Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 129513_แนวทางการปฏิบัติด้านมวลชนสัมพันธ์สำหรับข้าราชการตำรวจต่อศาสนิกชนต่างๆ

129513_แนวทางการปฏิบัติด้านมวลชนสัมพันธ์สำหรับข้าราชการตำรวจต่อศาสนิกชนต่างๆ

Description: 129513_แนวทางการปฏิบัติด้านมวลชนสัมพันธ์สำหรับข้าราชการตำรวจต่อศาสนิกชนต่างๆ

Search

Read the Text Version

เมื่อรบั แจง้ เหตุ/พบ หากพบพระภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนกั บวชในศาสน ขอ้ คาถามข้อท่ี 5 กฎหมาย/ระเบยี บ - พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พุทธศกั ราช ๒๔๘๗ ทเี่ กีย่ วข้อง มาตรา ๕ หา้ มมใิ ห้จัดให้มีการเร่ยี ไรหรอื ทาการเร่ยี ไร ดงั (๑) การเรย่ี ไรเพอื่ รวบรวมทรพั ยส์ นิ มาใหห้ รอื ช (๒) การเรยี่ ไรโดยกาหนดเกบ็ เงินหรอื ทรพั ย์สิน (๓) การเรย่ี ไรอนั อาจเปน็ เหตุใหเ้ ส่อื มทรามแก (๔) การเร่ียไรอนั อาจเป็นเหตกุ ระทบกระเทือน (๕) การเร่ยี ไรเพือ่ จัดหายุทธภณั ฑ์ให้แกต่ า่ งปร มาตรา ๖ การเรยี่ ไรซ่ึงอา้ งวา่ เพื่อประโยชน์แก่ราชการ เ เรยี่ ไรแลว้ ความในวรรคกอ่ นมใิ ห้ใชบ้ งั คับแกก่ ารเร่ียไรซ่ึง มาตรา ๘ การเรี่ยไรในถนนหลวงหรือในที่สาธารณะ การ ทาได้ตอ่ เมอื่ ไดร้ บั อนุญาตจากพนักงานเจ้าหนา้ ท่ีแล้ว ข้อความในวรรคกอ่ นนม้ี ิใหใ้ ชบ้ งั คับแก่ (๑) การเรี่ยไรซึง่ ไดร้ บั อนญุ าตหรอื ไดร้ บั ยกเว้น (๒) การเรี่ยไรเพอ่ื กศุ ลสงเคราะห์ในโอกาสทบี่ (๓) การเรี่ยไรโดยขายสง่ิ ของในงานออกรา้ น ห การออกรา้ น หรอื ผู้จดั ให้มีการนดั ประชุมเปน็ ผู้จัดใหม้ ขี ้นึ มาตรา ๑๒ บคุ คลผู้ไดร้ ับอนญุ าตให้ทาการเรีย่ ไรต้องมใี บ การเรยี่ ไรตรวจดู เมือ่ เจ้าหน้าที่หรือบคุ คลน้นั เรยี กรอ้ ง ในกรณกี ารเรี่ยไรซง่ึ ไดร้ ับอนญุ าตให้จัดทาประ มาตรา ๑๗ ผู้ใดฝา่ ฝืนมาตรา ๕ มาตรา ๖ วรรคแรก มา หรือทง้ั ปรับทง้ั จา

18 นาใด ออกเร่ียไรเงนิ เจ้าหนา้ ท่ีตารวจควรดาเนนิ การอยา่ งไร งตอ่ ไปน้ี ชดใช้แก่จาเลย เพอ่ื ใช้เป็นค่าปรบั เวน้ แต่จะเป็นการเร่ียไรในระหวา่ งวงศ์ญาตขิ องจาเลย นอยา่ งอ่ืนเปน็ อัตราโดยคานวณตามเกณฑป์ รมิ าณสินค้า ผลประโยชน์ หรือวตั ถุอยา่ งอืน่ ก่ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดีของประชาชน นอย่างรนุ แรงถงึ ทางสัมพันธไมตรกี ับต่างประเทศ ระเทศ เทศบาลหรือสาธารณประโยชนจ์ ะจัดให้มีได้ตอ่ เมือ่ ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการ งกระทรวง ทบวงหรือกรมเป็นผจู้ ัดใหม้ ี รเรยี่ ไรโดยโฆษณาดว้ ยสิ่งพมิ พ์ ด้วยวทิ ยกุ ระจายเสียง หรอื ดว้ ยเครอื่ งเปลง่ เสียง จะจดั ให้มีหรอื นตามมาตรา ๖ บุคคลชมุ นมุ กันประกอบศาสนกจิ หรอื ในที่นัดประชุมเฉพาะแหง่ อนั ได้จดั ใหข้ น้ึ โดยชอบด้วยกฎหมาย ซง่ึ ผไู้ ดร้ ับอนุญาตให้มี น บอนุญาตตดิ ตวั อยใู่ นขณะทาการเรยี่ ไร และตอ้ งใหเ้ จ้าหน้าท่หี รือบุคคลผูป้ ระสงคจ์ ะเข้าส่วนใน ะจาท่ี ผู้รับอนญุ าตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ ณ ทที่ าการเรยี่ ไรให้เห็นได้โดยชดั เจน าตรา ๘ วรรคแรก มคี วามผิดต้องระวางโทษปรบั ไม่เกินสองรอ้ ยบาท หรือจาคกุ ไมเ่ กินหนึ่งเดือน

ขอ้ บัญญตั ิทางศาสนา พุทธ - พระสงฆ์ไมม่ ีสิทธ์เิ รยี่ ไรเงนิ ใคร เป็นหนา้ ที่ของฆราวาส คาสั่งมหาเถรสมาคม เร่ืองควบคุมการเร่ยี ไร พ.ศ.2539 ข้อ 9 พระภกิ ษุสามเณรรูปใดฝา่ ฝืนคาสัง่ มหาเถรสมาค (1) ถ้ามไิ ดเ้ ปน็ พระสงั ฆาธิการ (๑.1) เมือ่ เจ้าอาวาสเจา้ สังกดั ได้ทราบความผิดน ขัดคาสัง่ ของเจา้ พนักงานตามความในประมวลกฎหมายอ (1.2) เมื่อเจ้าคณะในเขตท่ีความผดิ นน้ั เกิดข้นึ ได ผา่ นเจ้าคณะจงั หวัดเจ้าสงั กดั แต่ถา้ มีสงั กดั อยูต่ ่างจังหวดั (2) ถ้าเป็นพระสังฆาธกิ ารให้เจา้ คณะสังกัดพิจารณาล ในเขตจงั หวดั ที่ตนมไิ ดส้ งั กัดอยู่ ใหเ้ จ้าคณะในเขตทค่ี วาม (๒.๑) ในกรุงเทพมหานคร ใหแ้ จ้งแกเ่ จ้าคณะกร (๒.๒) ในจังหวดั อ่ืน ให้แจง้ แกเ่ จ้าคณะจงั หวดั ห (๒.๓) ถ้าปรากฏว่าความผิดตามกรณี (2.1) หร เจา้ อาวาสหรือเจา้ คณะเจ้าสงั กัด อิสลาม - ศาสนบัญญตั ิกาหนดวา่ มสุ ลิมทุกคนทีม่ เี งนิ ครบจานวน ยากไร้และคนยากจน โดยอาจจะมอบให้ผู้นาเปน็ คนจัดก - ในปจั จบุ ันมสั ยิดมีการจัดการเรยี นการสอนประจามสั ยดิ คริสต์ - ปกติแลว้ จะไมม่ ีการออกเรยี่ ไร ถา้ มกี ารขอทาบุญในวงก พราหมณ์ – ฮินดู - ไมม่ กี ารเร่ยี ไรเงนิ ในศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู

19 คม น้นั แลว้ ให้จดั การให้พระภกิ ษุ สามเณรรูปนนั้ ออกไปเสียจากวัด หากไมย่ อมออก เป็นการ อาญา ให้ขออารกั ขาจากเจ้าหน้าทีฝ่ า่ ยบา้ นเมือง และให้บันทึกเหตุที่ให้ออกนนั้ ในหนังสือสุทธิดว้ ย ดท้ ราบความผิดน้นั แล้ว ถ้าผู้ฝ่าฝนื มีสงั กัดอยใู่ นจงั หวัดเดยี วกัน ให้แจง้ แก่เจ้าอาวาส ด ให้แจ้งแกเ่ จา้ อาวาสผา่ นเจา้ คณะภาคเจา้ สงั กัด เพอ่ื ดาเนินการตามความใน (๑.1) ลงโทษฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการตามควรแกก่ รณี แต่ถ้าพระสงั ฆาธกิ ารได้กระทาผิด มผิดนัน้ เกดิ ข้ึนแจ้งแก่เจา้ คณะเจา้ สังกดั ของผกู้ ระทาผดิ เพอื่ ดาเนนิ การดงั น้ี รุงเทพมหานคร หรือเจ้าคณะภาค แล้วแต่จะเห็นสมควร รอื (2.2) เป็นความผดิ อาญาดว้ ย ย่อมจะมโี ทษตามกฎหมายอีกต่างหากจากโทษทีไ่ ดร้ ับจาก นประมาณสามแสนบาท(คานวณจากทองคาหนกั หกบาท)ตอ้ งออกจ่ายใหก้ ับคนแปดจาพวกอาทิ การในการแจกจ่ายบุคคลในทอ้ งถ่ิน ดอาจจะมกี ารจัดงานในรปู แบบการแจกการ์ดเชิญชวนบรจิ าคสนับสนนุ กจิ การของมสั ยดิ กว้าง จะต้องไดร้ ับอนญุ าตจากมุขนายกกอ่ น

แนวทางปฏบิ ัติ ซกิ ข์ - ไม่อนญุ าตใหศ้ าสนาจารย์ออกเรย่ี ไรเงินได้ ขอ้ ควรระวัง ข้อยกเว้น พทุ ธ - หากเปน็ พระภกิ ษุและปฏิบตั ิไม่ถูกต้องตามกฎหมายจรงิ ประกาศของมหาเถรสมาคมหรือกฎหมายต่อไป เพราะบ - กรณดี ังกล่าวน้ี เจ้าคณะท้องถิน่ จะพิจารณาให้ลาสิกขา อิสลาม 1. ขอดบู ตั รประจาตัว 2. หากมีข้อสงสัยให้ตดิ ต่ออมิ ามประจามสั ยิดในท้องถนิ่ ห 3. ในกรณีไมไ่ ด้รับอนญุ าตถูกตอ้ งตามกฎหมาย ให้ควบค คริสต์ - หากมีผู้รอ้ งเรียนว่าพบคนทาการเรี่ยไร ใหเ้ จา้ หนา้ ท่ตี าร พราหมณ์ – ฮนิ ดู - ให้ควบคมุ หรือเชญิ ตัวไปดาเนนิ คดตี ามกฎหมาย พรอ้ ม ซิกข์ - ให้ควบคุมหรอื เชญิ ตวั ไปดาเนนิ คดตี ามกฎหมาย พรอ้ ม

20 ง ขอใหน้ ิมนตพ์ บเจ้าคณะท้องถ่ินในเขตพื้นทเี่ พ่อื ดาเนนิ การพิจารณาตามกฎ ระเบียบ คาส่ัง บางกรณอี าจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน และมอบตัวให้เจา้ หน้าที่ดาเนินการตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเรย่ี ไร พุทธศักราช 2487 หรือคณะกรรมการอิสลามประจาจังหวัด คมุ หรอื เชิญตัวไปดาเนินคดีตามกฎหมาย พรอ้ มแจง้ ให้ตน้ สงั กัดทราบ รวจตรวจสอบไปยงั ตน้ สงั กดั คือ มขุ นายก เจ้าคณะนักบวช เจ้าวัด ตามแตก่ รณี มแจง้ ให้ต้นสงั กดั ทราบ มแจ้งให้ตน้ สงั กัดทราบ - -

การจับกมุ พระ/นักบวช การจบั กมุ พระภิกษุ สามเณร นักพรตหรอื นักบวชในศ ขอ้ คาถามขอ้ ที่ 6 6.1 การจับกมุ พระภิกษุ สามเณร นักพรตหรอื นักบวช กฎหมาย/ระเบียบ - ประมวลกฎหมายอาญา ท่เี ก่ียวข้อง มาตรา 368 วรรคแรก ผใู้ ดทราบคาสง่ั ของเจ้าพนกั งาน อันสมควร ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสิบวนั หรอื ปรบั ไม - ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มีหลกั เรอ่ื มาตรา 77 หมายจับใชไ้ ดท้ ั่วราชอาณาจกั ร การจัดการต มาตรา 81 ไมว่ ่าจะมหี มายจับหรือไม่ก็ตาม หา้ มมใิ หจ้ ับ มาตรา 82 เจาพนกั งานผูจดั การตามหมายจับ จะขอคว อนั ตรายแกเขานน้ั ไมได้ มาตรา 83 ในการจบั นน้ั เจาพนกั งานหรอื ราษฎรซึง่ ทา สอบสวนแหง่ ทอ้ งที่ทถ่ี ูกจับพร้อมดว้ ยผูจับ เวน้ แตส่ ามาร สอบสวนผรู ับผิดชอบดังกลา่ ว แต่ถ้าจาเป็นก็ใหจ้ ับตวั ไป ในกรณีทเี่ จาพนกั งานเปน็ ผูจบั ตองแจง้ ขอ้ จะไม่ใหก้ ารหรอื ใหก้ ารก็ไดและถ้อยคาของผูถูกจับน้นั อา หรอื ผซู งึ่ จะเป็นทนายความ ถา้ ผูถูกจบั ประสงคจ์ ะแจ้งให ขัดขวางการ จับหรื อการควบคุมผู ถูกจับหรือทาให้เกิด ตามสมควรแกกรณี ในการน้ใี ห้เจาพนกั งานผูจบั นน้ั บนั ท ถาบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวาง เทา่ ท่ีเหมาะสมแกพฤติการณแ์ ห่งเรื่องในการจบั น้ัน มาตรา 84 เจาพนักงานหรือราษฎรผูทาการจับต้องเอ ใหส้ ง่ ตัวผู้ถกู จบั แกพนักงานฝายปกครองหรือตารวจของ

21 ศาสนาใด ชในศาสนาใด ตามหมายจับมีข้ันตอนการปฏบิ ัตอิ ย่างไร นซึ่งสง่ั การตามอานาจทีม่ ีกฎหมายใหไ้ ว้ ไม่ปฏิบตั ติ ามคาส่ังนน้ั โดยไมม่ เี หตหุ รือข้อแก้ตัว ม่เกินหา้ พันบาท หรอื ท้งั จาท้งั ปรบั องการจับดงั นี้ ตามหมายจบั นัน้ ต้องใช้สาเนาหมายอนั รบั รองว่าถกู ตอ้ ง บในที่รโหฐาน เว้นแตไ่ ดท้ าตามบทบญั ญตั ิว่าด้วยการคน้ ในทร่ี โหฐาน วามช่วยเหลือจากบุคคลใกล้เคียงเพอื่ จัดการตามหมายนนั้ ก็ได แต่จะบงั คับให้ผูใ้ ดช่วยโดยอาจเกิด าการจับต้องแจง้ แกผูท่จี ะถกู จบั น้ันว่าเขาต้องถูกจับ แล้วส่ังให้ผูถูกจับไปยังท่ีทาการของพนักงาน รถนาไปท่ีทาการของพนกั งานสอบสวนผูรับผิดชอบไดในขณะน้ัน ให้นาไปท่ีทาการของพนักงาน ป อกล่าวหาให้ผูถูกจับทราบ หากมหี มายจับให้แสดงตอ่ ผูถกู จบั พรอมท้ังแจ้งด้วยว่า ผูถูกจับมีสิทธิท่ี าจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้และผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความ หญ้ าติหรือผูซึ่งตนไววางใจทราบถึงการจับกุมท่ีสามารถดาเนินการไดโดยสะดวกและไม่เป็นการ ดความไมปลอดภัยแกบุคคลหน่ึงบุคคลใด ก็ให้เจ้าพนักงานอนุญาตให้ผูถูกจับดาเนินการได ทึกการจับดงั กล่าวไวด้วย งการจับ หรือหลบหนีหรือพยายามจะหลบหนี ผูทาการจับมีอานาจใช้วิธีหรือการป้องกันทั้งหลาย อาตัวผู้ถูกจับไปยังท่ีทาการของพนักงานสอบสวนตามมาตรา ๘๓ โดยทันทีและเมื่อถึงที่นั้นแลว งท่ีทาการของพนักงานสอบสวนดังกล่าวเพื่อดาเนนิ การ ดงั ต่อไปนี้

(๑) ในกรณีท่ีเจาพนักงานเป็นผู้จับให้เจ ถา้ มหี มายจบั ใหแ้ จ้งให้ผถู ูกจบั ทราบและอา่ นให้ฟังและม (๒) ในกรณีที่ราษฎรเป็นผูจับ ให้พนักงา พฤตกิ ารณ์แห่งการจับนน้ั ไวและใหผจู ับลงลายมอื ช่ือกาก แจ้งใหผ้ ถู กู จับทราบด้วยว่าผู้ถกู จับมสี ิทธิท่ีจะไมใหก้ ารห เม่อื ได้ดาเนินการตามวรรคหนึง่ แล้วให้พนัก ในมาตรา ๗/๑ รวมทั้งจัดให้ผูถูกจับสามารถตดิ ต่อกบั ญา เมื่อผูถูกจับมาถึงท่ีทาการของพนักงานสอบสวนตามวร ตามคารองขอนนั้ โดยเร็ว และใหพนักงานฝายปกครองห ในกรณที ีจ่ าเปน็ เจาพนักงานหรอื ราษฎรซ ถ้อยคาใดๆ ที่ผถู ูกจับใหไ้ วตอ่ เจาพนกั งานผ คารับสารภาพของผูถูกจับว่าตนได้กระทาความผิด ห้า ความผิดของผูถูกจบั ไดต่อเมือ่ ไดมีการแจ้งสิทธติ ามวรรค มาตรา 86 ห้ามมใิ ห้ใช้วิธกี ารควบคมุ ผูถ้ ูกจับเกินกวา่ ท่ีจ - พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 29 พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทา เจา้ อาวาสแห่งวดั ทีพ่ ระภกิ ษุรปู นั้นสงั กดั ไมร่ ับมอบตวั คว สงั กดั ในวัดใดวัดหน่ึงใหพ้ นกั งานสอบสวนมีอานาจจัดดา มาตรา 45 ให้ถอื ว่าพระภกิ ษซุ งึ่ ไดร้ บั แตง่ ตงั้ ให้ดารงตาแ - ประมวลระเบยี บการตารวจเกย่ี วกับคดี ลักษณะท่ี 3 ขอ้ 39 ในกรณีทพี่ ระภิกษุ สามเณรในพระพทุ ธศาสนาก การจับกุมนนั้ จะตอ้ งกระทาด้วยความเคาร ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บว่าด้วยการควบคุมตัว

22 าพนักงานผูจับนั้นแจ้งข้อกล่าวหา และรายละเอียดเก่ียวกับเหตุแห่งการจับให้ผูถูกจับทราบ มอบสาเนาบนั ทึกการจบั แกผูถกู จับนั้น านฝายปกครองหรือตารวจซึ่งรับมอบตัว บันทึกช่ือ อาชีพ ท่ีอยู่ของผูจับ อีกท้ังข้อความและ กบั ไวเปน็ สาคัญเพ่ือดาเนินการแจ้งข้อกล่าวหาและรายละเอียดแห่งการจับให้ผูถูกจับทราบและ หรือให้การก็ได้และถอ้ ยคาของผูถกู จับอาจใช้เปน็ พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณาคดไี ด กงานฝายปกครองหรือตารวจ ซึ่งมีผู้นาผูถ้ ูกจับมาส่ง แจ้งให้ผูถูกจับทราบถึงสิทธิตามท่ีกาหนดไว าติหรอื ผูซึง่ ผูถูกจบั ไววางใจเพื่อแจ้งให้ทราบถงึ การจบั กมุ และสถานท่ีที่ถกู ควบคมุ ไดในโอกาสแรก รรคหนึ่ง หรือถากรณีผูถูกจับรองขอให้พนักงานฝายปกครองหรือตารวจเป็นผู้แจง ก็ให้จัดการ หรอื ตารวจบนั ทกึ ไวในการนีม้ ิให้เรยี กคา่ ใช้จ่ายใดๆ จากผถู ูกจับ ซ่ึงทาการจับจะจัดการพยาบาลผูถูกจับเสียก่อนนาตัวไปส่งตามมาตราน้ีกไ็ ด ผูจับ หรอื พนักงานฝายปกครองหรือตารวจในชั้นจับกุมหรือรับมอบตัวผู้ถูกจับ ถ้าถ้อยคานั้นเป็น ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน แต่ถ้าเป็นถ้อยคาอื่นจะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน คหนึง่ หรือตามมาตรา ๘๓ วรรคสอง แกผถู ูกจบั แล้วแต่กรณี จาเป็นเพอื่ ปอ้ งกันมใิ ห้เขาหนเี ทา่ นั้น าความผิดอาญา เม่ือพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และ วบคุม หรอื พนกั งานสอบสวนไม่เห็นสมควรใหเ้ จา้ อาวาสรับตัวไปควบคุมหรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้ าเนินการใหพ้ ระภกิ ษรุ ปู นน้ั สละสมณเพศเสียได้ แหน่งปกครองคณะสงฆแ์ ละไวยาวจั กรเปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา 3 บทท่ี 5 กระทาความผิดอาญาฯลฯ รพ สุภาพอ่อนโยนในทุกกรณี แตเ่ มื่อทาการจบั กมุ ตัวมาไดแ้ ล้ว เว้นแต่ถ้าจาเปน็ จะต้องควบคุมให้

ข้อบัญญัติทางศาสนา พทุ ธ - ไมม่ ีขอ้ บัญญตั ิทางศาสนา แนวทางปฏิบัติ อิสลาม - ไมม่ ขี ้อบัญญัตทิ างศาสนา ข้อควรระวัง ครสิ ต์ ข้อยกเว้น - ไมม่ ีข้อบัญญตั ทิ างศาสนา พราหมณ์ - ฮินดู - ไมม่ ขี อ้ บญั ญัติทางศาสนา ซิกข์ - ไม่มีขอ้ บัญญัตทิ างศาสนา พทุ ธ - นาหมายจบั ไปพบเจ้าอาวาส หรอื เจา้ คณะฯ เพ่ือจบั กุม อสิ ลาม - ปฏบิ ตั ิเหมือนบุคคลทั่วไปและแจง้ อิมามประจามัสยดิ ห ครสิ ต์ - ปฏบิ ตั ิเหมือนบคุ คลทวั่ ไป และแจง้ ใหอ้ ธิการโบสถห์ รือ พราหมณ์ – ฮินดู - ปฏบิ ตั ิเหมือนบุคคลท่ัวไป และแจง้ ใหต้ ้นสงั กัดทราบ ซกิ ข์ - ปฏบิ ัติเหมือนบคุ คลท่ัวไป หากอยใู่ นศาสนสถาน ให้แจ - เจ้าหน้าท่ีควรใช้คาพูดทสี่ ภุ าพ

23 ม หรอื จะจบั กุมก่อนแลว้ นิมนต์พบเจา้ อาวาสหรอื เจ้าคณะฯ แลว้ แต่กรณีจาเปน็ และเหน็ สมควร หรอื คณะกรรมการอิสลามประจาจังหวัด อผู้ปกครองคณะหรือมุขนายกทราบ จง้ กรรมการศาสนสถาน กอ่ นการจบั กุม -

การจับกุม 6.2 การจับกุมพระภิกษุ สามเณร นกั พรตหรือนกั บวช ขอ้ คาถามขอ้ ที่ 6 สมณเพศมีข้ันตอนการปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร กฎหมาย/ระเบียบ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 วรรคแรก ผู้ใดทราบคาสั่งของเจ้าพนัก อนั สมควร ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กนิ สบิ วนั หรือปรบั ไม - ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มีหลักการ มาตรา 78 พนักงานฝ่ายปกครองหรอื ตารวจจะจับผใู้ ดโ (1) เมื่อบุคคลนัน้ ได้กระทาความผิดซึง่ หน้าต (2) เมอ่ื พบบคุ คลโดยมพี ฤติการณ์อนั ควรสง หรือวตั ถุอยา่ งอ่ืนอนั สามารถอาจใช้ในการกระทาความผ (3) เมอ่ื มีเหตุทีจ่ ะออกหมายจับบุคคลนนั้ ตา (4) เป็นการจับผู้ตอ้ งหาหรือจาเลยทห่ี นีหรอื มาตรา 80 ที่เรยี กว่าความผิดซึง่ หน้านัน้ ไดแกความผดิ สดๆ อยา่ งไรก็ดีความผิดอาญา ดงั ระบไุ วในบัญชีท้ายปร (๑) เมื่อบคุ คลหนึง่ ถูกไล่จบั ดังผู้กระทาโดยม (๒) เมื่อพบบุคคลหน่ึงแทบจะทันทีทันใดหล หรอื มเี คร่อื งมือ อาวธุ หรอื วัตถุ อยา่ งอ่นื อนั สนั นษิ ฐานได มาตรา 81 ไมวา่ จะมีหมายจับหรอื ไมก็ตาม หา้ มมใิ ห้จับ มาตรา 83 ในการจับนั้น เจาพนกั งานหรอื ราษฎรซึง่ ทา สอบสวนแหง่ ทอ้ งทที่ ถี่ ูกจับพรอ้ มด้วยผูจับ เวน้ แตส่ ามาร สอบสวนผรู ับผิดชอบดังกล่าว แตถ่ า้ จาเป็นกใ็ ห้จับตวั ไป ในกรณีท่เี จาพนกั งานเป็นผูจบั ตองแจ้งข้อก จะไมใ่ ห้การหรือให้การก็ไดและถ้อยคาของผูถูกจบั น้ันอา

24 ชในศาสนาใด ในความผิดซ่ึงหน้าหรอื กรณีฉุกเฉนิ หรอื จาเปน็ เรง่ ดว่ นทจ่ี ะตอ้ งสกึ หรอื สละ กงานซึ่งสั่งการตามอานาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคาสั่งน้ันโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัว ม่เกนิ ห้าพันบาท หรอื ท้ังจาทั้งปรบั รจบั ดังนี้ โดยไมม่ ีหมายจับหรือคาสงั่ ของศาลนั้นไม่ได้ เวน้ แต่ ตามมาตรา 80 งสยั ว่าผู้น้ันนา่ จะก่อเหตุร้ายใหเ้ กดิ ภยนั ตรายแกบุคคลหรือทรพั ย์สนิ ของผูอน่ื โดยมีเคร่อื งมือ อาวธุ ผดิ ามมาตรา ๖๖ (๒) แต่มีความจาเปน็ เร่งดวนที่ไมอาจขอให้ศาลออกหมายจบั บุคคลน้ันได้ อจะหลบหนีในระหว่างถูกปล่อย ช่ัวคราวตามมาตรา 117 ดซึ่งเหน็ กาลังกระทา หรอื พบในอาการใดซึ่งแทบจะไมมคี วามสงสยั เลยว่าเขาได้กระทาผดิ มาแล้ว ระมวลกฎหมายนี้ใหถ้ อื ว่า ความผิดนั้นเป็นความผดิ ซ่ึงหน้าในกรณี ดงั นี้ มเี สียงร้องเอะอะ ลังจากการกระทาผิดในถ่ินแถวใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุน้ันและมีสิ่งของท่ีไดมาจากการกระทาผิด ดวา่ ได้ใชใ้ นการกระทาผดิ หรอื มรี ่องรอยพิรธุ เห็นประจกั ษ์ที่เส้อื ผ้าหรือเนือ้ ตวั ของผูน้นั บในทีร่ โหฐาน เว้นแต่ จะไดทาตามบทบญั ญตั ใิ นประมวลกฎหมายนอ้ี นั ว่าดว้ ยการค้นในทรี่ โหฐาน าการจบั ต้องแจ้งแกผทู ่จี ะถกู จบั นนั้ วา่ เขาต้องถูกจับ แล้วส่ังให้ผูถูกจับไปยังท่ีทาการของพนักงาน รถนาไปท่ที าการของพนกั งานสอบสวนผูรับผิดชอบไดในขณะน้ัน ให้นาไปที่ทาการของพนักงาน ป กล่าวหาให้ผูถูกจับทราบ หากมีหมายจับให้แสดงต่อผูถูกจับ พรอมทั้งแจ้งด้วยว่า ผูถูกจับมีสิทธิท่ี าจใช้เปน็ พยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้และผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความ

ข้อบญั ญตั ิทางศาสนา หรือผซู ่งึ จะเป็นทนายความ ถ้าผูถูกจบั ประสงคจ์ ะแจ้งให แนวทางปฏิบตั ิ ขัดขวางการ จับหรื อการควบคุมผู ถูก จับหรือทาให้เกิด ตามสมควรแกกรณี ในการนใ้ี หเ้ จาพนักงานผูจับนั้นบันท ถาบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวา เท่าที่เหมาะสมแกพฤติการณ์แหง่ เรอ่ื งในการจับนน้ั - พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 29 พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระ และเจ้าอาวาสแหง่ วัดท่พี ระภิกษรุ ปู นนั้ สังกดั ไม่รับมอบต มไิ ดส้ งั กัดในวัดใดวดั หนง่ึ ใหพ้ นกั งานสอบสวนมีอานาจจ มาตรา 45 ให้ถือว่าพระภกิ ษุซง่ึ ไดร้ ับแต่งตง้ั ใหด้ ารงตาแ พทุ ธ - ไมม่ ขี อ้ บัญญตั ิทางศาสนา อิสลาม - ไมม่ ีข้อบัญญัตทิ างศาสนา คริสต์ - ไมม่ ขี ้อบัญญัติทางศาสนา พราหมณ์ - ฮินดู - ไมม่ ีขอ้ บญั ญตั ิทางศาสนา ซิกข์ - ไม่มขี ้อบญั ญัติทางศาสนา พุทธ - จับกุมได้ทุกกรณี ปฏิบัติตามประมวลระเบียบการตา กระทาความผดิ อาญาฯลฯ การจับกุมนั้นจะต้องกระทา ควบคมุ ใหป้ ฏบิ ตั ิตามระเบยี บว่าดว้ ยการควบคุมตอ่ ไป

25 หญ้ าติหรอื ผูซึ่งตนไววางใจทราบถึงการจับกุมที่สามารถดาเนินการไดโดยสะดวกและไม่เป็นการ ดความไมปลอดภัยแกบุคคลหน่ึงบุคคลใด ก็ให้เจ้าพนักงานอนุญาตให้ผูถูกจับดาเนินการได ทึกการจับดงั กลา่ วไวดว้ ย างการจบั หรือหลบหนีหรอื พยายามจะหลบหนี ผูทาการจับมีอานาจใช้วธิ หี รอื การป้องกนั ทั้งหลาย ะทาความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยช่ัวคราว ตวั ควบคมุ หรือพนักงานสอบสวนไมเ่ หน็ สมควรใหเ้ จา้ อาวาสรบั ตัวไปควบคุมหรือพระภิกษุรูปน้ัน จดั ดาเนนิ การใหพ้ ระภิกษรุ ูปนน้ั สละสมณเพศเสยี ได้ แหน่งปกครองคณะสงฆแ์ ละไวยาวัจกร เปน็ เจา้ พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ารวจเกี่ยวกับคดีลักษณะท่ี 3 บทท่ี 5 ข้อ 39 ในกรณีท่ีพระภิกษุ สามเณรในพระพุทธศาสนา าด้วยความเคารพ สุภาพ อ่อนโยนในทุกกรณี แต่เมื่อทาการจับกุมตัวมาได้แล้วถ้าจาเป็นจะต้อง

อิสลาม - ปฏิบตั ิเหมอื นบุคคลท่ัวไป - แจง้ ให้คณะกรรมการอสิ ลามประจาจังหวดั ทราบ ครสิ ต์ - ปฏบิ ัติเหมือนบุคคลทวั่ ไป และแจง้ ให้อธิการโบสถห์ รอื พราหมณ์ – ฮนิ ดู - ปฏิบตั ิเหมือนบคุ คลทว่ั ไป และตดิ ต่อไปตน้ สงั กัดเพอื่ ให ซกิ ข์ - ปฏบิ ตั ิเหมือนบคุ คลทว่ั ไป ขอ้ ควรระวัง ข้อยกเว้น

26 อผูป้ กครองคณะหรือมุขนายกทราบ ห้พราหมณอ์ าวุโสมาสึกให้ - -

การจบั กุม 6.3 การจับกมุ ตวั ผ้ตู ้องหาทีเ่ ป็นหญงิ นับถือศาสนาอิส ข้อคาถามข้อท่ี 6 กฎหมาย/ระเบยี บ ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา ที่เกยี่ วข้อง มาตรา ๘๕ เจา้ พนกั งานผู้จับหรอื รับตัวผู้ถูกจับไว้ มอี าน ข้อบัญญตั ิทางศาสนา การคน้ น้ันจกั ต้องทาโดยสภุ าพ ถ้าค้นผหู้ ญ แนวทางปฏบิ ตั ิ สิง่ ของใดท่ยี ดึ ไวเ้ จา้ พนกั งานมอี านาจยดึ ไว สิ่งของนนั้ เว้นแตศ่ าลจะส่งั เป็นอย่างอนื่ พุทธ - ไม่มีขอ้ บัญญตั ทิ างศาสนา อิสลาม - สตรีมุสลมิ ะห์เป็นศักด์ิศรีและเกียรติของวงศ์ตระกูลทตี่ - ไม่อนุญาตใหอ้ ยกู่ บั ชายอืน่ สองต่อสอง - หา้ มโดน จับ สมั ผัสร่างกายสตรีมสุ ลิมะหน์ อกจากควา คริสต์ - ไม่มขี ้อบญั ญัติทางศาสนา พราหมณ์ – ฮนิ ดู - ไม่มีขอ้ บัญญตั ขิ องศาสนา ซกิ ข์ - ไม่มขี ้อบญั ญตั ิทางศาสนา พุทธ - ปฏบิ ัติเหมอื นบคุ คลทั่วไป อสิ ลาม - ในการตรวจค้นร่างกายควรเป็นตารวจหญงิ - ในการจับกมุ ควรแจง้ อิมามหรอื ผนู้ าทอ้ งถ่ิน

27 สลามหรือศาสนาใด มขี น้ั ตอนการปฏิบัตอิ ยา่ งไร นาจคน้ ตัวผู้ต้องหา และยึดส่งิ ของตา่ ง ๆ ที่อาจใช้เป็นพยานหลกั ฐานได้ ญิงต้องใหห้ ญิงอน่ื เป็นผคู้ น้ ว้จนกว่าคดถี ึงท่สี ดุ เมือ่ เสรจ็ คดีแล้วก็ให้คืนแก่ผตู้ ้องหาหรอื แกผ่ อู้ ่ืน ซึ่งมีสิทธิเรียกรอ้ งขอคนื ตอ้ งได้รบั การคุ้มครอง ามจาเป็น

คริสต์ - ปฏิบัติเหมือนบุคคลทวั่ ไป พราหมณ์ – ฮนิ ดู - ปฏบิ ัติเหมอื นบุคคลท่ัวไป ซกิ ข์ - หากเป็นหญิงชาวซิกขก์ ็ควรใหห้ ญงิ ชาวซิกขด์ ว้ ยกันหร หากถูกเน้อื ตอ้ งตวั โดยไมต่ ัง้ ใจก็กลา่ วขอโทษตามมารยา ขอ้ ควรระวัง ข้อยกเว้น

28 รอื ถา้ ไม่มีให้เจ้าหนา้ ที่ตารวจหญงิ ค้นในทล่ี ับตาบุรษุ ไมว่ ่าจะเป็นเจ้าหนา้ ทห่ี รอื ไมก่ ต็ าม าท และถา้ ต้องเชญิ ตัวไมค่ วรใชก้ ุญแจมือ - -

การจับกุม การเข้าจับกมุ ตัวพระภิกษุ สามเณร นกั พรตหรอื นกั บวชในศาสนาใ ข้อคาถามขอ้ ท่ี 7 - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 วรรคแรก ผู้ใดทราบคาสัง่ ของเจา้ พนกั งานซ่งึ สั่งการตาม กฎหมาย/ระเบียบ ต้องระวางโทษจาคุกไมเ่ กินสบิ วัน หรือปรับไมเ่ กนิ ห้าพันบาท หรอื ท้งั ทเี่ กีย่ วข้อง - ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มีหลกั เรอ่ื งการจบั ดงั น้ี มาตรา 77 หมายจับใช้ไดท้ ัว่ ราชอาณาจักร การจัดการตามหมายจบั มาตรา 81 ไม่วา่ จะมหี มายจับหรือไม่ก็ตาม ห้ามมใิ ห้จบั ในที่รโหฐาน มาตรา 82 เจาพนักงานผูจัดการตามหมายจับ จะขอความช่วยเหลือ แกเขาน้นั ไมได้ มาตรา 83 ในการจบั นน้ั เจาพนักงานหรือราษฎรซึ่งทาการจับต้องแ แห่งทอ้ งท่ีท่ีถกู จบั พร้อมดว้ ยผูจบั เวน้ แตส่ ามารถนาไปทท่ี าการของพ ดังกล่าว แต่ถา้ จาเปน็ ก็ให้จับตัวไป ในกรณีท่ีเจาพนกั งานเป็นผูจับ ตองแจ้งข้อกลา่ วหาให้ผูถ หรือให้การก็ไดและถ้อยคาของผูถูกจับน้ันอาจใช้เป็นพยานหลักฐ ทนายความ ถ้าผูถูกจับประสงค์จะแจ้งให้ญาติหรือผูซึ่งตนไววางใจท ควบคุมผูถกู จบั หรอื ทาใหเ้ กดิ ความไมปลอดภัยแกบุคคลหนึง่ บคุ คลใด ผูจบั น้นั บันทกึ การจบั ดังกล่าวไวดว้ ย ถาบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวางการจับ ห เหมาะสมแกพฤติการณ์แหง่ เรอ่ื งในการจบั นัน้ มาตรา 84 เจาพนกั งานหรอื ราษฎรผูทาการจบั ต้องเอาตวั ผู้ถูกจบั ไปย แกพนกั งานฝายปกครองหรอื ตารวจของทท่ี าการของพนกั งานสอบสว (๑) ในกรณีทีเ่ จาพนักงานเป็นผู้จับใหเ้ จาพนักงานผูจับนน้ั ใหผ้ ูถกู จับทราบและอ่านใหฟ้ งั และมอบสาเนาบันทกึ การจับแกผูถูกจบั

29 ใด ในขณะประกอบศาสนกิจ เจ้าหนา้ ท่ีควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร มอานาจทม่ี ีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัตติ ามคาสัง่ นนั้ โดยไมม่ ีเหตหุ รอื ขอ้ แก้ตวั อันสมควร งจาทงั้ ปรับ บนัน้ ต้องใช้สาเนาหมายอนั รบั รองว่าถูกต้อง เว้นแตไ่ ด้ทาตามบทบญั ญัติว่าด้วยการค้นในทีร่ โหฐาน อจากบุคคลใกล้เคียงเพื่อจัดการตามหมายนั้นก็ได แต่จะบังคับให้ผูใดช่วยโดยอาจเกิดอันตราย แจ้งแกผูที่จะถูกจับนั้นว่าเขาต้องถูกจับ แล้วสั่งให้ผูถูกจับไปยังท่ีทาการของพนักงานสอบสวน พนกั งานสอบสวนผูรบั ผดิ ชอบไดในขณะนน้ั ใหน้ าไปท่ีทาการของพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ ถกู จบั ทราบ หากมหี มายจับใหแ้ สดงตอ่ ผูถกู จับ พรอมทัง้ แจ้งดว้ ยว่า ผูถูกจับมีสิทธิท่ีจะไม่ให้การ ฐานในการพิจารณาคดีได้และผู้ถูกจับมีสิทธิท่ีจะพบและปรึกษาทนายความ หรือผูซึ่งจะเป็น ทราบถึงการจับกุมที่สามารถดาเนินการไดโดยสะดวกและไม่เป็นการขัดขวางการจับหรือการ ด กใ็ ห้เจา้ พนักงานอนุญาตให้ผูถูกจับดาเนินการไดตามสมควรแกกรณี ในการนี้ให้เจ้าพนักงาน หรือหลบหนีหรือพยายามจะหลบหนี ผูทาการจับมีอานาจใช้วิธีหรือการป้องกันท้ังหลายเท่าท่ี ยงั ทีท่ าการของพนกั งานสอบสวนตามมาตรา ๘๓ โดยทันทแี ละเม่ือถงึ ท่ีนน้ั แลว้ ใหส้ ่งตวั ผูถ้ กู จับ วนดงั กล่าว เพ่อื ดาเนนิ การ ดังต่อไปนี้ นแจ้งขอ้ กลา่ วหา และรายละเอยี ดเกยี่ วกบั เหตุแห่งการจบั ให้ผูถูกจับทราบ ถา้ มีหมายจบั ให้แจ้ง บน้ัน

ข้อบญั ญตั ทิ าง (๒) ในกรณีทร่ี าษฎรเป็นผูจบั ใหพ้ นกั งานฝายปกครองห ศาสนา จบั นัน้ ไว และใหผูจับลงลายมอื ชอ่ื กากับไว้เป็นสาคญั เพ่ือดาเนินการแ จับมีสิทธิทจ่ี ะไมใหก้ ารหรือให้การก็ได้ และถอ้ ยคาของผูถูกจับอาจใช เม่ือได้ดาเนนิ การตามวรรคหนึง่ แล้วใหพ้ นกั งานฝายปกคร รวมทัง้ จัดให้ผถู ูกจบั สามารถตดิ ต่อกับญาตหิ รือผูซึ่งผูถกู จบั ไววางใจเพ ของพนักงานสอบสวนตามวรรคหนึ่ง หรอื ถากรณีผูถูกจับรองขอให้พน ฝายปกครองหรอื ตารวจบนั ทึกไวในการน้ีมิให้เรยี กค่าใช้จ่ายใดๆ จาก ในกรณีทจี่ าเปน็ เจาพนักงานหรือราษฎรซ่งึ ทาการจับจะ ถอ้ ยคาใดๆ ท่ีผูถูกจบั ให้ไวตอ่ เจาพนักงานผูจับ หรือพนกั ของผูถูกจบั ว่าตนได้กระทาความผิด ห้ามมใิ หร้ ับฟังเป็นพยานหลกั ฐา ไดมีการแจ้งสทิ ธิตามวรรคหนง่ึ หรือ ตามมาตรา ๘๓ วรรคสอง แกผถู มาตรา 86 ห้ามมิให้ใช้วิธกี ารควบคมุ ผูถ้ กู จับเกินกวา่ ท่จี าเป็นเพอ่ื ปอ้ - พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 29 พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทาความผิดอาญ แห่งวัดทีพ่ ระภกิ ษรุ ูปนั้นสังกดั ไมร่ ับมอบตัวควบคุม หรือพนกั งานสอบ ให้พนักงานสอบสวนมอี านาจจัดดาเนนิ การให้พระภิกษุรปู นัน้ สละสม มาตรา 45 ให้ถอื วา่ พระภกิ ษซุ ่ึงได้รบั แต่งตั้งให้ดารงตาแหนง่ ปกครอง - ประมวลระเบียบการตารวจเก่ียวกบั คดี ลกั ษณะที่ 3 บทที่ 5 ขอ้ 39 ในกรณีท่ีพระภิกษุ สามเณรในพระพทุ ธศาสนากระทาความผ การจับกุมนั้นจะต้องกระทาดว้ ยความเคารพ สุภาพอ่อนโยนใน วา่ ด้วยการควบคมุ ต่อไป พทุ ธ - ไม่มีข้อบญั ญตั ทิ างศาสนา

30 หรอื ตารวจซึ่งรบั มอบตวั บนั ทกึ ช่ือ อาชีพ ท่ีอยู่ของผูจับ อกี ทงั้ ขอ้ ความและพฤติการณ์แหง่ การ แจ้งขอ้ กล่าวหาและรายละเอียดแห่งการจับให้ผูถูกจับทราบและแจ้งใหผ้ ูถกู จับทราบด้วยว่าผูถูก ช้เปน็ พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดไี ด รองหรือตารวจ ซ่งึ มีผู้นาผู้ถูกจับมาส่งแจ้งให้ผูถกู จับทราบถงึ สิทธติ ามที่กาหนดไวในมาตรา ๗/๑ พอ่ื แจ้งใหท้ ราบถึงการจับกุมและสถานที่ทถ่ี กู ควบคุมไดในโอกาสแรกเมือ่ ผูถูกจบั มาถึงทท่ี าการ นกั งานฝายปกครองหรือตารวจเป็นผูแจง ก็ใหจ้ ัดการตามคารองขอนั้นโดยเรว็ และให้พนกั งาน กผูถกู จับ ะจัดการพยาบาลผูถูกจับเสียก่อนนาตัวไปส่งตามมาตรานกี้ ไ็ ด กงานฝายปกครองหรอื ตารวจในชัน้ จับกมุ หรอื รบั มอบตวั ผู้ถกู จับ ถา้ ถ้อยคานัน้ เป็นคารับสารภาพ าน แต่ถา้ เป็นถอ้ ยคาอ่นื จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจนความผิดของผูถูกจบั ได้ตอ่ เม่ือ ถกู จบั แล้วแต่กรณี องกันมใิ ห้เขาหนเี ท่านนั้ ญา เม่ือพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และเจ้าอาวาส บสวนไมเ่ หน็ สมควรใหเ้ จา้ อาวาสรับตัวไปควบคุมหรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหน่ึง มณเพศเสียได้ งคณะสงฆแ์ ละไวยาวัจกร เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ผดิ อาญาฯลฯ นทกุ กรณี แต่เมือ่ ทาการจับกมุ ตัวมาไดแ้ ลว้ ถ้าจาเปน็ จะต้องควบคุมใหป้ ฏิบตั ติ ามระเบียบ

แนวทางปฏิบัติ อสิ ลาม - การปฏิบตั ิศาสนกิจ การละหมาด ขณะอยู่คนเดียวไมส่ ามารถเลิกปฏ - การเข้าจบั กุมผู้นาขณะนาละหมาดอยใู่ นมัสยิดควรอยา่ งยิ่งทจ่ี ะคอย ครสิ ต์ - ไมม่ ขี อ้ บัญญัติทางศาสนา พราหมณ์ - ฮนิ ดู - ไมม่ ีข้อบญั ญัติทางศาสนา ซกิ ข์ - ไมม่ ีขอ้ บัญญัตทิ างศาสนา พทุ ธ - นาประมวลระเบยี บการตารวจเก่ยี วกบั คดวี ่าดว้ ยการจับกุมพระภิกษ - ควรรอให้มกี ารประกอบศาสนกจิ ให้เสรจ็ สิ้นเสยี ก่อน แลว้ เข้าจับกมุ อสิ ลาม - การปฏบิ ตั ิศาสนกจิ การละหมาด ขณะอยู่คนเดียวไมส่ ามารถเลิกปฏ - การเขา้ จบั กุมผู้นาขณะนาละหมาดอยู่ในมัสยิดควรอยา่ งยิง่ ทจ่ี ะคอย - การจับกมุ ผู้นาในมสั ยิดเป็นการกระทาท่ีไมเ่ หมาะสมอย่างยิ่ง นอกจ คริสต์ - การเขา้ จบั กมุ บาทหลวงหรอื นักบวชขณะประกอบพธิ ีกรรมในโบสถ ความรสู้ กึ ของศาสนกิ ชน - หากเป็นนักบวชหญิงควรใชเ้ จ้าหนา้ ทต่ี ารวจหญงิ ทาการตรวจคน้ จบั แตค่ วรมีพยานผรู้ ูเ้ ห็นเหตกุ ารณร์ ว่ มดว้ ย พราหมณ์ – ฮินดู - แจ้งให้ทางต้นสังกัดทราบเพื่อประสานงานในการจบั กมุ - ควรรอให้ประกอบศาสนกจิ จบลงก่อน แลว้ เขา้ จับกุมดว้ ยความสภุ า

31 ฏบิ ัติจนกวา่ จะจบสน้ิ ประมาณ 5 – 10 นาที ยให้เสรจ็ ซง่ึ ปกตจิ ะใช้เวลาไม่เกนิ 20 นาที ษุ สามเณรมาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม จบั กมุ ไดท้ ุกกรณี มและนิมนต์มาพบเจา้ อาวาสหรือเจา้ คณะทอ้ งถน่ิ ในเขตพ้ืนทแ่ี ล้วแตก่ รณี ฏบิ ัตจิ นกว่าจะจบสน้ิ ประมาณ 5 – 10 นาที ยใหเ้ สร็จ ซงึ่ ปกตจิ ะใชเ้ วลาไมเ่ กิน 20 นาที จากมีความจาเปน็ ถ์ ควรอย่างยิ่งท่ีจะคอยให้เสรจ็ พิธกี รรมก่อน ซง่ึ ปกตจิ ะใช้ เวลา 1 - 2 ช่วั โมง จะไดไ้ มบ่ ัน่ ทอน บกมุ ถ้าหากไมม่ เี จ้าหนา้ ท่ตี ารวจหญิงอยูก่ ใ็ หเ้ จา้ หน้าทต่ี ารวจชายทาการค้นหรือจบั กมุ ได้ าพ

ขอ้ ควรระวัง ซกิ ข์ ข้อยกเวน้ - ในขณะประกอบศาสนกจิ ให้ประกอบศาสนกิจให้เสร็จลุลว่ งไปกอ่ น ว่นุ วายหรือตกใจตอ่ ผู้ร่วมศาสนกิจ ให้ทางเจ้าพนักงานเชิญตัวออก ห กรณพี บในอาการพิรธุ จะตอ่ ส้หู รอื หลบหนีให้จับกุมไดท้ นั ที

32 น ปกติใชเ้ วลาไมม่ าก แจ้งให้กรรมการหรอื เจ้าภาพในศาสนกิจทราบ เพื่อไมใ่ ห้เกิดภาวะความ หากขัดขืนให้ปฏบิ ัตติ ามความเหมาะสม -

การควบคุมพระ/นกั บวช ข้อคาถามข้อท่ี 8 แนวทางการปฏิบตั ิในการควบคุม และการใชเ้ คร่ืองพนั ธนาการพร กฎหมาย/ระเบยี บ - ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาอาญา ที่เก่ียวข้อง มาตรา 86 ห้ามมิใหใ้ ชว้ ธิ ีควบคมุ ผถู้ ูกจับเกินกวา่ ท่จี าเป็นเพอ่ื ปอ้ งกัน มาตรา 87 หา้ มมิใหค้ วบคุมผู้ถกู จับไวเ้ กนิ กวา่ จาเป็นตามพฤติการณ์แ ในกรณคี วามผดิ ลหโุ ทษ จะควบคมุ ผู้ถกู จับไว้ได้เท่าเวลาท คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 984/2529 “การควบคมุ ผถู้ ูกจบั ตามประม มาถงึ ที่ทาการของพนกั งานฝา่ ยปกครองหรือตารวจ” - ประมวลระเบียบการตารวจเกยี่ วกับคดี ลักษณะที่ 6 การควบคุม ข้อ 127 การควบคมุ คือ การควบคมุ หรอื กักขงั ผู้ถกู จบั โดยพนกั งาน เกินกวา่ ที่จาเปน็ เพื่อป้องกันมใิ ห้เขาหนีเทา่ นัน้ บทที่ 4 การใช้เครื่องพนั ธนาการ ขอ้ 146 การใชเ้ ครือ่ งพนั ธนาการคือกุญแจมอื กบั โซ่รอ้ ยมือ ในการค เครอ่ื งพนั ธนาการใช้สาหรับป้องกันแก่ผู้ท่อี าจจะหลบหนีท่คี วบคุมเป็น (๒) บุคคล มีบคุ คลบางจาพวกทค่ี วรจะใหเ้ กยี รติ เชน่ ข. พระภิกษุ สามเณร นกั พรตตา่ งๆ บุคคลดงั กลา่ วแล้วนี้ ถ้าไมไ่ ด้กระทาความผิดเป็นอกุ ฉ - พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 29 พระภิกษุรปู ใดถูกจับโดยตอ้ งหาวา่ กระทาความผิดอาญา แห่งวดั ทีพ่ ระภกิ ษรุ ปู นนั้ สังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคมุ หรือพนักงานส วัดหนงึ่ ใหพ้ นกั งานสอบสวนมีอานาจจดั ดาเนนิ การใหพ้ ระภกิ ษุรูปนนั้ ข้อบญั ญัตทิ าง พทุ ธ ศาสนา - ไมม่ ขี ้อบญั ญตั ทิ างศาสนา

33 ระภกิ ษุ สามเณร นกั พรตหรอื นกั บวชในศาสนาใด ควรจะปฏิบตั อิ ย่างไร นมใิ ห้เขาหนเี ท่านน้ั แห่งคดี ที่จะถามคาใหก้ าร และทีจ่ ะรู้ตวั วา่ เปน็ ใครและทอี่ ยู่ของเขาอยทู่ ่ีไหนเท่าน้ัน มวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา 87 ให้เร่ิมนบั เวลาควบคมุ ตงั้ แตเ่ วลาที่ผู้ถูกจับ ม บทท่ี 1 อานาจการควบคุม นฝา่ ยปกครองหรือตารวจในระหวา่ งการสบื สวนและสอบสวน ห้ามมใิ หใ้ ชว้ ิธคี วบคุมผู้ถกู จบั กมุ ควบคุมผู้ต้องหานัน้ เจ้าพนักงานตารวจหาจาเปน็ ตอ้ งใช้พรา่ เพรอ่ื ทุกกรณไี ม่ เพราะ นส่วนใหญ่ ก่อนทจี่ ะใช้เคร่ืองพันธนาการจึงควรพิเคราะหต์ ามหลกั ดงั ตอ่ ไปนี้คอื ฉกรรจ์ มหันตโทษ หรอื ไมไ่ ดแ้ สดงกิริยาจะขัดขนื หรอื หลบหนีอย่างไรแล้วไม่ควรใช้กุญแจมือ เมอื่ พนกั งานสอบสวนหรอื พนกั งานอัยการไม่เหน็ สมควรให้ปล่อยชัว่ คราว และเจ้าอาวาส สอบสวนไมเ่ ห็นสมควรให้เจา้ อาวาสรบั ตวั ไปควบคุมหรอื พระภิกษรุ ปู นั้นมไิ ดส้ งั กัดในวดั ใด นสละสมณเพศเสยี ได้

แนวทางปฏิบัติ อิสลาม - ไม่มีขอ้ บัญญตั ิทางศาสนา ขอ้ ควรระวัง คริสต์ ข้อยกเว้น - ไม่มขี ้อบญั ญัติทางศาสนา พราหมณ์ - ฮนิ ดู - ไม่มีข้อบญั ญตั ทิ างศาสนา ซกิ ข์ - ไมม่ ขี ้อบัญญตั ทิ างศาสนา พทุ ธ - โดยปกติจะไมส่ มควรใช้เครอื่ งพนั ธนาการพระภกิ ษุ สามเณร เวน้ แต - การควบคุมขณะจบั กมุ ต้องกระทาโดยสุภาพและออ่ นโยนโดยพิจาร กฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มาตรา 87 และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ อสิ ลาม - ถ้าผู้กระทาความผิดมีอันตรายต่อการควบคมุ กพ็ จิ ารณาตามความเห - ขอใหห้ ลีกเลีย่ งในศาสนสถาน มัสยิด คริสต์ - ถา้ เปน็ ไปไดไ้ มค่ วรใชเ้ คร่อื งพนั ธนาการ ท้งั นี้ขอใหอ้ ยู่ในดุลพินิจของ พราหมณ์ – ฮนิ ดู - ไม่ควรใชเ้ ครื่องพนั ธนาการ ยกเว้นเหตุจาเป็น ซิกข์ - ไม่ควรใชเ้ ครือ่ งพันธนาการในบริเวณศาสนสถาน นอกจากมีพฤตกิ ร หากผถู้ ูกจับมพี ฤติการณ์คดรี ุนแรง และมอี ัตราโทษสูง หรือจะหลบหน

34 ตม่ ีเหตุจาเป็น รณาตามพฤติการณ์แหง่ คดเี ปน็ สาคัญ ส่วนการควบคุมระหว่างสอบสวนให้ปฏิบัติตามประมวล พ.ศ.2505 มาตรา 29 หมาะสม งเจ้าหน้าทต่ี ารวจสาหรบั แต่ละสถานการณ์ รรมจะหลบหนี ขัดขืน หรอื ขดั ขวาง แตใ่ ห้ใชก้ ารพันธนาการเป็นทางออกสุดท้าย นี ถ้าจาเป็นต้องใช้เครื่องพันธนาการ ขอใหก้ ระทาในลักษณะท่ไี ม่เป็นท่ีเปดิ เผย -

การตรวจคน้ การตรวจค้น เจ้าหนา้ ที่ตารวจจะต้องปฏิบตั อิ ยา่ งไร ขอ้ คาถามขอ้ ที่ 9 9.1 การตรวจค้นตัวบุคคล พระภิกษุ สามเณร นักพรตหรอื นักบวช กฎหมาย/ระเบยี บ ท่เี กี่ยวข้อง - ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๕ เจ้าพนกั งานผู้จับหรอื รบั ตัวผู้ถูกจบั ไว้ มีอานาจค้นตัวผู้ต้อ ข้อบญั ญตั ิทาง ศาสนา การค้นนั้นจักต้องทาโดยสุภาพ ถา้ ค้นผ้หู ญิงตอ้ งใหห้ ญิงอ สง่ิ ของใดท่ยี ึดไว้เจา้ พนักงานมีอานาจยึดไว้จนกวา่ คดีถึงท แนวทางปฏบิ ตั ิ ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น มาตรา ๙๓ ห้ามมิให้ทาการค้นบุคคลใดในท่ีสาธารณสถาน เว้นแ ในความครอบครองเพือ่ จะใช้ในการกระทาความผดิ หรอื ซึ่งได้มาโดยก พทุ ธ - ไมม่ ขี ้อบญั ญัตทิ างศาสนา อสิ ลาม - ชายมุสลมิ ไมม่ ีชดุ ประจา - สตรไี มม่ ีสทิ ธิเปน็ ผ้นู าทางศาสนายกเวน้ เปน็ คณะกรรมการบริหารมสั คริสต์ - บาทหลวงและนกั บวชมชี ุดเครอ่ื งแบบเฉพาะของหม่คู ณะของตน พราหมณ์ – ฮนิ ดู - ไม่มขี อ้ บญั ญัติทางศาสนา ซกิ ข์ - ไม่มีขอ้ บญั ญัติทางศาสนา พุทธ - ตรวจคน้ ได้ตามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา การตรวจ - ขอดูหนงั สือสทุ ธหิ รอื บัตรประจาตัวประชาชนของพระภกิ ษุ สามเณ

35 ชในศาสนาใด ตองหา และยึดสิ่งของต่าง ๆ ทอ่ี าจใช้เปน็ พยานหลกั ฐานได้ อ่นื เป็นผู้ค้น ท่สี ุด เมอ่ื เสร็จคดีแลว้ ก็ใหค้ ืนแกผ่ ตู้ อ้ งหาหรือแก่ผอู้ น่ื ซ่ึงมีสทิ ธเิ รียกรอ้ งขอคืนสิง่ ของนน้ั เวน้ แต่ แต่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจเป็นผู้ค้น ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นมีสิ่ งของ การกระทาความผดิ หรอื ซ่งึ มไี วเ้ ป็นความผิด สยิด จค้นขอให้ทาดว้ ยความเคารพสุภาพ ณร หรอื ตรวจสอบกบั ทางวดั ตน้ สังกัด (เจ้าอาวาสหรอื พระอปุ ัชฌาย์)

อสิ ลาม - การคน้ ขอใหก้ ระทาโดยสภุ าพและไมเ่ ปิดเผยจนเปน็ ลกั ษณะท่ีอจุ าด หมวกสาหรบั ชาวมุสลิมขอใหผ้ ู้ท่ถี กู ตรวจคน้ เป็นผู้ถอดด้วยตนเอง เวน้ แกพ่ ฤติการณเ์ ป็นกรณี ครสิ ต์ - การตรวจคน้ ตวั บาทหลวงหรอื นกั บวชชาย ขอใหท้ าดว้ ยความนิ่มนว ถอดผ้าคลุมศีรษะก็ขอให้นักบวชผู้นนั้ ถอดเองและอยู่ในทท่ี ี่เหมาะสม พราหมณ์ – ฮนิ ดู - การตรวจค้นสามารถทาได้ด้วยความสุภาพและไมอ่ ยูใ่ นสถานทีโ่ จง่ แ ซิกข์ - แนวปฏิบัติมี 2 ประเภทคือสวมหมวกกับผ้าพันรอบหมวกทาให ชาวซิกข์จะไว้เคราเพราะตามความเชือ่ จะโกนหนวดไมไ่ ด้ - ความชัดเจนที่แทจ้ รงิ คอื การไว้ผมยาวและเกลา้ เปน็ ผมจกุ อยู่เหนอื ศ ถอื ว่าผิดวินัย - การคน้ ตัวชาวซกิ ขโ์ ดยการใหถ้ อดผ้าขอให้เจ้าตวั เปน็ คนถอดดว้ ยตัว ศักดศ์ิ รีของหลักวินัยแหง่ ศาสนาซกิ ข์ ขอ้ ควรระวัง ข้อยกเว้น

36 ด ในการตรวจคน้ ในจดุ ท่มี ีความเกี่ยวขอ้ งกับความเชื่อทางศาสนา เช่น ผ้าโพกศรี ษะ หรอื นแต่เมื่อเจ้าพนักงานได้แจ้งแกผ่ ้ทู ่ีจะถูกตรวจคน้ ไม่ปฏิบัติตามกใ็ ห้ใชว้ ิธีการเท่าที่เหมาะสม วล สุภาพ สาหรบั การตรวจค้นตวั นักบวชหญิงควรให้ตารวจหญิงค้น และถา้ จาเปน็ ตอ้ ง เช่น ในหอ้ ง สถานท่รี โหฐาน แจ้งเกนิ ไป ยกเว้นมีเหตสุ มควร ห้เกิดปัญหา การแยกแยะระหว่างมุสลิมกับผู้นับถือศาสนาซิกข์ ความแตกต่างท่ีเห็นได้ชัดคือ ศรี ษะ ชาวซกิ ข์อาจเล็มหนวดเคราถงึ แมผ้ ิดวนิ ัยก็ยังพออนุโลม แต่การตัดผมสั้นไม่เป็นที่อนุโลม วเองและขอใหเ้ ขาถอดในท่ีลับสายตาไม่ใช่ในที่สาธารณะ เพ่ือเป็นการรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศและ - -

การตรวจค้นศาสนสถาน ขอ้ คาถามข้อท่ี 9 9.2 การค้นศาสนสถาน เชน่ กฏุ ,ิ วดั , โบสถ์, มสั ยดิ ฯลฯ 9.2.1 ขณะไมม่ ศี าสนพิธี หรอื พธิ กี รรมทางศาสนา กฎหมาย/ระเบยี บ - ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา ท่เี กย่ี วข้อง มาตรา 94 ใหพ้ นักงานฝายปกครองหรือตารวจที่ทาการค้นในท่ีรโ อกี ท้งั ให้ความสะดวกตามสมควรทุกประการในอนั ที่จะจัดการตามหม ถาบุคคลดังกล่าวในวรรคต้นมยิ อมใหเ้ ข้าไป เจาพนักงาน หรือสิ่งกีดขวางอย่างอนื่ ทานองเดียวกนั น้นั ก็ได้ มาตรา 95 ในกรณคี ้นหาส่ิงของท่ีหาย ถ้าพอทาได้จะใหเ้ จาของหรือ มาตรา 96 การค้นในที่รโหฐานต้องกระทาระหว่างพระอาทติ ย์ขึน้ แล (๑) เมือ่ ลงมอื ค้นแต่ในเวลากลางวนั ถ้ายังไมเสร็จจะค้นต (2) ในกรณีฉุกเฉินอย่างยงิ่ หรอื ซงึ่ มกี ฎหมายอ่ืนบญั ญตั ิใ (๓) การค้นเพื่อจับผู้ดุร้ายหรือผรู ้ายสาคัญจะทาในเวลาก ของประธานศาลฎกี า มาตรา 97 ในกรณที ค่ี ้นโดยมีหมาย เจาพนกั งานผูมีชอื่ ในหมายค้นห ตัง้ แต่ชนั้ ร้อยตารวจตรีขน้ึ ไปเท่าน้ันมอี านาจเป็นหัวหน้าไปจดั การให้เ มาตรา 98 การค้นในทร่ี โหฐานนนั้ จะค้นไดแตเ่ ฉพาะเพื่อหาตัวคนห (๑) ในกรณีทีค่ ้นหาสง่ิ ของโดยไมจากดั สิ่ง เจาพนกั งานผูค หรือจาเลย (๒) เจาพนกั งานซงึ่ ทาการค้นมีอานาจจับบุคคลหรอื สิง่ ขอ มาตรา 99 ในการค้นน้ัน เจาพนักงานต้องพยายามมิใหม้ ีการเสียหา มาตรา ๑๐๒ การคน้ ในท่รี โหฐานนั้น ก่อนลงมือค้นใหเ้ จ้าพนักงานผ หรือบุคคลในครอบครัวของผู้น้ัน หรอื ถา้ หาบคุ คลเช่นกล่าวนัน้ ไมไ่ ด้ ก การค้นท่ีอยู่หรือสานักงานของผู้ต้องหาหรือจาเลยซึ่งถูก

37 หฐาน สั่งเจาของหรือคนอยู่ในน้ันหรือผูรักษาสถานที่ซึ่งจะค้น ให้ยอมให้เข้าไปโดยมิหวงห้าม มาย ท้งั นีใ้ ห้พนักงานผูนั้นแสดงหมายหรือถ้าค้นไดโดยไมตองมหี มายก็ใหแ้ สดงนามและตาแหนง นมีอานาจใช้กาลังเพอื่ เข้าไปในกรณจี าเป็นจะเปิดหรอื ทาลายประตูบา้ น ประตูเรือน หน้าต่าง ร้ัว อผูครอบครองสิง่ ของนน้ั หรือผแู ทนของเขาไปกบั เจาพนกั งานในการค้นน้นั ดว้ ยกไ็ ด้ ละตก มขี ้อยกเว้นดงั น้ี ต่อไปในเวลากลางคืนกไ็ ด้ ให้ค้นได้เปน็ พิเศษ จะทาการค้นในเวลากลางคืนกไ็ ด กลางคืนกไ็ ด้ แต่ต้องไดรบั อนุญาตพเิ ศษจากศาลตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารท่กี าหนดในข้อบังคับ หรอื ผูรักษาการแทนซ่ึงต้องเป็นพนักงานฝายปกครองตัง้ แต่ระดับสามหรือตารวจซ่งึ มียศ เป็นไปตามหมายนัน้ หรอื สง่ิ ของทต่ี ้องการค้นเท่านน้ั แต่มขี อ้ ยกเว้นดังนี้ ค้นมีอานาจยดึ สง่ิ ของใดๆ ซึ่งน่าจะใช้เปน็ พยานหลักฐานเพ่อื เป็นประโยชนหรือยันผู้ตอ้ งหา องอน่ื ในทีค่ ้นน้ันได เม่ือมีหมายอีกต่างหาก หรือในกรณีความผดิ ซ่งึ หนา ายและกระจัดกระจายเท่าที่จะทาได้ ผู้คน้ แสดงความบริสุทธ์ิเสยี ก่อน และเท่าที่สามารถจะทาได้ให้คน้ ต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่ ก็ใหค้ ้นตอ่ หนา้ บุคคลอนื่ อยา่ งน้อยสองคนซงึ่ เจ้าพนักงานได้ขอร้องมาเปน็ พยาน กควบคุมหรือขังอยู่ให้ทาต่อหน้าผู้น้ัน ถ้าผู้นั้นไม่สามารถหรือไม่ติดใจมากากับจะต้งั ผ้แู ทนหรือ

ขอ้ บัญญตั ทิ าง ให้พยานมากากบั กไ็ ด้ ถา้ ผู้แทนหรือพยานไม่มี ใหค้ น้ ตอ่ หนา้ บคุ คลใน ศาสนา ส่ิงของใดทีย่ ึดไดต้ ้องให้ผู้ครอบครองสถานท่ี บุคคลในคร แนวทางปฏบิ ตั ิ รบั รองหรือไม่ยอมรับรองกใ็ ห้บนั ทึกไว้ พุทธ - ไมม่ ขี ้อบญั ญตั ิทางศาสนา อิสลาม - มสั ยดิ เป็นเขตปลอดอาวุธ - ในมัสยดิ ห้ามทาการซอ้ื ขาย คริสต์ - ไม่มีข้อบญั ญตั ิทางศาสนา พราหมณ์ - ฮินดู - ไมม่ ขี อ้ บญั ญัติทางศาสนา ซกิ ข์ - การคน้ ศาสนสถานแม้นไม่มีการประกอบศาสนกจิ หรือศาสนพิธี ตอ้ คุรคุ รนั ถซ์ าฮบิ ซึง่ ศาสนกิ ชนชาวซิกข์ทง้ั หลายนบั ถอื เปน็ พระศาสดาส พทุ ธ - ปฏบิ ตั ิตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 94 - อิสลาม - ตดิ ต่ออิมามหรือผู้นาทอ้ งถิ่น - ในการตรวจคน้ มสั ยิด หลีกเล่ยี งการใช้อาวธุ และสุนัขในการตรวจคน้ ครสิ ต์ - ใหแ้ จ้งอธิการโบสถ์ทราบและนาตรวจค้น เพราะโบสถ์คาทอลิกผ่าน พราหมณ์ – ฮนิ ดู - ขอใหห้ ลกี เลย่ี งการใชส้ นุ ขั

38 นครอบครัวหรือต่อหนา้ พยานดังกลา่ วในวรรคกอ่ น รอบครัว ผู้ต้องหา จาเลย ผูแ้ ทนหรอื พยานดู เพือ่ ให้รับรองวา่ ถูกตอ้ ง ถ้าบุคคลเช่นกล่าวนน้ั องขออนุญาตจากคณะกรรมการ เน่ืองจากศาสนสถานวดั ซิกข์เปน็ ทปี่ ระทบั ของพระมหาคัมภรี ์ สงู สดุ และเปน็ ท่ปี ระทบั ตลอด 24 ชวั่ โมง 99 และ 102 กระทาดว้ ยความสภุ าพ น (ยกเว้นกรณีมีความจาเปน็ ) นการเสกอันศักด์ิสิทธ์ิ และในโบสถ์มีตู้ศีลซึง่ พระเยซคู รสิ ตป์ ระทับอยู่

ซิกข์ - การตรวจค้นไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม ต้องได้รับอนุญาตก่อนเพ ทปี่ ระทบั และจะนาพาเจ้าหนา้ ทไ่ี ปตรวจคน้ ตามความตอ้ งการต่อไป - เจา้ หน้าท่ีสามารถติดตอ่ สอบถาม สมาคมศรีคุรุสิงหส์ ภา (วัดซกิ ข)์ ก ขอ้ ควรระวัง ข้อยกเว้น

39 พียงสถานเดียว เม่ือได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ ศาสนาจารย์จะอัญเชิญพระมหาคัมภีร์ไปสู่ เพ่ือเปน็ การเทิดพระเกียรตขิ องพระศาสดา และเปน็ การถนอมน้าใจของศาสนกิ ชน กรุงเทพฯ - -

การตรวจค้นศาสนสถาน ขอ้ คาถามขอ้ ที่ 9 9.2.2 ขณะมีศาสนพิธี เชน่ กาลังละหมาด มีมิสซา หรอื ดาเนนิ พธิ กฎหมาย/ระเบียบ - ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา ท่เี กย่ี วขอ้ ง มาตรา 92 ห้ามมิให้คน้ ในท่รี โหฐานโดยไม่มหี มายคน้ หรอื คาสงั่ ของ (1) เมอ่ื มเี สยี งรอ้ งให้ช่วยมาจากขา้ งในทร่ี โหฐาน หรอื มเี (2) เม่อื ปรากฏความผดิ ซึ่งหนา้ กาลงั กระทาลงในท่รี โหฐา (3) เมอ่ื บคุ คลทไี่ ด้กระทาความผิดซง่ึ หน้า ขณะที่ถูกไล่จบั (4) เมื่อมพี ยานหลักฐานตามสมควรว่าสิ่งของทม่ี ไี วเ้ ป็นค หรอื อาจเป็นพยานหลกั ฐานพสิ ูจน์การกระทาความผดิ ได้ซ่อนหรอื อยู่ใ น้นั จะถูกโยกย้ายหรอื ทาลายเสียกอ่ น (5) เมื่อทีร่ โหฐานนน้ั ผจู้ ะต้องถูกจับเป็นเจา้ บ้าน และการ การใช้อานาจตาม (4) ใหพ้ นกั งานฝ่ายปกครองหรอื ตารว บันทึกแสดงเหตุผลท่ที าใหส้ ามารถเข้าค้นได้เป็นหนงั สอื ให้ไว้แก่ผ้คู รอ บุคคลเชน่ ว่าน้ันในทันทีทก่ี ระทาได้ และรบี รายงานเหตผุ ลและผลการ มาตรา 94 ใหพ้ นักงานฝายปกครองหรอื ตารวจที่ทาการค้นในท่รี โหฐ อกี ทัง้ ใหค้ วามสะดวกตามสมควรทุกประการในอนั ที่จะจดั การตามหม ถาบคุ คลดังกล่าวในวรรคต้นมิยอมใหเ้ ขา้ ไป เจาพนักงาน หรอื สิง่ กดี ขวางอยา่ งอ่ืนทานองเดยี วกันน้นั กไ็ ด้ มาตรา 95 ในกรณีค้นหาสง่ิ ของทหี่ าย ถา้ พอทาได้จะใหเ้ จาของหรือ มาตรา 96 การค้นในท่รี โหฐานต้องกระทาระหวา่ งพระอาทิตย์ขึ้นแล (๑) เมือ่ ลงมอื คน้ แต่ในเวลากลางวัน ถา้ ยังไมเสร็จจะคน้ ต (2) ในกรณีฉกุ เฉนิ อย่างย่ิง หรอื ซึ่งมีกฎหมายอ่ืนบญั ญัติใ (๓) การคน้ เพือ่ จับผ้ดู รุ า้ ยหรือผรู า้ ยสาคัญจะทาในเวลาก ของประธานศาลฎกี า

40 ธกี รรมทางศาสนา งศาล เว้นแตพ่ นักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจเป็นผคู้ ้น และในกรณดี งั ต่อไปน้ี เสียงหรอื พฤตกิ ารณอ์ ่ืนใดอนั แสดงไดว้ า่ มเี หตรุ า้ ยเกิดขึ้นในทร่ี โหฐานนั้น าน บหนเี ขา้ ไปหรอื มเี หตุอันแนน่ แฟน้ ควรสงสยั ว่าได้เขา้ ไปซกุ ซอ่ นตัวอยใู่ นท่รี โหฐานนัน้ ความผิดหรอื ไดม้ าโดยการกระทาความผิดหรือไดใ้ ชห้ รือมีไว้เพ่ือจะใชใ้ นการกระทาความผิด ในนัน้ ประกอบทั้งตอ้ งมีเหตอุ ันควรเชอ่ื ว่าเน่ืองจากการเนน่ิ ชา้ กวา่ จะเอาหมายคน้ มาได้ส่ิงของ รจบั นนั้ มหี มายจับหรอื จบั ตามมาตรา 78 วจผคู้ น้ สง่ มอบสาเนาบันทึกการตรวจค้นและบญั ชีทรัพย์ที่ได้จากการตรวจคน้ รวมทัง้ จัดทา อบครองสถานท่ที ่ีถกู ตรวจค้น แต่ถา้ ไมม่ ผี คู้ รอบครองอยู่ ณ ท่ีนั้น ให้สง่ มอบหนังสือดังกลา่ วแก่ รตรวจคน้ เป็นหนงั สือตอ่ ผบู้ งั คับบญั ชาเหนือข้นึ ไป ฐาน สง่ั เจาของหรอื คนอยใู่ นน้นั หรอื ผูรกั ษาสถานทซ่ี ึง่ จะคน้ ใหย้ อมให้เข้าไปโดยมิหวงหา้ ม มาย ท้งั นใ้ี หพ้ นกั งานผูนั้นแสดงหมายหรอื ถ้าค้นไดโดยไมตองมหี มายก็ให้แสดงนามและตาแหนง นมอี านาจใชก้ าลงั เพ่ือเข้าไปในกรณจี าเปน็ จะเปดิ หรือทาลายประตบู ้าน ประตเู รอื น หน้าต่าง รั้ว อผูครอบครองสิ่งของนัน้ หรอื ผแู ทนของเขาไปกับเจาพนกั งานในการคน้ น้นั ด้วยกไ็ ด้ ละตก มีขอ้ ยกเว้นดงั นี้ ตอ่ ไปในเวลากลางคืนกไ็ ด้ ใหค้ น้ ได้เปน็ พิเศษ จะทาการคน้ ในเวลากลางคนื กไ็ ด กลางคนื กไ็ ด้ แต่ต้องไดรบั อนญุ าตพิเศษจากศาลตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารท่กี าหนดในข้อบังคับ

มาตรา 97 ในกรณที ่คี น้ โดยมีหมาย เจาพนักงานผูมีช่อื ในหมายคน้ ห ต้งั แตช่ ัน้ รอ้ ยตารวจตรขี ึน้ ไปเท่านน้ั มีอานาจเป็นหัวหนา้ ไปจัดการให้เ มาตรา 98 การค้นในท่ีรโหฐานนนั้ จะค้นไดแต่เฉพาะเพอ่ื หาตัวคนห (๑) ในกรณีทค่ี ้นหาสิ่งของโดยไมจากัดสิง่ เจาพนักงานผูคน้ (๒) เจาพนักงานซ่ึงทาการค้นมีอานาจจับบุคคลหรือสง่ิ ขอ มาตรา 99 ในการค้นนน้ั เจาพนักงานตอ้ งพยายามมใิ ห้มกี ารเสยี หา มาตรา ๑๐๒ การคน้ ในท่ีรโหฐานน้ัน ก่อนลงมอื ค้นใหเ้ จ้าพนักงานผ หรอื บคุ คลในครอบครวั ของผนู้ ัน้ หรอื ถา้ หาบคุ คลเชน่ กล่าวนนั้ ไมไ่ ด้ ก การค้นที่อย่หู รือสานักงานของผู้ต้องหาหรือจาเลยซง่ึ ถูก ใหพ้ ยานมากากับก็ได้ ถา้ ผู้แทนหรือพยานไมม่ ี ให้คน้ ตอ่ หนา้ บคุ คลใน ส่ิงของใดท่ียึดได้ต้องให้ผู้ครอบครองสถานที่ บุคคลในค รบั รองหรอื ไมย่ อมรบั รองก็ให้บนั ทึกไว้ - พระราชกาหนดการบรหิ ารราชการในสถานการณ์ฉกุ เฉนิ พ.ศ. 2 มาตรา 11 ในกรณีท่ีสถานการณ์ฉุกเฉินมีการก่อการร้าย การใช้ก ความรุนแรงกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตห ประสิทธิภาพและทันท่วงที ใหน้ ายกรฐั มนตรีโดยความเห็นชอบของค ใหน้ าความในมาตรา 5 และมาตรา 6 วรรคสอง มาใช้บังคบั โดยอนโุ ล เม่ือมปี ระกาศตามวรรคหนึ่งแล้ว นอกจากอานาจตามมา (1) ประกาศให้พนกั งานเจ้าหน้าท่ีมีอานาจจับกุมและคว ผโู้ ฆษณา ผ้สู นับสนุนการกระทาเช่นว่าน้ัน หรอื ปกปิดข้อมลู เก่ียวกบั ก กระทาการหรือร่วมมือกระทาการใด ๆ อนั จะทาให้เกิดเหตุการณ์รา้ ย (2) ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอานาจออกคาสั่งเ หลักฐานใดที่เกี่ยวเนอ่ื งกับสถานการณ์ฉกุ เฉนิ (3) ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าทีม่ อี านาจออกคาสั่งยึด

41 หรือผูรักษาการแทนซ่งึ ต้องเป็นพนกั งานฝายปกครองตง้ั แต่ระดับสามหรอื ตารวจซึ่งมียศ เป็นไปตามหมายนน้ั หรอื สิ่งของที่ต้องการค้นเทา่ นั้น แต่มีข้อยกเว้นดังนี้ นมอี านาจยึดส่งิ ของใดๆ ซง่ึ นา่ จะใช้เป็นพยานหลักฐานเพอื่ เปน็ ประโยชนหรอื ยนั ผตู้ ้องหาหรอื จาเลย องอ่นื ในท่ีคน้ น้ันได เมอื่ มหี มายอีกต่างหาก หรอื ในกรณคี วามผิดซ่งึ หนา ายและกระจดั กระจายเท่าทีจ่ ะทาได้ ผู้ค้นแสดงความบริสุทธ์ิเสียก่อน และเท่าที่สามารถจะทาได้ให้ค้นต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่ ก็ให้คน้ ต่อหนา้ บคุ คลอื่นอย่างนอ้ ยสองคนซึง่ เจ้าพนกั งานได้ขอร้องมาเปน็ พยาน กควบคุมหรือขังอย่ใู ห้ทาต่อหน้าผนู้ ้นั ถ้าผนู้ ัน้ ไม่สามารถหรอื ไม่ติดใจมากากับจะตง้ั ผแู้ ทน หรอื นครอบครัวหรอื ต่อหน้าพยานดังกล่าวในวรรคก่อน ครอบครัว ผู้ต้องหา จาเลย ผู้แทนหรือพยานดู เพื่อให้รับรองว่าถูกต้อง ถ้าบุคคลเช่นกล่าวนั้น 2548 กาลังประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาที่มี หรือทรัพย์สินของรัฐหรือบุคคล และมีความจาเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้ยุติได้อย่างมี คณะรัฐมนตรีมีอานาจประกาศให้สถานการณ์ฉุกเฉินนั้นเป็นสถานการณ์ท่ีมีความร้ายแรง และ ลม าตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 10 ใหน้ ายกรฐั มนตรีมอี านาจดังต่อไปนี้ด้วย วบคมุ ตวั บุคคลท่ีสงสัยว่าจะเป็นผู้รว่ มกระทาการให้เกดิ สถานการณ์ฉุกเฉนิ หรือเป็นผู้ใช้ การกระทาให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทง้ั นี้ เท่าทม่ี ีเหตจุ าเปน็ เพื่อปอ้ งกันมใิ หบ้ คุ คลน้ัน ยแรง หรือเพื่อให้เกิดความร่วมมอื ในการระงบั เหตกุ ารณ์รา้ ยแรง เรียกให้บุคคลใดมารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือมาให้ถ้อยคาหรือส่งมอบเอกสารหรือ ดหรืออายัดอาวุธ สินค้า เครื่องอุปโภคบริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัตถุอ่ืนใด ในกรณีท่ีมีเหตุอันควร

สงสยั ว่า ได้ใชห้ รอื จะใชส้ ิ่งนั้นเพ่ือการกระทาการหรือสนับสนุนการกร (4) ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าทีม่ ีอานาจออกคาสงั่ ตรว ปฏิบัตหิ น้าที่เพือ่ ระงับเหตกุ ารณ์ร้ายแรงให้ยุตโิ ดยเรว็ และหากปล่อยเ (5) ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าทม่ี อี านาจออกคาส่งั ตรว การสัง่ ระงบั หรือยบั ย้งั การติดต่อหรือการสอ่ื สารใด เพ่อื ป้องกันหรือร สอบสวนคดีพเิ ศษโดยอนโุ ลม (6) ประกาศห้ามมิให้กระทาการใด ๆ หรือสั่งให้กระท หรอื ความปลอดภัยของประชาชน (7) ประกาศให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจออกคาส่ังหา้ ม จะเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมน่ั คงของรัฐหรอื ความปลอดภัย (8) ประกาศให้พนกั งานเจ้าหน้าทีม่ ีอานาจสง่ั การให้คนต ให้เกดิ สถานการณ์ฉกุ เฉิน ทง้ั น้ี โดยให้นากฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง (9) ประกาศให้การซอ้ื ขาย ใช้ หรือมไี ว้ในครอบครองซง่ึ ซ่งึ อาจใช้ในการก่อความไม่สงบหรือก่อการร้ายต้องรายงานหรือได้รบั (10) ออกคาสั่งใหใ้ ชก้ าลงั ทหารเพอื่ ช่วยเจ้าหน้าท่ีฝ่ายป ทั้งน้ี ในการปฏบิ ตั ิหน้าท่ีของทหารให้มีอานาจหน้าที่เช่นเดยี วกับอาน จะทาได้ในกรณีใดได้เพียงใดให้เป็นไปตามเง่อื นไขและเงือ่ นเวลาที่นาย เม่ือเหตกุ ารณร์ ้ายแรงตามวรรคหนึ่งยตุ ิลงแล้ว ให้นายกร - พระราชบญั ญัตกิ ฎอัยการศึก พระพุทธศกั ราช ๒๔๕๗ มาตรา ๙ การตรวจคน้ น้ัน ให้มอี านาจทจ่ี ะตรวจค้น ดงั ต่อไปน้ี (๑) ท่ีจะตรวจ คน้ บรรดาสง่ิ ซ่ึงจะเกณฑ์ หรือต้องหา้ ม ทีจ่ ะตรวจคน้ ได้ไม่ว่าทต่ี ัวบคุ คล ในยานพาหนะ เคหะสถาน สิง่ ปลูกส (๒) ท่ีจะตรวจข่าวสาร จดหมาย โทรเลข หบี ห่อ หรอื สิง่ (๓) ทจ่ี ะตรวจหนงั สือ สิ่งพมิ พ์ หนงั สอื พิมพ์ ภาพโฆษณา

42 ระทาใหเ้ กิดเหตสุ ถานการณ์ฉกุ เฉิน วจค้น รอื้ ถอน หรือ ทาลายซง่ึ อาคาร สง่ิ ปลูกสร้าง หรือส่ิงกีดขวาง ตามความจาเปน็ ในการ เน่ินช้าจะทาให้ไม่อาจระงับเหตุการณ์ได้ทันท่วงที วจสอบจดหมาย หนังสอื สิ่งพมิ พ์ โทรเลข โทรศัพท์ หรอื การสื่อสารด้วยวธิ กี ารอื่นใด ตลอดจน ระงับเหตกุ ารณ์ร้ายแรง โดยต้องปฏบิ ตั ติ ามหลักเกณฑ์ท่กี าหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการ ทาการใด ๆ เท่าท่ีจาเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประเทศ มมใิ หผ้ ู้ใดออกไปนอกราชอาณาจักร เมือ่ มีเหตุอันควรเชือ่ ได้ว่าการออกไปนอกราชอาณาจักร ยของประเทศ ต่างด้าวออกไปนอกราชอาณาจักร ในกรณีท่ีมีเหตอุ ันควรเชื่อได้ว่าเป็นผู้สนบั สนุนการกระทา งมาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม งอาวธุ สินค้า เวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภคบริโภค เคมภี ัณฑ์ หรือวสั ดุอุปกรณ์อยา่ งหนึ่งอย่างใด บอนญุ าตจากพนกั งานเจา้ หน้าท่ีหรอื ปฏบิ ัติตามเง่ือนไขท่นี ายกรัฐมนตรีกาหนด ปกครองหรอื ตารวจระงบั เหตุการณ์รา้ ยแรง หรือควบคมุ สถานการณ์ให้เกดิ ความสงบโดยด่วน นาจหน้าที่ของพนักงานเจา้ หน้าท่ีตามพระราชกาหนดนี้ โดยการใช้อานาจหน้าที่ของฝ่ายทหาร ยกรฐั มนตรีกาหนด แต่ตอ้ งไม่เกินกว่ากรณีที่มกี ารใช้กฎอยั การศกึ รฐั มนตรปี ระกาศ ยกเลิกประกาศตามมาตรานี้โดยเร็ว หรอื ตอ้ งยดึ หรอื จะตอ้ งเข้าอาศยั หรอื มีไวใ้ นครอบครองโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย ทง้ั มีอานาจ สร้าง หรอื ที่ใด ๆ และไมว่ า่ เวลาใด ๆ ทั้งส้นิ งอน่ื ใดทส่ี ่งหรือมีไปมาถึงกันในเขตทป่ี ระกาศใชก้ ฎอยั การศกึ า บทหรือคาประพนั ธ์