Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดกิจกรรมที่ 7 เรื่องอาณาจักรสัตว์

ชุดกิจกรรมที่ 7 เรื่องอาณาจักรสัตว์

Published by djp.saithara01, 2018-07-01 22:43:45

Description: อาณาจักรสัตว์

Keywords: วิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

ชดุ ที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ 1 คานา ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) รายวิชาชีววิทยา(ว33242) เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ทีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั ผู้เรียนสามารถนาไปฝึกปฏิบัติหรือเรียนรู้เพิ่มเตมิ ด้วยตนเอง ทั้งในและนอกเวลาเรียน โดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละชุดประกอบด้วยเอกสาร 2 ส่วน คือ คู่มือครูและชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทั้งน้ีเพื่อให้ผู้เรียนนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไปดาเนินการกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพตรงตามจุดมุ่งหมายของการสร้างชุดกิจกรรม ซึ่งชดุ กิจกรรม เร่ือง ความหลากหลายทางชีวภาพ ประกอบด้วย8 ชดุ กจิ กรรม ดังน้ี 1. ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 การศึกษาความหลากหลายทางชวี ภาพ 2. ชดุ กิจกรรมที่ 2 กาเนดิ ของสง่ิ มชี ีวติ 3. ชุดกิจกรรมท่ี 3 อาณาจักรมอเนอรา 4. ชุดกิจกรรมท่ี 4 อาณาจกั รโพรติสตา 5. ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 อาณาจกั รพืช 6. ชดุ กจิ กรรมที่ 6 อาณาจกั รฟงั ไจ 7. ชดุ กจิ กรรมที่ 7 อาณาจักรสัตว์ 8. ชดุ กิจกรรมที่ 8 ความหลากหลายทางชวี ภาพในประเทศไทย ชุดกิจกรรมนี้เป็นชุดที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ ซ่ึงประกอบด้วย คาช้ีแจง ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์สาระการเรียนรู้ เวลาที่ใช้ วิธีใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ซึ่งเป็นแบบตัวเลือก 4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ พร้อมกับบัตรความรู้และบัตรกิจกรรม รวมท้ังมีแบบทดสอบหลังเรียนและเฉลยแบบทดสอบและบัตรกิจกรรม ท้ายสุดมีแบบบันทึกคะแนนก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรยี น ผจู้ ัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดการเรียนรู้น้ี จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน สาหรับครู นักเรียนและผู้ท่ีสนใจ เพื่อใช้ในการพฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นต่อไป นางสาวสายธารา เดชเจรญิ พร ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

ชุดท่ี 7 เร่ือง อาณาจกั รสัตว์ 2 สารบัญ หน้า 1เรื่อง 2คานา 3สารบัญ 4คาช้แี จง 5การใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรู้ 6ผลการเรียนรู้ 6จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม 7สาระการเรยี นรู้ 8บทบาทของนักเรียน 11แบบทดสอบก่อนเรียน 13บัตรกิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่ 1 20บตั รความรู้ท่ี 1 21บตั รกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ี 2 35บัตรความรทู้ ี่ 2 39บตั รกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 42แบบทดสอบหลงั เรียน 43บรรณานุกรม 44ภาคผนวก 45แบบบนั ทึกคะแนนระหวา่ งเรียน 46เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน 54เฉลยบตั รกจิ กรรม 59แบบสังเกตพฤติกรรมนกั เรียน และประเมินคณุ ลักษณะแบบประเมนิ ผงั ความคิด ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6

ชุดท่ี 7 เร่ือง อาณาจกั รสัตว์ 3คาชแี้ จง ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรูแ้ บบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) รายวิชาชีววิทยา(ว33242) เร่อื ง ความหลากหลายทางชีวภาพ ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ชุดกจิ กรรมนปี้ ระกอบดว้ ยชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 8 ดังน้ีชดุ ท่ี ชอ่ื ชุดกจิ กรรม จานวนชั่วโมง 1 การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ 2 2 กาเนดิ ของส่ิงมชี ีวิต 2 3 อาณาจักรมอเนอรา 2 4 อาณาจักรโพรตสิ ตา 2 5 อาณาจักรพชื 2 6 อาณาจักรฟังไจ 2 7 อาณาจักรสตั ว์ 2 8 ความหลากหลายทางชวี ภาพในประเทศไทย 2 รวม 16 ชดุ กิจกรรมการเรยี นรฉู้ บับน้ีเป็นชดุ กิจกรรมการเรยี นรชู้ ุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจักรสตั ว์ ซ่ึงนกั เรยี นจะได้ศึกษาเรียนรู้และปฏิบัติกจิ กรรมตา่ งๆ เพ่ือศึกษาเกี่ยวกบั ความหลากหลายของส่ิงมีชีวติ โดยใช้เวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมทง้ั หมด 2 ชว่ั โมง และใหน้ ักเรียนศึกษาชุดกิจกรรมตามลาดับขนั้ ตอนต่อไปนี้ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชุดท่ี 7 เร่ือง อาณาจกั รสตั ว์ 4การใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ข้ันเตรียมก่อนใช้ชดุ กจิ กรรม1. ทาการศึกษาค้นควา้ ในเรื่องที่ตนเองจะเรยี นหรอื ปฏิบตั ิกจิ กรรมมากอ่ นลว่ งหนา้ เพ่ือใหเ้ ข้าใจใน บทเรียนได้ดีและรวดเร็วย่ิงขึ้น2. เตรียมความพร้อมของตนเองสาหรับการปฏบิ ัติกิจกรรมรว่ มกับเพอื่ นในห้องเรยี นกบั เพื่อนใน ห้องเรียนและเพื่อนร่วมกลมุ่3. คาแนะนาในการปฏิบัติงานกลุม่ 3.1 เลือกประธานกล่มุ เพ่อื เปน็ ผู้นาในการดาเนินการจดั การเรียนรู้ และเลขากลมุ่ เพื่อบันทึก ข้อมลู ในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ 3.2 สมาชกิ ทกุ คนตอ้ งมีสว่ นร่วม ช่วยเหลือซึ่งกนั ละกัน และรับผดิ ชอบร่วมกนั 3.3 ต้ังใจปฏิบัตกิ ิจกรรมอย่างเตม็ ความสามารถและรอบคอบ4. ใชก้ ลุ่มเดิมตลอดการเรยี นด้วยชุดกิจกรรมการเรยี นร้นู ้ีข้ันการใชช้ ุดกิจกรรม1. ศกึ ษาภาระงานให้เขา้ ใจ และปฏบิ ตั ติ ามลาดบั ขั้นตอน2. ปฏิบตั กิ ิจกรรมดว้ ยตนเอง ไม่ลอกเพ่อื นและไมใ่ หเ้ พ่ือนลอก3. ศกึ ษากจิ กรรมดว้ ยความตั้งใจแล้วทาการวเิ คราะหเ์ นอื้ หาและสรปุ เพอ่ื ให้เขา้ ใจได้ง่ายๆ4. ศึกษาคาชแี้ จงของกิจกรรมโดยการระดมความคิดในกลุ่ม เพ่อื ตอบคาถามใหต้ รงตามทฤษฎีของ เรอ่ื งที่เรียน ไมต่ อบโดยไม่มเี หตผุ ลหรือไมม่ ีทฤษฎรี องรับ5. รว่ มอภิปรายกับครูดว้ ยความต้ังใจ จดความรู้ใหม่ และซักถามทันทเี ม่อื ไมเ่ ข้าใจ6. มคี วามสามัคคี มนี ้าใจ ภาคภูมใิ จในผลงานของกลมุ่ โดยไมเ่ อาเปรียบดว้ ยการนัง่ เฉยหรือก่อ ความวุ่นวายในหอ้ งเรียนขน้ั หลงั ใช้ชดุ กิจกรรม 1. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน 2. รวบรวมผลงานท่ีไดจ้ ากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสง่ ครู เพอ่ื ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. จดั เก็บอปุ กรณ์ทุกชนิ้ ให้เรียบรอ้ ย ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชดุ ท่ี 7 เรื่อง อาณาจกั รสัตว์ 5ผลการเรียนรู้ด้านความรู้1. นักเรยี นสามารถสืบค้นข้อมลู อภิปราย และอธบิ ายเกย่ี วกับความหมายและองค์ประกอบของ ความหลากหลายทางชีวภาพได้2. นกั เรยี นสามารถสืบคน้ ข้อมลู อภิปราย และอธิบายการศึกษาของส่ิงมีชวี ติ การจัดหมวดหมู่ของ สง่ิ มีชวี ติ ชือ่ ของส่งิ มีชีวติ และการระบุชนดิ ได้ด้านทกั ษะกระบวนการนกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามกระบวนการสืบเสาะหาความรูแ้ บบวฎั จกั ร 7 ขัน้ (7E) ดังน้ี1. ทาแบบฝึกหดั ก่อนบทเรียน เพอื่ ทดสอบความร้เู ดิม (Elicitation Phase)2. รว่ มกนั อภิปรายและตัง้ คาถามจากแบบทดสอบก่อนเรียน (Engagement Phase)3. สบื คน้ ข้อมลู จากเอกสารประกอบการเรียนรเู้ รือ่ ง การศึกษาความหลากหลายของสิ่งมีชวี ิต (Exploration Phase)4. นาข้อมูลมาดาเนนิ การวเิ คราะห์ แปลผล สรุปผลและนาเสนอผลที่ไดใ้ นรูปตา่ งๆเชน่ บรรยายสรุป สรา้ งแผนภมู คิ วามคดิ รวบยอด (Explanation and Expansion Phase)5. ให้นกั เรยี นนาผลงานท่ีไดจ้ ากการสรุปผลการวิเคราะห์มานาเสนอหน้าชน้ั เรยี นเพื่อนาไปสูห่ าสรปุ ร่วมกันในชน้ั เรียนและประเมินผลงาน (Evaluation and Extension Phase)ดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์1. มคี วามสนใจใฝเ่ รยี นรู้ ได้แก่ การสนทนาซักถาม กระตือรือรน้ ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม2. มคี วามรบั ผิดชอบ ได้แก่ ปฏิบัตหิ น้าทที่ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ทางานสาเร็จตามเปา้ หมาย3. ความมเี หตุผล ได้แก่ การรวบรวมขอ้ มลู การอธบิ ายหรือแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมเี หตผุ ลมี หลักการหรือขอ้ มลู อ้งองิ4. มรี ะเบียบวนิ ยั ได้แก่ ตรงต่อเวลาทีน่ ัดหมาย ปฏิบัตติ ามระเบียบวินยั ของกิจกรรม5. อยู่อยา่ งพอเพียง ได้แก่ ใชท้ รัพยส์ ินตนเองอย่างประหยดั ทรพั ย์สินส่วนรวมอย่างคุม้ คา่ ไมเ่ อา เปรยี บคนอื่น วางแผนการเรียนการทางาน6. มุ่งมนั่ ในการทางาน ได้แก่ ตงั้ ใจ อดทนทางาน ไม่ยอ่ ท้อ7. รกั ความเปน็ ไทย ได้แก่ มจี ิตสานกั ในความเปน็ ไทยและภูมิปัญญาไทย8. มจี ิตสาธารณะ ได้แก่ ช่วยเหลือเพ่ือน พ่อแม่ ครู มจี ติ อาสา ทางานเพื่อสว่ นรวม ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6

ชุดท่ี 7 เร่ือง อาณาจักรสตั ว์ 6 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สบื คน้ ขอ้ มลู อภิปราย และอธบิ ายเกยี่ วกบั ความหมายและองคป์ ระกอบของความหลากหลาย ทางชีวภาพได้ 2. สบื ค้นข้อมลู อภปิ ราย และอธบิ ายการศึกษาของสิง่ มชี ีวิต การจดั หมวดหมู่ของส่งิ มีชีวิต ช่อื ของ สิ่งมชี วี ิต และการระบชุ นดิ ได้ เนอื้ หาสาระ การจาแนกสัตวใ์ ชเ้ กณฑ์ด้านเนือ้ เยื่อไมแ่ ท้และเนอ้ื เย่ือแท้ ลักษณะสมมาตรแบบรศั มีและสมมาตรแบบดา้ นข้าง การเปล่ยี นแปลงของบลาสโทพอร์แบบโพรโทสโทเมียและดิวเทอโรสโทเมยี และ การเจริญในระยะตัวออ่ น สัตวจ์ าแนกไดเ้ ปน็ 9 ไฟลัม ไดแ้ ก่ ไฟลัมพอริเฟอรา ไฟลัมไนดาเรยี ไฟลัมแพลทเิ ฮลมินทสิไฟลัมมอลลสั คา ไฟลัมแอนเนลิดา ไฟลัมนมี าโทดา ไฟลมั อารโ์ ทรโพดา ไฟลัมเอไคโนเดอมาตา และไฟลัมคอร์ดาตา คลาสแมมมาเลยี เป็นเลี้ยงลูกดว้ ยนมเวลาที่ใช้ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 7 เร่ือง อาณาจกั รสัตว์ ใชเ้ วลาในการทาการเรียนรู้ 2 ชว่ั โมง ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 6

ชุดที่ 7 เรื่อง อาณาจักรสัตว์ 7 บทบาทของนักเรยี น 1. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน เลือกประธานกลมุ่ เพือ่ เป็นผนู้ าในการดาเนนิ กิจกรรมและเลขานกุ ารกลุ่มเพื่อบนั ทึกข้อมูลในการปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ งๆและมอบหมายหนา้ ท่ใี หส้ มาชกิ แต่ละคนในกลุ่มให้ชัดเจน 2. ตรวจสอบความครบถ้วนของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ บบ 7Eเร่ือง อาณาจักรสตั ว์ 3. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เพ่ือทดสอบความรเู้ ดิมของนกั เรียน 4. ศกึ ษากจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 1 แล้วให้แต่ละกลุม่ ร่วมกันอภิปรายและตอบคาถาม 5. ศกึ ษาและปฏิบัติกิจกรรมการเรยี นรูท้ ี่ 2 เพ่ือสารวจและค้นหาคาตอบ 6. ศกึ ษากจิ กรรมการเรยี นร้ทู ี่ 3 และ 4 จากนั้นปฏบิ ัตกิ จิ กรรม อภปิ รายและระดมความคดิ ในกลมุ่ สรุปแกป้ ัญหาจากสถานการณ์ที่กาหนดขึน้ แล้วบันทึกคาตอบลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม พร้อมทั้งขยายความรทู้ ีไ่ ดร้ ับโดยการนาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 7. แลกเปลย่ี นกนั ตรวจแบบบันทกึ กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยเลขานกุ ารกลุม่ รวบรวมแบบบันทึกคาตอบของสมาชิกไปแลกเปลี่ยนกับกล่มุ อน่ื โดยกาหนดให้กลมุ่ ที่ 1 ตรวจกลุ่มที่ 5, กลมุ่ ท่ี 5 ตรวจกลมุ่ที่ 4, กลมุ่ ที่ 4 ตรวจกลุ่มท่ี 3, กลุ่มท่ี 3 ตรวจกล่มุ ท่ี 2 และกล่มุ ที่ 2 ตรวจกลุ่มที่ 1 8. ประธานรับเฉลยกจิ กรรมการเรยี นรู้ จากครูผู้สอนเพื่อนามาตรวจคาตอบ 9. สมาชิกในกลุ่มตรวจแบบบันทึกกิจกรรมของสมาชิกกลมุ่ อน่ื (กรณมี ีขอ้ สงสัยใหน้ ักเรยี นถามครผู สู้ อน) 10. เลขานกุ ารกลุ่ม รวบรวมแบบบันทกึ กิจกรรมกลุ่มคนื กลุ่มเดิม 11. ประธานกลมุ่ นาเฉลยกจิ กรรมคนื ครผู ูส้ อน 12. สมาชิกในกล่มุ บันทึกคะแนนลงในแบบบันทึกคะแนน รวมคะแนนของสมาชกิ ในกลมุ่หาค่าเฉล่ียเปน็ คะแนนของกลุ่มแจง้ ครูผสู้ อน ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6

ชุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจักรสตั ว์ 8แบบทดสอบกอ่ นเรียนชดุ การเรยี นรู้ท่ี 7เรอื่ ง อาณาจกั รสตั ว์ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ความหลากหลายทางชีวภาพ ชดุ ท่ี 7 เรื่อง อาณาจกั รสัตว์จานวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน ใช้เวลา 10 นาทีคาชแ้ี จง: แบบทดสอบเป็นแบบปรนยั เลือกตอบ ก ข ค และ ง จานวน 10 ข้อ1. ใครคอื บิดาแหง่ Taxonomy (อนุกรมวธิ าน) ก. Alistotle ข. John Ray ค. Lineus ง. Copeland2. อาณาจักรสตั ว์แบง่ เป็นกี่ไฟลัม ก. 7 ข. 8 ค. 9 ง. 103. ไฟลมั Porifera มลี ักษณะทไ่ี ม่มใี ครเหมือนคอื ก. มีเซลล์ 3 ชนดิ คือ ammoebocyte/coanocyte/porocyte ข. มีหนวดทมี่ ีเข็มพิษอยูด่ ้านใน ค. มีทางนา้ เข้า ostium ทางน้าออก osculum และมี spicule ง. มที างน้าเขา้ osculum ทางน้าออก ostium และมี spicule4. ไฟลัม Platyhelminthes มีระบบประสาทแบบใด ก. ไมม่ ีระบบประสาท ข. รา่ งแห (nerve net) ค. แบบขน้ั บันได (ladder type) ง. มีปมประสาทสมอง (cerebral ganglia) ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรยี นรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชดุ ที่ 7 เรื่อง อาณาจักรสตั ว์ 95. ลักษณะเดน่ ของ Phylum Chordata ทีไ่ ม่มีไฟลมั ไหนเหมอื น คือ ก. มโี นโตคอร์ด ข. เปน็ Eucoelomate ค. เป็นผู้บรโิ ภค ง. เป็น Endoskeleton6. สตั ว์พวกแรกท่มี ีระบบหมุนเวียนของเลือดได้แก่ ก. พยาธติ ัวกลม ข. แม่เพรียง ค. ปลิงทะเล ง. หอยแครง7. กลุม่ สัตว์พวกใดที่มกี ารจดั ระเบียบโครงสรา้ งรา่ งกายท่ีมีสมมาตร เป็นแบบเดียวกัน ก. ดอกไมท้ ะเล แมงกระพรนุ ดาวเปราะ ข. เม่นทะเล แม่เพรยี ง ฟองน้า ค. พลานาเรยี ไฮดรา โอบีเลีย ง. เพรียงหวั หอม ปลาหมึก อะมีบา8. สตั วช์ นดิ ใดที่อยใู่ น Phylum Porifera ก. ฟองน้า ข. หนอนตัวกลม ค. ไฮดรา ง. ไส้เดือน9. ไฟลัมใดไม่มรี ะบบหมนุ เวยี นเลอื ด ก. Arthropoda ข. Mollusca ค. Nematoda ง. Anelida10. Phylum Molluscaมรี ะบบหมุนเวียนเลอื ดแบบเปิด ยกเว้นข้อใด ก. ปะการัง ข. หมกึ ค. หนอนตวั แบน ง. ฟองน้า ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

ชดุ ท่ี 7 เร่ือง อาณาจักรสตั ว์ 10 กระดาษคาตอบชดุ กิจกรรมการเรียนรทู้ ี่ 7 เร่อื ง อาณาจักรสัตว์ กอ่ นเรียน  หลงั เรียนช่อื .................................................................................... ชัน้ ................ เลขท่ี ..............ข้อที่ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.10. ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6

ชุดที่ 7 เร่ือง อาณาจกั รสตั ว์ 11 บัตรกจิ กรรมการเรียนร้ทู ี่ 1 เรือ่ ง รู้จกั สัตว์ คาชี้แจง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบับน้ีเป็นกิจกรรมที่จัดการเรียนรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ข้ันตรวจสอบความรู้เดิม (Elicitation Phase) ข้ันเร้าความสนใจ(Engagement Phase)และขั้นอธิบาย(Explanation Phase) กจิ กรรมที่ 1 นกั เรยี นศึกษาภาพที่ไดร้ บั แลว้ ตอบคาถามต่อไปน้ี ท่ีมา: https://sites.google.com/site/cienciesdelavida/home สบื ค้นเมอ่ื 20 กรกฎาคม 2559 คาถาม 1. จากภาพมีจานวนสัตวก์ ี่ชนิด อะไรบ้าง............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................. ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

ชุดที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ 12 2. สตั ว์แตล่ ะชนดิ ที่พบ สามารถแบ่งเป็นชนิดยอ่ ยๆได้อีกหรือไม่.................................................................................................................................................. .................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................. ................................................. 3. ใหน้ ักเรียนสตั วท์ ่นี ักเรียนรจู้ ัก มา 15 ชนิด............................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................... ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6

ชดุ ท่ี 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ 13 บตั รความรทู้ ่ี 1 เรื่อง กาเนิดอาณาจักรสตั ว์ คาชแี้ จง กจิ กรรมการเรยี นรูฉ้ บบั นเ้ี ป็นกจิ กรรมทจ่ี ัดการเรียนรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความร้ขู ั้นอธบิ าย (Explanation Phase) และข้ันขยายความรู้(Elaboration Phase) คาสง่ั ให้นกั เรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกันศึกษาบัตรความรแู้ ละรว่ มกันวเิ คราะห์ อภิปรายและตอบคาถามตอ่ ไปนลี้ งในบัตรบนั ทึกกจิ กรรมการเรยี นรู้ กาเนดิ ของสัตว์ - สันนิษฐานว่าสัตว์ท่ีเกิดขึ้นในยุคแรกๆ น่าจะมีร่างกายอ่อนนุ่ม ไม่มีโครงร่างแข็งจึงไม่ปรากฏรอ่ งรอยในซากดึกดาบรรพ์ - เริม่ พบซากดกึ ดาบรรพ์จานวนมากในช่วงระหวา่ งปลายมหายุคพรีแคมเบรยี นและตอนตน้ ของยุคแคมเบรยี น - ซากดึกดาบรรพท์ ่ีพบในยุคแรกๆ เปน็ ซากของสัตวใ์ นไฟลัมมอลลสั กาที่มีลาตัวอ่อนนุ่ม - จากหลกั ฐานตา่ งๆ สนับสนุนแนวคดิ ท่วี า่ สตั วน์ า่ จะมวี ิวัฒนาการมาจากบรรพบรุ ษุ พวกแฟลเจลเลต ลักษณะของสตั ว์ 1. เซลล์แบบยคู าริโอต (eukaryotic cell) คือเซลล์ทม่ี เี ย่ือหุ้มนิวเคลยี ส ในไซโทพลาสซมึ มีออรแ์ กนเนลลต์ า่ งๆ กระจายอยู่ 2. ร่างกายประกอบดว้ ยเซลล์ชนดิ ท่ไี ม่มผี นังเซลล์ เรยี กวา่ เซลลส์ ัตว์ ทาใหเ้ ซลล์มลี ักษณะอ่อนนมุ่และแตกต่างไปจากเซลล์พืช เซลลเ์ หลา่ นี้จะมารวมกันเปน็ เนอ้ื เย่อื เพ่ือทาหน้าที่เฉพาะอย่าง ซงึ่ พบว่าเซลลใ์ นเนอื้ เยื่อมกั มีขนาดและรปู รา่ งเหมอื นกัน มีการประสานการทางานระหวา่ งกนั สัตวช์ ้นั สูงมเี นือ้ เย่ือหลายชนิดสามารถจาแนกตามหนา้ ทีแ่ ละตาแหน่งที่อยู่ของร่างกายเป็น 5 ประเภท คอื เนื้อเยื่อบุผวิ (epithelial tissue)เนือ้ เยอื่ เกยี่ วพัน (connective tissue) เนอ้ื เยอ่ื กลา้ มเนอ้ื (muscular tissue) เนื้อเยื่อลาเลียง (vasculartissue) และเน้ือเยื่อประสาท (nervous tissue) 3. สร้างอาหารเองไม่ได้ เพราะไม่มคี ลอโรฟิลล์ ดงั นั้นการดารงชีวติ จงึ ตอ้ งกนิ สิ่งมีชีวิตอืน่ เปน็ อาหารซึ่งอาจเป็นพืชหรือสัตวด์ ้วยกัน การดารงชีวิตจงึ มักเปน็ แบบผู้ลา่ เหยอื่ หรอื ปรสิตเสมอ ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6

ชดุ ท่ี 7 เร่ือง อาณาจกั รสัตว์ 14 4. โดยท่ัวไปเคลอ่ื นท่ีไดด้ ว้ ยตนเองตลอดชีวติ มบี างชนดิ พบวา่ เมือ่ เปน็ ตัวเตม็ วัยแล้วเกาะอยู่กบั ที่ 5. โดยส่วนใหญ่สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีระบบประสาท มีอวัยวะรับความรู้สกึ และตอบสนอง เช่น การกนิ อาหาร การขบั ถ่าย การสืบพนั ธ์ุ เป็นตน้ ลกั ษณะท่ใี ชจ้ าแนกสตั ว์ นักอนุกรมวิธานส่วนใหญ่เชื่อกันว่าสัตว์มีวิวัฒนาการเกิดข้ึนในต้ังแต่ช่วง 1,000 ถึง 580 ล้านปีท่ีผ่านมา โดยมีวิวัฒนาการมาจากพวกโพรทิสต์ท่ีมีแฟลเจลลัมและอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (colonial flagellatedprotist) จากวันที่มีวิวัฒนาการเกิดขึ้นเป็นคร้ังแรกจนกระท่ังถึงทุกวันนี้ สัตว์มีวิวัฒนาการออกเป็นชนิดต่างๆมากมาย ในการจัดจาแนกสตั วอ์ อกเปน็ หมวดหมใู่ หญๆ่ นน้ั เราใช้ลักษณะบางอย่างชว่ ยในการจาแนกหมวดหมู่ของสตั ว์ ลักษณะเหลา่ นั้นซงึ่ เกดิ ขนึ้ เป็นลาดบั พร้อมๆ กบั ววิ ฒั นาการของสัตวไ์ ดแ้ ก่ 1. เป็นสัตว์ท่ีมเี น้ือเยื่อท่ีแท้จริงหรือไม่ การแบ่งแบบน้ีทาให้เราสามารถแบ่งสัตว์ออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่มีเนื้อเยื่อท่ีแท้จริง ได้แก่พวกฟองน้าในไฟลัมพอริเฟอรา (Phylum Porifera) และกลุ่มที่มีเน้ือเย่ือท่ีแท้จริง ซ่ึงได้แก่สัตว์ส่วนใหญ่ท้งั หมดโดยสตั ว์ในไฟลัมไนดาเรียจะมเี นอื้ เยอื่ 2 ช้นั ส่วนสตั วใ์ นไฟลัมอ่ืนๆจะมเี นอื้ เยือ่ 3 ช้นั2. ลกั ษณะสมมาตรของรา่ งกายคอื การจดั สมดลุ ของรา่ งกายเมอ่ื แบง่ ร่างกายออกโดยใชร้ ะนาบกึ่งกลาง แบ่งเปน็ 3 ลักษณะ คอื(1) สัตวท์ ไ่ี มม่ สี มมาตร (asymmetry) การจัดเรยี งตัวของส่วนต่างๆ ของรา่ งกายเปน็ แบบไมม่ ีจุดศูนย์กลาง มีรูปร่างไม่แน่นอน เช่น ฟองน้า ซึ่งเปน็ สัตว์ใน Phylum Porifera(2) สมมาตรแบบรัศมี (radialsymmetry) ถา้ แบ่งร่างกายจากส่วนปากไปสู่สว่ นท้ายของลาตัวไมว่ ่เป็นด้านใด จะไดส้ ่วนแบง่ ของร่างกายสองด้านทีเ่ หมือนกนั ถ้ามีการจัดเรยี งตัว พบได้ในสัตวบ์ างกลมุ่ ท่อี าศยั อย่ใู นน้าเท่านน้ั สว่ นใหญจ่ ะดารงชีวติ แบบเกาะอยู่กับท่ี เช่น ไฮดรา ,แมงกะพรุน , ดอกไม้ทะเล ,ดาวทะเล ที่มา: http://study.com/cimages/multimages สบื ค้นเมือ่ 22 กรกฎาคม 2559 ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6

ชุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจักรสตั ว์ 15 (3) สมมาตรด้านข้าง ,สมมาตรซ้ายขวา หรือ สมมาตรแบบคร่ึงซีก (bilateral symmetry) ซ่ึงพบได้ในสัตว์ส่วนใหญ่ ระนาบที่ตัดผา่ นเส้นกลางลาตัวตามแนวตั้งสามารถแบ่งสัตว์ออกเป็นสองซกี ที่เหมือนกนั ท้ังซีกซ้ายและขวา ด้านหน้า (anterior end) ของสัตว์กลุ่มนี้จะเป็นที่ตั้งของอวัยวะที่สาคัญ เช่น อวัยวะรบั สัมผัส มีการพัฒนาส่วนหัวเป็นศูนย์รวมของเน้ือเย่ือประสาท และอวัยวะรับสัมผัส ทาให้สัตว์เ ค ลื่ อ น ที่ ห า อ า ห า ร แ ล ะ ห ล บ ศั ต รู ไ ด้ดี นอกจากน้ีสัตว์ที่มีสมมาตรแบบด้านข้างยังมีการพัฒนาส่วนหัวให้เป็นศูนย์รวมของสมองและอวัยวะรับสัมผัส ทาให้สัตว์กลุ่มนี้เคล่ือนท่ีหาอาหารและหลบหลกี ศตั รูไดด้ ีท่มี า: http://study.com/cimages/ multimages/16/Symmetry.png สบื ค้นเม่อื 22 กรกฎาคม 2559 3. การเปลี่ยนแปลงของบลาสโทพอร์ (Blastopore) เปน็ ชอ่ งท่เี กิดจากการม้วนตัวของชัน้ เนื้อเอนโดเดิรม์ ในช่วงการเจรญิของตวั ออ่ นระยะแกสทรู ่า (gastrula)พบเฉพาะสตั วท์ ่ีมีสมมาตรด้านขา้ ง ม่ี 2แบบ คือ แบบโพรโทสโทเมยี(protostomia) หมายถงึ พวกท่บี ลาสโทพอร์เปล่ยี นเปน็ ช่องปาก และ แบบดิวเทอโรสโทเมีย (deuterostomia)หมายถึงพวกท่ีบลาสโทพอร์เปล่ียนเปน็ทวารหนัก ภาพที่ 3 แสดงชอ่ งปากแบบดิ วเทอโรสโทรเมยี ร์ และ ชอ่ งปากแบบโพรโทสโทรเมยี ร์ ท่มี า:http://www.locolobo.org/DPComparison2.gif สบื คน้ เม่ือ 22 กรกฎาคม 25594. การเจรญิ ในระยะตวั อ่อน ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6

ชุดที่ 7 เรื่อง อาณาจกั รสตั ว์ 16 พบในสัตว์กลุ่มท่มี ีช่องปากแบบโพรโทสโทเมีย ซ่ึงแบง่ ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีระยะตัวอ่อนแบบโทรโคฟอร์ (trochophore) พบในสัตว์พวกหนอนตัวแบน ไส้เดือนดิน ปลิง หอยและหมึก เป็นต้น และเอ็กไดโซซวั (ecdysozoa) เป็นกล่มุ ทีม่ กี ารลอกคราบ ขณะเจรญิ เตบิ โต ซ่งึ พบในหนอนตวั กลม และ อารโ์ ทรพอด ภาพท่ี 4 (ซ้าย) แสดงตวั อ่อนแบบโทรโคฟอร์ (ขวา) แสดงส่ิงมีชีวติ กลมุ่ เอ็กไดโซซัว มีการลอกคราบขณะเจรญิ เติบโต ภาพซ้าย ทมี่ า: http://bio1151b.nicerweb.com/Locked/media/ch32/32_13Tro ภาพขวา http://bio1152.nicerweb.com/Locked/media/ch32/32_12Cicada สบื คน้ เม่อื 22 กรกฎาคม 2559 5. ลักษณะของโพรงลาตัว (coelom) ซึ่งเปน็ ลักษณะท่ีเกดิ ข้ึนในระยะเอ็มบริโอของสตั วก์ ลมุ่ ท่ีมเี น้ือเยือ่ มีโซเดริ ม์ (mesoderm) มีพัฒนาการเกดิ เป็นโพรงลาตัว ซึง่ ต่อมาเมื่อเป็นร่างกายแล้ว โพรงลาตวั เหลา่ นเี้ ปน็ ทห่ี อ่ หุ้มยึดเก่ยี วของอวยั วะภายในตา่ งๆ แบง่ เป็น สตั ว์ท่ีไมม่ ชี ่องลาตวั , สตั ว์ทีม่ ชี อ่ งลาตัวเทยี ม และ สัตว์ทมี่ ีช่องลาตัวแท้ - สัตว์ที่ไม่มโี พรงลาตวั (acoelomate) เป็นกลมุ่ สตั วท์ ่ีเน้ือเยื่อชั้นมีโซเดริ ม์ ไม่มีการพฒั นาไปเปน็ โพรง ลาตวั ทาใหร้ า่ งกายของสัตว์กลมุ่ นอ้ี ดั แน่นไปด้วยเนอื่ เย่ือดงั กล่าว ไดแ้ ก่สตั ว์ในไฟลมั แพลทีเฮลมินทีส (Phylum Platyhelminthes) - สตั ว์ท่ีมีโพรงลาตัวเทยี ม (pseudocoelomate) เปน็ กลุ่มสัตว์ที่มโี พรงลาตัว แต่ โพรงลาตัวเกิดจากเนอ้ื เยือ่ ชัน้ มีโซเดริ ์มกบั เนื้อเยื่อชั้นอน่ื เช่น เกิดกับเน้อื เยื่อชนั้ เอนโดเดริ ์ม ได้แก่ ไฟลมั นีมาโทดา (PhylumNematoda) - สัตวท์ ่มี โี พรงลาตวั แท้ (Eucoelomate) เปน็ โพรงลาตัวทเี่ กิดจากเนื้อเย่ือช้ันมโี ซเดิรม์ ได้แก่ ไฟลัมมอลลัสกา , ไฟลมั แอนนิลิดา, ไฟลัมเอไคโนเดอมาตา, ไฟลัมคอรด์ าตา ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6

ชดุ ที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสตั ว์ 17 ภาพท่ี 5 แสดงโพรงลาตัวของสัตว์ (บน) หนอนตวั แบนไมพ่ บโพรงลาตวั (กลาง) หนอนตัวกลมมี โพรงลาตัวเทียม (ล่าง) หนอนปล้องมโี พรงลาตัวที่แท้จรงิ ที่มา: http://www.sci.nu.ac.th/Biology/Biodiversity/imagesChap/clip_image002 สบื คน้ เม่อื 22 กรกฎาคม 2559 สัตว์ในปัจจุบันที่พบ และ มีการจาแนกแล้วมีมากกว่า 1.5 ล้านสปีชีส์ พบได้ทุกแห่งหนบนโลกแม้ว่ากาเนิดของสัตว์ในระยะแรกจะอาศัยอยู่ในน้า แต่เม่ือสภาพแวดลอ้ มบนพื้นดินมีความเหมาะสม ทาให้สัตว์บางกลุ่มประสบความสาเร็จเมื่อมาอยู่บนพ้ืนดิน ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์ แบ่งออกเป็นไฟลัมต่างๆตามสายวิวฒั นาการได้ดังน้ี ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6

ชดุ ที่ 7 เร่ือง อาณาจกั รสตั ว์ 18 ภาพท่ี 6 สายววิ ัฒนาการของสง่ิ มีชวี ติ อาณาจักรสตั ว์ ทม่ี า: สสวท.กระทรวงศึกษาธิการ,2554 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6

ชุดที่ 7 เรื่อง อาณาจักรสัตว์ 19 บัตรกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง กาเนดิ อาณาจกั รสตั ว์ คาชแ้ี จง กจิ กรรมการเรยี นรู้ฉบบั น้เี ป็นกิจกรรมทจ่ี ัดการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรขู้ ้ันสารวจและค้นหา (Exploration Phase) ,ขนั้ ขยายความรู้(Exploration Phase) และข้นั นาความรู้ไปใช้(Extend Phase) กิจกรรมท่ี 1. ใหน้ ักเรียนเขียนเติมผังมโนทัศนท์ ก่ี าหนดให้ ให้สมบูรณ์ (10 คะแนน)ลักษณะเกณฑ์ในการจาแนก หมวดหมู่ของสตั ว์ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 6

ชดุ ที่ 7 เรื่อง อาณาจกั รสตั ว์ 20 บัตรความร้ทู ่ี 2 เรือ่ ง ไฟลมั สตั ว์ คาชี้แจง กจิ กรรมการเรียนรู้ฉบับนเ้ี ป็นกิจกรรมทีจ่ ัดการเรียนร้ตู ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ขนั้ อธิบาย (Explanation Phase) และขนั้ ขยายความรู(้ Elaboration Phase) คาสั่ง ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ทากิจกรรม เรื่อง การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพตามกจิ กรรมที่กาหนดให้ต่อไปนี้ ความหลากหลายของสัตว์ สัตว์เป็นส่ิงมีชีวิตหลายเซลล์ ไม่มีคลอโรฟิลล์จึงไม่สามารถสร้างอาหารได้เอง และมีระยะตัวอ่อน(EMBRYO) สิง่ มีชีวิตในอาณาจกั รสตั วแ์ บ่งออกเปน็ ไฟลัมต่างๆดังนี้ 1. ไฟลมั พอรเิ ฟอรา (PHYLUM PORIFERA) ไฟลัมพอริเฟอรา (PHYLUM PORIFERA) สัตว์ที่ลาตวั เป็นรูพรนุ ไดแ้ ก่ ฟองนา้ ลกั ษณะสาคัญของสัตวใ์ น Phylum Porifera - เปน็ สัตว์ทมี่ วี วิ ฒั นาการต่าสดุ และ ไม่มเี น้อื เยื่อแท้จริง (Parazoa) - ตวั เต็มวยั เกาะกับท่ี จึงไมม่ ี nervous system และ sense organ - มที ัง้ อาศัยในนา้ จืดและน้าเค็ม - มีสสี ดใส (แดง สม้ เหลอื ง ม่วง) เกิดจากรงควัตถทุ ี่อยใู่ นเซลลผ์ ิว - ฟองน้าที่มรี ปู ร่างซับซ้อนน้อยที่สดุ จะมีสมมาตรรัศมี แตฟ่ องน้าส่วนใหญไ่ ม่มสี มมาตร - จะสรา้ ง Gemmule (แตกหน่อ)เวลาสภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม - มีโครงรา่ งแขง็ ค้าจนุ (Spicule ที่เปน็ หนิ หรือแก้ว , Spongin ท่ีเป็นเส้นใยโปรตนี ) ชุดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

ชดุ ที่ 7 เรื่อง อาณาจกั รสตั ว์ 21 ทม่ี า: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สบื คน้ เม่อื 24 กรกฎาคม2559 กรกฎาคม 2559 2. ไฟลัมซีเลนเทอราตา (PHYLUM COELENTERATA) ไฟลัมซีเลนเทอราตา (PHYLUM COELENTERATA) ได้แก่ แมงกะพรุน ดอกไม้ทะเล ปะการังกลั ปังหา และไฮดรา ลักษณะสาคัญของสตั ว์ใน Phylum Coelenterata - รา่ งกายประกอบด้วย เนอ้ื เยอ่ื 2 ชัน้ คอื Epidermis เเละ Gastrodermis - ระหว่างชนั้ เนอ้ื เยื่อมีสารคล้ายวนุ้ เรียกว่า Mesoglea เเทรกอยู่ - ลาตัวกลวงลักษณะเป็นถุงตันมีช่องเปิดช่องเดียวเรียกว่า gastrovascula cavity ทาหน้าที่เป็นทางเดนิ อาหารอาหารเขา้ เเละกากอาหารออกทางชอ่ งเปิดเดยี วกนั - มหี นวดอย่รู อบปากเรียกว่า เทนทาเคลิ ( tentacle )ใชส้ าหรบั จบั เหย่อื - ทห่ี นวดมเี ซลล์สาหรับต่อยเรยี กว่า cnidocyte เเละมเี ข็มสาหรับต่อยเรียกวา่ nematocyst - มวี งจรชพี สลบั - สบื พนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศ โดยการแตกหนอ่ - มี 2 เพศในตวั เดยี วกนั ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

ชุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจกั รสัตว์ 22 ทีม่ า: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สืบคน้ เมือ่ 24 กรกฎาคม 2559 3. ไฟลมั แพลทิเฮลมนิ ทสิ (PHYLUM PLATYHELMINTHES) ไฟลัมแพลทิเฮลมินทิส(PHYLUM PLATYHELMINTHES) ได้แก่ พยาธิใบไม้ พยาธิตัวตืดและพลานาเรีย ลกั ษณะสาคญั ของสัตวใ์ น Phylum Platyhelminthes - มสี มมาตรเปน็ แบบครง่ึ ซกี (Bilateral symmetry) - ไม่มีช่องวา่ งในลาตัว (Acoelomate animal) เนอ่ื งจากเน้ือเยอื่ ชั้นกลางมเี นอื้ เยื่อหย่นุ ๆบรรจุอยเู่ ต็มไปหมด - ไม่มีระบบหมุนเวียนโลหิต ไม่มีเส้นเลือด ไม่มหี ัวใจ สารอาหารไปเลย้ี งเซลล์โดยการแพรจ่ ากทางเดินอาหารเข้าสู่เซลล์โดยตรง - มีระบบทางเดินอาหารเป็นแบบไม่สมบูรณ์มีปากแต่ไม่มีทวารหนัก และในพวกพยาธิตัวตืดไม่มีทางเดนิ อาหาร - มีระบบประสาทอยู่ทางดา้ นหน้าและแตกแขนงออกไปทางด้านขา้ งของลาตัว ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

ชดุ ที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ 23 - มที ั้งสองเพศในตัวเดียวกัน สามารถผสมพนั ธุ์ไดภ้ ายในตวั เอง (Self fertilization) และผสมพันธุ์ข้ามตัว (Cross fretilization) ทม่ี า: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สบื ค้นเมือ่ 24 กรกฎาคม 2559 4. ไฟลมั นมี าโทดา (PHYLUM NEMATOD) ไดแ้ ก่ พยาธติ ัวกลมต่างๆ เช่น พยาธิไส้เดอื น ไส้เดือนฝอย และหนอนในนา้ สม้ สายชู ลักษณะสาคัญของสตั ว์ใน Phylum Nemetoda - ลาตวั กลมยาวหวั ท้ายเเหลม ไม่มีรยางค์ - มเี ปลอื กเป็นคิวตเิ คลิ หนาปกคลมุ - สมมาตรครงึ่ ซีก - มที างเดินอาหารสมบูรณ์ มีทง้ั ปากเเละทวารหนกั - ร่างกายมเี น้ือเย่ือ 3 ชน้ั - มชี อ่ งลาตวั เทียม ( pseudocoelom )อยูร่ ะหว่างมโี ซเดิร์มเเละเอนโดเดริ ์มซ่ึงมีของเหลวบรรจุอยู่เต็ม - ระบบประสาท เปน็ วงเเหวนรอบคอ ตอ่ กบั เส้นประสาทท่ียาวตลอดลาตัว - ไม่มีระบบไหลเวยี นเลือดเเละระบบหายใจ ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6

ชุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจักรสัตว์ 24 ทม่ี า: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สบื คน้ เมอื่ 24 กรกฎาคม 2559 5. ไฟลมั แอนนลิ ิดา (PHYLUM ANNILIDA) ไฟลมั แอนนิลดิ า (PHYLUM ANNILIDA) ได้แก่ ไสเ้ ดอื นดิน แมเ่ พรยี ง ทากดูดเลือด และปลิงนา้ จดืลกั ษณะสาคญั ของสัตว์ใน Phylum Annilida - มีลาตัวกลมยาวเป็นปล้องๆ มองเหน็ ภายนอกเปน็ วงเเละภายในมีเนื้อเย่ือกัน้ ระหว่างปลอ้ งเรยี กวา่เซปตา ( septa ) - เเตล่ ะปล้องมีอวัยวะ คือ เดือย ( saeta ) 4 คู่ เนฟรเิ ดยี ( อวัยวะขับถ่าย )1 คู่ เสน้ ประสาท 3 คู่ทางเดินอาหารเเละชอ่ งลาตัวสว่ นหนึ่ง ยกเวน้ ปล้อง - ทมี่ หี ัวทซ่ี ึง่ มีอวัยวะสาคัญ ( สมอง คอหอย หัวใจ ) - รา่ งกายมีสมมาตรคร่ึงซีก - มเี นือ้ เยื่อ 3 ช้ัน - มชี ่องลาตวั เเท้จริง ( coelom ) ซ่งึ เป็นช่องลาตัวในเนื้อเยือ่ มีโซเดิรม์ - ระบบประสาทประกอบดว้ ย ปมสมองทหี่ วั 1 คู่ และ เสน้ ประสาทใหญด่ ้านท้องที่มา: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สบื ค้นเม่ือ 24 กรกฎาคม 2559 ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชุดที่ 7 เรื่อง อาณาจกั รสตั ว์ 256. ไฟลัมอาร์โทรโปดา (PHYLUM ARTHROPODA) ไฟลัมอารโ์ ทรโปดา (PHYLUM ARTHROPODA) ไดแ้ ก่ กุ้ง กั้ง ปู แมลง เห็บ ไร ตะขาบ ก้งิ กือ แมงมมุ แมงดาทะเล ลักษณะสาคัญของสัตว์ใน Phylum Arthropoda - มลี าตวั เป็นปล้องและมรี ยางคเ์ ปน็ ข้อๆต่อกัน (jointed appendage) ย่ืนออกมาจากแต่ละปลอ้ งของลาตัว - มีจานวนชนดิ มากทส่ี ุดในอาณาจกั รสัตว์ ประมาณวา่ มถี ึงกว่า 9 แสนชนดิ ทม่ี นุษยเ์ ราไดค้ ้นพบ - สามารถอาศยั อยู่ไดใ้ นแทบทกุ สภาพภมู ิประเทศบนโลก นับว่าประสบความสาเรจ็ ในการดารงชีวติบนโลกเป็นอย่างมาก เหน็ ได้จากการท่ีเราพบสตั ว์เหล่าน้ีได้แทบทุกหนทกุ แห่ง ทกุ ฤดกู าล และพบเปน็ จานวนมาก - มีโครงสร้างของรา่ งกายท่ีแข็งแรง - มรี ะบบประสาทท่เี จรญิ ดี มีอวยั วะรับความรูส้ กึ หลายชนิด - มกี ารแบ่งสดั สว่ นของร่างกายเปน็ ขอ้ ปล้องชดั เจน 3สว่ น คอื หวั (Head) , อก(Thorax) และ ท้อง(Abdomen) - ระบบหมนุ เวียนเปน็ ระบบเปดิ ประกอบไปดว้ ยหวั ใจ เลือด และแอ่งเลือด (Hemocoel)ทมี่ า: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สบื ค้นเมอ่ื 24 กรกฎาคม 2559 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6

ชดุ ที่ 7 เรื่อง อาณาจักรสตั ว์ 26 สัตวใ์ นไฟลมั นสี้ ามารถแบ่งออกได้เป็น 6 Class สัตวใ์ นไฟลัมนีส้ ามารถแบ่งออกได้เปน็ 6 Class ได้แก่ 1. Class Crusatacea Class Crusatacea สว่ นมากจะอยใู่ นน้า มีตาประกอบ มหี นวด 2คู่ มีขา 5คู่ หรือมากกว่า รยางค์เป็น2แขนง ส่วนของหวั เช่ือมกับส่วนอก (Cephalothorax) มีส่วนท้องเรียก แอบโดเมน (Abdomen)สว่ นมากหายใจดว้ ยเหงอื ก มีอวยั วะขบั ถ่ายคือ ตอ่ มเขียว (Green gland) สัตวใ์ นคลาสนี้เช่น กุง้ นา้ จดื ก้งุทะเล ปู กัง้ ไรน้า ฯลฯ 2. Class Merostoma Class Merostoma มีสว่ นของหัวเช่อื มกบั ส่วนอก (Cephalothorax) มีขา 5 คู่ ไม่มีหนวด ได้แก่แมงดาทะเล แมงดาถว้ ย แมงดาจาน 3. Class Archnida Class Archnida สว่ นมากจะอยูบ่ นบก สัตวใ์ นคลาสน้ีไม่มีหนวด มีขา4 คู่ ส่วนของหัวเช่ือมกบัส่วนอก (Cephalothorax) และสว่ นท้องแอบโดเมน (Abdomen) แยกออกหายใจทางช่องลม (Trachea)หรอื แผงปอด (Book lung) หรือทั้งสองอยา่ ง สัตว์ในคลาสนแ้ี ยกเพศกัน ได้แก่ แมงมุม แมงปอ่ ง บง้ึ เห็บ ฯลฯ 4. Class Insecta Class Insecta เป็นคลาสท่ีมีจานวนชนดิ มากทสี่ ุด ประมาณ 1ล้าน 5 แสนชนดิ ได้แก่พวกแมลงต่าง ๆ สัตว์ในคลาสนี้มีหนวด 1 คู่ มขี า 3 คู่ ไม่มีปีกหรอื มีปีก 1-2 คู่ มตี าประกอบ มีสว่ นของลาตัวแยกออกชดั เจนเป็น 3 ส่วน มีท่อลมเป็นอวยั วะหายใจ มที ่อมัลฟเี กียน (Mulpigian tubules) ไวข้ ับถ่าย มีการเจริญเติบโตของตัวออ่ นเป็น 4แบบ ได้แก่ ตัวสามง่าม, ยงุ , แมลงวัน, ผีเสื้อ, แมลงปอ, แมลงสาบ, ปลวก, มด,จิง้ หรีด, ตกั๊ แตน ฯลฯ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

ชดุ ท่ี 7 เรื่อง อาณาจกั รสตั ว์ 27 5. Class Diplopoda Class Diplopoda สัตว์ในคลาสนเ้ี รยี กว่า มลิ ลิบิด มขี าจานวนมาก ลาตัวค่อนขา้ งกลม ยาวประกอบด้วยส่วนหัว และสว่ นอกสน้ั ๆ ประกอบดว้ ยปลอ้ งประมาณ 25 ถงึ กว่า100 ปลอ้ ง ไม่มีต่อมพิษ มีหนวด 1 คู่ มีขาปล้องละ 2คู่ มตี าเดย่ี ว ไดแ้ ก่ กงิ้ กือ กระสุนพระอนิ ทร์ 6. Class Chilopoda Class Chilopoda สัตวใ์ นคลาสนเี้ รียกวา่ เซนตบิ ิด มีขาจานวนมาก ประมาณปล้องละ 1 คู่ ลาตวัประกอบดว้ ยส่วนหัว และลาตวั ยาวของอกตดิ กบั ท้อง มีประมาณ 15 ถึง 173ปลอ้ ง และปลอ้ งทหี่ วั มีรยางค์ทม่ี ีพิษอยู่ 1 คู่ มีหนวด 1 คู่ มตี าเดี่ยว เรียกว่า โอเซลลสั (Ocelles) หายใจทางท่อลม ได้แก่ ตะขาบ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6

ชุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจกั รสตั ว์ 28ตารางสรุป class 6 class ในไฟลัมอาร์โทรโพดา :7. ไฟลัมมอลลสั กา (PHYLUM MOLLUSCA)ไฟลัมมอลลัสกา (PHYLUM MOLLUSCA) สัตวท์ ่มี ลี าตวั ออ่ นนุ่ม ได้แก่ หมกึ และหอยชนิดตา่ งๆลักษณะสาคญั ของสัตว์ใน Phylum Mollusca- รา่ งกายจะแบ่งเปน็ 3 สว่ นหลกั ไดแ้ ก่ 1. head and foot 2. visceral mass 3. mantle, palium เกิด mantle cavity มีเหงอื กภายใน- สตั วใ์ นไฟลัมนีม้ ลี าตวั อ่อนนุ่ม บางชนิดอาจมเี ปลอื กแขง็ หุ้มลาตัวเป็น CaCO3- แยกเพศผ-ู้ เมีย- ส่วนใหญอ่ าศยั อยู่ในน้าทั้งน้าจืดและนา้ ทะเล มีอาศัยอยู่บนบกบา้ ง- อวัยวะในการแลกเปล่ียนแก๊สประกอบด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6

ชดุ ท่ี 7 เรื่อง อาณาจักรสัตว์ 29 1. เหงอื ก (gill) อยภู่ ายในช่องแมนเตลิ พบในมอลลัสทั่วไป 2. ผิวตัว ในทากทะเล (sea slug, nudibranch) ผิวตัวจะเปล่ยี นรูปไปเปน็ แขนงอยบู่ นลาตัวเรยี กวา่ เซอราตา (cerata) หรอื บางชนดิ มีอยู่รอบทวารหนัก (anal gill) 3. ชอ่ งแมนเตลิ หรือปอด หอยฝาเดียวทีข่ ึ้นมาอยู่บนบกจะมชี ่องแมนเติลทีม่ ีผนังยื่นลงมากั้นเปน็หอ้ งมขี องเหลวหล่อเล้ียงในช่องนี้ทาใหส้ ามารถแลกเปล่ยี นแก๊สได้ ทมี่ า: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สืบคน้ เมอื่ 24 กรกฎาคม 2559 8. ไฟลัมเอไคโนเดอรม์ าตา (PHYLUM ECHINODERMATA) ไฟลัมเอไคโนเดอรม์ าตา (PHYLUM ECHINODERMATA) สัตวท์ ีผ่ วิ หนังมหี นามขรุ ขระ ได้แก่ ดาวทะเล เม่นทะเล เหรยี ญทะเล ปลิงทะเล ดาวเปราะ ลักษณะสาคญั ของสัตว์ใน Phylum Echinoderm - สมมาตรรา่ งกาย ตัวอ่อนเป็นเเบบครึง่ ซกี ตัวเต็มวัยมีเมเเทมอร์โฟซิสกลายเป็นสมมาตรเเบบรัศมี - ลาตัวเเบ่งเป็น 5 สว่ นหรอื ทวคี ณู ของ 5 ย่นื ออกมาจากเเผ่นกลมทเ่ี ปน็ ศูนย์กลาง - มีโครงร่างเเข็งภายใน มีเเผ่นหินปูนเลก็ ๆ ทย่ี ดึ ติดกนั ด้วยกลา้ มเนอ้ื หรือผวิ หนังทป่ี กคลุมอยูบ่ างชนิด - มีเส้นประสาทเป็นวงเเหวนรอบปาก เเละเเยกเเขนงไปตามเเขน - การเคลอื่ นไหวใชร้ ะบบท่อน้า ( water vascula system ) ภายในร่างกาย - การสืบพนั ธุ์ แบง่ เปน็ เเบบอาศัยเพศโดยมกี ารปฎสิ นธิภายนอก และ เเบบไม่อาศัยเพศบางชนดิ เชน่การขาดของเเขนใดเเขนหน่งึ สว่ นท่ีขาดก็จะเจรญิ ไปเปน็ ตัวเต็มอีกทหี น่งึ ทม่ี า: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สืบค้นเมอ่ื 24 กรกฎาคม 2559 ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6

ชุดที่ 7 เร่ือง อาณาจกั รสตั ว์ 30ไฟลัมคอร์ดาตา (PHYLUM CHORDATA) คณุ สมบัติเฉพาะของ Phylum Chordata - มโี นโตคอร์ด (Notochord) ซ่งึ เปน็ แกนคา้ จนุ หรือพยุงกายเกดิ ขึน้ ในระยะใดระยะหนึ่งของชีวติ หรอืตลอดชีวติ ในพวกสัตว์ชนั้ สงู มีกระดูกออ่ นหรือกระดกู แข็งแทนโนโตคอรด์ - มีไขสนั หลังเปน็ หลอดยาวกลวงอยทู่ างดา้ นหลงั (Dorsal hollow nerve tube) เหลือทางเดินอาหารซึ่งแตกตา่ งจากสัตว์พวกไม่มีกระดูกสนั หลงั ซ่ึงมรี ะบบประสาทอยทู่ างด้านทอ้ ง(Ventral nerve cord)ใต้ทางเดินอาหารและเปน็ เสน้ ตนั - มชี อ่ งเหงือก (Gill slit) ในระยะใดระยะหน่ึงของชีวติ หรอื ตลอดชีวิตในพวหสตั วม์ ีกระดูกสนั หลังชน้ั สูง เช่น สตั วป์ ีก สัตว์เลีย้ งลกู ดว้ ยน้านมจะมชี ่องเหงือกตอนเปน็ ตัวอ่อนเท่านัน้ เมือ่ โตขึ้นช่องเหงือกจะปดิสว่ นปลามีชอ่ งเหงือกตลอดชีวิต - มหี างเป็นกลา้ มเนื้อ (Muscular post anal tail)9. ไฟลัมคอรด์ าตา (PHYLUM CHORDATA)ทมี่ า: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สืบค้นเมอ่ื 24 กรกฎาคม 2559 ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชดุ ที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ 31 สตั ว์ในไฟลมั นีส้ ามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 กลมุ่ 1. พวกทไี่ ม่มีกระดกู สันหลงั เรยี กว่า Protochordata - Sub-Phylum Urochordata มีลักษณะคือ ตัวอ่อนมี Notochord เป็นแกนของร่างกายอยู่บรเิ วณหาง และมีช่องเหงือก เม่ือเจรญิ เตบิ โตเตม็ วัย สว่ นหางจะหลุดไป จงึ ไมม่ ี Notochord เหลืออยู่ ลกั ษณะทีส่ าคัญคือมปี ลอกหมุ้ อย่รู อบตวั เป็นสารจาพวกเซลลูโลส ได้แกเ่ พรยี งลอย เพรยี งหวั หอม เพรียงลา - Sub-Phylum Cephalochordata สัตว์จาพวกน้ีมี Notochord ยาวตลอดลาตัว และยาวเลยไปถึงหวั ด้วย และจะมีอยูต่ ลอดชีวติ ไดแ้ ก่ แอมฟิออกซสั (Amphioxus) 2. พวกที่มีกระดกู สันหลัง ได้แก่ Sub-Phylum Vetebrata มลี กั ษณะสาคญั ดงั น้ีเป็นสัตว์ชั้นสูงมีจานวนมาก มี Notochord ในระยะเอมบริโอ ตอ่ มามีกระดกู สันหลงั มาแทนท่ี (ยกเวน้ ปลาปากกลม) มีรยางค์ 2คู่(ยกเว้นปลาปากกลม) มีเม็ดเลือดแดง มีช่องเหงือกบริเวณคอหอย ในระยะตัวอ่อนแต่เมื่อเจริญเตบิ โตขึน้ ช่องเหงอื กจะปิด และมีปอดข้นึ มาแทน สามารถแบง่ ได้ 7 Class ดังน้ี 1. Class Cyclostomata หรอื Class Agnatha ไดแ้ ก่ ปลาปากกลม พวกนี้ไมม่ ีขากรรไกร ลาตัวยาวคลา้ ยปลาไหล ขอบบนของปากและปลาลิ้นมีฟันเลก็ ๆ แหลมคมมากมาย ลาตวั นมิ่ ไม่มีเกล็ด ไมม่ ีครีบคู่เหมอื นปลาท่ัวไป เป็นสัตว์มกี ระดกู สนั หลงั ที่มีโนโตคอรด์ ปรากฏอยูต่ ลอดแม้ในระยะตวั เต็มวยั มีชอ่ งเหงือก 7คู่ สาหรบั หายใจ 2. Class Chondricthyes ได้แก่ ปลากระดกู ออ่ นทัง้ หลาย มีชอ่ งเหงือกเห็นชดั เจนจากภายนอก มีครีบคหู่ รือครบี เดี่ยว มเี กลด็ ลักษณะคล้ายจานยน่ื ออกมา ไม่มกี ระเพาะลม มีปากอย่ดู า้ นทอ้ ง มีการปฏสิ นธิภายใน เปน็ สัตวเ์ ลือดเยน็ เช่น ปลากระเบน ปลาฉลาม ปลาโรนัน ปลากระต่าย ปลาฉนาก 3. Class Osteicthyes ได้แก่ปลากระดูกแข็งทง้ั หลาย มแี ผ่นแกม้ ปดิ ช่องเหงือกเอาไว้ มเี กลด็ บาง ๆเรียงเหลอ่ื มกนั คล้ายแผ่นกระเบ้อื งมงุ หลงั คา กระดกู ภายในเป็นกระดูกแข็ง มีกระเพาะลม ปากอย่ปู ลายสุดทางหวั สว่ นใหญ่ปฏิสนธิภายนอกร่างกาย เปน็ สัตว์เลือดเย็น มหี ัวใจ 2 ห้อง ได้แก่ ปลาช่อน ปลาดุก ปลาทูปลาตะเพยี น ม้านา้ ฯลฯ 4. Class Amphibian ไดแ้ ก่ สตั วค์ รึง่ บกครง่ึ น้า มี 4 ขา มี 5 น้ิว ปลายน้ิวไม่มีเลบ็ ตวั อ่อนอยใู่ นน้าหายใจดว้ ยเหงือก ตัวเต็มวยั อย่บู นบกหายใจด้วยปอด มีหัวใจ 3ห้อง ออกไข่ในนา้ ผิวหนงั ไมม่ ีเกลด็ ผวิ หนงัเปยี กชน้ื มตี ่อมเมือก ผสมพันธ์ภุ ายนอก มีการเปลีย่ นแปลงรูปร่างเพื่อการเจริญเติบโตเปน็ สตั ว์เลอื ดเยน็ ไดแ้ ก่คางคก เขยี ด อึ่งอา่ ง ปาด กบ งูดิน ซาลาแมนเดอร์ ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชุดที่ 7 เรื่อง อาณาจกั รสัตว์ 32 5. Class Reptilia ได้แกส่ ตั ว์เลอื้ ยคลาน สตั ว์ในคลาสนเ้ี ปน็ สตั วบ์ ก หรอื วางไข่บนบก มี 4 ขา ปลายนว้ิ มีเลบ็ ผิวหนงั มีเกล็ดแห้ง หายใจดว้ ยปอด มีอายุยนื มหี ัวใจ 4หอ้ ง เป็นสัตว์เลอื ดเย็น มีวิวฒั นาการคอื มีเปลอื กแขง็ หมุ้ ลาตัว ไข่มเี ปลือกแข็งและเหนียว มีถุงแอลเลนทอยส์ ทาหนา้ ที่แลกเปลยี่ นก๊าซขณะเจริญเติบโตในไข่ เชน่ เต่า จระเข้ ตุ๊กแก จ้งิ เหลน จ้ิงจก งู ก้ิงก่า ฯลฯ 6. Class Aves ได้แก่ สัตว์ปีก เป็นสัตว์เลือดอุ่น ลาตัวมีขน (Feather) ปกคลุม ขามี 2ข้าง ปลานิ้วมีเล็บ ขาหน้าเปลี่ยนแปลงเป็นปีก กระดูกบางเปน็ โพรง จงึ มีน้าหนักตัวเบา มีถุงลม () แทรกไปตามช่องว่างของลาตัว และตามโพรง ซ่ึงทาให้มีอากาศมากพอที่จะหมุนเวียนใช้หายใจเวลาบิน มีหัวใจ 4 ห้อง ไข่มีเปลือก แข็งหุ้ม มีปริมาณไข่แดงมาก ไม่มีกระเพาะปัสสาวะ ไม่มีต่อมเหง่ือ ไม่มีต่อมน้านม ปฏิสนธิภายใน ตัวเมียมีรังไข่ข้างเดียว เส้นประสาทสมองมี 12 คู่ เช่น นกประเภทต่าง ๆ ทั้งทบี่ นิ ไดแ้ ละบนิ ไมไ่ ด้ 7. Class Mammalia ได้แก่สัตว์เล้ียงลูกด้วยนม เราเรียกสัตว์พวกนี้ว่า แมมมอล (Mammal) เป็นสัตว์เลือดอุ่น มีขนเป็นเสน้ ๆ (Hair) คลุมตัว มี 4 ขา มีตอ่ มเหง่ือ และต่อมน้านม มีกระดูกคอ 7ขอ้ มีฟันฝังในขากรรไกร มกี ลอ่ งเสียง มกี ระบงั ลม หายใจด้วยปอด หวั ใจมี 4 ห้อง เมด็ เลือดแดงไม่มีนิวเคลียส ลูกอ่อนเจริญภายในมดลกู สมองส่วนหนา้ เจริญดี ได้แก่ - ตนุ่ ปากเปด็ และตวั กินมด ออกลกู เป็นไข่ - จิงโจ้ มถี งุ หน้าท้อง - สตั ว์เลี้ยงลกู ดว้ ยนมอื่น ๆ ที่ตวั อ่อนมีรก (Placenta) เช่น ลิงกงั ลงิ แสม ลิงชิมแปนซี ชะนี เสือ แมวสนุ ัข สกุ ร สิงโต หมาใน หมี พังพอน โค กระบอื ช้าง มา้ มนุษย์ หนู ค้างคาว นางอาย ปลาวาฬ โลมา แมวน้าสงิ โตทะเล ฯลฯทมี่ า: https://sites.google.com/site/gfopjrtigdioitwoirnlkfgoi สบื คน้ เมอื่ 24 กรกฎาคม 2559 ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6

ชุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจักรสตั ว์ 33บตั รกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรื่อง ไฟลัมสัตว์ คาช้ีแจง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบับนเี้ ปน็ กิจกรรมทจี่ ัดการเรยี นรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรูข้ น้ั สารวจและคน้ หา(Exploration Phase) และข้นั ขยายความรู้(Exploration Phase) และขัน้ประเมนิ ผล(Evaluate Phase) (30 คะแนน)1. พิจารณาภาพแล้วอธบิ ายเกยี่ วกบั ไฟลัมต่างๆ มาพอสังเขป1. ชื่อไฟลัม ……………………………………………………………………………. ท่ีมา https://th.wikipedia.org ลักษณะเดน่ สืบคน้ เม่อื 26 กรกฎาคม 2559 ……………………………………………………………………………..2. ……………………………………………………………………………… ตัวอยา่ ง ทม่ี า https://sites.google.com …………………………………………………………………………….. สืบค้นเมอื่ 26 กรกฎาคม 2559 ช่อื ไฟลัม ……………………………………………………………………………. ลกั ษณะเด่น …………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………… ตวั อยา่ ง …………………………………………………………………………….. ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6

ชดุ ที่ 7 เรื่อง อาณาจกั รสัตว์ 343. ช่ือไฟลัม …………………………………………………………………………….ทมี่ า http://mamaewopo.blogspot.com ลกั ษณะเด่น สืบค้นเม่อื 26 กรกฎาคม 2559 …………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………4. ตวั อย่าง …………………………………………………………………………….. ที่มา https://sites.google.com สืบคน้ เมื่อ 26 กรกฎาคม 2559 ชอ่ื ไฟลัม5. ……………………………………………………………………………. ลักษณะเด่นที่มา http://mamaewopo.blogspot.com …………………………………………………………………………….. สบื ค้นเมอ่ื 26 กรกฎาคม 2559 ……………………………………………………………………………… ตัวอย่าง …………………………………………………………………………….. ชื่อไฟลัม ……………………………………………………………………………. ลกั ษณะเดน่ …………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………… ตัวอย่าง …………………………………………………………………………….. ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชดุ ท่ี 7 เรื่อง อาณาจกั รสัตว์ 35 2. จงตอบคาถามเกยี่ วกับอาณาจกั รสัตว์1. สตั ว์ทมี่ ีเนื้อเยือ่ 2 ชน้ั (diploblastica animal) ได้แก่สัตว์ชนดิ ใดบ้าง…………………………………………………………………………………………………………………………………………………2. สัตวท์ ีม่ เี น้อื เย่อื 3 ช้นั (triloblastica animal) ได้แกส่ ัตว์ชนิดใดบ้าง………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….3. ยกตัวอย่างสัตวท์ ไี่ ม่มสี มมาตร มีสมมาตรตามรศั มี และมีสมมาตรดา้ นข้าง………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….4. ทางเดนิ อาหารของพลานาเรยี เหมอื นหรือแตกต่างกับทางเดนิ อาหารของปลาอย่างไร………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….5. ช่องตวั ของพยาธใิ บไมก้ ับพยาธิไสเ้ ดือนเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….6. หอยโขง่ กบั ดาวทะเลมีการเกิดชอ่ งปากเหมือนหรอื แตกต่างกนั อยา่ งไร………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….7. พยาธติ วั ตืดและไสเ้ ดือนดินมีปลอ้ งลาตัวเหมือนหรือแตกต่างกันอยา่ งไร………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….8. สัตว์ทีร่ ่างกายมีการลอกคราบเพื่อการเจริญเตบิ โต ไดแ้ ก่สตั วไ์ ฟลัมใดบา้ ง………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….9. ไฮดราและแมงกะพรุนมรี ูปรา่ งเหมอื นหรือแตกต่างกันอย่างไร………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….10. ยกตัวอย่างกลุ่มหนอนตัวแบนทีด่ ารงชีวิตแบบอิสระและดารงชวี ติ แบบปริสติ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6

ชุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจกั รสัตว์ 3611. พวกมอลลสั มรี ะบบหมนุ เลือดแบบใด………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….12. เพราะเหตใุ ดพยาธปิ ากขอ พยาธเิ ส้นดา้ ย พยาธิแสม้ ้า จงึ ไมถ่ ูกนา้ ย่อยของผถู้ ูกอาศยั ทาลายผวิ ลาตวั………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….13. บอกชอื่ คลาสในไฟลัมอาร์โทรโพดา พร้อมยกตัวอย่างสตั ว์ท่ีอยู่ในคลาสนั้นๆ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….14. ลักษณะใดจะพบเฉพาะสัตว์ในไฟลัมคอรด์ าตา………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….15. สัตว์ทม่ี ีกระดกู สันหลงั และมไี กรกรรมีทั้งหลังกี่คลาสอะไรบา้ ง และยกตัวอย่างสัตวใ์ นคลาสในมีท้ังหมด 6 คลาส ไดแ้ ก่………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….3. จงตอบคาถามเก่ยี วกบั อาณาจกั รสัตว์ใหน้ าตัวอักษรหน้าข้อความทางดา้ นขวามาเตมิ หน้าข้อท่ีมคี วามสัมพันธก์ นั3.1......................ดาวทะเล ก. Radula3.2......................ฟองนา้ ข. Book lung3.3......................แมงมมุ ค. Parapodia3.4......................แมเ่ พรยี ง ง. Water vascular system3.5......................หอยทาก จ. Choanocyte ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6

ชุดท่ี 7 เร่ือง อาณาจักรสตั ว์ 37 แบบทดสอบหลังเรียน ชุดการเรยี นรทู้ ่ี 7 เร่ือง อาณาจกั รสตั ว์ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ความหลากหลายทางชีวภาพ ชดุ ที่ 7 เร่ือง อาณาจกั รสัตว์จานวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน ใชเ้ วลา 10 นาทีคาชแ้ี จง: แบบทดสอบเปน็ แบบปรนัยเลือกตอบ ก ข ค และ ง จานวน 10 ขอ้1. อาณาจกั รสตั วแ์ บง่ เป็นกี่ไฟลัม ก. 7 ข. 8 ค. 9 ง. 102. ใครคือบดิ าแห่ง Taxonomy (อนุกรมวิธาน) ก. Alistotle ข. John Ray ค. Lineus ง. Copeland3. ไฟลมั Platyhelminthes มีระบบประสาทแบบใด ก. ไม่มีระบบประสาท ข. ร่างแห (nerve net) ค. แบบขั้นบันได (ladder type) ง. มปี มประสาทสมอง (cerebral ganglia)4. ลักษณะเด่นของ Phylum Chordata ทไ่ี มม่ ีไฟลัมไหนเหมอื น คือ ก. มโี นโตคอร์ด ข. เป็น Eucoelomate ค. เป็นผบู้ ริโภค ง. เปน็ Endoskeleton5. ไฟลัม Porifera มีลกั ษณะทไ่ี ม่มีใครเหมือนคอืก. มเี ซลล์ 3 ชนิด คอื ammoebocyte/coanocyte/porocyteข. มหี นวดที่มเี ข็มพิษอยดู่ ้านในค. มที างนา้ เข้า ostium ทางนา้ ออก osculum และมี spiculeง. มีทางนา้ เขา้ osculum ทางน้าออก ostium และมี spicule ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรยี นรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 6

ชุดที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสตั ว์ 386. สัตวพ์ วกแรกทม่ี ีระบบหมุนเวยี นของเลือดได้แก่ ก. พยาธิตัวกลม ข. แม่เพรยี ง ค. ปลิงทะเล ง. หอยแครง7. สตั ว์ชนดิ ใดทอี่ ยู่ใน Phylum Porifera ก. ฟองน้า ข. หนอนตัวกลม ค. ไฮดรา ง. ไส้เดือน8. กลุม่ สตั ว์พวกใดท่ีมกี ารจัดระเบยี บโครงสร้างรา่ งกายท่ีมีสมมาตร เป็นแบบเดยี วกนั ก. ดอกไมท้ ะเล แมงกระพรนุ ดาวเปราะ ข. เม่นทะเล แมเ่ พรยี ง ฟองนา้ ค. พลานาเรยี ไฮดรา โอบเี ลีย ง. เพรยี งหัวหอม ปลาหมึก อะมีบา9. Phylum Molluscaมรี ะบบหมนุ เวียนเลอื ดแบบเปิด ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. ปะการงั ข. หมึก ค. หนอนตวั แบน ง. ฟองนา้10. ไฟลมั ใดไม่มรี ะบบหมุนเวียนเลือด ก. Arthropoda ข. Mollusca ค. Nematoda ง. Anelida ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6

ชดุ ที่ 7 เรื่อง อาณาจักรสัตว์ 39 กระดาษคาตอบชดุ กิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี 7 เรือ่ ง อาณาจกั รสัตว์ กอ่ นเรียน  หลงั เรยี นช่อื .................................................................................... ช้ัน ................ เลขที่ ..............ขอ้ ที่ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.10. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6

ชุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจักรสัตว์ 40บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ (2551). หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพมหานคร:ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. โครงการดาราวิทยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์มูลนิธิ สอวน.(2552). ชีววทิ ยา สตั ววทิ ยา3. กรงุ เทพมหานคร:มลู นธิ ิ สอวน. จริ ัสย์ เจนพาณิชย(์ 2558).ชีววทิ ยาสาหรบั นักเรยี นมธั ยมปลาย.กรุงเทพมหานคร: หจก.สามลดา. เชาวน์ ชโิ นรกั ษ์ และพรรณี ชโิ นรักษ์(2552).ชีววิทยา1.กรงุ เทพมหานคร: โสภณการพมิ พ์. ซีร์สตาร(์ 2552).ชีววิทยา เล่ม 1.(แปลจาก Biology 1 Concepts and Applications โดย ทมี คณาจารย์ ภาควชิ าชวี วิทยามหาวิทยาลัยขอนแก่น, ผู้แปล). กรงุ เทพมหานคร : เจเอสที พับลชิ ช่งิ จากดั . นงลักษณ์ สวุ รรณพนิ ิจ และ ปรชี า สวุ รรณพนิ จิ (2552). จลุ ชีววทิ ยาท่วั ไป.กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ประสงค์ หลาสะอาด และจติ เกษม หลาสะอาด(มปป.).คู่มือสาระการเรยี นร้พู ้นื ฐานและเพมิ่ เติม กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชีววิทยา ม.6 เล่ม5.กรุงเทพมหานคร:พฒั นาศึกษา ปรชี า สุวรรณพินจิ และนงลักษณ์ สุวรรณพนิ จิ (2549).ชีววิทยา2. กรงุ เทพมหานคร : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . วนั ดี วฒั นชยั ยง่ิ เจรญิ (2552). การจดั จาแนกส่ิงมีชีวิต.ภาควิชาชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์ : มหาวิทยาลัยนเรศวร. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี(2554). หนงั สือเรยี นรายวิชาชีววิทยา เพ่ิมเตมิ เล่ม 5. กรุงเทพมหานคร : สกสค. สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย(ี 2555). คมู่ ือครูรายวชิ าชีววทิ ยาเพิ่มเตมิ เล่ม 5. กรุงเทพมหานคร : สกสค. ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6

ชุดท่ี 7 เร่ือง อาณาจักรสตั ว์ 41ภาคผนวก ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

ชุดท่ี 7 เรื่อง อาณาจักรสตั ว์ 42 แบบบันทึกคะแนนระหวา่ งเรียน เร่ือง อาณาจกั รสัตว์ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ความหลากหลายทางชวี ภาพ วิชา ชวี วิทยา ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง อาณาจักรสัตว์ช่ือ .................................................................................... ชั้น ................ เลขที่ .............. กิจกรรม คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด้บัตรกิจกรรมที่ 1 10บัตรกจิ กรรมท่ี 2 10บัตรกจิ กรรมที่ 3 30 ชุดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6

ชดุ ท่ี 7 เรื่อง อาณาจกั รสตั ว์ 43 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรียน เรื่อง อาณาจักรสตั ว์ เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. ค 2. ค 3. ค 4. ค 5. ก 6. ข 7. ก 8. ก 9. ค 10. ข เฉลย แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. ค 2. ค 3. ค 4. ก 5. ค 6. ข 7. ก 8. ก 9. ข 10. ค ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6

ชุดที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ 44 เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่ 1 เร่อื ง รู้จักสตั ว์ คาช้ีแจง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบับนี้เป็นกิจกรรมท่ีจัดการเรียนรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ข้ันตรวจสอบความรู้เดิม (Elicitation Phase) ข้ันเร้าความสนใจ(Engagement Phase)และขั้นอธิบาย(Explanation Phase) กิจกรรมที่ 1 นกั เรียนศึกษาภาพที่ได้รบั แล้วตอบคาถามต่อไปนี้ ทมี่ า: https://sites.google.com/site/cienciesdelavida/home สบื ค้นเม่ือ 20 กรกฎาคม 2559 ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชุดท่ี 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ 45 คาถาม1. จากภาพมจี านวนสัตวก์ ี่ชนดิ อะไรบ้าง 11 ชนดิ ไดแ้ ก่ เขียด นกเค้า เสอื แมงมมุ หอยทาก ตะพาบ ผง้ึ ปลา ลิง ฉลาม ผเี ส้อื2. สัตว์แตล่ ะชนดิ ทพ่ี บ สามารถแบง่ เปน็ ชนิดยอ่ ยๆได้อกี หรือไม่ ได้ สัตว์แตล่ ะชนิดจะแบ่งออกเป็นหลายพันธ์ุ เช่น ปลา กบ ผีเสอื้ เป็นตน้3. ให้นกั เรยี นสตั ว์ทีน่ กั เรยี นรจู้ ัก มา 15 ชนิด พจิ ารณาคาตอบตามดุลพนิ ิจของครู ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6

ชดุ ท่ี 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ 46 เฉลยบัตรกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง กาเนดิ อาณาจกั รสตั ว์ คาช้ีแจง กจิ กรรมการเรยี นรู้ฉบบั นเ้ี ป็นกจิ กรรมทจ่ี ัดการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration Phase) ,ขั้นขยายความรู้(Exploration Phase) และข้ันนาความรู้ไปใช้(Extend Phase) กิจกรรมท่ี 1. ให้นักเรยี นเขยี นเติมผงั มโนทัศนท์ ่ีกาหนดให้ ให้สมบูรณ์ (10 คะแนน)1. เปน็ สัตว์ที่มเี นือ้ เยื่อ 2. สมมาตรของร่างกาย ที่แท้จริงหรือไม่5.ลักษณะของ ลักษณะเกณฑใ์ นการจาแนก 3. การเปล่ยี นแปลงโพรงในลาตัว หมวดหมขู่ องสัตว์ ของ บลาสโทพอร์ (Blastopore) 4. การเจรญิ ในระยะ ตัวอ่อน ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชดุ ท่ี 7 เรื่อง อาณาจกั รสัตว์ 47เฉลยบัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง ไฟลัมสัตว์ คาชแี้ จง กจิ กรรมการเรียนร้ฉู บับนเ้ี ปน็ กิจกรรมที่จัดการเรียนร้ตู ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ขั้นสารวจและค้นหา(Exploration Phase) และข้ันขยายความรู้(Exploration Phase) และขั้นประเมนิ ผล(Evaluate Phase) (30 คะแนน)1. พจิ ารณาภาพแล้วอธิบายเกยี่ วกับไฟลัมตา่ งๆ มาพอสังเขป1. ชื่อไฟลัม ไนดาเรีย (Chidaria) ลักษณะเด่น มเี นอ้ื เยื่อท่ีแทจ้ รงิ มลี าตัวกลวง มีหนวด ทม่ี า https://th.wikipedia.org รอบปากไม่มรี ะบบหมุนเวียนเลือดและระบบหายใจมี สืบค้นเมื่อ 26 กรกฎาคม 2559 สมมาตรแบบรัศมี2. ตัวอยา่ ง ไฮดรา แมงกะพรุน ซีแอนีโมนี กัลปป์ งั หา ปากกาทะเล ชอ่ื ไฟลัม คอร์ดาตา (Chordata) ลกั ษณะเดน่ มีโนโทคอรด์ มีชอ่ งเหงือก มที ่อประสาท กลวงทดี่ า้ นหลัง มหี าง ตวั อย่าง เพรยี งหวั หอม แอมฟอิ อกซัส ปลากระดูกแข็ง สตั ว์ปกี ปลากระดูกอ่อน สัตวเ์ ลี้ยงลกู ดว้ ยนมทมี่ า https://sites.google.comสบื คน้ เม่อื 26 กรกฎาคม 2559 ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

ชุดที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสตั ว์ 483. ช่ือไฟลัม เอไคโนเดอรม์ าตา (Echinodermata) ลกั ษณะเดน่ มผี วิ หนงั บางหมุ้ โครงรา่ งแข็งภายในลาตัวท่ีมา http://mamaewopo.blogspot.com มหี นามยนื่ ออกมาซึง่ จะทาหน้าท่ีแตกต่างกนั ในแตล่ ะ สบื คน้ เมอ่ื 26 กรกฎาคม 2559 ชนิด มรี ะบบท่อลาเลียงนา้ ท่ีปรบั เปลีย่ นออกมาจากช่อง ตวั แยกไปตามแฉกและแตกแขนงออกเป็นทิวบ์ฟีทซงึ่4. เป็นโครงสรา้ งท่ีใชใ้ นการเคลื่อนที่ ตัวอยา่ ง ปลงิ ทะเล ดาวทะเล อแี ปะทะเล พลับพลึง ท่มี า https://sites.google.com ทะเล ดาวขนนก ดาวมงกุฎหนาม เป็นตน้ สบื คน้ เมื่อ 26 กรกฎาคม 25595. ช่ือไฟลัม แพลทีเฮลมนิ ทีส (Platyhelmeinthes) ลักษณะเดน่ ลาตัวแบน รูปร่างคล้ายใบไม้หรอื ริบบน้ิ มีทีม่ า http://mamaewopo.blogspot.com ทางเดินอาหารไมส่ มบรู ณ์ ไม่มีระบบหมนุ เวียนเลือด ไม่ สืบคน้ เมอ่ื 26 กรกฎาคม 2559 มชี ่องวา่ งในลาตวั ขับถ่ายโดยใชเ้ ฟลมเซลล์ มี 2 เพศใน ตวั เดียวกัน สว่ นใหญ่เป็นปรสติ บางชนิดดารงชีวิตแบบ อิสระ ตัวอย่าง พลานาเรีย พยาธติ ัวตืด พยาธิใบไม้ ชอื่ ไฟลัม มอลลสั คา (Mollusca) ลกั ษณะเด่น มลี าตวั ออ่ นนุ่ม ปกคลมุ ด้วยเยอื่ บางๆ เรยี กว่าแมนเทิล ซึง่ ทาหน้าท่ีสร้างเปลือกแขง็ ท่ีมี สารประกอบแคลเซียมคาร์บอ เนต (CaCo3) หมุ้ ลาตัวท่ี ทางเดินอาหารสมบูรณ์ มีไตสาหรบั ขบั ถ่าย มีระบบ หมนุ เวียนเลือดแบบเปดิ พวกอย่ใู นน้าหายใจดว้ ยเหงือก สว่ นพวกทอ่ี ยบู่ นบกหายใจดว้ ยปอด ตัวอยา่ ง หอยชนิดตา่ งๆ หมึก ลิน่ ทะเล ชุดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6

ชดุ ที่ 7 เร่ือง อาณาจักรสัตว์ 49 2. จงตอบคาถามเกีย่ วกับอาณาจกั รสตั ว์1. สตั ว์ทมี่ เี น้อื เยือ่ 2 ชนั้ (diploblastica animal) ไดแ้ ก่สัตวช์ นดิ ใดบ้าง ฟองน้า และสัตวก์ ลุ่มไนดาเรีย2. สัตวท์ มี่ ีเนอ้ื เย่ือ 3 ชั้น (triloblastica animal) ไดแ้ กส่ ัตวช์ นดิ ใดบา้ ง หนอนตวั แบน หนอนตัวกลม อารโ์ ทพอด หอย หมึก เอคไคโนเดิร์ม และสตั วม์ กี ระดูกสันหลงั (สตั ว์ทุกกลมุ่ ยกเว้นฟองนา้ และสตั ว์กลมุ่ ไนดาเรยี )3. ยกตัวอยา่ งสัตวท์ ่ไี ม่มสี มมาตร มสี มมาตรตามรศั มี และมสี มมาตรด้านขา้ ง - ไมส่ มมาตรเชน่ ฟองน้า - มีสมมาตรตามรัศมี เชน่ ไฮดรา แมงกะพรุน - มสี มมาตรด้านข้าง เช่น กงุ้ แมลง ปลา คน4. ทางเดินอาหารของพลานาเรียเหมอื นหรอื แตกต่างกบั ทางเดินอาหารของปลาอย่างไร แตกต่างกัน โดยทางเดินอาหารของพลานาเรยี มชี ่องเปิดทางเดียว สว่ นทางเดินอาหารของปลามชี ่องเปิด 2 ชอ่ ง5. ช่องตวั ของพยาธิใบไม้กบั พยาธิไสเ้ ดือนเหมือนหรอื แตกต่างกนั อย่างไร แตกตา่ งกนั โดยพยาธใิ บไม้ไม่มีช่องตัว ส่วนพยาธิไส้เดอื นมีช่องตวั เทยี ม6. หอยโขง่ กบั ดาวทะเลมีการเกดิ ชอ่ งปากเหมือนหรือแตกตา่ งกันอยา่ งไร แตกต่างกันโดยหอยโข่งมชี อ่ งปากเกิดกอ่ นทวารหนักในขณะท่ีเป็นตวั อ่อน เรียกวา่ โพสโทสโทเมยี(protostomia) สว่ นดาวทะเลมีช่องปากเกดิ หลงั ทวารหนัก เรยี กวา่ ดิวเทอโรสโทเมยี (deuterostomia)7. พยาธติ ัวตืดและไส้เดือนดินมปี ล้องลาตัวเหมือนหรอื แตกต่างกนั อย่างไร แตกตา่ งกัน โดยพยาธติ วั ตืดมีปลอ้ งเฉพาะภายนอกทีผ่ ิวลาตวั เท่าน้ันไม่ไดเ้ กิดตลอดตวั ส่วนไสเ้ ดือนดนิ จะมปี ลอ้ งที่แท้จริงเกิดขึ้นตลอดลาตวั ท้งั ภายนอกและภายใน8. สตั วท์ ี่ร่างกายมีการลอกคราบเพ่อื การเจรญิ เติบโต ไดแ้ ก่สตั ว์ไฟลัมใดบ้าง ไฟลัมนีมาโทดา และไฟลัมอารโ์ ทรโพดา9. ไฮดราและแมงกะพรนุ มีรปู ร่างเหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร แตกตา่ งกัน คือ ไฮดรามรี ูปรา่ งแบบโพลปิ (polyp) ส่วนแมงกะพรนุ มรี ูปรา่ งแบบเมดูซา (medusa)สว่ นท่ีเหมือนกนั คือ แมงกะพรุนจะมรี ะยะตวั อ่อนที่มรี ูปร่างแบบโพลปิ10. ยกตัวอยา่ งกลุ่มหนอนตัวแบนท่ีดารงชีวติ แบบอิสระและดารงชวี ติ แบบปริสิต พวกทด่ี ารงชวี ิตแบบอสิ ระ เช่น พลานาเรยี หนอนหัวขวาน และพวกดารงชีวติ แบบปรสติ เชน่ พยาธิตวั ตืด พยาธใิ บไม้ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook