ลิงก์ Meet https://meet.google.com/lookup/apra 7jnese บทที่ 3 ภาวะทางโภชนาการ โดย อ.ดร.สรุ ชาติ สทิ ธปิ กรณ์
วัตถุประสงค์ 1. บอก/อธบิ ายเกย่ี วกับความหมายของภาวะโภชนาการได้ 2. อธิบายและประเมนิ ภาวะโภชนาการได้ 3. บอก/อธิบายเกยี่ วกับปญั หาภาวะโภชนาการของคนไทยได้ 4. บอก/อธบิ ายเก่ยี วกับหลกั ปฏิบัต/ิ แนวปฎบิ ตั ิในการบรโิ ภคอาหารเพอื่ ใหม้ ภี าวะ โภชนาการทีด่ ไี ด้ 5. บอก/อธบิ ายเกยี่ วกับทางเลือกอนื่ ๆในการบรโิ ภคอาหารเพื่อใหม้ ภี าวะโภชนาการที่ดีได้
เนือ้ หา 3.1 ความหมายของภาวะโภชนาการ 3.2 การประเมินภาวะโภชนาการ 3.3 ปญั หาภาวะโภชนาการของคนไทย 3.4 หลกั ปฏิบัติ/แนวปฏบิ ตั ใิ นการบริโภคอาหารเพือ่ ให้มีภาวะโภชนาการทีด่ ี 3.5 ทางเลือกอนื่ ๆในการบริโภคอาหารเพ่อื ให้มีภาวะโภชนาการทีด่ ี: ผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร
การบริโภคอาหารน้ันนบั ว่ามคี วามสาคัญตอ่ สุขภาพของเราอย่างยงิ่ ตามคากลา่ วท่วี ่า “You are what you eat”/“คณุ จะเปน็ อะไรตามสง่ิ ทีค่ ณุ กนิ เขา้ ไป\" คือ“กนิ อย่างไรกไ็ ดอ้ ยา่ งนน้ั ” กนิ อาหารมีประโยชน์ จะสง่ ผลดตี ่อรา่ งกาย แตก่ ินอาหารที่ไม่ดกี ็เกิดโทษตอ่ รา่ งกายเชน่ กัน”
3.1 ความหมายของภาวะโภชนาการ (Nutrition Status) ภาวะของรา่ งกายที่เปน็ ผลมาจากอาหารท่รี ่างกายไดร้ บั เขา้ ไปแบง่ 2 ด้านดงั น้ี ภาวะโภชนาการทดี่ ี การบริโภคอาหารในปรมิ าณท่เี พยี งพอได้สดั สว่ นและมี อาหารครบถว้ นตามความตอ้ งการของร่างกายเมอื่ บริโภคเขา้ ไปแลว้ รา่ งกายสามารถนา สารอาหารเหล่านนั้ ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายและสง่ เสรมิ สขุ ภาพอนามยั ได้เต็มท่ี ภาวะโภชนาการไมด่ ี ภาวะทีร่ า่ งกายไดร้ บั อาหารไมเ่ พียงพอกับความต้องการ ของร่างกาย หรอื รา่ งกายได้รับอาหารที่เพยี งพอแตม่ ปี รมิ าณสารอาหารทร่ี า่ งกายตอ้ งการไม่ ครบถ้วน อาจจะเกดิ จากการขาดสารอาหารเพยี งอยา่ งเดียวหรือมากกว่าหนงึ่ อยา่ ง
“ภาวะโภชนาการท่ีด”ี ภาวะทร่ี ่างกายไดร้ ับอาหารทถี่ ูกตอ้ งตามหลกั โภชนาการ และใช้สารอาหารเหลา่ นัน้ เพ่ือใชป้ ระโยชนต์ อ่ รา่ งกายอยา่ งมี ประสิทธิภาพ “ภาวะโภชนาการไม่ด/ี ภาวะทพุ โภชนาการ” - ภาวะท่รี ่างกายได้รบั สารอาหารไม่เพยี งพอ - เพยี งพอแต่รา่ งกายใช้ประโยชน์ไม่ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ - ได้รับมากเกินจากความตอ้ งการของร่างกาย ก่อให้เกิดโรคตา่ งๆ ตามมา เช่น โรคอว้ น ไขมันในเสน้ เลือดสูง เบาหวาน
