Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 4 3-2562

บทที่ 4 3-2562

Published by surachat.s, 2020-05-13 03:42:24

Description: บทที่ 4 3-2562

Search

Read the Text Version

ลิงก์ Meet https://meet.google.com/lookup/apra 7jnese บทที่ 4 การควบคมุ และป้องกันโรค โดย อ.ดร.สุรชาติ สทิ ธปิ กรณ์

วตั ถุประสงค์ นิสิตสามารถ 1. อธิบาย ความหมายของ “โรค” และปจั จัยทีท่ าใหเ้ กิดโรคได้ 2. อธิบาย ธรรมชาติของการเกิดโรค และการถ่ายทอดโรคได้ 3. อธิบาย หลกั และ วิธีการป้องกัน และควบคมุ โรคได้

เนือ้ หา 1. ความหมาย และ ประเภทของโรค 2. แนวโนม้ การเกิดโรค และ การเจบ็ ปว่ ยในคนไทย 3. ปัจจัยที่ทาให้เกิดโรค 4. การถ่ายทอดโรค 5. ธรรมชาติของการเกิดโรค 6. หลักและวิธีการปอ้ งกัน และ ควบคุมโรค 7. การป้องกนั โรคที่เป็นปญั หาในการดาเนินชีวิต

กิจกรรมระหวา่ งเรียน (10 คะแนน) (2%) 1. ให้นิสิตสอบถามญาติ/พีน่ ้อง/บุคคลในครอบครวั ซักถาม เกี่ยวกบั การป้องกันการเจบ็ ป่วยจากโรคระบาดโควิดในรอบหลาย เดือนที่ผ่านมา และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกีย่ วกับการป้องกนั และควบคมุ โรคในโรคทีน่ ิสิตมีประสบการณ์ แล้วตอบในแบบฟอร์ม ที่กาหนดให้ 2. นิสิตนาเสนอประสบการณ์ และให้นิสิตทีเ่ หลือได้ร่วมกัน แสดงความคิดเหน็ และแลกเปลี่ยน ประสบการณ์เกีย่ วกับการ เจ็บป่วย การปอ้ งกัน และ การควบคมุ โรคระบาดโควิด

กิจกรรมระหว่างเรียน 1. ระบกุ ารเจ็บป่วย หรือ โรค ทีเ่ ปน็ จานวน 1 อาการ/ 1 โรค 2. ระบอุ าการและอาการแสดงทีเ่ ป็น 3. ระบุสาเหตขุ องการเจบ็ ป่วยคร้ังน้ี 4. ระบกุ ิจกรรมทีเ่ กีย่ วข้องกับ การควบคุม/การป้องกนั โรคทีเ่ จ็บป่วย (เพื่อไม่ให้เป็นโรคน้ซี ้าอีกคร้ัง)

กิจกรรมระหว่างเรียน https://goo.gl/forms/ZP6H2aneDgyTNdnu2

1. ความหมายของโรค “โรค” แปลว่า “ความเจบ็ ปว่ ย” / ความเจ็บป่วยทางจิตใจ ภาษาอังกฤษใช้คาว่า disease มาจาก dis + ease แปลตรงตวั ว่า “ความไม่สบาย” (พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2543)

ความหมายของโรค “โรค” ความเจ็บป่วยอันเกิดจาก สิ่งทีท่ าใหเ้ กิดโรค กระทาต่อ อวัยวะของร่างกายมนุษยใ์ นช่วงเวลาหนึง่ ก่อให้เกิดความผิดปกติขึ้น ในร่างกาย แสดงออกเปน็ อาการ (signs) และอาการแสดง (symptoms) /พบความผิดปกติจากการตรวจทางหอ้ งปฏิบัติการ ซึ่งอาจปรากฏอยู่ ระยะหนึง่ แล้วหาย หรือ กลบั เปน็ ซ้าขึ้นมาอีก หรือคงอย่ตู ลอดไป และอาจ มีผลทาให้อวยั วะส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือท้งั ร่างกาย เกิดความพิการ ทพุ ล ภาพ หรือตายได้ (Beaglehole et al.,1993; Last, 2001)

ความหมายของโรค รา่ งกาย สิ่งที่ทาให้ เป็นโรค หาย ของเรา เกิดโรค พิการ หรือ ทุพลภาพ ตาย ความหมายของ “โรค” (ดัดแปลงจาก Last, 2001)

ประเภทของโรค จาแนกตามลักษณะความสามารถของโรคที่จะแพร่ติดต่อไปได้ ดงั นี้ 1. โรคติดตอ่ (Communicable Disease) โรคทีท่ าให้เกิด การป่วยในคนหนึ่ง แพร่ติดต่อไปยังคนอืน่ ต่อไปได้อีกจนเกดิ โรคน้ัน ๆ ขึ้นเปน็ วงกว้าง มีผ้ปู ่วยเปน็ จานวนมาก เช่น หัด ไข้เลือดออก อุจจาระร่วง เอดส์ เป็นต้น - โรคที่สามารถแพร่ติดต่อจากคนไปสู่คนด้วยกนั แล้ว ยงั สามารถ แพร่ติดต่อจากสัตว์มาส่คู นได้ เช่น โรคฉีห่ นู โรคพิษสุนัขบ้า พยาธิใบไม้ตบั

ประเภทของโรค จาแนกตามลักษณะความสามารถของโรคที่จะแพร่ติดตอ่ ไปได้ ดังนี้ 2. โรคไมต่ ิดต่อ (Non Communicable Disease: NCD) โรค ที่ไม่สามารถแพร่ติดต่อจากคนหนึ่งไปยงั อีกคนหนึ่งได้ - พันธกุ รรม เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจบางชนิด โรคความ ดันโลหิตสูง โรคทาลสั ซีเมีย - การบาดเจ็บจากจราจรทางถนน การเสียชีวิตจมน้าในเดก็ - ปญั หาสขุ ภาพจากหมอกควนั ในภาคเหนือและภาคใต้ - อุบัติภยั สารเคมี

2. แนวโนม้ การเกิดโรคและการเจบ็ ป่วยในคนไทย - สมัยก่อนการแพทย์ฯไม่เจริญ โรคที่พบ/สาเหตกุ ารเจ็บป่วยและตาย จะเป็นโรคติดต่อ เช่น อหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ - ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การแพทย์เจริญมากขึ้น เจ็บป่วยและตายด้วยโรคติดต่อลดลง แต่โรคไมต่ ิดตอ่ กลบั เพิม่ มากขึ้น เช่น พฤติกรรมการบริโภคอาหาร หวาน มัน เค็ม ความรีบเร่งในการปฏิบัติกิจวัตร ประจาวนั สิง่ แวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ/ไม่เหมาะสม ทาให้เกิดโรคเกิดขึ้น เช่น เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง มะเรง็

3. ปัจจัยที่ทาให้เกิดโรค การเกิดโรค เกิดจากปจั จัย 3 อย่าง ไดแ้ ก่ 1. คน (Host) 2. สิ่งที่ทาให้เกิดโรค (Agent) 3. สิง่ แวดลอ้ ม (Environment)

ปจั จยั ที่ทาให้เกิดโรค 1. คน (Host) ปจั จัยทีม่ ีผลต่อความไว ตอ่ การเกิดโรคในคน 1. อายุ - โรคบางอย่างพบในเดก็ > ผ้ใู หญ่ ภูมิคุ้มกันของร่างกายยงั ไม่ สมบรู ณ์ ทาให้ภมู ิต้านทานตา่ เช่น คอตีบ ไอกรน โปลิโอ เมื่อได้รับวคั ซีน ทา ให้ภูมิค้มุ กนั ในร่างกายสูงขึ้น - ผ้สู งู อายุ ภมู ิคุ้มกันของร่างกายลดต่าลง เสี่ยงต่อการเจบ็ ป่วยได้ มากขึ้น

ปัจจัยที่ทาให้เกิดโรค 1. คน (Host) ปจั จัยทีม่ ผี ลตอ่ ความไวตอ่ การเกิดโรค 2. เพศ - ชาย ตาย > หญิง (ลกั ษณะการทางานและการดาเนินชีวิต) - หญิง ป่วย > ชาย (ความสมดุลของฮอร์โมน) - หญิงมีอตั ราไปพบแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพระยะแรก > ชาย

ปจั จยั ทีท่ าใหเ้ กิดโรค 1. คน (Host) ปัจจัยทีม่ ีผลต่อความไวตอ่ การเกิดโรค 3. กรรมพันธ์ุ โรคบางชนิดสามารถถ่ายทอด ทางกรรมพนั ธ์ุ เช่น ทาลัสซีเมีย เบาหวาน 4. เชื้อชาติ คนที่ต่างเชื้อชาติจะมี ความสามารถในการต้านทางโรคแตกต่างกัน เช่น ผิวขาวจะมีต้านทานต่อวัณโรค > คนผิวดา

ปจั จัยที่ทาใหเ้ กิดโรค 1. คน (Host) ปจั จัยที่มีผลต่อความไวตอ่ การเกิดโรค 5. ภูมิต้านทานในมนุษย์ เด็กที่กินนมแม่ ภูมิค้มุ กันจากแม่ไปหาลูก จะอย่นู านประมาณ 6 เดือน 6. อาชีพ - ผ้ทู ีท่ างานเกีย่ วข้องกบั แบตเตอรี่ โอกาสจะได้รบั สารพิษ ตะก่ัว - เกษตรกร มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งของผิวหนัง

ปจั จัยทีท่ าใหเ้ กิดโรค 1. คน (Host) ปจั จัยที่มผี ลต่อความไวตอ่ การเกิดโรค 7. พฤติกรรม กินสกุ ๆ ดิบ ๆ เสีย่ งต่อเกิดโรคพยาธิต่าง ๆ/อาหารปนเปือ้ น เชื้อโรค เช่น มีแมลงวันตอม/ปรุงสกุ แล้วแต่ทิ้งไว้ค้างคืนหลายวนั กเ็ สีย่ งต่อ การเกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคอจุ จาระร่วง/ โรคอาหารเปน็ พิษ

ปจั จัยที่ทาใหเ้ กิดโรค 2. สิ่งทีท่ าใหเ้ กิดโรค (Agent) “ตวั ก่อโรค”/ สิง่ ทีเ่ ป็นต้นเหตทุ ี่ทาให้เกิดโรค อาจเปน็ สิ่งทม่ี ีชีวติ หรือไม่มีชวี ิต แบ่งเปน็ 4 ชนดิ ได้แก่ 1. สิง่ ที่ทาให้เกิดโรคทางชีวภาพ (Biological agent) ได้แก่ เชื้อโรคต่าง เช่น แบคทเี รีย พยาธิ เชื้อรา ชนิดต่าง ๆ ริคเกตเชีย เป็นต้น 2. สิ่งทีท่ าให้เกิดโรคทางเคมี (Chemical agent) ได้แก่ สารหนู ยาฆา่ แมลง เครื่องสาอาง ยารกั ษาโรค และสารเคมีทีอ่ ยใู่ นรา่ งกายมนุษยท์ ่มี ีมากหรือน้อย เกินไป กก็ ่อให้เกดิ ความผิดปกติได้ เช่น ฮอรโ์ มน

ปจั จยั ที่ทาใหเ้ กิดโรค 2. สิ่งทีท่ าใหเ้ กิดโรค (Agent) (ต่อ) 3. สิง่ ที่ทาให้เกิดโรคทางกายภาพ (physical agent) ได้แก่ ความร้อน แสง เสียง รังสีต่าง ๆ 4. สิง่ ที่ทาให้เกิดโรค เนื่องจากการขาดสารที่จาเปน็ ต่อ รา่ งกาย (absent or insufficiency or factor necessary to health) เช่น วิตามินต่าง ๆ ถา้ ขาดวิตามิน C อาจทาให้เกิดอาการ เลือดออกตามไรฟนั

ปัจจัยที่ทาให้เกิดโรค 3. สิ่งแวดล้อม (Environment) สิง่ ต่าง ๆ ที่อย่รู อบ ๆ ตัวเราที่มีส่วนเกี่ยวข้องกบั การเกิดโรค 4 ด้าน 1. สวล.ทางกายภาพ ได้แก่ สภาพทวั่ ไปของท่อี ยู่อาศัย เช่น มีภาชนะ เก็บกักนา้ ในบ้าน ที่ไม่มฝี าปิด กจ็ ะเอื้อให้ยุงลายมาวางไข่ ทาให้เป็นแหล่งเพาะพันธ์ุของ พาหะนาโรค ไข้เลือดออก 2. สวล.ทางเคมี ได้แก่ ภาวะแวดล้อมทป่ี ระกอบด้วยสิง่ ต่าง ๆ ทีม่ ีลักษณะ ทางเคมี ทีจ่ ะนาไปสู่โรคได้ - การพบสารเคมีบางอยา่ งในอาหาร โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งกลมุ่ ยาปฏชิ วี นะ ท่จี ะ นาไปสกู่ ารดื้อยาในอนาคต

ปัจจยั ที่ทาให้เกิดโรค 3. สิ่งแวดลอ้ ม (Environment) 3. สวล.ทางชีวภาพ ได้แก่ สภาวะแวดล้อม ทีป่ ระกอบด้วย สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เช่น เชื้อโรค ที่จะนาไปสู่การแพร่กระจายเชื้อ เช่น บริเวณทีม่ ี ยงุ ลายชกุ ชุม 4. สวล.ทางดา้ นเศรษฐกิจและสังคม เป็นสวล.ที่เอื้อต่อการ เกิดโรค เช่น การย้ายถิ่นจากสังคมชนบทสู่สังคมเมือง ทาให้ประชาชนมี พฤติกรรมของกล่มุ ประชากรที่เสี่ยงตอ่ การเกดิ โรคเอดส์ เพิ่มข้ึน

ภาวะที่มีความสมดุลระหว่างปัจจยั ทั้ง 3 จะไมม่ ีโรคเกิดขึน้ ในชมุ ชน (Stage of equilibrium) Agent Host Environment

ในภาวะที่มคี วามสมดลุ ระหว่างปจั จยั ท้งั 3 จะไมม่ ีโรคเกดิ ขึน้ ในชมุ ชน Host Agent ภาวะทีไ่ ม่สมดุลนี้ อาจเกิดขึน้ เนื่องจาก ◼ สิ่งท่ที าให้เกิดโรคมีความสามารถในการแพร่ Environment กระจายโรคและทาให้เกดิ โรคมากขึ้น ◼ สดั ส่วนของคนทม่ี ีความไวในการตดิ โรคเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะทารกและคนชรา ◼ การเปลี่ยนแปลงของสิง่ แวดล้อมที่สนับสนนุ ให้มีการแพร่กระจายของโรค เช่น ในฤดูฝนทาให้ยงุ ลายเพิ่มจานวน ไข้เลือดออกสูงขึน้

ปัจจยั ที่ทาใหเ้ กิดโรค การถา่ ยทอดโรค (Modes of disease transmission) 1. ถา่ ยทอดโดยตรง จากบุคคลทีเ่ ปน็ แหล่งโรค ไปยงั คนทีม่ ีภูมไิ ว รบั โดยไมม่ ีสือ่ กลาง เช่น การติดต่อโดยการสมั ผสั การไอ จามรดกัน 2. ถา่ ยทอดทางออ้ ม ผ่านสือ่ กลาง แบ่งเป็น 2.1 ถา่ ยทอดโดยสื่อนาโรค เช่น ผ่านอาหาร น้า (โรคทางเดินอาหาร) 2.2 ถ่ายทอดโดยพาหะนาโรค เช่น แมลงวัน ยุง

ปจั จยั ที่ทาใหเ้ กิดโรค การถ่ายทอดโรค (Modes of disease transmission) 3. ถา่ ยทอดทางอากาศ (airborne) ทางละอองฝอย เช่น ไอ จามและ ถ่ายทอดทางฝ่นุ เช่น เชื้อวัณโรคที่ออกมา กบั เสมหะ แล้วตกลงส่พู ้นื ดิน เมื่อแห้งจะ กลายเป็นฝ่นุ ละออง ที่สามารถปลิวฟ้งุ กระจายเข้าส่รู ่างกายได้

5. ธรรมชาติของโรค แบ่งออกไดเ้ ป็น 4 ระยะ 1. ระยะไวตอ่ การรับเชื้อ (Stage of susceptibility) 2. ระยะกอ่ นปรากฏอาการ (Stage of preclinical disease) 3. ระยะปรากฏอาการของโรค (Stage of clinical disease) 4. ระยะไร้ความสามารถ มีความพิการของโรค (Stage of disability)

ธรรมชาติของโรคแบ่งออกได้เปน็ 4 ระยะคือ 1. ระยะไวตอ่ การรบั เชื้อ ระยะที่มนษุ ย์เสี่ยงต่อการสัมผัส/กาลงั สมั ผัสกับปัจจยั เสี่ยง เช่น เด็กมีภาวะทพุ โภชนาการ/ขาดอาหาร มีภูมิไวรับต่อการตดิ เชื้อโรค เกิดปอดบวม/ อจุ จาระร่วงได้โดยง่าย โรคแต่ละโรค แตกต่างกันในตามธรรมชาติของโรค ปริมาณของเชื้อโรค สาเหตุทีท่ าให้เกิดโรค และพฤติกรรมของมนุษย์ รวมท้งั สิ่งแวดล้อมที่ สนับสนนุ ให้เกิดโรค หรือสัมผสั กับปจั จัยเสี่ยงของโรค เช่น - คนที่สูบบุหรีม่ ีโอกาสเปน็ มะเร็งปอดเปน็ 10 เท่าของคนทีไ่ มส่ ูบบหุ รี่

ธรรมชาติของโรค 2. ระยะก่อนปรากฏอาการ มีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพ แต่ยงั ไม่ปรากฏอาการ ในโรคติดเชื้อเปน็ ระยะทีเ่ ช้อื โรคเข้าส่รู ่างกาย และมีการเพิม่ จานวนของ เชื้อโรค แต่ไม่สามารถตรวจพบอาการของการติดเชื้อ เรียกระยะน้วี ่า “ระยะฟกั ตวั ” โรคไม่ติดต่อ มีระยะเวลาไม่แน่นอน โรคติดเชือ้ มีระยะเวลาทีแ่ น่นอน

ธรรมชาติของโรค 3. ระยะปรากฏอาการ ของโรค - ระยะที่ร่างกายไม่สามารถทนต่อการรกุ รานของเชื้อโรคได้ ร่างกายปรากฏอาการและอาการแสดง ระยะน้ีแบ่งเปน็ 3 กลุ่ม ได้แก่ 3.1 กลุ่มทีห่ ายไปไดเ้ อง บางคร้ังโรคจะหายไปได้เอง ตั้งแต่อยู่ ในระยะก่อนปรากฏอาการ ขึ้นกับ ผ้ปู ่วยดแู ลตนเองจนสามารถปรับตวั ให้ ผ่านพ้นภาวะทีไ่ ม่สมดลุ นี้ได้เรว็ เพียงใด

ธรรมชาติของโรคแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะคอื 3. ระยะปรากฏอาการของโรค 3.2 กลุ่มที่รักษาดว้ ยวิธีการที่ไมส่ ลบั ซบั ซอ้ น รับประทานยาก็หาย ผ้ปู ่วยกลุ่มน้ตี ้องได้รับการวินิจฉยั โรคแต่ เริม่ แรก ก่อนทีพ่ ยาธิสภาพของโรคจะรนุ แรง การได้รบั การรักษาทีท่ นั ท่วงที การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทาให้อาการเลวลง จะทาให้หายจากโรคได้เรว็ ขึ้น

ธรรมชาติของโรค 3. ระยะปรากฏอาการของโรค 3.3 กลมุ่ ที่ตอ้ งรกั ษาด้วยวิธีการที่ยงุ่ ยาก เช่น ผ่าตัด+ให้ยา/ร่วมกบั ฉายแสง กล่มุ นี้มักเป็นกล่มุ ที่ไม่สนใจตวั เอง/ด้อยโอกาส ในการเข้ารับบริการสุขภาพ/ได้รับการตรวจวินิจฉยั ช้า มีอาการมากเข้าจึงเข้า รบั การตรวจวินิจฉยั หรือในบางกรณีมีการดาเนินโรคเรว็ ทาให้มีอาการ รุนแรง ในระยะส้นั ๆ เช่น โรคฉีห่ นู ที่เชื้อโรคเข้าไปทาลาย ปอดตบั หรือ ไต ทาให้เสียชีวิตได้โดยง่าย

ธรรมชาติของโรคแบ่งออกไดเ้ ปน็ 4 ระยะคอื 4. ระยะไรค้ วามสามารถ มีความพิการของโรค (Stage of disability) เป็นระยะทีโ่ รคเข้ามาส่รู ะยะสดุ ท้าย ผลลัพธข์ องโรคใน ระยะน้ี ข้ึนอยู่กบั ชนิดของเชื้อโรค/สาเหตุของโรค/การได้รับการ รกั ษาที่มีประสิทธิภาพและการรกั ษาทีท่ ันท่วงที ตลอดจนการฟื้นฟู สภาพ รวมท้งั พฤติกรรมของผ้ปู ่วย ที่จะส่งเสริม/ยับย้งั ความรนุ แรง ของโรคด้วยตนเอง

4. ระยะไรค้ วามสามารถ มคี วามพิการของโรค (Stage of disability) ผลลพั ธข์ องโรคทีต่ ามมาหลงั จากเป็นโรค อาจแยกออกเป็น 3 ประเภทคือ – ป่วยเป็นโรคแล้วหายสนิท – ป่วยเป็นโรคแล้วหายไม่สนิท มีความพิการเกิดขึ้นในระยะส้นั หรือ ยาว เช่น ป่วยเป็นโรคโปลิโอ ขาลีบทัง้ 2 ขา้ ง – ป่วยเปน็ โรคแล้วมีอาการมากจนถงึ แก่กรรม

The Natural History of Disease (ธรรมชาติของโรค) 1. ระยะ ระยะเป็นโรคแลว้ 4.ระยะ ยงั ไมเ่ ป็นโรค 2.ยงั ไม่แสดง 3.แสดง หาย/ตาย อาการ อาการ พบปจั จัยเส่ยี ง พบการ พบความผิด- เปลีย่ นแปลงพยาธิ ปกตขิ องอวัยวะ - หาย หายไม่สนิท ตัวอยา่ ง สภาพ เปา้ หมาย - ตาย คลอเลสเตอรอล ตัวอยา่ ง ตัวอยา่ ง - สูง มีไขมันอุดตันเสน้ โรคหัวใจ เลือด

มองเหน็ ธรรมชาติของโรค เปรียบเสมือนภูเขานา้ แขง็ ทีล่ อยอยูใ่ นมหาสมทุ ร ตาย พิการ ปว่ ยมารบั บรกิ าร มองไมเ่ หน็ ปว่ ยแต่ไมม่ ารบั บรกิ าร โรคที่ยงั ไม่แสดงอาการ มีภูมิไวรบั สุขภาพดี สว่ นที่มองเห็นจะมีขนาดเลก็ เทียบกับสว่ นท่มี องไม่เหน็ ทีอ่ ยู่ใต้น้า กล่มุ ผูป้ ว่ ยทีม่ อี าการหรือกลุ่มทีไ่ ม่มอี าการ แตไ่ ม่ไปพบแพทย์จะมีจานวนมาก

6. หลกั และวิธีการปอ้ งกนั และ ควบคมุ โรค 1. ความหมาย และ ความสาคัญของการป้องกนั โรค การป้องกนั โรค (Prevention) การดาเนินการใด ๆ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เกดิ โรค กบั บุคคล ไปจนถึงการหยุดย้ังการลุกลามของโรค ไม่ให้เกดิ ผลเสียต่อผปู้ ว่ ย รวมทงั้ การ สกัดก้ัน ไมใ่ ห้เกิดโรคกับคนจานวนมากในชุมชนด้วยการป้องกนั ไม่ให้เกดิ โรคขนึ้ กบั บคุ คล/ ชมุ ชน โดยการส่งเสริมสขุ ภาพให้สมบรู ณ์ มีสุขวิทยาท่ดี ีทง้ั บคุ คลและชุมชน ปรับ สภาพแวดล้อมให้เหมาะสม หากเกิดโรคขึน้ จะตอ้ งรบี ค้นหาให้พบให้การรกั ษาอย่าง ถกู ตอ้ งและป้องกันการเกิดความพกิ าร

ปัจจัยที่ทาให้เกิดโรค หลักและวิธีการป้องกนั และ ควบคุมโรค 1. ความหมายของการป้องกนั โรคและควบคุมโรค การดาเนินการใด ๆ เพื่อสกัดก้นั ไม่ให้เกิดโรคกบั บคุ คล ไปจนถึงการ หยุดย้งั การลุกลามของโรค ไม่ให้เกิดผลเสียต่อผ้ปู ่วย รวมทั้งการสกดั ก้นั ไม่ให้ เกิดโรค กับคนจานวนมากในชุมชน ด้วย

หลักการดาเนินงานในการป้องกันโรค หลักสาคัญ คือ ต้องแกไ้ ขที่ปัจจัยทีม่ ีผลต่อการเจ็บปว่ ย โดยต้อง ดาเนินการโดยม่งุ ทีก่ ารปรับปรงุ ปจั จยั ที่เป็นตน้ เหตุของการเกิดโรค - การสกดั ไม่ให้ตวั ก่อโรคเข้าส่รู ่างกายผ้มู ีภูมไิ วรับ - ลดปริมาณตวั ก่อโรคในแหล่งโรค - สกัดก้นั ไม่ให้ตวั ก่อโรคออกจากแหล่งโรค ไปเข้าส่รู ่างกาย - เพิม่ ความต้านทานให้แก่ผ้ทู ี่มีภูมิไวรับ - แก้ไขสภาพแวดล้อมไม่ให้เพิ่มปริมาณตวั ก่อโรคและสัตว์นาโรค - ปรับสภาพร่างกาย ผ้ทู ีม่ ีภมู ิไวรับให้สามารถต้านทานโรค



การป้องกนั โรค (Prevention การควบคุมโรค (Disease Control)

ระดบั ของการดาเนินการปอ้ งกันโรค • การปอ้ งกันในระดบั ปฐมภูมิ (primary prevention) • การป้องกันในระดบั ทตุ ิยภมู ิ (secondary prevention) • การปอ้ งกันในระดับตติยภูมิ (tertiary prevention)

ระดับและแนวทางการปอ้ งกนั โรค 1. การปอ้ งกันในระดบั ปฐมภมู ิ (primary prevention) • เปน็ การปอ้ งกันโรคลว่ งหน้า ก่อนระยะเกิดโรค เป็นวิธีการที่ ยอมรบั ว่ามีประสิทธิภาพมาก ประหยดั ทีส่ ุด และได้ผลมากทีส่ ุด ซึง่ สามารถแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 กล่มุ ได้แก่ 1.1 การป้องกนั โรคทัว่ ไป 1.2 การป้องกันเฉพาะอย่าง

ระดับและแนวทางการปอ้ งกันโรค 1. การป้องกันในระดบั ปฐมภมู ิ (primary prevention) 1.1 การป้องกันโรคท่วั ไป 1.1.1 ใหส้ ุขศึกษา ความรู้ในการป้องกันโรค การเปลีย่ นแปลงทัศนคติ และการปรบั ตัวให้ถูกหลักสขุ วิทยาส่วนบุคคลและชุมชน 1.1.2 จดั โภชนาการให้ถกู ต้องตามมาตรฐาน เหมาะกบั กลุ่ม อายุ เช่น การรับประทานอาหารให้ครบท้ัง 5 หมู่ พอเหมาะกับความต้องการของ รา่ งกาย 1.1.3 กิจกรรมที่สง่ เสริมการเลีย้ งดเู ดก็ ทีถ่ กู ตอ้ ง ทง้ั การ เจรญิ เติบโตในด้านร่างกาย และ จิตใจ

ระดับและแนวทางการป้องกันโรค 1. การป้องกนั ในระดับปฐมภูมิ (primary prevention) 1.1 การป้องกันโรคทัว่ ไป 1.1.4 จัดทีอ่ ยอู่ าศัยให้ถกู สขุ ลักษณะ รวมทง้ั การประกอบอาชีพท่ี ปลอดภยั และเหมาะสม 1.1.5 จดั ให้มีบริการดา้ นตรวจสขุ ภาพอนามยั เฉพาะในเด็กเลก็ หรือนักเรียน และในกลุ่มผู้ใหญค่ วรมีการตรวจสุขภาพปีละ 1 ครั้ง 1.1.6 จดั ให้มีบริการดา้ นการให้คาปรึกษาและแนะนาเกีย่ วกบั เพศศึกษา การสมรส การส่งเสริมสขุ ภาพจิต การให้ความรู้เก่ยี วกับการปอ้ งกนั และ โภชนาการ

ระดบั และแนวทางการป้องกันโรค 1. การป้องกนั ในระดับปฐมภูมิ (primary prevention) 1.2 การปอ้ งกันเฉพาะอย่าง กจิ กรรมตา่ ง ๆ ทีส่ ่งเสรมิ ให้รา่ งกายต้านทาน ต่อโรคตา่ ง ๆ การปรับปรงุ สิ่งแวดล้อมไม่ใหเ้ ป็นแหล่งแพร่โรค - การใหภ้ ูมิคมุ้ กันเพื่อปอ้ งกันโรคติดตอ่ ต่าง ๆ ได้แก่ วัคซีนขั้น พื้นฐานสาหรับเดก็ และวัคซนี ขั้นเสริม สาหรบั กลุ่มต่าง ๆท่มี ีความเสี่ยงตอ่ การเกิดโรค / วัคซนี ชนิดอื่นทีใ่ ห้เพือ่ ป้องกนั เช่น วคั ซีนป้องกันไข้หวัด 2009 ไข้หวัดใหญ่ ในกล่มุ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเกิดโรค เช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ผู้สูงอายุ การใช้อุปกรณป์ อ้ งกันตา่ ง ๆ เช่น การใชถ้ งุ ยางฯ ปอ้ งกนั เอดส์และโรคติดต่อ เพศสมั พนั ธ์ ใส่แว่นดา/หน้ากากเชือ่ มโลหะ ปอ้ งกนั สายตาจากประกายไฟเชือ่ มโลหะ

ระดับและแนวทางการปอ้ งกนั โรค 1. การปอ้ งกันในระดับปฐมภมู ิ (primary prevention) 1.2 การปอ้ งกันเฉพาะอย่าง 1.2.2 การจดั หรือปรบั ปรงุ สขุ าภิบาลสิ่งแวดลอ้ ม ได้แก่ - การจดั หาน้าสะอาด - การกาจัดของเสียและสิง่ ปฏิกลู - การสขุ าภิบาลอาหาร - การกาจัดและควบคุมมลพิษ - การกาจดั หรือควบคุมสัตว์และแมลงนาโรค - การควบคุมสิง่ ทีก่ ่อให้เกดความราคาญตา่ ง ๆ

ระดบั และแนวทางการปอ้ งกนั โรค 1. การปอ้ งกนั ในระดบั ปฐมภูมิ (primary prevention) 1.2 การป้องกันเฉพาะอยา่ ง 1.2.3 การจดั บริการให้ความปลอดภัย ด้านการป้องกนั อุบัติภัย - การประกอบอาชีพ - การจราจร - การเดินทางท่องเทีย่ ว

ระดับและแนวทางการปอ้ งกนั โรค 2. การปอ้ งกนั ในระดับทตุ ิยภมู ิ (secondary prevention) เป็นการปอ้ งกันในระยะเกิดโรค เมือ่ เกิดโรคขึ้น จดุ ม่งุ หมายที่ สาคัญ คือ การระงบั กระบวนการดาเนินของโรค การป้องกนั การแพร่ เชื้อ และการระบาดของโรค ไปยงั บุคคลอื่น ๆ ในชมุ ชน

ระดับและแนวทางการป้องกนั โรค มาตรการการป้องกนั ในระดับทุติยภูมิ (secondary prevention) 2.1 คน้ หาผูป้ ่วยในระยะเริม่ แรก โรคติดต่อทีร่ ้ายแรงปอ้ งกนั ไม่ให้โรค แพร่กระจายไปผู้อืน่ ระงับการดาเนินของโรคได้ ให้การรักษาทถ่ี กู ตอ้ ง 2.2 วนิ ิจฉยั โรคและการรักษาที่ทนั ท่วงที รกั ษาโรคได้ถกู ตอ้ งและมี ประสิทธภิ าพ 2.3 ป้องกนั การแพรเ่ ชือ้ ทีอ่ าจแพรก่ ระจายไปสู่ชมุ ชน เช่น การ ควบคุมสตั ว์ แมลงนาโรค การทาให้น้าสะอาดปราศจากเชื้อโรค เช่น การสขุ าภิบาลอาหาร การสขุ าภิบาลสิง่ แวดลอ้ ม 2.4 ใช้มาตรการทางกฎหมาย เฉพาะโรคตดิ ต่อทร่ี า้ ยแรงและอาจส่งผล กระทบตอ่ คนหมู่มาก เช่น โรคไข้หวัด 2009


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook