๑๐๗ ๒. การเลือกสรร (Selecting) เป็นการตัดสินใจเลือกสัญณาณที่สารวจพบเหล่าน้ัน เพ่ือจะนาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กร ท้ังน้ีการเลือกสรรจาเป็นต้องมีความสอดคลอ้ งกับหลกั กลยทุ ธ์ขององคก์ ร ๓. การนาไปปฏิบัติ (Implementing) เป็นการแปลงสัญญาณท่ีมีศักยภาพ ไปสู่การสร้างสรรคส์ ิ่งใหม่ ๆ ข้นึ และนาสิ่งเหล่าน้นั ออกเผยแพร่สู่ตลาดทง้ั ภายในและภายนอกองค์กร แต่สญั ญาณที่ว่า ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชว่ั คร้ังชว่ั คราวเท่านน้ั หากแต่จะเกิดขึ้น ด้วยการดาเนินงานขั้นตอนท่ีสาคญั อกี ๔ ประการ ดังน้ี ๑) การรับ (Acquiring) คือ ข้ันตอนของการนาองค์ความรู้ต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นนวัตกรรมข้ึน เช่น การสร้างสรรค์ส่ิงใหม่จากกระบวนการทางวิจัยและพัฒนา(R&D) , การทาวิจัยทางการตลาด รวมไปถึง การได้รับองค์ความรู้จากแหล่งอื่น ๆ โดยการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี (Technology Transfer) หรือการค้นคว้าร่วมกันในเครือพันธมิตร (StrategicAlliance) เป็นต้น ๒) การปฏิบัติ(Executing) คือ ขั้นตอนของการนาโครงการดังกล่าวสู่การปฏิบัติงานภายใต้สภาพของความไม่แน่นอนต่าง ๆ ซึ่งต้องอาศัยทักษะการแก้ปัญหา (Problem-Solving) ตลอดเวลา ๓) การนาเสนอ (Launching) คือ การนานวัตกรรมที่ได้ออกสู่ตลาด โดยอาศัยการจัดการอย่างเป้ฯระบบเพ่ือให้นวัตกรรมนั้นสามารถเป็นท่ียอมรับจากตลาดได้โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในชว่ งแรกของการนาออกสตู่ ลาด ๔) การรักษาสภาพ (Sustaining) คือ การรักษาสถานะภาพการยอมรับจากตลาด ให้เกิดขึน้ อยา่ งต่อเน่ืองตอ่ ไปและคงอย่ใู ห้นานเท่าที่จะเป็นได้ ซง่ึ อาจจะตอ้ งนานวัตกรรมน้ัน ๆกลับมาปรับปรุงแก้ไขในแนวความคิดหรือทาการเริ่มใหม่ต้ังแต่ต้น (Rein novation) เพื่อให้ได้นวัตกรรมทีถ่ กึ พฒั นาให้มีความสอดคล้องกบั ความต้องการของตลาดมากยง่ิ ขึน้ ๔. การเรียนรู้ (Learning) เป็นส่ิงจาเป็นท่ีองค์กรควรท่ีจะศึกษาและเรียนรู้ในช้ันตอนต่าง ๆของกระบวนเผยแพร่นวัตกรรมเพ่ือก่อให้เกิดเป็นองค์ความรู้พื้นฐานท่ีแข้งแกร่ง และสามารถนาไปใช้พัฒนาวธิ ีการสาหรับจัดการกับกระบวนการทางนวัตกรรมเหล่านนั้ ใหม้ ีประสิทธิภาพทีด่ ียงิ่ ขนึ้ จากข้อมูล สรุปกระบวนการพัฒนานวัตกรรมการศึกษาด้านการเรียนการสอน สรุปได้เปน็ ๔ ระยะต่อไปนี้
๑๐๘ ขั้นตอนท่ี ๑ ก่อนการสร้างและพัฒนา ประกอบด้วย การระบุปัญหา (Problem)การศึกษาเอกสารแนวคิด การกาหนดจุดมุ่งหมาย ( Objective) การศึกษาข้อจากัดต่างๆ(Constraints) การออกแบบนวัตกรรม ข้นั ตอนท่ี ๒ การสร้างและพัฒนา ประกอบด้วย การสร้างประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรม(Innovation) การทดลองใช้ (Experimentation) การปรบั ปรุงและพัฒนานวัตกรรม ข้ันตอนท่ี ๓ หลังการสร้างและพัฒนา ประกอบด้วยการประเมินผล เม่ือม่ันใจนวัตกรรมท่สี รา้ งข้ึนมปี ระสิทธิภาพแลว้ กส็ ามารถนาไปเผยแพร่ใหเ้ ปน็ ทีร่ ู้จกั จากการศึกษากระบวนการพัฒนานวัตกรรมด้านการเรียนการสอน สามารถสรุปได้ดังแผนภาพตอ่ ไปนี้ ศกึ ษา/การระบปุ ัญหาข้นั ตอนท่ี ๑ การศึกษาเอกสารแนวคดิก่อนการสร้าง กาหนดจดุ มุ่งหมาย และพฒั นา การออกแบบนวัตกรรม การสร้างประดษิ ฐ์
๑๐๙กระบวนการ ขัน้ ตอนที่ ๒ การทดลองใช้ พัฒนา การสร้าง การปรับปรงุ นวัตกรรม และพฒั นา การพฒั นา การศึกษาด้านการเรยี น การสอน ขน้ั ตอนที่ ๓ ประเมนิ ผล หลงั การสร้าง การนาไปเผยแพร่ และพฒั นาแผนภาพ .......กระบวนการพัฒนานวัตกรรมการศึกษาดา้ นการเรียนการสอน ๒.๒.๕.๑ ข้นั ตอนที่ ๑ ก่อนการพัฒนา ๒.๒.๕.๒ ขนั้ ตอนท่ี ๒ การสรา้ งพฒั นา ๒.๒.๕.๓ ขัน้ ตอนที่ ๓ หลงั การพฒั นา ๒.๒.๖ ประโยชน์พัฒนาวัตกรรมการศกึ ษาดา้ นการเรียนการสอน ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ได้ให้ความสาคัญการประเมินมาตรฐานนวตั กรรมต่อการศกึ ษา ดงั นี้ ๑. เพื่อให้ทันสมัยต่อการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี และสภาพสังคมท่ีเปลยี่ นแปลงไป ๒. เพอื่ แกไ้ ขปญั หาทางดา้ นการศึกษาบางอยา่ งทีเ่ กดิ ขึ้นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๓. เพ่ือแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาในบางเร่ือง เช่น ปัญหาที่เกี่ยวเน่ืองกับจานวนผ้เู รยี น การพัฒนาหลกั สตู รใหท้ ันสมัยการผลติ และพฒั นาสอ่ื ใหม่ ๆ ข้นึ มา ๔. เพื่อตอบสนองการเรยี นรู้ของมนษุ ย์ใหเ้ พม่ิ มากขึ้นดว้ ยระยะเวลาท่สี ัน้ ลง
๑๑๐ ๕. การใช้นวัตกรรมมาประยุกต์ในระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษาเพื่อช่วยใหก้ ารใช้ทรพั ยากรการเรียนรู้เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ๑๔๒ กมล สุขศรี ได้ให้คุณค่าและประโยชน์ของนวัตกรรมการศึกษามีคุณค่าและประโยชน์ต่อการจดั การเรียนการสอนดังนี้ ๑. ช่วยพฒั นาศกั ยภาพ และความสามารถสงู สุดของบุคคล ๒. ชว่ ย ขยายขอบเขตความรู้ และโลกทัศน์ทางวชิ าการได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ๓. ชว่ ยลดปัญหาเรื่องความแตกตา่ งระหว่างบุคคล ๔. ช่วยเปดิ โอกาสทางการศึกษาใหก้ ับผู้เรียนอย่างทัว่ ถึง ๕. ช่วยใหค้ นสามารถปรับตวั ในสังคมทเ่ี ปลีย่ นแปลงอย่างรวดเรว็ ได้ ๖. ช่วยใหใ้ ชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุด ในการศกึ ษาหาความรู้ เพิม่ เตมิ ๑๔๓ สาลี รักสุทธี ประโยชน์ของนวตั กรรมการศึกษา เป็นเครื่องอานวยความสะดวกในการจัดการเรียนการสอนมปี ระโยชนด์ ังนี้ ๑. เปน็ เครอ่ื งอานวยความสะดวกดา้ นเนอ้ื หาการศึกษาเขา้ ใจงา่ ยขึน้ ๒. เป็นเครือ่ งชว่ ยร่นเวลาด้านการศกึ ษาใหส้ ัน้ ลง ๓. ชว่ ยให้เขา้ ใจงา่ ยขนึ้ ๔. ชว่ ยทาเรื่องที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรม ๕. ช่วยทาเร่อื งยากใหเ้ ป็นง่าย ๖. ช่วยกระตุ้น และเร้าความสนใจใหก้ ารศึกษามากข้ึน ๗. ช่วยให้การเรียนเน้ือหางา่ ยข้ึน ๘. นกั เรยี นประสบความสาเรจ็ จากการศึกษามากขึ้น ๙. ช่วยให้การศึกษาไม่น่าเบ่อื ๑๐. ชว่ ยใหก้ ารศึกษามที ัศนคตทิ ีด่ ตี ่อการเรียน ๑๑. เปน็ เครอ่ื งยืนยนั ถงึ การพฒั นาตนเองของครู ๑๒. เปน็ เกราะกาบังตนเองของครูไดอ้ ย่างดี๑๔๔ ๑๓. เป็นตัวชว้ี ดั ถงึ คุณภาพของครูไดเ้ ป็นอย่างดี ๑๔๒ ชัยยงค์ พรหมวงษ์, เรอ่ื งเดยี วกนั ,หนา้ ๑๔๔ ๑๔๓ กมล สุขศรี, นวัตกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศทางการศึกษา, [ออนไลน์], แหล่งท่ีมา :http://engpatcharawansuwan.blogspot.com/, [ ๑๗ ก.พ.๖๑] ๑๔๔ สาลี รักสุทธี, คู่มือ การจัดทาสอ่ื นวตั กรรม และแผนฯ ประกอบสอื่ นวตั กรรม, (กรุงเทพมหานคร :สานกั พมิ พพ์ ฒั นาศกึ ษา, ๒๕๕๓), หนา้ ๑๘๐
๑๑๑ สถาบันพัฒนาความกา้ วหนา้ ได้กลา่ วว่า ประโยชน์และความสาคัญของนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนไวว้ า่ นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนช่วยให้นักเรยี นเรียนรู้ได้เร็วขึ้นและเข้าใจในบทเรียนเป็นรูปธรรม ทาให้บรรยากาศการเรียนสนุกสนาน ทาให้บทเรียนนา่ สนใจ ลดเวลาในการสอน และประหยัดค่าใช้จ่าย๑๔๕ นิจวดี แจ่มจันทร์ ได้ให้ความสาคัญของนวัตกรรมทางการศึกษา คือ สามารถนามาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนใ์ นวงการศกึ ษา ดังนี้ ๑. เพ่อื นานวตั กรรมมาใช้แกป้ ัญหาในเรอ่ื งการจดั การเรยี นการสอน เชน่ ๑. ปัญหาเรื่องวิธีการสอน ปัญหาท่ีมักพบอยู่อยู่เสมอ คือ ครูส่วนใหญ่ยังคงยดึ รูปแบบการสอนแบบบรรยาย โดยมีครูเปน็ ศูนยก์ ลางมากกว่าการสอนใน รปู แบบอืน่ การสอนด้วยวิธีการแบบนี้เป็นการสอนที่ขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผลตอนปลาย เพราะนอกจากจะทาให้นักเรยี นเกดิ ความเบื่อหนา่ ย ขาดความสนใจแล้วยงั เป็นการปิดกั้นความคิด และสติปัญญาของผูเ้ รยี นใหอ้ ยู่ในขอบเขตจากัดอกี ด้วย ๒. ปัญหาด้านเน้ือหาวิชา บางวิชาเน้ือหามาก และบางวิชามีเนื้อหาเป็นนามธรรมยากแกก่ ารเข้าใจ จงึ จาเปน็ จะต้องนาเทคนิคการสอนและส่ือมาชว่ ย ๓. ปัญหาเร่ืองอุปกรณ์การสอน บางเน้ือหามีส่ือการอสนเป็นจานวนน้อยไม่เพียงพอตอ่ การนาไปใช้ เพื่อทาให้นกั เรียนเกิดความรูค้ วามเขา้ ใจในเนือ้ หาวิชาได้ง่ายขึน้ จงึ จาเป็นตอ้ งมีการพัฒนาคิดค้นหาเทคนิควิธีการสอน และผลติส่ือการสอนใหม่ๆเพ่ือนามาใช้ทาให้การเรียนการสอนบรรลุเปา้ หมายได้ ๒. เพื่อนานวัตกรรมไปใช้ในการการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ให้มีประสิทธภิ าพย่ิงข้นึ และเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา โดยการนาสิง่ ประดษิ ฐ์หรอื แนวความคิดใหม่ๆ ในการเรียนการสอนน้ันเผยแพร่ไปส่คู รู/อาจารย์ท่านอื่นๆ หรือเพื่อเป็นอย่างอีกรูปแบบหน่ึงให้กับครู/อาจารยท์ ส่ี อนในวิชาเดียวกันได้นาแนวความคดิ ไปปรับปรงุ ใช้หรอื ผลิตสือ่ สารสอนใหม่ๆ เพอื่ นามาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรยี นการสอนตอ่ ไป๑๔๖ กิดานันท์ มลิทอง ไดก้ ลา่ วว่า การประเมนิ นวัตกรรมการศึกษา หมายถึง นวัตกรรมที่ชว่ ยใหก้ ารศึกษาและการเรยี นการสอนมีประสิทธิภาพดยี ่งิ ข้นึ ผู้เรียนสามารถเกิดการเรยี นรไู้ ด้อย่างรวดเร็วมปี ระสิทธิผลสงู กว่าเดิม เกิดแรงจงู ใจในการเรียนด้วยนวัตกรรมเหล่านั้น ทั้งยังประหยัดเวลา ๑๔๕ พัฒนาความก้าวหนา้ , สถาบัน, เอกสารประกอบการอบรมหลกั สตู ร” การพฒั นานวัตกรรม (ดา้ นที่๓) ให้เปน็ ผลงานวิชาการครทู ีม่ ีคุณภาพ, (กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.พ.,ม,ป,ป, ๒๕๕๒), หน้า ๓๖ ๑๔๖ นิจวดี แจ่มจันทร์, นวัตกรรมการเรียนการสอน, [ออนไลน์], แหล่งท่ีมา : https://learners.in.th/.[ ๒๔ ก.พ. ๒๕๖๑]
๑๑๒ในการเรียนไดอ้ ีกดว้ ย ในปจั จบุ นั มีการใช้นวตั กรรมการศกึ ษามากมายหลายอยา่ ง ซ่ึงมที ้ังนวัตกรรมท่ีใช้กนั แพร่หลายแล้วและประเภทท่ีกาลังเผยแพร่ อาทิเช่น ส่ือหลายมิติ ความจริงเสมือน อินเทอรเ์ น็ตและการสอนบนเวบ็ เหลา่ นเี้ ปน็ ตน้ ๑๔๗๒.๒ ข้อมูลโรงเรยี นพระปริยัติธรรม แผนกสามญั ศึกษา ๒.๒.๑ ความเป็นมาของโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรมแผนกสามญั ศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา มีการจัดต้ังขึ้นเน่ืองมาจากการจัดต้ังโรงเรียนบาลมี ธั ยมศึกษาและบาลีวสิ ามญั ศกึ ษาของมหาวิทยาลัยสงฆท์ งั้ ๒ แห่ง คือ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั และ มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งเปดิ ทาการมาต้ังแต่ พ.ศ. ๒๔๓๒และ พ.ศ. ๒๔๘๙ ตามลาดับ ต่อมามหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัยได้จัดแผนกมัธยมศึกษาขึ้น เรียกว่า“โรงเรียนบาลีมัธยมศึกษา” เม่ือโรงเรียนบาลีมัธยมศึกษาได้แพร่หลายออกไป ทางคณะสงฆ์โดยองค์กรศึกษา จึงได้กาหนดให้เรียกโรงเรียนประเภทนี้ว่า “ โรงเรียนบาลีวิสามัญศึกษาสาหรับนักเรียน” โดยสังฆมนตรี จากน้ันกระทรวงศึกษาธิการได้ออกเป็นระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธิการต้ังแต่ปี พ. ศ. ๒๕๐๐ ต่อมาปี พ. ศ. ๒๕๐๗ ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีข้ึนใหม่เรียกว่า “ บาลีศึกษาสามัญและปริยัตศิ ึกษา” พร้อมทั้งยกเลิกระเบียบสังฆมนตรีว่าด้วยการศึกษาของโรงเรียนบาลีวิสามัญศึกษาสาหรับนักเรียน ต่อมาพิจารณาเห็นว่า การศึกษาทางโลกเจริญ ก้าวหน้ามากขึ้นตามสภาพการเปล่ียนแปลงของโลก จึงเห็นควรให้มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาขึ้น เพอ่ื ให้ผู้ศึกษาได้บาเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชน์ทัง้ ทางโลกและทางธรรมควบคู่กันไป จึงได้มีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เมื่อวันท่ี๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๔ รองรับ และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม แผนกสามัญศึกษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๕ ซ่งึ ใช้อยู่ในปัจจบุ ันนี้ ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาพ.ศ.๒๕๓๕ กาหนดว่า โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา หมายถึง โรงเรียนท่ีจดั ตง้ั ขน้ึ ในวัด หรือท่ีธรณีสงฆ์หรือท่ีดินของมูลนิธิทางพระพุทธศาสนา เพื่อให้การศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ สาหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จะจัดต้ังขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการ และด้วยความเห็นชอบของประธานสภาการศกึ ษาสงฆ์ โรงเรียนต้องจดั การเรียนการสอนตามหลกั สตู รของกระทรวง ศึกษาธกิ ารโดยสานักงาน ๑๔๗ กดิ านันท์ มลิทอง,เทคโนโลยีและการส่อื สารเพื่อการการศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : อรุณการพมิ พ์,๒๕๕๖), หนา้ ๑๗
๑๑๓พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ( เดิมกรมการศาสนา) จะให้การสนับสนุนเป็นเงินอุดหนุนตามกาลังงบประมาณ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ตามกาหนด ดังน้ัน โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เป็นโรงเรียนที่จัดต้ังข้ึนเพ่ือให้การศึกษาอบรมแก่เยาวชนชายที่เข้าไปบวชในพระพุทธศาสนา โดยใช้หลักธรรมคาสอนแห่งพระพุทธศาสนาเป็นหลกั สูตรการอบรมเพ่ือให้ผไู้ ดร้ ับการอบรมมีศลี ธรรม คุณธรรม และจรยิ ธรรม สมกบั ที่ประเทศไทยเป็นเมืองแหง่ พระพทุ ธศาสนา ในขณะปัจจุบันการศกึ ษาสงฆ์มีอยู่ ๓ แผนก ได้แก่ แผนกธรรม แผนกบาลี และแผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลีนั้นเป็นการจัดการศึกษาเฉพาะด้านหลักธรรมคาสอนในพระพุทธศาสนาล้วน ๆ ไม่มีวิชาสามัญศึกษาเข้าไปปะปน ส่วนแผนกสามัญศึกษานั้นเป็นการจัดการศึกษาท่ีผสมผสานกันท้ังหลักสูตรแผนกธรรม แผนกบาลี และหลักสูตรสามัญศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการเข้าด้วยกัน แต่หลักสูตรแผนกธรรม - บาลีไม่เข้มข้นมากนัก แต่ก็ยังมีเน้ือหามากกว่าวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียน ดังน้ันโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาจึงเป็นหลกั สูตรท่เี หมาะสมกับเยาวชนยุคปัจจบุ ัน เพราะสามารถบูรณาการนาเอาการศกึ ษาสงฆ์ทัง้ ๓ แผนกมาหลอมเป็นหนึ่งเดียว ซึง่ เป็นการศึกษาแผนกเดยี วทีท่ ุกคนย่อมรับว่า เปน็ การศึกษาข้นั พื้นฐานของคณะสงฆ์ตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒๑๔๘ การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาของคณะสงฆ์ไทยนั้นเกิดขึ้นหลังจากโรงเรียนวิสามัญศึกษาสานักเรียนวัดถูกยบุ เลิกตามมติเถรสมาคมแล้วนักเรียนที่เรยี นอยู่ก็ดิน้ รนหาท่ีเรียนใหม่ขณะนัน้ มีโรงเรียนราษฎร์ของวดั ซ่ึงต้งั ขึน้ โดยระเบียบกระทรวงศึกษาธิการนกั เรียนสว่ นมากกเ็ ข้าเรียนทีโ่ รงเรยี นราษฎรข์ องวัดบ้างสมัครสอบเทียบบา้ งเข้าเป็นนักเรียนผใู้ หญ่บา้ งในขณะเดียวกันนั้นได้มีผู้แทนราษฎรคือนายอยธุ ฝ่ายคุณวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคามกับคณะยื่นเร่ืองราวขอให้พระภิกษุสามเณรและกระทรวงศึกษาธิการได้ส่งเรื่องมายังกรมการศาสนาซึ่งกองศาสนศึกษาเป็นเจ้าหน้าท่ีในเร่ืองน้ีโดยตรงได้มกี ารประชุมพิจารณากันในระดับเจ้าหน้าท่แี ละผเู้ กี่ยวของกรมการศาสนาและต่างกรมลงความเห็นว่าควรจะต้ังโรงเรียนสนองความต้องการของพระภิกษุสามเณรให้ได้เรียนท้ังวิชาธรรมและวิชาสามัญควบคู่กันไปโดยไม่มีการสมทบสอบ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้สอบเองจากการประชุมระดับเจ้าหน้าที่นี้ได้เสนอกระทรวงเห็นชอบได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นโดยมีนายจรูญวงศ์สายันห์อธิบดีกรมวิชาการในขณะน้ันเป็นประธานและ ๑๔๘โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา. จาก:https://th.wikipedia.org. ออนไลน์ สืบค้นเม่ือวันท่ี ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๙.
๑๑๔คณะกรรมการต่างๆผู้แทนมหามกุฎราชวิทยาลัยผู้แทนมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและผู้แทนกรมการศาสนายกร่างระเบียบหลักสูตรวิธีการวัดผลในระดับข้ัน ป.๗, ม.ศ.๓, ม.ศ.๕และให้ช่ือโรงเรียนนีว้ า่ “โรงเรียนพระปริยตั ธิ รรมแผนกสามัญศึกษา”๑๔๙ ต้งั แต่บดั นัน้ เป็นต้นมา โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาน้ีย่อมเป็นฐานรองรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาตอ่ ไปเป็นรายการศึกษาท่ีจะข้ึนสรู่ ะดับมหาวิทยาลัยและประกาศนียบัตรมีศักดิ์และสิทธ์ิเช่นเดียวกับโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทุกประการจึงมีผู้นิยมต้ังและเรียนมากข้ึนตามลาดับ๑๕๐ ฉะน้ันกระทรวงศึกษาธกิ ารอาศัยอานาจตามประกาศคณะปฏวิ ัติฉบบั ท่ี๒๑๖ลงวนั ที่๒๙กันยายนพ.ศ. ๒๕๑๕ ได้ออกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๑๔ ข้ึนเพ่ือให้เป็นการศึกษาแบบประยุกต์ เมื่อวันท่ี ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๔๑๕๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ฝ่ายการศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรมกองศาสนศึกษากรมการศาสนาไดส้ ารวจจานวนโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาทั่วประเทศทั้งหมด ๔๐๔ โรงซ่งึ สามารถแบ่งตามขนาดของโรงเรยี นได้ดงั น้ี๑๕๒ ๑.โรงเรยี นขนาดเลก็ (ต่ากวา่ ๒๐๐ รปู ) จานวน ๒๘๒ โรงเรียน ๒. โรงเรียนขนาดกลาง (๒๐๑-๔๙๙ รปู ) จานวน ๑๐๕ โรงเรยี น ๓. โรงเรยี นขนาดใหญ่ (๕๐๐ รปู ขนึ้ ไป) จานวน ๑๗ โรงเรยี น สรุปได้ว่า โรงเรยี นพระปริยัติธรรมแผนกสามญั ศึกษา เกิดข้ึนเพื่อให้การศกึ ษาอบรมแก่เยาวชนชายที่เข้าไปบวชในพระพุทธศาสนา โดยใช้หลักธรรมคาสอนแห่งพระพุทธศาสนาเป็นหลักสูตรการอบรมเพื่อให้ผู้ได้รับการอบรมมีศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม สมกับท่ีประเทศไทยเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา เพ่ืออนุเคราะห์ สงเคราะห์ แก่กุลบุตรที่สนใจในการศึกษา แต่ฐานะยากจนปัจจุบันมีการศึกษาสงฆ์มีอยู่ ๓ แผนก ได้แก่ แผนกธรรม แผนกบาลี และแผนกสามัญศึกษาเป็นเป็นการเพิ่มเติมความรู้แก่กุลบุตร ท่ีสนใจศึกษาหาความรู้เพ่ือนาไปใช้ในชีวิต และพัฒนาประเทศชาติสืบไป ๑๔๙กองศาสนศึกษา, ประวัติการศึกษาของสงฆ์, (กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์การศาสนา, ๒๕๒๗), หน้า๑๔๑-๑๕๒. ๑๕๐มานพ ผลไพรินทร์, หลักการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม,พิมพ์ครั้งท่ี ๒, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพก์ ารศาสนา, ๒๕๓๕), หน้า ๒๖. ๑๕๑กองศาสนศึกษา,ประวัติการศึกษาของสงฆ์,(กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์การศาสนา,๒๕๒๗), หน้า๑๕๒. ๑๕๒ฝ่ายการศกึ ษาพระปริยัตธิ รรม,ทะเบยี นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา๒๕๕๙ครั้งท่ี๑,สบื คน้ เมือ่ 19 กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐.http://www.psg4.net/news-detail_1024_6827
๑๑๕ จากการศึกษาเอกสารจากนกั วิชาการตา่ งๆ ผวู้ ิจัยไดน้ ามาวิเคราะห์ได้ดังตาราง ดงั นี้ตารางที่ ๒.๗ การวิเคราะห์ความเปน็ มาของขอ้ มลู โรงเรียนพระปริยตั ิธรรม แผนกสามญั ศกึ ษาความเป็นมา ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ รวม ๖๑. เพื่อให้ผู้ศึกษาได้บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ ๖ ท้งั ทางโลกและทางธรรมควบคกู่ ันไป๒. เพ่ือใหก้ ารศกึ ษาแกพ่ ระภิกษุสามเณร ๖ ๓. ได้รบั การอบรมมศี ลี ธรรม คุณธรรม และ ๖ จรยิ ธรรมหมายเหตุอกั ษรย่อ :๑ = โรงเรียนพระปริยตั ธิ รรมแผนกสามัญศกึ ษา ๒ = กองศาสนศกึ ษา๓ = มานพ ผลไพรินทร์ ๔ = กองศาสนศกึ ษา๕ = ฝา่ ยการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม ๖ = ผูว้ ิจัยจากตารางที่ ๒.๗ ผู้วิจัยสามารถสรุปการวิเคราะห์ความเป็นมาของข้อมูลโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรมแผนกสามัญศึกษา ด้วยวา่ กุลบุตรท่มี ีการเรียนดีแตฐ่ านะทางบ้างนัน้ ยากจน เพราะไม่มที ุนในการศึกษาเล่าเรยี น ทางคณะสงฆ์จงึ มีการประชุมด้วยว่า ให้จัดให้มีการจดั การเรียนการสอนให้กับกุลบุตรที่มีความเพียรในการศึกษาเล่าเรียน จึงมีมติจากหลายด้านให้มีการเปิดการเรียนการสอนขึ้นถือวา่ เป็นโรงเรียนของสงฆ์เลยก็วา่ ได้ ซง่ึ ได้ช่ือว่า โรงเรียนพระปริยัตธิ รรมแผนกสามัญศึกษา ซ่ึงเปิดใหม้ ีการเรียนการสอน ท้ังทางโลกและทางธรรม ควบค่กู ันไป ซึ่งได้รับการยอมรับจากหลายองค์กรว่าผู้ที่จบจากโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาแล้ว ได้นาความรู้ไปพัฒนาหน่วยงาน องค์กรพัฒนาชมุ ชน พฒั นาประเทศไดเ้ ป็นอย่างดี เพราะผู้ที่ได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนนน้ั จะได้รบั การอบรมให้มศี ีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรที่เข้ามาบวชเรียน เพ่ือให้ผู้ศึกษาได้บาเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชนท์ ้ังทางโลกและทางธรรมควบคกู่ นั ไป โดยมรี ายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี๑. เพื่อให้ผู้ศึกษาได้บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรมควบคู่กันไปหมายถงึ การท่ีเข้ามาศึกษาหาความรู้กับโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรมที่จัดตั้งขนึ้ เพ่ือใหก้ ารศึกษาอบรมแก่เยาวชนชายที่เข้าไปบวชในพระพุทธศาสนาด้วยการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ โดยใช้หลักธรรมคาสอนแห่งพระพุทธศาสนาเป็นหลักสูตรการอบรม และเป็นการฝึกให้เยาวชนชายได้ฝึกการเป็นผู้มีความเสยี สละ มีการฝกึ การแสดงออกซ่ึงน้าใจ สมกับที่ประเทศไทยเปน็ เมอื งแห่งพระพุทธศาสนา๒. เพื่อให้การศึกษาแก่พระภกิ ษสุ ามเณร หมายถงึ ผู้ท่เี ข้ามาศึกษาน้นั ตอ้ งเป็นเยาวชนชาติ ซ่ึงไม่จากัดอายุ เป็นการศึกษาหาความรู้สาหรับผู้ที่สนใจในหลักธรรมและการศึกษาทางโลก
๑๑๖ควบคูก่ ันไป เปน็ การฝกึ ฝนอบรมอยา่ งทอ่ งแท้ ได้แกน่ สารจากหลักธรรมต่างๆ เพ่ือนาไปใช้เพื่อพัฒนาจิตใจให้แก่ตนเอง สงั คม และประเทศชาติ ๓. ได้รับการอบรมมีศีลธรรม คณุ ธรรม และจรยิ ธรรม หมายถึง การได้รับการอบรมให้เปน็ ผูม้ ีศลี ธรรม คณุ ธรรมและจริยธรรม ควบคู่กันไปกับการศึกษาทางโลก เพราะถอื วา่ เป็นการศึกษาทไ่ี ด้ประสิทธิภาพทัง้ สองอยา่ ง คอื ทางโลกและทางธรรม โดยทางโลกน้ันได้ศึกษาหลักสูตรต่างๆ ดงั ท่ีกระทรวงศึกษาธิการไดก้ าหนดให้ทุกประการ และมกี ารสอดแทรกศลี ธรรม คุณธรรม และจริยธรรมเพิ่มเติมเข้าไปอีก เพ่ือให้ผทู้ ี่ได้เข้ามารับการอบรมเพมิ่ เติมความรู้ที่ได้ ไปพัฒนาตนเอง พฒั นาสังคมและประเทศชาติสืบไป อยา่ งมีประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ล ๒.๒.๒ ความหมายของโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรมแผนกสามญั ศกึ ษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา อยู่ในความผิดชอบของ กองพุทธศาสนศกึ ษาสานักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ ดาเนนิ การจัดการศกึ ษาทางวชิ าการพระพทุ ธศาสนา แผนกนกั ธรรม-ภาษาบาลี และหลักสูตรการศึกษาของกระทรวง ศึกษาธิการ ในระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น(ม.๑-ม.๓. และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔-ม.๖. ให้แก่พระภกิ ษุสามเณรการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาเป็นการจัดการศึกษาเพื่อให้พระภิกษุสามเณรได้เรียนรู้ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ๑๕๓ ซ่ึงปัจจุบนั สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปน็ ผดู้ แู ลรับผดิ ชอบการศกึ ษาของสงฆป์ ระเภทนี้ภายใต้การควบคุมของสภาการศกึ ษาคณะสงฆ์ซง่ึ มสี มเด็จพระสงั ฆราชเป็นประธานและยังมคี ณะกรรมการการศึกษาโรงเรยี นพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่มโรงเรยี นพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ๑. สภาการศกึ ษาสงฆ์ สภาการศึกษาของคณะสงฆเ์ ป็นองคก์ รท่ีจดั ต้ังขนึ้ ตามคาส่งั ของมหาเถรสมาคม เม่ือพ.ศ. ๒๕๑๒ ประกอบด้วยสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นประธานแม่กองบาลีและแม่กองธรรมสนามหลวงเป็นรองประธาน๒รูปนายกสภามหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัยอธกิ ารบดีสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัยเลขาธิการมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัยเลขาธิการสภาการศึกษาของคณะสงฆ์และผ้ทู รงคุณวฒุ ิไม่เกิน๙ท่านท่ีสมเด็จพระสงั ฆราชทรงแต่งตง้ั ตามคากราบทูลของสภาการศกึ ษาของคณะสงฆ์หน้าที่สาคัญของสภาการศึกษาของคณะสงฆ์คือควบคุมและส่งเสริมการจัดการศึกษาของคณะสงฆโ์ ดยมีอานาจพจิ ารณาให้ความเห็นชอบนโยบายงานโครงการต่างๆนอกจากน้ียังมีหน้าทพ่ี ิจารณาให้ความเห็นชอบหลักสูตรและแบบเรียนตามโครงการศึกษาทุกระดับพิจารณาปัญหาเกี่ยวกับ ๑๕๓เจริญผล สุวรรณโชติ,การบริหารการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั , เอกสารการสอนชดุ วิชา ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา,นนทบุรี : สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมาธิราช, ๒๕๓๖, หน้า ๑๓๘.
๑๑๗การศกึ ษาตลอดจนพจิ ารณาเรอื่ งอื่นๆท่ีเกี่ยวกับการศกึ ษาตามทม่ี หาเถรสมาคมมอบหมายทั้งนอี้ านาจแตง่ ตั้งกรรมการทาหนา้ ทีอ่ ย่างใดอย่างหน่งึ เกี่ยวกับการศึกษา อีกดว้ ย๑๕๔ ๒. สานักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมปีพทุ ธศักราช๒๕๔๕ซงึ่ มีฐานะเป็นกรมข้ึนตรงต่อนายกรัฐมนตรีโดยให้มีอานาจหน้าทดี่ ังต่อไปน้ี๑๕๕ ๑. ดาเนินการตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์กฎหมายว่าด้วยการกาหนดวิทยฐานะผ้สู าเร็จการศึกษาวชิ าการพระพุทธศาสนารวมทั้งกฎหมายและระเบยี บที่เก่ียวข้อง ๒. รบั สนองงานประสานงานและถวายการสนบั สนนุ กจิ การของคณะสงฆก์ ารบริหารการปกครอง ๓. เสนอแนวทางกาหนดนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองพระพทุ ธ ศาสนา ๔. ส่งเสรมิ ดแู ลรักษาและทานบุ ารงุ ศาสนสถานและศาสนวตั ถทุ างพระพุทธศาสนา ๕. ดแู ลรักษาและจดั การศาสนสมบัตกิ ลางทางพระพทุ ธศาสนา ๖. พัฒนาพทุ ธมณฑลให้เปน็ ศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา ๗.ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยท่ีเก่ียวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๘. ทานุบารุงสง่ เสรมิ การพทุ ธศาสนศึกษาเพ่ือพัฒนาความรู้คคู่ ณุ ธรรม ๙. ปฏิบัติการอื่นใดตามท่ีกฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าท่ีของสานักงานหรือตามที่กระทรวงหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมายสาหรับหน่วยงานราชการสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติน้ันประกอบด้วยกองกลางกองพุทธศาสนศึกษากองพุทธศาสนสถานสานักงานพุทธมณฑลสานักงานศาสนสมบัติสานักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ๓. กองพุทธศาสนศกึ ษา เป็นหน่วยงานท่ีสังกัดสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่ทาหน้าดูแลการบริการงานโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรมแผนกสามัญศึกษาโดยตรงซ่ึงมหี น้าทดี่ งั นี้๑๕๖ ๑๕๔กิตติ ธีรศานต์,เทคนิคการบริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ ม.ต้น -ม.ปลาย,กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพก์ ารศาสนา, ๒๕๓๙, หนา้ ๑๕. ๑๕๕สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ปฏิทินการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ, (ม.ป.ท.,๒๕๔๖), หน้า ๑๕. ๑๕๖อา้ งแล้ว,สานักงานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ, ๒๕๔๖, หน้า ๑๑-๑๒.
๑๑๘ ๑. ประสานและดาเนินการเก่ยี วกับการควบคุมดูแลจัดการศึกษาวิชาการพระพุทธศาสนาการจดั การศึกษาโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรมแผนกสามัญศึกษาและรบั ผดิ ชอบงานการศึกษาของคณะสงฆ์การศึกษาสงั เคราะห์และการศึกษาอ่นื ๆทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั การศาสนา ๒. ดาเนินการเก่ียวกับการจัดทาส่ือการเรียนการสอนด้านศาสนาวิเคราะห์ทางวิชาการตา่ งๆเกี่ยวกบั พระพทุ ธศาสนาเป็นแหลง่ ความรทู้ เ่ี ป็นระบบและอา้ งองิ ได้ ๓. สนับสนุนการพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาทุกระดับรวมทั้งการนิเทศติดตามและประเมนิ ผลการศกึ ษาทกุ ประเภท ๔.ปฏิบตั ิงานรว่ มกบั หรือสนับสนุนการปฏิบัตงิ านของหนว่ ยงานอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องหรือท่ีได้รบั มอบหมาย ๔. คณะกรรมการการศกึ ษาโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรมแผนกสามญั ศึกษา คณะกรรมการการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาประกอบด้วยอธิบดีกรมการศาสนาเป็นประธานผู้แทนกรมสามัญศึกษาผู้แทนกรมวิชาการผู้แทนสานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติผู้แทนสานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนผู้แทนกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาจานวนไม่เกิน ๔ ท่านเป็นกรรมการและผู้อานวยการกองศาสนศึกษากรมการศาสนาเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการการศึกษาโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรมแผนกสามญั ศกึ ษามอี านาจหนา้ ทีด่ งั น้ี ๑. กาหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุน ๒. กาหนดนโยบายและแผนเพ่ือพฒั นาโรงเรยี น ๓. พิจารณาวินิจฉัยคาร้องทุกข์ของผู้รับใบอนุญาตผู้จัดการครูใหญ่อาจารย์ใหญ่ผอู้ านวยการครูและเจา้ หนา้ ที่ ๔. ควบคุมดแู ลการจัดการศึกษาให้มีการศึกษาพระปริยัติธรรมเป็นหลกั และปอ้ งกันมใิ หม้ กี ารเปลีย่ นแปลงพระธรรมวนิ ัยให้ผดิ ไปจากพระบาลใี นพระไตรปิฎก ๕. ใหค้ าแนะนาส่งเสริมการจัดการศกึ ษา ๖. ตรวจสอบการดาเนินการของโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาตลอดจนหลักฐานเอกสารต่างๆทุกประเภทถ้าปรากฏมีความบกพร่องให้พิจารณาเสนอกรมการศาสนาเพอ่ื ขอความเห็นจากประธานสภาการศึกษาของคณะสงฆ์เมอ่ื ได้รบั ความเหน็ ชอบแลว้ กรมการศาสนามีอานาจสง่ั ปิดโรงเรยี นได้ ๗. วนิ จิ ฉยั ช้ีขาดปัญหาขอ้ ขดั ขอ้ งในการปฏบิ ัตติ ามระเบยี บน้ี
๑๑๙ ๘. แต่งตัง้ คณะอนุกรรมการให้ปฏิบัติหนา้ ทีต่ ามท่ีคณะกรรมการการศึกษาโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรมแผนกสามัญศึกษามอบหมาย๑๕๗ ๕. กลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศกึ ษา ประกอบด้วยผู้แทนโรงเรียนต่างๆโรงเรียนละ๑ท่านยกเว้นกลุ่มโรงเรียนท่ีมีโรงเรียนไม่เกนิ ๑๐โรงเรียนใหม้ ีคณะกรรมการบรหิ ารกล่มุ โรงเรียนประกอบดว้ ยบุคคลดงั ต่อไปนี้ ๑. ผู้จดั การโรงเรียน ๒. ผู้อานวยการ/อาจารยใ์ หญ/่ ครูใหญ่ ๓. ครคู ฤหัสถ์จากโรงเรยี นกลมุ่ โรงเรยี นละ๑ท่าน ให้คณะกรรมการบริหารกลุ่มโรงเรียนเลือกประธานกรรมการและรองประธานกรรมการสาหรับรองประธานกรรมการกลุ่มโรงเรียนใดมีโรงเรยี น ๔๐ โรงให้เลือกรองประธานได้ ๒รูปและให้เลือกรองประธานเพิ่มขึ้นอีก๑รูปต่อ๒๐โรงเรียนที่เพิ่มข้ึนจาก ๔๐ โรงเรียนส่วนตาแหน่งกรรมการและเลขานุการใหป้ ระธานกรรมการเป็นผู้เลอื กการเลือกผู้ดารงตาแหน่งดงั กล่าวใหเ้ ลอื กจากบุคคลในคณะกรรมการบริหารกลุม่ โรงเรยี นเว้นแต่ประธานกรรมการในการแตง่ ตั้งกรมการศาสนาจะแต่งตัง้ เฉพาะตาแหน่งประธานกรรมการส่วนตาแหน่งอื่นให้ประธานเป็นผ้แู ต่งตง้ั แล้วรายงานกรมการศาสนาทราบผู้ได้รับเลือกให้ดารงตาแหน่งต่างๆให้อยู่ในตาแหน่งคราวละ ๒ปีงบประมาณถ้าผู้ได้รับเลอื กพน้ จากตาแหน่งกอ่ นครบวาระให้เลอื กผดู้ ารงตาแหนง่ แทนจนครบวาระสาหรับตาแหนง่ ประธานกรรมการถ้าวาระดารงตาแหนง่ เหลือไมถ่ ึง๖๐วันไม่ต้องเลอื กผดู้ ารงตาแหน่งแทน๑๕๘ คณะกรรมการบริหารกลุ่มโรงเรยี นมอี านาจหน้าท่ี ดังน้ี ๑. กาหนดนโยบายการบริหารกลุ่มโรงเรียนให้ดาเนินไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธภิ าพ ๒. ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพในการบริหารงานโรงเรียนและงานวชิ าการให้มมี าตรฐานสูงข้นึ และอยใู่ นระดบั ใกลเ้ คียงกัน ๓. ติดตามและประเมินผลการบริหารโรงเรียนและรายงานผลการดาเนินงานให้กรมการศาสนาทราบ ๑๕๗ วิชยั ธรรมเจริญ, คูม่ อื การปฏิบัติงานโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนกสามัญศึกษา, กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพก์ ารศาสนา, ๒๕๔๑, หนา้ ๒๘-๒๙ ๑๕๘ อา้ งแล้ว,สานกั งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. ๒๕๔๖, หน้า ๓๓-๓๔
๑๒๐ ๔. ดาเนินการอ่ืนๆเพ่ือพัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาให้เจริญก้าวหน้าโดยโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษามีหลักสูตรที่จัดการเรียนการสอน ๑๕๙ดงั ต่อไปน้ี สานกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ ให้ความหมายของหลักสูตรการจดั การศึกษาของโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษาว่าเป็นการศกึ ษาพิเศษเหมอื นกับหลกั สตู รของสถานศึกษาด้านการกีฬา นาฏศิลป์ เกษตรกรรม เทคนิค อาชีวศึกษา และการอาชีพอ่ืนๆ แตเ่ น้นการศึกษาด้านพระปริยตั ิธรรม แผนกธรรม บาลี เพ่ือจรรโลงความรใู้ นพุทธศาสนาเข้าไปดว้ ยซึ่งก็จดั เป็นการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน จึงต้องยดึ ถอื โครงสรา้ ง การเทยี บโอน กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน เกณฑ์จบหลักสูตรหรือเล่ือนช่วงช้นั และมาตรฐานการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระจากหลักสูตรการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔ เช่นกันแต่ส่วนสาระเพิ่มเตมิ และหรือรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ใหส้ ถานศกึ ษากาหนดผลการเรียนรู้ทีค่ าดหวังไดเ้ องตามโปรแกรมวิชาที่จัดข้ึน และตามปรัชญาจุดมุ่งหมายของสถานศึกษา สาหรับโครงสร้างของหลักสูตรการศกึ ษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศกึ ษา โรงเรยี นสามารถจดั โครงสร้างของหลกั สตู รไดด้ ังน้ี๑๖๐ ๑. สามารถปรับเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระได้ตามความเหมาะสม และบริบทของแตล่ ะโรงเรียน ๒. โรงเรียนต้องจัดสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติมรายวิชาธรรมวินัย ศาสนปฏิบัติ และภาษาบาลี ให้กบั นกั เรียนทกุ รปู ไมน่ อ้ ยกวา่ ท่กี าหนดไว้ ๓. โรงเรียนสามารถจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติมอ่ืนๆ โดยเลือกเรยี นใน ๘ กลุม่ สาระทเ่ี หมาะสมกบั สมณสารปู และสอดคลอ้ งตามสภาพชุมชนท้องถ่นิ น้ันๆ สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติวา่ ด้วยประกาศมหาเถรสมาคมเกี่ยวกบั โรงเรียนพระปริยัตธิ รรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๓ ว่าดว้ ยโครงสร้างหลักสูตรโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ๒๕๕๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับเห็นชอบของ มหาเถระสมาคม)สาระสาคัญของหลักสูตรน้ี คอื วิชาภาษาบาลีท่ี ม.ตน้ ต้องเรียน ๓๖๐ชั่วโมง (๙ นก) และม.ปลายเรยี น ๔๘๐ (๑๒ นก) โดยประเด็นนีท้ างกล่มุ ฯ ไดแ้ จ้งใหผ้ ้บู ริหารโรงเรียนทราบในการประชุมผู้บริหารวันท่ี ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ท่ีผ่านมา ว่าทุกโรงเรยี นจะต้องสอนภาษา ๑๕๙อา้ งแลว้ ,สานักงานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ.2546,หนา้ ๓๕. ๑๖๐สานักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ. แนวทางการจัดการศึกษาตามหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานสาหรับโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์สานักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ, ๒๕๕๐, หนา้ ๖-๗.
๑๒๑บาลี หรือธรรมศึกษาในภาคเช้า(เพ่ิมเติม)อย่างน้อย ๓ชั่วโมง ถึงจะเพียงพอกับช่ัวโมงการเรียนการสอนตามหลักสตู ร จงึ แจง้ ใหถ้ ือปฏิบตั โิ ดยท่วั กนั ๑๖๑ ส่วนการบริหารงานของโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาหมายถึง การปฏบิ ตั ิงานของผบู้ ริหารโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรมแผนกสามญั ศึกษาไดอ้ นุโลมตามภาระงานการบรหิ ารโรงเรยี นมัธยมศกึ ษาโดยจาแนกงานออกเป็น ๖ งาน ดังน้ี ๑. การบรหิ ารงานวชิ าการหมายถึงการดาเนนิ กิจการทุกชนิดในโรงเรียนที่เก่ียวข้องกบั การพฒั นาและการปรบั ปรงุ แก้ไขการเรียนการสอนนักเรยี นใหไ้ ด้ผลดแี ละมีประสิทธิภาพ ๒. การบริหารงานบุคคลหมายถึงการคัดเลือกครูเข้ามาทาการสอนการปฐมนิเทศทะเบยี นงานสารสนเทศงานการเงินและบัญชี ๓. การบริหารงานธุรการและการเงินหมายถึงงานท่ีประกอบด้วยงานสารบรรณทะเบยี นงานสารสนเทศงานการเงนิ และบญั ชี ๔. การบริหารงานอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมหมายถึงการดัดแปลงอาคารสถานที่ที่มีอยู่ให้ทันสมัยและใช้ประโยชน์ได้เต็มที่เหมาะสมสะดวกสบายต่อการเรียนของนักเรียนตลอดจนครูคนงานและผ้มู าติดตอ่ ใหไ้ ด้รบั ความสะดวกสบายตามสมควร ๕. การบริหารงานกิจการนักเรยี นหมายถึงการจัดการแนะแนวรวมท้งั การปฐมนเิ ทศการให้ความสะดวกและสวัสดิการแกน่ ักเรียนเช่นการจัดที่รับประทานอาหารการจดั กจิ กรรมนักเรียนรวมทง้ั การรกั ษาระเบียบวนิ ยั ๖. การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนหมายถึงการเผยแพร่พระพุทธศาสนาและขา่ วสารต่างๆด้านหลักธรรมในพระพุทธศาสนาตลอดจนนโยบายและจุดประสงค์ของโรงเรียนให้แก่ชุมชนทราบและในขณะเดียวกันนั้นทางโรงเรียนก็จะได้ทราบความคิดความตอ้ งการของชุมชนอีกด้วยเพือ่ จะนามาเปน็ แนวทางในการปรับปรุงให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของทั้งสองฝา่ ย๑๖๒ สรปุ ไดว้ ่า โรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษาในด้านของความหมายน้ัน ถือว่าเป็นศาสนศึกษาแผนกสามัญศึกษา อยู่ในความผิดชอบของ กองพุทธศาสนศึกษาสานักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ ดาเนินการจดั การศึกษาทางวิชาการพระพทุ ธศาสนา แผนกนกั ธรรม-ภาษาบาลี ที่คอยควบคุมและสง่ เสริมการจัดการศกึ ษาของคณะสงฆโ์ ดยมอี านาจพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๑๖๑สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. คู่มือการปฏิบัติงาน โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศกึ ษา,ประกาศมหาเถรสมาคม ว่าด้วยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา ว่าด้วยโครงสรา้ งหลักสูตร.พ.ศ.๒๕๕๓. ๑๖๒อ้างแล้ว,กิตติ ธรี ศานต์,หนา้ ๓๒.
๑๒๒นโยบายงานโครงการตา่ งๆ โดยการกาหนดวิทยฐานะผสู้ าเร็จ รวมไปถึงถวายการสนบั สนุนกจิ การของคณะสงฆก์ ารบริหารการปกครองทาให้โรงเรียนพระปริยัติธรรมนั้นได้มีความหมายท่ีม่ังคงถาวร และโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนสามัญศึกษานั้น ยังมีการบริหารงานด้านต่างๆ ครบทุกด้าน จึงทาให้โรงเรียนพระปริยัติธรรมนั้นเป็นสถานที่ ท่ีสร้างสิ่งท่ีดีๆให้กับสังคมและชุมชน รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรใหป้ ระเทศ ได้รับการเจริญกา้ วหนา้ ทางดา้ นการศึกษาอกี ด้านหนึง่ ดว้ ย จากการศกึ ษาเอกสารจากนักวชิ าการตา่ งๆ ผู้วิจัยไดน้ ามาวเิ คราะหด์ งั ตาราง ดังนี้ตารางท่ี ........ การวิเคราะห์ความหมายของขอ้ มูลโรงเรียนพระปริยัตธิ รรมแผนกสามัญศกึ ษา ความหมาย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ รวม ๖๑. การจดั การศึกษาทางวิชาการพระพทุ ธศาสนา ๓ แผนกนกั ธรรม-ภาษาบาลี๒. สง่ เสริมการจัดการศกึ ษาของคณะสงฆ์ ๔๓. กาหนดวิทยฐานะผสู้ าเรจ็ การศกึ ษาวิชาการ ๒๔. รับสนองงานประสานงาน ๒๕. เสนอแนวทางกาหนดนโยบาย ๒๖. สง่ เสริมดูแลรกั ษา ๒๗. พฒั นาพทุ ธมณฑลให้เป็นศนู ย์กลางทาง ๒ พระพทุ ธศาสนา ๒๘. ปฏิบตั ิงานร่วม ๒๙. ดาเนนิ การเกี่ยวกบั การจัดทาสื่อการสอน ๒๑๐. สนับสนนุ การพฒั นาบคุ ลากร ๒๑๑. กาหนดหลกั เกณฑ์การจดั สรรเงนิ อุดหนนุ ๓๑๒. กาหนดนโยบายและแผนเพือ่ พฒั นา ๑๓. พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คารอ้ งทกุ ข์ ๒๑๔. ควบคุมดแู ลการจดั การศึกษา ๒๑๕. ให้คาแนะนา ๒๑๖. ตรวจสอบการดาเนนิ การ ๒๑๗. วนิ ิจฉัยช้ีขาดปัญหาขอ้ ขัดขอ้ ง ๒๑๘. แตง่ ต้งั คณะอนกุ รรมการ ๓
๑๒๓๑๙. ปรบั เวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระได้ตาม ๒ ความเหมาะสม ๒ ๒๐. การบริหารงานวิชาการ ๒ ๒๑. การบริหารงานบุคคล ๒ ๒๒. การบริหารงานธุรการและการเงิน ๒ ๒๓. การบรหิ ารงานอาคารสถานท่ีแลสงิ่ แวดล้อม ๒ ๒๔. การบรหิ ารงานกิจการนกั เรยี น ๒ ๒๕. การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับ ชมุ ชนหมายเหตุอกั ษรยอ่ :๑ = เจรญิ ผล สุวรรณโชติ ๒ = กิตติ ธรี ศานต์๓ = สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๒๕๔๖ ๔ = วิชยั ธรรมเจริญ๕ = สานักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ ๒๕๕๓ ๖ = ผวู้ ิจยัจากตารางท่ี ................ ผู้วิจัยสามารถสรุปการวิเคราะห์ ความหมายของข้อมูลโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาในด้านต่างๆ คือ การจัดการศึกษาทางวิชาการพระพุทธศาสนาแผนกนักธรรม-ภาษาบาลี ส่งเสรมิ การจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ กาหนดวิทยฐานะผู้สาเรจ็ การศึกษาวิชาการรับสนองงานประสานงานเสนอแนวทาง กาหนดนโยบายส่งเสริมดูแลรกั ษาพฒั นาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา ปฏิบัติงานร่วมดาเนินการเกี่ยวกับการจัดทาสื่อการเรียนการสอนสนับสนุนการพฒั นาบุคลากรกาหนดหลักเกณฑก์ ารจัดสรรเงนิ อุดหนุนกาหนดนโยบายและแผนเพื่อพัฒนาพิจารณาวินิจฉัยคาร้องทุกข์ควบคุมดูแลการจัดการศึกษาให้คาแนะนาตรวจสอบการดาเนินการวินจิ ฉัยชขี้ าดปญั หาขอ้ ขัดขอ้ งแตง่ ตงั้ คณะอนุกรรมการปรับเวลาเรียนในแตล่ ะกล่มุ สาระได้ตามความเหมาะสมการบริหารงานวิชาการการบริหารงานบุคคลการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนการบริหารงานอาคารสถานที่และส่ิงแวดล้อมการบริหารงานกิจการนักเรียนการบริหารงานธุรการและการเงินโดยมีรายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี๑. การจัดการศึกษาทางวิชาการพระพุทธศาสนา แผนกนักธรรม-ภาษาบาลีหมายถึง การจัดการศึกษาที่เก่ยี วเนื่องด้วยวิชาทางพระพุทธศาสนา เช่น ธรรมภาคปฏิบัติ คุณธรรมจริยธรรม บาลี ซงึ่ เป็นการให้ศึกษาคน้ คว้าหาความรู้ที่ผูเ้ รยี นจะได้ศกึ ษา เพือ่ เป็นการพัฒนาเยาวชนที่ตอ้ งการศึกษาเล่าเรยี นทีไ่ ม่มีทนุ เพียงพอ และยังไดร้ บั ความรหู้ ลายด้าน
๑๒๔ ๒. ส่งเสริมการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ หมายถึง การจัดการให้มีการส่งเสริมการศึกษาของคณะสงฆ์ เพราะคณะสงฆ์ถ้าไม่มีการศึกษาเล่าเรียน ก็จะได้รู้แค่คาว่าบวช แต่ถ้าบวชแล้วได้ศึกษาหลักธรรม ท้ังทางโลกและทางธรรมจะเป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนน้ันได้มีประสิทธิภาพยงิ่ ขน้ึ เพื่อนาไปพัฒนาสถานศึกษา วดั โรงเรยี น ชุมชน สังคม และประเทศชาติ สืบไป ๓. กาหนดวิทยฐานะผู้สาเร็จการศกึ ษาวิชาการ หมายถึง ดาเนนิ การตามกฎหมายว่าด้ว ย คณะ สง ฆ์ ท่ี ไ ด้ อ อ ก ก ฎ ห ม ายว่ าด้ ว ย ก าร ก าห น ดวิ ทย ฐาน ะ ผู้สาเ ร็ จก าร ศึ ก ษ าใน วิ ชาต่ าง ๆยกตัวอย่างเชน่ วิชาการพระพุทธศาสนารวมทั้งกฎหมายและระเบยี บท่เี ก่ยี วข้องท่ีได้ศึกษาแล้วได้ผา่ นการฝึกอบรมใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ สามารถนาไปเผยแพร่ได้อย่างมีคณุ ภาพ ๔. รับสนองงานประสานงาน หมายถึง การสนับสนุนกิจการของคณะสงฆ์ที่ได้รับการไหว้วาน ใหป้ ระกอบกิจกรรมตา่ งๆ ทีเ่ ก่ียวเนอ่ื งกบั การศกึ ษา รวมไปถึงการบรหิ ารการปกครองในวัดหรอื องค์กรต่างๆ เพื่อเป็นส่ือแหง่ ความเสยี สละ ๕. เสนอแนวทางกาหนดนโยบาย หมายถึง การบริหารจัดการให้มีการวางร่างกฎระเบียบต่างๆ เพอ่ื นามาปกครองคณะสงฆ์ เพือ่ ความอยู่อย่างมีความสุขในหมู่คณะ พร้อมด้วยการจดั ทามาตรการในการคุ้มครองพระพทุ ธศาสนา ใหอ้ ยูไ่ ด้ยนื ยาวนานยิ่งขนึ้ สืบไป ๖. ส่งเสรมิ ดูแลรักษา หมายถึง การร่วมกันดูแลรักษาทานุบารุงศาสนสถานและศาสนวัตถุในทางพระพทุ ธศาสนา ท่คี วรรกั ษา ๗. พัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา หมายถึง การบริหารจัดการให้การพัฒนาดูแลพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา มีกิจกรรมต่างๆ ที่คณะสงฆม์ ีส่วนรวมกจ็ ะสามารถใช้สถานท่ีนน้ั ไดเ้ ป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนกิ ชนและคณะสงฆห์ มใู่ หญ่ ๘. ปฏิบัติงานร่วม หมายถึง การสนับสนนุ การปฏิบัติงานของหน่วยทเี่ ก่ียวขอ้ งท่ีทุกฝา่ ยนน้ั สามารถเข้าร่วมในกิจกรรมตา่ งๆ ท่ีทางองค์กรตา่ งๆได้จัดขนึ้ เพ่อื เป็นการสบื ทอดเจตนารมทดี่ ีทไ่ี ด้ว่างรากฐานไว้แตต่ ้น ไม่ใหเ้ รอื นหายไป และเปน็ ประโยชน์แก่ตนเองและส่วนรวมได้ ๙. ดาเนินการเก่ียวกับการจัดทาส่ือการเรียนการสอน หมายถึง การจัดการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศกึ ษา ใหม้ ีข้นั ตอนตา่ งๆ ในการเรียนการสอนและรบั ผิดชอบงานการศกึ ษาของคณะสงฆ์ท่ีไดม้ ีกิจกรรมตา่ งๆ มาเพม่ิ เติมและการศกึ ษาสังเคราะห์และการศึกษาอ่ืนๆท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การศาสนา เพือ่ ผลทไี่ ด้นัน้ เกดิ ประสิทธิภาพอย่างยาวนานสืบไป ๑๐. สนับสนุนการพัฒนาบุคลากร หมายถึง การพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาให้เกิดคณุ ภาพทั้งด้านทักษะต่างๆ ทบี่ ุคลากรนั้นพึงไดร้ ับการพัฒนาอยา่ งต่อเน่ือง ทุกระดับรวมทัง้ การนเิ ทศติดตามผลงานทไี่ ดร้ บั การพฒั นาและประเมินผลการศึกษาในดา้ นต่างๆ ทกุ ประเภท
๑๒๕ ๑๑. กาหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุน หมายถึง การที่คณะกรรมการโรงเรียนพระปริยัติธรรมน้นั สามารถจดั สรรเงนิ อดุ หนุนตามเปา้ หมายทไี่ ดว้ างไว้ เพ่อื เปน็ เกณฑร์ ับรองประสิทธภิ าพของสถานศึกษาท่ีมกี ารเรียนการสอน ๑๒. กาหนดนโยบายและแผนเพื่อพัฒนา หมายถึง การกาหนดนโยบายหรือแบบแผนในการพัฒนาสถานศึกษา ให้มคี วามสอดคล้องตามเกณฑ์ทีท่ างคณะกรรมการโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญได้กาหนดไว้ เพ่ือเป็นมาตรฐานในการบริหารจัดการในส่วนของการบริหารสถานศกึ ษา ๑๓. พิจารณาวินิจฉัยคาร้องทุกข์ หมายถึง การพิจารณาคาร้องทุกข์ของผู้รับใบอนุญาตผู้จัดการโรงเรียนพระปริยัติธรรมหรือครูใหญ่หรือผู้อานวยการครูและเจ้าหน้าท่ี ที่มีทุกข์ขอ้ งเรยี นในขณะปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี ๑๔. ควบคุมดูแลการจัดการศึกษา หมายถึง การกากับดูแลการศึกษาที่มีการศึกษาหลักธรรมต่างๆ เพ่อื ไม่ใหผ้ ดิ พลาดผดิ ไปจากตน้ ฉบับ ๑๕. ให้คาแนะนา หมายถึง การให้คาแนะนาสง่ เสรมิ ในการจัดการศกึ ษาในโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรมอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ๑๖. ตรวจสอบการดาเนินการ หมายถึง การตรวจสอบการดาเนินการของของโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาว่ามีข้อบกพร่องหรือมีข้อท่ีผิดร้ายแรงหรือไม่ ถ้ามีต้องตรวจสอบเอกสารของทางโรงเรียน หากแม้นเจอว่ามีความผิดจริงสามารถให้กรมการศาสนาเป็นผู้พิจารณาให้ทาการปิดการเรยี นการสอนไดด้ ว้ ยโอกาสทนั ที ๑๗. วินิจฉัยชข้ี าดปัญหาข้อขัดข้อง หมายถึง สามารถชี้ขาดคาตัดสินที่ได้ตรวจสอบไว้เบ้ืองต้นได้ ๑๘. แต่งต้ังคณะอนุกรรมการ หมายถึง การที่คณะอนุกรรมการน้นั ทาหนา้ ทที่ ีไ่ ดร้ ับมอบหมายตามทค่ี ณะกรรมการศกึ ษาโรงเรียนพระปริยัตธิ รรมแผนกสามญั ได้ตัดสนิ ๑๙. ปรับเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระได้ตามความเหมาะสม หมายถึง ผู้บริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรมสามารถปรับเวลาเรียนเวลาสอนได้ตามสมควรและความเหมาะสม ไม่จาเปน็ ตอ้ งตามเกณฑท์ ใี่ หเ้ สมอไป แตต่ ้องทาการเรยี นการสอนใหถ้ งึ เกณฑท์ ่ตี ง้ั ไว้ ๒๐. การบริหารงานวิชาการ หมายถึง การกาหนดงานหรือวิธีการปฏิบตั ิงานไวเ้ ป็นการทาล่วงหน้า โดยเกี่ยวกับการคาดการณ์ในส่วนต่างๆ เช่น การกาหนดวัตถุประสงค์ การพัฒนากลวิธี ในการวางแผนซึ่งต้องคานึงถึงนโยบายท่ีว่างไว้แล้ว แผนหรอื โครงการเป็นสงิ่ ท่ีสาคัญ สาหรับการปฏิบัติงานในอนาคตอย่างย่ิง ควรจะทาให้ตรงเป้าหมายท่ีต้องการ เพื่อการสร้างส่ิงต่างๆให้ตามเปา้ ทีว่ ่างไว้ อย่างมรี ะเบยี บในการจะพัฒนาทักษะในสิ่งตา่ งๆ ตามขัน้ ตอน
๑๒๖ ๒๑. การบริหารงานบุคคล หมายถึง การเพิ่มเติมความรู้ใหก้ ับบุคลากรในด้านต่างๆเช่น ด้านทักษะ ประสบการณ์ด้านประสบการณ์ในการทางาน และการปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรที่มีอยู่แล้วให้เป็นไปในทางที่ดีข้ึน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่ามีขอบเขตและมีความรับผิดชอบในตวั เองข้ึน และยังทาให้สถานศกึ ษาน้ันมปี ระสทิ ธิภาพ และทางานดว้ ยความสุขสืบไป ๒๒. การบรหิ ารงานธุรการและการเงิน หมายถงึ องคร์ วมของการบริหารหรือทักษะด้านต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับงานด้านธุรการ เพราะมีแบบแผนให้ผู้บริหารนั้นได้ศึกษาและปฏิบัติตามเกณฑอ์ ยู่ และสามารถประยุกต์เทคนคิ การบริหารจดั การสภาพแวดลอ้ มภายในสถานศึกษาการจดั วางระบบควบคมุ ภายใน เพือ่ ใหส้ ถานศึกษาน้นั ประสบความสาเร็จได้ดี ๒๓. การบริหารงานอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม หมายถึง องค์รวมของการบริหารหรือทกั ษะด้านต่างๆ ทีเ่ กย่ี วข้องกบั การใช้วัสดุและอาคารสถานทีม่ ีแบบแผนให้ผ้บู ริหารน้นั ได้ศึกษาและปฏิบตั ิตามเกณฑ์อยู่ และสามารถประยุกตเ์ ทคนคิ การบริหารจัดการสภาพแวดล้อมภายในสถานศึกษาการจดั วางระบบควบคุมภายใน เพื่อให้สถานศึกษาน้นั ประสบความสาเร็จไดด้ ี ๒๔. การบรหิ ารงานกิจการนกั เรียน หมายถึง การพฒั นาเกี่ยวกบั ตวั นกั เรียน คือ คาว่านักเรียนคือผู้ท่ีต้องรับความรู้ต่างๆ เพื่อเป็นนักเรียนท่ีดี ต่อครอบครัวและสังคมในวันข้างหน้า ในบางอย่างหน้าท่ีของนักเรียนนั้นก็สามารถท่ีจะแบ่งเบาการทางานของครูได้ ด้วยการร่วมกิจกรรมพัฒนาต่างๆ ซ่ึงเป็นองค์ประกอบรวมที่จะทาให้กิจกรรมนั้นได้สมบูรณ์แบบ เพราะนอกจากจะเป็นผู้รับความรู้แล้วยังสามารถเป็นผู้ฝึกความรู้ในด้านการบริหารจัดการในรูปแบบของสภานักเรียน คือการมีส่วนร่วมในการปกครองดูแลในส่วนของผู้เรียน เพ่ือให้สถานศึกษาน้ันได้มีคุณภาพในทุกๆด้านอยา่ งครบถว้ นบริบรู ณ์ ๒๕. การสร้างความสมั พันธ์ระหวา่ งโรงเรียนกบั ชมุ ชน หมายถึง การดาเนนิ งานของกลุ่มบุคคลในสถานศึกษาในการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน เช่น ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถานที่ราชการ องค์กรเอกชน และสถาบันสังคมอ่ืนๆเปน็ ต้น ทักษะในการมีความสัมพันธ์นัน้ ต้องผสานด้วยกลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์กบั ชมุ ชน คือ มีอุดมการณ์ในการสร้างความสัมพันธอ์ ันดีกับผู้ปกครองและชุมชน มมี นุษย์สัมพนั ธ์ท่ีดี สามารถติดต่อประสานงานได้จากทุกคนที่มาขอความช่วยเหลือในด้านของกจิ กรรมต่างๆ มีความเสียสละและอุทิศเวลาให้กับชุมชน เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับโรงเรียนไปในตัว และอีกมากมายที่ส่งผลให้การบริหารด้านประชาสัมพันธ์ชุมชนเกิดประโยชน์กับสถานศึกษา และเป็นอีกด้านท่ีทาให้บุคลากรของสถานศึกษาไดใ้ กล้ชดิ ชมุ ชนอีกประการหนึง่ ดว้ ย ๒.๒.๓ โครง่ สรา้ ง อานาจหน้าที่โรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรมแผนกสามญั ศึกษา โครงสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นพระปริยัติธรรม แผนกสามญั ศึกษา
๑๒๗ หลกั สูตรการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ช่วงช้ันที่ ๓ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓โรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษา เวลาเรยี น (ช่วั โมง) ปี กลมุ่ สาระ ม. ๑ (๒๕๕๑. ม. ๒ (๒๕๕๒. ม. ๓ (๒๕๕๓.๑. สาระการเรียนรู้พน้ื ฐาน พ้ืนฐาน สาระ พืน้ ฐาน สาระ พื้นฐาน สาระ ๑.๑ ภาษาไทย ๑.๒ คณติ ศาสตร์ เพิ่มเติม เพ่ิมเตมิ เพมิ่ เตมิ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ เวลาเรียน (ช่วั โมง) ปี กลมุ่ สาระ ม. ๑ (๒๕๕๑. ม. ๒ (๒๕๕๒. ม. ๓ (๒๕๕๓. ๑.๓ วทิ ยาศาสตร์ พนื้ ฐาน สาระ พน้ื ฐาน สาระ พื้นฐาน สาระ ๑.๔ สงั คมศกึ ษาศาสนาและ เพิ่มเติม เพ่ิมเติม เพิ่มเติม วฒั นธรรม ๑.๕ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑.๖ ศิลปะ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑.๗ การงานอาชพี และ ๑๒๐เทคโนโลยี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ เวลาเรียน (ชวั่ โมง) ปี กลมุ่ สาระ ม. ๑ (๒๕๕๑. ม. ๒ (๒๕๕๒. ม. ๓ (๒๕๕๓.๑.๘ ภาษาตา่ งประเทศ พนื้ ฐาน สาระ พ้นื ฐาน สาระ พ้นื ฐาน สาระ เพมิ่ เติม เพิ่มเติม เพิม่ เตมิ ๘๐ ๘๐ ๘๐
๑๒๘ (ภาษาอังกฤษ) ๗๒๐ ๗๒๐ ๗๒๐ รวม๘ กลมุ่ สาระพนื้ ฐาน๒. สาระการเรยี นรเู้ พ่ิมเติม ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๒.๑ คณิตศาสตร์ ๒.๒ สังคมศึกษา ศาสนา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ และวัฒนธรรม - ศาสนปฏบิ ตั ิ ๘๐ ๘๐ ๘๐ - ธรรมวนิ ยั ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๒.๓ ภาษาตา่ งประเทศ - ภาษาบาลี ๓๒๐ ๓๒๐ ๓๒๐ - ภาษาองั กฤษ รวมสาระเพิม่ เตมิ ๔๐ ๔๐ ๔๐๓. กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ - กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ - กจิ กรรมชุมนมุ - กจิ กรรมเสริมสร้าง ๔๐ เวล๔า๐เรียน (ชวั่ โมง) ปี ๔๐ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม - กิจของสงฆ์ ม. ๑ (๒๕๕๑. ม. ๒ (๒๕๕๒. ม. ๓ (๒๕๕๓. กลมุ่ สาระ พน้ื ฐาน สาระ พ้ืนฐาน สาระ พ้ืนฐาน สาระ เพม่ิ เติม เพ่ิมเตมิ เพิ่มเติมรวมกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนรวมเวลาเรียน ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑,๒๐๐ ๑,๒๐๐ ๑,๒๐๐ ตารางท่ี ๒.๒.๒ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ช่วงชั้นที่ ๓ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ โรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา คาอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ๑.โรงเรียนสามารถปรับเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระได้ตามความเหมาะสมและบริบทของแต่ละโรงเรยี น
๑๒๙ ๒.โรงเรียนทุกโรงเรียนต้องจัดสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมรายวิชา ธรรมวินยั ศาสนปฏิบัติและภาษาบาลี ใหก้ ับนกั เรียนทกุ รปู ไมน่ ้อยกวา่ ที่กาหนดไว้ ๓. โรงเรียนควรจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติมอ่ืนๆโดยเลือกเรียนใน๘กล่มุ สาระท่ีเหมาะสมกบั สมณสารปู และสอดคลอ้ งตามสภาพชมุ ชนท้องถ่นิ นั้น ๆ สรุปได้ว่าโครงสร้างหรืออานาจหน้าท่คี วรจะต้องรู้เก่ียวกับโรงเรียนพระปริยัติธรรมน้ันถือว่าเป็นองค์ความรู้ท่ีได้มา ในการจัดให้มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมเกิดข้ึน โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรมน้ันก็เปิดให้มีการเรียนการสอนในรปู แบบที่คล้ายคลึงกับโรงเรียนสามัญท่วั ไป เพียรปรับเปลี่ยนบริบทในเวลาการเรียนการสอนในบางกรณี และยังจัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายวิชา ธรรมวินัย ศาสนปฏิบัติและภาษาบาลีให้กับผู้เรียน เพื่อเป็นการทาให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ด้อยโอกาสเร่ืองทนุ การศึกษาและปญั หาครอบครวั ตา่ งๆท่ีเกิดขนึ้ ทง้ั นีโ้ รงเรียนพระปรยิ ัติธรรมแผนกสามัญศึกษาน้ันยังเป็นสถานศึกษาที่ได้ถือว่าเป็นสถานที่สงเคราะห์ให้กับ ศาสนทายาทของพระพุทธศาสนาอีกทางหนง่ึ และการศึกษาท่ีได้รับล้วนแล้วตา่ งมคี ุณภาพ และประสทิ ธภิ าพเทา่ เทียมกบั โรงเรียนสามัญศึกษาอืน่ ๆ ทกุ ประการ โครงสร้างการบริหารสถานศกึ ษาโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม แผนกสามญั ศึกษา แผนโครงสร้างพัฒนาการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา จากการประชุมสัมมนาผู้บริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาทั่วประเทศที่วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาระหว่างวันท่ี ๙ –๑๐ กันยายน ๒๕๔๕ มีมติร่วมกันในการจัดทาแผนพัฒนาการศกึ ษาโรงเรียนดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. แผนพัฒนาระบบบรหิ ารโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม ๑. ให้ส่วนราชการท่ีมีหน้าที่โดยตรงจัดระบบบริหารโรงเรียนให้การอุดหนุนงบประมาณไมต่ ่ากวา่ ๖๐ % ของคา่ ใช้จา่ ยการบรหิ ารทุกๆ ด้านมอี าคารสถานท่เี ปน็ ตน้ ๒. ระบบการบริหารใหม่ให้โรงเรียนต่างๆ มีอัตราตาแหน่งผู้จัดการครูใหญ่อาจารย์ใหญ่และผู้อานวยการผู้ช่วยฝ่ายวิชาการ ผู้ช่วยฝ่ายทะเบียน ผู้ช่วยฝ่ายปกครองและพัฒนาจรยิ ธรรมผชู้ ว่ ยฝา่ ยธุรการหรอื ใหเ้ ปน็ ไปตามระบบของโรงเรยี นรฐั บาลทุกประการ ๒. แผนพัฒนาหลกั สตู ร
๑๓๐ ๑. จัดให้มีโครงการติดตามประเมินผล การใช้หลักสูตรอย่างต่อเนื่องในการขอเข้ากลุ่มวิชาการสายสามัญของโรงเรียนแต่ละเขตการศึกษา ร่วมกับโรงเรียนสังกัดกรมส่วนรายวิชาปรยิ ัตธิ รรมยังคงอยู่ ๑๖ กลมุ่ เหมอื นเดมิ ๒. จัดให้มีหน่วยศึกษานิเทศก์ดูแลงานวิชาการของโรงเรียนโดยทาโครงการข้อสอบกลุ่มทาโครงการปรับปรุงการเรียนการสอนของครู ทาโครงการผลติ สื่อการเรียนการสอนเพ่ือส่งเสริมการเรยี นการสอนของนักเรยี น ทาโครงการทตี่ ิดตามประเมินผลนักเรียนทจ่ี บหลกั สูตร ๓. ให้ความร่วมมือกับกรมวิชาการในการประเมินผลสัมฤทธิ์ ของผู้เรียนตามหลักสูตรท่ีกาหนดและประเมินผล กระบวนการจัดการศึกษาและปรับปรุงคุณภาพภายในกลุ่มโรงเรยี นด้วยกนั ๔. ให้มีการติดตามการดาเนินการของกลมุ่ โรงเรียน มีการประสานงานระหว่างกรมวชิ าการกรมตน้ สงั กัดเขตการศกึ ษาและจังหวดั นนั้ ๆ ๕. ปรับปรุงหลักสูตรเฉพาะวิชาปริยัติธรรม ( ธรรมวินัยบาลี )ให้สอดคล้องกับหลกั สูตรของคณะสงฆใ์ นปจั จบุ นั ๓. แผนพฒั นาสถานศกึ ษา ๑. จัดใหม้ คี ณะกรรมการหรือท่ีปรึกษาของแต่ละโรงเรยี นเขา้ มามีสว่ นร่วม ๒. ให้มีเงินงบประมาณพัฒนาสภาพอาคารเรียนและห้องปฏิบัติงานด้านต่างๆของโรงเรียนตามความเหมาะสมแกโ่ รงเรียนนัน้ ๆ ๓. โรงเรียนควรมีสภาพแวดล้อมท่ีร่มรื่นสะอาดงามตาปลูกต้นไม้และดอกไม้ประดับ ใหม้ ีความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย ห้องเรียน อาคารเรียน วัสดุการเรียนการสอน อยใู่ นสภาพท่ีได้รับการบารงุ รักษาเปน็ อย่างดี พรอ้ มทจ่ี ะใชไ้ ด้ทันที ๔. แผนพัฒนาบุคลากร ๑. จะต้องมีอัตราบรรจุครูประจาโรงเรียนของกรมต้นสังกัดทุกๆ โรงเรียนท่ัวประเทศและอตั ราเงินเดือนจากทางราชการอยา่ งเหมาะสม ๒. มีการประชุมสมั มนาผู้บริหารโรงเรียนปีละ ๒ ครั้งท่ัวประเทศและตามทีก่ ลุ่มโรงเรยี นกาหนดขึน้ ๓. มีการประชุมสัมมนาบุคลากรด้านการจัดทาจุดประสงค์การเรียนรู้ รายวิชาร่วมกันการปรับปรุงและจัดทาแผนการสอนรายวิชาต่างๆ การสร้างเครื่องมือวัดผล (ปรับปรุงกระบวนการวิธีการมากกว่าเน้นเนื้อหาวิชา) การแนะแนวการศึกษาการทาข้อสอบและการผลิตสื่อการเรียนการสอนการประเมินผลด้านจติ พิสัยการอบรมเทคนิคการสอน รายวิชาการพัฒนาการเรียน
๑๓๑สอนโดยใช้นวัตกรรม การจัดทาแผนนิเทศภายในโรงเรียนการอบรมผู้บริหารหัวหน้าหมวดวิชาฯลฯการวิเคราะหข์ ้อสอบตามจดุ ประสงค์การเรียนร้รู ายวชิ า ๕. แผนพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ๑. จะต้องมีงบประมาณส่งเสริมวิชาการ เช่น มีห้องสมุดท่ีสะอาดน่าเข้าไปใช้บริการมคี วามสะดวกสบาย เป็นกันเองมเี อกสารหลกั สูตรส่ือการเรียนการสอนพอเพยี งสาหรบั ครูและนักเรยี น ๒. จะต้องมีงบประมาณจัดนิเทศดูงานการเรียนการสอน มีเครื่องมือวัดผลจัดโครงการเพ่มิ ประสบการณใ์ ห้แก่บุคลากรในโรงเรียนอย่างสม่าเสมอ และเสนอแนะแนวคิดใหม่ๆที่จะนาไปปฏบิ ัติใหเ้ กิดผลดตี ่อการเรียนการสอน ๖. แผนพัฒนาส่งเสริมกิจกรรมนักเรียน ๑. มกี ารอบรมนกั เรียนและหวั หน้านกั เรียน ๒. จัดให้มีกิจกรรมสง่ เสริมการศกึ ษาและวนั สามเณรขึน้ ๓. จัดใหม้ กี จิ กรรมแนะแนวการศกึ ษาและการออกคา่ ยอาสาพัฒนา ๕. ส่งเสรมิ ใหม้ กี จิ กรรมอนุรักษศ์ ิลปวัฒนธรรมเอกลกั ษณไ์ ทย ๖. สง่ เสรมิ ให้มกี ารแขง่ ขนั ความเป็นเลศิ ทางวชิ าการ ๗. จัดประกวดผลงานของนกั เรยี นด้านต่างๆเช่นการบาเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชนการแต่งหนังสอื การเทศนาการอบรม ๘. ส่งเสริมการพฒั นาบุคลกิ ภาพของนักเรยี น ๙. ส่งเสรมิ การพฒั นาดา้ นสาธารณสขุ และอนามยั ของนกั เรียน๑๖๓ สรุปได้ว่า โครงสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ต้องประกอบไปด้วยแผนการพัฒนาต่างๆ ท้ังระบบบริหาร แผนพฒั นาหลักสูตร แผนพัฒนาสถานศึกษา แผนพัฒนาบุคลากรและแผนพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อจะเป็นแนวทางทาให้องค์กรหรือสถาบัน บรรลุตามเป้าหมาย คือ ได้มีการพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ ทั้งบุคลากร ผู้บริหาร รวมไปถึงผเู้ รยี น เพอื่ ทาใหไ้ ดป้ ระสทิ ธภิ าพในองค์กรนั้นๆ จากการศึกษาเอกสารจากนกั วชิ าการตา่ งๆ ผวู้ ิจัยไดน้ ามาวเิ คราะห์ได้ดังตาราง ดงั นี้ตารางท่ี ........ วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรมแผนกสามญั ศกึ ษาโครงสร้างโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรมแผนกสามัญศกึ ษา ๑ รวม ๒ ๑๖๓กิตติ ธรี ศานต์,เทคนิคการบริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาม.ต้น-ม.ปลาย,๒๕๔๖,หน้า๕๑-๕๔
๑๓๒๑. แผนพฒั นาระบบบริหารโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม ๒๒. แผนพัฒนาหลักสตู ร ๒๓. แผนพฒั นาสถานศกึ ษา ๒๔. แผนพัฒนาบุคลากร ๒๕. แผนพฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ๒๖. แผนพัฒนาสง่ เสริมกิจกรรมนกั เรียน ๒หมายเหตุอกั ษรย่อ : ๑ = กติ ติ ธีรศานต์ ๒ = ผ้วู จิ ัย จากตารางท่ี ....... ผ้วู จิ ยั สามารถสรปุ วิเคราะหโ์ ครงสรา้ งโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ในด้านต่างๆ คือ แผนพัฒนาระบบบริหารโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรมแผนพัฒนาหลักสูตรแผนพฒั นาสถานศึกษาแผนพัฒนาส่งเสริมกิจกรรมนักเรียนแผนพัฒนาการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนแผนพัฒนาบุคลากรทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เพื่อการพัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาให้มปี ระสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลสูงสดุ โดยมีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. แผนพัฒนาระบบบริหารโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม หมายถึง การพัฒนาระบบการบริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรมในด้านการขอเบิก จ่าย รับ เงินอุดหนุนงบประมาณที่ได้จากการบริหารจัดการต่างๆ ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม ให้มีการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสงู สุด ๒. แผนพัฒนาหลักสูตรหมายถึง การจัดให้มีกิจกรรมที่ติดตามผลต่างๆ ท่ีทางหลักสูตรได้กาหนดมาและปฏิบัติตาม และจัดให้มีการนิเทศบุคลากรท้ังภายนอกและภายในของโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม ร่วมไปถึงการมีส่วนรวมกบั กรมวชิ าการในการประเมินผลเพ่ือปรบั ปรงุ แกไ้ ขในส่วนท่ีบกพร่องไป และยังมีการประสานงานกับกรมวิชาการเร่ือยๆ เพื่อทาการปรับปรุงหลักสูตรเพื่อใหส้ อดคลอ้ งกับหลักสตู สว่ นกลาง ๓. แผนพัฒนาสถานศึกษาหมายถึง การท่ีจัดให้มีกรรมการท่ีปรึกษาในแต่ละโรงเรียนได้เข้ามาร่วมประชุมกันบ่อยๆ เพ่อื ได้รับงบประมาณในการนาไปพัฒนาอาคารสถานที่ และสว่ นด้านต่างๆ ร่วมไปถึงการดูแลบารุงตกแต่งโรงเรยี นใหด้ ูน่าสนใจ ในการที่พร้อมจะเข้าไปเยีย่ มชมอยเู่ สมอ ๔. แผนพฒั นาบุคลากรหมายถึง การใหข้ วัญกาลังใจแกบ่ ุคลากรโดยการจดั ให้มีการบรรจุเป็นบุคลากรประจา เพื่อได้รับสิทธิต่างๆ เหมือนกับบุคลากรในโรงเรียนอ่ืนๆท่ัวไป มีการ
๑๓๓ประชุมสมั มนาด้านบุคลากรอยเู่ สมอและส่งบุคลากรเขา้ ร่วมด้วยทุกครั้ง เพื่อเป็นการพฒั นาบุคลากรใหม้ คี วามชานาญในการปฏิบัติงาน ๕. แผนพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหมายถึง การให้เพิ่มโอกาสให้กับบุคลากรในด้านกิจกรรมต่างๆ เช่น การไปเข้ารว่ มการอบรม การจัดนิเทศศึกษาดูงาน การเพิ่มทักษะต่าง จะต้องมีงบประมาณจัดใหบ้ ุคลากรเหล่าน้ัน เพ่ือไม่เป็นการทาให้บุคลากรไม่เดือดร้อนในการใช้จ่ายในการเดนิ ทางในแตล่ ะครัง้ ๖. แผนพัฒนาส่งเสริมกิจกรรมนักเรียนหมายถึง การจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ ในการสง่ เสริมการเรียนร้ขู องนักเรยี น ยกตวั อยา่ งเช่น การแข่งขนั ดา้ นวชิ าการต่างๆ การแขง่ ขนั ดา้ นกจิ กรรมการกีฬาต่างๆ และยังจัดให้มีการประกวดผลงานที่นักเรียนมีความสามารถช่วยเหลือชุมชนด้วยการแต่งหนังสือ การเทศนาอบรมต่างๆ ร่วมไปถึงการส่งเสริมด้านสาธารณสุขและอนามัยของนักเรียนท่ีควรได้รับ ส่ิงเหล่านี้เป็นส่ิงที่ควรแก่การจัดส่งเสริมเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียน และสร้างขวัญกาลังใจใหก้ ับผู้ท่ีสนใจในการจะเขา้ มาศกึ ษาเล่าเรียนสบื ไปในอนาคตโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรมแผนกสามัญศกึ ษามีโครงสร้างการบรหิ าร ดังต่อไปน้ี
๑.๑ การพฒั นาหรือการดาเนินการเก่ียวกับการให้ ๒.๑ การอนุมัตกิ ารใชจ้ ่ายงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรความเหน็ การพัฒนาสาระ ๒.๒ การขอโอนและการขอเปลยี่ นแปลงงบประมาณหลกั สตู รทอ้ งถ่นิ ๒.๓ การรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ๑.๒ การวางแผนงานดา้ นวิชาการ ๒.๔ การตรวจสอบติดตามและรายงานการใช้จ่า๑.๓ การจดั การเรยี นการสอนในสถานศกึ ษา งบประมาณ๑.๔ การพัฒนาหลกั สูตรของสถานศึกษา ๒.๕ การตรวจสอบติดตามและรายงานการใช้ผลผล๑.๕ การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ จากงบประมาณ๑.๖ การวัดผล ประเมินผล และดาเนินการเทียบ ๒.๖ การระดมทรพั ยากรและการลงทนุ เพือ่ การศกึ ษาโอนผลการเรยี น ๒.๗ การปฏบิ ัติงานอ่ืนใดตามทีไ่ ดร้ ับมอบหมายเกี่ยวก๑.๗ การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาใน กองทนุ เพื่อการศกึ ษาสถานศกึ ษา ๒.๘ การบริหารจดั การทรพั ยากรเพือ่ การศึกษา๑.๘ การพัฒนาและส่งเสริมให้มแี หลง่ เรยี นรู้ ๒.๙ การวางแผนพัสดุ๑.๙ การนิเทศการศึกษา ๒.๑๐ การพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศเพ่ือกา๑.๑๐ การแนะแนว จดั ทาและจัดหาพัสดุ๑.๑๑ การพัฒนาระบบประกันคณุ ภาพภายในและ ๒.๑๑ การจดั หาพัสดุฯลฯมาตรฐานการศึกษา ฯลฯ
ร ๓.๑ การวางแผนอัตรากาลัง ๔.๑ การพัฒนาระบบและเครือข่ายข้อมูล๓.๒ การจัดสรรอัตรากาลังข้าราชการครูและ สารสนเทศบคุ ลากรทางการศึกษา ๔.๒ การประสานงานและพัฒนาเครือข่ายาย ๓.๓ การสรรหาและบรรจุแตง่ ตัง้ การศึกษา๓.๔ การดาเนินการเกี่ยวกบั การเลื่อนขนั้ เงนิ เดือน ๔.๓ การวางแผนการบริหารงานการศกึ ษาลิต ๓.๕ การลาทกุ ประเภท ๔.๔ งานวิจยั เพ่ือพฒั นานโยบายและแผน๓.๖ การประเมินผลการปฏิบตั งิ าน ๔.๕ การจดั ระบบการบรหิ ารและพฒั นาองค์กร๓.๗ การดาเนนิ การทางวนิ ยั และการลงโทษ ๔.๖ การพฒั นามาตรฐานการปฏิบัตงิ านกับ ๓.๘ การสั่งพักราชการและการส่ังให้ออกจาก ๔.๗ งานเทคโนโลยีเพอื่ การศึกษาราชการไว้ก่อน ๔.๘ ดาเนินงานธุรการ๓.๙ การรายงานการดาเนินการทางวินัยและการ ๔.๙ การดแู ลอาคารสถานที่และสภาพแวดลอ้ มลงโทษ ๔.๑๐การจดั ทาสามะโนผู้เรยี นาร ๓.๑๐ การอุทธรณ์และการรอ้ งทกุ ข์ ๔.๑๑ การรบั นกั เรียน๓.๑๑ การสง่ เสรมิ และยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติ ๔.๑๕ การทัศนศึกษา๓. ๑ ๒ กา ร ส่ ง เ สริ ม ม า ตร ฐ า น วิ ชา ชี พ แ ล ะ ๔.๑๖ งานกิจการนักเรียนจรรยาบรรณวิชาชพี ๔.๑๗ การประชาสมั พันธ์งานการศกึ ษา๓.๑๓ การริเริ่มส่งเสรมิ การขอรบั ใบอนญุ าต
กลุม่ โรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนกสามัญศกึ ษาทวั่ ประเทศ ประกอบด้วยจานวน๑๔กลุ่ม มีท้ังหมด ๗๑ จังหวดั จานวน ๔๐๙ โรงเรียน๑๖๔ ๑. โรง เรียนพ ระ ปริยัติธ รร มแผนก สามัญศึกษาก ลุ่ม ๑ ปร ะ กอ บด้ว ยกรุงเทพมหานคร นครปฐมและปทุมธานี ๒. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๒ ประกอบด้วย จังหวัดยะลาสตลู นครศรธี รรมราช สุราษฏร์ธานี ชุมพร สงขลา ตรงั ระนอง และ กระบ่ี ๓. โรงเรียนพระปริยัตธิ รรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๓ ประกอบด้วย จังหวัดราชบุรีกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท และอทุ ัยธานี ๔. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๔ ประกอบด้วย จังหวัดนครสวรรค์ กาแพงเพชร สโุ ขทยั อุตรดิตถ์ พษิ ณุโลก พจิ ติ ร และ ตาก ๕. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๕ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ ลาพูนและแม่ฮอ่ งสอน ๖. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามญั ศึกษากลมุ่ ๖ ประกอบด้วย จังหวัดลาปางเชยี งราย พะเยา แพรแ่ ละนา่ น ๗. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๗ ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น หนองบัวลาภู และ เลย ๘. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๘ ประกอบด้วย จังหวัดอุดรธานี หนองคาย สกลนคร และ บึงกาฬ ๙. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๙ ประกอบด้วย จังหวัดมุกดาหาร อุบลราชธานี อานาจเจริญ และ ยโสธร ๑๐. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๑๐ ประกอบด้วย จังหวัดนครพนม มหาสารคาม กาฬสนิ ธุ์ และ รอ้ ยเอด็ ๑๑. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๑๑ ประกอบด้วย จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บรุ รี มั ย์ ศรสี ะเกษ และ สรุ นิ ทร์ ๑๒. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๑๒ ประกอบด้วย จังหวัดชลบรุ ี ฉะเชงิ เทรา นครนายก ระยอง ปราจีนบุรี สระแก้ว และตราด ๑๖๔สถิติข้อมูลโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กองพุทธศาสนศึกษา สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๐ (คร้งั ท่ี ๑),(สบื คน้ เมือ่ วนั ท่ี 1 ตุลาคม 2560)จาก: http://deb.onab.go.th/.
๑๒๑ ๑๓. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๑๓ ประกอบด้วย จังหวัดกรุงเทพ มหานคร เชียงราย และ ชลบรุ ี ๑๔. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่ม ๑๔ ประกอบด้วย จังหวัดกรงุ เทพ มหานคร อุดรธานี และ สงขลา ๒.๓.๔ ขอ้ มูลพ้นื ท่ีการวจิ ยั การบริหารงานโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามญั ศึกษา กลุ่มที่ ๑๑ การศกึ ษาพระปรยิ ัติธรรม แผนกสามญั ศึกษา เป็นการจดั การศึกษาเพอ่ื ใหพ้ ระภกิ ษุสามเณรได้เรียนรู้ตามหลักสตู รกระทรวงศึกษาธกิ ารซึ่งปัจจุบันสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบการศึกษาของสงฆ์ประเภทน้ีภายใต้การควบคุมของสภาการศึกษาคณะสงฆ์ซึ่งมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานและยังมีคณะกรรมการการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศกึ ษากล่มุ โรงเรียนพระปริยตั ิธรรม สาหรับการจัดการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มท่ี ๑๑ มีอานาจหนา้ ทีด่ ังนี้ ๑. กาหนดหลักเกณฑก์ ารจัดสรรเงินอุดหนุน ๒. กาหนดนโยบายและแผนเพอ่ื พัฒนาโรงเรียน ๓. พิจารณาวินิจฉัยคาร้องทุกข์ของผรู้ ับใบอนุญาตผูจ้ ัดการครูใหญ่อาจารย์ใหญ่ผอู้ านวยการครแู ละเจา้ หน้าท่ี ๔. ควบคุมดูแลการจัดการศึกษาให้มีการศึกษาพระปริยัติธรรมเป็นหลักและปอ้ งกันมใิ หม้ กี ารเปลีย่ นแปลงพระธรรมวินัยให้ผิดไปจากพระบาลีในพระไตรปิฎก ๕. ให้คาแนะนาส่งเสรมิ การจดั การศกึ ษา ๖. ตรวจสอบการดาเนินการของโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาตลอดจนหลักฐานเอกสารต่างๆทุกประเภทถ้าปรากฏมีความบกพร่องให้พิจารณาเสนอกรมการศาสนาเพ่อื ขอความเหน็ จากประธานสภาการศึกษาของคณะสงฆ์เมือ่ ไดร้ ับความเห็นชอบแล้วกรมการศาสนามอี านาจสงั่ ปดิ โรงเรียนได้ ๗. วินิจฉัยชขี้ าดปญั หาข้อขดั ข้องในการปฏิบตั ิตามระเบียบน้ี ๘. แต่งต้ังคณะอนุกรรมการให้ปฏิบัติหน้าที่ตามท่ีคณะกรรมการการศึกษาโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนกสามัญศกึ ษามอบหมาย ส่วนการการจัดการเรียนการสอนทางการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา หมายถึง การปฏิบัติหน้าท่ีผู้ท่ีเกี่ยวข้องโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ได้อนุโลมตามภาระงานการบรหิ ารโรงเรียนมธั ยมศกึ ษาโดยจาแนกงานออกเปน็ ๖ งาน ดงั นี้
๑๒๒ ๑. การบริหารงานวิชาการ หมายถึง การดาเนินกิจการทุกชนิดในโรงเรียนที่เกย่ี วขอ้ งกบั การพฒั นาและการปรบั ปรงุ แกไ้ ขการเรยี นการสอนนกั เรยี นให้ได้ผลดแี ละมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒. การบริหารงานบุคคล หมายถึง การคัดเลือกครูเข้ามาทาการสอนการปฐมนิเทศทะเบียนงานสารสนเทศงานการเงินและบญั ชี ๓. การบรหิ ารงานธุรการและการเงิน หมายถงึ งานที่ประกอบด้วยงานสารบรรณทะเบยี นงานสารสนเทศงานการเงินและบัญชี ๔. การบริหารงานอาคารสถานทแ่ี ละส่ิงแวดล้อม หมายถึง การดัดแปลงอาคารสถานที่ที่มีอยู่ให้ทันสมัยและใช้ประโยชน์ได้เต็มที่เหมาะสมสะดวกสบายต่อการเรียนของนักเรียนตลอดจนครูคนงานและผ้มู าตดิ ตอ่ ใหไ้ ด้รบั ความสะดวกสบายตามสมควร ๕. การบริหารงานกิจการนักเรียน หมายถึง การจัดการแนะแนวรวมท้ังการปฐมนิเทศการให้ความสะดวกและสวัสดิการแก่นักเรียนเช่นการจัดท่ีรับประทานอาหารการจัดกจิ กรรมนักเรยี นรวมทงั้ การรักษาระเบยี บวนิ ัย ๖. การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน หมายถึง การเผยแพร่พระพุทธศาสนาและข่าวสารต่างๆด้านหลักธรรมในพระพทุ ธศาสนาตลอดจนนโยบายและจดุ ประสงค์ของโรงเรียนให้แก่ชุมชนทราบและในขณะเดียวกันนั้นทางโรงเรียนก็จะได้ทราบความคิดความตอ้ งการของชุมชนอีกดว้ ยเพือ่ จะนามาเปน็ แนวทางในการปรบั ปรุงให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของทัง้ สองฝา่ ย๑๖๕ สรุปได้วา่ การจดั การศกึ ษาตอ้ งมกี ารสอดคล้องกับกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร สานกั งานพทุ ธศาสนาและคณะสงฆ์ เพราะเปน็ โรงเรยี นปริยตั ธิ รรมแผนกสามญั มีส่วนที่สอดคลอ้ งกับกระทรวงศึกษาธิการกับสานักงานพุทธศาสนาและคณะสงฆ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อทาให้องค์กรนั้นมีการพัฒนาตอ้ งประกอบไปด้วยการบริหารท้ัง ๖ ดังน้ี คือ การบรหิ ารงานดา้ นวิชาการ งานด้านการบริหารงานบุคคล งานด้านการบริหารงานธุรการและงานด้านการเงิน การบริหารงานอาคารสถานที่และสงิ่ แวดลอ้ ม การบรหิ ารงานกจิ การนกั เรียนและการสร้างความสัมพันธร์ ะหว่างโรงเรยี นกบั ชุมชน และทอ้ งถ่นิ ส่ิงเหล่านี้ รวมออกมาแล้วถือได้วา่ เป็นการใช้ทักษะในการบริหารทั้งส้ิน เพอ่ื จะทาให้องค์กรน้นั ๆ มปี ระสิทธภิ าพบริบรู ณ์ กต็ ้องนาหลกั ทักษะในการบริหารไปใช้ จะทาให้องคก์ รนั้นท้งั ภายในและภายนอก ประสบความสาเร็จอย่างยิ่ง ๑๖๕กิตติ ธีรศานต์, เทคนิคการบริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ม.ต้น-ม.ปลาย,๒๕๔๖, หน้า๓๒.
๑๒๓กลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่มที่ ๑๑ จานวน ๔๒ โรงเรียนประกอบด้วย ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ จงั หวัดศรีสะเกษและจังหวดั สรุ ินทร์๑๖๖ ดังน้ีตารางท่ี ....... โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา กลมุ่ ท่ี ๑๑ลาดบั กลมุ่ โรงเรยี นปรยิ ัตธิ รรม ประชากร กลุม่ ตัวอยา่ งท่ี จานวนโรงเรยี น จงั หวัด ผู้บริหาร ครผู ู้สอน ผบู้ ริหาร ครูผสู้ อน๑ ๑๑ นคราชสมี า ๑๑ ๑๓๕ ๖ ๘๑๒๖ ชัยภมู ิ ๖ ๗๐ ๔ ๔๒๓๖ บุรรี ัมย์ ๖ ๗๓ ๔ ๔๒๔ ๑๐ ศรีสะเกษ ๑๐ ๑๒๔ ๖ ๗๔๕๙ สุรนิ ทร์ ๙ ๙๐ ๕ ๕๖ ๔๒ ๔๒ ๔๙๒ ๒๕ ๒๙๕ รวมท้ังส้ิน ๕๓๔ ๓๒๐๒.๓ งานวจิ ยั ที่เกีย่ วข้อง ๒.๓.๑ งานวิจยั ในประเทศ อินถา ศริ ิวรรณ ได้วิจยั เรื่อง “ประสิทธิภาพการบริหารจดั การการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาต้นแบบของคณะสงฆ์ไทย” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารการบริหารจัดการการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาต้นแบบของคณะสงฆ์ไทย เพ่ือศึกษาประสิทธภิ าพการบริหารจัดการการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามญั ศึกษาต้นแบบของคณะสงฆ์ไทยและเพื่อเสนอรูปแบบประสิทธิภาพการการบริหารจัดการการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาต้นแบบของคณะสงฆ์ไทย การวิจัยนี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ ซ่ึงมีการศึกษาเอกสารและสัมภาษณ์ผู้บริหาร ครูผู้สอน โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาจานวน ๕ รูป และวเิ คราะหข์ ้อมลู ศกึ ษาเน้ือหา ผลการวจิ ัยพบว่า การบริหารจดั การศึกษาทั้ง ๔ ด้านของโรงเรยี นพระปริยัติธรรม แผนกสามญั ศึกษามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ประสิทธิภาพการบริหารจดั การโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรมแผนกสามัญศึกษาต้นแบบของคณะสงฆ์ไทย ขน้ึ อยู่กบั งานทั้ง ๔ ด้าน ได้แก่ จัดหลักสูตรใหส้ อดคล้องกบั หลักสูตรแกนกลาง จดั การเรยี นการสอนเน้นผูเ้ รียนเป็นศูนย์กลาง และพัฒนาระบบการประกันคณุ ภาพการศึกษาอยา่ งต่อเนอื่ ง ๑๖๖สถิติข้อมูลโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แยกรายโรง ๒๕๕๙ (สืบค้นเม่ือ วันท่ี ๑๒ตุลาคม ๒๕๖๐) จาก: http://www.psg4.net/main.html.
๑๒๔จัดทาแผนงบประมาณ สรรหางบประมาณหลากหลายช่วงทาง และประชุมการใช้จ่ายงบประมาณเดือนละ ๑ คร้ัง จัดทาแผนพัฒนาบุคลากร จัดตั้งบุคลากรตามความรู้ ความสามารถ และดาเนินตามระเบียบราชการ ผู้บริหารมีหลักพุทธธรรม ตั้งเป้าหมายตามนโยบายของโรงเรียน และกระตุ้นความต้องการผ่านสิง่ ลอ่ ใจ รูปแบบแระสิทธิภาพการบริหารจัดการโรงเรียนพระปริยัติธ รรมแผนกสามัญศึกษาตน้ แบบของคณะสงฆ์ไทย ประกอบด้วยบริหารตน บริหารคน และบริหารงานอย่างมีเป้าหมายปรับทัศนคติของตนเองและทัศนคติของผู้ร่วมงานจัดต้ังเครือข่ายการทางานพัฒนาบุคลากรให้ตรงตามความสามารถและวางแผนการบริหารงานทั้ง ๔ ด้านร่วมกันผ่าน PS-GANPPI MODEL เพื่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาต้นแบบของคณะสงฆ์ไทยอย่างยง่ั ยนื ๑๖๗ พระมหาญาณวัฒน์ ฐิตวฑฺฒโน (บุดดาวงษ์) ได้วิจัยเรื่อง “การวิเคราะห์แนวคิดทางการศึกษาของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)” พบวา่ ครูคณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาได้แก่ ก. คุณภาพและมาตรฐาน คือ คุณสมบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ซ่ึงประกอบด้วยหน้าที่หลัก คือ สิปปทายก และความ เป็นกัลยาณมิตร การจัดการศึกษาทางธรรมวินัย ทศพลญาณปฏิสัมภิทา ๔ และลลี าการสอน ๔ ข. การผลิตและการพัฒนา ได้แก่ (๑. การผลติ และการพัฒนาตามระยะเวลา คอื ในระยะสน้ั เพอ่ื สรา้ ง ความเป็นนักเรียนท่ีดีตามหลักบพุ นิมติ ของการศึกษา ๗ และในระยะยาวเพื่อสร้างความเป็นบัณฑิต ผู้มสี ัจธรรม มีจริยธรรม มีความสุข และการผลติ และการพฒั นาตามความมุ่งหมายของวิชาการ คือ วิชาศึกษาทวั่ ไปเพอื่ สร้างความเป็นบัณฑิต และวชิ าเฉพาะวิชาชีพเพือ่ สรา้ งเคร่ืองมือบณั ฑิต (๒. จรยิ ศกึ ษา เป็นการผลิตครูทจี่ ะตอ้ งคดั ยอดคนให้มาเป็นยอดครแู ละคัดยอดครูให้มาเป็นครจู รยิ ศึกษา๑๖๘ พระมหาธรรมรัต อริยธมฺโม (ยศขุน) ได้ศึกษาเร่ือง \"แนวทางการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ในบริบทแห่งสังคมไทยยุคปัจจุบัน\" ผลการศึกษาพบว่า “สภาพการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยแบ่งออกได้เป็น๒ประเภทใหญ่ๆ คอื การศึกษาระบบเดิมของคณะสงฆ์และการศกึ ษาท่ีคณะสงฆ์จัดให้สอดคล้องกับระบบของรัฐการศึกษา ท่ีเป็นการศึกษาของคณะสงฆ์โดยตรง คือ พระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลีการศกึ ษาของคณะสงฆ์ กบั บริบทของสังคมไทยยคุ ปจั จุบันมีทง้ั ท่ีเป็น ๑๖๗ อนิ ถา ศิริวรรณ, “ประสทิ ธิภาพการบรหิ ารจัดการการศึกษาโรงเรยี นพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาต้นแบบของคณะสงฆไ์ ทย”, วิทยานพิ นธ์ศึกษาศาสรดษุ ฏีบณั ฑิต ทนุ อุดหนุนจากมหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย, (คณะครศุ าสตร์ : มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๕๙), บทคดั ยอ่ . ๑๖๘ พระมหาญาณวัฒน์ ฐิตวฑฺฒโน (บดุ ดาวงษ์), การวิเคราะห์แนวคดิ ทางการศกึ ษาของพระพรหมคณุ าภรณ์ (ป. อ. ปยตุ ฺโต), ปริญญาพทุ ธศาสตรดุษฎีบัณฑิต, พุทธบริหารการศึกษา, บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั จฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๕๘.
๑๒๕จุดออ่ นและจุดแข็งภายในตัวโดยจุดแขง็ อยูท่ ่ีความเป็นอสิ ระในกระบวนการเรียนการสอนการวัดผลประเมินผลใชร้ ะบบ ส่วนกลางการสอบใชก้ ารเขียนแบบอัตนัยการจัดการศึกษา มไิ ด้มุ่งผลกาไรแต่มุ่งผลเพ่ือพัฒนาความรู้ให้แก่ผู้เรียนจริงๆ ส่วนจุดอ่อนของการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยอยู่ท่ีไม่สามารถเตรียมคนหรอื ศาสนทายาท ใหส้ ามารถที่จะเผชิญกับยุคสมัยแหง่ การเปลี่ยนแปลงได้ทาให้สังคมสงฆ์ออ่ นแอ และเกดิ วกิ ฤติขึน้ ภายในองค์กรของคณะสงฆ์เอง ขาดการเชื่อมต่อกบั ระบบการศึกษาของรัฐเป็นการศกึ ษาแบบรวมศูนย์ขาดการปรบั ปรงุ อย่างต่อเนือ่ ง การศึกษาของคณะสงฆ์กับบริบทของสังคมไทย ในยุคปัจจุบันยังไม่สามารถท่ีจะจัดให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย ในยุคปัจจุบันไดก้ ลา่ วคือยังไมส่ ามารถจดั ใหส้ อดคล้องกับคาดหวังของพระพุทธศาสนาคณะสงฆ์และของสังคมทั้งในด้านปริมาณและในด้านคุณภาพ ในด้านปริมาณปรากฏว่า มีผู้เข้าสอบและสอบผ่านลดจานวนลงมาก นอกจากนี้กระบวนการบริหารจัดการกระบวนการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร เป็นต้น ก็ยังไม่สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยในปัจจุบันส่งผลให้คุณภาพผลผลิตทางการศึกษา จากระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยที่เป็นอยู่ไม่สามารถผลิตศาสนทายาทท่ีมีคุณภาพ ให้กับพระพุทธศาสนาความรู้ทางพุทธศาสนาของพระสงฆ์ก็อ่อนด้อยลงและสถานะความเป็นผู้นาทางสติปัญญาและจิตวิญญาณของพระสงฆ์อ่อนแอลง ทาให้คณะสงฆ์ไม่สามารถรับมือกับความเปล่ียนแปลงของสังคมในปัจจุบันได้ ส่งผลกระทบให้องคก์ รคณะสงฆแ์ ละพระพุทธศาสนามคี วามออ่ นแอเปน็ อย่างมาก แนวทางการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์กับบรบิ ทของสังคมไทย ในยุคปัจจุบันจะต้องมีการปฏริ ปู ทงั้ ระบบอยา่ งเร่งดว่ น ทั้งในระดบั นโยบายองคก์ รบริหารและใหค้ วามสาคัญกบั ปจั จยั นาเข้าปจั จัยกระบวนการปัจจยั ผลผลิตและปัจจัยผลกระทบ โดยนาหลักการบริหารจัดการสมัยใหม่มาใช้แต่ต้ังอยู่บนพ้ืนฐานของหลักพุทธธรรม คือ หลักไตรสิกขาการศึกษาของคณะสงฆ์ในปัจจุบันจะต้องไม่ก้าวตามระบบการศกึ ษาทางโลก ท่จี ัดการศกึ ษาเพื่อตอบสนองโลกทุนนิยมแต่จะต้องก้าวไปเป็นผู้นาทางการศึกษาแบบใหมท่ ่ีใช้หลกั พุทธธรรม เป็นฐานจัดกระบวนการเรยี นรู้ท่ีสอดคล้องกับวิถชี ีวิตของพระภิกษุสามเณรพร้อมเชื่อมโยงเข้ากับสาระของศาสตร์ต่างๆ ควบคู่กันไปควรจะปฏิรูปให้เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนาที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ ทง้ั ในส่วนของหลักการและวิธีการนน่ั คอื จะตอ้ งทาใหเ้ ป็นกระบวนการศึกษาเรียนรู้ทีส่ มบูรณ์ ท้งั ปริยัติ ปฏิบัตแิ ละปฏเิ วธ เพ่ือสร้างชุมชนและปัจเจกชนชาวพุทธที่มีค่านิยมต่อต้านกระแส ความโลภ ความโกรธและความหลงและสร้างวิถีชีวิตท่ีมีการเอ้ือเฟื้อแบ่งปนั ด้วยมิตรไมตรีตอ่ กันและกัน และมีชีวิตอยู่อย่างรู้เท่าทนั ความเป็นจริงต่างๆ และควรจัดการประสานให้เกอ้ื กูลตอ่ การศึกษาของสงฆ์ นอกระบบทม่ี อี ยู่แล้วให้เป็นระบบการศึกษาที่ส่งเสริมซึง่ กันและกนั การศึกษาของคณะสงฆ์ไทยในปัจจุบันต้องเป็นไป เพ่ือการเตรียมศาสนทายาทและพุทธศาสนิกชนให้สามารถนาหลักธรรม มาประยุกต์ใช้ในสังคมปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง เพ่ือให้
๑๒๖สามารถดาเนนิ ชีวิตในยุคสมัยใหม่ ควบคูไ่ ปกับการมสี ติใคร่ครวญผลดผี ลเสียของการพฒั นาและความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่เข้ามาสู่สังคมซึ่งแนวทางในการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยในปัจจุบันนี้จะต้องใช้แนวความคิด ๓ ประสาน คือ ประสานคน ระบบและบริบท ท่ีเก่ียวข้องคน คือ พระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชนท่ัวไป ซ่ึงเป็นศูนย์กลางของการเร่ิมต้น ต่อจากน้ันต้องกาหนดระบบเพื่อให้พระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชน เป็นไปตามกรอบหรือระบบท่ีวางไว้แล้วต้องปรับร้ือบริบทหรือสภาพแวดล้อมท้ังในระดบั กว้างท่ีสุด ได้แก่ ระดับการวางนโยบาย ระดบั ยุทธศาสตร์และระดับปฏิบัติการ ให้มีส่วนสนับสนนุ การปฏริ ปู การศึกษาของคณะสงฆใ์ ห้สัมฤทธิ์ผลดว้ ย๑๖๙ พระมหาประจักษ์ กิตฺติเมธี (ทองดาษ) ได้วิจัยเร่ือง “การพัฒนาเทคนิคและวิธีการสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี” มีวัตถุประสงค์ ๑. เพ่ือศึกษาสภาพและปัญหาการสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลรี ะดบั ช้ันประโยค ๑-๒ ในกรงุ เทพมหานคร ๒. เพ่ือพฒั นาเทคนคิ และวิธีการสอนพระปรยิ ัติธรรมแผนกบาลีระดับชั้นประโยค ๑-๒ ในกรุงเทพมหานคร ๓. เพื่อนาเสนอเทคนิคและวิธีการสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีระดับช้ันประโยค ๑-๒ ในกรุงเทพมหานคร โดยใชก้ ระบวนการศกึ ษาตามระเบียบวิจัยแบบคุณภาพคือ ใช้การศึกษาค้นคว้าเอกสาร ตารา งานวิจัยที่เก่ียวข้องกับเทคนิคและวธิ กี ารสอน และการพัฒนาเทคนคิ และวิธกี ารสอนดงั กลา่ ว และใช้การสมั ภาษณผ์ ู้ทรงคุณวุฒิถงึ วิธกี ารพัฒนาเทคนิคและวิธกี ารสอนว่าทาไดเ้ ช่นใดบา้ ง เมอื่ สามารถร่างเทคนิคและวิธกี ารสอนดังกลา่ ว เมื่อคณะผเู้ ชยี่ วชาญเหน็ ว่า เทคนิคและวธิ ีการสอนดังกลา่ วมีความเหมาะสม ก็สามารถนาเสนอรายงานได้ผลการศกึ ษาตามลาดับของวัตถปุ ระสงค์ที่กาหนดไว้ พบวา่ ๑. สภาพและปัญหาการสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีระดับชั้นประโยค ๑-๒ ในกรุงเทพมหานคร พบสภาพและปัญหาในการพัฒนา มี ๘ ด้าน คือ ดา้ นบุคคล ด้านอปุ กรณ์ ดา้ นการจัดการเรียนการสอน ด้านสถานการณ์ ดา้ นหลกั สูตร ดา้ นเนอ้ื หา ด้านองคค์ วามรู้ และด้านหลักธรรม ๒. การพัฒนาเทคนิคและวธิ ีการสอนพระปริยัตธิ รรมแผนกบาลีระดบั ชั้นประโยค ๑-๒ ในกรุงเทพมหานคร ต้องพัฒนาเทคนิค ๔ คือ ๑.พัฒนาเทคนิคการสอนจากง่ายไปหายาก ๒.พัฒนาเทคนิคการสอนให้เกิดศรัทธาในผ้สู อน ๓.พฒั นาเทคนิคการสอนใหเ้ กิดความกระตือรือร้น ๔.พัฒนาเทคนิคการสอนให้สนุกสนาน และพัฒนาวิธีการสอน ๔ คือ ๑.พัฒนาวิธีการสอนให้เห็นความสาคัญ๒.พัฒนาวิธีการสอนให้เชื่อมั่นว่าทาได้ ๓.พัฒนาวิธีการซักถามให้เกิดความเข้าใจ ๔.พัฒนาวิธีการตั้งกตกิ าให้น่าสนใจ ๓. พัฒนาเทคนิคและวิธีการสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีเป็นไปตาม CICE & CASAModel เทคนิค ๔ ได้แก่ ๑.เทคนิคการสอนแบบประจักษ์ใจ (Clarity) ๒.เทคนิคการสอนแบบ ๑๖๙พระมหาธรรมรัต อริยธมฺโม (ยศขุน), \"แนวทางการจดั การศกึ ษาของคณะสงฆใ์ นบรบิ ทแห่งสงั คมไทยยุคปัจจุบัน\",วิทยานิพนธ์ศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลยั , ๒๕๕๑,บทคดั ยอ่ .
๑๒๗ประทับใจ (Impression) ๓.เทคนิคการสอนแบบปลุกใจ (Courage) ๔.เทคนิคการสอนแบบปีติใจ(Exaltation) วิธีการ ๔ ได้แก่ ๑.วิธีการสอนแบบใส่ใจ (Concentration) ๒.วิธีการสอนม่ันใจ(Assurance) ๓.วธิ กี ารสอนแบบเขา้ ใจ (Savvy) ๔.วธิ กี ารสอนแบบพร้อมใจ(Acceptance)๑๗๐ สุดาภรณ์ อรุณดี ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “ยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สู่ระดับโลกในศตวรรษที่ ๒๑ กรณศี ึกษาการพัฒนาสมรรถนะทรัพยากรมนุษย์ ตามหลักพุทธญาณวทิ ยาและรูปแบบการจัดการทักษะความรู้ (รปู แบบ SKM Model)” ผลการวจิ ยั พบวา่ จากการวิจยั เชิงเอกสารการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปริมาณผู้เช่ียวชาญ มีความคิดเห็นสอดคล้องกนั ว่าการสร้างทุนสมองมนุษย์หรือสมรรถนะสู่ระดับโลกได้ เพราะการพัฒนามนุษย์นั้นต้องเร่ิมด้วยการพัฒนาจิตใจเพราะจิตใจเป็นรากฐานทส่ี าคญั ที่สุด ในการสร้างพฤติกรรมเม่ือมนุษยม์ ีพนื้ ฐานจติ ใจท่ีดแี ลว้ จะเกง่ ได้เองเกิดเป็นทุนสมองหรือทุนทางปัญญาของมนุษย์ (Human Capital) อริยะ – อัจฉริยะ (ดี – เก่ง)เรยี กว่าเปน็ สมณะมนษุ ย์หรือ Human Competency สมรรถนะมอี ยู่ในตวั มนุษย์ทกุ คนแต่ต้องอาศัยการฝกึ ฝนตนเอง เรยี นรแู้ ละพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะทาใหเ้ ป็นผู้มีสมรรถนะระดบั สงู สดุ ได้ ส่วนรปู แบบ KMS Model เป็นสมรรถนะด้านต่างๆ ของมนุษย์การเกดิ สมรรถนะต่างๆเหล่าน้ีได้บุคคลผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปฏิบัติท่ีอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา สาหรับคณุ สมบตั ิสมรรถนะมนุษย์โดยเกิดจากการฝึกฝนตามหลกั พุทธญาณวิทยา (หลักไตรสิกขา) เพราะหากฝึกตนให้เป็นผ้มู ีศีลสมาธิปัญญาสมรรถนะท่ีอยู่ในรูปแบบ SKM Model ก็จะเกิดข้ึนได้เองการเป็นมนุษย์ท่ีมีสมรรถนะแม้กระทั่งปัญญาสูงสุดในตัวมนุษย์ท่ีเราเรียกว่า ภาวนามยะปัญญา ในการพัฒนามนุษย์ต้องพัฒนาจากจิตใจเพ่ือส่งผลให้เกิดทุนทางปัญญา ในการสร้างความเก่งหรือความดีอริยะภาวะและอัจฉริยะภาวะขึ้นส่วนสมรรถนะท่ีเป็นปัจจัยท่ีทาให้เกิดศักยภาพ ท่ีจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดของความเป็นมนุษย์และปัญญาสูงสุดก็ คือ ทุนทางปัญญาซ่ึงไม่ใช่ลักษณะทางกายภาพของสมองหรือเน้ือสมองรอยหยักในเชิงนามธรรม แต่หมายถึงเชิงรูปธรรม คือ กระบวนการคิดและการตัดสินใจท่ีมีประสิทธิภาพของสมอง เป็นเพียงเครอื่ งมือที่ฝึกความเก่งแต่ปญั ญาเกิดจากความรู้ท่ีเกิดจากจติ ใจ เกดิ จากการหย่งั รู้ด้วยตนเองจากจิตใจแล้วสั่งการไปทีส่ มองให้แสดงออก มาเป็นพฤตกิ รรมดังนน้ั ทุนทางสมอง คือ ทุนทางปัญญาของมนษุ ย์ที่เกดิ จากการหยั่งรดู้ ้วยการศึกษาตนเอง จากการฝึกศีล สมาธิ ปัญญา ซ่ึงเปน็ พื้นฐานเปน็ คุณสมบตั ิสมรรถนะของมนุษย์ ของคนดแี ละเป็นคนเกง่ อยู่ในตัว(อรยิ ะ – อจั ฉรยิ ะ) การพัฒนาสมรรถนะทรัพยากรมนุษยจ์ ะต้องสร้างทจ่ี ิตใจรู้จักตัวเอง รจู้ ักศักยภาพของตัวเองด้วยความรักความเมตตา ท่ีมีออกมาจากภายในปัญญาสงู สุดจะเกิดขน้ึ จากภายในตนเองไม่ได้ ๑๗๐ พระมหาประจกั ษ์ กิตฺติเมธี (ทองดาษ), การพัฒนาเทคนิคและวธิ ีการสอนพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนกบาลี, ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต, พุทธบรหิ ารการศึกษา, บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,๒๕๖๐.
๑๒๘เกิดข้ึนจากภายนอกหรือจากการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมภายนอกใดๆ มนุษย์จะสามารถท่ีจะเรียนรู้อะไรต่ออะไรที่คนอนื่ ไม่รู้ ถ้าหากมนุษย์รจู้ ักหันเข้ามาศึกษาดูเองด้วยการฝึกสมาธิซ่ึงจะช่วยใหม้ นุษย์หันกลับไปเข้าข้างตนของตนเองฝึกการอบรมจิตใจตนเอง เป็นวิธีการที่ช่วยให้มนุษย์ได้ปัญญาด้วยความรู้สงู สดุ ผา่ นสมองซงึ่ เป็นเครื่องมือมนุษย์ ทเี่ ปน็ นามธรรมดังนัน้ ปัจจยั หลักในการสร้างและพัฒนาสมรรถนะทรพั ยากรมนุษยใ์ นระดับโลก คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มีทางอืน่ ถา้ เราจะใชแ้ ต่วิธีการทท่ี าให้มนุษย์กินอย่างเดยี ว โดยขาดศีลสมาธิในที่สุดมนุษยจ์ ะหลงอยใู่ นโลกนี้แลว้ ในท่สี ุดก็จะทาลายโลกเกิดเป็นสงครามเกิดปัญหาในโลกของเรากิเลสมีมากขึ้น ทั้งนี้เพราะเราฝึกจิตอยู่ที่วัตถุสิ่งของทาให้เกิดปัญหารอบตัวมากมาย เพราะธรรมชาติคนเก่งไม่ชอบให้ใครเก่งกว่าจะเกิดการแข่งขันหรือต้องการเอาชนะและทา เพ่ือเอาชนะเอาเปรียบผอู้ ื่นทุกวิถีทางเก่งมากไม่ดี ก็จะทาร้ายคนอ่นื ในขณะทค่ี นดีจะไม่ทาลายผู้อื่นและจะกลายเป็นคนเก่งเพราะบริหารจัดการจิตใจตัวเอง และบังคับพฤติกรรมตัวเองเรยี นรใู้ หเ้ กิดได้จากปญั ญา ทม่ี พี ื้นฐานมาจากศลี กอ่ ให้เกดิ เป็นสมาธิปัญญาสูงสดุ กจ็ ะเกิดขน้ึ เกดิ เป็นปญั ญาทดี่ ูไดเ้ ฉพาะตัวเองแล้วปญั ญานัน้ มนั ไมใ่ ช่ปัญญาท่ีเกดิ ข้ึนจากกิเลสเป็นปัญญาทเ่ี กิดข้ึนจากธรรมะจากจิตใจท่ีบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นหลักของไตรสิกขาจึงเป็นวิธีการท่ีจะช่วยใหม้ ีความเจริญก้าวหน้าทกุ ด้านทกุ อย่างในทางทีด่ ีทุกด้าน เพราะการรักษาศีลและยกระดับจิตใจของสมาธิมีสติกากับทุกเวลาสามารถทาได้ทุกอิริยาบถ ก็จะก่อให้เกิดปัญญาได้ทุกเวลาในทางสร้างสรรค์ความสงบสุขท่ีเป็นเครื่องหมายของคนเก่งและคนที่ก็จะเกิดขึ้น ส่วนข้อมูลมีความเห็นของกลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่ สอดคล้องกับข้อมูลในเอกสารและความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญกลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่ กลมุ่ ตัวอย่าง เห็นวา่ โดยรวมแล้วนักศึกษาท่ีเปน็ กลุ่มตัวอยา่ ง เห็นว่าสมรรถนะทรัพยากรมนุษย์ในระดับโลกตามหลักพทุ ธญาณวทิ ยาในสมรรถนะ ด้านของ ศีล สมาธิ ปัญญา อยู่ในระดับดีโดยเฉพาะสมาธทิ อี่ ยู่ในระดับดีมากและรูปแบบ KSM Model ในภาพรวมอยู่ในระดับดีโดยเฉพาะดา้ นเทคโนโลยีและการพัฒนาจิตใจ ตามหลักพุทธญาณวิทยาที่อยู่ในระดับดีมาก เน่ืองจากการพัฒนามนษุ ย์ต้องเร่ิมจากการฝึกฝนจิตใจให้เป็นสิ่งดีงาม ซ่ึงในความดีงามซึ่งในความดีงามนั้นจะก่อให้เกิดภาวะความเก่งซงึ่ เป็นคุณสมบัตขิ องสมรรถนะมนุษย์ขึ้นมาได้เอง ในทุกเร่ืองและทุกศาสตร์ในสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตรเ์ กิดเป็นอริยะ – อัจฉรยิ ะภาวะมีความรักและความเมตตา เกดิ เป็นความสงบสันตบิ นโลกซึง่ ถอื วา่ เปน็ ทุนทางปญั ญาทแี่ ทจ้ ริง๑๗๑ พระมหาสุพจน์ สุเมโธ (พานทอง) ได้ทาการวิจัย “การพัฒนารูปแบบการบริหารการศึกษาตามพุทธวิธีบริหารของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มท่ี ๒” โดยใช้ ๑๗๑สุดาภรณ์ อรุณดี, “ยุทธศาสตร์การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์สรู่ ะดับโลกในศตวรรษท่ี 21 กรณีศึกษาการพัฒนาสมรรถนะทรัพยากรมนุษยต์ ามหลักพุทธญาณวิทยาและรูปแบบการจัดการทักษะความรู้ (รูปแบบ SKMModel)”, วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์, บัณฑิตวิทยาลัย :มหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณใ์ นพระบรมราชปู ถมั ภ์, ๒๕๕๑,บทคัดยอ่ .
๑๒๙ระเบยี บวิธีวิจัยแบบผสานวิธี ประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชงิ คุณภาพ โดยการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นครูผู้สอนและนักเรียน จานวน ๔๓๕ แล้วนามาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ/ค่าเฉล่ีย และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ส่วนการวิจัยเชิงคณุ ภาพ ไดเ้ กบ็ ข้อมลู โดยการสัมภาษณจ์ ากผู้ทรงคุณวฒุ แิ ละผู้เชีย่ วชาญ จานวน ๑๔ รปู /คน และการสนทนากลมุ่ จานวน ๙ รปู /คน ผลการวจิ ยั พบว่า การบริหารการศึกษาตามพุทธวิธีบริหารของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาโดยภาพรวมอยู่ไหนระดับดีมาก ได้รูปแบบการบริหารการศึกษาท่ีมีประสิทธิผลตามพุทธวิธีบริหารของโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม แผนกสามญั ศึกษา กล่มุ ที่ ๒ คอื โพสส์ อีเอม็ บดี ี โมเดล (POSCD EMBDMODEL) เป็นการนาหลักพุทธวธิ บี ริหารมาสรา้ งรปู แบบของการบริหารการศกึ ษาท้งั ๔ ดา้ น ดังน้ี คือด้านการบริหารงานวิชาการ พัฒนาด้วยหลักไตรสิกขา ด้านการบริหารงานงบประมาณ พัฒนาด้วยหลักสุจริต ๓ ด้านการบริหารงานบุคลากร พัฒนาด้วยหลักพรหมวิหาร ๔ และด้านการบริหารงานทั่วไป พัฒนาดว้ ยหลักสัปปรุ ิสธรรม ๗ นอกจากนีย้ ังนาหลัก ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช มาประยุกตใ์ ชใ้ นในการบริหารเพื่อใหเ้ กิดความต่อเนื่องและยั่งยืนของการบริหารการศึกษา และนาหลักอิทธิบาท ๔ มาประยกุ ต์ใช้เพอ่ื ให้ประสบความสาเรจ็ ในการบรหิ ารงานทง้ั ๔ ด้าน๑๗๒ พระมหาอาเดช อุปนันท์ ได้ทาการศึกษาเรอ่ื ง “การวเิ คราะห์ความสอดคลอ้ งของการเรียนการสอนตามแนวพุทธวธิ ีกับหลกั การปฏิรูปการศึกษา” สรุปผลการศึกษาว่า การเรียนการสอนตามแนวพุทธวิธีกับหลกั ปฏิรูปการศึกษามคี วามสอดคล้องกนั ท้ัง ๕ ประเดจ็ ทกี่ าหนดศึกษา ได้แก้ ๑.เปา้ หมายของการสอน เพื่อประโยชน์ ๒ ส่วน คอื ส่วนบุคคลและส่วนรวม ๒. รปู แบบและข้นั ตอนการสอน ๓. การใช้เทคนิคการสอน ๔. การใช้สอื่ และเหลง่ เรยี นรู้ ๕. การประเมินผลการเรียนร้แู ละผลที่การสอนตามแนวพุทธวิธีทัง้ ๕ น้ี สามารถนาไปประยุกต์ในการจัดการศึกษาท่ีส่งเสริมการปฏิรูปการเรยี นรู้ได้เปน็ อย่างดี โดยเฉพาะอย่างย่ิง ความเปน็ ครูของพระพุทธองคท์ ี่สามารถนามาเป็นแบบอยา่ งแก่ผทู้ ี่ตอ้ งการพัฒนาวชิ าชีพครใู หเ้ ป็นทีย่ อมรับศรัทธาย่งิ ข้ึนไป๑๗๓ ฐานิตา นพฤทธิ์ ได้ทาการวจิ ัยเรือ่ ง “นวัตกรรมการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารของโรงเรียนในฝัน” ผลการวิจัยพบว่า ผู้บริหารควรมีทัศนคติในเชิงบวกกับการใช้ ICT ๑๗๒ พระมหาสพุ จน์ สุเมโธ (พานทอง), “การพัฒนารูปแบบการบรหิ ารการศึกษาตามพุทธวิธบี ริหารของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ ๒”, วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสรดุษฏีบัณฑิต สาขาพุทธบริหารการศกึ ษา, (คณะครุศาสตร์ : มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๕๘), บทคัดย่อ. ๑๗๓ พระมหาอาเดช อุปนันท์, “การวิเคราะหค์ วามสอดคล้องของการเรียนการสอนตามแนวพุทธวิธีกับหลักการปฏิรูปการศึกษา”, วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสรดุษฏีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่, ๒๕๕๑), หนา้ ๑๙๗.
๑๓๐สามารถใช้ ICT ในการปฏิบัติงานได้ พร้อมท่ีจะส่งเสริมสนับสนุนใหค้ รใู ช้ ICT มีการสร้างแรงจูงใจในการใช้ ICT ใหก้ บั ครูในโรงเรียน หาภาคีเครือขา่ ยเพ่ือพฒั นา แบ่งปันความรู้และเทคโนโลยรี ่วมกัน อีกทงั้ ส่งเสริม สนับสนนุ ให้ผ้มู ีส่วนไดส้ ว่ นเสีย ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชมุ ชนเขา้ มามีส่วนร่วมในการกาหนดนโยบาย รวมถึงการกากับติดตาม นิเทศ สนับสนุนการเรียนการสอนและให้ข้อมูลยอ้ นกลับแก่โรงเรยี น๑๗๔ บญั ชา ยุทธนาคมจุ ลินท์ ไดว้ ิจยั เรือ่ งแนวทางการพัฒนาศาสนทายาททพ่ี ึงประสงค์ ในพระพุทธศาสนาผลการศึกษา พบว่า สภาพการพัฒนาศาสนทายาทในเขตการปกครองคณะสงฆ์จังหวดั ขอนแก่นเป็นการพฒั นาในลักษณะการจัดการศึกษาพระปรยิ ัตธิ รรม ซึ่งเป็นการศึกษารปู แบบพเิ ศษมี ๓ แผนก คือ แผนกธรรม แผนกบาลแี ละแผนกสามัญศกึ ษา การจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษาดาเนินไปตามนโยบายรัฐและมหาเถรสมาคม มีสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและกระทรวงศึกษาธิการคอยกากับดูแล ด้านหลักสูตรด้านการวัดผลประเมินผลและการจัดสรรงบประมาณ ส่วนการบริหารจัดการให้เป็นหน้าท่ีของเจ้าอาวาสในการพัฒนาศาสนทายาท ให้มีคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ต้องให้ได้รบั การพัฒนาคุณลักษณะ ด้านวิชาการและการศึกษาเชิงพุทธโดยบูรณาการเข้ากับทฤษฎีไตรสิกขาของพระพุทธเจ้า ทฤษฎีแรงจูงใจและทฤษฎีบุคลิกภาพของนกั จิตวิทยาสมัยใหม่ แนวทางในการพัฒนาศาสนทายาทท่ีพึงประสงค์ในพระพุทธศาสนานั้น พบว่าแนวนโยบายการจัดการศึกษายังขาดการวางแผนร่วมกัน การจัดกระบวนการเรียนการสอนยังขาดความเขา้ ใจ ในการนาทฤษฎีการศึกษาและทฤษฎจี ิตวทิ ยามาใชใ้ นการสรา้ งแรงจงู ใจ สร้างความม่งุ มั่นทจี่ ะศึกษาใหส้ าเร็จการศึกษาแผนกธรรมและแผนกบาลี เปน็ การศึกษาเฉพาะทางยังไม่บูรณาการกับศาสตร์สมยั ใหม่การพัฒนาคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ให้ศาสนทายาทเกิดการเรียนรู้และประพฤติตนตามหลักศีลาจารวัตรและการพัฒนาบุคลิกภาพ ยังไมเ่ ป็นไปตามมาตรฐานทีส่ ังคมจะยอมรบั ไดจ้ ึงได้เสนอแนวทางพัฒนาใหม่ตามกระบวนการ PTCC Model มองผ่านระบบการประกันคุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษาตามกฎกระทรวงศกึ ษาธกิ ารพ.ศ. ๒๕๕๓๑๗๕ พระมหาธรรมรัต อริยธมฺโม (ยศขุน) ได้ศึกษาเร่ือง \"แนวทางการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ในบริบทแห่งสังคมไทยยุคปัจจุบัน\" ผลการศึกษาพบว่า “สภาพการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยแบ่งออกได้เป็น๒ประเภทใหญ่ๆ คือ การศึกษาระบบเดิมของคณะสงฆ์และการศกึ ษาท่ีคณะ ๑๗๔ ฐานิตา นพฤทธ์ิ ได้ทาการวิจัยเรื่อง “นวัตกรรมการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารของโรงเรียนในฝัน”, วิทยานพิ นธ์ปริญญาดษุ ฏบี ัณฑติ , (บัฑฑิตวทิ ยาลัย : ,มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร, ๒๕๕๖), หน้า ๑๙๔-๑๙๕ ๑๗๕บัญชา ยุทธนาคมุจลินท์, “แนวทางการพัฒนาศาสนทายาทที่พึงประสงค์ในพระพุทธศาสนา”,วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๖).บทคดั ย่อ.
๑๓๑สงฆ์จัดให้สอดคล้องกับระบบของรัฐการศึกษา ที่เป็นการศึกษาของคณะสงฆ์โดยตรง คือ พระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลกี ารศกึ ษาของคณะสงฆ์ กับบรบิ ทของสังคมไทยยุคปจั จุบันมีทัง้ ที่เป็นจุดอ่อนและจดุ แข็งภายในตัวโดยจุดแข็ง อยทู่ ่ีความเปน็ อิสระในกระบวนการเรียนการสอนการวดั ผลประเมินผลใชร้ ะบบ ส่วนกลางการสอบใชก้ ารเขียนแบบอัตนยั การจัดการศึกษา มไิ ดม้ ุ่งผลกาไรแตม่ ุ่งผลเพ่ือพัฒนาความรู้ให้แก่ผู้เรียนจริงๆ ส่วนจุดอ่อนของการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยอยู่ที่ไม่สามารถเตรียมคนหรอื ศาสนทายาท ให้สามารถที่จะเผชิญกับยุคสมัยแหง่ การเปล่ียนแปลงได้ทาให้สังคมสงฆ์อ่อนแอ และเกิดวิกฤติขน้ึ ภายในองค์กรของคณะสงฆ์เอง ขาดการเช่ือมต่อกบั ระบบการศึกษาของรัฐเป็นการศึกษาแบบรวมศูนยข์ าดการปรับปรุงอยา่ งต่อเน่อื ง การศึกษาของคณะสงฆ์กบั บริบทของสังคมไทย ในยุคปัจจุบันยังไม่สามารถท่ีจะจัดให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย ในยุคปัจจุบันได้กล่าวคือยังไม่สามารถจัดให้สอดคล้องกับคาดหวังของพระพุทธศาสนาคณะสงฆ์และของสังคมท้ังในด้านปริมาณและในด้านคุณภาพ ในด้านปริมาณปรากฏว่า มีผู้เข้าสอบและสอบผ่านลดจานวนลงมาก นอกจากนี้กระบวนการบริหารจัดการกระบวนการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร เป็นต้น ก็ยังไม่สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยในปัจจุบันส่งผลให้คุณภาพผลผลิตทางการศึกษา จากระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยท่ีเป็นอยู่ไม่สามารถผลิตศาสนทายาทที่มีคุณภาพ ให้กับพระพุทธศาสนาความรู้ทางพุทธศาสนาของพระสงฆ์ก็อ่อนด้อยลงและสถานะความเป็นผู้นาทางสติปัญญาและจิตวิญญาณของพระสงฆ์อ่อนแอลง ทาให้คณะสงฆ์ไม่สามารถรับมือกับความเปล่ียนแปลงของสังคมในปจั จุบันได้ ส่งผลกระทบให้องคก์ รคณะสงฆแ์ ละพระพทุ ธศาสนามคี วามอ่อนแอเปน็ อย่างมาก แนวทางการจดั การศึกษาของคณะสงฆก์ บั บริบทของสงั คมไทย ในยุคปัจจบุ นั จะต้องมีการปฏิรูปทั้งระบบอย่างเร่งด่วน ท้ังในระดับนโยบายองค์กรบริหารและให้ความสาคัญกับปัจจัยนาเข้าปัจจัยกระบวนการปจั จัยผลผลิตและปจั จัยผลกระทบ โดยนาหลักการบริหารจัดการสมัยใหมม่ าใช้แต่ตง้ั อยู่บนพ้ืนฐานของหลกั พุทธธรรม คือ หลักไตรสกิ ขาการศึกษาของคณะสงฆ์ในปจั จบุ ันจะตอ้ งไม่ก้าวตามระบบการศึกษาทางโลก ที่จัดการศึกษาเพื่อตอบสนองโลกทุนนิยมแต่จะต้องก้าวไปเป็นผูน้ าทางการศึกษาแบบใหม่ที่ใช้หลักพุทธธรรม เป็นฐานจัดกระบวนการเรียนรู้ทีส่ อดคลอ้ งกับวิถชี ีวิตของพระภิกษุสามเณรพร้อมเชื่อมโยงเข้ากับสาระของศาสตร์ต่างๆ ควบคู่กันไปควรจะปฏิรูปให้เป็นการศกึ ษาพระพุทธศาสนาทค่ี รบถว้ นและสมบูรณ์ ทั้งในส่วนของหลักการและวธิ ีการนนั่ คอื จะต้องทาใหเ้ ปน็ กระบวนการศึกษาเรียนรู้ที่สมบูรณ์ ทงั้ ปริยัติ ปฏิบัติและปฏเิ วธ เพอื่ สร้างชุมชนและปัจเจกชนชาวพุทธท่ีมีค่านิยมต่อต้านกระแส ความโลภ ความโกรธและความหลงและสร้างวิถีชีวิตที่มีการเอ้ือเฟ้ือแบ่งปนั ด้วยมิตรไมตรีตอ่ กันและกัน และมีชีวิตอย่อู ย่างรู้เท่าทันความเป็นจริงต่างๆ และควรจดั การประสานใหเ้ กือ้ กูลตอ่ การศึกษาของสงฆ์ นอกระบบทมี่ ีอยแู่ ล้วให้เป็นระบบการศึกษาทสี่ ่งเสริมซ่ึงกันและกนั
๑๓๒ การศึกษาของคณะสงฆ์ไทยในปัจจุบนั ต้องเป็นไป เพื่อการเตรียมศาสนทายาทและพุทธศาสนิกชนให้สามารถนาหลักธรรม มาประยุกต์ใช้ในสังคมปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง เพ่ือให้สามารถดาเนนิ ชีวิตในยคุ สมัยใหม่ ควบคู่ไปกับการมสี ติใครค่ รวญผลดีผลเสียของการพัฒนาและความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่เข้ามาสู่สังคมซ่ึงแนวทางในการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยในปัจจุบันน้ีจะต้องใช้แนวความคิด ๓ ประสาน คือ ประสานคน ระบบและบริบท ที่เกี่ยวข้องคน คือ พระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชนท่ัวไป ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเริ่มต้น ต่อจากนั้นต้องกาหนดระบบเพื่อให้พระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชน เป็นไปตามกรอบหรือระบบที่วางไว้แล้วต้องปรับร้ือบริบทหรือสภาพแวดล้อมทั้งในระดบั กว้างที่สุด ได้แก่ ระดับการวางนโยบาย ระดบั ยุทธศาสตร์และระดบั ปฏบิ ตั กิ าร ใหม้ ีส่วนสนับสนุนการปฏิรูปการศกึ ษาของคณะสงฆ์ใหส้ ัมฤทธ์ผิ ลดว้ ย๑๗๖ ๒.๓.๒ งานวจิ ยั ตา่ งประเทศ กอร์ดอน (Gordon) ได้กลา่ วถงึ การวจิ ัยในสหรัฐอเมริกาเพ่ือวัดความสามารถในการปฏิบัติงานของครูที่สอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้อน โดยสภาพการศึกษาของรัฐฟลอริดา เพ่ือนาผลการวจิ ัยไปเป็นแนวทางปรบั ปรงุ คณุ ภาพครู ใน ๓ ดา้ น ดังน้ี ๑. ดา้ นบคุ ลกิ ภาพ คือ มีความเชอื่ ม่ันในตนเอง มคี วามมัน่ คงทางอารมณ์ พร้อมทจ่ี ะรบั การเปล่ียนแปลง รกั เด็ก ยอมรับในเรือ่ งความแตกต่างระหว่างบุคคล มีจติ ใจเป็นนักประชาธิปไตยรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น มคี วามรับผดิ ชอบ มคี วามกระตอื รือร้นที่จะพฒั นาตนเองอยู่เสมอมีมนษุ ย์สัมพันธ์และอทุ ศิ ตนเพือ่ การเรียนของเด็กทัง้ ในและนอกเวลาเรียน ๒. ด้านความรู้ความเข้าใจ คือ มีความรู้เก่ียวกับพัฒนาการทางกายและสมอง มีความเข้าใจกระบวนการเรยี นการสอน เช่น ทฤษฎีการเรยี นรู้ กระบวนการทางานกลุ่ม เข้าใจในการจัดการศึกษาของชาติ ๓. ทักษะด้านการสอน ได้แก่ มีทักษะในการสอน ฟัง พูด อ่าน เขียน และใช้โสตทัศน์อุปกรณ์ มีเทคนิคในการแก้ปัญหา ใช้จุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมและใช้แหล่งวิทยาการให้เป็นประโยชนต์ ่อการเรยี นการสอน มกี ารประสานงานกบั ครคู นอ่ืนๆ๑๗๗ วอทรูบา และไรท์ (Wotruba & Writh) ได้ทาการวิจัยเพื่อพัฒนาเครื่องมือประเมินผลอาจารย์ (how to develop a teacher-rathing scale instrument) โดยมีวัตถุประสงค์ ๑๗๖พระมหาธรรมรตั อริยธมฺโม (ยศขนุ ), \"แนวทางการจดั การศึกษาของคณะสงฆ์ในบรบิ ทแห่งสังคมไทยยุคปัจจุบัน\",วิทยานิพนธ์ศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลยั , ๒๕๕๑,บทคดั ย่อ. ๑๗๗ Gordon, L. (1971). Measuring teacher competencies for the middle school. TheNational Elementary Principles, 51(9), pp. 60-61.
๑๓๓เพอื่ ศึกษาวธิ ีการพฒั นาปรับปรุงเคร่ืองมอื ประเมินประสิทธิภาพ ในการสอนของอาจารย์กล่มุ ตวั อยา่ งประกอบด้วย ผู้บริหาร อาจารย์ และนักศึกษามหาวิทยาลัยซานดิเอโก (San Diago University)แผนกบริหารธุรกิจ เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบประเมินประสิทธิภาพอาจารย์ผลการวิจยั พบว่า ผู้บริหาร อาจารย์และนักศกึ ษามคี วามเห็นว่า คณุ ลักษณะของอาจารย์ท่สี าคญั ได้แก่การมีความรู้กว้างขวางถูกต้องทันสมัย และรู้อย่างแท้จริง ส่งเสริมให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น มีความกระตือรือร้นในวิชาท่ีตนสอน ส่งเสริมการทางานเป็นกลุ่มสามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายยกตวั อย่างให้เห็นชัดเจน ช่วยเหลอื นักเรียนท้ังในและนอกห้องเรียนสรา้ งบรรยากาศในการเรียนการสอนให้เป็นไปอย่างมีชีวิตชีวา มีความยุติธรรมในการประเมินผลการเรียน มีความสนใจในการสอนอุปกรณ์การสอน บุคลิกภาพ บรรยากาศในช้ันเรียน มีทัศนคติท่ีดีต่อนักศึกษาและวิชาท่ีสอนผลจากการศกึ ษาเอกสารและงานวิจัยทเ่ี กี่ยวขอ้ ง อาจสรปุ ได้วา่ มคี วามสอดคลอ้ งกันในดา้ นของ คณุ ลักษณะของครทู ม่ี ีประสิทธภิ าพหรือครูทีส่ อนดี จากการประเมิน ใน ๓ ลกั ษณะ ได้แก่ ๑. ลักษณะการสอนที่ดี คอื มีทักษะในการสอน ฟัง พูด อ่าน เขียน และใชโ้ สตทศั น์อปุ กรณ์ (หากได้สอนวิชาที่ตนถนัดและชอบ จะทาใหม้ ีประสิทธภิ าพย่ิงข้ึน) มีความลมุ่ ลึกในเนอ้ื หามีเทคนิคในการแก้ปัญหา ใช้จุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม และใช้แหล่งวิทยาการให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน มีความกระตือรอื ร้นในวชิ าทต่ี นสอน สง่ เสริมการทางานเป็นกลุ่ม ส่งเสรมิ และกระตุ้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัตจิ ริง ให้อิสระในการแสดงความคิดเห็นของผู้เรียน สร้างบรรยากาศในการเรียนการสอนให้เป็นไปอย่างมีชวี ิตชวี า มีความยุติธรรมในการประเมินผลการเรียน มีการประสานงานกับครคู นอ่ืน ๆ จดั การเรยี นการสอนปลกู ฝงั และสรา้ งจติ สานึกในการทาประโยชน์ให้สังคม ๒. ลักษณะท่ีเกี่ยวกับบุคลิกภาพที่ดี คือมีความเช่ือม่ันในตนเอง มีความม่ันคงทางอารมณ์พร้อมท่ีจะรับการเปลี่ยนแปลง รกั เดก็ ยอมรับในเร่อื งความแตกต่างระหว่างบุคคล มจี ติ ใจเป็นนักประชาธิปไตย รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น มีความรับผิดชอบ มีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตนเองอยเู่ สมอ มมี นุษยสมั พนั ธแ์ ละอุทศิ ตนเพอ่ื การเรียนของเด็กท้ังในและนอกเวลาเรียน ๓. ลักษณะเก่ียวกับอาชีพครู คือมีทศั นคติท่ดี ีต่อผู้เรียน มีความรู้กวา้ งขวาง ถูกต้องทันสมัย และรู้อย่างแท้จริง มีความรู้เก่ียวกับการพัฒนาการทางกายและสมอง สามารถอธิบายให้เขา้ ใจง่าย ยกตวั อย่างให้เห็นไดช้ ัดเจน มีความเขา้ ใจกระบวนการเรียนการสอน เช่น ทฤษฎีการเรียนรู้กระบวนการทางานกล่มุ เขา้ ใจการจดั การศึกษาของชาติ๑๗๘ แคลเดอรอน (Calderon) ได้ศึกษาเก่ียวกบั คุณลักษณะของครูทีส่ อนได้ดีเย่ียมในทัศนของนักเรียน ครู ผู้บริหารโรงเรียนในเขตวิทยาลัยชุมชน ลอสแองเจลสิ เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสอบถามความคดิ เห็นเกี่ยวกบั บุคลิกภาพและพฤติกรรมของครูทส่ี อนได้ดีเย่ียม ผลการวจิ ัยพบว่า ๑๗๘ Wotruba, T.R. & Wright, P.L. (1975). How to develop a teacher rating instrument.Journal of Higher Education, 46(6), pp. 653-660.
๑๓๔นักเรียน ครู และผู้บริหารโรงเรียนมีความคิดเห็นตรงกัน โดยเน้นในส่วนท่ีเกี่ยวกับบุคลิกภาพหรือคุณลักษณะ ที่ดี ๓ ลักษณะ ได้แก่ ๑. ลกั ษณะการสอนที่ดี ๒. ลักษณะท่ีเกย่ี วกับบุคลิกภาพทด่ี ี ๓. ลักษณะเกี่ยวกบั อาชพี ครู๑๗๙๒.๕ กรอบแนวคิดในการวิจยั ๑๗๙ Calderon, L.A. (1989). Characteristics of excellent teacher as perceived by students,teachers and administrators in the Los Angeles Community College District. Dissertation AbstractsInternational, 49(9), pp. 2512-A.
แนวคดิ เกย่ี วกบั การพฒั นานวตั กรรมการศึกษาด้านพัฒนานวตั กรรม DEVELOPMENT OF TEACHIN PHRAPARIYATTIDHAMMแนวคดิ เกี่ยวกบัพัฒนานวตั กรรม ๑. ศกึ ษาแนวคดิ ทฤษฎี ๑.ทฤษฎกี ารเรียนรู้ การศึกษาด้าน นวตั กรรมการศึกษา ๒.ทฤษฏคี วามแตกระหวา่ งบุคการเรียนการสอน ด้านการเรยี นการสอน ๓.ทฤษฏกี ารพฒั นาการ ๔.ทฤษฎที ีเ่ นน้ การรับรู้และกาการสร้างพฒั นา ๕.ทฤษฎขี องกลุ่มท่เี ชื่อในควา นวตั กรรม การศกึ ษา ๒. สภาพการ ๑. ส่อื สง่ิ ประดษิ ฐ ดา้ นการเรยี น ดาเนินการจัดสรา้ ง -ดา้ นชุดการเรยี นการสอน การสอน พฒั นานวัตกรรม -ด้านชุดฝึกทักษะ, - นิทาน - เกม, -การต์ นู ข้อมลู ๓ ประเภท - คอมพิวเตอรม์ ัลตมิ เี ดยี สถานศึกษา ๓. กระบวนการ กอ่ นการจัดสร้าง จัดสรา้ งการพฒั นา พฒั นานวตั กรรม นวตั กรรมการเรียนการ สอน ๔. การปรับปรุงและ แก้ไข
นการเรยี นการสอนโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม แผนกสามญั ศึกษาNG AND LEARNING EDUCATIONAL INNOVATION OFMA SCHOOLS, GENERAL EDUCATION DIVISION.คคล ๑. ทฤษฎีการเรียนรอู้ ยา่ งมีความสขุ ๒. ทฤษฎีการเรียนรูอ้ ยา่ งมีสว่ นรว่ มารเช่อื มโยงความคดิามมีเหตุผลของมนษุ ย์ ๓. ทฤษฎกี ารเรยี นรเู้ พื่อการพัฒนา ๔. ทฤษฎกี ารเรยี นรู้พัฒนาศิลปะ,ดนตรี,กีฬา ๕. ทฤษฎกี ารเรียนรู้พฒั นาฝึกฝนกาย วาจา ใจฐ์ ๒. รูปแบบวิธี เทคนคิ การสอน ๓. ทรพั ย์กร -แบบโมเดลซิปปา - คนน - แบบโครงงาน,- แบบ 4MAT - วสั ดุ ,-แบบกิจกรรม, - อาคาร สถานที่ - แบบอรสิ จั ๔ - เครอ่ื งมอื , -กิจกรรม การดาเนนิ จัดสร้าง หลังการจดั สรา้ งพัฒนา พัฒนานวตั กรรม นวัตกรรม นาขอ้ มูลมากปรบั ปรงุ และแกไ้ ขให้มีประสทิ ธิภาพยงิ่ ขึ้นไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146