ทุพโภชนาการ (Malnutrition) แบง่ เปน็ 2 อยา่ งดังนี้ 1. ภาวะโภชนาการตา่ กวา่ ปกติ (under nutrition or nutritional deficiency) คอื ภาวะทีร่ า่ งกายได้รับอาหารไม่เพียงพอกบั ความต้องการ ของรา่ งกาย อาจจะขาดสารอาหารอยา่ งเดียวหรอื มากกวา่ หนึง่ อย่างและอาจจะขาดพลงั งาน ด้วยหรอื ไมข่ าดกไ็ ด้ 2. ภาวะโภชนาการเกนิ (Over nutrition) คอื ภาวะท่รี า่ งกายได้รบั สารอาหารมากเกนิ ความตอ้ งการของรา่ งกายและเก็บสะสมไวจ้ นเกดิ อาการปรากฏ เชน่ มี การสะสมในสภาพไขมันเพม่ิ ทาใหเ้ กดิ โรคอ้วน (obesity)
3.2 การประเมินภาวะโภชนาการ - บอกถึงภาวะโภชนาการของบคุ คล ช่วยวินิจฉัย บอกสาเหตุ ความรนุ แรงของ ภาวะทพุ โภชนาการและภาวะแทรกซอ้ น เป็นแนวทางการป้องกนั และรักษาโรคตา่ งๆ ท่มี ี ความสัมพนั ธ์กับภาวะโภชนาการได้ - ตรวจดูว่าภาวะโภชนาการของบคุ คล เป็นอยา่ งไร เพียงพอหรอื ไม่ รา่ งกายได้ นาไปใชป้ ระโยชน์ได้ดีเพยี งไร ถกู ดดู ซมึ ดีหรอื ไม่ ขบั ถา่ ยเป็นอยา่ งไร และดสู ภาพรา่ งกาย ตามลกั ษณะภายนอกทีป่ รากฏออกมาว่าเปน็ อย่างไร ผิดปกตหิ รอื ไมโ่ ดยการวัดส่วนต่างๆ ของรา่ งกายเท่าที่จะทาได้
1. การประเมนิ การวดั สดั สว่ นตา่ งๆ ของร่างกาย (Anthropometric assessment) ใช้กฎเกณฑ์ตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การเจรญิ เตบิ โตมาเปน็ เคร่อื งบง่ ช้ี ภาวะโภชนาการของรา่ งกาย เกณฑต์ า่ ง ๆ ท่ีนยิ มใช้ คอื การชัง่ นา้ หนัก วัดส่วนสูง ขนาดรอบ ศีรษะ เส้นรอบวงแขน ไขมันใตผ้ ิวหนงั ที่แขน สะบัก และผลรวมการ คานวณหาดัชนีความหนาของร่างกาย และปรมิ าณกล้ามเน้อื ใตผ้ ิวหนังบริเวณ แขน ซ่ึงการวดั ส่วนต่างๆ นี้ทาได้งา่ ย ไมย่ งุ่ ยากและเคร่อื งมือทใ่ี ชก้ ไ็ ม่ซับซอ้ น
3.1 การประเมินภาวะโภชนาการ 2. การวดั ดชั นมี วลกาย (Body Mass Index; BMI) - ง่าย นามาใชป้ ระเมินภาวะโภชนาการโดยเฉพาะโภชนาการเกินและโรคอว้ น - การประเมินโรคอว้ นมีหลายวิธี เชน่ วัดปรมิ าณไขมนั ในรา่ งกาย วัดไขมัน ในชอ่ งทอ้ งและไขมนั ใตผ้ ิวหนังหน้าท้อง การวัดสดั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายทั้งทางตรง และทางออ้ ม วัดความหนาแน่นของร่างกายโดยการช่ังน้าหนักใต้นา้ การวัดปริมาณ โพแทสเซยี มทง้ั หมดในรา่ งกาย (ใชเ้ ครือ่ งมอื พิเศษและเสียค่าใช้จา่ ยสูง) - ทางปฏบิ ตั นิ ยิ ม ใช้ BMI เป็นมาตรฐาน ในผใู้ หญ่อายุตง้ั แต่ 18 ปีข้ึนไป - เดก็ นยิ มประเมนิ ใชก้ ราฟการเจริญเตบิ โต
3.1 การประเมินภาวะโภชนาการ ข้อดขี องการใช้ดัชนีมวลกายวดั ภาวะโภชนาการ 1. ใช้ในวยั รนุ่ ได้ หลังจากทม่ี ีการเจรญิ เติบโตทางเพศแล้ว เพราะค่าดชั นมี วล กายจะเปลย่ี นแปลงไปตามอายุ 2. BMI สัมพันธก์ บั ปรมิ าณของไขมันทวี่ ดั ไดจ้ ากหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร 3. ใช้ตดิ ตามความอว้ นและผอมของตอ่ ไปในอนาคต 4. BMI สัมพนั ธ์กบั ดชั นที างสขุ ภาพในเดก็ เช่น อินซลู ินและความดนั โลหติ
3.1 การประเมนิ ภาวะโภชนาการ ขอ้ จากดั ของการใชด้ ชั นมี วลกายวดั ภาวะโภชนาการ - บอกไมไ่ ดว้ า่ มปี รมิ าณไขมนั อยูใ่ นร่างกายจานวนเทา่ ใด และมีปริมาณไขมนั สะสมอยบู่ ริเวณสว่ นใดในรา่ งกาย - ไมเ่ หมาะสมที่จะใชส้ าหรบั ผู้มอี ายนุ อ้ ยกวา่ 20 ปี หญงิ ตง้ั ครรภ์ หรอื ให้ นมบุตรและผูใ้ หญท่ ่ีมีอายุมากกวา่ 65 ปี - คนทีม่ มี วลกลา้ มเนอ้ื มาก เช่น นกั กฬี ายกนา้ หนกั เม่ือไปวดั ค่าดชั นมี วลกาย จะมคี วามถกู ตอ้ งนอ้ ยลง
3.1 การประเมนิ ภาวะโภชนาการ สตู รที่ใชใ้ นการคานวณ คือ ดชั นีมวลกาย = นา้ หนกั ตวั เปน็ กิโลกรัม (ส่วนสูงเปน็ เมตร)2
3.1 การประเมินภาวะโภชนาการ การแปลผลคา่ ดชั นมี วลกายสาหรบั คนเอเชยี ทม่ี ีอายุ 18 ปีหรอื มากกวา่
3.3 ปญั หาภาวะโภชนาการของคนไทย การขาดสารอาหารเป็นสว่ นใหญ่ ที่สาคัญคือ - การขาดโปรตีนและพลังงานในทารก เดก็ วยั กอ่ นเรียน วยั เรยี น หญงิ มคี รรภ์ และหญงิ ให้นมบตุ ร - โรคโลหติ จางจากการขาดธาตเุ หล็กในหญิงมคี รรภ์และหญงิ ใหน้ มบุตร - ขาดไอโอดีนในเขตจงั หวัดภาคเหนอื บางสว่ นของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และ ภาคกลาง - การขาดวิตามนิ กบั แรธ่ าตอุ นื่ ๆ
3.3 ปัญหาภาวะโภชนาการของคนไทย 1. โรคขาดสารอาหารทเ่ี ปน็ ปญั หาสาคญั 1.1 โรคขาดโปรตนี และพลงั งาน (Protein Energy Malnutrition: PEM) PEM จะพบไดบ้ อ่ ยในทารกและเดก็ วยั ก่อนเรยี น (แรกเกดิ -60 เดอื น) วัยท่ีกาลังเจริญเติบโตทั้งทางดา้ นรา่ งกายและการพฒั นาของสมอง/ ตอ้ งการอาหารท้ัง คุณภาพและปริมาณต่อหนว่ ยนา้ หนกั มากกว่าวัยอ่นื ๆ ดงั นน้ั เม่อื ทารกและเดก็ ไดร้ ับอาหารท่ีใหโ้ ปรตนี และพลงั งานไม่พอเพียงกบั ความตอ้ งการของรา่ งกายกจ็ ะทาใหข้ าดโปรตนี และพลงั งาน
3.3 ปญั หาภาวะโภชนาการของคนไทย 1.1 โรคขาดโปรตีนและพลงั งาน (Protein Energy Malnutrition: PEM)
3.3 ปญั หาภาวะโภชนาการของคนไทย 1.1 โรคขาดโปรตีนและพลงั งาน (Protein Energy Malnutrition: PEM) (ตอ่ ) สาเหตุ 1. ทารกไดร้ บั อาหารเสรมิ คารโ์ บไฮเดรตเรว็ ไปและไดร้ ับอาหารเสรมิ โปรตนี ชา้ เกนิ ไป ไขแ่ ละปลา มกั ได้รบั เม่ือเกอื บครบ 12 เดือนแล้ว - การเลย้ี งลกู ดว้ ยนา้ นมแมเ่ ริม่ ลดลง ในเขตเมือง/ชมุ ชนใกลเ้ มอื ง ในชนบท ถงึ แม้วา่ อตั ราการเล้ยี งดลู ูกด้วยน้านมแมจ่ ะสงู กวา่ แต่ระยะเวลาให้น้านมแม่ เรมิ่ สัน้ ลง เน่ืองจากออกไปทางานนอกบ้าน - การบบี หัวนา้ นมทง้ิ เป็นพฤตกิ รรมที่แมป่ ฏิบัตกิ ันอยู่เพราะคิดว่าเปน็ น้านมเสยี ทาใหเ้ ด็กไมไ่ ด้รบั หัวน้านมหรือน้านมเหลอื งตงั้ แต่เกิด
สาเหตขุ องโรคขาดโปรตนี และพลงั งาน (ตอ่ ) 2. เด็กในวัย 1-3 ปี พบมากทส่ี ดุ เน่ืองจาก - แมก่ ลบั เขา้ ทางานตามปกตแิ ละมอบหมายใหผ้ ูอ้ ่นื เป็นผดู้ ูแลเดก็ แทน อาจ ทาให้การดูแลการให้อาหารไม่เพียงพอแก่ความต้องการของเดก็ - ปัญหาดา้ นความสะอาด ทาใหเ้ ด็กในวยั น้ปี ว่ ยเปน็ โรคอจุ จาระรว่ งมาก นอกจากน้ี แมย่ งั ขาดความรู้ทีถ่ กู ตอ้ งในการใหอ้ าหารลกู ทีเ่ หมาะสม และงดใหอ้ าหารที่ มปี ระโยชน์เมอื่ ลกู เจ็บป่วยอีกดว้ ย
สาเหตุของโรคขาดโปรตนี และพลงั งาน (ตอ่ ) 3. ในชนบทเดก็ แรกเกดิ มนี า้ หนกั ตา่ กวา่ ปกตมิ อี ตั ราทส่ี งู แมใ่ น ระยะต้ังครรภ์กนิ อาหารเทา่ เดมิ ไมไ่ ดเ้ พม่ิ จากปกติ ลดอาหารทม่ี ีประโยชน์ เพราะคดิ วา่ เปน็ อาหารแสลงในระหว่างตงั้ ครรภ์ 4. อตั ราปว่ ยดว้ ยโรคตดิ เชอ้ื ยงั คงสูงอยูม่ าก โรคอจุ จาระรว่ งและโรคตดิ เช้ือทางเดนิ หายใจ ทาให้เดก็ เตบิ โตชะงกั เพราะอาการปว่ ย ทาให้ร่างกายตอ้ งสญู เสยี อาหารตา่ ง ๆ ความอยากอาหารลดลงหรอื กนิ ไม่ได้ และความตา้ นทานโรคลดลงด้วย เดก็ ขาดสารอาหารท่พี บมักมปี ระวัตขิ องการเจ็บป่วยเรื้อรงั ทง้ั โรคเก่ยี วกบั ระบบทางเดนิ หายใจและทางเดนิ อาหาร
ผลเสยี ทเ่ี กดิ จากโรคขาดโปรตนี และพลงั งาน 1. ผลตอ่ ตวั เดก็ 1.1 เปน็ รุนแรง เดก็ จะตาย อัตราการตายของทารกและเด็กกอ่ นวัยเรยี นสงู 1.2 ผลตอ่ ร่างกายมีขนาดเลก็ กวา่ ปกติ มีความต้านทานต่อโรคติดเชอ้ื ตา่ เกิด เป็นโรคตดิ เช้อื ต่าง ๆ ได้งา่ ย และเมอื่ เป็นแลว้ มักจะรนุ แรง เชน่ โรคท้องรว่ ง 1.3 ผลตอ่ สมอง สติปญั ญา และการเรยี นรู้ เด็กที่เป็นรนุ แรงจะมีจานวน เซลลใ์ นสมองน้อยกว่าปกตแิ ละจะมสี มองเลก็ กวา่ ปกติ มีผลตอ่ สตปิ ญั ญาและการ เรียนร้อู ย่างมากในเวลาต่อมา นอกจากนัน้ ยังทาให้เด็กเจ็บปว่ ยบ่อย เวลาทจี่ ะเรยี นรกู้ ็ยอ่ มลดลงดว้ ย
1.2 โรคโลหติ จางจากการขาดธาตเุ หลก็ (Iron deficiency anemia) เกิดข้นึ เนอื่ งจากการขาดสารอาหาร มีสาเหตหุ ลายอยา่ ง แต่ท่ีเปน็ ปญั หา โภชนาการของประเทศไทย ได้แก่ โรคโลหติ จางเนอ่ื งจากการขาดธาตุเหลก็ - กลมุ่ บคุ คลทมี่ ปี ญั หามากในโรคนค้ี อื หญงิ มีครรภแ์ ละเดก็ สาเหตุ 1. ได้รบั จากอาหารไม่เพยี งพอกบั ความตอ้ งการของรา่ งกายทเ่ี พมิ่ ข้ึน 2. ได้รบั ธาตุเหลก็ จากอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากกนิ อาหารท่ีมธี าตุเหล็ก น้อย และธาตุเหลก็ ที่ไดเ้ ป็นรปู แบบทีร่ า่ งกายดดู ซมึ ไปใช้ไมไ่ ดห้ รือดดู ซึมไดไ้ ม่ดี การกนิ อาหารที่มีเนอ้ื สตั ว์ เลือด ตับ และวิตามินซีสูง จะสง่ เสริมการดูดซึม เหล็กทม่ี อี ยใู่ นพืชได้
ผลเสยี ของโรคโลหติ จางจากการขาดธาตเุ หลก็ 1. ประสิทธิภาพของการทางานดอ้ ยลง ในเด็กเมื่อเกิดภาวะซีด จะทาใหเ้ ด็ก เฉอ่ื ยชา ขาดสมาธิ และประสิทธภิ าพในการเรียนลดลง ผู้ใหญจ่ ะทางานได้นอ้ ยลง 2. ความต้านทานตอ่ โรคตดิ เช้อื นอ้ ยลง คนที่ซีดจะเสยี่ งต่อการติดเชื้อมากกวา่ คนไม่ซดี และเมือ่ ติดเชื้อแล้วอาการจะรุนแรงกวา่ คนท่ีไม่ซีด 3. ผลเสียตอ่ การตั้งครรภ์ แม่ท่ีซดี จะทนตอ่ การตกเลอื ดในระหว่างคลอดได้ น้อย เสี่ยงต่อการคลอดกอ่ นกาหนด ลกู เกิดมามกั ไม่แข็งแรง 4. ผลร้ายอืน่ ๆ การขาดธาตเุ หลก็ ทาใหห้ น้าทห่ี ลายอยา่ งของรา่ งกายเลวลง การเจริญเติบโตทง้ั ทางรา่ งกายและจิตใจของเด็กดอ้ ยลง
1.3 โรคคอพอก (Goiter) - เกิดจากการขาดธาตไุ อโอดีน พบมากในภาคเหนือและพบประปรายใน ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เน่ืองจาก 1. ประชาชนขาดความร/ู้ ความเขา้ ใจ ความรถู้ งึ สาเหตุและวิธกี ารปอ้ งกันโรคท่ี จะนาไปปฏิบัติได้งา่ ย 2. ดินและนา้ จากการศึกษาพบวา่ ในภาคเหนือท้งั ในน้าและดนิ จะมสี าร ไอโอดนี อยนู่ ้อยเม่อื เทียบกบั ภาคกลาง นอกจากนี้คนในภาคเหนอื โดยเฉพาะชาวชนบท ชาวเขามีโอกาสกนิ อาหารทะเลน้อย เพราะปัญหาการคมนาคมและความยากจน
1.3 โรคคอพอก (Goiter) 3. เกลอื และเคร่อื งปรงุ รส (เกลือสมุทร/เกลือสนิ เธาว)์ ไมม่ ีการเสรมิ ธาตุ ไอโอดีนใหเ้ พยี งพอ เม่อื รบั ประทานต่อเน่ืองเปน็ เวลานานกข็ าดไอโอดนี ได้ 4. การไมไ่ ดร้ บั ประทานอาหารทะเล อาการของผูข้ าดไอโอดนี ระยะแรก ๆ อาจยงั ไม่มคี วามรู้สกึ ผิดปกติ แตเ่ มือ่ เปน็ มากจนถึงกบั มกี ้อนเนื้อใหญอ่ ยู่ทีค่ อแลว้ นอกจากทาใหข้ าดความสวยงามทางรา่ งกายแล้ว
โรคขาดสารอาหารท่เี ปน็ ปัญหาสาคัญรองลงมา และอาจมแี นวโนม้ สูงขึ้น หากไม่ได้รบั การปอ้ งกนั 2.1 โรคเหนบ็ ชา (Beriberi) โรคขาดวติ ามิน B1 ซง่ึ พบไดใ้ นบคุ คลทุกเพศทุกอายุ แตก่ ลมุ่ ทมี่ ีโอกาสเปน็ โรคนส้ี งู ได้แก่ ทารก เดก็ วัยก่อนเรียน เดก็ วัยเรียน หญงิ ต้ังครรภ์และหญิงใหน้ มบตุ ร ตลอดจนผูต้ อ้ งใชก้ าลงั งานมาก เช่น นักกฬี า กรรมกร ชาวนา ชาวไร่ เป็นต้น โรคนี้เกดิ จากการรับประทานอาหารไม่ไดส้ ัดส่วน วิตามินบีหนึ่งไม่เพยี งพอ กับปริมาณทตี่ อ้ งการใช้ในการเผาผลาญอาหารที่ให้กาลงั งาน โดยเฉพาะอย่างยงิ่ คาร์โบไฮเดรต
ปัจจยั ทสี่ ง่ เสรมิ ให้เกดิ เปน็ โรคเหนบ็ ชา คือ 1. การรับประทานข้าวทีข่ ดั สีแลว้ ซ่งึ มวี ติ ามินบีหนงึ่ อยนู่ ้อย 2. การหุงต้มอาหารซงึ่ ทาใหส้ ูญเสยี วิตามิน เชน่ การซาวข้าว 3. การไม่ได้รบั ประทานอาหารทม่ี ีวิตามินบหี นึ่งมาก เชน่ เนื้อหมู 4. การกินอาหารท่ีมสี ารทาลายวิตามนิ เชน่ ปลารา้ ดบิ ใบเม่ยี ง และผกั บางชนดิ เช่น ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ทน่ี ิยมกินปลาร้าดบิ - หญิงให้นมบุตรในชนบทหลงั คลอด มักรบั ประทานข้าวกบั เกลอื - เดก็ เล็ก มักพบในขวบปแี รก ชว่ ง 2-3 เดือน ซึง่ มักเป็นเด็กทกี่ นิ น้านมแม่ แต่ แม่ไมไ่ ด้รับวิตามนิ บหี นง่ึ เพียงพอ
2.2 โรคขาดวติ ามินเอ (Vitamin A deficiency) พบในทารกและเดก็ ก่อนวยั เรยี น > ผู้ใหญ่ ในภาคเหนือและภาคอีสานมี โรคขาดสารอาหารโปรตีนและพลังงานอยูม่ าก สาเหตุ มารดาขาดความร้ใู นการเล้ยี งดูลกู ใหอ้ าหารท่ีไมเ่ หมาะสมและ เพยี งพอ เช่น ใหข้ ้าวโดยไมม่ ีอาหารพวกตบั หรือไข่แดง/ บริโภคนมขน้ หวานและขา้ ว ประกอบกบั ทารกมกี ารสะสมวิตามินเอไมม่ ากนกั ในระหว่างอยใู่ นครรภม์ ารดา จึงมีผล ใหเ้ ดก็ ขาดวติ ามนิ เอไดเ้ รว็
2.3 โรคปากนกกระจอก พบท่ัวไปในชนบท โดยเฉพาะในภาคเหนอื และภาคอสี าน มักเกิดกบั เดก็ วยั เรยี น หญิงมคี รรภ์ หญิงให้นมบตุ ร เนื่องจากขาดวติ ามนิ B2 - อาการทพ่ี บคอื มมุ ปากอกั เสบทั้งสองขา้ ง การเกดิ โรคน้มี ักพบในฤดแู ลง้ - อาหาร เครอื่ งใน เช่น ตบั ไต (เซีย่ งจี๊) นา้ นม และนมเปรีย้ ว (โย เกริ ต์ ) ผักใบเขียว และ ปลา
2.4 โรคนว่ิ ในกระเพาะปสั สาวะ มกั พบในผู้ชาย ทางเดินปสั สาวะ > ผหู้ ญิง สาเหตุ การทไ่ี ดธ้ าตุฟอสฟอรสั ตา่ ซึ่งมักพบรว่ มไปกบั การขาดโปรตีนดว้ ย นอกจากน้อี าจได้อาหารท่ีมีออกซาเลตสูง จะอยู่ในผกั ใบเขียว โดยเฉพาะในภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เช่น ผักโขม ชะพลู หน่อไม้ ผักแพ้ว ใบมันสาปะหลัง ผักสะ เมด็ ผกั กระโดน ออกซาเลตจะรวมตวั และตกผลกึ เป็นกอ้ นนิ่ว ประกอบกับเด็กดม่ื นา้ น้อย ทาใหป้ ัสสาวะเขม้ ขน้ึ การขบั ออกหรือการละลายของผลึกออกซาเลตมีนอ้ ย
3. ภาวะโภชนาการเกนิ และโรคทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ 3.1 ภาวะโภชนาการเกนิ /โรคอว้ น พบในประชาชนในกลมุ่ เขตเมอื งต่าง ๆทมี่ คี วามเปน็ อยู่ดี สะดวกสบาย เครื่องอานวยความสะดวกมากข้ึน ออกกาลงั กายน้อยลง และยังมสี ่ิงท่ีสนบั สนนุ ให้เกิด ภาวะโภชนาการง่ายขึน้ คอื นสิ ัยการกนิ อาหารทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง ชอบกนิ จุบกนิ จบิ กินหวาน โรคนเี้ ปน็ สาเหตสุ าคญั ทท่ี าให้คนมสี ุขภาพเสอื่ มและมีอายุส้นั กว่าคนปกติ ถ้าเป็นโรคอว้ นตั้งแตว่ ัยเด็ก (6-14 ปี) มักจะอว้ นตอ่ ไปในระยะวัยร่นุ และในวัย ผใู้ หญ่ เน่ืองจากเซลลไ์ ขมันมีจานวนมากขึน้ และมีขนาดใหญ่ข้ึน
3.4 หลักปฏบิ ัติ/แนวปฎบิ ตั ใิ นการบริโภตอาหารเพอื่ ใหม้ ีภาวะโภชนาการทดี่ ี 3.4.1 สารอาหารทแ่ี นะนาใหบ้ รโิ ภคตอ่ วนั สาหรบั คนไทยอายตุ ั้งแต่ 6 ปีขนึ้ ไป กรมอนามัยไดจ้ ัดทาข้อกาหนดสารอาหารทแี่ นะนาใหบ้ รโิ ภคประจาวันสาหรบั คนไทยอายตุ งั้ แต่ 6 ปขี นึ้ ไป หรอื Thai recommended daily intakes, Thai RDI) เมอ่ื ปี พ.ศ.2532 โดยกาหนด สารอาหารท่คี วรได้รับประจาวันสาหรับคนไทย ไว้ รวม 17 ชนดิ โดยแบ่งกลุม่ คนไทยเป็นกล่มุ ใหญ่ 8 กลุ่มตามอายุและเพศ และ เน่ืองจากความต้องการสารอาหารบางชนดิ แตกตา่ งกนั ตามอายุ แตล่ ะกลุ่มจงึ ยงั มกี าร แบ่งเป็นกลุ่มยอ่ ยตามระดับอายุอีกดว้ ย ทาง อ.ย. ได้พจิ ารณาจัดทาบญั ชสี ารอาหารท่ี แนะนาให้ควรบริโภคประจาวันสาหรับคนไทย อายุตง้ั แต่ 6 ปีขนึ้ ไป
วตั ถปุ ระสงคข์ องการกาหนดปรมิ าณสารอาหารทแี่ นะนาต่อวนั ใชเ้ ปน็ เกณฑ์ในการแสดงคณุ ค่าทางโภชนาการบนฉลากของอาหาร เรยี กว่า “ฉลากโภชนาการ” เทา่ นั้น อาศยั ขอ้ มูลจาก Thai RDA และ ค่า Nutrient Reference Values (NRV) กาหนดให้ค่าความตอ้ งการวนั ละ 2,000 กโิ ลแคลอรี เปน็ ระดับที่คนไทย (20-29 ปี) ส่วนใหญ่ท่มี สี ภาวะทางสุขภาพปกตติ ้องการ เป็นฐาน กลางในการคานวณ เพื่อวตั ถปุ ระสงคใ์ นการแสดงฉลากโภชนาการเทา่ นนั้ ท้งั นค้ี วามต้องการพลังงานท่แี ท้จรงิ ตอ่ วนั ของแตล่ ะคนอาจนอ้ ยหรือมากกว่าได้ ขน้ึ อยกู่ บั ปจั จัยตา่ ง ๆ เชน่ อายุ เพศ และระดับการใชพ้ ลงั งานทางกายภาพ ของแตล่ ะบุคคล
ปรมิ าณสารอาหารทีแ่ นะนาใหค้ วรบริโภคประจาวนั สาหรบั คนไทย อายุต้งั แต่ 6 ปขี น้ึ ไป ลาดับที่ สารอาหาร ปรมิ าณทแี่ นะนาตอ่ วนั หน่วย (No.) (Nutrient) (Thai RDI) (Unit) 1. ไขมันทงั้ หมด (Total Fat) 65* กรัม (g) 2. ไขมันอม่ิ ตัว (Saturated Fat) 20* กรัม (g) 3. โคเลสเตอรอล (Cholesterol) 300 มลิ ลิกรัม (mg) 4. โปรตนี (Protein) 50* กรมั (g) 5. คารโ์ บไฮเดรตทงั้ หมด 300* กรมั (g) (Total Carbohydrate) 25 กรัม (g) 6. ใยอาหาร (Dietary Fiber)
ปริมาณสารอาหารที่แนะนาใหค้ วรบรโิ ภคประจาวนั สาหรบั คนไทย อายุตง้ั แต่ 6 ปีข้นึ ไป ลาดบั ที่ สารอาหาร ปริมาณทแี่ นะนาตอ่ วนั หน่วย (Unit) (No.) (Nutrient) (Thai RDI) 7. วติ ามนิ เอ (Vitamin A) 800 ไมโครกรมั อาร์ อี (mg RE) 8. วิตามินบี 1 (Thiamin) 1.5 มิลลิกรัม (mg) 9. วติ ามนิ บี 2 (Riboflavin) 1.7 มลิ ลกิ รัม (mg) 10. ไนอะซนิ (Niacin) 20 มลิ ลิกรมั เอน็ อี (mg NE) 11. วิตามินบี 6 (Vitamin B6) 2 มลิ ลกิ รัม (mg) 12. โฟเลต (Folate) 200 ไมโครกรมั (mg) 13. ไบโอตนิ (Biotin) 150 ไมโครกรมั (mg)
ปริมาณสารอาหารทแ่ี นะนาให้ควรบรโิ ภคประจาวันสาหรบั คนไทย อายุตั้งแต่ 6 ปีข้ึนไป ลาดบั ที่ สารอาหาร ปริมาณทแ่ี นะนาตอ่ วนั หนว่ ย (No.) (Nutrient) (Thai RDI) (Unit) 14. กรดแพนโทธนิ คิ (Pantothenic Acid) 6 มลิ ลกิ รมั (mg) 15. วติ ามินบี 12 (Vitamin B12) 2 ไมโครกรมั (mg) 16. วิตามินซี (Vitamin C) 60 มลิ ลกิ รมั (mg) 17. วิตามนิ ดี (Vitamin D) 5 ไมโครกรมั (mg) 18. วติ ามนิ อี (Vitamin E) 10 มิลลิกรมั แอลฟา-ที อี 19. วิตามนิ เค (Vitamin K) 80 ไมโครกรมั (mg) 20. แคลเซยี ม (Calcium) 800 มิลลิกรัม (mg)
ปริมาณสารอาหารทแี่ นะนาใหค้ วรบรโิ ภคประจาวันสาหรับคนไทย อายตุ ัง้ แต่ 6 ปขี นึ้ ไป ลาดบั ท่ี สารอาหาร ปรมิ าณทแ่ี นะนาตอ่ วนั หน่วย (No.) (Nutrient) (Thai RDI) (Unit) 21. ฟอสฟอรสั (Phosphorus) 800 มลิ ลิกรมั (mg) 22. เหลก็ (Iron) 15 มิลลกิ รัม (mg) 23. ไอโอดนี (Iodine) 150 ไมโครกรมั (m g) 24. แมกนเี ซยี ม (Magnesium) 350 มลิ ลิกรมั (mg) 25. สงั กะสี (Zinc) 15 มลิ ลกิ รมั (mg) 26. ทองแดง (Copper) 2 มลิ ลกิ รัม (mg) 27. โพแทสเซยี ม (Potassium) 3,500 มลิ ลิกรมั (mg)
ปรมิ าณสารอาหารทแ่ี นะนาให้ควรบรโิ ภคประจาวนั สาหรับคนไทย อายุตั้งแต่ 6 ปขี ึ้นไป ลาดบั ที่ สารอาหาร ปรมิ าณทแ่ี นะนาตอ่ วนั หนว่ ย (No.) (Nutrient) (Thai RDI) (Unit) 28. โซเดยี ม (Sodium) 2,400 มลิ ลิกรมั (mg) 29. แมงกานีส (Manganese) 3.5 มลิ ลิกรมั (mg) 30. ซีลีเนยี ม (Selenium) 70 ไมโครกรัม (m g) 31. ฟลูออไรด์ (Fluoride) 2 มลิ ลิกรมั (mg) 32. โมลิบดนิ มั (Molybdenum) 160 ไมโครกรมั (m g) หมายเหตุ น้าตาลไมค่ วรบริโภคเกนิ ร้อยละ 10 ของพลงั งานทง้ั หมดทไี่ ดร้ บั ตอ่ วนั
3.4.2 โภชนบัญญตั ิ 9 ประการ ความหมาย แนวทางในการปฏบิ ัตติ นเพ่อื ให้มสี ขุ ภาพดี ข้อแนะนาในการ ปฏิบัตติ นเพ่อื การมสี ขุ ภาพที่ดีของคนไทย ใช้เปน็ รูปแบบในการบรโิ ภคอาหารท่ีจะทา ให้ได้รบั ประโยชนส์ ูงสดุ กับสขุ ภาพและถูกตอ้ งตามหลักโภชนาการ วตั ถุประสงค์ เพ่อื ป้องกนั ปัญหาโภชนาการ ทั้งการขาดสารอาหาร โรคเรื้อรังเก่ียวกบั โภชนาการ และคานึงถึงความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร จัดทาโดยผูท้ รงคณุ วฒุ ทิ ่ีเกยี่ วขอ้ งด้านอาหาร และโภชนากรหลายสถาบัน ไดแ้ ก่ กองโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข สถาบันวจิ ัยโภชนาการ มหาวิทยาลยั มหิดล และหน่วยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งอ่ืนๆ รว่ มกันจดั ทาขึ้น ต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2542
1.1 กนิ อาหารใหค้ รบ 5 หมู่ • หคามรู่ท์โบี่ ไ1ฮเเดนรื้อทสตั ว์ ไข่ นม และถวั่ ตา่ ง ๆ • หมู่ท่ี 2 ขา้ ว แป้ง น้าตาล เผอื ก มัน • หวติ มา่ทู มี่นิ 3แลผะกัเกตลา่ อืงๆแรเ่ ชน่ ตาลงึ ผักบุง้ ให้ • หมู่ท่ี 4 ผลไม้ตา่ ง ๆ • หหมมูู่ทไ่ี ข5มันไทขมี่ไดันจ้ แาลกพะนืชา้ มนั เชน่ นา้ มัน
จาก 5 หมู่ สกู่ ารปฏบิ ัติ กนิ ขา้ ว กบั น้าพริกกะปิ ปลาทผู กั จม้ิ และ แกงจืดผกั กาดเตา้ หู้ กินกล้วยนา้ วา้ ตาม • ปลาทู, เต้าหู้ หมทู่ ี่ 1 โปรตนี • ขา้ ว หมทู่ ี่ 2 คาร์โบไฮเดรท • ผกั กาด ผกั จม้ิ หมู่ที่ 3 วติ ามิน-แร่ธาตุ • กลว้ ยน้าว้า หมูท่ ี่ 4 วติ ามนิ แร่ธาตุ • นา้ มนั ทอดปลา หมูท่ ่ี 5 ไขมนั
1.2 หมนั่ ดแู ลน้าหนักตัว • นกกาา้ารหหบนนอดักกตถเ้อึงพภงรอาาวยะะู่ตเสปาุขมน็ ภเเกาคพณรขือ่ฑองม์งบคาง่นตชรว้ีทฐา่ ่ีสดาานี คหทญั รี่ ใอื นไมด่ ี • ชั่งนา้ หนักตัวอย่างนอ้ ยเดือนละคร้งั • ออกกาลงั กายอยา่ งสมา่ เสมอ
ผู้สงู อายุ หรอื ผทู้ ไ่ี มไ่ ดด้ มื่ นมเปน็ เวลานาน แลว้ กลบั มาดมื่ เมอ่ื ดื่มนมแลว้ ทอ้ งเสยี ทอ้ งอืด ร่างกายไม่สามารถย่อยแลคโทส (lactose)ในนม วิธกี ารแกไ้ ข คร้ังแรก ๆ ให้ดื่มนมในปริมาณน้อย เพอ่ื กระตนุ้ ใหเ้ กิดการ ผลิตเอนไซมแ์ ลคเทส เม่อื ไมม่ ีอาการผดิ ปกตจิ งึ เพม่ิ ปริมาณการด่มื ตอ่ คร้งั ใหม้ ากขึน้
Search