กับความเห็นของสมาชิกสภาอบต. ซ่ึงผ่านการเลือกต้ังจำนวนสองในสามเลยทีเดียว เห็นได้ชัดเจนวา่ อำนาจอนุมัต-ิ ยบั ยั้งในสองประเดน็ ข้างต้นน้ัน กระทบกับสาระหลักในการปกครองตนเองของท้องถิ่น ที่ต้องมีอิสระจากรัฐส่วนกลางต่อการตัดสินใจเก่ียวกับกิจการของท้องถ่ิน ทั้งในแง่ของความเป็นอิสระในการกำหนดงบประมาณและการออกข้อบังคับของท้องถ่ิน นอกจากอำนาจแทรกแซงในสองประเดน็ ขา้ งตน้ ซงึ่ ถอื ไดว้ า่ กระทบกับ “หัวใจ” ของความเป็นอิสระของท้องถิ่น ซ่ึงก็คือความเป็นอิสระทางการเงินและความเป็นอิสระของการออกข้อกำหนดท้องถิ่นแล้วกฎหมายฉบับนี้ยังให้อำนาจนายอำเภอเป็นผู้อนุญาตให้เปิด-ขยายเวลาประชุมวิสามัญ และขยายเวลาในการประชุมสมัยสามัญของสภาอบต.(ม.54-55) อีกด้วย คำถามคือ มีเหตุผลใดท่ีจะต้องควบคุมการทำงานขององค์กรท้องถิ่นในรายละเอียดระดับนี้ ซ่ึงหากไม่มีความจำเป็น ก็จะเปน็ การขัดขวางการทำงานของท้องถ่นิ แทน 4.4.3 อำนาจในการส่งั การและกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าทีข่ องอ บต. ในการกำหนดอำนาจหน้าที่ของอบต.นั้น กฎหมายออกแบบให้อำนาจหนา้ ทขี่ องรฐั สว่ นกลางมฐี านะทเ่ี หนอื กวา่ อำนาจหนา้ ทขี่ องทอ้ งถน่ิอย่างชัดเจน ดังสองประเดน็ ตอ่ ไปนี้คือ หนึ่ง ภายใต้มาตรา 67 ซ่ึงกำหนดหน้าท่ีหลากหลายประการท่ีอบต.ตอ้ งทำนั้น ม.67 (9) กำหนดให้อบต. “ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีอ่ืนตามที่ทางราชการมอบหมายโดยจดั สรรงบประมาณหรอื บคุ ลากรใหต้ ามความจำเปน็ รัฐธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน | 51
และสมควร” ดังน้ัน รัฐส่วนกลางจึงสามารถสั่งการให้อบต.ปฏิบัติตามนโยบายของสว่ นกลางได้ โดยไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งปรกึ ษาหารอื หรอื ไดร้ บั ความยินยอมจากอบต. ในแงน่ ้อี บต.จึงมีฐานะเป็นเช่นกลไกรฐั ประเภทอน่ื ๆ สอง มาตรา 69 ซ้ำเติมมาตราข้างต้นโดยระบุวา่ อำนาจหน้าท่ีตามกฎหมายของอบต.น้ัน “ไม่เป็นการตัดอำนาจหน้าท่ีของกระทรวงทบวง กรม หรือองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ในอันที่จะดำเนินกิจการใดๆ” เพียงแต่หน่วยงานเหล่านั้น “นำความเห็นของอบต.ไปประกอบการพิจารณาดำเนินกิจการนั้นด้วย” ดังน้ัน เมื่อหน่วยงานของรัฐพิจารณาความเหน็ ของอบต.แล้วจะไมท่ ำตามก็ย่อมได้ ทัง้ ๆ ท่ีอบต.เปน็ตัวแทนของคนในพื้นท่ี ข้อบัญญัติในสองมาตรานี้ จึงเป็นการยืนยันถึงความเหนือกว่าของรัฐส่วนกลางต่ออำนาจหน้าท่ีของอบต. และสามารถสั่งการให้อบต.ทำงานตามที่ส่วนกลางต้องการได้ และหน่วยงานเหล่าน้ีไม่จำเป็นต้องฟังเสียงของอบต. จึงไม่แปลกเลยที่หลากหลายโครงการของรัฐ เช่นการสร้างโรงไฟฟ้า สายส่งแรงสูง หรือเขื่อน ซ่ึงไม่เป็นท่ีตอ้ งการของคนในพื้นทจี่ ะเกิดข้ึนได้ ตัวอย่างหน่ึงที่แสดงให้เห็นความเหนือกว่าของหน่วยงานรัฐอย่างชัดเจน (ดูในกรอบท่ี 2)52 | รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน
กรอบที่ 2 ตัวอย่างของอบต.แห่งหน่ึงในอำเภออมก๋อยจ.เชียงใหม่ท่ีมีพื้นท่ีของทั้งตำบลตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน ทำให้ไม่มีผู้ใดเลยท่ีมีเอกสารสิทธิในท่ีดินของตน เน่ืองจากพืชที่ทำกำไรใหช้ าวบา้ นมากทสี่ ดุ คอื การปลกู กระหลำ่ ปลแี ละมะเขอื เทศดังนั้น สิ่งท่ีชาวบ้านต้องการจากอบต.คือการสร้างถนน เพ่ือการขนส่งพืชผลออกสู่ตลาด และอ่างเก็บน้ำ ตามกฎหมายปา่ ไมห้ ากบงั คบั ใชอ้ ยา่ งเขม้ งวดแลว้ ตำบลนจี้ ะดำรงอยไู่ มไ่ ดเ้ ลยโดยไม่ต้องพูดถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งสอง เพื่อแก้ปัญหานี้ อบต.และหน่วยงานป่าไม้จึงสร้างข้อตกลงร่วมอย่างไม่เป็นทางการขึ้นคือ ป่าไม้อนุญาตให้ทำการก่อสร้างได้ แต่ห้ามใช้เครื่องจักรกลขนาดใหญ่และจะยึดเครื่องจักรหากมีการนำมาใช้ เนอื่ งจากกลวั วา่ จะมกี ารลกั ลอบนำเครอ่ื งจกั รเหลา่ น้ีไปขยายพ้ืนท่ีเพาะปลูก อันเป็นการทำลายป่าไม้ ในแง่น้ีความตอ้ งการโครงสรา้ งพนื้ ฐานของชาวบา้ นจงึ ถกู จำกดั โดยหนว่ ยงานของรัฐ (Garden, Lebel, and Charunee, 2010, 152-153) รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน | 53
4.4.4 อำนาจในการกำกับการปฏิบัติงานของอบต.ผ่านการกำหนดกฎระเบียบตา่ งๆ มาตรา 88 กำหนดว่า ระเบียบว่าด้วยการคลัง การงบประมาณการโอนการจัดการทรพั ยส์ ิน การซ้อื การจ้าง คา่ ตอบแทน และคา่ จ้างใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บท่ีกำหนดโดยกระทรวงมหาดไทย รวมทง้ั ใหอ้ ำนาจแก่มหาดไทยที่จะออกระเบียบเกี่ยวกับการดำเนินงานอื่นๆ ให้อบต.ปฏิบัติได้ โดยระเบียบต่างๆ นั้นต้อง “คำนึงถึงความเป็นอิสระความคลอ่ งตวั และความมปี ระสทิ ธภิ าพ” ในการทำงานของอบต.ดว้ ย สรปุ แลว้มหาดไทยนอกจากมีอำนาจควบคุมอบต.ผ่านเคร่ืองมือต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังควบคุมผ่านการออกระเบียบจำนวนมากอีกด้วย การณ์ปรากฎวา่ ระเบยี บในหลายกรณมี ไิ ดค้ ำนงึ ถงึ ความเปน็ อสิ ระความคลอ่ งตวัและความมีประสิทธิภาพในการทำงานของอบต. (ดูตัวอย่าง ในกรอบท่ี3 และ 4) สรุป จากท่ีอภิปรายมาท้ังหมดข้างต้นจะเห็นได้ว่า รัฐมีอำนาจหลายหลาก ตง้ั แตอ่ ำนาจอนมุ ตั ิ ยบั ย้ัง ระงบั การปฏิบัติราชการ ยบุ สภาปลดออกจากตำแหน่ง กำหนดระเบียบควบคมุ การปฏิบตั งิ าน เพือ่ กำกับและควบคุมการกระทำของอบต. อำนาจเหล่าน้ีในหลายประเด็นมีลกั ษณะรุนแรง-เบ็ดเสร็จ เชน่ การปลดออกจากตำแหน่ง จงึ สมควรทจ่ี ะมีการระบุเง่ือนไขแหง่ การใชอ้ ำนาจไวอ้ ยา่ งชัดเจน แตป่ รากฎว่ากฎหมายกลบั เขยี นในลักษณะ “ครอบจกั รวาล” ทำใหน้ ายอำเภอและผู้ว่าราชการจงั หวดั สามารถใชด้ ลุ พนิ จิ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง เมอื่ เผชญิ กบั ความไมช่ ดั เจนเช่นน้ี ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น จึงมีแรงจูงใจที่จะสยบยอมหรือกระทำการเอาใจผถู้ อื อำนาจ กลา่ วอีกแบบคือ กฎหมายกำหนดใหม้ ี54 | รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน
กรอบที่ 3 ตัวอย่างของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าชนะ อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีมติยกเลิกสถานท่ี สร้างอาคารท่ีทำการ อบต. แห่งใหม่ ท่ีได้มีมติไว้ในคร้ังก่อน หน้า โดยเปล่ียนท่ีก่อสร้างใหม่จากหมู่ 5 เป็นหมู่ 7 แต่มติ ดังกล่าวถูกยกเลิกโดย ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งกรมส่งเสริมการ ปกครองส่วนท้องถิ่นได้ช้ีแจงเหตุผลว่า มติดังกล่าวเป็นมติที่ ไม่ชอบด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการ ประชุมสภาท้องถ่ิน พ.ศ.2547 เพราะในการเสนอญัติ นาย สมชาย โต๊ะมะหวัน ไม่ได้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะเพ่ือขออนุญาต ประธานสภา อบต. ท่าชนะเสนอญตั ติ ิ และไม่มกี ารรบั รองญตั ิ ติจากสมาชิกสภา อบต.ท่าชนะ และประธานสภาไม่ได้บรรจุ ญัติติดังกล่าวเข้าระเบียบวาระการประชุม ตามหลักเกณฑ์และ วิธีการตามข้อ 38 วรรค 5 ข้อ 39 และ ข้อ 63 วรรค 1 ตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภา ทอ้ งถิ่น พ.ศ.2547 15 15 หนงั สอื กระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0804.7/12525 ลงวนั ท่ี 22 ตลุ าคม 2551 เรอ่ื ง หารือเก่ียวกับการยกเลิกมติของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าชนะ อำเภอท่าชนะจงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน | 55
กรอบที่ 4 ตวั อยา่ งการออกระเบียบซงึ่ เกิดขน้ึ จากปญั หาความ ขัดแย้งระหว่างนายอำเภอและอบต. ซ่ึงเกิดขึ้นท่ีจังหวัด ชุมพร กรณีการบุกรุกทดี่ นิ สาธารณะ เนอ่ื งจากกฤษฎกี าตีความ ให้อำเภอและอบต.มีหน้าท่ีร่วมกันในการดูแลท่ีดินสาธารณะ กรณีนี้นายอำเภอเห็นว่าเอกชนรายหน่ึงบุกรุกที่ดินสาธารณะ จึงย่ืนฟ้องต่อศาล ต่อมาศาลตัดสินให้ผู้ถูกฟ้องชนะคดี นายอำเภอจึงต้องการอุทธรณ์ และต้องการให้ อบต.มาเป็น โจทก์ร่วม รวมท้ังเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในคดี แต่นายก อบต.ซึ่งไม่เห็นด้วยกับนายอำเภอมาต้ังแต่ต้นว่าเอกชนรายน้ัน บุกรุกท่ีดิน จึงปฏิเสธการเข้าร่วม ต่อมากระทรวงมหาดไทยจึง ออกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและ คุ้มครองป้องกันท่ีดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับ พลเมืองใชร้ ว่ มกนั พ.ศ.2553 (ข้อ 6) กำหนดให้อบต.ต้องเปน็ โจทก์รว่ มดว้ ย 1616 สมั ภาษณน์ ายกอบต.แหง่ หนงึ่ ในจงั หวดั ปรมิ ณฑลของกทม. ณ วนั ที่ 1 พฤษภาคม2554
กลไกจำนวนมากที่ทำให้ท้องถิ่นต้องรับผิดต่อรัฐ แม้ว่าเจตนารมณ์ของรฐั ธรรมนณู ทงั้ ฉบบั ปี พ.ศ.2540 (มาตรา 283) และ พ.ศ.2550 (มาตรา 282)จะระบุอย่างชัดเจนว่า การกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องทำเท่าท่ีจำเป็น และจะกระทบถึงสาระสำคัญแห่งหลักการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในทอ้ งถิน่ ไม่ได้ก็ตาม ในอีกด้านหน่ึง แม้ว่ากฎหมายจะออกแบบให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมทางการเมือง นอกเหนือจากการเลือกตั้ง โดยสามารถเป็นผู้ริเริ่มถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น และสามารถเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถ่ินได้ แต่ด้วยเง่ือนไขต่างๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ประชาชนจะต้องปฏิบัติ หากต้องการใช้กลไกทั้งสองน้ัน โดยไม่ได้คำนึงถึงต้นทุนธุรกรรมจำนวนมากที่ประชาชนต้องแบกรับ ทำให้กลไกเหล่านี้ไม่มีประสิทธิผลในทางปฏิบัติ ดังนั้น นอกจากกลไกการเลือกตั้งแล้วกลไกอนื่ ทางกฎหมายทีจ่ ะบงั คบั ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมอื งของอปท.รับผิดต่อประชาชนในเขตเลือกต้ังของตัวเองนั้น แทบจะไม่มีผลในทางปฏบิ ตั เิ ลย ทก่ี ลา่ วมาทงั้ หมดนอ้ี าจทำใหเ้ รากลา่ วอา้ งไดว้ า่ กฎหมายอปท..ในปจั จบุ นั นน้ั บงั คบั ใหอ้ ปท.รบั ผดิ ตอ่ รฐั มากกวา่ รบั ผดิ ตอ่ ประชาชน และอาจจะละเมิดเจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนญู อีกดว้ ย รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนร่วมของประชาชน | 57
5 ความเปน็ อสิ ระของ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ดา้ นงบประมาณ การกำกับดูแลท้องถิ่นนอกจากจะกระทำการผ่านกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ แล้ว รัฐยังสามารถกำกับ-ควบคุมอปท.ผ่านการกำหนดงบประมาณรายปีไดอ้ ีกทางหน่ึงดว้ ย ซงึ่ มีรายละเอยี ดดังนี้ 5 .1 โครงสรา้ งรายได้ของอปท. โครงสร้างรายได้ของอปท.นั้น ประกอบด้วยรายได้จากส่ีส่วน (ดูตารางที่ 6) คือ หน่ึง รายได้ท่ีอปท.จัดเก็บเองในแต่ละท้องถ่ิน ซึ่งมีสัดส่วนนอ้ ยที่สดุ และมักมีสดั สว่ นไมเ่ กินร้อยละสบิ ของรายได้ทั้งหมด สอง รายได้ท่ีกฎหมายกำหนดให้เป็นของอปท. แต่รัฐสว่ นกลางทำหนา้ เปน็ ผจู้ ดั เกบ็ ให้ (เพอื่ ความมปี ระสทิ ธภิ าพในการจดั เกบ็ )แล้วส่งมอบให้อปท.ท้ังหมด เช่น ภาษีล้อเล่ือนและรายได้จากการทำนติ กิ รรมอสงั หารมิ ทรพั ย์ เปน็ ตน้ แตบ่ างรายการของสว่ นน้ี เชน่ สว่ นหนง่ึของภาษีมูลค่าเพ่ิม (VAT) ต้องผ่านการจัดสรรสัดส่วนระหว่างรัฐและอปท.โดยคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน(กกถ.) อันเป็นองค์กรจัดตั้งขึ้นตามพ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจใหแ้ กอ่ ปท.พ.ศ. 2542 รายไดส้ ว่ นทสี่ องมคี า่ ประมาณ 35%-40% ของรายไดร้ วม ลกั ษณะสำคญั ของรายไดป้ ระเภททหี่ นงึ่ และบางสว่ น58 | รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน
ของประเภทท่ีสองคือ กฎหมายกำหนดให้เป็นรายได้ของอปท.หมดทง้ั จำนวน กกถ.ไมม่ สี ทิ ธใิ นการพจิ ารณาแบง่ สรรระหวา่ งรฐั กบั อปท. สาม รายได้จากภาษีและอากรท่ีกฎหมายกำหนดให้รัฐบาลกลางแบ่งกับอปท. เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 17 ซ่ึงต้องผ่านการพิจารณาจัดสรรจากคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ (กกถ.) เนื่องจากภาษีบางตัวกฎหมายไมไ่ ดร้ ะบุอย่างชดั เจนว่าให้จัดสรรระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่นอย่างไร ท่ีผ่านมารายได้ประเภทนม้ี ักมสี ดั สว่ นตำ่ กวา่ 20% และมแี นวโน้มลดลง ส่วนรายได้ประเภทสุดท้ายคือ เงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางซึ่งรัฐบาลจัดสรรให้กับอปท.ผ่านพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล รายได้ประเภทนี้มีสัดส่วนเพ่ิมสูงข้ึนอย่างมากจนมีน้ำหนักประมาณ 40% ของรายได้ของอปท.ในปัจจุบัน สาเหตุสำคัญที่สัดส่วนของรายได้ประเภทน้ีมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนเร่ือยๆ นั้น เพราะพ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่อปท.ฉบับที่สอง (พ.ศ.2549)กำหนดให้รัฐบาลต้องเพ่ิมสัดส่วนรายได้ของท้องถิ่นต่อรายได้ของรัฐบาลขึ้นเร่ือยๆ จนไมต่ ่ำกวา่ รอ้ ยละ 35 และต้องไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 25 แต่เน่ืองจากฐานภาษีและอัตราภาษีท่ีกฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นรายได้ของอปท.มิได้มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้รายได้ประเภทอ่ืนของอปท.เพิ่มข้ึนไม่ทันกับการเพ่ิมข้ึนของรายได้ของรัฐบาล รัฐบาลจึงต้องเพ่ิมรายได้ให้อปท.ในรปู แบบเงินอุดหนนุ เพ่อื รักษาสดั สว่ นระหวา่ งรายไดข้ องอปท.ตอ่17 การที่ภาษีมูลค่าเพ่ิมอยู่ในรายได้ท้ังประเภทแบ่งให้และจัดเก็บให้ เป็นไปตามข้อบัญญัติของพ.ร.บ.กำหนดแผนและขน้ั ตอนการกระจายอำนาจฯ และพ.ร.บ.จัดต้งั อปท.อกี สามฉบบัตามลำดบั รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน | 59
60 | รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นร่วมของประชาชน ตารางที่ 6 แสดงแหล่งรายไดข้ องอปท. และสัดสว่ นรายได้ในแต่ละประเภทต่อรายไดร้ วม ปี 2546-2554 (หนว่ ย: ล้านบาท) แหล่งรายได้ 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 . จดั หาเอง 22,258.00 24,786.00 27,018.00 29,110.00 32,021.00 35,223.00 38,745.00 29,110.00 38,745.00 รัฐจดั เก็บให้ 60,218.00 82,623.00 95,370.00 110,190.00 120,728.00 128,676.00 140,679.00 126,589.00 148,109.00 รัฐแบง่ ให้ 35,504.00 66,067.19 95,873.23 110,213.90 123,574.90 131,074.90 134,548.50 125,363.00 158,375.40 เงนิ อุดหนุน 30,147.13 66,067.19 95,873.23 110,213.90 123,574.90 131,074.90 134,548.50 125,363.00 158,375.40 รวทมอ้ รงาถยน่ิ ได้ 148,127.00 216,576.00 267,261.00 311,314.00 341,624.00 359,974.00 385,8.0072 326,462.00 415,729.00 จัดหาเอง** 15.03 11.44 10.11 9.35 9.37 9.78 10.04 8.92 9.32 จัดเกบ็ ให*้ * 40.65 38.15 35.68 35.40 35.34 35.75 36.46 38.78 35.63 รฐั แบง่ ให้** 23.97 19.90 18.33 19.85 19.11 18.06 18.63 13.91 16.96 เงินอดุ หนุน** 20.35 30.51 35.87 35.40 36.17 36.41 34.87 38.40 38.10 ทม่ี า : กรมส่งเสริมการปกครองสว่ นท้องถ่ินและสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจใหแ้ ก่ อปท.** (% ของรายไดร้ วม)
รายได้ของรัฐบาลกลางให้เป็นไปตามข้อบัญญัติของพ.ร.บ.กำหนดแผนและขนั้ ตอนการกระจายอำนาจฯ 18 หากพิจารณาในแง่ความเป็นอิสระของท้องถิ่นในแง่แหล่งท่ีมาของรายได้แล้ว อาจอภิปรายในประเด็นน้ีได้ว่า รายได้ที่อปท.จัดหาเองน้ันมีสัดสว่ นต่ำมาก (ประมาณ 10%) และเม่ือรวมกบั รายไดจ้ ากภาษที รี่ ัฐจดัเก็บให้แล้วมีสัดส่วนน้อยกว่าคร่ึงหน่ึงของรายได้ท้ังหมด ทั้งๆ ท่ีแหล่งรายได้ทั้งสองน้ีเป็นฐานของความเป็นอิสระด้านการเงินของอปท.จากรัฐบาลกลาง เน่ืองจากส่วนใหญ่ของเงินรายได้สองประเภทนี้ไม่ข้ึนอยู่กับการตัดสินใจของกกถ. หรือกล่าวอีกแบบได้ว่า ปัจจุบันอปท.ต้องพ่ึงพิงรายได้จากแหล่งท่ีสามและสี่เกือบ 60% ซ่ึงเป็นแหล่งรายได้ที่รัฐบาลกลางมีอิทธิพลสูงในการจัดสรรวงเงินงบประมาณ จึงอาจสรุปได้ว่าอปท.มคี วามเปน็ อิสระดา้ นโครงสร้างรายไดค้ อ่ นขา้ งต่ำจากรัฐบาลกลาง5.2 โครงสร้างเงินอุดหนุนกับความเป็นอสิ ระของอปท. เน่อื งจากแหลง่ เงนิ ได้ประเภทน้ีคิดเปน็ ประมาณ 40% ของรายรบัของอปท. และรายได้ประเภทนี้แบ่งออกได้เป็นสามประเภทย่อยๆ (ดูตาราง 7) ซง่ึ ในแต่ละประเภทนน้ั อปท.มีระดับความเปน็ อสิ ระในการใช้จ่ายไม่เท่ากัน 19 จึงสมควรที่จะต้องอภิปรายในรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้18 สัมภาษณ์คุณวีระชัย ชมสาคร ผู้อำนวยการส่วนกระจายอำนาจด้านการเงินและการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนกั นายกรฐั มนตรี วนั ท่ี 6 พ.ค. 2554 ธรรมศาสตร์ ทา่ พระจนั ทร์19 ในขณะทรี่ ายไดส้ ามประเภทแรกนน้ั อปท.มอี สิ ระเตม็ ทใ่ี นการใชจ้ า่ ย รัฐธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นร่วมของประชาชน | 61
คอื หน่งึ กล่าวโดยท่วั ไปแลว้ งบประเภทที่หนงึ่ คือ “เงนิ อดุ หนนุ ทว่ั ไป”หรือเรยี กกนั อกี ช่อื หนึ่งว่า “เงินอุดหนุนตามอำนาจหน้าท่ี” ซ่ึงอปท.มีความเปน็ อสิ ระในการใชจ้ า่ ยมากทสี่ ดุ เทยี บเทา่ กบั รายไดท้ อ่ี ปท.จดั เกบ็ เองกลับมีสัดส่วนลดลงเร่ือยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระยะหลังๆ จากประมาณรอ้ ยละ 51 ของงบอดุ หนนุ ทงั้ หมดในปี พ.ศ.2550 เปน็ รอ้ ยละ 23ของปี พ.ศ.2553 แต่เพ่ิมเป็น 33% ในปี พ.ศ.2554 สอง งบประเภท“เงินอดุ หนนุ กำหนดวัตถุประสงค์ 20 ซ่งึ อปท.มีระดับความเปน็ อสิ ระในการใช้จา่ ยรองลงมานน้ั กล็ ดลงเช่นกนั โดยลดลงจาก 42% ในปี พ.ศ. 2550 เป็น 18% ใน พ.ศ.2554 และเป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจากที่งบประเภทดังกล่าว ถูกโยกมาอยู่ในส่วนงบอุดหนุนทั่วไปนับแต่ปี พ.ศ.2551 ซึง่ ทำให้ อปท. มอี สิ ระในการใช้ 100% งบดงั กลา่ วก็มอี ตั ราการลดลงอย่างรวดเร็ว สาม ในทางตรงขา้ ม งบอดุ หนนุ ในสว่ น “เงนิ อดุ หนนุ เฉพาะกจิ ”กลับมีสัดส่วนเพิ่มข้ึนมากในช่วงหลัง โดยเพ่ิมข้ึนจากเพียง 1.1% ของงบอุดหนนุ ทัง้ หมดในปี พ.ศ.2548 เป็น 16% ใน พ.ศ.2551 แลว้ กระโดดเป็น 36% ในปี พ.ศ.2552 และ 49% ในพ.ศ.2554 ท้ังๆ ท่ีอปท.ไม่มีความอสิ ระในการใช้จา่ ยงบเงินอดุ หนนุ เฉพาะกิจเลย ด้วยเหตวุ า่ รฐั บาลจะเป็นผู้กำหนดให้อปท.นำไปใช้ในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงเท่าน้ัน จะโยกงบไปใช้ในเรื่องอ่ืนๆ ที่อปท.เห็นควรไม่ได้ นอกจากน้ี ยังมีปัญหาในแง่ความ20 นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมาน้ัน กกถ.ได้ยกเลิกการจัดงบประมาณประเภทน้ี แต่เม่ือพิจารณาจากการแจกแจงรายละเอียดของงบประมาณแล้วปรากฎว่า รายการท่ีเดิมอยู่ในหมวด “กำหนดวตั ถปุ ระสงค”์ นนั้ ถกู นบั ไปรวมกบั หมวด “เงนิ อดุ หนนุ ทว่ั ไป” ทงั้ หมด ดงั นน้ัเงนิ หมวด “กำหนดวตั ถปุ ระสงค”์ ในตารางที่ 7 ขา้ งลา่ งนจี้ งึ เปน็ การจดั ประเภทโดยผเู้ ขยี น62 | รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน
ตารางท่ี 7 แสดงจำนวนเงินอุดหนุนและสัดสว่ นเงินอดุ หนนุ ประเภทตา่ งๆ เทยี บกบั จำนวนเงินอุดหนุน ทั้งหมด ปี 2546-2554 (หน่วย : ล้านบาท)รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน | 63 ประเภทเงิน 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 อดุ หนุน อดุ หนนุ 23,855.38 47,252.32 50,427.09 50,427.09 62,995.05 66,651.68 57,382.35 29,062.62 52,062.63 ทว่ั ไป (36.11%) (49.29%) (45.75%) (45.75%) (50.98%) (50.85%) (42.65%) (23.18%) (32.87%) อุดหนุน 20,339.44 32,375.92 47,524.18 49,398.73 51,298.09 43,346.25 46,717.44 45,209.11 27,966.37 ท่วั ไป (67.47%) (49%) (49.57%) (44.82%) (41.51%) (33.07%) (34.72%) (36.06%) (17.66%) กำหนด วัตถุประสงค์ อุดหนนุ 9,807.69 9,835.89 1,096.73 10,388.03 9,281.74 21,077.01 30,448.69 51,091.3 78,346.43 เฉพาะกิจ (32.53%) (14.89%) (1.14%) (9.43%) (7.51%) (16.08%) (22.63%) (40.75%) (49.47%) รวมเงนิ 30,147.13 66,067.19 95,873.23 110,213.85 123,574.90 131,074.90 134,548.48 125,363.0 158,375.4 อดุ หนนุ (100%) (100%) (100%) (100%) (100%) (100%) (100%) (100%) (100%) ท่ีมา : กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถ่นิ และสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจใหแ้ ก่ อปท.
โปร่งใสทั้งต่อกระบวนการงบประมาณของตัวอปท. และวงเงินที่อปท.แต่ละแห่งไดร้ บั การจดั สรร ยง่ิ ไปกวา่ นน้ั สดั สว่ นของเงนิ อดุ หนนุ ทง้ั สามประเภท ยงั เปลย่ี นแปลงอยา่ งรนุ แรงระหวา่ งปงี บประมาณอกี ดว้ ย อนั เปน็สาเหตุสำคัญหน่ึงที่ทำให้อปท.แต่ละแห่งไม่สามารถประมาณการรายได้ของตนไดด้ ีเท่าทคี่ วร ทำให้ขาดประสิทธภิ าพในการวางแผนงบประมาณตามมา สรุปได้ว่า ความแตกต่างท่ีสำคัญที่สุดระหว่างเงินอุดหนุนทั่วไป(อุดหนุนตามอำนาจหน้าที่และอุดหนุนกำหนดวัตถุประสงค์) กับเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ มีสองประเด็นคือ ความเป็นอิสระในการใช้จ่ายของอปท. และความโปร่งใสของกระบวนการงบประมาณ โดยรวมแล้วเงินอุดหนุนทั่วไปมอบความเป็นอิสระและความโปร่งใสแก่อปท.มากกว่าเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ การที่แนวโน้มสัดส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจที่เพมิ่ สงู ขนึ้ มาตลอด จนคดิ เปน็ เกอื บ 50% ของงบอดุ หนนุ ทงั้ หมด หรอื มีมลู คา่ ถงึ 78,346.43 ลา้ นบาทในปงี บประมาณ 2554 จงึ เปน็ สงิ่ ทน่ี า่ กงั วลสาเหตุท่ีเงินอุดหนุนเฉพาะกิจมีความโปร่งใสและความเป็นอิสระน้อยกว่าน้ัน สามารถอภิปรายโดยใช้งบประมาณปี 2554 เป็นตัวอย่างได้ดังต่อไปนี้5 .3 การจัดสรรเงนิ อดุ หนนุ ใหแ้ ก่อปท. ปงี บประมาณ 2554 ในปีงบประมาณ 2554 น้ัน รัฐบาลจัดสรรงบอุดหนุนแก่อบจ.เทศบาล และอบต.เป็นเงนิ ท้ังสิ้น 158,875.43 ลา้ นบาท ซ่ึงแบ่งเป็นเงนิอุดหนุนท่ัวไปจำนวน 80,029 ล้านบาทและเงินอุดหนุนเฉพาะกิจจำนวน78,346.43 ลา้ นบาท อนั มรี ายละเอยี ดตามผงั การจดั เงนิ อดุ หนนุ ขา้ งลา่ งนี้ 64 | รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนรว่ มของประชาชน
แผนภาพท่ี 1 การจดั สรรเงินอดุ หนนุ ให้แก่องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ปงี บประมาณ พ.ศ.2554(๑๓,ก๖ท๒ม๙..๕๗) (๑เ๗งนิ๓อ,๙ดุ ๐ห๐น.๐ุน๐) หลังปรบั ลดแปรเพมิ่ อบจ(.๑เ๕ท๘ศ,บ๘า๗ล๕แ.๔ล๓ะอ)บต. หน่วย : ล้านบาท เมืองพัทยา (๑,๓๙๕.๐๐) กรมสง่ เสรมิ การปกครอง สำนักงานปลดั สำนัก ๑. เงินรางวลั การ สว่ นทอ้ งถ่นิ (๑๕๘,๓๗๕.๔๓) นายยกรัฐมนตรี (๕๐๐.๐๐) บริหารจดั การทด่ี ีเงินอุดหนนุ ท่วั ไป (๒๕๐.๐๐) (๘๐,๐๒๙.๐๐) เงนิ อดุ หนนุ เฉพาะกิจ ๒. เงินรางวลั การ (๗๘,๓๔๖.๔๓) จัดเกบ็ รายได้ อปท. (๒๕๐.๐๐)รายการกำหนดวัตถปุ ระสงค์เดมิ ๙ รายการ ๑. สูบน้ำดว้ ยไฟฟ้า (๙๐๖.๕๖)(๒๗,๙๖๖.๓๗) ๒. สนบั สนุนถา่ ยโอนบุคลากร (๑,๓๕๓.๒๑)๑. ชดเชยคา่ โดยสารรถไฟ (๐.๘๐) ๓. การศึกษาภาคบงั คับ (ค่ารกั ษาพยาบาล) (๕๐๐.๐๐)๒. บริการสาธารณสุข (๘๙๐.๐๐) ๔. การศึกษาภาคบังคบั (ค่าเช่าบา้ น) (๘๐.๐๐)๓. อาหารกลางวัน (๑๕,๒๕๒.๙๖) ๕. การศึกษาภาคบังคบั (บำเหน็จบำนาญ) (๑,๕๔๓.๒๑)๔. อาหารเสรมิ (นม) (๑๑,๐๔๐.๘๘) ๖. สนบั สนนุ ศูนยเ์ ดก็ เล็ก (๖,๔๕๔.๔๐)๕. การบริหารสนามกีฬา (๙๕.๐๖) ๗. กอ่ สร้างศนู ย์เดก็ เลก็ (๓๑๒.๙๒)๖. เบย้ี ยงั ชพี ผปู้ ว่ ยเอดส ์ (๒๒๓.๖๓) ๘. ครภุ ณั ฑ์การศึกษาโรงเรียนท้องถิ่น (๑๐๑.๕๘)๗. ศูนยบ์ ริการทางสังคม (๓.๕๐) ๙. โครงการแผนปฎบิ ัติการส่ิงแวดลอ้ ม (๑,๒๗๕.๑๒)๘. สถานสงเคราะห์คนชรา (๙๐.๙๐) ๑๐. แกป้ ญั หานำ้ ทน.นครราชสมี า (๒๐๕.๐๒)๙. ส่งเสรมิ ศกั ยภาพจัดการศึกษา (๓๖๘.๖๕) ๑๑. เงนิ เดอื นครู คา่ จ้างประจำการศกึ ษา (๑๑๒๒๖.๘๒) ๑๒. โครงสรา้ งหลักประกันผสู้ ูงอายุ (๓๑๐๖๘๓๑) เงินอดุ หนนุ ตามอำนาจหนา้ ท่ี ๑๓. โครงการเรยี นฟรี ๑๕ ป ี (๒๙๔๒๕๗ (๕๒,๐๖๒.๖๓) ๑๔. โครงการอสม. (๗๒๔๐๕๖) ๑๕. การสนับสนนุ เสริมสรา้ งสวัสดิการ (๕๗๓๙๕๘) ทางสังคมใหแ้ กค่ นพิการ ๑๖. ค่าตอบแทนผปู้ ฎิบัติงานชายแดนภาคใต้ (๒๕๔.๐๗)หมายเหตุ รายการท่ี ๑๗ เปน็ รายการที่ไดร้ บั การ ๑๗. พฒั นา อปท.กรณเี ร่งดว่ น (๘,๑๔๒.๑๑) ๑๘. พัฒนาทางหลวงทอ้ งถ่นิ (๓,๔๐๖.๒๔) แปรญตั ตเิ พมิ่ เตมิ ๑๙. ลานกีฬาเอนกประสงค์ (๗๒๐.๐๐) ๒๐. ตามยทุ ธศาสตร์การพฒั นา อปท. (๔,๐๑๕.๘๗) รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน | 65
จากผงั ขา้ งต้น เฉพาะสว่ นเงินอุดหนุนตามอำนาจหน้าทเี่ ทา่ นนั้ ท่ีอปท.จะมีอิสระเต็มท่ีในการนำไปกำหนดในร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีของตัวเอง ซึ่งตอ้ งผ่านการอนุมัตขิ องสถาท้องถิน่ ในท้ายที่สดุ ข้อดอี กี ประการหนงึ่ คือ การจดั สรรวงเงนิ ใหแ้ ก่อปท.ในแตล่ ะระดับและแต่ละแห่งนั้นมีกฎเกณฑ์การจัดสรรที่ชัดเจน ซึ่งกำหนดโดยกกถ.ทำให้อปท.แตล่ ะแห่งไมต่ ้อง “วิง่ งบประมาณ” ตวั อยา่ งเชน่ การจดั สรรงบในส่วนของเทศบาลให้แก่เทศบาลแต่ละแห่งนั้น จะแบ่งร้อยละ 50ตามจำนวนประชากร และอกี ร้อยละ 50 ให้แบง่ เท่ากนั ทุกแห่ง หรือในส่วนของอบต.ก็ใช้เกณฑ์ทั้งสองเช่นกัน แต่เปล่ียนสัดส่วนจาก 50:50เป็น 40:60 21 ส่วนเงินอุดหนุนกำหนดวัถตุประสงค์วงเงิน 27,966.37 ล้านบาทหากเป็นช่วงเวลาในอดีตก่อนปีพ.ศ.2551 รายการใช้จ่ายจำนวน 9รายการข้างต้นนั้น อปท.จะต้องนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ ซ่ึงกำหนดมาจากรัฐบาลกลางแล้วเท่านั้น โดยไม่สามารถนำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้เลย ในแง่น้ีรายการเหล่าน้ีจึงเป็นรายการท่ีรัฐบาลกลางกำหนดใหอ้ ปท.เปน็ กลไกในการทำงานของรฐั บาลกลาง ตวั อยา่ งงานตามนโยบายในความหมายน้ีก็คือ ค่าอาหารกลางวัน เบ้ียยังชีพผู้ป่วยเอดส์และอาหารเสรมิ (นม) ซง่ึ คดิ เปน็ 95% ของงบอดุ หนนุ กำหนดวตั ถปุ ระสงค์21 ประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจใหแ้ กอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนท่ัวไปเพื่อสนับสนุนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ปงี บประมาณ พ.ศ.2554 ในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 127 ตอนพเิ ศษ 145 ง หนา้ 67วนั ที่ 17 ธนั วาคม 2553 ขอ้ 4 และ ขอ้ 5 66 | รัฐธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นร่วมของประชาชน
ของปี พ.ศ.2554 ด้วยสาเหตุนเ้ี องท่ีทำใหอ้ ปท.มองวา่ 22 งบประมาณในส่วนนี้จะต้องไม่รวมเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณท่ีกฎหมายกำหนดให้รัฐจดั ใหอ้ ปท. 23 แตก่ รรมการกกถ.ทา่ นหนง่ึ เหน็ วา่ ประเดน็ นก้ี อ็ าจมองอกี แบบไดว้ า่ 9 รายการข้างต้นนั้น ก็เป็นส่วนหน่ึงของหน้าท่ีอปท.ท่ีจะต้องจัดสวัสดิการดูแลท้องถิ่นอยู่แล้ว จะถือว่าเป็นงบ “หาเสียง” ของรัฐบาลกลางไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นบั ตง้ั แตป่ ี พ.ศ.2551 เปน็ ต้นมา กกถ.ได้ยุบวงเงินในสว่ นเงนิ อดุ หนนุ กำหนดวตั ถปุ ระสงคเ์ ขา้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของงบเงนิ อดุ หนนุท่ัวไป ดังนั้น ในปัจจุบันอปท.จึงมีอิสระท่ีจะนำเงินส่วนน้ีไปใช้จ่ายได้เฉกเชน่ เดยี วกบั วงเงนิ อดุ หนนุ ตามอำนาจหนา้ ทท่ี กุ ประการ สว่ นสาเหตทุ ี่ผังข้างต้นยังคงมีรายการ“กำหนดวัตถุประสงค์” อยู่น้ัน ก็เพียงเพ่ือการส่ือสารความเข้าใจกับอปท.ว่า กกถ.ได้จัดสรรเงินในรายการเหล่านั้นไว้ใหแ้ ล้ว ตามที่เคยจดั สรรใหใ้ นปีก่อนๆ 2422 หนังสือที่ ส.ท.ท. (สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย) 339/2554 ลงวันท่ี 28มนี าคม 2554 เรอ่ื ง กฏหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ การกระจายอำนาจฯการกำหนดสดั สว่ นรายได้ และกรอบแนวทางการจดั สรรเงนิ อดุ หนนุ ใหแ้ กอ่ ปท. และ หนงั สอืท่ี ส.ท.ท. 516/2554 วนั ที่ 3 พฤษภาคม 2554 เรอ่ื งขอใหช้ ว่ ยเหลอื กรณที สี่ ภาผแู้ ทนราษฎรไดแ้ ปรญตั ตปิ รบั ลดงบประมาณไป 8,142 ลา้ นบาท23 เนอ่ื งจากพ.ร.บ.กำหนดแผนและขนั้ ตอนฯ กำหนดใหร้ ฐั บาลจดั งบใหอ้ ปท.ไมน่ อ้ ยกวา่ 25%ของรายไดข้ องรฐั บาล ในทศั นะของอปท.แลว้ งบประมาณสดั สว่ นนคี้ วรเปน็ งบทอ่ี ปท.มอี สิ ระในการกำหนดการใชจ้ า่ ย ไมใ่ ชเ้ ปน็ การทำตามนโยบายของรฐั บาลกลาง ดงั นนั้ หากรฐั บาลต้องการให้อปท.เป็นกลไกในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลแล้ว จึงสมควรที่รัฐบาลจะต้องจดั หางบประมาณตา่ งหากมาให้24 สัมภาษณ์ รศ.ดร.สกนธ์ วรัญญูวัฒนา ในฐานะกรรมการกกถ. วันท่ี 8 มิ.ย. 2554ธรรมศาสตร์ ทา่ พระจนั ทร์ และคณุ วรี ะชยั ชมสาคร ผอู้ ำนวยการสว่ นกระจายอำนาจดา้ นการเงินและการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ สำนกั นายกรฐั มนตรี วนั ที่ 6 พ.ค. 2554 ธรรมศาสตร์ ทา่ พระจนั ทร์ รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน | 67
ส่วนทเ่ี ปน็ ปญั หามากคือ เงนิ อดุ หนนุ เฉพาะกิจ ประการแรก คอื ปญั หาในระดบั อปท.เอง เนอ่ื งจากงบสว่ นนถ้ี อื เปน็เงนิ นอกงบประมาณของอปท. จงึ ไม่ต้องบรรจเุ ข้าเป็นส่วนหน่ึงของรา่ งขอ้บัญญัติรายจ่ายประจำปีของอปท. ดังนั้น สภาท้องถ่ินจึงไม่มีโอกาสในการพิจารณาใดๆ ท้ังสิ้น อันเป็นการขัดกับหลักการกำหนดงบประมาณในระบอบประชาธิปไตยของท้องถิ่น ดังน้ัน จึงเป็นไปได้ที่จะเกิดกรณีที่สภาท้องถิ่นไม่เห็นด้วยกับโครงการของฝ่ายบริหาร และไม่อนุมัติงบประมาณของโครงการนน้ั แตฝ่ า่ ยบรหิ ารกส็ ามารถทจ่ี ะผลกั ดนั โครงการดังกลา่ วได้ หากไดร้ ับจากการสนบั สนนุ จากเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ประการที่สอง รฐั บาลกลาง “แฝง” งบหาเสียงของรัฐบาลกลางจำนวนมากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงบท้องถ่ิน ดังรายการที่ 12-15 ในผงั ขา้ งตน้ นบั ตงั้ แตโ่ ครงการหลกั ประกนั ผสู้ งู อายุ โครงการเรยี นฟรี 15 ปีโครงการ อสม. และการเสริมสร้างสวสั ดกิ ารทางสังคมให้แกผ่ ้พู ิการ ซง่ึโครงการท้งั สนี่ ีม้ ีมูลค่าถงึ 45,991 ลา้ นบาท หรอื คดิ เป็น 58.7% ของงบอดุ หนนุ เฉพาะกิจ หากรวมงบอดุ หนนุ เฉพาะกิจทเี่ ป็นนโยบายหาเสยี งกบังบอดุ หนนุ กำหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ นสว่ นทอ่ี ปท.เหน็ วา่ เปน็ การทำตามนโยบายของรัฐบาลเข้าด้วยกันแล้ว จะมีมูลค่าท้ังส้ิน 72,508 ล้านบาท หรือคิดเปน็ 46% ของงบอดุ หนุนทั้งหมดทกุ ประเภท ปัญหางบแฝงนเี้ องท่ีทำให้องค์กรตัวแทนของอปท.ท้ังสามประเภทยื่นข้อเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เมื่อวันท่ี 28 มีนาคม 2554 25 ให้การต้ังงบประมาณ25 หนังสือท่ี ส.ท.ท. (สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย) 339/2554 ลงวันที่ 28มนี าคม 2554 เรอื่ ง กฏหมายทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ การกระจายอำนาจฯการกำหนดสดั สว่ นรายได้ และกรอบแนวทางการจดั สรรเงนิ อดุ หนนุ ใหแ้ กอ่ ปท. กราบเรยี นฯพณฯ นายกรฐั มนตรี (ในฐานะประธานกกถ.)68 | รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นร่วมของประชาชน
ของอปท.ในปี 2555 ไม่นับรวมโครงการของรัฐบาลกลางทั้งสิ้น7 โครงการของปีงบประมาณ 2554 เข้าเปน็ สว่ นหนึ่งของงบสำหรบั อปท.เพราะเห็นว่าเปน็ งบทีต่ อ้ งใช้เพ่ือทำตามนโยบายของรัฐบาล ประการสาม ปัญหาความโปร่งใสและความเท่าเทียมของการจัดสรรงบเฉพาะกิจแก่อปท.แต่ละแห่ง เป็นที่ทราบกันดีในวงการอปท.ว่าหากอปท.แห่งใดต้องการไดร้ ับการจดั สรรงบในสว่ นน้ี ซง่ึ มีช่ือแตกตา่ งกันไปในแต่ละปี แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นงบเก่ียวกับการก่อสร้าง จะต้องไป“วิ่งงบ” สำหรับปงี บประมาณ 2554 ตัวอยา่ งที่ชัดเจนท่ีสดุ คอื รายการท่ี17 ในผังข้างต้น ในชื่อ “พัฒนาอปท.กรณีเร่งด่วน” จำนวน 8,142ลา้ นบาท ซงึ่ มสี ามโครงการยอ่ ยคอื พฒั นาทางหลวงทอ้ งถน่ิ (ถนนไรฝ้ นุ่ )ลานกฬี าเอนกประสงค์ และตามยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาอปท. 26 งบกอ้ นนี้มปี ญั หาเปน็ พเิ ศษ เนอื่ งจากทม่ี าของงบประมาณนเ้ี กดิ ขน้ึ จากการแปรญตั ติโดยสภาผู้แทนฯ ตัดทอนงบประมาณในส่วนที่เป็นงบอุดหนุนกำหนดวตั ถปุ ระสงคจ์ ำนวน 12 รายการ เชน่ โครงการอาหารกลางวนั ศนู ยเ์ ดก็ และโรงเรียนถูกปรับลด 1,307 ล้านบาท งบชดเชยรายได้ที่ลงในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 972 ล้านบาทถูกตัดออกหมด เป็นต้น โดย26 ผู้ท่ีเก่ียวข้องในวงการอปท.ท่านหน่ึงช้ีว่า ระดับความเข้มข้นในกิจกรรม “ว่ิงงบ” กับรายการตา่ งๆ ในงบอดุ หนนุ เฉพาะกจิ นนั้ ไมเ่ ทา่ กนั จดุ สงั เกตคอื รายการทเ่ี กย่ี วกบั การจดัซ้ือ-จัดจ้าง เช่นซ้ือครุภัณฑ์ จ้างเหมาก่อสร้าง ดังในรายการท่ี 7 ก่อสร้างศูนย์เด็กเล็ก(312.92 ลา้ น) และรายการท่ี 8 ครภุ ณั ฑก์ ารศกึ ษาโรงเรยี นทอ้ งถนิ่ (101.58 ลา้ น) กจ็ ะตอ้ งวง่ิ งบอยา่ งเขม้ ขน้ เชน่ เดยี วกบั รายการท่ี 17 ขา้ งตน้ สว่ นการวงิ่ งบเชน่ รายการที่ 3-5 ในผงั จะมีความเข้มข้นต่ำ เพราะค่าใช้จ่ายแต่ละรายการมีสูตรค่อนข้างตายตัวในการจัดสรรงบประมาณ รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน | 69
12 โครงการนี้ถูกตัดงบรวมกันเป็นเงิน 8,142 ล้านบาท ในอีกทางหน่ึงนักการเมืองกลุ่มนี้ก็ “ประสาน” ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นต้ังของบประมาณจำนวนท่ีเท่ากันไว้รอรับงบท่ีถูกปรับลด 27 และกลายเป็นรายการที่ 17 ในท้ายที่สุด การถูกตัดงบประมาณส่วนนี้ก่อปัญหาให้กับอปท.โดยตรง เชน่ โครงการอาหารกลางวันและนม ซง่ึ อปท.มคี า่ ใช้จ่ายรายหัวท่ีชัดเจน เมื่อถูกตัดงบแล้ว อปท.ก็จะไม่มีงบประมาณพอจ่ายทางอปท.จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบ เพราะกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ินเป็นหน่วยงานของรัฐบาล แต่ไปทำการ “สมยอม” กับส.ส.ที่แปรญัตติ ทั้งๆ ที่งบท้ังหมดผ่านการอนุมัติโดยคณะรัฐมนตรีมาก่อนแลว้ นายกรัฐมนตรีอภสิ ทิ ธจ์ิ งึ รับขัน้ ตน้ วา่ จะนำงบกลางจำนวน 7พันลา้ นบาทมาชดเชย ซึง่ ก็ยังไมเ่ พียงพอ 28 ดังท่ีกล่าวแล้วว่า อปท.ต้อง “ว่ิงงบ” กับเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสาเหตุสำคัญเกิดจากหลักเกณฑ์การจัดสรรท่ีสร้างแรงจูงใจให้อปท.ต้องวิ่งงบ ตัวอย่างเช่นประกาศหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนรายการ27 การทตี่ อ้ งทำเชน่ นน้ี นั้ เนอ่ื งจากส.ส.ไมม่ อี ำนาจแปรญตั ตทิ เ่ี ปน็ การเพมิ่ งบประมาณใหแ้ กโ่ ครงการใดมแี ตอ่ ำนาจตดั ทอนงบประมาณ จงึ ตอ้ งตดั ทอนงบประมาณจากบางแหง่ เพอ่ื ทจี่ ะมเี งนิ เหลอื พอจดั สรรสำหรบั รายการทใี่ หห้ นว่ ยงานของรฐั ตงั้ งบประมาณรอรบั ไว้28 หนงั สอื ที่ ส.ท.ท. (สมาคมสนั นบิ าตเทศบาลแหง่ ประเทศไทย) 339/2554 ลงวนั ท่ี 28 มนี าคม2554 เรอ่ื ง กฏหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ การกระจายอำนาจฯ การกำหนดสดั สว่ นรายได้ และกรอบแนวทางการจดั สรรเงนิ อดุ หนนุ ใหแ้ กอ่ ปท. และ หนงั สอื ทสี่ .ท.ท. 516/2554 วนั ท่ี 3พฤษภาคม 2554 เร่ืองขอให้ช่วยเหลือกรณีท่ีสภาผู้แทนราษฎรได้แปรญัตติปรับลดงบประมาณไป 8,142 ลา้ นบาท70 | รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนรว่ มของประชาชน
พฒั นาอปท.กรณเี รง่ ดว่ นปงี บประมาณ 2552 29 ซงึ่ มวี งเงนิ สงู ถงึ 12,000ล้านบาทนั้น กำหนดหลักเกณฑ์, ประเภทโครงการท่ีจะได้รับการจัดสรรและกลไกการพิจารณาโครงการไว้อย่างหลวมๆ กว้างๆ ซ่ึงเป็นการเปิดโอกาสใหม้ กี ารใชด้ ลุ ยพนิ จิ อยา่ งกวา้ งขวางในการตดั สนิ ใหอ้ ปท.แหง่ ใดแหง่หนงึ่ ไดห้ รอื ไมไ่ ดร้ บั การจดั สรร ดงั รายละเอยี ดเฉพาะทส่ี ำคญั ตอ่ ไปนี้ 30 หน่งึ ประเภทของโครงการที่จะไดร้ บั การจดั สรรมี 6 ประเภทคอืโครงการพระราชดำริ, โครงการตามนโยบายของรัฐบาล, พัฒนาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคหรือเพ่ือการเกษตร, พัฒนาเส้นทางคมนาคม, ป้องกันสาธารณภัย, หรือซ่อมแซมโครงสร้างพน้ื ฐานทางเศรษฐกิจ โดยโครงการที่ขอรับการจัดสรรต้องมีลักษณะ “งบลงทุนเฉพาะรายการที่เป็นส่ิงก่อสร้าง” และมีลักษณะ “เร่งด่วนและจำเป็น” ดังน้ัน สาระหลักของโครงการท่ีจะได้รับการพิจารณาคือ ต้องเป็นโครงการท่ีมีการก่อสร้างเท่าน้นั สว่ นส่ิงก่อสร้างนั้นจะสร้างเพือ่ การใด เป็นประเดน็ รอง เนือ่ งจากคาดได้ว่า อปท.ทุกแห่งสามารถคิดค้นโครงการที่เข้าข่าย “เร่งด่วนและจำเปน็ ” ภายใตโ้ ครงการในหกประเภทข้างตน้ ได้เสมอ สอง กลไกการพิจารณาโครงการ กำหนดให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถ่ินแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการ29 เน่ืองจากในปัจจุบันยังไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนรายการพัฒนาอปท.กรณีเร่งด่วนปีงบประมาณ 2554 ดังนั้นในท่ีน้ีจึงจะใช้ประกาศเร่ืองเดียวกันของปงี บประมาณ 2552 ในการวเิ คราะหแ์ นวทางการจดั สรร โดยคาดวา่ ประกาศปี 2554 จะออกมาในแนวทางเดยี วกนั 30 ประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจใหแ้ กอ่ งคก์ รปกครองทอ้ งถ่ินเร่ือง การจัดสรรเงนิอดุ หนนุ เฉพาะกจิ สำหรบั อปท.กรณเี รง่ ดว่ น ปงี บประมาณ พ.ศ.2552 ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่126 ตอนพเิ ศษ 3 ง หนา้ 65 วนั ที่ 8 ม.ค. 2552 รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน | 71
ประกอบด้วย ผู้แทนส่วนราชการท่ีเก่ียวข้อง 31, ผู้แทนสมาคมอบจ., ผู้แทนสมาคมเทศบาล, ผู้แทนสมาคมอบต. 32, ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการการพัฒนาท้องถิ่นที่ประธานกกถ.มอบหมายไม่เกิน 5 คน, และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาท้องถ่ินที่อธิบดีกรมส่งเสริมฯ เห็นสมควรไม่เกิน5 คน เพ่ือตรวจสอบโครงการว่ามีความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอกี ประเดน็ ทน่ี า่ สงั เกตอยา่ งยงิ่ คอื แมก้ ระทงั่ ในกรณที อี่ ปท.เสนอโครงการทนี่ อกเหนอื จากหลกั เกณฑข์ า้ งตน้ แลว้ แตเ่ ปน็ โครงการที่ “จำเปน็ เรง่ ดว่ นและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน” ก็สามารถย่ืนโครงการเพ่ือเสนอให้ประธานกกถ.เปน็ ผูพ้ ิจารณากไ็ ด้ จากองค์ประกอบของคณะกรรมการข้างต้นจะเห็นได้ว่า มีผู้แทนอปท.เพียง 3 คน แต่ประธานกกถ.และอธิบดีกรมส่งเสริมฯ แต่งตั้งผู้ทรงฯ ได้อีกฝ่ายละ 5 คน ในขณะที่อธิบดีกรมส่งเสริมฯ แต่งต้ังผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย จึงอาจสรุปในประการแรกได้ว่าผแู้ ทนอปท.เปน็ องคป์ ระกอบขา้ งนอ้ ยของกรรมการคณะนเ้ี สมอ เนอ่ื งจากกรรมการ ท่แี ตง่ ตงั้ โดยฝา่ ยรฐั บาลกลางอกี สามส่วนนัน้ รวมกนั แล้วอย่างน้อยที่สุดมีถึง 11 คน ดังน้ัน ความเห็นของฝ่ายอปท.จึงมีน้ำหนักน้อยมากในกรรมการชุดน้ี กฎเกณฑ์เช่นนี้ย่อมสร้างแรงจูงใจให้อปท.แต่ละแห่งตอ้ ง “วงิ่ งบ” กบั ฝา่ ยรัฐส่วนกลางมากกวา่ ฝา่ ยอปท. ประการท่ีสอง31 เนื่องจากอปท.มิได้เป็นหน่วยงานราชการ ในขั้นตอนกระบวนการงบประมาณอปท.จึงไม่สามารถขอรับการจัดสรรได้โดยตรงจากสำนักงบประมาณ ดังนั้น การตั้งงบอุดหนุนเฉพาะกจิ จงึ ตอ้ งใหห้ นว่ ยงานรฐั ตา่ งๆ เปน็ ผขู้ อตง้ั วงงบประมาณ อนั เปน็ ทม่ี าของกรรมการในตำแหนง่ น้ี32 เนอื่ งจากตวั ประกาศมไิ ดร้ ะบอุ ยา่ งชดั เจนวา่ ตวั แทนตำแหนง่ ทงั้ สข่ี า้ งตน้ นม้ี ตี วั แทนฝา่ ยละกค่ี น ผวู้ จิ ยั จงึ ถอื วา่ มฝี า่ ยละหนงึ่ คน72 | รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน
ในกรณีท่ีประธานกกถ. 33 เป็นนักการเมืองที่อยู่พรรคเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดังเช่นในปี พ.ศ.2552 แล้วพรรคน้ีจะมีอิทธิพลสูงมากในการจัดสรรให้อปท.ใดได้รับการจัดสรรงบอุดหนุนเฉพาะกจิ รายการนี้ เพราะนกั การเมอื งในสองตำแหนง่ นส้ี ามารถประสานกนั ไดว้ า่จะแตง่ ตง้ั ใครเปน็ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ซงึ่ มจี ำนวนมากทสี่ ดุ ในคณะกรรมการ จากที่อภิปรายข้างต้น อาจสรุปได้ว่าในแต่ละปีงบประมาณน้ันเงินอดุ หนนุ เฉพาะกิจจำนวนนับหม่นื ล้านบาท มหี ลกั เกณฑ์ในการจัดสรรทไ่ี ม่ชดั เจน ทำให้ผู้มอี ำนาจตัดสนิ ใจ ซงึ่ ก็คือนักการเมืองและข้าราชการในกรมส่งเสรมิ การปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ สามารถใช้ดุลยพินจิ ในการเลือกอุดหนุนอปท.แห่งหนึ่งแห่งใดได้อย่างกว้างขวาง กติกาการจัดสรรเช่นนี้ย่อมส่งสัญญาณและสร้างแรงจูงใจอย่างแรงให้ผู้บริหารอปท.ต้อง “ว่ิงเข้าหา” สร้างความสัมพันธ์กับนักการเมืองระดับชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสส.ในพื้นที่ของตน 34 และข้าราชการส่วนกลางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้33 พ.ร.บ.กำหนดแผนและขน้ั ตอนกระจายอำนาจระบใุ หน้ ายกรฐั มนตรเี ปน็ ประธานกกถ.โดยตำแหน่ง แต่อาจมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีท่านใดเป็นประธานแทนก็ได้ ในสภาพการเมือง “ปกติ” นายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะมาจากพรรคเดยี วกนั เนอื่ งจากกระทรวงมหาดไทยเปน็ กระทรวง “เกรดเอ” ดงั นน้ั พรรคทเ่ี ปน็ แกนนำของรฐั บาลกจ็ ะควบคมุ กระทรวงนด้ี ว้ ย แตเ่ มอื่ การเมอื งไมอ่ ยใู่ นสภาพ “ปกต”ิ ดงั เชน่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชว่ งการจดั ตงั้ รฐั บาลอภสิ ทิ ธิ์ พรรคภมู ใิ จไทยจงึ มอี ำนาจตอ่ รองกบั พรรคประชาธปิ ตั ยส์ งู กวา่ปกติ ทำใหไ้ ดน้ งั่ วา่ การกระทรวงมหาดไทย พรอ้ มกบั มอบหมายใหร้ องนายกรฐั มนตรชี วรตั น์ชาญวรี กลู จากพรรคภมู ใิ จไทย เปน็ ประธานกกถ. ในปนี ด้ี ว้ ย34 หรอื ในทางตรงกนั ขา้ ม ส.ส.พนื้ ทอ่ี าจเปน็ ผเู้ ขา้ หาผบู้ รหิ ารอปท.เอง โดยดงึ โครงการเหลา่ นี้เขา้ พื้นทท่ี อ้ งถนิ่ เพอ่ื เปน็ ขอ้ แลกเปลยี่ นผลประโยชน์กบั ฝา่ ยท้องถน่ิ เช่นใหฝ้ า่ ยทอ้ งถน่ิ เปน็ฐานเสยี ง หรอื เปน็ หวั คะแนนใหก้ บั ตน รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนรว่ มของประชาชน | 73
หรือกล่าวอีกแบบได้ว่า วิธีการจัดสรรงบประมาณเช่นนี้ทำให้ผู้บริหารท้องถ่นิ ไมเ่ ปน็ อิสระจากส่วนกลาง และอาจตอ้ ง “เขา้ สังกัด” กบั นักการเมืองของพรรคการเมืองระดับชาติ ท้ังๆ ท่ีฝ่ายท้องถ่ินอาจจะต้องการรกั ษา “ความเปน็ กลางทางการเมือง” ของตนจากพรรคการเมืองกไ็ ด้ 35 การจัดสรรงบอุดหนุนเฉพาะกิจในลักษณะข้างต้น ยังอาจสร้างแรงจูงใจให้อปท.ไม่มีความพยายามที่จะแสวงหารายได้จากท้องถ่ินของตนเอง เพราะการ “ต่อสาย” กับผู้มีอำนาจส่วนกลางอาจมีต้นทุนทางการเมืองที่ต่ำกว่าความพยายามในการจัดเก็บภาษีท้องถิ่น ซึ่งอาจทำให้การคลังท้องถ่ินมีแนวโน้มการขาดดุลเชิงโครงสร้าง (DeficitBiased) กไ็ ด้ นอกจากนี้ วธิ กี ารจัดสรรที่ไม่ชัดเจนขา้ งตน้ ยอ่ มหลกี เลย่ี งไม่ได้ท่ีจะก่อให้เกิดความไม่แน่นอนต่อรายได้ท้องถ่ิน ซึ่งจะส่งผลต่อการวางแผนงบประมาณและประสทิ ธภิ าพการใชจ้ า่ ยของอปท.ในทา้ ยทส่ี ดุ 35 เป็นท่ีทราบกันท่ัวไปว่า สส.ฝ่ายรัฐบาลย่อมมีอิทธิพลในการดึงโครงการเข้าพ้ืนที่ของตัวมากกวา่ สส.ฝา่ ยคา้ น ดงั นน้ั ฝา่ ยทอ้ งถน่ิ ในอกี ดา้ นหนง่ึ จงึ มแี รงจงู ใจทจ่ี ะ “ไมส่ งั กดั พรรค”ดว้ ยเชน่ กนั เพราะการเขา้ สงั กดั ยอ่ มมคี วามเสยี่ งจากการ “แทงมา้ ” ผดิ ตวั ดว้ ยเชน่ กนั 74 | รัฐธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน
6 รัฐสว่ นกลางกับการบริหารบคุ คลส่วนทอ้ งถนิ่ บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือได้ว่าเป็นกลไกสำคัญส่วนหนึ่งในการท่ีจะขับเคลื่อนให้การดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ประสบความสำเรจ็ (ชลยั พร อมรวฒั นา และคณะ, 2551 : 4-13)ดังน้ัน ในช่วงเร่ิมต้นของการกระจายอำนาจ ความเป็นอิสระในการบรหิ ารบคุ คลขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ จงึ ถกู รองรบั ดว้ ย รฐั ธรรมนญูฉบับปี 2540 36 (มาตรา 284 และ 288) และนำไปสู่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ารงานบคุ คลส่วนท้องถน่ิ พ.ศ.2542 พ.ร.บ. ดงั กลา่ วกำหนดใหก้ ารบรหิ ารบคุ คลสว่ นทอ้ งถน่ิ ประกอบดว้ ยคณะกรรมการส่วนท้องถน่ิ 3 ระดับ คอื 1) คณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสว่ นท้องถิ่น (ก.ถ.) 2) คณะกรรมการกลางข้าราชการหรอื พนักงานส่วนท้องถน่ิ (ก. กลาง) 3) คณะกรรมการขา้ ราชการหรอืพนักงานส่วนทอ้ งถน่ิ ระดบั จงั หวัด (ก. จังหวัด) โดยกรรมการใน 2) และ3) จะแบง่ ออกเปน็ สามสว่ นตามองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ในแตล่ ะประเภทดงั แสดงในแผนภาพ 36 รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ.2550 กำหนดหลกั การนเี้ ชน่ เดยี วกนั รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีสว่ นรว่ มของประชาชน | 75
แผนภาพท่ี 2 โครงสร้างคณะกรรมการมาตรฐาน การบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นท้องถนิ่ คณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถน่ิ (ก.ถ.)สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยคณะกรรมการกลางขา้ ราชการ คณะกรรมการกลางพนักงาน คณะกรรมการกลางพนกั งานองค์การบริหารส่วนจังหวดั เทศบาล ส่วนตำบล คณะกรรมการข้าราชการ คณะกรรมการพนกั งาน คณะกรรมการพนักงานส่วนองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัด เทศบาล ตำบล องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ท้ังน้ี การบริหารงานบุคคลภายใต้พระราชบัญญัติดังกล่าว มีส่วนท่ีช้ีให้เห็นถึงความไม่เป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างน้อย 3 ประการคือ ประการที่หน่ึง การครอบงำคณะกรรมการมาตรฐานบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถนิ่ (ก.ถ.) ของรฐั สว่ นกลาง เหน็ ไดจ้ ากการทร่ี ฐั สว่ นกลางนอกจากจะมตี วั แทนอยใู่ นคณะกรรมการแลว้ รัฐส่วนกลางยังเป็นผู้ดำเนินการหลักในการคัดเลือกคณะกรรมการในส่วนอื่นๆ กล่าวคือ บทบญั ญตั ใิ นพระราชบัญญตั ิบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน พ.ศ.2542 กำหนดให้คณะกรรมการมีองค์ประกอบสามส่วน ส่วนแรกเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวแทนจากภาครัฐส่วนที่สอง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งถูกคัดเลือกจากคณะรัฐมนตรีซงึ่ คณะรฐั มนตรกี เ็ ปน็ ตวั แทนของรฐั สว่ นกลาง และสว่ นทส่ี ามคอื ผแู้ ทนคณะกรรมการในระดบั ตา่ งๆ (มาตรา 30) (ดตู ารางที่ 8) โดยในการคดั เลอื กประธานคณะกรรมการ กำหนดให้กรรมการในแต่ละส่วนเสนอรายช่ือ76 | รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นร่วมของประชาชน
บคุ คลขน้ึ มาแลว้ ใหบ้ คุ คลเหลา่ นน้ั คดั เลอื กกนั เอง ภายใตก้ ารดำเนนิ งานของรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย ตามหลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขทค่ี ณะรฐั มนตรกี ำหนด (มาตรา 31) ซงึ่ การเปดิ โอกาสใหร้ ฐั สว่ นกลางเขา้ เขา้ มามีบทบาทในการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ การกำหนดหลักเกณฑ์และเง่ือนไขการคัดเลือกประธาน เท่ากบั เปิดโอกาสให้รัฐส่วนกลางเข้ามามีอำนาจในการกำหนดตวั แทนผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละประธาน ก.ถ.ได้ ซงึ่ หากเปน็ เชน่ นน้ัจริง การทำงานของคณะกรรมการย่อมไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ท่ีต้องการให้การบริหารบุคคลส่วนท้องถิ่นมีความเป็นอิสระเพราะฝา่ ยรฐั สว่ นกลางจะครอบงำการทำหนา้ ทตี่ า่ งๆ ของ ก.ถ. ตารางที่ 8 แสดงองคป์ ระกอบของคณะกรรมการมาตรฐานบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น กรรมการ ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ 5 คน ผ้แู ทนคณะกรรมการบริหารโดยตำแหน่ง สว่ นบคุ คลในแตล่ ะจำนวน 6 คน ระดบั จำนวน 6 คน• เลขาธกิ าร ก.พ. • ดา้ นการบริหาร • ผู้แทนคณะกรรมการกลางข้าราชการ• เลขาธกิ าร สศช. งานท้องถิ่น อบจ.• ผอู้ ำนวยการ • ด้านการบรหิ าร • ผ้แู ทนคณะกรรมการกลางพนกั งานสำนักงบประมาณ งานบุคคล เทศบาล • ดา้ นระบบราชการ • ผแู้ ทนคณะกรรมการกลางพนักงาน• ปลดั กระทรวง • ดา้ นการบริหาร ส่วนตำบลการคลงั และการจดั การ • ผู้แทนคณะกรรมการขา้ ราชการ • ปลัดกระทรวง กทม.มหาดไทย • ดา้ นกฎหมาย • ผูแ้ ทนคณะกรรมการพนกั งานเมอื ง• อธบิ ดกี รมส่ง พัทยาเสรมิ การ • ผ้แู ทนคณะกรรมการพนักงาน ปกครองทอ้ งถ่ิน อปท. อนื่ (ถ้าม)ี รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนรว่ มของประชาชน | 77
นอกจากน้ัน การกำหนดใหส้ ำนักงาน ก.ถ. อย่ภู ายใต้สำนกั งานปลัดกระทรวงมหาดไทย (มาตรา 36) และกำหนดให้หัวหน้าสำนักงานก.ถ. ซ่ึงเป็นบุคคลากรของมหาดไทย เป็นเลขานุการคณะกรรมการชุดดังกล่าว อาจทำให้การดำเนินงานต่างๆ ถูกครอบงำโดยกระทรวงมหาดไทยได้ การครอบงำ ก.ถ. จากรัฐส่วนกลางย่อมมีผลโดยตรงต่อความเป็นอิสระในการบริหารบุคคลส่วนท้องถิ่น นอกจากรัฐส่วนกลางเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากการกระจายอำนาจในการบริหารบคุ คลใหท้ อ้ งถิ่นแล้ว ภายใต้ พ.ร.บ. ระเบยี บบรหิ ารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ก.ถ.มีบทบาทที่สำคัญในฐานะที่เป็นองค์กรสูงสุดในการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน มีหน้าที่ในการสร้างมาตรฐาน กำหนดทิศทางในการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน กำหนดหลักเกณฑ์และเง่ือนไขการคัดเลือกผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น พร้อมท้ังพัฒนาบุคลากรของท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพ (ดูอำนาจหน้าท่โี ดยละเอียดในภาคผนวกตารางท่ี 3) โดยสรุป การเปิดโอกาสให้รัฐส่วนกลางเข้ามามีบทบาทในการคัดเลือกคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กำหนดหลักเกณฑ์และเง่ือนไขการคัดเลอื กประธาน ให้สำนกั งาน ก.ถ. อยูภ่ ายใตส้ ำนกั งานปลัดกระทรวงมหาดไทย และกำหนดให้หัวหน้าสำนักงาน ก.ถ. เป็นเลขานุการ ก.ถ.เท่ากับเปิดโอกาสให้รัฐส่วนกลางมีอำนาจนำในการบริหารงานและการตัดสินใจต่างๆ ของ ก.ถ. ซ่ึงหากเป็นเช่นน้ันจริง ย่อมทำให้องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ขาดความเป็นอสิ ระในการบริหารบคุ คลของตนเอง ประการท่ีสอง ความเป็นกลางของประธานคณะกรรมการกลางและคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น การท่ี พ.ร.บ.78 | รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน
ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน พ.ศ.2542 กำหนดให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานคณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถ่ิน(มาตรา 16 (1), 24 (1), 26 (1)) และกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานของรัฐ (มาตรา 23(1), 25 (1), 28 (1)) อาจกอ่ ให้เกดิ ปัญหาการขาดความเป็นกลางในการปฎิบัติงานได้ เพราะท้ังรัฐมนตรีและผู้ว่าฯ ต่างเป็นตัวแทนของรัฐส่วนกลาง ซึ่งสอดคล้องกับข้อสรุปผลการศึกษาของ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์และคณะ (2546) ที่ช้ีให้เห็นว่า การให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น อาจก่อให้เกิดปัญหาการขาดความเป็นกลางและก่อให้เกิดปัญหาในแง่ที่ผู้แทนจากหน่วยราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่กล้าท่ีจะเสนอความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งการขาดความเป็นกลางดังกล่าว อาจนำไปสปู่ ญั หาความไมเ่ ปน็ อสิ ระในการบรหิ ารงานบคุ คลขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ได้ ประการสดุ ทา้ ย จากการศกึ ษาของ เฉลมิ ชยั รตั นจนั ท (ม.ป.ป) ชใี้ หเ้ หน็ วา่ การท่ี พ.ร.บ. ระเบยี บบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ.2542ให้อำนาจคณะกรรมการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นมากเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนด อาจเป็นการละเมิดต่อรัฐธรรมนูญได้ เพราะถ้าพิจารณาตามหลักกฎหมาย รัฐธรรมนูญได้วางหลักการความเป็นอิสระให้แก่การบริหารบุคคลส่วนท้องถ่ินไว้ จะขาดความเป็นอิสระได้เฉพาะที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ในมาตรา 288 กล่าวคือ ในรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ.2540 (มาตรา 288) กำหนดให้คณะกรรมการพนักงานส่วนท้องถนิ่มอี ำนาจเพยี งการแตง่ ตั้ง การให้พน้ จากตำแหนง่ การโยกย้าย การเลอื่ น รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนรว่ มของประชาชน | 79
ตำแหน่ง การเล่ือนเงินเดือนพิเศษ การลงโทษ แต่ใน พ.ร.บ. ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 กลับให้อำนาจคณะกรรมการพนกั งานสว่ นทอ้ งถน่ิ ในขอบเขตทก่ี วา้ งขวางกวา่ ทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญูเช่น อำนาจในการบรรจุ คัดเลือก กำหนดอัตราเงินเดือน วิธีจ่ายเงินเดือน ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งอำนาจเหล่าน้ีควรจะเป็นอำนาจโดยตรงขององคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ ตามหลักความเป็นอิสระในการบรหิ ารบคุ คลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2540 37 นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้ว นครินทร์ เมฆไตรรัตน์และคณะ(2546) ยังได้ช้ีให้เห็นว่า 1) การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน ยังขาดความเป็นเอกภาพ เพราะยังมีความทับซ้อนกันของอำนาจหน้าท่ีของคณะกรรมการระดับชาติและระดับจังหวัด และในระดับจังหวัดยังพบว่ามาตรฐานหลักเกณฑ์และแนวทางการปฎิบัติของพนักงานส่วนท้องถิ่นยังไม่สอดคล้องกัน และ 2) ปัญหาเก่ยี วกบั องค์ประกอบของคณะกรรมการในองค์การบริหารงานบุคคล ที่ไม่มีตัวแทนของพนักงานส่วนท้องถิ่นนั่งอยู่ในคณะกรรมการ 38 37 รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 กำหนดหลกั การนเ้ี ชน่ เดยี วกนั 38 จากปัญหาดังกล่าว ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 จึงกำหนดให้คณะกรรมการบริหารบุคคลส่วนท้องถ่ิน ต้องประกอบด้วยตัวแทนท่ีมาจากข้าราชการหรอื พนกั งานสว่ นทอ้ งถน่ิ (มาตรา 288)80 | รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนร่วมของประชาชน
จากท่ีกล่าวมา จะเห็นว่า บทบัญญัติใน พ.ร.บ. ระเบียบบริหารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถนิ่ พ.ศ.2542 ให้อำนาจคณะกรรมการพนกั งานสว่ นท้องถิ่นเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญบัญญัติและ ยังเปิดโอกาสให้รัฐส่วนกลางเข้ามามีบทบาทครอบงำการบริหารบุคคลส่วนท้องถ่ินได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนนั้ จริง ย่อมทำใหก้ ารบริหารบุคคลขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ขาดความอิสระ และอาจขัดต่อเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2550ท่ีต้องการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน มีความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคลได้ รัฐธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมีสว่ นรว่ มของประชาชน | 81
7ผลงานขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ภายใต้อำนาจนำของรัฐสว่ นกลาง การกระจายอำนาจในห้วงทศวรรษท่ีผ่านมา แม้จะยังมีข้อจำกัดอยู่มาก แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหลายๆแห่งกลับสามารถผลิตนวัตกรรมบริการสาธารณะเพื่อตอบสนองต่อประชาชนในพ้ืนที่ได้อย่างเปน็ รปู ธรรมและเหน็ ผล พรอ้ มทั้งยงั ไดร้ บั ความเชอ่ื ถอื และความพอใจในบริการเพ่ิมขึ้นจากประชาชน ในขณะเดียวกัน แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะถูกกำกับอย่างเข้มงวดจากรัฐส่วนกลาง แต่ปัญหาการทุจริตก็ยังคงดำรงอยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในส่วนนี้จึงจะอภิปรายป ระเดน็ ขา้ งต้นไลเ่ รยี งไปตามลำดบั 7.1 องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินกับนวัตกรรมในการผลิตบริการส าธารณะ ในการผลิตบริการสาธารณะ พบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหลายๆ แห่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการผลิตบริการสาธารณะ เพ่ือตอบสนองตอ่ ประชาชนในพน้ื ทไ่ี ดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม ดงั ตวั อยา่ งนวตั กรรมทีจ่ ะกลา่ วถึง 2 ด้าน ตอ่ ไปน้ี 1) ด้านนวัตกรรมในการศึกษา เช่น กรณีห้องสมุดชายหาดเคลื่อนท่ีของเทศบาลนครสงขลา ท่ีได้ดำเนินการโดยมีเป้าหมายเพื่อเปน็ การสร้างแหลง่ ความรู้ ความบันเทิงให้กบั เยาวชน เป็นแหลง่ พักผอ่ น82 | รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนร่วมของประชาชน
ให้กับประชาชน และเป็นสื่อกลางในการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวหรือกรณีขององค์การบริหารส่วนตำบลบางนอน จัดหวัดระยอง ซ่ึงร่วมกับโรงเรียนประถมศึกษา จัดค่ายเยาวชนจินตคณิต เพื่อแก้ปัญหาการขาดทักษะด้านคณิตศาสตร์ของเด็กนักเรียนในพื้นท่ี ผลปรากฎว่าเด็กนักเรียนที่ผ่านการอบรมดังกล่าวมีผลสัมฤทธิ์ทางคณิตศาสตร์ดีขึ้น ในกรณีสุดท้าย เทศบาลเมืองท่าโขลง จังหวัดปทุมธานี สร้างศูนย์พัฒนาเดก็ เล็กข้ึน เพ่ือที่จะรองรับปรมิ าณเดก็ นักเรียนทเี่ พิ่มขน้ึ มาก จนโรงเรยี นอนุบาลและศูนย์เด็กเล็กของรัฐในพื้นที่ไม่สามารถรองรับได้ โดยในการจัดการศึกษาไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมจากผู้ปกครอง ซึ่งสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองและทำให้เด็กยากไร้ได้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษา (วีระศกั ดิ์ เครอื เทพ, 2548 : 31-42) 2) ด้านนวัตกรรมในการสร้างสรรค์การบริการสาธารณะท้องถิ่น เช่น กรณีขององค์การบริหารส่วนตำบลห้วยยายจิ๋ว จังหวัดชัยภูมิ ท่ีจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านเอื้ออาทร เพ่ือที่จะแก้ปัญหาประชาชนในตำบล ซึ่งมีฐานะยากจนและประสบกับปัญหาการขาดแคลนการดูแลเอาใจใส่ ทั้งตอ่ เดก็ เลก็ คนชรา ผพู้ กิ าร ผเู้ จบ็ ปว่ ย และในกรณที ป่ี ระสบปัญหาภัยพิบัติต่างๆ โดยมีการสบทบทุนร่วมกันระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบลและประชาชนในพื้นท่ีโดยเงินที่ได้มาจะนำไปจัดสรรเพ่ือการดูแลกลุ่มบุคคลท่ีได้กล่าวไปในเบ้ืองต้น เป็นต้น (วีระศักด์ิ เครือเทพ,2548: 173-174) นอกจากนวัตกรรมท้ัง 2 ด้านท่ีได้กล่าวไป ยังมีนวัตกรรมในการผลิตบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกหลายๆด้านท่ียังมิได้กล่าวถึง เช่น ด้านการสาธารณสุข ด้านการดูแลรักษาความสงบเรยี บรอ้ ยและความปลอดภยั ในชมุ ชน ดา้ นการดแู ลสง่ิ แวดลอ้ ม รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีสว่ นร่วมของประชาชน | 83
ด้านการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วม 39 ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรมและประสบผลสำเร็จพรอ้ มกนั นนั้ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหลายๆแห่ง ยังมีโครงการหรือกิจกรรมที่มีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ เช่น ความเป็นเลิศด้านความโปร่งใสและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้านการเสริมสร้างสนั ตสิ ขุ และความสมานฉนั ท์ และดา้ นการเสรมิ สรา้ งเครอื ขา่ ย รฐั เอกชนและประชาสังคม เปน็ ต้น ซึง่ ในทุกๆ ปี สถาบนั พระปกเกล้าก็จะมีการมอบรางวัลดังกล่าวให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีมีคุณสมบัติเข้าหลักเกณฑ์ 40 จากที่กล่าวมาจะเห็นว่า แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะขาดความเปน็ อสิ ระในการใชเ้ ครอ่ื งมอื ตา่ งๆ ในการผลติ บรกิ ารสาธารณะเพ่ือตอบสนองต่อประชาชนในพื้นท่ี แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายๆแห่งก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในการผลิตบริการสาธารณะเพอ่ื ตอบสนองตอ่ ประชาชนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี7.2 องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นในสายตาของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินส่วนใหญ่ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานใหม่ท่ีมีบทบาทต่อการจัดบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น (ยกเว้นเทศบาล) โดยประชาชนจะเชื่อถือไว้วางใจหรือเชื่อมั่นต่อการทำงาน39 ดู วีรศักดิ์ เครือเทพ. (2548). นวัตกรรมสร้างสรรค์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น.กรุงเทพฯ :สำนกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ยั .40 ดู ฐานขอ้ มลู รางวลั พระปกเกลา้ http://www.kpi.ac.th/kpiaward/84 | รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีสว่ นรว่ มของประชาชน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากเพียงใด ย่อมข้ึนอยู่กับผลงานท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินได้ปฎิบัติไว้ จากผลการสำรวจของสถาบันพระปกเกล้าพบว่า ประชาชนมีความเช่ือมั่นในการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพ่ิมขึ้น จากร้อยละ 63.5 ในปี 2545 เป็นร้อยละ71.8 ในปี พ.ศ.2548 หลงั จากนัน้ ความเชื่อมน่ั ในการทำงานขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินมีระดับลดลง สอดคล้องกับสถาบันอ่ืนๆ ซ่ึงเป็นผลมาจากวิกฤติทางการเมืองไทย ที่ก่อตัวข้ึนในห้วงเวลานั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล/คณะรัฐมนตรีกับองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ในสายตาประชาชน จะพบว่าระดบั ความเช่ือมน่ั ต่อองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ อย่ใู นระดบั ทีส่ ูงกว่า และการลดลงของระดับความเช่ือม่ันในการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ารัฐบาล/คณะรัฐมนตรี โดยในปี พ.ศ.2553 ความเช่ือม่ันของประชาชนท้องถ่ินต่อรัฐบาล/คณะรัฐมนตรีอยู่ท่ีร้อยละ 47.4 ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอยู่ที่ร้อยละ 59.7 สำหรับระดับความเชื่อม่ันของประชาชนต่อสมาชิกสภาท้องถิ่น เมื่อเทียบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พบวา่ มีระดับสงู กวา่ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและมแี นวโนมเพิม่สูงขึน้ เรอ่ื ยๆ จากปี 2550-2553 (ดูกราฟที่ 1) รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีสว่ นร่วมของประชาชน | 85
กราฟที่ 1 แสดงระดับความเชื่อถือไว้วางใจของประชาชนต่อสถาบันตา่ งๆ ระหว่างปี 2545-255390% 80%70%60%50%40%30%20% องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ สมาชิกสภาท้องถิน่ 10% รฐั บาล/คณะรฐั มนตรี สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร0% 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553ทีม่ า : ผวู้ ิจัย ข้อมูลจากสถาบนั พระปกเกลา้ , 2553หมายเหตุ : สมาชิกสภาท้องถ่ิน ไม่มีข้อมูลในปี 2545-2546 รัฐบาล/คณะรัฐมนตรี ไม่มีขอ้ มลู ปี 2545 และ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรไมม่ ขี อ้ มลู ในปี 2545 และ 2547 ในขณะที่ความพึงพอใจต่อการใช้บริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากผลการสำรวจของสถาบันพระปกเกล้า ต้ังแต่ปี พ.ศ.2548-2553 พบว่าอยู่ในระดับที่มากกว่าร้อยละ 80 มาโดยตลอด โดยในปีพ.ศ.2548 มีระดับความพึงพอใจในการใช้บริการอยู่ท่ีร้อยละ 87.2 และเพม่ิ ข้นึ เป็นร้อยละ 89.7 ในปี พ.ศ.2553 (สถาบันพระปกเกลา้ . 2553) จากท่ีกล่าวมาจะเห็นว่า แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีข้อจำกดั มากมายในการผลติ บรกิ ารสาธารณะ แตอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่กย็ งั ไดร้ บั ความเชอื่ มนั่ และความพอใจตอ่ การใชบ้ รกิ ารขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ในระดับที่ค่อนขา้ งสงู 86 | รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน
7.3 องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ กบั การทุจริต การทุจรติ เป็นปญั หาหน่งึ ทกี่ ่อให้เกดิ ภาพลกั ษณท์ างลบต่อองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ เหน็ ไดจ้ ากพาดหวั ขา่ วเรอื่ งราวการทจุ รติ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผ่านสื่อกระแสหลักท่ีมีมาอย่างต่อเน่ือง 41 และเมอื่ ดูสถิติการทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รวบรวมระหว่างปี พ.ศ.2543-2550 พบว่ามีเรื่องร้องเรียนต่อบุคลากร(ผูบ้ รหิ าร สมาชิกสภา พนักงาน) ขององคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ทัง้ ส้นิ5,508 เรอ่ื ง เก่ียวข้องกบั ผูถ้ ูกกลา่ วหาจำนวน 9,467 ราย (ดูตารางที่ 9)ตารางท่ี 9 แสดงการทุจรติ ในองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ ปี 2543-2550ลำดับ หนว่ ยงาน ถกู กลา่ วหาวา่ กระทำ ผถู้ กู กลา่ วหา การทจุ รติ (เรอื่ ง) (ราย)1 องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบล 3,235 5,778 2,7662 เทศบาล 1,705 4113 องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั 283 442 404 กรุงเทพมหานคร 2735 เมอื งพทั ยา 12 ทีม่ า : สำนักงาน ป.ป.ช. (2550) อ้างถึงใน โกวทิ ย์ พวงงาม, 255041 ดงั เชน่ พาดหัวข่าวต่อไปน้ี แฉทุจริตป’ี 52 อปท. แชมปโ์ กง สูญร่วม 2 พนั ล้าน (ไทยโพสต)์ , อปท. แชมปถ์ กู ยนื่ รอ้ งทจุ รติ (ขา่ วสด), อปท.ครองแชมปโ์ กง ดบั เพลงิ ดุ ปปช. งดัอสส. (ไทยโพสต)์ , ป.ป.ช.–สตง. ลา่ ทจุ รติ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ . ผลาญงบแสนลา้ น (ผจู้ ดั การ),เตรยี มตง้ั ป.ป.ช. จงั หวดั เชอื ดอปท. ทจุ รติ (คมชดั ลกึ ), ป.ป.ช. ลยุ ลา้ งทจุ รติ ทอ้ งถน่ิ มมี ตฟิ นั อดตี นายกเลก็ เทศบาลสรุ าษฎร-์ อดตี นายก อบจ.มหาสารคาม(มตชิ น) รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีสว่ นรว่ มของประชาชน | 87
โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในระดับองค์การบริหารส่วนตำบลมีสถิติการรอ้ งเรียนการทุจรติ มากท่ีสดุ การที่องค์การบริหารส่วนตำบลมีสถิติเร่ืองการร้องเรียนการทุจริตมากท่สี ุด ส่วนหนง่ึ อาจเกิดจากการที่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ในระดบัดังกล่าวมจี ำนวนมากกวา่ จำนวนทอ้ งถ่ินในระดบั อ่ืนๆ (ปัจจบุ ันมี อบต.5,767 แห่ง) และการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาพรวม ยังคงมีเร่ืองราวการทุจริตเพิ่มข้ึนเร่ือยๆ 42 เราอาจคาดหมายถึงสาเหตุคร่าวๆได้ว่า หนึ่ง เกิดจากการท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน มีภาระงานและงบประมาณเพมิ่ ขน้ึ ทำใหโ้ อกาสในการทจุ รติ สงู ขนึ้ ตาม สอง อาจเกดิ จากการกำกบั ตรวจสอบของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั (นายอำเภอ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดัรวมทั้งองค์กรอ่ืนๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง) ที่ไม่มีประสิทธิผลท้ังในแง่กฎเกณฑ์การกำกับตรวจสอบและการบังคับใช้ แม้ว่ากฎหมายจัดต้ังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะให้อำนาจในการตรวจสอบไว้ในระดับสูงก็ตาม โดยสรุป แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินไทย จะขาดความเป็นอิสระในการใช้เคร่ืองมือต่างๆในการผลิตบริการสาธารณะเพื่อตอบสนองต่อประชาชนในพ้ืนที่ แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายๆ แห่งก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในการผลิตบริการสาธารณะเพื่อ42 จากการรวบรวมสถิติกรณีทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินระหว่างปี พ.ศ.2544-2552 ของ ป.ป.ช. พบวา่ มเี รอ่ื งรอ้ งเรยี น จำนวน 7,452 เรอ่ื ง มผี ถู้ กู กลา่ วหา 13,686 ราย (คม ชดั ลกึ )88 | รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมีสว่ นร่วมของประชาชน
ตอบสนองต่อประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรมและเห็นผล พร้อมกันนั้นองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ กไ็ ด้รบั ความเช่อื มนั่ จากประชาชนเพ่มิ ขึ้นและประชาชนมีความพอใจในการใช้บริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับสูง อย่างไรก็ตาม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ยังคงมีปัญหาเร่ืองการทุจริต ซึ่งอาจเป็นตัวช้ีวัดคร่าวๆ ได้ว่า การให้อำนาจรัฐส่วนกลางกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอย่าง “ครอบจักรวาล”ในรูปแบบปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ได้ รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีสว่ นร่วมของประชาชน | 89
8 ที่มาและความเป็นอิสระ ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจ ใหแ้ ก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 (ฉบับที่ 2 แก้ไขปี พ.ศ.2549)กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ (กกถ.) ใหม้ าจากสามสว่ นคอื ผแู้ ทนหนว่ ยราชการที่เกยี่ วขอ้ ง ผแู้ ทนองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ดงั แสดงในตาราง 10 โดยมนี ายกรฐั มนตรหี รอื รองนายกรฐั มนตรี ซงึ่ นายกรฐั มนตรีมอบหมายเป็นประธาน และให้หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจใหแ้ กอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ เปน็ เลขานกุ ารคณะกรรมการ อำนาจหนา้ ท่ีของคณะกรรมการฯ ทส่ี ำคัญคอื การจัดทำแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดสรรภารกิจในการให้บริการสาธารณะระหว่างรัฐกับท้องถ่ิน ท้องถ่ินกับท้องถิ่น จัดสรรสัดส่วนภาษีและอากรระหว่างรัฐกับท้องถ่ิน และท้องถิ่นด้วยกันเองนอกจากนนั้ ยงั มีหน้าทีอ่ น่ื ๆ อีกรวม 16 ขอ้ ตามทบี่ ัญญตั ิไว้ในมาตราที่12 (ดูตารางที่ 4 ในภาคผนวก) จากอำนาจหน้าท่ีดังกล่าวจะเห็นว่าคณะกรรมการฯ มีบทบาทสำคัญอย่างย่ิงต่อการขับเคล่ือนการกระจายอำนาจการปกครองให้แก่อปท. กล่าวอีกแบบคือ กกถ.เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนและควบคุมทิศทางของการกระจายอำนาจ การทำงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าว จะบรรลุเจตนารมณ์ในการกระจาย90 | รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน
ตารางท่ี 10 แสดงองคป์ ระกอบของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินกรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการผูแ้ ทน กรรมการผูท้ รงคุณวฒุ ิ (12 คน) องค์กรปกครองส่วน ท้องถิน่ (12 คน) (12 คน)• กระทรวงมหาดไทย • องคก์ ารบริหาร - ดา้ นบรหิ ารราชการ- รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ส่วนจังหวัด แผ่นดิน มหาดไทย - นายก อบจ. - ด้านการพฒั นา - ปลัดกระทรวงมหาดไทย - นายก อบจ. ท้องถน่ิ - อธบิ ดีกรมสง่ เสรมิ การ • เทศบาล - ด้านเศรษฐศาสตร์ - นายกเทศมนตรี - ดา้ นการปกครอง ปกครองท้องถน่ิ - นายกเทศมนตรี สว่ นท้องถนิ่ • กระทรวงการคลัง - นายกเทศมนตรี - ด้านกฎหมาย • องค์การบริหาร - รฐั มนตรวี ่าการกระทรวง ส่วนตำบล การคลงั - นายก อบต. - นายก อบต. - ปลดั กระทรวงการคลัง - นายก อบต.• กระทรวงศึกษาธิการ - ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร• กระทรวงสาธารณสขุ - นายก อบต.- ปลดั กระทรวงสาธารณสุข • องคก์ รรปู แบบพิเศษ• สำนักนายกรฐั มนตรี - ผ้วู า่ ฯ กทม. - เลขาธิการคณะกรรมการ - นายกเมืองพัทยากฤษฎกี า- เลขาธิการคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและ สังคมแหง่ ชาต ิ - เลขาธกิ าร ก.พ.- ผูอ้ ำนวยการสำนัก งบประมาณ รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนรว่ มของประชาชน | 91
อำนาจให้ท้องถ่ินปกครองตนเองมากน้อยเพียงใด ปัจจัยหนึ่งย่อมข้ึนกับที่มาของคณะกรรมการตัวแทนในส่วนต่างๆว่า มีความเป็นอิสระเพียงพอทีจ่ ะทำหนา้ ท่ีเปน็ ตวั แทนของภาคส่วนน้นั ๆ อย่างแทจ้ ริงหรอื ไม่ ความเปน็ อิสระของกรรมการในภาคส่วนต่างๆ สว่ นหนึ่งพิจารณาได้จากกระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการ ในกรณขี องภาครัฐ ตัวแทนที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการเป็นตัวแทนโดยตำแหน่ง ในกรณีขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ตัวแทนมาจากการให้ผู้บริหารท้องถ่ินคัดเลือกกันเอง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่นายกรัฐมนตรีกำหนด และกรณีสุดท้ายผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ตามเจตนารมณ์ของผู้ร่างกฎหมายต้องการให้กรรมการส่วนนี้มีความเป็นกลาง มีความอิสระ 43 ได้มาจากการสรรหาโดยเป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการทีน่ ายกรฐั มนตรกี ำหนด ตามประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกกรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542และฉบับแก้ไข พ.ศ.2546 กำหนดให้การคัดเลือกผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ในกรณีของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานจัดประชุมผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในระดับดังกล่าว เพ่ือทำการการคัดเลือกกันเองในแต่ละจังหวัด (ข้อ 9(1) (ข)) แล้วให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถ่ินเป็นประธาน43 ดงั นนั้ ในบางเร่ืองจงึ อาจตัดสนิ ใจเขา้ ข้างรฐั บาล และบางเรื่องก็ตดั สินใจเข้าขา้ งทอ้ งถ่ินตามความเหมาะสม (สมคิด เลิศไพทูรย์. 2546 :109)92 | รัฐธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมีสว่ นรว่ มของประชาชน
จัดประชุมตัวแทนดังกล่าวเพ่ือทำการคัดเลือกกันเอง (ข้อ 9 (2)) ส่วนอบจ. ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นประธานจัดประชมุ เพอ่ื ให้ผบู้ รหิ ารองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดคัดเลือกกันเอง (ข้อ 2) สำหรับกรณีการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ให้มีคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ (คสว.) ประกอบด้วย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทยเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการก.พ. เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถ่ิน เป็นกรรมการ (ข้อ 15) โดย คสว. ทำหน้าท่ีเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ในกรณีท่ีนายกรัฐมนตรีไมเ่ หน็ ชอบ ให้คสว. สรรหารายช่อื ใหม่จนกวา่ นายกรัฐมนตรีจะเห็นชอบ (ขอ้ 18) จากหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกดังกล่าว จะเห็นว่าภาครัฐมีบทบาทค่อนข้างสูงในกระบวนการคัดเลือกผู้แทนองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น และมีบทบาทสงู มาก ในกรณีการสรรหาผู้ทรงคณุ วฒุ ิ กรรมการสรรหามีแต่ตัวแทนของภาครัฐเท่าน้ัน และผู้ได้รับการเสนอชื่อยังต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีในท้ายที่สุดด้วย การท่ีภาครัฐมีบทบาทค่อนข้างสูงในการคัดเลือกผู้แทนอปท.และผู้ทรงคุณวุฒิ เท่ากับเปิดโอกาสให้รัฐสามารถกำหนดตัวผู้แทนท้องถ่ินและผู้ทรงคุณวุฒิได้ ซ่ึงหากเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมทำให้ปฎิบัติงานของคณะกรรมการไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและขาดความเป็นอิสระจากรัฐ ซ่ึงเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงในการกระจายอำนาจให้แกอ่ ปท. รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนรว่ มของประชาชน | 93
นอกจากความเป็นอิสระของคณะกรรมการฯ ในแง่ท่ีมาแล้วกรรมการกกถ.ท่านหนึ่ง 44 เห็นว่า คณะกรรมการต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดอย่างน้อย 2 ข้อคือ 1) คณะกรรมการฯ ไม่มีอำนาจสั่งการให้หน่วยงาน ราชการปฎิบัติตาม มีอำนาจเพียงการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซ่ึงครม.อาจจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยก็ได้ 2) สถานะของสำนักงาน ที่เป็นเพียงสำนักงานอยู่ในสังกัดของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้มขี อ้ จำกดั ทงั้ ทางด้านบุคลากรและงบประมาณ ซึ่งทำให้การปฎิบัติหน้าท่ีของสำนักงานตามที่กฎหมายบัญญัติเป็นไปได้ยากและขาดการทำงานเชิงรุกอกี ด้วย 44 สัมภาษณ์ รศ.ดร.สกนธ์ วรัญญวฒั นา วนั ท่ี มิ.ย. 255494 | รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน
9. บทสรปุ จากการอภิปรายทั้งหมดข้างต้น อาจสรุปประเด็นหลักๆ ได้ดังตอ่ ไปนี้9.1 สรปุ สาระสำคัญ รฐั ธรรมนญู ฉบบั ปี พ.ศ.2540 ในฐานะแมบ่ ททางสถาบนั ของสงั คมการเมอื งไทย (Meta-Institution) ซง่ึ กค็ อื กตกิ าของการสรา้ งกฎ-กตกิ าในระดับรองๆลงมา กำหนดอย่างชัดเจนว่า รัฐส่วนกลางจะต้องกระจายอำนาจท้ังด้านการเมืองและการคลัง ให้ท้องถ่ินปกครองตนเองตามเจตนารมณข์ องประชาชน และบงั คบั ดว้ ยวา่ “การกำกบั ดแู ลองคก์ รสว่ นท้องถิ่น ต้องทำเท่าที่จำเป็น...ทั้งนี้จะกระทบถึงสาระสำคัญแห่งหลักการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น...มิได้” (มาตรา282) กติกาแม่บทข้อน้ีถูกสืบทอดในมาตรา 281 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ.2550 แม้ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญท่ีเกิดจากการรัฐประหาร พ.ศ.2549กต็ าม การณก์ ลบั ปรากฎวา่ กฏ-กตกิ าการกระจายอำนาจในระดบั รอง ซงึ่บัญญัติในกฎหมายการปกครองท้องถ่ินหลายฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายจัดตั้งอปท.ทั้งสามฉบับ แม้จะมีการแก้ไขหลายคร้ัง แต่ก็ยังละเมิดหลักการของกติกาแม่บทต่อไป ในแง่ที่การกำกับดูแลองค์กรท้องถน่ิ จากรฐั สว่ นกลาง ไมเ่ ปน็ ไปตามสาระหลกั แหง่ การปกครองตนเอง รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนร่วมของประชาชน | 95
ตามเจตนารมณ์ของคนท้องถิ่น ดังนั้น รัฐธรรมนูญไทยจึงมิได้มีสภาพบังคบั ในฐานะที่เปน็ กฎแห่งการสรา้ งกฎท่แี ท้จรงิ การละเมิดกตกิ าแม่บทขา้ งตน้ ปรากฎอย่างชัดเจนในกฎหมายจดัตง้ั องคก์ รทอ้ งถนิ่ ทงั้ สามระดบั และถกู ตอกยำ้ ดว้ ย พ.ร.บ.เขา้ ชอื่ ถอดถอนและ พ.ร.บ.การยนื่ เสนอข้อบัญญตั ิท้องถิ่น กฎหมายท้ังห้าฉบบั ในฐานะกฎ-กติการะดับรอง ได้สรา้ งโครงกรอบแรงจงู ใจ (Incentive Matrix) ให้ผู้เล่นในองค์การปกครองท้องถ่ินมีพฤติกรรมไปในทิศทางท่ีต้องรับผิด(Accountable) ตอ่ รฐั สว่ นกลางมากกวา่ การรบั ผดิ ตอ่ ประชาชนในทอ้ งถนิ่โดยทีร่ ะดับของความรบั ผิดต่อรฐั ของอบต.อย่ใู นระดบั สูงสุด รองลงมาคือเทศบาลและอบจ.ตามลำดับ และในขณะเดียวกันอบต.ก็รับผิดต่อประชาชนสูงสุดด้วย ส่วนอบจ.นั้นรับผิดต่อประชาชนในระดับต่ำสุดทั้งหมดน้ีมีนัยยะว่า อิทธิพลของในการกำหนดนโยบายท้องถ่ินตามเจตนารมณข์ องประชาชนทอ้ งถ่ินมีน้อยกว่ารฐั ส่วนกลางด้วย สาเหตุที่องค์การบริหารส่วนตำบลต้องรับผิดต่อรัฐมากกว่าประชาชน และในขณะเดียวกันก็มีระดับการรับผิดต่อประชาชนสูงสุดเม่ือเปรียบเทียบกับเทศบาลและองค์การบริหารส่วนจังหวัดน้ัน เน่ืองจากพ.ร.บ.จัดตั้งอบต.ให้อำนาจกำกับ-ควบคุมแก่กระทรวงมหาดไทยสูงท่ีสุดตัวอย่างเช่น นายอำเภอ-ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจตั้งแต่การสอบสวนระงบั การปฏบิ ตั ริ าชการ ยบุ สภา และสง่ั ใหพ้ น้ จากตำแหนง่ ยง่ิ ไปกวา่ นนั้การใช้อำนาจเหล่าน้ีมีลักษณะ“ครอบจักรวาล” ในแง่ท่ีกลไกมหาดไทยสามารถใช้ดุลยพินิจได้อย่างกว้างขวาง และเกือบจะไม่มีข้อจำกัดในการใช้อำนาจเลย รวมทั้งยังมีลักษณะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกด้วย นายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นทั้งผู้กล่าวหา ผู้สอบสวน และเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจส่ังลงโทษ โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของอบต.ไม่96 | รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน
สามารถอุทธรณ์ได้ อีกตัวอย่างหน่ึงคือ นายอำเภอและผู้ว่าราชการมีอำนาจอนุมัติและยับยั้ง ไม่ให้ประกาศใช้ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีและร่างข้อบัญญัติอ่ืนๆ ซ่ึงผ่านการพิจารณาของสภาอบต.แล้ว อันเป็นการแทรกแซงกระบวนการกำหนดนโยบายในระดับที่ละเมิดหลักการปกครองตนเองของท้องถ่ินอย่างย่ิง ดังนั้น อำนาจท่ีเข้มข้นในระดบั ขา้ งตน้ ยอ่ มสรา้ งแรงจงู ใจสงู มากใหผ้ ดู้ ำรงตำแหนง่ ทางการเมอื งของอบต. ตอ้ งสยบยอมต่ออำนาจของรฐั สว่ นกลาง ทั้งๆ ทเี่ ขาเขา้ สู่ตำแหน่งจากการเลอื กต้ังของประชาชน ในอีกด้านหนึ่งของโครงกรอบแรงจูงใจ ซึ่งกำกับพฤติกรรรมของอบต.ให้รับผิดต่อประชาชนน้ัน ประกอบด้วย กลไกสองด้านคือ หนึ่งกลไกการเลือกต้ัง เนื่องจากเขตเลือกต้ังอบต.มีขนาดเล็ก ในขณะเดียวกันทำนบการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง ท้ังในแง่คุณสมบัติผู้สมัครและต้นทุนรวมในการหาเสียงก็ต่ำท่ีสุด เม่ือเทียบกับกรณีของอบจ.เทศบาล และส.ส. ทำให้การแขง่ ขนั ในสนามอบต.เขม้ ขน้ มาก ประกอบกับการท่ีโครงสร้างความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างผู้บริหารและสภาอบต.ในทางปฎิบัติ ทำให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายสภามากกลา่ วอกี แบบคือ ฝ่ายบรหิ ารของอบต.มคี วามเข้มแข็งมากกวา่ ฝ่ายบรหิ ารในระบบรฐั สภาเสียอีก (Super-strong Executives) ในขณะเดียวกนั ฝา่ ยบริหารก็มีเสถีรยภาพสูงกว่าฝ่ายบริหารในระบบรัฐสภาอีกด้วย เนื่องจากสภาอบต.ไม่มีอำนาจลงมติไม่ไว้วางใจนายกอบต. ในแง่นี้ความรับผิดของนายกอบต.ต่อผู้เลือกต้ังจึงมีความชัดเจน-โปร่งใสมากกว่าระบบรัฐสภา เพราะนายกอบต.ไม่สามารถอ้างได้วา่ การทีต่ นมผี ลงานไมด่ ีเท่าที่ควรนั้นเกิดจากการขัดขวางของเสียงส่วนใหญ่ในสภาอบต. สาเหตุท้ังหมดข้างต้นทำให้อบต. ซึ่งเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นมีความใกล้ชิด รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนร่วมของประชาชน | 97
กับประชาชนมากที่สุด ต้องรับผิดต่อประชาชนมากที่สุดเมื่อเทียบกับอปท.อกี สองประเภท สอง กลไกการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถ่ิน กลไกท้ังสองน้ีถูกออกแบบให้เป็นกลไกเสริมการเลือกตั้ง เพื่อให้อบต.รับผิดต่อประชาชนมากข้ึน และเพ่ิมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน อย่างไรก็ตาม ด้วยเง่ือนไขต่างๆ ท่ีกฎหมายกำหนดให้ประชาชนจะต้องปฏิบัติ หากต้องการใช้กลไกทั้งสองน้ัน ถูกออกแบบโดยไม่ได้คำนึงถึงต้นทุนธุรกรรมจำนวนมากท่ีประชาชนต้องแบกรับ ทำให้กลไกเหล่าน้ีไม่มีประสิทธิผลในทางปฏิบัติ ดังนั้นนอกจากกลไกการเลือกตั้งแล้ว กลไกอื่นทางกฎหมายที่จะบังคับให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของอปท.รับผิดต่อประชาชนในเขตเลือกตั้งของตัวเองน้ันแทบจะไม่มีผลในทางปฏิบัติเลย ที่กล่าวมาท้ังหมดน้ีอาจทำให้กล่าวอ้างได้ว่า โครงกรอบแรงจูงใจ ซึ่งกำหนดขึ้นจากกฎหมายระดับ พ.ร.บ.หลายฉบับน้ัน อาจทำให้อบต.มีพฤติกรรมที่รับผิดต่อรัฐสว่ นกลางมากกวา่ รบั ผดิ ตอ่ ประชาชนในทอ้ งถน่ิ 4545 ผเู้ ขยี นเหน็ วา่ ขอ้ ความนสี้ ามารถปรบั ใชก้ บั องคก์ รทอ้ งถนิ่ ระดบั เทศบาลและอบจ.ในระดบัความเขม้ ขน้ (degree) ทแี่ ตกตา่ งกนั ไดด้ ว้ ยกลา่ วคอื เมอ่ื เทยี บกบั อบต.แลว้ อบจ.รบั ผดิ ตอ่ทงั้ รฐั สว่ นกลางและประชาชนนอ้ ยทสี่ ดุ เนอ่ื งจาก หนง่ึ กฎหมายจดั ตงั้ อบจ.ใหอ้ ำนาจกำกบัแกม่ หาดไทยนอ้ ยกวา่ ในกรณขี องอบต.มาก สอง เขตเลอื กตง้ั ทใ่ี หญร่ ะดบั จงั หวดั ทำใหเ้ กดิก) คะแนนเสยี งของประชาชนหนง่ึ คนมผี ลนอ้ ยมากตอ่ การกำหนดวา่ ผสู้ มคั รคนใดจะชนะการเลือกตั้ง ข) มีต้นทุนธุรกรรมที่สูงมากๆ ในการเข้าช่ือเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นและการถอดถอน ทง้ั ก) และ ข) ทำใหก้ ลไกการรบั ผดิ ตอ่ ประชาชนของอบจ.ออ่ นแรงมาก สว่ นระดบัการรับผิดของเทศบาลต่อรัฐและประชาชนนั้นขึ้นกับขนาดของเทศบาล ย่ิงเทศบาลมีขนาดใหญเ่ ชน่ เทศบาลนคร ระดบั ความรบั ผดิ จะเขา้ ใกลอ้ บจ. สว่ นเทศบาลตำบลระดบั ความรบัผดิ จะเขา้ ใกลอ้ บต.98 | รัฐธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน
นอกจากอำนาจการกำกับควบคุมอปท.ตามกฎหมายจัดต้ังของอปท.แล้ว รัฐส่วนกลางยังกำกับการทำงานของอปท.ผ่านการจัดสรรงบประมาณให้แก่ท้องถ่ินอีกด้วย การกำกับด้านงบประมาณนี้มีสองลักษณะคือ วงเงินและประเภทของวงเงินงบประมาณ ในประการแรกเนื่องจากอปท.จัดหารายได้จากท้องถ่ินของตัวเองได้เพียง 10% ของรายได้อปท.ท้ังหมดเท่าน้ัน ทำให้รายได้อีกประมาณ 90% ต้องข้ึนต่อการจดั สรรจากคณะกรรมการกระจายอำนาจใหแ้ ก่ท้องถนิ่ (กกถ.) ซึง่ รัฐบาลกลางมอี ำนาจนำในกกถ. ในระดับตา่ งๆ กนั ตามแต่ประเภทของรายได้สามแบบดังนี้คือ ก) รายได้ประเภทรัฐจัดเก็บให้ ขนาดของวงเงินนี้ข้ึนกับการจัดสรรของกกถ.น้อยที่สุด ข) ประเภทรัฐแบ่งให้ กกถ.มีอำนาจจัดสรรวงเงินสูงข้นึ ค) ประเภทเงินอุดหนนุ กกถ.มอี ำนาจจัดสรรสงู สุดหรือกล่าวโดยรวมได้ว่า วงเงินรายได้ประมาณ 90% ของอปท.จะมียอดรวมเท่าไรขน้ึ กบั การจดั สรรที่รัฐบาลกลางมีอำนาจนำ ประการที่สอง อปท.มีอิสระในการใช้จ่ายรายได้ท้ังสี่ประเภทไม่เท่ากัน รายได้ประเภทเงินอุดหนุนน้ันอปท.มีความเป็นอิสระในการใช้จ่ายน้อยท่ีสุด กว่าครึ่งหน่ึงของรายได้ประเภทนี้คือส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ซึ่งคิดเป็น 20% ของรายได้ทั้งหมดของอปท.น้ัน อปท.กลับไม่มีอิสระในการกำหนดเลยว่า จะนำรายได้ส่วนนี้ไปใช้จ่ายอะไรแต่กลับต้องใช้จ่ายตามรายการที่กำหนดมาแล้วจากรัฐส่วนกลาง ซึ่งมากกวา่ ครงึ่ หนง่ึ ของงบเฉพาะกจิ นเี้ ปน็ งบประมาณสำหรบั “นโยบายหาเสยี ง”ของรัฐบาลที่มีอำนาจในขณะน้ี ส่วนวงเงินอีกนับหม่ืนล้านบาทของงบเฉพาะกิจนั้น นอกจากจะถูกกำหนดล่วงหน้าแล้วว่า อปท.ต้องเอาไปใช้จ่ายอะไรบ้าง กฎเกณฑ์การจัดสรรเงินก้อนนี้ให้แก่อปท.แต่ละแห่งน้ันยัง “จงใจ” ออกแบบใหม้ ลี กั ษณะทก่ี วา้ งๆ หลวมๆ ทำใหอ้ ปท.แตล่ ะแหง่ รฐั ธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน | 99
ต้อง “ว่ิงงบประมาณ” ซ่ึงหมายความว่านักการเมืองท้องถิ่นต้อง “เข้าสังกัด” ต่อสายกับนักการเมืองระดับชาติ และ/หรือสร้างสายสัมพันธ์กับข้าราชการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพ่ือดึงงบประมาณสู่ทอ้ งถนิ่ ตน นอกจากขาดความเปน็ อสิ ระดา้ นการคลงั เทา่ ทค่ี วรแลว้ บทบัญญัติใน พ.ร.บ. ระเบยี บบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ.2542 ยงั เปดิ โอกาสให้รัฐส่วนกลางมีอำนาจนำต่อการบริหารบุคคลส่วนท้องถ่ินได้ด้วย ส่ิงนี้อาจทำให้การบริหารบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขาดความอสิ ระไดอ้ กี เชน่ กนั ดงั นน้ั อาจสรปุ ในภาพรวมไดว้ า่ อปท.ถกู ควบคมุ จากสว่ นกลางในสามมติ ดิ ว้ ยกนั คอื อำนาจการกำกบั ดแู ล, งบประมาณ, และการบริหารบุคคล จนทำให้อปท.อาจมีพฤติกรรมท่ีต้องรับผิดต่อรัฐส่วนกลางมากกวา่ ประชาชนในทอ้ งถน่ิ ซง่ึ เปน็ การละเมดิ หลกั การทกี่ ำหนดโดยรฐั ธรรมนญู วา่ การปกครองทอ้ งถน่ิ ตอ้ งเปน็ ไปตามเจตจำนงของประชาชนในท้องถ่ิน ย่ิงไปกว่าน้ันคณะกรรมการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ (กกถ.) ซง่ึ เจตนารมณข์ องกฎหมายกำหนดใหเ้ ปน็ องคก์ รทท่ี ำหน้าที่ขับเคล่ือนการกระจายอำนาจ กลับถูกครอบงำด้วยรัฐส่วนกลาง อันเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงจากการกระจายอำนาจ สิ่งนี้ย่อมทำให้ความคบื หนา้ ของการกระจายอำนาจเปน็ ไปอยา่ งเชอ่ื งชา้ แม้ว่าการปกครองท้องถ่ินในปัจจุบันจะตกอยู่ใต้การควบคุมอย่างเข้มข้นของรัฐส่วนกลาง ทำให้ท้องถิ่นขาดความเป็นอิสระในการปฎิบัติงาน เพ่ือตอบสนองความต้องการของประชาชนในพ้ืนท่ี แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหลายๆแห่งได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในการผลิตบริการสาธารณะอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิผล ท้ังในการทำงานประจำตามอำนาจหน้าที่และการสร้าง100 | รฐั ธรรมนญู การกระจายอำนาจ และการมสี ่วนร่วมของประชาชน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147