Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน_1567488750

การจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน_1567488750

Published by ปาริชาติ ปิติพัฒน์, 2019-09-21 12:15:28

Description: การจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน_1567488750

Search

Read the Text Version

146 ใบงานที 2 กา วัตถปุ ระสงค์ เพือให้ ผ้ สู อนวางแผนการวจิ ยั อยา่ งเป็ นระบบ คาํ ชีแจง วางแผน (Plan) การวจิ ยั ปฏิบตั กิ ารในชนั เรียนทีสอดคล้ องกบั ปัญหาท วตั ถปุ ระสงค์ กลมุ่ เป้ าหมาย ตวั แปรจดั กระทํา ตวั แปรตาม การวิจยั (วิธีการแก้ ปัญหา) (ปัญหาของผ้ เู รียน) ……………… ……………… ………………… …………………… ……………… ……………… ………………… …………………… ……………… ……………… ………………… …………………… ……………… ……………… ………………… …………………… ……………… ……………… ………………… …………………… ……………… ……………… ………………… …………………… ……………… ……………… ………………… …………………… ……………… ……………… ………………… …………………… ……………..... ……………… …………………. ……………………

ารวางแผนการวจิ ยั 146 ทีเกิดขนึ ลงในพมิ พ์เขียวการวิจัยตอ่ ไปนี สมมตฐิ านการวจิ ยั เครื องมือทีใช้ การเก็บ การวิเคราะห์ (ผลทีคาดวา่ จะได้ รับ ในการวิจยั รวบรวมข้ อมลู ข้ อมลู ภายหลงั การแก้ ปัญหา) ……………………… …………………… ……………… ……………… ……………………… …………………… ……………… ……………… ……………………… …………………… ……………… ……………… ……………………… …………………… ……………… ……………… ……………………… …………………… ……………… ……………… ……………………… …………………… ……………… ……………… ……………………… …………………… ……………… ……………… ……………………… …………………… ……………… ……………… ……………………... ……………………. ………………. ……………......

ใบงานที 3 การพฒั นานวัตกรรมและ วัตถปุ ระสงค์ เพือให้ ผ้ สู อนพฒั นานวตั กรรม และเครืองมือทีใช้ ในการเก็บรวบ คาํ ชีแจง ดําเนินการพฒั นานวตั กรรม และเครืองมือทีใช้ ในการเก็บรวบรวมข ศกึ ษาเอกสารแ 1. กาํ หนดวัตถปุ ระสงค์ (กรณีทีเป็ นน 2. กาํ หนดนิยามศัพท์ (กรณีทีเป็ นเค พัฒนานว และเครืองมือทใี ช้ ในก (ฉบับ ประเมนิ คุณภาพโดยเพือน 1. ความตรงก 2. ความเหมา 3. ความเป็ นไ ปรับปรุงแก้ ไขก

147 ะเครืองมือทีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล บรวมข้ อมลู ข้ อมลู ให้ ตรงกบั พมิ พ์เขียวการวจิ ยั ตามขนั ตอนดงั นี แล้ วดาํ เนินการ นวตั กรรม) ครืองมือทีใช้ ในการเก็บรวบรวมข้ อมลู ) วัตกรรม การเกบ็ รวบรวมข้ อมูล บร่ าง) นครู 3 ประเดน็ ได้ แก่ กับปั ญหา าะสมกับผ้ ูเรี ยน ไปได้ ในเชิงปฏิบัติ ก่ อนนาํ ไปใช้ จริง 147

148 แบบประเมนิ คุณภาพนวัตกรรม แล คาํ ชีแจง ทําเครืองหมาย ลงในชอ่ ง และระบขุ ้ อเสนอแนะ นวตั กรรม ............................................................................................................. ตรงกบั ปัญหา เหมาะสมกบั ผ้ เู รียน เป็ นไปได้ในเชงิ ปฏิบตั ิ มาก มาก มาก ปานกลาง ปานกลาง ปานกลาง น้ อย น้ อย น้ อย ข้ อเสนอแนะ (ถ้ ามี) ข้ อเสนอแนะ (ถ้ ามี) ข้ อเสนอแนะ (ถ้ ามี) ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... เกณฑ์ การประเมิน มาก หมายถึง มีคณุ ภาพตามประเด็นทีประเมินอยา่ งสมบรู ณ์ หรือเสนอให้ ปรับ ปานกลาง หมายถึง มีคณุ ภาพตามประเดน็ ทีประเมินยงั ไมส่ มบรู ณ์ ต้องปรับปรุงตาม น้ อย หมายถงึ ต้ องปรับปรุงแก้ ไขเป็ นสว่ นมากและต้ องนํามาให้ ผ้ ตู รวจสอบพจิ า ลงชือผ้ ปู ระเมนิ .......................................................................... วนั ที .................

ละเครืองมอื ทใี ช้ ในการเกบ็ รวบรวมข้ อมูล 148 เครืองมือทีใช้ เก็บรวบรวมข้ อมลู ............................................................................. ตรงกบั ปัญหา เหมาะสมกบั ผ้ เู รียน เป็ นไปได้ในเชิงปฏิบตั ิ มาก มาก มาก ปานกลาง ปานกลาง ปานกลาง น้ อย น้ อย น้ อย ข้ อเสนอแนะ (ถ้ ามี) ข้ อเสนอแนะ (ถ้ ามี) ข้ อเสนอแนะ (ถ้ ามี) ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... .................................... ..................................... .................................... บปรุงเพียงเล็กน้ อยซงึ ผ้ วู จิ ยั จะปรับตามหรือไมก่ ็ได้ มข้ อกําหนดของผ้ ตู รวจสอบเทา่ นนั จงึ จะนําไปใช้ ได้ ารณาซําอีกครังกอ่ นจะนําไปใช้ ..........................

ใบงานที 4 ดาํ เนินการแก้ ปั ญ วัตถุประสงค์ เพือให้ ผ้ สู อนดําเนินการแก้ ปัญหา เก็บรวบรวมข้ อมลู และบนั ท คาํ ชีแจง ก) ดําเนนิ การแก้ ปัญหาโดยใช้ วธิ ีการและเครืองมือทีได้จากการทําใบ ข) บนั ทกึ ผลการแก้ ปัญหา แนวทางการนําผลการวจิ ยั ไปใช้ และบท 1. ดาํ เนินการแก้ ปัญหา (Do) โดยใช้ วธิ ีการและเครืองมือทีพฒั นาขนึ เมือวนั มีขนั ตอนการดําเนนิ การดงั นี (โปรดทําเครืองหมาย ลงในชอ่ ง เพ กรณีที 1 ดําเนนิ การแก้ ปั ญหา เก็บข้ อมลู หลงั เรียน กรณีที 2 เก็บข้ อมลู ก่อนเรียน ดาํ เนินการแก้ ปัญหา เก กรณีที 3 เก็บข้ อมลู ก่อนเรียน ดําเนินการแก้ ปัญหา เก กรณีที 4 ใช้ ขนั ตอนการดาํ เนินการในลกั ษณะอืน (โปรดระบุ ......... 2. บนั ทกึ ผลการตรวจสอบการปฏิบตั ิ (Check) โดยนําเสนอเป็ นแผนภาพ ตา ............................................................................................................. ............................................................................................................. ............................................................................................................. ............................................................................................................. .............................................................................................................

149 ญหา เก็บข้อมูล และบันทกึ ผล ทกึ ผล บงานที 3 ทเรียนทีได้รับจากการทําวจิ ยั ให้ สมบรู ณ์ นที ...................... ถึงวนั ที ...................... เวลา ........................................... พียงกรณีใดกรณีหนงึ ตามความเป็ นจริง) ก็บข้ อมลู หลงั เรียน ก็บข้ อมลู ระหวา่ งเรียน ดําเนินการแก้ ปัญหา เก็บข้ อมลู หลงั เรียน .......................................................................................................................) าราง หรือเขียนบรรยาย ตามความสะดวกและเหมาะสม ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... 149

150 3. การสะท้ อนผลหลงั การปฏิบตั กิ ารวจิ ยั (Reflection) 3.1 การวิจยั ครังนีสามารถแก้ ปัญหาทีเกิดขนึ ได้สําเร็จหรือไม่ สําเร็จ (ระบเุ หตผุ ล) ....................................................................................... ไมส่ ําเร็จ (ระบเุ หตผุ ล) ....................................................................................... 3.2 สิงทีได้เรียนร้ ูจากการทําวิจยั ครังนี (ตอบได้มากกวา่ 1 ตวั เลือก) ได้ความร้ ูทีเป็ นประโยชน์ตอ่ การจดั การเรียนร้ ู (ระบ)ุ ....................................................................................... ได้ความร้ ูทางวิชาการเกียวกบั การวิจยั ปฏิบตั กิ ารในชนั เรียน ....................................................................................... 3.3 การนําผลการวิจยั ไปประยกุ ต์ใช้ พฒั นาคณุ ภาพการจดั การเรียนร้ ู สามารถนําไปประยกุ ตใ์ ช้ ได้ (ระบแุ นวทาง) ....................................................................................... ไมส่ ามารถนําไปประยกุ ต์ใช้ ได้ (ระบเุ หตผุ ล) .......................................................................................

150 ........................................................................................................... ........................................................................................................... ........................................................................................................... น (ระบ)ุ ........................................................................................................... ........................................................................................................... ...........................................................................................................

151 ใบงานที 5 การเขียนรายงานผลการวจิ ยั (แบบไม่เป็ นทางการ) วัตถุประสงค์ เพือให้ผ้สู อนเขียนรายงานผลการวิจยั ในลกั ษณะทีไมเ่ ป็นทางการ คาํ ชีแจง โปรดเขียนนําเสนอรายงานผลการวจิ ยั ทีทา่ นดําเนนิ การเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามประเดน็ ทีกําหนดให้ 1. ชือเรืองการวิจยั / ชือผ้วู ิจยั ............................................................................................................................................... 2. สภาพปัญหา (สรุปใบงานที 1) ............................................................................................................................................... 3. การวางแผนแก้ไขปัญหา (Plan) (สรุปใบงานที 2 และ 3) ............................................................................................................................................... 4. การปฏิบตั ิการแก้ไขปัญหา (Do) (สรุปใบงานที 4 ข้อ 1) ............................................................................................................................................... 5. ผลการแก้ปัญหา (Check) (สรุปใบงานที 4 ข้อ 2) ............................................................................................................................................... 6. การสะท้อนผลการวิจยั (Reflection) (สรุปใบงานที 4 ข้อ 3) 6.1 สิงทีได้เรียนรู้จากการทําวจิ ยั ครังนี ............................................................................................................................................... 6.2 แนวทางการนําผลการวจิ ยั ไปประยกุ ตใ์ ช้พฒั นาคณุ ภาพการจดั การเรียนรู้ ............................................................................................................................................... 6.3 ความถกู ต้องและเชือถือได้ของผลการวจิ ยั (แลกเปลียนเรียนรู้กบั เพือนครูแล้วบนั ทกึ ผล ด้านลา่ ง) มีความถกู ต้องและเชือถือได้ ควรปรับปรุงแก้ไข ข้อเสนอแนะเพมิ เตมิ .................................................................... 7. รายชือเพือนครูทีร่วมแลกเปลียนเรียนรู้ (อยา่ งน้อย 1 คน) ...............................................................................................................................................

152

153 แบบทดสอบวัดความรู้เรือง การจัดการเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็ นฐาน หลังการฝึ กอบรม

154

155 แบบทดสอบวัดความรู้เรืองการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็ นฐาน คาํ ชีแจง 1. แบบทดสอบฉบบั นีเป็นแบบทดสอบปรนยั 4 ตวั เลือก จํานวน 20 ข้อ 2. โปรดทําเครืองหมาย X บนตวั เลือกทีถกู ต้องทีสดุ ให้ครบทกุ ข้อ ภายในเวลา 20 นาที 1. แนวคดิ หลกั ของการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็ นฐานตรงกบั ข้อใดมากทีสดุ ก. สงั คมปัจจบุ นั เป็นสงั คมแหง่ ความรู้และนวตั กรรม ข. การพฒั นามงุ่ เน้นให้ผ้เู รียนสามารถพงึ พาตนเองได้ ค. การเรียนรู้ทีสง่ เสริมคณุ ลกั ษณะใฝ่ รู้และเรียนรู้ตลอดชีวิต ง. การเรียนรู้ทีมงุ่ สร้างสรรค์องค์ความรู้ใหมแ่ ละนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ 2. การจดั การเรียนรู้โดยใช้วิจยั เป็นฐานมีทีมาจากพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทีแก้ไขเพมิ เตมิ (ฉบบั ที 3) พ.ศ. 2553 มาตราใด ก. มาตรา 22 ข. มาตรา 23 ค. มาตรา 24 ง. มาตรา 26 3. คาํ วา่ “ใช้การวิจยั เป็นกระบวนการเรียนรู้” มีความหมายสอดคล้องกบั ข้อใดมากทีสดุ ก. ผ้เู รียนค้นคว้างานวิจยั ในการเรียนรู้ ข. ผ้สู อนทําวจิ ยั ควบคกู่ บั การจดั การเรียนรู้ ค. ผ้เู รียนและผ้สู อนร่วมกนั ทําวิจยั ในการเรียนรู้ ง. ผ้เู รียนและผ้สู อนเรียนรู้ร่วมกนั โดยใช้กระบวนการวิจยั 4. ข้อใดคือสาระสําคญั ทีชดั เจนมากทีสดุ ของการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็นฐาน ก. กระบวนการพฒั นาผ้เู รียนให้สามารถใช้การวจิ ยั เป็นกระบวนการเรียนรู้ ข. กระบวนการพฒั นาผ้เู รียนให้สามารถทําวจิ ยั อยา่ งมีคณุ ภาพและมาตรฐาน ค. กระบวนการพฒั นาผ้สู อนให้สามารถใช้กระบวนการวจิ ยั เพือแสวงหาความรู้ใหม่ ง. กระบวนการพฒั นาผ้สู อนให้สามารถทําวจิ ยั สร้างสรรคอ์ งค์ความรู้ใหมใ่ นสาขาวชิ าชีพ

156 5. กระบวนทศั น์ใหมข่ องการวิจยั เป็นกระบวนการเรียนรู้ตรงกบั ข้อใดมากทีสดุ ก. การวจิ ยั และการจดั การเรียนรู้สคู่ ณุ ภาพผ้เู รียน ข. การวิจยั สกู่ ารจดั การเรียนรู้ทีมีคณุ ภาพและประสทิ ธิภาพสงู สดุ ค. การจดั การเรียนรู้บนฐานการวิจยั สกู่ ารสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหมแ่ ละนวตั กรรม ง. การจดั การเรียนรู้และการวจิ ยั เป็นเรืองเดยี วกนั ทีสามารถบรู ณาการกนั ได้อย่างลงตวั 6. รูปแบบของการจดั การเรียนรู้โดยใช้วิจยั เป็นฐานมีกีรูปแบบ ก. 2 รูปแบบ ข. 3 รูปแบบ ค. 4 รูปแบบ ง. 5 รูปแบบ 7. เป้ าหมายสําคญั ทีสดุ ของการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็ นฐานคือข้อใด ก. ผลสมั ฤทธิทางการเรียน ข. การใฝ่ รู้และกระบวนแสวงหาความรู้ ค. ความรับผิดชอบในการปฏิบตั กิ ิจกรรมการเรียนรู้ ง. นวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ทีเหมาะสมกบั ผ้เู รียน 8. การแลกเปลียนเรียนรู้ชว่ ยสง่ เสริมคณุ ลกั ษณะด้านใดของผ้เู รียนมากทีสดุ ก. ความมีวนิ ยั ข. ความรับผิดชอบ ค. ความซือสตั ย์สจุ ริต ง. ความเคารพในความเป็ นมนษุ ย์ 9. การถอดบทเรียนหลงั เสร็จสินการปฏิบตั ชิ ว่ ยสง่ เสริมสิงใดมากทีสดุ ก. เพมิ ประสิทธิภาพในการปฏิบตั ใิ ห้สงู ขนึ ข. การชว่ ยเหลือเกือกลู กนั ระหว่างผ้รู ่วมงาน ค. การเข้าใจเป้ าหมายและวิธีการปฏิบตั ติ รงกนั ง. การทํางานร่วมกนั อยา่ งยตุ ธิ รรม

157 10. แหลง่ ศกึ ษาค้นคว้าในข้อใดทีมีความนา่ เชือถือมากทีสดุ ก. หนงั สือพิมพ์ ข. วารสาร ค. สารานกุ รม ง. หนงั สือประกอบการจดั การเรียนรู้ 11. ข้อมลู ด้านการศกึ ษาทีอยใู่ น website สว่ นมากจะอย่ใู นกลมุ่ website ตามข้อใด ก. .edu ข. .com ค. .net ง. .gov 12. กระบวนการเรียนรู้ทีมีประสิทธิภาพสงู สดุ สําหรับการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็นฐาน คอื กระบวนการเรียนรู้ทีมีลกั ษณะตามข้อใด ก. การแลกเปลียนเรียนรู้ ข. การเรียนรู้แบบมีสว่ นร่วม ค. การบรู ณาการเนือหาตามสภาพจริง ง. สอดคล้องกบั ธรรมชาตแิ ละความสนใจของผ้เู รียน 13. การจดั ทําหนว่ ยการเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็นฐานมีองค์ประกอบสําคญั จําเป็นตามข้อใด ก. จดุ ประสงค์ สาระสําคญั สือการเรียนรู้ การประเมนิ ผล ข. จดุ ประสงค์ สาระสําคญั กิจกรรม การประเมนิ ผล ค. ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ สาระสําคญั กระบวนการเรียนรู้ การประเมินผล ง. ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ สาระสําคญั กิจกรรมการเรียนรู้ การประเมินผล

158 14. ผลการเรียนรู้และจดุ ประสงค์การเรียนรู้มีความหมายตามข้อใด ก. ผลการเรียนรู้ คือ สิงทีคาดหวงั ให้เกิดกบั ผ้เู รียนระหวา่ งการเรียน จดุ ประสงค์การเรียนรู้ คือ กิจกรรมทีต้องจดั การเรียนรู้ ข. ผลการเรียนรู้ คอื สงิ ทีตกตะกอนในตวั ผ้เู รียนหลงั การจดั การเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ คือ สิงทีผ้เู รียนต้องรู้และปฏิบตั ไิ ด้ตามลําดบั ขนั ตอน ค. ผลการเรียนรู้ คอื คณุ ภาพโดยรวมของผ้เู รียน จดุ ประสงค์การเรียนรู้ คือ คณุ ภาพแบบแยกยอ่ ยของผ้เู รียน ง. ผลการเรียนรู้ คอื เป้ าหมายปลายทางของการจดั การเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ คือ เป้ าหมายระหวา่ งทางของการจดั การเรียนรู้ 15. กระบวนการเรียนรู้มีความสําคญั ตอ่ การจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็นฐานมากทีสดุ ตามข้อใด ก. ทําให้การเรียนรู้มีเป้ าหมายชดั เจน ข. ทําให้การเรียนรู้มีวธิ ีการทีมีประสิทธิภาพ ค. สง่ เสริมการคดิ และการเรียนรู้ทีเป็นระบบของผ้เู รียน ง. สง่ เสริมการบรรลผุ ลสมั ฤทธิทางการเรียนตามเกณฑ์ทีกําหนด 16. บทบาทของครูยคุ ใหมส่ ําหรับการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็นฐานคือข้อใด ก. ออกแบบหลกั สตู ร การเรียนรู้ และประเมนิ ผล ข. เชือมโยงประสานงานกบั ผ้เู รียน ผ้ปู กครอง และชมุ ชน ค. วจิ ยั คดิ ค้นสร้างสือและนวตั กรรมการเรียนรู้ทีเป็นประโยชน์ ง. เอืออํานวยความสะดวกในการเรียนรู้และดแู ลชว่ ยเหลือผ้เู รียน 17. ข้อใดเป็นบทบาทผ้เู อืออํานวยความสะดวกในการเรียนรู้สําหรับการจดั การเรียนรู้โดยใช้วิจยั เป็ นฐานมากทีสดุ ก. กระต้นุ ให้คิด อภิปราย และแลกเปลียนเรียนรู้ ข. ให้ข้อมลู และความรู้ทีถกู ต้องเป็นประโยชน์ตอ่ ผ้เู รียน ค. กําหนดวตั ถปุ ระสงค์และทศิ ทางการเรียนรู้ให้กบั ผ้เู รียน ง. กําหนดภาระงานตลอดจนชินงานและเกณฑ์การประเมนิ อยา่ งชดั เจน

159 18. ผ้สู อนควรให้สิงใดกบั ผ้เู รียนมากทีสดุ สําหรับการจดั การเรียนรู้โดยใช้วิจยั เป็นฐาน ก. คาํ ตอบทีถกู ต้อง ข. ขนั ตอนการเรียนรู้ทีถกู ต้อง ค. กระบวนการเรียนรู้ทีเหมาะสม ง. วธิ ีการประเมินตนเองและแนวทางการพฒั นา 19. ข้อใดไม่ใช่หลกั การวดั และประเมนิ ผลตามสภาพจริงสําหรับการจดั การเรียนรู้โดยใช้วิจยั เป็นฐาน ก. ใช้ผ้ปู ระเมินหลายฝ่ าย ข. ใช้วิธีการประเมินอยา่ งหลากหลาย ค. การประเมินหลายครังในชว่ งเวลาการเรียนรู้ ง. ตดั สนิ ผลการเรียนรู้จากผลการประเมนิ อยา่ งยตุ ธิ รรม 20. ข้อใดคือการใช้ผลการประเมินตามสภาพจริงสําหรับการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็ นฐาน อยา่ งค้มุ คา่ มากทีสดุ ก. นํามาเขียนรายงานผลการจดั การเรียนรู้ ข. นํามาปรับปรุงคณุ ภาพของผ้เู รียนในทนั ทีทนั ใด ค. นํามาใช้ประกอบการตดั สินระดบั ผลการเรียนเมือสินปี การศกึ ษา ง. นํามาเป็นฐานข้อมลู สําหรับการพฒั นาผ้เู รียนในหนว่ ยการเรียนถดั ไป *********************************************************

160

161 แบบประเมนิ ความสามารถ ในการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ัยเป็ นฐาน หลังการฝึ กอบรม (ใช้สําหรับผ้วู จิ ยั ประเมินผ้สู อน บคุ คลภายนอกประเมนิ ผ้สู อน ผ้สู อนประเมินตนเอง)

162

163 แบบประเมินความสามารถในการจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็ นฐาน (ใช้สําหรับผ้วู ิจยั ประเมินผ้สู อน บคุ คลภายนอกประเมนิ ผ้สู อน ผ้สู อนประเมนิ ตนเอง) คาํ ชีแจง โปรดพจิ ารณาข้อมลู เชิงประจกั ษ์แล้วทําเครืองหมาย ลงในชอ่ งความสามารถในการ จดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ยั เป็นฐานให้ครบทกุ รายการ ความสามารถในการจดั การเรียนรู้ ที รายการประเมิน โดยใช้วิจยั เป็นฐาน มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทีสดุ กลาง ทีสดุ 1 กําหนดผลการเรียนรู้สะท้อนสาระสําคญั กระบวนการ เรียนรู้ และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2 กําหนดสาระสําคญั ได้สอดคล้องกบั ผลการเรียนรู้ 3 กําหนดจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สอดคล้องกบั ผลการเรียนรู้ และสาระสําคญั 4 ใช้กระบวนการเรียนรู้ทีกระต้นุ คณุ ลกั ษณะใฝ่ รู้ การคดิ และการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 5 ใช้กิจกรรมการเรียนรู้ทีสอดคล้องกบั กระบวนการเรียนรู้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้สง่ เสริมการคดิ ตงั ข้อสงสยั หรือปัญหาทีต้องการคาํ ตอบ 7 กิจกรรมการเรียนรู้สง่ เสริมให้ค้นคว้าหาความรู้ ด้วยวธิ ีการทีหลากหลาย 8 กิจกรรมการเรียนรู้สง่ เสริมการคดิ วิเคราะห์ ความนา่ เชือถือของข้อมลู 9 กิจกรรมการเรียนรู้สง่ เสริมให้ผ้เู รียนสรุปความรู้ ด้วยตนเอง 10 กิจกรรมการเรียนรู้สง่ เสริมให้ผ้เู รียนแลกเปลียนเรียนรู้ ความรู้ของตนเองกบั บคุ คลอืน

164 ความสามารถในการจดั การเรียนรู้ ที รายการประเมิน โดยใช้วจิ ยั เป็นฐาน 11 เปิดโอกาสให้ผ้เู รียนประเมนิ ตนเองด้วยวธิ ีการตา่ งๆ มาก มาก ปาน น้อย น้อย และพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนือง ทีสดุ กลาง ทีสดุ 12 ใช้วธิ ีการและเครืองมือการประเมนิ ทีหลากหลาย สอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 13 ประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผ้เู รียนอยา่ งตอ่ เนือง ในชว่ งเวลาการเรียนรู้ 14 สืบค้นงานวิจยั มาสนบั สนนุ การออกแบบกิจกรรม การเรียนรู้ 15 ทําวิจยั เพือแก้ปัญหาการเรียนรู้ของผ้เู รียนในทนั ทีทนั ใด ด้วยกระบวนการทีเป็ นระบบ

165 แบบประเมนิ ทกั ษะการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการวจิ ยั ของผู้เรียน หลังการฝึ กอบรม (ใช้สําหรับผ้สู อนประเมนิ ผ้เู รียน ผ้วู จิ ยั ประเมินผ้เู รียน ผ้เู รียนประเมนิ ตนเอง)

166

167 แบบประเมินทกั ษะการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวจิ ัย (ใช้สําหรับผ้สู อนประเมนิ ผ้เู รียน ผ้วู ิจยั ประเมนิ ผ้เู รียน ผ้เู รียนประเมนิ ตนเอง) คาํ ชีแจง โปรดพิจารณาข้อมลู เชงิ ประจกั ษ์แล้วทําเครืองหมาย ลงในชอ่ งทกั ษะการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการวจิ ยั ให้ครบทกุ รายการ ทกั ษะการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวจิ ยั ที รายการประเมิน มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทีสดุ กลาง ทีสดุ 1 กําหนดเป้ าหมายการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง 2 กําหนดปัญหาหรือสิงทีต้องการรู้ได้ด้วยตนเอง 3 กําหนดวธิ ีการศกึ ษาค้นคว้าเพือให้ได้คําตอบ ได้ด้วยตนเอง 4 ดาํ เนนิ การศกึ ษาค้นคว้าความรู้ได้ด้วยตนเอง 5 ประเมินความนา่ เชือถือของความรู้ทีศกึ ษา ค้นคว้าโดยใช้วิธีการทีเหมาะสมได้ 6 วเิ คราะห์และสรุปคาํ ตอบของปัญหา หรือสงิ ทีต้องการรู้ได้ด้วยตนเอง 7 แลกเปลียนเรียนรู้ความรู้ของตนเอง กบั บคุ คลอืนได้ 8 เคารพในความแตกตา่ งทางความคดิ เห็น 9 ใช้หลกั ฐานข้อมลู ประกอบการตดั สินใจ 10 ค้นคว้าหาความรู้ทีต้องการด้วยตนเอง อยา่ งเป็นระบบ

168

169 บรรณานุกรม

170

171 บรรณานุกรม เกศริน มนญู ผล. (2544). การพฒั นาหลักสูตรฝึ กอบรมครูเพือเสริมสมรรถภาพด้านการจัดทาํ หนังสือเสริมประสบการณ์ทีสอดคล้องกับท้องถนิ . ปริญญานพิ นธ์ กศ.ด. (การวิจยั และพฒั นาหลกั สตู ร). กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. เจริญชยั ชาวขอนแก่น. (2544). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมการใช้คอมพวิ เตอร์สาํ หรับครู ผู้ปฏบิ ัตงิ านสารสนเทศในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสาํ นักงานสามัญศึกษาจังหวัด ร้อยเอด็ . วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (เทคโนโลยีการศกึ ษา) มหาสารคาม : บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. ทวีศกั ดิ ไชยมาโย. (2545). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมด้วยตนเองเพือพัฒนาสมรรถภาพด้าน การสอนทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของครูแกนนําปฏริ ูปการเรียนรู้กลุ่ม สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต (วิทยาศาสตร์). นครพนม: หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ สํานกั งาน การประถมศกึ ษานครพนม. ทศิ นา แขมณี. (2547). การจัดการเรียนรู้โดยผู้เรียนใช้การวิจัยเป็ นส่วนหนึงของกระบวนการ เรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ครุ ุสภาลาดพร้าว. ธนากร ทองประยรู . (2551). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมเรืองการสอนแบบบูรณาการทักษะ ภาษาอังกฤษเพือการสือสารสาํ หรับครูผู้สอนวชิ าภาษาอังกฤษระดบั มัธยมศึกษา ตอนต้น โรงเรียนขยายโอกาสทางการศกึ ษา สังกัดกรุงเทพมหานคร. ปริญญานิพนธ์ ศศ.ม. (การสอนภาษาองั กฤษ ในฐานะภาษาตา่ งประเทศ). กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. นพเก้า ณ พทั ลงุ . (2549). การพฒั นาหลักสูตรฝึ กอบรมเรืองการจัดการเรียนรู้และการ ประเมินผลแบบบูรณาการ สาํ หรับครูโรงเรียนเอกชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้. สงขลา: คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ. ไพฑรู ย์ สินลารัตน์. (2547). “หลกั การสอนแบบเน้นการวิจยั (Research – based Teaching) ในระดบั อดุ มศกึ ษา”. การเรียนการสอนทีมีการวิจัยเป็ นฐาน. หน้า 1 – 7 . กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลยั . มาโนช โกมลวนชิ . (2541). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมตามความต้องการเพมิ ความสามารถ ทางวชิ าการของครูผู้สอนวชิ าการงานและอาชีพ วิชา ง013 ในโรงเรียนขยายโอกาส ทางการศกึ ษา สังกัดสาํ นักงานการประถมศกึ ษาชลบุรี. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (อตุ สาหกรรมศกึ ษา). กรุงเทพฯ : บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ.

172 ระววิ รรณ ศรีคร้ามครัน. (2550). “การจดั การเรียนรู้”. สารานุกรมวิชาชีพครูเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั เนืองในโอกาสฉลองสริ ิราชสมบัตคิ รบ 60 ปี . กรุงเทพฯ : สํานกั งานเลขาธิการครุ ุสภา. วชิ ยั วงษ์ใหญ่. (2553). การพฒั นาหลกั สตู รแบบครบวงจร. เอกสารประกอบการบรรยายการจัด การเรียนการสอนนิสิตปริญญาเอกสาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ : บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. วชิ าญ พนั ธ์ุประเสริฐ. (2551). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมครูวทิ ยาศาสตร์เพือออกแบบบท ปฏบิ ัตกิ าร ทีสอดแทรกภูมิปัญญาท้องถนิ . ปริญญานิพนธ์ กศ.ด. (วทิ ยาศาสตร์ ศกึ ษา). กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. วชิ ิต สรุ ัตน์เรืองชยั . (2534). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมความรู้เกียวกับการป้ องกันและ ควบคุมโรคเอดส์สาํ หรับครูประถมศึกษา. ปริญญานิพนธ์ กศ.ด. (การวจิ ยั และพฒั นา หลกั สตู ร). กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. วเิ ชียร อินทรสมั พนั ธ์. (2546). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมเพือเสริมสร้างสมรรถภาพการบูร ณาการจริยธรรมในหลักสูตรการศกึ ษาขันพืนฐานสาํ หรับครูมัธยมศึกษา. ปริญญา นพิ นธ์ กศ.ด. (การวิจยั และพฒั นาหลกั สตู ร). กรุงเทพฯ : บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. วทิ วฒั น์ ขตั ตยิ ะมาน. (2550). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมครูประจาํ การ “ครูอาชีพ”. สงขลา: มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ. ศกั ดริ ินทร์ ชนประชา. (2550). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมการศึกษานอกระบบสาํ หรับ ครูผู้สอนระดับการศึกษาขันพืนฐานสังกัดสาํ นักงานเขตพืนทีการศกึ ษาเชียงราย เขต 2. ปริญญานิพนธ์ กศ.ด. (การศกึ ษาผ้ใู หญ่). กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. สํานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา (องค์การมหาชน). 2547. พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ เตมิ (ฉบับที 3) พ.ศ. 2553. กรุงเทพฯ : พริกหวานกราฟฟิค จํากดั . สนั ต์ ศนู ย์กลาง. (2551). การพฒั นาหลักสูตรฝึ กอบรมเสริมสร้างทักษะการปฏิบัตวิ ชิ าชีพ เพือพฒั นาผู้เรียนแบบองค์รวม สาํ หรับครูระดบั การศึกษาขันพืนฐาน. ปริญญา นพิ นธ์ กศ.ด. (การวิจยั และพฒั นาหลกั สตู ร) . กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ.

173 เสถียร แป้ นเหลือ. (2550). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมเพือเสริมสร้างภาวะผู้นาํ สาํ หรับผู้นาํ องค์กรกิจกรรมนักศกึ ษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. ปริญญานพิ นธ์ กศ.ด. (การอดุ มศกึ ษา). กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. สรุ ิยา เหมตะศลิ ปะ. (2537). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมเพือเสริมสร้างสมรรถภาพในการ พฒั นาหลักสูตรแบบมีฐานมาจากโรงเรียน สาํ หรับครูโรงเรียนมัธยมศกึ ษา. ปริญญานิพนธ์ กศ.ด. (การวจิ ยั และพฒั นาหลกั สตู ร). กรุงเทพฯ : บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. องอาจ พงษ์พิสทุ ธิบบุ ผา. (2541). การพัฒนาหลักสูตรฝึ กอบรมเพือเสริมสร้างพฤตกิ รรมผู้นํา ทางการเกษตรสาํ หรับผู้เรียนโครงการอาชีวศกึ ษาเพือการพัฒนาชนบท (อศ.กช.). ปริญญานพิ นธ์ กศ.ด. (การวิจยั และพฒั นาหลกั สตู ร). กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. อตญิ าณ์ ศรเกษตริน. (2543). การสร้างหลักสูตรฝึ กอบรมเพือเสริมสร้างความเป็ นผู้นําสาํ หรับ นักศกึ ษาพยาบาล. ปริญญานพิ นธ์ กศ.ด. (การอดุ มศกึ ษา). กรุงเทพฯ : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. อมรวชิ ช์ นาครทรรพ. (2547). “เรียนรู้ควู่ ิจยั : กรณีการสะท้อนกระบวนการวิจยั ภาคสนามวิชา การศกึ ษากบั สงั คม คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ” ใน การเรียนการสอน ทีมีการวจิ ัยเป็ นฐาน. หน้า 38 – 58. กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . อาชญั ญา รัตนอบุ ล. (2547). “การสอนแบบเน้นการวจิ ยั โดยใช้สญั ญาแหง่ การเรียนรู้” ในการเรียนการสอนทีมีการวจิ ัยเป็ นฐาน. หน้า 61 – 79. กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . อํารุง จนั ทวานิช. (2548). “ปาฐกถาพเิ ศษ เรือง นโยบายสง่ เสริมการจดั การเรียนการสอนโดย ผ้เู รียนใช้การวจิ ยั เป็นสว่ นหนงึ ของกระบวนการเรียนรู้” ใน การเรียนการสอนโดยใช้การ วจิ ัยเป็ นส่วนหนึงของกระบวนการเรียนรู้. หน้า 1 – 11. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ครุ ุสภา ลาดพร้ าว. Kurtus, Ron. (2000). Training Process. Retrieved September 23,2009, from http://www.school-for-champions.com/training/process.htmKyriacou, Chris. (2009). Effective teaching in schools : theory and practice. 3rd ed. Cheltenham : Nelson Thornes.

174 Loughran, John. (1999). Researching Teaching : Methodologies and Practice for understanding pedagogy. London: Flamer Press. Moore, Alex. (2000). Teaching and Learning : Pedagogy, Curriculum and Culture. London ; New York: Rout ledge Flamer. Moore, D. Kenneth. (2001). Classroom Teaching Skill. 5th. New York: McGraw – Hill. Muijs, Daniel and Reynlods, David. (2001). Effective Teaching : Evidence and Practice. London: Paul Chapman Publishing. Petrash, Jack. (2003). Understanding waldorf education teaching from the inside out. United of Kingdom : Floris Books. Pollard, A. (2002). Reflective Teaching : effective and evidence – informed professional practice. London: Continuum. Reagan, Timothy G. (2000). Becoming a Reflective Educator : How to build a culture of Inquiry in the Schools. California: Thoundsand Oaks. Taba, Hilda. (1962). Curriculum development : theory and practice. New York : Harcourt Brace Jovanovich. Tyler, W. Ralph. (1949 .) Basic principles of curriculum and instruction. Chicago : The university of Chicago press.

175 ภาคผนวก

176

177 รายชือผู้ทรงคุณวุฒพิ จิ ารณาหลักสูตร 1. รองศาสตราจารย์ ดร.วชิ ยั วงษ์ใหญ่ บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ 2. รองศาสตราจารย์ ดร.ปราโมทย์ จนั ทร์เรือง คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี 3. อาจารย์ ดร.ศรีสมร พมุ่ สะอาด คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั รังสติ 4. อาจารย์ ดร.จนั ทมิ า แสงเลศิ อทุ ยั คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม 5. อาจารย์ ดร.ไพรัช มณีโชติ สํานกั งานเขตพืนทีการประถมศกึ ษา ประจวบครี ีขนั ธ์ เขต 1

การจดั การเรยี นรโู้ ดยใชว้ ิจัยเปน็ ฐาน เสรมิ สรา้ งกระบวนการเรยี นร้โู ดยการวจิ ยั ของผเู้ รยี น ซึ่งเป็นทกั ษะสาคญั ในศตวรรษท่ี 21