Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Chinese culture of General knowledge

Chinese culture of General knowledge

Published by 220.bliwsuphitsara, 2019-09-17 03:35:59

Description: Chinese culture

Keywords: Chinese culture,中国文化常认

Search

Read the Text Version

วิชา ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั วัฒนธรรมจีน (中国文化常认) ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 1

วชิ า ความรทู้ ว่ั ไปเกี่ยวกบั วัฒนธรรมจีน (中国文化常认) ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ชอ่ื ..........................................นามสกลุ ........................................หอ้ ง..............เลขท.่ี ..................... โรงเรยี นกาสะลองวิทยา อำเภอเมอื ง จังหวัดลำปาง โดย นางสาวศภุ ิสรา คำบุรี คณุ ครูภาษาจีน 2

คำนำ เอกสารประกอบการสอนรายวิชา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีน เป็นรายวิชาเลือก สำหรับนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 จดั ทำขึน้ เพ่อื ใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับวัฒนธรรม ของจนี เอกสารประกอบการสอนเล่มนี้ผู้เขียนได้แบ่งเนือ้ หาออกเป็น 3 บท ซึ่งแต่ละบทประกอบด้วย เนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนและสาระสำคัญ บทสรุป แบบฝึกหัดท้ายบทและเอกสารอ้างอิง เพื่อให้ นักเรยี นสามารถทบทวนและศกึ ษาเพมิ่ เติมเพื่อเพมิ่ ความรคู้ วามเข้าใจในเนอ้ื หาไดม้ ากยิง่ ขนึ้ ผู้เขยี นหวงั ว่าเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้ จะเป็นประโยชนแ์ กน่ ักเรียน และผู้สนใจเพ่อื เป็น การเพม่ิ พูนความรทู้ างด้านวัฒนธรรมจนี มากขนึ้ ศุภสิ รา คำบรุ ี (คณุ ครภู าษาจีน) 3

สารบญั บทที่ 1 ชาติพนั ธุ์จีน (中华民族) ………………………………………………………………………………………….6 中华民族 ชนชาติหัว…………………………………………………………………………………………………………..6 汉族 เช้อื ชาติฮั่น……………………………………………………………………….…………………………………..………6 少数民族 ชนกลุ่มนอ้ ยน้อย………………………………………………………………………………………………..9 民族自治区 เขตการปกครองตนเองสำหรบั ชนเผา่ ………………………………..…………………………..10 แบบฝกึ หัดทา้ ยบท…………………………….................................................................................................11 บทท่ี 2 ประเพณี (民俗) …………………………………………………………………………………………………..…12 เทศกาลตรุษจนี ……………………………………………………………………………………………………………………..…12 เทศกาลหยวนเซยี ว……………………………………………………………………………………………………………….…12 เทศกาลเช็งเมง้ ……………………………………………………………………………………………………………………..…14 เทศกาลไหว้บ๊ะจา่ ง…………………………………………………………………………………………………………………..14 เทศกาลไหว้พระจันทร์……………………………………………………………………………………………………………..16 เทศกาลฉงหยาง………………………………………………………………………………………………………………………19 ประเพณีการดม่ื ชาจนี ………………………………………………………………………………………………………………19 ประเพณอี าหารจนี ………………………………………………..…………………………………………………………………19 แบบฝึกหดั ท้ายบท…………………………….................................................................................................21 บทที่ 3 ภาษาและตัวอักษรจนี (中国语言与文字) ………………………………………………….…22 ภาษาจีน………………………………………………..………………………………………………………………………………..22 ตวั อกั ษรจีน………………………………………………..………………………………………………………………………..….22 ววิ ัฒนาการอกั ษรจีน………………………………………………..……………………………………………………………….22 แบบฝกึ หัดท้ายบท…………………………….................................................................................................25 4

สารบัญรปู ภาพ บทที่ 1 ชาติพันธจ์ุ ีน (中华民族) ………………………………………………………………………………………….6 รปู ที่ 1.1 การแต่งกายชาวฮั่น………………………………………………………………………………………………………6 รูปท่ี 1.2 การแต่งกายชาวชงิ ………………………………….…………………………………..……………………………….7 รปู ท่ี 1.3 การแต่งกายชาวธิเบต………………………………………………………………………………………………….8 รูปที่ 1.4 การแตง่ กายชาวมองโกล…………………………………………………………....………………………….…....8 รูปที่ 1.5 การแต่งกายชาวจ้วง……………………………................................................................................9 บทที่ 2 ประเพณี (民俗) …………………………………………………………………………………………………..…12 รปู ที่ 2.1 การเชดิ สงิ โต เทศกาลตรุษจนี ……………………………………………………………………………….……..12 รปู ที่ 2.2 โคมไฟ ในเทศกาลหยวนเซยี ว………………………………………………………………………………….…12 รปู ที่ 2.3 พิธกี ารไหวบ้ รรพบุรษุ …………………………………………………………………………………………..……14 รูปที่ 2.4 ลักษณะของบ๊ะจ่าง ……………………………………………..…………………………………………………..14 รปู ท่ี 2.5 เทพธดิ าฉางเออ๋ เหินส่ดู วงจันทร์………………………………..………………………………………………..16 รูปที่ 2.6 โฮ่วอ้ืยงิ ธนูขน้ึ ส่ฟู า้ เพยี งดอกเดียว ถูกดวงอาทติ ย์ถึงเก้าดวง…………………..………………………16 รูปท่ี 2.7 พิธกี ารไหวใ้ นวนั ไหว้พระจันทร์………………………………………………………………………………….17 รปู ท่ี 2.8 ขนมไหว้พระจนั ทร์……………………………………………….……………………………………………….…18 รปู ที่ 2.9 สญั ลักษณใ์ นการส่ือสารใหโ้ ค่นล้มราชวงศห์ ยวน……………………………..................................18 รปู ท่ี 2.10 ผู้คนในสมัยโบราณจะพากนั ไปปีนข้นึ เขาเพื่อชมทวิ ทัศนแ์ ละจบิ นำ้ ชาดอกเก๊กฮวย…..........19 5

บทที่ 1 ชาติพันธุจ์ นี (中华民族) จดุ ประสงค์ : เพ่ือใหน้ ักเรียนทราบถงึ ความเป็นมาของชาติพันธุ์จีน วัฒนธรรมจีนก็คือ วัฒนธรรมของชนชาติจีน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัฒนธรรมหัวเซี่ย (华夏文化)” โดยยึดวัฒนธรรมของชนชาติฮั่นเป็นแก่นกลาง ได้รับการสืบทอดมาเป็นเวลานานและแพร่หลายอย่างกว้างขวาง วัฒนธรรมจีนไม่เพียงแต่ส่งอิทธิพลต่อประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น ทั้งยังส่งอิทธิพลต่อประเทศในแถบเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ และเอเชียใต้อีกด้วย เช่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะเจิ้งเหอ (ขันทีซาน เป่า) ได้ออกทะเลตะวันตกยิ่งส่งผลต่อการเผยแพร่วัฒนธรรมจีนสู่ภูมภิ าคนีย้ ่ิงขึ้น วัฒนธรรมเอเชียตะวนั ออกทีท่ ั่ว โลกรู้จกั และยอมรบั จึงค่อยๆ กอ่ ขน้ึ โดยมจี นี เป็นศนู ยก์ ลาง เช้อื ชาติชนเผา่ (民族) 1.中华民族(Zhōnghuá mínzú) ประเทศจนี มี 56 ชนเผ่า โดยเรยี กรวมว่าชนชาตีจีน และมชี อ่ื ยอ่ ภาษาจนี วา่ “ชนชาติหัว(华族)” ตามนิทานเก่าแก่ที่เล่าต่อกันมาและที่มีการบันทึกไว้ในหนังสือโบราณเชื่อว่ากษัตริย์หวงและกษัตริย์เหยียนเป็น บรรพบุรุษร่วมของชนชาติจีนทัง้ หมด โดยทั้งชาวจีนภายในประเทศและชาวจีนโพ้นทะเลต่างก็เรียกแทนตนเองว่า “ลูกหลานของเหยยี นหวง” มาโดยตลอด 2.汉族 (Hànzú) เชอ้ื ชาติฮ่นั เป็นชนชาติทใี่ หญ่ท่ีสดุ ของจนี โดยมีจำนวนประชากรคิดเปน็ รอ้ ยละ 92 ของประชากรทัง้ หมด ของจนี อกี ท้ังประเทศจีนยังประกอบชนชาติไปด้วยเช้อื ชาติใหญ่ 5 ชนชาติ ไดแ้ ก่ 1. เชือ้ ชาติฮั่น ผลสำรวจจำนวนประชากรในปลายครสิ ต์ศตวรรษที่ 20 พบว่า มีชาวฮั่นราว 1,200 ล้านคนอาศยั ในประเทศจีน และ นับเปน็ กลมุ่ ชนชาตทิ ่ีใหญ่ที่สุดในโลกด้วย มหี ลักฐานว่าชาว ฮัน่ ถือกำเนิดมาตั้งแต่สมยั จักรพรรดิหวงตี้ (黄帝) อาศัย อย่ใู นแถบดนิ แดนจงหยวน รูปท่ี 1.1 การแตง่ กายสมยั ฮ่ัน 6

และกระจายอยู่ทวั่ ประเทศจีนมายาวนานกว่า 5,000 ปี นับต้ังแตส่ มัยเซยี่ ซาง โจว ชุนชิว-จั้นกั๋ว จนมาเริ่มเป็นปึกแผ่นในสมัยฉินและฮั่น บุคคลสำคัญเชื้อสายฮั่นในแผ่นดินจีนไม่ว่าจะเป็นนักทฤษฎี นักปฏวิ ตั ิ นักการเมือง กวี ศลิ ปนิ ตา่ ง ๆ ท่ถี ูกจารึกนามในหน้าประวัติศาสตรจ์ นี และของโลกที่เรารู้จัก กันดี ได้แก่ ดร.ซุนยัตเซ็น เหมาเจ๋อตง โจวเอินไหล หลิวเส้าฉี จูเต๋อ เติ้งเสี่ยวผิง หลู่ซวิ่น ฯลฯ ล้วน เปน็ ชาวฮน่ั ทส่ี ร้างคุณูปการต่อลูกหลานชนชาวฮนั่ ในวนั นี้และยังรวมถึง ขงจือ๊ ปรัชญาเมธีผู้เรืองนาม ของจีน เป็นเวลาเน่ินนานหลายร้อยปี ที่แนวคิดของขงจื๊อซ่ึงเป็นรากฐานคณุ ธรรมคำสอนของชาวฮนั่ ได้แผ่อิทธิพลไปทั่วทวีปเอเชียตะวันออก (East-Asia) ชาวฮั่นมีวันสำคัญทางประเพณีได้แก่ เทศกาล ตรุษจีน เทศกาลหยวนเซียว เช็งเม้ง เทศกาลไหว้พระจันทร์ (จงชิวเจี๋ย) เป็นต้น ชาวฮั่นมีภาษาพูด และภาษาเขยี นเปน็ ของตนเองเรียกวา่ ภาษาฮ่ัน (汉语) มีตัวอกั ษรเรยี กวา่ อกั ษรฮ่นั (汉字) ซึ่งยังแบ่งเป็นภาษาถิ่นอีกหลายภาษา อาทิ ภาษาถิ่นทางภาคเหนือ ภาษากวางตุ้ง ภาษา แคะ ภาษาถิ่นแถบเซี่ยเหมนิ ภาษาถิ่นฮกเกี๊ยนภาษาถิ่นแถบเซี่ยงไฮ้-เจยี งซู-เจ้อเจียง ภาษาถิ่นแถบ หูหนัน และภาษาถ่ินแถบเจียงซี 2. เชือ้ ชาติแมนจู 满族(Mǎnzú) กระจายอยู่ตามท้องที่ต่างๆของทั่ว ประเทศจีน โดยเฉพาะมณฑลเหลียวหนิงมีจำนวนมากที่สุด ชนชาติ แมนจูใช้ภาษาแมนจู ซึ่งอยู่ในตระกูลภาษาAltaic เนื่องจากได้อยู่ อาศัยปะปนกับชนชาติฮั่นเปน็ เวลานาน และมีการติดต่อไปมาหาสู่กนั อย่างใกล้ชิด ปัจจุบนั ชนชาตแิ มนจูนิยมจึงเคยชินกบั การใชภ้ าษาฮน่ั มี แต่หมู่บ้านที่อยู่ตามเขตชายแดนจำนวนน้อยที่ยงั คงใช้ภาษาแมนจอู ยู่ บ้าง นอกจากนี้ก็มีผู้สูงอายบุ างคนที่ยังพูดภาษาแมนจูได้ ชนชาติแมน จนู ับถือศาสนาส่าหมันทีม่ เี ทพเจ้าหลายองค์ รปู ที่ 1.2 การแตง่ กายสมยั ชิง นอกจากนเี้ ช้อื ชาติแมนจู เป็นเชื้อชาตทิ ่ปี กครองประเทศจีนเป็นราชวงศส์ ุดท้ายของจีน ก่อนท่ีจะ เปลยี่ นการปกครองแบบสาธารณรฐั 7

3. เชอื้ ชาติธิเบต 藏族(Zàngzú) เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของทิเบต ภาษาของชนชาติทิเบตเป็น ภาษาสาขาย่อยภาษาทิเบตของสายภาษาจีน-ทิเบต ชนชาติทิเบต ดำเนินชีวิตด้วยการเกษตรและการปศุสัตว์ เป็นหลัก ส่วนชาวเมือง ส่วนใหญ่จะทำหัตถกรรม อุตสาหกรรมและการพาณิชยกรรม ชาว ทิเบตนับถือศาสนาพุทธนิกายทิเบต ชาวทิเบตมีนิสัยร่าเริงและมี ความถนัดในการร้องเพลงและเต้นรำ เพลงทิเบตไพเราะมาก เวลา ร้องเพลงจะเต้นรำด้วยเส้ือผ้าชุดประจำชนชาติทิเบตคือ ข้างบนใส่ เสอื้ แขนยาวท่ีทำดว้ ยผา้ ไหมหรือผ้าฝ้าย รูปท่ี 1.3 การแตง่ กายชาวธิเบต ผู้ชายจะใส่เสื้อคลุมยาวตัวกว้างไว้ข้างนอกส่วนผู้หญิงใส่เสื้อคลุมยาวที่ไม่มีแขนและใส่สาย คาดเอว ในเอวผหู้ ญงิ ท่ีแตง่ งานแล้วจะใสผ่ ้าคลมุ ผนื ยาวที่มสี ีสนั หลากหลายเพม่ิ ในด้านหน้าไมว่ ่าผู้ชาย หรือผู้หญงิ ชาวทิเบตต่างก็ไว้หางเปียและชอบใส่เคร่ืองแต่งกายแบบตา่ งๆ ในพื้นที่ที่ต่างกันของทิเบต เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายก็จะแตกตา่ งกันไปด้วย อาหารหลักของชาวทิเบตคือ จันบา(ทำด้วยข้าว สาลีบนที่ราบสูงและถ่ัวลันเตา) ชอบดมชาเนย น้ำชาใส่นมและเหล้าทีท่ ำด้วยข้าวสาลีบนทีร่ าบสงู และชอบกินเนื้อวัวและเนื้อแพะ ในสมัยโบราณผู้ที่อาศัยอยู่ที่ราบสูงทิเบตเมื่อตายลงมักนิยมฝังด้วย ดิน แต่ปจั จบุ นั ชาวทเิ บตนยิ มฝังโดยทองฟา้ เผาศพหรือฝังศพในนำ้ 4. เชือ้ ชาตมิ องโกล 蒙古族(Ménggǔ zú) มีประชากรกว่า 5 ล้าน 8 แสนคน ที่สำคัญอยู่รวม กัน ที่เขตปกครองตนเองมองโกเลียในตลอดจนจังหวัดและ อำเภอปกครองตนเองในมณฑลหรอื เขตปกครองตนเองต่าง ๆ เช่น เขตซินเกียง มณฑลชงิ ไห่ กนั ซู่ เฮยหลงเจียง จี๋หลิน และเหลียวหนงิ เป็นต้น ชนชาติมองโกลใช้ภาษามองโกลที่ สงั กัดตระกูลภาษา อัลไต คำว่า มองโกลมขี ึน้ ก่อนทสี่ ุดเม่อื รูปที่ 1.4 การแต่งกายชาวมองโกล 8

สมยั ราชวงศ์ถาง เวลานน้ั เปน็ เพยี งชอื่ เผา่ ชนหน่ึงในบรรดาเผ่าชนต่าง ๆ จำนวนมากของชาวมองโกลแหล่งเกิดของ เผ่าชนนี้อยู่ที่เขตฝั่งตะวันออกแม่น้ำเออร์กูนาต่อมาค่อย ๆ ย้ายไปสู่ทางตะวันตกระหว่างเผ่าชนต่าง ๆ พากัน ปล้นสะดมประชากร สัตว์เล้ียงและสนิ ทรัพยจ์ นได้เกิดสงครามระหวา่ งเผ่าชนตา่ ง ๆ อยา่ งไม่มที ีส่ ิ้นสุด เมอื่ ปี 1206 เถี่ยม่เู จนิ ได้รับการสนับสนนุ เปน็ มหาราชชาวมองโกล ชอื่ เจงกสิ ข่านและไดส้ ถาปนาประเทศมองโกเลียข้นึ หลังจาก นั้นที่ภาคเหนือของจีน ก็มีชนชาติหนึ่งอันเข้มแข็งเกรียงไกร มีความมั่นคงและได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดย้ัง ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกนั่นก็คือชนชาติมองโกล ต่อมาเจงกิสข่านได้รวมเผ่าชนต่าง ๆ ตลอดจนทั่วประเทศจีนเข้า เป็นเอกภาพและได้สถาปนาราชวงศ์หยวนข้ึน ชาวมองโกล ส่วนมากนับถือศาสนาลามะ ชนชาติมองโกลเคยสร้าง คุณูปการอันสำคัญในด้านการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ปฏิทินและดาราศาสตร์ แพทยศาสตร์ตลอดจนด้านอนื่ ๆ ของจีน 5. เช้อื ชาตจิ ว้ ง 壮族(Zhuàng zú) เป็นชนชาตหิ นึ่งทีม่ ีประชากรมากทส่ี ุดในบรรดาชนชาติส่วน น้อยของจีน ที่สำคัญอยู่รวม ๆ กันในเขตปกครองตนเองชน ชาติจ้วงแห่งกว่างซีในภาคใต้ของจีนใช้ภาษาจ้วงที่สังกัด ตระกูลภาษาฮ่ันและภาษาอินเดีย ชนชาติจ้วงเป็นชาว พนื้ เมืองในภาคใต้ของจนี ที่มปี ระวัติยาวนาน บรรพบุรุษของ ชาวจ้วงอยูใ่ นภาคใตข้ องจนี ตัง้ แต่หลาย หมืน่ ปกี ่อน เม่อื ปี 1958 เขตปกครองตนเองชนชาติจว้ งแหง่ กว่างซไี ด้ รปู ท่ี 1.5 การแต่งกายชาวจว้ ง สถาปนาขึ้น ชาวจ้วงส่วนใหญ่ทำการผลติ ทางการเกษตร ที่สำคัญปลูกข้าวจ้าวและข้าวโพด ชาว จ้วง ชอบร้องเพลง บ้านเกิดชาวจ้วงจงึ ได้รับสมญานามว่า เป็นมหาสมุทรแห่งเพลง ผ้าดิ้นลายปักอัน สวยงามเป็นเครื่องศิลปะหัตถกรรมที่มีมาแต่ดั้งเดิมของชาวจ้วง เมื่อก่อนชาวจ้วงส่วนมากบูชา ธรรมชาตแิ ละศาสนาบพุ กาลทมี่ หี ลายเจ้า หลังสมัยราชวงศ์ถางและราชวงศ์ซ้อง ศาสนาพุทธ และศาสนาเต๋าได้แพร่เข้าสู่เขตชาวจ้วงตามลำดับ เมื่อยุคใกล้ ศาสนา คริสต์และศาสนาโรมันคาทอริกก็ได้แพร่เข้าสู่เขตชาวจ้วงเช่นกัน แต่มีอิทธิพลไม่ มาก นอกจากนย้ี งั มีชนเผา่ อื่นๆ อีก 55 ชนเผ่าจงึ เรยี กไดว้ า่ “ชนกล่มุ นอ้ ย” 3.少数民族(Shǎoshù mínzú)ชนกลมุ่ น้อย ชนกลุม่ นอ้ ยทีม่ ีประชากรค่อนข้างเยอะโดยเกินกว่า 1 ล้านคน ได้แก่ ชนเผ่าจ้วง หุย เหวยอู๋เอ๋อ(เออกุย) หยี เหมียว(แม้ว) หมา่ น(แมนจ)ู จ้าง(ธิเบต) เหมิงก(ู่ มองโกเลยี น) ถเู่ จยี ป้อู ี เฉาเสยี่ น(เกาหลี) ตง้ เหยา(เย้า) 9

ไป๋ ฮาหงี ฮาซาเค่อ(คาซัค) ไต่(ไทยใหญ่) และหลี(ลี้) ฯลฯ โดยชนเผ่าจ้วง เป็นชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวน ประชากรมากทีส่ ุด 4.民族自治区(Mínzú zìzhìqū)เขตการปกครองตนเองสำหรบั ชนเผ่า เขตการปกครองตนเองสำหรับชนเผา่ กว่างซี มองโกเลียใน ซินเจียง ธิเบตและหนิงเซ่ีย เป็นเขตพื้นที่ชน กล่มุ นอ้ ยจ้วง เหมิงกู่ (มองโกเลียนใน) เหวลอเู๋ อ่อ จ้าง (ธิเบต) และหุย 5 ชนกล่มุ น้อยท่ีค่อนขา้ งใหญอ่ ยรู่ วมกัน เป็นชุมชนตามลำดับ นอกจากน้ี มณฑลต่างๆ เชน่ หยุนหนาน ชงิ ไห่ กยุ้ โจว กานซูแ่ ละเสฉวน ฯลฯ ก็มีชน กลุม่ น้อยรวมตัวกันอาศยั อยู่เปน็ กระจุกจำนวนมากเช่นกนั ซง่ึ มณฑลหยุนหนานมชี นกลมุ่ น้อยอาศยั อยู่ 20 กว่า ชนเผา่ จึงเปน็ มณฑลท่มี จี ำนวนชนกลมุ่ น้อยรวมตวั อาศยั กันมากทีส่ ุดของจนี 10

แบบฝึกหัดทา้ ยบท 回答问题 1. วัฒนธรรมของชนชาติจนี เรยี กอีกชอื่ หนงึ่ ว่าอะไร และยึดวัฒนธรรมของชนชาติใดเป็นแก่นกลาง ____________________________________________________________________________ 2. อาหารหลักของชาวทิเบตคอื อะไร ทำมาจากอะไร? ____________________________________________________________________________ 3. ชนกลุ่มนอ้ ยท่ีมปี ระชากรมากทสี่ ุดคือชนกลุ่มใด? ____________________________________________________________________________ จงเติมคำตอบลงในช่องวา่ ง 1. _______________เป็นมณฑลทม่ี ีจำนวนชนกลุ่มน้อยรวมตัวอาศยั กนั มากทส่ี ุด 2. ชาวฮัน่ มีภาษาพูดและภาษาเขยี นเรียกวา่ ภาษา_______________ 3. _______________เปน็ ชนชาตทิ ี่มจี ำนวนประชากรมากที่สุดของประเทศจนี 4. เขตการปกครองตนเองสำหรับชนเผ่า ได้แก่ เมอื ง__________________________________________ ____________________________________________________________________________ 5. ผู้ใดได้รวบรวมเผา่ ชนตา่ ง ๆ ตลอดจนท่ัวประเทศจนี เข้าเป็นเอกภาพและไดส้ ถาปนาราชวงศห์ ยวนขึ้น และ เป็นมาจากชนชาตใิ ด ____________________________________________________________________________ 6. เส้อื ผา้ ชดุ ประจำชนชาติทเิ บตมีลกั ษณะแบบใด ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ 7. ________________เปน็ ชนชาติที่ปกครองประเทศจีนเป็นราชวงศส์ ดุ ทา้ ยของจีน 11

บทท่ี 2 ประเพณี (民俗) จุดประสงค์ : เพ่ือให้นกั เรียนทราบถงึ ประเพณแี ละวัฒนธรรมต่างๆ ของจีน ด้วยชนเผา่ ฮน่ั เป็นชนเผา่ หลกั ของชนชาติจีน จึงสง่ ผลใหป้ ระเพณนี ยิ มของเผา่ ฮ่นั ค่อยๆ กลายมาเป็น ประเพณรี ว่ มของชนชาตจิ ีนในทส่ี ดุ 1. 传统节日(Chuántǒng jiérì)เทศกาลตามขนบธรรมเนียมประเพณี วนั เทศกาลต่างๆ ของประเทศจีนล้วนนับตามปฏทิ นิ จนั ทรคติของจนี ซง่ึ เทศกาลตรษุ จีน เทศกาลเชง็ เม้ เทศกาลวันไหวบ้ ๊ะจ่างและเทศกาลวันไหว้พระจนั ทร์ถูกเรยี กขานว่า “ส่ีมหาเทศกาลเก่าแกข่ องประเทศจีน” เทศกาลตรุษจนี หรือ ชนุ เจย๋ี (春节 Chūnjié)คอื วนั ทห่ี นึ่งเดือนอา้ ย (เจงิ เยว่ 正月1) ของจนี เดือนปใี หม่ของจีนตามปฏิทนิ จนั ทรคติของจีน และเปน็ เทศกาลที่ยิ่งใหญ่และสำคัญท่สี ดุ ของประเทศ จนี โดยจะไปสิน้ สดุ ในวนั ที่ 15 ซ่งึ ตรงกับ เทศกาลหยวนเซยี ว รปู ท่ี 2.1 การเชดิ สิงโต เทศกาลตรุษจีน รปู ท่ี 2.2 โคมไฟ ในเทศกาลหยวนเซียว เทศกาลหยวนเซียว (元宵节 Yuánxiāo jié)คือวีนที่ 15 เดือนที่หนึ่งตามปฏิทินจันทรคติของ จีน มีอีกชื่อหนึ่งว่า “เทศกาลโคมไฟ” โดยตามปฏิทินทางจันทรคติของจีน จะนับเอาวันที่พระอาทิตย์ โลกและ 1 เจงิ เยว่ คือ เดือนทีห่ นึ่งตามปฏทิ นิ จันทรคติของจีน 12

พระจันทร์มาอยู่ในระนาบเดียวกันเป็นวันแรกของปี หรือขึ้นหนึ่ง 1 ค่ำเดือนอ้าย ซึ่งในสมัยโบราณจะเรียกเดือน อ้ายว่า “หยวน” (元) ส่วนคำว่า”เซียว”(宵)หมายถึงกลางคนื เทศกาลนี้จงึ หมายถึงคนื ทพี่ ระจันทรเ์ ต็มดวงเป็น ครั้งแรกของปี (วันตรุษจีนคือวันปีใหม่ของจีน) การชมโคมไฟและการกินขนมหยวนเซียวเป็นกิจกรรมสำคัญของ เทศกาลหยวนเซียว โคมไฟที่แขวนอวดในเทศกาลหยวนเซียวส่วนมากจะทำด้วยกระดาษสีต่างๆ จะทำเป็นรูป ภูเขา สิ่งก่อสร้าง คน ดอกไม้ นก และสัตวช์ นดิ ต่าง ๆ โคมไฟ “โจ่วหมา่ เตงิ ” เปน็ โคมไฟทมี่ ีเอกลักษณ์ของจีนอย่าง เด่นชดั โคมเวยี น “โจ่วหมา่ เติง” เปน็ ของเลน่ ชนดิ หนึ่ง มีประวตั กิ ว่าพันปีแล้ว ภายในโคมไฟได้ติดตั้งกงล้อ พอจุด เทียนในโคมไฟ กระแสอากาศท่ีได้รบั ความร้อนจากเปลวเทียนจะดนั กงล้อทีต่ ิดกระดาษรปู คนขีม่ ้า ในอริ ิยบถต่างๆ หมุนไปตามกงล้อ เงาของรูปคนขี่ม้าจะสะท้อนอยู่บนกระดาษชั้นนอกของโคมไฟ มองแล้วเสมือนม้ากำลังวิ่งห้อ ตะบงึ การกินขนมหยวนเซียวเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของเทศกาลหยวนเซียว สมัยราชวงศ์ซ่ง ประชาชน นิยมกินขนมพื้นบ้านชนิดหนึ่งในเทศกาลโคมไฟ ขนมชนิดนี้มีรูปกลม ทำด้วยแป้งข้าวเหนียว ข้างในมีไส้หวาน ภาคเหนอื ของจีนเรียกขนมชนิดนว้ี ่า “หยวนเซียว” ส่วนภาคใตเ้ รยี ก “ทงั หยวน” หรือ “ทงั ถวน” ปัจจุบัน ขนมหยวนเซียวมีไส้หลายสิบชนิด เช่น ซันจา พุทรา ถั่วแดง โหงวยิ้น งา เนยและช็อกโกแลตเป็นต้น รสชาตขิ องหยวนเซียวในพื้นท่ตี ่าง ๆ จะแตกต่างกัน นอกจากชมโคมไฟและกินขนมหยวนเซียวแล้ว เทศกาลหยวน เซียวยังมกี ิจกรรมการละเลน่ ตา่ ง ๆ มากมาย เช่น ระบำไม้ต่อขา รำพัด เชดิ สิงโตเปน็ ต้น โดยเฉพาะการเชิดสงิ โต มิ เพียงแต่ในประเทศจีนเท่านั้น ไม่ว่าแหล่งชมุ ชนชาวจีนในแห่งหนตำบลใดของโลกก็ตาม พอถึงเทศกาลสำคัญ ๆ ก็ จะจัดการแสดงเชิดสิงโตทั้งนั้น การเชิดสิงห์โตแบ่งเป็นสำนักใต้กับสำนักเหนือ การเชิดสิงโตของสำนักใต้เน้น อิริยาบถและเทคนิคท่วงท่า ส่วนมากใช้สองคนเชิด ส่วนสำนักเหนือจะเน้นความสง่าผ่าเผย ปกติจะมี 10 กว่าคน กระทั่งหลายสิบคนเชิดด้วยกัน ขณะเชิดสิงโตนั้น จะมีดนตรีพื้นเมืองของจีนเล่นประกอบด้วย ไม่ว่าผู้แสดงหรือ ผู้ชม ต่างสนุกสนานกันถ้วนหน้า ทำให้บรรยากาศของเทศกาลหยวนเซียวคึกคักยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้ คือการ รับประทานบัวลอยที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า ภายในมีไส้ทั้งไส้หวานและไส้เค็ม ปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้วนำไปต้มหรือ นำไปทอด ในยุคแรก ชาวจีนเรียกขนมชนิดนี้ว่า 浮圆子 ฝูหยวนจื่อ (浮-ลอย 圆子-ลูกกลมๆ) ต่อมาก็ เรียกวา่ 汤团 ทังถวน(汤-น้ำแกง 团-ลูกกลมๆ ) หรอื 汤圆 ทังหยวน โดยมีความหมายเหมือนกัน ท้ังออก เสียงใกล้เคียงกัน และ 团圆 เมื่อรวมกันแล้ว ก็ได้ความหมายถึงการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันของคนใน ครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของแต่ละเทศกาลบนแดนมังกร ทั้งนี้ เนื่องด้วยการรับประทานบัวลอยในคืน หยวนเซยี ว ปจั จุบนั จงึ มกี ารเรยี กบวั ลอยวา่ หยวนเซียวด้วยเช่นกนั 13

เทศกาลเช็งเม้ง (清明节 Qīngmíng jié)คือ รปู ที่ 2.3 พธิ กี ารไหวบ้ รรพบรุ ุษ วันที่ 8 เดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน (ประมาณวันที่ 5 เดือนเมษายนตามปฏิทินสากล) เป็นงานที่สำคัญมากที่สุดของชาว จีนและมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 2,000 ปี ในช่วงฤดูใบไม้ ผลิ ลูกหลานชาวจีนจะไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานเพื่อแสดงความ กตัญญูและรำลึกคุณงามความดีของบรรพบุรุษ รูปที่ 2.4 ลกั ษณะของบะ๊ จ่าง เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง (ตวนอู่เจี๋ย) (端午节 Duānwǔ jié)คือ วันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทิน จันทรคติ มีอีกชื่อหนึ่งว่า “เทศกาลอู่เยว่ (เทศกาลเดือน 5)” บะจ่าง หรือ ขนมจ้าง (肉粽 ข้าวห่อไส้เนื้อ, จีน กลางออกเสียง 粽子 จ้งจึ คือข้าวห่อด้วยใบไม้) เป็นเทศกาลที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาลของสาธารณรัฐ ประชาชนจีน ตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินทางจันทรคติ หรือ “โหงวเหว่ยโจ่ว” เป็นการระลึกถึงวันที่ คุก ง้วน หรือ ชีหยวน หรือ จูหยวน , Qu Yuan (340-278 ปีก่อนคริสต์ศักราช) กวีผู้รักชาติแห่งรัฐฉู่ นอกจากนี้ใน ประเทศจีน บริเวณแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) , ฮ่องกง, ไต้หวัน, มาเก๊า ยังมีการละเล่น แข่งเรือมังกร (Dragon Boat Festival) จัดอย่างยิ่งใหญ่ภายในวันนี้อีกด้วย อีกทั้งทางรัฐบาลจีนยังกำหนดให้วันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 นี้เป็น วันกวจี นี (The Chinese Poet’s Day) เนอ่ื งจากชหี ยวน นับเปน็ อีกผู้หน่ึงทเี่ ป็นกวคี นสำคัญของจีน โดยความเป็นมาของเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง หรือขนมจ้าง ตามตำนานเล่าว่า ในสมัยชุนชิว-จั้นกั๋ว ประเทศจีนถูก แบ่งเป็นแคว้นเล็ก ๆ จำนวนมาก แคว้นฉินเป็นแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดในขณะนั้น ส่วนแคว้นฉู่เป็นแคว้นที่อ่อนแอ และเล็ก ซึ่งมักถูกแคว้นฉินกดขี่ขม่ เหง “ชีหยวน” ซึ่งเป็นขุนนางตงฉนิ รับราชการด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต ถือเอา ประโยชน์ของราษฎรเป็นที่ตั้ง เขาห่วงใยประเทศชาติบ้านเมืองของตนมาก จึงเสนอให้แคว้นฉู่ร่วมมือกับแคว้นฉี เพื่อต่อตา้ นแคว้นฉนิ แต่กถ็ ูกขนุ นางกงั ฉนิ คอยใส่รา้ ยป้ายสตี อ่ องค์ฮ่องเต้เสมอ ๆ 14

จนฮ่องเต้เริ่มมีใจเอนเอียง ชีหยวนรู้สึกทุกข์ระทมตรมใจมาก จึงได้แต่งกลอนขึ้นเพื่อคลายความทุกข์ใจ กลอนบท นั้นมีชื่อว่า “หลีเซา” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความห่วงใยบ้านเมืองและราษฎร จนต่อมาฮ่องเต้แคว้นฉู่ถูกกลลวงของ แควน้ ฉนิ และสวรรคตในแควน้ ฉิน รชั ทายาทองค์ตอ่ มาจงึ ได้ข้นึ ครองราชบัลลังกแ์ ทน หลงั จากที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขน้ึ ครองราชย์ พระองคไ์ ด้ทรงหลงเช่ือคำยุยงของเหล่าขุนนางกงั ฉินพวกนั้น ในท่ีสุดจึงได้ มีพระบรมราชโองการให้เนรเทศชีหยวนออกจากแคว้นฉู่ไป ชีหยวนเศร้าโศกเสียใจมาก หลังจากเดินทางรอนแรม มาถึงแม่น้ำเปาะล่อกัง (บางตำราว่าเป็นแม่น้ำแยงซีเกียง) ชีหยวนจึงได้ตัดสินใจกระโดดน้ำตาย เพื่อแสดงออกถึง ความรู้สึกจงรักภักดีแต่ประเทศชาติและความคับแค้นใจที่มีต่อสังคม ในวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 เมื่อ 278 ปีก่อน คริสต์ศักราช ชาวบ้านที่รู้เรื่องการตายของชีหยวน ระลึกถึงความดีจึงได้ออกเรือเพื่อตามหาศพ ในขณะที่ค้นหา พวกเขาก็เตรียมข้าวปลาอาหารไปโปรยลงแม่น้ำด้วย นัยว่าเพื่อล่อให้สัตว์น้ำมากิน จะได้ไม่ไปกัดกินซากศพของชี หยวน หลังจากนั้นทุกปีเมื่อครบรอบวนั ตาย ชาวบ้านจะนำเอาอาหารไปโปรยลงแม่น้ำเปาะล่อกัง เมื่อทำต่อมาใน ระยะเวลาได้สองปี ก็มีชาวบ้านผู้หนึ่งฝันเห็นชีหยวนที่มาในชุดอันสวยงาม กล่าวขอบคุณเหล่าชาวบ้านที่นำเอา อาหารไปโปรยให้เพื่อเซ่นไหว้ แต่เขาบอกว่าอาหารถูกเหล่านั้นได้ถูกสัตว์น้ำกินเสียจนหมด เนื่องจากบริเวณนั้นมี สัตว์น้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ชีหยวนจึงแนะให้นำอาหารเหล่านั้นห่อด้วยใบไผ่ หรือใบจากก่อนนำไปโยนลง น้ำ ในปีต่อมาชาวบ้านต่างก็ทำตามทชี่ ีหยวนแนะนำ ชหี ยวนกไ็ ดม้ าเข้าฝันชาวบ้านอีกว่าได้ทานอาหารมากข้ึน แต่ ก็ยังคงโดนสัตว์น้ำแย่งไปกินได้ ชาวบ้านต้องการให้ชีหยวนได้ทานอาหารที่พวกเขาเซ่นให้อย่างอิ่มหนำสำราญจึง พวกเขาจึงได้ถามชีหยวนวา่ ควรทำเช่นไรดี จงึ ได้คำแนะนำวา่ เวลาที่จะนำอาหารไปโยนลงแม่น้ำ ให้ตกแต่งเรือเป็น รูปมังกร เมื่อสัตว์น้ำทั้งหลายได้เห็นก็จะนึกว่าเป็นเครื่องเซ่นของพญามังกร จะได้ไม่กล้าเข้ามากิน ประเพณีการ แขง่ เรอื มงั กร และประเพณกี ารไหวข้ นมจ้าง (บะ๊ จ่าง) จงึ เกดิ ข้ึนดว้ ยประการฉะน้ี เทศกาลของการไหว้บ๊ะจ่าง คนจีนจะไหว้ในตอนเช้า โดยไหว้ด้วยธปู 3 ดอก หรอื 5 ดอก การไหว้ด้วยธูป 5 ดอก เพื่อระลกึ ถงึ ครูบาอาจารย์ พอ่ แม่ และสง่ิ ศกั ดิส์ ิทธิ์ จะเขา้ หลกั 5 ธาตุ หรอื โหงวเฮง้ ของจีน ประกอบด้วย ธาตุดนิ ทอง นำ้ ไม้ และไฟ ซง่ึ มสี ่วนเกีย่ วกับวถิ ีชีวติ โดยตรง 15

รปู ท่ี 2.5 เทพธดิ าฉางเอ๋อเหินสดู่ วงจนั ทร์ เทศกาลไหว้พระจันทร์ (จงชิวเจี๋ย) (中秋节 Zhōngqiū jié) คือ วันที่ 15 เดือน 8 ตามปฏิทิน จันทรคติของจีน มีอีกชื่อหนึ่ง “ถวนหยวนเจี๋ย” (เทศกาลที่สมาชิกในครอบครัวกลับอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน) เป็นเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง เปน็ วันทีพ่ ระจนั ทร์สวยท่ีสดุ ในรอบปี ซงึ่ มตี ำนานเลา่ ขานเก่ียวกับวนั ไหว้พระจันทร์ต่างๆ มากมาย ส่วนใหญจ่ ะเป็นเรื่องของ เทพธดิ าฉางเอ๋อเหนิ สูด่ วงจนั ทร์ และ กระตา่ ยบนดวงจนั ทร์ ตำนานเทพธิดาฉางเออ๋ มีเรือ่ งเลา่ ขานกันว่า เมื่อครง้ั สมยั ก่อนโบราณกาลนั้น ในโลกของเรามีดวงอาทิตย์อยู่ท้ังหมดสิบดวง ทำให้ โลกมนุษย์เกิดภัยพิบัติไปทั่ว แผ่นดินร้อนระอุ น้ำเหือดแห้ง ผู้คนอดอยากแร้นแค้น ไม่มีที่หลบซ่อนอาศัย กาล ต่อมาได้ปรากฏวีรบุรุษนามหนึ่งว่า โฮ่วอ้ี ซึ่งเป็นผูท้ ี่มฝี ีมือในการยิงธนูได้แม่นยำอย่างมาก โดยสามารถยิงธนูข้นึ สู่ ฟ้าเพียงดอกเดียว ถูกดวงอาทิตย์ถึงเก้าดวง จึงทำให้เหลือดวงอาทิตย์อยู่เพียงดวงเดียว เป็น การขจัดความทุกข์ ใหก้ บั ประชาชนทวั่ ไป โฮ่วอี้ จึงได้รบั การยกย่อง สถาปนาใหเ้ ป็นกษัตริยน์ บั แตน่ นั้ สบื มา แต่เมื่อโฮ่วอี้ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็มีจิตใจฮึกเหิมลุแก่ อำนาจ ล่มุ หลงในสรุ านารี ตัดสนิ คดคี วาม ฆา่ ฟันผู้คน ตามอำเภอใจ จึงทำให้ราษฎรโกรธแค้นชิงชังเขาเป็น ที่สุด เมื่อโฮว่ อ้ีรู้ตัวว่าตนเองถูกปองร้ายถึงแก่ชีวิต จึง เดินทางไปที่ภูเขาคุนหลุน เพื่อไปขอยาอายุวัฒนะ จากเจา้ แม่หวงั หมู่ มากนิ แต่ ฉางเออ๋ ผู้เปน็ ภรรยาได้ ตดิ ตามเค้าไปตลอดทาง รูปที่ 2.6 โฮ่วอืย้ งิ ธนขู นึ้ สฟู่ ้าเพยี งดอกเดยี ว ถูกดวงอาทติ ย์ถึงเกา้ ดวง 16

กลัวว่าถา้ สามขี องนางมอี ายยุ นื นาน จะยิ่งนำพาเอาความเดอื ดรอ้ นมาสปู่ ระชาชนอีกมากมายเป็นแน่แท้ ดงั นน้ั นางจงึ ตัดสินใจแอบขโมยยาอายวุ ฒั นะน้นั มากินเสียเอง เม่ือกนิ เขา้ ไปแลว้ ร่างของนางฉางเออ๋ กเ็ บาหวิว และ ลอยขึ้นไปสดู่ วงจนั ทร์ นบั แต่นนั้ เป็นตน้ มา บนดวงจันทรก์ ็ปรากฏภาพเทพธิดา ทเี่ ชอ่ื กันว่าเปน็ ฉางเอ๋อนีเ้ อง ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์ ตามตำนานกล่าวว่า มีอยู่ปีหนึ่งในเมอื งปักก่ิงเกดิ โรคอหิวาตกโรค ระบาดหนัก เมื่อเทพธิดาฉางเอ๋อซึง่ อยู่ บนดวงจันทร์ได้มองลงมาเห็น ก็ทำให้นางรู้สึกทุกข์ใจเป็นอยา่ งมาก นางจึงได้ส่งกระต่ายหยกข้างกายที่ปกติตำยา อย่บู นดวงจนั ทร์ ให้ลงมารกั ษาโรคชาวบา้ น กระตา่ ยหยกแปลงกายเปน็ หญิงสาวไปรักษาผูค้ นจนหายจากโรคร้ายนี้ ชาวบ้านรู้สึกซาบซึ้งใจในความช่วยเหลือ จึงได้ตอบแทนด้วยการให้สิ่งของ แต่กระต่ายหยกก็ไม่ยอมรับสิ่งใดเลย เพียงแค่ขอยืมชุดชาวบ้านใส่เท่านั้น ไปถึงไหนก็จะเปลี่ยนชุดไปเรื่อย บางทีก็เห็นแต่งกายเป็นคนขายน้ำมนั บ้างก็ เปน็ หมอดู บ้างก็แตง่ กายเป็นชาย บา้ งกแ็ ตง่ เป็นหญงิ และเพอ่ื ใหส้ ามารถช่วยเหลอื ผ้คู นได้มากขึ้น กระต่ายหยกจะ ขี่ม้าบ้าง กวางบ้าง สิงโตบ้าง หลังจากกำจัดโรคภัยให้ชาวเมืองเสร็จเรียบร้อย กระต่ายหยกก็กลับขึ้นไปยังดวง จันทร์ นบั แตน่ ้ันมาชาวบ้านจงึ ไดก้ ราบไหวบ้ ูชาเทพเจา้ กระตา่ ยในวนั ไหวพ้ ระจนั ทรด์ ้วยความศรัทธา ประเพณีการไหวพ้ ระจันทร์ จะเริ่มต้นตอนหัวค่ำซึ่งดวงจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า พิธีการจะดำเนินต่อไปจนถึงประมาณ 4-5 ทุ่ม บางบ้านอาจจะไหว้พระจันทร์ที่ลานหน้าบ้าน ดาดฟ้า โดยมีการตั้งโต๊ะ ทำซุ้มต้นอ้อย มีธูปเทียน กระดาษเงิน กระดาษทองที่พับเป็น เงินตราจีน โคมไฟ และสิ่งของเซ่นไหว้ หลังเสร็จพิธีทุกคนในครอบครัวจะตั้งวงแบ่งกันกิน ขนมไหว้พระจันทร์ โดยขนมต้องนำมาหั่นแบ่งให้เท่ากับจำนวนคนในครอบครัว ห้ามเกินหรือขาด และแต่ละช้ิน ต้องมีขนาดที่เท่ากัน ขนมไหว้พระจันทร์จึงเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ความกลมเกลียวคนในครอบครัว ดงั นั้น รูปลกั ษณะของขนมไหว้พระจนั ทร์ จะต้องทำเปน็ ก้อนวงกลมเทา่ นัน้ รูปท่ี 2.7 พธิ กี ารไหวใ้ นวนั ไหว้พระจันทร์ นอกจากนี้สิง่ ท่ขี าดไม่ไดส้ ำหรบั เทศกาลไหว้พระจนั ทร์กค็ ือ ขนมไหวพ้ ระจนั ทร์ ท่ีใช้เปน็ เคร่อื งเซน่ ไหว้เทพเจ้าดวง จนั ทร์ โดยคนจนี จะเรยี กวา่ ขนมเอย้ี ปิ่ง ซึง่ หมายถงึ ความพร่ังพรอ้ ม สมบรู ณ์ และความสมหวงั ขนมไหว้พระจันทร์ ของจีนแบบด้ังเดมิ นัน้ มสี ่วนประกอบ เช่น ถ่ัวแดง ลกู นัทจนี 5 ชนิด และเม็ดบัว จะต้องมีไส้หวาน หรือสอดไส้ด้วย 17

ธัญพืชที่มีรสหวานเท่านั้น ต่อมาประเพณีได้แพร่หลายออกไปอย่างมาก จึงได้มีการปรับปรุงเปล่ียนแปลงรสชาติ และรปู แบบมากขน้ึ รปู ที่ 2.8 ขนมไหวพ้ ระจนั ทร์ ตำนาน “การกอ่ การล้มลา้ งราชวงศห์ ยวนของจูหยวนจาง” 朱元璋月饼起义 ตำนานอิงประวัติศาสตร์ กล่าวคือในสมัยราชวงศ์หยวน 元朝 (ค.ศ. 1271-1368) ซึ่งกล่าวกันว่า การ ทานขนมไหว้ พระจันทร์เรมิ่ กนั ในสมยั นี้ เน่ืองจากขนมไหวพ้ ระจันทรม์ ลี ักษณะ ทรง กลม จึงเป็นสัญลักษณข์ องความสามัคคีกลมเกลียว ในขณะ นนั้ จูหยวนจาง 朱元璋 ได้เป็นผู้นำก่อการนำชาวฮ่นั เพ่อื โค่น ล้มราชวงศห์ ยวนซงึ่ เป็นชาวมองโกเลยี และได้ นดั หมายวันที่ 15 เดือน 8 เปน็ วนั ลงมอื แต่ รปู ท่ี 2.9 สญั ลักษณใ์ นการสอื่ สารใหโ้ คน่ ลม้ ราชวงศ์หยวน เนื่องจากการสื่อสารในสมัยนั้นทำได้ยาก ลำบาก จึงได้อาศัยขนมไหว้พระจันทร์โดยการสอด ไว้ในขนม ไหวพ้ ระจนั ทร์ เพราะกระจายขา่ วสาร จนประสบความสำเรจ็ ในการก่อการครงั้ น้ี หลังจากทโ่ี คน่ ลม้ ราชวงศ์หยวนแล้ว จหู ยวนจาง ได้สถาปนาราชวงศ์หมิง 明朝 และไดเ้ ปน็ ฮ่องเต้องค์แรกของ ราชวงศ์นี้ การรำลึกวันแห่งการการโค่นล้มราชวงศ์ หยวนจึงยังคงจัดให้มีขึ้นทุกปีสืบเนื่องกันมาจนปจั จุบัน ถึงแม้ ในยุคของราชวงศ์ชงิ ซงึ่ ไมใ่ ช่ชาวฮั่นก็ยังคงปฏิบัติเชน่ ชาวฮัน่ ในอดตี 18

เทศกาลฉงหยาง (重阳节 Chóngyáng jié)หรือ “ฉงจิ่ว” ตรงกับวันที่ 9 เดือน 9 ตามปฏิทิน ทางจันทรคติ เป็นเทศกาลที่มีมาตั้งแต่สมัยจ้านกว๋อ ซึ่ง เป็นช่วงที่ดอกเก๊กฮวยกำลังเบ่งบาน ผู้คนในสมัยโบราณ จะพากันไปปีนขึ้นเขาเพื่อชมทิวทัศน์และจิบน้ำชาดอก เก๊กฮวย ที่มีสรรพคุณเป็นยาเพื่อป้องกันโรคระบาดที่ มักจะเกิดในช่วงนั้นโดยเฉพาะโรค ห่า นอกจากนี้รัฐบาล จีนยังกำหนดให้ฉงหยางเปน็ เทศกาลผูส้ ูงอายดุ ้วย รูปที่ 2.10 ผู้คนในสมัยโบราณจะพากันไปปีนขนึ้ เขา เพอื่ ชมทวิ ทศั นแ์ ละจิบน้ำชาดอกเก๊กฮวย ประเพณีการดม่ื ชาจนี - ชาจีน ชาถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของชาวจีน โดยการดื่มชาในประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ ยาวนานกวา่ 2,000 ปี ชาวจนี ชอบดื่มชา และมักใช้ชาสำหรบั รบั รองแขกหรือเพื่อนเปน็ สว่ นใหญ่ - ใบชาของจีนเมือ่ แบง่ ตามวิธกี ารทำแลว้ มี ชาเขยี ว ชาแดง ชาอู่หลง ชาดอกไม้ ชาถัวฉา ชาจวนฉา เปน็ ตน้ - ชาเขียว(绿茶 Lǜchá)ที่ขึ้นชื่อมี “ชาซีหูหลงจิง (西湖龙井茶 Xīhú lóngjǐng chá)(เมืองหางโจว มณฑลเจอ้ เจยี ง) ,ชาปหี้ ลวั ชนุ (碧螺春茶 Bìluóchūn chá) (มณฑลเจยี งซ)ู ชาหวงซานเหมาเฟิง (黄山毛峰茶 Huángshān máo fēng chá (มณฑลอนั ฮยุ ) เปน็ ต้น - ชาแดง(红茶 Hóngchá)ท่ขี น้ึ ชื่อมี “ชาฉหี ง (祁红茶 Qí hóngchá)(มณฑลอันฮยุ ) , ชาเตียนหง(滇红茶 Diān hóngchá) (มณฑลหยุนหนาน) เป็นตน้ - ชาอู่หลง(乌龙茶 Wūlóngchá)ที่ขึ้นชื่อมี “ชาอู่อี๋เหยียน (武夷岩茶 Wǔyí yán chá)(ภูเขาอู่อ๋ีซาน มณฑลฝเู จยี้ น) เปน็ ต้น - ชาดอกไม้(花茶 Huāchá)ทีข่ ้ึนชอ่ื มี “ชามะลิ (茉莉花茶 Mòlìhuā chá) (มณฑลฮกเกย้ี น) เป็นต้น ซง่ึ ชาดอกไมเ้ ป็นชาชนดิ ทม่ี เี ฉพาะในประเทศจนี เพียงประเทศเดียวเท่านัน้ ประเพณีอาหารจนี รสชาติอาหารจีน เนื่องจากประเทศจีนมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีชนเผ่าต่างๆ จำนวนมาก จึงทำให้อาหารจีนมี อยู่มากมายหลายประเภท และมีรสชาติหลากหลายและแตกต่างกันออกไป ซึ่งคนพื้นเมืองกล่าวว่า “ใต้หวาน เหนือเค็ม ตะวนั ออกเผด็ ตะวนั ตกเปรีย้ ว” โดยแบ่งเปน็ อาหารจีนตามพ้นื ท่ีต่างๆ ไดด้ งั นี้ กลุ่มอาหารจนี ตามพนื้ ทต่ี ่างๆ โดยหลกั ๆ จะมีอยู่ 8 กลุ่ม ได้แก่ 19

ลำดับ ช่ือเรยี กกลุม่ เขตพื้นที่หลัก ลักษณะเดน่ อาหารขึ้นชื่อ 1 หลูช่ ่าย (鲁菜) ซานตง อาหารทะเลมีจำนวน กุง้ ยักษย์ ่าง,หอยสงั ข์น้ำแดง,ปลาหลี มาก หอมสดนุ่ม ได้ ฮื้อแม่น้ำหวงเหอเปร้ยี วหวาน เป็น รสชาติ ตน้ 2 ชวนช่าย(川菜) เสฉวน รสเผด็ เปรยี้ ว ใช้น้ำมนั ไกห่ ่นั หลายรส, เสน้ เนือ้ รสปลา,เตา้ หู้ มากและมีรสเข้มขน้ หมาโผ,ชิ้นเนือ้ ไก่กงเป้า เปน็ ต้น 3 เยว่ชา่ ย(粤菜) กวางตงุ้ ใช้เคร่ืองปรุงมากและ ผดั กงุ้ สด,ลกู หมูยา่ ง,ไก่ตม้ หน่ั สบั ชน้ิ , ละเอยี ด อาหารมสี สี นั เผือกประกบเน้ือชิน้ เป็นต้น มาก กลน่ิ หอม รส อร่อยและดสู วยงาม 4 หมิน่ ช่าย(闽菜) ฮกเกี้ยน เนน้ อาหารทะเล สีสัน กงุ้ พนั ธ์ุหมงิ น่ึง,ซปุ ลกู ช้นิ ปลา,พระ สวยงาม รสชาติอรอ่ ย กระโดดกำแพง เปน็ ตน้ สดใหม่และนุ่ม 5 ซูช่าย(苏菜) เจยี งซู ความเข้มขน้ พอดี สด ปลาพันธุ์สือนงึ่ ,เปด็ หมักเกลอื สูตร หอมกรอบละเอียด หนานจิง,ไก่นงึ่ แตงโม เป็นต้น ความเคม็ หวานเข้ากนั พอดี 6 เจอ้ ชา่ ย(浙菜) เจ้อเจียง หอม กรอบ น่มุ สด ปลาเปรยี้ วสตู รซีห,ู ก้งุ หลงจงิ่ ,ไก่อบ ดนิ เปน็ ต้น 7 เซียงชา่ ย(湘菜) หูหนาน ชอบใช้พรกิ เปรยี้ ว ไกท่ อดผัดเผ็ด,ของดองรวมมิตรนง่ึ เผ็ด สด หอม ,ตุ๋นหูฉลาม เป็นต้น 8 ฮยุ ชา่ ย(徽菜) อันฮยุ ชำนาญในการปรงุ นกพิราบต๋นุ หวงซาน,ตะพาบน้ำต๋นุ อาหารจากป่าและ ไส้กรอก,แมวชะมดย่างแดง เป็นตน้ ทะเล พิถีพิถันในเรื่อง ของการใช้ไฟ ซ่ึงนอกจากอาหารขน้ึ ชื่อตามกลมุ่ อาหารท่แี นะนำมาขา้ งต้นแลว้ ยงั มเี ปด็ ยา่ งและจิ้มจุ่มเน้ือแพะของปักกิ่ง หนัง เต้าหูข้ องมณฑลหเู ปย่ และเนื้อแผ่นผกั ดองในพนื้ ท่ีภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจนี ฯลฯ ก็เปน็ อาหารข้ึนชื่อ รสชาตอิ ร่อยของประเทศจนี เช่นกนั 20

แบบฝึ กหดั ท้ายบท 回答问题 1. “สม่ี หาเทศกาลเก่าแก่ของประเทศจีน” ไดแ้ กเ่ ทศกาลอะไรบา้ ง ____________________________________________________________________________ 2. ขนมไหว้พระจันทร์ อย่ใู นเทศกาลใด ____________________________________________________________________________ 3. เทศกาลหยวนเซยี ว คือเทศกาลอะไร ____________________________________________________________________________ จงเติมคำตอบลงในชอ่ งวา่ ง 1. _______________มอี าหารทะเลเปน็ จำนวนมาก หอมสดนุ่ม ได้รสชาติ 2. ไก่ทอดผดั เผด็ ,ของดองรวมมิตรนงึ่ ,ตุ๋นหูฉลาม เป็นต้น เป็นอาหารในกลุ่ม_______________________ 3. _______________เปน็ ชาชนดิ ที่มีเฉพาะในประเทศจนี เพียงประเทศเดยี วเทา่ นั้น 4. เทศกาลผสู้ ูงอายุ หรือเทสกาล_______________________________________________________ 5. เทศกาลทสี่ มาชิกในครอบครวั กลบั อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน มอี ีกชอ่ื หน่ึงเรยี กว่าเทศกาล ____________________________________________________________________________ 6. หลัก 5 ธาตุ หรอื โหงวเฮง้ ของจีน ประกอบดว้ ย ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ 7. ในชว่ งฤดใู บไม้ผลิ ลูกหลานชาวจนี จะไปไหว้บรรพบรุ ษุ ทสี่ ุสานเพอ่ื แสดงความกตญั ญูและรำลกึ คุณงาม ความดีของบรรพบรุ ุษคือเทศกาล________________ กิจกรรมเสรมิ ทักษะ ใหน้ กั เรียนสบื ค้นเกย่ี วกบั อาหารที่เกย่ี วข้องกับเทศกาลต่างๆ ลงในกระดาษ A4 ส่งภายในอาทติ ยห์ นา้ ในคาบ เรยี นต่อไป 21

บทท่ี 3 ภาษาและตวั อักษรจีน (中国语言与文字) จุดประสงค์ : เพ่ือใหน้ ักเรยี นทราบถึงความเปน็ มาของภาษาและตวั อักษรของจนี ภาษาจีน (汉语 Hànyǔ) ภาษาจีน เป็นภาษาที่ชนเผ่าฮั่นใช้กัน ซึ่งเป็นภาษาที่มีจำนวนประชากรใช้กันมากที่สุดของโลกในปจั จบุ ัน และเป็นภาษาที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติภาษาหนง่ึ อีกด้วย นอกจากจนี แผ่นดนิ ใหญ่ ไตห้ วัน ฮอ่ งกง มาเก๊าแล้ว ในสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ ล้วน มีคนใช้ภาษาจีนกันอยู่ไม่น้อย ภาษาจีนกลางเป็นภาษากลางสำหรับ ชนเผา่ อ่ืนของประเทศจนี ด้วย ภาษาจนี กลาง (ผทู่ งฮ่ัว) (普通话 Pǔtōnghuà) คือ ภาษามาตรฐานของภาษาจีน และเป็นภาษาราชการของประเทศจีน โดยที่ไต้หวันจะเรียกว่า “กั๋วอว่ี (国语 Guóyǔ) และในสงิ คโปร์ มาเลเซยี ไทย และประเทศอน่ื ๆ เรียกวา่ “หวั อว๋ี (华语 Huáyǔ) ตวั อักษรจีน (汉字 Hànzì) เป็นหนึ่งในบรรดาอักษรที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และในปัจจุบัน ยังเป็นตัวอักษรที่มีคนที่นิยมใช้มากที่สดุ ซึ่ง ประวัติความเป็นมาของตัวอักษรจีนที่ได้วิวัฒนาการมาจนเป็นระบบตัวอักษรอย่างสมบูรณ์มายาวนานกว่า 3,000 ปี ตวั อกั ษรจนี มตี น้ กำเนดิ มาจาก “อกั ษรภาพ” ซง่ึ ในสมยั โบราณจะใชร้ ูปภาพเพื่อการจดบนั ทึกเร่ืองราวตา่ งๆ วิวัฒนาการตวั อกั ษรจีน ตัวอกั ษรจีนเป็นอักษรภาพเชน่ เดียวกับตัวอักษรอยี ิปต์โบราณ ทวา่ กาลเวลาไม่หยุดยั้งเชน่ เดียวกับอักษรจีนที่ยังคง มีวิวัฒนาการและเป็นตัวอักษรเดียวที่พัฒนาจากอักษรภาพจนกระทั้งเป็นอักษรจีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน การจาก ศึกษาพบว่าวิวัฒนาการของตัวอักษรภาษาจีนสามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วงคือ ช่วงอักษรจีนโบราณ ช่วงอักษรจีน ปจั จุบัน และช่วงอักษรจนี ตวั เต็มตัวยอ่ 1. อกั ษรจนี โบราณ ( 古文字阶段 ) 1.1 อักษรภาพ ประดิษฐ์ข้ึนจากการสงั เกตและเลียนแบบรอยเทา้ ของสัตว์รวมทั้งส่ิงต่าง ๆ ตามธรรมชาติ โดยขา้ ราชสำนกั นามวา่ ชังเจ๋ีย ( 仓颉 ) เป็นผ้คู ดิ ค้น 22

1.2 อักษรเจี๋ยกู่เหวิน (甲骨文Jiǎgǔwén) พฒั นามาจากอักษรภาพ แกะอักษรดว้ ยมดี ลงบนกระดกู สัตว์ หรือบนกระดอง เนื้อหาบนกระดองเตา่ เปน็ เนอื้ หา เกย่ี วกับการเสีย่ งทาย และคำทำนาย หลงั จากทาการจารึกแล้วจึงนาไปเผาไฟ เจย๋ี กู่เหวนิ เป็นตัวอกั ษรท่เี ก่าแก่ ที่สดุ ท่ีถกู ค้นพบในปัจจบุ ัน โดยเริม่ นับจากราชวงศ์ชางน่นั เอง 1.3 อักษรตา้ จ้วน หรอื อักษรจินเหวนิ (大篆Dàzhuàn,金文Jīn wén) อักษรตา้ จ้วนมีลกั ษณะคลา้ ยอกั ษรภาพ ลกั ษณะเส้นจะใหญห่ รอื หนากว่าอกั ษรเจ๋ียกเู่ หวนิ ผูป้ ระดษิ ฐช์ ือ่ วา่ โจ้ว ( 籀 ) ยุคนี้เป็นยุคสัมฤทธิ์และโลหะ มักมีการจารึกอักษรลงบนระฆังหรือ ภาชนะปรุงอาหารและใส่อาหาร เครอ่ื งด่มื รวมทงั้ เหรยี ญเงนิ ตา่ ง ๆ 1.4 อักษรเสยี่ วจว้ น (小篆) อักษรชนดิ นี้มีพัฒนาการจากอักษรต้าจว้ น ลักษณะอักษรมีความคล้ายกับอักษรภาพ มีความซับซอ้ นน้อย กว่าตา้ จ้วน เป็นอักษรมาตรฐานทที่ างการราชวงศ์ฉนิ กำหนดข้ึนมา 2. อักษรจนี ปัจจบุ ัน ( 近代文字阶段) 2.1 อักษรลี่ซู ( 隶书) อกั ษรเสี่ยวจ้วนมีความซับซ้อนยากในการเขียน จงึ ดัดแปลงเป็นอักษรล่ีซู มลี กั ษณะเรม่ิ เป็นอกั ษรสีเ่ หลย่ี ม มเี ส้นขีด เขียนท่สี วยงาม บางครง้ั เรียกว่า อกั ษรฮัน่ ล่ี ( 汉隶) นยิ มใชเ้ ป็นตราประทับ เน่อื งจากเปน็ อักษรทีซ่ ับซ้อน จงึ ยากแก่การปลอมแปลง และมักใชค้ วบคกู่ ันไป 2.2 อักษรขา่ ยซู (楷书) เป็นอักษรจีนรูปแบบมาตรฐานใช้กันอย่างแพร่หลายใน เป็นการหลุดพ้นจากรูปแบบอักษรภาพของตัวอักขระยุค โบราณอยา่ งส้ินเชิง การก้าวเข้าสขู่ อบเขตข้ันใหม่ของอักษรลซี่ ู พัฒนาตามมาด้วย อักษรข่ายซู เฉา่ ซู และสิงซู ก้าว พ้นจากขอ้ จากัดของลายเส้นทม่ี าจากการแกะสลกั จวบจนปัจจบุ นั อักษรข่ายซูยังเปน็ อักษรมาตรฐานของจนี 23

2.3 อักษรหวัดเฉา่ ซู (草书) มีการนาอกั ษรลี่ซูไปเขยี นเปน็ ตัวหนังสอื หวดั ทำใหเ้ กดิ ตัวอักษรท่เี รียกว่า อกั ษรหวัดล่ีซู เป็นการเขยี นหวดั ฉวัดเฉวียน ( 狂草) เขียนหวดั มาก (大草) เขียนหวดั น้อย ( 小草) 2.4 อักษรแกมบรรจง สิงซู ( 行书) รปู แบบตวั อักษรท่ีอย่กู ่ึงกลางระหว่างอักษรข่ายซแู ละอกั ษรเฉ่าซู เกิดจากการเขียนอักษรตวั บรรจงที่เขียนอย่าง หวดั หรืออักษรตัวหวดั ทเ่ี ขยี นอยา่ งบรรจง และยงั เป็นอักษรที่เฟื่องฟูในหมู่กวีนักปราชญ์แหง่ ราชวงศ์ซ่ง ( 宋朝 ) 3. อกั ษรจีนตัวเตม็ ตัวย่อ ( 现代文字阶段 ) 3.1 อักษรจนี ตวั เต็ม (繁体文字) หลกั จากจิน๋ ซฮี ่องเต้ รวบรวมแผ่นดินจนี เปน็ ปกึ แผ่น ได้มีการรวบรวมและกาหนดแบบแผนการเขยี นท่ีชดั เจนเป็น ระบบ 3.2 อักษรจีนตัวย่อ (简体文字阶段) อักษรจีนย่อ คือ อักษรจนี ตวั เต็มทถี่ ูกลดจำนวนขดี ใหน้ ้อยลง เพือ่ ประโยชนแ์ ละความสะดวกในการเขียนและง่าย แก่การจำ วิวัฒนาการอักษรย่อ สมยั ลูเ่ ฟ่ยขยุ (陆费逵) ได้ปลกุ กระแสการใช้อักษรยอ่ จนกระท่ังปี 1934 มีการตีพิมพ์หนงั สอื และ พจนานุกรมจีนย่อหลากรปู แบบ หลงั จากสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจนี เหมาเจ๋อตุงออกนโยบายรณรงค์ใช้ อกั ษรย่ออย่างจรงิ จัง โดยกาหนดให้ใช้ในหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ และได้ประกาศใชร้ ปู แบบอกั ษรย่อ เป็นทางการเมือ่ วนั ท่ี 28 มกราคม ค.ศ. 1956 กลวิธกี ารทำอักษรย่อ 1. ลดจำนวนขีด 2. ดดั แปลงบางสว่ นของตัวอักษร 麗>丽 雲>云 3. ใช้อกั ษรจีนท่ีเขยี นง่ายแทนตัวอกั ษรจีนระบบเก่าทีม่ ีจำนวนขีดมาก 變>变 團>团 又 --> 漢 > 汉 ㄨ --> 趙 > 赵 4. ยืมคำเพิ่มศัพทใ์ หม่ 创 แปลวา่ สรา้ ง 新 แปลวา่ ใหม่ 创新 แปลว่า สร้างใหม่ , นวตั กรรม 24

แบบฝึ กหัดท้ายบท 回答问题 1. ภาษาจีนกลาง (ผู่ทงฮ่ัว) (普通话 Pǔtōnghuà) คือ _______________________________________________________________________________ _______________________________________________________________________________ 2. ตน้ กำเนดิ อักษรจีน มาจากอกั ษรใด ____________________________________________________________________________ 3. วิวฒั นาการของตวั อกั ษรภาษาจนี สามารถแบง่ ได้เป็นกชี่ ่วง ____________________________________________________________________________ จงเตมิ คำตอบลงในชอ่ งวา่ ง 1. _______________เปน็ ผู้ปลกุ กระแสการใช้อกั ษรยอ่ 2. อกั ษรเจี๋ยกเู่ หวิน เป็นอักษรที่พฒั นามาจาก_____________________________________________ 3. _______________เป็นอักษรจนี ตัวเต็มท่ีถูกลดจำนวนขีดใหน้ ้อยลง 4. ภาษาราชการของไตห้ วันคอื _______________________________________________________ 5. _______________เป็นรปู แบบตัวอักษรทอ่ี ยู่ก่ึงกลางระหว่างอักษรขา่ ยซแู ละอักษรเฉ่าซู 6. มพี ฒั นาการจากอกั ษรต้าจ้วน ลกั ษณะอกั ษรมีความคล้ายกบั อกั ษรภาพ มีความซบั ซ้อนน้อย กว่าต้าจ้วน เป็นอกั ษรมาตรฐานทีท่ างการราชวงศ์ฉินกาหนดขนึ ้ มา คอื อกั ษร___________________ 7. กลวิธกี ารทำอักษรย่อ โดยเรมิ่ จาก____________________________________________________ _____________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________ กจิ กรรมเสริมทักษะ ใหน้ ักเรยี นสรปุ ความร้เู กี่ยวกับวิวฒั นาการอักษรจีนลงในกระดาษ A4 ส่งภายในอาทิตยห์ น้า ในคาบเรียน ตอ่ ไป 25

บรรณานกุ รม กองคลัง มหาวทิ ยาลัยหวั เฉียวเฉลิมพระเกยี รติ. เทศกาลหยวนเซียวโคมไฟ, 16 กรกฎาคม 2562. http://finance.hcu.ac.th/เทศกาลหยวนเซยี วโคมไฟ กองคลัง มหาวิทยาลัยหวั เฉยี วเฉลมิ พระเกียรติ. เทศกาลไหวบ้ ะ๊ จ่าง, 16 กรกฎาคม 2562. http://finance.hcu.ac.th/เทศกาลไหวบ้ ๊ะจา่ ง ฝเู หอหนาน และ ฉางเฉยี ง. (บรรณาธิการ). (2558). ค่มู ือการเรียนการสอน ภาษาจีน ฉบับปรบั ปรุง. กรงุ เทพฯ: เพชรประกาย. องั ศุธร ทันมา. เทศกาลของประเทศจีน, 16 กรกฎาคม 2562. https://sites.google.com/site/angsutorntunma/theskal-cin โรงเรยี นศรีพฤฒา. วิวัฒนาการอักษรจีน, 16 กรกฎาคม 2562. http://www.sts.ac.th/0538/2016/09/22/วิวัฒนาการอักษรจีน China Radio International. CRI. วฒั นธรรมอาหารการกินของจนี (2), 16 กรกฎาคม 2562. http://thai.cri.cn/247/2016/05/03/233s241907.htm China Radio International. CRI. วัฒนธรรมอาหารการกนิ ของจีน(1), 16 กรกฎาคม 2562. http://thai.cri.cn/247/2016/05/03/233s241906.htm 26

27


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook