Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เศรษฐศาสตร์ ชั้น ม.3

เศรษฐศาสตร์ ชั้น ม.3

Description: เศรษฐศาสตร์ ชั้น ม.3

Search

Read the Text Version

สาระการเรียนรู : เศรษฐศาสตร กลุมสาระการเรยี นรู สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3

หนวยการเรียนรูท่ี 1 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ

ตัวชี้วัด อธบิ ายกลไกราคาในระบบเศรษฐกจิ (ส 3.1 ม.3/1) สาระการเรียนรู กลไกราคา ในระบบเศรษฐกิจ ตลาด การกําหนด ความหมายและ หลกั การปรบั ในระบบ ราคา ตวั อยา ง และเปลี่ยนแปลง เศรษฐกจิ ในระบบ ราคาสนิ คา และ ของอปุ สงคและ เศรษฐกิจ อปุ ทาน บรกิ าร

ตลาด ในระบบเศรษฐกจิ ความหมายของตลาด ประเภทของตลาด ในระบบเศรษฐกิจ ในระบบเศรษฐกิจ

ความหมายของตลาดในระบบเศรษฐกจิ ตลาดเปน ตวั กลางในการตดิ ตอ ซ้อื ขาย แลกเปล่ยี น สินคาและบริการ โดยไมสนใจวาจะมีสถานทห่ี รอื ไมม กี ไ็ ด หากมกี ารซ้อื ขายสินคาและบรกิ ารในสถานท่ใี ด ๆ ก็ถือวา สถานทนี่ ั้นเปน ตลาดแลว เชน กัน ตวั อยางเชน การซอ้ื ขายหนุ ตลาดหลกั ทรพั ยก็จะ จดั เปนตลาดในการซ้ือขายหนุ หรอื การซอื้ ขายสนิ คาและ บริการทางอนิ เทอรเนต็ หรือระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส (E- Commerce) เวบ็ ไซตนนั้ ก็จดั เปน ตลาดในทางเศรษฐศาสตร

ประเภทของตลาดในระบบเศรษฐกจิ ตลาดประเภทตาง ๆ โดยทว่ั ไป มดี งั น้ี ตลาดทีแ่ บงตามลกั ษณะการดาํ เนินการขายของผขู าย ตลาดท่ีแบงตามประเภทของสนิ คา และบรกิ าร ท่ีจาํ หนาย ตลาดทแ่ี บงตามลักษณะของการแขง ขัน

ตลาดขายสง่ คือ ตลาดที่มิไดข้ าย สินคา้ ใหแ้ กผ่ บู้ ริโภคโดยตรง แต่จะ ขายใหก้ บั บุคคลท่ีจะนําไปขายต่ออีก ทอดหนึ่ง ซ่ึงอาจจะเป็ นพอ่ คา้ ขายสง่ หรือขายปลีกก็ได้ เพ่ือนําไปขาย ใหก้ บั พอ่ คา้ ขายปลีกหรือผบู้ ริโภคอีก ต่อหน่ึง โดยมีการซ้ ือขายสินคา้ จาํ นวนมาก ตลาดขายปลีก คือ ตลาดท่ีขายสินคา้ ใหแ้ กผ่ บู้ ริโภคโดยตรง ซึ่งอาจจะเริ่มต้งั แต่ ตลาดเล็ก เชน่ ตลาดสดใกลบ้ า้ น ชุมชน ตลาดนัด ตลาดน้ํา ไปจนถึงรา้ นคา้ - สะดวกซ้ ือ หา้ งสรรพสินคา้ ศนู ยก์ ารคา้ โดยมีการซ้ ือขายสินคา้ จาํ นวนไมม่ าก

ตลาดสินคา้ คอื ตลาดที่เนน้ การซ้ ือ และขายสินคา้ ซ่ึงอาจจะแยกยอ่ ยไดอ้ ีก ดงั น้ ี 1) ตลาดสินคา้ ผบู้ รโิ ภค คือ ตลาดท่ี จาํ หน่ายสินคา้ ใหแ้ กผ่ บู้ ริโภคนําไป บริโภคโดยตรง สินคา้ ประเภทน้ ีก็จะ เป็ นสินคา้ ข้นั สุดทา้ ย เชน่ ไปซ้ ือผกั เน้ ือหมทู ่ีตลาดสดเพ่อื นํามาทาํ สุกยี าก้ ี รบั ประทานภายในครอบครวั ดงั น้ัน ตลาดสดก็จะกลายเป็ นตลาดสินคา้ ผบู้ รโิ ภค เน่ืองจากผกั และเน้ ือหมู เป็ นสินคา้ ข้นั สุดทา้ ย 2) ตลาดสนิ คา้ ผผู้ ลิต คอื ตลาดท่ีจาํ หน่ายสินคา้ ใหแ้ กผ่ ซู้ ้ ือนําไปผลิตสินคา้ หรือบรกิ ารอีก ทอดหน่ึง สินคา้ น้ันจะเป็ นสินคา้ ขน้ั กลาง เชน่ หากท่ีบา้ นเป็ นรา้ นขายอาหารตามสงั่ เราไป ซ้ ือผกั หรอื เน้ ือหมทู ี่ตลาดสดเพื่อทาํ อาหารขาย ดงั น้ัน ตลาดสดก็จะกลายเป็ นตลาดสินคา้ ผผู้ ลิต

ตลาดบรกิ าร คือ ตลาดที่เนน้ การ บริการเป็ นแกนหลกั แต่มีองคป์ ระกอบ ของสินคา้ เขา้ มาชว่ ยใหก้ ารบรกิ ารน้ัน ลุล่วงไปได้ เชน่ รา้ นตดั ผมเนน้ ที่ บริการตดั ผม ไมไ่ ดเ้ นน้ การจาํ หน่าย กรรไกรตดั ผม หรือกิจกรรมสปาเนน้ ท่ี บริการนวดแผนต่างๆ ไมไ่ ดเ้ น้นการ จาํ หน่ายสมุนไพรขดั ผิว หรอื รา้ น อินเทอรเ์ น็ตคาเฟเนน้ ท่ีบรกิ ารการใช้ อินเทอรเ์ น็ต ไมไ่ ดเ้ นน้ การจาํ หน่าย คอมพิวเตอร์ ตลาดการเงนิ คอื ตลาดที่มกี ารซ้ ือขายแลกเปลี่ยนเงนิ เป็ นแหล่งเงินทุนที่สาํ คญั ในระบบ เศรษฐกจิ แบ่งออกได้ ดงั น้ ี 1) ตลาดเงนิ เป็ นตลาดท่ีใหเ้ งนิ กยู้ มื ในระยะส้นั มีตวั๋ สญั ญาใชเ้ งินหรอื ตวั๋ เงนิ คลงั เป็ นสินคา้ 2) ตลาดทนุ เป็ นตลาดท่ีใหเ้ งนิ กยู้ มื ในระยะยาว และมหี ลกั ทรพั ย์ คือ พนั ธบตั รและหนุ้ ของ บริษัทต่างๆ เป็ นสินคา้ ที่ขายกนั

ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ เป็ นตลาดท่ี เปิ ดโอกาสใหท้ ุกคนสามารถแขง่ ขนั กนั ไดอ้ ยา่ งเสรี โดยไมม่ ีอุปสรรค ใดๆ คอยกีดก้นั ผลประกอบการ ข้ ึนอยกู่ บั ความรคู้ วามสามารถของ ผปู้ ระกอบการเป็ นสาํ คญั ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ เป็ นตลาดที่มีลกั ษณะตรงขา้ มกบั ตลาดแขง่ ขนั สมบรู ณ์ คือ ไมเ่ ปิ ดโอกาสใหผ้ ซู้ ้ ือและผขู้ ายมีการแขง่ ขนั กนั ไดอ้ ยา่ งเสรี เป็ นการ บิดเบือนระบบกลไกตลาด ซึ่งไมไ่ ดส้ ะทอ้ นถึงความตอ้ งการท่ีแทจ้ ริงของผซู้ ้ ือ และผขู้ าย มีการผกู ขาดโดยกลุม่ ทุน ทาํ ใหผ้ ปู้ ระกอบการรายอื่นไมไ่ ดร้ บั ความ เป็ นธรรมในการแขง่ ขนั

ตารางเปรยี บเทียบประเภทของตลาดตามการแข่งขนั ประเภทของ ตลาดแข่งขนั ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ ตลาด สมบูรณ์ ตลาดผกู ขาด ตลาดผขู้ าย ตลาด แทจ้ ริง นอ้ ยราย กึ่งแข่งขนั - ก่ึงผกู ขาด จาํ นวนผขู้ าย มากท่ีสุด 1 ราย 2-3 รายข้ ึนไป จาํ นวนมาก ลกั ษณะสินคา้ เหมือนกนั อยา่ ง ไมม่ ีสินคา้ ใด เหมือนกนั หรือ แตกต่างกนั และ ที่ขาย สมบรู ณ์ ทดแทนสินคา้ ท่ี ต่างกนั แต่มี หาสินคา้ ทุกประการ ขายได้ สินคา้ ทดแทน ทดแทนได้ ได้

ประเภทของ ตลาดแข่งขนั ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ ตลาด สมบูรณ์ ตลาดผกู ขาด ตลาดผขู้ าย ตลาด พลงั ตลาดหรือ ไมม่ ี แทจ้ ริง นอ้ ยราย ก่ึงแข่งขนั - อาํ นาจในการ ไมจ่ าํ เป็ น ก่ึงผกู ขาด กาํ หนดราคา กลยุทธท์ าง มมี ากที่สุด มี แต่ตอ้ งเป็ นไป มีบา้ ง แต่ตอ้ งระวงั การตลาดเพอ่ื ในทิศทาง เรื่องการรกั ษา เนน้ ไปท่ี ฐานลกู คา้ หาก เพิ่มยอด การโฆษณา เดียวกบั ผขู้ าย ราคาที่ต้งั สงู กวา่ จาํ หน่าย ประชาสมั พนั ธ์ รายอื่น คแู่ ขง่ เกนิ ไป และปรบั ปรุง คุณภาพสินคา้ เน้นไปท่ี เนน้ ไปท่ีการสรา้ ง โดยอาจไมค่ าํ นึง การโฆษณา ความแตกต่าง เรื่องลดราคา ประชาสมั พนั ธ์ ใหก้ บั สินคา้ และปรบั ปรุง โดยเฉพาะยหี่ อ้ คุณภาพสินคา้ และราคา

ประเภทของ ตลาดแข่งขนั ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ ตลาด สมบูรณ์ ตลาดผกู ขาด ตลาดผขู้ าย ตลาด แทจ้ ริง นอ้ ยราย กึ่งแข่งขนั - กึ่งผกู ขาด ระดบั ของราคา ตาํ่ กวา่ ตลาดอ่ืน สงู กวา่ ตลาดอ่ืน สงู กวา่ ตลาด สงู กวา่ ตลาด สินคา้ กึ่งแขง่ ขนั - แขง่ ขนั สมบรู ณ์ กึ่งผกู ขาด การจดั สรร มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิภาพ ทรพั ยากรใน สงู สุด ตาํ่ สุด มากกวา่ ตลาด มากกวา่ ตลาด ระบบเศรษฐกิจ ผกู ขาดแทจ้ ริง ผขู้ ายนอ้ ยราย

การกาํ หนดราคาในระบบเศรษฐกิจ ประเทศไทยใชร้ ะบบเศรษฐกิจแบบผสม คือ เอกชน เป็ น ผกู้ าํ หนดราคาเป็ นหลกั รฐั จะเปิ ดโอกาสใหเ้ อกชนเป็ นผกู้ าํ หนด ราคาสินคา้ ไดใ้ นรปู แบบของ “กลไกราคา” แต่หากวนั ใดท่ีกลไก- ราคาท่ีเป็ นอยกู่ อ่ ใหเ้ กิดความเดือดรอ้ นแกค่ นในระบบ รฐั บาลก็ จาํ เป็ นตอ้ งเขา้ มาแทรกแซงกลไกราคาที่เป็ นอยนู่ ้ันเพือ่ แกไ้ ขปัญหา ความเดือดรอ้ นท่ีเกิดข้ นึ

ความหมายและความสาํ คญั ของกลไกราคา ตามพจนานุกรมศพั ทเ์ ศรษฐศาสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน ไดก้ ล่าวถึงความหมายของกลไกราคาวา่ กลไกราคา คือ กระบวนการปรบั ตวั ของราคาสินคา้ หรือบริการหรือปัจจยั การผลิตท่ีเกิดข้ นึ ตามแรงผลกั ดนั ของ อุปสงคแ์ ละอุปทานในตลาด โดยปราศจากการแทรกแซงใดๆ ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม กลไกราคาเป็ นเครื่องมอื สาํ คญั ในการปรบั การทาํ งานของหน่วยเศรษฐกิจต่างๆ ใหเ้ ขา้ สู่ จุดสมดุลของตลาด

ราคาของสินคา้ และบริการน้ัน ถกู กาํ หนดข้ ึนท้งั จากผซู้ ้ ือ และผขู้ ายในตลาดรว่ มกนั ที่เรียกวา่ “กลไกราคา”

ความสาํ คญั ของกลไกราคา ความสาํ คญั ของกลไกราคา จึงทาํ ใหต้ ลาดสามารถ ทาํ งานไดม้ ปี ระสิทธิภาพมากข้ นึ และเป็ นราคาที่เป็ นไปตาม “กลไก” หรือ “ธรรมชาติ” เองโดยไมม่ ีการครอบงาํ หรือแทรกแซง จากฝ่ายอื่น ในทศั นะของนักเศรษฐศาสตรก์ ลุ่มเสรีนิยม อยา่ ง อดมั สมธิ ซ่ึงเป็ นบิดาแหง่ เศรษฐศาสตรจ์ ึงไดเ้ ปรียบเปรยไว้ ในหนังสือ “ความมนั่ คงแหง่ รฐั ” วา่ กลไกราคาน้ ีเปรียบเสมอื น “มอื ท่ีมองไมเ่ ห็น” ที่ทาํ ใหร้ ะบบเศรษฐกิจรวมถึงระบบตลาด สามารถเป็ นไปไดห้ รือทาํ งานไดโ้ ดยตวั ระบบของมนั เอง

อปุ สงค์ (Demand) อปุ สงค์ ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ความตอ้ งการที่มี อาํ นาจซ้ ือและความสามารถท่ีจะซ้ ือสินคา้ และบริการชนิดใด ชนิดหนึ่งของผบู้ ริโภคในระยะเวลาหนึ่ง และ ณ ระดบั ราคาต่างๆ ของสินคา้ และบริการน้ัน โดยอุปสงคจ์ ะเกิดข้ ึนเมือ่ มีการซ้ ือขาย สินคา้ และบริการแลว้ เท่าน้ัน ไมว่ า่ จะซ้ ือดว้ ยระบบเงนิ สดหรือเงิน ผ่อนก็ตาม

กฎอปุ สงค์ (Law of Demand) กฎอปุ สงคก์ ลา่ วว่า ปรมิ าณของสินคา้ และบรกิ าร ชนิดใดชนิดหนึ่งที่ผบู้ รโิ ภคตอ้ งการซ้ ือ ซ่ึงแปรผกผนั กบั ระดบั ราคาของสินคา้ และบรกิ ารชนิดน้นั เสมอ เม่ือกาํ หนดใหส้ ิ่งอื่นๆ คงท่ี

เม่ือราคาสินคา้ บรกิ ารชนิดหน่ึง เพ่ิมข้ ึน ดงั นนั้ เม่ือราคาสินคา้ บรกิ ารชนิดหนึ่ง ลดลง ความตอ้ งการซ้ ือสินคา้ และบรกิ ารชนิดน้นั จะ ลดลง ความตอ้ งการซ้ ือสินคา้ และบรกิ ารชนิดน้นั จะ เพ่ิมข้ ึน แปรผกผนั กนั ตวั อยา่ งของอุปสงค์ ราคาเครอ่ื งดื่มน้าํ ผลไมต้ อ่ กลอ่ ง ปริมาณซ้ ือ (บาท/กลอ่ ง) (กลอ่ ง) หากเราตอ้ งการซ้ ือเครื่องดื่ม 24 น้ําผลไม้ ตามกฎอุปสงคจ์ ะพจิ ารณา 20 1 แต่ระดบั ราคาของเครอื่ งดื่มน้ําผลไม้ 16 2 ในเวลาน้ัน โดยไมค่ าํ นึงถึงรายได้ 12 3 ของผบู้ ริโภค และรสนิยมในการด่ืม 8 4 น้ําผลไม้ หรอื ฤดกู าลวา่ อากาศรอ้ น 4 5 หรอื หนาว 6

สรุปจากตารางขา้ งตน้ หากเคร่ืองดื่มน้ําผลไมร้ าคากล่องละ 24 บาท ผซู้ ้ ือจะมีความตอ้ งการซ้ ือเพียง 1กลอ่ ง แต่หากเคร่ืองด่ืมน้ําผลไมร้ าคากลอ่ งละ 4 บาท จะมีความตอ้ งการซ้ ือถึง 6 กล่อง จากตารางดงั กลา่ วสามารถนํามาแสดงเป็ น “เสน้ อุปสงค”์ ได้ ดงั น้ ี

ปัจจยั ในการกาํ หนดอปุ สงค์ ราคาสินคา้ รายไดข้ องผบู้ รโิ ภค ราคาสินคา้ อ่ืนที่เก่ียวขอ้ ง การเปล่ียนแปลงของฤดกู าล รสนิยมของผบู้ ริโภค จาํ นวนประชากร

อปุ ทาน (Supply) อปุ ทาน ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง จาํ นวนสินคา้ และ บริการซึ่งผผู้ ลิตเต็มใจท่ีจะผลิตและนําออกขาย ณ ระดบั ราคา ต่างๆ ในระยะเวลาที่กาํ หนด ดงั น้นั อปุ ทาน กลา่ วว่า ความตอ้ งการขายสินคา้ ชนิดหนึ่งเมื่อมีราคาระดบั น้นั

กฎอปุ ทาน (Law of Supply) กฎอปุ ทาน กลา่ วว่า ปรมิ าณของ สินคา้ และบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ปริมาณ เสนอขายสินคา้ ซ่ึงมาแปรผนั โดยตรงกบั ราคาของสินคา้ และบริการชนิดน้นั เสมอ โดยกาํ หนดใหป้ ัจจยั อ่ืนคงท่ี

เม่ือราคาสินคา้ บริการชนิดหน่ึง เพิ่มข้ ึน ปริมาณเสนอขายสินคา้ และบรกิ ารชนิดน้นั จะ เพ่ิมข้ ึน เม่ือราคาสินคา้ บรกิ ารชนิดหน่ึง ลดลง ปริมาณเสนอขายสินคา้ และบริการชนิดน้นั จะ ลดลง ตวั อยา่ งของอุปทาน แปรผนั โดยตรง กฎอุปทานจะพจิ ารณาไปท่ีระดบั ราคาสินคา้ ท่ีอยใู่ นชว่ งเวลาน้ัน ราคาเครือ่ งดื่มน้าํ ผลไมต้ อ่ กลอ่ ง ปริมาณขาย โดยกาํ หนดใหป้ ัจจยั อื่นๆ เช่น (บาท/กล่อง) (กลอ่ ง) ตน้ ทุนการผลิต จาํ นวนผขู้ าย 24 6 รายอ่ืนอยคู่ งท่ี ดงั น้ัน หากเรา 20 5 ตอ้ งการขายเครื่องดื่มน้ําผลไม้ ราคาจะเป็ นไป ดงั ตาราง 16 4 12 3 82 41

สรุปจากตารางขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ หากน้ํา ผลไมร้ าคากล่องละ 24 บาท จะมีความตอ้ งการขายถึง 6 กล่อง แต่หากราคากล่องละ 4 บาท ซ่ึงตาํ่ ที่สุด ก็จะมี ปริมาณขายที่ตาํ่ สุด คือ 1 กลอ่ ง จากตารางสามารถ แสดงเป็ นเสน้ อุปทานไดด้ งั น้ ี

ปัจจยั ในการกาํ หนดอปุ ทาน ราคาสินคา้ และบรกิ าร จาํ นวนผผู้ ลิต ตน้ ทนุ การผลิต เทคโนโลยกี ารผลิต นโยบายของรฐั บาล

หลกั การปรบั และเปล่ียนแปลงราคาสนิ คา้ และบริการ จากตารางจะเห็นไดว้ ่า หากน้าํ ผลไมร้ าคากลอ่ งละ 16 บาท ปรมิ าณซ้ ือ (อุปสงค)์ กบั ปรมิ าณขาย (อปุ ทาน) จะเทา่ กนั พอดี ที่ 4 กลอ่ ง ทาํ ใหส้ นิ คา้ หมดพอดี เกิดเป็ นราคาดลุ ยภาพ

ราคาดลุ ยภาพ= ราคาที่เกิดจากปริมาณซ้ ือ และปริมาณขายเท่ากนั ภาวะดลุ ยภาพ ปรมิ าณดลุ ยภาพ= ปริมาณซ้ ือขายที่เท่ากนั พอดี (สินคา้ หมด) หากราคาน้ําผลไมอ้ ยสู่ งู กวา่ ดุลยภาพ (กลอ่ งละ 20, 24, 28 บาท) ก็จะทาํ ใหอ้ ุปทานมากกวา่ อุปสงคซ์ ่ึงเรียกวา่ อุปทานสว่ นเกิน ซ่ึงทาํ ใหป้ ริมาณสินคา้ เหลือ หากผขู้ ายตอ้ งการขายใหห้ มด ก็ตอ้ งปรบั ราคาสินคา้ ใหล้ ดลงมาส่รู าคาดุลยภาพ ในทางตรงขา้ ม หากราคาน้ําผลไมอ้ ยตู่ าํ่ กวา่ ดุลยภาพ (กลอ่ งละ 12, 8, 4 บาท) ก็จะทาํ ใหอ้ ุปสงคม์ ากกวา่ อุปทาน ซ่ึงเรียกวา่ อปุ สงคส์ ว่ นเกิน ทาํ ใหป้ ริมาณสินคา้ ขาดตลาด ผซู้ ้ ือจะแยง่ กนั ซ้ ือ โดยเสนอราคาใหส้ งู ข้ ึน โดยอุปสงคส์ ่วนเกินจะลดลง เร่ือยๆ จนถึงจุดดุลยภาพในที่สุด ท้งั หมดน้ ีสามารถแสดงเป็ นกราฟได้ ดงั น้ ี




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook