Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ ที่ 2 การเขียนรายงานเชิงวิชาการ

ใบความรู้ ที่ 2 การเขียนรายงานเชิงวิชาการ

Published by K Note Book, 2021-06-25 06:28:08

Description: ใบความรู้ ที่ 2 การเขียนรายงานเชิงวิชาการ

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ ที่ 2 การเขยี นรายงานเชงิ วิชาการ การเขียนรายงานเปน็ การบนั ทกึ ความรู้ทไ่ี ด้จากการศึกษาค้นควา้ เร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง แลว้ รวบรวมความรู้ ที่ได้น้ันมาเขียนเรียบเรียงใหม่อย่างมีระเบียบแบบแผน เพ่ือเสนอเป็นส่วนประกอบของการศึกษาวิชาต่างๆ การทารายงานจึงเป็นการศึกษาด้วยตนเอง อันจะทาให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องท่ีศึกษาได้ดีย่ิงขึ้น ใน รายวิชาการส่ือสารและการนาเสนอ : IS2 กาหนดให้นักเรียนเขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ ตามส่วนประกอบ ต่อไปน้ี ส่วนประกอบของรายงาน รายงานการศกึ ษาค้นคว้าประกอบดว้ ย 3 ส่วน ดงั นี้ 1. สว่ นนาเรื่อง 2. ส่วนเนื้อเรื่อง 3. สว่ นท้าย 1. สว่ นนาเรอ่ื ง ประกอบด้วย 1.1 ปกนอก 1.2 ใบรองปกหนา้ (กระดาษเปล่า 1 แผน่ ) 1.3 ปกใน (เขยี นขอ้ ความเช่นเดยี วกับปกนอกลงในกระดาษขาว) 1.4 ใบอนุมตั ิรายงานการศกึ ษาค้นควา้ 1.5 บทคัดย่อ คือ การเขียนวัตถุประสงค์ วิธกี ารศึกษา ผลการศึกษา และวิธกี ารนาเสนอผลการศึกษา โดยยอ่ แตไ่ ด้ใจความสาคญั ครบถ้วน 1.6 กิตติกรรมประกาศ คือ การเขียนเพื่อกล่าวขอบคุณ บุคคล หน่วยงานท่ีให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนการเขียนรายงานซ่ึงประกอบด้วย ผู้ให้คาปรึกษา ตรวจทาน ผู้ช่วยให้ข้อมูล รวบรวมข้อมูล วเิ คราะห์ขอ้ มลู ตลอดจนผสู้ นับสนนุ แหลง่ ทนุ 1.7 สารบัญ คอื บัญชีหัวขอ้ สาคญั และหัวข้อย่อย ในรายงานทง้ั หมดโดยเขียนเรยี งลาดับตามท่ีปรากฏ ในรายงานตง้ั แต่หนา้ แรกจนถึงหนา้ สุดทา้ ยพร้อมท้ังบอกเลขด้วยว่า หวั ข้อน้ันๆอยหู่ น้าใด เพือ่ สะดวก ในการคน้ คว้า 1.8 สารบัญตาราง (ถ้ามี) คือ บัญชีตารางในรายงานท้ังหมด โดยเขียนเรียงลาดับตามท่ีปรากฏใน รายงานตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายพร้อมท้ังบอกเลขหน้าด้วยว่า ตารางน้ันๆอยู่หน้าใด เพ่ือ สะดวกในการคน้ คว้า 1.9 สารบัญรูปภาพ (ถ้ามี) คือ บัญชีรูปภาพในรายการท้ังหมด โดยเขียนเรียงลาดับตามที่ปรากฏใน รายงานต้ังแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายพร้อมท้ังบอกเลขหน้าด้วยว่า รูปภาพน้ันๆอยู่หน้าใด เพื่อ สะดวกในการค้นควา้ 2. ส่วนเนื้อเรอื่ ง ประกอบดว้ ย 2.1 บทที่ 1 บทนา 2.1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั คอื สว่ นทแ่ี สดงความเป็นมา ความน่าสนใจ ตลอดถงึ ความ จาเป็นหรือปัญหาของหัวขอ้ ทศี่ กึ ษาค้นควา้ 2.1.2 วัตถุประสงค์ คือ ส่วนท่ีกาหนดขึ้นเพื่อให้เกิดความรู้จากการศึกษาค้นคว้าและผลท่ีได้ จากการศกึ ษาค้นควา้ 2.1.3 สมมติฐาน คอื สว่ นทผี่ ู้จดั ทาคาดว่าน่าจะเกดิ ข้ึนจากการศกึ ษาค้นควา้

2.1.4 ขอบเขตของการศึกษา คอื สว่ นที่กาหนดวงจากดั ในการศึกษาคน้ ควา้ วา่ มากน้อยเพียงใด หรือมีตวั แปรใดบา้ งทีศ่ ึกษา 2.1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ คือ ส่วนที่แสดงคุณค่าของการศึกษา ควรเขียนให้สอดคล้อง กบั วัตถปุ ระสงค์ 2.2 บทท่ี 2 เอกสารที่เก่ียวข้อง คือ การสืบค้นและเรียบเรียงข้อมูลเป็นหัวข้อหลักและหัวข้อย่อยๆท่ี เกย่ี วข้องกับรายงานการศึกษาคน้ ควา้ 2.3 บทท่ี 3 วิธีดาเนินการศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูล คือ การนาเสนอกระบวนการศึกษาตาม ข้ันตอนการศึกษาคน้ คว้าและวธิ ีเกบ็ รวบรวมข้อมลู 2.4 บทที่ 4 ผลการศึกษา คือ การนาเสนอองค์ความรู้โดยสรุปจากการศึกษาท้ังหมดที่ได้ศึกษา และ รวบรวมมา ดว้ ยสานวนของตนเอง 2.5 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ 2.5.1 สรุปผลการศึกษา คือ การสรุปผลการศึกษาตามบทที่ 4 ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ท่ี กาหนดไว้ 2.5.2 ปัญหาและอุปสรรค 2.5.3 ข้อเสนอแนะ 1) ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการศึกษาไปใช้ 2) ขอ้ เสนอแนะในการศึกษาเรอ่ื งอน่ื ๆที่เกีย่ วข้อง 3. สว่ นทา้ ย ประกอบดว้ ย 3.1 บรรณานุกรม 3.2 ภาคผนวก (ถ้ามี) คือ ส่วนท่ีเพิ่มเติมจากรายงานเพ่ือให้เข้าใจเนื้อเร่ืองได้ดีขึ้น เช่น สถิติ รูปภาพ แบบสอบถาม เปน็ ตน้ 3.3 ประวัติผ้ศู ึกษา

ใบความรูท้ ี่ 3 สรา้ งสรรค์การนาเสนอ 3.1 ความหมายของการนาเสนอ การนาเสนอนบั ได้ว่าเปน็ หนึง่ ในทักษะท่ีครคู วรตอ้ งมี เพราะการนาเสนอเปน็ ศาสตร์และศลิ ปส์ าหรบั การ ถ่ายทอด หรือการสอน หรือในการนาเสนอผลงาน แผนงาน โครงการ รวมถึงความคิดต่าง ๆ ต่อผู้เรียน ต่อ ชุมชน ต่อเพ่ือนร่วมงาน หรือผู้บังคับบัญชา การนาเสนอที่ดีจึงต้องคานึงถึงการเลือกรูปแบบ วิธีการและ ข้ันตอนของการนาเสนอให้เหมาะสม นอกจากน้ีตัวของผู้นาเสนอเองก็นับเป็นอีกองค์ประกอบสาคัญ ท่ีจะ ส่งผลให้กระบวนการนาเสนอไปสู่ความสาเร็จ โดยผนู้ าเสนอตอ้ งใชเ้ ทคนิควิธีการ การเป็นผูพ้ ูด ผูบ้ รรยาย หรือ ผู้สรุปงานท่ีดี เพราะคุณสมบัติของผู้นาเสนอจะมีอิทธิพลต่อการโน้นน้าวชักจูงให้เกิดความสนใจ ความ ไวว้ างใจ ใหเ้ กดิ การยอมรบั และ เช่อื ถอื และหากการนาเสนอนัน้ ไดเ้ ลอื กใช้สอื่ ประกอบการนาเสนอทีเ่ หมาะสม กจ็ ะชว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความเช่ือม่นั การตรงึ พฤติกรรมของผรู้ ับฟังให้คล้อยตามไปกับเรื่องราวของการนาเสนอ ดงั นั้นการออกแบบสอื่ นาเสนอทีด่ ี ก็จะเป็นส่วนเสรมิ ใหก้ ารนาเสนอนน้ั น่าสนใจและมีคุณค่าสูงสดุ การนาเสนอ ถือเป็นทักษะท่ีจาเป็นของคนทางานท้ังในสังคมธุรกิจ และงานราชการ ที่จะเป็นส่วน หน่ึงนาไปสู่ ความสาเร็จในหน้าที่การงาน การท่ีจะประสบความสาเร็จในการนาเสนอท่ีดี ผู้นาเสนอจะต้องมี ความเข้าใจในความหมาย ความสาคัญของการนาเสนอ ต้องเป็นผู้ที่รู้รูปแบบ ขั้นตอนของการนาเสนอ รู้ ลักษณะของการนาเสนอท่ีดี เสริมสร้างคุณสมบัติ ลักษณะของตัวตน รวมถึงพัฒนาทักษะท่ีเป็นตัวตนเป็น เอกลักษณใ์ นการนาเสนออยา่ งมปี ระสิทธิภาพ การนาเสนอ คือ กระบวนการ วิธีการ เพ่ือให้รู้ ให้ทราบ ให้เข้าใจ ในกิจกรรมขององค์กร ของสถาบัน ของ หนว่ ยงาน ได้อย่างชดั เจน การนาเสนอ คือ การถา่ ยทอดเนือ้ หา สาระท่ผี สมผสานกันระหว่าง ศลิ ปะการพูด กบั การแสดงขอ้ มูล ใน รปู แบบต่าง ๆ ผา่ นสอื่ และอุปกรณ์ได้อยา่ งเหมาะสม การนาเสนอ คือ การถา่ ยทอดข้อมลู ความรู้ ความคดิ เหน็ ไปสู่ผ้รู บั ฟัง โดยใชเ้ ทคนคิ หรือวิธีการต่างๆ อันจะ ทาให้บรรลุผลสาเร็จตามจดุ มุ่งหมายของการนาเสนอ จดุ เนน้ ของกระบวนการนาเสนอ 1. ต้องเร้าความสนใจ ในสาระหรือเนื้อหา ทป่ี รากฏตอ่ สายตาผ้รู ับฟงั 2. มคี วามชดั เจนและความกระชับของเนอื้ หา สน้ั ไดใ้ จความ ภาพประกอบต้องมสี ว่ นสมั พันธอ์ ย่าง สร้างสรรคก์ บั เน้อื หาท่ีนาเสนอ 3. สอ่ื ทน่ี าเสนอต้องมีความเหมาะสมกบั วยั หรอื อาชีพของกลมุ่ เป้าหมาย เช่น กลุ่มเป้าหมายเปน็ เดก็ ควรออกแบบโดยการใช้สสี ดใส สอดใส่ภาพการต์ ูนประกอบได้ กลุ่มเปา้ หมายเปน็ ผ้ใู หญ่หรือ นกั วิชาการ ควรใช้ภาพอยา่ งเหมาะสม ไมค่ วรใช้ภาพแบบที่ใชก้ ับเดก็ มาใช้ จุดมุง่ หมายในการนาเสนอ 1. เพอ่ื ให้ผู้รบั สารรบั ทราบความคิดเห็นหรอื ความต้องการ 2. เพอ่ื ใหผ้ ู้รบั สารพจิ ารณาเรื่องใดเร่ืองหนง่ึ 3. เพอื่ ให้ผรู้ บั สารได้รับความรจู้ ากขอ้ มูลท่ีนาเสนอ

4. เพ่ือใหผ้ ู้รับสารเกิดความเข้าใจท่ีถูกตอ้ ง 3.2 ลกั ษณะและรปู แบบการนาเสนอ เป็นที่ทราบกันดีว่ามนุษย์สามารถรับรู้สาระ เร่ืองราวได้ดีที่สุดผ่านระบบประสาททางตา (75%) รองลงมาก็คือทางการได้ยนิ ผา่ นหู (13%) แตค่ นเราจะจาได้เพียง 20% ของสง่ิ ท่ไี ดเ้ หน็ และจาเพยี ง 30% ของ สิ่งที่ได้ยิน แต่ถ้าหากตั้งใจรับท้ังการได้ยินและประทับใจส่ิงที่ได้เห็น มนุษย์จะจาได้สูงถึง 70% เลยทีเดียว ดังนั้น หากเราสามารถสร้างสรรค์กระบวนการนาเสนอท่ีดี ผ่านการรับรู้ด้วยตาและหู (Audio & Visual) ก็ถือ เปน็ กระบวนการการถา่ ยทอดหรือการสื่อสารผา่ นพลงั ของการนาเสนอท่มี ปี ระสทิ ธิภาพ รูปแบบของการนาเสนอในปจั จุบัน พอสรปุ โดยภาพรวมจะมี 3 วธิ กี าร คือ 3.2.1 มผี นู้ าเสนอเปน็ หลกั ลกั ษณะการถา่ ยทอดจะอยู่ที่ตัวคนหรือผู้นาเสนอ(พูด) เป็นสาคญั รปู แบบมักจะเป็นการปาฐกถา การกล่าว เปิดประชุม การบรรยายก่อนการประชุมสัมมนา เป็นตน้ การนาเสนออาจจะมีการใช้เอกสารประกอบ (Handout) เป็นส่วนร่วมในการนาเสนอดว้ ยก็ได้ 3.2.2 มีผู้นาเสนอและใช้ส่ืออปุ กรณ์ การถ่ายทอดรปู แบบนแ้ี มจ้ ะใช้คนเปน็ ผนู้ าเสนอเป็นหลกั เช่นแบบแรก แต่มกี ารผสมผสานดว้ ยสื่อกลางทเี่ ปน็ ภาพนง่ิ หรอื มลั ติมีเดยี ผ่านอุปกรณ์ เคร่ืองมือ เปน็ การนาเสนอท่ีเพมิ่ มุมมอง ความน่าสนใจ นอกจากนี้อาจจะมี เอกสารประกอบ (Handout) การบรรยายหรือการนาเสนอดว้ ย 3.2.3 นาเสนอในรูปของนทิ รรศการ การนาเสนอแบบน้ีตวั Display จะเป็นสือ่ หลักในการถ่ายทอดสาระความรู้ หากนิทรรศการมีความต่อเน่อื งอาจ ใชเ้ สน้ นาทาง หรือชอ่ งทางบงั คับเปน็ สว่ นพาผู้ชมได้เรียนรูเ้ นอื้ หาไปตามลาดบั โดยการนาเสนอเชน่ นีอ้ าจจะมี การบรรยายเพ่ิมเตมิ ดว้ ยวิทยากร หรือการให้ข้อมลู ผา่ นเสียง หรอื ผา่ นการแสดง หรือผ่านสอื่ ประกอบอ่นื ๆ รว่ ม อาทิ ส่อื เสมือนจริง ของจรงิ สอ่ื วดิ ที ัศน์ หรือเอกสารประกอบ 3.3 การนาเสนอที่ดี นอกจากการเลือกรูปแบบของการนาเสนอให้ถูกตอ้ งและเหมาะสมแล้ว การนาเสนอที่มีคณุ ภาพสูงสดุ จะตอ้ งคานงึ ถึงลกั ษณะของการนาเสนอ ท่ีจะชว่ ยใหบ้ รรลุผลตามวตั ถปุ ระสงค์ของการนาเสนอด้วย โดยทว่ั ไป ลักษณะของการนาเสนอท่ีดี ควรมอี งค์ประกอบทีส่ าคญั ดังตอ่ ไปน้ี 3.3.1 มีวตั ถุประสงค์ทีช่ ดั เจน

ผู้รบั ฟงั รบั ร้ใู นสิ่งท่คี าดหวงั หรือในสิ่งที่ต้องการ ดงั นนั้ ผู้นาเสนอต้องดาเนนิ การศึกษาวัตถุประสงค์ ในการนาเสนอ ซ่ึงจะชว่ ยใหท้ ราบไดว้ า่ ควรเตรียมเน้ือหาเร่ืองราวไปในทิศทางไหน ดว้ ยกระบวนการนาเสนอ ใดจะช่วยทาใหก้ ารนาเสนอกระชับ ตรงประเดน็ ไมท่ าให้ผู้รบั ฟงั รู้สกึ เสยี เวลาและราคาญ หรอื รสู้ กึ วา่ ผู้ นาเสนอพดู ออกนอกประเดน็ 3.3.2 มกี ารวางโครงสรา้ ง(โครงเรื่อง)เน้อื หาและส่ืออยา่ งเป็นระบบ ก่อนการดาเนนิ การนาเสนอต้องมีการวางกรอบของสาระ เน้อื หา และกาหนดการใชส้ อ่ื สนบั สนุนใน การนาเสนอ เพื่อการสร้าง Story line และสอื่ นาเสนอสาหรบั ใช้ในการนาเสนอใหน้ ่าสนใจ 3.3.3 มรี ูปแบบการนาเสนอเหมาะสม เรื่องราวและสื่อนาเสนอต้องมีความกะทัดรัดได้ใจความ เรยี งลาดับไมส่ บั สน ใช้ภาษาในการนาเสนอที่ เขา้ ใจง่าย ใช้สื่อหลัก และสอ่ื สนบั สนุนอ่ืน ๆ นามาขยายความตามความจาเป็น ทส่ี าคญั ควรเตรยี มเนอื้ หาให้ เหมาะสมกับเวลาทไี่ ด้รบั และเผอ่ื เวลาไว้สาหรับการตอบคาถาม 3.3.4 มีเนือ้ หาสาระดี ข้อมูลเป็นปจั จบุ นั น่าเช่ือถือ ถกู ต้อง เนื้อหามีความสมบูรณ์ ตรงตามความต้องการของผรู้ ับฟงั เปน็ เน้ือหาท่ีไม่กลา่ วใหร้ า้ ย หรือเสยี ดสีใคร 3.3.5 มีข้อเสนอหรือแนวคดิ ท่ีดี สว่ นสดุ ทา้ ยของกระบวนการนาเสนอ ผู้นาเสนอควรให้แนวคดิ หรอื ข้อเสนอท่ีเปน็ จริง มีแนวทาง ปฏิบัตหิ รือขอ้ เปรียบเทียบท่ชี ัดเจนแกผ่ ้รู ับฟัง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook