Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พัฒนาการของที่พักแรมและการเกิดโรงแรม

พัฒนาการของที่พักแรมและการเกิดโรงแรม

Published by hngshein, 2018-05-03 00:53:28

Description: พัฒนาการของที่พักแรมและการเกิดโรงแรม

Search

Read the Text Version

พฒั นาการของท่พี ักแรมและการเกดิ โรงแรม นนั ทธ์ ิรา หงษเ์ หิน วทิ ยาลยั การอาชีพขอนแก่น

พฒั นาการของทพี่ กั แรมและการเกดิ โรงแรม การเดินทางเพื่อวตั ถุประสงคใ์ นทางดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง การศาสนา และการแสวงหาความเพลิดเพลิน หรือวตั ถุประสงคป์ ลีกยอ่ ยอื่นๆ นอกจากกล่าวมาแลว้ ไดเ้ กิดข้ึนต้งั แต่สมยั โบราณการเดินทางนอกจากตอ้ งการ การขนส่ง อาหารและเคร่ืองดื่ม ความปลอดภยั ความสะดวกสบายในการเดินทาง องคป์ ระกอบอยา่ งหน่ึงซ่ึงขาดไม่ไดใ้ นการเดินทาง คือ ท่ีพกั แรม (Accommodations)ที่พกั แรมในการเดินทางหรือโรงแรม (Hotels) ซ่ึงมีลกั ษณะแตกต่างกนั ออกไป เพื่อให้สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องผเู้ ดินทาง ท่ีพกั แรมหรือโรงแรมเป็นองคป์ ระกอบอยา่ งหน่ึงของการเดินทางมาต้งั แต่สมยั โบราณ ท่ีพกั แรมบางประเภท อาจเป็ นที่พกั ชวั่ คราวระหว่างการเดินทาง บา้ นญาติ วดัหรือโรงแรมที่สร้างข้ึนเพื่อวตั ถุประสงคใ์ นทางดา้ นเศรษฐกิจเป็นเป้าหมายหลกั ในปัจจุบนั การเดินทางเพ่ือการประกอบอาชีพ และการท่องเที่ยวขยายตวั ข้ึน เพราะความเจริญกา้ วหนา้ ทางดา้ นเศรษฐกิจ ซ่ึงมีความจาเป็ นตอ้ งติดต่อธุรกิจโยงใยกนั ทวั่ โลก และการพฒั นาดา้ นเทคโนโลยีเก่ียวกบั การขนส่ง จึงทาให้การเดินทางกระทาไดร้ วดเร็ว ปลอดภยั สะดวกสบายมากข้ึนกว่าเดิม การเดินทางเพื่อการท่องเท่ียวก็ไดข้ ยายตวั ข้ึนอย่างมากเนื่องจากการพฒั นาของระบบการขนส่ง ระบบธุรกิจในปัจจุบัน มีวนั หยุดมากข้ึน และความตอ้ งการพกั ผ่อนหย่อนใจเหตุผลดงั กล่าวแลว้ จึงไดเ้ กิดการสร้างที่พกั แรมหลายประเภทเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคซ่ึงหลากหลาย ไปตามความสัมพนั ธ์ระหว่างที่ประเภทของที่พกั แรมกับการเดินทางโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การเดินทางเพ่อื การท่องเที่ยวประวตั ขิ องทพ่ี กั แรม การเดินทางจากบา้ นไปยงั สถานท่ีอื่นๆ ถา้ ระยะทางไกลกจ็ าเป็นตอ้ งหยดุ พกั คา้ งคืน การพกัแรมในระยะแรกเร่ิมของการเดินทาง ก็คงพกั แรมในบริเวณพ้ืนท่ีเดินทางผ่านบา้ นญาติ วดั หรือสถานท่ีอ่ืนๆ ซ่ึงคิดว่าปลอดภยั เม่ือเส้นทางใดมีการเดินทางผ่านมากข้ึนและเหมาะสมเป็ นจุดแวะพกั หรือเป็ นเมืองซ่ึงมีส่ิงอานวยความสะดวกในดา้ นการอาหารและความจาเป็ นอ่ืนๆ หรือเมืองใดเป็ นจุดหมายของการเดินทาง สถานท่ีดงั กล่าวก็ไดจ้ ดั สร้างที่พกั แรมสาหรับนักเดินทางข้ึน เพ่ือผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่พกั แรมดงั กล่าวแลว้ ก็คือ โรงแรมสาหรับคนเดินทาง ในโรงแรมมิไดจ้ ดั ที่พกั ให้กบั คนเดินทางอยา่ งเดียว แต่ตอ้ งจดั อาหาร เครื่องดื่ม หรือบริการอื่นๆ ให้แก่ คนเดินทางเพื่ออานวยความสะดวกสบาย และความเพลิดเพลิน

โดยความหมายของโรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2478 มาตรา3 จึงให้ความหมายว่า “โรงแรม หมายถึง บรรดาสถานท่ีทุกชนิดที่จัดต้ังข้ึนเพื่อรับสินจา้ งสาหรับคนเดินทางหรือบุคคลท่ีจะหาท่ีอยู่หรือท่ีพกั ชวั่ คราว” (พระราชบญั ญตั ิโรงแรม พ.ศ. 2478 มาตรา 3)จากความหมายดงั กล่าวแลว้ โรงแรมจึงหมายถึงสถานท่ีทุกประเภทอาจเรียกชื่อวา่ โรงแรม หรือไม่เรียกชื่อโรงแรม เช่น อาจเรียกว่า รีสอร์ท (Resorts) หรือบา้ นพกั ตากอากาศ แต่จดั บริการเพ่ือเรียกเก็บค่าเช่า และอาจจดั บริการอื่นๆ ประกอบดว้ ย เช่น บริการดา้ นอาหารและเครื่องด่ืม การซักรีดการขายสินคา้ ท่ีระลึก ฯลฯ ก็เป็ นลกั ษณะของโรงแรมท้งั สิ้น และความหมายของโรงแรมในสากลก็มีลักษณะคล้ายกับโรงแรมในความหมายของไทย แต่ได้ยกตัวอย่างการบริการประกอบความหมายชดั เจนกว่า เช่น ไดใ้ ห้ความหมายว่า โรงแรม คือ สถานประกอบการท่ีผใู้ ห้บริการตอ้ งจดั ให้มีบริการดา้ นอาหาร เคร่ืองดื่ม และที่พกั ไวบ้ ริการแก่นักเดินทางท่ีตอ้ งจ่ายค่าบริการ หรือโรงแรม คือ สถานท่ีซ่ึงจดั บริการดา้ นท่ีพกั อาศยั และสิ่งอานวยความสะดวกให้แก่นักเดินทาง(Bhatia, 1983 : 240) ดงั น้นั โรงแรมจึงเกิดข้ึนเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของการเดินทาง ในดา้ นการพกั ผ่อนและความสะดวกสบายต่างๆ ในดา้ นการเดินทาง ประวตั ิศาสตร์ของโรงแรม คงเกิดข้ึนไม่ต่ากว่า2,000 ปี ล่วงมาแลว้ เพราะในสมัยอาณาจกั รโรมัน (700 B.C. – ค.ศ. 500) ก็มีท่ีพกั แรมประเภทโรงแรมสาหรับคนเดินทาง แต่หลงั จากอาณาจกั รโรมนั ตะวนั ตกแตกสลายสภาพทางการเมืองขาดความมั่นคง บ้านเมืองแตกแยกออกเป็ นอาณาจักรเล็กๆ ขาดการติดต่อค้าขายซ่ึงกันและกันนอกจากน้ี โจรผู้ร้ายก็ชุกชุม จึงทาให้การเดินทางหยุดชะงัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างคริสตศ์ ตวรรษที่ 6 – 10 เน่ืองจากเหตุผลดงั กล่าวแลว้ จึงส่งผลให้ธุรกิจการโรงแรมหยุดชะงกั การขยายกิจการตามสภาพของระบบการเมืองและเศรษฐกิจ ระหว่างคริสตศ์ ตวรรษที่ 8 – 13 การเดินทางเพื่อประกอบกิจการทางดา้ นศาสนาไดเ้ ร่ิมมีมากข้ึน ทางฝ่ ายศาสนาจะจดั วดั เป็ นศูนยก์ ลางท่ีพกั (Religious Centers) ของผูจ้ าริกแสวงบุญการบริการดงั กล่าวแลว้ ไม่ตอ้ งเสียค่าใชจ้ ่าย ช่วงสงครามครูเสด (ค.ศ. 1029 - 1270) ซ่ึงเป็ นสงครามระหว่างศาสนาคริสต์กบั อิสลามชาวคริสต์ในยุโรป ได้เดินทางไปร่วมทาสงครามครูเสด ส่งผลกระทบให้วดั ในคริสต์ศาสนาจดั สร้างท่ีพกั ไวบ้ ริการแก่ชาวคริสต์ ผูไ้ ปร่วมสงครามมากยิ่งข้ึน นอกจากน้ี สงครามครูเสด ยงัส่งผลให้นครรัฐต่างๆ ของประเทศอิตาลี เช่น เวนิส (Venice) ฟรอเรนซ์ (Florence) กลายเป็ นศูนยก์ ลางการคา้ และการเดินทาง จากยุโรปสู่เอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้ ซ่ึงเป็ นดินแดนของการทาสงครามระหว่างศาสนา เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการในการพกั แรม ตามเมืองฟรอเรนซ์ไดจ้ ดั สร้างท่ีพกั สาหรับนักเดินทาง ในปี ค.ศ. 1290 มีจานวนท่ีพกั ดงั กล่าวแลว้ จานวน 86 หลงั (ปรีชา แดงโรจน์, 2525 : 7) สาหรับในประเทศฝร่ังเศส ก็มีท่ีพกั ของนักเดินทางเช่นเดียวกนั ในปี ค.ศ. 1254

กฎหมายฝร่ังเศสได้กาหนดไวว้ ่า ผูเ้ ดินทางจะต้องพักในโรงแรมเท่าน้ัน และในปี ค.ศ. 1315กฎหมายยงั กาหนดไวว้ ่า ผูเ้ ดินทางจะตอ้ งพกั ในโรงแรมเท่าน้ัน และในปี ค.ศ. 1315 กฎหมายยงักาหนดไวว้ า่ ถา้ ผพู้ กั เสียชีวิตในโรงแรม เจา้ ของตอ้ งใชเ้ งินมีมูลค่า 3 เท่าของมูลค่าท่ีผพู้ กั พาติดตวั มา(จาลอง ทองดี, 2526 : 7) จากกฎหมายดังกล่าวแลว้ แสดงให้เห็นว่า มีที่พกั สาหรับบริการแก่นักเดินทาง และเกิดความไม่ปลอดภยั แก่ชีวติ และทรัพยส์ ิน จึงไดต้ รากฎหมายดงั กล่าวข้ึน ภาพท่ี xxx ภาพเมืองฟลอเรนซ์ซ่ึงกลายเป็นศูนยก์ ลางการคา้ ในยคุ กลาง ตอนปลายสมัยกลาง ต้ังแต่คริสต์ศตวรรษท่ี 14 และ 15 เป็ นต้นมา ได้เกิดการค้าขายระหวา่ งเมือง และเมืองต่างๆ ไดข้ ยายตวั ในดา้ นเศรษฐกิจอีกคร้ังหน่ึง การขยายตวั ทางดา้ นเศรษฐกิจดงั กล่าวแลว้ ทาให้ ธุรกิจทางดา้ นท่ีพกั แรม ขยายกิจการตามไปดว้ ย ดงั น้นั ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 15 ได้มีโรงแรม (Inns หรือ Taverns) ในเมืองต่างๆ แพร่หลายในยโุ รป ในปี ค.ศ. 1576 ประเทศองั กฤษมีโรงแรมบริการประมาณ 6,000 โรงแรม (Bhatia, 1983 : 236) โรงแรมประเภทน้ีต้งั อยบู่ ริเวณริมทางรถมา้ จดั ท่ีพกั ใหท้ ้งั คนและมา้ นอกจากเป็นท่ีพกั แรมของคนเดินทาง สถานที่ดงั กล่าวแลว้ ยงั เป็ นที่พบปะสงั สรรคข์ องขนุ นาง นกั การเมือง พระและบุคคลในทอ้ งถิ่น โรงแรมไดข้ ยายตวั อยา่ งต่อเน่ืองต้งั แต่คริสตศ์ ตวรรษท่ี 18 จนพฒั นาเป็ นโรงแรมมาตรฐานซ่ึงเป็ นตน้ แบบของโรงแรมปัจจุบนั ในปลายคริสตศ์ ตวรรษที่ 19 (Gray and Liquori, 1994 : 3 -5) ภาพท่ี xxx ภาพโรงแรมที่มีใตถ้ ุนไวส้ าหรับเล้ียงมา้

ภาพท่ี xxx ลกั ษณะโรงแรมประเภท inn ภาพที่ xxx ลกั ษณะโรงแรมประเภท Tarven และกิจกรรมภายใน Tarven

ในอเมริกา หลงั จากไดม้ ีชาวองั กฤษและทางชาติยโุ รปชาติอ่ืนๆ อพยพเขา้ ไปอยใู่ นอเมริกาต้งั แต่คริสตศ์ ตวรรษท่ี 16 ก็ทาให้เกิดท่ีพกั หรือโรงแรม ในบริเวณทางดา้ นฝ่ังตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบนั โรงแรมในอเมริกาเกิดข้ึนตามบริเวณเมืองท่าชายฝั่งทะเลหรือแม่น้า แต่โรงแรมในองั กฤษเกิดข้ึนตามแนวเส้นทางรถมา้ โรงแรมไดพ้ ฒั นาตามความเจริญของประเทศอยา่ งต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 1794 โรงแรม ซิตต้ี (City Hotel) ในนครนิวยอร์ค (New York) เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ท่ีสุดมีห้องพกั 70 ห้อง ในปี ค.ศ. 1829 ในเมือง บอสตัน (Boston) ได้สร้างโรงแรมขนาดใหญ่ มีหอ้ งพกั ถึง 170 ห้อง หลงั จากน้นั โรงแรมไดพ้ ฒั นาอยา่ งต่อเนื่อง จนกระทงั่ ปีค.ศ. 1907 เอลส์เวิร์ส เอ็ม สเตทเลอร์ (Elsworth M. Statler) ไดส้ ร้างโรงแรมบฟั ฟาโล สเตทเลอร์(Buffalo Statler) มีห้องพกั ท้ังหมด 300 ห้อง แต่ละห้องมีห้องน้าส่วนตัว สเตทเลอร์ยงั ได้ขยายกิจการของโรงแรมออกไปยงั เมืองต่างๆ และเป็ นแนวความคิดของการจดั ต้งั โรงแรมเครือข่าย(Chain Hotel) ในปัจจุบนั (Gray and Liquori, 1994 : 5 - 6) ภาพที่ xxx ภาพโรงแรม PLIMHIMMON HOTEL ในช่วงปี ค.ศ.1884-1940 ภาพท่ี xxx ภาพโรงแรมบฟั ฟาโล สเตทเลอร์ ในปี ค.ศ.1907

