Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2 บทที่ 2 - 1

2 บทที่ 2 - 1

Published by sudarat3265, 2019-08-21 03:54:44

Description: 2 บทที่ 2 - 1

Search

Read the Text Version

เวลาบา่ ย ๓.๒๕ กินข้าวแล้ว ออกเดนิ ทางทีพ่ ักมยงิ เดินทางตอนนเ้ี ปล่ียนเปนกระบวนช้าง ขพ่ี งั เลบ็ ดําไปตามทาง พืน้ เปนทรายตัดชอ่ งไมก้ ว้าง ๘ วาเหมอื นกัน ในพ้นื ชอ่ งเปนหญ้าแลกอไม้เล็ก แต่เขา ถางคุย้ กลางไว้เหลือแต่ทรายกวา้ งวาหนงึ่ เสาโทรเลขไปชอ่ งกลาง สองข้างเปนป่าแดง ข้างในเห็นจะมี บ้านบ้างเพราะเห็นคนมีมาเปนแขกมาก (น่าจะเป็นบา้ นสระบวั ) เสาโทรเลขตอนนีช้ ํารดุ หลายต้น ทย่ี ืน คอดอย่กู ็มบี ้าง ท่ลี ม้ แล้วเอาลวดไมป้ กั แทนไวก้ ็มี เดินไปถงึ เวลาบ่าย ๓.๔๕ ท้งิ ทางโทรเลข (ไม่เดินไป ตามทางท่ีมีเสาโทรเลข) เดนิ แยกตัดทางไปตะวนั ออกลงฝัง่ ทเล (ตรงนปี้ จั จุบันนา่ จะเป็นบ้านในถงุ้ ) ทาง ประมาณ ๑๐ เส้น ถงึ ฝั่งทะเล เดนิ เลยี บตามชายหาด เหตทุ ี่ตดั ทางมาเดนิ ริมทะเลนี้ เพราะจะเดินไปถึง แมน่ ้ําทา่ สงู ตามทางโทรเลข ช้างจะขา้ มไม่ได้เพราะในท้องคลองเป็นหล่มเลน (คลองทา่ สงู ) ตัดลงทเล เพื่อจะไปข้ามทางปากนาํ้ ซ่งึ เป็นทที่ ราย เหตทุ ่ีตัดก่อนไกลก็เพราะที่ใกลแ้ ม่นา้ํ ท่าสูงพน้ื เปนพรหุ ล่มทั้งนน้ั (ปัจจบุ ันคอื คลองเคย) ท่ีรมิ หาดทรายซึ่งเดนิ เลียบไปนั้น เปนบ้านแลสวนมพร้าวตลอดไป (ปจั จุบันคือ บ้านบางใบไมแ้ ละดา่ นภาษี) จนเวลาบ่าย ๔.๓๕ ถึงปากนํ้าท่าสงู (ปากนํ้าบางใบไม้) เดนิ ช้างข้าม ปากนํ้าตามแนวหาด นาํ้ ลกึ เพียงท้องชา้ ง ขน้ึ หาดฟากโน้นเดินตอ่ ไปตามชายหาด แตแ่ ม่นาํ้ หาไดป้ ักตรง เขา้ ไปในพนื้ แผน่ ดนิ ไม่ แฝงไปกบั หลงั หาด (คือบรเิ วณอ่าวท่าศาลา) ท่ีแท้ยงั ไมถ่ ึงแมน่ ํ้าตรงนัน้ คือทเล เป นแต่คลนื่ ซดั ทรายมาเปนหาด เดินไปจน ๔.๕๐ ฝั่งในสนหาดตลิ่ง เปลี่ยนเปนโคลนมตี น้ โกงกางข้นึ ฝั่ง นอกหาดเบรกวอเตอร (อ่าวทา่ ศาลาเปน็ บอ่ พักนํ้าขนาดใหญร่ บั นาํ้ จากคลองทา่ นาย คลองท่าเปรง คลอง ทา่ พุด (คลองฆ่าสตั ว)์ และ คลองทา่ สูง ก่อนไหลลงทะเลทีป่ ากน้ําท่าศาลา) กว้างออกไปทุกทีจนถงึ ฝ่ังใน หมดหาด ฝ่ังนอกกม็ พี รรณไม้ขนึ้ บ้าง มคี นปลกู มพรา้ วไว้พ่งึ งอกขนึ้ รนุ่ ๆ เวลาบา่ ย ๕ โมง ๕ มินิต ถงึ ทพี่ กั ท่าสูง (น่าจะเปน็ บ้านพักรับรองท่ีด่านภาษ)ี เขาปลกู ไว้รบั บนเบรกวอเตอร หน้าคา่ ยชิดทะเล หลังชิด แมน่ ํ้า เข้าหยดุ พักท่ีนนั้ นายเงินล่วงหน้ามารบั (นายเงินเปน็ นายอําเภอกลายคนที่ 2) พอถึงทพ่ี กั เหน็ ยงั วนั จึงเลยเดนิ ไปถึงทีพ่ ักโทรศัพทท์ า่ สูง (โทรเลข) อยู่เหนือทพี่ กั ไปประมาณ ๑๐ เส้น ตรงนั้นพน้ื สูงเปนที่แง่ปากน้าํ แท้ (คลองทา่ สูง) สายขา้ มตรงนน้ั (สายหมายถงึ สายโทรเลข) ท่ี ข้ามกว้างประมาณ ๒ เสน้ โรงโทรศพั ท์ (โทรเลข) เป็นโรงจากหลังคาปนั้ หญ้า (ปนั้ หยา) ตรวจดูขา้ งใน เรียบร้อย ทําเปนสองห้อง ห้องนอกเปนห้องโทรศัพท์ (โทรเลข) มีโทรศพั ท์ (โทรเลข) ติดอย่เู รียบร้อย ห้อง ในเปนที่พนกั งานอยู่ พนักงานมีอย่ทู ่ีโรงนน้ั คือนายจรไลนแ์ มน เป็นคนเมืองน้ี (คนอําเภอกลาย) ทาํ มา แต่ศก ๑๑๗ (พ.ศ.2441) ได้เงนิ เดือน ๑๕ บาท มีคนการใชส้ องคน ไต่ถามดไู ด้ความวา่ สายเวลาน้ีดี ๗ วนั ออกเดินตรวจไปนครทีหนึ่ง (เครื่องโทรเลขในเวลาน้ีใช้งานได้ ใน 7 วัน จะเดนิ ตรวจสายโทรเลขจาก อาํ เภอกลายไปชมุ สายนครศรีธรรมราชทีหน่ึง) บ่าย ๕.๓๐ กลบั มาถงึ ทพ่ี ัก เวลาบ่าย ๕.๕๗ พระยาสขุ ุมมาชวนลงเรอื เข้าไปเที่ยวในแมน่ า้ํ แม่นํ้านีแ้ ยกไปเป็นห้าทาง แตไ่ ด้ ไปทางหน่ึงซ่ึงจะไปสทู่ ่ีวา่ การอาํ เภอ อนั ตงั้ อยตู่ ําบลทา่ ศาลา เวลาย่าํ คา่ํ ๑๐ ถึงทา่ น้าํ ทา่ ศาลา (ศาลา นาํ้ ) ข้ึนเดินไปบนถนน เขาตัดไวก้ วา้ ง ๔ วา ตรงไปไรส่ าย (ลายสาย) ทางบนดอนวา่ เปนบา้ นใหญม่ คี น มาก (เป็นชุมชนใหญ่มบี ้านเรือนผูค้ นมาก) สองขา้ งทางทท่ี า่ นา้ํ มีโรงเจก๊ ขายของสองฟากกวา่ สิบ ทว่ งที คลา้ ยเมืองกระบแี่ ตเ่ ลวกว่าสักหน่อย ว่าต้ังขายพวกไรส่ าย (ลายสาย) ลงมาซ้อื พน้ ตลาดขึ้นไปถึงบ้าน

อําเภอ (บ้านพักนายอาํ เภอในปัจจุบนั ) เกอื บเป็นเรือนตกุ๊ ตาจมอยู่ในหญ้า ตอ่ บา้ นอาํ เภอไปมีบ้านพกั ข้าราชการใหญก่ ว่าบ้านอาํ เภอนดิ หนึ่ง ต่อไปถงึ ดงยาง (ต้นยางนา) มีท่ีวา่ การอําเภอทาํ ไว้ในดงยาง รม่ รนื่ ดี (คืออาณาบรเิ วณท่เี ปน็ ทว่ี า่ การอาํ เภอท่าศาลาในปัจจุบนั ) ที่ว่าการอาํ เภอนนั้ ขนาดพอดสี มกบั ประเทศ (ภมู ปิ ระเทศ) หลงั คาจากฝาไมไ้ ผ่ (คงเป็นอาคารท่ีว่าการอําเภอกลายหลงั แรก ก่อนสรา้ งถาวร เปน็ อาคารไมช้ ้ันเดยี วใต้ถนุ โล่ง หลงั คามุงดว้ ยกระเบอ้ื ง ซง่ึ อาคารถาวรหลังนี้กถ็ ูกรื้อถอนไปแลว้ โดย สรา้ งเปน็ อาคารสองชั้นหลงั ที่ใชง้ านอยูใ่ นปัจจบุ ัน โดยสรา้ งลงบนทด่ี ินทเ่ี คยเป็นอาคารถาวรหลงั แรก น่ันเอง) ดแู ล้วกลับมาลงเรอื เวลายาํ่ ค่ํา ๓๕ กลบั มาทพี่ กั รมิ ฝ่ังนํ้าเป็นต้นโกงกาง เหน็ ตน้ มพรา้ วข้างใน เป็นหม่ๆู บางหมู่โกงกางขาดเป็นช่องเห็นบ้านเรือน ทําให้เขา้ ใจว่ามบี ้านในโกงกาง เวลายา่ํ คา่ํ ๕๐ ถงึ ท่ี พัก เวลาค่าํ มีโนรา ๒ โรง หนงั (ตะลุง) ๒ โรง นอนค้างที่น่ัน แต่พระยาสนุ ทราล่วงหน้าไปจัดการขา้ งหน้า เหตุด้วยทพี่ กั ตําบลนี้ อาํ เภอลักขู (อําเภอกลาย) จัดไมเ่ รยี บรอ้ ยไมพ่ อเทศา (พระยาสุขมุ นัยวนิ ิต) ระยะทางที่เดินมาวันน้ี แต่กลางเมือง (ตัวเมืองนครศรีธรรมราช) มาถงึ คลองปากมยิงทพี่ กั รอ้ น ๔๕๖ เสน้ จากปากมยงิ ถงึ ท่าสงู ๑๙๘ เสน้ รวมสองระยะทางเปน ๖๕๔ เส้น (26 กิโลเมตร) ดา้ นการศกึ ษา สมยั โบราณการศึกษามีเฉพาะในวัดและในวงั เท่าน้นั ยงั ไม่มโี รงเรยี นหรือชัน้ เรียนแต่อย่างใด การสอนวิชาชพี ชา่ งสบิ หมู่สอนกนั ท่ีบ้านของชา่ งนนั้ ๆ ไมม่ กี ารเรียนการสอนวิชาสามัญ ถึงรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2414 สรา้ งโรงเรยี นหลวงเปน็ คร้งั แรกในพระบรมมหาราชวงั จัดใหก้ ับลูกหลานเช้ือ พระวงศ์และบตุ รขา้ ราชการ ปี 2428 ตั้งโรงเรียนเพ่อื ราษฎรคร้งั แรกท่ีวัดมหรรณพาราม ประชาชนท่วั ไป ได้ศึกษาเล่าเรียน การจดั การศึกษาเริม่ กระจายไปท่ัวประเทศเม่ือ พ.ศ.2441 กลา่ วเฉพาะการจดั การศึกษาของมณฑลนครศรีธรรมราช พระศริ ิธรรมมุนี (พ่อทา่ นม่วง) ในฐานะผู้อาํ นวยการศึกษามณฑล นครศรีธรรมราช กับพระยาสขุ มุ นยั วินิตสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครศรธี รรมราช ปรึกษาหารอื กันกอ่ ตั้ง โรงเรียนทัว่ ทั้งมณฑลนครศรีธรรมราช จัดตงั้ โรงเรยี นในจังหวดั นครศรธี รรมราช พัทลุง สงขลา จะนะ เทพา หนองจกิ ปัตตานี ยะหริ่ง และ สายบุรี เฉพาะทนี่ ครศรธี รรมราช จัดตัง้ รวม 11 โรงเรยี น มชี ื่อคล้อง จองว่า 1.สขุ มุ าภบิ าลวทิ ยา 2.วฒั นานุกลู 3.ไพบลู ย์บาํ รงุ 4.ราษฎรผดุงวิทยา 5.เกษตราภิสจิ น์ 6.นติ ยาภริ มย์ 7.วิทยาคมนาคะวงษ์ 8.บรรจงอนกุ ิตย์ 9.น้อยประดิษฐผ์ ดุงผล 10.อบุ ลบริหาร 11.ทศั นาคารสโมสร แมจ้ ะมปี ัญหาอุปสรรคสรา้ งโรงเรียนไมค่ รบตามที่ดํารหิ ไ์ ว้ แต่จัดสร้างโรงเรยี นอืน่ ข้ึนทดแทน มีรายละเอยี ดดังน้ี 1. โรงเรียนสขุ ุมาภิบาลวิทยา เดิมเป็นโรงเรียนราษฎรเ์ รียกวา่ วิทยาลัยเชลยศักด์ิ ตัง้ อย่ทู ่ีวดั ท่าโพธิ์ ผกู้ ่อต้งั โรงเรียนคือ พระมหาม่วง รัตนธโช (พระรัตนธัชมุนี) ปี 2442 พระมหาม่วงโอนวิทยาลัย เชลยศักด์ิใหเ้ ป็นโรงเรยี นหลวงอยูใ่ นความอปุ การะของสมุหเทศาภิบาล พระยาสขุ ุมนัยวนิ ิต (ป้ัน สขุ ุม) โดยเปลีย่ นช่ือโรงเรียนเป็น โรงเรียนสขุ มุ าภิบาลวิทยา ถึงปี 2460 รัชกาลท่ี 6 พระราชทานชือ่ เป็น โรงเรยี นเบญจมราชูทศิ

2. โรงเรียนวัฒนานุกูล ตั้งเป็นที่ 2 ของภาคใต้ ท่ีวัดหมาย อําเภอกลาย (ทา่ ศาลา) เมือ่ พ.ศ. 2444 นายเจริญ กรมการอําเภอ (ตรงน้ีไม่ถูกเพราะ พ.ศ.2444 นายเจรญิ ย้ายนายเงนิ มาเป็นนายอาํ เภอ กลาย) พระเสนเจา้ อธิการหมวดให้การสนับสนุน พ่อท่านเสนเป็นเจ้าอาวาสวดั สโมสร (วัดดาน) เปน็ เจ้า คณะตําบลทา่ ศาลา และ เป็นรองเจ้าอธกิ ารอาํ เภอกลาย นายแก้วพนักงานเกบ็ เงนิ ค่านาเป็นครผู ้สู อน เพยี งปเี ดยี วครแู ก้วลาออก ปี 2445 โรงเรียนวฒั นานกุ ูลย้ายไปวัดทา่ สงู อาจารยเ์ ฉยเจา้ อาวาสวัดท่าสงู เปน็ ผอู้ ุปถัมภ์ ให้พระคงเปน็ ครผู ้สู อน สมยั ต่อมาโรงเรียนวัดท่าสงู มคี รปู านเปน็ ครใู หญ่ ท่านแตง่ กายนงุ่ ผ้ามว่ งโจงกระเบน ใสเ่ ส้ือราชปะแตน ครเู ปล่ียน ลัพนาเคนทร์ (ผัวป้าคงบา้ นท่าสูง) ครูเหมือน นพรตั น์ (ลูกผู้ใหญ่ร่ม นพรตั น์ และ ทวดข้ีหมูบา้ นท่าสูง) ครสู ว่าง ตันตกิ ุล ครูดาํ รง ลเิ อม็ (ผัวของนา้ ลา้ นลกู สาว ยายเข็มบ้านในไร่) ครนู ลิ อภัย เปน็ คนปากพนงั มาไดเ้ มยี ทีป่ ากพะยงิ มีลูกหลายคน ครนู ลิ เปน็ ครโู รงเรยี น ไพศาลสถิตย์ หลังจากน้ันมาอยูท่ ่ีทา่ ศาลาสอนท่ีโรงเรียนวัดท่าสูง มาได้กับนางอุน่ (แมช่ ีอุน่ ) สทุ นิ มีลูก ชายเท่าที่ทราบ คือ นายมณีพัฒน์ อภัย และ ยังได้กบั ป้าปรมิ่ ลูกสาวของยายหม้อ คณะนา มีลูกอีก 2 คน คือ นายจินดา อภัย และ นายอุดม อภยั โรงเรยี นวัดท่าสูงเปิดสอนเปน็ เวลา 25 ปี ก่อนหน้าน้นั 2-3 ปี ขุนเทพบรุ ี (นายตดุ ปทมุ า) นา่ จะเป็นกาํ นันตําบลท่าศาลาอาสาจะสร้างโรงเรยี นใหม่ บนที่ดินทเี่ คยเป็น พลับพลาทพี่ ักของขา้ ราชการเมอื งนครศรีธรรมราช ท่ีเคยมาควบคมุ การสรา้ งทางสายศาลานา้ํ -ลายสาย ถนนสร้างเสร็จแล้วท่ีดินพลับพลาถกู ทิ้งร้างอยู่ เม่ือขนุ เทพบรุ สี รา้ งอาคารเรียนแล้วเสรจ็ พ.ศ.2471 โรงเรยี นวัดทา่ สงู ย้ายนกั เรียนยา้ ยครมู าอยู่ท่ีโรงเรยี นปทุมานุกูล ครูท่ยี า้ ยมา เช่น ครูดาํ รง ลเิ อ็ม ครูสวา่ ง ตันติกลุ เป็นต้น ปา้ หลวิ แซ่ตนั ปัจจบุ นั อายุ 95 ปี เล่าว่าเวลาน้ันเรียนชั้น ป.2 ห้องครสู ว่าง ตันตกิ ลุ ครู สว่างมีศักด์เิ ป็นอาของป้าหลิว เมอ่ื ย้ายจากวัดท่าสูงมาท่ีปทุมานกุ ูล ป้าหลิวไมม่ าเรียนทีโ่ รงเรียนปทมุ านุ กูลอกี เลย (พ.ศ.2564 โรงเรียนปมุ านุกูลอายุครบ 120 ป)ี 3. โรงเรียนไพบูลย์บาํ รุง ต้ังทวี่ ดั เสาธงทอง อาํ เภอเบยี้ ซัด (ปากพนัง) 4. โรงเรียนราษฎรผดุงวิทยา ตั้งที่วัดพระนคร พระครูกาชาดให้การสนบั สนนุ 5. โรงเรยี นเกษตราภสิ จิ น์ ต้ังทีว่ ัดร่อนนอก อ.ร่อนพิบูลย์ ขุนเกษตรพาหนะ ให้การสนบั สนนุ 6. โรงเรียนนติ ยาภิรมย์ โรงเรยี นตั้งในวัดแต่ไม่ระบุช่ือวัด อย่ใู นอาํ เภอทุ่งสง นายเที่ยง กรมการ อาํ เภอให้การสนับสนุน เลือกพระในวัดนั้นสง่ ไปฝกึ หัดครกู ับพระมหาไวทีว่ ัดท่าโพธ์ิ 7. โรงเรียนวทิ ยาคมนาคะวงษ์ ตง้ั ท่วี ัดม่วง อําเภอฉวาง นายนาค กรมการอําเภอ และ ผู้นาํ ชาวบา้ นใหก้ ารสนบั สนุน มีพระทองเปน็ ครผู สู้ อน ยงั สง่ พระล้อม พระชว่ ย ไปฝกึ หัดครกู ับพระมหาไวทวี่ ัด ทา่ โพธิ์อีกด้วย 8. โรงเรียนบรรจงอนกุ ติ ย์ ดําริวา่ จะตัง้ โรงเรยี นท่วี ัดสัมพันธ์ อาํ เภอพระแสง ขุนบรรจงสารา กรมการอาํ เภอพระแสงเป็นผู้ให้การสนับสนนุ ขุนบรรจงสาราอาสาวา่ จะสอนพระหนูให้สามารถทําหน้าท่ี เปน็ ครูได้ โรงเรียนบรรจงอนุกิตย์ไม่สามารถเปิดสอนได้ จัดตัง้ โรงเรียนทวี่ ัดหน้าราหู (วดั หน้าพระบรม ธาตุ) อาํ เภอกลางเมอื ง เป็นการทดแทน

9. โรงเรียนนอ้ ยประดษิ ฐผ์ ดุงผล ตง้ั โรงเรยี นทีอ่ ําเภอลําพนู ตอนแรกคิดวา่ จะตง้ั ทีว่ ัดเวียงสระ แตก่ ม็ ปี ัญหาบางอย่างไม่สามารถต้งั โรงเรียนได้ ตอนหลังพบกบั นายน้อย กรมการอําเภอลาํ พูน จึงดําริ จะต้งั โรงเรยี นที่วัดบา้ นนา เตรียมพระสงฆเ์ ข้ามาศึกษาวิชาครูทวี่ ัดทา่ โพธิ์ การต้ังโรงเรยี นทว่ี ดั บ้านนาก็ ยังทําไมไ่ ด้ เพราะชาวบ้านป่วยเป็นโรคฝีดาษ ต้องย้ายไปเปิดเรยี นทีว่ ัดปากแพรก 10. โรงเรียนอบุ ลบริหาร ต้ังที่วัดใหม่ อําเภอสิชล ใช้ศาลาวัดใหม่เป็นสถานที่เรยี น พระ อุปัชฌายแ์ กว้ เปน็ ครูสอนในชน้ั ต้นไปก่อน และ สง่ พระกรดไปเรียนการเป็นครูท่วี ดั ทา่ โพธิ์ 11. โรงเรียนทัศนาคารสโมสร ตง้ั ที่วดั เขานอ้ ย อําเภอสิชล นายทัศน์หลานเจา้ พระยานครเปน็ ผู้ใหก้ ารสนับสนนุ ให้พระอธิการวดั เขาน้อยเป็นครสู อนชนั้ ต้นไปก่อน พร้อมกับเลอื กพระอันดับสองรูป ส่งไปฝกึ หดั ครูท่วี ัดท่าโพธ์ิ การปกครองส่วนท้องถ่ิน การปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ราษฎรปกครองกนั เองดูแลกันเอง เพราะคนทีร่ ู้ความตอ้ งการของชาวบ้านดที ่ีสุดคอื คนท่ีเป็นชาวบา้ นดว้ ยกัน การจัดการปกครองดงั กลา่ ว จดั เป็น สขุ าภิบาล และ เทศบาล สุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย คือ สุขาภิบาลท่าฉลอม เม่อื พ.ศ. 2448 หลงั จากนัน้ กก็ ระจายไปทว่ั ทุกจังหวัด ข้าหลวงเทศาภบิ าล ขา้ ราชการอําเภอกลาย (ทา่ ศาลา) คร้ังรัชกาลท่ี 5 พระยาสุขุมนยั วินิต (ป้ัน สุขุม) ครัน้ ถึงสมยั รัชกาลท่ี 5 ยกเลกิ ตาํ แหน่งเจา้ เมืองนครศรธี รรมราช ยุคสุดท้ายเป็นสมัยของพระยา นครศรธี รรมราช (หนพู ร้อม) จากประวัติตระกูล ณ นคร บอกวา่ ชื่อหนเู พยี งคาํ เดยี ว รชั กาลท่ี 5 แต่งตงั้ พระยาสุขุมนยั วนิ ติ มาดาํ รงตาํ แหน่งข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรธี รรมราช ตําแหนง่ หลังสุดคือ เจา้ พระยายมราช พระยาสขุ มุ นัยวินิตดํารงตําแหน่งตงั้ แต่ พ.ศ.2439-2449 สว่ นเมอื งนครศรีธรรมราช เปลีย่ นเป็นจงั หวดั นครศรีธรรมราช แต่งตั้งพระยานครศรีธรรมราช (หนู) กลบั มาเปน็ ผวู้ า่ ราชการจังหวดั เรียกว่า พระยาสธุ รรมมนตรีศรีธรรมราช (หน)ู ช่วง พ.ศ.2440-2447 พระยาสุขมุ นัยวินิตริเร่ิมสร้าง โรงเรยี นในเขตท้องท่ีมณฑลนครศรธี รรมราชหลายโรงเรยี น โดยความร่วมมือของพระรตั นธัชมุนี (ท่าน มว่ งวัดทา่ โพธิ์) ท่านม่วงทาํ หน้าท่ีคล้ายศกึ ษาธกิ ารมณฑล โรงเรยี นวัฒนานุกลู เป็นโรงเรยี นแรกของ อาํ เภอกลาย (ทา่ ศาลา) นายเจริญเปน็ นายอําเภอ โรงเรียนตั้งท่ีวัดหมายสอนเมอ่ื ปี พ.ศ.2444 (สมยั ของ นายเงนิ เป็นนายอาํ เภอ) นายแก้วอดีตพนกั งานเกบ็ เงินคา่ นาเปน็ ครผู ู้สอน สอนเพียงปีเดยี วครูแกว้ ลาออกไปสอบเป็นข้าราชการ โรงเรยี นยา้ ยไปอยทู่ ี่วัดทา่ สูงเรยี กว่า โรงเรยี นวัดทา่ สูง เมือ่ ปี พ.ศ.2445 อาจารย์เฉยเปน็ เจ้าอาวาส ต้งั พระคงเป็นครผู ู้สอน เม่อื ส้นิ บญุ อาจารยเ์ ฉย พระคต พระประสิทธิ์ และ พระดํารง มาจากกะลันตัน พีน่ ้องของครูดาํ รงบอกว่ามาจากกะลันตัน แต่ตามประวัติวดั ทา่ สงู บอกว่ามา จากอําเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส มาสักการบชู าพระบรมธาตนุ ครศรธี รรมราช ชว่ งเวลาน้นั ชาวกะลนั ตันจากประเทศมาเลเซียนิยมนง่ั รถไฟมาสักการะพระบรมธาตกุ นั มาก พระทง้ั สามรูปพักทีว่ ัดจนั ทาราม เจ้าอาวาสวดั ท่าโพธิ์แตง่ ตง้ั พระคตรักษาการเจา้ อาวาสวัดทา่ สูง เมอ่ื ท่านเฉยมรณภาพ พระคตจึงข้ึนเปน็ เจ้าอาวาส พระประสิทธิเ์ ปน็ รองเจา้ อาวาส สว่ นพระดํารงทาํ หนา้ ท่ีเป็นครสู อนนักเรียน โรงเรียนวัดทา่ สงู

เปดิ สอน พ.ศ. 2445-2470 เปน็ เวลา 25 ปี ครัน้ ปี พ.ศ.2471 โรงเรยี นยา้ ยไปสอนท่ี โรงเรยี นปทุมานุกลู จนถึงบัดน้ี ประมาณ พ.ศ. 2440-2442 พระยาสุขมุ นัยวินิตสงั่ ทาํ ถนนจากศาลานา้ํ ตรงไปลายสายเลยไปถงึ โรงเหลก็ เปน็ ระยะทาง 700 เสน้ (28 กิโลเมตร) และ สายหน้าอําเภอกลายไปจรดคลองทา่ สงู 100 เสน้ (4 กโิ ลเมตร) ถนนกวา้ ง 3 วา 1 ศอก บริษัท เบอร์ลี่ยคุ เกอร์ เปน็ ผรู้ ับจา้ งทาํ ถนน โดยใช้รถตักดิน (แบค โฮ) นา่ จะนาํ มาจากปทุมธานี เวลานนั้ บรษิ ัทขดุ คลองและคูนาสยาม กําลงั ขดุ คลองที่ทุง่ รงั สิต ปทมุ ธานี (พ.ศ.2433-2448) รถแบคโฮขุดคูนาํ ดินข้ึนมาทาํ ถนนทงั้ สองข้างทาง เม่อื ถนนสรา้ งเสรจ็ ผคู้ น พากนั มาปลกู สรา้ งบ้านเรอื นอยู่ทง้ั สองขา้ งของถนน ตั้งแต่ศาลานา้ํ ไปจนถงึ ลายสายถงึ โรงเหลก็ ถนนใช้ งานได้ไมน่ าน ช่วงหน้าฝนท่ีบา้ นเราฝนตกหนัก น้ําจากคลองท่าพุดรวมกับน้าํ จากคลองในหนั ไหลลงคู ของถนนหน้าบ้านกาํ นันส้วน สุประดิษฐ์ นา้ํ ไหลแรงกัดเซาะคทู าํ ให้คลู ึกและกวา้ งข้นึ ในทีส่ ดุ คขู องถนน กลายเป็นคลองเรียกว่าคลองคูถนนมาจนถงึ บดั นี้ จากถนนทผี่ ู้คนใชส้ ญั จรจากศาลานํ้าถงึ บ้านโรงเหล็ก ถนนกลายเปน็ คลองเปล่ียนทางสญั จรเป็นทางน้ําไหล การทาํ ถนนสายศาลานํา้ -ลายสาย-โรงเหลก็ เกดิ กรณี นาหัวแตก บางคนเคยได้ยนิ มาบา้ ง บาง คนเพงิ่ ไดย้ นิ เป็นครัง้ แรก นาหัวแตกต้งั อยทู่ างทิศใต้ของเปลวตูกปา่ ช้าของวัดประดหู่ อม นาหัวแตกเปน็ ท่ี นาของตระกลู สามารถ เล่ากันว่า มขี ้าราชการเมืองนครคนหน่งึ รับคําสั่งจากพระยาสุขุมนยั วนิ ติ ให้มายึด ทน่ี าของชาวบ้านเพ่ือใชท้ าํ ถนนสายศาลานํ้า-ลายสาย ขณะยนื ช้นี ้วิ จะยึดเอาท่นี าของพนี่ ้องตระกลู สามารถ เจา้ ของที่นาไม่ยนิ ยอมเกิดการโต้เถียงกันขึ้น เม่ือพูดกันไม่ร้เู ร่ืองเจา้ ของนาตีหวั ขา้ ราชการผ้นู ้ัน จนหัวแตก ตีหัวแล้วข่ชี ้างกลับบา้ น แตเ่ ป็นเร่อื งทีแ่ ปลกมากเพราะไมม่ กี ารฟอ้ งร้องแก่กัน ทง้ั น้เี พราะว่า คนในตระกลู สามารถมญี าติพ่นี ้องทาํ งานอยใู่ นแผนกอัยการและศาลเมืองนคร ทนี่ าตรงนจ้ี ึงเรยี กกนั วา่ นาหวั แตก น่ีคือผลจากการยึดท่ีดนิ ของชาวบ้านโดยพลการ อย่างไรก็ตาม ตอนยึดท่ีดินของตาเดช หวายนํา สรา้ งท่ีว่าการอาํ เภอทา่ ศาลา และ ยดึ ท่ีดนิ ของตาเคว็ด ฤทธี สร้างบ้านพักนายอาํ เภอ สร้าง บ้านพกั ขา้ ราชการ ไมม่ เี หตุการณ์แบบน้เี กิดข้ึน เพราะผู้ถกู ยึดทดี่ ินไมม่ ใี ครกล้าขดั ขืน ญาตพิ ่นี ้องที่เคย ยิ่งใหญล่ ม้ หายตายจากกันไป หมดอํานาจวาสนาไม่มีคนคอยค้มุ กะลาหัว (ตาเดช เปน็ ลกู หลานของออก หลวงไทยบุรีอดีตเจา้ เมืองไทยบุรี ตาเควด็ ฤทธี เปน็ ลกู หลานของ หมื่นคง) พระยาสขุ มุ นัยวนิ ิตสงั่ สรา้ งโรงเรยี น สร้างทาง สร้างคูคลองชลประทาน เชน่ สงั่ ให้ขุดคลองสุขมุ ที่ อําเภอปากพนงั เพอ่ื ชกั นํ้าจากคลองปากพนังไปใชใ้ นการเพาะปลูก ใช้รถตักดิน (แบคโฮ) นํามาจากทงุ่ รังสิตจงั หวัดปทุมธานีเชน่ กัน แนน่ อนว่าการสรา้ งคลองสุขมุ ต้องยึดท่ีดินของชาวบา้ น ใชว้ ิธกี ารเดียวกับ การสร้างถนนสายท่าศาลา-บา้ นโรงเหล็ก คลองสุขมุ ก้ันอําเภอเมอื งกับอําเภอปากพนัง นอกจากน้ียังมี คลองนครพญา (เช่ือมคลองปากพนังกับคลองปากนคร) คลองหัวไทร-ระโนด คลองคอกช้าง คลองกระ ใหญ่ ในเขตจงั หวดั สงขลา และ จงั หวดั พทั ลุง พระยาสุขุมนัยวนิ ิตข้าหลวงเทศาภบิ าลมณฑลนครศรธี รรมราช รื้อกาํ แพงเมืองนครศรธี รรมราช ด้านตะวันออก ด้านทิศใต้ ดา้ นทิศตะวันตก และ ทศิ เหนอื บางส่วน นาํ อิฐกําแพงเมอื งมาทาํ เปน็ ถนน

รอบเมืองนครศรธี รรมราช เป็นความผดิ พลาดทรี่ ้ายแรงมาก ชว่ งหลงั พระยาสขุ ุมนัยวนิ ิตมิ ักไปอยทู่ เี่ มือง สงขลา ทา่ นและลูกหลานของทา่ นมีความสมั พนั ธก์ ับตระกลู สคุ นธหงส์ หาดใหญช่ ว่ งเวลานน้ั เป็นชุมทาง รถไฟสายใต้ มรี ถไฟเข้าตัวเมืองสงขลา มรี ถไฟไปสะเดา มีรถไฟไปสไุ หงโกลก เมอื่ 30 กว่าปีทผี่ ่านมา ลูกหลานของตระกลู สขุ มุ และตระกลู สคุ นธหงส์ โดยคุณหญิง ช่นื จิต สุขุม สร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ขึ้นมาท่อี ําเภอหาดใหญ่ เมื่อ ปี 2515 ตง้ั ชือ่ ว่า โรงแรมสุคนธา ช่อื โรงแรมกน็ ่าจะมาจากชือ่ สกุลสุคนธ หงส์นนั่ เอง โรงแรมน้ีถกู ร้ือถอนแลว้ สร้างใหม่เปล่ียนช่ือเปน็ โรงแรมโนโวเทล เซ็นทารา หาดใหญ่ ขุนรักษาไทยบรุ ี (หนกู ลิ่น วชิ ยั ดษิ ฐ์) ก่อนนี้คดิ ว่าทา่ นเป็นคนสุราษฎร์ธานี แตเ่ มื่ออา่ นประวัติศาสตร์เมอื งนครศรีธรรมราช จงึ รวู้ ่าทา่ น เปน็ คนเมืองนครศรีธรรมราช เพราะในสมัยก่อนอาณาเขตของเมอื งนครศรธี รรมราช ดา้ นทิศเหนือสดุ ติด กบั แมน่ าํ้ ตาปี (แม่นํ้าหลวง) ท่เี ราเรยี กกนั ว่าทา่ ข้าม ตามพงศาวดารเรยี กดา่ นท่าข้าม ขนุ วชิ ิตสงคราม เป็นนายดา่ นศักดนิ า 300 ไร่ ปัจจบุ นั อยู่ในเขตอาํ เภอพุนพนิ ทิศเหนือของทา่ ขา้ มปัจจบุ นั คืออําเภอท่า ฉาง ทา่ ฉางแต่ก่อนเปน็ เขตแดนเมืองไชยา ทิศเหนอื ต่อจากไชยาเปน็ อาณาเขตเมืองชมุ พร ตอนนัน้ ยงั ไม่ มจี ังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวดั สุราษฎรธ์ านีมามที ีหลงั โดยการแบ่งอาณาเขตของเมืองนครศรีธรรมราช บางเมอื งออกไป คอื เมืองทา่ ทอง เมอื งกาญจนดิษฐ์ เมอื งเกาะเต่า เมืองสมยุ เมืองพุนพนิ รวมท้ัง บริเวณท่เี รียกวา่ อําเภอลาํ พูนในสมัยก่อน ปจั จบุ นั น้ี คอื อําเภอเวยี งสระ อําเภอบ้านสอ้ ง อําเภอบา้ นนา สาร อําเภอพระแสง อําเภอบ้านนาเดิม อําเภอตาขุน รวมกับเมืองไชยาอนั ประกอบด้วยอําเภอท่าฉาง อําเภอไชยา อําเภอทา่ ชนะ กับเกาะพะงันของชุมพร จัดตัง้ เป็นจงั หวัดสุราษฎร์ธานขี ้ึนมา บรรพบรุ ุษของ ขนุ รักษาไทยบรุ ีเป็นเจา้ เมอื งทา่ ทอง คือ หลวงวสิ ทุ ธสิ งคราม ศกั ดินา 1600 ไร่ เมืองท่าทองจัดตงั้ บา้ นเมอื งเป็นชุมชนเมือง มีอาณาเขตของเมืองชดั เจน มคี ่ายคปู ระตหู อรบ กาํ หนดตําแหน่งข้าราชการ แบบชมุ ชนเมือง เชน่ ขุนไชยจา่ เมอื ง ตําแหนง่ นครบาล ศกั ดนิ า 600 ไร่ ขนุ ราชเมอื งขวาง ตาํ แหน่งรองนครบาล ถือศกั ดินา 400 ไร่ เป็นต้น ขนุ ราชเมืองขวางน่าจะเปน็ บรรพบุรุษของครู อภิวัฒน์ ราชเมืองขวาง ครโู รงเรยี นวดั คงคา ขุนรกั ษาไทยบรุ ีเดิมชอ่ื นายหนูกลน่ิ วิชัยดิษฐ์ สมรสกับ นางหนคู ลา้ ย เชาวลิต ตอนหลัง นายหนูกล่ินไดร้ ับการแตง่ ตงั้ ให้เปน็ ขนุ รักษาไทยบุรี เป็นนายตําบลไทยบรุ ี ขุนรกั ษามบี ุตร 4 คน คือ นาง แอบ วิชัยดิษฐ์ สมรสกับ นายรุ่น ดุษจวรรณ นายแนบ วิชัยดิษฐ์ สมรสกับนางจินดา จงจิต ลูกสาว ของขนุ พิปูน นางเอือ้ ม วิชยั ดิษฐ์ สมรสกับ นายแนบ สพุ รรณพงศ์ เปน็ คนโมคลาน นายน้อม วชิ ัย ดษิ ฐ์ สมรสกบั นางแจง ผอ่ งแผ้ว อยู่ปลักสามสิบทางทิศตะวันออกของดอนทําเนียบ หมื่นการะนัดนฤเบศร์ (ต้นตระกูลการะนัด) “ขุนรกั ษาไทยบุรี ขนุ ศรกี ะหรอรัฐ หมื่นการะนดั นฤเบศร์” ขอ้ ความดังกล่าวเป็นคําพูดของ คนทา่ ศาลาที่พดู ตดิ ปากกันมานาน อยากบอกเล่าเรื่องราวของผ้นู ําทอ้ งถิ่นในสมัยก่อน ให้ลูกหลานรนุ่ ปจั จุบนั และลกู หลานทจ่ี ะมีมาในอนาคตได้รไู้ ว้ เพ่อื ใหล้ ูกหลานเกิดความภาคภูมใิ จ ถอื เป็นเกียรตทิ ่ีเกิด มาเป็นลกู หลานของท่านเหล่านัน้ เกรงใจอยูเ่ หมือนกันกลัวว่าเขยี นอะไรแลว้ ลูกหลานอาจเกิดความไม่

พอใจ ข้อมลู อาจจะไมต่ รงกับขอ้ เทจ็ จริง อีกทง้ั เรือ่ งราวของท่านมที ้ังด้านบวกและด้านลบ จึงพยามยาม เขียนในสว่ นทีค่ วรรู้ ถา้ มีอะไรที่ไม่ควรรกู้ ไ็ ม่เขยี น จึงขออนุญาตลูกหลานของท่านทงั้ หลายไว้ ณ ทีน่ ้ีดว้ ย ขุนรกั ษาไทยบรุ ี ได้เขียนเรื่องราวของท่านไวแ้ ลว้ ขุนศรีกะหรอรฐั ยังไมไ่ ดส้ อบถามรายละเอียดจาก ลูกหลาน ช่วงทผี่ เู้ ขยี นเป็นครูสอนที่โรงเรยี นวัดคงคา ได้ทราบเร่ืองราวของท่านบา้ งเล็กน้อย ทราบว่าทา่ น เป็นเจ้าของคณะมโนราห์ เรียกวา่ โนราห์ขนุ ศรี สมัยน้ันมีชอ่ื เสียงโด่งดงั มาก ลูกหลานของทา่ นทราบ เพยี งตระกลู เดยี ว คือ ตระกูลแกว้ ปนทอง ผเู้ ขยี นมีลูกศิษยต์ ระกูลแก้วปนทองสองสามคน สว่ นเร่ืองราว ของ หม่ืนการะนัดนฤเบศร์ ผ้เู ขยี นได้รบั การบอกเล่าจากลกู หลานของหมนื่ การนัดนฤเบศร์ คือ ครู ปรดี า คงสุวรรณ และ นางจิราวรรณ (แตน) พรหมมาศ บ้านเดมิ ของหม่นื การะนัดปัจจบุ ันตกทอดมาเป็น ของนางจริ าวรรณ พรหมมาศ หมนื่ การะนดั นฤเบศร์ เดมิ ชือ่ คล้าย นายคล้ายเปน็ ลกู ชายคนเดียวของ ขุนสนั ทดั ทวารไชย และ นางจิว๋ (สกุลเดมิ ลกั ษณา) สําหรบั ขนุ สันทัดทวารไชยเปน็ หัวหน้ารับผิดชอบควบคุมดแู ลประตไู ชย เหนือและประตูไชยใต้ ซึง่ เป็นประตูเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยกอ่ น นางจ๋ิวถงึ แกก่ รรม ขุนสันทัดทวาร ไชยได้ภรรยาใหมช่ ่อื นางลูกจนั (ไม่ทราบนามสกุล) ขุนสันทดั มีลูกกับนางลูกจันอีก 1 คน ช่ือวา่ นาย โพธิ์ การะนัด นายคล้ายไปได้ภรรยาท่ีอาํ เภอกลาย (ทา่ ศาลา) ทท่ี างบ้านช่องทีม่ ีอยู่ในเมอื ง นครศรีธรรมราชยกให้น้องชายตา่ งมารดาทัง้ หมด ต่อมา นายโพธิ์ การะนัด ไดข้ ายทรัพยส์ มบตั ิที่ได้แลว้ ย้ายไปอยู่กรงุ เทพมหานคร ไปเรียนหนงั สือที่กรุงเทพ เรียนจบออกมาเป็นอาจารย์สอนที่วทิ ยาลัยเทคนคิ ทุ่งมหาเมฆ กรงุ เทพมหานคร ส่วนนายคล้ายมาอยู่ท่ีไทยบรุ ีไดร้ ับการเลือกตง้ั เป็นผู้ใหญบ่ า้ น ทํา ความชอบได้รับการแต่งตงั้ มียศถาบรรดาศกั ดิ์เป็น หม่ืนการะนัดนฤเบศร์ ตําแหน่งของทา่ นเป็นนาย บา้ น (ผูใ้ หญ่บา้ น) หมู่ 2 ปจั จบุ นั เปน็ หมู่ 9 บา้ นมะม่วงหวาน ตําบลไทยบรุ ี อําเภอกลาย (ทา่ ศาลา) บา้ น มะม่วงหวานอยู่ปละตีนวัดโคกข้ีเหล็ก ปละตกติดกับบา้ นไม้มูก ปละออกติดกับบ้านประตชู ้าง ปละตนี ตดิ กับบ้านโพธ์ิ และ บา้ นปลกั สามสบิ หมื่นการะนัดสมรสกบั นางหนจู นั ณ นคร นางหนจู นั เป็นลกู ของ นายเชย ณ นคร และ นางอ่ิม เชาวลิต หม่ืนการะนัดมลี ูก 10 คน ดังนี้ 1. ครูแจก การะนัด 2. นายปัน การะนดั 3. นายแปลง การะนดั 4. นายกั๊ก การะนดั 5. นายเหวยี น การะนดั 6. นายนริ าศ การะนัด 7. นายรวม การะนัด 8. นางประวิง ทิพรตั น์ 9. นางประเทอื ง คําจนั ทร์ 10. ครปู ระทีป การะนดั หมน่ื อนนั ต์นรคปุ ภ์ (ต้นตระกลู อนันต์ และ ตระกูลวัฒนสทิ ธ)์ิ มคี ําพูดล้อกนั เลน่ ของคนท่าหลาวา่ “หมนิ อะไร หมนิ แลน หมนิ อนนั ต์” เรอ่ื งมอี ยู่วา่ ในการ ประชมุ ประจําเดือนของอาํ เภอกลาย (ทา่ ศาลา) ข้าราชการ กาํ นัน และ ผ้ใู หญ่บา้ น ก่อนการประชุมมกี าร รายงานตัวโดยเขียนช่ือในสมุดลงเวลา ผูม้ าประชมุ มหี ลายคน เชน่ หมื่นอุไร หมื่นแสนบรุ ี หมน่ื อนันต์นร คปุ ภ์ เป็นต้น เน่ืองจากเรง่ รีบในการเขียน 3 ท่านดังกล่าวจงึ เขียนอยา่ งหวัด ทําใหเ้ กิดข้อความดงั กล่าว ตอ่ เนื่องกัน เพ่ือนๆ ที่เข้าประชุมเหน็ เช่นนนั้ จงึ นาํ มาพูดกันเล่น

หมื่นฤทธิ์ (ตน้ ตระกลู วฒั นสิทธ์ิ) มีภรรยาชื่อ นางบุญนาค เชาวลิต หม่นื ฤทธแิ์ ละนางบุญนาคมี บุตรธิดา 4 คน ดงั นี้ 1.นายเท่ยี ง วัฒนสิทธ์ิ 2.นายมี วัฒนสิทธ์ิ 3.นางเฟอื ง วฒั นสิทธิ์ 4.นายลับ วัฒน สิทธิ์ บ้านเรือนของหม่นื ฤทธิต์ ั้งอยใู่ นเขตพืน้ ที่เมอื งไทยบุรี ครัน้ สมัยรชั กาลท่ี 5 เกิดเปลี่ยนแปลงการ ปกครองโดยยกเลิกเมืองไทยบุรี พนื้ ที่อนั กวา้ งใหญ่ของเมอื งไทยบุรีถูกแบง่ ออกเป็น 4 ตําบล คือ ตําบล ทา่ ข้ึน ตําบลไทยบุรี ตําบลท่าศาลา และ ตาํ บลหวั ตะพาน เมืองอื่นในอาณาบริเวณนี้ได้แกเ่ มืองโมคลาน (ตาํ บลโมคลาน) เมืองรอ่ นกะหรอ (ตาํ บลกะหรอ) เมอื งนบพิตาํ (ตําบลนบพิตาํ ) เมืองกลาย (ตําบลกลาย และ ตําบลสระแกว้ ) และ บางสว่ นของเมอื งอินทรครี ี (ตําบลดอนตะโก และ ตําบลทอนหงส)์ นํามา รวมกันเข้าจัดต้ังอาํ เภอกลายเมือ่ พ.ศ.2440 ครน้ั พ.ศ.2459 อาํ เภอกลายเปล่ียนชอื่ เป็นอาํ เภอทา่ ศาลา นายเทีย่ ง วัฒนสทิ ธิ์ พ่ชี ายคนโตของครอบครัว เมอ่ื เติบโตเป็นผู้ใหญไ่ ดส้ มรสกับนางบญุ ชว่ ย วัชรกาฬ นางบญุ ช่วยเปน็ ลูกสาวของนายเพช็ ร วัชรกาฬ แมช่ ่ือ นางชู วัชรกาฬ ต่อมานายเทยี่ ง วฒั นสทิ ธ์ิ ได้รับการแตง่ ตั้งเปน็ ผู้ใหญ่บ้านของตําบลท่าขน้ึ ช่วงท่ีเปน็ ผู้ใหญ่บ้านไดท้ ําความดีความชอบมากมาย ไดร้ บั การแต่งต้ังใหเ้ ป็น “หมน่ื อนันต์นรคปุ ภ์” บา้ นหมนื่ อนันตน์ รคุปภอ์ ยู่ทีบ่ า้ นยาง ทกุ วนั น้ีบ้านยางถูก กรมทางหลวงชนบทเปลี่ยนชื่อเปน็ บ้านวัดพระเลยี บ บา้ นเดมิ ของหมน่ื อนนั ตอ์ ยู่ทางทศิ ตะวันตกเฉียง เหนอื ของบ้านยายส้มทับ (ยายกบ) แม่เฒา่ ของป้าจวบ สุประดิษฐ์ ปา้ จวบเป็นเมียของครคู รน้ื สุประดิษฐ์ หม่นื อนันตน์ รคปุ ภ์มบี ุตรธดิ ารวม 8 คน ดงั น้ี 1. นางยอง อนนั ต์ 2. นางชอง อนนั ต์ 3. นางจบี อนันต์ 4. นางจาย อนันต์ 5. นายพศิ อนนั ต์ 6. นางบญุ ทรัพย์ อนันต์ 7. นายถวิล อนนั ต์ 8. นายนติ ย์ อนันต์ หมายเหตุ สมยั รัชกาลท่ี 4-5 พวกฝรง่ั นักลา่ อาณานิคมประกอบด้วย องั กฤษ ฝร่ังเศส ฮอลนั ดา เปน็ ต้น โดยเฉพาะอังกฤษ และ ฝรั่งเศส เป็นภยั คุกคามกับไทยมากท่ีสุด เมอื่ อังกฤษได้อินเดีย ได้พม่า ได้ มาเลเซยี เปน็ อาณานคิ ม คิดจะเอาไทยเปน็ อาณานิคม จึงรุกคบื ข้ึนมาทางคาบสมุทรมลายู ส่วนฝรงั่ เศส ได้เวียดนาม เขมร ลาว เป็นอาณานิคม คดิ จะเอาไทยเป็นอาณานิคมแขง่ กบั อังกฤษ ทําใหร้ ัชกาลที่ 5 ต้องโอนอ่อนผ่อนตามองั กฤษและฝรงั่ เศส รวมทง้ั ดําเนินการรวบรวมอาณาจักรไทยให้เปน็ ปกึ แผ่นเป็น อนั หนง่ึ อันเดยี วกนั เวลานัน้ ประเทศไทยมีหลากหลายชาติพันธ์ุ ภาษา และ วัฒนธรรม ซึ่งเป็นข้ออ้าง อยา่ งวเิ ศษของนักล่าอาณานคิ ม การรวมรวมอาณาจักรไทยเป็นหน่งึ เดยี วจึงเปน็ ข้อดีในการตอ่ สู้กบั นัก ลา่ อาณิคม แต่ผลเสยี ที่ตามมา คือ ต้องสญู เสยี ความหลากหลายของชาตพิ ันธุ์ ภาษา และ วัฒนธรรม

รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว (พ.ศ.2453-2468) พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาวชริ าวธุ ฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ ัว หรอื พระบาทสมเด็จพระ รามาธบิ ดีศรีสนิ ทรมหาวชริ าวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั เปน็ พระมหากษัตริยร์ ัชกาลท่ี 6 แห่งพระบรม ราชจกั รีวงศ์ เสด็จพระราชสมภพเมือ่ วันเสาร์ เดือนยี่ ขนึ้ 2 ค่ํา ปมี ะโรง วนั ท่ี 1 มกราคม 2423 เป็นพระ ราชโอรสพระองคท์ ี่ 29 ในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระศรพี ชั รินทราบรม ราชนิ ินาถ ทรงศกึ ษาภาษาไทยและภาษาองั กฤษจนพระชนมายุ 14 พรรษา ศึกษาต่อทปี่ ระเทศอังกฤษ ดา้ นการทหารทแ่ี ซนเฮสิ ต์ ศึกษาประวัติศาสตร์และกฎหมายทอ่ี อกซฟ์ อร์ด เป็นกษัตริย์พระองคแ์ รกของ ประเทศไทยทเ่ี รยี นจบจากต่างประเทศ ขณะประทับท่ีอังกฤษ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสดจ็ สวรรคต พระมงกุฎเกล้าได้รบั การแต่งต้งั เป็น สยามมกุฎราชกมุ าร แท่นพระเชษฐา คร้ันรชั กาลที่ 5 พระราชบิดาเสดจ็ สวรรคตเม่อื 23 ตุลาคม 2453 พระมงกุฎเกลา้ จงึ เสวยราชสมบัตเิ ม่อื วันเสารท์ ี่ 23 ตุลาคม ปีจอ พุทธศักราช 2453 และ เสดจ็ สวรรคตเมอ่ื วนั ที่ 26 พฤศจิกายน 2468 รวมพระชนมพรรษา 45 พรรษา ดํารงอยู่ในราชสมบัติรวม 15 ปี สรปุ เหตุการณส์ าํ คัญสมยั รัชกาลที่ 6 (ท่เี กย่ี วเนื่องถงึ อําเภอท่าศาลา) 1. รว่ มกับฝา่ ยสัมพนั ธมติ รประกาศสงครามกบั เยอรมันเมอ่ื ครัง้ สงครามโลกคร้งั ท่ี 1 เม่ือ 22 กรกฎาคม 2460 และ สง่ ทหารไปรว่ มรบกับฝา่ ยสัมพันธมติ ร เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะฝา่ ย สัมพันธมติ รเป็นฝา่ ยชนะสงคราม ไทยจงึ เป็นฝ่ายทชี่ นะสงครามด้วย ได้โอกาสแกไ้ ขสนธิสัญญากับ ตา่ งประเทศที่ไทยเสยี เปรยี บ เชน่ สนธิสัญญาสทิ ธิสภาพนอกอาณาเขต สนธิสญั ญาจํากดั อาํ นาจการ เก็บภาษขี องพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั และ สนธสิ ญั ญาจาํ กัดอํานาจกลางประเทศไทย 2. คนไทยและครอบครัวชาวไทยเริม่ ใชน้ ามสกลุ เป็นคร้งั แรกเมื่อ 1 เมษายน 2456 ก่อนหน้าน้กี ็มี การใช้นามสกุลกันบ้างแต่ไม่นยิ มแพร่หลาย สมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว พระราชทานนามสกุลให้กบั ผู้ท่ตี ้องการเป็นจํานวนมาก สว่ นผูค้ นท่ัวไปท้ังประเทศตา่ งต้งั ชือ่ สกุลกนั เองตามใจชอบ

3. สมเด็จพระมงกุฎเกล้าทรงมีความรู้ความสามารถในการประพนั ธเ์ ป็นอย่างยง่ิ ได้ประพนั ธ์ วรรณกรรมต่างๆ เอาไว้เป็นจํานวนมาก พระองคไ์ ดร้ ับพระสมญั ญานามว่า พระมหาธรี ราชเจา้ หนงั สือ ทพ่ี ระองคท์ รงประพันธ์ปจั จุบนั ถกู นาํ มาใชใ้ นการศกึ ษา 4. จดั ต้ัง กองเสือปา่ ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเม่อื 1 พฤษภาคม 2454 ปจั จบุ ันพฒั นามา เป็น ลูกเสอื -เนตรนารี เพอื่ ฝึกเยาวชนให้มคี วามรักชาติ มวี นิ ยั กลา้ หาญ เสียสละ เป็นคนดี มีคุณธรรม เมือ่ โตขึ้นกจ็ ะเป็นประชาชนที่มคี า่ มคี ณุ ภาพ 5. จัดตงั้ โรงเรียนแทนการสร้างวดั ด้วยเหน็ วา่ มวี ัดอยู่เปน็ จาํ นวนมากแล้ว ในการสรา้ งวัดก็เพ่อื ใช้ ในการศกึ ษา ดังนน้ั จงึ ทรงจดั สร้างโรงเรยี นขน้ึ แทน เช่น สรา้ ง โรงเรยี นมหาดเล็กหลวง ปัจจุบันคือ โรงเรยี นวชริ าวธุ วทิ ยาลยั และ ส่งเสรมิ โรงเรียนราชวิทยาลัย ปจั จุบันคอื โรงเรียน ภ.ป.ร. ราช วิทยาลยั ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ทร่ี ัชกาลท่ี 5 ทรงสรา้ งเอาไวเ้ มอ่ื พ.ศ.2440 นอกจากนีย้ ังทรงยก ฐานะ โรงเรียนข้าราชการพลเรอื น ท่รี ัชกาลท่ี 5 ทรงสรา้ งเอาไวข้ นึ้ เป็น จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั อนั เป็นมหาวทิ ยาลัยแหง่ แรกของประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.2459 เหตกุ ารณส์ าํ คญั ดังกล่าว ทาํ ใหเ้ กิดการเปลีย่ นแปลงท่ีอาํ เภอท่าศาลาของเราดว้ ยเชน่ เดยี วกัน เชน่ มกี ารสรา้ งโรงเรียนท่ีทา่ ศาลากระจายไปทั่วทุกตําบล คนท่าศาลามนี ามสกลุ ใช้ เกดิ เป็นเครือญาติที่ ใช้นามสกลุ เดียวกัน สถานศึกษาทงั้ ประถมศกึ ษา และ มธั ยมศกึ ษา มกี ารจัดกิจกรรมลูกเสอื -เนตรนารี ในการเรยี นการสอนวิชาภาษาไทยทงั้ ชั้นประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนต้น และ มัธยมศึกษาตอนปลาย บทประพนั ธ์ของรัชกาลที่ 6 หลายเรื่องถูกนํามาใหน้ กั เรียนได้ศึกษาไดเ้ รียนรู้ เป็นต้น รชั กาลท่ี 7 พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยหู่ วั (พ.ศ.2468-2478)

พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว เป็นพระมหากษัตรยิ ใ์ นราชวงศจ์ ักรลี าํ ดบั ท่ี 7 แห่ง ราชอาณาจักรสยาม พระองคเ์ สดจ็ พระราชสมภพเมอ่ื วนั พธุ แรม 14 คํา่ เดือน 11 ปีมะเส็ง เวลา 12.25 นาฬกิ า หรือ ตรงกับวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436 พระองค์เปน็ พระราชโอรสองคท์ ่ี 76 ใน พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และสมเด็จพระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนี พระพนั ปหี ลวง สมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ขึน้ เสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ เมอ่ื วันที่ 26 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2468 ทรงสละราชสมบัติเม่ือวันท่ี 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 (ศักราชแบบเกา่ ) รวมดาํ รงสิริ ราชสมบตั ิ 9 ปี เสด็จสวรรคต เมื่อวันท่ี 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 รวมพระชนมพรรษา 47 พรรษา สรุปเหตุการณส์ ําคัญสมัยรชั กาลที่ 7 (ท่ีเกี่ยวข้องสง่ ผลถึงทา่ ศาลาบา้ นเรา) 1. เปน็ ช่วงเวลาหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 1 ทุกประเทศทว่ั โลกได้รบั ความเสียหายจากสงครามท่ี เกดิ ขน้ึ เมอื่ เสรจ็ สิน้ สงครามทําใหภ้ าวะเศรษฐกจิ ตกต่ํา ขา้ วปลาอาหารสิ่งบริโภคอุปโภคขาดแคลน ประชาชนชาวโลกอยู่กนั อย่างยากลําบาก ท้ังประเทศผู้แพส้ งครามและประเทศผ้ชู นะสงคราม ต่างตกอยู่ ในสภาพเดียวกัน ประเทศไทยของเราเศรษฐกจิ ตกตา่ํ เป็นอย่างมาก ข้าวยากหมากแพงสินค้าบรโิ ภค อปุ โภคขาดแคลน เงินทองขาดแคลนมีไม่พอจ่ายเป็นเงินเดอื น ต้องปลดพนกั งานขา้ ราชการออกจากงาน สรา้ งความเดือดร้อน สรา้ งความไมพ่ อใจไปท่วั ประเทศ อันเป็นสาเหตุสาํ คญั ที่ทาํ ใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลง การปกครองในเวลาต่อมา 2. คณะราษฎร์ทําการปฏวิ ัติยึดอาํ นาจการปกครองประเทศ เพือ่ เปลย่ี นการปกครองจากระบบ สมบรู ณาญาสิทธริ าชย์ เปน็ การปกครองในระบบประชาธิปไตย เมื่อวันท่ี 24 มถิ ุนายน พ.ศ.2475 ขณะท่ี สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั แปรพระราชฐานที่วงั ไกลกังวล อําเภอหนิ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังการ เฉลิมฉลองครบ 150 ปี แห่งการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระปกเกลา้ เจ้าอยู่หัวยอมสละอาํ นาจของ พระองค์อย่ภู ายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ และ ทรงพระราชทานรฐั ธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย เมื่อ วันท่ี 10 ธนั วาคม พ.ศ.2475 3. จากการปกครองในระบบประชาธิปไตยที่ดําเนนิ อย่ใู นเวลาน้ัน มขี อ้ ขัดแยง้ กับพระเจา้ อยู่หวั อยูห่ ลายประการ ทําให้พระองคต์ ัดสินใจสละราชสมบัติ เหตุการณท์ เี่ กิดขน้ึ สมัยรัชกาลท่ี 7 มีผลถงึ ทา่ ศาลาบ้านเราเพียงไมก่ ่เี รือ่ ง เร่ืองแรกเกีย่ วกับ ความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจตกตาํ่ ทวั่ โลก บ้านเราได้รบั ผลกระทบเช่นเดียวกัน เรอื่ งทีส่ องคอื การ เปล่ียนแปลงการปกครอง จากระบบสมบูรณาญาสิทธริ าชยเ์ ป็นการปกครองระบบประชาธปิ ไตย ทําให้ จงั หวดั นครศรีธรรมราช (รวมท้งั อําเภอทา่ ศาลา) มีผแู้ ทนราษฎรเป็นครงั้ แรก จากการเลอื กตัง้ โดยอ้อม เมือ่ พ.ศ.2476 คือ รองอํามาตย์โท มงคล รัตนวจิ ิตร คร้ันถึง พ.ศ.2480 มกี ารเลือกตั้งจากราษฎรโดยตรง แบ่งเขตเลือกตงั้ เปน็ 2 เขต มีผแู้ ทน 2 คน คือ นายฉํา่ จํารสั เนตร และ ขุนบุรณวาท (พร้อย ณ นคร) ครั้น ถงึ พ.ศ.2481 มกี ารเลือกตั้งโดยตรงแบง่ เป็น 2 เขต มีผู้แทน 2 คน คอื นายฉํ่า จํารสั เนตร และ นายเป่ียม

บุณยะโชติ ถงึ ปี 2489 มีการเลือกต้ังโดยแบง่ ออกเปน็ 2 เขต มีผู้แทน 2 คน เขต 1 คอื ร้อยตรีมงคล รัตน วิจิตร เขต 2 คอื นายคลอ่ ง ไตรสุวรรณ เปน็ ตน้ รัชกาลท่ี 8 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหดิ ล (พ.ศ.2478-2489) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระราชสมภพเม่ือวันอาทิตย์ ขน้ึ 3 คํ่า เดอื น 11 ปฉี ลู ณ เมืองไฮเดลแบรก์ ประเทศเยอรมนี ตรงกับวนั ท่ี 20 กันยายน พ.ศ. 2468 เป็นพระโอรส ในสมเด็จพระเจ้าพ่ียาเธอ เจา้ ฟา้ มหดิ ลอดุลยเดชกรมหลวงสงขลานครินทร์ (เวลาต่อมาดํารงพระ อิสรยิ ยศเป็น สมเดจ็ พระมหิตลาธเิ บศรอดลุ ยเดชวิกรมพระบรมราชชนก) และ หม่อมศรสี งั วาลย์ (เวลา ตอ่ มาดํารงพระยศเป็น สมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี) มีพระเชษฐภคินีและพระอนชุ ารว่ มพระ ชนกชนนีอีก 2 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจา้ พนี่ างเธอ เจา้ ฟา้ กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราช นครนิ ทร์ และ สมเด็จพระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟ้าภูมพิ ลอดลุ ยเดช ครองราชย์สมบัตเิ ปน็ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เสดจ็ ขึ้นครองราชยเ์ ป็นพระมหากษัตริยล์ ําดบั ที่ 8 แหง่ ราชวงศจ์ ักรี เม่อื 2 มีนาคม 2477 ขณะทม่ี ีพระชนมายเุ พียง 8 พรรษาและประทับอยทู่ ่ีประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ จึงมกี ารแต่งต้งั คณะผสู้ าํ เร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อทําหนา้ ที่บริหารราชการแผ่นดนิ จนกวา่ พระองค์จะทรงบรรลุนิตภิ าวะ สรปุ เหตกุ ารณส์ าํ คญั สมัยรัชกาลท่ี 8 สงครามมหาเอเชียบรู พา (พ.ศ.2484-2488) เชา้ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ซึง่ ขณะนนั้ สถานการณ์โลกอยู่ในขัน้ วิกฤต ด้วยค่ายมหาอาํ นาจ ตะวันตกมีความขดั แย้งระหว่างกนั สงู ญป่ี ุน่ เองก็ปกู ระแสต่อตา้ นมหาอาํ นาจตะวันตกท่เี ข้ามายึดครองมี อาณานิคมในเอเซยี โฆษณาวา่ จะปลดแอกชาวเอเซียใหพ้ ้นจากชนชาติผิวขาว ขณะที่ชาวไทยรวมทัง้ ชาวนครศรีธรรมราช กาํ ลงั ตื่นเตน้ กับการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญท่ีกรงุ เทพฯ และ ทสี่ นามหน้าเมือง เช้า วนั นัน้ มีฝนตกหนัก เวลาประมาณ 05.30 น. ทางจังหวดั นครศรธี รรมราชก็ได้รับโทรเลข แจง้ ขา่ วจาก

สงขลาว่าญ่ปี ่นุ ส่งเรือรบและยกพลขนึ้ บกทส่ี งขลาแลว้ กระทง่ั 06.30 น. กองทหารญ่ีปนุ่ ก็มาปรากฏตวั ท่ี ทา่ แพพร้อมเรือท้องแบนขนอาวุธยุทโธปกรณม์ ากมาย ซ่ึงขณะนนั้ ทหารไทยท่ีคา่ ยวชิราวธุ ภายใต้การนํา ของพลเอกหลวงเสนาณรงค์ ผู้บญั ชาการมณฑลทหารบกได้ประชมุ และสง่ั การวางกาํ ลงั เตรยี มพร้อมไว้ ตลอดแนว จากท่าแพถึงโรงทหารและได้บันทกึ รายงานว่า \"...การอํานวยการรบทาํ ได้ไมส่ ะดวกนกั เพราะ ตลอดเวลาฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก จริงอยกู่ ่อนที่หนว่ ยทหารจะเขา้ ยึดแนวน้ัน ถึงหากจะได้เตรียมตวั ไว้ แลว้ แต่โดยเหตุทีไ่ มแ่ จม่ แจง้ พอ คือไมท่ ราบวา่ ทางฝ่ายญป่ี ุน่ มีกาํ ลังเท่าใดมาขน้ึ บกจริงทีใ่ ดบา้ ง แนวจึง สับสนกนั อยู่บ้าง ถงึ กระนนั้ ก็นับว่าได้ปฏิบัติการทันเหตุการณ์ กลา่ วคือพอกระผมสัง่ การต่อสู้ตา้ นทาน เจ้าหน้าที่ต่างๆก็เร่ิมดําเนินงานตามหนา้ ท่ขี องตน หนว่ ยทหารก็เคลื่อนที่เข้าประจาํ แนวตามลําดับ ได้ ปฏบิ ตั ิตามอยา่ งรวดเร็วกล้าหาญเปน็ ที่นา่ ชมเชย ไมม่ ีแม้แตค่ นเดียวท่แี สดงความอิดเอ้อื นหรอื หวาดกลัว บางคนท่ไี ม่มีหน้าที่รบโดยตรง เช่น พลทหารประจําตัว ก็ไดม้ ารับจา่ ยอาวุธกระสนุ และอาสาเข้าทําการ รบด้วย...\" ซง่ึ พอจะลาํ ดับเหตุการณ์จากบันทกึ ตา่ งๆ ได้ดังนี้ เวลา 03.00 น. ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกทปี่ ราจนี บุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ สรุ าษฎร์ธานี และ ปัตตานี เวลา 05.00 น. ข้าหลวงประจําจงั หวัดและผู้บงั คับบญั ชาทหารบกค่ายวชริ าวุธ ไดร้ ับทราบ ขา่ วทางโทรเลขจากจังหวัดสงขลา ส่ังเตรยี มพร้อมทัง้ ทหาร พลเรอื น และ ประชาชน รวมทงั้ ยวุ ชนทหาร หลายรอ้ ยคนอีกดว้ ย เวลา 06.00 น. ทหารญ่ีปนุ่ 1 หมู่พร้อมเรือท้องแบนหลายลาํ ปรากฏท่ที า่ แพ เวลา 06.50 น. เสียงปนื นัดแรกดังขน้ึ จากทหารไทย มเี สียงตอบโตร้ ะหว่างกันดว้ ยเสยี งปืนเล็กปนื กลติดต่อกัน บางครัง้ ได้ยนิ ปืนใหญ่ การส้รู บรุนแรงยิ่งขนึ้ ตามลําดับ เวลา 07.20 น. สั่งระงบั การสง่ กําลังทหารจาก นครศรธี รรมราชที่จะไปเสริมกาํ ลังรบทส่ี งขลา แต่ให้มาเสริมกําลังส้รู บกับญี่ปุ่นที่ทาแพ เวลา 07.30 น. รัฐบาลไทยสง่ั หยุดยงิ ช่วั คราวเพอ่ื รอคาํ ส่ังจากผลการเจรจาทกี่ รุงเทพฯ เวลา 08.00 น. กองกําลัง ร.พัน 39 กลับทัพจากลงใตม้ าขนึ้ เหนือสู่สมรภูมริ ะหว่างคา่ ยวชิราวธุ กับทา่ แพ เวลา 08.40 น. ยุวชนทหาร ประมาณ 170-350 คน ชุมนุมกนั ทโ่ี รงเรยี นเบญจมราชูทิศ ด้วยความรสู้ ึกวา่ อยากไปรบกับผู้รุกราน ถ้า ไปพร้อมกบั ส่วนหลงั เกรงวา่ จะไม่ได้รบ จึงเคล่ือนพลผา่ นตลาดทา่ วัง มพี ระภิกษุสงฆ์ ประชาชนชาว นครศรธี รรมราช คอยเปน็ กําลงั ใจอวยชัยให้พรอย่างเนืองแน่น ถงึ สมรภมู ไิ ด้รับอาวุธแยกย้ายกนั จัดขบวน รบรว่ มกับกําลังทหาร ขณะนน้ั รัฐบาลให้คาํ ขวญั วา่ ถา้ ปราชยั แก่ไพรี ให้ได้แต่ปฐพีไม่มีคน ซ่งึ ทาง จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านีไดป้ ฏิบัติตามคาํ กลา่ วดงั กล่าว ทาํ การเผาศาลากลางจังหวัด เม่ือสถานการณ์คับขัน เวลา 09.20 น. หลังการประชมุ หัวหน้าสว่ นราชการทศี่ าลากลางจงั หวัด มทบ.6 รายงานสถานการณ์วา่ ฝ่ายเราอยูใ่ นฐานะเสียเปรยี บท้ังกําลงั พลและอาวุธ ก่อนจะเดินทางมาศาลากลาง เครอื่ งบนิ รบและ เครอ่ื งบินช่วยรบของข้าศึก 4-5 เคร่ือง มาบินวนเวียนอยู่เหนือเขตทหาร แตย่ ังไม่มีการใชอ้ าวุธกับฝ่ายเรา แต่การสู้รบทีท่ ่าแพฝา่ ยเราสูญเสยี ทหารกล้าไปแลว้ หลายนาย รวมทงั้ พันตรีหลวงราญรอนสงคราม รอง เสธ.มทบ.6 และ ร้อยตรปี ระยงค์ ไกรกิตติ ผบ.หมวด ป.พนั 15 เวลา 09.30 น. ข้าหลวงไดร้ บั โทรเลขจาก รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยวา่ ให้หยุดรบกับญีป่ ุ่น ให้ญปี่ ุ่นผ่าน และ พักในประเทศไทยได้ เวลา 09.50 น. ผบ.มทบ.6 ไดร้ บั คําสง่ั ทางวิทยุจากผูบ้ ังคบั บญั ชาการทหารสงู สุด จอมพลแปลก พบิ ลู

สงคราม ให้หยุดรบ หลกี ทางใหญ้ ่ีปุ่นผ่านไป แล้วรอฟังคําสัง่ เวลา 10.10 น. มทบ.6 แตง่ ตง้ั คณะผู้ เจรจาการศึกฝ่ายไทยพร้อมธงขาว เพือ่ เจรจาการศกึ กับญป่ี ุ่น เวลา 10.20 น. คณะเจรจาการศึกฝ่าย ญปี่ ุ่นปรากฏตวั พร้อมธงขาว เวลา 10.40 น. เปิดการเจรจาบนถนนราชดาํ เนินไดผ้ ลสรุปวา่ ทง้ั ฝ่ายไทย และฝา่ ยญีป่ นุ่ ไดท้ ราบคําส่ังใหห้ ยุดรบแล้ว แตข่ ณะนน้ั ทหารญีป่ ุ่นมีการเคล่ือนไหวเพ่ือชงิ ความได้เปรยี บ ว่ิงไปมาระหว่างต้นไม้ กําบงั ตัวเคลื่อนท่ีเข้าหาทหารไทย ทหารไทยจงึ ยงิ เพื่อยุตกิ ารเคลอ่ื นที่ของญปี่ นุ่ จงึ เกิดการยิงโต้ตอบกนั ขึน้ อยา่ งรนุ แรงถึงขั้นตะลุมบอน มผี ู้เสียชีวติ ต่อหนา้ คณะผ้เู จรจาทงั้ สองฝ่าย ซึง่ ต้อง หลบเขา้ หาทีก่ ําบังในบ่อดินลูกรงั ขา้ งทาง เวลา 10.50 น. หลงั การเปา่ แตรหยุดยิงหลายคร้งั กย็ งั ไมห่ ยุด ยิง ตะลุมบอนกนั ไปมา ผู้เจรจาทั้งสองฝา่ ยจงึ จดั หาผหู้ า้ มยิงฝ่ายละ1 คน เดินคลอ้ งแขนเคียงคู่กนั ไปทาง ทศิ เหนือซึ่งญี่ปนุ่ ตรึงอยู่ แล้ววกกลับมาทางใต้ท่ีฝ่ายไทยตรงึ อยู่ การรบของทงั้ สองฝ่ายจึงยุตลิ ง เวลา 11.40 น. ผ้หู า้ มยิงทงั้ สองคนเดินกลับมาถึงทเ่ี จรจาการศึกอีกครัง้ เวลา 11.45 น. เริ่มตน้ เจรจากันใหม่ ไดค้ วามว่าทางญ่ีปุน่ ไมไ่ ด้ตง้ั ใจรกุ รานประเทศไทย หรือ บุกเมืองนครศรธี รรมราช แตเ่ ข้าใจวา่ ให้กอง กําลงั ของญีป่ ุน่ ผ่านประเทศไทยไปมลายู และ สิงคโปร์ เพ่ือขบั ไล่คนผิวขาว ผลการเจรจาญี่ปนุ่ ขอ 5 ข้อ คือ พัก ผา่ น ฐานบิน เขตทหาร และ รักษาสนามบิน เวลา 12.10 น. การเจรจาครั้งท่ีสองฝา่ ยไทยยินยอม เพียง 4 ข้อ ขอยกเว้นข้อ 5 ญี่ปนุ่ จะต้องรกั ษาสนามบินเอง โดยกาํ หนดให้คลองท่าวังเป็นเสน้ เขตแบ่ง ทหารไทยและทหารญี่ปุ่น และ ฝา่ ยญี่ปุน่ ต้องไมก่ ระทําการใดๆ ทเี่ ส่ือมเสียเกียรติยศแก่ชาวไทยและชาติ ไทยเปน็ อันขาด และ นัดเจรจาทาํ ความตกลงในรายละเอยี ดในเวลา 13.00 น. หากพ้นกาํ หนดฝา่ ยญี่ป่นุ ไม่แจ้งข้อขัดขอ้ ง หรอื ขอเล่อื นการเจรจาการรบท้งั สองฝ่าย การรบเพือ่ ขับไลท่ หารญีป่ ุน่ ใหพ้ ้นไปจาก แผ่นดนิ ไทยอาจเริ่มข้นึ อีกคร้ัง เวลา 13.00 น. เจรจายุตกิ ารรบ เวลา 14.00 น. ยุติการรบ สาํ หรับการยกพลข้ึนบกของญ่ีปุ่นบนดินแดนไทยคร้ังน้ี นบั วา่ สมรภมู เิ มืองนครศรธี รรมราชรนุ แรง ทีส่ ดุ ทหารและพลเรือนไดร้ ่วมกนั ประกอบวรี กรรมอย่างกลา้ หาญ พลเอกหลวงเสนาณรงค์ ผบ.มทบ.6 ขณะนัน้ บนั ทึกไว้วา่ “การรบไดเ้ ป็นไปโดยกระช้ันชิดในเวลารวดเรว็ ฝ่ายเราไดร้ ุกเข้าไปจนถงึ ทา่ เรือหา่ ง จากขา้ ศกึ เพียง 10 เมตร ส่วนยอ่ ยของเราได้ตะลุมบอน เสยี งไชโยดงั ลัน่ ทกุ แนวท่ีเรายึดคืนได้ ข้าศึกถอย แลว้ ๆ เรารอ้ งบอกกนั ไมม่ ีครง้ั ใดท่จี ะไดเ้ หน็ การต่อส้อู ย่างทรหดจนถงึ ตะลุมบอนเหมือนอย่างในครงั้ นี้” ณ สมรภมู ิแห่งน้ี 38 ชีวิตของทหารไทยไดพ้ ลไี ว้ เพือ่ พทิ ักษร์ กั ษาเอกราชของชาติ นายทหารสญั ญาบัตร 3 นาย นายทหาร 3 นาย และ พลทหาร 32 นาย รวมกบั ทหารที่เสยี ชวี ิตในภาคใตท้ ้ังหมดจาก ชมุ พร ประจวบครี ีขันธ์ สงขลา และ ปตั ตานี รวมเป็น 116 นาย จารกึ รายชือ่ อยู่ทฐ่ี านของอนุสาวรีย์วรี ะไทย (เจา้ พ่อดาํ ) ซึ่งออกแบบจดั สร้างโดย อาจารยศ์ ิลป์ พรี ะศรี เพื่อราํ ลึกถึงวีรกรรมในคร้ังนน้ั ทกุ วนั ที่ 8 ธันวาคม ของทุกปี จะมาร่วมกนั ทาํ บุญตกั บาตรและวางพวงมาลา ณ อนุสาวรียแ์ หง่ นีเ้ สมอมา ทหาร และ ยุวชนทหาร จากท่าศาลาทร่ี ่วมรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา จากการศึกษาค้นหาประวตั ิของนายอาํ เภอท่าศาลาในอดีต ทาํ ให้เราทราบถงึ ช่อื บุคคล เร่ืองราว เหตกุ ารณ์ ในช่วงเวลานั้นๆ ได้ เช่น พบวา่ พ.ศ.2484 ขุนสทิ ธิธ์ รุ การ (รองอํามาตย์โท พรอ้ ม ยังบรรเทา) เป็นนายอาํ เภอทา่ ศาลา กํานันอน้ พงศ์สวุ รรณ เปน็ กํานันตาํ บลท่าศาลา ครลู ภ ดํารักษ์ เป็นศึกษาธิการ

อาํ เภอทา่ ศาลา ครูคล่อง เวทยาวงศ์ เป็นครใู หญ่โรงเรยี นปทุมานุกูล ครูเนียม ฤทธิมนตรี เปน็ ครใู หญ่ โรงเรยี นมธั ยมบรู ณวิทยาวัดทา่ สงู ชว่ ง พ.ศ.2483-2484 โรงเรยี นบรู ณวิทยาถูกยุบมีโรงเรยี นมธั ยมดํารง เวทจดั ต้ังขึ้นมาแทน นักเรยี นโรงเรียนมัธยมบูรณวทิ ยาย้ายไปเรียนในเมืองนครศรธี รรมราช ไปเข้าเรยี นที่ โรงเรียนนครสมาคม ทโ่ี รงเรยี นเบญจมราชทู ิศ แต่ก็มีบางคนเรยี นท่ีโรงเรยี นดํารงเวท เช่น อาจารยเ์ กยรู ไชยานพุ งศ์ อดีตอาจารยใ์ หญโ่ รงเรยี นวัดคงคา นอกจากน้ีทําให้รู้ว่าขนุ สิทธ์ิธรุ การสั่งให้ ครูลภ ดาํ รักษ์ ไปขดุ หาพระนางตราท่ีวัดนางตรา นํามาเกบ็ รักษาไว้ท่ีบา้ นพักนายอาํ เภอ เปน็ ต้น สําหรับชว่ งสงครามหา เอเชยี บรู พา มชี าวท่าศาลาเข้าไปเกย่ี วขอ้ งกับสงครามหลายคน ดงั นี้ 1. ร.ท.พชิ ิต สมภู่ ทา่ นเป็นเขยทา่ ศาลา สมรสกับป้าสพุ ร เสพยธ์ รรม ลูกสาวของตาสายบัว-ยาย เอยี ด เสพย์ธรรม เนื่องจากมีการจดั ตั้งหน่วยทหารบกขึ้นหลายหน่วยในภาคใต้ จงึ ไดย้ า้ ยกองบญั ชาการ มณฑลทหารบกที่ 5 ตําบลพงสวาย อําเภอเมือง จงั หวัดราชบรุ ี มาตัง้ ทีต่ ําบลปากพนู อาํ เภอเมอื ง จังหวดั นครศรธี รรมราช เมื่อ พ.ศ.2482 เพื่อปกครองบงั คับบญั ชาหน่วยทหารในภาคใต้ รวมท้ังกองพัน ทหารปนื ใหญท่ ี่ 15 ซึ่งตงั้ อยทู่ ตี่ ําบลปากพูนอยกู่ ่อนแล้ว ตอ่ มาเปล่ยี นชื่อหน่วยเป็นมณฑลทหารบกที่ 6 โดยมนี ายพลตรี หลวงเสนาณรงค์ เปน็ ผูบ้ ัญชาการมณฑลทหารบกที่ 6 ร.ท.พิชิต สมภู่ ก็ยา้ ยมาจาก ราชบรุ ีในครง้ั น้นั ดว้ ย ไมท่ ราบว่าทา่ นเป็นคนราชบรุ ีหรือเป็นคนจังหวดั ใดในภาคกลาง เป็นผู้หน่งึ ท่รี ่วมรบ ในสงครามมหาเอเชยี บูรพา เม่อื พ.ศ.2484 ท่านกล่าวเอาไวว้ ่า “ญป่ี นุ่ มันเคล่ือนท่ีแปลก วง่ิ ขนึ้ มาเป็น แถวขบวน แถวหน้ากระดานว่งิ แล้วหมอบ วิง่ แล้วหมอบ พอหมอบแล้วหาที่กําบงั พอมนั จะหาทห่ี มาย ตอ้ งกระโดดออกมา เราก็ยงิ มัน ในท่สี ุดถงึ ตัวกัน ถงึ ขน้ั ตะลมุ บอน คนไหนท่ีถึงตวั กใ็ ช้ดาบปลายปืน ไม่ใช้ ปนื แล้วทนี ี้” ร.ท.พชิ ิต สมภู่ อดีตทหารค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช เล่าถงึ เหตุการณ์ยกพลขึ้นบกของ กองทพั ญป่ี นุ่ เข้าส่ปู ระเทศไทยตามจุดตา่ งๆ ทางภาคใต้ เม่อื วนั ท่ี 8 ธนั วาคม พ.ศ.2484 ชว่ งสงครามโลก คร้งั ท่ี 2 ทา่ นรอดตายจากสงคราม ได้รับเหรียญตรามากมาย เกษยี ณราชการทหารแลว้ ยังมชี วี ติ ยืนยาว หลายสบิ ปี เกษียณออกมาประกอบอาชีพทําการเกษตร ปัจจบุ นั ท่านถึงแก่กรรมแล้ว 2. พลทหารจู้ พรหมมาศ เป็นชาวท่าศาลา บา้ นอยู่ประตชู ้างตะวันออก ต่อสู้กบั ทหารญีป่ ่นุ จน ตวั ตายในสมรภูมริ บ ไดร้ ับการเล่ือนยศเป็น จ.ส.อ.จู้ พรหมมาศ ไดร้ ับการจารกึ ช่ือท่ีฐานของอนสุ าวรียว์ ี ระไทย ภายในคา่ ยวชิราวธุ 3. พลทหารปาน ร่วมสนิท ชาวท่าศาลา บ้านอยู่หวั ตะพาน เปน็ นอ้ งชายของลงุ หนู รว่ มสนิท ทา่ นรอดตายจากสงคราม ได้รบั เหรียญชัยสมรภูมิ ปัจจุบนั ถึงแก่กรรมแล้ว 4. พลทหารจอน ชามทอง ชาวท่าศาลา อยู่บ้านยาง (วัดพระเลียบ) จับไดใ้ บแดงจึงเป็นพล ทหารเกณฑ์อยทู่ ่ีคา่ ยวชิราวุธ ร่วมทาํ สงครามมหาเอเชียบูรพา และ รอดตายจากสงคราม หลังจากน้นั ถูก ส่งไปรบท่ีเชยี งตงุ (ไทยใหญ่หรือสาธารณะรฐั ไทยเดมิ ) ในประเทศพมา่ กลับมาถึงบ้านจึงปลดประจาํ การ ช้ากว่าคนอื่นๆ ท่านได้รับเหรียญกล้าหาญ (เหรยี ญชัยสมรภมู )ิ พลทหารจอน ชามทอง เป็นบิดาของ อาจารย์วนิ ยั ชามทอง อดีตผู้อาํ นวยการโรงเรียนสวนกหุ ลาบวิทยาลัย จังหวัดนครศรีธรรมราช ลกู คนอืน่ เชน่ นายธนากร ชามทอง (ผู้ใหญ่เพลนิ ) นายยทุ ธศักดิ์ ชามทอง (รงค์) เป็นต้น

พลทหารจอน ยุวชนทหารประโพธิ ยุวชนทหารครื้น 5. พลทหารหนูกล่ัน ศรจี ันทร์ ชาวท่าศาลา เปน็ คนบ้านโพธ์ิ ตําบลไทยบุรี ท่านรอดตายจาก สงคราม หลังสงครามได้รับการปูนบาํ เหนจ็ ความดีความชอบ ได้รบั เหรยี ญชัยสมรภูมิ ไดร้ บั การแต่งตั้งให้ เปน็ นกั การภารโรง โรงเรยี นปทมุ านกุ ลู ปจั จุบันทา่ นถึงแก่กรรมแล้ว 6. พลทหารช่ืน สดุ คดิ ชาวท่าศาลา บ้านอยู่ประตชู ้างตะวันตก (บ้านปลกั ตอ) ทา่ นรอดตายจาก สงครามไทยญ่ปี ุ่นทท่ี า่ แพ จากนั้นถูกส่งไปรบที่เชียงตุง (สาธารณะรัฐไทยเดมิ ) ตามนโยบายของจอมพล แปลก พบิ ูลย์สงคราม ซ่งึ ญี่ปนุ่ ต้องการใหไ้ ทยร่วมรบในสงครามด้วย หลงั จากเสร็จสงคราม พลทหารชน่ื สดุ คิด ปลดประจําการกลบั มาบา้ น ได้รับเหรียญกลา้ หาญ เหรยี ญชยั สมรภมู ิ พลทหารชน่ื สุดคิด เปน็ บดิ าของอาจารย์บญุ โชค สุดคิด ผู้อํานวยการโรงเรียนบ้านสํานกั มว่ ง อาจารยส์ จุ นิ ต์ สุดคิด ผู้อํานวยการ โรงเรียนชมุ ชนใหม่ มหาวทิ ยาลยั วลัยลักษณ์ 7. พลทหารสว่าง พาหนะ ชาวทา่ ศาลา อยู่บา้ นร้วั เป็นน้องชายของนางหนูคล้าย พาหนะ นาง หนูคลา้ ยไดก้ ับผ้ใู หญ่สีนวล ไทยสชุ าติ อดีตผใู้ หญ่บ้านหมู่ท่ี 4 ตาํ บลไทยบุรี พลทหารสวา่ ง พาหนะ ตอ่ สู้ กับทหารญ่ีปุน่ จนตัวตายในสมรภูมิรบ ไดร้ ับการเลอื่ นยศเปน็ จ.ส.อ.สว่าง พาหนะ ไดร้ บั การจารกึ ชื่อที่ ฐานของอนสุ าวรีย์วรี ะไทย ทราบเรื่องของท่านจากอาจารย์ประโพธิ กาญจนภกั ด์ิ ที่บันทึกไวใ้ นหนงั สือ อนุสรณ์ จอน ชามทอง ซงึ่ บรรยายเร่ืองราวของทหารผ่านศึกสมยั สงครามโลกคร้ังท่ี 2 8. พลทหารเทม่ิ สขุ แกว้ ชาวท่าศาลา บ้านอยวู่ ัดเทวดาราม ตาํ บลทา่ ขึ้น ทา่ นรอดตายจาก สงคราม ได้เหรียญกลา้ หาญ เหรยี ญชัยสมรภูมิ ทราบเรื่องของทา่ นจากอาจารยแ์ จง้ ปาลิโพธิ 9. ยุวชนทหารแนบ สรรพบพติ ร ชาวท่าศาลา บา้ นวดั พระหมาย จบมธั ยมตน้ จากโรงเรยี น บูรณะวทิ ยา ช่วงสงครามท่านกําลงั เรยี นชั้นมัธยมปีท่ี 4 โรงเรยี นนครสมาคม (วดั จนั ทาราม) เขา้ ร่วม สงครามที่ท่าแพเมื่อปี 2484 ไดร้ ับเหรยี ญชัยสมรภมู ิ หลังจากจบการศึกษาออกมาเป็นครทู ่ีโรงเรียนบ้าน สระบัว ลาออกมาเป็นครูใหญ่โรงเรยี นดาํ รงเวท เป็นผู้จัดการ เปน็ เจา้ ของโรงเรียนไปพรอ้ มกัน ปัจจุบนั ท่านยังมชี วี ิตอยู่ อายุ 92 ปี (2466-2558) ท่านมีบ้านพักทศ่ี าลานาํ้ ตาํ บลทา่ ศาลา อําเภอทา่ ศาลา

ภาพพลทหาร และ ยวุ ชนทหาร ภาพบนพลทหารผา่ นศึกสวมหมวกเหล็กน่ังอยูใ่ นรถเข็น สวมชุดทหารเส้อื แขนยาว กางเกงขายาว มีผา้ พันแขง้ สวมรองเทา้ หนงั สดี ํา ภาพยุวชนทหาร อยู่ในทา่ ยนื สวมหมวกทรงหม้อตาลสเี ขยี ว กระบงั หนา้ สดี าํ ทาํ ดว้ ยหนงั หรอื วสั ดเุ ทียมหนงั สวมชดุ ยวุ ชนทหารเส้อื แขนยาว กางเกงขาสนั้ ถุงเท้ายาวสดี าํ รองเทา้ หนงั สีดาํ ทกุ คนประดับเหรยี ญชยั สมรภูมิ ยุวชนทหารคน ทางซา้ ยดคู ลา้ ยครูเฉลิมอดตี นายธนาคารออมสินสาขาทา่ ศาลา 10. ยวุ ชนทหารจาํ เรญิ ภูมมิ าศ ชาวทา่ ศาลา ลกู หลานของหมืน่ แสนบุรี บ้านอยศู่ าลาน้าํ ตลาด ท่าศาลา ภรรยาเปน็ ครชู ่อื นางศภุ มาศ ภูมมิ าศ (ครบู วน) ท่านรอดชีวิตจากสงคราม ได้รับเหรียญกลา้ หาญ เมื่อเรยี นจบแลว้ รับราชการกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย คนทา่ ศาลามักเรยี กทา่ นว่า

หลดั เริญ ตําแหน่งครง้ั สุดท้ายเปน็ หัวหนา้ กง่ิ อําเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช และ ท่านเกษียณ ราชการในตาํ แหนง่ หัวหน้าก่ิงอาํ เภอนาบอน ปจั จบุ ันท่านถึงแกก่ รรมแล้ว 11. ยุวชนทหารเฉยี้ ง จินดาฤกษ์ ชาวท่าศาลา บ้านเดมิ อยู่วัดเทวดาราม ท่านเปน็ นกั เรียน โรงเรียนนครสมาคม (วัดจันทาราม) เข้ารว่ มสงครามท่ที ่าแพเมือ่ ปี 2484 ทา่ นรอดชีวิตจากสงคราม ไดร้ บั เหรียญกล้าหาญ ต่อมาประกอบอาชพี เปน็ พ่อค้าอยทู่ ่ีตลาดทา่ ศาลา เปน็ ประธานสุขาภบิ าลตําบลท่า ศาลาเปน็ เวลานานหลายปีติดต่อกนั กอ่ นท่ีลกู ชายของท่านจะทาํ หนา้ ทเ่ี ป็นนายกเทศบาลตําบลท่าศาลา ในเวลาต่อมา ทา่ นถงึ แก่กรรมแล้วจากโรคลมปจั จุบนั ลูกชายคนท่ีเปน็ นายกเทศบาลตาํ บลท่าศาลาก็ถงึ แกก่ รรมแล้วเชน่ กัน จากการถกู ลอบทําร้ายเม่อื หลายปีก่อน 12. ยุวชนทหารมนูญ บญุ ญวงศ์ ชาวทา่ ศาลา บา้ นอยู่ฝายทา่ ลูกชายของกาํ นันหลิว-ป้าผ่อง บญุ ญวงศ์ ตอนเกิดสงครามทา่ นเรยี นท่ีโรงเรยี นเบญจมราชูทิศ เข้ารวมรบสนับสนนุ ทหารทีท่ ่าแพ รอด ตายจากสงคราม ไดร้ ับเหรียญชัยสมรภมู ิ เม่อื เรียนจบก็เขา้ รับราชการเปน็ ครูทอ่ี ําเภอทา่ ศาลา ปจั จบุ ัน ทา่ นถึงแกก่ รรมแล้ว 13. ยวุ ทหารสมบูรณ์ เชาวลิต เป็นชาวท่าศาลา อยทู่ ่ีไทยบรุ ี ช่วงเกิดสงครามมหาเอเซียบูรพา ท่านเรียนชัน้ มัธยมปลายทโี่ รงเรียนเบญจมราชทู ิศ เป็นยวุ ชนทหารเข้าร่วมสงครามด้วย ทา่ นรอดตายจาก สงครามได้รับเหรยี ญกล้าหาญ เป็นเหรยี ญชยั สมรภมู ิ เมื่อเรยี นจบออกมาเป็นครทู ราบว่าทา่ นเคยเป็น ครใู หญโ่ รงเรยี นปทมุ านุกลู หลงั จากนัน้ สอบบรรจุเป็นข้าราชการกรมป่าไม้ และ โอนไปสงั กดั กรมป่าไม้ จนเกษยี ณราชการ ปจั จุบันท่านยงั มีชวี ติ อย่โู ดยมีบา้ นพกั อยทู่ ีก่ รงุ เทพมหานคร 14. ยุวชนทหารประโพธิ กาญจนภกั ด์ิ ชาวทา่ ศาลา บ้านเดมิ อยทู่ บ่ี ้านรว้ั ตําบลไทยบุรี ลกู ชาย ของครฟู ืน้ -ป้าสายห้วย กาญจนภักด์ิ ตอนเกิดสงครามไทยญี่ปุน่ ทท่ี ่าแพ กาํ ลังเรยี นท่ีโรงเรยี นเบญจมราชู ทศิ เข้ารวมสงครามเมอื่ 8 ธันวาคม 2484 รอดตายจากการรบ ได้รบั เหรียญชยั สมรภมู ิ เรยี นจบโรงเรียน เบญจมราชทู ิศมาทํางานเปน็ เสมยี นบนอําเภอทา่ ศาลา ต่อมาบรรจุเป็นครูสอนในเขตอําเภอทา่ ศาลา ตาํ แหนง่ สุดท้ายเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดคงคา อําเภอทา่ ศาลา (บดั น้ีอยใู่ นเขตของอําเภอนบพติ ํา) ปจั จุบันยงั มีชวี ิตอยู่ 15. ยุวชนทหารแจ้ง ปาลิโพธิ ชาวทา่ ศาลา บา้ นอย่ใู นตลาดทา่ ศาลา ตอนเกิดสงครามไทยรบ ญ่ปี ุ่นท่ที า่ แพ ท่านเรียนชนั้ มัธยมทโ่ี รงเรียนเบญจมราชูทิศ เขา้ ร่วมสงครามในวนั ท่ี 8 ธนั วาคม 2484 ณ สมรภูมริ บท่าแพ รอดตายจากสงคราม ไดร้ ับเหรยี ญชัยสมรภมู ิ เมื่อเรยี นจบจากโรงเรียนเบญจมราชทู ิศ ทา่ นเป็นครสู อนนักเรียนโรงเรยี นราษฎร์ ต่อมาสอบบรรจเุ ปน็ ขา้ ราชการครู ตาํ แหน่งคร้งั สุดท้ายเป็น อาจารย์ใหญ่โรงเรยี นวัดเทวดาราม สมรสกับครูเกสรขา้ ราชการครโู รงเรยี นปทุมานุกูล ครเู กสรถึงแก่กรรม เมอื่ ปี 2557 อาจารย์แจง้ ปาลิโพธิ รา่ งกายยงั แขง็ แรงมีชีวิตยนื นานอกี หลายปี ท่านกรุณาให้ข้อมลู ยุวชน ทหารทเี่ ป็นเพือ่ นกันมา เสียดายท่ีไม่มรี ปู ของทา่ นในขณะท่ีแตง่ เคร่ืองแบบยุวชนทหารเมอ่ื ปี 2484 16. ยุวชนทหารฉลาด อรชร ชาวทา่ ศาลา อยู่ในตลาดทา่ ศาลา ตอนเกิดสงครามกาํ ลังเรยี นช้ัน มัธยมท่ีโรงเรียนเบญจมราชูทิศ เข้าร่วมสงครามไทยญี่ปุน่ ท่ที า่ แพ ได้รับเหรยี ญชัยสมรภูมิ เรยี นจบ

ออกมาบรรจเุ ป็นครทู ่ีโรงเรียนบ้านท่าสูง ถูกย้ายไปสอนทโี่ รงเรียนบ้านปากลงตําบลนบพิตํา จากน้ันได้ ลาออกมาประกอบอาชพี ส่วนตัว สมรสกบั ครูเพมิ่ ลกู สาวของหมนื่ อไุ ร ปัจจุบนั ถึงแก่กรรมแล้วท้งั สองทา่ น 17. ยวุ ชนทหารครื้น สปุ ระดิษฐ์ ชาวท่าศาลา อย่ทู ี่บ้านยาง (บ้านวัดพระเลยี บ) ตําบลทา่ ขนึ้ ตอนสงครามกําลังเรียนช้ันมัธยมในตัวเมืองนครศรธี รรมราช รวมรบในสงครามไทยญี่ปุ่นท่ีทา่ แพ รอด ตายจากการรบ ไดร้ บั เหรียญชยั สมรภูมิ เมื่อเรยี นจบออกมาบรรจุเปน็ ข้าราชการครู เคยเป็นครสู อนที่ โรงเรยี นปทุมานุกูล ตําแหนง่ คร้ังสุดทา้ ยเปน็ ครูโรงเรียนวัดพระเลยี บ สมรสกับนางประจวบ ศรีนุรกั ษ์ ปัจจุบนั มบี ้านพักท่ีบ้านยางทางทศิ เหนือของวดั พระเลียบ ยงั มชี วี ิตอยู่ทั้งสองท่าน 18. ยวุ ชนทหารสมยั บุญสงิ ห์ ชาวทา่ ศาลา บา้ นอยู่นบพติ าํ (ปัจจบุ ันเป็นอาํ เภอนบพิตํา) ตอน เกิดสงครามกาํ ลงั เรียนอยใู่ นตวั เมืองนครศรีธรรมราช ผ่านการฝึกวชิ ายุวชนทหาร เข้ารว่ มรบในสงคราม ไทยญี่ปุ่นทท่ี ่าแพ รอดตายจากสงคราม ไดร้ ับเหรียญชัยสมรภูมิ ไมท่ ราบรายละเอียดของทา่ นมากนัก ข้อมูลของท่านได้จากอาจารย์แจง้ ปาลิโพธิ 19. ยุวชนทหารวิชยั อรชร ชาวท่าศาลา อยู่ในตลาดท่าศาลา เปน็ น้องของยุวชนทหารฉลาด อรชร ทา่ นเรียนช้นั มัธยมท่ีโรงเรียนเบญจมราชทู ิศ เข้ารว่ มสงครามไทยญี่ปนุ่ ท่ที ่าแพ รอดตายจาก สงคราม ได้รับเหรียญชยั สมรภูมิ เรยี นจบออกมาทาํ งานเป็นครูอยู่ช่วงหนงึ่ จากน้นั ได้ลาออกมาประกอบ ชีพส่วนตัว สมรสกับครสู ปุ รานี อรชร ตําแหน่งครง้ั สุดทา้ ยครูสุปรานีเป็นอาจารยใ์ หญ่โรงเรยี นราชประชา นุเคราะห์ 8 สําหรบั ยวุ ชนทหารวิชัย อรชร และ ภรรยาถึงแกก่ รรมแลว้ ทงั้ สองท่าน 20. ยวุ ชนทหารนิจ วัยวฒั น์ เปน็ ชาวทา่ ศาลา เป็นบุตรของหม่นื วยั วัฒน์วจิ ารณ์ อดีต ผูใ้ หญ่บา้ นหมู่ท่ี 1 ตําบลท่าศาลา หมอนจิ เป็นน้องชายของป้าศรีนวล ปักเข็ม บ้านเดมิ ของทา่ นอยู่ ณ ที่ต้งั โรงเรียนอนุบาลวัยวัฒน์ในปัจจุบันน้ี เร่ิมเรยี นประถมทีโ่ รงเรียนปทมุ านกุ ลู เรียนชน้ั มธั ยมที่โรงเรยี น เบญจมราชูทิศ เกิดสงครามไทยญ่ปี นุ่ ท่ีทา่ แพ จงึ เข้าร่วมในการทําศึกคร้ังน้ันดว้ ย ท่านรอดตายจาก สงครามได้รับเหรียญชัยสมรภูมิ เขา้ กรงุ เทพศกึ ษาดา้ นสาธารณะสขุ ศาสตร์ จบออกมารับราชการเป็น เจา้ หน้าทีส่ าธารณะสขุ อาํ เภอเกาะลนั ตา จงั หวัดกระบี่ ต่อมาย้ายมาที่อาํ เภอสชิ ล และ ย้ายมาเป็น สาธารณสุขอําเภอท่าศาลา ตอนหลงั ลาออกจากราชการ อีกหลายปีต่อมาหมอนิจตงั้ โรงเรียนอนุบาล วัยวฒั น์ บนท่ีดินทเ่ี ป็นสว่ นแบ่งของตนเอง เปิดทําการเรียนการสอนมาจนถึงทุกวันน้ี ปจั จบุ นั ยุวชนทหาร นจิ วัยวัฒน์ ถึงแก่กรรมแลว้ เมือ่ พ.ศ. 2539 ทีก่ รุงเทพมหานคร ยงั มีทหารเกณฑ์ ยวุ ชนทหาร และ ลูกเสอื ทเ่ี ปน็ ชาวท่าศาลาอีกหลายคน รายช่ือของท่านเหล่านน้ั ยงั ไมไ่ ด้บนั ทกึ เอาไว้ในเอกสารชิ้นนี้ หากมีการคน้ พบทีหลังจะไดน้ ํามาบันทึกเอาไว้ เพ่ือความภูมใิ จใน บรรพบรุ ษุ ของลูกหลานชาวทา่ ศาลาในยุคปจั จุบัน รชั กาลท่ี 9 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช (พ.ศ.2489 - ปจั จบุ นั )

พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช ราชสกุล มหิดล สายหนึง่ ของราชวงศจ์ ักรี ประสูตทิ ี่โรงพยาบาลเมาต์ออเบริ ์น เมืองเคมบริดจ์ รฐั แมสซาชเู ซตส์ สหรัฐอเมริกา วันจันทร์ เดอื ยอ้าย ขึ้น 12 ค่ํา นพสก จลุ ศักราช 1289 ตรงกับ วนั ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2470 เหตทุ ส่ี มภพที่สหรัฐอเมริกาก็ เพราะพระบรมราชชนก และ พระบรมราชชนนี ทรงกําลงั ศกึ ษาวชิ าการอยูท่ ีน่ ัน่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช เป็นพระโอรสองค์ท่ี 3 ในสมเด็จเจา้ ฟ้ามหิดล อดลุ ยเดช กรมหลวงสงขลานครนิ ทร์ เป็นสมเดจ็ พระมหิตลาธเิ บศร อดุลยเดชวกิ รม พระบรมราชชนกใน เวลาต่อมา และ หม่อมสงั วาล มหิดล ณ อยุธยา (ตระกลุ เดิม ตะละพฏั ) เป็นสมเด็จพระศรีนครินทราบรม ราชชนนีในเวลาต่อมา ประสตู แิ ล้วทรงได้รบั พระราชทานนามวา่ พระวรวงศเ์ ธอพระองค์เจ้าภูมพิ ลอดลุ ย เดช มีพระเชษฐาภคินี และ พระเชษฐา 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจา้ พนี่ างเธอเจ้าฟ้ากลั ยานิวัฒนา กรม หลวงนราธวิ าสราชนครินทร์ และ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล เหตกุ ารณ์สาํ คัญสมัยรชั กาลท่ี 9 1. กรณพี ิพาทเขาพระวหิ ารระหวา่ งไทยกบั กัมพูชา ความขัดแยง้ เกดิ ขึ้นเมือ่ พ.ศ.2501 จาก ปญั หาของการอ้างสิทธิเ์ หนือดินแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร ชายแดนอาํ เภอกันทรลกั ษณ์ จงั หวดั ศรี ษะเกศ และ ชายแดนของกัมพูชาดา้ นจังหวัดพระวหิ าร สาเหตสุ ําคัญเกิดจากการถอื แผนที่ปักปนั เขต ชายแดนตามแนวสนั นํา้ ของเทอื กเขาพนมดงรักคนละฉบับ ทาํ ใหเ้ กิดปัญหาพน้ื ที่ทับซ้อนของทั้งสองฝ่าย ในพนื้ ทอ่ี ันเป็นที่ตั้งของตัวปราสาท โดยทง้ั สองฝา่ ยทงั้ ไทยและกัมพชู ายนิ ยอมให้มีการพจิ ารณาปัญหา โดยศาลยุติธรรมระหวา่ งประเทศ (ศาลโลก) ณ กรงุ เฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อ พ.ศ.2502 คดีนี้ศาล โลกได้ตดั สินใหต้ ัวปราสาทตกเปน็ ของกมั พชู า เม่ือ วันที่ 15 มถิ นุ ายน พ.ศ.2505 ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ท่ามกลางความไม่พอใจของฝ่ายไทย ซง่ึ เห็นว่าศาลโลกตัดสนิ คดอี ย่างไม่เปน็ ธรรม อยา่ งไรกต็ ามการ ตัดสินครัง้ น้ี ไมส่ ามารถแก้ปญั หาเรื่องอาณาเขตทับซ้อนระหวา่ งไทยกับกมั พชู า ยังคงเปน็ ปัญหาเร้อื รัง มาจนถึงปจั จบุ ัน และ ได้เกิดปัญหาขึน้ มาอกี เมื่อ 5-6 ปีท่ผี ่านมาน้เี อง พ.ศ.2501-2502 สถานี วิทยุกระจายเสยี งรายงานถงึ ความขัดแยง้ เร่ืองเขาพระวหิ าร ระหวา่ งประเทศไทยกบั ประเทศกัมพูชา ทํา ใหป้ ระชาชนท้งั ประเทศเกิดความไมพ่ อใจ ทําให้เกิดการประทว้ งของประชาชนชาวไทยไปทั่วประเทศ ท่ี

อาํ เภอท่าศาลา ขา้ ราชการ ประชาชน นกั เรียน เดินขบวนชูธงชาติแหแหนประทว้ งกมั พชู าไป ตามถนนในตวั อําเภอท่าศาลา เดนิ ขบวนจากหนา้ อาํ เภอไปหัวถนน ไปศาลานํ้า ไปตลาด อาทิตย์จรดคลองทา่ สูง 2. มหาวาตภยั พ.ศ.2505 พายเุ ร่ิมกอ่ ตวั จากหย่อมความกดอากาศต่าํ เป็นพายุดีเปรสช่ัน ใน ทะเลจีนใตต้ อนลา่ งนอกชายฝั่งประเทศเวยี ดนาม เม่ือวนั ที่ 22 ตลุ าคม พ.ศ.2505 แลว้ ค่อยๆ เคล่ือนตัว ไปทางตะวนั ตกเข้ามาในอ่าวไทย ทวกี ําลังแรงข้ึนเปน็ พายุโซนร้อนนอกชายฝง่ั จงั หวัดสงขลา เรียกว่า พายโุ ซนร้อนแฮร์เรียต (Harriet) จากนั้นพายุเปลยี่ นทิศทางตรงมายังจังหวัดนครศรีธรรมราช เคลือ่ นขน้ึ ฝง่ั ตอนคํ่าของวันท่ี 25 ตุลาคม ตรงบริเวณแหลมตะลมุ พุก อําเภอปากพนงั ด้วยความเร็วลมสงู สดุ 95 กโิ ลเมตรตอ่ ชั่วโมง ขน้ึ ฝ่งั ทีอ่ ําเภอท่าศาลาประมาณ 21.30 น. เมอื่ ขึ้นฝัง่ ความเร็วลมลดลงกลายเป็นพายุ ดเี ปรสชั่น เคล่ือนผา่ นนครศรีธรรมราช สรุ าษฎรธ์ านี กระบ่ี พงั งา ภเู ก็ต และ ลงทะเลอันดามนั เมื่อวันที่ 26 ตลุ าคม ก่อนสลายตัวไปในอา่ วเบงกอลใกล้กับประเทศบงั คลาเทศเมื่อ วันท่ี 30 ตุลาคม พ.ศ.2505 พายแุ ฮรเ์ รียตสร้างความเสียหายรนุ แรงในพื้นทภ่ี าคใตข้ องประเทศไทย ตอนข้ึนฝ่ังขนาดเมฆฝนของพายุ มเี สน้ ผ่าศนู ย์กลาง 300 กิโลเมตร กนิ พ้นื ท่เี ป็นวงกว้าง ก่อใหเ้ กิดฝนตกหนัก เกิดลมกระโชกแรง เกิดลม หมุนวนอย่างแรงโยกต้นไม้ล้มลงทกุ ทศิ ทกุ ทาง คลน่ื ลมในอา่ วไทยซดั แหลมตะลุมพุกในอาํ เภอปากพนัง อยา่ งหนัก กวาดบ้านเรือนกวาดผู้คนลงทะเลเสียหายล้มตายลงเป็นจํานวนมาก ทิศเหนือของจงั หวัด นครศรีธรรมราช อาณาบริเวณความเสียหายถึงอาํ เภอสิชล และ อําเภอขนอม ท่ีอําเภอท่าศาลาเกิดความ เสยี หายหนักทุกพ้ืน ภาพแหลมตะลุมพกุ อาํ เภอปากพนัง จงั หวดั นครศรีธรรมราช ภาพซ้ายมอื เปน็ รูปร่างลกั ษณะของแหลมตะลุมพกุ ใน ปจั จบุ นั ส่วนภาพขวามือ เป็นภาพทแี่ สดงให้เหน็ ถงึ ความเสียหายจากพายแุ ฮรเ์ รยี ตเม่ือปี 2505 ภาพความเสยี หายที่ อําเภอท่าศาลา ไม่มแี สดงไวใ้ ห้เราได้เหน็ เนอื่ งจากไมไ่ ดเ้ กบ็ ภาพเอาไว้ แต่ความเสยี หายกไ็ มย่ ิ่งหยอ่ นกวา่ กันสักเทา่ ไร 3. จดั ต้งั โรงเรยี นทา่ ศาลาประสิทธิ์ศกึ ษา เป็นโรงเรยี นประเภทสหศึกษาสงั กัดกรมสามัญ จดั ตั้งตามประกาศของกระทรวงศกึ ษาธิการ ลงวนั ท่1ี 7 มถิ ุนายน 2517 เป็นโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษาขนาด ใหญ่ประจาํ อําเภอทา่ ศาลา จังหวัดนครศรธี รรมราช รบั นกั เรยี นชั้น มศ.1-3 ระยะแรกใช้ศาลาโรงธรรม

วัดทา่ สูง ใชใ้ ต้ถนุ กฏุ ิเจ้าอาวาสหลงั ที่สอง และ ใชใ้ ตถ้ ุนกุฏิยาวเปน็ ทีเ่ รยี น โดยศึกษาธกิ ารอําเภอ นาย สันติ สุทธพิ ันธ์ เป็นผู้ประสานงาน โดยใชช้ ่อื พระครูประสิทธิถ์ าวรการเจา้ อาวาสวัดท่าสงู ทอี่ นญุ าตใหใ้ ช้ ท่ีดนิ พระวัดนอก นํามาตั้งเป็นชอ่ื ของโรงเรยี นวา่ โรงเรียนท่าศาลาประสิทธิศ์ ึกษา (ท.ศ.) โรงเรยี นทา่ ศาลาประสทิ ธ์ศิ ึกษามี อาจารยร์ ะวัย แกว้ เขียว เป็นอาจารยใ์ หญ่คนแรก การใชท้ ี่ดนิ พระวดั นอกสร้าง โรงเรียน วดั ท่าสงู มกี ารทําบุญลา้ งปา่ ชา้ ด้วย เพราะยังมกี ระดกู ของคนตายฝังไวใ้ นพนื้ ทีพ่ ระวัดนอกอีก มาก เม่ือสรา้ งอาคารเรยี นบนที่ดินพระวัดนอกเสร็จแล้ว จงึ ยา้ ยนักเรียนย้ายครูออกจากวัดท่าสูงมาเรียน ในอาคารใหม่ จากตอนนน้ั ถึงตอนน้ี โรงเรียนท่าศาลาประสิทธิ์ศกึ ษาขยายชั้นเรยี น และ ห้องเรยี นเพมิ่ มากข้ึนตามลาํ ดับ โรงเรยี นอยู่ในเขตชมุ ชน มีประชากรหนาแน่น รายรอบไปด้วยบ้านเรือนอาคารร้านค้า วัด ธนาคาร ประชากรในเขตพืน้ ทบี่ ริการของโรงเรยี นนับถอื ศาสนาพุทธรอ้ ยละ 58.50 ศาสนาอสิ ลาม ร้อยละ 36.20 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.08 และอื่นๆ ร้อยละ 5.22 ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชพี เกษตรกรรม อาชพี ประมง และ อาชีพคา้ ขาย ปกี ารศกึ ษา 2553 โรงเรียนเขา้ ร่วมโครงการโรงเรียน คณุ ภาพมาตรฐานสากล เปิดสอนภาษาตา่ งประเทศโดยเจ้าของภาษา คือ ภาษาองั กฤษ ม. ต้น จํานวน 6 ห้องเรยี น ม.ปลาย จํานวน 2 ห้องเรยี น และเปดิ สอนภาษาจนี ทุกห้องเรยี นใน ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2 และ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ทําเนียบของผู้บริหารโรงเรียนเรม่ิ จากนายระวยั แก้วเขียว นายมีชยั ถวาย นายสถิต ไชยรตั น์ นายแข นนทแก้ว นายจรูญ แสนภักดี นายอทุ ัย เสอื ทอง นายไพบูลย์ นราทิพย์ (ผชู้ ว่ ยผ้อู าํ นวยการรักษาการผู้อาํ นวยการโรงเรียน) นายวนิ ัย ชามทอง นายกรฑี า วรี พงศ์ และ นายสมนึก รกั ดํา ปจั จุบันโรงเรียนท่าศาลาประสิทธิ์ศกึ ษา สังกัดสํานกั งานเขตพ้นื ท่ี การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 12 (สพม.12) 4. จดั ต้งั อาํ เภอพรหมคีรี เมอื่ วนั ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2517 กระทรวงมหาดไทยประกาศใหต้ ําบล พรหมโลก ตาํ บลบ้านเกาะ ตําบลอินคีรี ที่อยใู่ นเขตอําเภอเมอื งนครศรธี รรมราช และ ตาํ บลทอนหงส์ ที่ อยูใ่ นเขตอําเภอทา่ ศาลา จัดตงั้ เป็นก่งิ อาํ เภอพรหมคีรี 7-8 ปีต่อมาก่ิงอําเภอพรหมคีรียกฐานะเป็นอาํ เภอ พรหมครี ี เมือ่ วนั ท่ี 13 กรกฎาคม พ.ศ.2524 ตําบลทอนหงส์ของอาํ เภอท่าศาลาไปตง้ั เปน็ ตาํ บลทอนหงส์ของอาํ เภอพรหมครี ี ดงั น้นั หมบู่ ้าน โรงเรยี น บุคลากร และ วัด ถูกโอนไปสังกัดอาํ เภอพรหมคีรี ดังเคยอธิบายแลว้ วา่ เขตตําบลทอนหงส์เดมิ ประกอบด้วยพืน้ ที่ของ 2 เมือง คือ ส่วนหนงึ่ ของเมืองโมคลานมีหลายหมูบ่ ้าน เช่น บ้านทอนหงส์ บ้าน ชุมขลิง บ้านดอนคา บ้านวังลงุ เปน็ ตน้ และ ส่วนหนง่ึ ของเมอื งอินคีรีมีหลายหมู่บ้าน เชน่ บ้านเก้ากอ บ้านในเขียว บ้านอ้ายคู บ้านคลองเมียด เป็นตน้ วัดของอําเภอท่าศาลาไปอยู่กับอําเภอพรหมครี ี ดงั นี้ วัด ทอนหงส์ วัดท่ายายหนี วัดคงคาวง (วัดอา้ ยเขียว) โรงเรยี นทเ่ี คยอยู่กบั อาํ เภอท่าศาลาโอนไปข้ึนกับ อาํ เภอพรหมคีรี ดงั น้ี โรงเรียนบ้านชมุ ขลิง โรงเรยี นชุมชนวัดทอนหงส์ โรงเรียนบ้านวงั ลงุ โรงเรียนบ้านใน เขียว ครูอาจารย์ท่ีเคยอยใู่ นสังกัดอําเภอทา่ ศาลาต้องโอนไปสังกดั อําเภอพรหมคีรี เชน่ อ.ธง ทัศนโกวทิ ครูใหญ่โรงเรียนชมุ ชนวัดทอนหงส์ อ.นยิ ม กงิ่ รัตน์ อ.ประจวบ คุณโลก อ.ผลึก หวายนาํ อ.จิตต์ เกดิ สมบัติ อ.จิตต์บา้ นอยู่ดอนคา อ. พรหมคีรี แต่ไปเปน็ ครใู หญ่ ร.ร.วัดสวนหมาก อ.ท่าศาลา เปน็ ต้น

การจดั ตัง้ ก่งิ อาํ เภอพรหมคีรีทําใหพ้ ้นื ที่ของอาํ เภอท่าศาลาลดลง เชน่ พื้นท่กี ารเกษตร พ้ืนทีป่ า่ พื้นทแ่ี หล่งทอ่ งเท่ยี ว เชน่ ภเู ขา น้าํ ตก สายนาํ้ ลําคลอง ถํา้ และ แหลง่ โบราณคดี ทาํ ใหผ้ ลประโยชนท์ ่ี อําเภอท่าศาลาไดร้ ับอยู่ตอ้ งหลดุ ลอยไป จาํ นวนประชากรของอาํ เภอทา่ ศาลาโดยรวมกล็ ดลงไปด้วย 5. พายุโซนรอ้ นฟอรเ์ รสต์ (Forrest) กอ่ ตัวขึ้นในมหาสมทุ รแปซิฟกิ เมอื่ วันที่ 10 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2535 เม่ือเคล่ือนตัวสู่ทะเลจนี ใต้ตอนล่าง ได้อ่อนกําลงั ลงกลายเปน็ หย่อมความกดอากาศต่าํ อยู่ ระยะหนง่ึ ต่อมา วนั ท่ี 13 พฤศจกิ ายน ไดท้ วีกําลงั แรงขน้ึ เป็นพายุดีเปรสชัน และ ทวีกําลังเป็นพายุเขต ร้อนตามลําดับ เคล่ือนตวั เข้าสู่อ่าวไทย และ ขึน้ ฝัง่ บริเวณจังหวัดนครศรธี รรมราชในขณะทีเ่ ป็นพายเุ ขต ร้อน เม่ือวันที่ 15 พฤศจิกายน พัดผ่านอําเภอท่าศาลา อําเภอสิชล เคล่ือนตัวผา่ นสุราษฎรธ์ านี พังงา ลงสู่ ทะเลอันดามันในวันที่ 16 พฤศจิกายน พายลุ ูกน้ีขณะอยู่ในทะเลทําให้เกิดคล่ืนลมแรงจัด เมื่อเคลอ่ื นขน้ึ สู่ ฝั่งจงึ ทาํ ความเสียหายอยา่ งมากมายให้แก่บ้านเรือน โรงเรยี น วัดวาอาราม ไร่นา ผ้คู น สัตว์เล้ียง ใน จังหวัดนครศรีธรรมราช และ สรุ าษฎรธ์ านี ประเมินความเสยี หายมากกว่า 3,000 ลา้ น บาท พายุฟอรเ์ รสต์ขน้ึ ฝั่งทอ่ี ําเภอท่าศาลาตอนกลางวนั ชว่ งบา่ ยประมาณ 13.30 น. ความแรงของ พายุฟอร์เรสต์น้อยกว่าความแรงของพายแุ ฮรเ์ รยี ตเม่อื พ.ศ.2505 จําไม่ไดว้ ่ามีคนเสียชีวติ หรือไม่ ความ เสยี หายสว่ นใหญ่เกิดขึ้นกับตัวอาคารบ้านเรอื น โรงเรยี น วดั วาอาราม เรือกสว่ น สัตว์เลี้ยง โดยมีบา้ นของ ราษฎรพงั เสยี หายหลายหลงั อาคารเรียนสว่ นใหญเ่ สยี หายที่กระเบอ้ื งมุงหลังคา ถกู แรงลมพดั กระหนาํ ทาํ ใหก้ ระเบื้องหลุดร่วงแตกหกั ลงมา 6. จัดตงั้ มหาวิทยาลัยวลยั ลักษณ์ (วนั ท่ี 29 มีนาคม 2535) เม่อื พ.ศ. 2510 ชาวนครศรีธรรมราชเริม่ รณรงค์ เรยี กร้องให้มกี ารจดั ตง้ั มหาวิทยาลยั ในจังหวดั นครศรธี รรมราช จนกระท่ังคณะรัฐมนตรไี ดม้ ีมตเิ มอื่ วันที่ 13 กนั ยายน พ.ศ.2531 ใหจ้ ัดตัง้ วทิ ยาลยั นครศรธี รรมราชสงั กัดมหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ เพอื่ ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลยั เอกเทศในอนาคต แต่ กไ็ ด้ยกเลิกมติดังกลา่ วในเวลาตอ่ มา และ อนุมตั ใิ หจ้ ดั ต้งั มหาวทิ ยาลัยทจ่ี งั หวัดนครศรธี รรมราช เม่อื วนั ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2534 เมือ่ วนั ที่ 8 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนามว่า “มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์” อันเป็นสร้อยพระนาม ในสมเดจ็ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟา้ จุฬาภรณว์ ลยั ลกั ษณ์ อัครราชกุมารี 13 มีนาคม พ.ศ. 2535 สภานิติ บัญญตั แิ หง่ ชาติมมี ติใหค้ วามเหน็ ชอบ พระราชบญั ญตั ิมหาวทิ ยาลัยวลัยลักษณ์ พ.ศ. 2535 และ เมอ่ื วนั ท่ี 29 มนี าคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวฯ ทรงลงพระปรมาภิไธย ด้วยเหตุน้ี มหาวทิ ยาลัยวลยั ลักษณ์ถือเอาวันท่ี 29 มีนาคม พ.ศ. 2535 เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัย ดงั นน้ั วนั ที่ 29 มนี าคมของทกุ ปี จึงเป็นวันคล้ายวนั สถาปนามหาวทิ ยาลัยวลัยลักษณ์วนั ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2536 สมเดจ็ พระเจ้าลกู เธอ เจ้าฟ้าจฬุ าภรณว์ ลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานพระอนญุ าตให้อัญเชิญ อักษรย่อ คอื พระนาม จ.ภ. ซึง่ เปน็ พระนามย่อของพระองค์ มาเปน็ ตราประจํามหาวทิ ยาลัย 24 มถิ ุนายน พ.ศ. 2536 จัดต้ังสํานักงานอธิการบดี และ หน่วยประสานงานมหาวิทยาลยั วลัยลักษณ์ กรุงเทพมหานคร ณ อาคารทบวงมหาวิทยาลัย ถนนศรีอยธุ ยา เขตพญาไท กรงุ เทพมหานคร และ ใน

วนั ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 สภามหาวิทยาลยั วลัยลักษณ์ โดยมี ศาสตราจารย์ดร.เกษม สวุ รรณกุล เป็นนายกสภามหาวทิ ยาลัยท่านแรก และ ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน ดํารงตาํ แหน่งรกั ษาการ แทนอธิการบดี มหาวทิ ยาลัยวลัยลกั ษณ์ วันท่ี 29 มนี าคม พ.ศ. 2539 ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจา้ ลกู เธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลกั ษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระดําเนนิ เปน็ องค์ประธานในพิธวี างศลิ าฤกษ์ อาคารมหาวิทยาลัยวลยั ลักษณ์ อําเภอทา่ ศาลา จงั หวัดนครศรธี รรมราช วนั นเ้ี ป็นวนั มงคลย่ิงของชาว มหาวทิ ยาลัยวลัยลักษณ์ วันท่ี 17 ตุลาคม พ.ศ. 2540 จดั แถลงข่าวเรือ่ งการเปิดรับนกั ศึกษา ปีการศกึ ษา 2541 วนั ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 เปิดเรียนเปิดสอนเป็นวันแรก เบอ้ื งหลงั และผลพวงการจัดตัง้ มหาวิทยาลยั วลัยลกั ษณ์ พ้นื ท่นี บั หมน่ื ไรท่ ใ่ี ชจ้ ัดตง้ั มหาวทิ ยาลัย วลัยลักษณ์ พน้ื ทีบ่ รเิ วณน้ผี า่ นความเจรญิ และผ่านความเสอื่ มมาแล้วหลายครง้ั มนุษยล์ งมาจากภเู ขาละ ทิง้ เถ่อื นถํ้าและเพงิ ผา มาอาศยั อยู่บนพื้นราบตามสองฝั่งของลาํ นํา้ คลองชุมขลิง คลองเกียบ ครองตลู คลองปุด คลองท่าพุด และ คลองท่าเปรง พฒั นาจากชุมชนบรรพกาลมกี ารเพาะปลูกเลีย้ งสัตว์ อยู่อาศัย ตอ่ เนื่องกนั มาจนกลายเปน็ ชุมชนใหญ่ มหี มู่บ้านขนาดใหญ่หลายหมู่บ้าน วัดวาอารามโบสถ์พราหมณ์ ถูกก่อสรา้ งข้นึ มาตามความเช่ือของผู้คนในแต่ละยุคแตล่ ะสมัย ชุมชนของหมบู่ า้ นบางครงั้ ก็ถกู ภยั ของ โรคร้ายหรืออาจเกิดภัยพิบตั ิจากสงคราม ทําใหผ้ ู้คนละท้ิงถิ่นฐานหลบไปอยู่ในทีป่ ลอดภัย หลังจากนั้นก็ หวนกลับมาอยู่อาศยั กันใหม่ เปน็ อยแู่ บบน้ีตอ่ เน่ืองกันมานานนับพันปี พ้ืนทขี่ องมหาวิทยาลัยจงึ มี หมบู่ า้ นมีศาสนสถานทง้ั ของพทุ ธและของพราหมณอ์ ยเู่ ป็นจํานวนมาก เชน่ โบราณสถานตุมปัง วัดเกาะ พระนารายณ์ วัดนางตรา วัดท่าคอย วัดแสงแรง วัดจันตก วัดจันออก วัดกลาง วัดนาเตย วัดท่าสูง (ต้งั อยูร่ ิมสันทรายดา้ นตะวนั ตก) วัดขนุ โขลง วัดดาน วดั คลองดิน วัดกลุ วัดมว่ งมอน วดั นางสระ (ปจั จบุ นั คอื วัดสระประดิษฐ์) วัดปา่ (โมคลาน) วดั ใหญ่ (วัดใหญ่รัตนโพธ์ิ) เปน็ ต้น ดงั ได้อธบิ ายเอาไว้ว่า ข้าวมคี วามสาํ คญั มาก พื้นทบี่ รเิ วณนผ้ี ู้คนในสมัยก่อนจึงใชท้ ํานาปลูกขา้ ว มผี ู้คนอาศยั กนั ท่ีพืน้ ราบ ทางดา้ นตะวันตกของสันทราย อยู่กันเปน็ หมบู่ ้านขนาดใหญ่ ขณะท่พี ้ืนทบี่ นสันทรายยังเป็นป่ารกทึบไม่ มบี า้ นไม่มีผ้คู นอยูอ่ าศัย บนสันทรายจึงเต็มไปดว้ ยต้นไม้ขนาดใหญ่ เชน่ ต้นยางนา ตน้ ตะเคียน ยงั มไี ม้ ขนาดใหญป่ ระเภทไมเ้ น้ืออ่อนอกี มากมายหลายพนั ธุ์ อย่างไรกต็ ามแม้สันทรายจะไม่มผี ู้คนอยูอ่ าศยั แต่ ปากนํ้าของสนั ทรายกลับมผี ู้คนอย่อู าศยั กนั เป็นจาํ นวนมาก เพราะตรงปากน้ําเปน็ ทางเขา้ ออกของผู้คนท่ี เดนิ ทางโดยทางเรอื ไปยังสถานท่ที ี่อยูไ่ กลออกไปจากชุมชนท่ตี นอยู่อาศัย รวมท้ังเรอื จากตา่ งประเทศที่ แวะเวียนเขา้ มารบั ส่งสนิ คา้ เช่น อนิ เดยี อาหรับ จนี ลงั กา ชวา เขมร ญวน เปน็ ต้น ครน้ั เวลาผ่านไปไมน่ านนักช่วงหน่งึ รอ้ ยกวา่ ปีทีผ่ ่านมา ชาวบ้านอพยพไปปลูกสร้างบ้านเรือนกนั บนสนั ทราย ดงั นน้ั กอ่ นการใชพ้ ืน้ ที่ดงั กลา่ วจัดตั้งมหาวิทยาลัยวลยั ลกั ษณ์ พืน้ ที่บรเิ วณนจี้ ึงเปน็ ทนี่ า และปา่ ละเมาะมกี อไผ่ขึน้ กระจดั กระจายเรียกวา่ ทุ่งบ้านไผ่ บา้ นเรอื นผู้คนมีไมม่ ากนักเนือ่ งจากชาวบา้ น ส่วนใหญ่ข้นึ ไปอยู่อาศัยบนสันทรายกันเกือบหมด เมือ่ มีการสรา้ งมหาวิทยาลัยก็ตอ้ งยา้ ยชาวบ้านไปอยู่ ในชุมชนใหม่ โดยแบ่งที่ดนิ ใหช้ าวบ้านได้ทํามาหากินครอบครัวละ 5 ไร่ ชมุ ชนใหม่อยู่ทางตะวันตกของ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ บางครอบครวั กไ็ มย่ อมยา้ ยไปอย่ใู นชุมชนใหม่ ยงั คงอาศัยท่บี ้านของตน ทาง

ราชการน่าจะจัดสรรท่ีดนิ ดา้ นตะวันตกที่ยังพอมอี ยู่ เช่น ที่ดินริมคลองวังแร่ที่ปจั จบุ นั ให้ชาวบา้ นเชา่ ปลกู แตงโม จัดสรรให้กบั ชาวบ้านส่วนทยี่ ังไมย่ ้ายออกไป ไมแ่ น่นกั ครัง้ นชี้ าวบ้านอาจจะย้ายออกไปก็ได้ ซงึ่ จะ ทาํ ให้มหาวิทยาลัยวลยั ลักษณม์ อี าณาบริเวณท่เี ป็นเอกเทศ มีความเป็นระเบยี บเรียบร้อยดี 7. การจดั ต้ังองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาํ บล มีช่ือย่ออย่างเป็นทางการวา่ อบต. มฐี านะเปน็ นิติ บุคคล และ เปน็ หน่วยงานราชการส่วนท้องถนิ่ รปู แบบหนึ่ง จดั ต้งั ขึ้นตามพระราชบัญญตั สิ ภาตําบล และ องค์การบรหิ ารส่วนตําบล พ.ศ.2537 และ แกไ้ ขเพิ่มเติมจนถงึ ฉบับที่ 6 พ.ศ.2552 โดยยกฐานะของสภา ตาํ บลที่มรี ายได้โดยไม่รวมเงนิ อดุ หนุน ในปงี บประมาณที่ลว่ งมาตดิ ตอ่ กันสามปี เฉลีย่ ไมต่ ํา่ กวา่ ปลี ะหนึ่ง แสนหา้ หมืน่ บาท ถึงวนั ท่ี 30 กนั ยายน พ.ศ.2557 มอี งค์การบรกิ ารส่วนตําบลทงั้ ส้ิน 5,335 แห่งท่ัว ประเทศ องค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บล ประกอบดว้ ยสภาองค์การบริหารสว่ นตาํ บล และ นายกองคก์ าร บรหิ ารสว่ นตําบล สภาองค์การบรหิ ารส่วนตาํ บลประกอบดว้ ยสมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล จํานวนหม่บู ้านละ 2 คน เลือกตั้งโดยราษฎรผมู้ ีสิทธเ์ิ ลือกตงั้ ในแตล่ ะหม่บู ้าน ในเขตองค์การบรหิ ารส่วน ตาํ บลนั้นๆ กรณีเขตตาํ บลมเี พียง 1 หม่บู ้าน ให้มีสมาชิกองค์การบรหิ ารตําบลได้ 6 คน กรณมี ี 2 หมูบ่ ้าน มีสมาชกิ สภาตาํ บลไดห้ ม่บู ้านละ 3 คน รวมกนั มไี ด้ไม่เกิน 6 คน องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลมนี ายก องคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบล 1 คน ซึ่งมาจากการเลือกตงั้ จากราษฎรโดยตรงภายในตาํ บลนั้นๆ และ นายก องค์การบริหารสว่ นตาํ บลสามารถแตง่ ต้งั รองนายกองค์การบริหารสว่ นตําบลได้ 2 คน ภายในองค์การ บริหารส่วนตําบลมขี า้ ราชการจากกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ เทา่ ที่จําเปน็ มาปฏิบัติหนา้ ที่เป็นข้าราชการ ประจาํ โดยอยู่ภายใต้การควบคมุ ของปลัดองค์การบรหิ ารส่วนตาํ บล 8. จัดตงั้ อําเภอนบพิตาํ พ้นื ท่ีอําเภอนบพิตาํ ทกุ ตําบลแตเ่ ดมิ เปน็ ส่วนหนง่ึ ของอําเภอทา่ ศาลา เม่อื วันท่ี 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2538 กระทรวงมหาดไทยแยกพน้ื ท่ีของอําเภอท่าศาลา คอื ตาํ บลนบพิตํา และ ตําบลกะหรอ ไปจัดต้ังเปน็ กง่ิ อําเภอนบพิตาํ หมายความว่า นําเมืองร่อนกะหรอและเมอื งนบพิตาํ ใน อดีตไปจดั ต้ังเป็นก่ิงอําเภอนบพิตํา การจัดตั้งก่งิ อําเภอนบพิตํามีผลตัง้ แต่วันท่ี 1 เมษายน พ.ศ.2538 ตอ่ มาในวันท่ี 24 สงิ หาคม พ.ศ.2550 มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอําเภอนบพิตําข้นึ เปน็ อําเภอนบพิ ตํา มีผลตั้งแตว่ ันท่ี 8 กนั ยายน พ.ศ.2550 เม่อื ตําบลกะหรอและตําบลนบพติ ําตง้ั เป็นก่ิงอําเภอนบพติ าํ มี หมู่บา้ น วัด โรงเรียน บุคลากร อาคารสถานที่ และ สิง่ ตา่ งๆ ถกู โอนไปสงั กัดกง่ิ อําเภอนบพติ าํ เชน่ บา้ นตลาดจันทร์ บ้านไสรกั ษ์ บ้านสะ ดวด บา้ นอู่ทอง บ้านหวั ทุง่ บา้ นตลาดศุกร์ บา้ นนานอน บ้านนาเหรง บ้านในตลู บ้านโรงเหลก็ บ้านท่า พดุ บ้านลานวัว บา้ นวังเลา บา้ นพังหรนั บ้านทอนผักกูด บา้ นสวนกลาง บ้านราโพธิ์ บ้านนบ บ้านเปียน บา้ นปากลง บ้านกรงุ ชิง บา้ นทบั น้ําเตา้ เป็นต้น หากพูดถงึ ทรัพยากรธรรมชาตติ ่างๆ ทีอ่ าํ เภอท่าศาลา เคยได้รับผลประโยชนจ์ ากดินแดนแถบน้ี เมื่อเกิดกง่ิ อาํ เภอนบพติ ําทําใหอ้ ําเภอท่าศาลา สูญเสีย ผลประโยชน์ทีไ่ ด้จากทรัพยากรธรรมชาติไปทั้งหมด อยา่ งไรก็ตามในการทําเหมืองแร่ตา่ งๆ ท่ตี ้งั ของ บรษิ ทั เหมืองแรก่ ็ยงั ตัง้ มนั่ อยู่ทอี่ าํ เภอท่าศาลา ปัจจบุ นั อําเภอนบพติ ําเป็นแหลง่ ดูดทรายทีส่ ําคญั ที่สุดใน จังหวดั นครศรีธรรมราช คลองกลายมแี หล่งทรายตลอดลํานา้ํ ทรายถกู ดูดถูกขนเขา้ ตัวจังหวัดและอาํ เภอ

ต่างๆ ในแตล่ ะวนั จํานวนมหาศาล รถ 4 ล้อ รถ 6 ล้อ รถ 10 ล้อ รถพ่วง 18 ล้อ ขนทรายจากคลองกลาย ทง้ั กลางวนั กลางคนื มีผลกระทบกับธรรมชาตเิ ป็นอย่างมาก เพราะการดูดทรายทําใหพ้ น้ื ดนิ รมิ คลอง กลาย เช่น สวนยางพารา สวนปาลม์ นา้ํ มัน ไร่ข้าวโพด ไร่ยาสบู ไรพ่ ริก สไลด์ลงไปแทนทรายที่ถกู ดูด เกดิ ความเสยี หายกับคนทมี่ ที ่ีดนิ อยูร่ มิ คลอง ทสี่ ําคัญคือในอดีตทรายจากคลองกลายถกู กระแสนํ้าพัดลงสู่ ทอ้ งทะเล แต่ละปจี ะมที รายไหลลงทะเลเป็นจาํ นวนมาก เมื่อขาดทรายท่จี ะเติมลงไปในทะเล เพราะ ทรายถูกดูดเสยี ก่อนไปถงึ ทะเล จงึ ไมม่ ีทรายไหลลงทะเลมาหลายปีแลว้ ถึงวันนท้ี ะเลเริ่มกินพ้ืนดนิ ริม ชายหาดบรเิ วณตําบลกลาย ตาํ บลสระแกว้ ตําบลท่าข้นึ และ ตําบลท่าศาลา ชาวบ้านต้องสญู เสยี พื้นท่ี สวนมะพร้าวปลี ะ 1-2 แถว ทุกปี เพราะทะเลรกุ คืบเข้ามากินสวนมะพร้าวของชาวบ้าน ดังน้นั ควรยกเลกิ สมั ปทานดดู ทรายในคลองกลายเพราะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี บรรณานุกรม ข้อมูลเร่อื งราวเกีย่ วกบั ประวัติศาสตร์อําเภอท่าศาลา ได้มาจากแหลง่ เรยี นร้มู ากมายทง้ั ทเ่ี ปน็ เอกสาร โบราณสถาน โบราณวตั ถุ รวมถงึ การสาํ รวจตรวจสอบจากแหลง่ เรียนรู้ที่มีอยู่ มองเห็น สัมผัสได้ ทยี่ ังคงหลงเหลือเศษซากอยู่มากมาย ท้ังในเขตอาํ เภอท่าศาลา และ อําเภออ่ืนรอบๆ อําเภอท่าศาลา ข้อมูลกว่าคร่ึงได้มาจากการศึกษาของบุคคลทส่ี นใจประวตั ิศาสตร์บา้ นเรา ซึง่ ได้บันทึกข้อมูลดา้ นตา่ งๆ เอาไว้ โดยเริ่มจากยุคหนิ มาจนถึงยคุ ปจั จบุ ัน จําแนกแหล่งขอ้ มูลเป็นหวั ข้อใหญ่ตามด้วยหัวขอ้ ยอ่ ย ดงั น้ี ก. ข้อมูลประชุมพงศาวดาร กลา่ วเฉพาะข้อมูลของประชมุ พงศาวดารท่เี ก่ียวข้องกับภาคใต้ 1. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 2 ประกอบด้วย 1.สมยั พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกษฐ์ต้ังพระยาไชยาธิ เบศร์เปน็ เจา้ พระยานครศรธี รรมราช 2.สมัยพระเจา้ กรุงธนบรุ ี ตงั้ เจ้านครเป็นพระเจา้ นครศรธี รรมราช 3.สมยั พระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลก ต้งั เจา้ พัฒนเ์ ป็นเจ้าพระยานครศรธี รรมราช 4.สมัยพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัย ตัง้ พระยาบรริ ักษภ์ เู บศรเ์ ปน็ พระยานครศรีธรรมราช 5.พงศาวดารเมอื งถลาง 6.พงศาวดารเมือง ไทรบุรี 7.พงศาวดารเมืองตรังกานู 8.พงศาวดารเมืองกลันตนั 2. ประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี 3 ประกอบดว้ ย 1.พงศาวดารเมอื งปัตตานี 2.พงศาวดารเมือง สงขลา 3.พงศาวดารเมอื งเชียงใหม่ 3. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 4 ประกอบด้วย 1.พงศาวดารความเก่าตน้ ฉบับหลวงสมัยกรงุ ธนบุรี (จศ.1136) 2.พงศาวดารเมืองละแวก 3.พงศาวดารหัวเมืองอีสาน 4. ประชมุ พงศาวดาร ภาคที่ 5 ประกอบด้วย 1.จดหมายเหตุจีนวา่ ด้วยกรุงสยามแต่โบราณ 2.ศักราชครัง้ กรงุ ศรอี ยธุ ยาตามท่ีสอบใหม่ 3.พงศาวดารลาวเฉียง 4.พงศาวดารเมืองหลวงพระบาง

5.ประชมุ พงศาวดาร ภาคที่ 15 ประกอบดว้ ย 1.ประวัติพระยาศริ ินธรเทพสมั พนั ธ์ ( โต ศริ ิธร ) 2.ประวตั ิคุณหญงิ ถมยา ศริ ินธรเทพสัมพนั ธ์ 3.พงศาวดารเมืองพัทลุง 6. ประชุมพงศาวดาร ภาคท่ี 50 ตาํ นานเมืองระนอง 7. ประชมุ พงศาวดาร ภาคที่ 53 ประกอบด้วย 1.พงศาวดารเมืองสงขลา 2.พงศาวดารเมือง นครศรธี รรมราช 3.พงศาวดารเมืองพทั ลุง 8. ประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี 73 ประกอบดว้ ย 1.ทําเนียบขา้ ราชการเมืองนครศรธี รรมราช คร้งั รัชกาลที่ 2 พ.ศ.2354 2.พระประวัติโดยสังเขปพระเจา้ นครศรธี รรมราชสมัยพระเจา้ ตากสนิ 3.รบั สง่ั ใน การเฉลมิ พระยศพระเจ้านครศรธี รรมราชสมยั พระเจ้าตากสนิ 4.ประวตั ิพระสุธรรมมนตรี 5.ประวตั ิ เจา้ พระยานครศรธี รรมราช พระยานครน้อย (โอรสพระเจ้าตากสิน) 6.ประวัติเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (นอ้ ยกลาง) 9. ประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี 64 พงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยา ฉบับพนั จนั ทนุมาศ (เจิม) 10. ประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี 65 พงศาวดารกรงุ ธนบรุ ี ฉบับพนั จันทนมุ าศ (เจมิ ) 11. ประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี 79 จดหมายเหตวุ นั วลติ (ฉบบั สมบรู ณ)์ กรมศลิ ปากร 12. พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ 13. พระราชพงพงศาวดารความเก่า บันทึกสมัยกรุงธนบุรี 14. พงศาวดารเมืองนครศรีธรรมราช หลวงอนสุ รสิทธิกรรม (บัว ณ นคร) ข. ขอ้ มลู ศิลาจารึก และ คําจารกึ ตามสถานท่ีตา่ งๆ คําจารกึ บนวัตถุตา่ งๆ 1. ศิลาจารกึ หลักท่ี 1 พ่อขุนรามคาํ แหง พ.ศ.1822-1842 2. ศิลาจารึกหลักท่ี 23 วัดเสมาเมือง นครศรธี รรมราช พทุ ธศตวรรษท่ี 14 3. ศลิ าจารึกหลักท่ี 24 วดั เวียง อาํ เภอไชยา จังหวัดสรุ าษฎร์ธานี พุทธศตวรรษที่ 17-18 4. ศิลาจารึกหลักท่ี 27 วดั มเหยงคณ์ ตําบลสระแกว้ อําเภอทา่ ศาลา พุทธศตวรรษที่ 12 5. ศิลาจารึกหลักท่ี 28 วัดพระบรมธาตุนครศรธี รรมราช พุทธศตวรรษท่ี 11-12 6. ศิลาจารึกวิหารโพธล์ิ งั กา วดั พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช พทุ ธศตวรรษที่ 11-12 7. ศิลาจารกึ (กําแพง) เมอื งตนั ชอว์ อินเดียใต้ ประเทศอินเดยี พุทธศตวรรษที่ 16 8. ศลิ าจารึกหุบเขาช่องคอย อาํ เภอร่อนพิบลู ย์ พทุ ธศตวรรษท่ี 11 9. ศิลาจารกึ วัดป่าเรียน ตําบลตล่งิ ชัน อําเภอท่าศาลา ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 11 10. บนั ทกึ จากคัมภีรม์ หานิทเทศติสสเมตเตยยสูตร วรรณคดีอนิ เดียโบราณ พุทธศตวรรษท่ี 7-8 ค. ขอ้ มูลพิพธิ ภณั ฑสถาน โบราณสถาน โบราณวัตถุ และ แหล่งเรยี นรู้ 1. พพิ ิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร 2. พิพธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ นครศรีธรรมราช 3. พพิ ธิ ภัณฑสถาน วัดพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช 4. โบราณสถานเขาคาและแหลง่ โบราณคดี ตําบลเสาเภา อําเภอสชิ ล

5. พพิ ธิ ภัณฑ์และแหล่งโบราณคดีวัดป่าเรียน ตาํ บลตลง่ิ ชัน อาํ เภอท่าศาลา 6. แหลง่ โบราณคดีวัดโมคลาน ตําบลโมคลาน อําเภอทา่ ศาลา 7. แหล่งโบราณคดวี ัดไทรขาม และ วัดจันพอ ตาํ บลดอนตะโก อาํ เภอทา่ ศาลา 8. แหล่งโบราณคดีวัดขุนโขลง ตาํ บลหวั ตะพาน อําเภอทา่ ศาลา 9. แหลง่ โบราณคดีวัดตมุ ปัง ตําบลไทยบุรี อําเภอท่าศาลา 10. แหลง่ โบราณคดีวดั เกาะพระนารายณ์ ตาํ บลไทยบรุ ี อําเภอท่าศาลา 11. แหล่งโบราณคดีวดั นางตรา ตําบลท่าศาลา อําเภอท่าศาลา 12. แหลง่ โบราณคดีบ้านทงุ่ พันธ์ ตําบลกลาย อาํ เภอทา่ ศาลา 13. แหล่งโบราณคดีบ้านนางนํา ตาํ บลกลาย อําเภอท่าศาลา 14. แหลง่ โบราณคดีวดั ดอนใคร ตําบลกลาย อาํ เภอท่าศาลา 15. แหล่งโบราณคดีวดั มเหยงคณ์ ตําบลสระแก้ว อาํ เภอท่าศาลา 16. แหล่งโบราณคดีวดั สุธรรมาราม (สระใหญ)่ ตาํ บลฉลอง อําเภอสิชล 17. แหล่งโบราณคดีวัดเบกิ ตําบลฉลอง อําเภอสชิ ล 18. แหลง่ โบราณคดีวัดเขาพรง ตาํ บลท่งุ ปรงั อาํ เภอสิชล 19. แหลง่ โบราณคดเี ขาพลีเมอื ง ตาํ บลสชิ ล อําเภอสิชล 20. แหล่งโบราณคดีวัดจอมทอง ตําบลสิชล อาํ เภอสชิ ล 21. แหล่งโบราณคดีวัดนาขอม ตําบลทงุ่ ปรัง อําเภอสิชล 22. แหล่งโบราณคดีบา้ นสสี า ตาํ บลเปลี่ยน อําเภอสิชล 23. แหล่งโบราณคดีวดั เขาขุนพนม ตาํ บลบา้ นเกาะ อาํ เภอพรหมครี ี 24. แหล่งโบราณคดีวัดพรหมโลก ตําบลพรหมโลก อําเภอพรหมคีรี 25. แหลง่ โบราณคดีบา้ นปลายอวน-บ้านพรหมโลก อําเภอพรหมคีรี 25. แหล่งโบราณคดีวดั ปา่ ยางประดู่หอม ตําบลนาเรียง อาํ เภอพรหมคีรี 26. แหล่งโบราณคดีวดั ท้าวโคตร ตําบลในเมือง อาํ เภอเมือง จงั หวัดนครศรธี รรมราช 27. แหล่งโบราณคดีวัดชายนา ตําบลในเมือง อําเภอเมอื ง จังหวัดนครศรธี รรมราช 28. แหล่งโบราณคดีบ้านทา่ เรอื อําเภอเมือง จงั หวัดนครศรีธรรมราช 29. แหลง่ โบราณคดีเมืองพระเวยี ง อยรู่ ะหวา่ งคลองคพู ายกับคลองสวนหลวง 30. แหลง่ โบราณคดีวัดพระบรมธาตุ อยู่ระหวา่ งคลองป่าเหล้ากบั คลองหนา้ เมือง 31. แหลง่ โบราณสถานฐานพระสยม ตาํ บลในเมอื ง อําเภอเมอื ง จังหวดั นครศรธี รรมราช 32. แหลง่ โบราณคดีวดั พระเพรง ตําบลนาสาร อําเภอพระพรหม จังหวัดนครศรธี รรมราช 33. แหล่งโบราณคดีวัดคนั นาราม ตําบลนาสาร อาํ เภอพระพรหม จงั หวัดนครศรธี รรมราช 35. แหล่งโบราณคดีวัดสระเนรมติ ตําบลเสาธง อําเภอร่อนพบิ ูลย์ จงั หวัดนครศรีธรรมราช 36. แหลง่ โบราณคดีหุบเขาช่องคอย ตาํ บลทุ่งโพธิ์ อําเภอจฬุ าภรณ์ จงั หวัดนครศรีธรรมราช

37. พพิ ธิ ภัณฑห์ าดทรายแก้ว ตาํ บลท่าข้ึน อําเภอทา่ ศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ง. ขอ้ มูลเอกสารเกย่ี วกบั เรอื่ งราวของภาคใต้ ค้นหาศกึ ษามาจากหลายแหลง่ 1. เอกสารตาํ นานเมอื งนครศรธี รรมราช ประวัติศาสตร์ในสายหมอก (สนุ ทร ธานีรัตน์) 2. เอกสารประวัติศาสตร์นครศรธี รรมราช 3. เอกสารอาณาจักรตามพรลงิ ค์ 4. เอกสารอาณาจักรศรีวชิ ัย 5. เอกสารประวัตศิ าสตร์อาณาจักรลังกาสกุ ะ (ปัตตาน)ี 6. เอกสารอาณาจักรนครศรีธรรมราช 7. ประวัติจงั หวดั ตรัง 8. ประวัตเิ มอื งท่าทอง (ทา่ อุแท กาญจนดษิ ฐ์) 9. ประวัตเิ มืองสรุ าษฎรธ์ านี 10. ศรวี ชิ ยั กับอุปาทานในประวัตศิ าสตร์ ประทีป ชุมพล เอกสารจากอินเตอร์เน็ต 11. ยอกยาการ์ตา “ศาสนา” รากฐานสาํ คัญของอารยะธรรมชวา เอกสารจากอินเตอร์เน็ต 12. จงั หวัดบาหลี ประเทศอินโดนเี ซีย เอกสารจากอินเตอรเ์ น็ต สารานุกรมเสรี วิกิพีเดยี 13. ศิลปกรรมในศิลปะแบบศรีวิชัย รศ.ดร.ปรีชา นุ่นสขุ โรงแรมทวนิ โลตสั นครศรธี รรมราช 14. อาณาจกั รลงั กาสกุ ะ พุทธศตวรรษ ที่ 7-11 สารานุกรมเสรี วิกพิ ีเดยี 15. อาณาจักรจัมปา พทุ ธศตวรรษที่ 7-19 ตอนกลางของเวยี ดนาม เอกสารจากอนิ เตอร์เน็ต 16. อาณาจกั รเจนละ พุทธศตวรรษที่ 11-12 พระเจ้าภววรมนั ท่ี 2 (เจนละน้ํา) 17. อาณาจักรขอม พทุ ธศตวรรษที่ 15-19 เอกสารจากอินเตอรเ์ น็ต 18. อาณาจกั รฟูนนั (Funan) พทุ ธศตวรรษท่ี 1-6 เอกสารจากอนิ เตอร์เน็ต 19. อาณาจักรมอญโบราณ พุทธศตวรรษท่ี 9-18 เอกสารสารานุกรมเสรี วกิ ิพเี ดีย 20. โบโรบดุ รู ์ (บุโรพทุ โธ) อนิ โดนีเซยี พทุ ธศตวรรษท่ี 13-14 เอกสารสารานุกรมเสรี วิกิพเี ดีย 21. อาณาจักรขอมสมยั ก่อนเมอื งพระนคร พ.ศ.1100-1350 เอกสารสารานกุ รมเสรี วิกิพเี ดยี 22. ราชวงศโ์ จฬะ พุทธศตวรรษที่ 9-13 อาณาจักรทางตอนใตข้ องอินเดีย (ทมิฬ) 23. เมอื งปัฏนา (ปาฏลีบตุ ร) พุทธศตวรรษที่ 2 พระเจา้ อโศกมหาราช สารานกุ รมเสรี วิกพิ ีเดีย 24. วีดิโอท่องโลกกว้าง เมอื งจมั บี (JAMBI) เมืองลึกลับบนเกาะสมุ าตรา วีดิโอยูทูบ 25. ตํานานเมืองนครศรธี รรมราช มลู นิธิสกุล ณ นคร และ สายสมั พนั ธ์ เอกสารจากอินเตอร์เน็ต 26. ตํานานเมืองนครศรธี รรมราช 27. ตํานานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช 28. ตํานานพระพุทธสิหิงค์ 29. จดหมายระยะทางไปตรวจราชการแหลมมลายู รศ.121 สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟา้ กรมพระ ยานริศรานวุ ัตติวงศ์

30. หนังสืออนสุ รณง์ านพระราชทานเพลงิ ศพ พระเสน่หามนตรี (นายชนื่ สคุ นธหงส)์ อดตี นายอาํ เภอ กลาย (ท่าศาลา) ชว่ ง พ.ศ.2452-2453 31. เอกสารอนิ เตอร์เน็ต เร่ืองราวของบา้ นท่านขุน ขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ (นายเขียน มาลยานนท์) อดีต นายอําเภอกลาย (ทา่ ศาลา) ชว่ ง 2455-2459 32. หนังสืออนุสรณง์ านพระราชทานเพลิงศพ พระยาอมรฤทธิดาํ รง (นายพร้อม ณ ถลาง) อดีต นายอําเภอท่าศาลา ชว่ ง พ.ศ.2459 33. หนงั สอื อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ หลวงมหานภุ าพปราบสงคราม อดีตนายอําเภอทา่ ศาลา ชว่ ง พ.ศ.2467-2469 34. เอกสารมหาสงครามเอเชียบรู พา พ.ศ.2484-2488 35. ประวัติขนุ สิทธธ์ิ รุ การ อดีตนายอาํ เภอท่าศาลา ช่วง พ.ศ.2480-2490 36. มหาวาตภยั พ.ศ.2505 เอกสารอินเตอรเ์ น็ต 37. สถาปนาโรงเรยี นท่าศาลาประสิทธ์ิศึกษา หมู่ 3 ตําบลท่าศาลา อําเภอท่าศาลา เอกสารอินเตอรเ์ น็ต เว็บไซตโ์ รงเรียนทา่ ศาลาประสิทธ์ิศึกษา 38. สถาปนาอาํ เภอพรหมครี ี เอกสารอินเตอร์เน็ต 39. เหตกุ ารณพ์ ายุโซนร้อน เอกสารอนิ เตอรเ์ น็ต 40. สถาปนามหาวิทยาลัยวลัยลกั ษณ์ ตาํ บลไทยบรุ ี อําเภอท่าศาลา จงั หวัดนครศรีธรรมราช เว็บไซต์ มหาวทิ ยาวลยั ลักษณ์ 41.การจัดต้ังองคก์ ารปกครองส่วนทอ้ งถิ่น อปท. องคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบลในอําเภอทา่ ศาลา เอกสาร อนิ เตอรเ์ น็ต และ เว็บไซต์องค์การบริหารสว่ นตาํ บลทง้ั หมดของอําเภอท่าศาลา 42. สถาปนาอาํ เภอนบพิตํา เอกสารอนิ เตอรเ์ น็ต และ เว็บไซตอ์ ําเภอนบพิตาํ 43. หนังสอื ท่ีระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ นายเรมิ่ ผ่องแผ้ว วดั พระศรีมหาธาตวุ รมหาวิหาร 44. หนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลงิ ศพ นายแนบ ผ่องแผว้ วัดพระศรมี หาธาตุวรมหาวหิ าร 45. หนงั สอื ทร่ี ะลึกงานพระราชทานเพลงิ ศพ นายเย้อื น พัวบัณฑิตกลุ ณ เมรวุ ดั ทา่ สูง 46. หนงั สือที่ระลกึ งานพระราชทานเพลงิ ศพ พระครูรัตนสตุ การ ณ เมรุวัดสระแกว้ 47. หนังสือที่ระลกึ งานพระราชทานเพลงิ ศพ นายจําเนยี ร เชาวลิต ณ เมรุวัดเทวดาราม 48. หนงั สือทรี่ ะลึกงานพระราชทานเพลิงศพ นายมิตร ไชยชนะ ณ เมรวุ ัดโคกเหล็ก 49. หนังสอื ทีร่ ะลกึ งานพระราชทานเพลงิ ศพ นายแก้ว มีพวกมาก ณ เมรุวัดพระเลยี บ 50. หนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลงิ ศพ นายคิดสม ผ่องแผ้ว ณ เมรุวัดโสมนัสวิหาร 51. หนงั สือทร่ี ะลกึ งานพระราชทานเพลงิ ศพ นายโสภณ สทุ ิน ณ เมรุวัดชมุ โลง ตําบลสระแกว้ 52. หนงั สอื อนสุ รณ์ พธิ พี ระราชทานเพลิงศพ อาจารย์บุญเตมิ ไพนพุ งศ์ ณ เมรวุ ัดเทวดาราม 53. หนังสือทรี่ ะลกึ งานฌาปนกิจศพ นายสมปอง ธานินทร์พงศ์ เอกสารลายมือของผูว้ ายชนม์ 54. หนังสือทรี่ ะลึกงานฌาปนกิจศพ นางหนูจนั ทร์ ชามทอง ณ เมรุวัดพระเลยี บ อาํ เภอท่าศาลา

55. หนงั สือท่รี ะลกึ งานฌาปนกิจศพ นายสมบรู ณ์ พมุ ดวง ณ เมรวุ ดั ท่าสูง อาํ เภอทา่ ศาลา 56. หนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจศพ นายผัน ผ่องแผ้ว ณ เมรวุ ัดยางใหญ่ อําเภอทา่ ศาลา 57. หนงั สือที่ระลกึ งานฌาปนกิจศพ นายเหีย้ ง ปกั เข็ม ณ เมรวุ ัดนากุล อําเภอท่าศาลา 58. หนังสือทร่ี ะลกึ งานฌาปนกจิ ศพ นายนอง ท่ัวด้าว ณ เมรวุ ดั พระเลยี บ อาํ เภอท่าศาลา 59. หนงั สือท่รี ะลึกงานฌาปนกิจศพ คณุ แมเ่ ลือ่ น ศรเี ปารยะ ณ เมรวุ ัดทา่ สงู อําเภอท่าศาลา 60. หนังสอื นครศรธี รรมราช วิทยาลยั ครนู ครศรธี รรมราช 61. หนงั สอื นครศรีธรรมราชในอดีต จังหวัดนครศรีธรรมราช สมโภชกรุงรตั นโกสนิ ทร์ 200 ปี 62. หนงั สอื ชีวติ ไทยปกั ษ์ใต้ ฉบับพเิ ศษนิทรรศการทางวัฒนธรรม “ชวี ติ ไทยปักษใ์ ต้” ครัง้ ท่ี 2 63. หนงั สอื สายสมั พันธ์ ตระกูลเชาวลิต ฉบับแรก 64. หนังสอื ภูมิหลงั 4 ตําบล โดยหลวงป้ี บญุ เหลือ เอกสารจากนายไชยนาท ทิพยร์ ักษา 65. หนงั สือ อะไรตอ่ มิอะไรในแผ่นดนิ ท่าศาลา อ.บญุ เสริม แก้วพรหม 66. หนงั สือ ท่าศาลาร้อยปี อ.บุญเสรมิ แก้วพรหม 67. หนงั สอื ทา่ ศาลาสังสรรค์ คร้งั ที่ 5 พ.ศ. 2530 กทม.ประธานจดั งาน นายพล รกั ษเ์ ถา 68. ประวตั พิ ระครเู ทพมณุ สี ถปู าภบิ าล บูรณะวดั พระบรมธาตุนครศรธี รรมราช 2437 69. หนงั สืออนุสรณ์งานศพของนายแนบ วชิ ัยดิษฐ์ ณ เมรุวัดชะเมา นครศรธี รรมราช 70. หนงั สืออนุสรณง์ านศพ อาจารยส์ วา่ ง ธานินทร์พงศ์ ณ เมรุวัดท่าสงู ท่าศาลา 71. การบูรณะปลยี อดทองคํา พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช กรมศิลปากร พ.ศ.2537 72. ประวัตวิ ัดทา่ สูง ตําบลท่าศาลา อําเภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช 73. หนังสือ 111 ปี เบญจมราชูทศิ นครศรธี รรมราช 10 กรกฎาคม 2555 74. ประวัติโรงเรยี นท่าศาลา หนังสอื ทรี่ ะลกึ “คืนสามญั ” เมอื่ 9 -10 มีนาคม 2550 75. สารนครศรีธรรมราช มค.-กพ. 2518 องค์การบริหารส่วนจังหวดั นครศรธี รรมราช 76. วัดพระมหาธาตุ 2525 พระบรมโอรสาธริ าช มกฎุ ราชกุมาร ถวายผ้าพระบรมธาตุ 77. หนังสอื ท่รี ะลึกงานเทศกาลเดอื น 10 ปี 2529 จงั หวัดนครศรีธรรมราช 78. วารสาร ศิลปวัฒนธรรม มีหลายเล่มเลอื กเฉพาะเล่มที่กลา่ วถึงประวตั ิศาสตร์ภาคใต้ 79. หนงั สือหลักไทย โดยขุนวิจติ รมาตรา เปน็ ทมี่ าของหนังสอื ประวัติศาสตร์ชาตไิ ทย ฉบบั หลวงวิจิตร วาทการ หนังสือหลักไทยเลม่ นี้ ขุนวิจิตรมาตราเขยี นตามคําบอกเล่าของมิสชนั นารี่ ทีเ่ คยไปเผยแพร่ ศาสนาคริสตใ์ นประเทศจนี คอื หมอดอดด์ ผ้เู ขียน The Thai Race - The Elder Brother of Chinese 80. หนังสอื ประวัติศาสตร์ชาติไทย ฉบับหลวงวจิ ิตรวาทการ โดยใช้แหลง่ ข้อมลู จากหนังสือหลักไทย ของขนุ วิจิตรมาตรา หนงั สือประวัติศาสตร์ชาติไทยเล่มน้ีเปน็ ของ ครูทองเสน พรหมมา พอ่ ของผ้เู ขียนท่ใี ช้ สอบวชิ าชุดครู ว ชว่ ง พ.ศ.2500-2504 ผู้เขียนอ่านหนังสือเล่มน้เี มอ่ื พ.ศ. 2506-2508 ขณะกําลังเรียน ชน้ั ป.5-7 ที่โรงเรยี นทา่ ศาลา (ประถมศึกษาตอนปลาย)

81. หนงั สอื ประวัติของ นายผาด ศรีวานชิ อดตี ข้าราชการกรมการปกครอง และ อดีตเจ้าหน้าท่ที รพั ย์สิน ส่วนพระพระมหากษัตรยิ ์ นายผาดเป็นลูกชายของกํานันก้ิมจู้ ศรวี านชิ อดีตกาํ นันตําบลท่าศาลา จ. ขอ้ มูลจากบคุ ลากร 1. นายแนบ สรรพบพิตร อดีตเจา้ ของ ผจู้ ัดการ ครใู หญ่ โรงเรยี นดํารงเวท อดีตกาํ นันตําบลทา่ ศาลา 2. นางบุญชน้ั สามารถ (แสงพลสิทธิ)์ อดีตครโู รงเรยี นวัดทางขน้ึ พกั อาศัยทบี่ ้านวัดเทวดาราม 3. นายจรสั หวายนํา ลูกตาเท่ยี ง หวายนาํ บา้ นจนั พอ อดีตข้าราชการครูโรงเรียนวดั ยางทอง 4. นางสาวประยูร เมฆฉาย ลูกสาวของครูพรอ้ ม-ป้ายกอ้วน พกั อาศัยทีบ่ ้านยาง ตาํ บลทา่ ขึ้น 5. นายแจ้ง ปาลโิ พธิ อดีตอาจารยใ์ หญโ่ รงเรียนวัดเทวดาราม ตลาดท่าศาลา 6. นางสาวลาํ ไย เมฆฉาย น้องสาวของนางสาวประยูร เมฆฉาย บ้านยาง ตาํ บลทา่ ข้ึน 7. นางก้ิมหวัด ศรีถาวร ลกู สาวของยายเข็ม เชาวลิต พกั อาศัยอยใู่ นซอยสุประดิษฐ์ 8. นางเหวยี น พงศ์สุวรรณ หลานสะใภ้ของกาํ นันอน้ พงศ์สุวรรณ พักอาศัยใกล้ตลาดอาทติ ย์ 9. นางเอียด สทุ ธิพนั ธ์ ลูกสาวตาเท่ียง หวายนํา อาศัยท่ีบ้านเกา่ ของหมื่นราช ตาํ บลดอนตะโก 10. นายเหลยี ว เวทยาวงศ์ ลูกหลานหลวงไทย พักอาศัยที่นบหักเหมืองขวาง ตาํ บลไทยบุรี 11. นายวิโรจน์ เวทยาวงศ์ ลูกหลานหลวงไทย พกั อาศัยท่ีโคกลิงกงั บา้ นขุนทะเล ตําบลกะหรอ 12. นายหนูแก้ว รอดสม ลูกชายของป้ายกอน้ั พกั อาศยั ที่บา้ นในโคระ๊ ตําบลท่าข้ึน 13. นายครื้น สปุ ระดิษฐ์ หลานเขยยายสม้ ทบั (ยายกบ) บา้ นยาง อดตี ครูโรงเรยี นวัดพระเลียบ 14. นางทองสาย รอดการทุกข์ ลูกสาวของปู่คล้อย พรหมมา พักอาศัยบา้ นนาเหรง 15. นางสวาท หวายนาํ อดีตครโู รงเรียนวัดหมาย ตาํ บลท่าขึ้น 16. นางแจ่ม พชิ ยั รักษ์ (หวายนํา) หลานตาเดช หวายนาํ ลูกสะใภข้ องตาทอง พิชยั รักษ์ บา้ นทา่ สูง 17. นางละมา้ ย ทองนมุ่ ลูกสาวของลุงเจรญิ เวทยาวงศ์ พกั อาศัยที่บ้านหาดทรายขาว 18. นางฉวี ทองหนู ลูกสาวของลุงเจริญ เวทยาวงศ์ พกั อาศยั ที่บ้านหาดทรายขาว ตาํ บลไทยบรุ ี 19. นางสรว้ ง เวทยาวงศ์ พักอาศัยท่ีบ้านยาง วัดพระเลียบ ตําบลท่าขนึ้ 20. นางอารี (แมว) ศิรสิ มบัติ (ผ่องแผ้ว) พักอาศัยรมิ คลองทา่ จนี (คลองทา่ พดุ ) 21. นางสนอง คชนิ ทร (เชาวลิต) อดีตครูใหญ่โรงเรยี นดํารงเวท อยู่รมิ คลองท่าเปรงสายเกา่ 22. นายอาภรณ์ บญุ ญวงศ์ อดีตผู้ใหญ่บา้ นหมทู่ ี่ 11 ลกู ชายแปะ๊ ตนั้ - ยายจ่ัว บ้านอย่ฝู า่ ยท่า 23. นายสมพร ตนั ติกลุ ลูกครสู ว่าง ตันติกลุ อดตี ครใู หญ่โรงเรียนอุบลวทิ ยา บ้านตลาดอาทิตย์ 24. นางหลวิ ไมท่ ราบแซ่ คนนสี้ าํ คัญมาก เป็นแมโ่ กจนิ้ พกั อาศัยใกล้สะพานยาว 1 25. นายนอ้ ม ฤทธี หลานหม่ืนคง ช่างรับเหมาก่อสร้างบ้านเรือน พกั อาศัยทร่ี ิมคลองเตาหมอ้ 26. นายพว่ ง สุตระ ลูกชายคนหัวปขี องตาหีด-ยายมี บ้านทา่ สงู พกั อาศัยที่บ้านท่าสงู 27. นายปณธิ าน ณ นคร รองผอู้ าํ นวยการโรงเรียนเมอื งนครศรธี รรมราช อยทู่ ่ีบา้ นแขก ต.ท่าขน้ึ 28. นายเปล่ียน ไชยรตั น์ อดีตเจา้ หนา้ ทบ่ี ริษัทไทยประกันชวี ติ พักอาศัยท่ขี ้างวัดท่าลาด ต.ท่าขึ้น 29. นางแจง้ พรหมมา แม่ของผเู้ ขยี น พักอาศัยหนา้ วัดทา่ สูง ตาํ บลท่าศาลา 30. นางเปรอื่ ง สงประเสรฐิ เดมิ อินณรงค์ คนนส้ี ําคญั มาก ท่ที าํ การชลประทานคลองคถู นน

31. นางสุข เวทยาวงศ์ ลูกสาวของลงุ รุง่ เวทยาวงศ์ พักอาศยั บา้ นหลวงไทย 32. นายเนือบ รอดสม อดตี กํานนั ตาํ บลทา่ ขึ้น ลูกปา้ ยกอนั้ พักอาศัยทบ่ี ้านในโคร๊ะ ตาํ บลท่าขึ้น 33. นายยทุ ธศักดิ์ (ณรงค์) ชามทอง เหลนของทวดสุขบ้านยาง พักอาศัยบ้านในโคระ๊ ตําบลท่าขึ้น 34. นางจําเนียร เชาวลิต (เวทยาวงศ์) อดีตครูโรงเรียนปทุมา ลูกตาเรือง เวทยาวงศ์ ตลาดทา่ ศาลา 35. นายเทยี นชัย เชาวลิต อดีตอาจารย์ใหญโ่ รงเรียนวัดชลธาราม (วัดเตาหมอ้ ) ตลาดทา่ ศาลา 36. นางฉวี (ฉิว) หวายนาํ ลูกหลานของหมื่นราช บ้านจันพอ อยู่บ้านเดิมของหม่นื ราช ท่ีบา้ นฉาง 37. นางเรณู บานเย็น (จิตนุพงศ์) อดตี ครูโรงเรียนวัดคงคา พักอาศยั หน้าวัดพระอาสน์ ตาํ บลไทยบุรี 38. นายลี เพญ็ ทอง อดีตข้าราชการครู สาํ นกั งานการประถมศกึ ษาอําเภอทา่ ศาลา 39. นายบญุ ฤทธิ์ เชาวลิต ซ้ือยางพารา หลานทวดสงคบ์ ้านรวั้ ใกลโ้ รงเรยี นอินทิรา ตลาดทา่ ศาลา 40. นางบุญเรอื ง (จาํ เรือง) สังขนิตย์ (กาญจนภกั ด์ิ) อดีตครูโรงเรยี นปทุมานุกลู ตลาดท่าศาลา 41. นายปราโมทย์ เวทยาวงศ์ ลูกชายของลงุ วาส เวทยาวงศ์ พักอาศัยท่ีบ้านดอนนํ้าจาย ตําบลท่าขน้ึ 42. นายเคลื่อน วัชรเรืองรัตน์ หลานของทวดพรหมแก้ว บ้านรัว้ อดตี อาจารย์ใหญ่โรงเรยี นวดั นาเหรง 43. นายประมวล ไชยชนะ ลูกหลานตาไข่ช่วย ไชยชนะ ผู้ติดตามหมน่ื ราชไปอย่ทู ่ีจันพอ บ้านยางขาคมี 44. นางประจวบ สุประดษิ ฐ์ (ศรีนุรัตน์) หลานของทวดสม้ แก้วบา้ นยาง พกั ที่บ้านเดิมของทวดส้มแก้ว 45. นางจารี (เล็ก) ลูกสาวตาน้อม เปน็ หลานของยายช่วย หวายนาํ พักอาศยั ท่ีบา้ นฉาง ตําบลดอนตะโก 46. นางถวลิ (ปุ้ย) ลูกสาวตานอ้ ม หลานของยายชว่ ย หวายนาํ พักอาศยั ที่บา้ นมว่ งกวาง ตาํ บลไทยบรุ ี 47. นายเยิ้ม พรหมมาศ บ้านเดิมอยู่ขา้ งวดั นางตรา ไปได้เมียชื่อนางประจวบอยู่บา้ นไร่ ตาํ บลท่าขึ้น 48. นางประเทอื ง เพ็ญทอง (ธานินทรพ์ งศ์) อดีตครโู รงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 ตลาดทา่ ศาลา 49. นางทวีวรรณ ตามภานนท์ อดตี ครโู รงเรียนปทุมานุกูล ซอยสุประดิษฐ์ หนา้ วดั ท่าสูง ตาํ บลทา่ ศาลา 50. พ.ต.ท.ประสิทธิ์ คณะนา แผนกสรรพาวธุ กองพลาธกิ าร กรมตาํ รวจ ไปๆ มาๆ ทา่ ศาลากับกรงุ เทพฯ 51. นายอากร สุวรรณนรุ ักษ์ ลูกป้าเต็งสว้ น หลานตาสายบัว - ยายเอียด ตลาดสดเก่าอําเภอท่าศาลา 52. นางสาวซ้าย แซเ่ ฉิน ลกู สาวคนสุดท้องของก๋งงวย - ยายทองบาย ริมคลองทา่ สงู ตาํ บลทา่ ศาลา 54. นางอุไร สามารถ อายุ 85 ปี หลานของขนุ เทพบุรี เป็นลกู ของตาพรอ้ ม สามารถ บา้ นอยู่ศาลาน้ํา 55. นายภักดี สามารถ อดีต ผอ.โรงเรยี นวัดพระเลียบ ลูกครูอรณุ เป็นเหลนของขุนเทพบรุ ี อยู่ทางขึ้น 56. พระจําเลือง สุจิตโต เจา้ อาวาสวดั เสนาราม (2555) ตลาดท่าศาลา 57. นายสุนทร อารยาพันธ์ (แซอ่ ยุ่ ) ลูกปา้ ล้วนหน้าวดั เสนาราม อดีตข้าราชการครู บ้านอยู่นบพติ ํา 58. นางแปลก หนสู ม ลูกสาวของปา้ เปรยี ว หวายนํา บา้ นอย่หู น้าวัดเสนาราม 59. นายชม ทองอ่อน ลกู ชายของนางวาด หวายนํา บ้านอยปู่ ระตูชา้ ง 60. นางหนูวิน (ฉิด) ดาํ อุไร ลกู สาวของนางวาด หวายนาํ บ้านอย่นู างตรา 61. นางสายหยุด (แป้น) ขุนเพชรศรี ลูกสาวนางจนั คง หวายนาํ เหลนหม่ืนผลาญ วดั นางตรา 62. นางเสาวนีย์ (เจียก) สขุ สบาย (เชาวลติ ) ลูกสาวของลุงจีบ เชาวลิต บ้านฝา่ ยท่า บา้ นบนถนน 63. นางกนั ยา (กบ) ไชยรตั น์ ลูกสาวปา้ เปรียว หวายนาํ บ้านดอนเพิงตรงข้ามเทศบาลตาํ บลทา่ ศาลา

64. นายวิชา มสุ ิกะ อดีตอาจารยใ์ หญ่ ลูกกาํ นันเปลง่ มุสิกะ บ้านตลาดอาทติ ยเ์ ชงิ สะพานท่าสูง 65. นายปรีชา พรหมมา ลูกนายประมูล-นางวาส พรหมมา หลานขุนจํานง วัดเทวดาราม 66. นายเฉลมิ บญุ ญวงศ์ ลูกของกาํ นันลิ่ว บุญญวงศ์ บ้านอยฝู่ ่ายทา่ ตรงขา้ มบ้านแป๊ะตัน้ บญุ ญวงศ์ 67. ผใู้ หญพ่ นิ ภมู ิมาศ อดีตผู้ใหญบ่ า้ นหมู่ 3 ต.ท่าศาลา ลูกหมื่นแสนนายด่านภาษี อยปู่ ากนํ้าท่าสูง 68. นายเลก็ แซฮ่ ู่ เรยี กกนั ว่าบ่าวเล็กโย่ง เตี่ยช่ือโกฮก แมช่ ่ือนางอิม่ (นางหว๊อม) เดมิ อยบู่ ้านท่าสูง 69. นายนดั นาคบาตร์ อดีตภารโรงอําเภอท่าศาลา บา้ นทา่ สงู อันเป็นบา้ นดงั้ เดิมของจ้าวเซง้ แซฮ่ ั่น 70. นางสุคนธ์ (อี๊ด)ทองสง่ โสม ลกู ของนางฉาย อยกู่ ับลูกสาวลูกเขยทหี่ ้องแถวตรงข้ามตลาดหมอจวน 71. นางแจ้ง ลัพณาเคนทร์ เมียของนายสังเวียน ลพั ณาเคนทร์ ลูกสะใภข้ องยายคงบ้านท่าสูง 72. นางปรีดา คงสุวรรณ หลานหมนื่ การะนดั นฤเบศร์ อดีตครูโรงเรียนบ้านสองแพรก ซอยสุประดษิ ฐ์ 73. นางจิราวรรณ (แตน) พรหมมาศ (การะนัด) หลานหมื่นการะนัด อาศัยที่บ้านเดิมของหม่ืนการะนัด 74. นายเสรี บุษยากุล อายุ 77 ปี บา้ นดอนกุล ทางด่านสายวดั ดาน-ชุมแสง 75. พระไพรนิ รักษาพล เจา้ อาวาสวัดไทรขาม ตํายลดอนตะโก 76. ผ้ใู หญช่ วนชิด สุทธิรักษ์ อดีตผู้ใหญ่บา้ น อยู่อาศัยท่ีบ้านแขกตาํ บลทา่ ขึน้ 77. นางละออง อรชร เมยี น้าฉลาด อรชร ห้องแถวหน้าโรงเรยี นท่าศาลา (สามัญ) หลานของหมื่นอไุ ร 78. นายเขียน รูปโอ อยู่บา้ นฝา่ ยท่า บ้านบนถนน (ท่าศาลา-ส่แี ยกวัดโหนด) ตําบลท่าศาลา 79. นายสุธรรม เมฆหมอก วัดขุนโขลง ตาํ บลหัวตะพาน 80. นายสมบูรณ์ จันทรชิต บ้านเรือนอยขู่ ้างวดั นางตรา บ้านเดิมอยรู่ ิมทางด่านขา้ งวัดมว่ งมอน (ร้าง) 81. นายจรัญ อนันต์ อดีตครูโรงเรียนวัดเขาน้อย ตําบลกะหรอ อําเภอนบพิตาํ อยู่บา้ นยาง-ท่งุ ใน 82. นายจติ อนันต์ (ครจู วด) สเี ขยี ว อดีตครูโรงเรยี นอุบลวิทยา หน้าตลาดนับอนสุ รณ์ 83. นายธรี พัฒน์ (สาคร) เพ็ชรโยธา หัวหนา้ ส.ไฟฟา้ สว่ นภูมิภาคนบพิตํา หลานของหมนื่ อนันต์นรคปุ ภ์ 84. นายอมร พวั บณั ฑิตกุล ลกู ชายแด้เย้อื น (ย้วน) พวั บัณฑติ กลู บา้ นพักอยใู่ นตลาดทา่ ศาลา 85. นายกวี (โกโลง้ ) พัทรพันธ์ ศิษยเ์ กา่ ดํารงเวท เจา้ ของร้านอาหารสัตว์เจ้าพระยา ตลาดท่าศาลา 86. นายพงพันธ์ พันธ์พานิช ทาํ งานธนาคารออมสนิ สาขานครศรธี รรมราช บอกสถานท่ฐี านพระสยม 87. นายเกยูร ไชยานพุ งศ์ อดีต อาจารยใ์ หญ่โรงเรียนวัดคงคา ลูกชายของครูใหญ่อิน ไชยานพุ งศ์ 88. เจ้าอาวาสวัดปา่ เรียน พระมหาสมปอง ญาณทโี ป อ.ท่าศาลา 89. พระครสู ุธรรมาพริ าม (พ่อท่านผ่อง) เจ้าอาวาสวัดสธุ รรมาราม (วัดสระใหญ่) อ.สิชล 90. พระอธิการถาวร ถาวโร เจา้ อาวาสวัดจอมทอง อ.สชิ ล 91. เว็บไซตเ์ มืองคอน WWW.GOTONAKHON.COM 92. นายประเสรฐิ (โกกวั้ง) ไพรพสิ ุทธ์ จําหน่ายและซ่อมนาฬกิ าในตลาดท่าศาลา 93. นายกวี สมบัติพิบลู ย์ ข้าราชการครบู ํานาญ ตลาดท่าศาลา 94. นายพนู ขวัญหีด อายุ 94 ปี เปน็ เพอื่ นกบั พ่อของผเู้ ขียน อยบู่ า้ นส่ีกั๊กปละหัวนอนวัดเทวดาราม 95. พระเทยี บ กุศลจติ โต (เทียบ นาคบาตร)์ พระวัดสโมสร ต.หัวตะพาน น้องของนายนัด นาคบาตร์

96. พระอธกิ ารชมุ พล จกกธมโม เจา้ อาวาสวัดสโมสร ต.หวั ตะพาน 97. พระปุญญพฒั น์ สุธมโม (อาจารยบ์ อล) รักษาการประธานสงฆส์ ํานกั สงฆว์ ดั ท่าลาด ต.ทา่ ขึน้ 98. หนงั จําเนียร คาํ หวาน ลูกหนงั ร่าน หลานหนงั เร้ือย บ้านอยู่ตรงข้ามโรงเรยี นบ้านสองแพรก 99. พระครูสุวรรณสารธารี (พอ่ ทา่ นจติ ) พระอธกิ ารวัดพระอาสน์รูปปัจจบุ ัน 100. พระครพู ิจติ โพธยาคม พระอธิการวัดบนถนน ต.โพธ์ทิ อง อ.ทา่ ศาลา 101. นายฝาก สกุลหนู คนเฒ่าคนแก่ใกลว้ ัดนากุล ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา 102. นางปราณี จุลวัฒน์ (มีศรี) คนเฒ่าคนแก่ใกลว้ ัดนากุล ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา 103. นายหนูมติ ร สีนวล น้องชายของ อ.อุดม สีนวล อยู่ทบ่ี ้านจาด ใกล้วัดทา่ ลาด ต.ท่าขึ้น 104. นายประโพธ กาญจนภกั ด์ิ อดีตอาจารย์ใหญโ่ รงเรยี นวัดคงคา ท่อี ยู่อาศยั บา้ นรั้ว ต.ไทยบุรี 105. นางหนูคลิง้ มแี ก้ว คนเฒา่ คนแก่อายุ 95 ปี บ้านอยู่ใกลก้ อ่ นถึงวดั หมาย ต.ไทยบุรี 106. ผู้ใหญเ่ ย้มิ เรืองดิษฐ์ เจ้าของพิพิธภัณฑ์หาดทรายแก้ว ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรธี รรมราช


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook