยตนเองและจากกลมุ่ เพอื่ นวยั เดียวกัน 3) เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยเข้าร่วมกิจกรรม ที่ สรา้ งสรรค์และเสริมสร้างความสุขให้กบั ตนเอง ด้วยการฝกึ ทกั ษะด้านดนตรี กฬี า ศลิ ปะ ฯลฯ จากผ้เู ชี่ยวชาญ 4) เพื่อให้โอกาสแก่เยาวชน ได้มีสถานที่ๆ เหมาะสม และเป็นท่ียอมรับจากทุกฝ่าย ในการทากิจกรรมที่สนใจร่วมกัน 5) เพ่ือให้เยาวชนกลมุ่ หน่ึงที่มคี วามสามารถ เขา้ รับการอบรมเป็นอาสาสมัครให้คาปรึกษา เพ่ือนชว่ ยเพ่อื น 3.2.2.2 การดาเนนิ งาน โดยการจดั ต้งั ศูนย์เพอื่ นใจ TO BE NUMBER ONE ใน กศน.ทุกตาบล ทกุ แหง่ 3.3 ยุทธศำสตร์ท่ี 3 กำรสรำ้ งและพัฒนำเครือข่ำยเพื่อกำรปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหำยำเสพติด 3.3.1 วตั ถุประสงค์ 1) เพ่ือพัฒนาศักยภาพสมาชิกเครือข่าย TO BE NUMBER ONE ผู้ปฏิบัติงานในโครงการ และผู้เก่ียวข้องให้สามารถดาเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใต้โครงการ ได้อย่างเข้มแข็ง และมีประสทิ ธิภาพ 2) เพ่ือผลิตและพัฒนาองค์ความรู้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใต้โครงการ TO BE NUMBER ONE สาหรับเครอื ขา่ ย TO BE NUMBER ONE ท่ัวประเทศ 3) เพ่ือให้สมาชิกเครือข่าย TO BE NUMBER ONE ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ในการทางานซึ่งกันและกันอันจะนาไปสกู่ ารขยายผลและพัฒนาประสิทธภิ าพการป้องกันและแก้ไขปญั หายาเสพติด อย่างย่ังยนื 4) เพื่อให้สมาชิกเครือข่าย TO BE NUMBER ONE ทั่วประเทศ มีกาลังใจ มีความ ผูกพันพ ร้อ ม ที่จะช่วยเหลือกันร่วมแรงร่วมใจกันทางานภายใต้โครงการ TO BE NUMBER ONE อย่างจริงจัง ต่อเน่อื ง ซง่ึ จะทาใหเ้ กิดเป็นพลงั แผ่นดินอย่างแทจ้ ริง 3.3.2 การดาเนินงาน 1) พัฒนาระบบการจัดเก็บและรายงานข้อมูลการดาเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ตอ่ คณะกรรมการอานวยการระดบั จังหวัด 2) พัฒนาช่องทางการติดต่อส่ือสารระหว่างเครือข่ายสมาชิก TO BE NUMBER ONE และผู้ปฏิบัติงานในโครงการ TO BE NUMBER ONE และผู้เก่ียวข้อง ได้แก่ Fanpang facebook. TO BE NUMBER ONE กศน.จังหวัดพังงา/ line สมาชิก TO BE NUMBER ONE พังงา /line ผู้บริหาร TO BE NUMBER ONE จังหวัด พังงา/line TO BE NUMBER ONE กศน.พังงา 3) การศกึ ษาดูงานชมรม TO BE NUMBER ONE ต้นแบบ
4) การจดั นิทรรศการแลกเปล่ียนเรียนรรู้ ว่ มกับเครือขา่ ย 5) การแลกเปลยี่ นกิจกรรมสร้างสรรค์ 6) เครือขา่ ยเขม้ แข็งด้วย Social 7) เขา้ รว่ มกิจกรรมการประกวด TO BE NUMBER ONE ระดับภาค/ระดับประเทศ 8) เปิดโอกาสให้เยาวชนผู้ทถี่ กู ควบคุมความประพฤตดิ ้านยาเสพติด เขา้ มาทากิจกรรม/ ศึกษาต่อกบั กศน. 9) สนบั สนนุ วทิ ยากร เงนิ ทนุ ในการอบรมให้ความรู้เร่ืองยาเสพตดิ แกห่ นว่ ยงานเครือข่าย 10) สนับสนุนการจดั ตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE กศน.ทกุ ตาบล/อาเภอ หมำยเหตุ การจัดกิจกรรมแต่ละครง้ั อาจจดั อยไู่ ด้ในหลายยุทธศาสตร์ หรอื อาจอยใู่ นยุทธศาสตร์ท่ตี ่างกัน ในแตล่ ะครง้ั ท่ีจัด ทง้ั นี้ข้ึนอยกู่ บั วตั ถุประสงค์ในการจดั แตล่ ะคร้ัง กิจกรรมท้ำยเร่ืองที่ 1 แนวทำงกำรดำเนินงำนโครงกำร TO BE NUMBER ONE (ให้ผูเ้ รยี นทากจิ กรรมทา้ ยเรอื่ งที่ 1 ในสมดุ บนั ทึกกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวิชา)
หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ 4 กำรจดั ตงั้ ชมรม TO BE NUMBER ONE สำระสำคัญ TO BE NUMBER ONE เป็นโครงการ ยึดวัยรุ่นเป็นศูนย์กลาง จึงใช้หลักในการดาเนินงาน ที่ส่งเสริมการ แสดงความสามารถ กล้าคิด กล้าทา กล้าแสดงออก และช่วยสร้างเสริมความภาคภูมิใจให้แก่เยาวชน เกิดเป็น ภมู คิ ุ้มกนั ทางจิตใจให้แก่เยาวชน ไมเ่ ข้าไปย่งุ เกี่ยวกับยาเสพติด ใชส้ อื่ ดนตรี กฬี า ศลิ ปะในการเขา้ ถงึ เยาวชน และ กระตุ้นให้เข้ามารวมกลุ่มกันทากิจกรรมท่ีสนใจอย่างสร้างสรรค์ เสริมสร้างความรู้และทักษะในการป้องกัน และ แก้ไขปัญหายาเสพติด ซ่ึงเป็นภูมิคุ้มกันที่สาคัญสาหรับเยาวชนให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด หลักการ “เพื่อน ชว่ ยเพอ่ื น” เพราะวัยร่นุ เปน็ วัยที่ “เพ่ือน” มคี วามสาคญั มาก ดังน้นั โครงการ TO BE NUMBER ONE จึงเน้นไปที่ “การทาโดยเยาวชน เพื่อเยาวชน”การทาโครงการ TO BE NUMBER ONE จะมีการจัดตั้งขมรม TO BE NUMBER ONE ตามองคป์ ระกอบ 3 “ก” ไดแ้ ก่ ก ที่ 1. คณะกรรมการ ก ท่ี 2. กองทุน และ ก ท่ี 3. กจิ กรรม โดยการดาเนนิ งานภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์หลัก ซ่ึงกิจกรรมทุกกิจกรรม เน้นการมีส่วนร่วม ของสมาชกิ ในชมรม แบ่งหน้าทก่ี ารทางานอยา่ งมรี ะบบและมีขั้นตอน ซงึ่ สามารถเข้าร่วมการประกวดในระดบั ท่สี งู ขึ้น ตวั ชีว้ ดั 1. อธิบายความหมาย และความสาคัญของชมรม TO BE NUMBER ONE 2. อธบิ ายหลักเกณฑ์การตง้ั ชมรม TO BE NUMBER ONE ตามองคป์ ระกอบ 3 “ก” 3. อธิบายการมสี ่วนร่วมหรอื จดั ตง้ั ชมรม TO BE NUMBER ONE 4. อธิบายการดาเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE และการส่งประกวด ขอบข่ำยเนอ้ื หำ เรอ่ื งท่ี 1 ความหมาย และความสาคัญของชมรม TO BE NUMBER ONE เรอ่ื งที่ 2 หลกั เกณฑ์การตง้ั ชมรม TO BE NUMBER ONE ตามองคป์ ระกอบ 3 “ก” 2.1 ก ที่ 1. คณะกรรมการ 2.2 ก ที่ 2. กองทนุ 2.3 ก. ท่ี 3. กจิ กรรม เร่อื งท่ี 3 การมีสว่ นร่วมหรือจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE เรอ่ื งท่ี 4 การดาเนนิ งานโครงการ TO BE NUMBER ONE และการสง่ ประกวด 4.1 ประเภทการประกวดผลการดาเนินงานในโครงการ TO BE NUMBER ONE 4.2 กาหนดการประกวดผลการดาเนินงานในโครงการ ชมรม TO BE NUMBER ONE
4.3 ก.ารนาเสนอ 4.4 การดาเนนิ งานประเภทตน้ แบบ การรกั ษามาตรฐาน 4.5 การลงประเมินระดับพนื้ ท่ี 4.6 เกณฑ์การให้คะแนน เวลำทใี่ ชใ้ นกำรศกึ ษำ จานวน 6 ชวั่ โมง ส่อื กำรเรยี นรู้ 1. ชุดวชิ า TO BE NUMBER ONE เป็นหนึง่ โดยไม่พึง่ ยาเสพตดิ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 2. สมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู้ ระกอบชุดวิชา 3. สือ่ เสริมการเรียนร้อู ืน่ ๆ
เร่ืองท่ี 1. ควำมหมำยและควำมสำคญั ของชมรม TO BE NUMBER ONE “ยาเสพติด” ปัญหาสาคัญระดับชาติท่ีรัฐบาลถือเป็นนโยบายที่ต้องเร่งดาเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง ท้ังน้ี เพราะปัญหายาเสพติดท่ีมีการแพร่ระบาดในทุกพ้ืนท่ีของประเทศไทยและทวีความรุนแรงมากข้ึนทุกขณะ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม รวมทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง ของประเทศ ตง้ั แต่ ปี 2542 เป็นต้นมาสภาพปญั หายาเสพติดเปลย่ี นแปลงไปจากทเ่ี ปน็ อยู่ในอดีตอย่างสิ้นเชงิ จากเดิม ท่ี \"เฮโรอีน” เป็นปัญหาสาคัญท่ีตารวจต้องเร่งปราบปรามให้สิ้นซาก กลายเป็น “ยาบ้า” หรือสารเสพติด หลากหลายประเภท อาทิ สารเมทแอมเฟตามีนที่กาลงั ระบาดต้ังแตร่ ะดับครอบครวั โรงเรียน ชมุ ชน สงั คมและ ประเทศจากขอ้ มลู การสารวจพบว่าเยาวชนและประชาชนหลงเข้าสวู่ งั วนของยาเสพติดจานวนมาก “ทูลกระหมอ่ มหญงิ อุบลรตั นราชกัญญาสริ ิวัฒนาพรรณวดี ทรงมคี วามหว่ งใยตอ่ ประชาชน” การดาเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ยึดวัยรุ่นและเยาวชนเป็นศูนย์กลางบนพ้ืนฐานความ เข้าใจธรรมชาติ พัฒนาการความต้องการ ความสนใจและพฤติกรรมเฉพาะของวัยร่นุ กล่าวคือ ช่วงวัยรุ่นเป็นชว่ ง ชีวิตระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ซ่ึงเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สาคัญยิ่งเพราะมีการเปลี่ยนแปลง อันซับซ้อนทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สตปิ ัญญาและสังคม ด้านร่างกาย จะมีอัตราการเจริญเติบโตของร่างกายเพ่ิมขึ้นอย่างรวดเร็ว สัดส่วนต่างๆ ของร่างกาย เปลีย่ นแปลงไปสกู่ ารเป็นผู้ใหญ่ ด้านอารมณ์ จะมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงเป็นวัยท่ีมีความรู้สึกรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น ความโกรธ ความรัก ความอจิ ฉารษิ ยา บางคร้งั มีความเช่อื มน่ั ในตัวเองสงู ไม่เชอื่ ฟังใคร บางครัง้ ก็เกิดความกงั วลใจ และรู้สึกหดหู่ มีความอยากรู้อยากเหน็ ต้องการความเป็นอิสระ มีจินตนาการและความเพ้อฝันสูง เพราะลักษณะ อารมณ์ของวยั ร่นุ เปน็ เช่นนี้ จึงเข้ากับบคุ คลตา่ งวัยยาก วัยรนุ่ จึงเกาะกลุ่มกนั ไดด้ ีมากกว่าวัยอ่ืนๆ เพราะเข้าใจและ ยอมรบั กนั ไดง้ ่าย ดา้ นสติปญั ญา เม่ือเข้าสู่วยั รุ่นรา่ งกายมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ส่งผลใหเ้ ซลลส์ มองไดร้ ับการพัฒนา ทาให้วัยรุ่นมีความสามารถในการคิดอ่านมากขึ้น มีความจาดีสามารถใช้ความคิดของตนได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล และลึกซึ้ง แต่จะขาดความรอบคอบและการยับย้ังชั่งใจ ตลอดจนขาดประสบการณ์ ความชานาญ และคุณภาพ เมื่อเทยี บกับความคิดของผู้สงู วยั ด้านสงั คม พฒั นาการจะเปลีย่ นแปลงไปตามรา่ งกาย จิตใจ และสตปิ ัญญา ทีส่ าคัญคือ สงั คมกล่มุ เพอ่ื น ร่วมวัย การคบเพื่อนร่วมวัยเป็นพฤติกรรมสังคมที่สาคัญย่ิงต่อจิตใจของเด็กวยั รุ่น เพราะสามารถร่วมสุขร่วมทุกข์ แก้ไข และเข้าใจปัญหาของกันและกันดีกว่าคนต่างวัย ซ่ึงมีความคับอกคับใจต่างกัน กลุ่มยังสนองความต้องการ ทางสังคมด้านต่างๆ ซึ่งเด็กต้องการมากในระยะน้ี เด็กที่เข้ากลุ่มมีความจงรักภักดีต่อกลุ่ม ยอมรับเอาค่านิยม ความเช่ือ ความสนใจของกลุ่มด้วยความเต็มใจ และสนิทสนมกับเพื่อนร่วมกลุ่มแน่นแฟ้น การรวมกลุ่มทาให้เด็ก
มีความรู้สึกอบอุ่นใจ กล้าแสดงความขัดขืนผู้ใหญ่ ต่อต้านกรณีท่ีเขาเห็นว่าไม่ยตุ ิธรรม การชักนาให้วยั รุน่ รวมกลมุ่ กนั เพื่อปฏิบัติกิจกรรมที่วัยรุ่นชอบนั้น ทาได้ง่ายมากกว่าวัยอ่ืนๆทั้งหมด ดังน้ันการจัดกิจกรรมหรือชมรมต่างๆ ทส่ี รา้ งสรรค์ จึงเป็นสิ่งที่ควรสง่ เสรมิ เพ่ือสนองความต้องการของเด็กในด้านการเข้ากลุ่มและเรยี นรู้พฤตกิ รรมสังคม ท่ีสาคัญอีกประการหน่ึงคือ การนับถือวีรบุรุษ เป็นการแสวงหาแบบอย่างเพ่ือดาเนินชีวิตอย่างผู้ใหญ่ นอกจาก ความเปล่ียนแปลงทั้ง 4 ด้านแล้ว วัยรุ่นยังมีธรรมชาติความต้องการ ความสนใจและพฤติกรรมซึง่ เปน็ ลักษณะเฉพาะ ได้แก่ ความต้องการความรักในทุกรูปแบบในฐานะท่ีเป็นผู้ให้และผู้รับ ความต้องการความสนุกสนานเพลิดเพลิน ความตอ้ งการความเปน็ อิสระ ความต้องการได้รบั การยกยอ่ ง ตอ้ งการมชี อ่ื เสียง ความต้องการมีปรัชญาชีวิตหรือมี อดุ มคตขิ องตนเอง ความต้องการเกีย่ วกับเรอ่ื งเพศ โดยมากมักเป็นวยั ท่ีมคี วามรกั แบบหลงใหลใฝ่ฝัน ความตอ้ งการ ประสบการณ์ใหม่ๆ ส่วนมากเป็นความอยากลองและอยากเรียนรู้ในส่ิงแปลกใหม่ท่ีตนเองไม่เคยกระทามาก่อน ความต้องการความปลอดภัยและม่ันคง อยากพึ่งพาตนเองได้ มีความฝันและมีจุดมุ่งหมาย ในอนาคต สนใจ ช่วยเหลือบุคคลอ่ืน สนใจกิจกรรมสรา้ งสรรคท์ ่ีเป็นของใหมแ่ ละมีประโยชน์ ชมรม TO BE NUMBER ONE เป็นชมรมที่รวบรวมคนดี คนเก่งและคนท่ีมีอุดมการณ์ท่ีจะสร้าง กิจกรรมดๆี เพือ่ ปอ้ งกันและแก้ไขปญั หายาเสพตดิ รว่ มกัน สามารถจัดต้ังข้นึ ไดท้ ั้งในสถานศกึ ษา สถานประกอบการ และชุมชน โดยชมรมในสถานศึกษาสมาชกิ ได้แก่ นกั เรยี น นักศึกษาในสถานศกึ ษานั้นๆ ชมรมในสถานประกอบการ สมาชกิ ไดแ้ ก่ พนกั งาน/ลกู จา้ งในสถานประกอบการน้นั ๆ ชมรมในชมุ ชน สมาชกิ ไดแ้ ก่ เดก็ และเยาวชนตลอดจน ประชาชนท่วั ไปในชุมชนนน้ั ๆ 1.1 ควำมหมำยของชมรม TO BE NUMBER ONE โครงการทูบีนมั เบอร์วนั (ภาษาอังกฤษ : TO BE NUMBER ONE) คือโครงการรณรงค์ป้องกนั และ แก้ไขปัญหายาเสพติด ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเป็นองค์ประธาน อานวยการโครงการรณรงค์ป้องกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพติด ซงึ่ ประกอบด้วย 3 “ก”. โดยภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ ไดแ้ ก่ 1) การรณรงค์ปลกุ จิตสานึกและสร้างกระแสนิยมที่เอ้ือต่อการปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพติด 2) การเสริมสร้างภมู ิคุ้มกันทางจิตใหแ้ ก่เยาวชน 3) การสรา้ งและพฒั นาเครือข่ายเพอื่ การป้องกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติด
1.2 ควำมสำคัญของชมรม TO BE NUMBER ONE พระดำรัสโครงกำรไวว้ ่ำ องคป์ ระธำนโครงกำรทูบนี มั เบอรว์ ัน “การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดจากสังคมไทย ไม่สามารถดาเนินงานให้สาเร็จได้ด้วยการทางาน องค์กรใดองค์กรหน่งึ แตท่ ุกองคก์ รทุกฝ่ายต้องชว่ ยกันและการรวมตัวกันของผู้ที่มคี วามตง้ั ใจ ท่จี ะไมไ่ ปยงุ่ เก่ียวกับ ยาเสพตดิ จะทาให้เกิดพลังในการรว่ มกันปอ้ งกันปัญหายาเสพติด อย่างเข้มแขง็ ” การดาเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE เปน็ โครงการ ยดึ วัยรนุ่ เป็นศูนยก์ ลางในการดาเนินงาน โดยส่งเสริมการแสดงความสามารถ กล้าคิด กล้าทา กล้าแสดงออก และช่วยสร้างเสริมความภาคภูมิใจให้แก่ เยาวชนเกิดเป็นภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ใช้ส่ือดนตรี กีฬา ศิลปะ ในการเข้าถึงเยาวชน และกระตุ้นให้เข้ามารวมกลุ่มกันทากิจกรรมท่ีสนใจอย่างสร้างสรรค์ เสริมสร้างความรู้และ ทักษะในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่สาคัญสาหรับเยาวชนให้ปลอดภัยจากปัญหา ยาเสพติด ด้วยหลักการ “เพื่อนช่วยเพ่ือน” เพราะวัยรุ่นเป็นวัยท่ี “เพ่ือน” มีความสาคัญมาก ดังนั้น โครงการ TO BE NUMBER ONE จึงเน้นไปท่ี “การทาโดยเยาวชน เพ่ือเยาวชน” การทาโครงการ TO BE NUMBER ONE จะมีการจัดตั้งขมรม TO BE NUMBER ONE และ/หรือ ศูนย์เพ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE จะเป็นการสร้าง ศูนย์รวมให้วัยรุ่นรวมกลุ่มกันทากิจกรรมท่ีสนใจ สร้างสรรค์และเกิดสุข ไม่ว่าจะอยู่ท่ีไหน ไม่ว่าจะเป็นใครทุกคน กส็ ามารถจดั ตงั้ ชมรม TO BE NUMBER ONE ได้ ดงั นี้ 1. ชมรม TO BE NUMBER ONE ในโรงเรียน 2. ชมรม TO BE NUMBER ONE ในโรงงาน 3. ชมรม TO BE NUMBER ONE ในชุมชน เกิดเป็นเครือข่าย TO BE NUMBER ONE ท่ีมีศักยภาพ จะทาให้การดาเนินงานป้องกันและแก้ไข ปญั หายาเสพตดิ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตอ่ เน่ืองและยงั่ ยืน ชมรม TO BE NUMBER ONE มีควำมสำคัญเพ่ือต้องกำรแก้ไขปัญหำสำหรับเด็กและเยำวชนใน เรือ่ งของยำเสพติด และใช้เวลำว่ำงให้เกิดประโยชน์ ส่งเสริมกำรแสดงควำมสำมำรถ กล้ำคิด กล้ำทำ กล้ำ แสดงออก มีภำวะผู้นำ และช่วยสร้ำงเสริมควำมภำคภูมิใจให้แก่เยำวชน เกิดเป็นควำมภูมิคุ้มกันทำงจิตใจ ให้แก่เยำวชนไมเ่ ขำ้ ไปยงุ่ เกี่ยวกบั ยำเสพติด กิจกรรมท้ำยเรอ่ื งที่ 1 ควำมหมำยและควำมสำคญั ของ TO BE NUMBER ONE (ใหผ้ ู้เรียนทากิจกรรมท้ายเรื่องที่ 1 ในสมุดบันทึกกจิ กรรมการเรยี นรู้ประกอบชดุ วชิ า)
เรื่องที่ 2. หลักเกณฑ์กำรตง้ั ชมรม TO BE NUMBER ONE ตำมองคป์ ระกอบ 3 ก. ชมรม TO BE NUMBER ONE เกิดจากการรวมตัวกันของสมาชิก TO BE NUMBER ONE จัดตั้งเป็น ชมรมโดยมีองค์ประกอบในการดาเนินงาน ประกอบด้วย 3 ก. ได้แก่ ก. ท่ี1 กรรมการ ก. ที่2 กองทุน ก. ที่3 กิจกรรม 2.1 ก. ท่ี 1 กรรมกำร โดยสมาชิก TO BE NUMBER ONE คัดเลือกกรรมการเพ่ือบริหารจัดการชมรม มีบุคคลที่ได้รับ แต่งตง้ั อยา่ งน้อย 5 ตาแหน่ง โดยการคัดเลอื ก การเลือกตง้ั หรอื อาสาสมคั ร เพอื่ เปน็ กรรมการชมรมประกอบดว้ ย 2.1.1 ประธาน 1 ตาแหนง่ 2.1.2 รองประธาน 1 ตาแหนง่ 2.1.3 เลขานุการ 1 ตาแหนง่ 2.1.4 กรรมการ 3 ตาแหนง่ ขน้ึ ไป 2.1.5 เหรญั ญิก 1 ตาแหน่ง และจะต้องมีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันในการจัดทาแผนงาน โครงการงบประมาณและ กิจกรรมของชมรม อยา่ งน้อย 2 คร้งั ต่อปี ตวั อยา่ ง การแบ่งคณะกรรมการออกเปน็ ฝา่ ยต่างๆ ดังนี้ 1) ฝา่ ยจัดหาทนุ 2) ฝา่ ยกจิ กรรม 3) ฝา่ ยประชาสมั พนั ธ์
4) ฝา่ ยรับเรือ่ งราวรอ้ งทกุ ข์ 5) ฝ่ายสอดสอ่ งดูแลและประเมนิ ผล หมายเหตุ การแบ่งฝา่ ยของคณะกรรมการขน้ึ อยู่กับความตอ้ งการ / ดุลยพนิ จิ ของแต่ละชมรม ไม่จาเปน็ ต้องเหมือนกนั แผนผังคณะกรรมกำร คณะกรรมกำรชมรม TO BE NUMBER ONE (เด็กและเยำวชน) ประธาน เลขานุการ รองประธาน เหรญั ญกิ กรรมการฝ่าย กรรมการฝ่าย กรรมการฝา่ ย กรรมการฝ่าย กจิ กรรม สอดสอ่ งดแู ล รับเร่ืองราวรอ้ งทุกข์ จดั หาทนุ คณะทป่ี รกึ ษำ (เจำ้ หน้ำที่) ผู้อานวยการ ผู้ช่วยผอู้ านวยการ/หัวหน้าสถานแรกรบั หวั หนา้ กลุ่มงาน เลขานุการ (ผ้รู ับผดิ ชอบ)
ใบสมคั ร หมายเลขบตั รประชาชน ---- ใบสมัครสมาชิก TO BE NUMBER ONE (นักเรียน นักศึกษำ) ชมรม TO BE NUMBER ONE กลุ่ม กศน.ตาบล ................................ สถานศกึ ษา กศน.อาเภอ................................. ประวัติส่วนตวั สมำชกิ ช่อื ................................………..นามสกุล..........................….……….. อายุ..............ปี เพศ ชาย หญิง ทอ่ี ยู่ท่สี ามารถติดตอ่ ได้................................................................................................... ........................................................................................................................................ ระดับกำรศึกษำ ระดับชน้ั ประถมศกึ ษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย อื่นๆ…………………………………. เหตุผลทเ่ี ข้าร่วม ต้องการเข้ารบั การบาบดั รักษาในชมรม “ ใครติดยา ยกมอื ข้นึ ” ชมรม ตอ้ งการรว่ มรณรงคป์ อ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพติด อ่นื ๆ............................................................................................. ………………………………………………………………… ....................................... ( ลายมือชือ่ )
2.2 ก. ท่ี 2 กองทนุ กองทนุ หมายถงึ กรรมการและสมาชกิ ร่วมดาเนนิ การจดั ตั้งกองทนุ เพอ่ื นาเงนิ รายได้ หมุนเวียนใชจ้ า่ ย ในชมรมซึ่งเป็นแนวทางสคู่ วามยงั่ ยนื ของชมรม รวมถึงทรัพยส์ นิ ของชมรมด้วย ซ่ึงหมายถึง สิง่ ใดสงิ่ หนึง่ ดังตอ่ ไปนี้ 2.2.1 เงนิ ซ่งึ ได้จากการบริจาค การจัดกจิ กรรมของสมาชกิ เพื่อหาทุน หรอื ได้รับสนับสนุนจากภาครฐั หรือเอกชนตา่ งๆ 2.2.2 ทรพั ย์สนิ ของชมรม ได้แก่ 2.2.2.1 ประเภทไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น ห้องประกอบกิจกรรมชมรมสถานที่ได้รับการ อนุญาตใหใ้ ชใ้ นกจิ กรรมของชมรม เป็นต้น 2.2.2.2 ประเภทสามารถเคลอื่ นย้ายได้ เชน่ โต๊ะ เกา้ อี้ อปุ กรณส์ านักงาน คอมพวิ เตอร์ อุปกรณ์ กีฬา ดนตรี ศลิ ปะ เปน็ ตน้ ตวั อยำ่ งแหลง่ ทีม่ ำของกองทนุ 1) งบสนบั สนุนจากสถานศึกษา/สถานประกอบการ 2) งบสนบั สนนุ จากภาคราชการ 3) การระดมทนุ เชน่ 3.1) ค่าสมัครสมาชกิ 3.2) การปลูกไม้ประดบั พืชผกั สวนครวั จาหน่าย 3.3) เงนิ รางวลั จากการประกวด 3.4) การบรจิ าคของสมาชิกและผู้สนับสนนุ 3.5) จาหน่ายผลติ ภัณฑ์ TO BE NUMBER ONE 3.6) จาหนา่ ยผลิตภณั ฑ์ทีส่ มาชกิ นามาฝากจาหน่าย 3.7) จาหนา่ ยสนิ ค้าตามเทศกาลต่างๆ เชน่ วาเลนไทน์ , ปีใหม่ 3.8) กจิ กรรมตลาดนดั TO BE NUMBER ONE 3.9) กจิ กรรมขายสินค้าเม่อื จัดนทิ รรศการ 3.10) สมาชิกแสดงความสามารถในงานต่างๆ และยังมีการเชญิ ชวนผมู้ ีจิตศรัทธา บริจาคเข้าชมรม 3.11) กจิ กรรมเปดิ หมวก 3.12) กิจกรรมธนาคารขยะรไี ซเคิล ดังน้นั กองทุน จะต้องทาให้เห็นเปน็ รูปธรรมทช่ี ัดเจนและถูกต้อง
ตวั อย่ำง ตวั อย่ำง บญั ชีรำยรบั -รำยจำ่ ย ของชมรม TO BE NUMBER ONE
2.3 ก. ท่ี 3 กจิ กรรม กิจกรรม หมายถึง “การทาอะไรก็ตามท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อ่ืน ” เป็นสิ่งท่ีชมรมจัดขึ้น เพื่อสมาชิกภายในชมรม หรือ มอบหมายสมาชิกเข้าร่วมดาเนินการกับหน่วยงาน/ องค์กรภายนอก การนับจานวนตามเกณฑ์ช้ีวัดว่าชมรมดาเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องให้นับรวมกิจกรรมทั้งภายในและ ภายนอกไมน่ อ้ ยกว่า 3 คร้ัง / ปี ทสี่ าคัญตอ้ งเป็นกิจกรรมทส่ี นับสนนุ ใหส้ มาชกิ ใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ เกดิ ความภาคภูมใิ จ และมองเหน็ คณุ ค่าของตนเอง อนั เป็นหนทางหา่ งไกลยาเสพติด รวมท้งั ใหโ้ อกาสและ สนับสนุนการคืนคนดีสู่สังคมของสมาชิก “ใครติดยายกมือขึ้น” กิจกรรมภายใน เช่น การจัดกีฬาสี การจดั ประกวดตา่ งๆ การจัดนทิ รรศการ ฯลฯ ส่วนกจิ กรรมภายนอก เชน่ การไปรว่ มเดนิ รณรงค์โครงการ เพื่อสังคมต่างๆ การไปช่วยทาความสะอาด เก็บขยะ ทาสีกาแพงวัด หรือ ดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น กิจกรรม ของชมรมต่างจากกิจกรรมของศูนย์เพ่ือนใจ TO BE NUMBER ONE เพราะกิจกรรมของศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE จัดได้เฉพาะภายในศูนย์และเพื่อสมาชิกท่ีมาใช้บริการท่ีศูนย์ภายใต้กรอบ \" ปรับทุกข์ สร้างสุข แก้ปัญหา และพัฒนา EQ \" เท่านั้น โดยทุกกิจกรรมที่จัดขึ้น ต้องสอดคล้อง ตามยุทธศาสตรห์ ลกั TO BE NUMBER ONE แผนภาพ 3 ยุทธศาสตร์หลกั TO BE NUMBER ON กิจกรรมท้ำยเรื่องที่ 2 หลักเกณฑก์ ำรตง้ั ชมรม TO BE NUMBER ONE ตำมองคป์ ระกอบ 3 ก. (ให้ผเู้ รยี นทากจิ กรรมทา้ ยเรอ่ื งที่ 2 ในสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู้ ระกอบชดุ วชิ า)
เร่อื งท่ี 3. กำรมสี ่วนรว่ ม หรอื กำรจัดตงั้ ชมรม TO BE NUMBER ONE 3.1 ควำมหมำยกำรมีส่วนรว่ ม การมีส่วนร่วม (participation) คือ เป็นผลมาจากการเห็นพ้องกันในเร่ืองของความต้องการและ ทิศทางของการเปลี่ยนแปลงและความเห็นพ้องต้องกนั จะต้องมีมากจนเกิดความคิดริเร่ิมโครงการเพอ่ื การปฏบิ ัติ เหตผุ ลเบ้อื งแรกของการที่มีคนมารวมกันได้ ควรจะตอ้ งมีการตระหนักว่าปฏิบตั ิการท้ังหมดหรือการกระทาทั้งหมด ท่ีทาโดยกลุ่มหรือในนามกลุ่มนั้น กระทาผ่านองค์การ (organization) ดังนั้นองค์การจะต้องเป็นเสมือนตัวนา ให้บรรลุถงึ ความเปล่ยี นแปลงได้ (ยุพาพร รูปงาม, 2545, หน้า 5) 3.2 กำรมสี ่วนร่วมในกำรจดั ตง้ั ชมรม TO BE NUMBER ONE ดังนี้ 3.2.1 โดยการเข้าร่วมเป็นสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE และการชักจูงเพื่อนให้เข้า ร่วมโครงการเพ่ือเป็นการสร้างและพัฒนาเครือข่ายสมาชิก ในการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้กวา้ งขวางมากข้ึน 3.2.2 เขา้ ร่วมกิจกรรมกบั ชมรม ในการรณรงค์โครงการอย่างต่อเนอ่ื ง 3.2.3 สอดส่องดูแลเพอื่ นท่ีเปน็ กลุม่ เสย่ี งให้หา่ งไกลยาเสพตดิ 3.2.4 ทาหนา้ ที่คอย “ปรบั ทุกข์ – ผกู มติ ร” และเปน็ กาลงั ใจใหเ้ พ่อื นทีเ่ สพหรอื ตดิ ยากลับตวั เป็น คนดีเพือ่ ใหก้ ้าวสู่สังคมได้อย่างม่นั ใจ 3.2.5 ใหค้ าปรึกษาแนะนา และช่วยเหลอื กรณีเพ่อื เสพ หรอื ติดยา 3.2.6 ประพฤติปฏบิ ัตเิ ป็นแบบอย่างท่ดี ีแก่ เพ่ือนสมาชกิ 3.2.7 รจู้ กั แบ่งเวลา และใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์
กจิ กรรมทำ้ ยเร่ืองที่ 3 มสี ่วนรว่ ม หรือ กำรจดั ต้งั ชมรม TO BE NUMBER ONE (ให้ผเู้ รยี นทากจิ กรรมทา้ ยเร่ืองท่ี 3 ในสมุดบันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชดุ วชิ า) เรื่องที่ 4. กำรดำเนนิ งำนโครงกำร TO BE NUMBER ONE และกำรส่งประกวด 4.1 ประเภทกำรประกวดผลกำรดำเนินงำนในโครงกำร TO BE NUMBER ONE 4.1.1 จงั หวดั TO BE NUMBER ONE 4.1.2 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในชมุ ชน 4.1.3 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศกึ ษาระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน 4.1.4 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศกึ ษาระดบั อาชีวศึกษาและอุดมศกึ ษา 4.1.5 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานประกอบการ 4.1.6 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานพนิ จิ และคุม้ ครองเดก็ และเยาวชน 4.1.7 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในทณั ฑสถานและเรือนจา 4.1.8 ชมรม TO BE NUMBER ONE ในสานักงานคมุ ประพฤติ 4.2 กำหนดกำรประกวดผลกำรดำเนนิ งำนในโครงกำร ชมรม TO BE NUMBER ONE 4.2.1 สิงหาคม ระดบั จงั หวดั 4.2.2 กมุ ภาพันธ์ ระดบั ภาค 4.2.3 พฤษภาคม – มิถนุ ายน ลงพนื้ ท่ี (ชมรมฯ ท่ผี ่านเข้าสู่ระดบั ประเทศ) 4.3 กำรนำเสนอ 4.3.1 ใช้องค์ประกอบ 3 ก. 4.3.2 ใชก้ ารบรรยายและใช้ Power Point ประกอบเทา่ นัน้ ห้ามใช้ VTR หรือ Power Point อยา่ งเดยี ว 4.3.3 ผบู้ รรยายขน้ึ เวทไี ม่เกิน 4 คน 4.3.4 รูปแบบการนาเสนอได้หลายรปู แบบ 4.3.5 คะแนนการนาเสนอ 100 คะแนน 4.4 กำรดำเนนิ งำนประเภทต้นแบบ กำรรกั ษำมำตรฐำน 4.4.1 ระดับยอดเพชร (รกั ษามาตรฐาน 5 ปี) 4.4.2 ระดบั เพชร (รกั ษามาตรฐาน 3 ปี) 4.4.3 ระดบั ทอง (รกั ษามาตรฐาน 3 ป)ี 4.4.4 ระดับเงนิ (รกั ษามาตรฐาน 3 ปี) 4.4.5 ดีเดน่
กำรดำเนนิ งำนประเภทตน้ แบบ กำรรักษำมำตรฐำน ระดับยอดเพชร (รักษำมำตรฐำน 5 ปี) ปปปปี) ระดับเพชร (รกั ษำมำตรฐำน 3 ปี) ระดับทอง (รกั ษำมำตรฐำน 3 ปี) ระดบั เงนิ (รกั ษำมำตรฐำน 3 ป)ี ดเี ดน่ 4.5 กำรลงประเมนิ ระดับพ้ืนท่ี 4.5.1 ชมรมทไี่ ด้รบั การคัดเลือกเข้าสรู่ ะดบั ประเทศ ให้เตรยี มความพร้อมเพอ่ื คณะกรรมการชุด พื้นท่ีจะลงไปตรวจเยย่ี มและใหค้ ะแนน ประมาณชว่ งเดือนพฤษภาคม – มถิ นุ ายน ของทกุ ปี 4.5.2 ยกเลิกคะแนนการนาเสนอระดับภาค 4.5.3 คะแนนพนื้ ที่ 50 คะแนน (เป็นคะแนนเกบ็ ไปรวมกับคะแนนการนาเสนอระดบั ประเทศ อีก 50 คะแนน รวมเป็น 100 คะแนน) 4.5.4 คณะกรรมการพื้นท่เี ปน็ คนละชดุ กับระดบั ภาค โดยเฉพาะระดบั เพชร คณะกรรมการเปน็ ชุดพิเศษ 4.5.5 คณะกรรมการพื้นทใ่ี ชเ้ วลาตรวจเยย่ี มชมและประเมินผลงาน ชมรมละไม่เกิน 1 ช่วั โมง 30 นาที 4.6 เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน เกณฑ์การให้คะแนนการประกวดประเภทชมรม TO BE NUMBER ONE 4.6.1 คะแนนการประกวดลงพ้นื ท่ีประเภทชมรม TO BE NUMBER ONE 1) ระดบั พื้นท่ี คะแนนเต็ม 50 คะแนน 2) ระดับประเทศ คะแนนเตม็ 50 คะแนน แบง่ เป็น การนาเสนอ 35 คะแนน ความประทับใจ 5 คะแนนและนิทรรศการ 10 คะแนน
ตารางคะแนนการประกวดประเภทชมรม TO BE NUMBER ONE ระดับพ้ืนที่ ตัวชวี้ ัด/เกณฑ์ ดีเดน่ เงิน ทอง เพชร/ยอดเพชร 1. ปฏบิ ัตงิ านจรงิ 2. ดาเนินงานตามแนวทางโครงการฯ 20 15 13 10 3. มีความต่อเนอ่ื ง 4. มีการพัฒนา 20 15 12 10 - เครอื ข่าย - นวตั กรรม 10 10 10 10 - องค์ความรู้ - 10 7 6 รวม - -8 7 - -- 7 50 50 50 50 4.6.2 คะแนนการประกวดระดบั ประเทศ ตารางคะแนนการนาเสนอประเภทชมรม TO BE NUMBER ONE ระดับประเทศ ตัวชีว้ ัด/เกณฑ์ ดีเด่น เงิน ทอง เพชร/ยอดเพชร 1. การนาเสนอผลงาน 20 12 10 7 - ดาเนินงานตามแนวทางโครงการ - ความต่อเนื่อง 5 54 3 - วธิ กี ารนาเสนอ - ความประทบั ใจ 10 10 10 10 - พัฒนานวตั กรรม - พัฒนาองคค์ วามรู้ 5 55 5 2. นิทรรศการ - 84 4 รวม - -7 4 - -- 7 10 10 10 10 50 50 50 50
ตารางคะแนนนิทรรศการการประกวดชมรม TO BE NUMBER ONE ระดับประเทศ ตวั ช้ีวัด/เกณฑ์ ดเี ด่น เงนิ ทอง เพชร/ยอดเพชร 1. การดาเนินงานตามแนวทางโครงการฯ 6 3.5 2 1 2. ความสวยงาม 2 22 2 3. ความคิดรเิ รมิ่ สร้างสรรค์ 2 22 2 4. การสรา้ ง/พฒั นาเครอื ข่าย - 2.5 2 1.5 5. นวตั กรรม - - 2 1.5 6. องคค์ วามรู้ -- 2 รวม 10 10 10 10 กจิ กรรมทำ้ ยเรอ่ื งท่ี 4 กำรดำเนินงำนโครงกำร TO BE NUMBER ONE และกำรสง่ ประกวด (ใหผ้ เู้ รียนทากจิ กรรมท้ายเร่อื งที่ 4 ในสมุดบนั ทึกกิจกรรมการเรยี นร้ปู ระกอบชดุ วชิ า)
หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 5 3 ยทุ ธศำสตร์ TO BE NUMBER ONE สู่กำรปฏบิ ัติ สำระสำคัญ การดาเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE มีแนวทางการดาเนินงานในรูปแบบของชมรม TO BE NUMBER ONE ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE โดยมีคณะกรรมการ และสมาชิกของชมรม เป็นผู้ขับเคลื่อนโครงการกิจกรรมของชมรม ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์การดาเนินงาน TO BE NUMBER ONE เพื่อป้องกันและแกไ้ ขปญั หายาเสพติดในกลุ่มวยั ร่นุ และเยาวชน การนายุทธศาสตร์ทั้ง 3 ยุทธ์ศาสตร์มาใช้ในการรณรงค์ปลุกจิตสานึกและสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่เยาวชน การเสริมสร้างและพัฒนา เครือข่ายเพื่อการป้องกัน มาขับเคลื่อนกิจกรรมโครงการ TO BE NUMBER ONE ให้สมาชิกชมรมมีความรู้ ความเขา้ ใจและปฏิบัติกิจกรรมตามยุทธศาสตรก์ ารดาเนนิ งานโครงการ TO BE NUMBER ONE ตัวช้ีวัด 1. อธิบายและฝึกปฏิบัติกิจกรรมตามยุทธศาสตร์ที่ 1 การรณรงค์ปลุกจิตสานึกและสร้างกระแสนิยมท่ี เอ้ือตอ่ การป้องกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ 2. อธบิ ายและฝึกปฏิบตั ิกิจกรรมตามยุทธศาสตรท์ ่ี 2 การเสรมิ สรา้ งภูมิค้มุ กันทางจิตใจให้แก่เยาวชน 3. อธิบายและฝึกปฏิบัติกิจกรรมตามยุทธศาสตร์ท่ี 3 การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพ่ือการป้องกันและ แก้ไขปญั หายาเสพตดิ ขอบข่ำยเนือ้ หำ เรื่องที่ 1 ยุทธศาสตร์ที่ 1 การรณรงค์ปลุกจิตสานึกและสร้างกระแสนิยมที่เอ้ือต่อการป้องกัน และแก้ไขปญั หายาเสพติด 1.1 วัตถปุ ระสงค์ 1.2 รูปแบบการดาเนินงาน 1.2.1 การรณรงคโ์ ดยการประชาสมั พนั ธ์ผา่ นสือ่ 1.2.2 การรณรงคโ์ ดยการจัดกจิ กรรม 1.3 ตวั อยา่ งกิจกรรมการสร้างกระแสในยุทธศาสตร์ท่ี 1 เช่น 1.3.1 การรับสมคั รสมาชิกชมรม 1.3.2 การประชาสัมพนั ธช์ มรม
1.3.3 การจัดกจิ กรรมดนตรี กฬี า การประกวดกจิ กรรมสร้างสรรค์ตา่ งๆ 1.3.4 การตรวจหาสารเสพตดิ 1.3.5 การเข้าร่วมกจิ กรรมในวนั สาคัญต่างๆ ร่วมกับภาครฐั 1.3.6 จดั แข่งขันกีฬาภายใน และ หรอื กับหนว่ ยงานภาครัฐ เอกชน และชมุ ชน 1.3.7 สนบั สนนุ ทุนการศกึ ษา อปุ กรณ์ แก่ สถานศึกษา ชมุ ชน 1.3.8 ร่วมกบั ชุมชนในการดแู ลสงิ่ แวดล้อม เรอื่ งที่ 2 ยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 การเสรมิ สรา้ งภมู ิค้มุ กันทางจติ ใจใหแ้ ก่เยาวชน 2.1 วตั ถปุ ระสงค์ 2.2 รปู แบบการดาเนนิ งาน 2.2.1 การจัดกจิ กรรมเสริมสรา้ งภมู คิ มุ้ กันทางจิตใจให้แกเ่ ยาวชน 2.2.2 การจดั ตัง้ ศนู ยเ์ พ่อื นใจ TO BE NUMBER ONE ( TO BE NUMBER ONEFRIEND CORNER ) 2.3 ตัวอย่างกจิ กรรมการสร้างภมู ิคมุ้ กันทางจติ ใจ ในยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 เชน่ 2.3.1 การจดั ตั้งศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE 2.3.2 การอบรมให้ความรูเ้ ร่อื งยาเสพตดิ 2.3.3 การทาบญุ ทางศาสนา ฟงั เทศน์ 2.3.4 การจัดกิจกรรมที่ใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ เชน่ ฝึกอาชพี เพื่อหารายได้ การออกกาลงั กาย เรอ่ื งที่ 3 ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพือ่ การป้องกนั และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ 3.1 วตั ถปุ ระสงค์ 3.2 การดาเนนิ งาน 3.3 กจิ กรรมสาคัญ 3.4 ตัวอย่างกิจกรรมการสรา้ งและพฒั นาเครอื ขา่ ย ในยุทธศาสตร์ที่ 3 เช่น 3.4.1 สนับสนุนวิทยากร อบรมให้ความรู้ เงินทุนและอุปกรณ์แก่ชุมชนและสถานศึกษา ในการจดั ตั้งชมรมTO BE NUMBER ONE ศูนยเ์ พอื่ นใจ TO BE NUMBER ONE 3.4.2 เป็นพ่เี ล้ียง ท่ปี รึกษาในการจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE แก่ชมรมอ่นื 3.4.3 สนบั สนุนวทิ ยากรในการอบรมใหค้ วามรู้เรื่องยาเสพตดิ 3.4.4 เปิดโอกาสใหผ้ ู้ที่ผา่ นการบาบัดยาเสพตดิ เขา้ มาทางานได้
เวลำทใี่ ช้ในกำรศึกษำ จานวน 36 ชั่วโมง สอ่ื กำรเรยี นรู้ 1. ชดุ วิชาการเรียนรู้ TO BE NUMBER ONE เปน็ หน่งึ โดยไมพ่ ง่ึ ยาเสพตดิ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 2. สมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรูป้ ระกอบชดุ วิชา 3. สือ่ เสริมการเรียนร้อู ื่นๆ
เร่ืองที่ 1 ยุทธศำสตร์ที่ 1 กำรรณรงค์ปลุกจิตสำนึกและสร้ำงกระแสนิยมที่เอื้อต่อกำรป้องกันและ แก้ไขปัญหำยำเสพตดิ การรณรงค์ป้องกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพติดเป็นเรอื่ งยาก ทง้ั ในการทางานและการวัดความสาเร็จท่ีผา่ นมา ฝ่ายบาบัดรักษาและปราบปรามได้ทุ่มเทงบประมาณ เพ่ือการน้ีมาโดยตลอด แต่ผู้เสพ ผู้ติด ผู้ขาย ก็ยังไม่ลดลง การหันมาเน้นการป้องกนั ในกลมุ่ เสย่ี ง โดยเฉพาะในกลมุ่ วัยรุน่ และเยาวชน ซึ่งจะเป็นกาลงั สาคัญของชาติในอนาคต ย่อมดีกว่าไม่ทาอะไรเลย การมุ่งแก้ที่ปลายเหตุอย่างเดียว คงไม่สามารถช่วยให้ปัญหายาเสพติดเบาบางลงได้ และ อาจเพิ่มจานวนผู้เสพ ผู้ติด ผู้ขาย มากกว่าเดิมอีกหลายเท่า หากเราไม่ช่วยกันดึงกลุ่มเส่ียงให้พ้นออกมาจาก สถานการณร์ อบๆ ตัวเขาเหล่านัน้ ยุทธศาสตร์การรณรงค์ด้วยกิจกรรมต่างๆ ส่ือต่างๆ ในโครงการ TO BE NUMBER ONE ก็เพ่ือ สร้างกระแสให้วัยรุ่นและเยาวชนเปลี่ยนทัศนคติและค่านิยมเดิมๆ ท่ีคิดว่าการใช้ยาเสพติดทาให้ดูเท่ หรือช่วย แก้ปัญหาได้ มา In Trend กับคาขวัญท่วี า่ “เปน็ หน่งึ โดยไมพ่ ่ึงยาเสพตดิ ” ถา้ กระแสน้แี รงขน้ึ เร่อื ยๆ แผข่ ยายไปใน กลุ่มวัยรุ่นอย่างกว้างขวาง ทุกคนก็อยากมุ่งมั่นสู่ความเป็นหน่ึง เพราะความหมายของความเป็นหน่ึงในโครงการ TO BE NUMBER ONE คือความรู้สึกเป็น Somebody มีอะไรให้ทา ให้เลือก มีโอกาส มีเพื่อน มีสังคม มีความสุข ได้รับการยอมรับ โครงการ TO BE NUMBER ONE จึงจัดกิจกรรมหลากหลายที่เข้าถึงธรรมชาติของวัยรุ่น อาจดู ไม่มีสาระกับเรื่องดนตรี กีฬา ศิลปะ ร้อง เล่น เต้น รา ท่ีดูแค่เปลือกนอกเหมือนไม่มีประโยชน์ เม่ือเทียบกับ การศกึ ษาเล่าเรียนภายในห้องเรียน ซงึ่ สว่ นใหญ่จะเน้นด้านวิชาการ แตก่ ิจกรรมต่างๆ ในโครงการ TO BE NUMBER ONE เป็นเพยี งกิจกรรมทีต่ ้องการใช้สอื่ กลางดงึ เดก็ วัยรนุ่ ให้เข้าร่วมโครงการฯ แกน่ ของโครงการฯ คือ ใหว้ ัยรุ่นกลุ่มเส่ียง หันมาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ขอเน้นว่า เวลาว่าง ดังนั้นส่วนใหญ่จึงเป็นกิจกรรมเสริมทักษะทางด้านจิตใจ อารมณ์และสังคม แต่โดยท่ีธรรมชาติของวัยรุ่นจะช่ืนชอบและสนใจในกิจกรรมที่ทาแล้วมีความสุข จึงปรากฏว่าสมาชิก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126