องคป์ ระกอบที่สาคญั ทาให้ธุรกิจการโรงแรมขยายตวั คือ การขยายตวั ทางเศรษฐกิจของยโุ รป ต้งั แต่คริสตศ์ ตวรรษท่ี 18 ผนวกกบั ความเขม้ แขง็ ทางดา้ นการเมืองและความกา้ วหนา้ ในการพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในคริสตศ์ ตวรรษที่ 19 ไดม้ ีการพฒั นาเทคโนโลยดี า้ นการขนส่งท้งั ทางน้าและทางบก ไดป้ ระดิษฐเ์ รือกลไฟ และรถไฟในการขนส่งสินคา้ และผโู้ ดยสาร สิ่งเหล่าน้ีลว้ นส่งเสริมให้เกิดการขยายตวั ในเร่ืองการเดินทางและส่งผลในธุรกิจโรงแรมไดพ้ ฒั นามากยง่ิ ข้ึนหลงั จากไดม้ ีการพฒั นาการขนส่งทางอากาศในตน้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี 20 จนกระทงั่ มีความปลอดภยัในการขนส่งผูโ้ ดยสารและสินคา้ จึงทาให้การจนส่งทางอากาศมีบทบาทท่ีสาคญั ในการเดินทางระหว่างประเทศ หรือการเดินทางระยะไกล การขนส่งผโู้ ดยสารท่ีปลอดภยั รวดเร็ว สะดวกสบายและการพฒั นาเทคโนโลยขี องระบบการขนส่งทางอากาศใหเ้ จริญกา้ วหนา้ ข้ึนต้งั แต่ทศวรรษท่ี 1960เป็ นตน้ มา ลว้ นส่งผลให้เกิดการขยายตวั ทางดา้ นการเดินทางเพื่อประกอบธุรกิจและการท่องเท่ียวย่อมส่งผลให้เกิดการขยายตวั ทางดา้ นที่พกั แรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อสนองความตอ้ งการของนักเดินทางซ่ึงมีวตั ถุประสงคท์ ่ีแตกต่างกนัประเภทของทีพ่ กั แรม การจดั แบ่งประเภทของท่ีพกั แรม หรือโรงแรมแตกต่างกนั ออกไปตามวตั ถุประสงคใ์ นการจดั ประเภทซ่ึงอาจข้ึนอยู่กบั ทาเลที่ต้งั การเขา้ พกั อาศยั ของแขก การบริหารงาน การจดั บริการแก่แขก หรือข้ึนอยกู่ บั องคป์ ระกอบอื่นๆ ดงั น้นั การจดั แบ่งประเภทของท่ีพกั แรมจึงไม่มีขอ้ ยตุ ิแน่นอนแต่แตกต่างกนั ออกไปตามวตั ถุประสงคด์ งั กล่าวแลว้ ซ่ึงยกตวั อยา่ งไดด้ งั น้ี เฮนคิน (Henkin, 1979 : 3 - 4) ไดจ้ ดั แบ่งโรงแรมออกเป็น 3 ประเภท 1. โรงแรมเพ่ือการพาณิชย์ หรือโรงแรมแขกพักไม่ประจา (Commercial or TransientHotels) โรงแรมประเภทน้ีมีมากกวา่ ประเภทอื่นๆ ทาเลท่ีต้งั อยใู่ นเมือง ท้งั น้ีเพอ่ื ความสะดวกในการติดต่อธุรกิจ แขกซ่ึงพกั ในโรงแรมดงั กล่าวแลว้ เป็ นนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว ที่มีวตั ถุประสงคพ์ กัชวั่ คราวเพื่อติดต่อธุรกิจ หรือการท่องเท่ียว มิไดม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พื่อเช่าอยูเ่ ป็ นที่พกั ประจาสาหรับการประกอบธุรกิจ หรือที่อยอู่ าศยั โรงแรมเพื่อการพาณิชย์ หรือโรงแรมแขกพกั ไม่ประจาดงั กล่าวแลว้ จะจดั บริการความสะดวกสบายต่างๆ แก่แขกอยา่ งพร้อมเพรียง เช่น หอ้ งอาหาร สถานที่บริการดา้ นธุรกิจ เช่น การส่งจดหมาย โทรเลข หรือระบบการสื่อสารอ่ืนๆ สถานที่พกั ผ่อนหยอ่ นใจและการออกกาลงั กาย เช่น สระว่ายน้า สนามเทนนิส ฯลฯ องคป์ ระกอบดงั กล่าวแลว้ ตอ้ งจดั บริการให้แขกเพื่อตอบสนองวตั ถุประสงค์ในการติดต่อธุรกิจ และการพกั ผ่อนอย่างพอเพียง เพ่ือให้การบริการเกิดความประทบั ใจ 2. โรงแรมแขกพกั ประจา (Residential Hotels) โรงแรมประเภทน้ีมีวตั ถุประสงคใ์ นการให้แขกเช่าพกั อาศยั อยปู่ ระจา มีการจดั ห้องอาหารบริการแก่แขกและลูกคา้ ทว่ั ไป ทาเลท่ีต้งั โดยปกติ

แลว้ อยู่ในบริเวณชานเมืองเพ่ือเหมาะแก่การเป็ นท่ีพกั อาศยั แต่ก็มีบางโรงแรมต้งั อยู่ใกลย้ ่าธุรกิจท้งั น้ีเพื่ออานวยความสะดวกแก่แขกในการติดต่อการงาน 3. โรงแรมรี สอร์ท (Resorts Hotel) โรงแรมประเภทน้ีต้ังอยู่ในบริ เวณที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เช่น ชายทะเล หรือบริเวณภูเขา ท้งั น้ีเพ่ือให้แขกไดพ้ กั ผอ่ น สามารถสัมผสั กบั ธรรมชาติไดอ้ ย่างแทจ้ ริง โรงแรมตอ้ งจดั บริการต่างๆ เช่น ห้องอาหาร การซักรีด การติดต่อส่ือสาร หรือบริการอื่นๆ เหมือนโรงแรมทวั่ ไป แต่ตอ้ งเนน้ บริการทางดา้ นการกีฬา และนนั ทนาการแก่แขกให้มากกว่าโรงแรมทวั่ ไป ดงั น้ันโรงแรมรีสอร์ท ตอ้ งจดั สร้างสระว่ายน้า สนามเทนนิส สนามข่ีมา้ตลอดจนกิจกรรมในการบนั เทิงอ่ืนๆ ให้กบั แขกผูม้ าพกั ซ่ึงมีวตั ถุประสงคใ์ นดา้ นการพกั ผ่อนเป็ นหลัก ในปัจจุบันโรงแรมรีสอร์ทนอกจากมีวตั ถุประสงค์เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจแล้ว การตอบสนองลูกคา้ เพื่อการเพื่อการประชุม สัมมนา การจดั นาเท่ียวแบบให้รางวลั (Incentive Tour)เพ่ิมปริมาณมากข้ึน โดยเฉพาะอย่างย่ิง การใชส้ ถานท่ีดงั กล่าวแลว้ นอกฤดูกาลท่องเที่ยว เพราะสามารถลดคา่ บริการไดต้ ่ากวา่ ฤดูกาลท่องเท่ียว ภาพที่ xxx ภาพโรงแรมประเภทรีสอร์ท สาหรับท่ีพกั ประเภทอ่ืนๆ ซ่ึงจดั ข้ึนเพื่อบริการแขกนอกจาก 3 ประเภทดงั กล่าวแลว้ ไดแ้ ก่โมเตล (Motels) มอร์เตอร์โฮเตล (Motor Hotels) บา้ นแบ่งเช่า (Rooming Houses) แคมป์ พกั แรม(Tourist Camps) และบา้ นพกั นกั ท่องเท่ียว (Tourist Houses) (Henkin, 1978 : 5) โดยแลททิน (Lattin, 1968 : 50 - 51) ไดใ้ ห้ความหมายของโมเตล และมอร์เตอร์โฮเตล มีลกั ษณะเหมือนโรงแรมทว่ั ไป วตั ถุประสงคเ์ ดิมในการสร้างที่พกั ดงั กล่าวแลว้ เพ่ือตอบสนองคนเดินทางโดยรถยนต์จะไดม้ ีที่พกั ตามแนวถนนซ่ึงเช่ือมระหว่างมลรัฐของสหรัฐอเมริกา โรงแรมประเภทน้ีจึงจดั ท่ีพกั สาหรับคนและบริการต่างๆ เกี่ยวกบั รถยนต์ เพื่ออานวยความสะดวกในการเดินทาง ในปัจจุบนั วตั ถุประสงคใ์ นการจดั สร้างโมเตลเปล่ียนแปลงไป โมเตลเป็นท่ีพกั หรือโรงแรมขนาดใหญ่ท่ีต้งั อยทู่ ้งั ในตวั เมือง ยา่ นธุรกิจ หรือริมถนน ท้งั น้ีเพือ่ ตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ท่ีกวา้ งขวางข้ึนกวา่ เดิม และใกลเ้ คียงกบั โรงแรมทวั่ ไปมากยง่ิ ข้ึน

จากการแบ่งโรงแรมออกเป็ น ประเภทต่างๆ ดงั กล่าวแลว้ นกั บริหารดา้ นการโรงแรมบางคนได้แบ่งโรงแรมตามลกั ษณะการเขา้ พกั ชั่วคราว หรือระยะเวลานานออกเป็ น 2 ประเภท คือโรงแรมท่ีแขกพักชั่วคราว (Transient Hotel) และโรงแรมแขกพักประจาหรือระยะเวลานาน(Residential Hotel) สาหรับ โรงแรมที่เรียกช่ืออย่างอื่นก็จดั อยู่ในลกั ษณะของ 2 ประเภทดงั กล่าวแลว้ (Gray and Liguori, 1994 : 10 - 11) นอกจากน้ี ยงั มีแบ่งโรงแรมตามสถานท่ีต้งั (Location) โดยแบ่งออกเป็นโรงแรมในเมืองเลก็ ๆ (Small Cities) โรงแรมในเมืองใหญ่ (Large Cities) โรงแรมตากอากาศ (Resorts) และโรงแรมสนามบิน (Airports) อีกเช่นกนั (Gray and Liguori, 1994 : 11 - 16) สตีดมอนและคาซาวานา (Steadmon and Kasavana, 1988 : 4 - 18) ไดจ้ ดั แบ่งประเภทของโรงแรม โดยยึดพ้ืนฐานทางดา้ นขนาดของโรงแรม เป้าหมายการตลาด ระดบั ของการบริหารและการเป็นเจา้ ของหรือการเป็นสมาชิกขององคก์ รในการบริหารโรงแรมไวด้ งั น้ี 1. การแบ่งตามขนาดโรงแรม (Hotel Size) การแบ่งตามขนาดของโรงแรม สามารถนบั ได้จากจานวนหอ้ งพกั ซ่ึงมาสามารถแยกไดเ้ ป็น 4 ขนาด คือ - หอ้ งพกั ท่ีมีจานวนต่ากวา่ 150 หอ้ ง - หอ้ งพกั ระหวา่ ง 150 – 299 หอ้ ง - หอ้ งพกั ระหวา่ ง 300 – 599 หอ้ ง - หอ้ งพกั ระหวา่ ง 600 หอ้ งข้ึนไป สาหรับการบริการต่างๆ ก็เหมือนกบั โรงแรมทว่ั ไป แต่อาจจะมากน้อยแตกต่างกนั ข้ึนอยู่กบั ขนาดของโรงแรม 2. การแบ่งตามเป้าหมายดา้ นการตลาด (Hotel Target Markets) เป้าหมายดา้ นการตลาดของโรงแรมมีหลายประเภท แต่ท่ีสาคญั อาจแบ่งไดด้ งั น้ี 2.1 โรงแรมเพ่ือการพาณิชย์ (Commercial Hotels) ลกั ษณะการบริการและการอานวยความสะดวกสบายต่างๆ ไดก้ ล่าวมาแลว้ ในตอนตน้ 2.2 โรงแรมสนามบิน (Airport Hotels) โรงแรมประเภทน้ีต้ังอยู่ติดกับบริเวณสนามบิน เป้าหมายของลูกคา้ คือ นกั เดินทางที่ตอ้ งการพกั เพ่ือเปล่ียนเคร่ืองบินหรื อผโู้ ดยสารที่ถูกยกเลิกเที่ยวบิน และรวมท้งั พนกั งานของสายการบินซ่ึงตอ้ งการท่ีพกั ใกลส้ นามบิน ภาพท่ี xxx ภาพโรงแรมโนโวเทล (สุวรรณภูมิแอร์พอร์ท)

2.3 โรงแรมห้องชุด (Suite Hotels) โรงแรมห้องชุดเป็ นโรงแรมท่ีหรูหราและอานวยความสะดวกสบายแก่แขกเป็นอยา่ งยง่ิ เพราะไดจ้ ดั หอ้ งพกั หอ้ งรับแขก แยกออกจากกนั บางโรงแรมอาจจดั ห้องครัว บาร์เครื่องดื่ม ตูเ้ ยน็ เพื่อเตรียมอาหารว่างไวส้ าหรับแขก นอกจากน้ียงั มีห้องประชุมขนาดเล็กไม่เกิน 10 คน จดั ไวบ้ ริการแขกควบคู่กบั ห้องพกั เนื่องจากโรงแรมห้องชุดอานวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่แขกมากมายดงั กล่าวแลว้ ราคาค่าบริการจึงค่อนขา้ งสูง แต่แขกประเภทนกั ธุรกิจ หรือบุคคลช้นั สูงในสังคมกน็ ิยมพกั ในโรงแรมประเภทน้ี เพราะมีส่ิงอานวยความสะดวกสบายต่างๆ อยา่ งครบถว้ น ภาพท่ี xxx ภาพตวั อยา่ งโรงแรมหอ้ งชุด 2.4 โรงแรมแขกพกั ประจา (Residential Hotels) มีลกั ษณะเหมือนกบั โรงแรมแขกพกั ประจาซ่ึงอธิบายมาแลว้ 2.5 โรงแรมรีสอร์ท (Resort Hotels) โรงแรมประเภทน้ีไดอ้ ธิบายมาแลว้ 2.6 โรงแรมซ่ึงจดั ห้องพกั และอาหารเชา้ (Bed and Breakfast) โรงแรมประเภทน้ีบางทีเรียกว่า “บี แอนด์ บีส์” (B and Bs) ท้งั น้ีเพราะคิดค่าบริการควบคู่กบั อาหารเชา้ ลกั ษณะของโรงแรมมีขนาดเล็ก ประมาณ 20 – 30 ห้อง การบริการและส่ิงอานวยความสะดวกนอ้ ยกว่าโรงแรมเพอ่ื การพาณิชย์ 2.7 โรงแรมคอนโดมิเนียม (Condominium Hotel) โรงแรมประกอบดว้ ยห้องชุดซ่ึงมีหอ้ งนอน หอ้ งน้า หอ้ งรับแขก หอ้ งอาหารและหอ้ งครัว เจา้ ของห้องชุดมิไดพ้ กั ประจาในท่ีพกัดงั กล่าวแลว้ จึงได้มอบหมายให้หน่วยธุรกิจจดั การให้บุคคลอ่ืนแบ่งเช่าพกั อาศยั ชั่วคราวแบบโรงแรมท่ัวไป เป็ นการแบ่งเวลาในการพกั แรม เพื่อมิให้ที่พกั ว่างเปล่า ดังน้ันจึงเรียกโรงแรมประเภทน้ีว่า โรงแรมแบ่งเวลาเช่าพกั (Time – Share Hotels) โดยทว่ั ไปแลว้ วตั ถุประสงคใ์ นการก่อสร้างโรงแรมดังกล่าวแล้ว ก็เพื่อการพักผ่อนตากอากาศ ดังน้ันโรงแรมจึงอยู่ในเขตพ้ืนที่ชายทะเลเป็ นส่วนมาก

ภาพท่ี xxx ภาพตวั อยา่ งโรงแรมคอนโดมีเนียม 2.8 โรงแรมบ่อนการพนัน (Casino Hotels) โรงแรมบ่อการพนันจดั สร้างข้ึนเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของแขกในการเล่นการพนนั ดงั น้นั โรงแรมประเภทน้ีจึงจดั ให้มีการเล่นการพนันเกือบทุกประเภทไว้บริการแขก เพื่อความสะดวกสบายของแขก จึงได้จัดห้องพักภตั ตาคาร เพ่ือจาหน่ายอาหารและเคร่ืองดื่มให้แก่แขกตลอดเวลา 24 ชั่วโมง (Gray and Liquori,1994 : 314 - 316) ภาพท่ี xxx ตวั อยา่ งโรงแรมคาสิโน 2.9 ศูนยป์ ระชุม (Conference Centers) ศูนยป์ ระชุมมีเป้าหมายในการรับแขกเพ่ือการประชุมสัมมนาโดยเฉพาะ ดงั น้ันตอ้ งจดั ห้องประชุม และสิ่งอานวยความสะดวกต่างๆ ในการประชุมอย่างพร้อมเพรียง นอกจากน้ีศูนยป์ ระชุมตอ้ งจดั ที่พกั อาหาร และเคร่ืองดื่ม รวมท้ังส่ิงอานวยความสะดวกอ่ืนๆ เหมือนโรงแรม แต่เนน้ เป้าหมายหลกั ดา้ นการประชุม แต่ศูนยก์ ารประชุมตอ้ งจดั สถานท่ีและอุปกรณ์ต่างๆเช่นเดียวกบั โรงแรมเพื่อ ในการพกั ผ่อน และออกกาลงั กาย เช่นสระวา่ ยน้า สนามเทนนิส ฯลฯ ใหแ้ ขกเพ่อื พกั ผอ่ นหลงั จากการประชุม

