แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล การจัดการศึกษาปฐมวยั ปง บประมาณ 2564 นางปาริชาติ ปต พิ ฒั น ศึกษานิเทศก กลมุ งานสงเสริม พฒั นา สอ่ื นวตั กรรม และเทคโนโลยีทางการศกึ ษา กลมุ นิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผลการจัดการศกึ ษา สํานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษา หนองบวั ลาํ ภู เขต 2
คาํ นํา แผนนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษาระดบั ปฐมวยั เลม่ นี จดั ทาํ ขนึ เพอื เปนเครอื งมอื นิเทศ ตดิ ตาม การจดั การศกึ ษาระดบั ปฐมวยั เพอื การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาตามนโยบาย วสิ ยั ทศั น์ของเขตพนื ทกี ารศกึ ษา และนโยบาย ของสาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั พนื ฐานทกี าํ หนด ทงั สว่ นทเี ปนนโยบายจดุ เน้นของหน่วยงานตน้ สงั กดั และกลยทุ ธก์ ารพฒั นา เพอื ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาของสาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา หนองบวั ลาํ ภู เขต 2 โดยยดึ แนวทางการนิเทศบรู ณาการ เพอื การพฒั นา คณุ ภาพของเดก็ ปฐมวยั ปารชิ าติ ปตพิ ฒั น์
สารบญั ตอนที 1 บทนํา ตอนที 2 ทศิ ทาง นโยบาย การจดั 1 ความสําคัญ การศึกษาปฐมวัย 3 วตั ถุประสงค์ 3 เปาหมายการนเิ ทศ 4 พระบรมราโชบายดา้ นการศกึ ษาของสมเดจ็ 3 ภาพความสําเร็จ พระวชริ เกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที 10 3 ระยะเวลาดําเนินการ 5 แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการจดั การศึกษาปฐมวยั ตอนที 3 แนวทางการนิเทศ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ.2563 - 2565 เพือพฒั นาการจัด การศกึ ษาปฐมวัย 14 นโยบายสาํ นักงานคณะกรรรมการการศกึ ษา ขนั พืนฐาน 18 กระบวนการนเิ ทศการศึกษาปฐมวยั 19 กรอบแนวคดิ การนเิ ทศการศึกษา 14 แนวทางการพัฒนาสํานกั งานเขตพืนที การศกึ ษาประถมศกึ ษาหนองบัวลําภู เขต 2 ปฐมวยั 20 ขันตอนการนิเทศการศึกษาปฐมวยั 15 ประเด็นยุทธศาสตร์ กลยทุ ธ์ แนวทาง 24 รปู แบบการนเิ ทศ การดาํ เนินงานทเี กยี วขอ้ งกับการศึกษาปฐมวยั 16 บทบาทของศกึ ษานเิ ทศก์ ตอนที 4 เครองมอื การนิเทศ 36 ปฏทิ นิ การนเิ ทศ 36 ตวั ชีวัดการนิเทศเพือพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา 37 เครืองมือการนเิ ทศ 38 แบบนเิ ทศ ติดตาม และประเมนิ ผล การใชห้ ลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุ ทธศักราช 2560 45 แบบนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดประสบการณเ์ รยี นรู้ ระดบั ปฐมวัย 51 แบบนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการจัดกจิ กรรมตามโครงการบ้านนกั วทิ ยาศาสตร์ นอ้ ย ประเทศไทย 58 แบบนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการจัดการเรียนร้วู ิทยาการคํานวณ (CODING) ระดับปฐมวัย 60 แบบนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการจดั ประสบการณเ์ รยี นรแู้ บบสะเตม็ ศึกษา ระดับปฐมวัย 62 แบบนิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการจัดประสบการณเ์ รยี นรตู้ ามแนวคดิ มอนเตส ซอรีตามบริบทของสพฐ. ระดบั ปฐมวยั 66 แบบนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจดั ประสบการณ์เรียนรู้ตามแนวทางไฮสโคป ระดับปฐมวัย
แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผล 1 การจัดการศึกษาปฐมวยั ตอนที 1 บทนาํ ความสาํ คญั การศึกษานับเปนรากฐานทีสาํ คัญทีสดุ ประการหนึงในการสรา้ งสรรคค์ วามเจรญิ ก้าวหน้า และการแก้ไขปญหาต่างๆ ในสงั คม เนืองจากการศกึ ษาเปนกระบวนการทีช่วยให้คนไดพ้ ฒั นาตนเอง ในด้านต่างๆ ตลอดช่วงชีวิตตังแต่เกิด การพัฒนาขดี ความสามารถด้านต่างๆ การดํารงชีพ และการ ประกอบอาชีพ การรูเ้ ท่ากันการเปลยี นแปลง การอาศยั อยู่ในสงั คมและสงิ แวดลอ้ มอย่างมีความสขุ ตลอดจน การรวมพลงั สรา้ งงสรรค์ พัฒนาประเทศอย่างยังยนื การนิเทศการศึกษานับเปนองคป์ ระกอบ สาํ คัญประการหนึงของกระบวนการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาให้ประสบผลสาํ เรจ็ ซึงประกอบด้วยองค์ ประกอบ 3 ประการ คือ กระบวนการบรหิ ารการศึกษากระบวนการเรยี นการสอน และ กระบวนการ นิเทศการศึกษา สาํ หรบั กระบวนการนิเทศการศึกษาเปนกระบวนการทีผู้นิเทศใช้กระตนุ้ ท้าทาย รเิ รมิ รว่ มคิด รว่ มทํา สนับสนนุ ให้มีการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาให้สงู ขนึ ตรงตามสภาพความต้องการทีแท้ จรงิ ของการพัฒนา โดยผ่านครูผู้สอนและผบู้ รหิ ารโรงเรยี นรวมทังไดม้ ีการพัฒนากระบวนการปฏิบัติ งาน ศึกษา ค้นคว้า เทคนิค วิธกี ารนิเทศทังระบบการนิเทศภายใน และภายนอกให้มีประสทิ ธภิ าพ ปฐมวัยเปนวัยเรมิ ต้นของชีวิตและพัฒนาการในทุกด้าน เปนช่วงวยั ทีพัฒนาการทางดา้ นต่างๆ เปนไปอย่างรวดเรว็ ทีสดุ และเปนฐานรากทีสาํ คญั สาํ หรบั พฒั นาการในช่วงวัยต่อๆ ไป เด็กในวัยนีจึง เปนทรพั ยากรบุคคลทีมีความสาํ คัญอย่างยงิ ของประเทศ เด็กปฐมวยั ทีได้รบั การดแู ลอยา่ งเหมาะสม ตามช่วงวัยจะสามารถเติบโตเปนผู้ใหญ่ทีดีมีคณุ ภาพและจะเปนกําลงั สาํ คัญของประเทศชาติตอ่ ไปใน อนาคต ดังนัน การพัฒนาเด็กปฐมวัยจึงเปนรากฐานทีมีผลต่อคุณภาพและประสทิ ธภิ าพของคนตลอด ชีวิตและเปนการลงทุนทีคุ้มค่าทีสดุ กลา่ วคอื เด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่ทีมีสขุ ภาพดี มีความสามารถเรยี น รูท้ ํางานได้เก่ง และเปนพลเมืองดีทีจะนําสคู่ วามสาํ เรจ็ ในสงั คมทีท้าทาย ในศตวรรษที 21 ต้องได้รบั โอกาสการพัฒนาอย่างรอบด้านในช่วงปฐมวยั แต่คุณภาพของเดก็ ปฐมวัยยังเปนจุดออ่ นทเี ข้าขนั วกิ ฤต ของประเทศไทย ทีจําเปนต้องแก้ไขอย่างเรง่ ด่วน รฐั และทุกภาคสว่ น พอ่ แม่ผูป้ กครอง ครอบครวั ชุมชน สงั คม บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ คร/ู ผู้ดแู ลเด็ก โรงเรยี น องคก์ รท้องถินทุกระดบั บุคลากรพัฒนาสงั คมทังภาครฐั เอกชน ภาคศาสนาและภาคธรุ กิจ จึงต้องมีความรคู้ วามเขา้ ใจในความ สาํ คัญของช่วงปฐมวัย ตระหนักในพันธกิจและลงมือช่วยกันทําให้เดก็ ปฐมวัยมีโอกาสพัฒนาอยา่ งเตม็ ศักยภาพในภาวะแวดลอ้ มทีปลอดภัย การนิเทศการศึกษาเปนกระบวนการสาํ คัญในการให้บรกิ ารช่วยเหลอื สนับสนนุ และรว่ มมือกัน ระหว่างผู้นิเทศกับผู้รบั การนิเทศ เพือปรบั ปรุงพฒั นาการจัดการเรยี นการสอนเปนสาํ คัญ การนิเทศ การศึกษา เปนการนิเทศทีครอบคลมุ ถึงการนิเทศการสอน การพฒั นาหลกั สตู ร การพฒั นาบุคลากร เพือให้สามารถปฏิบัติงานในหน้าทีให้มีคุณภาพ ผูน้ ิเทศนอกจากจะมีบทบาทในการสง่ เสรมิ ช่วยเหลอื สนับสนนุ ครูให้พัฒนาการเรยี นการสอนพัฒนาหลกั สตู ร พฒั นาเทคนิควิธกี ารและนวตั กรรมการศึกษา และมาตรฐานศึกษานิเทศก์ของคุรุสภา 2556 มาตรฐานการปฏิบตั ิงาน มาตรฐานที 8 ได้กลา่ วถึง
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 2 การจัดการศกึ ษาปฐมวยั ศึกษานิเทศก์ไว้ว่า ศึกษานิเทศก์ต้อง “ปฏิบัติตนเปนแบบอยา่ งทีด”ี ศึกษานิเทศก์มีภารกิจในการ พัฒนาผู้รบั การนิเทศโดยการให้คําปรกึ ษา แนะนํา หรอื จัดกิจกรรม เพอื ให้ผู้รบั การนิเทศปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมสาํ คัญตามเงือนไขทีผู้นิเทศเสนอแนะ ดังนัน ผูน้ ิเทศต้องประพฤติปฏิบตั ิให้เปนที ประจักษ์ เพือให้คําปรกึ ษา คําแนะนํา หรอื กิจกรรมนันๆ มีนาหนัก มีความสาํ คัญน่าเชือถือผู้นิเทศ จําเปนต้องเปนแบบอย่างทีดีทังบุคลกิ ภาพ การปฏิบัติตนมีคุณธรรมจรยิ ธรรม จะช่วยให้ผรู้ บั การนิเทศ เชือถือศรทั ธาต่อการนิเทศการศึกษาและปฏิบตั ิตามด้วยความพงึ พอใจ ดังนัน ศึกษานิเทศก์จึงเปนผู้ทีมีบทบาทสาํ คญั ยิงในการทีจะนําพาคุณภาพการศึกษาของชาติ ไปสเู่ ปาหมาย โดยเฉพาะในเรอื งการปฏิรูปการศึกษาและเรยี นรูอ้ ยา่ งเปนระบบ ประเดน็ สาํ คัญของ การจัดระบบการศึกษาและการเรยี นรูท้ ีต้องปฏิบัติอยา่ งเรง่ ด่วน 4 ประการหลกั คอื การพัฒนา คุณภาพการศึกษาและเรยี นรู้ การพัฒนาคุณภาพครยู คุ ใหม่ การพฒั นาคณุ ภาพสถานศึกษาและแหลง่ เรยี นรูย้ ุคใหม่ และการพัฒนาคุณภาพการบรหิ ารจัดการใหม่ นอกจากนัน ศกึ ษานิเทศก์ยังมีหน้าที พัฒนาระบบการนิเทศให้เปนการนิเทศแนวใหม่ เพอื รองรบั การเปลยี นแปลงของสงั คมทีเปนไปอยา่ ง รวดเรว็ อกี ด้วย และเปนทีพึงของครู ผู้บรหิ ารและหน่วยงานทางการศกึ ษา จากบทบาททีกลา่ วมานัน สรุปได้ว่า \"ภารกิจหลกั ” ของศึกษานิเทศก์ คือ การช่วยเหลอื แนะนํา สง่ เสรมิ การพฒั นาคุณภาพการ ศึกษา และคุณภาพการจัดการเรยี นการสอน ซึงต้องเกียวข้องกับงานหลายดา้ นและบคุ ลากรหลาย ฝาย โดยผู้นิเทศต้องทําหน้าทีใน 4 บทบาทสาํ คัญ บทบาทแรก ไดแ้ ก่ การเปนผปู้ ระสาน เช่น ประสาน งานระหว่างหน่วยงานต้นสงั กัด กับโรงเรยี น ประสานให้ครูแต่ละระดับให้ความช่วยเหลอื ซึงกันและกัน ประสานชุมชน ผู้ปกครองกับครู เปนต้น บทบาททีสอง คือ การเปนทีปรกึ ษา (Consultant) โดยเปนที ปรกึ ษาให้คําแนะนําแก่ครู และผู้รบั การนิเทศทัวไป บทบาททีสามคือ การเปนผู้นํากลมุ่ (Group Leader) คือต้องรูว้ ิธที ีจะทํางานรว่ มกับกลมุ่ ให้ประสบผลสาํ เรจ็ และบทบาททีสคี อื การเปนผูป้ ระเมิน (Evaluator) ได้แก่ เปนผู้ประเมินผลหลกั สตู ร ประเมินผลการจัดการเรยี นการสอน ประเมนิ คุณภาพผู้ เรยี นในสมรรถนะต่าง เปนต้น ความสาํ เรจ็ ของการปฏิบัติการนิเทศการจัดการศึกษานัน ศึกษานิเทศก์ ต้องใช้บทบาททัง 4 นี เปนสาํ คัญ แต่จะเลอื กใช้บทบาทใดเปนหลกั ในการนิเทศนันอาจขนึ อยูก่ บั เรอื ง ทีนิเทศ สถานการณ์ ความจําเปน รวมทังความถนัดของผู้นิเทศเองด้วย อยา่ งไรก็ตาม จะตอ้ งมี การปฏิบัติการนิเทศอย่างทัวถึง และต่อเนืองจึงจะทําให้ \"ภารกิจหลกั \" นีประสบความสาํ เรจ็ อย่างสมบูรณ์และสง่างาม ข้าพเจ้าในฐานะศึกษานิเทศก์ ทีรบั ผิดชอบงานดา้ นการจัดการศึกษาปฐมวยั จึงไดจ้ ัดทําแผน การนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศกึ ษาระดบั ปฐมวัย เน้นการนิเทศการศึกษาแบบรว่ มคดิ รว่ มทํา และรว่ มพัฒนา ดําเนินการสนับสนนุ สง่ เสรมิ ให้โรงเรยี นสามารถแก้ไขปญหา ปรบั ปรุง พัฒนา การจัดการศึกษาระดับปฐมวัยของโรงเรยี นได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพและคุณภาพด้วยตนเอง และเพือให้ เปนเครอื งมือในการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศกึ ษาปฐมวัย อนั จะสง่ ผลให้เดก็ ปฐมวยั มีศักยภาพ มีสมรรถนะของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที 21 สถานศึกษาสามารถพัฒนาคุณภาพ การจัดการศึกษาได้อย่างมีระบบ มีคุณภาพและประสทิ ธภิ าพสงู ขนึ
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 3 การจดั การศกึ ษาปฐมวัย วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพือนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการดําเนินงานตามนโยบาย และจดุ เน้น ด้านการจัดการ ศึกษาปฐมวัย ของสาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั พนื ฐาน สงั กัดสาํ นักงานเขตพืนทกี ารศึกษา ประถมศึกษาหนองบัวลาํ ภู เขต 2 2. เพือนําผลการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลไปใช้ในการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาปฐมวยั ของ สถานศึกษา สงั กัดสาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศกึ ษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 เปาหมายการนิเทศ นิเทศ ติดตาม ประเมินผล สง่ เสรมิ และสนับสนนุ การขบั เคลอื นการพัฒนาคณุ ภาพ การศึกษา ของสถานศึกษาในด้านการจัดการศึกษาปฐมวัย เชิงปรมิ าณ สถานศึกษาในสงั กัดได้รบั การนิเทศ กํากับ ติดตาม ตามประเด็นการนิเทศการจัดการศกึ ษา ปฐมวัย รอ้ ยละ 80 เชิงคุณภาพ - สถานศึกษาในสงั กัดได้รบั การนิเทศ กํากับ ติดตามประเดน็ การนิเทศ สามารถจัดการศึกษา ปฐมวัยได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ - สถานศึกษาได้รบั การนิเทศ การจัดการศึกษาปฐมวัยได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพตอบสนอง การเปลยี นแปลงในศตวรรษที 21 - ครูผู้สอนเปลยี นบทบาทจาก ครูผู้สอน เปน Coach - ครูจัดการเรยี นการสอนทีสอดรบั กับทักษะทีจําเปนในศตวรรษที 21 ภาพความสาํ เรจ็ 1. มีแนวทางการขับเคลอื นการปฏิบัติการนิเทศการศึกษาปฐมวยั สโู่ รงเรยี น 2. มีข้อมูลสารสนเทศของการนิเทศการศึกษาปฐมวัย 3. มีระบบและกระบวนการนิเทศการศึกษาปฐมวยั ตามบรบิ ทของสาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศกึ ษา 4. มีแผนและคู่มือการนิเทศการศึกษาปฐมวัย ตามบรบิ ทของเขตพนื ทีการศึกษา 5. มีการนิเทศ ติดตามนโยบาย ด้านการศึกษาปฐมวยั และจดุ เน้นของสาํ นักงานคณะกรรมการ การศึกษาขันพืนฐาน และสาํ นักงานเขตพนื ทีการศึกษาประถมศกึ ษาหนองบัวลาํ ภู เขต 2 6. มีการสรุปและรายงานผลการนิเทศการศกึ ษาปฐมวยั ระยะเวลาดาํ เนินงาน ตุลาคม 2563 - กันยายน 2564
แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผล 4 การจดั การศกึ ษาปฐมวัย ตอนที 2 ทศิ ทาง นโยบาย การจดั การศึกษาปฐมวัย การพัฒนาคุณภาพการศึกษาจะสาํ เรจ็ ไดต้ ามเปาหมาย จําเปนต้องมีองคป์ ระกอบสาํ คัญ ในการพัฒนา คือ กระบวนการบรหิ าร กระบวนการจัดการเรยี นรู้ และกระบวนการนิเทศ ทีต้องรว่ มกัน สนับสนนุ สง่ เสรมิ ไปด้วยกัน เปนกระบวนการทีทําให้เกิดการพัฒนาและปรบั ปรงุ กระบวนการเรยี นการ สอนของครู โดยมุ่งให้เกิดการจัดการเรยี นรู้ ทีมีประสทิ ธภิ าพสง่ ผลถึงคณุ ภาพของผเู้ รยี น ช่วยทําให้เกดิ การพัฒนาคน พัฒนางาน พัฒนาคุณภาพการศกึ ษาให้บรรลตุ ามเปาหมาย ทําให้เกิดการพฒั นาทียงั ยืน พระบรมราโชบายดา้ นการศกึ ษา ของสมเดจ็ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที 10 การศึกษาต้องมุ่งสรา้ งพืนฐานให้แก่ผู้เรยี น 4 ด้าน 1. มีทัศนคติทีถูกต้องต่อบ้านเมือง 1) มีความรูค้ วามเข้าใจต่อชาติบ้านเมือง 2) ยึดมันในศาสนา 3) มันคงในสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ 4) มีความเออื อาทรต่อครอบครวั และชุมชนของตน 2. มีพืนฐานชีวิตทีมันคง – มีคุณธรรม 1) รูจ้ ักแยกแยะสงิ ทีผิด – ชอบ/ชัว – ดี 2) ปฏิบัติแต่สงิ ทีชอบ สงิ ทีดีงาม 3) ปฏิเสธสงิ ทีผิดสงิ ทีชัว 4) ช่วยกันสรา้ งคนดีให้แก่บ้านเมือง 3. มีงานทํา – มีอาชีพ 1) การเลยี งดูลกู หลานในครอบครวั หรอื การฝกฝนอบรมในสถานศึกษาต้องมุ่งให้เด็ก และเยาวชนรกั งาน สงู้ าน ทําจนงานสาํ เรจ็ 2) การฝกฝนอบรมทังในหลกั สตู รและนอกหลกั สตู รตองมีจุดมุงหมายให้ผูเ้ รยี นทํางาน เปนและมีงานทําในทีสดุ 3) ต้องสนับสนนุ ผู้สาํ เรจ็ หลกั สตู รมีอาชีพมีงานทําจนสามารถเลยี งตัวเองและครอบครวั 4. เปนพลเมืองดี 1) การเปนพลเมืองดี เปนหน้าทีของทุกคน 2) ครอบครวั – สถานศึกษาและสถานประกอบการ ต้องสง่ เสรมิ ให้ทุกคนมีโอกาสทํา หน้าทีเปนพลเมืองดี 3) การเปนพลเมืองดีคือ “เห็นอะไรทีจะทําเพือบ้านเมืองได้ก็ต้องทํา” เช่น งานอาสา สมัครงานบําเพ็ญประโยชน์งานสาธารณกุศล ให้ทําดว้ ยความมีนาใจ และความเออื อาทร
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 5 การจัดการศึกษาปฐมวัย แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. 2563 - 2565 หลกั การของแผน 1. เด็กเปนศูนย์กลางการพัฒนา 2. การถ่ายทอดเปาหมายการพัฒนาจากยุทธศาสตรช์ าติสกู่ ระทรวง และระดับพนื ที 3. การทํางานแบบบูรณาการ 4. การนําเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เปนเครอื งมือในการบรหิ ารจัดการ วสิ ยั ทศั น์ \"เด็กปฐมวัยทุกคนมีพัฒนาการสมวัย มีความพรอ้ มในการเรยี นรอู้ ย่างต่อเนือง\" พนั ธกจิ 1. สรา้ งโอกาสเข้าถึงบรกิ ารการศึกษาปฐมวยั 2. พัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัยให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั แห่งชาติ 3. พัฒนาประสทิ ธภิ าพระบบบรหิ ารจัดการการศกึ ษาปฐมวัย 4. สง่ เสรมิ สนับสนนุ การจัดการศึกษาปฐมวัยของบคุ คล ชุมชน และหน่วยงานสงั กัดอนื เปาประสงคห์ ลกั และตวั ชีวดั /คา่ เปาหมาย 1. เด็กปฐมวัยได้รบั การบรกิ ารด้านการศึกษาอยา่ งทัวถึง เท่าเทียม และเปนธรรม ตัวชีวัด รอ้ ยละของเด็กปฐมวัยทีได้รบั การบรกิ ารการศึกษาปฐมวยั อายุ 3 - 6 ป รอ้ ยละ 100 เด็กทีมีความต้องการจําเปนพิเศษไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 90 2. เด็กปฐมวัยได้รบั การพัฒนาให้มีพัฒนาการรอบดา้ น สมวัย ตามมาตรฐานสถานพัฒนา เด็กปฐมวัยแห่งชาติ ตัวชีวัด รอ้ ยละของเด็กปฐมวัยทีมีพัฒนาการสมวัยและมีคณุ ภาพตามมาตรฐานสถาน พัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 85 3. ผู้บรหิ าร ครู และผู้ดูแลเด็กปฐมวัยได้รบั การสง่ เสรมิ สนับสนนุ และพัฒนาให้มีความรู้ ทักษะ และเจตคติทีถูกต้องในการจัดการศึกาาปฐมวยั อยา่ งมีคณุ ภาพ ตัวชีวัด รอ้ ยละของผู้บรหิ าร ครู และผู้ดูแลเด็กมีความรูค้ วามเข้าใจ ทักษะและเจตคติ ทีถูกต้องเกียวกับการจัดการศึกษาปฐมวัย รอ้ ยละ 100 4. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยมีคุณภาพตามมาตรฐานสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั แห่งชาติ ตัวชีวัด รอ้ ยละของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทีมีผลการประเมินตามมาตรฐานสถานพฒั นา เด็กปฐมวัยแห่งชาติในระดับดีมาก ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 70 5. องค์การปกครองสว่ นท้องถินและภาคเอกชนจัดการศกึ ษาปฐมวัยอย่างมีคณุ ภาพ ตัวชีวัด สดั สว่ นเด็กปฐมวัยในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิน และภาคเอกชนเพิมขึน
แผนการนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 6 การจัดการศกึ ษาปฐมวยั ยทุ ธศาสตร์ มาตรการ 1. สรา้ งโอกาสในการเข้าถึง 1.1 พัฒนารูปแบบ แนวทาง/แนวปฏิบัติ วิธกี ารจัดบรกิ ารการศึกษา บรกิ ารการศึกษาปฐมวัยอย่าง ปฐมวัย ให้เด็กปฐมวัยทุกคน เข้าถึงบรกิ ารการศึกษาอย่างทัวถึง ทัวถึง เท่าเทียมและเปนธรรม เท่าเทียมและเปนธรรม 1.2 สง่ เสรมิ สนับสนนุ การศึกษา วิจัย พัฒนารปู แบบ แนวทาง วธี 2. พัฒนาคุณภาพการจัด การในการเข้าถึงบรกิ ารการศึกษาปฐมวัย การศึกษาปฐมวัย 1.3 จัดหาแหลง่ ทุน ทุนการศึกษาปฐมวัย 2.1 พัฒนาสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ 2.2 พัฒนาผู้บรหิ าร ครู ผู้ดูแลเด็ก และผู้เกียวข้องให้มีความรู้ และทักษะ และเจตคติทีถูกต้องในการพัฒนาเด็กปฐมวยั 2.3 พัฒนาความรู้ ความเข้าใจและทักษะการอบรมเลยี งดูสาํ หรบั พ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย 3. สง่ เสรมิ และพัฒนาพ่อแม่ 3.1 พัฒนาองค์ความรู้ ความเข้าใจและทักษะการอบรมเลยี งดู ผู้ปกครองและชุมชนในการ สาํ หรบั พ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย อบรมเลยี งดูเด็กปฐมวัย 4.1 สง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้บุคคลและหน่วยงานทีเกียวข้องดําเนินการ 4. สง่ เสรมิ สนับสนนุ การวิจัย วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ และนวัตกรรมเกียวกับการจัดการ และพัฒนา และเผยแพรค่ วามรู้ ศึกษาปฐมวัย สอื นวัตกรรม การจัดการศึกษา 4.2 สง่ เสรมิ ให้มีระบบบรหิ ารงานวิจัย องค์ความรูแ้ ละนวัตกรรมที เกียวข้องกับการจัดการศึกษาปฐมวัย เพือจัดเก็บ รวบรวม เผยแพร่ และผลกั ด้นการนําไปใช้อย่างเปนระบบและต่อเนือง 4.3 สง่ เสรมิ การแลกเปลยี นเรยี นรูเ้ กียวกับการพัฒนาการศึกษา ปฐมวัย ทังในระดับพืนที และระดับชาติอย่างต่อเนืองด้วยรูปแบบที หลากหลาย รวมถึงรูปแบบออนไลน์ในลกั ษณะชุมชนแห่งการเรยี นรู้ (PLC/CoP) 5. พัฒนาประสทิ ธภิ าพ การ 5.1 พัฒนาระบบบรหิ ารจัดการ และการนิเทศ ติดตามประเมินผล บรหิ ารจัดการการศึกษาปฐมวัย การรายงานผลและการเผยแพรก่ ารดําเนินงานตามแบบปฏิบตั ิการ ด้านการจัดการศึกษาปฐมวัยของทุกหน่วยงานทีเกียวขอ้ ง 5.2 พัฒนาบุคลากรของหน่วยงานทีเกียวข้องทุกระดับเกียวกับ การบรหิ ารจัดการการศึกษาปฐมวัย 5.3 สรา้ งกลไกทุกภาคสว่ นในสงั คม ทังภาครฐั เอกชน องค์กรไม่ แสวงหากําไร (NGOs) มีสว่ นรว่ มในการบรหิ ารจัดการและระดม ทรพั ยากรทีเหมาะสมและเพียงพอต่อการการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย 5.4 พัฒนารูปแบบและหลกั เกณฑ์การจัดสรรงบประมาณและ ทรพั ยากรทีเหมาะสมและเพียงพอต่อการพฒั นาเด็กปฐมวัย 5.5 สง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยมีอตั รากําลงั ที เหมาะสม เพียงพอต่อการจัดการศึกษา
แผนการนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 7 การจัดการศกึ ษาปฐมวยั ยทุ ธศาสตร์ มาตรการ 6. จัดระบบข้อมูลและ 6.1 จัดระบบฐานข้อมูลกลางและสารสนเทศทีบรู ณาการและเชือม สารสนเทศการศึกษาปฐมวัย โยงข้อมูลเด็กปฐมวัยกับหน่วยงานทีเกียวข้องทุกระดบั เพือนําไปใช้ ในการบรหิ ารจัดการการศึกษาปฐมวัยให้มีคณุ ภาพและทัวถึง 7. ปรบั ปรุงกฎหมาย กฎ 7.1 ทบทวน ปรบั ปรุงแก้ไขหรอื จัดให้มีกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ระเบียบทีเกียวข้องให้เออื ต่อการ ทีเกียวข้องให้สอดคลอ้ งและเออื ต่อการจัดการศกึ ษาปฐมวัยใน จัดการศึกษาปฐมวัย สถานการณ์ปจจุบัน
นโยบายและแนวปฏบิ ตั ใิ นการจดั การศกึ ษาและการเรยี นรสู้ าํ หรบั เดก็ ปฐมวยั \"จากปรชั ญา แนวคดิ ทฤษฎ.ี ..ส.ู่ ..นโยบายและแนวปฏบิ ตั สิ ถานศกึ ษา คร\"ู แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผล การจดั การศกึ ษาปฐมวัย 8
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 9 การจัดการศึกษาปฐมวยั นโยบายการจดั การศกึ ษาและการเรยี นรสู้ าํ หรบั เดก็ ปฐมวยั นโยบาย การจดั การศกึ ษา และการ เรยี นรู้ ใหย้ ดึ หลกั การพฒั นาเดก็ อยา่ งเปนองคร์ วม (Holistic Development) โดย - การพฒั นาเดก็ ใหม้ พี ฒั นาการ 4 ดา้ น - เพมิ ความสาํ คญั การพฒั นา ดา้ นตวั ตน (Self Development) - เพมิ ความสาํ คญั การพฒั นา ทกั ษะสมอง (Executive Function) เปาหมาย เดก็ ปฐมวยั มพี ฒั นาการ สมวยั อยา่ งรอบดา้ นและ สมดลุ มคี วามเชือมนั และ มคี วามภมู ใิ จในตนเอง มที กั ษะการคดิ กาํ กบั ตนเองได้ และมคี วามสขุ
แผนการนิเทศ ติดตาม และประเมินผล 10 การจัดการศกึ ษาปฐมวัย แนวปฏบิ ตั ใิ นการจดั การศกึ ษาและการเรยี นรู้ สาํ หรบั สถานศกึ ษา ประสานความ เน้นเดก็ เปนสาํ คญั เปด รว่ มมือ และสรา้ งความรู้ โอกาสใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรู้ ความเข้าใจรว่ มกันระหว่าง ลงมอื ปฏิบตั ฯิ โดยครเู ปน สถานศึกษากับพ่อแม่ ผสู้ นับสนนุ อาํ นวยความ ครอบครวั และชุมชน ใน การดูแล พัฒนาและจัดการ สะดวก และเรยี นรไู้ ป เรยี นรู้ เพือการพัฒนา พรอ้ มกบั เดก็ เด็กปฐมวัย สง่ เสรมิ สถานศกึ ษา จดั สนับสนุนใหค้ รไู ดม้ ี ประสบการณ์ โอกาสในการพฒั นา หรอื กจิ กรรมการ ตนเอง ใหม้ คี วามรู้ เรยี นรู้ แบบบรู ณา เทา่ ทนั ความกา้ วหน้า การ ยดื หยนุ่ เน้นเดก็ และการเปลยี นแปลง เปนสาํ คญั เพอื ใหเ้ ดก็ ของวทิ ยาการที มพี ฒั นาการอยา่ งเปน องคร์ วม สมดลุ เกยี วขอ้ ง และตอ่ เนือง จดั สภาพ จดั หาหรอื แวดลอ้ มและ พฒั นาสอื วสั ดุ และ บรรยากาศการเรยี นรู้ อปุ กรณ์ รวมถงึ แหลง่ เชิงบวก อบอนุ่ ปลอดภยั เรยี นรตู้ ามธรรมชาติ เปนมติ ร มอี สิ ระและ เพอื ใหเ้ ดก็ มโี อกาสได้ ทา้ ทาย เพอื ใหเ้ ออื เรยี นรผู้ า่ นการเลน่ ตอ่ การเรยี นรู้ ทหี ลากหลาย
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 11 การจัดการศกึ ษาปฐมวยั แนวปฏบิ ตั ใิ นการจดั การศกึ ษาและการเรยี นรู้ สาํ หรบั ครู 5 สิง ที มีอยจู่ ริง 1. ครมู อี ยจู่ รงิ \"ครคู ณุ ภาพ ครเู พอื ศษิ ย\"์ ครทู มี ี จติ วญิ ญาณความเปนครู เปนแบบอยา่ งทดี ี เปน ทพี งึ ทางใจฯ 2. เดก็ มอี ยจู่ รงิ \"เดก็ ไดค้ ดิ วางแผน ทาํ แกป้ ญหา ดว้ ยตนเอง และเปนทยี อมรบั \" ครเู ชือมนั วา่ เดก็ ทกุ คนมศี กั ยภาพ เคารพในความรสู้ กึ นึกคดิ ของเดก็ ฯ 3. หลกั สตู รมอี ยจู่ รงิ \"ใหโ้ อกาสการเรยี นรแู้ ละ ความสาํ เรจ็ แกเ่ ดก็ \" หลกั สตู รสถานศกึ ษาตอ้ งสอดคลอ้ ง กบั หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั สรา้ งโอกาสทางการเรยี นรู้ และประสบการณ์ทดี ใี หแ้ กเ่ ดก็ ฯ 4. ครอบครวั มอี ยจู่ รงิ \"ครอบครวั อบอนุ่ ปลอดภยั มสี ว่ นรว่ มพฒั นาเดก็ \" ครอบครวั ทเี ลยี งดเู ดก็ ดว้ ย ความรกั และความเขา้ ใจ ตอ้ งประสานความรว่ มมอื ระหวา่ งครอบครวั และสถานศกึ ษาอยา่ งใกลช้ ิด 5. เพอื นรว่ มงานมอี ยจู่ รงิ \"รว่ มคดิ รว่ มทาํ รว่ มแกป้ ญหา รว่ มพฒั นา รว่ มรบั ผดิ ชอบ\" ครจู ะตอ้ งทาํ งานรว่ มกบั ผทู้ ี เกยี วขอ้ ง โดยเน้นเดก็ เปนสาํ คญั รว่ มกนั คดิ รว่ มกนั ทาํ รว่ มกนั แกป้ ญหา รว่ มกนั รบั ผดิ ชอบ และรว่ มกนั พฒั นาเดก็ ฯ
ความสอดคลอ้ งเชือมโยงระหวา่ ง ยทุ ธศาสตรข์ บั เคลอื นการศกึ ษาไทยกบั นโยบาย และแนวปฏบิ ตั ใิ นการจดั การศกึ ษา และการเรยี นรสู้ าํ หรบั เดก็ ปฐมวยั แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผล การจดั การศกึ ษาปฐมวัย 12
แผนการนิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผล 13 การจดั การศึกษาปฐมวัย การขบั เคลอื นนโยบายและแนวปฏบิ ตั ใิ นการจดั การศกึ ษา และการเรยี นรสู้ าํ หรบั เดก็ ปฐมวยั คณุ ภาพเดก็ ปฐมวยั บรหิ ารจดั การองคค์ วามรู้ - วิจัย พัฒนา - คลงั องค์ความรู้ - สมั มนาแลกเปลยี นเรยี นรูท้ างวิชาการ กาํ กบั ตดิ ตาม ประเมนิ ผล - กํากับ ติดตาม - ประเมินผล และรายงานผลการดําเนิน งาน พฒั นาความกา้ วหน้าวชิ าชีพครู ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาปฐมวยั - กาํ หนดสมรรถนะทจี าํ เปน ของผบู้ รหิ าร สถานศกึ ษา ครปู ฐมวยั - กาํ หนดมาตรฐานวชิ าชีพ ความกา้ วหน้าทาง วชิ าการ วทิ ยฐานะครปู ฐมวยั เตรยี มความพรอ้ มบคุ ลากร - จัดทําหลกั สตู ร/กําหนดรูปแบบวิธกี าร อบรม/พัฒนา - อบรม/พัฒนาบุคลากร ผู้บรหิ ารสถาน ศึกษา ครูปฐมวัย ศึกษานิเทศก์ปฐมวัย สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ - ประชุมชีแจง - จดั ทาํ สอื เผยแพร่ ประชาสมั พนั ธ์ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ประกาศนโยบายการจดั การศกึ ษา และการเรยี นรสู้ าํ หรบั เดก็ ปฐมวัย
แผนการนิเทศ ติดตาม และประเมินผล 14 การจัดการศึกษาปฐมวัย นโยบายสาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั พนื ฐาน วิสัยทัศน์ “สรา้ งคุณภาพทุนมนษุ ย์ สสู่ งั คมอนาคตทียังยืน” พันธกิจ 1. จัดการศึกษาเพือเสรมิ สรา้ งความมันคงของสถาบนั หลกั ของชติและการปกครองใน ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปนประมุข 2. พัฒนาผู้เรยี นให้มีความสามารถความเปนเลศิ ทางวชิ าการเพือสรา้ งขีดความสามารถ ในการแข่งขัน 3. พัฒนาศักยภาพและคุณภาพผู้เรยี นให้มีสมรรถนะตามหลกั สตู รและคุณลกั ษณะ ใน ศตวรรษที 21 4. สรา้ งโอกาส ความเสมอภาค ลดความเหลอื มลา ให้ผู้เรยี นทุกคนไดร้ บั บรกิ ารทาง การศึกษาอย่างทัวถึงและเท่าเทียม 5. พัฒนาผู้บรหิ าร ครู และบุคลากรทางการศึกษาให้เปนมืออาชีพ 6. จัดการศึกษาเพือพัฒนาคุณภาพชีวิตทีเปนมิตรกับสงิ แวดลอ้ ม ยึดหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพียง และเปาหมายการพัฒนาทียงั ยนื (Sustainable Development Goals : SDGs) 7. ปรบั สมดุลและพัฒนาระบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษาทุกระดับ และจดั การศึกษา โดยใช้ เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) เพอื พัฒนามุ่งสู่ Thailand 4.0 แนวทางการพฒั นาสาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศกึ ษา ประถมศกึ ษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 วิสัยทัศน์ สาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 จัดการศึกษาอย่างมี คุณภาพตามมาตรฐานระดับสากลบนพืนฐานของความเปนไทย พันธกิจ 1. สง่ เสรมิ และสนับสนนุ ให้ประชากรวัยเรยี นทุกคนได้รบั การศกึ ษาอย่างเสมอภาค และมี คุณภาพ 2. สง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นมีคุณธรรม จรยิ ธรรม มีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ตามหลกั สตู รและ ค่านิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ 3. พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานวชิ าชีพ 4. เสรมิ สรา้ งการบรหิ ารจัดการศึกษาตามหลกั ธรรมาภบิ าล เปาประสงค์ 1. ประชากรวัยเรยี นทุกคนได้รบั โอกาสในการศึกษาอย่างเสมอภาค 2. ผู้เรยี นระดับก่อนประถมศึกษา มีพัฒนาการเหมาะสมตามวยั 3. ผู้เรยี นทุกคนมีคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาขันพนื ฐาน สมู่ าตรฐานสากล 4. ผู้เรยี นมีคุณธรรม จรยิ ธรรม มีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ตามหลกั สตู รและค่านิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ 5. ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีสมรรถนะตรงตามสายงาน มีวัฒนธรรมการทํางาน ทีมุ่งเน้นผลสมั ฤทธิ 6. สาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษา และสถานศึกษา มีการบรหิ ารจัดการศึกษาตามหลกั ธรรมาภิบาล อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 15 การจดั การศึกษาปฐมวัย ยุทธศาสตร์ 1. จัดการศึกษาเพือความมันคง 2. จัดการศึกษาเพือเพิมความสามารถในการแขง่ ขัน 3. การพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพทรพั ยากรมนษุ ย์ 4. การสรา้ งโอกาสในการเข้าถึงบรกิ ารการศกึ ษาทีมีคุณภาพ มีมาตรฐานอย่างทัวถึง และเท่าเทียม 5. จัดการศึกษาเพือพัฒนาคุณภาพชีวิตทีเปนมิตรกับสงิ แวดลอ้ ม 6. การปรบั สมดุลและพัฒนาระบบการบรหิ ารจัดการศึกษา ประเด็นยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ แนวทางการดําเนินงานทีเกียวข้องกับการศึกษาปฐมวัย ยุทธศาสตรท์ ี 2 จัดการศึกษาเพือเพิมความสามารถในการแข่งขัน ประเด็นยุทธศาสตรท์ ี 1 เสรมิ สรา้ งความเข้มแขง็ ในการพัฒนาผู้เรยี นอยา่ งมีคุณภาพด้วย การปรบั หลักสูตรการวัดและประเมินผลทีเหมาะสม 1. กิจกรรมปรบั ปรุงและพัฒนาหลกั สตู รการศกึ ษาระดบั ปฐมวัยและหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขันพืนฐาน และนําหลกั สตู รไปสกู่ ารปฏิบัติให้เกิดประสทิ ธภิ าพ และจดั การเรยี นรูใ้ ห้ สอดคลอ้ งกับหลกั สตู รตามความจําเปนและความต้องการของผ้เู รยี น ชุมชน ท้องถิน 2. สง่ เสรมิ การเรยี นการสอนให้ผู้เรยี นมีความมันใจในการสอื สารภาษาองั กฤษ ภาษาประเทศ คู่ค้า และภาษาอาเซียนอย่างน้อย 1 ภาษา 3. พัฒนาระบบการวัดและประเมินผลทุกระดบั ให้มีคุณภาพและมาตรฐานนําไปสกู่ ารพฒั นา คุณภาพผู้เรยี นเต็มตามศักยภาพ ประเด็นยุทธศาสตรท์ ี 2 พัฒนาคุณภาพกระบวนการเรยี นรู้ 1. พัฒนาผู้เรยี นระดับก่อนประถมศึกษา ให้มีพฒั นาการทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปญญาให้มีความพรอ้ มเข้าสกู่ ารเรยี นในระดับทีสงู ขึน 2. สง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้ผู้เรยี นสามารถอา่ นออกเขียนไดต้ ามช่วงวัย 3. สง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้ผู้เรยี นมีนิสยั รกั การอา่ น 4. สง่ เสรมิ การจัดการเรยี นรูท้ ีให้ผู้เรยี นได้เรยี นรผู้ า่ นกิจกรรมการปฏิบัติจรงิ (Active Learning) เน้นทักษะกระบวนการให้เกิดทักษะการคิดวเิ คราะห์ คิดแก้ปญหา และคดิ สรา้ งสรรค์ ในทกุ กลมุ่ สาระ การเรยี นรู้ ทังในและนอกห้องเรยี น 5. สง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นมีทักษะการเรยี นรู้ ในศตวรรษที 21 6. สง่ เสรมิ ทักษะการคิดคํานวณ และทักษะการแก้ปญหาทางคณิตศาสตร์ 7. ปลกู ฝงทักษะกระบวนการวิทยาศาสตรแ์ ละจติ วิทยาศาสตร์ 8. สนับสนนุ การผลติ จัดหาและใช้สอื การเรยี นการสอนเทคโนโลยี นวัตกรรม และสงิ อาํ นวย ความสะดวกทีหลากหลายรวมทังการพัฒนาห้องสมุดและแหลง่ เรยี นรภู้ ายในสถานศกึ ษาในการ จัดการเรยี นรูไ้ ด้ทังในห้องเรยี นและนอกห้องเรยี นเพอื ให้ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งเต็มศกั ยภาพ 9.สง่ เสรมิ สนับสนนุ พัฒนาผู้เรยี นทีมีความต้องการพิเศษให้เต็มตามศักยภาพดว้ ยรปู แบบที เหมาะสม 10. สง่ เสรมิ สนับสนนุ นักเรยี นทีมีความสามารถพเิ ศษในด้านต่าง ๆ 11. สง่ เสรมิ สนับสนนุ การจัดกิจกรรมแนะแนวเพอื การศึกษาต่อและการประกอบอาชีพอยา่ งเขม้ แข้งต่อเนืองและเปนรูปธรรม
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 16 การจดั การศกึ ษาปฐมวัย ประเด็นยุทธศาสตรท์ ี 3 สรา้ งขีดความสามารถในการแข่งขนั 1. ยกระดับผลการประเมินระดับนานาชาติตามโครงการ PISA (Programme for International Student Assessment) 2. สง่ เสรมิ การพัฒนาศักยภาพผู้เรยี นสคู่ วามเปนเลศิ ในด้านต่าง ๆ 3. สง่ เสรมิ การเรยี นรูเ้ ชิงบูรณาการแบบสหวทิ ยาการ เช่น สะเต็มศกึ ษา(Science Technology Engineering andMathematics Education : STEM Education) เพอื พัฒนากระบวนการคิดและการ สรา้ งสรรค์นวัตกรรมเพือสรา้ งมูลค่าเพิม สอดคลอ้ งกับประเทศไทย 4.0 ประเด็นยุทธศาสตรท์ ี 4 ส่งเสรมิ สนับสนุนการทําวิจัยและนําผลการวิจัยไปใช้พฒั นาคณุ ภาพ การจัดการศึกษา 1. สง่ เสรมิ การทําวิจัยเพือพัฒนาการบรหิ ารจัดการศึกษา 2. สง่ เสรมิ การทําวิจัยเพือพัฒนาหลกั สตู ร กระบวนการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผล โดยเน้น ให้มีการวิจัยในชันเรยี น บทบาทของศกึ ษานิเทศก์ บทบาทของศึกษานิเทศก์ทีรบั ผิดชอบด้านการจัดการศึกาาปฐมวัย ดังนี 1. บทบาทการบรหิ ารจัดการข้อมูลสารสนเทศ (Information management) จัดทําข้อมูลสารสนเทศนักเรยี น ครู ผู้บรหิ ารโรงเรยี นและโรงเรยี น ในกลมุ่ เปาหมายตาม จุดเน้น นโยบาย ทีรบั ผิดชอบในด้านต่างๆ อย่างหลากหลาย มีการจัดกระทําขอ้ มูลอย่างเปนระบบ และสามารถดึงข้อมูลทีมีอยู่มาใช้ประโยชน์ในการวางแผนและพฒั นาได้ ดังนี 1.1 จัดทําข้อมูลสารสนเทศพืนฐานของโรงเรยี นทีรบั ผิดชอบอยา่ งรอบดา้ น (Profile) เช่น ข้อมูลผลพัฒนาการเด็ก ข้อมูลอตั รากําลงั ครู 1.2 จัดทําข้อมูลสารสนเทศในการปฏิบัติงานอย่างเปนระบบ จัดทํารายงานผล การนิเทศเปนรายครงั และภาพรวม ทังแบบทีเปนเอกสารและออนไลน์ เช่น จัดทําข้อมูลสารสนเทศ รายงานผลการปฏิบัติงานและความก้าวหน้าของการพัฒนาการจัดการศกึ ษาของโรงเรยี น หรอื ความ ก้าวหน้าของการดําเนินงานเปนระยะ ซึงจะสง่ ผลให้เห็นถึงประสทิ ธภิ าพในการดําเนินงาน เพือเปน ข้อมูลย้อนกลบั สาํ หรบั พัฒนารูปแบบวิธดี ําเนินงานทุกระยะ อนั จะสง่ ผลให้มีการปรบั ปรงุ และพัฒนา งานให้บรรลเุ ปาหมายการดําเนินงานตามทีกําหนดไว้ 2. บทบาทการสง่ เสรมิ และสนับสนนุ การพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาตามจุดเน้น (Support and Improvement) เปนบทบาทหลกั ทีจะต้องนําขอ้ มูลสารสนเทศทีวิเคราะห์ไวแ้ ลว้ มาใช้ในการ วางแผนการสง่ เสรมิ และพัฒนาในประเด็นทียังเปนปญหาทีจําเปนต้องแก้ไขหรอื ปรบั ปรุงอยา่ งเรง่ ด่วน และวางแผนสนับสนนุ การดําเนินงานของโรงเรยี นทีดหี รอื มีความพรอ้ มอยู่แลว้ ให้มกี ารพฒั นา สคู่ วามเปนเลศิ ต่อไป 2.1 สง่ เสรมิ สนับสนนุ การบรหิ ารจัดการศึกษาให้มีประสทิ ธภิ าพ โดยการติดตาม ช่วยเหลอื ดูแล ระบบบรหิ ารจัดการศึกษาของโรงเรยี นโดยการรว่ มคิดรว่ มทํารว่ มกับผบู้ รหิ ารโรงเรยี น ครูผู้สอน และบุคลากรอนื ๆ ทีเกียวข้องในการเสรมิ สรา้ งระบบบรหิ ารจัดการศึกษาของโรงเรยี นให้มี ความเข้มแข็งและมีประสทิ ธภิ าพมากยิงขึน โดยดําเนินการ ดงั นี 1) กําหนดเปาหมายการนิเทศโรงเรยี นทังดา้ นปรมิ าณ และคณุ ภาพ 2) วางแผนดําเนินการนิเทศโรงเรยี นในความรบั ผิดชอบรว่ มกับศึกษานิเทศก์/ ผู้รบั ผิดชอบโครงการต่างๆ
แผนการนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 17 การจัดการศกึ ษาปฐมวัย 3) จัดเตรยี ม จัดหาสอื /เครอื งมือนิเทศ 4) ดําเนินการนิเทศตามแผนและปรบั ปรุงตามสถานการณ์ให้ปฏิบัติได้จรงิ 5) สง่ เสรมิ สนับสนนุ กิจกรรมการเรยี นการสอน การบรหิ าร เช่น การทํางาน รว่ มกัน การสรา้ งเครอื ข่าย 2.2 สง่ เสรมิ และสนับสนนุ การพัฒนากระบวนการจัดการเรยี นการสอนของครใู ห้มี คุณภาพโดยการรว่ มกับครูในการวิเคราะห์หลกั สตู ร ปรบั ปรงุ พฒั นากระบวนการจัดการเรยี นการสอน ตลอดจนถึงการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ให้สอดคลอ้ งกับบรบิ ทของโรงเรยี นและบรบิ ทของผเู้ รยี น มุ่งให้ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรูอ้ ย่างเต็มศักยภาพ 2.3 สง่ เสรมิ และสนับสนนุ การพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี นสคู่ วามเปนเลศิ โดยรว่ มกับครู ผู้สอนในการหาแนวทางในการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รยี น โดยรว่ มกันวเิ คราะห์สภาพปจจุบันปญหา และ ออกแบบการเรยี นรูท้ ีช่วยสง่ เสรมิ และพัฒนาให้ผเู้ รยี นมีความเปนเลศิ อย่างสรา้ งสรรค์ 3. บทบาทสง่ เสรมิ วิจัยเพือพัฒนาคุณภาพการจัดการศกึ ษาตามจุดเน้น (Research and Development) 3.1 การเปนนักวิจัยเพือพัฒนา 3.2 การกระตุ้นการสรา้ งวัฒนธรรมการวิจัยในชันเรยี น 3.3 การเปนทีปรกึ ษา แนะนํา สง่ เสรมิ และสนับสนนุ ให้ครพู ฒั นาคุณภาพการจัด การเรยี นการสอนบนพืนฐานการวิจัย 4. บทบาทการพัฒนาการนิเทศเพือพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาอย่างต่อเนือง โดยคํานึงถึงผล ทีจะเกิดกับผู้รบั การนิเทศมุ่งมันพัฒนา ผู้รบั การนิเทศให้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมจนเกิดผลต่อการพฒั นา คุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนือง โดยสามารถดําเนินการได้ ดังนี 4.1 ประเมินตนเอง วิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย และมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนือง 4.2 ศึกษาแนวทางการดําเนินงานนิเทศเต็มพิกัด 4.3 พัฒนาแผนการนิเทศให้สามารถป ิบตั ิได้เกิดผลจรงิ 4.4 พัฒนาและใช้นวัตกรรมการนิเทศการศกึ ษาเพือพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา 4.5 จัดทํารายงานผลการนิเทศการศึกษาทังในรปู แบบเอกสารและแบบออนไลน์ อย่างเปนระบบ 4.6 เก็บรวบรวมข้อมูลการนิเทศและการติดตามอนื ๆ ของโรงเรยี นในความรบั ผิดชอบ 4.7 นิเทศเชิงพัฒนาโดยใช้กระบวนการวิจยั ในการปฏิบัติการนิเทศและรายงานผล การนิเทศ
แผนการนิเทศ ติดตาม และประเมินผล 18 การจดั การศึกษาปฐมวยั ตอนที 3 แนวทางการนิเทศ เพอื พฒั นาการจดั การศกึ ษาปฐมวยั การพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาปฐมวัยต้องมีการนิเทศ กํากับ ติดตามการดําเนินงาน เพือสนับสนนุ สง่ เสรมิ ระบบการบรหิ ารจัดการ การจัดสภาพแวดลอ้ มทีเออื ต่อการเรยี นรู้ การสนับสนนุ การจัดการเรยี นการสอนการออกแบบการเรยี นรูท้ ีเน้นกระบวนการสรา้ งความรจู้ ากการลงมือปฏิบัติ ตลอดจนสอื และอปุ กรณ์ทีจําเปนในการจัดการเรยี นการสอนให้สามารถดาํ เนินการได้อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ เพือให้เกิดการเปลยี นแปลงในการดําเนินการนิเทศการศึกษาทุกระดับ รวมถึงการนําเอา เทคโนโลยีการสอื สารมาใช้เปนเครอื งมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลและรายงานผลการนิเทศ สาํ นักงาน เขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาํ ภู เขต 2 จึงใช้แนวทางการนิเทศ เพือพัฒนาการจัด การศึกษาปฐมวัย ดังนี กระบวนการนิเทศการศึกษาปฐมวัย ศึกษาสภาพ และความต้องการ การวางแผนการนิเทศ แบบพีเลยี งและผู้สนับสนนุ การให้ความรูก้ ่อนการนิเทศ แบบสงั เกตชันเรยี น Mentoring and Suporting classroom observation แบบกัลยาณมิตร รูปแบบการนิเทศ แบบสอนแนะ Mentoring and Suporting coaching ชุมชนแห่งการเรยี นรูท้ างวิชาชีพ แบบชีแนะสะท้อนคิด PLC reflective coaching การประเมินผลการนิเทศ
แผนการนิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผล 19 การจดั การศกึ ษาปฐมวัย กรอบแนวคิดการนิเทศการศึกษาปฐมวัย กรอบแนวคิดการนิเทศ เพือพัฒนาคุณภาพการศึกษาปฐมวัย ศึกษาสภาพ และความต้องการ ศึกษาสภาพปจจุบัน ปญหา และความต้องการ การวางแผนการนิเทศ กําหนดตัวชีวัดความสาํ เรจ็ (KPI) สรา้ งสอื /นวัตกรรม และเครอื งมือการนิเทศ กําหนดกิจกรรมและปฏิทินการนิเทศ การให้ความรูก้ ่อนการนิเทศ สง่ เสรมิ /พัฒนาความรูท้ ีเกียวข้องกับ งานการจัดการศึกษาปฐมวัย รูปแบบการนิเทศ ปฏิบัติการนิเทศ โดยเลอื กรูปแบบการนิเทศ การประเมินผลการนิเทศ ทีเหมาะสมกับกิจกรรมทีนิเทศ รวบรวม วิเคราะห์ และสงั เคราะห์ผลการนิเทศ ไมม่ คี ณุ ภาพ ตรวจสอบและประเมินผลการนิเทศ ปรบั ปรงุ / พฒั นา มคี ณุ ภาพ สรุปและจัดทํารายงานผลการนิเทศ นําเสนอและเผยแพรผ่ ลการนิเทศ (จดั นิทรรศการ/แลกเปลยี นเรยี นร/ู้ ยกยอ่ งเชิดชู เกยี รต/ิ Website ฯลฯ)
แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผล 20 การจัดการศึกษาปฐมวัย ขันตอนการนิเทศการศึกษาปฐมวัย แนวทางการนิเทศเพือพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวยั ตามนโยบายด้านต่างๆ ไดแ้ ก่ การจัด ประสบการณ์เรยี นรู้ ระดับปฐมวัยให้เปนไปตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560 เชือม โยงกับการจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทางโครงการบ้านนักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูว้ ิทยาการคํานวณ (CODING) ระดับปฐมวยั การจัดประสบการณ์ การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็ม ในระดับปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางมอนเตส ซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. และการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป ระดบั ปฐมวัย โดยมี ขันตอน ดังนี ขันตอนที 1 ศึกษาสภาพ และความต้องการ ศึกษาสภาพปจจุบัน/ปญหา และความต้องการของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ครูผู้สอน และ บุคลากรทีเกียวข้องบุคลากรทีเกียวข้องกับการพฒั นาการจัดการศกึ ษาปฐมวัย และการนํานโยบาย ด้านการจัดการศึกษาปฐมวัย การจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ระดบั ปฐมวัยให้เปนไปตามหลกั สตู รการ ศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 เชือมโยงกับการจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทางโครงการบ้าน นักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูว้ ิทยาการคํานวณ (CODING) ระดบั ปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็ม ในระดบั ปฐมวยั การจัดประสบการณ์ การเรยี นรูต้ ามแนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. และการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนว ทางไฮสโคป ระดับปฐมวัย ไปใช้ในสถานศึกษา และนําเข้าสชู่ ันเรยี นปฐมวยั ได้อย่างเหมาะสมกับ บรบิ ทของสถานศึกษา และสง่ เสรมิ พัฒนาเด็กปฐมวยั ไดอ้ ยา่ งรอบดา้ น ขันตอนที 2 การวางแผนการนิเทศ (Planing : P) ดําเนินการวางแผนการนิเทศ ติดตามรว่ มกันระหว่างศึกษานิเทศก์ ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา ครูผู้สอนและบุคลากรทีเกียวข้อง ดังนี 2.1 กําหนดตัวชีวัด (KPI) 1) สถานศึกษารอ้ ยละ 100 มีหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั และนําหลกั สตู รการศกึ ษา ปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ไปใช้ได้เหมาะสมกับบรบิ ทของสถานศกึ ษา 2) สถานศึกษารอ้ ยละ 80 มีการประเมินหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย 3) สถานศึกษารอ้ ยละ 100 มีการจัดกิจกรรมตามแนวทางโครงการบา้ นนัก วิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย 4) ครูปฐมวัยทีได้รบั การพัฒนาสมรรถนะดา้ นการจัดประสบการณ์เรยี นรวู้ ทิ ยาการ คํานวณ รอ้ ยละ 80 มีการจัดประสบการณ์การเรยี นรูว้ ทิ ยาการคาํ นวณในระดับปฐมวัย 5) ครูปฐมวัยทีได้รบั การพัฒนาสมรรถนะดา้ นการจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทาง สะเต็ม รอ้ ยละ 80 มีการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็มในระดับปฐมวยั 6) ครูปฐมวัยทีได้รบั การพัฒนาสมรรถนะดา้ นการจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทาง มอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. รอ้ ยละ 80 มีการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทาง มอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ.
แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผล 21 การจดั การศึกษาปฐมวัย 7) ครูปฐมวัยทีได้รบั การพัฒนาสมรรถนะด้านการจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนว ไฮสโคป รอ้ ยละ 100 มีการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวไฮสโคป 8) ครูปฐมวัย รอ้ ยละ 80 สามารถจัดประสบการณ์โดยเปลยี นบทบาทจากครผู ู้สอน เปน Coach 9) เด็กปฐมวัย รอ้ ยละ 95 ได้รบั การพัฒนาเหมาะสมกับศักยภาพของตนเอง และมี พัฒนาการทัง 4 ด้าน เปนไปตามวัย 10) เด็กปฐมวัย รอ้ ยละ 80 มีศักยภาพ มีสมรรถนะของเด็กปฐมวัยในศตวรรษที 21 2.2 จัดทําสอื และเครอื งมือการนิเทศ ติดตาม ดังนี 1) การประเมินการใช้หลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั 2) การจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ระดับปฐมวัย 3) การจัดกิจกรรมโครงการบ้านนักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย 4) การจัดประสบการณ์เรยี นรูว้ ิทยาการคาํ นวณ (CODING) ระดบั ปฐมวัย 5) การจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็มศึกษาในระดบั ปฐมวยั 6) การจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของสพฐ. 7) การจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป 2.3 จัดทําปฏิทินการนิเทศ ติดตามการพัฒนาการจัดการศกึ ษาปฐมวัย ตามนโยบายด้าน ต่างๆ ได้แก่ การจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ระดับปฐมวัยให้เปนไปตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 เชือมโยงกับการจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทางโครงการบ้านนักวทิ ยาศาสตร์ น้อย ประเทศไทยการจัดประสบการณ์การเรยี นรวู้ ทิ ยาการคาํ นวณ (CODING) ระดับปฐมวยั การจัด ประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็ม ในระดบั ปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ าม แนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. และการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป ระดับปฐมวัย ขันตอนที 3 การให้ความรกู้ ่อนการนิเทศ ประชุมเชิงปฏิบัติการให้ความรูผ้ ู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ครผู สู้ อน และบุคลากรทีเกียวข้อง บุคลากรทีเกียวข้องกับการพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัย และการนํานโยบายด้านการจดั การศกึ ษา ปฐมวัย ในประเด็นต่างๆ ไปใช้ในสถานศึกษา และนําเขา้ สชู่ ันเรยี นปฐมวัย ได้อย่างเหมาะสมกบั บรบิ ท ของสถานศึกษา และสง่ เสรมิ พัฒนาเด็กปฐมวัยไดอ้ ย่างรอบดา้ น ศกึ ษานิเทศก์จะต้องให้องคค์ วามรู้ เกียวกับ ด้านต่างๆ ดังนี 3.1 การพัฒนาหลกั สตู รและการประเมินการใช้หลกั สตู ร 3.2 การจัดประสบการณ์เรยี นรูร้ ะดับปฐมวัยให้เปนไปตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 3.3 การจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทางโครงการบ้านนักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย 3.4 การจัดประสบการณ์การเรยี นรูว้ ิทยาการคํานวณ (CODING) ระดบั ปฐมวยั 3.5 การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็ม ในระดับปฐมวัย 3.6 การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. 3.7 การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป ระดับปฐมวัย ไปใช้ในสถาน ศึกษา และนําเข้าสชู่ ันเรยี นปฐมวัย ได้อย่างเหมาะสมกับบรบิ ทของสถานศกึ ษา และสง่ เสรมิ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยได้อย่างรอบด้าน
แผนการนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 22 การจัดการศึกษาปฐมวัย ขันตอนที 4 การนิเทศ ติดตาม ดําเนินการนิเทศ ติดตามการพัฒนาการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ตามนโยบายด้านต่างๆ ได้แก่ การจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ระดับปฐมวัยให้เปนไปตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 เชือมโยงกับการจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทางโครงการบ้านนักวทิ ยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทยการจัดประสบการณ์การเรยี นรูว้ ิทยาการคาํ นวณ (CODING) ระดบั ปฐมวัย การจัด ประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็ม ในระดับปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ าม แนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. และการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป ระดับปฐมวัย โดยเลอื กใช้รูปแบบการนิเทศทีหลากหลาย และเหมาะสมกับคุณลกั ษณะเฉพาะของ การจัดประสบการณ์แต่ละรูปแบบ เช่น แบบพเี ลยี งและผู้สนับสนนุ (Mentoring and Suporting) แบบกัลยาณมิตร (Mentoring and Suporting) แบบสงั เกตชันเรยี น (classroom observation) แบบสอนแนะ (coaching) แบบชีแนะสะท้อนคิด (reflective coaching) และชุมชนแห่งการเรยี นรู้ ทางวิชาชีพ (PLC) โดยดําเนินการดังนี 4.1 สาํ รวจปญหาการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั และการนําหลกั สตู รการศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ไปใช้ในสถานศึกษา การจัดประสบการณ์เรยี นรตู้ ามแนวทางโครงการบ้าน นักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย การจัดประสบการณ์การเรยี นรวู้ ิทยาการคาํ นวณ (CODING) ระดบั ปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็ม ในระดบั ปฐมวยั การจัดประสบการณ์การ เสรโยี คนปรรูต้ ะาดมับแปนฐวมทวาัยงมพอรนอ้ เมตกสับซวอิเรคใี รนาบะรหบิ ์สทาขเหอตงุทสีเพกฐิด.ขแึน้ ละการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮ 4.2 เลอื กแนวทางในการแก้ปญหา 4.3 กําหนดเปาหมายความสาํ เรจ็ 4.4 วางแผนการแก้ปญหา 4.5 ดําเนินการแก้ปญหาตามแผนทีวางไว้ ในแต่ละกิจกรรมทีไดก้ ําหนดไว้ 4.6 วิเคราะห์ และสรุปผลการดําเนินงาน 4.7 แลกเปลยี นเรยี นรู้ ชืนชมความสาํ เรจ็ และข้อเสนอแนะในการดาํ เนินงาน
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 23 การจดั การศึกษาปฐมวยั ขันตอนที 5 การประเมินผลการนิเทศ ติดตาม การประเมินผลการนิเทศ ติดตามการพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัย ตามนโยบาย ด้านต่างๆ ได้แก่ การจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ระดับปฐมวัยให้เปนไปตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 เชือมโยงกับการจัดประสบการณ์เรยี นรูต้ ามแนวทางโครงการบา้ นนักวทิ ยาศาสตร์ น้อย ประเทศไทยการจัดประสบการณ์การเรยี นรูว้ ิทยาการคํานวณ (CODING) ระดับปฐมวยั การจัด ประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็ม ในระดบั ปฐมวยั การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ าม แนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. และการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป ระดับปฐมวัย โดยดําเนินการดังนี 5.1 รวบรวม วิเคราะห์ สงั เคราะห์ผลการนิเทศการพัฒนาหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัยและ การนําหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ไปใช้ในสถานศึกษา การจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ตามแนวทางโครงการบ้านนักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย การจัดประสบการณ์การเรยี นรวู้ ทิ ยาการ คํานวณ (CODING) ระดับปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเต็ม ในระดับปฐมวยั การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. และการจดั ประสบการณ์ การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป 5.2 ตรวจสอบ และประเมินผลการนิเทศ 5.3 สรุปและจัดทํารายงานผลการนิเทศ 5.4 จัดกิจกรรมแลกเปลยี นเรยี นรู้ และชืนชมความสาํ เรจ็ ดงั นี 5.5 ยกย่องเชิดูเกียรติแก่สถานศึกษาทีมีการพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวัยและ การนําหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ไปใช้ในสถานศึกษา การจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ตามแนวทางโครงการบ้านนักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูว้ ทิ ยาการ คํานวณ (CODING) ระดับปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางสะเตม็ ในระดบั ปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. และการจัดประสบการณ์ การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป ทีเปนแบบอย่างทีดี 5.6 เผยแพรผ่ ลงานการปฏิบัติงานการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั และการนํา หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ไปใช้ในสถานศึกษา การจัดประสบการณ์เรยี นรตู้ าม แนวทางโครงการบ้านนักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูว้ ทิ ยาการ คํานวณ (CODING) ระดับปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรตู้ ามแนวทางสะเตม็ ในระดับปฐมวัย การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. และการจดั ประสบการณ์ การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป ทีเปนแบบอยา่ งทีดสี สู่ าธารณชน ผ่าน Website Facebook ระบบ ICT และสารสนเทศของสาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2
แผนการนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 24 การจัดการศกึ ษาปฐมวยั รปู แบบการนิเทศการศึกษาปฐมวัย รูปแบบการนิเทศการศึกษา เปนกระบวนการหนึงทีมีความสาํ คญั ในการช่วยเหลอื ให้การ จัดการเรยี นรูเ้ ปนไปอย่างมีคุณภาพ ผู้ทีมีบทบาทสาํ คัญ คือ ศึกษานิเทศก์ รวมทังเครอื ขา่ ยการนิเทศ ทีเข้ามามีสว่ นรว่ มในการนิเทศการสอน การดาํ เนินการเพือเพิมศักยภาพในการจัดการเรยี นรูใ้ ห้แก่ครู และผู้บรหิ ารสถานศึกษา ให้สามารถจัดการเรยี นรไู้ ด้อยา่ งมีคณุ ภาพและได้มาตรฐาน การนําเทคนิค การนิเทศมาใช้เปนวิธกี ารหนึงทีจะช่วยในการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษาให้มี ประสทิ ธภิ าพมากขึนได้ ซึงรูปแบบการนิเทศการศึกษาทีนํามาใช้ในการนิเทศ ติดตาม และประเมินผล การจัดการศึกษาปฐมวัย สาํ นักงานเขตพืนทีการศกึ ษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 มดี งั นี การนิเทศแบบการสังเกตชันเรยี น (Classroom Observation) การสงั เกตชันเรยี น หมายถึง การทีผู้นิเทศสงั เกตพฤตกิ รรมการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ของครูในขณะ จัดกิจกรรมการเรยี นรูใ้ ห้กับผเู้ รยี นเพือปรบั ปรุงการเรยี นการสอนโดยผ้นู ิเทศและครูตอ้ ง กําหนดเปาหมาย รว่ มกันว่าในการสงั เกตการสอนแต่ละครงั ผู้นิเทศจะสงั เกตเรอื งใดบ้าง วัตถุประสงค์ 1. เพือให้ครูผู้สอนสามารถพัฒนาหรอื ปรบั ปรงุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรใู้ ห้มีประสทิ ธภิ าพ โดยใช้ข้อมูลสะท้อนกลบั จากการนิเทศแบบสงั เกตชันเรยี น 2. เพือให้ครูได้รบั การพัฒนาการจัดทําแผนการจัดการเรยี นรทู้ ีมีประสทิ ธภิ าพด้วยตนเอง ขันตอนการสังเกตชันเรยี น 1. ขันก่อนการสงั เกตการสอน เปนขันทบทวนแผนการสอนของครซู ึงประกอบด้วย วัตถุประสงค์ กิจกรรมและการประเมินผล ขันนีเปนขนั ทีครูและผู้นิเทศไดท้ ําการตกลงในประเดน็ ทจี ะ สงั เกตการสอนรว่ มกัน ก่อนทีจะทําการสงั เกตการสอน ได้แก่ *การสรา้ งบรรยากาศทีดี (Climate setting) *การทําความเข้าใจในแผนการสอน (Clarifying lesson plan) *การระบุประเด็นทีจะสงั เกตการสอน (Identifying focus of observation) *วิธกี ารเก็บรวบรวมข้อมูล(Method of collecting evidence) 2. ขันสงั เกตการสอน เปนขันการใช้เครอื งมือเพอื บันทึกหลกั ฐาน หรอื เหตุการณ์ทีเกดิ ขนึ ระหว่างทีครูจัดกิจกรรมการเรยี นรูใ้ นขันนีผนู้ ิเทศควรหลกี เลยี งการลงความคดิ เห็นสว่ นตวั หรอื หลกี เลยี งการตัดสนิ ผลการสอนของครู ประเด็นในการสงั เกตและรายละเอยี ด (ซึงไดก้ ําหนดไวร้ ว่ มกันแลว้ ในขันที 1) *การใช้คําถาม *การจัดการในชันเรยี น *การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ *ปฏิสมั พันธร์ ะหว่างครูและนักเรยี น *สอื และแหลง่ เรยี นรู้ *การวัดและประเมินผล 3. ขันวิเคราะห์ เปนชันการระบุประเด็นหรอื หัวข้อ ตลอดจนจัดลาํ ดับความสาํ คญั ของประเด็น หรอื หัวข้อทีจะสนทนาหรอื อภปิ รายรว่ มกันหลงั จากการสงั เกตการสอนเสรจ็ สนิ วิเคราะห์ข้อมูลอะไรบ้าง
แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมนิ ผล 25 การจดั การศึกษาปฐมวยั *จุดทีนักเรยี นมีความสขุ ในการเรยี น *จัดหมวดหมู่ *แจกแจงความถี *นับรวมตามรายการ *รวบรวม *พฤติกรรมเกิดซาบ่อย *จุดเด่น *จุดทีทําได้ดี *จุดควรปรบั ปรุงพัฒนา *จุดทีทําได้บ้าง *กิจกรรมทีนักเรยี นชอบ 4. ขันหลงั การสงั เกตการสอน เปนขันของการวิพากษถ์ ึงจุดแข็งและจดุ ทีจะต้องพฒั นา ในการจัดการเรยี นการรูข้ องครูมีการให้ข้อเสนอแนะสาํ หรบั การเปลยี นแปลง ปรบั ปรุงการจดั การเรยี น การสอนให้ดีขึน สงิ ทีควรคํานึงในการประชุมหลงั การสงั เกตการสอน *เวลา : ควรดําเนินการในวันเดียวกันทีสงั เกตและควรใช้เวลาให้เหมาะสมเพอื ให้ครู ผู้สอนสะท้อน คิด เรยี นรู้ และค้นพบประเด็นและวิธกี ารปรบั ปรงุ การสอนได้เอง รวมถึงการตงั เปาหมาย การพัฒนาครงั ต่อไป *สถานที : เหมาะกับการสนทนา/ปลอดการรบกวน *ผู้นิเทศ : เปนผู้ฟงทีดี สงั เกต และจดบันทึก *การสะท้อนภาพการสอนของครู : ผู้นิเทศควรใช้คาํ ถามให้ครรู ะบสุ งิ ทีประสบผล สาํ เรจ็ เปนไป ตามแผนทีวางไว้และสงิ ทีไม่เปนไปตามทีคาดหมายดว้ ยตนเอง *สนับสนนุ ด้วยข้อมูลหลกั ฐาน: สงิ ทีผู้นิเทศบนั ทึกจากการสงั เกต ข้อแนะนําสําหรบั ผู้สังเกตทีควรปฏิบัติ 1. ควรกําหนดเพียงหนึงประเด็นหรอื หนึงลกั ษณะการจัดการเรยี นการสอนต่อการสงั เกต 1 ครงั เช่น สงั เกตการใช้คําถามของผู้รบั การนิเทศการปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ งครูกับนักเรยี น เปนตน้ 2. ทําหน้าทีเปนผู้สงั เกตเท่านันจะไม่มีสว่ นรว่ มในการสอนแต่อยา่ งใด 3. บันทึกข้อมูลทีเปนจรงิ ในฟอรม์ การสงั เกตเท่านัน 4. อภิปรายแลกเปลยี นข้อมูลรว่ มกับผู้ถูกสงั เกต เพือให้ไดข้ ้อมูลย้อนกลบั ทีสะท้อนภาพ การจัดการเรยี นการสอนของผู้รบั การนิเทศ ผ้รู บั การนิเทศ (ผถู้ ูกสงั เกต) อาจเปนฝายเรมิ ก่อนหรอื หลงั ก็ได้ ทังนีประเด็นสาํ คัญอยู่ทีว่าฝายผู้สงั เกตควรใช้คาํ พูดทีใช้วิธกี ารสะท้อนภาพการจดั การเรยี น การสอนของผู้ถูกสงั เกตเหมือนกระจกเงาให้ผสู้ งั เกตเห็นภาพเหตุการณ์ ในขณะสอนได้อยา่ งชัดเจนว่า ตนเองได้ทําอะไร ในชันเรยี นบ้างนับตังแต่เรมิ ต้นจนสนิ สดุ การสงั เกตและผู้สงั เกตควรดึงจุดทเี กิดขนึ ในชันเรยี นมากลา่ วเท่านัน แลว้ กระตุ้นให้ผ้ถู ูกสงั เกตคิดหาวิธแี ก้ไขปญหาในจุดทียงั เปนปญหาหรอื ไม่ พอใจในการจัดการเรยี นการสอนในชันเรยี นของตนเองและผู้สงั เกตไม่ควรแนะนําวิธกี ารทคี วรจะเปน ตามความคิดเห็นของตนเอง ทังยังเปนการฝกให้ผถู้ ูกสงั เกตได้ใช้ความคดิ ทบทวนค้นหาวธิ กี ารที เหมาะสมตามสภาพชันเรยี นทีตนเองเข้าใจทีสดุ เพอื ให้พบแนวทางการแก้ปญหาทีดีทีสดุ ดว้ ยตนเอง วิธกี ารนีไม่ทําลายความรูส้ กึ ผู้ถูกสงั เกตและไม่เกิดความรูส้ กึ อคติต่อผู้ สงั เกตซึงเปนการทํางานรว่ มกนั ภายใต้บรรยากาศทีสง่ เสรมิ การพัฒนาการเรยี นการสอน อนั ก่อประโยชน์สงู สดุ ต่อนักศึกษาต่อไป
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 26 การจดั การศกึ ษาปฐมวยั การนิเทศแบบสอนแนะ (Coaching) เทคนิคการนิเทศสอนแนะ (Coaching) เปนการสอนงานครู โดยผู้สอนงาน (Coach) อาจเปน ผู้บรหิ ารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ หรอื ผู้นิเทศภายในทีสามารถเปนผ้สู อนงานได้ ผู้ถูกสอน แนะ (coaches) สว่ นใหญ่เปนครูทีอยู่ในสถานศกึ ษาการนิเทศสอนงานจะเน้นไปทีการพัฒนาผลการ ปฏิบัติงาน (Individual Performance) และพฒั นาศักยภาพ (Potential) ของครู Coaching เปนการ สอื สารอย่างหนึงทีเปนทางการ และไม่เปนทางการ ระหว่างผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ศกึ ษานิเทศก์ และ ครู เปนการสอื สารแบบสองทาง (Two way Communication) ทําให้ผู้บรหิ ารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ และครูได้รว่ มกันแก้ไขปญหาตา่ งๆ ทีเกิดขึนในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เช่น ปญหาผล สมั ฤทธทิ างการเรยี นของผู้เรยี นตา ผู้เรยี นออกกลางคนั สอื ทีใช้ในการ จัดกิจกรรมการเรยี นรูไ้ ม่มี คุณภาพ ซึงการรว่ มกันแก้ไขปญหาดังกลา่ ว ก่อให้เกิดความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหว่างผ้สู อนแนะ (Coach) และผู้ถูกสอนแนะ (Coached) อย่างไรก็ตามการทีจะ Coaching ได้ดนี ัน ต้องมีความพรอ้ มทังผู้สอน แนะและผู้ถูกสอนแนะ กระบวนการสอนแนะ (Coach) กระบวนการชีแนะเปนกระบวนการทีช่วยให้บคุ คลไดร้ ูจ้ ักช่วยเหลอื ตนเอง (coaching is a process of helping people to help themselves) มีนักการศกึ ษานําเสนอกระบวนการชีแนะ ทีหลากหลาย เนืองจาก การชีแนะมีกระบวนเฉพาะได้แก่ การชีแนะทางปญญา (cognitive coaching) การชีแนะการสอน (instructional coaching) เฟอนขแี นะ (peer coaching) ซึงการขีแนะต่าง ๆ มีรายละเอยี ดค่อนข้างมาก ไม่อาจนําเสนอในบทความนีได้ทังหมด อยา่ งไรก็ตามกระบวนการชีแนะ โดยทัวไปมีชันตอนของกระบวนการดังนี 1. ขันก่อนการสอนแนะ (pre-coaching) ก่อนดําเนินการชีแนะ มีการตกลงรว่ มกันเกียวกับประเดน็ หรอื จุดเน้นทีต้องการสอน แนะรว่ มกัน เนืองจากการดําเนินการชีแนะเน้นไปทีการเชือมโยงความรไู้ ปสกู่ ารปฏิบัตจิ รงิ เปนการ ทํางานเชิงลกึ (deep approach) ดังนันประเด็นทีชีแนะจึงเปนจุดเลก็ ๆ แต่เขม้ ข้น ช่วยให้เข้าใจอยา่ ง ลกึ ขึง แจ่มแจ้ง ช่วยคลปี มบางประการให้เกิดผลในการปฏิบตั ิไดจ้ รงิ ในกรณีการสอนกระบวนการคิด มีประเด็นมากมายทีต้องช่วยกันขยับ ขับเคลอื นไปทีละประเด็น เช่น การใช้คาํ ถามกระต้นุ คิด การใช้ กิจกรรมทีช่วยให้คิดได้อย่างหลากหลาย การใช้ผงั กราฟก (graphic organizer) มาใช้ไนการนําเสนอ ความคิด การช่วยให้นักเรยี นอธบิ ายกระบวนการคิด กระบวนการทํางานของตนเอง ซึงในประเดน็ เหลา่ นีก็ยังมีประเด็นย่อย ๆ ทีซ้อนอยู่มากมาย ทังผู้ชีแนะและ คณุ ครูแต่ละคนก็ต้องวางแผนรว่ มกัน ว่าในแต่ละครงั ทีดําเนินการชีแนะนัน จะชีแนะลงลกึ เฉพาะในเรอื งใดเรอื ง หนึงเปนพิเศษ 2. ขันการสอนแนะ (coaching) ประกอบด้วยขันตอนย่อย 3 ขัน คือ 2.1 การศึกษาต้นทุนเดิม เปนขันทีผู้ชีแนะพยายามทําความเข้าใจวิธคี ดิ วิธกี าร ทํางานและผลทีเกิดขันจากการทํางานของครวู า่ อยูใ่ นระดับใด เพือเปนข้อมูลต่อยอดประสบการณ์ ในระดับทีเหมาะสม กับครูแต่ละคนซึงในขนั นีอาจใช้วิธกี ารต่าง ๆ กันไปตามสถานการณ์ ได้แก่ 1) การให้ครูบอกเลา่ อธบิ ายวิธกี ารทํางานและผลทีเกิดขัน 2) การพิจารณารอ่ งรอยการทํางานรว่ มกัน เช่น แผนการสอน ชินงานของ นักเรยี น
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 27 การจดั การศึกษาปฐมวยั 3) การสงั เกตการสอนในชันเรยี น 2.2 การให้คุณครูประเมินการทํางานของตนเอง เปนขนั ทีช่วยให้ครูไดท้ บทวน การทํางานทีผ่านมาของตนเอง โดยใช้ตัวอย่างทีเปนรูปธรรมทีผา่ นมา ได้แก่ การสอนทีเพิงสอนจบไป แลว้ ชินงานทีนักเรยี น เพิมทําเสรจ็ เมือสกั ครู่ มาใช้ประกอบการประเมิน ขนั ตอนนีเปนขันสาํ คญั ขันหนึง ทีพบว่า ครูไม่ได้ตระหนักรูใ้ น สงิ ทีตนเองสอนหรอื กระทําลงไป แต่การทีจัดให้มีโอกาสได้ “นึกย้อน และสะท้อนผลการทํางาน” ช่วยให้ครูได้ทบทวนและไตรต่ รองวา่ ตนเองได้ใช้ความรคู้ วามเข้าใจไปสู่ การปฏิบัติอย่างไร มีอปุ สรรคปญหาใดเกิดขนึ บา้ ง คาํ ถามทีมักใช้กันในขนั นีมี 2 คําถามหลกั คอื อะไรทีทําได้ดี จะให้ดีกว่านีถ้า... 2.3 ขันต่อยอดประสบการณ์ เปนขันทีผู้ชีแนะมีข้อมูลจากการสงั เกตการทํางานและ ฟงครูอธบิ ายความคิดของตนเอง แลว้ จึงลงมือต่อยอดประสบการณ์ในเรอื งเฉพาะนันเพมิ เดิม ซึงผู้ ชีแนะต้องใช้ปฏิภาณในการวินิจฉัยให้ได้ว่าคุณครูต้องการความช่วยเหลอื ในเรอื งใด หากไม่แน่ใจ อาจใช้วิธกี ารสอบถามขอข้อมูลเพิมเติม ในขนั ต่อยอดประสบการณ์มีการดําเนินการใน 2 ลกั ษณะ คอื 1) เมือพบว่าคุณครูมีความเข้าใจทีผิดพลาดบางประการ หรอื มีปญหาก็จําเปน ต้องแก้ไข ปรบั ความรูค้ วามเข้าใจให้ถูกต้องและช่วยเหลอื ในการแก่ไขปญหา 2) เมือพบว่าคุณครูเข้าใจหลกั การสอนดี แต่ยงั ขาดประสบการณ์ในการออกแบบ การเรยี นการสอน ก็จําเปนเพิมเติมความรู้ แบง่ ปนประสบการณ์ 3. ขันสรปุ ผลการสอนแนะ (post-coaching) เปนขันตอนทีผู้สอนแนะเปดโอกาสให้คุณครูได้สรุปผลการสอนแนะเพือให้ไดห้ ลกั การสาํ คัญ ไปปรบั การเรยี นการสอนของตนเองต่อไป มีการวางแผนทีจะกลบั มาชีแนะรว่ มกันอกี ครงั ว่า ความรู้ ความเข้าใจอนั ใหม่ทีได้รบั การการสอนแนะครงั นีจะเกิดผลในทางปฏิบตั ิเพียงใด รวมไปถึงการ ตกลงรว่ มกัน เรอื งให้ความ ช่วยเหลอื อนื ๆ เช่น หาเอกสารมาให้ศึกษา ประสานงานกับบคุ คลอนื ๆ แนะนําแหลง่ เรยี นรูเ้ พิมเติม เปนต้น
แผนการนิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผล 28 การจัดการศึกษาปฐมวยั การนิเทศแบบชีแนะสะท้อนคิด (Reflective Coaching) การชีแนะสะท้อนคิดเปนกระบวนการในการให้คําแนะนําหรอื ให้คําปรกึ ษาพรอ้ มกระตนุ้ ให้เกิดการคิดไตรต่ รองทบทวน (Reflective Thinking) พินิจพเิ คราะห์และพิจารณาสงิ ตา่ งๆ อยา่ ง รอบคอบ โดยใช้สติและมีสมาธซิ ึงเปนวิธกี ารทีทําให้บุคคลได้ทบทวนและสะท้อนการกระทําของตน (Reflective Practice) ช่วยให้เกิดความเข้าใจและเกิดการเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ นําไปสกู่ ารพฒั นา ปรบั ปรุงตนเอง ปรบั ปรุงงานและการแก้ปญหาต่างๆได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพมากขนึ จุดมุ่งหมายของการนิเทศแบบชีแนะสะท้อนคิด 1. ศึกษานิเทศก์เปนกระจกทีจะสะท้อนความคดิ และความจรงิ ของการกระทําให้เปนระบบ ด้วยบรรยากาศสรา้ งสรรค์ 2. ศึกษานิเทศก์เปนหน้าต่างทีเปดโอกาสสกู่ ารเชือมโยงกับความรูแ้ ละปจจัยภายนอก เพือเพิมทางเลอื กและความมันใจในการตดั สนิ ใจและลงมือกระทําการเปลยี นแปลงและพัฒนาตนเอง 3. ศึกษานิเทศก์สรา้ งความไว้วางใจ (Building trust) ความเข้าใจและสนับสนนุ ให้คดิ ต่อเนือง คุณลักษณะศึกษานิเทศก์ทีทําหน้าทีโค้ช การนิเทศแบบชีแนะสะท้อนคิดศึกษานิเทศก์จําเปนต้องให้คําแนะนําขแึ นะพรอ้ มสะทอ้ น ให้เกิด กระบวนการคิดดังนันคุณลกั ษณะสาํ คญั ของศกึ ษานิเทศก์ได้แก่ 1. เปนบุคคลทีมีต้นทุนของความรูท้ ีเกียวข้องกับเนือหาวธิ สี อนรวมถึงมีบคุ ลกิ ภาพและ เจตคติ ทีดีสมาเสมอ 2. มีความยืดหยุ่นไวต่อความรูส้ กึ และเปนกัลยาณมิตรกับทุกคน 3. มีพืนฐานและประสบการณ์ทีเข้าใจธรรมชาติและวัฒนธรรมการทํางาน 4. มีการพัฒนาทักษะการฟงการคิดการถามและการเขียนทีชัดเจน 5. มีกระบวนการคิดทบทวน (Reflective Thinking) 6. มีพฤติกรรมการมองเชิงบวกจับถูกคิดถึงปญหาทีเรมิ จากตนเอง 7. มีการปรบั เปลยี นพฤติกรรมพูดน้อยลงฟงมากขนึ ไม่สงั การใดๆ 8. ช่วยกําหนดจุดพัฒนาเชือมโยงและสนับสนนุ ความเปลยี นแปลง กิจกรรมเทคนิคพฤติกรรมการโค้ชทีสําคัญ ได้แก่ 1. ศึกษานิเทศก์นิเทศแบบโค้ชแนะนําตนเองสนั ๆ และสรา้ งบรรยากาศทีไวว้ างใจเปน กันเอง โดยใช้พฤติกรรมเชิงบวกและจับถูกแลว้ ต่อยอดความคดิ และการกระทําในระหว่างการสนทนา 2. ผู้รบั การโค้ชแนะนําตนเองและเลา่ ถึงสงิ ดๆี ทีได้คดิ ไดท้ ําและได้แก้ปญหาการจัด กิจกรรมการเรยี นการสอนจนประสบความสาํ เรจ็ รวมถึงการสะท้อนปญหาทีต้องการแกไ่ ขหรอื พัฒนา ให้ให้เกิดคุณภาพต่อไป 3. ศึกษานิเทศก์ผู้โค้ชฟงอย่างตังใจทังสหี น้าและแววตาบ่งบอกถึงความชืนชมและควร บันทึกประเด็นสาํ คัญไว้ เพือทบทวนหากมีประเดน็ ทียังไม่ชัดควรใช้คาํ ถามเพือให้เกิดความซัดเจนมาก ขึน 4. ในขณะสนทนาโค้ชสามารถใช้คําพูดเสรมิ แรง เพอื กระตุ้นให้ผู้เลา่ มีกําลงั ใจและอยาก เลา่ ต่อ และสรา้ งบรรยากาศให้เกิดการสนทนาอย่างต่อเนือง
แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผล 29 การจัดการศกึ ษาปฐมวยั กิจกรรมเทคนิคพฤติกรรมการโค้ชทีสําคญั ได้แก่ 1. ศึกษานิเทศก์นิเทศแบบโค้ชแนะนําตนเองสนั ๆ และสรา้ งบรรยากาศทีไว้วางใจเปน กันเอง โดยใช้พฤติกรรมเชิงบวกและจับถูกแลว้ ตอ่ ยอดความคิดและการกระทําในระหว่างการสนทนา 2. ผู้รบั การโค้ชแนะนําตนเองและเลา่ ถึงสงิ ดๆี ทีไดค้ ิดไดท้ ําและไดแ้ ก้ปญหาการจัด กิจกรรมการเรยี นการสอนจนประสบความสาํ เรจ็ รวมถึงการสะท้อนปญหาทีต้องการแก่ไขหรอื พฒั นา ให้ให้เกิดคุณภาพต่อไป 3. ศึกษานิเทศก์ผู้โค้ชฟงอย่างตังใจทังสหี น้าและแววตาบ่งบอกถึงความชืนชมและบันทึก ประเด็นสาํ คัญไว้ เพือทบทวนหากมีประเดน็ ทียงั ไม่ชัดควรใช้คําถามเพอื ให้เกิดความซัดเจนมากขนึ 4. ในขณะสนทนาโค้ชสามารถใช้คําพูดเสรมิ แรง เพอื กระตุ้นให้ผ้เู ลา่ มีกําลงั ใจและอยาก เลา่ ต่อและ สรา้ งบรรยากาศให้เกิดการสนทนาอยา่ งต่อเนือง 5. ถ้ามีผู้รบั การโค้ชคนอนื ๆอยู่ในวงสนทนาด้วยควรเปดโอกาสให้สมาชิกคนอนื เติมเตม็ ก่อนทีโค้ชจะเติม 6. ถ้ามีประเด็นคําถามควรเปดโอกาสให้สมาชิกในกลมุ่ ได้ลองคดิ หาแนวทางแก้ปญหา ก่อนทีโค้ช จะตอบหรอื ให้ข้อเสนอแนะเพือสรา้ งความเขม้ แขง็ ให้ทีม กระบวนการนิเทศแบบชีแนะสะท้อนคิด มีกระบวนการในการนิเทศหลากหลายรูปแบบแต่จากการวิเคราะห์เอกสารจงึ ได้สรุป กระบวนการนิเทศแบบชีแนะสะท้อนคิดออกเปน 4 ขันตอน ได้แก่ 1. กิจกรรมในห้องเรยี น (Lesson day) ผู้นิเทศศึกษาชันเรยี น โดยการสงั เกตการสอน และ กําหนดประเด็นทีได้จากการสงั เกตและบันทึกข้อมูลเพือนําสกู่ ารสะท้อนคดิ 2. การสะท้อนคิด (Reflective) นําประเดน็ ทีไดจ้ ากการบันทึกการสงั เกตการสอน และ ประเด็นทีเปนข้อสงสยั แลว้ ใช้คําถามในการกระตุ้นตามลาํ ดบั ขันตอนเพือให้ผ้รู บั การนิเทศเกิดการ สะท้อนคิดในการเรยี นการสอนของตนเอง โดยสะท้อนถึงจุดทีตนเองต้องพฒั นาและเห็นถึงจุดทตี นเอง ทําได้ 3. การอภิปรายรว่ มกัน (Debriefing) ทังสองฝายเขียนบรรยายประเดน็ ทีได้จากการ สะท้อนคิด มาพูดคุย รว่ มแลกเปลยี นความคิดเห็นและหาแนวทางในการแก้ปญหาและดาํ เนินการ ในครงั ต่อไป 4. ติดตามผลการพัฒนา (Follow up) ผู้นิเทศต้องติดตามผลจากการสะท้อนคิดและ อภิปราย เพือหาแนวทางแก่ไขเพือให้เห็นถึงการพฒั นาของผรู้ บั การนิเทศ ผู้นิเทศต้องมีเทคนิควิธกี ารในการนิเทศแบบชีแนะสะท้อนคิด เพอื ให้เกิดประสทิ ธภิ าพดงั นี 1. ผู้นิเทศแนะนําตนเองสนั ๆ และสรา้ งบรรยากาศทีไว้วางใจ เปนกันเอง โดยใช้พฤติกรรม เชิงบวก และจับถูก แลว้ ต่อยอดความคิดและการกระทําในระหวา่ งการสนทนา 2. ขอให้ผู้รบั การนิเทศแนะนําตนเอง และเลา่ ถึงสงิ ดๆี ทีไดค้ ิด ได้ทํา และไดแ้ ก้ปญหา การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนจนประสบความสาํ เรจ็ รวมถึงการสะท้อนปญหาทตี ้องการแก้ไข หรอื พัฒนาให้เกิดคุณภาพต่อไป 3. ผู้นิเทศหรอื ผู้โค้ชฟงอย่างตังใจ ทังสหี น้าและแววตาบ่งบอกถึงความชืนชม และควร บันทึกประเด็นสาํ คัญไว้เพือทบทวน หากมีประเดน็ สนทนาประจําหน่วยทียงั ไม่ชัดควร ใช้คําถามเพือให้ เกิดความชัดเจนมากขึน 4. ในขณะสนทนาเพือให้เกิดการสะท้อนคิดหรอื โค้ชสามารถใช้คาํ พดู เสรมิ แรงเพอื กระตนุ้ ให้ผู้เลา่ มีกําลงั ใจและอยากเลา่ ต่อ และสรา้ งบรรยากาศให้เกิดการสนทนาอยา่ งต่อเนือง
แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผล 30 การจดั การศกึ ษาปฐมวัย 5. ถ้ามีผู้รบั การโค้ชคนอนื ๆ อยู่ในวงสนทนาดว้ ย ควรเปดโอกาสให้สมาชิกคนอนื เติมเตม็ ก่อนทีโค้ชจะเติมเต็ม 6. ถ้ามีประเด็นคําถามควรเปดโอกาสให้สมาชิกในกลมุ่ ไดล้ องคิดหาแนวทางแก้ปญหา ก่อนทีโค้ชจะตอบหรอื ให้ข้อเสนอแนะ เพือสรา้ งความเข้มแข็งให้ทีม 7. ไม่สงั ไม่สอน ไม่บอกคําตอบ ต้องใช้คําถามกระตุ้นให้ผู้ถูกนิเทศได้สะท้อนคิดดว้ ย ตนเอง และหาแนวทางทีแก้ไขด้วยตนเอง ผนู้ ิเทศให้ข้อเสนอแนะ เปนตัวอย่างไม่บอกทังหมด 8. ความสมาเสมอ การนิเทศแบบชีแนะสะท้อนคิดต้องมีกําหนดการและตารางการปฏิบัติ งานทีแน่นอน ทังผู้นิเทศและผู้รบั การนิเทศจําเปนต้องใช้เวลาในการสรา้ งความสมั พันธ์ ความเชือถือ ในการทํางานรว่ มกันกระบวนการสะท้อนงาน ทังนี ผู้ทีทําการนิเทศต้องมีคุณลกั ษณะของการเปนผรู้ ูเ้ กียวข้องกับเนือหา วิธสี อน มีบคุ ลกิ ความเปนกัลยาณมิตร มีทักษะการฟง พูดน้อยลง ฟงมากขึน ไม่สงั การใดๆ เปลยี นคาํ ตอบเปนคาํ ถาม มีพฤติกรรมเชิงบวก และเชือมโยงจุดทีจะต้องพัฒนาเพือนําไปสกู่ ารเปลยี นแปลง จูงใจและกระตุ้นให้ เกิดการพัฒนาจึงจะช่วยให้การนิเทศมีประสทิ ธภิ าพมากขนึ ขันตอนและกระบวนการโค้ช การดําเนินการในการนิเทศแบบชีแนะสะท้อนคดิ มีขนั ตอนในการปฏิบตั ิดงั นี 1. Creates trust (สรา้ งความไว้ใจวางใจให้เกิดชีน) 2. Has big ears, small mouth” (ฟงมากและพูดน้อย) 3. Is non-judge mental (โค้ชไม่ใช่ผู้ตัดสนิ ) 4. Asks questions (ใช้คําถามเพิมความชัดเจน) 5. Shows empathy (มีความรูส้ กึ รว่ มเห็นอกเห็นใจ) 6. Is a constructive critic (วิจารณ์อย่างสรา้ งสรรค์) 7. Challenges (สนับสนนุ ให้ลองวิธใี หม่ๆ) 8. Makes suggestions or Gives advice (มีการให้ข้อเสนอแนะเท่าทีจําเปน) 9. Invites talk (กระตุ้นให้มีการพูดคุย) 10. Sustained over time มีความต่อเนืองยังยนื 11. Sets and monitors targets (แบ่งเปนช่วงและวางเปาหมายชัดเจนนัดหมายการโคช้ ครงั ต่อไป) 12. Gives ownership to teacher (ทําให้ผู้รบั การโค้ชรูส้ กึ ว่าตนเองเปนเจ้าของความคิด และการกระทํานัน) ผลลัพธท์ ีแสดงถึงความสําเรจ็ ของการโคช้ ในรปู แบบชีแนะสะท้อนคิด ได้แก่ 1. ครูจัดประสบการณ์เรยี นรูใ้ ห้กับเด็กปฐมวัยไดอ้ ย่างมีคณุ ภาพ ไดแ้ นวคดิ และหลกั การ นิเทศแบบชีแนะสะท้อนคิด (Reflective Coaching) สามารถ นําไปใช้แก้ปญหาและปรบั ปรงุ การเรยี น การสอนได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 2. ผู้เรยี นมีคุณภาพผู้เรยี นได้รบั การแก้ปญหาการเรยี นรตู้ ามสภาพจรงิ และสามารถ พัฒนา ตนเองทําให้ผลสมั ฤทธทิ างการเรยี นสงู ขนึ 3. โรงเรยี นมีคุณภาพโรงเรยี นเปนองค์กรแห่งการเรยี นรมู้ ีนวตั กรรมทางการการศึกษา ทีเกิดจากการพัฒนาคุณภาพครูและคุณภาพผูเ้ รยี นอย่างต่อเนืองและคุณภาพการศกึ ษาได้รบั การรบั รองตามมาตรฐานการศึกษาชาติ
แผนการนิเทศ ติดตาม และประเมินผล 31 การจัดการศกึ ษาปฐมวัย การนิเทศแบบเปนพีเลียงและผู้สนับสนุน (Mentoring and Supporting) การนิเทศแบบพีเลยี ง (Mentoring) หมายถึงผใู้ ห้คําปรกึ ษาแนะนําช่วยเหลอื ผู้บรหิ าร สถานศึกษา และครูผู้สอนในเรอื งการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและคณุ ภาพผเู้ รยี นเพือให้มีศกั ยภาพ การทํางานสงู ขึน บทบาทหน้าทีของ (Mentor) 1. เปนผู้แนะแนวกลมุ่ ผู้รบั การดูแล (Mentee) ในการพัฒนาหรอื แก้ปญหาและอปุ สรรค การทํางานโดยให้ผู้รบั การดูแล (Mentee) ตัดสนิ ใจและเลอื กแนวทางในการพัฒนาหรอื แก้ปญหาดว้ ย ตนเอง 2. เปนพันธมิตรทีคอยให้ข้อมูลแก่ Mentee แต่ละคนในกลมุ่ Mentee เกียวกับจุดออ่ น จุดแข็งโดยวิธกี ารให้ผู้รบั การดูแลเลา่ ปญหาโดยพีเลยี ง Mentor จะฟงอยา่ งตังใจเห็นอกเหน็ ใจและให้ ข้อมูลความเห็นทัง ด้านดีและด้านทีต้องได้รบั การพัฒนาอยา่ งตรงไปตรงมาและเปนมิตร 3. เปนผู้กระตุ้นให้กลมุ่ ผู้รบั การดูแลรว่ มกันกําหนดวสิ ยั ทัศน์และอนาคตของสถานศกึ ษา ว่าจะไป ทิศทางใดและจะขับเคลอื นให้บรรลเุ ปาหมายของสถานศกึ ษาไดอ้ ยา่ งไร 4. เปนผู้มีความรูท้ ักษะและประสบการณ์ในการจัดการศกึ ษาทําให้มีแนวทางในการจดั การศึกษาให้ ประสบความสาํ เรจ็ และสามารถให้แนวทางแก่กลมุ่ ผู้รบั การดแู ล Mentee ในการจัด กิจกรรมการเรยี นรู้ ให้บรรลตุ ามเปาหมายทีสถานศึกษากําหนดและผู้เชือมโยง Mentee กับบคุ ลากร ผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษาและ เครอื ข่ายทีเกียวข้องในการจัดการศกึ ษาจะสามารถช่วยให้ Mentee เกิดการเรยี นรูจ้ ากการปฏิบัติงานได้ 5. เปนผู้ทําหน้าทีช่วยสนับสนนุ ให้ผู้รบั การดูแล Mentee ได้มีโอกาสแสดงความสามารถ เปนทีประจักษ์ (Visibility) การใช้วิธกี าร Mentoring จะช่วยให้กลุ่มประสบความสําเรจ็ 1. การช่วยให้กลมุ่ กําหนดประเด็นในการประชุมพบปะกัน 2. การให้คําแนะนําหัวข้ออภิปรายและโครงการทีจะช่วยให้กลมุ่ เรยี นรเู้ พมิ ขนึ 3. การกระตุ้นให้กลมุ่ แสดงความคิดเห็น 4. การให้คําปรกึ ษาเมือกลมุ่ ต้องการ 5. การสนับสนนุ กลมุ่ โดยเชือมความสมั พันธข์ องบุคคลในกลมุ่ กับบคุ คลอนื ในองคก์ ร 6. การให้ข้อมูลย้อนกลบั แก่สมาชิกในกลมุ่ เปนรายบคุ คล ประโยชน์ของนิเทศแบบ Mentoring 1. สรา้ งกลมุ่ คนทีมีความสามารถมีศักยภาพได้เรว็ กวา่ ปกติ 2. จูงใจให้ครูปฏิบัติงานทีมีผลการปฏิบัติงานดแี ละมีศักยภาพในการทํางานสงู ให้คงอยู่กบั หน่วยงาน 3. กระตุ้นให้ครูปฏิบัติงานสรา้ งผลงานมากขึนพรอ้ มทีจะทํางานหนักและท้าทายมากขนึ 4. สรา้ งบรรยากาศของการนําเสนองานใหม่ๆหรอื ความคิดนอกกรอบมากขึน 5. สรา้ งระบบการสอื สารแบบสองทาง (two way communication)
แผนการนเิ ทศ ติดตาม และประเมนิ ผล 32 การจัดการศกึ ษาปฐมวัย การนิเทศแบบกัลยาณมิตร การจัดการศึกษาในปจจุบันได้มีการพัฒนาเปลยี นแปลงไปตามยุคตามสมัยและความ ก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ตลอดจนความตอ้ งการของตลาดแรงงาน การจัดการศกึ ษาในสถานศึกษา จําเปนต้องปรบั เปลยี นให้สอดคลอ้ งกับภาวการณ์ปจจบุ ัน บุคลากร คร-ู อาจารย์ ผบู้ รหิ ารจําเปนตอ้ ง ได้รบั ความรูเ้ พิมเดิม ให้มีความรูค้ วามสามารถเท่าทันเหตุการณ์อยตู่ ลอดเวลา สงิ สาํ คัญประการหนึง ทีจะช่วยให้ครู-อาจารย์ ในสถานศึกษาสามารถปฏิบตั ิงานไดบรรลเุ ปาหมายตามความคาดหวังของ หลกั สตู รในยุคของการปฏิรูปการศึกษาก็ คือ การนิเทศการศึกษา การนิเทศมีความสมั พันธก์ ับการบรหิ ารการศกึ ษา ก็เพราะเปนรปู แบบของการบรหิ าร การศึกษาที ต้องการการมีสว่ นรว่ มของบุคคล เปนลกั ษณะของการบรหิ ารตามรูปแบบประชาธปิ ไตย การนิเทศใช้ลกั ษณะ ต่าง ๆ ของประชาธปิ ไตยมาดําเนินการ ได้แกการเคารพซึงกันและกัน การประชุม ปรกึ ษาหารอื กัน การให้ความรว่ มมือและประสานงาน การรว่ มมือแก้ปญหาในการจัดการเรยี นการสอน ความมุ่งมันในการบรหิ าร จัดการด้านวิชาการในการปฏิรปู การเรยี นรูน้ ันนับเปนองคป์ ระกอบสาํ คญั แนวคิดทีเปนพืนฐานของรูปแบบ กัลยาณมิตรนิเทศ คือ หลกั ธรรมความเปนกัลยาณมิตรของพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย ได้แก่ ความ มีนาใจ การรว่ มทุกข์รว่ มสขุ การช่วยเหลอื เกือกูล แนะแนวทางทีถูกต้องดว้ ยการยอมรบั นับถือและให้ เกียรติซึงกันและกัน เปนการนิเทศทีมุ่งการพัฒนาคนมากกว่าการพฒั นาเอกสารและผลงาน กัลยาณมิตร 7 ประการในการนิเทศ การนําหลกั ธรรม 7 ประการมาใช้ในกัลยาณมิตรนิเทศ ดงั นี 1. ปโย - น่ารกั สบายใจ สนิทสนม ชวนให้อยากปรกึ ษา 2. ครุ - น่าเคารพ ประพฤติสมควรแก่ฐานะ อบอนุ่ เปนทีพงึ ปลอดภยั 3. ภาวนีโย - น่ายกย่อง/ทรงคุณความรู/้ ภมู ิปญญาแท้จรงิ และหมันปรบั ปรุงตน อยู่เสมอ 4. อตตา จ - รูจ้ ักพูดให้ได้ผล รูจ้ ักชีแจงให้เขา้ ใจ รวู้ ่าควรพูดอะไร อยา่ งไร เปนที ปรกึ ษาทีดี 5. วจนก ขโม - อดทนต่อถ้อยคําพรอ้ มทีจะรบั ฟงคาํ ปรกึ ษา/คาํ ถาม/คําวพิ ากษ์ วิจารณ์ 6. คมภีรญจกถกตตา - แถลงเรอื งลกึ ลาได้ อธบิ ายเรอื งทียากให้ง่ายได้ 7. โน จฏฐาเน นิโยชเน - ไม่แนะนําเรอื งเหลวไหล แนะไปในทางเสอื ม กระบวนการกัลยาณมิตรนิเทศสําหรบั ผบู้ รหิ าร ซึงเน้น 5 กระบวนการสาํ คัญ ดังนี 1. กัลยาณมิตรนิเทศเน้นการนิเทศคนไม่ใช่นิเทศกระดาษ การนิเทศครใู นโรงเรยี น เปนการนิเทศคนไม่ใช่การนิเทศกระดาษและอปุ กรณ์ เพราะฉะนันการนิเทศแบบกัลยาณมิตรจะเกิดขึน ไม่ได้ ถ้าผู้บรหิ ารไม่สนใจครู ไม่สนใจนักเรยี นการดาํ เนินการควรมีการพดู คยุ กับครู สนทนาเปนกลมุ่ หรอื สนทนาอย่างไม่เปนทางการ เปนการนิเทศคนแลว้ เราจะไดป้ ญหาและแนวทางแกไ้ ข มากกวา่ นิเทศ กระดาษ
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 33 การจัดการศึกษาปฐมวัย 2. กัลยาณมิตรนิเทศ เปนกระบวนการ \"ให้ใจ\" และ \"รว่ มใจ\" การนิเทศคนจะนิเทศไม่ได้ ถ้าไม่ได้ใจของเขา เพราะถ้าจําใจแลว้ จําเจจะน่าเบือ อะไรก็ตามทีจําใจทําแลว้ ไม่เกิดฉันทะ เพราะฉะนัน หน้าทีของผู้บรหิ ารสถานศึกษาคือทําอย่างไรจะให้ครใู นโรงเรยี นของเราจะมี ใจไม่มาโรงเรยี นแต่กาย เพราะฉะนันสงิ แรกคือทําอย่างไรจึงจะไดใจเขามาแลว้ ครูในโรงเรยี นของเราทํางานสาํ เรจ็ เปนความ สาํ เรจ็ จากการรว่ มใจของทุกคน 3. กัลยาณมิตรเรมิ ต้นที \"ศรทั ธา\" การทีจะไดใ้ จต้องสรา้ งศรทั ธา ศรทั ธานันสรา้ งไมย่ าก พอเรมิ ยิมให้กันศรทั ธาจะเกิดขึน ใช้ผัสสะทัง 6 ให้ไดเ้ ห็น ให้ได้ยนิ ให้ได้สมั ผัสด้วยกาย วาจา ใจ คือ เปนการสรา้ งรอยยิมให้เกิดขึน อย่างไรก็ตามเอานาขุ่นไว้ใน นาใสไวน้ อก แสดงความเอาใจใส่ สรา้ ง ความไว้วางใจสรา้ งความเชือมันในทางเสรมิ แรงกัน 4. กระบวนการกัลยาณมิตรนิเทศเน้นการสรา้ งสงั คมการเรยี นรผู้ ู้บรหิ ารทีฉลาดจะ พยายามค้นหาว่าครูแต่ละคนเขามีดีอะไร แลว้ ใช้สงิ ทีเขาดีมาแลกเปลยี น ประสบการณ์กันจะช่วยสรา้ ง ความมันใจให้เขาทีละนิดๆ ให้เขาได้มีโอกาสแสดง มีโอกาสคิด เน้นการสอื สาร กันอยา่ งสมัาเสมอ มีจดหมายข่าว มีกระดานข่าว มีกลอ่ งรบั ฟงความคิดเห็น มีการสอื สารกันอย่างเปนทางการ และไมเ่ ปน ทางการจะทําให้โรงเรยี นมีชีวิตชีวา 5. กระบวนการกัลยาณมิตรนิเทศมาจากฐานปญญาธรรม ฐานเมตตาธรรม และฐาน ความเปนจรงิ ในชีวิต ฐานที 1 ปญญาธรรม คือ ฐานความรู้ ผู้บรหิ ารจะมัวพูดว่าไม่รูอ้ ยู่ตลอดเวลาไม่ได้ ในการทีจะแสวงหาความรูม้ ีปายกระดานขา่ วให้ความรูค้ รู มีความสะดวกในการคน้ หาความรขู้ ่าวสาร จากอนิ เทอรเ์ น็ต เปนต้น ซึงฐานความรูน้ ีเปนฐานทีสาํ คัญ ฐานที 2 เมตตาธรรม คือ ฐานความรกั ก่อนอนื ต้องเมตตาตัวเอง ไม่ควรจะโหมงาน อยู่คนเดียว พยายามกระจายงาน พยายามทําตนให้มีชีวติ ชีวา พยายามสรา้ งมนษุ ยสมั พันธท์ ีดี ทุกอย่างเปนฐานของความเมตตาทังสนิ ฐานที 3 คือ ฐานความเปนจรงิ ในชีวิต เปนฐานทางวฒั นธรรม ถึงแม้วา่ เปนครู เหมือนกันมีประสบการณ์คลา้ ยคลงึ กัน แตเ่ มือมาทํางานรว่ มกัน ผูบ้ รหิ ารต้องเขา้ ใจวัฒนธรรม ของแต่ละคน แลว้ มีความสามารถทีจะสรา้ งวฒั นธรรมองคก์ รของตน
แผนการนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล 34 การจัดการศกึ ษาปฐมวัย การนิเทศโดยใช้ชุมชนแห่งการเรยี นรทู้ างวิชาชีพ PLC (Professional Learning Community) 1. ความหมายของ PLC หมายถึง การรวมตัว รว่ มใจ รว่ มพลงั รว่ มทํา และรว่ มเรยี นรรู้ ว่ มกันของครู ผูบ้ รหิ าร และนักการศึกษาบนพืนฐานวัฒนธรรมความสมั พันธแ์ บบกัลยาณมิตรสคู่ ุณภาพการจัดการเรยี นรู้ ทีเน้นความสาํ เรจ็ หรอื ประสทิ ธผิ ลของผู้เรยี น เปนสาํ คัญ และความสขุ ของการทํางานรว่ มกันของ สมาชิกในชุมชน 2. วัตถุประสงค์ PLC 2.1 เพือเปนเครอื งมือทีช่วยให้การแลกเปลยี นเรยี นรมู้ ีประสทิ ธภิ าพ 2.2 เพือให้เกิดการรว่ มมือ รวมพลงั ของทุกฝายในการพัฒนาการเรยี นการสอน สคู่ ุณภาพของ ผู้เรยี น 2.3 เพือให้เกิดการพัฒนาวิชาชีพครูด้วยการพัฒนาผูเ้ รยี น 3. องค์ประกอบของ PLC 3.1 ต้องมีวิสยั ทัศน์รว่ มกัน หมายถึง มีเปาหมายทิศทางเดยี วกัน มุ่งสกู่ ารพัฒนา การเรยี นการสอน สคู่ ุณภาพผู้เรยี น/ประเด็นทีจะ PLC 3.2 รว่ มแรง รว่ มใจ และรว่ มมือ หมายถึง ต้องเปดใจ รบั ฟง เสนอวิธกี ารนําสู่ การปฏิบัติ และประเมินรว่ มกัน Open เปดใจรบั และให้ Care สใ่ จต่อความรูส้ กึ ของสมาชิกรว่ มวง PLC Share แบ่งปนความรูแ้ ละประสบการณ์ 3.3 ภาวะผู้นํารว่ ม หมายถึง การทํา PLC ต้องมีผู้นําและผู้ตามในการแลกเปลยี น เรยี นรู้ 3.4 กัลยาณมิตร หมายถึง เปนเพือนรว่ มวิชาชีพ เติมเต็มสว่ นทีขาดของแต่ละคน 3.5 ต้องปรบั เปลยี นวัฒนธรรมองค์กร หมายถึง ต้องเน้นการทํางานทีเปดโอกาส การทํางานทีช่วยเหลอื กันมากกว่าการสงั การ มีชัวโมงพดู คุย 3.6 การเรยี นรูแ้ ละพัฒนาวิชาชีพ หมายถึง การเรยี นรูก้ ารปฏิบตั ิงานจากการงาน สอนและตรงกับ ภาระงานคือการสอนสคู่ ณุ ภาพผู้เรยี น 4. กระบวนการ PLC 4.1 ต้องมีการรวมกลมุ่ PLC และกลมุ่ นันต้องมีลกั ษณะคลา้ ยๆ กัน เช่น 4.1.1 จัดกลมุ่ ครูทีมีลกั ษณะใกลเ้ คียงกัน กลมุ่ ครทู ีสอนวิชา/กลมุ่ สาระเดยี วกัน ในระดับชัน เดียวกันกลมุ่ ครูทีสอนวิชา/กลมุ่ สาระเดียวกันในช่วงชันเดยี วกัน กลมุ่ ครูตามลกั ษณะงาน 4.1.2 จํานวนสมาชิก 6-8 คน (ผู้บรหิ าร/ศึกษานิเทศก์หมุนเรยี นเข้ารว่ ม ทุกกลมุ่ ) 4.1.3. ระยะเวลา 2-3 ชม/ต่อสปั ดาห์ ตลอดหนึงปการศกึ ษา กําหนดเปนชัวโมง ชัดเจน จะดีมาก 4.1.4 จัดชัวโมงอยู่ในภาระการสอนของครู/ภาระงาน เพือไม่ให้ครูถือว่าเปนภาระ เพิมขึน 4.1.5 การจัด PLC ควรใช้ ICT ในการเข้ากลมุ่ ระหว่างการดาํ เนินการ
แผนการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 35 การจดั การศกึ ษาปฐมวยั 4.2 บทบาทของบุคคลในการทํา PLC 4.2.1 คุณอาํ นวย (Knowledge Facilitator: KF) มีบทบาทในการสรา้ ง บรรยากาศให้เกิด การรวมตัวกัน เพือแลกเปลยี นเรยี นรู้ กลา้ พดู กลา้ คยุ รกั ษาระดบั การมีสว่ นรว่ ม ของสมาขิกควบคุมประเด็นการ พูดคุย และยัวยุให้เกิดการแลกเปลยี นเรยี นรโู้ ดยใหท้ ุกคนแสดงความ คิดเห็น 4.2.2 คุณกิจ/สมาชิก (Knowledge Practitioner: KP/aวมพูดคุยแลกเปลยี น เรยี นรู/้ เลา่ เรอื ง/เลา่ ประสบการณ์(Tacit Knowledge^องตนเองจากการปฏิบัติจรงิ เปดใจรบั ฟง และ เสนอความคิดเห็นอย่าง สรา้ งสรรค์ รบั แนวทางไปปฏิบัติ/นําผลไปเสนอ/ผูห้ าข้อมูลเพิมเดมิ /และนํา ผลมาเสนอ พรอ้ มต่อยอดบันทึก logbook ของตนเอง 4.2.3 คุณลขิ ิต (Note Taker: NT) มีหน้าทีจดบันทึก หรอื บันทึกความรู้ จับความ ให้ได้ถูกต้อง เทียงตรงบันทึกให้1ด้รายละเอยี ดทีผู้เลา่ เลา่ เปนผู้ฟงทีดีหรอื เปนสมาชิกคนหนึงนําเอา ข้อมูลจากการเลา่ / วิเคราะห์ดีความของกลมุ่ ไปไวในฐานขอ้ มูลทีสมาชิกหรอื ผู้สนใจจะเข้าถึงไดง้ ่าย สรุปประเด็นการสนทนา และแนวทางแก้ปญหาพรอ้ มบันทึก Logbook 4.2.4 คุณเออื (Chief Knowledge Officer: CKO) หน้าทีจัดกระบวนการให้เกิด “ธงรว่ ม” (Shared Vision / Common Goal)Wกําลงั ใจ/ให้รางวลั เมือดาํ เนินการเกิดผลสาํ เรจ็ จับภาพ รวม เพือให้วง PLC เห็นว่า PLC เพืออะไรสง่ เสรมิ ให้ออกไปเรยี นรูห้ รอื และนําเสนอผลงานต่อองค์กร ภายนอก (อาจไม่มีทุกครงั ก็ได้)
แผนการนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 36 การจัดการศึกษาปฐมวยั ตอนที 4 เครืองมือการนเิ ทศ การนิเทศ กํากับ ติดตาม และประเมินผล เพือสนับสนนุ สง่ เสรมิ ระบบการบรหิ ารจัดการ การจัดสภาพแวดลอ้ มทีเออื ต่อการเรยี นรู้ การสนับสนนุ การจัดการเรยี นการสอนการออกแบบการเรยี น รูท้ ีเน้นกระบวนการสรา้ งความรูจ้ ากการลงมือปฏิบัติ ตลอดจนสอื และอปุ กรณ์ทีจําเปนในการจัดการ เรยี นการสอนให้สามารถดําเนินการได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ เพือให้เกิดการเปลยี นแปลงในการดาํ เนิน การนิเทศการศึกษาปฐมวัย เพือพัฒนาคุณภาพการจัดการศกึ ษาปฐมวัย รวมถึงการนําเอาเทคโนโลยี การสอื สารมาใช้เปนเครอื งมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการนิเทศ สาํ นักงานเขตพืนที การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาํ ภู เขต 2 ไดก้ ําหนดเครอื งมือการนิเทศและปฏิทินการนิเทศ เพือ พัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัย ดังนี รายการนิเทศ/เรอื ง ช่วงเวลา สือและเครอื งมือ แบบประเมินการใช้ 1. การพัฒนาและการใช้หลกั สตู รสถานศึกษา ตลอด หลกั สตู รสถานศึกษา ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย ปการศึกษา ระดับปฐมวัย 2. การนิเทศการจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ระดับ ตลอด แบบนิเทศ ปฐมวัย ปการศึกษา แบบนิเทศ 3. การนิเทศการจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ตลอด ตามแนวทางโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์ ปการศึกษา น้อย ประเทศไทย ระดับปฐมวัย 4. การนิเทศการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ ตลอด แบบนิเทศ วิทยาการคํานวณ (CODING) ระดับปฐมวัย ปการศึกษา 5. การนิเทศการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ ตลอด แบบนิเทศ ตามแนวทางสะเต็ม ในระดับปฐมวัย ปการศึกษา 6. การนิเทศการจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ตลอด แบบนิเทศ ตามแนวทางมอนเตสซอรใี นบรบิ ทของ สพฐ. ปการศึกษา แบบนิเทศ 7. การนิเทศการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ ตลอด ตามแนวทางไฮสโคป ระดับปฐมวัย ปการศึกษา
แผนการนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมินผล 37 การจัดการศึกษาปฐมวยั เครอื งมือการนิเทศ เครอื งมือและแบบนิเทศ ติดตาม ผลการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ตามประเดน็ การนิเทศ มีดังนี 1. แบบแบบประเมินการใช้หลกั สตู รสถานศกึ ษา พ.ศ. 2560 ระดับปฐมวยั 2. แบบนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ระดับปฐมวยั 3. แบบนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจดั ประสบการณ์เรยี นรตู้ ามแนวทางโครงการบา้ น นักวิทยาศาสตรน์ ้อย ประเทศไทย ระดับปฐมวัย 4. แบบนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดประสบการณ์การเรยี นรวู้ ิทยาการคํานวณ (CODING) ระดับปฐมวัย 5. แบบนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดประสบการณ์การเรยี นรตู้ ามแนวทางสะเต็ม ใน ระดับปฐมวัย 6. แบบนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดประสบการณ์เรยี นรตู้ ามแนวทางมอนเตสซอรี ในบรบิ ทของ สพฐ. 7. แบบนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามแนวทางไฮสโคป ระดับปฐมวัย
38 แบบนิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผล การใช้หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 2 คำชีแ้ จง แบบนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมินผล การใชห้ ลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ระดับปฐมวยั แบ่งออกเป็น 3 ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลท่วั ไป ตอนที่ 2 สภาพการปฏิบตั ิของครปู ฐมวัยเกย่ี วกบั การใช้หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกราช 2560 แบ่งออกเป็น 6 ด้าน ดังนี้ 1. ดา้ นการจัดกจิ กรรมและตารางกจิ กรรมประจำวัน 2. ด้านการจัดทำ จัดหา และใช้สื่อส่งเสรมิ พฒั นาการเด็ก 3. ดา้ นการประเมินพฒั นาการเด็ก 4. ด้านการเขียนแผนการจัดประสบการณ์ 5. ด้านการจดั สภาพแวดลอ้ ม 6. ดา้ นบทบาทของครปู ฐมวยั /ผูบ้ ริหารสถานศึกษา/ผมู้ ีสว่ นเก่ยี วขอ้ งกบั การศึกษาปฐมวัย ตอนที่ 3 คำถามปลายเปิด เพอ่ื ให้ผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทวั่ ไป 1. เพศ ชาย หญงิ 2. วุฒิการศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี ปรญิ ญาตรี สงู กวา่ ปริญญาตรี 3. ประสบการณ์ในการเป็นครูผู้สอน 1 – 5 ปี 6 – 10 ปี 11 – 15 ปี 16 – 20 ปี 20 ปีขึ้นไป ตอนที่ 2 การปฏิบัตขิ องครูปฐมวัยเกยี่ วกบั การใชห้ ลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกราช 2560 ใหผ้ ู้ตอบแบบประเมินทำเครื่องหมาย √ ลงในชอ่ งระดับปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ตรงกบั ความเหน็ ของผู้ตอบแบบประเมนิ มากที่สุด ระดับปฏิบัติ 5 หมายถึง ปฏิบัติ มากทส่ี ุด ระดับปฏบิ ตั ิ 4 หมายถึง ปฏบิ ัติ มาก ระดบั ปฏบิ ัติ 3 หมายถงึ ปฏิบัติ ปานกลาง ระดบั ปฏบิ ัติ 2 หมายถงึ ปฏบิ ัติ นอ้ ย ระดบั ปฏิบตั ิ 1 หมายถงึ ปฏิบัติ นอ้ ยที่สุด
39 ดา้ น 1 ดา้ นการจัดกจิ กรรมและตารางกิจกรรมประจำวนั รายการประเมิน การปฏิบัติ ระดบั ปฏบิ ัติ ปฏบิ ัติ ไม่ปฏบิ ัติ 5 4 3 2 1 1. มกี จิ กรรมที่เหมาะสมกับวยั เด็ก 2. มสี ือ่ จริงใหเ้ ดก็ สังเกต สำรวจ ค้นคว้า ทดลอง แก้ปัญหาด้วยตนเอง 3. มกี จิ กรรมที่เดก็ ได้พฒั นาความคดิ สรา้ งสรรค์และ จนิ ตนาการ 4. มีกิจกรรมที่จดั ใหม้ ีการฝึก การแสดงออกและความ มน่ั ใจในตนเอง 5. มกี ิจกรรมท่เี ดก็ ได้มกี ารพัฒนาอวัยวะทุกสว่ นใหม้ ี ความสัมพนั ธ์กนั 6. มกี ิจกรรมท่ีใชภ้ าษาในการฟัง พดู และถ่ายทอด เรอื่ งราวตา่ งๆ 7. มกี จิ กรรมให้เด็กไดพ้ ฒั นาร่างกายใหแ้ ขง็ แรง สขุ ภาพ พลานามัยดี 8. มกี ิจกรรมให้เดก็ ได้สังเกต จำแนก และเปรียบเทยี บ 9. จดั ตารางกจิ กรรมในแต่ละวัน ใหเ้ ดก็ มพี ฒั นาการทุก ด้านไปพร้อมๆ กันอย่างเหมาะสม 10. จัดตารางกิจกรรมใหร้ ะยะเวลาในการจัดกิจกรรมท่ี เหมาะสมกบั วัยของเด็ก รวม ระดับปฏิบตั ิ
40 ดา้ น 2 ด้านการจัดทำ จดั หา และใชส้ ื่อสง่ เสริมพฒั นาการเด็ก รายการประเมิน การปฏบิ ัติ ระดับปฏิบตั ิ ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏิบัติ 5 4 3 2 1 11. เลือกสื่อท่ีตรงกบั จุดมงุ่ หมายและเรือ่ งที่สอน 12. ใชส้ ือ่ ท่ีสามารถนำไปใชไ้ ดห้ ลายกิจกรรม 13. เลอื กส่อื ท่ีเดก็ เข้าใจได้ในเวลาส้นั ๆ ไม่ซบั ซอ้ น 14. จดั ซือ้ สื่อและเคร่ืองเล่นโดยจัดซอ้ื ตามลำดับ ความจำเป็น 15. วางแผนการผลติ สื่อ โดยกำหนดจดุ ม่งุ หมาย และรูปแบบของสอื่ ใหเ้ หมาะสมกับวัยและ ความสามารถของเด็ก 16. มกี ารเตรียมตัวครู การเตรยี มตัวเด็กและเตรยี ม สอ่ื ให้พร้อมกอ่ นนำไปใช้ 17. มกี ารประเมินการใช้สือ่ อย่างสม่ำเสมอ 18. เกบ็ สื่อให้เป็นหมวดหมู่ตามลักษณะประเภท ของส่อื 19. ปรับปรุงสอ่ื ใหท้ ันสมัยและพัฒนาสอื่ ให้ใช้ได้ อเนกประสงค์ 20. มคี ู่มือประกอบการใช้สื่อชัดเจน รวม ระดบั ปฏิบัติ
41 ดา้ น 3 ดา้ นการประเมนิ พัฒนาการเดก็ รายการประเมนิ การปฏิบัติ ระดับปฏิบตั ิ ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบัติ 5 4 3 2 1 21. มีการประเมนิ พัฒนาการของเดก็ ครบท้ัง 4 ด้าน 22. ประเมนิ ตามสภาพความเปน็ จรงิ โดยมีการสะสม งานของเด็กเป็นรายบคุ คล 23. มกี ารใชเ้ คร่อื งมือและจดบันทกึ ผลการประเมินไว้ เปน็ หลกั ฐานทุกข้ันตอน 24. เลือกใชว้ ธิ ีการและเคร่อื งมอื ที่เหมาะสมสำหรับ ประเมนิ พัฒนาการ 25. ผปู้ กครองเดก็ มีสว่ นรว่ มในการประเมินพฒั นาการ เดก็ 26. ออกแบบเกบ็ ข้อมูลการประเมินผล เพื่อชว่ ยให้ วเิ คราะหไ์ ด้อย่างเหมาะสม 27. ประเมนิ ความสามารถในการแสดงความคิดเห็น และพัฒนาการทางดา้ นการใช้ภาษาของเด็กโดยการ สนทนา 28. ใช้คำถามสัมภาษณ์ท่ีเหมาะสมโดยเปิดโอกาสให้ เดก็ ได้คดิ และตอบอยา่ งอิสระ 29. รวบรวมผลงานทแ่ี สดงออกถงึ ความก้าวหน้าแต่ละ ดา้ นของเดก็ เปน็ รายบุคคลโดยจดั เกบ็ รวบรวมไว้ใน แฟ้มผลงาน (portfolio) 30. กอ่ นตคี ่าผลงานเด็ก ได้ตรวจสอบความคิดหรือ ความในใจของเดก็ ทแ่ี สดงผลงานออกมา รวม ระดบั ปฏิบตั ิ
42 ดา้ น 4 ดา้ นการเขยี นแผนการจดั ประสบการณ์ รายการประเมนิ การปฏบิ ัติ ระดับปฏบิ ัติ ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏบิ ัติ 5 4 3 2 1 31. ศึกษาหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช 2560 และเอกสารอืน่ ที่เก่ียวขอ้ งเป็นอย่างดี 32. วเิ คราะห์เนอื้ หา แนวคดิ จากหลกั สตู รการศกึ ษา ปฐมวยั พทุ ธศักราช 2560 อยา่ งถกู ตอ้ ง 33. วเิ คราะหค์ วามสัมพันธข์ องจุดมงุ่ หมายของ คณุ ลักษณะของเด็ก 3 – 6 ปี ทพ่ี ึงประสงค์ เพือ่ นำไปสู่การเขียนแผนการจดั ประสบการณ์ 34. เขยี นแผนการจดั ประสบการณ์ให้สอดคล้องกบั จุดมุง่ หมาย เนื้อหา และประสบการณ์ 35. ใหเ้ ด็กมีสว่ นร่วมในการเลือกหวั ขอ้ ในการจัด ประสบการณ์ 36. ระดมความคดิ จากเดก็ โดยต้งั คำถามสนทนากบั เดก็ และจดบันทกึ ไวเ้ พอื่ นำมาเขยี นแผนการจดั ประสบการณ์ 37. วางแผนการจัดกจิ กรรมไดเ้ หมาะสมกับกิจกรรม ประจำวนั 38. แยกกจิ กรรมตามพัฒนาการของเด็กมาแตล่ ะดา้ น เพอื่ ใหท้ ราบวา่ กจิ กรรมที่จดั ครอบคลุมพัฒนาการทกุ ด้าน 39. การจดั กจิ กรรมตามตาราง เรียงลำดบั ก่อนหลัง 40. เลอื กตารางมาทำแผนการจัดประสบการณแ์ ละ ปรับปรงุ ตามความเหมาะสม รวม ระดับปฏบิ ัติ
43 ด้าน 5 ด้านการจัดสภาพแวดลอ้ ม รายการประเมิน การปฏบิ ัติ ระดบั ปฏบิ ตั ิ ปฏิบัติ ไมป่ ฏบิ ัติ 5 4 3 2 1 41. จดั ให้มีทเ่ี ก็บเครื่องใชส้ ว่ นตวั ของเดก็ 42. จดั ให้มีที่เกบ็ เคร่ืองใชข้ องครู 43. จัดใหม้ ีพนื้ ทีจ่ ัดมุมประสบการณ์หรอื มมุ เล่นตาม ความเหมาะสมกบั สภาพของหอ้ งเรยี น 44. เปิดโอกาสใหเ้ ด็กมสี ่วนรว่ มในการจัดมมุ ประสบการณ์ 45. จดั ให้มีการเสรมิ สรา้ งวนิ ยั ใหก้ ับเดก็ โดยมีข้อตกลง รว่ มกับเด็ก เมอื่ เล่นเสร็จแล้วจะต้องจัดเกบ็ อปุ กรณท์ ุก อย่างเขา้ ท่ี 46. จดั ให้มีสภาพแวดลอ้ มภายในอาณาบรเิ วณรอบๆ โรงเรียน รวมทงั้ สนามเด็กเลน่ พร้อมเครอ่ื งเล่นตา่ งๆ 47. จัดให้มีท่ีตดิ ขา่ วประชาสัมพันธร์ ะหว่างโรงเรยี นกบั ผ้ปู กครอง 48. จดั ให้มีที่นง่ั เลน่ พกั ผ่อนไว้ใต้ตน้ ไมม้ ีรว่ มเงา ใชใ้ น กิจกรรมกล่มุ ย่อยๆ หรือกิจกรรมทีต่ ้องการความสงบ 49. ปลูกไมด้ อกไม้ประดับพืชผกั สวนครัวในกระบะหรอื กระถาง 50. จัดสงิ่ แวดล้อมในบริเวณโรงเรียนใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพและความต้องการของหลักสตู ร รวม ระดับปฏบิ ัติ
ดา้ น 6 ด้านบทบาทของครูปฐมวัย/ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้มสี ่วนเกีย่ วขอ้ งกบั การศึกษาปฐมวยั 44 4 รายการประเมิน การปฏบิ ัติ ระดบั ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติ ไม่ปฏบิ ัติ 5 4 3 2 1 51. การจัดกิจกรรมพฒั นาทุกด้านไปพรอ้ มกันทงั้ รา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสติปญั ญา 52. จัดกจิ กรรมที่มีความยืดหยุ่นหลากหลาย ตาม ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล 53. จดั ให้เด็กเปน็ ผู้ลงมือปฏิบตั ิกิจกรรมมสี ่วนร่วม ในการเรยี นรู้ เป็นศนู ยก์ ลางการเรยี นรู้ 54. ประเมินพัฒนาการเดก็ จากสภาพจรงิ จากผลการ กระทำของเดก็ แต่ละคน 55. เปดิ โอกาสให้ผู้ปกครองและชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มกบั โรงเรียนในการพฒั นาเด็ก 56. มีส่งิ ของเครอ่ื งใช้ สือ่ อปุ กรณ์ต่างๆ เพยี งพอ เหมาะกับวัยและความสนใจของเดก็ 57. ทำงานธุรการประจำช้ันใหถ้ กู ตอ้ งและเป็น ปจั จบุ ัน 58. แสดงพฤติกรรมปฏสิ ัมพันธท์ ด่ี ีต่อเด็กทัง้ ทาง วาจาและท่าทาง 59. ปรกึ ษาหารือกับผูป้ กครองในรูปแบบตา่ งๆ ใน การเสรมิ สร้างพฒั นาเด็ก 60. เชญิ ผู้ปกครองมาร่วมกิจกรรมกับโรงเรียน เพื่อให้มีสว่ นร่วมในการจัดประสบการณ์ให้แก่เด็กใน วันสำคัญต่างๆ รวม ระดบั ปฏิบตั ิ ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ......................................................... ...................................................................................................................................................................................... ............................. ผู้ติดตาม .........../............/...........
45 แบบนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดประสบการณ์เรยี นรู้ ระดับปฐมวัย สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 2 คำชแี้ จง 1. แบบนิเทศ ตดิ ตามผลการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ระดบั ปฐมวยั แบง่ ออกเปน็ 3 ดา้ น ดงั น้ี ดา้ นท่ี 1 ดา้ นกายภาพ คะแนนเตม็ 40 คะแนน ดา้ นที่ 2 ด้านคุณภาพการจัดประสบการณเ์ รียนรู้ คะแนนเตม็ 30 คะแนน ด้านที่ 3 ด้านคุณภาพเดก็ คะแนนเตม็ 30 คะแนน 2. เกณฑ์การประเมนิ กำหนดระดับคณุ ภาพเปน็ 5 ระดับ ระดับคณุ ภาพ 5 หมายถึง มีความครบถ้วน สมบูรณ์ มคี วามเปน็ ระบบ มีระเบยี บ ยอมรบั ได้มาก เปน็ ที่ประจักษ์ต่อการเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี ระดับคุณภาพ 4 หมายถึง มีแต่ไม่ครบถ้วนแต่มีมากกว่าครึ่งหนึ่ง สมบูรณ์ มีความเป็นระบบ มี ระเบียบ ยอมรับไดบ้ า้ ง เป็นทป่ี ระจักษ์ต่อการเปน็ แบบอยา่ งได้ ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถงึ มแี ตไ่ ม่ครบถ้วนมเี พียงครงึ่ หนึง่ มีความเป็นระบบ มรี ะเบยี บยอมรับได้ บางกรณี ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ มีแตไ่ มค่ รบถว้ นมนี ้อยกว่าครึง่ หนง่ึ ยังไม่ค่อยเปน็ ระบบระเบียบ และ ยอมรบั ไดบ้ างกรณี ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ไม่มีการปฏิบัติหรือไม่มีการดำเนินการ หรือดำเนินการแต่ยังไม่มี คุณภาพ 3. คำอธบิ าย และรายละเอยี ดการประเมนิ ในแต่ละดา้ น ด้านที่ 1 ด้านกายภาพ รายการประเมิน รายการพจิ ารณาใหค้ ะแนนระดับคณุ ภาพ 1. มคี วามสะอาดของ 1. พืน้ หอ้ งสะอาดสามารถนอนเลน่ ได้ หอ้ งเรยี นปฐมวยั 2. อุปกรณว์ ัสดุ ครุภณั ฑ์ ในหอ้ งสะอาด 3. มีมมุ สุขนิสยั เชน่ ทแ่ี ขวนผา้ เช็ดหนา้ แกว้ น้ำ แปรงสีฟนั 4. มชี ้ันวางรองเทา้ 5. มีเคร่ืองมอื และท่เี ก็บอุปกรณ์ในการทำความสะอาด เชน่ ถงั ขยะ ไม้กวาด ไมถ้ ูพ้ืน 2. มีชน้ั มีตู้ หรอื ท่ีเก็บ 1. มตี ู้/ช้ัน เก็บเครือ่ งนอน เอกสารและอปุ กรณ์ 2. มีกลอ่ ง/แฟม้ เก็บผลงานเดก็ ที่เป็นระเบยี บ 3. มชี ัน้ /ตู้ เก็บสื่ออปุ กรณ์ เรียบรอ้ ย 4. มีที่เก็บของเล่นเปน็ สัดส่วน 5. มกี ารจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
46 รายการประเมนิ รายการพจิ ารณาใหค้ ะแนนระดับคุณภาพ 3. มกี ารตกแตง่ ห้อง 1. มีป้ายสญั ลักษณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ประณตี สวยงาม เป็น 2. มขี อ้ ตกลงของห้องเรียน ระเบยี บและมขี อ้ ตกลง 3. จัดหอ้ งสวยงาม เป็นระเบียบ นา่ ดู นา่ อยู่ น่าเรียน รว่ มกนั ในหอ้ งเรียน 4. มกี ารจัดโตะ๊ คร/ู เดก็ เปน็ ระเบยี บ 5. ใชว้ ัสดุทไ่ี ม่เปน็ อันตรายต่อเดก็ 4. มีแสงสว่างเพยี งพอ 1. มีแสงสวา่ งเพียงพอ ตอ่ การจดั การเรยี นการ 2. มีอากาศถ่ายเทสะดวก สอน มีอากาศถ่ายเท 3. ไมม่ กี ลิน่ รบกวนเด็ก สะดวก ปราศจากกลนิ่ 4. ไมม่ เี สยี งรบกวนเดก็ เสียง รบกวน 5. มีบรรยากาศทเ่ี อื้อตอ่ การเรียนรู้ 5. หอ้ งมีปา้ ยนเิ ทศ 1. มีปา้ ยนิเทศใหค้ วามรทู้ ีท่ ันเหตกุ ารณ์ แสดงผลงานเด็ก ความรู้ 2. มีป้ายตามหน่วยการเรียนรู้ ท่ีทนั สมยั ทนั ตอ่ 3. มีปา้ ยนเิ ทศแสดงผลงานเด็ก เหตุการณ์ 4. มตี ารางจดั กิจกรรมประจำวนั 5. มปี ้ายสมาชิกของห้องเรยี น 6. มีสื่ออุปกรณ์เครื่อง 1. มถี ังน้ำดื่มสำหรบั เด็ก อำนวยความสะดวก 2. มีที่วดั สว่ นสงู และเครอ่ื งช่ังน้ำหนกั 3. มสี ่ือเทคโนโลยีท่ีจำเป็นและเหมาะสม 4. มหี อ้ งนำ้ แยกเป็นสัดสว่ นทเ่ี พยี งพอตอ่ เดก็ 5. มสี นามเดก็ เล่นเป็นสัดสว่ นที่เพียงพอต่อเด็ก 7. มผี ลงานเดก็ 1. มกี ลอ่ ง/แฟม้ เก็บผลงานเด็กเป็นรายบคุ คล 2. มตี /ู้ ชน้ั เก็บช้ินงาน เชน่ งานประดิษฐ์ 3. มีแผน่ ปา้ ยแสดงผลงาน 4. ผลงานเดก็ ได้รับการประเมิน 5. ผลงานเดก็ มคี วามหลากหลาย 8. มีมมุ ประสบการณท์ ี่ 1. มมี มุ ประสบการณอ์ ย่างน้อย 4 มมุ เออื้ ตอ่ การเรียนรู้ 2. เด็กได้ใช้ส่ือตา่ งๆ อย่างคมุ้ ค่า 3. มีสื่อตามมุมทเ่ี พยี งพอต่อเด็ก 4. จัดเกบ็ สื่อเป็นสัดส่วนและเปน็ ระเบยี บ 5. สอื่ มคี วามปลอดภยั และเหมาะสมกับพฒั นาการของเด็ก
47 ด้านที่ 2 ดา้ นคุณภาพการจดั การเรียนรู้ รายการประเมิน รายการพิจารณาใหค้ ะแนนระดับคณุ ภาพ 1. มขี อ้ มูลแสดงผลการ 1. มีบนั ทกึ ขอ้ มูลแสดงผลพฒั นาการด้านร่างกาย พัฒนาการท้งั 4 ดา้ น 2. มีบันทกึ ข้อมูลแสดงผลการพัฒนาการดา้ นอารมณ์ – จิตใจ ของเดก็ 3. มบี นั ทึกข้อมูลแสดงผลพัฒนาการด้านสังคม 4. มบี ันทึกข้อมลู แสดงผลพฒั นาการด้านสติปญั ญา 5. มบี นั ทึกผลการพฒั นาการท้ัง 4 ด้าน ครบถว้ นสมบรู ณแ์ ละเปน็ ปัจจบุ ัน 2.มรี ะบบขอ้ มลู 1. มที ะเบยี นการบันทกึ ข้อมูลสุขภาพ สารสนเทศ และมกี าร 2. มสี มุดรายงานประจำตัวเด็กบันทกึ เป็นปจั จบุ นั รายงานผปู้ กครองเป็น 3. มสี มดุ ประจำชั้นบนั ทกึ เป็นปจั จบุ นั (อบ.2) ปัจจบุ ัน 4. มเี อกสารค้นคว้าเกี่ยวกบั การพัฒนาการของเดก็ 5. มกี ารรายงานข้อมลู สารสนเทศเปน็ ปัจจบุ นั 3. มกี ารศึกษาเด็กเป็น 1. มกี ารบันทกึ ข้อมลู เดก็ เปน็ รายบคุ คล รายกรณ/ี วจิ ยั ในชั้น 2. มกี ารศึกษาเดก็ เป็นรายกรณี เรียน เพ่อื การสง่ เสรมิ 3. มีบันทกึ การเยยี่ มบา้ น และช่วยเหลอื 4. มีการสนับสนุนช่วยเหลอื เด็ก 5. มีการวจิ ัยในชั้นเรียน 4. ครมู แี ผนการจดั 1. ครูมกี ารวเิ คราะหห์ ลักสตู รและหนว่ ยการเรียนรู้ ประสบการณ์ครบตาม 2. ครูมีแผนการจัดประสบการณ์ท่เี ป็นปจั จบุ นั หน่วยการเรียนรู้ และมี 3. มกี ารประเมินแผนการจัดประสบการณโ์ ดยผู้บริหารหรือผูไ้ ดร้ บั มอบหมาย บนั ทกึ หลงั การใช้ 4. ครูมกี ารบันทกึ และการประเมนิ แผนหลงั สอน แผนการจดั 5. ครูมีการนำผลหลงั สอนไปปรับปรุงและพฒั นา ประสบการณ์ 5. มสี ่อื การสอนท่ี 1. มีสื่อการสอนที่หลากหลาย หลากหลาย เด็กมสี ว่ น 2. มสี ื่อการสอนทเี่ หมาะกบั การพฒั นาการของเด็ก ร่วมในการจัดกจิ กรรม 3. เด็กมีสว่ นรว่ มในการผลิตส่อื การเรียนรู้ 4. เด็กใช้สอื่ อยา่ งคุ้มคา่ 5. ผลิตสอื่ จากวสั ดธุ รรมชาติ หรือวัสดุเหลือใช้ 6. มีการประชมุ และ 1. มีการประชุมอย่างนอ้ ย ปีละ 2 ครง้ั ประสานความร่วมมือ 2. สง่ ผลงานใหผ้ ูป้ กครองทราบอยา่ งน้อยภาคเรยี นละ 1 คร้งั กับผปู้ กครองในการ 3. มีโครงการหรือกจิ กรรมใหผ้ ปู้ กครองมาประสานงานกับโรงเรียน พฒั นาเดก็ ปฐมวัย 4. มีกจิ กรรมแจง้ ขา่ วสารของโรงเรยี นถึงผปู้ กครอง 5. สง่ สมดุ รายงานประจำตวั เด็กใหผ้ ปู้ กครองทราบ
Search