บทท่ี 1 พฒั นาการทางเพศของวัยรุ่น วัยรุ่นและพัฒนาการทางเพศ วยั รุน่ เป็นวยั ท่ีมีการเปล่ยี นแปลงทางดา้ นรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ ตลอดจนพฒั นา ทางเพศอย่างรวดเรว็ ซง่ึ ทาใหว้ ยั รุน่ เกิดความสบั สนตอ่ การปฏบิ ตั ิตวั จงึ มกั เกิด ปัญหา เชน่ การเบ่ยี งเบนทางเพศ การมีพฤตกิ รรมทางเพศท่ีผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงทางดา้ นรา่ งกายของวยั รุน่ 1. ลักษณะการเปลยี่ นแปลงทางร่างกาย 1.1 วยั รุ่นชาย การเปลี่ยนแปลงของรา่ งกายท่เี หน็ ไดช้ ดั ไดแ้ ก่ 1. เรม่ิ มีหนวดเคราท่ีหยาบแขง็ มีขนขนึ้ บรเิ วณรกั แร้ หนา้ แขง้ และอวยั วะเพศ 2. อวยั วะเพศโตขนึ้ และมกี ารหล่งั นา้ อสจุ ิออกมาครงั้ แรกขณะหลบั เรยี กวา่ “ฝันเปียก” 3. หวั นมจะแข็งเป็นไตหรอื กอ้ นเล็ก ๆ ถา้ ถกู สมั ผสั จะรูส้ กึ เจบ็ เรยี กวา่ “นมขนึ้ พาน” หรอื นมตงั้ พาน 4. เสียงเปลี่ยนเป็นเสยี งแหบและหา้ ว เรยี กวา่ “เสยี งแตกหน่มุ ” 5. มีกลิ่นตวั และสิวขนึ้ ตามใบหนา้ 6. รา่ งกายเจรญิ เติบโตอยา่ งรวดเรว็ มีกลา้ มเนือ้ และกระดกู ท่ี แขง็ แรง สะโพกแคบไหลก่ วา้ ง แขนขายาว บางครงั้ ดเู กง้ กา้ ง 1.2 วยั รุ่นหญงิ การเปลย่ี นแปลงของรา่ งกายท่ีเหน็ ไดช้ ดั ไดแ้ ก่ 1. มขี นขนึ้ บรเิ วณรกั แรแ้ ละอวยั วะเพศ 2. มปี ระจาเดอื นหรอื ระดู 3. เรม่ิ มหี นา้ อกท่ีโตขนึ้ 4. มเี สยี งแหลม
5. มกี ล่ินตวั และสิวขนึ้ บนใบหนา้ 6. มีใบหนา้ สดใส ผวิ เปลง่ ปล่งั 7. สะโพกผายออก เอวคอดเลก็ 1.3 การยอมรับและการปรับตวั ต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย หลกั การปรบั ตวั ของวยั รุน่ ตอ่ การเปลีย่ นแปลงของรา่ งกาย 1. ยอมรบั และเขา้ ใจวา่ การเปลี่ยนแปลงท่เี กิดขนึ้ ทงั้ ของตนเองและเพ่ือนเป็นเรอ่ื ง ธรรมชาติ 2. ดแู ลรกั ษาอนามยั ของตนเอง ไดแ้ ก่ ผิว เลบ็ ฟัน เครอ่ื งแตง่ กายใหส้ ะอาดอยู่ เสมอ 3. ดแู ลใสใ่ จสขุ ภาพใหส้ มบรู ณแ์ ขง็ แรง กินอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ พกั ผอ่ นให้ เพียงพอ ออกกาลงั กายอยา่ งสม่าเสมอ หลกี เล่ยี งสารเสพตดิ 2. การเปลีย่ นแปลงทางจติ ใจและอารมณข์ องวยั รุ่น 2.1 ลักษณะการเปล่ยี นแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ วยั รุน่ เป็นวยั ท่ีมีการเปล่ียนแปลงทางจติ ใจและอารมณอ์ ย่างรวดเรว็ จงึ มกั ถกู เรยี กวา่ “เป็นวยั อลวน” หรอื “วยั พายบุ แุ คม” โดยมีการเปล่ยี นแปลงดงั นี้ 1. มคี วามเช่ือ คา่ นิยม เจตคติเป็นของตนเอง 2. อยากไดส้ ่ิงใดหรอื ทาอะไร มกั ตอ้ งไดห้ รอื กระทาทนั ที 3. มีความม่นั ใจในตนเอง 4. อยากรูอ้ ยากเหน็ และอยากลอง 5. อารมณอ์ ยเู่ หนือเหตผุ ล 6. รกั ในตนเอง รกั สวยรกั งาม ชอบสอ่ งกระจกดคู วามงามของตนเอง 7. ชอบอิสระ ไมช่ อบบงั คบั หรอื มีกฎระเบยี บ 8. มอี ารมณอ์ ่อนไหวง่าย เพอ้ ฝัน ขีอ้ าย เรม่ิ สนใจเพศตรงขา้ ม แต่จะไม่
แสดงออก 9. วยั รุน่ ชายจะชอบความหา้ วหาญ ชอบการตอ่ สู้ ผจญภยั และคกึ คะนอง 10. เรม่ิ มคี วามตอ้ งการทางเพศ 2.2 การยอมรับและการปรับตวั ต่อการเปลยี่ นแปลงทางจติ ใจ วยั รุน่ เป็นวยั ท่ีมีการเปลย่ี นแปลงทางจิตใจและอารมณอ์ ยา่ งรวดเรว็ หากไม่ สามารถยอมรบั การเปล่ียนแปลงไดอ้ าจเกิดปัญหาทางจิตใจ ดงั นนั้ วยั รุน่ จงึ ควร ยอมรบั การเปลยี่ นแปลงทางจิตใจ เพ่ือการมีสขุ ภาพจิตท่ีดดี งั นี้ 1. ยอมรบั รบั สภาพความเป็นจรงิ ของตนเอง โดยรูจ้ กั ปลอ่ ยวางในบางเร่อื ง 2. พยามยามสรา้ งความเช่ือม่นั ใหก้ บั ตนเอง กลา้ เผชิญหนา้ กบั ปัญหา และ พรอ้ มแกป้ ัญหา 3. รูจ้ กั ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ผอู้ ่ืน เพ่ือการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม 4. ทาจิตใจใหร้ า่ เรงิ แจ่มใสอยเู่ สมอ มองโลกในแง่ดี คิดดี ทาดี ไมจ่ รงิ จงั กบั ทกุ ส่งิ มากเกินไป ทากิจกรรมเพ่อื ผ่อนคลายอารมณ์ 5. มีวฒุ ิภาวะทางอารมณท์ ่ีดี สามารถควบคมุ อารมณข์ องตนเอง รวมถึงการ ยอมรบั และเขา้ ใจในอารมณข์ องผอู้ ่ืน 6. ฝึกทาจิตใหส้ งบมสี มาธิ ไม่คิดฟงุ้ ซา่ น โดยจิตใจท่ีสงบและมสี มาธิจะชว่ ยทา ใหเ้ ป็นคนท่ีมเี หตผุ ล พรอ้ มแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ไดด้ ีย่งิ ขนึ้ 7. หลีกเล่ียงจากสง่ิ ไมด่ ที งั้ หลายท่ีมผี ลตอ่ จิตใจและอารมณ์ เชน่ การไมค่ บคน พาล เกเร หลีกเล่ยี งจากสารเสพตดิ การพนนั เกมส์ เป็นตน้ 3. พฒั นาการทางเพศของวยั รุ่น 3.1 อวยั วะสืบพนั ธข์ องเพศชายและเพศหญิง 1. อวยั วะสบื พนั ธุเ์ พศชาย 1.1 ทอ่ อสจุ ิ คือ ทางเดนิ ของนา้ อสจุ ิจากลกู อณั ฑะสทู่ อ่ ปัสสาวะ
1.2 ตอ่ มสรา้ งนา้ เลีย้ งอสจุ ิ คือ ตอ่ มขนาดเทา่ เมด็ ถ่วั ลนั เตา หล่งั สารเมอื ก สาหรบั หลอ่ ล่นื และสง่ ทอ่ เปิดเขา้ สทู่ อ่ ปัสสาวะในองคชาต 1.3 องคชาต คือ มีลกั ษณะเป็นทอ่ หรอื หลอดตงั้ อยเู่ หนือลกู อณั ฑะ ชว่ ยใน การขบั ถา่ ยปัสสาวะ 1.4 ตอ่ มลกู หมาก คือ ตอ่ มสรา้ งนา้ หลอ่ เลยี้ งเชือ้ อสจุ ิ 1.5 ลกู อณั ฑะ คือ มลี กั ษณะเลก็ กลมจานวน 2 ลกู บรรจอุ ยา่ งหลวม ๆ ในถงุ อณั ฑะ เป็นแหลง่ ผลิตตวั อสจุ ิ 2. อวยั วะสืบพนั ธุเ์ พศหญิง 2.1 ทอ่ รงั ไขห่ รอื ปีกมดลกู คือ ทอ่ ขนสง่ ไขจ่ ากรงั ไข่ไปยงั มดลกู 2.2 มดลกู เป็นกลา้ มเนือ้ ท่ีแขง็ แรงตงั้ อยตู่ รงฐานของชอ่ งทอ้ งมีรูปรา่ งคลา้ ยลกู แพร์ ขนาดใหญ่เทา่ กาปั้น ภายในกลวงเป็นโพรง ตอนปลายแคบและชีล้ งเบือ้ งลา่ งเป็น อวยั วะท่ีตวั อ่อนจะใชเ้ ป็นท่ีเจรญิ เติบโตเป็นทารก 2.3 รงั ไข่ รงั ไขแ่ ตล่ ะขา้ งจะตงั้ อยใู่ นปรเิ วณช่องทอ้ งสว่ นลา่ ง โดยทาหนา้ ท่ีปลอ่ ยไข่ ออกมาเดือนละใบสลบั กนั 2.4 ปากมดลกู เป็นกลา้ มเนือ้ ท่ีบีบตวั เขา้ หากนั เป็นจงั หวะ แต่จะเปิดอา้ ออก เลก็ นอ้ ยเพ่ือใหต้ วั อสจุ ิผา่ นเขา้ ไปไดแ้ ละจะยดื ตวั อยา่ งเต็มท่ี เพ่ือใหท้ ารกเคลื่อนตวั ผา่ นออกไปในระหวา่ งการคลอด 2.5 ช่องคลอด ปกตชิ อ่ งคลดิ จะแบนเรยี บอยรู่ ะหวา่ งกระเพาะปัสสาวะกบลาไส้ ตรงแตจ่ ะสามารถขยายตวั กวา้ งออกเพ่ือรบั องคชาตในระหวา่ งการมีเพศสมั พนั ธห์ รอื เพ่ือเปิดทางใหท้ ารกเคล่อื นตวั ผา่ นออกไปในเวลาคลอดได้ 3.2 ต่อมควบคุมการเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการทางเพศ 1. ตอ่ มใตส้ มอง เป็นตอ่ มท่ีสาคญั กวา่ ตอ่ มไรท้ อ่ อ่ืน ๆ เพราะฮอรโ์ มนท่ีสรา้ งขนึ้ จากตอ่ มนี้ จาทาหนา้ ท่ีควบคมุ การสรา้ งฮอรโ์ มน มีลกั ษณะเป็นกอ้ นเลก็ ๆ เรยี ง
ซอ้ นกนั อยตู่ รงบรเิ วณใตส้ มอง แบง่ ออกเป็นสองสว่ น 1.1 ตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้ จะผลิตฮอรโ์ มนท่ีทาหนา้ ท่ีควบคมุ การเจรญิ เตบิ โต ของรา่ งกายใหเ้ ป็นไปตามวยั และผลติ ฮอรโ์ มนในเพศหญิงเพ่อื เรง่ ใหไ้ ข่สกุ รวมทงั้ ทาหนา้ ท่ีควบคมุ รงั ไข่ใหผ้ ลิตฮอรโ์ มนเพศหญิงออกมา ตลอดจนกระตนุ้ อณั ฑะให้ สรา้ งอสจุ ิและผลิตฮอรโ์ มนเพศชาย 1.2 ตอ่ มใตส้ มองสว่ นหลงั จะผลิตฮอรโ์ มนท่ีจะกระตนุ้ มดลกู ใหบ้ บี ตวั ขณะ คลอดบตุ รและควบคมุ การขบั ถา่ ยปัสสาวะ 2. ตอ่ มเพศชาย คอื อณั ฑะ มหี นา้ ท่ี 1. ผลิตตวั อสจุ ิหรอื เซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศชาย 2. ผลิตฮอรโ์ มนเพศชาย 2 ประเภท คือ 1) ฮอรโ์ มนแอนโดรเจน ซง่ึ ทาหนา้ ท่ีกระตนุ้ ใหเ้ กิดลกั ษณะเฉพาะของความ เป็นชาย เช่น การมหี นวดเครา ขนหนา้ อก ขนรกั แร้ ขนหนา้ แขง้ 2) ฮอรโ์ มนเทสโทสเตอโรน ทาหนา้ ท่ีกระตนุ้ ใหเ้ กิดลกั ษณะเสยี ง หา้ ว กลา้ มเนือ้ ใหญ่ขนึ้ มรี ูปรา่ งทรวดทรงเป็นชาย มกี ารหล่งั นา้ อสจุ ิ ตลอดจน พฒั นาการดา้ นจิตใจท่ีเป็นชาย และมคี วามตอ้ งการทางเพศ 3. ตอ่ มเพศหญิง คือรงั ไข่ มหี นา้ สาคญั 2 ประการ ไดแ้ ก่ 3.1 ผลิตไขห่ รอื เซลลส์ ืบพนั ธุข์ องเพศหญิง 3.2 ผลิตฮอรโ์ มนเพศหญิง 2 ประเภท คือ 1) ฮอรโ์ มนเอสโตรเจน ทาหนา้ ท่ี กระตนุ้ ใหเ้ กิดลกั ษณะของเพศ หญิง ไดแ้ ก่ มเี สยี งแหลม ใบหนา้ เปลง่ ปล่งั เอวคอด มีหนา้ อก และสะโพกผาย 2) ฮอรโ์ มนโพรเจสเตอรโรน ทาหนา้ ท่ี ไปกระตนุ้ การสรา้ งมดลกู ใหห้ นา ขนึ้ เพ่ือรองรบั การฝังตวั ของไข่ท่ีผสมแลว้ และกระตนุ้ การผลิตนา้ นมเม่ือมีทารก 4. ตอ่ มหมวกไต เป็นตอ่ มท่มี ลี กั ษณะคลา้ ยหมวกครอบดา้ นบนของไต
ทงั้ 2 ขา้ ง จงึ มี 2 ตอ่ ม แต่ละต่อมแบง่ ออกเป็น 2 สว่ น คอื ชนั้ นอกและ ชนั้ ใน แต่ตอ่ มหมวกไตชนั้ นอกเทา่ นนั้ ท่ีทาหนา้ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การพฒั นาการทาง เพศ คือทาหนา้ ท่ี ผลติ ฮอรโ์ มนเพศชายและเพศหญิง คือ เอสโตรเจน โพรเกสเตอ โรน เทสโทสเตอโรน และแอนโดสเตอโรน โดยจะควบคมุ ความรูส้ กึ ทางเพศ ถา้ ตอ่ มนีม้ คี วามผิดปกติเด็กชายพฒั นาการทางเพศเรว็ ขนึ้ เดก็ หญิงจะพฒั นาการทาง เพศค่อนไปทางเพศชาย 5. ตอ่ มไทรอยด์ อยตู่ รงสว่ นบนของหลอดลมท่บี รเิ วณ ลกู กระเดือก มี 2 สว่ น คือ ดา้ นขวาและดา้ นซา้ ยติดกนั ทาหนา้ ท่ีผลิตฮอรโ์ มนไทร รอกซิน ซง่ึ ควบคมุ การใชพ้ ลงั งานและการเผาผลาญอาหาร ถา้ ตอ่ มนีท้ างานผดิ ปกติจะทาใหร้ า่ งกายแคะแกรน็ สตปิ ัญญาต่า อวยั วะเพศ เจรญิ เติบโตไมเ่ ตม็ ท่ี เม่ือเพศหญิงเขา้ สวู่ ยั สาว ตอ่ มนีจ้ ะขยายตวั เลก็ นอ้ ยในระหวา่ ง ท่มี ีประจาเดือนและระยะตงั้ ครรภ์ ซง่ึ ถือวา่ ปกติ แต่ถา้ ตอ่ มนีท้ างานผลติ ปกตคิ อื ผลิตฮอรโ์ มนไดน้ อ้ ยกวา่ ท่ีรา่ งตอ้ งการเน่ืองจากขาดธาตไุ อโอดีน ตอ่ มนีจ้ ะขยายตวั ใหญ่ขนึ้ ทาใหเ้ ป็นโรคคอพอก 6. ตอ่ มไทมสั มีลกั ษณะเป็นพทู งั้ สองพู ตดิ กนั อยตู่ รงบรเิ วณขวั้ หวั ใจระหวา่ ง ปอด 2 ขา้ ง ทาหนา้ ท่ีควบคมุ ไมใ่ หม้ คี วามรูส้ กึ ทางเพศท่ีผดิ ปกติ ซง่ึ ขนาดของตอ่ มไทมสั จะ เปล่ยี นแปลงไปตามอายขุ องคนจะผกผนั ตามอายขุ องคนทารกจะยาวแก่จะสนั้ 3.3 การยอมรับและปรับตัวตอ่ การเปล่ียนแปลงทางพัฒนาการทางเพศ เม่อื ยา่ งเขา้ สวู่ ยั รุน่ การมีความตอ้ งการทางเพศเป็นเรอ่ื งปกติ แต่ถา้ หมกมนุ่ มากเกินไป อาจทาใหเ้ กิดปัญหาสขุ ภาพจติ ได้ ขอ้ ปฏบิ ตั ติ อ่ การยอมรบั และปรบั ตวั ตอ่ การพฒั นาการทางเพศ 1. ศกึ ษาความรูเ้ ก่ียวกบั เรอ่ื งเพศ
2. ยอมรบั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงทงั้ ทางรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และพฒั นาการ ทางเพศของตนเอง 3. รูจ้ กั ปฏบิ ตั ิตวั ใหเ้ หมาะสมตอ่ ตนเองและเพศตรงขา้ ม 4. รูจ้ กั ทกั ษะในการแกป้ ัญหาทางเพศ 5. หากิจกรรมหรอื งานอดเิ รกทา 6. ดแู ลสขุ อนามยั ทางเพศของตนเองใหถ้ กู ตอ้ ง โดยการปฏิบตั ิดงั นี้ อาบนา้ ให้ สะอาดและสวมเสือ้ ผา้ ท่ีซกั แลว้ เพ่ือใหม้ กี ลน่ิ ตวั สะอาด เพ่ือปอ้ งกนั การเกิด สิว เปล่ียนผา้ อนามยั บอ่ ย ๆ ขณะมีประจาเดือน เพ่ือไมใ่ หเ้ กิดการหมกั หมม และ เม่อื เกิดปัญหาทางเพศควรไปพบแพทย์ 7. เม่ือมีปัญหาเรอ่ื งเพศ ควรปรกึ ษาพ่อแม่ หรอื ผใู้ หญ่ท่ไี วใ้ จได้ เพ่ือใหท้ า่ น ชีแ้ นะแนวทางในการแกป้ ัญหาท่ีถกู ใหไ้ ด้ 4. การเบย่ี งเบนทางเพศ การเบ่ยี งเบนทางเพศเป็นปัญหาทางเพศแบบหนง่ึ ซง่ึ พบไดท้ งั้ เพศหญิง เพศชาย โดยบคุ คลอาจแสดงออกถงึ พฤตกิ รรมทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสม สง่ ผลใหเ้ กิด พฤติกรรมเบ่ียงเบนทางเพศหรอื ผดิ ปกตทิ างเพศขนึ้ ทาใหส้ งั คมเกิดความรูส้ กึ ถงึ ความไมถ่ กู ตอ้ งตามบรรทดั ฐานท่ีสงั คมกาหนดไว้ ซง่ึ อาจสง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและ ผอู้ ่ืน 4.1 สาเหตุของการเบยี่ งเบนทางเพศ 1. การอบรมเลีย้ งดู 2. การมีบคุ ลกิ ภาพท่ีแปรปรวนอนั เน่ืองมาจากจิตใตส้ านกึ ของตนเอง เช่นการมี ปมดอ้ ย 3. ความรูส้ กึ เก็บกดทางเพศ 4. สภาพแวดลอ้ ม
5. การเลียนแบบพฤติกรรมท่ีแสดงออกถึงการเปลีย่ นแปลงทางเพศ 4.2 ลักษณะการเบยี่ งเบนทางเพศ 1. ความแปรปรวนในเอกลกั ษณท์ างเพศของตนเอง หมายถงึ มีพฤตกิ รรมท่ีไม่ สอดคลอ้ งกบั เพศของตนเอง เช่นชายอยากเป็นหญิง หญิงอยากเป็นชาย 2. พฤติกรรมเบ่ยี งเบนในการปฏบิ ตั ทิ างเพศ เป็นพฤตกิ รรมทางเพศท่แี ตกตา่ ง จากบคุ คลท่วั ไป ซง่ึ อาจสง่ ผลกระทบตอ่ การเป็นโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ ท่พี บเหน็ บอ่ ยไดแ้ ก่ 1. ลกั เพศ คือ บคุ คลท่ีมคี วามสขุ จากการแต่งตวั แตง่ หนา้ สวมใสเ่ ส่อื ผา้ แสดงทา่ ทางของเพศตรงขา้ ม 2. ถา้ มอง คอื บคุ คลท่มี คี วามสขุ จากการแอบดู 3. ชอบอวดอวยั วะเพศ คือ บคุ คลท่ีมีความพงึ พอใจหรอื มีความสขุ จาการ เปิดเผยอวยั วะเพศของตนเอง ใหค้ นอ่นื ไดด้ ู 4. การทาอนาจารเด็ก คือ บคุ คลท่ีมีความสขุ กบั การไดร้ ว่ มเพศกบั เดก็ 5. เบียดเสียด ถไู ถ คือ บคุ คลท่ีมคี วามสขุ กบั การไดใ้ ชอ้ วยั วะเพศถไู ถกบั อวยั วะของเพศตรงขา้ ม 6. ซาดิสม์ คอื บคุ คลท่ีมคี วามสขุ กบั การกบั การทาใหผ้ อู้ ่ืนเจบ็ ปวด 7. เพศรว่ มสายเลือด คือ บคุ คลท่มี คี วามสขุ กบั การมีเพศสมั พนั ธก์ บั สมาชิกในครอบครวั 8. เพศกบั วตั ถุ คือ บคุ คลท่ีมคี วามสขุ กบั การใชส้ ิ่งของในการระบายความ ใคร่ 9. ตณั หาจดั คือ มีความตอ้ งการทางเพศสงู จนไมส่ ามารถควบคมุ ตนเอง ได้ 10. พดู จาลามก เป็นการคกุ คามทางเพศท่เี ป็นวาจา
11. การสาเรจ็ ความใครด่ ว้ ยตนเองบอ่ ยครงั้ การสาเรจ็ ความใครด่ ว้ ย ตนเองถือวา่ เป็นเรอ่ื งปกติแตถ่ า้ หมกมนุ่ มากเกินไป จะถือวา่ มีพฤตกิ รรมเบ่ียงเบน ทางเพศ 4.3 การแกป้ ัญหาพฤตกิ รรมเบย่ี งเบนทางเพศ 1. การสรา้ งครอบครวั ใหเ้ ขม้ แข็ง 2. การสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ใหก้ บั ตนเอง 3. สถาบนั การศกึ ษาควรมีหลกั สตู รการเรยี นการสอนในเร่อื งเพศ 4. การสรา้ งเครอื ข่ายทางสงั คม 5. หลกี เล่ยี งการใชก้ ารบงั คบั บทท่ี 2 สรีระและการดูแลสุขภาพทางเพศ สุขอนามัยทางเพศ (Sexual health) สขุ อนามยั ทางเพศ คือ การดแู ลรกั ษาสขุ อนามยั ของอวยั วะเพศทงั้ เพศหญิงและ ชายตามสรรี ะทางเพศท่ีแตกต่างกนั มคี วามสาคญั มากเพราะบรเิ วณอวยั วะเพศมีขน ช่อง รอ่ ง และหนงั บางสว่ นปกคลมุ อยู่ รวมทงั้ ยงั อยใู่ กลช้ ่องปัสสาวะและทวารหนกั ทาใหอ้ าจเปรอะเปื้อนและตดิ เชือ้ ไดง้ ่าย มีปัจจยั ท่ีสาคญั 3 ประการ คือ 1.การรกั ษาความสะอาดอวยั วะเพศอยา่ งถกู ตอ้ ง 2.การหลีกเลี่ยงอวยั วะเพศจากการชอกชา้ อกั เสบ และติดเชือ้ 3.การสงั เกตความผิดปกตขิ องอวยั วะเพศตงั้ แต่ระยะเรม่ิ แรก การดูแลสุขอนามัยทางเพศของเพศชาย อวยั วะแหง่ ความเป็นเพศชาย ประกอบดว้ ย สว่ นสาคญั คอื
-สว่ นท่ปี รากฏนอกรา่ งกาย มีองคชาต และอณั ฑะท่อี ยใู่ นถงุ อณั ฑะ -สว่ นท่อี ยใู่ นรา่ งกายมตี อ่ มลกู หมาก ตอ่ มสรา้ งนา้ หลอ่ ล่นื ถงุ เกบ็ อสจุ ิ และทอ่ นา นา้ เชือ้ การดูแลรักษาความสะอาด ควรทาความสะอาดอวยั วะเพศทกุ วนั วนั ละ 2 ครงั้ เชา้ เย็นดว้ ยนา้ และสบู่ แลว้ เชด็ ให้ แหง้ -บรเิ วณคอหยกั และใตห้ นงั หมุ้ ปลายองคชาต เป็นสว่ นท่ีตอ้ งทาความสะอาดเป็น พเิ ศษ เน่ืองจากบรเิ วณดงั กลา่ วมตี อ่ มสรา้ งนา้ เมือก อยเู่ ป็นจานวนมากจงึ มกั มีคราบ สีขาว เรยี กวา่ สเม็กมา จงึ ควรรูดหรอื ดงึ หนงั หมุ้ ปลายองคชาต เพ่ือทาความสะอาด หากการทาความสะอาดไมด่ ีพอจะทาใหม้ กี ล่ินเหมน็ เป็นผ่ืนคนั อกั เสบหรอื กระท่งั อาจจะทาใหเ้ ป็นมะเรง็ ขององคชาตได้ -ไมค่ วรน่งุ กางเกงในท่ีรดั แน่นเกินไป หรอื เปียกชืน้ -ควรเลือกกางเกงในท่ตี ดั เยบ็ ดว้ ยเนือ้ ผา้ ท่ีระบายอากาศไดด้ ี -ตอ้ งเปล่ยี นกางเกงในทกุ วนั โดยเฉพาะกางเกงในท่เี ปียกนา้ ปัสสาวะไม่ควรนา กลบั มาใสซ่ า้ หากยงั ไมท่ าความสะอาด
-ไมใ่ ชก้ างเกงใน กางเกง ผา้ เชด็ ตวั ผา้ ขาวมา้ ปะปนกบั คนอ่ืน เพราะเขาอาจมี โรคติดตอ่ หรอื โรคผวิ หนงั ซง่ึ อาจทาใหเ้ ราตดิ เชือ้ ได้ -การรว่ มเพศแต่ละครงั้ เส่ยี งตอ่ การตดิ เชือ้ จากโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ เพราะ การใชถ้ งุ ยางอนามยั บางครงั้ ก็ไมส่ ามารถปอ้ งกนั ได้ การดแู ลสุขอนามัยทางเพศของเพศหญิง อวยั วะสบื พนั ธแ์ หง่ เพศหญิงประกอบดว้ ยสว่ นสาคญั คอื -สว่ นท่ีปรากฏภายนอกรา่ งกายมีปากชอ่ งคลอด กลบั เนือ้ สองชนั้ (แคมใหญ่และ แคมเลก็ ) รูเปิดของทอ่ ปัสสาวะ ครสิ ตอรสิ -สว่ นท่ีอยภู่ ายในรา่ งกาย เชน่ ชอ่ งคลอด มดลกู รงั ไข่ การดแู ลรักษาความสะอาด อวยั วะเพศหญิงมคี วามสลบั ซบั ซอ้ นมากกวา่ เพศชาย ยอ่ มมีสง่ิ ท่ีสกปรกตา่ ง ๆ จาก เหง่ือไคล นา้ มนั ธรรมชาติ ปัสสาวะ และตกขาว ตลอดจนฝ่นุ ละอองตา่ ง ๆ มาเกาะติด ไดง้ า่ ย การรกั ษาความสะอาด จงึ ควรเอาใจใสเ่ ป็นพิเศษ และทาความสะอาดเฉพาะ ภายนอกเทา่ นนั้
-ควรทาความสะอาดอวยั วะเพศทกุ วนั เชา้ เยน็ ดว้ ยนา้ และสบู่ ซบั ใหแ้ หง้ ดว้ ยผา้ หรอื กระดาษออ่ นเพยี งเบาๆ การถแู รงๆ อาจทาใหเ้ กิดปรแิ ตกเป็นแผลได้ -ควรพิถีพิถนั ในการทาความสะอาดตามรอยย่นรอยจีบตา่ ง ๆ ของอวยั วะเพศ โดยเฉพาะบรเิ วณครสิ ตอรสิ แคมเลก็ และปากชอ่ งคลอด -หลงั การขบั ปัสสาวะและอจุ จาระ ควรทาความสะอาดชาระเชด็ จากขา้ งหนา้ ไป ขา้ งหลงั และลา้ งดว้ ยนา้ โดยวธิ ีเดยี วกนั -ไมค่ วรใชก้ างเกงในท่ีรดั แน่น หรอื อบั เหง่ือ และไมค่ วรใชก้ างเกงในกบั คนอ่ืน -การลา้ งช่องคลอด เพ่ือรกั ษาความสะอาดภายในเป็นความคดิ ท่ผี ิด เพราะเป็น การทาลายเชือ้ แบคทเี รยี ท่ีไมเ่ ป็นอนั ตรายตอ่ รา่ งกาย ทาใหเ้ ชือ้ แบคทีเรยี หรอื เชือ้ รา ชนิดท่เี ป็นอนั ตรายต่อรา่ งกายเกิดขนึ้ แทนและบางครงั้ อาจมอี าการแพย้ าท่ีใชด้ ว้ ย การรักษาความสะอาดช่วงมีประจาเดอื น ตอ้ งเอาใจใสเ่ ป็นพิเศษกวา่ ปกตใิ นช่วงท่ีมปี ระจาเดือน
-การอาบนา้ ควรเป็นนา้ ท่ีมอี ณุ หภมู ปิ กติ ไม่เย็นจดั จนทาใหห้ นาวส่นั ไมร่ อ้ น จนเกินไป -ไมค่ วรอาบนา้ ในสระสาธารณะ หรอื อ่างอาบนา้ -อวยั วะเพศควรฟอกลา้ งดว้ ยสบู่ และไมล่ า้ งเขา้ ไปในช่องคลอด -ทกุ ครงั้ ท่ีเปลีย่ นผา้ อนามยั ควรฟอกลา้ งอวยั วะเพศก่อนแลว้ ซบั ใหแ้ หง้ -เม่ือผา้ อนามยั เปียกช่มุ ควรเปลย่ี นผา้ ใหม่ การปลอ่ ยเอาไวโ้ ดยไมเ่ ปลีย่ นผืนใหม่ จะทาใหอ้ วยั วะเปียกชืน้ มาก ผวิ หนงั จะเกิดผ่ืนคนั หรอื เป่ือยลอกไดง้ า่ ย -ผา้ อนามยั ท่ีเปียกชมุ่ พอเลือดแหง้ ผา้ อนามยั จะแขง็ ทาใหก้ ดหรอื เสยี ดสี ทาให้ ผวิ หนงั ของอวยั วะเพศและขาหนีบอกั เสบซง่ึ จะเจบ็ แสบมาก ข้อควรรู้ ควรรูจ้ กั สงั เกตความผดิ ปกตใิ นระบบสบื พนั ธุ์ เชน่ การตกขาวมาก มกี ลิน่ หรอื สี ผดิ ปกติ อาการคนั เจบ็ แสบ ซง่ึ บง่ วา่ มีการอกั เสบเกิดขนึ้ เป็นแผล ปัสสาวะบอ่ ย ปวด แสบ ตกเลือดขณะหรอื หลงั การมีเพศสมั พนั ธห์ รอื เจ็บปวดขณะมีเพศสมั พนั ธต์ อ้ งรบี ไปปรกึ ษา นอกจากนีค้ วรสงั เกตลกั ษณะของอวยั วะเพศตวั เองอย่อู ย่างสม่าเสมอหากมีอาการ ผดิ ปกติเปิดขนึ้ จะไดร้ บี รกั ษาไดท้ นั ความผดิ ปกติบางอย่างตอ้ งรบี ไปปรกึ ษาแพทยเ์ พ่ือรบั การตรวจโดยดว่ น -มหี นองไหลออกจากทอ่ ปัสสาวะ -มีผ่ืน แผล เนือ้ งอก -มอี าการบวม
-คนั บรเิ วณอวยั วะเพศ -เจ็บปวดขณะรว่ มเพศ -ปัสสาวะบอ่ ย แสบ ขดั ขนุ่ หมายเหตุ : หากพบอาการผิดปกตดิ งั ท่ีกลา่ วมา หา้ มซือ้ ยารบั ประทานเอง เพราะอาจไดร้ บั ยาไมค่ รอบคลมุ และไมเ่ พียงพอท่ีจะทาใหโ้ รคหายขาด และเป็นเหตุ ใหม้ ีอาการเรอื้ รงั หรอื ดือ้ ยา หากเป็นโรคบรเิ วณอวยั วะเพศ ตอ้ งงดการมีเพศสมั พนั ธอ์ ย่างเดด็ ขาด จนกวา่ จะ รกั ษาหายขาด บทท่ี 3 สัมพนั ธภาพระหว่างเพศ การสร้างสมั พันธภาพระหวา่ งเพศ สมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศ หมายถงึ ความสมั พนั ธข์ องคนสองคน ซง่ึ โดยปกติจะเป็น คนละเพศโดยความสมั พนั ธน์ ีพ้ ฒั นามาจากการท่บี คุ คลทงั้ สองคนนนั้ มคี วามสนใจซง่ึ กนั และกนั และเม่ือคบหากนั จะเกิดการเรยี นรูซ้ ง่ึ กนั และกนั ทาใหเ้ กิดความรูจ้ กั กนั มากขนึ้ จนกลายเป็นความสนทิ สนมชอบพอกนั โดยท่ีบคุ คลทงั้ สองจะมีความสนใจ ในสิ่งตา่ ง ๆท่ี คลา้ ยกนั มที ศั นคตทิ ่ีดีตอ่ กนั ในลกั ษณะใกลเ้ คียงกนั มีความถนดั และ ความชอบในการทากิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ี คลา้ ยกนั อีกดว้ ย นอกจากนนั้ ยงั มปี ัจจยั อ่ืนท่ี สง่ เสรมิ ใหเ้ กิดสมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศท่ดี ี ไดแ้ ก่ 1. ภมู ิลาเนา เชน่ เป็นคนจงั หวดั เดยี วกนั หรอื คนภาคเดยี วกนั ก็จะมีความรูส้ กึ วา่ เป็นพวกเดยี วกนั กลมุ่ เดียวกนั ท่รี ูเ้ ขา้ ใจวฒั นธรรมและวถิ ีการดาเนนิ ชีวติ ของกนั และ กนั ทาใหเ้ กิดความสมั พนั ธท์ ่ดี ีตอ่ กนั ไดง้ า่ ย
2. วยั ถา้ อยใู่ นช่วงวยั เดียวกนั มีอายใุ กลเ้ คียงกนั จะทาใหร้ ูจ้ กั สนิทสนมกนั ไดง้ ่าย ขนึ้ การสรา้ งสมั พนั ธภาพท่ีดีตอ่ กนั ทาไดง้ ่ายขนึ้ ดว้ ย 3. สถานภาพทางสงั คมและเศรษฐกิจ ถา้ อย่ใู นสงั คมระดบั เดยี วกนั หรอื ไมแ่ ตกตา่ ง กนั มากจะทาใหก้ ารสรา้ งสมั พนั ธภาพท่ีดตี อ่ กนั ทาไดง้ า่ ยขนึ้ ดว้ ย การสรา้ งสมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศในชว่ งวยั รุน่ เป็นสิ่งท่ีดีซง่ึ เป็นไปตามธรรมชาติของ วยั รุน่ ท่ตี อ้ งการมีเพ่ือน โดยเฉพาะเพ่อื นตา่ งเพศ แต่การมีสมั พนั ธภาพกบั เพ่ือนตา่ ง เพศนนั้ ตอ้ งอยใู่ นขอบเขตท่เี หมาะสม คอื ควรเป็นสมั พนั ธภาพแบบเพ่ือน ไมใ่ ช่ ครู่ กั และสอดคลอ้ งกบั คา่ นิยมทางสงั คม ตลอดจนวฒั นธรรมท่ดี ีงามของสงั คมไทย ดว้ ย รูปแบบและขอบเขต ของความสัมพนั ธแ์ บบตา่ ง ๆ สมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศ มี 2 ลกั ษณะ คือ 1. สัมพนั ธภาพฉันเพอื่ น เป็นความรูส้ กึ ผกู ผนั อย่างเพ่ือน มคี วามรกั ความ ปรารถนาดีตอ่ กนั ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ดแู ลเอาใจใสก่ นั และกนั มีความเขา้ ใจและเหน็ ใจในความทกุ ขห์ รอื ปัญหาท่เี กิดขนึ้ กบั อีกฝ่ายหนง่ึ และพรอ้ มท่จี ะช่วยเหลือแกไ้ ข ปัญหาเหลา่ นนั้ สมั พนั ธภาพฉนั เพ่ือนนีม้ กั จะไมม่ คี วามรูส้ กึ ทางเพศเขา้ มาเก่ียวขอ้ ง และเป็นสมั พนั ธภาพท่คี งทน สรา้ งความสขุ และวามพอใจท่ีลกึ ซงึ้ 2. สัมพันธภาพฉันคนรัก เป็นสมั พนั ธภาพท่ีมีพืน้ ฐานมาจากความรกั แบบครู่ กั ซง่ึ ในช่วงวยั รุน่ เป็นความรกั แบบเพอ้ ฝัน หลงใหล เป็นความรูส้ กึ ช่ืนชอบในรูปลกั ษณ์ ภายนอก เป็นความรูส้ กึ ท่ีเกิดขนึ้ อย่างรวดเรว็ กอ่ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงทงั้ ทางดา้ น รา่ งกายและอารมณ์
ทางดา้ นจิตใจอารมณ์ จะมีความรูส้ กึ หงึ หวง ตอ้ งการอยใู่ กลช้ ิดตลอดเวลา มี ความรูส้ กึ เป็นเจา้ ของอีกฝ่ายหน่งึ จงึ เกิดความหวงแหน ไมต่ อ้ งการใหอ้ ีกฝ่ายหน่งึ คบ หากบั คนอ่ืนตอ้ งการใหค้ บหาใกลช้ ิดเฉพาะตนเองเท่านนั้ สว่ นทางดา้ นรา่ งกาย จะ เกิดความพรอ้ ม ต่นื ตวั ตอ้ งการมีเพศสมั พนั ธ์ สมั พนั ธภาพแบบนีใ้ นวยั รุน่ เป็นความสมั พนั ธท์ ่นี า่ จะก่อใหเ้ กิดผลเสยี ตามมา ท่ี สาคญั คอื การมเี พศสมั พนั ธ์ ซง่ึ จะก่อใหเ้ กิดปัญหาตามมาอีกมากมายดงั ไดก้ ลา่ วแลว้ ขา้ งตน้ ดงั นนั้ วยั รุน่ จงึ ควรหลกี เล่ียงการมีสมั พนั ธภาพฉนั คนรกั แตค่ วรเสรมิ สรา้ ง สมั พนั ธภาพฉนั เพ่ือน จะก่อใหเ้ กิดประโยชนม์ ากกวา่ และสมั พนั ธภาพฉนั เพ่ือนไมม่ ี ขีดจากดั เฉพาะเพ่ือนคนใดคนหนง่ึ เพียงคนเดยี วเทา่ นนั้ แต่สามารถเป็นเพ่ือนไดก้ บั ทกุ ๆคน หรอื เป็นกลมุ่ เพ่ือนท่รี ว่ มเรยี นรว่ มทากิจกรรมต่าง ๆ ท่มี คี ณุ ประโยชน์ จะ ทาใหช้ ่วงชีวิตในวนั รุน่ เป็นช่วงชีวติ ท่ีมีคณุ ค่าอย่างแทจ้ รงิ การเลอื กปฏบิ ัตติ ามค่านิยมทเ่ี หมาะสมกับวัฒนธรรมไทยในการ สร้างสัมพันธภาพระหว่างเพศ คา่ นยิ มในเรอ่ื งเพศท่ีสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมไทยเนน้ ท่กี ารวางตวั อยา่ ง เหมาะสมในเรอ่ื งเพศโดยเฉพาะผหู้ ญิงตอ้ งรูจ้ กั วางตวั ไมใ่ หผ้ ชู้ ายใกลช้ ิดสนิทสน มมากจนเกินไป ไมใ่ หผ้ ชู้ ายถกู เนือ้ ตอ้ งตวั หรอื จบั มือถือแขน จงึ มีสภุ าษิตเตือนใจผู้ หญิงไทยวา่ ใหร้ ูจ้ กั “รกั นวลสงวนตวั ” ซง่ึ หมายถึงการรกั ษาตนเองไมใ่ หผ้ ชู้ ายเขา้ มา เก่ียวขอ้ งในเรอ่ื งเพศก่อนถงึ เวลาอนั ควร คือ การแตง่ งานมีครอบครวั อยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสมม่นั คง สาหรบั ฝ่ายชาย คา่ นิยมในเร่อื งเพศเนน้ ท่ีการใหเ้ กียรตผิ หู้ ญิง ไมล่ ว่ งเกิน ทางเพศ ทงั้ ทางวาจาและการกระทา เช่น ไมพ่ ดู จาแทะโลม เกีย้ วพาราสี หรอื ไม่ ลว่ งเกินดว้ ยการกระทา เชน่ จบั มือถือแขน โอบกอด จนถึงการข่มขืน
ดงั นนั้ ในการปฏิบตั ิเพ่ือสรา้ งสมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศจะตอ้ งพจิ ารณาให้ เหมาะสมสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมไทย ซง่ึ การสรา้ งเสรมิ สมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศมี แนวทางการพจิ ารณาเพ่ือเลือกปฏิบตั ิ ดงั นี้ 1. การกระทาเพ่อื สรา้ งสมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศนี้ จะมีผลอยา่ งไรตอ่ อนาคตทงั้ ของ ตนเอง และผทู้ ่เี ราตอ้ งการสรา้ งสมั พนั ธภาพดว้ ย 2. สมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศในรูปแบบท่เี ราตอ้ งการ และสรา้ งขนึ้ มานนั้ จะสง่ ผล กระทบตอ่ การเรยี นหรอื ไม่ 3. คนท่วั ไปทาเป็นปกติแบบนีห้ รอื ไม่ 4. ขดั ตอ่ วฒั นธรรมประเพณีท่ีดีงามของสงั คมไทยหรอื ไม่ 5. จะมีผลกระทบตอ่ ครอบครวั หรอื ไม่ อย่างไร 6. ถา้ เราจะมสี มั พนั ธภาพระหวา่ งเพศฉนั คนรกั จะเสย่ี งหรอื นาไปสกู่ ารมี เพศสมั พนั ธก์ ่อนวยั อนั ควรหรอื ไม่ และเสย่ี งตอ่ การติดโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พนั ธแ์ ละ การตงั้ ครรภท์ ่ไี มพ่ งึ ประสงคห์ รอื ไม่ 7. พรอ้ มท่ีจะแกไ้ ขปัญหาท่จี ะเกิดตามมาจากการสรา้ งสมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศใน แบบท่ีตอ้ งการไดห้ รอื ไม่ ดงั นนั้ กอ่ นท่ีจะสรา้ งสมั พนั ธภาพระหวา่ งเพศโดยเฉพาะฉนั คนรกั ควรตอบคาถาม ขา้ งตน้ ใหก้ บั ตวั เองอยา่ งชดั เจนก่อน ถา้ คดิ วา่ ยงั ไมพ่ รอ้ มท่ีจะมสี มั พนั ธภาพระหวา่ ง เพศฉนั ครู่ กั ควรจะรกั ษาสมั พนั ธภาพทางเพศฉันเพ่ือนท่ีดี โดยมคี วามเอือ้ อาทรตอ่ กนั ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ตามท่เี พ่ือนพงึ ปฏิบตั ติ อ่ กนั ก็จะเป็น สมั พนั ธภาพท่ีม่นั คงและไมก่ อ่ ใหเ้ กิดปัญหาตามมา
บทท่ี 4 ความรับผิดชอบการแสดงออกทางเพศ ความรับผิดชอบการแสดงออกทางเพศ ปัจจยั ทมี่ ีอทิ ธิพลต่อพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รุ่น 1.อิทธิพลท่เี กิดจากตวั เอง 1.1 พฒั นาการทางเพศ การเปล่ียนแปลงทางดา้ นรา่ งกาย จิตใจ อารมณแ์ ละสงั คม ของวยั รุน่ มีผลต่อแรงผลกั ทางเพศ บทบาททางเพศ และพฤตกิ รรมทางเพศ ทงั้ นีอ้ าจ เน่ืองมาจากฮอรโ์ มนทางเพศและฮอรโ์ มนการเจรญิ เตบิ โต ทาใหว้ ยั รุน่ แตล่ ะคนจะมี การเปลีย่ นแปลงท่แี ตกตา่ งกนั ออกไป 1.2 สภาพจิตใจและอารมณ์ จิตใจและอารมณืของวยั รุน่ มีการเปลี่ยนแปลงอยา่ ง รวดเรว็ ทาใหเ้ กิดอารมณเ์ ปล่ียนแปลงไดง้ ่าย บางครงั้ ดี บางครงั้ อารมณร์ ุนแรง มี ความขดั แยง้ ขณะเดียวกนั มคี วามเช่ือม่นั ในตนเองสงู 1.3 ผลจากการถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ วยั รุน่ ท่ีถกู ลว่ งละเมิดทางเพศและถกู กระทา ทารุณทางเพศ ยอ่ มกระทบตอ่ วยั รุน่ ทงั้ ทางรา่ งกาย จิตใจ และอารมณ์ ซง่ึ เป็นผลตอ่ การดาเนินชีวติ ในเรอ่ื งเพศ ทงั้ พฤตกิ รรมทางเพศ บทบาททางเพศและสมั พนั ธภาพ ทางเพศ 1.4 ผลจากการใชส้ ารเสพติด สารเสพตดิ ทกุ ชนิดนอกจากมผี ลเสียตอ่ ตนเอง ครอบครวั และสงั คมแลว้ สารเสพตดิ ยงั สง่ ผลกระทบโดยตรงทงั้ ทางรา่ งกาย จติ ใจ และอารมณต์ อ่ ผเู้ สพ การใชส้ ารเสพติดจะเป็นการกระตนุ้ อารมณต์ า่ ง ๆรวมทงั้ อารมณท์ างเพศซง่ึ มีผลตอ่ การแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ 1.5 การขาดการนบั ถือตวั เอง วยั รุน่ สว่ นมากมกั มคี วามเช่ือม่นั และความเป็นตวั ของ ตวั เองค่อนขา้ งสงู ความรูส้ กึ วา่ ตนเป็นหนง่ึ อยากใหผ้ อู้ ่ืนสนใจ ทาใหว้ ยั รุน่ เลียนแบบ
บทบาททางเพศและพฤติกรรมทางเพศอยา่ งกวา้ งขวาง จนบางครงั้ ขาดการนบั ถือ ตนเองและนาไปสปู่ ัญหาตา่ ง ๆ 1.6 การไมย่ ดึ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม วยั รุน่ สามารถพฒั นาคณุ ธรรมจรยิ ธรรม รูจ้ กั แยกแยะความดี ความช่วั จากมโนธรรมของตนเอง โดยการเรยี นรูจ้ ากการปลกู ฝัง คา่ นิยม ทศั นคตแิ ละความสมั พนั ธท์ ่ดี ีภายในครอบครวั บคุ คลท่ีมคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม จะเป็นท่ีรกั ใครข่ องคนอ่ืน สามารถอยมู่ ในสงั คมและดาเนินชีวิตอยา่ งมคี วามสขุ 2.อทิ ธิพลท่เี กิดจากครอบครวั 2.1 ความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั 2.2 องคป์ ระกอบของครอบครวั 2.3 มาตรฐานในการอบรมเลยี้ งดขู องครอบครวั อิทธิพลจากครอบครวั ครอบครวั เป็นสถาบนั ท่ีประกอบดว้ ยพอ่ แม่ ลกู ซง่ึ เป็น สถาบนั แรกท่ีไดร้ บั การอบรมเลยี้ งดแู ละไดร้ บั ความรูต้ า่ ง ๆจากพ่อแมแ่ ละบคุ คลใน ครอบครวั ถา้ ครอบครวั ใดท่พี อ่ แม่และ บคุ คลในครอบครวั มีการศกึ ษาและ ถ่ายทอด สิ่งท่ี ดมี ีคณุ ค่ากบั เด็ก เดก็ ก็จะไดร้ บั การซมึ ซบั สิ่งท่ดี มี พี ฤติกรรมท่พี งึ ประสงค์ แต่ เดก็ ท่ีท่เี กิดในครอบ ครวั ท่ีเป็นแบบอยา่ งใน ทาง ตรงขา้ ม เชน่ พอ่ แม่ หรอื บคุ คลใน ครอบครวั มกี ารศกึ ษานอ้ ย ยากจน พ่อแมม่ พี ฤตกิ รรม ท่ไี มถ่ กู ตอ้ ง เช่น พดู จาหยาบ คาย ไมส่ ภุ าพ และมีพฤตกิ รรมทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสมเดก็ ก็จะ ซมึ ซบั เอาพฤติกรรมท่ี ไมถ่ กู ตอ้ งนนั้ มาเป็นพฤตกิ รรมของตนเอง 3.อิทธิพลท่เี กิดจากเพ่ือน 3.1 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเพ่ือนเพศเดียวกนั
3.2 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเพ่ือนตา่ งเพศ เพ่ือนเป็นคนท่ีชอบพอรกั ใครข่ องเด็กท่ีอย่ใู นวยั เดียวกนั หรอื ใกลเ้ คยี งกนั มี รสนิยมและสน ใจเรอ่ื งต่าง ๆ เหมอื นกนั เพ่ือนจงึ มีอทิ ธิพลอยา่ งมากทงั้ ทางดี และ ไมด่ เี ด็กท่ีรูจ้ กั คบ เพ่ือน ท่ดี มี าจากครอบครวั ท่ีเป็นแบบอยา่ งท่ีดเี ดก็ ก็จะ ไดเ้ พ่ือนท่ดี ชกั ชวนกนั ทากิจ กรมท่ดี มี ปี ระ โยชน์ เชน่ รกั เรยี น ชว่ ยเหลือผอู้ ่ืน อยใู่ นกรอบระเบยี บท่ีดขี องสงั คม 4.อทิ ธิพลท่เี กิดจากสงั คมและวฒั นธรรม 4.1 กลมุ่ เพ่อื น 4.2 ฐานะทางเศรษฐกิจและการเมือง 4.3 บรรทดั ฐานทางสงั คมและวฒั นธรรม 4.4 สถานบนั เทิง 4.5 สือ่ มวลชน 3. คุณค่าของความเป็ นชาย ความเป็ นหญิง ความเป็ นชายและความเป็ นหญิง เม่อื กลา่ วถงึ เพศ (sex) แน่นอนวา่ หลายคนคงนึกถงึ หญิงและชาย ซง่ึ น่นั หมายถงึ ลกั ษณะทางสรรี ะหรอื ชีวภาพแบง่ ชายและหญิงออกจากกนั และดว้ ยการแบง่ นีเ้ อง เก่ียวพนั ถึง ความเป็นชายและความเป็นหญิง (felinity and rascality) หรอื ความ เป็นเพศ / เพศสภาวะ (Gender) ในสงั คมท่ี “เพศ” มสี ญั ญะมากกวา่ ความแตกตา่ ง ทางรา่ งกายนนั้ ทาใหแ้ นวคดิ การศกึ ษาเก่ียวกบั ความเป็นเพศ / เพศ
สภาวะ ตระหนกั ถงึ ตน้ ตอของความเป็นเพศชายและความเป็นเพศหญิง (Felinity and rascality) ท่ถี กู สรา้ งและผลติ ซา้ ในทกุ ๆ ยคุ คาวา่ Sex ใหห้ มายถึงเพศท่กี าหนดขนึ้ โดยธรรมชาตแิ ละเป็นขอ้ กาหนดทางสภาวะ ชีววทิ ยาซง่ึ เปล่ียนแปลงไมไ่ ดเ้ ป็นตวั กาหนดบทบาทหนา้ ท่ีใหเ้ พศหญิงและเพศชายมี บทบาทมีหนา้ ท่ีท่แี ตกต่างกนั เช่น มนษุ ยผ์ หู้ ญิงตงั้ ครรภแ์ ละคลอดบตุ ร มนษุ ยเ์ พศ ชายจะมสี ว่ นในการใหก้ าเนดิ โดยเป็นผผู้ ลิตอสจุ ิท่จี ะผสมกบั ไขจ่ ากหญิงในการ ก่อกาเนิดทารก สว่ นคาวา่ Gender หมายถึง เพศท่ีถกู กาหนดโดยเง่ือนไขทางสงั คม หรอื วฒั นธรรม ใหแ้ สดงบทบาทหญิงหรอื บทบาทชาย ดงั นนั้ เพศท่ีถกู กาหนดโดย สงั คมนีจ้ งึ อาจเปลี่ยนแปลงไดต้ ามสภาวการณแ์ ละเง่ือนไขของความเป็นเพศชายใน อีกยคุ สมยั หน่งึ ก็ได้ คณุ ลกั ษณะของแตล่ ะเพศท่ีปรากฏไมใ่ ชส่ ิง่ ท่เี กิดขึน้ ตาม ธรรมชาติ แตไ่ ดถ้ กู สรา้ งขนึ้ โดยผา่ นกระบวนการขดั เกลาทางสงั คมเขา้ ไปเป็นสว่ น หนง่ึ ของความเป็นตวั ตนทางสงั คม ดงั นนั้ ความเป็นเพศจงึ เป็นตวั กาหนดความเป็น ตวั ตน ทกั ษะและความสมั พนั ธท์ ่มี ตี อ่ ผอู้ ่ืนของคนในแต่ละเพศ (เมทินี พงษเ์ วช, 2544 : 10-11 , ภสั สร สิมานนท,์ 2542 : 1 , วารุณี ภรู สิ ินสิทธิ์. [มปป].) (ดเู พ่มิ เติม “เพศ” ในภสั สร สมิ านนท์ (2542) บทบาทเพศ สถานภาพสตรี กบั การพฒั นา, กาญจนา แกว้ เทพ & สมสขุ หนิ พิมาน (2551) สายธารแหง่ นกั คิดทฤษฎี เศรษฐศาสตรก์ ารเมอื งกบั สื่อสารการศกึ ษา) แนวคิดเก่ียวกบั การวเิ คราะหเ์ ร่ืองเพศมีพฒั นาการเรอ่ื ยมา ตงั้ แต่ยคุ แรกท่ีเป็น การศกึ ษาสตรนี ยิ มยคุ วางรากฐาน ตอ่ มาเป็นการศกึ ษาสตรนี ิยมแนววพิ ากษ์ และ ในปัจจบุ นั ท่ีใหค้ วามสาคญั กบั สตรนี ยิ มกบั การสอื่ สาร แตท่ งั้ นีท้ งั้ นนั้ การศกึ ษาในทกุ พฒั นาการใหค้ วามสาคญั กบั ความเป็นเพศชายและเป็นเพศหญิง 4. ธรรมชาตขิ องอารมณท์ างเพศ
อารมณท์ างเพศของวัยรุ่น ลกั ษณะอารมณข์ องวยั รุน่ ท่สี าคญั คอื อารมณร์ กั ในเพศตรงขา้ ม และการมอี ารมณ์ ทางเพศ ประกอบกบั มีความอยากรูอ้ ยากเห็น อยากทดลองและเลียนแบบ ดงั นนั้ วยั รุน่ จงึ เป็นวยั ท่ีเส่ยี งตอ่ ปัญหาเรอ่ื งเพศถา้ มีความรูเ้ ร่อื งเพศ ท่ีไมถ่ ูกตอ้ ง และขาด ความนกึ คดิ ท่ดี ี ไมม่ ีเหตผุ ลวยั รุน่ จะเรม่ิ มคี วามสนใจตอ่ เพ่ือนตา่ งเพศมากขนึ้ ซง่ึ อาจจะเรม่ิ จากการเป็นเพ่ือนรูจ้ กั กนั แลว้ จงึ คอ่ ยพฒั นาขนึ้ เป็นความรกั มีความ ตอ้ งการท่ีจะใชช้ ีวิตครู่ ว่ มกนั นอก จากนีย้ งั มีปัญหาท่ีอาจเกิดขนึ้ จากการท่วี ยั รุน่ มี อารมณท์ างเพศ คือ การตงั้ ครรภท์ ่ไี มพ่ งึ ประสงค์ ปัญหารกั รว่ มเพศ ปัญหาการทา แทง้ ท่ีผิดกฎหมาย ซง่ึ จะเป็นผลเสียตอ่ อนาคต การเรยี น ตอ่ ตนเองและครอบครวั การควบคุมอารมณท์ างเพศ อารมณท์ างเพศเป็นความตอ้ งการทางธรรมชาติชนดิ หนง่ึ ของมนษุ ยเ์ พ่ือการ ดารงเผา่ พนั ธุ์ แตค่ วรอยใู่ นภาวะท่เี หมาะสม การควบคมุ อารมณเ์ พศจงึ เป็นส่ิงท่ี สาคญั เพ่ือไมใ่ หเ้ กิดปัญหาตา่ ง ๆตามมาและ ถกู ตอ้ งตามขนบธรรมเนียมประเพณี ไทย ท่ียอมรบั ในการมีเพศสมั พนั ธก์ นั ไดห้ ลงั จากการแตง่ งานแลว้ วิธคี วบคุมอารมณท์ างเพศ 1. ใหค้ วามสนใจกบั การศกึ ษาเลา่ เรยี น เพ่ือความกา้ วหนา้ และความสาเรจ็ ใน การดาเนินชีวิตในอนาคต 2. หลีกเล่ียงการกระตนุ้ อารมณท์ างเพศจากส่ือตา่ ง ๆท่ีเป็นสง่ิ เรา้ ทาใหเ้ กิด อารมณท์ างเพศเช่นหนงั สือต่าง ๆการดภู าพยนตร์ หรอื วีดีโอท่ยี ่วั ยอุ ารมณท์ างเพศ หรอื ไมค่ วรอยตู่ ามลาพงั กบั เพ่ือนตา่ งเพศใน ท่ีลบั ตาคน
3. สนใจเขา้ รว่ มกิจกรรมต่าง ๆเช่นดนตรกี ีฬาหรอื วาดรูปเพ่อื จะไดเ้ บ่ียงเบน ความ สนใจจากอารมณท์ างเพศและยงั ทาให้ สขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ดดี ว้ ย 5. ปัญหาพฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุ่น ปัญหาพฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุ่น วยั รุน่ เป็นวยั ท่ีมกี ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งมากทงั้ รา่ งกายจิตใจ รวมทงั้ การเปลี่ยนแปลง ทางเพศ วยั รุน่ จะเรม่ิ ใหค้ วามสนใจตอ่ เพศตรงขา้ มเรม่ิ มีความรูส้ กึ ทางเพศประกอบกบั เป็นวยั ท่อี ยากรูอ้ ยากลอง มีการแสดงออกทางอารมณท์ ่รี ุนแรงและอาจยงั มีความเขา้ ใจท่ีไมถ่ กู ตอ้ งนกั ในเรอ่ื ง เพศ รวมทงั้ สภาพแวดลอ้ มในปัจจบุ นั ท่มี ปี ัจจยั และสถานการณท์ ่ีย่วั ยชุ กั นาใหว้ ยั รุน่ มพี ฤก รรมทางเพศท่ไี มเ่ หมาะสมไดง้ า่ ยและอาจนามาซง่ึ การมีเพศสมั พนั ธแ์ ละการตงั้ ครรภ์ โดยไมต่ งั้ ใจท่จี ะทาใหเ้ กิดปัญหาอ่ืน ๆ ตามมามากมายไมว่ า่ จะเป็นโรคเอดสถ์ กู พกั การเรยี นฆ่าตวั ตาย ทาแทง้ ผิดกฎหมาย ทอดทงิ้ เดก็ เป็นตน้ วยั รุน่ จงึ ควรมกี าร แสดงออกทางเพศท่ีเหมาะสมรูจ้ กั หลกี เล่ียงและปอ้ งกนั ตนเองจากปัจจยั และ สถานการณเ์ ส่ยี งท่ีจะนาไปสกู่ ารมีเพศสมั พนั ธแ์ ละการตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจเพ่ือท่ีจะ ไดม้ ชี ีวิตอยา่ งสดใสในช่วงวยั รุน่ และเตบิ โตไปสผู่ ใู้ หญ่อย่างมคี วามสขุ การ เปลย่ี นแปลงไปของสงั คมในปัจจบุ นั นามาซง่ึ ปัจจยั และสถานการณต์ า่ ง ๆท่ลี อ่ แหลม และอนั ตรายตอ่ วยั รุน่ โดยเฉพาะอย่างย่งิ พฤตกิ รรมทางเพศเป็นปัญหาท่สี าคญั ประการหนง่ึ ของวยั รุน่ หากวยั รุน่ มีพฤตกิ รรมทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสมจนเกิดการมี เพศสมั พนั ธอ์ าจทาใหเ้ กิดปัญหาการตดิ โรคเอดสแ์ ละโรคทางเพศสมั พนั ธอ์ ่ืน ๆ ตามมาและในวยั รุน่ หญิงอาจทาใหเ้ กิดการตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจไดด้ งั นนั้ นกั เรยี นซง่ึ
อยใู่ นวยั รุน่ จงึ ควรเรยี นรูถ้ ึงการหลกี เลีย่ งและปอ้ งกนั ตนเองจากปัจจยั และ สถานการณเ์ ส่ยี งตอ่ การมเี พศสมั พนั ธแ์ ละการตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจเพ่ือท่ีจะนาไป ปฏิบตั ไิ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม พฤตกิ รรมทางเพศในวัยรุ่นชายทเ่ี ป็ นปัญหา ไดแ้ ก่ - การอ่านการต์ นู ลามกและสื่อลามก เชน่ วซี ดี ี วีดโี อ เป็นตน้ เพ่ือเรยี นรูเ้ ก่ียวกบั เร่อื งเพศซง่ึ เป็นสง่ิ ท่ีไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะสื่อลามกเหลา่ นีม้ กั จะแสดงพฤติกรรมทางเพศท่ีผิดไป จากความจรงิ เพ่ือจะดงึ ดดู ความสนใจของผดู้ กู ารดสู อื่ ลามกอาจทาใหข้ าดความยบั ยงั้ ช่งั ใจไปหลอกลวงหรอื ขม่ ข่ืนผอู้ ่ืนไดห้ ากดสู ่อื เหลา่ นีเ้ ป็นประจาจะทาใหม้ ีพฤติกรรมทางเพศท่ี ผดิ ปกติไดน้ อกจากนีย้ งั เป็นการใชเ้ วลาวา่ งไปอยา่ งเปลา่ ประโยชนเ์ พราะวยั รุน่ เป็นวยั ท่ี กาลงั เจรญิ เติบโต จงึ ควรเอาเวลาไปออกกาลงั กายหรอื ทาสง่ิ อ่นื ท่มี ีประโยชนต์ อ่ ตนเองและสงั คม มากกวา่ - การทดลองมีเพศสมั พนั ธก์ บั เพศตรงขา้ ม โดยอาจจะเป็นเพ่ือนหญิง ครู่ กั หรอื หญิงขายบรกิ ารทางเพศจะทาใหค้ ิดโรคเอดส์ และโรคทางเพศสมั พนั ธอ์ ่ืน ๆ ไดห้ ากไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั รวมทงั้ ยงั ทาใหฝ้ ่ายหญิง เสียหายและอาจเกิดปัญหาตา่ ง ๆตามมาเช่นถกู ดาเนินการทางกฎหมายหากฝ่าย หญิงแจง้ ความวา่ ถกู ลอ่ ลวงหรอื ใชก้ าลงั บงั คบั ใหม้ ีเพศสมั พนั ธห์ รอื ฝ่ายหญิงอาจ ตงั้ ครรภใ์ นขณะท่วี ยั รุน่ ชายยงั ไมพ่ รอ้ มท่จี ะรบั ผิดชอบเพราะยงั เรยี นไมจ่ บ ยงั ไมส่ ามารถทางานหาเงนิ มาสง่ เสียเลยี้ งดแู ละยงั ไมม่ ีวฒุ ภิ าวะเพียงพอท่ีจะมี ครอบครวั หรอื เป็นพ่อของลกู - การสาสอ่ นทางเพศโดยมีการสมั พนั ธก์ บั ผหู้ ญิงหลาย ๆ คนจะมีความเส่ยี งสงู ต่อ
การติดโรคเอดสแ์ ละโรคทางเพศสมั พนั ธห์ ากไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั โดยเฉพาะหากมีการ ด่มื สรุ าจะทาใหม้ นึ เมาและไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั ได้ พฤตกิ รรมทางเพศในวยั รุ่นหญิงทเี่ ป็ นปัญหาไดแ้ ก่ - การแตง่ ตวั ใหเ้ ป็นท่ีดงึ ดดู ความสนใจของเพศตรงขา้ มโดยไมค่ านงึ ถงึ ความ เหมาะสมและ ความปลอดภยั เช่นใสเ่ สอื้ สายเด่ยี ว เสือ้ เกาะอกกางเกงขาสนั้ กางเกง เอวต่าเป็นตน้ จะเสี่ยงตอ่ การเกิดอาชญากรรมทางเพศไดง้ า่ ย - การยอมมเี พศสมั พนั ธก์ บั ครู่ กั เพราะคิดวา่ ความสมั พนั ธจ์ ะยาวนานม่นั คงหรอื ทาใหค้ นรกั ไมไ่ ปมีคนอ่ืน จรงิ ๆ แลว้ เป็นการแสดงออกท่ผี ิดเพราะการท่ีผหู้ ญิงยอมมี เพศสมั พนั ธจ์ ะทาใหฝ้ ่ายชายคดิ วา่ ผหู้ ญิงอาจเคยมีเพศสมั พนั ธก์ บั คนอ่ืนมาแลว้ เชน่ กนั และการทาเชน่ นีไ้ มท่ าใหฝ้ ่ายชายมคี วามรกั และความสมั พนั ธต์ อ่ ผหู้ ญิ ตลอดไปไดเ้ พราะความรกั จะมอี งคป์ ระกอบดา้ นอ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ความเขา้ ใจ ความเห็น ใจความเออื้ อาทร มีนสิ ยั ใจคอท่เี ขา้ กนั ไดเ้ ป็นตน้ อีกทงั้ วยั รุน่ เป็นวยั ท่ีตอ้ งเติบโตตอ่ ไป และยงั ตอ้ งเจอผคู้ นอีกมากในวนั ขา้ งหนา้ หากวนั ใดท่ีตอ้ งเลิกคบกบั ฝ่ายชายในฐานะคนรกั แลว้ จะไดไ้ มต่ อ้ งมาน่งั เสียใจใน ภายหลงั นอกจานีย้ งั เป็นการทาใหพ้ อ่ แม่และบคุ คลท่ีรกั เราตอ้ งเสียใจกบั พฤตกิ รรม ของเราและยงั อาจติดโรคเอดสจ์ ากคนรกั หรอื ตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจได้ - การมเี พศสมั พนั ธก์ บั คนอ่ืนไดง้ า่ ยหากเคยมเี พศสมั พนั ธม์ าแลว้ พบวา่ ผหู้ ญิงท่ี เคยมีเพศสมั พนั ธก์ บั คนรกั ไปแลว้ มกั จะยอมมเี พศสมั พนั ธก์ บั คนรกั คนตอ่ มาหรอื เพ่ือ เหตผุ ลอ่นื เช่นเพ่ือแลกกบั เงินท่จี ะมาซือ้ สิ่งของราคาแพงตามท่ตี นเองตอ้ งการเพราะ คิดวา่ ตนเองไมบ่ รสิ ทุ ธิ์แลว้ ไมม่ ีอะไรจะเสียอีกแลว้ ความคดิ เช่นนีไ้ มถ่ กู ตอ้ ง เพราะคนทกุ คนมีคณุ คา่ และศกั ดิศ์ รใี นตวั เองการท่ีเคยมีเพศสมั พนั ธม์ ากอ่ นในอดตี ไมไ่ ดท้ าใหค้ ณุ คา่ ของตวั เราลดลงหากการกระทาของตวั เราในปัจจบุ นั และอนาคต ตา่ งหากจะเป็นตวั บง่ บอกถงึ คณุ คา่ และศกั ดศิ์ รขี องตวั เรา
นอกจากนีก้ ารมีเพศสมั พนั ธก์ บั บคุ คลหลายคนจะย่งิ เส่ียงต่อการติดโรคเอดสห์ รอื โรค เพศสมั พนั ธแ์ ละการตงั้ ครรภต์ ามมาได้ การตงั้ ครรภโ์ ดยไม่ตัง้ ใจ การดาเนินชีวติ โดยปกติของมนษุ ยใ์ นปัจจบุ นั เม่ือเป็นเด็กจะตอ้ งศกึ ษาเลา่ เรยี น จากนนั้ เม่ือเติบโตเป็นผใู้ หญ่แลว้ จงึ ทางานเพ่ือหาเงินมาเลีย้ งดตู นเองเม่ือมหี นา้ ท่ีการ งานท่ีม่นั คงแลว้ จงึ แตง่ งาน มีครอบครวั และมีลกู เพ่ือสบื ทอดและดารงเผา่ พนั ธุก์ ารมี ครอบครวั มีลกู จงึ เป็นเร่อื งธรรมชาติของมนษุ ย์ แตต่ อ้ งรอใหถ้ ึงวยั อนั สมควรกอ่ น คือ หลงั จากเรยี นหนงั สอื สาเรจ็ มอี าชีพการงานทา มีรายไดเ้ พียงพอท่จี ะเลยี้ งดตู นเอง ครอบครวั แลว้ จงึ สมควรจะแตง่ งาน มคี รอบครวั ทงั้ นีเ้ พ่ือท่ีตนเองครอบครวั และลกู ท่ี เกิดมาจะไดม้ ีคณุ ภาพชีวติ ท่ีดีปัจจบุ นั สงั คมไทยไดเ้ ปล่ียนแปลงไปอยา่ งมากมีการ หล่งั ไหลเขา้ มาของวฒั นธรรมตา่ งชาตทิ าใหบ้ คุ คลท่ีอยใู่ นวยั รุน่ ซง่ึ ไดแ้ กน่ กั เรยี น นกั ศกึ ษาจานวนไมน่ อ้ ยท่ีเหน็ วา่ การมเี พศสมั พนั ธก์ อ่ นแตง่ งานเป็นเร่อื งปกตโิ ดยหาก พง่ึ พอใจในกนั และกนั หรอื เป็นครู่ กั กนั ก็สามารถมเี พศสมั พนั ธก์ นั ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งมี พนั ธะใด ๆหรอื ทดลองอยดู่ ว้ ยกนั ก่อนแตง่ งานเหมือนอยา่ งสงั คมตะวนั ตกสว่ นใหญ่ อีกทงั้ หลายคนไมม่ กี ารปอ้ งกนั โดยไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั ทาใหเ้ กิดปัญหาติดโรคทาง เพศสมั พนั ธโ์ ดยเฉพาะโรคเอดสท์ ่มี ผี ปู้ ่วยจานวนมากในปัจจบุ นั และในผูห้ ญิงอาจจะ มีการตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจ อนั จะนามาซง่ึ ปัญหาอ่ืน ๆ มากมายและผลกระทบตา่ ง ๆท่ี เกิดขนึ้ มกั จะเกิดกบั ฝ่ายหญิงเพียงฝ่ายเดยี วเพราะฝ่ายชายมกั จะไมร่ บั ผิดชอบตอ่ ผล การกระทาดงั กลา่ ว 6. วยั รุ่นกับการเกดิ อารมณท์ างเพศ 1.อารมณท์ างเพศและความเส่ียงตอ่ การมีเพศสัมพันธ์
อารมณท์ างเพศเป็นเร่อื งท่ีสามารถเกิดขนึ้ ไดก้ บั บคุ คลทกุ คน รวมทงั้ การมีพฤตกิ รรมท่ี เส่ยี งตอ่ การมีเพศสมั พนั ธ์ ซง่ึ สามารถก่อใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ สภาพรา่ งกายและจติ ใจ ก่อปัญหาหลายอยา่ ง เช่น โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธโ์ รคเอดส์ การตงั้ ครรภไ์ มพ่ งึ ประสงค์ เป็นตน้ ดงั นนั้ การมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจตลอดจนการจดั การ และหลีกเลย่ี ง ปฏิเสธอยา่ งเหมาะสมยอ่ มจะทาใหเ้ ป็นบคุ คลท่ีมคี วามสขุ เป็นท่รี กั ของทกุ คนใน สงั คมดว้ ย 1)การเกดิ อารมณท์ างเพศ เร่อื งเพศเป็นธรรมชาตขิ องทกุ คน เป็นสิง่ ท่ีแฝงอยใู่ นกายและจิตใจ ความรูส้ กึ ทาง เพศหรอื อารมณท์ างเพศจงึ เป็นเร่อื งปกติอย่างหนง่ึ เช่นเดยี วกบั อารมณต์ า่ งๆ ท่เี กิด ขนึ้ กบั มนษุ ย์ แตเ่ น่ืองจากอารมณท์ างเพศเป็นสงิ่ ท่เี กิดเม่อื เขา้ สวู่ ยั รุน่ และเป็นสิ่ง แปลกใหมข่ องวยั รุน่ จงึ เป็นสง่ิ ท่ีวยั รุน่ ทกุ คนสนใจ 1.1 ฮอรโ์ มนกบั อารมณท์ างเพศ เม่อื เขา้ สวู่ ยั รุน่ รา่ งกายจะมีการเปลยี่ นแปลง มีการสรา้ งและหล่งั ฮอรโ์ มนเพ่มิ ขนึ้ โดยเฉพาะฮอรโ์ มนเพศ ซง่ึ ทาใหเ้ กิดความรูส้ กึ ทางเพศหรอื อารมณท์ างเพศ เพศชาย ฮอรโ์ มนเพศท่มี บี ทบาทสาคญั คอื ฮอรโ์ มนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซง่ึ จะทาใหเ้ กิดลกั ษณะของความเป็นชายอย่างชดั เจน และทาให้ เกิดอารมณท์ างเพศดว้ ย เพศหญิง ฮอรโ์ มนเพศท่มี บี ทบาทสาคญั คอื ฮอรโ์ มนเอสโตรเจน(Estrogen) ซง่ึ จะ ทาใหเ้ กิดลกั ษณะของความเป็นหญิงอยา่ งชดั เจน และทาใหเ้ กิดอารมณท์ างเพศ เชน่ เดยี วกบั เพศชาย
เม่อื ชายและหญิงเรม่ิ สนใจเพศตรงขา้ ม ฮอรโ์ มนเพศจะเป็นตวั กระตนุ้ ใหเ้ กิดอารมณ์ ทางเพศทาใหเ้ กิดความอยากท่ีจะแสดงออกซง่ึ ความสนใจ หรอื อยากไดร้ บั ความ สนใจจากเพศตรงขา้ ม การแสดงออกอยา่ งเดน่ ชดั ลว้ นขนึ้ อยกู่ บั ตวั บคุ คล ซง่ึ ใน ปัจจบุ นั นีว้ ยั รุน่ จะมกี ารแสดงออกมาอยา่ งชดั เจนกวา่ ในอดตี อทิ ธิพลทสี่ ่งผลพฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุ่น 1.อทิ ธิพลทสี่ ่งผลต่อพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รุ่น ปัจจบุ นั ไดเ้ กิดปัญหาทางดา้ นพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รุน่ อย่างมากมาย ดงั จะเห็น ไดจ้ ากสอ่ื ตา่ ง ๆ ท่ีมกี ารนาเสนอปัญหาเก่ียวกบั การมเี พศสมั พนั ธก์ ่อนวยั อนั สมควร ของวยั รุน่ การตงั้ ครรภท์ ่ไี มพ่ งึ ประสงค์ การสาสอ่ นทางเพศ การทาแทง้ การมเี ด็กถกู ทอดทิง้ ในสงั คม นกั เรยี นอยใู่ นช่วงวยั รุน่ จงึ ควรศกึ ษาพฤตกิ รรมทางเพศ เพ่ือจะไดม้ ี การแสดงออกท่ีเหมาะสม และไมท่ าใหเ้ กิดปัญหาตา่ ง ๆขนึ้ 1.1 ความหมายและความสาคญั ของวยั รุ่นกบั พฤตกิ รรมทางเพศ พฤติกรรมทางเพศ ( sex behavior ) หมายถึง ความคดิ ทศั นคติ และการ แสดงออกของบคุ คลเก่ียวกบั เรอ่ื งเพศเป็นเร่อื งท่ีมีอิทธิพลตอ่ การดารงชีวิตของมนษุ ย์ การมพี ฤตกิ รรมทางเพศท่ถี กู ตอ้ งเหมาะสมจะทาใหเ้ กิดผลท่ีดีตอ่ สขุ ภาพ เกิดบคุ ลิกท่ี ดี จิตใจมีความสขุ และเป็นท่ยี อมรบั ของบคุ คลในสงั คม สาหรบั ผทู้ ่มี ีพฤตกิ รรมทาง เพศท่ีไมเ่ หมาะสม จะทาใหเ้ กิดปัญหาตา่ ง ๆ ตามมามากมายทงั้ ทางดา้ นสขุ ภาพของ ตนเอง ครอบครวั และปัญหาทางสงั คม วยั รุน่ เป็นวยั ท่ีมกี ารเปลีย่ นแปลงอยา่ งมากมายรวมทงั้ พฒั นาการทางเพศ วยั รุน่ จะเป็นวยั ท่ีมีวฒุ ภิ าวะทางเพศ โดยวยั รุน่ หญิงและวยั รุน่ ชายจะมกี ารเปลย่ี นแปลง ของระบบอวยั วะสืบพนั ธุท์ ่มี คี วามสามารถจะใหก้ าเนิดบตุ รด้ ดงั นนั้ วยั รุน่ จงึ ควรมีการ
แสดงออกของพฤติกรรมทางเพศท่ีเหมาะสม เพ่ือจะไดไ้ มใ่ หเ้ กิดปัญหาตา่ ง ๆ ตามมา และกา้ วไปสวู่ ยั ผใู้ หญ่อย่างมีความสขุ 1.2 ปัจจัยทมี่ ีอทิ ธิพลต่อพฤตกิ รรมทางเพศและการกาเนิด คาวา่ อิทธิพล ในท่นี ีห้ มายถึง ความสามารถในการใหค้ วามรูค้ วามเขา้ ใจในดา้ น พฤติกรรมทางเพศท่ีทาใหเ้ กิดพฤตกิ รรมทางเพศท่ีเหมาะสมหรอื ไมเ่ หมาะสม ซง่ึ ปัจจยั ท่ีมอี ิทธิตอ่ พฤติกรรมทางเพศและการดาเนนิ ชีวติ ของมนษุ ยท์ ่สี าคญั ไดแ้ ก่ ครอบครวั เพ่ือน สงั คม และวฒั นธรรม 1.ครอบครัว ครอบครวั เป็นสถาบนั แรกของมนษุ ยน์ บั ตงั้ แตเ่ กิดมา ครอบครวั จะเป็นแหลง่ ถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจ ทศั นคติ และการปฏบิ ตั ิทางดา้ นเพศท่สี าคญั ของเดก็ โดยเด็กจะทีพอ่ แม่เป็นบคุ คลแรกท่ีเป็นแบบอยา่ งทางพฤตกิ รรม การท่ีเดก็ จะรบั รูว้ า่ ตนเองเป็นเพศใดนนั้ เรม่ิ เกิดขึน้ ในอายุ 3 ขวบแรก โดยจะเห็นวา่ เด็กอายุ 18 เดอื น จะ เรม่ิ ใชส้ รรพนามแทนตวั ตามเพศ เช่น เรยี กตวั เองวา่ หนหู รอื ผม จากนนั้ เม่ือเด็กอายปุ ระมาณ 3ขวบ หรอื เรว็ กวา่ นีเ้ ด็กจะเรม่ิ สงั เกตบทบาททางเพศของคนในครอบครวั และคนคนอ่ืน ๆ ในสิง่ แวดลอ้ มของตน ทา
ใหเ้ ด็กเห็นความแตกตา่ งระหวา่ งพฤตกิ รรมของเพศชายและเพศหญิง และเลือก ปฏบิ ตั ใิ หเ้ หมาะสมกบั เพศของตน เดก็ จะสนใจท่ีจะแตง่ ตวั ตามเพศของตนเอง โดย ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพ่อแมก่ บั เด็กปละบทบาทของเพศท่ีเหมาะสมของพอ่ แมจ่ ะชว่ ย ใหเ้ ด็กมพี ฤติกรรมทางเพศท่ีเหมาะสมกบั เพศของตน การอบรมเลยี้ งดขู องพอ่ แมแ่ ละบคุ คลในครอบครวั จงึ เป็นสง่ิ สาคญั อย่างย่ิงตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศและการดาเนินชีวิตในอนาคตของเดก็ พอ่ แม่ท่เี ลยี้ งดลู กู ไม่ เหมาะสมเป็นแบบอยา่ งทางเพศท่ีไมด่ ี เช่น จบั ลกู แต่งตวั ผดิ จากเพศของเดก็ พอ่ แม่ ทะเลาะกนั ใหล้ กู เห็น พอ่ ท่ีใชก้ าลงั รุนแรงตบตีแม่ พอ่ แมท่ ่ไี มส่ นใจ ไมม่ เี วลาใหล้ กู พอ่ แมท่ ่ตี ดิ การพนนั หรอื ตดิ สารเสพตดิ จะทาใหเ้ ด็กสบั สนและรบั เอาแบบอย่าง พฤติกรรมท่ีไมด่ ีมาปฏิบตั ไิ ด้ นอกจกนีก้ ารท่ีเดก็ ในช่วงอายุ 3 – 6 ปี ตอ้ งสญู เสียพ่อ หรอื แมไ่ ป อาจทาใหเ้ ด็กมีปัญหาในการเรยี นรูบ้ ทบาทและพฤตกิ รรมทางเพศไดห้ าก ภายในครอบครวั ไมม่ ผี ใู้ หญ่ท่เี ป็นเพศเดียวกบั เด็ก เดก็ อายุ 3 – 6 ปี จะมีความสนใจในอวยั วะเพศของตน จงึ มกั ชอบจบั อวยั วะเพศ ของตนเองพอ่ แมจ่ ะตอ้ งไมด่ ดุ า่ หา้ มปรามไมใ่ หเ้ ด็กทา หรอื สนบั สนนุ การกระทาของ เดก็ โดยการหวั เราะชอบใจ เพราะเด็กจะเกิดความคดิ วา่ อวยั วะเพศและเรอ่ื งเพศเป็น
เรอ่ื งท่ีผดิ ปกติหรอื เป็นสงิ่ ท่นี ่าอาย นา่ รงั เกียจได้ แตพ่ ่อแมค่ วรปฏบิ ตั ิกบั เดก็ ตามปกติ และอาจหนั เหความสนใจของเด็กใหไ้ ปทาสงิ่ อ่ืนแทน เช่น ชวนใหเ้ ลน่ ของเลน่ หรอื ดู โทรทศั น์ และเด็กในวยั นีจ้ ะพยายามลอกเลยี นลกั ษณะทา่ ทางพฤติกรรมตา่ งๆ จาก พอ่ แมท่ ่มี ีเพศเดยี วกบั ตน การเลยี นแบบนีจ้ ะกอ่ ใหเ้ กิดบทบาทความเป็นเพศชายหรอื เพศหญิง เกิดพฤติกรรมทางเพศท่ีเหมาะสมตามเพศของตน แตเ่ ลียนแบบจะสาเรจ็ ได้ เม่อื เดก็ มีพอ่ แม่อยคู่ รบ พอ่ แมม่ คี วามสมั พนั ธอ์ นั ดีตอ่ กนั และมีความสมั พนั ธท์ ่ดี ีกบั เด็ก รวมทงั้ พ่อแม่ตอ้ งมีบทบาททางเพศท่ีเหมาะสม ซง่ึ ถา้ การเลยี นแบบของเดก็ ไม่ ประสบความสาเรจ็ จะทาใหเ้ ด็กมบี ทบาทและพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเ่ หมะสมได้ เช่น เดก็ จะเติบโตเป็นผใู้ หญ่ท่มี พี ฤติกรรมเบ่ยี งเบนทางเพศ เด็กอายุ 7 – 12 ปี หรอื เด็กวยั เรยี น ควรสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ไดม้ ีเพ่อื นทงั้ เพศเดยี วกนั และ เพ่ือนตา่ งเพศ จะไดพ้ ฒั นาความรูส้ กึ ท่ีดีของเด็กตอ่ เพศตรงขา้ ม และควรปลกู ฝัง บทบาทหนา้ ท่ีตามเพศของเด็ก เช่น สอนใหเ้ ดก็ ชายรูจ้ กั ดแู ลแมซ่ ง่ึ เป็นตวั แทนของ เพศหญิง โดยการช่วยถือส่ิงของ ช่วยทางานตา่ ง ๆ สอยใหเ้ ด็กหญิงมกี ิรยิ ามารยาทท่ี ดี พดู จาไพเราะ เม่อื เดก็ เขา้ สวู่ ยั รุน่ พอ่ แมค่ วรปลกู ฝังใหเ้ ด็กมคี วามรบั ผิดชอบทงั้ ตอ่ ตนเองและเพศ ตรงขา้ มใหเ้ ด็กรูว้ า่ ควรปฏบิ ตั ิตนอยา่ งไร โดยสอยใหล้ กู ผหู้ ญิงรูจ้ กั ระวงั ในการคบ เพ่ือนตา่ งเพศ มกี ารวา่ งตวั ท่ีเหมาะสมตอ่ เพศตรงขา้ ม ไมต่ กเป็นเหย่ือของเพศตรง ขา้ มดว้ ยการมเี พศสมั พนั ธก์ ่อนวยั อนั ควรและสอนลกู ชายใหม้ สี านกึ รบั ผิดชอบตอ่ เพศ หญิง รูจ้ กั ใหเ้ กียรตเิ พศหญิง ไมห่ ลอกลวงข่มข่บู งั คบั ใหผ้ หู้ ญิงมีเพศสมั พนั ธก์ บั ตน 2. เพอื่ น เพ่ือนมอี ิทธิพลตอ่ วยั รุน่ เป็นอยา่ งมากทงั้ ดา้ นทศั นคตแิ ละการปฏบิ ตั ิตน วยั รุน่ จะมี ความผกู พนั กบั เพ่อื นมากกวา่ วยั อ่ืนๆ และมีความตอ้ งการท่ีจะใหต้ นเองเป็นท่ียอมรบั
ของกลมุ่ เพ่ือนจงึ มกั จะแสดงออกตามเพ่ือนในกลมุ่ กลมุ่ เพ่อื นจงึ มีอทิ ธิพลตอ่ การชกั นาใหว้ ยั รุน่ ปฏบิ ตั ิตามกฎเกณฑข์ องสงั คม เช่น การชกั ชวนกนั เขา้ รว่ มกิจกรรมเลน่ กีฬาตา้ นยาเสพตดิ หรอื ทาสิ่งท่ีขดั ตอ่ กฎเกณฑข์ องสงั คมได้ เช่น การยกพวกทะเลาะ วิวาทกนั ของกลมุ่ นกั เรียนตา่ งสถาบนั เพ่ือนมีอิทธิพลตอ่ พฤติกรรมทางเพศของวยั รุน่ ดว้ ย หากกลมุ่ เพ่อื นมีพฤติกรรมทาง เพศท่ีดี รูจ้ กั การวางตวั ท่ีเหมาะสมกบั เพศและวยั ของตน ก็จะทาใหว้ ยั รุน่ ไมเ่ กิด ปัญหาดา้ นพฤตกิ รรมทางเพศ แตถ่ า้ กลมุ่ เพ่ือนมพี ฤตกิ รรมทางเพศไมด่ ี เชน่ ชวนกนั เท่ียวกลางคืนมีเพศสมั พนั ธใ์ นวนั เรยี น ชวนกนั ดสู ื่อลามกอนาจร ก็จะทาใหว้ ยั รุน่ เสี่ยง ท่จี ะถกู ชกั จงู ใหเ้ กิดพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสมไดว้ ยั รุน่ จงึ ควรรูจ้ กั พิจารณากลมุ่ เพ่ือนท่คี บอยวู่ า่ มพี ฤติกรรมท่ีเหมาะสมหรอื ไมร่ ูจ้ กั ปฏิเสธและไมป่ ฏิบตั ิตามคา ชกั ชวนท่ไี มเ่ หมาสมของเพ่ือน แนะนาและชกั ชวนเพ่ือนใหป้ ฏบิ ตั ิในสิ่งท่ีดแี ละมี ประโยชน์ และควรยอมรบั ความแตกตา่ งในเพ่อื นท่มี ีพฤติกรรมทางเพศท่ีผดิ ไปจาก เพศท่ีแทจ้ รงิ และหากตนเองมีปัญหาทางดา้ นพฤติกรรมทางเพศควรปรกึ ษาพ่อแม่ หรอื ไปพบแพทย์ 3. สังคมและวฒั นธรรม สงั คม คือ กลมุ่ คนท่ีรว่ มมือกนั อยรู่ ว่ มกนั อย่างย่งั ยืน และมีวฒั นธรรมอยา่ งเดน่ ชดั
วฒั นธรรม หมายถงึ ส่ิงท่มี นษุ ยส์ รา้ งขนึ้ เพ่ือใชใ้ นการดารงชีวติ วฒั นธรรมเป็นส่ิงท่ี มีการสบื เน่ืองเป็นมรดกทางสงั คมท่ีมกี ารถา่ ยทอดจากคนรุน่ หน่งึ ไปสอู่ ีกรุน่ หน่งึ วฒั นธรรมจงึ ไดแ้ ก่ขนบธรรมเนียมประเพณี คา่ นยิ ม ความเช่ือ กฎหมาย ศีลธรรมตา่ ง ๆ ท่ีมีอยใู่ นสงั คม วฒั นธรรมมีอทิ ธิพลและมคี วามสาคญั ต่อพฤติกรรมทางเพศและการดารงชีวติ ของ บคุ คลในสงั คม ในสงั คมไทยพบวา่ มีการสบื สานวฒั นธรรมอนั ดีงามทางดา้ น พฤตกิ รรมทางเพศมาตงั้ แตใ่ นอดีต เชน่ การรกั นวลสงวนตวั การมรี กั เดียวใจเดยี ว ไม่ ชิงสกุ กอ่ นหา่ ม การมคี คู่ รอง เม่อื ถึงเวลาอนั สมควร ซง่ึ เป็นสิง่ ท่สี งั คมไทยในอดีต กาหนดขนึ้ มาจากการสงั เกตผลของการกระทาท่ีสรา้ งปัญหาและไดน้ ามากาหนดวิธี ปอ้ งกนั แกไ้ ขปัญหาเหลา่ นนั้ เช่น การมีเพศสมั พนั ธก์ อ่ นวยั อนั ควร อาจนามาซง่ึ การ ตงั้ ครรภท์ ่ไี มพ่ งึ ประสงค์ หากอยใู่ นวยั เรยี นตอ้ งหยดุ เรยี นกลางคนั อาจตอ้ งทาแทง้ ทอดทิง้ บตุ รท่เี กิดมาหรอื อาจตดิ โรคเอดสไ์ ด้ ดงั นนั้ การปฏิบตั ติ ามวฒั นธรรมไทยท่ีดี งามจะไมท่ าใหเ้ กิดปัญหาตา่ ง ๆเหลา่ นีต้ ามมาได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจบุ นั เป็นโลกแหง่ การสื่อสารจงึ มีการหล่งั ไหลของวฒั นธรรม ตา่ งถ่ินเขา้ มาอยา่ งมากโดยผ่านทางสือ่ ตา่ ง ๆซง่ึ การท่ีวยั รุน่ จะรบั เอาวฒั นธรรมใดมา ปฏบิ ตั ิ ควรคานงึ ถงึ ความถกู ตอ้ งความเหมาะสมดว้ ยถา้ เป็นส่ิงท่ีดงี ามแลว้ ไมข่ ดั ขวาง กบั วฒั นธรรมไทยหรอื ไมก่ ่อใหเ้ กิดความเดือดรอ้ นตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน เช่น การแตง่ กายเลยี นแบบวยั รุน่ ญ่ีป่นุ สามารถปฏิบตั ไิ ดแ้ ต่ตอ้ งใหเ้ หมาะสม แตถ่ า้ เป็นส่งิ ไมเ่ หมา สม เช่น การมีเพศสมั พนั ธก์ ่อนแตง่ งาน การอา่ นการต์ นู ลามก ก็ไมค่ วรปฏบิ ตั ิ เพราะ จะทาใหเ้ กิดผลเสียหายตามมาได้ ปัญหาพฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุ่น
วยั รุน่ เป็นวยั ท่ีมกี ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งมากทงั้ รา่ งกายจิตใจ รวมทงั้ การเปล่ยี นแปลง ทางเพศ วยั รุน่ จะเรม่ิ ใหค้ วามสนใจตอ่ เพศตรงขา้ มเร่มิ มีความรูส้ กึ ทางเพศประกอบ กบั เป็นวยั ท่ีอยากรูอ้ ยากลอง มกี ารแสดงออกทางอารมณท์ ่รี ุนแรงและอาจยงั มีความ เขา้ ใจท่ีไมถ่ กู ตอ้ งนกั ในเรอ่ื งเพศรวมทงั้ สภาพแวดลอ้ มในปัจจบุ นั ท่ีมีปัจจยั และ สถานการณท์ ่ยี ่วั ยชุ กั นาใหว้ ยั รุน่ มพี ฤติกรรมทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสมไดง้ ่ายและอาจ นามาซง่ึ การมีเพศสมั พนั ธแ์ ละการตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจท่จี ะทาใหเ้ กิดปัญหาอ่ืน ๆ ตามมามากมายไมว่ า่ จะเป็นโรคเอดสถ์ กู พกั การเรยี นฆา่ ตวั ตาย ทาแทง้ ผดิ กฎหมาย ทอดทงิ้ เดก็ เป็นตน้ วยั รุน่ จงึ ควรมีการแสดงออกทางเพศท่ีเหมาะสมรูจ้ กั หลีกเลี่ยงและ ปอ้ งกนั ตนเองจากปัจจยั และสถานการณเ์ ส่ียงท่ีจะนาไปสกู่ ารมีเพศสมั พนั ธแ์ ละการ ตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจเพ่ือท่ีจะไดม้ ชี ีวติ อยา่ งสดใสในช่วงวยั รุน่ และเตบิ โตไปสผู่ ใู้ หญ่ อย่างมีความสขุ การเปลี่ยนแปลงไปของสงั คมในปัจจบุ นั นามาซง่ึ ปัจจยั และ สถานการณต์ า่ ง ๆท่ีลอ่ แหลมและอนั ตรายตอ่ วยั รุน่ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ พฤติกรรมทาง เพศเป็นปัญหาท่สี าคญั ประการหนง่ึ ของวยั รุน่ หากวยั รุน่ มีพฤตกิ รรมทางเพศท่ไี ม่ เหมาะสมจนเกิดการมีเพศสมั พนั ธอ์ าจทาใหเ้ กิดปัญหาการตดิ โรคเอดสแ์ ละโรคทาง เพศสมั พนั ธอ์ ่ืน ๆ ตามมาและในวยั รุน่ หญิงอาจทาใหเ้ กิดการตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจได้ ดงั นนั้ นกั เรยี นซง่ึ อยใู่ นวยั รุน่ จงึ ควรเรยี นรูถ้ งึ การหลีกเล่ียงและปอ้ งกนั ตนเองจาก ปัจจยั และสถานการณเ์ ส่ยี งตอ่ การมเี พศสมั พนั ธแ์ ละการตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจเพ่ือท่ีจะ นาไปปฏิบตั ไิ ดอ้ ย่างเหมาะสม พฤตกิ รรมทางเพศในวัยรุ่นชายทเี่ ป็ นปัญหา ได้แก่ - การอ่านการต์ นู ลามกและส่อื ลามก เชน่ วีซีดี วีดโี อ เป็นตน้ เพ่ือเรยี นรู้ เก่ียวกบั เร่อื งเพศซง่ึ เป็นสงิ่ ท่ไี มถ่ กู ตอ้ ง เพราะสอื่ ลามกเหลา่ นีม้ กั จะแสดงพฤตกิ รรม ทางเพศท่ผี ิดไปจากความจรงิ เพ่ือจะดงึ ดดู ความสนใจของผดู้ กู ารดสู ื่อลามกอาจทาให้
ขาดความยบั ยงั้ ช่งั ใจไปหลอกลวงหรอื ข่มข่ืนผอู้ ่ืนไดห้ ากดสู อื่ เหลา่ นีเ้ ป็นประจาจะทา ใหม้ ีพฤติกรรมทางเพศท่ีผิดปกติไดน้ อกจากนีย้ งั เป็นการใชเ้ วลาวา่ งไปอย่างเปลา่ ประโยชนเ์ พราะวยั รุน่ เป็นวยั ท่ีกาลงั เจรญิ เติบโต จงึ ควรเอาเวลาไปออกกาลงั กายหรอื ทาส่งิ อ่นื ท่มี ีประโยชนต์ อ่ ตนเองและสงั คม มากกวา่ - การทดลองมีเพศสมั พนั ธก์ บั เพศตรงขา้ ม โดยอาจจะเป็นเพ่ือนหญิง ครู่ กั หรอื หญิงขายบรกิ ารทางเพศจะทาใหค้ ิดโรคเอดส์ และโรคทางเพศสมั พนั ธอ์ ่ืน ๆ ไดห้ ากไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั รวมทงั้ ยงั ทาใหฝ้ ่ายหญิง เสียหายและอาจเกิดปัญหาตา่ ง ๆตามมาเช่นถกู ดาเนินการทางกฎหมายหากฝ่าย หญิงแจง้ ความวา่ ถกู ลอ่ ลวงหรอื ใชก้ าลงั บงั คบั ใหม้ ีเพศสมั พนั ธห์ รอื ฝ่ายหญิงอาจ ตงั้ ครรภใ์ นขณะท่ีวยั รุน่ ชายยงั ไมพ่ รอ้ มท่จี ะรบั ผดิ ชอบเพราะยงั เรยี นไมจ่ บ ยงั ไมส่ ามารถทางานหาเงินมาสง่ เสยี เลยี้ งดแู ละยงั ไมม่ ีวฒุ ิภาวะเพียงพอท่ีจะมี ครอบครวั หรอื เป็นพอ่ ของลกู - การสาสอ่ นทางเพศโดยมีการสมั พนั ธก์ บั ผหู้ ญิงหลาย ๆ คนจะมคี วามเส่ยี งสงู ต่อ การตดิ โรคเอดสแ์ ละโรคทางเพศสมั พนั ธห์ ากไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั โดยเฉพาะหากมีการ ด่มื สรุ าจะทาใหม้ นึ เมาและไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั ได้ พฤตกิ รรมทางเพศในวยั รุ่นหญิงทเ่ี ป็ นปัญหาไดแ้ ก่ - การแต่งตวั ใหเ้ ป็นท่ีดงึ ดดู ความสนใจของเพศตรงขา้ มโดยไมค่ านงึ ถึงความ เหมาะสมและ ความปลอดภยั เช่นใสเ่ สอื้ สายเด่ยี ว เสือ้ เกาะอกกางเกงขาสนั้ กางเกง เอวต่าเป็นตน้ จะเส่ยี งตอ่ การเกิดอาชญากรรมทางเพศไดง้ ่าย - การยอมมีเพศสมั พนั ธก์ บั ครู่ กั เพราะคิดวา่ ความสมั พนั ธจ์ ะยาวนานม่นั คงหรอื ทาใหค้ นรกั ไมไ่ ปมีคนอ่ืน จรงิ ๆ แลว้ เป็นการแสดงออกท่ผี ิดเพราะการท่ีผหู้ ญิงยอมมี
เพศสมั พนั ธจ์ ะทาใหฝ้ ่ายชายคดิ วา่ ผหู้ ญิงอาจเคยมีเพศสมั พนั ธก์ บั คนอ่ืนมาแลว้ เชน่ กนั และการทาเช่นนีไ้ มท่ าใหฝ้ ่ายชายมีความรกั และความสมั พนั ธต์ อ่ ผหู้ ญิ ตลอดไปไดเ้ พราะความรกั จะมอี งคป์ ระกอบดา้ นอ่นื ๆ ไดแ้ กค่ วามเขา้ ใจ ความเห็น ใจความเออื้ อาทร มีนิสยั ใจคอท่เี ขา้ กนั ไดเ้ ป็นตน้ อีกทงั้ วยั รุน่ เป็นวยั ท่ีตอ้ งเตบิ โตตอ่ ไป และยงั ตอ้ งเจอผคู้ นอีกมากในวนั ขา้ งหนา้ หากวนั ใดท่ีตอ้ งเลิกคบกบั ฝ่ายชายในฐานะคนรกั แลว้ จะไดไ้ มต่ อ้ งมาน่งั เสียใจใน ภายหลงั นอกจานีย้ งั เป็นการทาใหพ้ ่อแม่และบคุ คลท่ีรกั เราตอ้ งเสียใจกบั พฤติกรรม ของเราและยงั อาจตดิ โรคเอดสจ์ ากคนรกั หรอื ตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจได้ - การมีเพศสมั พนั ธก์ บั คนอ่ืนไดง้ ่ายหากเคยมีเพศสมั พนั ธม์ าแลว้ พบวา่ ผหู้ ญิงท่ี เคยมีเพศสมั พนั ธก์ บั คนรกั ไปแลว้ มกั จะยอมมีเพศสมั พนั ธก์ บั คนรกั คนตอ่ มาหรอื เพ่ือ เหตผุ ลอ่นื เชน่ เพ่อื แลกกบั เงนิ ท่จี ะมาซือ้ สง่ิ ของราคาแพงตามท่ตี นเองตอ้ งการเพราะ คิดวา่ ตนเองไมบ่ รสิ ทุ ธิ์แลว้ ไมม่ ีอะไรจะเสียอีกแลว้ ความคดิ เชน่ นีไ้ มถ่ กู ตอ้ ง เพราะคนทกุ คนมีคณุ คา่ และศกั ดศิ์ รใี นตวั เองการท่ีเคยมีเพศสมั พนั ธม์ าก่อนในอดีต ไมไ่ ดท้ าใหค้ ณุ ค่าของตวั เราลดลงหากการกระทาของตวั เราในปัจจบุ นั และอนาคต ตา่ งหากจะเป็นตวั บง่ บอกถึงคณุ ค่าและศกั ดศิ์ รขี องตวั เรา นอกจากนีก้ ารมีเพศสมั พนั ธก์ บั บคุ คลหลายคนจะย่งิ เส่ียงต่อการติดโรคเอดสห์ รอื โรค เพศสมั พนั ธแ์ ละการตงั้ ครรภต์ ามมาได้ การตัง้ ครรภโ์ ดยไม่ตงั้ ใจ การดาเนินชีวิตโดยปกติของมนษุ ยใ์ นปัจจบุ นั เม่อื เป็นเดก็ จะตอ้ งศกึ ษาเลา่ เรยี น จากนนั้ เม่อื เติบโตเป็นผใู้ หญ่แลว้ จงึ ทางานเพ่ือหาเงนิ มาเลยี้ งดตู นเองเม่ือมีหนา้ ท่ีการ งานท่ีม่นั คงแลว้ จงึ แตง่ งาน มคี รอบครวั และมีลกู เพ่ือสืบทอดและดารงเผ่าพนั ธุก์ ารมี ครอบครวั มีลกู จงึ เป็นเร่ืองธรรมชาติของมนษุ ย์ แตต่ อ้ งรอใหถ้ ึงวยั อนั สมควรก่อน คือ หลงั จากเรยี นหนงั สอื สาเรจ็ มอี าชีพการงานทา มีรายไดเ้ พียงพอท่จี ะเลยี้ งดตู นเอง
ครอบครวั แลว้ จงึ สมควรจะแตง่ งาน มคี รอบครวั ทงั้ นีเ้ พ่ือท่ีตนเองครอบครวั และลกู ท่ี เกิดมาจะไดม้ คี ณุ ภาพชีวติ ท่ีดีปัจจบุ นั สงั คมไทยไดเ้ ปล่ยี นแปลงไปอยา่ งมากมีการ หล่งั ไหลเขา้ มาของวฒั นธรรมตา่ งชาตทิ าใหบ้ คุ คลท่ีอยใู่ นวยั รุน่ ซง่ึ ไดแ้ ก่นกั เรยี น นกั ศกึ ษาจานวนไมน่ อ้ ยท่ีเห็นวา่ การมีเพศสมั พนั ธก์ อ่ นแตง่ งานเป็นเร่อื งปกติโดยหาก พง่ึ พอใจในกนั และกนั หรอื เป็นครู่ กั กนั ก็สามารถมีเพศสมั พนั ธก์ นั ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งมี พนั ธะใด ๆหรอื ทดลองอยดู่ ว้ ยกนั กอ่ นแตง่ งานเหมือนอย่างสงั คมตะวนั ตกสว่ นใหญ่ อีกทงั้ หลายคนไมม่ กี ารปอ้ งกนั โดยไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั ทาใหเ้ กิดปัญหาตดิ โรคทาง เพศสมั พนั ธโ์ ดยเฉพาะโรคเอดสท์ ่มี ผี ปู้ ่วยจานวนมากในปัจจบุ นั และในผหู้ ญิงอาจจะ มีการตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ งั้ ใจ อนั จะนามาซง่ึ ปัญหาอ่ืน ๆ มากมายและผลกระทบตา่ ง ๆท่ี เกิดขนึ้ มกั จะเกิดกบั ฝ่ายหญิงเพียงฝ่ายเดียวเพราะฝ่ายชายมกั จะไมร่ บั ผดิ ชอบตอ่ ผล การกระทาดงั กลา่ ว บทท่ี 5 ทกั ษะการตัดสินใจ ทกั ษะการตดั สนิ ใจ การตดั สินใจเป็นทกั ษะสาคญั ในการดาเนินชีวติ ท่ีควรจะไดร้ บั การฝึกฝน การ ตดั สนิ ใจเป็นสทิ ธิ ของบคุ คลท่ีจะเลอื กทาหรอื ไมท่ าส่ิงใด การตดั สินใจท่ีดคี วรเกิดขนึ้ เม่ือไดร้ บั ขอ้ มดท่ีอ ครบถว้ น และผตู้ ดั สินใจคิดและเลอื กหนทางท่ีตวั เองคิดวา่ ดที ่ีสดุ แลว้ การตดั สนิ ใจ หมายถงึ การเลอื กปฏบิ ตั ซิ ง่ึ มีอยหู่ ลายทาง เป็นแนวทางปฏิบตั ิไปสู่ เปา้ หมายท่วี างไวอ้ าจ
สนิ ใจกระทาส่ิงใดส่ิงหน่งึ หรอื หลายสิง่ หลายอย่าง การตดั สินใจมกั เก่ียวขอ้ งกบั ปัญหา ท่ียงุ่ ยากสลบั ซบั ซอ้ นและมีวธิ ีการแกป้ ัญหามากกวา่ หนง่ึ วิธีอยเู่ สมอ ผู้ ตดั สนิ ใจ เปา้ หมายอยา่ งดที ่ีสดุ และเกิดผลสงู สดุ ประเภทของการตดั สินใจ รูปแบบการตดั สนิ ใจท่วั ๆ ไป มดี งั นี้ 1. การตดั สินใจท่ีรูผ้ ลแน่นอน คาดคะเนผลไดแ้ น่นอน 2. การตดั สินใจท่ีพอจะรูผ้ ลความเสยี่ งอยบู่ า้ ง คาดคะเนผลไดเ้ พียงรอ้ ยละ 50 3. การตดั สินใจท่ีมคี วามเสี่ยงสงู ไมส่ ามารถคาดคะเนผลไดเ้ ลยวา่ จะขอกมา อยา่ งไร การตดั สินใจในทกุ เร่อื งควรผา่ นกระบวนการคดิ ตามขนั้ ตอน คอื เม่ือทราบเร่อื ง ท่ตี อ้ งตดั สินใจใหก้ าหนดทางเลอื ก วิเคราะหผ์ ลดี-ผลเสียของแตล่ ะทางเลอื ก ตดั สินใจเลือกทางใดทางหนง่ึ และเตรยี มแนวทางแกไ้ ขผลเสยี ท่ีอาจจะเกิดขนึ้ จากการ ตดั สนิ ใจกระทา แนวทางความคดิ เพอื่ การตดั สนิ ใจ 1. รูถ้ ึงเรอ่ื งหรอื สง่ิ ท่ีตอ้ งตดั สินใจ 2. คดิ ถงึ ทางเลือกท่ีมอี ยเู่ ป็นขอ้ ๆ ใหม้ ากท่ีสดุ พรอ้ มรวบรวมขอ้ มลู ท่เี ก่ียวขอ้ ง แตล่ ะ ทางเลือก 3. พจิ ารณาผลดผี ลเสยี ของทางเลอื กแตล่ ะดา้ นใหค้ รบ หากเป็นผลเสียให้ วิเคราะหด์ อวา่ จะ เกิดความเสย่ี งเรอ่ื งใดตามมาบา้ ง เราจะรบั มือหรอื จดั การตอ่ ความ เส่ยี งนนั้ ๆ ไดห้ รอื ไม่ หรอื จะลดความ เส่ียงนีไ้ ดอ้ ยา่ งไร
4.จดั ลาดบั ทางเลือกท่ีตนเองตอ้ งการและคดิ วา่ เหมาะสมกบั ตนเองท่ีสดุ 5. ตดั สนิ ใจเลอื ก 6. รบั ผดิ ชอบกบั สง่ิ ท่ีตนเองเลือก ทกั ษะการตดั สนิ ใจ คือ ความสามารถในการพจิ ารณาเลอื กแนวทางในการ ปฏิบตั ิตอ่ สถานการณเ์ พ่ือใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายตามสิง่ ท่ีเราตอ้ งการ การตดั สนิ ใจท่ีดีนนั้ ควรแสวงหาเหตผุ ลและขอ้ มลู มาเปรยี บเทียบหลาย ๆ ดา้ น ไมค่ วรใชอ้ ารมณใ์ นการ ตดั สินใจ หรอื ตดั สนิ ใจเพราะคนสว่ นใหญ่ทาเชน่ นนั้ โดยเฉพาะการตดั สินใจในเรอ่ื ง เก่ียวกบั เพศสมั พนั ธ์ ไมใ่ ชส่ ่งิ ท่ตี อ้ งทาตามอยา่ งกนั โดยไมม่ กี ารคดิ ทบทวน และ ไตรต่ รองอยา่ งรอบคอบเสยี ก่อน การท่เี พ่ือนของเรามีเพศสมั พนั ธก์ บั คนรกั เราก็ไม่ จาเป็นตอ้ ง ตดั สินใจทาตามอยา่ งเพ่ือน เพราะการตดั สนิ ใจเรอ่ื งการมีเพศสมั พนั ธเ์ ป็น เร่อื งของแตล่ ะคน ไมม่ กี ฎเกณฑ์ อะไรท่ีแนน่ อน วยั รุน่ บางคนอาจเอาแบบอย่างคนวยั เดียวกนั เป็นเกณฑ์ ในขณะท่บี างคนไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั คา่ นยิ มท่พี ่อแม่หรอื ผใู้ หญ่ปลกู ฝัง มา หรอื บางคนใชค้ วามตอ้ งการของตนเองเป็นเกณฑ์ เป็นตน้ การท่ีจะ ตดั สนิ ใจมี เพศสมั พนั ธน์ นั้ จาเป็นท่ีจะตอ้ งรูจ้ กั ประเมนิ ตนเอง เพราะการกระทาดงั กลา่ วมี ผลกระทบตอ่ อนาคต ของเราอย่างแน่นอน ทงั้ ในดา้ นการเรยี น ครอบครวั สงั คม และมีปัญหาอีกมากมาย ตามมา ทงั้ การ มีเพศสมั พนั ธ์ ดงั นนั้ การมีทกั ษะการตดั สินใจท่ีดจี ะช่วยใหเ้ รา สามารถตดั สนิ ใจไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเก่ียวกบั เร่อื งดงั กลา่ ว เร่ืองทต่ี อ้ งตัดสนิ ใจ ทางเลอื กทมี่ ี ทางเลอื กที่ 1 ผลดี ผลเสีย
ทางเลอื กท่ี 2 ผลดี ผลเสีย ทางเลือกท่ี 3 | ผลดี | ผลเสีย ทางเลือกท่ี 4 | ผลดี | ผลเสยี ผลเสียความเส่ียงเร่อื งอะไร มากนอ้ ยแคไ่ หน หากเกิดแลว้ จะรบั มอื อยา่ งไร ลดความเส่ียงไดห้ รอื ไม่ เรารู้วา่ คนอน่ื อยากใหเ้ ราทาอะไร แล้วเราไหมจริง ๆ แล้ว เราตอ้ งการอะไร ตัดสินใจเลือกเมื่อวิเคราะหแ์ ล้ว แรกต้องรับผิดชอบสงิ่ ทเี่ ราเลือกกระทาการรอง สรุป การตดั สนิ ใจเป็นทกั ษะท่สี าคญั ของแต่ละบคุ คลท่ีควรไดร้ บั การฝึกฝน จากเร่อื งงา่ ย ๆ ท่ตี อ้ ง ตดั สินใจ รอการคิดวิเคราะหอ์ ยา่ งรอบคอบได้ เม่ือมปี ัญหาเรง่ ด่วนท่ีตอ้ งคิด ตดั สนิ ใจจะเกิดทกั ษะการคดิ อยา่ งเป็นระบบ ตามขนั้ ตอนอยา่ งรวดเรว็ เกิดขนึ้ สง่ ผล ใหเ้ กิดทางเลอื กท่บี คุ คลเลอื กกระทามผี ลท่ีเกิดขนึ้ ดา้ นบวกกบั ตวั เอง และสงิ่ สาคญั ท่สี ดุ คือการกลา้ รบั ผดิ ชอบสงิ่ ท่ีตวั เองเลือกท่จี ะกระทา รวมทงั้ การ ตดิ สนเจเนเรอง เก่ียวกบั การมเี พศสมพนธ ซง่ึ ถือเป็นเร่อื งท่ีสาคญั มาก เพราะการตดั สินใจผิดพลาด จะทาใหเ้ กิดปัญหาตา่ ง ๆ ตามมามากมายอยา่ งท่เี ห็นกนั ในปัจจบุ นั
รูป การคิดวเิ คราะหก์ ่อนการตดั สินใจเป็นการฝึกทกั ษะการคิดอยา่ งเป็นระบบ บทที่ 6 การต่อรอง การสื่อสาร และกลไกในการป้องกนั ตัว ทางเพศ การต่อรอง การเจราจาตอ่ รอง เป็นทกั ษะท่เี ราตอ้ งใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไมท่ างใดก็ทางหนง่ึ เชน่ การตอ่ รองชีข้ าย สนิ คา้ การต่อรองเงนิ เดือนของพนกั งาน เป็นตน้ การเจรจา ตอ่ รองเป็นการแสดงการปฏเิ สธโดยใชว้ ิธีการท่ี น่มุ นวล โดยไมท่ าใหอ้ ีกฝ่ายหน่ึงรูส้ กึ วา่ ถกู ปฏิเสธหรอื รูส้ กึ คบั ขอ้ งหมองใจ การเจรจาตอ่ รองไมว่ า่ จะเป็น เร่อื งใด ๆ หรอื เจรจากบั ใคร การมเี ทคนิคท่ดี ีจะช่วยใหก้ ารเจรจานาไปสขู่ อ้ ตกลงท่ีพงึ พอใจกนั ทงั้ สองฝ่าย ซง่ึ จะถือวา่ การเจรจาต่อรองนนั้ ประสบความสาเรจ็ ทกั ษะการตอ่ รอง หมายถงึ กระบวนการตดิ ตอ่ ส่อื สาร เพ่ือรว่ มกนั ตดั สินใจและแกไ้ ข ปัญหา โดย แตล่ ะฝ่ายจะแสดงความตอ้ งการ ความรูส้ กึ ความคิดเหน็ ตลอดจนความ คาดหวงั ของตนเองใหท้ ราบ เพ่ือใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงจากความตงั้ ใจเดมิ มาคลอ้ ย ตามตนเอง โดยรกั ษาไวซ้ ง่ึ สม
ความสาคญั ของการเจรจาตอ่ รอง การเจรจาตอ่ รองมีความสาคญั ดงั นี้ 1. เป็นการปอ้ งกนั สทิ ธิของตนเอง เพ่ือปอ้ งกนั ความเสียหายอนั อาจเกิดขนึ้ จาก สถานการณน์ นั้ ๆ 2. เป็นการรกั ษาสทิ ธิของตน เพ่ือแสดงถงึ จดุ ยืนหรอื ความตอ้ งการของตน ซง่ึ เป็น สิทธิของบคุ คลท่ีพงึ กระทา 3.เป็นการลดระดบั ความเสยี หาย ซง่ึ ถา้ ไมม่ ีการตอ่ รองแลว้ อาจจะเกิดความเสยี หาย มากกวา่ นี้ 4. เป็นการสรา้ งความสมั พนั ธ์ ความเขา้ ใจระหวา่ งบคุ คลหรอื กลมุ่ คนในการทา กิจกรรมตา่ ง ๆ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ งั้ สองฝ่าย 5. เป็นกระบวนการช่วยพฒั นาการทางานรว่ มกนั อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ใน 6. เป็นการปลกู จิตสานกึ ในหนา้ ท่ีและกิจกรรมตา่ ง ๆ เพ่ือการพฒั นา การจดั การ และ การ ประเมนิ ตนเองอยา่ งเหมาะสมในการดาเนินชีวิต 7.เป็นกระบวนการคิด วเิ คราะห์ คาดการณ์ ประเมินสถานการณ์ โดยใชก้ ระบวนการ เป็น มรณาการทกั ษะชีวติ เช่น ทกั ษะการสื่อสาร ทกั ษะการสรา้ งสมั พนั ธภาพ ในขณะเผชิญปัญหาและมา ตอ่ รองไดอ้ ยา่ งรอบคอบ 8. ก่อใหเ้ กิดความเมตตาตอ่ กนั รูจ้ กั เหน็ อกเห็นใจผอู้ ่ืน เคารพสิทธิผอู้ ่ืน ซง่ึ จะชว่ ยลด ความขดั แยง้ และเกิดความสงบสขุ การสร้างวธิ กี ารเจรจาต่อรองทเ่ี หมาะสม วิธีการสรา้ งการเจรจาตอ่ รองท่ีเหมาะสม มีดงั นี้
1. ไมแ่ สดงความตกใจ ความเครยี ด หรอื ความหวาดกลวั จนเกินเหตุ ตอ้ งตงั้ สติใหด้ ี 2. ยอมรบั ฟังขอ้ เสนออยา่ งตงั้ ใจ 3. ไมแ่ สดงการตอบรบั หรอื ปฏิเสธทนั ที 4. แสดงทา่ ทางท่ีเป็นมิตรดว้ ยการพดู จาท่ีสภุ าพ 5. แสดงความรูส้ กึ ของตนเองพรอ้ มเหตผุ ลประกอบท่สี ามารถโตแ้ ยง้ ได้ 6. เลอื กกิจกรรมอ่ืนมาทดแทน 7. หลีกเล่ยี งออกจากสถานการณ์ การส่อื สาร การดาเนินชีวิตของคนเราตอ้ งอยรู่ ว่ มกนั กบั ผอู้ ่ืนเพราะมนษุ ยเ์ ป็นสตั วส์ งั คม - อาศยั กนั มีความสมั พนั ธก์ นั ทงั้ กบั พอ่ แม่ เพ่ือน คนรกั และคนอ่ืน ๆ ซง่ึ สมั พนั ธภาพจะ ประสบผลสาเรจ็ หรอื ไมน่ นั้ ปัจจยั ท่ีสาคญั อยา่ งหน่งึ คอื การสื่อสาร น่นั เอง การส่อื สาร คอื กระบวนการแลกเปล่ยี นขา่ วสารเกิดขนึ้ โดยการถ่ายทอดสารจาก บคุ คลฝ่ายหน่งึ ซง่ึ ทาหนา้ ท่ีสง่ สารผา่ นส่ือหรอื ช่องทางตา่ ง ๆ ไปยงั ผรู้ บั สารโดยมี วตั ถปุ ระสงคอ์ ย่างใดอย่างหน่งึ บุคลิกภาพเกย่ี วกับการสอื่ สารเพอื่ แสดงความคดิ เหน็ บคุ ลกิ ของบคุ คลในเรอ่ื งการแสดงความคิดเหน็ ความตอ้ งการและการตอบสนอง ความตอ้ งการของตวั เองมี 3 ประเภท คือ 1. บคุ ลกิ ไมช่ อบใหใ้ ครขดั ใจ (Aggressive) เป็นบคุ ลกิ ของคนท่ีไมค่ อ่ ยสนใจความ ตอ้ งการ ของผอู้ ่ืน กลา้ แสดงออก กลา้ ทาเพ่อื ใหไ้ ดต้ ามท่ตี อ้ งการ คนประเภทนีจ้ ะรูว้ า่ ตวั เองตอ้ งการอะไรและพยายามทกุ วิถีทางใหไ้ ดม้ าตามท่ีตนเองตอ้ งการ จงึ มองสิ่งท่ี
ตนเองตอ้ งการเป็นเร่อื งสาคญั ท่ีสดุ ไมใ่ หค้ วาม สนใจกบั ผลท่ีจะเกิดกบั ผอู้ ่ืนมากนกั มกั ทาใหค้ นอ่ืนอดึ อดั และลาบากใจ 2. บคุ ลิกแบบกลา้ ถามและกลา้ บอก (Assertive) คนบคุ ลกิ นีจ้ ะยอมรบั ในสิทธิและ ความตอ้ งการของผอู้ ่ืน รูจ้ กั ปกปอ้ งสทิ ธิและตอบสนองความตอ้ งการของตวั เอง เป็นผู้ ท่มี คี วามสขุ และสรา้ ง สมั พนั ธภาพท่ีย่งั ยืนได้ 3. บคุ ลกิ แบบไมค่ อ่ ยกลา้ บอก (Passive) คนบคุ ลิกนีม้ กั คลอ้ ยตามผอู้ ่ืนไมค่ อ่ ยกลา้ แสดงความตอ้ งการและความรูส้ กึ ของตวั เอง โดยเฉพาะเร่อื งท่ีตอ้ งขดั ใจผอู้ ่ืน ปฏิเสธ ไมเ่ ป็น มกั เป็นคนท่ีไปกบั เพ่อื นไดด้ ี ไมม่ ีความขดั แยง้ เม่ืออยใู่ นสถานการณอ์ ยาก ปฏเิ สธ จงึ ยากท่ีจะบอกยืนยนั ความตอ้ งการของตวั เอง องคป์ ระกอบทส่ี าคัญในการสื่อสาร 1. การใชภ้ าษาทา่ ทางหรอื ภาษากายประกอบการสื่อสาร เช่น การใชส้ ายตา การ เคลือ่ นไหว การสมั ผสั ซง่ึ ภาษากายกบั คาพดู ควรเป็นไปในทิศทางความหมาย เดียวกนั 2. เป็นผฟู้ ังท่ีดี ขณะสอื่ สาร ทกั ษะการฟังก็มคี วามสาคญั มากเช่นกนั ควรฟังอยา่ ง ตงั้ ใจและ มีสมาธิ คอยสงั เกตภาษากายของคสู่ นทนาไปดว้ ยและใชภ้ าษากาย ประกอบขณะรบั ฟัง เช่น มองสบตา พยกั หนา้ หรอื ทาเสยี งยอมรบั เม่อื เขา้ ใจสิง่ ท่ีฟังอยู่ บางครงั้ อาจใชก้ ารพดู ทวนซา้ ในส่งิ ท่ไี ดย้ นิ เม่อื ไมแ่ นใ่ จวา่ คนพดู พดู วา่ อยา่ งไรเพ่ือ ความเขา้ ใจท่ีกระจา่ งขนึ้
รูปท่ี 4.3 การใชภ้ าษาทา่ ทางหรอื ภาษากายเป็นองคป์ ระกอบท่ีสาคญั ของการส่อื สาร ความสาคัญของการสือ่ สาร 1. การส่อื สารเป็นปัจจยั สาคญั ในการดารงชีวิตของมนษุ ยท์ กุ เพศ ทกุ วยั ทกุ สาขา อาชีพ ไมม่ ี ใครท่ีจะดารงชีวติ อย่ไู ดโ้ ดยไมม่ กี ารส่อื สาร ทกุ คนตอ้ งใชก้ ารสือ่ สารใน การปฏิบตั งิ าน การเรยี น สงั สรรค์ 2. การสอื่ สารก่อใหเ้ กิดการประสานสมั พนั ธก์ นั ระหวา่ งบคุ คลและสงั คม ชว่ ยสืบทอด วฒั นธรรมประเพณี ช่วยเสรมิ สรา้ งความเขา้ ใจอนั ดรี ะหวา่ งคนในสงั คม ชว่ ยธารง สงั คมใหว้ ่ างเก็บอยา่ ง สนั ติและเป็นสขุ 3. การส่ือสารเป็นปัจจยั สาคญั ในการพฒั นาความเจรญิ กา้ วหนา้ ทงั้ ตอ่ ตงั บคุ คล บคุ คลและสงั คมเป็นเครอ่ื งมอื ในการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของมนษุ ยแ์ ละพฒั นาความ เจรญิ กา้ วหนา้ ในดา้ นตา่ ง ๆ วัตถุประสงคข์ องการสอื่ สาร วตั ถปุ ระสงคข์ องการส่ือสารมดี งั นี้ 1. เพ่ือแจง้ ใหท้ ราบ ผทู้ าการสื่อสารตอ้ งการท่ีจะบอกกลา่ วหรอื ชีแ้ จง ขาว เหตกุ ารณ์ หรอื สง่ิ อ่ืนใดใหผ้ รู้ บั สารไดร้ บั ทราบ
2.เพ่ือสอนหรอื ใหก้ ารศกึ ษา ผทู้ าการส่อื สารตอ้ งการจะถ่ายทอดความรูห้ รอื เร่อื งราว เชิง วิชาการ เพ่ือใหผ้ รู้ บั สารมโี อกาสพฒั นาความรูใ้ หเ้ พ่มิ พนู ย่งิ ขนึ้ 3.เพ่ือสรา้ งความพอใจหรอื ใหค้ วามบนั เทงิ ผทู้ าการสื่อสารตอ้ งการสื่อสารเพ่ือสรา้ ง ความพอใจหรอื ใหค้ วามบนั เทงิ แกผ่ รู้ บั สาร ไมว่ า่ จะอยใู่ นรูปของการพดู การเขียน หรอื การแสดงกิรยิ าตา่ ง ๆ 4. เพ่ือเสนอหรอื ชกั จงู ใจ ผทู้ าการส่อื สารตอ้ งการสอื่ สารเพ่ือใหข้ อ้ เสนอแนะ หรอื ชกั จงู ใจใน ส่ิงใดส่งิ หน่งึ ต่อผรู้ บั สาร และอาจชกั จงู ใจใหผ้ รู้ บั สารมคี วามคดิ คลอ้ ยตาม หรอื ยอมปฏบิ ตั ติ าม 5. เพ่ือเรยี นรู้ การแสวงหาความรูข้ องผรู้ บั สาร โดยอาศยั ลกั ษณะของสาร ในกรณีนี้ มกั จะเป็น สารท่ีมเี นือ้ หาสาระเก่ียวกบั วชิ าความรู้ เป็นการหาความรูเ้ พ่มิ เติม และเป็น การทาความเขา้ ใจกบั เนือ้ หา ของสารท่ผี ทู้ าการสื่อสารถ่ายทอดมาถงึ ตน 6. เพ่ือตดั สินใจ ในการดาเนินชีวิตของคนเรามีส่งิ หน่งึ ท่ีตอ้ งกระทาอยเู่ สมอน่นั คือ การ ตดั สนิ ใจ ซง่ึ ในการตดั สินใจนนั้ อาจไดร้ บั การเสนอแนะหรอื ชกั จงู ใจจากบคุ คล อ่ืน หลักในการสอื่ สาร ผสู้ ง่ สารจะตอ้ งคานงึ ถงึ หลกั การสื่อสาร เพ่ือใหก้ ารสือ่ สารประสบความสาเรจ็ ตรง ตาม จดุ ประสงคด์ งั นี้ 1. ผทู้ ่สี ่อื สารจะตอ้ งทาความเขา้ ใจเรอ่ื งองคป์ ระกอบในการสอ่ื สาร และปัจจยั ทาง จิตวิทยาท่ี เก่ียวขอ้ งกบั ระบบการรบั รู้ การคิด การเรยี นรู้ การจา ซง่ึ มผี ลตอ่ ประสทิ ธิภาพในการส่อื สาร
2. ผทู้ ่สี อื่ สารจะตอ้ งคานงึ ถงึ บรบิ ทในการสอ่ื สาร คือสง่ิ ท่ีอยแู่ วดลอ้ มท่ีมสี ว่ นในการ รบั ความหมายหรอื ความเขา้ ใจในการส่ือสาร 3. ผทู้ ่สี ื่อสารตอ้ งคานงึ ถึงกรอบแหง่ การอา้ งอิง คนทกุ คนมีภมู ิหลงั แตกตา่ งกนั ถา้ คู่ ส่อื สารใด มีกรอบแห่งการอา้ งอิงคลา้ ยกนั หรอื ใกลเ้ คยี งกนั จะทาใหก้ ารสอื่ สารงา่ ยขนึ้ 4. การส่ือสารจะมีประสิทธิผลเม่อื ผสู้ ง่ สารไดส้ ง่ สารอย่างมวี ตั ถปุ ระสงคช์ ดั เจน ผา่ น ส่อื หรอื ช่องทางท่ีเหมาะสม ถึงผรู้ บั สารท่ีมที กั ษะในการสอ่ื สารและมีวตั ถปุ ระสงค์ สอดคลอ้ งกนั 5. ผสู้ ง่ สารและผรู้ บั สารควรเตรยี มตวั และเตรยี มการลว่ งหนา้ เพราะจะทาใหก้ าร ส่อื สาร ราบรน่ื สะดวกรวดเรว็ เป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์ และสามารถแกไ้ ขไดท้ นั ทหี ากจะเกิด อปุ สรรคขนึ้ 6. ผทู้ ่สี ื่อสารจะตอ้ งคานงึ ถึงการใชท้ กั ษะ เพราะภาษาเป็นสญั ลกั ษณท์ ่คี นเราตกลง ใช้ รว่ มกนั ในการส่อื ความหมาย คสู่ ือ่ สารตอ้ งศกึ ษาเร่อื งการใชภ้ าษา และสามารถใช้ ภาษาใหเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะบคุ คล เนือ้ หาของสาร และชอ่ งทางหรอื ส่อื ท่ีใชใ้ น การส่ือสาร 7. ผทู้ ่สี ื่อสารจะตอ้ งคานงึ ถงึ ปฏกิ ิรยิ าตอบกลบั ตลอดเวลา ถือเป็นการประเมนิ ผล การส่อื สาร ท่ีจะทาใหค้ สู่ ือ่ สารรบั รูผ้ ลของการสื่อสารวา่ ประสบผลดีตรงตาม วตั ถปุ ระสงคห์ รอื ไม่ ควรปรบั ปรุง เปลยี่ นแปลง หรอื แกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งใด เพ่อื ท่ีจะทา ใหก้ ารสื่อสารเกิดผลตามท่ีตอ้ งการ อุปสรรคของการส่ือสาร
อปุ สรรคในการส่อื สาร คอื สิง่ ท่ที าใหก้ ารสือ่ สารไมบ่ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ สามารถเกิดขนึ้ ได้ ทกุ ขนั้ ตอนของกระบวนการส่ือสาร โดยมีองคป์ ระกอบ ดงั นี้ 1. อปุ สรรคท่ีเกิดจากผสู้ ง่ สาร (1) ผสู้ ง่ สารขาดความรูค้ วามเขา้ ใจและขอ้ มลู เก่ียวกบั สารท่ตี อ้ งการจะส่อื (2) ผสู้ ง่ สารใชว้ ิธีการถ่ายทอดและการนาเสนอท่ไี มเ่ หมาะสม (3) ผสู้ ง่ สารมีบคุ ลกิ ภาพท่ีไมด่ ี และไมเ่ หมาะสม (4) ผสู้ ง่ สารมีทศั นคติท่ีไมด่ ีตอ่ การสง่ สาร (5) ผสู้ ง่ สารขาดความพรอ้ มในการส่งสาร (6) ผสู้ ง่ สารมีความบกพรอ่ งในการวเิ คราะหผ์ รู้ บั สาร 2. อปุ สรรคท่ีเกิดจากสาร (1) สารไมเ่ หมาะสมกบั ผรู้ บั สาร อาจยากหรอื ง่ายเกินไป (2) สารขาดการจดั ลาดบั ท่ีดี สลบั ซบั ซอ้ น ขาดความชดั เจน (3) สารมีรูปแบบแปลกใหมย่ ากตอ่ ความเขา้ ใจ (4) สารท่ีใชภ้ าษาคลมุ เครอื ขาดความชดั เจน 3. อปุ สรรคท่ีเกิดจากสอื่ หรอื ชอ่ งทาง (1) การใชส้ ่ือไมเ่ หมาะสมกบั สารท่ีตอ้ งการนาเสนอ (2) การใชส้ อ่ื ท่ไี มม่ ีประสิทธิภาพท่ีดี (3) การใชภ้ าษาท่ไี มเ่ หมาะสมกบั ระดบั ของการส่อื สาร
4. อปุ สรรคท่ีเกิดจากผรู้ บั สาร (1) ฆาตความรูใ้ นสารท่จี ะรบั (2) ขาดความพรอ้ มท่ีจะรบั สาร (3) ผรู้ บั สารมที ศั นคตทิ ่ีไมด่ ีตอ่ ผสู้ ง่ สาร (4) ผรู้ บั สารมีทศั นคตทิ ่ีไมด่ ตี อ่ สาร (5) ผรู้ บั สารมคี วามคาดหวงั ในการสือ่ สารสงู เกินไป กลไกในการป้องกันตัวทางเพศ การป้องกนั และการถกู ล่วงละเมดิ ทางเพศ ปัจจบุ นั การถกู ลว่ งละเมิดทางเพศเป็นปัญหาท่เี กิดขนึ้ บอ่ ยครงั้ ทงั้ ใน ลกั ษณะของการกระทารุนแรงและไมร่ ุนแรงอนั เป็นพฤตกิ รรมท่ีสรา้ งความ กระทบกระเทอื นตอ่ บคุ คลและครอบครวั ท่ีถกู กระทา ทงั้ ทางรา่ ยกาย และ จติ ใจ และ สงั คมเป็นอยา่ งมาก ดงั นนั้ การไดเ้ รยี นรูถ้ ึงพฤตกิ รรมสาเหตวุ ธิ ีปอ้ งกนั ตลอดจนทกั ษะการ ปฏเิ สธเพ่ือปอ้ งกนั พฤติกรรมและหลีกเล่ยี งสถานการณเ์ สี่ยงตอ่ การถกู ลว่ งละเมิดทาง เพศ จะทาใหส้ ามารถรอดพน้ จากการถกู ลว่ งละเมิดทางเพศได้ ๑.ความหมายและลักษณะของพฤตกิ รรมการล่วงละเมิดทางเพศ ๑.๑ ความหมายของพฤติกรรมการลว่ งละเมดิ ทางเพศ พฤตกิ รรมการลว่ งละเมดิ ทางเพศหมายถงึ พฤติกรรมของบคุ คลท่ีละเมิดสทิ ธิของ บคุ คลอ่ืนในเรอ่ื งเพสลกั ษณะต่าง ๆเชน่ ดว้ ยคาพดู ดว้ ยสายตา การใชท้ า่ ทีท่ีสอ่ เจตนา ลว่ งเกินทางเพศ การกระทานายจาร ตลอดจนการบงั คบั ใหม้ ีเพศสมั พนั ธ์ การข่ม ขืน และ การกระทาท่ีทาใหผ้ อู้ ่ืนไดร้ บั ความอบั อาย โดยท่ี
ผถู้ กู กระทาไมย่ นิ ยอมพรอ้ มใจอนั สง่ ผลกระทบตอ่ รา่ งกายจติ ใจอารมณส์ งั คม รวมถึงสวสั ดภิ าพและการดารงชีวิตอยา่ งปกติสขุ ทงั้ ในระยะสนั้ และระยะยาวของ ผถู้ กู กระทาถือเป็นเร่อื งท่ีผดิ กฎหมายศีลธรรมและความสงบสขุ ของสงั คมเป็นอยา่ ง มาก ๑.๒ ลกั ษณะของพฤตกิ รรมการลว่ งละเมดิ ทางเพศ พฤตกิ รรมการลว่ งละเมดิ ทางเพศเป็นรูปแบบการกระทาอนาจารตอ่ บคุ คลอ่ืนทงั้ หญิง และชายโดยการเรยี กรอ้ งความพงึ พอใจทงั้ ทางกายและวาจาหรอื เขา้ แทรกแซง สภาพแวดลอ้ มอนั ดีในการดาเนนิ ชีวติ ของบคุ คลอ่นื อยา่ งไรเ้ หตผุ ลมีทงั้ การกระทาท่ี รุนแรงและไม่ รุนแรงซง่ึ แบง่ ออกเป็น ๓ ลกั ษณะคอื ๑)ลว่ งละเมดิ ทางเพศดว้ ยวาจาหมายถึงการกระทาอนาจารตอ่ บคุ คลอ่นื ดว้ ยคาพดู เพ่ือตอบสนองความพงึ พอใจของตนเองในเร่อื งเพศซง่ึ ถือวา่ เป็นการกระทา ท่ไี มร่ ุนแรงเช่น ๑.การวิพากษว์ จิ ารณเ์ ก่ียวกบั รูปรา่ งหนา้ ตาของผอู้ ่ืนท่ีสอ่ ไปในทาง ลามกอนาจาร ๒.การตามจีบตามตอื้ พดู จาเกีย้ วพาราสที งั้ ๆท่ีรูว้ า่ อีกฝ่ายไมช่ อบ ๓.การเลา่ เร่อื งตลกลามกเรอ่ื งสองแงส่ องง่ามในเรอ่ื งเพศ ๔.การใชค้ าพดู แทะโลมหยาบคายเร่อื งเพศ ๕.การใชค้ าพดู เพ่ือกระตนุ้ อารมณท์ างเพศ ๖.การใชโ้ ทรศพั ทพ์ ดู คยุ เร่อื งเพศลวนลามเพ่อื กระตนุ้ อารมณท์ างเพศ ของตน ๒) ลว่ งละเมิดทางเพศดว้ ยการกระทาท่ีไมถ่ กู เนือ้ ตอ้ งตวั หมายถงึ การกระทาอนาจารตอ่ บคุ คลอ่นื ดว้ ยการกระทาตา่ ง ๆ อาจจะ ดว้ ยสายตา การอวดโชว์ ตลอดจนการสอ่ื ตา่ ง ๆ เพ่ือตอบสนองในความพงึ พอใจของ
Search