3. การแบ่งตามระดับการบริการ (Levels and Service) การบริการของโรงแรมควรมีพ้นื ฐานขององคป์ ระกอบ 2 ประการ ประการแรก การไม่มีตวั ตนของงานบริการ (The Intangibility of Service) งานบริการไม่มีตวั ตน แต่สามารถให้ความพึงพอใจแก่ผูร้ ับบริการหรือแขกได้ ในเรื่องโรงแรม โรงแรมมิไดข้ ายผลผลิตที่มีตวั ตน (Tangible Products) เช่น หอ้ งสะอาด ภตั ตาคารใหญ่โต อุปกรณ์หรูหราราคาแพงฯลฯ การบริการท่ีประทบั ใจ เช่น ความสุภาพอ่อนน้อม รอยยิ้ม ความรวดเร็ว ความเอาใจใส่แขกฯลฯ ลว้ นเป็นงานบริการท่ีตอ้ งกระทาควบคู่กบั การขายผลผลิตที่มีตวั ตน ดงั น้นั การไม่มีตวั ตนของงานบริการกส็ ามารถสร้างความประทบั ใจใหแ้ ก่แขกได้ ประการท่ีสอง การประกันคุณภาพของงานบริการ (Quality Assurance) การบริการที่ถูกตอ้ งสอดคลอ้ งกบั หลกั มาตรฐานของงานบริการ เช่น มีความรวดเร็ว ถูกตอ้ งแม่นยา สุภาพอ่อนนอ้ ม ยมิ้ แยม้ แจ่มใส แต่งกายสะอาด ฯลฯ เป็ นมาตรฐานท่ีดีของงานบริการ แต่ถา้ พนกั งานมีความคงเส้นคงวาในการบริการ (The Consistent of Delivery of Services) กท็ าใหก้ ารบริการน้นั มีคุณภาพเช่ือถือไดแ้ ละสามารถมองเห็นตวั ช้ีวดั ในเร่ืองคุณภาพ เช่น ความรวดเร็ว ความถูกตอ้ ง แม่นยาพฤติกรรมของพนกั งานท่ีปฏิบตั ิต่อแขกดว้ ยจิตใจที่โอบออ้ มอารี และเตม็ ใจกระทา ส่ิงดงั กล่าวแลว้แสดงถึงการประกนั คุณภาพของการบริการ การบริการของงานโรงแรมตอ้ งกระทาต่อเนื่อง 24ชวั่ โมง หรือปี ละ 8,760 ชวั่ โมง (Nobell III, 1991 : 10 - 11) ซ่ึงแตกต่างจากงานอื่นๆ ซ่ึงมีวนั หยุดประจาสปั ดาห์ การแบ่งโรงแรมตามระดบั คุณภาพของการบริการ แบ่งได้ 3 ประเภทดงั น้ี 3.1 การบริการระดบั โลก (World – Class Service) โรงแรมประเภทน้ีมีเป้าหมายในการรับแขกระดบั บุคคลสาคญั ของประเทศ หรือบุคคลสาคญั ของโลก นักธุรกิจผูม้ ง่ั คงั่ และบุคคลผมู้ ีช่ือเสียงอ่ืนๆ ค่าบริการค่อนขา้ งสูง แต่ก็สอดคลอ้ งกบั บริการและความสะดวกสบายต่างๆท่ีแขกได้รับ ห้องพัก ห้องรับแขก ห้องอาหาร ห้องน้ า ต้องตกแต่งอย่างสวยงาม และใช้เคร่ืองประดบั ตกแต่งท่ีค่อนขา้ งหรูหรา ราคาแพง เพ่ือใหเ้ กิดความสุขสบายในการบริการ เครื่องมือส่ือสารทางดา้ นการติดต่อธุรกิจ และการบนั เทิงตอ้ งจดั เตรียมใหแ้ ขกในหอ้ งพกั สาหรับแขกบุคคลสาคญั (Very Important Person = VIP.) โรงแรมอาจตอ้ งจดั ใหม้ ีการลงทะเบียนในห้องพัก และจดั เลขานุการส่วนตวั สาหรับบริการทางด้านธุรกิจให้แก่แขกเลขานุการส่วนตวั อาจจะตอ้ งทาหนา้ ที่บริการดา้ นอาหาร เครื่องด่ืม หรือช่วยเหลือแขกดา้ นอื่นๆ ถา้โรงแรมไม่จดั พนกั งานรับใชใ้ หแ้ ก่แขก 3.2 การบริการระดบั กลาง โรงแรมประเภทน้ีมีเป้าหมายในการรับแขกทวั่ ไปท้งันกั ธุรกิจ นกั ท่องเที่ยวรายบุคคล และหมู่คณะ โรงแรมจะลดราคาใหแ้ ก่แขกประเภทขา้ ราชการ นกัการศึกษา บริษทั นาเที่ยว แขกพกั เป็นหมู่คณะ และประชาชนอาวโุ ส (Senior Citizens)

การบริการของโรงแรมอยู่ในระดบั มาตรฐาน แต่ส่ิงอานวยความสะดวกสบายต่างๆ อาจลดน้อยกว่า โรงแรมท่ีมีการบริการระดบั โลก เป้าหมายดา้ นการตลาดที่สาคญั อย่างหน่ึงของโรงแรมประเภทน้ี คือ การจดั การประชุม สมั มนา และการฝึกอบรม 3.3 การบริการระดบั ประหยดั (Economy or Limited Service) โรงแรมประเภทน้ีเก็บค่าบริการถูกกว่าโรงแรม 2 ประเภทดงั กล่าวแลว้ การบริการอยใู่ นระดบั มาตรฐาน แต่อุปกรณ์ในเร่ืองความสะดวกสบายมีนอ้ ยกวา่ โรงแรมเนน้ เกี่ยวกบั เรื่องความสะอาด ความสุขสบาย หอ้ งพกัราคาประหยดั และการจดั อุปกรณ์ข้นั พ้ืนฐานให้แก่แขกอย่างครบถว้ น แต่ไม่หรูหราหรือเป็ นวสั ดุอุปกรณ์ราคาแพง เช่น ในห้อง้า มีสบู่ ยาสระผม ผา้ เช็ดตวั ฯลฯ ในห้องนอน มีโทรศพั ท์ วิทยุ ไว้บริการแขกเพื่อให้เกิดเพลิดเพลิน งดการบริการอาหารและเคร่ืองดื่มภายในห้องพัก แขกตอ้ งรับประทานท่ีหอ้ งอาหารของโรงแรม การจดั อุปกรณ์ข้นั พ้ืนฐานสาหรับแต่ไม่หรูหรา การบริการท่ีไดม้ าตรฐาน แต่ราคาประหยดั คือ นโยบายสาคญั ของโรงแรมประเภทน้ี 4. การแบ่งตามความเป็ นเจา้ ของและการเป็ นสมาชิกในสถาบนั โรงแรม (Ownership andAffiliation) การจดั แบ่งโรงแรมในลกั ษณะน้ี สามารถแยกไดอ้ อกเป็ น 2 ประเภท คือ โรงแรมท่ีบริหารงานอย่างอิสระ (Independent Hotels) และโรงแรมเครือข่าย (Chain Hotels) ซ่ึงอธิบายได้ดงั น้ี 4.1 โรงแรมบริหารงานอยา่ งอิสระ (Independent Hotels) โรงแรมประเภทน้ี บุคคลคนเดียวหรือคณะบุคคลเป็ นเจา้ ของ การบริหารงานเป็ นอิสระ ไม่ข้ึนอยกู่ บั โรงแรมอื่นๆ จึงทาให้มีความคล่องตวั และมีอานาจในการบริหารงาน สามารถปรับทิศทางในการบริหารสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาดได้สะดวกแต่ก็มีขอ้ จากัดในด้านประสบการณ์ในการบริหารงาน การสร้างเครือขา่ ยดา้ นการตลาด และการขยายธุรกิจในอนาคต 4.2 โรงแรมเครือข่าย (Chain Hotels) โรงแรมเครือข่ายจัดแบ่งการบริหารงานออกเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี 4.2.1 การบริหารโดยบริษทั แม่ (Parent Company) โรงแรมเครือข่ายในลกั ษณะน้ี ทรัพยส์ ิน การบริหารงาน เป็นของบริษทั แม่ท้งั หมด บริษทั แม่เป็นองคก์ รกลางในการจดัวางระบบการบริหารงานในโรงแรมเครือข่ายท้งั หมดใหเ้ ป็นแนวทางเดียวกนั และใชช้ ่ือเดียวกนั ทุกสาขา ความไดเ้ ปรียบของโรงแรมประเภทน้ี ก็คือ มีทรัพยส์ ินในการลงทุนมาก บริหารงานโดยมืออาชีพท่ีมีประสบการณ์ สร้างระบบการตลาด และการส่งเสริมการขายร่วมกนั แขกสามารถจดจาได้ง่าย ขอ้ เสียคือระบบงานเป็ นแนวเดียวกนั หมด ไม่มีความหลากหลายแตกต่างกนั ตามลกั ษณะของสิ่งแวดลอ้ มในแต่ละพ้นื ท่ี 4.2.2 การบริหารโดยพนั ธสญั ญา (Management Contract) การบริหารงานในลกั ษณะน้ี เป็ นรูปแบบหน่ึงของการบริการโรงแรมแบบเครือข่าย ทรัพยส์ ินในการจดั สร้าง

โรงแรมเป็ นของบุคคลภายนอกบริษทั แม่ แต่ตอ้ งการใชร้ ะบบการบริหารงานแบบเครือข่าย ท้งั น้ีเพราะระบบเครือข่ายมีบุคลากรที่มีความสามารถ การจดั วางระบบงานที่ดี มีขอ้ ไดเ้ ปรียบในดา้ นการตลาด และการส่งเสริมการขาย นอกจากน้ีในดา้ นการเสนอโครงการกูย้ ืมเงินเพื่อสร้างโรงแรมถา้ การบริหารงานโดยผา่ นระบบเครือข่ายธนาคาร หรือองคก์ รธุรกิจดา้ นการลงทุนกอ็ นุมตั ิโครงการไดง้ ่ายข้ึน เพราะมีความมน่ั ใจในการบริหารงาน ดงั น้นั การที่ผลู้ งทุนทางดา้ นการโรงแรม ตอ้ งเสียผลประโยชน์จากรายไดส้ ่วนหน่ึงในการประกอบธุรกิจใหแ้ ก่ ผบู้ ริหารโรงแรมในระบบเครือข่าย ก็คุม้ คา่ ในการลงทุน และลดความเสี่ยงของธุรกิจ 4.2.3 การบริหารงานแบบแฟรนไชส์ (Franchise Groups) คาว่า แฟรสไชส์ หมายถึง สิทธิพิเศษที่บริษัทแม่มอบให้แก่ผูท้ ี่เขา้ ร่วมกิจการหรือเจา้ ของธุรกิจแฟรนไชส์เจา้ ของธุรกิจดังกล่าวแลว้ ไม่ใช่ผูแ้ ทนจาหน่ายและไม่ใช่พนักงาน แต่เป็ นผูบ้ ริหารงาน โดยใช้เคร่ืองหมายการคา้ สินคา้ หรือบริการ ระบบงานและขอ้ บงั คบั ต่างๆ ของบริษทั แม่เจา้ ของธุรกิจหรือบริษทั ในเครือ ตอ้ งจ่ายค่าสมาชิก ค่าลิขสิทธ์ิ ค่าสัญญา และเงินทุนประกอบการตามขอ้ ตกลง(ธานี ปิ ติสุข, 2535 : 24 - 25) ท้งั น้ีเพื่อแลกเปล่ียนกบั ขอ้ ไดเ้ ปรียบในเรื่องการบริหารงาน การใช้เคร่ืองหมายการคา้ ร่วมกนั การส่งเสริมการขาย และชื่อเสียงท่ีดีของบริษทั แม่ ระบบแฟรนไชส์ในปัจจุบนั แพร่หลายท้งั ธุรกิจบริการและการขายผลผลิตท่ีมีตวั ตน เช่น ร้านคา้ ต่างๆ ในดา้ นการโรงแรม ระบบแฟรนไชส์จะวางระบบการจดั การบริหารหน้าท่ีของบุคลากร การวางแผนพฒั นาองคก์ ร ระบบการตลาดออกแบบในการตกแต่งโรงแรม การใชว้ สั ดุอุปกรณ์ และการวางระบบงานบริการให้ไดม้ าตรฐาน เจา้ ของธุรกิจโรงแรมในระบบแฟรนไชส์มีสิทธิ และอานาจในการจดั การแต่ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ขอ้ ตกลงซ่ึงให้ไวก้ บั ระบบแฟรนไชส์ (Grayand Liquori, 1994 : 308 - 309) กล่าวโดยสรุประบบแฟรนไชส์จะใหบ้ ริการ 3 ประการ คือ ประการที่หน่ึงวางระบบการบริหาร และพฒั นาบุคลากร ประการท่ีสอง จดั วางระบบการตกแต่งร้านให้ได้มาตรฐาน และประการที่สาม ช่วยเหลือดา้ นการตลาด การจดั แบ่งประเภทของโรงแรมดงั กล่าวแลว้ ยงั ไม่มีขอ้ ตกลงสากล ดงั น้ันการจดั แบ่งประเภทจึงแตกต่างกนั ออกไปข้ึนอยูก่ บั วตั ถุประสงคข์ องผจู้ ดั ประเภทว่าใชห้ ลกั การอะไรเช่น การเขา้ พกั อาศยั ท่ีต้งั ของโรงแรม การบริการ การบริหาร ราคาหอ้ งพกั ขนาดของโรงแรม หรือหลกั การอ่ืนๆ ในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มีท่ีพกั ในฟาร์มแกะ (Farmstays) หรือที่พักในรถยนต์ (Motor Camps) ในรถยนต์จะจัดห้องพัก ห้องน้ า และห้องอาหาร ผูเ้ ช่ารถยนต์ประเภทน้ีสามารถพกั ในรถได้ นอกจากน้ียงั มีบริการที่พกั ร่วมกบั เจา้ ของบา้ น (Homestays) เจา้ ของบา้ น จดั ที่พกั อาหารม้ือเชา้ ม้ือเยน็ ใหแ้ ก่ผเู้ ช่าอาศยั (Collier and Harraway, 1997 : 52)

วธิ ีการจัดต้งั โรงแรม พ.ร.บ. โรงแรม พ.ศ. 2478 กาหนดวิธีปฏิบตั ิเกี่ยวกบั สถานบริการที่พกั ทุกชนิด ไม่ว่าจะเรียกชื่อว่า โรงแรม บงั กะโล โมเตล็ เกสทเ์ ฮาส์ ฯลฯ ใหอ้ ยใู่ นข่ายของ พ.ร.บ. น้ีท้งั สิ้น โดยเจา้ ของหรือเจา้ สานัก (ผูค้ วบคุมหรือผูจ้ ดั การโรงแรม) ตอ้ งขอจดทะเบียนอนุญาตดาเนินกิจการ ณ กองควบคุมอาคารสานกั การโยธา ถา้ โรงแรมต้งั อยใู่ นกรุงเทพฯ กองควบคุมอาคารตอ้ งตรวจสอบแบบแปลน รูปลกั ษณะ ความมน่ั คงแข็งแรงตามขอ้ บญั ญตั ิกรุงเทพมหานครเรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แลว้ เสนอความเห็นไปยงั กองทะเบียนกองบัญชาการตารวจสอบสวนกลางเพื่อพิจารณาความเหมาะสม เม่ือกองทะเบียนกรมตารวจพิจารณาให้รายละเอียดเรียบร้อยแลว้ เสนอความเห็นชอบต่อกระทรวงมหาดไทย ภายหลงั จากที่กระท รวงมห าดไท ยพิ จารณ าเห็ น ชอ บ แล้วน ายท ะเบี ยน โรงแรมกรุ งเท พ มห าน ครแจ้งผลการพิจารณาให้กรุงเทพมหานครทราบ และเมื่อไดร้ ับแจง้ ผลการพิจารณาอนุมตั ิในหลกั การจากนายทะเบียนทะโรงแรมกรุงเทพมหานครแลว้ จึงจะออกใบอนุญาตก่อสร้างหรือดดั แปลงอาคารได้ ส่วนในต่างจงั หวดั ใหย้ ื่นขอจดทะเบียนขออนุญาตดาเนินกิจการ ณ ท่ีวา่ การอาเภอทอ้ งท่ีที่เป็นสถานท่ีต้งั โรงแรม จากน้นั อาเภอกจ็ ะส่งเร่ืองไปใหค้ ณะกรรมการพิจารณา คณะกรรมการมีผวู้ า่ราชการจงั หวดั เป็นนายทะเบียน ในกรณีที่นายทะเบียนอนุญาตใหด้ าเนินการไดก้ จ็ ะออกใบอนุญาตใหฉ้ บบั หน่ึง ใบอนุญาตน้ี จะสิ้นสุดอายุในวนั ที่ 31 ธันวาคมทุกปี ดงั น้ันผูป้ ระกอบการจะตอ้ งขออนุญาตดาเนินกิจการโรงแรมทุกปี ถา้ ฝ่ าฝืนจะมีความผดิ ตอ้ งระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเปิ ดโรงแรมน้ี มีกฎกระทรวง พ.ศ. 2504 ซ่ึงออกตามความในพ.ร.บ. โรงแรม พ.ศ. 2478 โดยคิดตามค่าเช่าห้องพกั เป็ นรายห้อง ฉะน้ันในการยื่นขอจดอนุญาตจะตอ้ งแสดงรายการค่าหอ้ งพกั ดว้ ย ตวั อยา่ งอตั ราคา่ ธรรมเนียม มีดงั น้ี หอ้ งพกั มีอตั ราค่าเช่า 40 – 80 บาท เกบ็ ค่าธรรมเนียมหอ้ งละ 20 บาท หอ้ งพกั มีอตั ราค่าเช่า 80 – 120 บาท เกบ็ คา่ ธรรมเนียมหอ้ งละ 30 บาท หอ้ งพกั มีอตั ราคา่ เช่า 120 – 160 บาท เกบ็ คา่ ธรรมเนียมหอ้ งละ 40 บาท หอ้ งพกั มีอตั ราค่าเช่า 160 – 200 บาท เกบ็ ค่าธรรมเนียมหอ้ งละ 50 บาท หอ้ งพกั มีอตั ราค่าเช่า 200 – 240 บาท เกบ็ ค่าธรรมเนียมหอ้ งละ 60 บาท หอ้ งพกั มีอตั ราคา่ เช่า 240 – 280 บาท เกบ็ ค่าธรรมเนียมหอ้ งละ 80 บาทการจัดระเบียบองค์การบริหารโรงแรม

การจดั ระเบียบองคก์ ารโรงแรม มีวตั ถุประสงคใ์ นการแบ่งหนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบ การแจกแจงรายละเอียดของงานที่ตอ้ งกระทาการประสานงาน การร่วมมือกนั ทางานในแต่ละฝ่ าย เพ่ือให้งานบรรลุตามเป้าหมายท่ีวางไว้ งานโรงแรมอาจแบ่งพนักงานตามการปฏิบัติหน้าที่ออกได้ 2ประเภท คือ หน้าที่ตอ้ งติดต่อกบั แขกโดยตรง (Line Functions) ไดแ้ ก่ พนักงานในแผนกตอ้ นรับแผนกห้องพกั และฝ่ ายบริการอาหารและเครื่องด่ืม สาหรับหนา้ ที่ฝ่ ายสนับสนุน (Staff Functions)หรือ “ฝ่ ายที่อยเู่ บ้ืองหลงั ฉาก” (Behind – the Scenes) พนกั งานเหล่าน้ีไม่ไดส้ ัมผสั กบั แขกโดยตรงแต่มีส่วนจัดเตรียมงานเพื่อแขกโดยส่งผ่านพนักงานส่วนหน้า พนักงานช่วยสนับสนุน ได้แก่พนักงาน แผนกช่าง แผนกปรุงอาหาร แผนกซักรีด แผนกทาความสะอาด เป็ นตน้ (Ruther ford,1989 : 14)แผนภูมิการแบ่งงานออกเป็ นแผนกต่างๆ ของโรงแรม งานแผนกต่างๆ ของโรงแรม (Operating Departments) งานส่วนหนา้ บา้ น งานส่วนหลงั บา้ น (Front - of –the House) (Back – of- the House)- งานบริการสมั ภาระและการรับใช้ - งานบญั ชี

(Door, bell and valet attendants) (Accounting)- งานส่วนหนา้ - งานเตรียมอาหาร(Front desk) (Food preparation)- งานแม่บา้ น - งานเกบ็ ของในคลงั พสั ดุ(Housekeeping) (Storage)- งานจองหอ้ งพกั - งานลา้ งจาน(Reservation) (Dish washing)- งานภตั ตาคาร - งานรักษาความปลอดภยั(Restaurants) (Security)- งานบาร์ - งานช่าง/งานบารุงรักษา(Bars) (Engineering/maintenance)- งานจดั เล้ียง - งานซกั รีด(Banquet rooms) (Laundry)- งานประชุม - งานบุคคล(Meeting rooms) (Personnel)- งานอานวยความสะดวกดา้ นนนั ทนาการ - งานฝึกอบรม(Recreational facilities) (Training)(ที่มา : Renner, 1994 : 2) งานต่างๆ ดงั กล่าวแลว้ สามารถอธิบายหนา้ ท่ีโดยแบ่งออกเป็ นงานส่วนหนา้ บา้ นและงานส่วนหลงั บา้ น ไดด้ งั น้ี 1. งานส่วนหนา้ บา้ น งานส่วนหนา้ บา้ นเป็ นงานซ่ึงพนกั งานตอ้ งสัมผสั กบั แขก หรือลูกคา้โดยตรง ณ จุดรับบริการ (Service Interface Station) และจุดน้ีเองพนักงานต้องส่งมอบบริการ(Service Delivery) ใหแ้ ก่แขกเพ่ือใหเ้ กิดความประทบั ใจให้มากท่ีสุด (วีรพงษ์ เฉลิมจิระรัตน์, 2539: 62) งานส่วนหนา้ บา้ นประกอบดว้ ยงานต่อไปน้ี 1.1 งานบริการสัมภาระ และการรับใช้ งานดงั กล่าวแลว้ เร่ิมตน้ ต้งั แต่บริการรับและส่งแขกจากสถานีขนส่ง เช่น สนามบิน สถานีรถไฟมายงั โรงแรม แลว้ บริการขนสัมภาระ เปิ ดประตู เพ่ือนาแขกมาลงทะเบียนเขา้ พกั ต่อจากน้ันก็ช่วยขนสัมภาระส่งแขกเขา้ ห้องพกั หรือช่วย

แขกขนสมั ภาระเม่ือแขกออกจากโรงแรม นอกจากน้ี บางโรงแรมยงั จดั ให้มีพนกั งานรับใชส้ ่วนตวัแขก 1.2 งานส่วนหน้า มีหน้าที่ลงทะเบียนให้แขกผูเ้ ขา้ พกั ให้ขอ้ มูลข่าวสารแก่แขกดูแลรักษากุญแจห้องพักแขก พนักงานต้อนรับซ่ึงทางานมีโต๊ะลงทะเบียนดังกล่าวแล้ว เป็ นจุดสาคญั ที่แขกตอ้ งติดต่อสอบถาม หรือขอความช่วยเหลือต่างๆ นอกจากน้ียงั เป็ นจุดสาคญั ในการประสานงานกบั แผนกต่างๆ ของโรงแรมดว้ ย 1.3 งานแม่บา้ น งานแม่บา้ นมีหนา้ ที่ดูแลรักษาความสะอาด ท้งั บริเวณหอ้ งพกั และพ้ืนท่ีสาธารณะในโรงแรม (Public Area) ซ่ึงแขกใชร้ ่วมกนั เช่น ห้องโถง (Lobby) สระน้า ห้องน้าฯลฯ แม่บ้านยงั ทาหน้าที่เก่ียวกับการดูแลผ้าทุกชนิดในโรงแรม การจัดดอกไม้ในห้องพักหอ้ งรับแขก และงานเล้ียง 1.4 งานจองห้องพกั มีหนา้ ที่ในการรับจองห้องพกั ในโรงแรม การรับจองห้องพกัล่วงหน้า นอกจากอานวยความสะดวกสบายให้แก่แขกแลว้ ยงั เป็ นผลดีต่อโรงแรมในด้านการบริหารและการตลาดอีกดว้ ย 1.5 งานภตั ตาคาร อาหารเป็ นรายไดห้ ลกั อย่างหน่ึงของโรงแรม ดงั น้ันจึงมีงานดา้ นการอาหาร เพื่อบริการแขกของโรงแรม และแขกในทอ้ งถ่ิน งานบริการอาหารของบริกรในภตั ตาคาร จึงเป็นงานท่ีสมั ผสั กบั แขกโดยตรง 1.6 งานบาร์ บาร์เป็ นสถานที่ขายเครื่องด่ืมทุกชนิดแก่แขกท้งั แขกภายในโรงแรมและแขกในทอ้ งถ่ิน พนักงานท้งั ฝ่ ายผสมเคร่ืองด่ืม (Bartender) และฝ่ ายบริการเป็ นพนักงานส่วนหนา้ 1.7 งานจดั เล้ียง โรงแรมคลา้ ยกบั ห้องรับแขกของหมู่บา้ น ท้งั น้ีเพราะโรงแรมมีความพร้อมในการตอ้ นรับแขกในดา้ นอาหารและเครื่องด่ืม ท้งั งานเฉลิมฉลองดา้ นสังคม เช่น วนัเกิด การแต่งงาน ฯลฯ งานธุรกิจ งานประชุมสัมมนา นอกจากน้ี บรรยากาศที่หรูหรา อาหารท่ีมีรสชาติ การจดั บริการท่ีดี สะดวกสบาย ลว้ นเป็ นส่ิงกระตุน้ ตอ้ งการให้บุคคลจดั งานเล้ียงนอกบา้ นมากย่ิงข้ึน (Bernard and Sally, 1992 : 25 - 26) โรงแรมเป็ นสถานท่ีหน่ึง ซ่ึงมีความพร้อมในการตอบสนองความตอ้ งการดงั กล่าวแลว้ 1.8 งานการประชุม โรงแรมตอ้ งจดั ห้องประชุมสัมมนา เพื่อตอบสนองความตอ้ งการของแขก ซ่ึงใชบ้ ริการทางดา้ นน้ีมีแนวโนม้ เพิ่มข้ึน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การประชุมระดบั ชาติหรื อระดับนานาชาติ ต้องใช้ห้องประชุมขนาดใหญ่ และมีส่ิ งอานวยความสะดวกในการประชุมสัมมนา 1.9 งานอานวยความสะดวกดา้ นนันทนาการ โรงแรมตอ้ งจดั บริการต่างๆ เพ่ือให้แขกได้รับการพกั ผ่อน และการออกกาลงั กาย เพื่อสุขภาพท่ีดีข้ึน ดังน้ันโรงแรมตอ้ งจดั บริการ

ทางดา้ นสระว่ายน้า สนามเทนนิส สนามขี่มา้ หรือบริการอื่นๆ เพ่ืออานวยความสะดวกสบายแก่แขกในการพกั ผอ่ นและออกกาลงั กาย งานท้งั หมดท่ีกล่าวมาแลว้ เป็ นงานส่วนหน้าบ้าน เพราะเป็ นลกั ษณะของงานบริการท่ีพนักงานสัมผสั กับแขกโดยตรงแตกต่างจากงานส่วนหลังบ้านซ่ึงกล่าวต่อไปเป็ นเพียงงานสนบั สนุน ให้พนกั งานส่วนหนา้ บริการแขกไดถ้ ูกตอ้ ง รวดเร็ว และเกิดความประทบั ใจ พนักงานส่วนหลงั (Back end Support) จึงทาหนา้ ท่ีในการจดั เตรียมบริการต่างๆ ให้แก่แขก แต่การส่งมอบบริการ ณ จุดสัมผสั บริการ หรือจุดรับบริการ เป็นหนา้ ท่ีของพนกั งานส่วนหนา้ (Front – line Staff)งานส่วนหลงั บา้ นประกอบดว้ ย งานต่อไปน้ี 2.1 งานบญั ชี งานบญั ชี มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกบั กิจการด้านการเงิน การบญั ชีทุกๆประเภทของโรงแรมการควบคุมตน้ ทุน (Cost Control) การต้งั ราคาสินคา้ การวางระบบบญั ชีในการเบิกจ่ายวสั ดุต่างๆ การควบคุมดูแลเกี่ยวกบั รายรับรายจ่ายของโรงแรม 2.2 งานเตรียมอาหาร การบริการอาหารเป็นหนา้ ที่ของบริกร ซ่ึงเป็นพนกั งานส่วนหน้า แต่การจดั เตรียมวสั ดุอุปกรณ์อาหาร และการปรุงอาหารเป็ นหน้าท่ีของพ่อครัว (Cook) หรือหัวหน้าพ่อครัว (Chef) อาหารเมื่อจดั ปรุงเรียบร้อยแลว้ ก็จะส่งมอบไปยงั บริกร เพื่อบริการให้แก่แขก 2.3 งานเก็บของในคลงั พสั ดุ โรงแรมตอ้ งซ้ือสินคา้ เป็ นจานวนมากเพ่ือจดั เตรียมบริการแขก สินคา้ ดงั กล่าวตอ้ งเก็บไวใ้ นคลงั พสั ดุ และเบิกจ่ายมาใชใ้ นแต่ละวนั ตามความจาเป็ นพนกั งานดูแลคลงั พสั ดุดงั กล่าวแลว้ จึงเป็นพนกั งานส่วนหลงั เพียงแต่ทาหนา้ ที่จ่ายพสั ดุไปยงั แผนกต่างๆ ซ่ึงบริการแขกโดยตรง 2.4 งานลา้ งจาน โรงแรมตอ้ งจดั ให้มีพนักงานส่วนหลงั เพ่ือทาหน้าท่ีลา้ งภาชนะต่างๆ ในการบริการอาหารและเคร่ืองด่ืมใหแ้ ก่แขก เช่น จาน ถว้ ย แกว้ ชอ้ น ฯลฯ 2.5 งานรักษาความปลอดภยั พนกั งานรักษาความปลอดภยั มีหนา้ ท่ีดูแลรักษาชีวิตทรัพยส์ ินของแขก ให้ไดร้ ับความปลอดภยั ให้มากท่ีสุดในการพกั ในโรงแรม พนกั งานรักษาความปลอดภยั ตอ้ งดูแลเก่ียวกบั การจารกรรมของโจรผรู้ ้าย การขโมยทรัพยส์ ิน การป้องกนั อคั คีภยั ฯลฯงานรักษาความปลอดภยั นอกจากดูแลชีวิตทรัพยส์ ินของแขกแลว้ ตอ้ งดูแลทรัพยส์ ินท้งั หมดของโรมแรมดว้ ย 2.6 งานช่างและการบารุงรักษา ในโรงแรมมีงานช่างหลายประเภท เช่น ช่างไฟฟ้าช่างไม้ ช่างประปา ช่างเคร่ืองปรับอากาศ ช่างสี ฯลฯ งานเหล่าน้ีจดั เตรียมไวเ้ พื่ออานวยความสะดวกสบายให้แก่แขก หรือแกไ้ ขปัญหาต่างๆ ที่เกิดข้ึนในการบริการ เช่น ขณะแขกพกั ในห้องเกิดปัญหาเร่ืองกระแสไฟฟ้า กต็ อ้ งแกไ้ ขทนั ท่วงที แต่วธิ ีการที่ดีท่ีสุด ตอ้ งหามาตรการป้องกนั เพือ่ มิใหเ้ กิดปัญหาในขณะบริการ

2.7 งานซักรีด การซกั รีดตอ้ งบริการท้งั แขก และงานในโรงแรม เช่น ตอ้ งบริการซกั รีดเก่ียวกบั เคร่ืองแบบของพนกั งาน ผา้ ทุกประเภทที่ใชใ้ นโรงแรม 2.8 งานบุคคล งานบริ หารบุคคลทาหน้าท่ีเกี่ยวกับการรับสมัครพนักงานสวสั ดิการของพนักงาน การขาดการลาของพนักงาน การดูแลเกี่ยวกบั เร่ืองระเบียบวินัย การจดัพนักงานบรรจุในแผนกต่างๆ การโยกยา้ ยพนักงาน และการพิจารณาความดีความชอบร่วมกบัผบู้ ริหารของแผนกอื่นๆ 2.9 งานฝึ กอบรม การฝึ กอบรมพนกั งานเป็นสิ่งจาเป็นในงานบริการ การบริการจะเป็ นเลิศ องคป์ ระกอบท่ีสาคญั อย่างหน่ึง คือ การฝึ กอบรมพนกั งานให้รู้จกั หนา้ ท่ี ความรับผิดชอบและมีจิตสานึกของการเป็นนกั บริการที่ดี การสร้างมาตรฐานของงานบริการ ใหเ้ กิดความสม่าเสมอคงเส้นคงวา (Consistency) จึงเป็ นสิ่งจาเป็ นอย่างย่ิงสาหรับงานโรงแรม ซ่ึงต้องใช้บริการคน(People Service People) คนตอ้ งมีเจตนคติที่ดีต่องานบริการ (Nebel III, 1991 : 10) การเตรียมพร้อมในงานบริการทุกๆ ดา้ น ท้งั ในส่วนของบุคลิกภาพ เจตนคติท่ีดีต่องาน หลกั การบริการ และความรู้เฉพาะในงานหนา้ ที่จึงตอ้ งมีการอบรมอยา่ งต่อเน่ือง เพื่อใหเ้ กิดมาตรฐาน และความคงเส้นคงวาในการบริการหน้าท่ีดังกล่าวจัดอยู่ในงานบริการส่วนหลงั บ้าน ซ่ึงต้องทาหน้าท่ีสนับสนุน และประสานงานกบั การบริการส่วนหน้าบา้ นอย่างใกลช้ ิด งานต่างๆ ดงั ที่กล่าวมาแลว้ โรงแรมตอ้ งนาเขา้ มาสู่ระบบการจดั องคก์ ร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook