เรียนรู้วิธีการดูแลสุขภาพสําหรับประชาชนท่ัวไป ทุกเพศ ทุกวัย HEALTH SEPT 2015 | ISSUE 05 สขุ ภาพ เสริมความแข็งแรง อาหารการกิน ของร่างกาย การกินที่ถูกต้อง วางแผนสขุ ภาพเพอื สขุ ภาพทีดีขนึ PAGE 20 เสริมสุขภาพ สุดพิเศษ ร่างกายแขง็ แรง วิธเี สริมสขุ ภาพที่ถกู ปราศจากโรคภัย ตอ้ งและได้ ผลจรงิ GET PAGE 40 HEALTHIER DYLAN HALL | 31 | TRIATHLETE SEPTEMBER 2015 | $15.98 WWW.ELITERUNNER.COM
กองสนับสนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสขุ ภาพ ว ารสารสขุ ภาพภาคประชาชนฉบบั เดอื นตลุ าคม-พฤศจกิ ายน2557น้ีนบั เปน็ ว ฉบับพิเศษเน่ืองในโอกาสการกา้ วสู่ปที ่ี 10 ซึง่ ตลอดระยะเวลาทีผ่ ่านมา วารสาร า ฉบบั นไี้ ด้ทำหน้าทส่ี อื่ กลางในการเผยแพรข่ อ้ มลู ข่าวสารทางวิชาการ ทงั้ ด้านนโยบาย ร สขุ ภาพภาคประชาชน ผลงานวจิ ยั และบทความวชิ าการของบคุ ลากรดา้ นสาธารณสขุ ส ทกุ ระดบั จากหลากหลายหนว่ ยงานโดยในปี2558ทก่ี ำลงั จะมาถงึ ในอกี ไมช่ า้ น้ีทศิ ทาง า การดำเนนิ งานสขุ ภาพภาคประชาชนจะเปน็ อยา่ งไรกองบรรณาธกิ ารไดน้ ำรายละเอยี ด ร สุ ข บ จากการประชุมเชิงปฏิบัติการถ่ายทอดนโยบายและแนวทางการดำเนินงานสุขภาพ ภ ภาคประชาชนสกู่ ารปฏบิ ตั ิประจำปี2558ทจ่ี ดั โดยกองสนบั สนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน า และมเี จา้ หนา้ ท่ี สช. จงั หวดั จากทว่ั ประเทศมารว่ มประชมุ มานำเสนอ เพอ่ื เปน็ แนวทาง พ ภ ท ในการปฏิบตั ิงานในปีงบประมาณ 2558 ตอ่ ไป า ขณะที่ในภาพใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุข ยังเดินหน้านโยบายในการปฏิรูป ค ป ระบบสุขภาพ พัฒนาระบบบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีเป้าหมายสูงสุดคือ ร ประชาชนสขุ ภาพดี สามารถดแู ลสขุ ภาพตนเองได้ โดยใชร้ ปู แบบเขตสขุ ภาพในการจดั ะ ช บ ระบบบรกิ าร แบง่ เปน็ 12 เขต และ กรงุ เทพมหานคร เพอ่ื กระจายอำนาจในการบรหิ าร า จัดการ ทั้งเรื่องบุคลากร งบประมาณ ไปที่เขต มีหลักการสำคัญ 2 ประการ คือ ช น ร การบริหารจัดการทรัพยากรสุขภาพร่วมภายในเขตสุขภาพ โดยการมีส่วนร่วมของ ร ทุกภาคส่วนในพื้นท่ี และการจัดบริการร่วมกนั ระหว่างสถานบริการในสงั กัดกระทรวง 1 สาธารณสุข และสังกัดอื่นๆ ในพื้นที่ เช่นมหาวิทยาลัย กองทัพ เป็นต้น ส่วนในการ ขับเคลื่อนเขตสุขภาพ ให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน จะมี ณ การขบั เคลอ่ื น3เรอ่ื งใหญ่ไดแ้ ก่1)การจดั ระบบบรกิ ารตามแผนการจดั บรกิ าร10สาขา อาทิหวั ใจและหลอดเลอื ดมะเรง็ อบุ ตั เิ หตุโรคไมต่ ดิ ตอ่ เรอ้ื รงั เปน็ ตน้ ใหม้ รี ะบบการคน้ หา า ติดตาม ส่งต่อและดูแลผู้ป่วย เชื่อมโยงตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน คือ รพ.สต. ไปจนถึง โรงพยาบาลใหญห่ รอื ระดบั เชย่ี วชาญภายในเขตสขุ ภาพ2)ทศวรรษการพฒั นารพ.สต. ธิ ซึ่งเป็นหน่วยบริการสุขภาพที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนที่สุด ทั่วประเทศมี 10,198 แห่ง สอดคล้องกับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการสร้างความ เขม้ แขง็ ให้กับระบบบริการปฐมภมู ิ เพอื่ ทำหน้าทส่ี ง่ เสริมสุขภาพ ป้องกันโรคในชุมชน ก สนับสนุนให้ประชาชนดูแลสุขภาพด้วยตนเอง และ 3) การพัฒนาเครือข่ายสุขภาพ ระดับอำเภอให้เข้มแข็ง เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาสุขภาพประชาชนตามบริบทของพื้นที่ า เน้นการสร้างสุขภาพ เพราะหากส่วนนี้เข้มแข็ง มั่นใจว่าจะลดจำนวนคนป่วยไปใช้ บริการโรงพยาบาลใหญ่ได้ ตึกผู้ป่วยนอกจะไม่แออัด ซึ่งเป็นเรื่องท้าทาย โดยให้ ร สาธารณสุขอำเภอ รพ.สต. ระดมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในชุมชน ทั้งองค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ผนู้ ำชมุ ชน แกนนำสขุ ภาพ ภาคประชาชน และหนว่ ยงานอน่ื ๆ ใน ชมุ ชน ซง่ึ ขณะนท้ี กุ อำเภอดำเนนิ การแลว้ โดยมอี ำเภอทม่ี เี ครอื ขา่ ยสขุ ภาพระดบั อำเภอ ทเี่ ขม้ แขง็ กวา่ รอ้ ยละ 60 ตง้ั เป้าหมายในปี 2558 ใหไ้ ด้ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 บรรณาธิการ
กองสนับสนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ส 3 เร่อื งจากปก า 3 แนวทางการดำเนินงานสุขภาพภาคประชาชน สกู่ ารปฏิบัติ ปี 2558 ร 5 งานวจิ ยั บั 5 สถานะสขุ ภาพ การใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพ และการดแู ลสขุ ภาพของ ผสู้ งู อายใุ นพน้ื ทต่ี ำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่จงั หวดั สงขลา ญ < สวุ รรณา ปตั ตะพฒั น์ > • 11 ผลสัมฤทธิ์การพัฒนาศักยภาพ อสม. เชี่ยวชาญของศูนย์ สุขภาพชุมชนเมืองบ้านเขาพุราง ตำบลปากแพรก อำเภอ C เมือง จังหวัดกาญจนบรุ ี < อารยี ์ บัวหลวง > O 16 การประเมิน “โครงการปลอดภยั ประหยดั ปรับพฤตกิ รรม N กบั ระบบบรกิ ารเภสชั กรรมแบบไรร้ อยตอ่ ของผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั โรงพยาบาลนครชยั ศรี” < ภญ.รตั นาวดี จลู ะยานนท์ > T 24 การศึกษาผลกระทบและภาระการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว E ภายใต้วัฒนธรรมไทย : กรณีศึกษาผู้สงู อายสุ มองเสือ่ ม N < คณิศร เตง็ รัง / ดร.ศริ าณี ศรีหาภาค / นายแพทย์โกมาตร จึงเสถยี รทรัพย์ > 35 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงานกองทุน T หลกั ประกันสขุ ภาพระดบั พ้นื ท่ีอำเภอปา่ พะยอม จงั หวัดพทั ลุง S < วสนั ติ์ ยงั สังข์ > 42 พฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของนักเรียน มัธยมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัด ชัยนาท < กรชิ กอ้ นทอง > 54 รายงาน 54 เจาะลกึ ความหมาย 10 สาขา อสม. ดเี ดน่
เรอื่ งจากปก แนวทางการดำเนนิ งาน ว สุขภาพภาคประชาชน า สกู่ ารปฏิบตั ิ ปี 2558 ร ส กองสนบั สนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ จดั ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารถา่ ยทอด า นโยบายและแนวทางการดำเนนิ งานสขุ ภาพภาคประชาชนสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ประจำปี 2558 เมอ่ื วนั ท่ี 27 - 28 ร พฤศจกิ ายน 2557 ณ โรงแรมที เค พาเลซ กรงุ เทพฯ โดยมี น.ต.บญุ เรอื ง ไตรเรอื งวรวฒั น์ อธบิ ดี สุ กรมสนบั สนนุ บริการสุขภาพ เป็นประธานเปิดการประชมุ ฯ และมอบนโยบายการดำเนินงานสขุ ภาพ ข ภาคประชาชน ปี 2558 มผี เู้ ขา้ รว่ มประชมุ ประกอบดว้ ย เจา้ หนา้ ทผ่ี รู้ บั ผดิ ชอบงานสขุ ภาพภาคประชาชน ภ จากสำนกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั ท่ัวประเทศเข้าร่วมประชุมกว่า 160 คน พร้อมทั้งได้มกี ารจดั พิธี า มอบโลป่ ระกาศเกียรติคณุ จงั หวัดทีม่ ผี ลงานสรุป รายงานขอ้ มูลงาน สช. ดเี ดน่ ระดับเขต ประจำ พ ปีงบประมาณ 2557 โดยอธิบดีกรมสนับสนนุ บรกิ ารสุขภาพเปน็ ประธานในพิธีมอบฯ ภ า ค ป ร ะ ช า ช น 3 น.ต.บญุ เรอื ง ไตรเรอื งวรวฒั น์ ไดก้ ลา่ วในการ ป้องกันโรคมากกว่ารอให้ป่วยและรักษา รวมถึงการ บรรยายพิเศษ นโยบายการดำเนินงานสุขภาพภาค สร้างกลไกการจัดการสุขภาพในระดับเขต แทนการ ประชาชนปี2558วา่ มนี โยบายและยทุ ธศาสตรท์ เ่ี กย่ี ว กระจกุ ตวั อยทู่ ส่ี ว่ นกลาง และนโยบายรฐั มนตรวี า่ การ ขอ้ งไดแ้ ก่นโยบายรฐั บาลขอ้ ท่ี5การยกระดบั คณุ ภาพ กระทรวงสาธารณสขุ ขอ้ ท่ี2คอื การพฒั นาระบบบรกิ าร บริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน ใน สุขภาพ ให้ทุกคนบนแผ่นดินไทยสามารถเข้าถึงการ ขอ้ 5.2คอื การพฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพโดยเนน้ การ บริการทีม่ คี ุณภาพอยา่ งท่วั ถงึ โดยมีการใชท้ รพั ยากร
กองสนับสนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บริการสุขภาพ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและเปน็ ระบบทย่ี ง่ั ยนื และขอ้ 2.1 ชุมชน 4. เสริมสร้างแรงจูงใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พฒั นาและดำเนนิ การทศวรรษแหง่ พฒั นาระบบปฐมภมู ิ การจดั การสขุ ภาพชมุ ชนของ อสม. 5. สง่ เสรมิ กระบวน โดยเนน้ การพฒั นาขดี ความสามารถในการดแู ลสขุ ภาพ การเรียนรู้เพื่อพิทักษ์สุขภาพชุมชนผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ด้วยตนเอง โดยการสนบั สนุนระบบบริการสารสนเทศ และ 6. พัฒนาองค์กรให้เป็นองคก์ รแหง่ สุขภาพดี ดา้ นสุขภาพ สำหรับตวั ชวี้ ัดกองสนบั สนุนสขุ ภาพภาคประชาชน ทั้งนี้ กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน มี 7 ตวั ช้ีวดั ได้แก่ KB1 : ร้อยละของ อสม. ท่ผี า่ นการ แนวทางการดำเนนิ งานสนองตอบนโยบายของรฐั มนตรี อบรมหลกั สตู รการปอ้ งกนั การทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ วา่ การกระทรวงสาธารณสขุ คอื 1. เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพ สามารถขยายเครอื ขา่ ยได้10-15รายตอ่ คน(รอ้ ยละ60) อสม.ดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ในชมุ ชน KB 10 : รอ้ ยละของหมบู่ า้ นเปา้ หมายมกี ารจดั การดา้ น 4 ว า ร ส า ร สุ ข ภ า 2.พฒั นาศกั ยภาพอสม.ในการจดั บรกิ ารปฐมภมู ริ ะดบั สขุ ภาพตามเกณฑม์ าตรฐาน(รอ้ ยละ70)KB12:รอ้ ยละ พ ชมุ ชนตามกลุ่มวยั 3. เสรมิ สร้างบทบาท อสม. ในการ ที่เพิ่มขึ้นของสมาชิกเครือข่ายเมืองคนดีระดับชุมชน ภ ขับเคลื่อนระบบสุขภาพระดับอำเภอ งานบูรณาการ (รอ้ ยละ60)KB24:จำนวนของอสม.ทไ่ี ดร้ บั การพฒั นา า ไดแ้ ก่1.พฒั นาศกั ยภาพอสม.ในการจดั บรกิ ารปฐมภมู ิ ศกั ยภาพ (250,000 คน) KB 25 : จำนวนภาคเี ครอื ขา่ ย ค ป ในระดับชุมชน 2. เสริมสร้างบทบาทเครือข่าย อสม. ตำบลจัดการสุขภาพที่ไดร้ ับการส่งเสรมิ พฒั นา และ ร ในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพระดับอำเภอ และงาน สนบั สนุน (3,630 ตำบล) KB 27 : รอ้ ยละของ อสม. ะ พื้นฐาน ได้แก่ 1. พัฒนาและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กลุ่มเป้าหมายมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ช า ระบบสุขภาพภาคประชาชนสู่การปฏิบัติ 2. พัฒนา (รอ้ ยละ 60) และ KB 28 : ร้อยละของตำบลเปา้ หมาย ช ระบบสารสนเทศงานสขุ ภาพภาคประชาชน3.สนบั สนนุ ที่มีการจัดการด้านสุขภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน น องคก์ รเอกชนสาธารณประโยชนใ์ นการจดั การสขุ ภาพ (รอ้ ยละ 70)...
งานวจิ ยั สถานะสุขภาพ การใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพ ว และการดแู ลสุขภาพของผ้สู ูงอายุ า ร ในพน้ื ท่ีตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา ส า The health status, health utilized service ร สุ and health care of elderly ข in Khohong sub district, Hatyai district, Shongkhla provice. ภ า พ บทคดั ย่อ สวุ รรณา ปัตตะพฒั น*์ ภ า การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานะสุขภาพ การใช้บริการสุขภาพ และการดูแลสุขภาพ ค ของผู้สูงอายุ ทำการศึกษาในกลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยในเขตพื้นที่ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ป โดยวิธีการศึกษาเป็นการวิจัยเชิงพรรณนา เป็นการศึกษาระยะสั้น เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ ระหว่าง ร วนั ที่ 1 มนี าคม 2556 - 10 กุมภาพันธ์ 2557 ใช้วิธีการส่มุ ตวั อย่างแบบแบง่ ช้นั ตามสัดส่วน (Proportional ะ Stratified Random Sampling) จำนวน 348 คน จากจำนวนผู้สูงอายทุ ้งั หมด 2,647 คน ช า ผลการศกึ ษาพบว่า ผูส้ งู อายสุ ว่ นใหญเ่ ป็นเพศหญิง (56.1%) และเป็นเพศชาย (43.9%) ระยะเวลาการ ช เจบ็ ปว่ ยสว่ นใหญน่ านเกนิ 6 เดอื น ปญั หาเกย่ี วกบั สขุ ภาพสว่ นใหญจ่ ะมอี าการปวดหลงั (41.3%) รองลงมาคอื น อาการปวดขอ้ ปวดเขา่ (37.2%)เวยี นศรษี ะ(21.4%)และอาการเปน็ ลมบอ่ ย(16.3%)ในเรอ่ื งโรคทพ่ี บในผสู้ งู อายุ สว่ นใหญเ่ ปน็ โรคกระเพาะอาหาร(14.3%)รองลงมาคอื โรคความดนั โลหติ สงู (11.2%)โรคเบาหวาน(3.6%)และ 5 โรคอมั พาต(1.5%)ตามลำดบั สำหรบั โรคหวั ใจและโรคประสาทพบในอตั ราทเ่ี ทา่ กนั (1%และ1%)สำหรบั การใช้ บรกิ ารสขุ ภาพนน้ั พบวา่ สว่ นใหญใ่ ชบ้ รกิ ารการรกั ษาพยาบาลในสถานบรกิ ารของรฐั โดยมารบั บรกิ ารทโ่ี รงพยาบาล สง่ เสรมิ สขุ ภาพตำบลเปน็ แหง่ แรก (66.3%) และรบั บรกิ ารในโรงพยาบาลศนู ยห์ าดใหญเ่ ปน็ แหง่ ทส่ี องเมอ่ื ทำ การรกั ษาแหง่ แรกไมห่ าย (78.5%) และมผี สู้ งู อายจุ ำนวนหนง่ึ ทอ่ี าศยั อยคู่ นเดยี ว (5.6%) ในสว่ นของการดแู ล สขุ ภาพของตนเองนน้ั พบวา่ ผสู้ งู อายหุ รอื สมาชกิ ภายในบา้ นมกี ารสบู บหุ รค่ี อ่ นขา้ งสงู (52.0%)ผสู้ งู อายสุ ว่ นใหญ่ จะมปี ญั หาเรอ่ื งทอ้ งผกู (55.6%)และผสู้ งู อายสุ ามารถปอ้ งกนั ปญั หาดงั กลา่ วโดยการนง่ั สว้ มหลงั ตน่ื เชา้ (60.7%) และในเรอ่ื งการมฟี นั ถาวรใชง้ านไมถ่ งึ 20ซ่ีพบคอ่ นขา้ งสงู (56.1%)และไมเ่ คยตรวจสขุ ภาพชอ่ งปากเลย(90.8%) การปอ้ งกนั ตนเองในการเกดิ อุบตั ิเหตใุ นบา้ น ส่วนใหญจ่ ะป้องกนั โดยไมเ่ ดนิ ในทเี่ ปียก (71.4%) ในเรอื่ งของ สภาวะอารมณ์ จะมอี าการเหงา วา้ เหว่ สงู มาก (85.7%) แตจ่ ะใชว้ ธิ กี ารในการปอ้ งกนั รกั ษาอาการโดย ฟงั วทิ ยุ ดูโทรทัศน์ (61.2%) และสนทนากบั เพ่อื น (53.6%) สรุปผลการวิจัยในครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะให้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งไว้รองรับในการให้บริการกับ ผู้สูงอายใุ ห้อย่างเพยี งพอ โดยเฉพาะในเรอ่ื งการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ป้องกนั รักษาและฟื้นฟู และควรจดั การดแู ล ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียว โดยกำหนดจำนวนหลังคาเรือนให้อาสาสมัครหมู่บ้านในการช่วยดูแลผู้สูงอายุ และโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตำบลตอ้ งมกี ารประสานงานโรงพยาบาลเพอ่ื ตง้ั จดุ ออกหนว่ ยบรกิ ารทนั ตกรรม เชิงรกุ ใหก้ ับผูส้ ูงอายุ จดั ทำโครงการเลิก ลด ละการสูบบหุ รี่ แกส่ มาชิกทุกคนในครอบครวั รวมถงึ การตดิ ตาม กำกบั ผลการดำเนินงานอยา่ งเป็นรปู ธรรม * นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ ผู้อำนวยการโรง พยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตำบลคอหงส์
กองสนับสนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบริการสขุ ภาพ Abstract The objective of survey research was the study of health status , health utilized service and health care of elderly who live in Khohong sub district , Hatyai district . Shongkhla provice. The research was descriptive in short period study. Used the questionnaires by proportional stratified random sampling 348 persons from ederly 2,647 persons. The study revealed that most status of sampling population was female (56.1%) male (43.9%) elderly stay alone no have care give (5.6%). Most of elderly have illness more than 6 months. Most of health problem were Back Pain (41.3%) Knee Pain (37.2%) Dizziness (21.4%) usually Fainting (16.3%) Peptic Ulcer (14.3%) Hypertension (11.2%) Diabetes Mellitus (3.6%) Paralysis (1.5%) Cardiovascular diseases (1%) and Neurotic (1%). For health utilized service elderly used the first service at Health Promoting Hospital (66.3%) and when the first cure not be better used secound service at Hatyai Hospital (78.5%) elderly stay alone (5.6%) For the health self-care family member of elderly still smoking in household (52.0%) and constipation problem (55.6%) the elderly prevention theses problem by defecation in the morning (60.7%) more than half of elderly have permanent teeth lest than 20 in a mouth (56.1%) and never check up oral cavities (90.8%) the accident prevention in household by do not work on wet floor (71.4%) for loneliness emotion in elderly (85.7%) anywhere the elderly can prevention by listen radio watch TV (61.2%) and chat with friend (53.6%) 6 The summary should be support budget for elderly service in health promoting and assignment ว the stay alone elderly’s household to village volunteer for look after them. The health promoting า hospital must be cooperation with the hospital arrange out dental unit for elderly and do the non- ร ส smoking scheme for family member in elderly household. า ร สุ ข บทนำ หน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ จึงต้องมีความเข้าใจถึงปัญหา ภ ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ต่างๆ ทั้งมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาสุขภาพทั้ง า โดยสว่ นใหญจ่ ะออกจากงานแลว้ และมแี นวโนม้ ทจ่ี ะ ทางร่างกายและจิตใจ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ซึ่งโรคทาง พ ทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมไทยทั้งด้านเศรษฐกิจ ร่างกายนั้นมีทั้งโรคติดต่อ เช่น วัณโรค และโรค ภ า และสังคม และเป็นภาระสำหรับประชากรวัยทำงาน ไม่ติดต่อ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นโรคไม่ติดต่อ ซึ่ง ค ที่ต้องดูแลเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมี เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย เช่น โรคความดัน ป ร ความสขุ และเพือ่ เป็นการตอบแทนคุณงามความดีที่ โลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคต้อกระจก เป็นต้น ะ ทา่ นไดส้ รา้ งสรรคแ์ กส่ งั คมมากอ่ นแตจ่ ากการเสอ่ื มลง และมักจะพบว่าเกิดโรคแทรกซ้อนตามมา ทำให้เกิด ช ของอวัยวะต่างๆ ทำให้ผู้สูงอายุเจ็บป่วยได้ง่ายและ โรคทพุ พลภาพ ไมส่ ามารถชว่ ยเหลอื ตนเองได้ และพบ า ช บ่อย จึงมีความต้องการที่จะใช้ ทรัพยากรทางด้าน ภาวะทุพพลภาพมากที่สุด สงู ถงึ 1 ใน 4 ของผู้สูงอายุ น สุขภาพสูงกว่าวัยอื่นๆ ดังนั้น เมื่อมีจำนวนผู้สูงอายุ ทั้งสิ้น ซึ่งหากสังคมไม่ช่วยเหลือก็จะเป็นภาระแก่ มากสัดส่วนความต้องการก็มากตามไปด้วย ผู้ที่ทำ ครอบครัวเป็นอยา่ งมาก
กองสนับสนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบรกิ ารสขุ ภาพ วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย ว า เพือ่ สำรวจสถานะสุขภาพในประเดน็ การเจบ็ ป่วยของผู้สูงอายุ ร เพอ่ื สำรวจพฤติกรรมการใช้บริการสถานบรกิ ารสุขภาพของผ้สู ูงอายุ ส เพื่อสำรวจพฤตกิ รรมการดแู ลสุขภาพผู้สูงอายุ า ร ขอบเขตการวจิ ยั สุ ข เป็นการศกึ ษาเฉพาะผู้สูงอายทุ มี่ อี ายตุ ง้ั แต่ 60 ปีขึน้ ไป ในเขตพ้นื ทรี่ บั ผดิ ชอบของโรงพยาบาลส่งเสรมิ ภ สขุ ภาพตำบลคอหงส์ตำบลคอหงส์อำเภอหาดใหญ่จงั หวดั สงขลาเทา่ นน้ั และไมน่ บั รวมผสู้ งู อายทุ ม่ี าอยชู่ ว่ั คราว า ในพื้นท่ีตำบลคอหงส์ ระยะเวลาในการดำเนนิ งานวิจยั ตงั้ แต่ 1 มีนาคม 2556 -10 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 พ ภ ประชากร และกล่มุ ตวั อย่าง า ค ซึ่งใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นตามสัดส่วน (Proportional Stratified Random Sampling) ป จำนวน 348 คน จากจำนวนผสู้ งู อายทุ ง้ั หมด 2,647 คน ซง่ึ ใชว้ ธิ กี ารจบั ฉลากแบบไมค่ นื ท่ี (Sampling Without ร Replacement) ในแต่ละหมบู่ ้าน จนครบตามจำนวนทก่ี ำหนดไว้ ตามตารางท่ี 1 ะ ช ตารางท่ี 1 การคำนวณหาขนาดตวั อยา่ ง จำแนกรายหมู่บา้ น จำนวน 8 หมู่บ้าน า ช โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตำบลคอหงส์ จำนวนประชากรผู้สงู อายุ (คน) ขนาดตัวอย่าง (คน) น 1. หมทู่ ี่ 1 บ้านคลองเตย 568 75 7 2. หม่ทู ่ี 2 บ้านคอหงส์ 741 97 3. หมทู่ ่ี 3 บ้านทุ่งรี 233 31 4. หมู่ที่ 4 บา้ นคลองเปล 190 25 5. หมู่ที่ 5 บา้ นคลองหวะ 472 62 6. หมู่ท่ี 6 บา้ นทงุ่ โดน 270 36 7. หมูท่ ี่ 7 บา้ นปลกั ธง 93 12 8. หมทู่ ี่ 8 บ้านในไร่ 80 10 2,647 348 รวม 8 หมู่บ้าน ผลการศกึ ษา ขน้ึ ไปสว่ นใหญม่ สี ถานะภาพสมรส(59.7%)รองลงมา ในการวจิ ยั ครง้ั นท้ี ำการศกึ ษาถงึ สถานะสขุ ภาพ มีสถานะภาพสมรสหม้าย (34.7%) ในส่วนของสภาพ การใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพและการดแู ลสขุ ภาพของผสู้ งู อายุ ทอี่ ย่อู าศัย พบวา่ สว่ นใหญอ่ ยู่กบั บุตรหลาน (66.8%) เพื่อทราบถึงสภาพปัญหาของผู้สูงอายุในเขตพื้นที่ อยู่ตามลำพังระหว่างสามีและภรรยา (26.0%) และ ตำบลคอหงส์ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยใชแ้ บบสมั ภาษณ์ ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียว (5.6%) ขาดคนดูแล กับกล่มุ ตวั อย่าง ไม่มีสามี/ภรรยาผู้เป็นคู่สมรส ไม่อยู่กับบุตรหลาน ผลจากการศกึ ษา พบวา่ กลมุ่ ผสู้ งู อายตุ วั อยา่ งท่ี ไมอ่ ยู่กับญาติ ศกึ ษาในครง้ั น้ี สว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ (56.1%) นบั ถอื กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา ส่วนใหญ่มีการศึกษา ศาสนาพทุ ธมอี ายรุ ะหวา่ ง70 -79ปี(48.5%)แตอ่ ยา่ งไร ในระดับประถมการศึกษาปีที่ 4 (72.4%) รองลงมา กต็ าม มีผูส้ ูงอายุ ประมาณรอ้ ยละ 1.5 ทีม่ ีอายุ 90 ปี ไม่ไดร้ บั การศึกษา (11.7%) และตำ่ กวา่ ระดบั ประถม
กองสนับสนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บริการสขุ ภาพ ศกึ ษาปีที่ 4 (10.7%) ตามลำดับ ด้านการอ่านหนังสือ ทป่ี ว่ ยดว้ ยโรคเรอ้ื รงั เชน่ โรคความดนั โลหติ สงู (11.2%) พบวา่ สว่ นใหญส่ ามารถอา่ นหนงั สอื ไดค้ ลอ่ ง(55.6%), และมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน อ่านได้ค่อนข้างลำบาก (34.2%) และอ่านหนังสือ (3.6%) ไมอ่ อก(10.2%)ดา้ นการเขยี นพบวา่ สว่ นใหญส่ ามารถ 8 เขยี นไดค้ ลอ่ ง(54.6%)และไมส่ ามารถเขยี นหนงั สอื ได้ ด้านการใช้บริการสุขภาพแห่งแรกเมื่อเจ็บป่วย ว (9.7%) ด้านเศรษฐกิจพบว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงาน พบว่า ส่วนใหญ่ไปรับบริการรักษาพยาบาลที่สถานี า (46.4% ) รองลงมามีอาชีพทำนา (40.8%) ค้าขาย อนามยั (66.3%)รองลงมาคอื ไปรบั บรกิ ารทโ่ี รงพยาบาล ร (6.6%) จกั สาน (2.6%) และรบั จา้ ง (2.5%) ตามลำดบั ศูนย์หาดใหญ่ (18.9%) และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ส โดยมแี หลง่ ทม่ี าของรายได้พบวา่ สว่ นใหญไ่ ดร้ บั รายได้ ที่ปล่อยให้หายเอง (5.1%) ซึ่งแตกต่างกับการศึกษา า จากบตุ รหลานหรอื ญาติ(61.7%)และรองลงมาไดจ้ าก ระดับประเทศเมื่อปี พ.ศ.2538 ที่พบวา่ สว่ นใหญข่ อง ร การทำงานของผสู้ งู อายเุ อง(46.9%)โดยมรี ายไดเ้ ฉลย่ี ผู้สูงอายุ (ร้อยละ 50.6) จะซื้อยากินเอง (อริยา สุ สว่ นใหญ่ อยรู่ ะหวา่ ง 1,000 - 1,999 บาท (40.8%) รอง เลศิ ชวนะกลุ , 2534) และ สภุ ทั รา เจตโิ ครต (2547) พบ ข ลงมามรี ายไดอ้ ยรู่ ะหวา่ ง 2,000 - 2,999 บาท (24.0%) วา่ ผสู้ งู อายซุ อ้ื ยากนิ เองรอ้ ยละ 46.1 แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ภ ความเพยี งพอในการใชจ้ า่ ยของผสู้ งู อายุพบวา่ สว่ นใหญ่ เม่ือผูส้ งู อายไุ ปรกั ษาแห่งแรกไมห่ าย สว่ นใหญ่มกั จะ มรี ายรบั เพียงพอกับรายจ่าย (54.6%) และส่วนใหญ่ ไปใช้บริการที่โรงพยาบาลศูนย์หาดใหญ่ (78.5%) พบว่าใช้จ่ายเงินเพื่อซื้ออาหารและค่ารักษาพยาบาล รองลงมาไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน (7.1%) และ มากทส่ี ดุ (63.3%) นอ้ ยทส่ี ดุ เปน็ การทำบญุ (13.3 %) คลินิกเอกชน (6.6%) ตามลำดับ และในส่วนของการเป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุนั้น พบว่า เปน็ สมาชิกชมรม มากกว่าครึง่ หนึง่ (55.6%) ด้านพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ในเรอ่ื งการรบั ประทานอาหารพบวา่ สว่ นใหญช่ อบทาน ในประเดน็ ทผ่ี วู้ จิ ยั สนใจศกึ ษาแบง่ ออกเปน็ 3ดา้ น อาหารรสจืด (50%) รองลงมาชอบอาหารรสเค็ม คือ ด้านสถานะสุขภาพในประเด็นการเจ็บป่วย (31.6%)สภาพสง่ิ แวดลอ้ มในการนอนพบวา่ สว่ นใหญ่ ของผู้สูงอายุ ด้านการใช้บริการสุขภาพแห่งแรกเมื่อ มหี อ้ งนอนอยใู่ นทท่ี อ่ี ากาศถา่ ยเทสะดวก(98.5%)แตม่ ี เจ็บป่วย และด้านพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของ ผู้สูงอายุและคนในบ้านประมาณครึ่งหนึ่งที่สูบบุหรี่ ผสู้ งู อายุ พบดงั น้ี และประมาณ 2 ใน 3 ไม่มีการออกกำลังกาย และ ในรอบ 1 เดือนทผ่ี า่ นมาพบว่า ผสู้ งู อายมุ ปี ญั หาท้อง า ด้านสถานะสุขภาพในประเด็นการเจ็บป่วยของ ผูกประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด แต่เมื่อมี พ ผ้สู ูงอายุ พบวา่ ส่วนใหญม่ ีอาการปวดหลงั (41.3%) อาการส่วนใหญ่มีการป้องกันโดยการนั่งส้วมหลัง ภ า รองลงมามอี าการปวดขอ้ เข่าหรอื เข่าอักเสบ (37.2%) ตน่ื นอนตอนเชา้ (60.7%) ดม่ื นำ้ หลงั จากลกุ จากทน่ี อน ค ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาที่อำเภอเขื่องใน จังหวัด (39.8%) และการรบั ประทานผกั ผลไมท้ กุ วนั (38.3%) ป อบุ ลราชธานี(2539) พบว่ามปี ญั หาหลังเอวมากที่สุด ตามลำดับ ในเรื่องการดูแลสุขภาพปากและฟันของ ร ะ (พัฒนา ตันสกุลและไพรำ ตันสกุล, 2541) ซึ่งสอด ผสู้ งู อายุ พบว่าส่วนใหญ่ แปรงฟันหลงั ลกุ จากที่นอน ช คล้องกับการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่ และก่อนนอนทุกวัน (42.9%) รองลงมาบ้วนปาก า ช พบวา่ ผสู้ งู อายจุ ะมปี ญั หาทางกลมุ่ โรคระบบกลา้ มเนอ้ื หลงั รบั ประทานอาหาร(39.3%)และพบอกี วา่ ผสู้ งู อายุ น เส้นเอ็นและกระดูก (กองคลังข้อมูลและสนเทศสถิติ, ประมาณคร่งึ หนง่ึ ไม่ได้ใช้ฟนั ปลอม (56.1%) มีเพียง 2540) แต่อยา่ งไรกต็ าม มผี สู้ งู อายุประมาณ 1 ใน 10 สว่ นนอ้ ยเทา่ นน้ั ทใ่ี ชฟ้ นั ปลอม(8.2%)และในกรณที ใ่ี ช้
กองสนบั สนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบรกิ ารสขุ ภาพ ฟันปลอม มีการทำความสะอาดโดยการถอดล้างทำ ช่องปากของผู้สูงอายุ ส่วนการป้องกันตนเองในการ ว ความสะอาดด้วยแปรงสีฟันทุกครั้งที่รับประทาน อบุ ตั เิ หตใุ นบา้ นมกี ารปอ้ งกนั โดยไมเ่ ดนิ ในทเ่ี ปยี กและ า อาหารมเี พียงสว่ นนอ้ ยเทา่ นั้น (4.1%) และส่วนใหญ่ ในส่วนของสภาวะอารมณ์ของผู้สูงอายุมีอาการเหงา ร พบวา่ ไมเ่ คยไดร้ บั การตรวจสขุ ภาพในชอ่ งปาก(90.8%) วา้ เหวส่ งู แตผ่ สู้ งู อายสุ ามารถปอ้ งกนั รกั ษาอาการโดย ส ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของสภุ ทั รา เจตโิ ครต (2547) ฟงั วทิ ยุ ดโู ทรทศั น์ และ สนทนากบั เพื่อน า พบว่าผู้สูงอายุร้อยละ 85.26 ไม่เคยตรวจได้รับการ ร ตรวจสขุ ภาพชอ่ งปากเลย เนอ่ื งจากผสู้ งู อายไุ มส่ ะดวก อภปิ รายผลการวจิ ัย สุ ในการเดนิ ทางไปพบทนั ตแพทย์ ในเรอ่ื งการปฏบิ ตั ติ วั ข ในการปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตขุ องผสู้ งู อายุ พบวา่ สว่ นใหญม่ ี ผสู้ งู อายุทม่ี ีการเจ็บปว่ ยนานกวา่ 6 เดอื น ภ การป้องกันอุบัติเหตุภายในบ้าน (93.4%) โดยมีการ ค่อนข้างมาก ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล า หลีกเลีย่ งไมเ่ ดินในบริเวณที่เปียก (71.4%) รองลงมา ต้องจัดมีการจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งไว้รองรับให้ พ คอื ระมดั ระวงั เวลาจะลกุ นง่ั หรอื ยนื (51.0%)และไมเ่ ดนิ อย่างเพียงพอ เพื่อใช้ในการให้บริการรักษาพยาบาล ภ ในทม่ี ดื (38.8%) ตามลำดบั ด้านสภาวะทางอารมณ์ กับผู้สูงอายุที่มีความเจ็บป่วยเรื้อรัง พร้อมทั้งจัดทีม า สว่ นใหญ่ มีอาการเหงา และว้าเหว่ (85.7%) แตอ่ ยา่ ง อาสาสมคั รสาธารณสขุ หมบู่ า้ นออกเยย่ี มเยยี นผสู้ งู อายุ ค เมอ่ื มอี าการดงั กลา่ วผสู้ งู อายจุ ะมกี ารแกไ้ ขปญั หาโดย ท่มี คี วามเจ็บปว่ ยเรื้อรังนานกว่า 6 เดอื น เพอื่ เป็นการ ป ดแู ลผู้สูงอายุไดอ้ ย่างทว่ั ถงึ ร ะ การฟังวทิ ยุ ดโู ทรทศั น์ (61.2%) การสนทนากับเพอื่ น ผู้สูงอายุเกือบทั้งหมดที่ไม่เคยได้รับการ ช (53.6%) บุคคลในครอบครัว (35.2%) และไปวัด ตรวจทางสขุ ภาพในชอ่ งปากนน้ั ทางโรงพยาบาลสง่ เสรมิ า (35.2%) ตามลำดับ สุขภาพตำบลต้องมีการติดต่อประสานงานกับ ช น 9 จากผลการศกึ ษาครง้ั นส้ี รปุ ไดว้ า่ ผสู้ งู อายมุ กี าร โรงพยาบาลกำหนดเวลาและสถานที่เพื่อตั้งจุดออก เจบ็ ปว่ ยนานเกิน 6 เดอื นคอ่ นข้างสูง ปัญหาส่วนใหญ่ หน่วยบริการทันตกรรมเชิงรุกให้กับผู้สูงอายุในชุมชน เกย่ี วกบั สขุ ภาพไดแ้ ก่อาการปวดหลงั และอาการปวด เพื่อทำการค้นหาปัญหาโรคในช่องปาก รวมทั้งรักษา ขอ้ ปวดเขา่ สว่ นการใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพนน้ั ผสู้ งู อายจุ ะใช้ พร้อมทั้งมีการแนะนำการดูแลสุขภาพฟันที่ถูกวิธี ให้ บริการในสถานบริการของรัฐในการรักษาพยาบาล กับผ้สู งู อายุและผู้ดูแล เพ่อื ลดการสูญเสยี ฟนั ต่อไป โดยทม่ี ารบั บรกิ ารในสถานอี นามยั ในการใชบ้ รกิ ารเปน็ ผสู้ งู อายุทีอ่ าศัยอยู่คนเดียว 5.6% ขาดคน แหง่ แรกและการรกั ษาในโรงพยาบาลศนู ยห์ าดใหญเ่ ปน็ ดแู ล ไมม่ สี าม/ี ภรรยาผเู้ ปน็ คสู่ มรส ไมอ่ ยกู่ บั บตุ รหลาน แห่งที่สองในการใช้บริการเมื่อทำการรักษาแห่งแรก ไม่อยู่กับญาติ ซึ่งจะเป็นปัญหาในการดูแลสุขภาพ ไมห่ ายในสว่ นของการดแู ลสขุ ภาพของตนเองนน้ั ผสู้ งู อายุ ผู้สูงอายุกลุ่มนี้ ผู้สูงอายุกลุ่มนี้จะไม่มีโอกาสในการ ยงั มกี ารสบู บหุ รส่ี งู เกอื บครง่ึ และมปี ญั หาเรอ่ื งทอ้ งผกู เข้าถึงบริการสุขภาพที่สถานบริการสาธารณสุขจัดให้ จำนวนมาก แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ผสู้ งู อายสุ ามารถปอ้ งกนั ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลผู้สุขภาพของสูงอายุได้อย่าง ปญั หาดงั กลา่ วโดยการนง่ั สว้ มหลงั ตน่ื เชา้ และมผี สู้ งู อายุ ทว่ั ถงึ ทางโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตำบล ควรแบง่ เกอื บครง่ึ หนง่ึ มฟี นั ถาวรใชง้ านไมถ่ งึ 20ซ่ีและมผี สู้ งู อายุ จำนวนหลังเรือนผู้ที่มีผู้สูงอายุกลุ่มดังกล่าวอาศัยอยู่ สว่ นใหญไ่ มเ่ คยตรวจสขุ ภาพชอ่ งปากเลยจงึ ควรจดั กลมุ่ ใหแ้ กอ่ าสาสมคั รสาธารณสขุ เขา้ ไปดแู ลสขุ ภาพตดิ ตาม บริการทันตสุขภาพเคลื่อนที่ โดยประสานกับทาง สภาวะจติ ใจเปน็ ระยะพรอ้ มทง้ั ใหอ้ าสาสมคั รสาธารณสขุ โรงพยาบาลเพอ่ื เขา้ ไปบรกิ ารในพน้ื ทท่ี ำการตรวจสขุ ภาพ หมูบ่ า้ น เขา้ ไปบริการทำบัตรประกันสขุ ภาพถว้ นหน้า
กองสนบั สนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แก่ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียว เพื่อเป็นสวัสดิการใน และเพื่อการวางแผนงานในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ การรักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วยฉุกเฉนิ ภายหลังได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอแนะ สงู อายแุ ละคนในบา้ นมจี ำนวนทส่ี บู หรส่ี งู ถงึ โครงการตา่ งๆ แล้ว 52% ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จึงควร ควรศกึ ษาผลการดำเนนิ งานของอาสาสมคั ร ทำโครงการเลกิ ลด ละการสบู บหุ รแ่ี กส่ มาชกิ ทกุ คนใน สาธารณสขุ ประจำหมบู่ า้ น ในการดแู ลผสู้ งู อายใุ นเขต ครอบครวั โดยประสานงานรว่ มกบั คลนิ กิ พเิ ศษโรงพยาบาล พน้ื ทร่ี บั ผดิ ชอบของตนในความเหน็ จากกลมุ่ ประชาชน หาดใหญ่ เพื่อส่งผู้สูบบุหรี่เข้าโครงการ เลิก ลด ละ ทัว่ ไป ผสู้ ูงอายุ และ ผู้นำชุมชน เพื่อประโยชนใ์ นการ การสูบบหุ รี่ เขา้ ถงึ บรกิ ารสาธารณสุขทกุ กลุ่ม ข้อเสนอแนะ ควรมกี ารศกึ ษาเรอ่ื งน้ใี นโรงพยาบาลสง่ เสรมิ ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ สขุ ภาพตำบลอน่ื ๆ เพอ่ื จะไดภ้ าพรวมวา่ สถานะสขุ ภาพ ควรทำการศกึ ษาประเมนิ ผลสถานะสขุ ภาพ การใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพและการดแู ลสขุ ภาพของผสู้ งู อายุ ของผู้สูงอายุในพื้นที่ตำบลคอหงส์ และควรทำเป็น เป็นอย่างไร เพื่อเป็นแนวทาง ในการหาทางแก้ไข ระยะอยา่ งนอ้ ยทุก 2 ปี เพอื่ ประเมนิ ผลการใหบ้ ริการ ปญั หาภาพรวม ต่อไป... 10 บรรณานุกรม คณะทำงานคาดหมายประชากร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี. การคาดหมายประชากรของ ว ประเทศไทย พ.ศ. 2542 - 2559. กรุงเทพฯ : หจก.ไอเดยี สแควส,์ 2542. า บรรลุ ศริ พิ านชิ . อดตี - ปจั จบุ นั - ความหวงั ของการดแู ลผสู้ งู อายไุ ทย. วารสารพฤฒาวทิ ยาและเวชศาสตรผ์ สู้ งู อายุ ; 1(3) : 30 - 34, ร ส 2543. า ปราโมทย์ ประสาทกุล. ว่าดว้ ยเรือ่ งคนแกไ่ ทย. ประชากรและการพฒั นา. ; 20(2) : 4 - 5, 2543 ร ปรชี า อปุ โยคนิ , สรุ ยี ์ กาญจนวงศ,์ วณี า ศริ สิ ขุ , มลั ลกิ า มตั โิ ก. ไมใ้ กลฝ้ ง่ั : สถานภาพและบทบาทผสู้ งู อายไุ ทย (เอกสารกองบรหิ าร สุ งานวิจัย ; 012/41). นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหดิ ล. กองบริหารงานวิจยั , 2541. ข พัฒนา ตนั สกุล,ไพรำ ตนั สกลุ . สภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี. สรรพสิทธเิ วชสาร ; 19(2) : ภ 139 - 144, 2541. า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540. ราชกิจจานุเบกษา 114(55ก) : 12 - 16, 2540. พ วทิ ยา สวสั ดวิ ฒุ พิ งศ,์ พชั รี เงนิ ตรา, ชดิ บญุ มาก, ศภุ วรรณ คณุ โชต.ิ การสำรวจปญั หาทางสงั คมและสขุ ภาพในผสู้ งู อายุ เขตเทศบาล ภ า ตำบลแมส่ อด จังหวดั ตาก. วารสารกรมการแพทย์ ; 22(7) : 251 - 260, 2540 ค ป ร ะ ช า ช น
กองสนับสนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บริการสขุ ภาพ ผลสมั ฤทธ์กิ ารพัฒนาศกั ยภาพ อสม. เชยี่ วชาญ ว ของศูนยส์ ขุ ภาพชมุ ชนเมืองบา้ นเขาพุราง า ร ส ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จงั หวดั กาญจนบุรี า ร The Achievement of the Potential Development for Expertised Health Volunteers สุ at Khao Purang Health Center, Pak Praek Subdistrict, ข ภ Muang District, Kanchanaburi Province. า พ อารีย์ บวั หลวง* ภ บทคดั ยอ่ า การวิจัยเรื่องผลสัมฤทธิ์การพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเชี่ยวชาญ (อสม. ค เชย่ี วชาญ)ของศนู ยส์ ขุ ภาพชมุ ชนเมอื งบา้ นเขาพรุ าง ตำบลปากแพรก อำเภอเมอื ง จงั หวดั กาญจนบรุ ใี นครง้ั น้ี ป ร มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศกึ ษาระดบั ความรเู้ กย่ี วกบั งานสง่ เสรมิ สขุ ภาพทง้ั 6 ดา้ นไดแ้ ก่ การดแู ลแนะนำหญงิ ตง้ั ครรภ์ ะ การดแู ลทารกและมารดาหลงั คลอดการดแู ลเดก็ 0-6ปีการดแู ลกลมุ่ ผสู้ งู อายุการดแู ลกลมุ่ ผพู้ กิ ารและการดแู ล ช ผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั เพอ่ื ศกึ ษาการนำความรเู้ กย่ี วกบั งานสง่ เสรมิ สขุ ภาพทง้ั 6 ดา้ น ไปปฏบิ ตั งิ านในละแวกบา้ นของ า อสม.ตำบลปากแพรกอำเภอเมอื งจงั หวดั กาญจนบรุ ีทำการเกบ็ ขอ้ มลู ในกลมุ่ เปา้ หมายคอื อสม.จำนวน258คน ช จากหมบู่ า้ น13 หมบู่ า้ น เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ไดแ้ ก่ แบบวดั ความรซู้ ง่ึ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู กอ่ นและหลงั อบรม น และแบบสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินงานซึ่งผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงด้านเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ 11 ทดสอบความเชอ่ื มน่ั โดยวธิ อี ลั ฟาของครอนบาค ไดค้ า่ ความเชอ่ื มน่ั แบบวดั ความรมู้ คี า่ เทา่ กบั 0.876 วเิ คราะห์ ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติวิเคราะห์ Paired Sample t-test ผลการศกึ ษาวจิ ัย ระยะท่ี 1 เป็นการศกึ ษาวิจยั กระบวนการฝกึ อบรม พบวา่ ความรูเ้ กี่ยวกับงานส่งเสริม สุขภาพท้งั 6 ดา้ น ได้แก่ การดูแลแนะนำหญงิ ต้ังครรภ์ การดแู ลทารกและมารดาหลงั คลอด การดูแลเดก็ อายุ 0-6ปีการดแู ลกลมุ่ ผสู้ งู อายุการดแู ลกลมุ่ ผพู้ กิ ารการดแู ลผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั กอ่ นและหลงั อบรมมคี วามแตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสำคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดับความเชื่อมนั่ .001 ระยะที่ 2 เป็นการศกึ ษาเกีย่ วกับการนำความรทู้ ่ไี ดจ้ าก การอบรมไปปฏบิ ตั งิ านจรงิ พบวา่ อสม. สามารถออกไปปฏบิ ตั งิ านโดยใหค้ ำแนะนำในละแวกบา้ นของตนเอง ไดท้ ง้ั 13 หมบู่ า้ น งานทป่ี ฏบิ ตั งิ านไดแ้ ก่ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพโดยการออกเยย่ี มบา้ นใหค้ ำแนะนำหญงิ ตง้ั ครรภ์ และหญิงหลังคลอดรายใหม่ได้ทุกราย แนะนำผู้สูงอายุและผู้พิการในเรื่องการดูแลสุขภาพการฟื้นฟูสภาพ โดยการออกกำลังกาย อาหาร และอารมณ์ การไม่สูบบุหรี่ การไม่ดื่มสุรา เป็นต้นแนะนำเรื่องการเฝ้าระวัง ปอ้ งกนั และควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออก(ปดิ เปลย่ี นปลอ่ ยปรบั ปรงุ ปฏบิ ตั เิ ปน็ นสิ ยั )โรคไขห้ วดั ใหญ่(ปดิ ลา้ งเลย่ี ง หยุด) การเฝ้าระวัง การคัดกรอง กลุ่มเสี่ยงโรค (โรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลอื ดสมอง)การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคและการลดการกนิ อาหารหวานมนั เคม็ ได้อสม.สามารถวางแผน สขุ ภาพระดบั ตำบลปากแพรกได้และสามารถเปน็ ผนู้ ำหรอื เปน็ ตวั แทนในการปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ในกจิ กรรมอืน่ ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั งานด้านสาธารณสขุ ทั้งในระดบั ตำบล ระดบั อำเภอ และระดบั จงั หวดั คำสำคญั : ความรเู้ ก่ียวกบั งานส่งเสริมสขุ ภาพท้งั 6 ด้าน อสม. เชย่ี วชาญ ศนู ยส์ ุขภาพชมุ ชนเมอื ง * นกั วิชาการสาธารณสขุ ชำนาญการ ผูอ้ ำนวยการโรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตำบลบา้ นเขาพุราง
กองสนับสนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ Abstract The objectives of this research aimed 1) to evaluate the potential of village health volunteers (VHVs) focusingin6dimensionsofhealthpromotingcapabilityofpregnantwomen,infantsandpost-partumwomen, upto6-year-oldchild,elders,handicrafts,andchronicdiseases’patientsatPakPreaksub-district,Muang district, Kanchanaburi province, and 2) to implement health promoting activity towards villagers in VHVs’ responsible area. The project was trialed among 258 VHVs from 13 villages at the area addressed above. Knowledge evaluating test, and questionnaires pointed to VHVs working procedure, as assessed their validity by primary health care experts and reliability value by Cronbach’s alpha method (value of 0.876). Statistics used in this study were mean, percentage, standard deviation, and paired sample t-test. Itwasfoundinthe1stphasethatVHVs’knowledgelevelinhealthpromotingcapabilityin6dimension of their responsible career performed after training, was significantly higher than that level before training (p < 0.001). In the 2nd phase of VHVs performance assessed after training, the VHVs were assigned to take-in-charge and evaluated for their working capability. All VHVs exhibited their accepted potential to advice newly pregnant cases and post-partum women. The approach to elders and handicrafts including rehabilitating advice in exercises, avoid of smoking, diet and emotion control, refrain from intoxicants, was assessed to be very well. Their capability in monitoring, preventing and controlling of transmitted diseases such as dengue fever and influenza, as well as monitoring and screening of 12 diabetic mellitus and hypertension, health consumer protection and advice to select quality foods ว for consumption, were shown to be accepted. In addition, they possessed themselves to do sub-district า health operating plan, and to be good leaders participating in several activities as sub-district, district ร ส and provincial level. า ร Keyword : Health promotion care. Expertised Health Volunteers. Health Center of Muang District. สุ ข ภ บทนำ Agent) ในทางที่ถูกต้องและเรียกว่า “อาสาสมัคร า กลวิธีการสาธารณสุขมูลฐานมาเป็นนโยบาย สาธารณสุขประจำหมู่บา้ น(อสม.)” พ ภ หลกั ในการพฒั นางานสาธารณสขุ เพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย สถานอี นามยั บา้ นเขาพรุ าง อำเภอเมอื ง จงั หวดั า การมีสุขภาพดีถ้วนหน้า การดำเนินงานสาธารณสุข กาญจนบุรี รับผิดชอบ1ตำบล 13 หมู่บ้าน จำนวน ค มูลฐานเป็นรูปแบบการดำเนินงานในลักษณะการจัด ประชากร 23,373 คน จำเปน็ ตอ้ งสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพให้ ป ร บริการสาธารณสุขเบื้องต้น โดยเริ่มให้ประชาชนเป็น กับประชาชนให้ทั่วถึงครอบคลุมประชาชนทุกคน แต่ ะ ผใู้ หบ้ รกิ ารดว้ ยตนเองผสมผสานกบั บรกิ ารสาธารณสขุ ขาดแคลนกำลงั คนทจ่ี ะเขา้ ไปดแู ลใหท้ วั่ ถงึ จงึ จำเป็น ช ของรฐั ทม่ี อี ยเู่ ดมิ โดยคำนงึ ถงึ ความสอดคลอ้ งเหมาะสม ต้องพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ า ช น ตามศกั ยภาพของทอ้ งถน่ิ มารบั การอบรมเสรมิ ความรู้ หมบู่ า้ น ใหเ้ ปน็ อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจำหมบู่ า้ น เกย่ี วกบั สาธารณสขุ เบอ้ื งตน้ ใหม้ บี ทบาทเปน็ ผนู้ ำดา้ น เชยี่ วชาญ (อสมช.) เข้าไปดแู ลประชาชน จากสถาน- การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมทางสขุ ภาพอนามยั (Change การณข์ องโรคผู้ป่วยโรคเร้อื รัง กลุ่มผู้สูงอายุ การดแู ล
กองสนบั สนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ แนะนำหญิงตั้งครรภ์ การดูแลทารกและมารดาหลัง ประชากร และกลุม่ ตวั อยา่ ง ว คลอด การดแู ลเดก็ 0 - 6 ปี และการดูแลกลมุ่ ผู้พิการ กำหนดประชากรตัวอย่างโดยการเลือกแบบ า พบว่ามีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับสถาน- เจาะจงท้งั หมดในกลมุ่ อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำ ร การณใ์ นระดบั ประเทศ(ศนู ยส์ ขุ ภาพชมุ ชนเมอื ง(ศสม.) หมู่บ้าน(อสม.)ในเขตตำบลปากแพรก อำเภอเมือง ส บ้านเขาพุราง, 2556.) ซึ่งบุคลากรด้านสาธารณสุขมี จำนวน 13 หมบู่ า้ น รวมทั้งส้ิน 258 คน มาเขา้ ขบวน า จำนวน 5 คน รบั ผิดชอบจำนวน 13 หมู่บ้าน ประชากร การอบรมให้ความรู้ส่งเสริมสุขภาพทั้ง 6 ด้าน และ ร ทง้ั หมด 23,373 คนไมส่ ามารถดแู ลครอบคลมุ กลมุ่ ดงั ติดตามผลการปฏิบัติงาน เป็นเวลา 1 ปี สุ กล่าว ดังน้ันผ้วู จิ ัยมีความสนใจท่จี ะศึกษาผลสมั ฤทธ์ิ ข การพัฒนาศกั ยภาพ อสม.เชีย่ วชาญของศูนยส์ ุขภาพ การวเิ คราะหข์ ้อมูล ภ ชมุ ชนเมอื งบา้ นเขาพรุ าง ตำบลปากแพรกอำเภอเมอื ง า จงั หวดั กาญจนบรุ ขี น้ึ ตลอดจนการสรปุ กจิ กรรมการนำ ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปนำมาหาค่าร้อยละ พ ความรู้ที่ได้จากการอบรมไปปฏิบัติงานจริงในละแวก ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และในส่วนของ ภ บา้ นตนเองวา่ เปน็ อยา่ งไรบา้ งเพอ่ื นำไปใชใ้ นการตดั สนิ ใจ ความรู้เก่ยี วกับงานสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ทงั้ 6 ด้าน ไดแ้ ก่ า หาทางเลือกที่เหมาะสมในการพัฒนารูปแบบการจัด ดา้ นการดแู ลแนะนำหญงิ ตง้ั ครรภ์ ดา้ นการดแู ลทารก ค อบรม และรปู แบบการสรา้ งสุขภาพทีด่ ีต่อไป และมารดาหลงั คลอด ดา้ นการดูแลเดก็ อายุ 0 - 6 ปี ป ด้านการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ ด้านการดูแลกลุ่มผู้พิการ ร วตั ถปุ ระสงค์ในการศึกษา ด้านการดแู ลผู้ป่วยโรคเรือ้ รัง ผวู้ จิ ัยนำมาวเิ คราะห์จดั ะ ระดับความรู้ และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย โดยใช้การ ช า ช น เพอ่ื ศกึ ษาระดบั ความรเู้ กย่ี วกบั งานสง่ เสรมิ ทดสอบค่าที (t - test) แบบIndependent t-test) และ 13 สขุ ภาพทง้ั 6 ดา้ นได้แก่ ดา้ นการดแู ลแนะนำหญงิ ตง้ั สรปุ ผลการปฏบิ ตั ิงานของประชากรกลุม่ ตัวอยา่ งเปน็ ครรภ์ ด้านการดูแลทารกและมารดาหลังคลอด ด้าน เวลา 1 ปี โดยการหาคา่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี สว่ นเบย่ี งเบน การดูแลเด็ก 0 - 6 ปี ดา้ นการดแู ลกลมุ่ ผ้สู งู อายุ ด้าน มาตรฐาน การดูแลกลุ่มผูพ้ ิการ และด้านการดูแลผ้ปู ว่ ยโรคเร้ือรงั ผลการวจิ ยั เพอ่ื ศกึ ษาผลการนำความรขู้ อง อสม.เกย่ี ว ขอ้ มลู ทว่ั ไปผลการการศกึ ษาพบวา่ ประชากร กับงานส่งเสริมสุขภาพทั้ง 6 ด้านสามารถปฏิบัติงาน กลมุ่ ตวั อยา่ งจำนวนทง้ั หมด 258 คน เขา้ รบั การอบรม เป็นอย่างไร จำนวน 246 คน รอ้ ยละ 95.35 สว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ ขอบเขตการศึกษา ร้อยละ 90.20 เพศชาย ร้อยละ 9.80 อายุส่วนใหญ่ 38 - 57 ปี ร้อยละ 67.48 โดยมีอายุเฉลี่ย 50.63 ปี เป็นการศึกษาผลสัมฤทธิ์การพัฒนาศักยภาพ อายตุ ำ่ สดุ 18 ปี อายสุ งู สดุ 75 ปี สถานภาพการสมรส อสม. เชี่ยวชาญของศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองบ้านเขา ส่วนใหญ่คู่ ร้อยละ 76 ส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับ พรุ าง ตำบลปากแพรก อำเภอเมอื ง จงั หวดั กาญจนบรุ ี ประถมศกึ ษารอ้ ยละ64.6อาชพี ประชากรกลมุ่ ตวั อยา่ ง ในครั้งนี้ เป็นการติดตามผลการอบรมตั้งแต่เดือน ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง/ลูกจ้างเอกชน ร้อยละ 91.1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 และรายงานผลการปฏิบัติงาน โดยมรี ะยะเวลาการปฏิบตั งิ าน เปน็ อสม. ในระหวา่ ง ต้งั แตเ่ ดือน สิงหาคม พ.ศ. 2556 ถงึ กรกฎาคม พ.ศ. 6 - 10 ปี เป็นส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.53 มีระยะเวลาการ 2557
กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบริการสุขภาพ ปฏบิ ัตงิ าน เป็น อสม.เฉล่ีย 8.48 ปี ต่ำสดุ 1 ปี สูงสุด หญงิ ตง้ั ครรภ์ ดา้ นการดแู ลทารกและมารดาหลงั คลอด 20 ปี สว่ นใหญ่เปน็ คนในทอ้ งถ่นิ ท่ีอยอู่ าศยั เป็นเวลา ดา้ นการดแู ลเดก็ อายุ0 -6ปีดา้ นการดแู ลกลมุ่ ผสู้ งู อายุ 38 - 57 ปี ร้อยละ 68.7 ระยะเวลาที่อาศัยอยู่ 50.28 ปี ดา้ นการดแู ลกลมุ่ ผพู้ กิ าร ดา้ นการดแู ลผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั ตำ่ สุด 18 ปี สูงสุด 75 ปี โดยมแี รงจูงใจในการปฏิบัติ ใหบ้ อ่ ยๆและตดิ ตามผลเปน็ ประจำทกุ เดอื นจะสามารถ งานทอ่ี ยากไดค้ า่ จา้ ง/คา่ ตอบแทน/สทิ ธร์ิ กั ษาพยาบาล นำความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใหค้ ำแนะนำกบั ประชาชนในละแวก ร้อยละ 62.19 รองลงมาอยากเป็นอาสาสมัครรับใช้ บ้านของตนเองได้ และควรจัดกลุ่มโซนรับผิดชอบ ประชาชน รอ้ ยละ 25.61 โซนละ 3 - 4 หมู่บ้าน มบี คุ ลากรสาธารณสขุ ร่วมเป็น ความรเู้ กย่ี วกบั งานสง่ เสรมิ สขุ ภาพ 6 ดา้ น ทีมงาน 1 ทีม รับบริการแบบใกล้บ้าน ใกล้ใจ และ ของประชากรกลมุ่ ตวั อยา่ ง พบวา่ กอ่ นอบรมมคี ะแนน ขอความรว่ มมอื กบั วดั คณะครใู นโรงเรยี นและผนู้ ำชมุ ชน ระดับปานกลางมคี ะแนนเฉล่ยี เท่ากับ 12.97 คะแนน เป็นศูนย์กลางในการกำหนดรูปแบบการให้บริการ สง่ เสรมิ สขุ ภาพทง้ั 6 ดา้ นพรอ้ มสนบั สนนุ วสั ดอุ ปุ กรณ์ หลังอบรมมีคะแนนอยู่ในระดับมากมีคะแนนเฉลี่ย และเวชภัณฑ์ยา และสมุนไพรเพิ่มอีกทางเลือกหนึ่ง เท่ากับ 15.68 คะแนน และผลของการจัดการอบรม อยใู่ นเกณฑท์ ด่ี (ี แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิ ของการสง่ เสริมสขุ ภาพ ท่รี ะดับ .001) ข้อเสนอแนะ จากการติดตามผลการปฏิบัติงานตั้งแต่ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและพัฒนาจาก เดือน สิงหาคม พ.ศ.2556 ถึง กรกฏาคม พ.ศ. 2557 ข้อมูลประชากรจำนวน 23,373 คน รับผิดชอบ 13 14 พบวา่ ด้าน 1.การส่งเสรมิ สขุ ภาพ สามารถปฏบิ ตั ิได้ หมู่บ้าน ของศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง บ้านเขาพุราง ว เฉลย่ี รอ้ ยละ78ถงึ 91ดา้ น2.การเฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั และ ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัด า ควบคมุ โรคสามารถปฏิบัตไิ ด้เฉลยี่ รอ้ ยละ 88 ถงึ 97 กาญจนบุรี มีแห่งเดียว แต่พื้นที่กระจัดกระจายและ ร ด้าน 3. การฟื้นฟูสุขภาพ สามารถปฏิบัติได้เฉลี่ย ห่างไกลจากสถานบริการผู้ศึกษาวิจัยมีความเห็นว่า ส รอ้ ยละ 74 ถงึ 83 ดา้ น 4. การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคสามารถ ควรปรบั ปรงุ พืน้ ทเี่ ป็นกล่มุ โซนรับผดิ ชอบโซนละ 3 - 4 า ร ปฏบิ ตั ไิ ดเ้ ฉลยี่ ร้อยละ 12 ถึง 27 ดา้ น 5. การจัดการ หม่บู ้าน มีบุคลากรสาธารณสุขรว่ มเปน็ ทีมงาน 1 ทมี สุ สขุ ภาพชมุ ชนและการมสี ว่ นรว่ มในแผนสขุ ภาพตำบล รับบริการแบบใกล้บ้าน ใกล้ใจให้บริการเน้นส่งเสริม ข สามารถปฏิบัติได้เฉลี่ยร้อยละ 12 ถึง 27 และด้าน สุขภาพ 6 ด้านเบื้องต้น(ประกอบด้วยด้านการดูแล ภ า พ 6.กจิ กรรมอน่ื ๆเชน่ เขา้ รว่ มงานรณรงค์รว่ มพธิ ีเปน็ ตน้ แนะนำหญิงตั้งครรภ์ ด้านการดูแลทารกและมารดา ภ สามารถปฏิบตั ิไดเ้ ฉลยี่ รอ้ ยละ 88 ถึง 97 (X ± SD = หลงั คลอด ดา้ นการดแู ลเดก็ อายุ 0 - 6 ปี ดา้ นการดแู ล า 0.49 ± 0.18, 0.43 ± 0.17, 0.68 ± 0.59, 0.68 ± 0.59 กลุม่ ผสู้ งู อายุ ด้านการดูแลกลุ่มผพู้ ิการ ด้านการดูแล ค และ 0.43 ± 0.17) ผ้ปู ว่ ยโรคเรื้อรงั ) ป ร ะ สรปุ ผลการวจิ ัย รว่ มมอื ใหว้ ดั โรงเรยี น และผ้นู ำชมุ ชนเป็น ช ผลการศึกษาทำให้ได้รูปแบบการจัดการอบรม ศนู ยก์ ลางในการกำหนดรปู แบบการใหบ้ รกิ ารสง่ เสรมิ า อสม. เชี่ยวชาญ และเน้นการจัดการอบรมส่งเสริม สุขภาพทั้ง 6 ด้านพร้อมสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ และ ช สขุ ภาพเฉพาะ6ดา้ นประกอบดว้ ยดา้ นการดแู ลแนะนำ เวชภณั ฑ์ยา และสมนุ ไพรเพ่ิมอกี ทางเลือกหนึง่ ... น
กองสนับสนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ บรรณานุกรม ว า ขจรศักดิ์ ผิวเกลี้ยง. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการรับรู้บทบาทการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารเพื่อการพัฒนา ร โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตำบล อำเภออทู่ อง จังหวัดสพุ รรณบุรี.การศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเองสาธารณสขุ ศาสตร- ส มหาบัณฑิต. สาขาวชิ าสาธารณสุขศาสตร์คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. 2555. า ร ชลิต ไทยอุทิศ. ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความสุขในการปฏิบัติหน้าที่กับประสิทธิผลในการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร สุ สาธารณสุขในเขตอำเภอบ่อทอง จงั หวัดชลบุรี. 2555 ข ภ ณัฐพงศ์ ดามาพงษ์. ศกึ ษาปจั จยั ทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ บั การปฏบิ ตั งิ านสง่ เสรมิ สขุ ภาพของเจา้ หนา้ ทส่ี าธารณสขุ ในศนู ยส์ ขุ ภาพ า ชุมชน จังหวัดชัยภมู .ิ 2549 พ ภ รกั ศกั ด์ิออ่ นทรง.รปู แบบการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำแผนพฒั นาดา้ นสขุ ภาพของหมบู่ า้ นโปง่ คอม ตำบลผกั ขะ อำเภอวฒั นานคร า จังหวดั สระแกว้ . วารสารสุขภาพภาคประชาชนภาคกลาง. ISSN.0857-3794 ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1เดอื นตุลาคม - ธนั วาคม 2555. ค ป สมเกียรติ โค้วไล้. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริม ร สุขภาพตำบล จังหวัดราชบุรี. การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ ะ คณะสาธารณสุขศาตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 2555. ช า ศนู ยส์ ขุ ภาพชมุ ชนเมอื ง(ศสม.)บา้ นเขาพรุ าง. สรปุ ผลการประเมนิ ตนเองของหนว่ ยปฐมภมู ปิ ี 2555 สำนกั งานสาธารณสขุ อำเภอเมอื ง ช จังหวัดกาญจนบรุ .ี 2556. น 15
กองสนบั สนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบริการสุขภาพ การประเมนิ “โครงการปลอดภัย ประหยดั ปรับพฤติกรรม กบั ระบบบริการเภสัชกรรมแบบไร้รอยต่อของผ้ปู ่วยโรคเรื้อรงั โรงพยาบาลนครชยั ศรี” Assessing the Project for Safety, Saving and Alteration of Behavior. Nakornchaisri Hospital’s Seamless Pharmacy Service for Chronic Disease Clinics บทคดั ยอ่ ภญ.รัตนาวดี จูละยานนท์* การประเมนิ “โครงการปลอดภยั ประหยดั ปรบั พฤตกิ รรมกบั ระบบบรกิ ารเภสชั กรรมแบบไรร้ อยตอ่ ของผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั โรงพยาบาลนครชยั ศร”ี ซง่ึ จดั ทำเพอ่ื ลดปญั หาจากการใชย้ า(DrugRelatedProblems; DRPs)ใหผ้ ู้ป่วยลดขนั้ ตอนการรบั บรกิ าร ประหยัดงบประมาณ และผู้ป่วยปรบั เปลยี่ นพฤติกรรมการใชบ้ ริการ สขุ ภาพ มวี ตั ถปุ ระสงคก์ ารประเมนิ โครงการวา่ ควรสนบั สนนุ ใหม้ กี ารขยายผลตอ่ ไปอยา่ งไร โดยใช้ แบบจำลอง CIPP Model ของ Stufflbeam ทำการประเมนิ บรบิ ทโครงการ (Context ) ไดแ้ ก่ นโยบายโรงพยาบาล, การ เข้าถงึ และพฤตกิ รรมการใชบ้ ริการของผปู้ ่วย, ระบบบริการ, มาตรการความปลอดภัยด้านยา 16 ดา้ นปจั จยั นำเขา้ (Input)ไดแ้ ก่อตั รากำลงั ความรู้ทศั นคติวสั ดอุ ปุ กรณ์อาคารสถานท่ีดา้ นกระบวนการ (Process) ไดแ้ ก่ การปรบั เปลี่ยนบุคลากร ผ้ปู ่วย/ผ้ดู แู ล วสั ดอุ ุปกรณ์ อาคารสถานที่ ดา้ นผลผลิต (Product) ว ประเมินผลลัพธ์ ได้แก่ ความปลอดภัยด้านยา งบประมาณ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ยาและ า ร บรกิ ารสขุ ภาพของผปู้ ว่ ย และ ผลกระทบ คอื การลดขน้ั ตอนบรกิ าร ระยะเวลารอคอย และเพม่ิ ความพงึ พอใจ ส ประชากรท่ใี ช้ในการศึกษา คอื ผู้ป่วยโรคเรอ้ื รงั ทีม่ ารักษาท่ี รพ. นครชยั ศรี ระหว่าง วนั ที่ 1 พฤศจิกายน 2551 า ถึง 30 กันยายน 2554 โดยการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลจากผลการดำเนินงานและตัวชี้วัดของงานบริการ ร สุ เภสัชกรรม ข ผลการประเมนิ ดา้ นบรบิ ท วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการสอดคลอ้ งกบั นโยบายลดตน้ ทนุ ของโรงพยาบาล ภ และปัญหาการใช้ยาซึ่งมีสาเหตุจากการเข้าถึงบริการ และพฤติกรรมการตระเวนใช้บริการสุขภาพ (Health า พ Service Shopping Around) ระบบบริการและมาตรการความปลอดภัยด้านยา ด้านปัจจัยนำเขา้ อตั รากำลัง ภ และความร้บู ุคลากรไม่เพียงพอ ตอ้ งพฒั นาศักยภาพ ด้านทศั นคติ เจ้าหน้าทใ่ี ห้บรกิ ารแบบต้ังรบั ยึดมุมมอง า ของผ้ใู ห้บริการ ดา้ นวสั ดุและอาคารสถานท่ี มีช่องจ่ายยาพรอ้ มอปุ กรณ์ทจ่ี ำเปน็ ไม่เพียงพอ จ่ายยาผ่านช่อง ค กระจกทำให้การสื่อสารขาดประสิทธิภาพ ต้องเพิ่มช่องจ่ายยาปรับพื้นที่บริการเป็นแบบเปิด (Nonbarier ป ร PharmaceuticalServices)เพม่ิ เครอ่ื งเรยี กควิ ดา้ นกระบวนการมกี ารประชมุ ชแ้ี จงผเู้ กย่ี วขอ้ งปรบั พฤตกิ รรมโดย ะ ใชก้ ลยทุ ธ์Medicationreconciliation,ParadigmShift,CaseManagement,SelfMedicationReconciliation, ช Individual Medication Record และการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้พบวา่ ปรบั เปลย่ี นทศั นคตไิ ดท้ ง้ั เจา้ หนา้ ทแ่ี ละผปู้ ว่ ย า ช ไดร้ บั งบประมาณปรบั ปรงุ อปุ กรณ์ สถานท่ี ดา้ นผลลพั ธ์ ดา้ นความปลอดภยั ในการใชย้ า พบวา่ ปี 2552, 2553 น * เภสชั กรชำนาญการพิเศษ กลมุ่ งานคมุ้ ครองผู้บรโิ ภค สำนกั งานสาธารณสุข จังหวัดนครปฐม
กองสนับสนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ 2554 มีผู้ป่วยนอกโรคเรื้อรังได้รับการแก้ไขการใช้ยาซ้ำซ้อนในอัตราร้อยละ 8.01, 13.52 และ 13.67 ว และรอ้ ยละ 6.07, 19.42 และ 25.29 สำหรับผู้ป่วยใน และใช้ยาได้ถกู ต้องตามแพทยส์ ่งั รอ้ ยละ 79.30, 95.57 า และ 99.46 ในปี 2552, 2553 และ 2554 ดา้ นการปรับพฤตกิ รรมพบวา่ ผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั ทกุ รายนำสมุดบันทกึ ร การใชย้ าเดมิ ตดิ ตวั มาทกุ ครง้ั และเชอ่ื มโยงขอ้ มลู การใชย้ าไดด้ ว้ ยตนเอง ดา้ นงบประมาณ มลู คา่ ยาทป่ี ระหยดั ส ได้ในปี 2552, 2553 และ 2554 เปน็ 90,221.34, 81,352.24 และ 44,894.70 บาท มลู คา่ ยาคืนเฉล่ียต่อราย า เป็น 68.81, 46.99 และ 12.78 บาท ด้านผลกระทบ ขั้นตอนบริการลดลงจาก 4 ขั้นตอน 3 รอ เป็น ร 2 ข้นั ตอน 1 รอ ระยะเวลารอคอยเฉลี่ยลดลงจาก 40 นาที ในปี 2551 เป็น 14.09, 13.53 และ 9.79 นาที สุ ในปี 2552, 2553 และ 2554 ตามลำดับ ความพงึ พอใจของผรู้ ับบริการเพิม่ ขนึ้ จากร้อยละ 78.52 และ 80.28 ข ในปี 2552 และ 2553 เป็น 85.51 ในปี 2554 ตามลำดบั ภ า สรปุ ผลจากการประเมนิ โครงการ ผบู้ รหิ ารสนบั สนนุ โครงการใหด้ ำเนนิ ตอ่ ไป และใหม้ กี ารขยายผลตอ่ ไป พ ทัว่ ทั้งจงั หวดั ซงึ่ สำนักงานสาธารณสุขนครปฐมไดเ้ พ่มิ แบบบันทกึ การใชย้ า (Medication profile form) ลงใน ภ สมุดประจำตัวผู้ป่วยโรคเรื้อรังของจังหวัดและมีนโยบายให้ใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างหน่วยบริการ า ในจังหวดั และใชเ้ ปน็ แนวทางในการพัฒนาระบบใหบ้ รกิ ารเภสัชกรรมตอ่ ไป ค ป คำสำคัญ : การประเมินโครงการ, ระบบบริการเภสัชกรรม, Drug Related Problems, Medication ร ะ Reconciliation, Self Medication Reconciliation ช า ช น Abstract 17 The project for safety, saving and alteration of patients’ behavior of Nakorn Chaisri Hospital’s Seamless Pharmacy Service for Chronic Disease Clinics targeted on the eliminaton of drug related problems and alteration of the patients’ behaviour as well as the elimination of services’ red tape and the reduction of cost. The assessment of the project aims at the evaluation on the further expansion of the project. It is based on the CIPP model of Stufflebeam with 4 aspects namely context of the project, input factors, services’ processes, and output products. The context of the project includes policy patients’ access and services’ consumption, services system, drug safety measures. Input factors include employment, competency and attitudes of the employers, accessories and premise. Processes are employment turn-over rate, patients/care-takers, accessories and premise. Output products are the assessment of the outcome of the project and the impact of the project. Outcome of the project includes drug safety, financial and alteration of the patients’ drug and services consumption. Impact of the project includes the cut-down of the procedure and waiting time, and the increase on the service satisfaction of the patients. Population of subject are the patients with chronic diseases visiting Nakorn Chaisri hospital during 1 November 2008 to 30 September 2011. The study and Analysis are based on the performance and key performance indicators of the pharmacy services. Assessment : Pertaining to the context of the project, its objectives complied with the hospital policy on reduction of service cost and drug related problems which were the result of services access,
กองสนบั สนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบรกิ ารสขุ ภาพ service shopping, service system and drug safety measures. Pertaining to Input factors, employment and competency of the staffs did not suffice. The passive reaction of the service provider’s orientation indicated that competency and attitude of the staffs required improvement. Pertaining to the accessories and premise, the number of drug delivery bars with sufficient accessories did not suffice whereas the existing bars were inappropriately designed. Glass windows were the barriers of the efficient communication. Non-barrier pharmacy services were installed in the steads. Queuing machines were added. Pertaining to processes, the relevant staffs’ understanding had been improved through meetings and alteration of their behaviour applying the strategies based on medication reconciliation, paradigm shift, case management, self medication reconciliation, individual medication record and knowledge exchange. It was found that these measures had adjusted both the patients and staffs. The acquiring of accessories and refurbishing of the premise were support through financial raise. Pertaining to outcome of the project, drug safety was enhanced. During 2009 - 11, drug reconciliation were 8.01, 13.52 and 13.67 percent respectively for out-patients with chronic diseases and 6.07, 19.42 and 25.29 percent respectively for in-patients. The number of prescription compliance of the out-patients with chronic diseases were 79.30, 95.57 and 99.46 respectively. Pertaining to behaviour alteration, all patients with chronic diseases showed their drug administration record at every visit. They could also verify and connected their own drug administration records. Pertaining to financial, the savings of drug use during 2009-11 were 62,677.20, 54,431.69 and 44,894.70 bahts respectively. The average declination of returned drugs per patient were 18 47.81, 21.06 and 12.78 bahts respectively. Pertaining to impact, service procedure was reduced ว from 4 steps/3 waitings to 2 steps/ 1 waiting. Waiting time reduced from 40 minutes in 2008 า to 14.09, 13.53 and 9.79 minutes in 2009, 2010 and 2011 respectively. The patients’ satisfaction ร inclined from 78.52 and 80.28 in 2009, 2010 to 85.51 in 2011 respectively. ส า In sum, the hospital executives agreed to support the project implementation and to suggest ร the project expansion throughout the province of Nakorn Pathom. As a result the Public Health Office สุ of Nakorn Pathom included the medication profile form in the medical passport of the patient with ข chronic disease of its province. Additionally, the office also launched a policy to require all hospitals ภ in its province to apply this implementation into their pharmacy services with the patient’s medical า พ passport as a communication tool. ภ า Keyword : Project Assessment, Pharmacy Service, Drug Related Problems, Medication ค Reconciliation, Self Medication Reconciliation ป ร ะ ช บทนำ ผปู้ ว่ ยสงู อายเุ ปน็ กลมุ่ เสย่ี งทม่ี โี อกาสเกดิ ปญั หา า เปา้ หมายของการใหบ้ รกิ ารเภสชั กรรม คอื ผปู้ ว่ ย จากการใช้ยา (DRPs) ผลการสำรวจประชาชนไทย ช ใช้ยาถกู ต้อง เหมาะสม ปลอดภัย ไม่เกดิ ความคลาด จำนวน 21,960 คน พบ 9,720 คน หรือร้อยละ 40 น เคล่ือนทางยา รว่ มมือในการใช้ยาตามสงั่ (1) รวมถึง มีอายุ 60 ปขี ้นึ ไป และรอ้ ยละ 48 ของคนกลมุ่ นปี้ ่วย การใช้งบประมาณด้านยาอยา่ งมีประสิทธิภาพ เปน็ โรคความดนั โลหติ สงู รอ้ ยละ26ปว่ ยเปน็ โรคไขมนั
กองสนบั สนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบริการสขุ ภาพ ในเลือดผิดปกติ ร้อยละ 16 ป่วยเป็นโรคเบาหวาน บริการ (Health Care Accessment ) ไดง้ า่ ย ทำให้ ว จากการติดตามผู้ป่วยสูงอายุจำนวน 331 คน ในหอ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเกิดปัญหาการใช้ยาซ้ำซ้อน โดยที่ไม่ า ผปู้ ่วยอายุรกรรมในระยะเวลา 6 เดือน พบวา่ 1 ใน 5 สามารถระบุชนิดของยาเดิมทีใ่ ช้อย่ไู ด้ ร ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษามีสาเหตุจากการใช้ยา ส โดยรอ้ ยละ60มาจากอาการไมพ่ งึ ประสงคจ์ ากยาและ จากปัญหาที่กล่าวมากลุ่มงานเภสัชกรรม า รอ้ ยละ 40 มาจากการใช้ยาไม่ถูกตอ้ ง (2) โรงพยาบาลนครชยั ศรจี งึ ไดจ้ ดั ทำ“โครงการปลอดภยั ร ประหยัด ปรับพฤติกรรม กับระบบบริการเภสัช- สุ พบวา่ ร้อยละ 50 ของความคลาดเคลื่อนทางยา กรรมแบบไร้รอยต่อของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง” โดยใช้ ข เกิดตอนรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล (ad- กระบวนการ Medication Reconciliation เพื่อเป็น ภ mission) โดยร้อยละ 42 ไม่ได้รับยาที่ใช้อยู่อย่าง สอ่ื กลางใหแ้ พทยเ์ ขา้ ถงึ ขอ้ มลู การใชย้ าของผปู้ ว่ ย (4) า ตอ่ เนอื่ งต้ังแต่ 1 ชนดิ หรือมากกว่าขน้ึ ไป รองลงมาคอื และลดความคลาดเคลื่อนทางยา (5) (6) จัดทำ พ ภ การย้ายหอผู้ป่วย และการจำหน่ายผู้ป่วยกลับบ้าน สมุดบันทึกการใช้ยาประจำตัวผู้ป่วย (Individual า (discharge) (3) และพบวา่ ยาทแ่ี พทยส์ ง่ั จา่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ย Medication Record) รวมทง้ั เสรมิ พลงั ใหผ้ ปู้ ว่ ยสง่ ตอ่ ค ทน่ี ดั มาตดิ ตามการรกั ษา(followup)ของรพ.นครชยั ศรี ขอ้ มลู การใช้ยาของตนเองระหว่างหน่วยบรกิ าร (Self ป ไม่ตรงกับยาที่ได้รับเมื่อจำหน่ายกลับบ้าน และมียา Medication Reconciliation) และลดขั้นตอนการให้ ร เหลือเมื่อรับบริการ มีผู้ป่วยในนำยาเดิมที่ใช้อยู่มา บรกิ ารเภสชั กรรมเพอื่ ลดระยะเวลารอคอยรับยา ะ ช กินเองโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ มีรพ.ของรัฐและเอกชน ผู้วิจัยจึงทำการศึกษาและประเมิน “โครงการ า หลายแห่งที่เดินทางเข้ารับบริการได้สะดวกทำให้ ปลอดภยั ประหยดั ปรบั พฤตกิ รรมกบั ระบบบรกิ าร ช น ผู้ป่วยมีพฤติกรรมตระเวนใช้บริการสุขภาพ (Health เภสัชกรรมแบบไร้รอยต่อของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 19 ServiceShoppingAround) จากการทม่ี โี อกาสเขา้ ถงึ โรงพยาบาลนครชัยศร”ี กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย ประเดน็ ที่ประเมิน กรอบการประเมินโครงการ นโยบายโรงพยาบาล, การเข้าถงึ บรกิ าร, พฤติกรรมการใชบ้ ริการ, ระบบบรกิ ารเภสชั กรรม, ประเมนิ ด้านบรบิ ท (Context) ของโรงพยาบาล ความปลอดภยั ด้านยา ประเมินปัจจัยนำเข้า (Input) ของโครงการ ด้านบุคลากร, ด้านวัสดอุ ปุ กรณ์ ,ด้านอาคารสถานท่ี ประเมนิ ดา้ นกระบวนการ (Process) ของโครงการ การพฒั นาและปรบั พฤตกิ รรมของบุคลากร ประเมินดา้ นผลผลติ (Product) ผใู้ ห้บริการผู้ป่วยหรือผู้ดแู ล, กลยุทธ์ในการพฒั นา ผลลัพธ์ (Output) ของโครงการ ความปลอดภัยจากการใชย้ า, ผลกระทบ (Impact) ด้านงบประมาณ, ดา้ นพฤตกิ รรม ของโครงการ ขน้ั ตอนการรับบริการ, ความพึงพอใจ, ระยะเวลารอคอยของผรู้ บั บรกิ าร ขยายผลนำโครงการไปปฏิบตั ิอย่างตอ่ เนอ่ื ง, ปรับเปลยี่ นระบบ
กองสนับสนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บริการสุขภาพ วัตถุประสงค์ กลมุ่ เปา้ หมายผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั ทม่ี าใชบ้ รกิ าร เพอ่ื ศกึ ษาและประเมนิ ผล “โครงการปลอดภยั โรงพยาบาลนครชยั ศรตี ง้ั แตว่ นั ท่ี 1 พฤศจกิ ายน 2552 ประหยดั ปรบั พฤตกิ รรมกบั ระบบบรกิ ารเภสชั กรรม ถึง 30 กนั ยายน 2554 แบบไร้รอยต่อของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรงพยาบาล นครชัยศรี” และนำผลมาใชใ้ นการพิจารณากำหนด รวบรวมข้อมูล โดยการเก็บข้อมูลจาก ใบ เป็นนโยบายขยายผลสู่การพัฒนาระบบการบริการ Medication Reconciliation ของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง, เภสชั กรรมของโรงพยาบาลในจงั หวดั นครปฐม แบบรายงานความคลาดเลอ่ื นทางยา, ใบบนั ทกึ ภาระ งานของกลุ่มงานเภสัชกรรม ,บันทึกข้อมูลการเก็บ วธิ ดี ำเนินการประเมิน ตวั ชว้ี ดั การจดั การยาเดมิ ,แบบสำรวจความคดิ เหน็ ใน การประเมนิ ดว้ ยแบบจำลองCIPPModel การใชบ้ รกิ าร, แบบเกบ็ ระยะเวลารอรับบริการจ่ายยา ของสตัฟเฟลิ บีมและคณะ (7) โดยประเมนิ 4 ดา้ น การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนา ดา้ นบรบิ ทของโครงการ(Context)ประเมนิ หาค่าเฉลย่ี รอ้ ยละ เปรียบเทยี บในระยะเวลา 3 ปี ความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ของโครงการกับ นโยบายของโรงพยาบาลปญั หาดา้ นยาการเขา้ ถงึ และ ผลการประเมนิ พฤติกรรมการใช้บริการสุขภาพของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ระบบบริการเภสชั กรรมและมาตรการความปลอดภยั ดา้ นบริบทของโครงการ ดา้ นยา โรงพยาบาลนครชยั ศรมี นี โยบายลดตน้ ทนุ บริการ ผู้ป่วยปลอดภัยในการใช้ยา ลดความซ้ำซ้อน ในขั้นตอนบริการ ผู้ป่วยนครชัยศรีใช้สิทธิรักษาได้ 20 ด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการ (Input) 3 โรงพยาบาล มกี ารพฒั นารพ.สต.ใหจ้ า่ ยยาโรคเรอ้ื รงั ว ประเมินการจัดการด้านอัตรากำลังและความพร้อม มีการคมนาคมที่สะดวก เมื่อเข้าถึงบริการ (Health า ของบุคลากร ความเพียงพอของ วัสดุอปุ กรณ์ อาคาร Care Accessment) งา่ ย ผปู้ ว่ ยจงึ มพี ฤตกิ รรมตระเวน ร สถานท่ี และงบประมาณท่ีใชใ้ นการดำเนินโครงการ ใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพ (Health service shopping around) ส า ดา้ นกระบวนการของโครงการ(Process) ทำให้พบการใช้ยาซ้ำซ้อนและระบุชนิดไม่ยาได้ พบ ร ประเมนิ ความเหมาะสมของขน้ั ตอนการดำเนนิ โครงการ ผู้ป่วยในนำยามาใช้โดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่มีการ สุ ข เพอ่ื ใหเ้ กดิ การปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนใหบ้ รกิ ารเภสชั กรรม จัดการความคลาดเคลื่อนทางยาในมุมของผู้ป่วย ภ ของผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั ทม่ี กี ารปรบั เปลย่ี นไดแ้ ก่การพฒั นา เช่น การไม่ใชย่ าตามสัง่ การเก็บยาผดิ วธิ ี า และปรบั พฤตกิ รรมของบคุ ลากรผใู้ หบ้ รกิ ารผปู้ ว่ ยหรอื พ ผดู้ แู ล, กลยุทธ์ในการพฒั นา ภ โครงการจัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ า ให้ผู้ป่วยปลอดภัยในการใช้ยาและส่งต่อข้อมูลการ ค ด้านผลผลิต (Product) ของโครงการ ใช้ยาได้ด้วยตนเอง ใช้งบประมานด้านยาอย่างมี ป ประเมินผลลัพธ์ของโครงการ ได้แก่ ความปลอดภัย ประสทิ ธภิ าพมคี วามสอดคลอ้ งกบั ปญั หาและนโยบาย ร จากการใช้ยา, ด้านงบประมาณและด้านพฤติกรรม ของโรงพยาบาล เมื่อจัดทำโครงการผู้ป่วยมีปัญหา ะ และผลกระทบ (Impact) ของโครงการ ได้แก่ ขัน้ ตอน การใช้ยาซ้ำซ้อนลดลงและปรับพฤติกรรมการใช้ยา ช การรบั บรกิ ารระยะเวลารอคอยและความพงึ พอใจของ ส่งตอ่ ขอ้ มลู การใชย้ าของตนเองไดแ้ ละนำยาเดมิ ทีใ่ ช้ า ช น ผรู้ บั บรกิ าร อยมู่ าโรงพยาบาลทกุ ครง้ั จากกระบวนการMedication
กองสนับสนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบริการสขุ ภาพ Reconciliationและการแกป้ ญั หาใหผ้ ปู้ ว่ ยแบบเฉพาะ การใช้ยา มูลค่ายาที่ได้รับคืน การใช้ยาตามสั่ง จาก ว ราย (case management) เช่นการไม่ใช่ยาตามสั่ง แบบฟอรม์ MedicationReconciliationแบบเกบ็ ขอ้ มลู า การเก็บยาผิดวิธี ตวั ชว้ี ดั การจัดการยาเดมิ ผปู้ ่วย เก็บระยะเวลารอคอย ร ส ดา้ นปจั จัยนำเขา้ (Input) และระยะเวลารับบริการ วัดความพึงพอใจของผู้รับ า อตั รากำลงั เจา้ หนา้ ทข่ี องหอ้ งยา มเี ภสชั กร บรกิ าร นำมาประมวลผลทางสถติ ดิ ว้ ยการหาคา่ เฉลย่ี ร 4 คน ทำงานบนหอผู้ป่วยใน 1 คน ทหี่ อ้ งยา 3 คน ไม่ และร้อยละ ติดตามผลการดำเนินงานเป็นเวลา สุ เพียงพอในการจ่ายยาช่วงเร่งด่วน จพง. เภสัชกรรม 3 ปี เพื่อดแู นวโน้มการเปล่ยี นแปลง ข ภ 4 คน ผู้ชว่ ย 1 คน เจา้ หนา้ ทม่ี ที ศั นคตใิ นการทำงาน า แบบตั้งรับ ไม่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง มีช่องจ่ายยา ดา้ นผลผลติ พ ด้านผลลัพธ์ของโครงการด้านความ ภ พรอ้ มอปุ กรณ์ 2 ชอ่ ง ไม่สามารถขยายบริการในช่วง ปลอดภยั พบวา่ ปี2552,2553และ2554มผี ปู้ ว่ ยนอก า เร่งด่วน จ่ายยาผ่านช่องกระจกขาดคุณภาพในการ โรคเรอ้ื รงั ไดร้ บั การแกไ้ ขการใชย้ าซำ้ ซอ้ นรอ้ ยละ 8.01, ค สอ่ื สารกบั ผปู้ ว่ ย เมอ่ื จดั ทำโครงการมกี ารปรบั กระบวน 13.52 และ 13.67 และใชย้ าได้ถูกตอ้ งตามสัง่ รอ้ ยละ ป การทำงาน(Reprocess)เพม่ิ ชอ่ งจา่ ยยาพรอ้ มอปุ กรณ์ 79.30, 95.57 และ 99.46 ผูป้ ่วยในท่ีได้รบั การแก้ไข ร เป็น 4 ช่อง ปรับพื้นที่ให้เป็นการบริการแบบเปิด การใชย้ าซำ้ ซ้อนรอ้ ยละ 6.07, 19.42 และ 25.2 ะ (Nonbarrier Pharmaceutical Service) ขยายบรกิ าร ช จ่ายยาเป็น 3 และ4 ช่องในช่วงเร่งด่วน โดยพัฒนา ดา้ นความประหยดั มลู คา่ ยาทไ่ี ดค้ นื จาก า ศกั ยภาพจพง.เภสชั กรรมชว่ ยจา่ ยยา พบวา่ ระยะเวลา ผปู้ ว่ ยในปี 2552 - 2554 เปน็ 90,221.34 , 81,352.24 ช รอคอยลดลงโดยไม่เพม่ิ อัตรากำลัง และ 44,894.70 บาท มูลค่ายาคืนเฉลี่ยต่อราย เป็น น 68.81, 46.99 และ 12.78 บาท ดา้ นการปรบั พฤตกิ รรม 21 ด้านกระบวนการ (Process) ในปี 2553 และ 2554 พบว่าผู้ป่วยโรคเรื้อรังทุกราย เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์คือ ประสานขอ้ มลู การใชย้ าไดด้ ว้ ยตนเองจากสมดุ บนั ทกึ ประชุมชีแ้ จง แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ห้องยา ปรบั การใชย้ าประจำตวั พฤตกิ รรมโดยใชก้ ลยทุ ธ์ Medication reconciliation, ParadigmShift,CaseManagement,SelfMedication ผลกระทบจากโครงการ ระยะเวลารอคอย Reconciliation, Individual Medication Record การ เฉลี่ยลดลงจาก 40 นาที ในปี 2551 เป็น 14.09, แลกเปลี่ยนเรียนรู้ Reprocess ระบบการให้บริการ 13.53 และ 9.79 นาที ในปี 2552 - 2554 ตามลำดับ เภสัชกรรมเป็นเชิงรุก นำระยะเวลารอคอยของผู้ป่วย ระยะเวลาในการส่งมอบยาผู้ป่วยในปี 2552 - 2554 มาลดระยะเวลาให้บริการจ่ายยา จัดการยาเดิมให้ เปน็ 2.37, 1.87 และ 1.56 นาที ความพึงพอใจของ ผู้ป่วยขณะที่รอตรวจ รวบรวมขั้นตอนคิดราคา ชำระ ผู้รับบริการเพิ่มจาก ร้อยละ 78.52 ในปี 2552 เป็น เงิน ให้คำปรึกษาและจ่ายยา โดยใช้บุคลากรเพียง ร้อยละ 80.28 และ 85.51 ในปี 2553 และ 2554 และ คนเดียว (Multifunctional person) จา่ ยยาตาม OPD ขั้นตอนรับบริการลดลงจาก 4 ขั้นตอน 3 รอ เป็น card ควบคุมกำกับ โดยเก็บขอ้ มลู ความปลอดภัยใน 2 ขัน้ ตอน 1 รอ
กองสนับสนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ ผลผลติ 2552 2553 2554 อตั ราผปู้ ว่ ยนอกโรคเร้ือรงั ทไี่ ด้รับการแกไ้ ข การใชย้ าซำ้ ซอ้ นกอ่ นเกดิ อันตราย (เชิงรุก) 8.01% 13.52% 13.67% อตั ราผูป้ ว่ ยในท่ไี ด้รับการแกไ้ ข การใช้ยาซำ้ ซอ้ นก่อนเกดิ อนั ตราย (เชงิ รกุ ) 6.07% 19.42% 25.29% อัตราการใช้ยาไดต้ ามแพทยส์ งั่ ของผู้ป่วยโรคเรือ้ รงั (เชิงรุก) 79.30% 95.57% 99.46% อัตราผูป้ ว่ ยนอกโรคเรื้อรงั ท่สี ามารถประสานเชือ่ มโยงขอ้ มลู การใช้ยาของตนเองได้ 0 100% 100% มลู คา่ ยาทไี่ ด้รบั คนื (บาท) 90,221.34 81,352.24 44,894.70 มลู ค่ายาคนื เฉลี่ยตอ่ ราย (บาท) 68.81 46.99 12.78 ระยะเวลารอคอยรบั ยาเฉลยี่ (นาที) 14.09 13.53 9.79 ระยะเวลาสง่ มอบยาเฉลยี่ (นาที) 2.37 1.87 1.56 อัตราความพึงพอใจผู้รับบริการจ่ายยา 78.52 80.28 85.51 แผนภมู ทิ ่ี 1 เปรียบเทยี บขั้นตอนบรกิ ารเภสัชกรรมก่อนและหลังการจดั ทำโครงการ กอ่ นจดั ทำโครงการ รับใบสง่ั ยา คดิ ราคา ชำระคา่ ยา รับยา หลงั จดั ทำโครงการ กดบัตรคิว กลับบา้ น 22 รับยา ใหค้ ำปรึกษา ชำระคา่ ยา ว า สรุปและอภิปรายผล ร กับเจ้าหน้าที่ เช่น ลดภาระงาน ด้านกระบวนการ ส ดา้ นบรบิ ทวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการสอดคลอ้ ง การปรับทัศนคติต้องได้รับความร่วมมือจากหัวหน้า า กับนโยบาย และปัญหาการใช้ยาซ้ำซ้อนของผู้ป่วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้านผลผลิต จากผลลัพธ์การ ร โรคเรือ้ รัง และสอดคล้องกับการศกึ ษาทม่ี ีนำกระบวน ป้องกันอันตรายจากการได้รับยาซ้ำซ้อน สอดคล้อง สุ การ Medication reconciliation มาใช้ลดความคลาด กับการศึกษาของวิมลพรรณ สีวิจี๋ (2) ที่ รพ. แม่ทา ข ภ เคล่อื นทางยาในกลมุ่ ผปู้ ่วยโรคเร้อื รัง (Cornish et al. พบว่ากลุ่มศึกษาที่ได้ทำความสอดคล้องต่อเนื่องใน า 2005 : 424 - 429 ; Nickerson et al. 2005 : 65 - 71 ; การใช้ยามีความคลาดเคลื่อนทางยาน้อยกว่ากลุ่ม พ ภ Pippins et al. 2008: 1414-1422; Pronovost et al. ควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และการศึกษาของฉันทิกา า 2003:201-205;ฉนั ทกิ าซอ่ื ตรง2548:มนตรีวงศค์ ำมา ซอ่ื ตรง (2005) (2) ในผปู้ ว่ ยใน รพ. เลศิ สนิ พบวา่ ผปู้ ว่ ย ค และคณะ2551)และผลการศกึ ษาของธดิ านงิ สานนท์ ทผ่ี า่ นการประสานรายการยามคี วามคลาดเคลอ่ื นทาง ป ร และคณะ 2551 พบวา่ ผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั มโี อกาสเสย่ี งท่ี ยานอ้ ยกวา่ กลมุ่ ควบคมุ อยา่ งมนี ยั สำคญั ประเทศไทย ะ จะเกิดปัญหาจากการใช้ยาซ้ำซ้อน (3) ด้านปัจจัย ยังไม่พบการศึกษาในผู้ป่วยนอก แต่ในต่างประเทศ ช นำเข้า ต้องเพิ่มอุปกรณ์ และปรับพื้นที่ให้บริการ มี Varkey และคณะพบว่ากระบวนการ Medication า ช น เภสัชกรไม่เพียงพอ ต้องพัฒนา จพง.เภสัชกรรมช่วย reconciliation ในแผนกผู้ป่วยนอกลดความคลาด จ่ายยา การปรับทัศนคติท้งั เจา้ หนา้ ทีแ่ ละผ้ปู ่วย สร้าง เคลอ่ื นทางยาไดอ้ ยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิ จากรอ้ ยละ แรงจงู ใจ ตดิ ตามผลการดำเนนิ งาน นำเสนอผลดที เ่ี กดิ 88.9 เป็นร้อยละ 66 (p = .005) (Varkey et al.
กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บริการสุขภาพ 2007 : 286 - 292) (2) Weingart และคณะ ระบวุ ่า การขยายผลและนำไปใช้ประโยชน์ ปรับสมุด ว หลังจากมีกระบวนการ Medication reconciliation ประจำตวั ผปู้ ว่ ยโรคเรอ้ื รงั ของจงั หวดั นครปฐมใหม้ สี ว่ น า ร้อยละ 90 ของความคลาดเคลื่อนทางยาได้รับการ บนั ทกึ ขอ้ มลู การใชย้ าขยายการใชท้ ง้ั จงั หวดั และชมรม ร แกไ้ ข ถา้ ใชก้ ระบวนการปกตมิ กี ารแกไ้ ขเพยี งรอ้ ยละ 2 รา้ นขายยาจะจัดทำแบบบนั ทึกการจา่ ยยาใหผ้ ู้ป่วย ส (p < .001) (Weingart et al. 2007 : 750 - 757) (2) ซ่ึง า สอดคลอ้ งกบั ผลลพั ธข์ องโครงการทป่ี อ้ งกนั ความเสย่ี ง ขอ้ เสนอแนะ ร ใหผ้ ปู้ ว่ ยนอกโรงเรอ้ื รงั ได้ ประหยดั ไดโ้ ดยใชย้ าทผ่ี ปู้ ว่ ย สุ เหลือมาจ่ายแทนยาที่แพทย์สั่งใหม่ ด้านผลกระทบ พฒั นาระบบ Medication Reconciliation ข ทง้ั ประเทศ โดยจดั ทำเปน็ smart card ภ า พบวา่ ขน้ั ตอนรบั บรกิ ารลดลง ระยะเวลารอรบั ยาลดลง ควรทำการศึกษาระบบ Medication พ Reconciliation) ของผู้ปว่ ยนอก ... ภ ผู้ป่วยมีความพึงพอใจมากข้ึน า ค บรรณานุกรม ป ร 1. งานบริบาลเภสัชกรรม โรงพยาบาลยะหริ่ง สืบค้นจาก : http://www.pharmyaring.com/detail.php?c_id=202 วันที่เข้าไป ะ สบื ค้น November 13, 2012. ช า 2. สริ ินรตั น์ พรรณแ์ ผว้ , ผลขอองกระบวนการ medication reconciliation ท่ีมีตอ่ ความคลาดเคลือ่ นทางยาของใบสง่ั ยา ผปู้ ่วย ช สถาบนั ารชานุกลู สถาบนั ราชานุกลู กรมสุขภาพจติ กระทรวงสาธารณสขุ : 2554. น 23 3. ธดิ า นงิ สานนท์, ปรชี า มนทกานตกิ ลุ , สุวัฒนา จฬุ าวฒั นทล. Medication Reconciliation พิมพค์ ร้ังที่ 1. กรงุ เทพฯ : สำนักพิมพ์ บริษทั ประชาชน จำกัด, สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) 2551. 4. Cornish et al. 2005 : 424 - 429 ; Nickerson et al. 2005 : 65 - 71 ; Pippins et al. 2008 : 1414-1422. 5. Pronovost, P. et al. Medication Reconciliation : A practical tool to reduce the risk of medication errors. J Crit Care 18, 4 (2003) : 201 - 205.
กองสนบั สนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสขุ ภาพ การศึกษาผลกระทบและภาระการดูแลผู้สูงอายรุ ะยะยาว ภายใต้วฒั นธรรมไทย : กรณศี กึ ษาผูส้ ูงอายุสมองเสือ่ ม Impact and burden of long-term care for the elderly in Thai cultural context : case study of the elderly with dementia คณศิ ร เต็งรัง* ดร.ศริ าณี ศรีหาภาค** นายแพทยโ์ กมาตร จึงเสถียรทรัพย์*** บทคัดย่อ การวิจัยนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสบการณ์การดูแลผู้สูงอายุ ระยะยาว ภาระและผลกระทบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว และ บทบาทขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับการดูแล ผู้สูงอายุระยะยาวในสังคมไทย กรณีผู้สูงอายุที่สมองเสื่อม ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสำรวจ การสังเกต การสัมภาษณ์เจาะลกึ การสนทนากลมุ่ และศึกษาเอกสารท่ีเกีย่ วข้อง จากกล่มุ ผสู้ ูงอายุ 179 คน ผดู้ ูแล 187 คน และผูท้ ่ีเกีย่ วขอ้ งในพน้ื ทก่ี ารวจิ ัยคือ 13 ตำบล 9 จงั หวัด ครอบคลุม 5 ภูมิภาคของประเทศไทย ระยะเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 - พฤษภาคม 2556 แล้ววิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา วเิ คราะหป์ ระเด็น และแจกแจงความถ่แี ละร้อยละ 24 ผลการศึกษาพบวา่ ประสบการณ์เกิดภาวะพง่ึ พาระยะยาวของผ้สู ูงอายุ มี 4 เสน้ ทาง คือ ภาวะ Stroke ว ภาวะสมองเสอ่ื ม โรคเรอ้ื รงั รว่ ม และอายทุ ม่ี ากกวา่ 80 ปี ดา้ นสถานะของผดู้ แู ลผสู้ งู อายทุ ต่ี อ้ งพง่ึ พาระยะยาว า ในสงั คมไทย พบวา่ ผดู้ แู ลสว่ นใหญอ่ ยใู่ นภาวะไรอ้ ำนาจตอ่ รอง สว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ ประมาณรอ้ ยละ 85.0 ร ผู้ดูแลส่วนใหญ่มีปัญหาภาวะสุขภาพและต้องการการพึ่งพาด้านสุขภาพ โดยพบผู้ดูแลหนึ่งในสามมีปัญหา ส โรคเรื้อรัง หนึ่งในสามของผู้ดูแลเป็นผู้สูงอายุ และผู้ดูแลส่วนใหญ่มีรับภาระดูแลครอบครัว สามในสี่ของ า ผดู้ แู ลยงั ประกอบอาชพี อยู่ประมาณหนง่ึ ในเกา้ มผี ทู้ ต่ี อ้ งดแู ลระยะยาวมากกวา่ 1คนและผดู้ แู ลสว่ นใหญไ่ มเ่ คย ร สุ มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วย โดยพบว่าแบบแผนการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในสังคมไทยเป็นการดูแล ข ภายในครอบครัว โดยผู้ดูแลในครอบครวั ซงึ่ พบว่าการดแู ลอย่ภู ายใต้เงื่อนไขของความกตญั ญู ภ า ด้านภาระการดูแลผู้สูงอายุ ที่มีภาวะสมองเสื่อม พบว่าทำให้เกิดภาระและผลกระทบด้านอารมณ์เป็น พ ปญั หาทพ่ี บมากทส่ี ดุ 4 ใน 5 ของผดู้ แู ล ผดู้ แู ลมากกวา่ 3 ใน 4 เกดิ ภาระและผลกระทบดา้ นรา่ งกาย ดา้ นสงั คม ภ และด้านเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ดูแลลาออกจากงานและหยุดงาน ร้อยละ 11 เพื่อทำหน้าที่ผู้ดูแล และพบว่า า มขี อ้ จำกดั ของการวนิ จิ ฉยั และความรเู้ กย่ี วกบั ภาวะสมองเสอ่ื มทำใหผ้ สู้ งู อายขุ าดโอกาสในการบำบดั รอ้ ยละ72 ค ป นอกจากนี้พบว่าขาดความต่อเนื่องของการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในระบบบริการสุขภาพ รวมทั้งขาดหลัก ร ประกันคณุ ภาพการดแู ลทีบ่ า้ นและการบรู ณาการภารกจิ ขององค์กรทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการดแู ลผสู้ งู อายุในชมุ ชน ะ ช า ช น * นักวเิ คราะห์นโยบายและแผน ชำนาญการ สำนกั นโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสขุ ** วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนขี อนแก่น *** ผอู้ ำนวยการสำนกั วจิ ยั สังคมและสขุ ภาพ สำนักนโยบายและยทุ ธศาสตร์
กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บรกิ ารสุขภาพ การวิจัยครั้งนี้ จึงสรุปได้ว่าการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวก่อให้เกิดภาระและผลกระทบกับผู้ดูแล และ ว ครอบครัวที่อยู่ท่ามกลางความไม่พร้อมของครอบครัวและระบบการสนับสนุนในชุมชน ดังนั้นการพัฒนา า ระบบสนบั สนนุ การดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวในและการออกแบบระบบการดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวทม่ี ที างเลอื กให้ ร สำหรบั ผ้ดู แู ลและครอบครวั ในชมุ ชน ไดแ้ ก่ พัฒนาสถานบริการปฐมภมู ิ ส่งเสริมบทบาทขององคก์ รปกครอง ส สว่ นทอ้ งถน่ิ ในการจดั ระบบการดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาว การพฒั นาศกั ยภาพผดู้ แู ลในครอบครวั รวมถงึ กำหนด า มาตรฐานและการควบคมุ คณุ ภาพการดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวของประเทศ อนั นำไปสกู่ ารพฒั นาระบบการดแู ล ร ผู้สูงอายทุ ยี่ ง่ั ยืนและสอดคล้องกบั วฒั นธรรมไทย สุ ข คำสำคญั : ผสู้ งู อายุสมองเส่ือม, ภาระและผลกระทบ, การดแู ลระยะยาว ภ า พ ภ า Abstract ค ป This study was a qualitative research aiming to study the experience of long-term care, its ร associated burden and impact as well as the role of organizations involved in long - term care for ะ the elderly in Thailand. Data were collected, from June of 2012 to May of 2013, through indepth ช interview, focus group discussion, and direct observation of 179 elderly persons and 187 caregivers, า at 13 districts of nine provinces and five regions of Thailand. The data were analyzed using content ช analysis, thematic analysis, and frequency and percentage. น The experiences of long-term dependency of the elderly with stroke, dementia, co - morbidity, and aged 25 80 years and above, were documented. The care givers who provided long-term care for the elderly in Thailand showed that the majority of them feel relative powerless; most of them (85%) were female ; one-third had a chronic health problem; and one-third were elderly caregivers. Three - quarters of caregivers also work, about one in nine people need to provide long-term care for more than one person, and the majority had never experienced any long term care. In addition, it was found that the pattern of family caregivers for long-term elderly care in Thai social that the caring was subject of gratitude. The psychological burden and emotional problems were the most common, it found the restrictions of diagnosis and knowledge of the elderly with dementia that the elderly lack of opportunity in the treatment of 72%. In addition, there is a lack of continuity of care for the elderly in the long-term health care system, a lack of assurance for the quality of home care, and the lack of integration of missions of the organizations involved in the care of the elderly in a community. In conclusion, the long-term care for the elderly in Thailand results in tremendous burden on caregivers and families amidst the unavailability of family and community support systems. Therefore, support system development and system design for long-term elderly care options for caregivers and families in the community include ; development of primary care services, promote the role of local government in the long term care system for the elderly, development potential family caregivers, and standardization and quality control long-term elderly care nationality.Thus, leading to the development of a sustainable aged care that is in accord with the culture of Thailand. Keyword : the elderly with dementia, Impact and burden, long - term care
กองสนับสนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บริการสขุ ภาพ ความเป็นมาและความสำคัญ พบว่าในเขตชนบทมีความชุกร้อยละ 16.5 ขณะที่ใน ของปญั หา เขตเมอื งพบร้อยละ 13.5 ตามลำดบั (วิชยั เอกพลากร ปัจจุบันโครงสร้างประชากรโลกมีการเปลี่ยน และคณะ, 2552) โดยเฉพาะปญั หาการปฏิบัตกิ ิจวัตร แปลง ขนาดสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่าง ประจำวนั พน้ื ฐานขน้ั รนุ แรงหรอื ทเ่ี รยี กวา่ ภาวะทพุ พล- รวดเร็ว จากรอ้ ยละ 8 ในปี ค.ศ. 1950 เป็นร้อยละ 11 ภาพรนุ แรงซง่ึ เปน็ ปญั หาทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ บั ความตอ้ งการ ในปี ค.ศ. 2009 และคาดประมาณว่าในปี ค.ศ. 2050 การดแู ลระยะยาว (Lafortune and Balestat, 2007) สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 22 ตามลำดบั (United Nation, 2009) การดูแลระยะยาว เป็นการดูแลที่สำคัญส่วน หนง่ึ ของระบบสขุ ภาพและสงั คม ซง่ึ จะรวมถงึ กจิ กรรม ในประเทศไทยนั้นประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ดำเนินการสำหรับคนที่ต้องการการดูแลโดยผู้ดูแล จะเพิ่มเป็นร้อยละ 27.1 ใน ค.ศ. 2050 แนวโน้ม ไมเ่ ปน็ ทางการ(ครอบครวั เพอ่ื นและเพอ่ื นบา้ น)ผดู้ แู ล จำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ ผู้ป่วยอย่างเป็นทางการ รวมถึง วิชาชีพ และ ผู้ช่วย อายขุ ยั ของประชากรทย่ี นื ยาวมากยง่ิ ขน้ึ ทำใหป้ ระเทศ (ด้านสขุ ภาพ สงั คมและอาชีพอน่ื ๆ ), และผดู้ แู ลแบบ ไทยเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ (National Statistical ดง้ั เดมิ และอาสาสมคั ร(WHO,2000)ซง่ึ พบวา่ ผสู้ งู อายุ Office, 2008 ; UnitedNation, 2009) ไทยรอ้ ยละ 10.1 ต้องมผี ้ดู แู ลการทำกจิ วัตรประจำวนั สงั คมผสู้ งู อายเุ ปน็ ปรากฏการณท์ บ่ี ง่ บอกถงึ ภาวะ (สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2550) เป็นปัญหาที่ส่งผล พง่ึ พาทเ่ี พม่ิ สงู ขน้ึ ทง้ั ทางดา้ นเศรษฐกจิ และดา้ นสขุ ภาพ กระทบต่อผู้ดูแลและครอบครัว และกระทบต่อภาระ 26 โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม (Dementia) คา่ ใชจ้ า่ ยทง้ั ทางดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ รอ้ ยละ 12.3 เปน็ หญิงมากกว่าชาย (ชายรอ้ ยละ 8.9 ชาติ(LafortuneandBalestat,2007)ทำใหก้ ารพฒั นา ว หญงิ รอ้ ยละ 15.0) จากสถิตใิ นประเทศไทยพบผู้ป่วย ระบบการดแู ลระยะยาวเพอ่ื รองรบั สงั คมผสู้ งู อายเุ ปน็ า โรคนี้ประมาณ ร้อยละ 2 - 4 ของผู้ที่มีอายุมากกว่า สิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการค้นหาคำตอบที่ ร 60 ปี ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะพบผู้ป่วยมากขึ้น ผู้สูงอายุ เหมาะสมสำหรบั สังคมไทย ส 60 - 69 ปพี บรอ้ ยละ 7.1 ผสู้ งู อายุ 70 - 79 ปี พบรอ้ ยละ การศกึ ษาผลกระทบและภาระการดแู ลผสู้ งู อายุ า 14.7และผสู้ งู อายุ80ปขี น้ึ ไปพบรอ้ ยละ32.5กลา่ วคอื ระยะยาวภายใต้วัฒนธรรมไทยครั้งนี้ จึงเป็นการ ร จะพบเพม่ิ ขน้ึ 2 เทา่ ทกุ 5 ปภี ายหลงั อายุ 60 ปี (สถาบนั แสวงหาความรู้เกี่ยวกับแบบแผนการดูแลผู้สูงอายุ สุ เวชศาสตรผ์ สู้ งู อาย,ุ 2552)และความรนุ แรงในประเทศ ที่มีภาวะสมองเสื่อม ภาระและผลกระทบการดูแล ข ไทยจะพบมากขึ้นเมื่อมีผู้สูงอายุวัยปลายทวีจำนวน ผสู้ งู อายใุ นครอบครวั และชมุ ชนของสงั คมไทยทแ่ี ปรผนั ภ ข้นึ ตามโครงสร้างประชากรไทยใน 20 ปีข้างหน้า ไปตามเวลา ตลอดจนบทบาทขององค์กรที่ทำหน้าที่ า พ ภาวะสมองเสื่อมเป็นสาเหตุสำคัญที่นำมาสู่ข้อ ดูแลผู้สูงอายุในเขตชนบทภายใต้วัฒนธรรมทั้ง 5 ภ จำกัดหรือการสูญเสียความสามารถในการประกอบ ภูมิภาคของประเทศไทยด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ า กจิ กรรมการดแู ลตนเองของผู้สงู อายุ (WHO, 2003 ; ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบพัฒนาระบบการดูแล ค Verbrugge & Jette, 1994) ทำให้ผู้สูงอายุมีความ ผู้สูงอายุท่ยี ่งั ยืน และเปน็ แนวทางพัฒนารูปแบบการ ป ร ะ ช า ช ตอ้ งการการพง่ึ พากจิ วตั รประจำวนั ซง่ึ จากสำรวจขอ้ มลู ดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย น สุขภาพประชาชนพบผู้สูงอายุมีความยากลำบากใน รวมทั้งผลักดันให้เกิดชุดสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ดูแล การปฏิบตั กิ ิจวตั รประจำวนั พื้นฐาน รอ้ ยละ 15.5 โดย และครอบครวั ต่อไป
กองสนบั สนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บริการสขุ ภาพ วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั จริยธรรมการวจิ ัย ว ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ า เพื่อศึกษาประสบการณ์การดูแลผู้สูงอายุ จริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข ร ระยะยาวของครอบครัวและชมุ ชนไทย ส เพื่อศึกษาภาระและผลกระทบการดูแล ทุกขั้นตอนการวิจัยจะทำการขออนุญาตและได้รับ า ผู้สงู อายุระยะยาวของครอบครวั และสังคมไทย ความยินยอมจากอาสาสมัครและครอบครัวก่อน ร สุ เพื่อศึกษาบทบาทอาสาสมัครในชุมชน วิธกี ารดำเนินการวจิ ัย ข องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ และองคก์ รทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ภ การดแู ลผสู้ งู อายใุ นสังคมไทย ประชุมเชิงปฏบิ ตั กิ ารเตรยี มทมี นกั วิจยั า ทมี นกั วจิ ยั ดำเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ใน พ ขอบเขตการวิจัย ชุมชน โดยการศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ และ mapping ภ กลุ่มอาสาสมัคร บริบทชุมชน สัมภาษณ์เชิงเจาะลึก า ประชากร ศึกษา 3 กลุ่ม คือ ค 1) ผู้สูงอายุ ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มี (In-depth interview) การสนทนากลมุ่ (Focus Group ป ความหลากหลายของสาเหตกุ ารเกดิ ภาวะทพุ พลภาพ Discussion) กลุ่มอาสาสมัครในการวิจัย หน่วยงาน ร รนุ แรง ไดแ้ ก่ ภาวะสมองเสอ่ื ม การเจบ็ ปว่ ย/โรคเรอ้ื รงั ที่เกี่ยวข้อง และ การสังเกตแบบมีส่วนร่วมกิจกรรม ะ และภาวะสมองเสอ่ื ม ตอ้ งไดร้ บั การวนิ จิ ฉยั จากแพทย์ ในชุมชนทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ผูส้ ูงอายุ ช า มีภาวะสมองเสื่อม ที่ต้องได้รับการวินิจฉัยจาก วิเคราะห์ข้อมลู การวจิ ยั ช ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อตรวจทานข้อมูล น แพทย์ และประสบภาวะความยากลำบากในการ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมขน้ั พน้ื ฐานในการดแู ลตนเองซง่ึ ประเมนิ ในพนื้ ทแี่ ละใหข้ อ้ เสนอแนะในพน้ื ท่ีวิจยั ทัง้ 9 แหง่ 27 จากเครื่องมือ Barthel index ในระดับทุพพลภาพ ประชุมเชิงปฏิบัตินำเสนอสรุปรายงาน โครงการวิจัย รนุ แรง (ตำ่ กวา่ 12 คะแนน) จัดทำรปู เลม่ รายงานการวิจัย 2) ผู้ดูแลและครอบครัว ทั้งผู้ดูแลที่เป็น สมาชิกภายในครอบครัวและผู้ดูแลทไี่ ด้รบั การว่าจ้าง 3) ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ในชมุ ชน ข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) และวเิ คราะหป์ ระเดน็ (Thematic analysis) ส่วนข้อมูลเชิงปริมาณ นำมาวิเคราะห์ พนื้ ท่ศี ึกษาวิจยั ไดแ้ ก่จงั หวดั เชยี งรายจงั หวดั พจิ ติ รจงั หวดั เชิงพรรณนา ดว้ ยการแจกแจงความถี่และร้อยละ เลย จงั หวัดศรีสะเกษ จงั หวดั ขอนแกน่ จงั หวดั ราชบรุ ี จังหวัดจันทบุรี จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัด ผลการศึกษา ยะลา ซง่ึ ครอบคลุม 5 ภูมภิ าคของประเทศไทย ประสบการณก์ ารเจบ็ ปว่ ยของผสู้ งู อายทุ ่ี เคร่ืองมือการวิจัย ต้องพ่ึงพาระยะยาว 1.1) ภาวะสมองเส่ือม ใช้เครื่องมือทางมานุษยวิทยา (เครื่องมือ พบว่า 2 ใน 5 ของผ้สู งู อายุท่มี ภี าวะ วถิ ชี มุ ชน7ชน้ิ )วธิ กี ารสำรวจการสงั เกตแบบมสี ว่ นรว่ ม พึ่งพาระยะยาวมีภาวะสมองเสื่อมที่ได้รับการวินิจฉัย การสัมภาษณ์เจาะลึก การสนทนากลุ่ม และศึกษา จากแพทย์เมื่อปรากฏอาการสมองเส่อื มทชี่ ัดเจนแลว้ เอกสารท่เี กีย่ วข้อง และนำไปสภู่ าวะพึ่งพาระยะยาว
กองสนับสนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ 1.2) การดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวสว่ นใหญ่ 2.1) ผู้ดูแลส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะไร้ เปน็ เพยี งการดแู ลกจิ วตั รประจำวนั ขาดการฟน้ื ฟู อำนาจ สภาพและการปอ้ งกนั ทำใหเ้ กดิ อบุ ตั กิ ารณซ์ ำ้ และ พบว่าผู้ที่ทำบทบาทหน้าที่บทบาท ดแู ลผูส้ ูงอายทุ ีต่ ้องพงึ่ พาระยะยาว สว่ นใหญเ่ ป็นเพศ มภี าวะแทรกซอ้ นรุนแรงยิ่งขน้ึ พบวา่ ภาระหนา้ ทก่ี ารดแู ลผสู้ งู อายทุ ่ี หญิง ประมาณร้อยละ 85. โดยเกือบครึ่งหนึ่งเป็น ตอ้ งการการพง่ึ พาระยะยาวเปน็ บทบาทของผดู้ แู ลและ ลกู สาว และ 1 ใน 7 เปน็ ภรรยา และในสงั คมมสุ ลมิ พบ ครอบครัวที่ต้องรับภาระเพียงลำพัง โดยขาดการ ผดู้ แู ลเปน็ ลกู สะใภ้ ถงึ 2 ใน 5 และพบวา่ สว่ นใหญเ่ ปน็ สนับสนุนจากหน่วยงานในชุมชน กิจกรรมการดูแลที่ ผู้ที่ทำงานภาคการเกษตร แตกต่างจากญาติพี่น้อง ผสู้ งู อายเุ หลา่ นไ้ี ดร้ บั จงึ เปน็ เพยี งแค่ “การดแู ลกจิ วตั ร อน่ื ๆทป่ี ระกอบอาชพี อยใู่ นเขตเมอื งมรี ายไดท้ ม่ี ากกวา่ ประจำวัน” ทำใหผ้ สู้ งู อายสุ ว่ นใหญ่ร้อยละ 45 ไมไ่ ด้ ผดู้ แู ลและมฐี านะหนา้ ทด่ี กี วา่ ผดู้ แู ลสถานะของผดู้ แู ล รับการฟื้นฟูสภาพและขาดการป้องกัน โดยเฉพาะ สว่ นใหญจ่ งึ ตกอยใู่ น “สภาวะไรอ้ ำนาจ”ทง้ั การตอ่ รอง ผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองขาดเลือด พบว่าบางส่วนเกิด ในครอบครวั และสังคม ผดู้ แู ลอยู่ในสภาวะ “นำ้ ทว่ ม ภาวะสมองขาดเลอื ดซำ้ จนนำไปสภู่ าวะพง่ึ พาระยะยาว ปาก” การเรียกรอ้ งขอความช่วยเหลือจากญาตพิ ่ีนอ้ ง ทม่ี รี ะดบั ความรนุ แรงมากยง่ิ ขน้ึ และบางสว่ นมอี าการ จึงเสมอื นการเรียกรอ้ งให้กับตวั เอง ภาวะสมองเสือ่ มตามมา 2.2) ผู้ดูแลส่วนใหญ่มีปัญหาภาวะ สขุ ภาพและตอ้ งการการพ่ึงพาด้านสุขภาพ 28 1.3) ข้อจำกัดของการวินิจฉัยและ ผดู้ แู ลสว่ นใหญม่ ปี ญั หาสภาพความ ว ความรู้เกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมทำให้ผู้สูงอายุ า ขาดโอกาสในการบำบดั รกั ษาท่ีเหมาะสม ไมพ่ รอ้ มทางด้านรา่ งกาย โดย 1 ใน 3 อยใู่ นวยั สูงอายุ ร และ 1 ใน 3 มภี าวะเจ็บปว่ ยด้วยโรคเรือ้ รังและเกอื บ ส พบว่าผู้สูงอายุภาวะสมองเสื่อมเริ่มเข้ารับการ รอ้ ยละ 2 มคี วามพกิ ารและมปี ญั หาในการดแู ลตนเอง า ตรวจวนิ จิ ฉยั ในสถานบรกิ ารสขุ ภาพเมอ่ื ปรากฏอาการ ผดู้ แู ลจงึ เปน็ กลมุ่ คนทอ่ี ยใู่ นภาวะมคี วามตอ้ งการการ ร ชดั เจน ในขณะทพ่ี บวา่ ศกั ยภาพการตรวจวนิ จิ ฉยั และ พง่ึ พา แตต่ อ้ งแบกรบั ภาระดแู ลผสู้ งู อายทุ พ่ี ง่ึ พาระยะ สุ การรกั ษาโรคของสถานบรกิ ารสขุ ภาพในระดบั ปฐมภมู ิ ยาว เนื่องจากสมาชิกในครอบครัวที่มีภาวะสุขภาพดี ข และระดับทุตติยภูมิมีข้อจำกัด ต้องส่งต่อในสถาน ออกไปทำงานนอกบา้ นทง้ิ ภาระการดแู ลใหผ้ ทู้ ม่ี ภี าวะ ภ บริการระดับตติยภูมิ ทำให้ผู้สูงอายุไม่ถึง 1 ใน 6 เจ็บปว่ ย หรอื มีปญั หาสขุ ภาพต้องรับผดิ ชอบดแู ล า ที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางและพบว่า พ ผสู้ งู อายรุ อ้ ยละ 72 หยดุ การรกั ษาและไมไ่ ดเ้ ขา้ รบั การ 2.3) ผู้ดูแลมีบทบาทเชิงซ้อนและรับ ภ บำบดั รกั ษา ในขณะทค่ี วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ภาวะสมอง ภาระดูแลเพียงลำพัง า เสื่อมของผู้ดูแลมีจำกัด การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะ ค สมองเสอ่ื มสว่ นใหญจ่ งึ ได้แต่ “เฝ้าดู” เทา่ นัน้ ผู้ดูแลผู้สูงอายุระยะยาวส่วนใหญ่มี ป หน้าที่ภายในครอบครัวเดิม และ 3 ใน 4 ของผู้ดูแล ร ยงั ประกอบอาชพี อยู่ การดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวทำให้ ะ สถานะของผดู้ แู ลผู้สงู อายุที่ต้องพ่ึงพา ภาระเพิ่มขึ้น ในขณะที่หน้าที่ในการทำงานภายใน ช ระยะยาวในสงั คมไทย ครอบครัวของผู้ดูแลยังคงเดิม และพบว่าส่วนใหญ่ า ช น พบว่าสถานะของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ปรากฏ เปน็ ครอบครวั เดย่ี วผดู้ แู ลมากกวา่ รอ้ ยละ80จงึ ตอ้ งรบั ในสังคมไทย มี 3 ลกั ษณะดังน้ี ภาระดแู ลเพยี งลำพงั และผดู้ แู ลประมาณ 1 ใน 9 ตอ้ ง
กองสนบั สนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบริการสุขภาพ ดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพาระยะยาว มากกว่า 1 คน อีกทั้งผู้ดูแลเกือบร้อยละ 90 ไม่เคยมีประสบการณ์ในการ ว ดแู ลผู้ป่วย และต้องดูแลท่ีมรี ะยะเวลาเฉลย่ี ถงึ 4 ปี า ร ภาระการดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาว ส พบว่าการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมก่อให้เกิดผลกระทบเกือบทุกด้านทั้งด้านร่างกาย า จิตใจ เศรษฐกิจ และสังคม มากกว่าการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองขาดเลือด และโรคเรื้อรัง โดยพบ ร ผลกระทบต่อผู้ดูแลเกือบทุกด้านมากกว่าร้อยละ 80 โดยเฉพาะภาระและผลกระทบด้านจิตใจ และด้าน สุ สงั คม พบมากกวา่ ร้อยละ 85 ยกเวน้ ผลกระทบดา้ นเศรษฐกจิ ข ภ ภาระและผลกระทบ ภาวะ Stroke ภาวะ ภาระและผลกระทบ ภาวะ Stroke ภาวะ า และโรคเร้อื รงั Dementia และโรคเร้อื รัง Dementia พ ภ 1. ด้านร่างกาย 70.06 % 80.56 % 2. ด้านจติ ใจ 73.94 % 86.11 % า 1) เหน่ือยลา้ รา่ งกาย 52.41 % 58.34 % 1) เครียด วิตกกงั วล 72.19% 94.45 % ค 2) ปวดหลังและเข่า 28.34 % 28.71 % 2) ซึมเศรา้ 25.14% 50.00 % ป 3) ปัญหานอนไม่หลับ 17.11 % 13.89 % 3) เครยี ดรนุ แรง ทำร้าย 4.28% 11.11 % ร 4) มีการเจ็บปว่ ย 4.80 % 6.93 % ตนเองและผูส้ งู อายุ 79.68 % 75.00 % ะ 72.73 % 86.11 % 4. ด้านเศรษฐกจิ 100.00 % 100.00 % ช 3. ด้านสงั คม 34.92 % 52.78 % 1) ค่าใชจ้ ่ายที่เพม่ิ ขน้ึ า 1) กจิ กรรมการพกั ผอ่ น ช น ลดลง 29 2) กิจกรรมทางสังคมลดลง 29.63 % 27.78 % 2) รายได้ลดลง 25.11 % 30.55 % 3) ขัดแยง้ กบั ญาตพิ ่ีน้อง 41.28 % 19.43 % 3) เสยี โอกาสในการ 27.37 % 20.55 % และครอบครวั ประกอบอาชีพ 4) กิจกรรมทางศาสนา 5.29 % 0.00 % 4) เงินไม่พอใช้ มีหนี้ 13.41 % 8.33 % ลดลง 5) ลาออกจากงาน 5.30% 11.11% โดยพบว่าภาระและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ การดูแล ทำให้ผู้ดูแลเหล่านี้เสียโอกาสในด้านการ ผู้สงู อายุสามารถจำแนกออกเป็น 5 ลกั ษณะดงั น้ี ประกอบอาชีพ และพบว่าภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง กับการดูแล ไดแ้ ก่ คา่ จ้างผู้ดแู ล คา่ อปุ กรณ์การดแู ล 3.1) ภาระคา่ ใชจ้ า่ ยการดแู ล การแสวงหา และอาหาร มจี ำนวนสงู การรกั ษา และการเสยี สละโอกาสการประกอบอาชพี ของผู้ดูแลก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ 3.2) การดแู ลผสู้ งู อายทุ พ่ี ง่ึ พาระยะยาว และหนส้ี ินกับครอบครวั เพียงลำพัง ทำให้ผู้ดูแลส่วนใหญ่รู้สึกโดดเดี่ยว พบว่าการดูแลผู้สูงอายุสมองเสื่อม และรู้สึกเครียดจนนำไปสู่การทำร้ายตนเองและ ทำให้ครอบครัวมีภาระและได้รับผลกระทบด้านการ ผสู้ งู อายุ เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับผู้ดูแล 3 ใน 4 ทำให้ผู้ดูแล พบว่าการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ลาออกจากงาน มากถึงรอ้ ยละ 11 เพือ่ มาทำหน้าทีใ่ น ทำใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงทางอารมณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ กบั ผดู้ แู ล
กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บริการสขุ ภาพ มี 3 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ อารมณว์ ติ กกงั วล เครยี ด พบเกอื บ อาการสมองเสื่อมรุนแรง พบมากกว่าครึ่งหนึ่ง และ 3 ใน 4 ของผู้ดแู ล ซ่ึงมรี ะดับความรุนแรงตงั้ แต่ วิตก มปี ัญหาการนอนหลับ พบเกอื บ 1 ใน 5 ส่วนช่วงระยะ กงั วล หงุดหงิด คับข้องใจ และเครียดกับสภาพท่ตี อ้ ง ที่มีอาการรุนแรงพบว่าทำให้ผู้ดูแลมีปัญหาสุขภาพ เป็นผู้ดูแล อารมณ์เศรา้ พบเกือบ 1 ใน 4 ของผ้ดู ูแล เพมิ่ ขนึ้ รอ้ ยละ 8 ไดแ้ ก่ ความรสู้ กึ สงสาร ทอ้ แท้ นอ้ ยใจ รอ้ งไห้ คดิ อยาก หนอี อกจากบา้ น และ อารมณเ์ ครยี ดรนุ แรง พบผดู้ แู ล วัฒนธรรมชุมชนและบทบาทองค์กร มคี วามรสู้ กึ คดิ ฆา่ ตวั ตาย ทะเลาะ หรอื ทำรา้ ยผสู้ งู อายุ ในชมุ ชนที่เก่ยี วข้องกับการดแู ลผู้สูงอายรุ ะยะยาว รอ้ ยละ 4 4.1) ครอบครัวเป็นสถาบันหลักของ 3.3) ภาวะเครียดเป็นผลกระทบหลัก การดแู ลผู้สงู อายรุ ะยะยาวในสังคมไทย พบว่าแบบแผนการดูแลผู้สูงอายุ ด้านอารมณ์ของการดูแลผู้สูงอายุสมองเสื่อมที่ ระยะยาวในสังคมไทยเป็นการดูแลภายในครอบครัว เกดิ จากขอ้ จำกดั ของความรเู้ ก่ยี วกบั โรคของผูด้ แู ล โดยรอ้ ยละ 95.5 เป็นการดแู ลโดยผดู้ ูแลในครอบครวั พบว่าผู้ดูแลส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ ด้วยค่านิยมความเชื่อ “ความกตัญญูกตเวที” เช่น เก่ยี วกับอาการของโรค ทำใหผ้ ู้ดแู ลผ้สู ูงอายุทมี่ ภี าวะ เดียวกันในสังคมไทยมุสลิมหลักคำสอนของทาง สมองเส่ือม ร้อยละ 12 มีอารมณ์เครียดรนุ แรง มกี าร ศาสนาที่ลูกต้องดูแลพ่อแม่ “สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้า ทะเลาะทำรา้ ยผสู้ งู อายุหรอื ถกู ผสู้ งู อายทุ ำรา้ ยรอ้ ยละ8 มารดา” ซง่ึ เปน็ หลกั ปฏบิ ตั ใิ นการกระทำตอ่ พอ่ แมช่ าว ทำใหผ้ ดู้ แู ลรสู้ กึ ผดิ และเกดิ คำถามกบั ตนเองถงึ “บญุ มุสลิม การดูแลผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้เป็น 30 หรอื บาป” ของการดูแลผู้สงู อายภุ าวะสมองเส่ือม หน้าที่ลูก ทำให้ส่วนใหญ่ต้องรับภาระการดูแลเพียง 3.4) กิจกรรมในชุมชนและแหล่งสนับ ลำพัง และปฏเิ สธรับความช่วยเหลือจากคนภายนอก ว สนนุ ทล่ี ดลง ทำใหผ้ ดู้ แู ลขาดโอกาสทางสงั คมและ อย่างไรก็ตามการปฏิเสธไม่รับความช่วยเหลือของ า ร ทำให้เกดิ ความขดั แย้งกบั ญาติพีน่ อ้ ง ผดู้ แู ลในครอบครวั ไมไ่ ดห้ มายถงึ วา่ ผดู้ แู ลไมต่ อ้ งการ ส พบวา่ ผดู้ แู ลตกอยกู่ บั สภาวะของการ การชว่ ยเหลอื แตด่ ว้ ยบทบาทท่ีถกู สงั คมกำหนดและ า ร ดูแลเพียงลำพังเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้ดูแล จบั จอ้ งตอ่ การทำหน้าที่ ทำให้ผู้ดแู ลเลอื กทีจ่ ะปฏิเสธ สุ ผสู้ งู อายทุ ม่ี ภี าวะสมองเสอ่ื ม เกดิ ผลกระทบดา้ นสงั คม สว่ นผดู้ แู ลวา่ จา้ งพบรอ้ ยละ 9.5 ซง่ึ พบทง้ั ในเขตชนบท ข มากที่สุดถึงร้อยละ 86 ทำให้ผู้ดูแลขาดโอกาสทาง และในเขตเมอื ง และพบว่าทกุ ครอบครวั ทว่ี า่ จา้ งผ้ดู ูแ ภ า สังคม ขาดโอกาสทำกิจกรรมส่วนตัว เกอื บร้อยละ 38 ลจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ประสบปัญหาผู้ดูแลลาออก พ มีความขัดแย้งกับญาติพี่น้อง เพราะถูกผลักภาระให้ พฤตกิ รรมของผูด้ ูแลท่ไี มใ่ ส่ใจ บางรายทำร้ายผู้สงู อายุ ภ ดแู ลเพยี งลำพงั และขาดการสนับสนนุ า ค 4.2) การดูแลผู้สูงอายุระยะยาวใน ป 3.5) กจิ กรรมการดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะ ชมุ ชน ขาดหลกั ประกนั คณุ ภาพการดแู ลทบ่ี า้ นและ ร ยาวท่ีตอ้ งดแู ลอยา่ งใกล้ชิดเกือบ 24 ช่ัวโมงเพียง ความต่อเนื่องของการดูแลในระบบบริการสุขภาพ ะ ลำพัง ขาดโอกาสพักผ่อน ได้ส่งผลให้เกิดอาการ ในสถานบริการปฐมภูมิพบว่า ช เหน่ือยลา้ และปญั หาสขุ ภาพของผู้ดูแล สถานที่และระบบบริการของหน่วยงานไม่เอื้อต่อการ า ช พบว่าผดู้ แู ลผสู้ ูงอายสุ มองเสือ่ ม ให้บริการผู้สูงอายุที่พึ่งพาระยะยาว ทำให้ผู้สูงอายุ น มีอาการเหนอื่ ยลา้ ร่างกาย ได้แก่ อาการเหนอ่ื ย อ่อน ประสบปญั หาในการเดนิ ทาง และขาดอปุ กรณอ์ ำนวย เพลีย เมื่อยล้าร่างกาย พบมากในช่วงระยะที่ปรากฏ ความสะดวก มีความยากลำบากในการเคลื่อนย้าย
กองสนับสนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บริการสุขภาพ พบวา่ ผสู้ ูงอายสุ ่วนใหญ่ไมไ่ ดร้ ับการตดิ ตามดูแลจาก ควรมีระบบการตรวจประเมิน ว สถานบริการปฐมภูมิ ทั้งที่ผู้สูงอายุมากกว่า 1 ใน 4 คัดกรองแยกประเภทผู้สูงอายุที่มีมาตรฐาน จัดชุด า มีปัญหาการดูแลด้านการแพทย์ที่เกินศักยภาพการ สิทธิประโยชน์และการสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุ ร ดูแลของผู้ดูแลในครอบครัว และพบว่าแนวทางการ แต่ละประเภทที่ชัดเจน มีการกำหนดมาตรฐานให้ ส ปฏบิ ตั กิ ารดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวทบ่ี า้ นมคี วามลกั ลน่ั ชัดเจนและตรวจสอบคุณภาพ โดยเฉพาะระบบการ า ขึ้นอยกู่ บั เจา้ หนา้ ทผ่ี ปู้ ฏิบตั ิงาน ร ส่งต่อและการดูแลที่บ้านซึ่งเป็นกลไกการขับเคลื่อน สุ 4.3) ชมุ ชนมโี ครงสรา้ งองคก์ รทร่ี อง สำคัญของระบบการสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุ ข รบั การทำงานผสู้ งู อายทุ ง้ั ดา้ นสวสั ดกิ ารและสขุ ภาพ ระยะยาว ทจ่ี ะทำใหผ้ ดู้ แู ลและผสู้ งู อายไุ ดร้ บั การดแู ล ภ แตข่ าดกลไกขบั เคลอ่ื นและบรู ณการงานผสู้ งู อายุ ทีม่ ีคุณภาพ า ระยะยาวเชิงรูปธรรม 3) การพัฒนาศักยภาพผู้ดูแล พ พบว่าในชุมชนระดับตำบลทั้ง ผู้สูงอายุระยะยาวในระบบริการสุขภาพและ ภ องคก์ รทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั สวสั ดกิ ารทง้ั ทเ่ี ปน็ ทางการ ในชมุ ชน า และไมเ่ ปน็ ทางการ ไดแ้ ก่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ การดแู ลผ้สู งู อายุท่ีมีภาวะพ่งึ พา ค กองทนุ ฌาปนกจิ สงเคราะห์ชมรมผสู้ งู อายุและองคก์ ร ระยะยาวมคี วามซบั ซอ้ น และตอ้ งการบรกิ ารทม่ี คี วาม ป ร ะ ช ดูแลด้านสุขภาพ ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ เฉพาะ การเตรียมบุคลากร ผู้ดแู ล และครอบครวั จึงมี า ตำบล อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจำหมบู่ า้ น อยา่ งไร ความจำเป็นที่ผู้ดูแลทุกระดับต้องได้รับการพัฒนา ช ก็ตามความช่วยเหลือด้านสุขภาพและด้านสวัสดิการ ศกั ยภาพ โดยเฉพาะผดู้ แู ลในครอบครัวและบคุ ลากร น ไมค่ รอบคลมุ ผสู้ งู อายุ และไมต่ อบสนองความตอ้ งการ สาธารณสุขในระดับปฐมภูมิ ที่ต้องได้รับการพัฒนา 31 ของผสู้ งู อายุ เชน่ ขน้ึ ทะเบยี นผพู้ กิ ารรอ 1 ปี และมกี าร ความรู้และทักษะในการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวอย่าง แยกทำตามภารกิจของแตล่ ะองค์กร มีคณุ ภาพ ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย การอภิปรายผล 5.1 ข้อเสนอแนะสำหรับกระทรวง สาธารณสขุ ประสบการณ์การเกิดภาวะพึ่งพาระยะ ยาวของผสู้ ูงอายใุ นสังคมไทย 1) พัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริม การพึ่งพาระยะยาวจากภาวะสมอง สุขภาพตำบลให้เป็นแหล่งสนับสนุนการดูแล ผ้สู งู อายรุ ะยะยาวในชมุ ชน เสอ่ื มพบวา่ ผสู้ งู อายทุ ม่ี ภี าวะพง่ึ พาระยะยาวพบเกอื บ 1 ใน 5 เกิดจากภาวะสมองเสื่อม สอดคล้องกับการ ควรมีระบบบริการที่เอื้อต่อการ ศึกษาที่ผ่านมาพบว่าร้อยละ 12.4 มีอาการสงสัย บริการ และมีศักยภาพในการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ภาวะสมองเส่อื ม (วิชยั เอกพลากร และคณะ, 2009) ไดแ้ ก่ การปรบั ปรงุ สง่ิ แวดลอ้ มการฟน้ื ฟสู ภาพผสู้ งู อายุ ซึ่งผู้ดูแลและครอบครัวรับรู้อาการผิดปกติของผู้สูง ให้บริการเชิงรุก รวมถึงความสามารถในการวินิจฉัย อายุที่มีภาวะสมองเสื่อม เมื่อเริ่มปรากฎอาการแล้ว และการดูแลโรคที่มีความซับซ้อนมาก เช่น ภาวะ ทั้งผู้สูงอายุและผู้ดูแลต่างมีความทุกข์ทรมาน แม้ สมองเสอ่ื ม ภาวะสมองขาดเลอื ด ผู้สูงอายุในระยะนี้จะช่วยตัวเองได้ จนนำไปสู่การ 2) กำหนดมาตรฐานการดูแล ทะเลาะกับผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลถูก ผู้สูงอายุระยาวและควบคุมคุณภาพการดูแล ทำร้าย และในระยะสุดท้ายของการเกิดภาวะสมอง ทว่ั ประเทศ เส่อื ม ผู้สูงอายชุ ่วยเหลือตนเองลดลง สูญเสยี การรบั รู้
กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสุขภาพ และต้องการการดูแลระยะยาว ทำให้เกิดภาระกับ พฤติกรรมและของผู้ป่วยที่มีความสัมพันธ์กับภาระ ผู้ดูแลและครอบครัว ปัญหาภาวะสมองเสื่อมจึงเป็น ของผู้ดูแล ได้แก่ ผปู้ ว่ ยมีปัญหาพฤตกิ รรมและจิตใจ ปัญหาที่สำคัญของการเกิดภาวะพึ่งพาระยะยาวใน การมีพฤติกรรมผิดปกติ การมีอาการไม่สงบ กระสับ ประเทศไทย การสง่ เสรมิ สขุ ภาพผสู้ งู อายจุ งึ เปน็ หวั ใจ กระสา่ ย ก้าวรา้ ว มีอารมณ์แปรปรวน ทำใหเ้ กดิ ความ สำคัญชว่ ยปอ้ งกันและลดการเกดิ ภาวะพึ่งพาได้ ไมม่ น่ั คงทางอารมณ์(สาธดิ าแรกคำนวณและพรี พนธ์ ลือบุญธวัชชัย, 2555; พารุณี เกตุกราย,2550) ทั้งนี้ สถานะของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่พึ่งพา เนื่องจากผู้ดูแลต้องเผชิญกับสภาวะทางอารมณ์และ ระยะยาวในสงั คมไทย พฤติกรรมของผู้สูงอายุสมองเสื่อมที่ผิดปกติ ในขณะ ที่ทำให้ผู้ดูแลและสถานบริการสุขภาพในชุมชนมี ผู้ดูแลผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ไร้ ข้อจำกัดเกี่ยวกับความรู้และการดูแลผู้สูงอายุสมอง อำนาจต่อรองทั้งในครอบครัวและในสังคม มีปัญหา เสื่อม จึงก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ดูแลมากกว่าโรค สุขภาพ ขาดประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ และ ขาดการสนับสนุน สอดคล้องกับการประเมินแผน ผสู้ งู อายแุ หง่ ชาตฉิ บบั ท่ี2ในชว่ ง5ปแี รกพบวา่ มผี ดู้ แู ล เรื้อรงั อืน่ ๆ เพียงร้อยละ 35 ที่มีความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุ (วิพรรณ ประจวบเหมาะ, 2553) ซึ่งย่อมส่งผลต่อ ระยะยาว สถานบรกิ ารปฐมภมู กิ บั การดแู ลผสู้ งู อายุ คุณภาพในการดูแลผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพาระยะยาว พบว่าข้อจำกัดของการตรวจวินิจฉัยและ อย่างหลกี เลยี่ งไมไ่ ด้ หากไม่มีมาตรการสนับสนุน ความรู้เกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมของสถานบริการใน ผู้ดูแลในครอบครัวรองรับที่ชัดเจนและเหมาะสมกับ ระดับปฐมภูมิและระดับทุติยภูมิ ในขณะที่การศึกษา 32 สภาพปัญหาของสังคมไทย ผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะไม่ ที่ผ่านมาพบว่าความต้องการของผู้ดูแลสมองเสื่อม ไดร้ ับการดูแลท่ีดแี ละเกดิ การทอดทง้ิ ผ้สู ูงอายุมากขึน้ 3 อนั ดบั แรก คอื ความร้แู ละการฝกึ ทกั ษะของผดู้ ูแล ว ภาระและผลกระทบการดูแลผู้สูงอายุ การบริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์สำหรับผู้ดูแล า ร ระยะยาว และระบบบริการเฉพาะในการประเมินผู้ป่วยสมอง ส พบวา่ การดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวทเ่ี กดิ จาก เสื่อมในโรงพยาบาล (Muangpaisan et al., 2010) า ภาวะสมองเสื่อมทำให้เกิดภาระและผลกระทบต่อ ข้อจำกัดของสถานบริการจึงทำให้ผู้ดูแลไม่ได้รับการ ร สุ ผดู้ แู ลทง้ั ทางดา้ นรา่ งกายจติ ใจสงั คมยกเวน้ ผลกระทบ สนับสนุนด้านความรู้ และทำให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะ ข ด้านเศรษฐกิจ สอดคล้องกับการศึกษาในกลุ่มผู้ดูแล สมองเสื่อมขาดโอกาสในการบำบัดรักษาที่เหมาะสม ภ ผู้ป่วยสมองเสื่อมที่มีฐานะดีและมีการศึกษาดีใน ดังนั้นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและผู้ดูแลใน า พ ประเทศไทยพบว่าการดแู ลผู้ป่วยสมองเสื่อมสามารถ สงั คมไทยจงึ มคี วามจำเปน็ ทต่ี อ้ งการแนวทางการพฒั นา ภ ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อผู้ดูแล โดยเฉพาะ อย่างจริงจัง เพื่อให้การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะสมอง า ผลกระทบทางกายและทางการพัฒนามีมากกว่า เส่ือมมีทางออกสำหรบั ผดู้ แู ลและครอบครวั ค ผลกระทบทางสงั คมและอารมณ์(WeerasakMuang- ป สถานบริการในระดับปฐมภูมิมีความ ร paisan, et al, 2010) และการศกึ ษาผปู้ ว่ ยภาวะสมอง สำคัญต่อการดแู ลผู้สูงอายุระยะยาวในชุมชน ซ่ึงจาก ะ เสื่อมในโรงพยาบาล พบว่าเกิดภาระการดูแลของ การศึกษาที่ผ่านมาพบว่าชุมชนที่มีระบบการดูแล ช า ผู้ดูแล ร้อยละ 68.9 โดยพบว่ามีภาระการดูแลส่วน ต่อเนื่องที่บ้านโดยพยาบาลชุมชนและพยาบาล ช ใหญ่อยู่ในระดับน้อยถึงปานกลางร้อยละ 41.1 และ (Home Health Care) ซึ่งมีบทบาทในด้านการดูแล น ผลกระทบของปัญหาพฤติกรรมและจิตใจของผู้ป่วย การกำลังใจผสู้ งู อายุ และการให้ความรู้ เตรยี มความ ต่อผู้ดูแลในระดับปานกลางถึงมาก ซึ่งพบว่าปัญหา พร้อมแก่ผู้ดูแล ทั้งในด้านการดูแล จะช่วยเสริมแรง
กองสนบั สนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บริการสุขภาพ แก่ครอบครัวและเป็นเครือข่ายในการดูแลที่ดี ที่ช่วย 1992) โดยเฉพาะปัจจุบันโครงสร้างครอบครัวของ ว เติมเต็มระบบการดูแลระยะยาวให้มีความสมบูรณ์ สงั คมไทยมขี นาดเลก็ ลง ผดู้ แู ลมบี ทบาทและรบั ภาระ า ยงิ่ ข้ึน (ศศพิ ัฒน์ ยอดเพชร และคณะ, 2552) อยา่ งไร ในการประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว วิถีการดูแล ร กต็ ามระบบบรกิ ารสขุ ภาพระดบั ปฐมภมู ิ ยงั มขี อ้ จำกดั ผู้สูงอายุในครอบครัวจึงได้รับผลกระทบ และผู้ดูแล ส ด้านศักยภาพ และแนวทางปฏิบัติที่มีความลักลั่นใน ส่วนใหญจ่ ึงต้องรับภาระการดแู ลผสู้ งู อายเุ พยี งลำพงั า สถานบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ทำให้การดูแล ร ผู้สูงอายุในครอบครัวขาดระบบสนับสนุนและการ “ความกตัญญู กตเวที” ค่านยิ มความเชอ่ื สุ ประคับประครอง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการดูแล ทถี่ กู ใช้และใหค้ ุณค่าความหมายเพื่อทดแทนบุญคณุ ข ผ้สู งู อายุระยะยาว บพุ การี คลา้ ยคลงึ กบั การศึกษาท่ีผ่านมาพบวา่ ชุมชน ภ ยังคงให้ความสำคัญของการปฏิบัติต่อพ่อแม่ โดย า วัฒนธรรมการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว เฉพาะลกู สาวเปน็ ผทู้ ถ่ี กู ครอบครวั และสงั คมคาดหวงั พ ในชมุ ชน ใหท้ ำหนา้ ทเ่ี ปน็ ผเู้ ลย้ี งดพู อ่ แม่ (ดสุ ติ จนั ทยานนท์ และ ภ ครอบครัวเป็นสถาบันหลักของการดูแล คณะ, 2554, ศศิพัฒน์ ยอดเพชร, 2549, 2552, า ผู้สูงอายุระยะยาวในสังคมไทย จากการศึกษาพบว่า ศิราณี ศรีหาภาค, 2556) ซ่งึ มีผลทำให้ผู้ดแู ลปฏิเสธ ค การดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในชุมชนทั้งหมดเป็นการ ความช่วยเหลือจากคนภายนอก ด้วยบทบาทที่ถูก ป ดแู ลผสู้ งู อายใุ นครอบครวั ซง่ึ สามารถจดั ประเภทผดู้ แู ล สังคมกำหนดและจับจ้องต่อการทำหน้าที่ อย่างไร ร ะ ช า ออกเปน็ 2 ประเภท คือ การดแู ลผูส้ ูงอายโุ ดยผู้ดแู ล ก็ตามพบว่าภาระการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวมีผล ช ภายในครอบครวั และ การดูแลผ้สู งู อายใุ นครอบครัว กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ดูแลทุกด้านและ น โดยผดู้ แู ลวา่ จา้ งซง่ึ พบวา่ การดแู ลผสู้ งู อายใุ นครอบครวั ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแก่ผู้ดูแล การสนับสนุนและ 33 โดยผู้ดูแลว่าจ้าง ครอบครัวประสบกับปัญหาการ ประคบั ประคองผดู้ แู ลใหส้ ามารถดแู ลผสู้ งู อายไุ ดอ้ ยา่ ง แสวงหาผู้ดูแลด้วยตนเองและเผชิญปัญหาคุณภาพ มีคุณภาพ จึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญของแผนพัฒนา การดแู ลและพฤตกิ รรมของผดู้ แู ลวา่ จา้ งทไ่ี มม่ คี ณุ ภาพ ผ้สู ูงอายแุ ห่งชาติ ฉบบั ท่ี 2 ซึ่งบางรายทำร้ายผู้สูงอายุ ครอบครัวไม่มีทางเลือก และขาดระบบการสนบั สนนุ ครอบครวั ครอบครัวและผู้ดูแลจึงเป็นบุคคลที่ สำคญั ในการดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวในชมุ ชนทา่ มกลาง การดแู ลในครอบครวั จงึ เปน็ แบบแผนหลกั การเปลี่ยนแปลงของสังคม ในขณะที่ผู้ดูแลที่จะเกื้อ ของการดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวในสงั คมไทยโดยผดู้ แู ล หนุนผู้สูงอายุลดลง แต่ขนาดของปัญหามีแนวโน้มที่ ส่วนใหญ่ที่มีความสัมพันธ์เป็นลูกสาว ภรรยา และ เพ่ิมสงู ข้ึน แผนผู้สงู อายแุ หง่ ชาตไิ ด้กำหนดใหม้ ีระบบ ลูกสะใภ้ ที่ต้องทำหน้าที่ดูแลและจัดการด้วยตนเอง คุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ (คณะกรรมการ การดแู ลผสู้ งู อายใุ นครอบครวั เปน็ เรอ่ื งภายในครอบครวั ผสู้ งู อายแุ หง่ ชาต,ิ 2553, วพิ รรณ ประจวบเหมาะ และ คลา้ ยคลงึ กบั การศกึ ษาทผ่ี า่ นมาพบวา่ ผดู้ แู ลสว่ นใหญ่ คณะ, 2553) แต่การดำเนินการดูแลระยะยาวใน มีความสัมพันธ์เป็นญาติของผู้สูงอายุ ได้แก่ ลูกสาว ประเทศไทยในทางปฏิบตั ิยังไมม่ คี วามชดั เจน ภรรยา ลกู สะใภ้ (วรรณรตั น์ ลาวงั และ คณะ, 2547, บทบาทองค์กรในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับ ศริ าณี ศรีหาภาค, 2556) ซง่ึ การศึกษาทีผ่ ่านมาพบวา่ การดแู ลผ้สู งู อายุระยะยาว ความเข้มแข็งของวิถีปฏิบัติการดูแลผู้สูงอายุของ พบว่าหน่วยงานภาครัฐไม่มีแผนงาน ครอบครวั เปน็ ความแขง็ แกรง่ ทม่ี อี ยใู่ นชมุ ชน(Caffrey, ชดั เจนความชว่ ยเหลอื ไมค่ รอบคลมุ และไมต่ อบสนอง 1992) อย่างไรก็ตามพบว่าการดูแลพ่อแม่ในอนาคต ความต้องการของผู้สูงอายุ ขาดการบูรณาการภาพ อาจจะเปลย่ี นแปลงตามบรบิ ททางวฒั นธรรม(Caffrey, รวมของตำบล สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาทผ่ี า่ นมาพบวา่
กองสนบั สนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บริการสุขภาพ สถานพยาบาลในชุมชนและอปท.มีบทบาทหลักใน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ดูแลและครอบครัว โดยการ การจัดบริการสุขภาวะผู้สูงอายุในชุมชน แต่ยังคงมี วางแผน กำหนดกลวธิ ี และรปู แบบบรกิ ารรว่ มกนั ของ ปญั หาดา้ นคณุ ภาพและบรกิ ารการจดั บรกิ ารมลี กั ษณะ หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งรวมทง้ั ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี เชน่ ผสู้ งู อายุ แยกส่วนขาดการบูรณาการของบริการ (สัมฤทธิ์ ผดู้ ูแลและครอบครัว ศรีธำรงสวัสดิ์ และคณะ, 2552 ; ศิราณี ศรีหาภาค, สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การจดั ตง้ั กองทนุ การดแู ล 2556) อยา่ งไรกต็ ามการศกึ ษาทผ่ี า่ นมาพบวา่ สถาบนั ผสู้ งู อายุระยะยาวในชุมชนโดยชมุ ชน ทเ่ี ปน็ ทางการไดแ้ ก่อำเภอโรงพยาบาลอบต.และอน่ื ๆ เปน็ การระดมทรัพยากรในชุมชน เพ่ือชว่ ย ลดภาระของผู้ดูแลและครอบครัว และทำให้องค์กร ซง่ึ มคี วามสำคญั ในฐานะเปน็ สถาบนั ทท่ี ำหนา้ ทใ่ี นการ ในชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่มี บริหารจดั การดแู ล การสนับสนนุ บริการ งบประมาณ คุณภาพตามบริบททางสังคมวัฒนธรรมและทำให้ และบคุ ลากรและการดแู ลระยะยาวไดอ้ ยา่ งบรู ณาการ ผู้ดูแลมคี ุณภาพชวี ติ ท่ดี ี ทั้งสุขภาพและสังคมทำให้เกิดผลดีต่อการดูแล ระยะยาว (ศศิพัฒน์ ยอดเพชร และคณะ, 2552) สนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีบทบาทในการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวองค์กร ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย ปกครองสว่ นภายใต้กองทนุ ส่งเสรมิ สขุ ภาพตำบล ออกแบบระบบการดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาว จะทำให้เกิดพลังการขับเคลื่อนและเกิด ทม่ี ที างเลอื กสำหรบั ผดู้ แู ลและครอบครวั ในชุมชน การเชื่อมโยงจากนโยบายการดูแลสุขภาพของ เชน่ การดแู ลผสู้ งู อายกุ ลางวนั การใหค้ วาม ประชาชนสแู่ นวทางการปฏบิ ตั ทิ ม่ี ที ศิ ทางชดั เจน ทำให้ 34 ช่วยเหลอื ในการดำรงชวี ติ การดูแลระยะสดุ ทา้ ย เพอื่ ผ้ดู ูแลและผ้สู ูงอายุได้รบั การดแู ลที่มีคุณภาพ... ว า ร ส บรรณานุกรม า ร พารุณี เกตุกราย. ความสัมพันธ์ระหว่างภาระการดูแลบุคคลในครอบครัวที่เจ็บป่วยการดูแลตนเอง และความต้องการการ ชว่ ยเหลอื ของญาตผิ ดู้ แู ลทท่ี ำงานนอกบา้ น. ปรญิ ญาพยาบาลศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการพยาบาลผใู้ หญ่ บณั ฑติ สุ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั มหิดล, 2550. ข พชิ ติ สขุ สบาย และสายพณิ หตั ถรี ตั น.์ การเปลย่ี นแปลงบทบาทหนา้ ทข่ี องครอบครวั ในกลมุ่ ผปู้ ว่ ยโรคสมองเสอ่ื มในประเทศไทย. ภ กรงุ เทพฯ : ภาควิชาเวชศาสตรค์ รอบครัว คณะแพทยศ์ าสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี, 2556. า พ ศริ ิพันธุ์ สาสตั ย,์ ทัศนา ชูวรรธนะปกรณ์ และเพญ็ จนั ทร์ เลิศรัตน.์ รปู แบบการปฏิบัตกิ ารดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวในสถานบริการ ภ ในประเทศไทย กรงุ เทพฯ:สถาบนั วิจัยระบบสาธารณสขุ (สวรส.), 2552. า สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ. แบบทดสอบ สมรรถภาพสมองเบื้องต้น ฉบับภาษาไทย MMSE-Thai 2002. กรมการแพทย์ ค กระทรวงสาธารณสขุ , 2545. ป สาธดิ า แรกคำนวณ และ พีรพนธ์ ลือบุญธวชั ชยั . ปญั หาพฤติกรรมและจติ ใจของผ้ปู ว่ ยภาวะสมองเส่ือมชนดิ อัลไซมเ์ มอร์และ ร ภาระการดแู ลของผู้ดแู ล ทแ่ี ผนกจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์. วารสารสมาคมจติ แพทย์แห่งประเทศไทย. ะ 57(3): 335-346, 2555. ช Barberger-Gateau P et al. 2004.· The Contribution of Dementia to the Disablement Process and Modifying Factors. า Dement Geriatr Cogn Disord 2004;18:330–337 (DOI: 10.1159/000080127 ช น
กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ การมสี ่วนร่วมของประชาชนในการดำเนนิ งาน ว กองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพ า ร ระดบั พ้ืนท่ีอำเภอป่าพะยอม จังหวัดพทั ลุง ส า Public Participation in Local Health Security Fund Operation, ร Phapayom District, Phatthalung Province สุ ข ภ า พ บทคัดยอ่ วสนั ต์ิ ยงั สงั ข*์ ภ า การศึกษาเรื่อง การมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ ค อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพทั ลงุ มวี ัตถุประสงค์ เพอ่ื ศกึ ษาระดับการมีส่วนร่วม ปจั จัยสนับสนนุ ความสัมพนั ธ์ ป ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล และปัจจัยสนับสนุน กับการมีส่วนร่วมของประชาชนและเพื่อศึกษาปัญหาและ ร อุปสรรคในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงานหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ อำเภอป่าพะยอม ะ จงั หวัดพัทลงุ ช า ช ผลการศกึ ษาดา้ นปจั จยั สว่ นบคุ คลพบวา่ กลมุ่ ประชากรสว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ รอ้ ยละ78.0อายุ45-60ปี น รอ้ ยละ 47.5 สมรส รอ้ ยละ 86.4 จบชัน้ ประถมศึกษา รอ้ ยละ 49.4 ประกอบอาชพี เกษตรกรรรม รอ้ ยละ 73.2 มีรายได้ 5,001 - 10,000 บาท รอ้ ยละ 61.6 บทบาททางสงั คม เปน็ ประชาชนท่วั ไป รอ้ ยละ 70.2 และสิทธิ 35 ในการรกั ษาพยาบาล ใชบ้ ตั รประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ (บตั รทอง) รอ้ ยละ 74.7 ดา้ นปจั จยั สนบั สนนุ พบวา่ ระดบั ความรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับกองทนุ หลกั ประกันสขุ ภาพอย่ใู นระดบั สูง ร้อยละ 48 ระดบั การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับกองทุนหลักประกันสุขภาพ อยู่ในระดับสูง ร้อยละ 55.8 (X¯ = 2.53) และระดับทัศนคติเกี่ยวกับ กองทนุ หลักประกนั สขุ ภาพระดบั พน้ื ที่ อยูใ่ นระดบั มาก ร้อยละ 74.0 (X¯ = 3.09) การมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ มีส่วนร่วมใน ภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก (X¯ = 2.96) ซง่ึ แยกเปน็ รายดา้ นไดด้ งั น้ี รว่ มคดิ คน้ หาปญั หา ในระดบั มาก (X¯ = 2.74) รอ้ ยละ40.8รว่ มวางแผนแกไ้ ขปญั หาในระดบั มาก(X¯=2.72)รอ้ ยละ55.6รว่ มดำเนนิ กจิ กรรมอยู่ในระดบั มาก (X¯ = 2.99) รอ้ ยละ 51.3 รว่ มรบั ผลประโยชน์ อยรู่ ะดบั มากทส่ี ดุ (X¯ = 3.47) รอ้ ยละ 60.4 และการรว่ มประเมนิ ผล ในระดับมาก (X¯ = 2.69) รอ้ ยละ 60.9 ความสมั พนั ธข์ องการมสี ว่ นรว่ มกบั ปจั จยั สว่ นบคุ คลไดแ้ ก่เพศอายุอาชพี ระดบั การศกึ ษารายได้บทบาท ทางสงั คม และสทิ ธริ ักษาพยาบาล ไมม่ ีความสัมพนั ธก์ ันทีร่ ะดบั นัยสำคัญทางสถติ ิ .01 แต่ สถานภาพสมรส มคี วามสมั พนั ธก์ นั ทร่ี ะดบั นยั สำคญั ทางสถติ ิ .01 ความสมั พนั ธป์ จั จยั สนบั สนนุ ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั กองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพระดบั พน้ื ท่ี ดา้ นการรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารขา่ วสารเกย่ี วกบั กองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพ ระดบั พ้นื ที่ และทศั นคติเก่ยี วกบั กองทุนหลักประกนั สขุ ภาพระดับพ้ืนที่ กับการมสี ว่ นรว่ ม มคี วามสัมพนั ธก์ ัน อย่างมนี ยั สำคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .001 (χ2 = 39.074, df = 4, p = .000), (χ2 =54.121, df = 4, p = .000) และ (χ2 = 90.887, df = 4, p = .000) ตามลำดบั * นกั วชิ าการสาธารณสขุ ชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอป่าพะยอม จงั หวัดพทั ลงุ
กองสนบั สนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บริการสขุ ภาพ ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะ พบว่า ไม่มีผู้ประสานงานกับกลุ่มเป้าหมายหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการจัดทำแผน คณะกรรมการไม่ได้ทำหน้าที่ มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ และระเบียบข้อกฎหมายที่ เกี่ยวข้องกับกองทุนน้อย ขาดประสบการณ์ในการบริหารจัดการกองทุนให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ และ ประชาชนส่วนใหญร่ จู้ ักกองทุนหลกั ประกนั สขุ ภาพนอ้ ย คำสำคัญ : การมีส่วนรว่ ม, การดำเนินงาน , กองทนุ หลักประกันสุขภาพระดับพืน้ ท่ี Abstract The study of public participation in local health security fund operation, Phapayom District, Phatthalung Province proposed to determine levels of participation, supporting factors, and to identify the association between personal characteristics and public participation. Further, this study aimed to describe problems and obstacles of public participation in local health security fund operation, Phapayom District, Phatthalung Province. The study revealed that most of the samples were female (80%) aged between 45 - 60 years old 47.5%. There were 86.4 % married, 49.4% earned a living by agriculture, 73.2 % had income between 5,001 and 10,000 Thai Baht, 61.6 % had social position, 70.2 % were general citizens, and 74.7 % occupied security health card (golden card). In respect to supporting factors, it showed 36 that their understanding on health security fund was observed 48 % at high level. Level of perception on local health security fund information showed 55.8% at high level (X¯ = 2.53). Attitude towards ว local health security fundshowed 74.0 % at high level (X¯ = 3.09). า ร Overall participation in local health security fund operation was observed at high level ส (X¯ = 2.96). To consider in each aspect, participation in problem searching, planning for problem า solving, implementation, benefit received, and evaluation showed at high level, 40.8% (X¯ = 2.74), ร 55.6% (X¯ = 2.72), 51.3 % (X¯ = 2.99), 60.4% (X¯ = 3.47), and 60.9 (X¯ = 2.69), respectively. สุ ข The association between participation and personal characteristics including genders, ages, ภ occupation, educational levels, social role, and medical care access were association at 0.01 า significant level. However, marital status was association at 0.01 significant level. The association พ ภ in supporting factors of understanding on local health security fund , information perception and า attitude towards local health security fund and participation in local health security fund operation ค was statistically significant at 0.001 (χ2 = 39.074, df = 4, p = < .001), (χ2 = 54.121, df = 4, ป ร p = < .001) (χ2 = 90.887, df = 4, p = < .001), respectively. ะ Regarding problems, obstacles, and suggestion issues, it was found that no coordinator with ช targeted group or persons involved in planning. Committee members did not perform on their roles and had า ช limitedknowledgeontheroles,responsibilities,andregulationsandlaw.Theyalsolackedofexperiences น on fund management towards their authorities and most of people did not know health security fund. Keyword : participation, operation, local health security fund
กองสนบั สนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บริการสุขภาพ บทนำ ถึงบริการและได้รับบริการสาธารณสุขตามสิทธิที่พึง ว พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ในฐานะความเป็นประชาชนไทย (สำนักงานหลัก า พ.ศ. 2545 มาตรา 5 กำหนดให้บุคคลทุกคนมีสทิ ธไิ ด้ ประกนั สุขภาพแหง่ ชาติ, 2556 ) ร ส รบั บรกิ ารสาธารณสขุ ทม่ี มี าตรฐานและมปี ระสทิ ธภิ าพ จังหวัดพัทลุง มีการแบ่งเขตการปกครอง า โดยประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุขที่ ประกอบดว้ ย 11 อำเภอ 65 ตำบล เรม่ิ ดำเนนิ การจดั ตง้ั ร บุคคลจะมีสิทธิได้รับให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ กองทุน ฯ ตั้งแต่ปี 2549 โดยมีองค์กรปกครองส่วน สุ ประกาศกำหนด มาตรา 38 ใหม้ กี ารจดั ต้ัง “กองทุน ท้องถิ่นนำร่องจำนวน 4 แห่ง และปัจจุบันมีองค์กร ข หลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาต”ิ ขน้ึ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เขา้ รว่ มดำเนนิ การกองทนุ ฯ ครบ ภ เพอ่ื เปน็ คา่ ใชจ้ า่ ย สนบั สนนุ และสง่ เสรมิ การจดั บรกิ าร ทกุ แหง่ (73แหง่ )(สำนกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั พทั ลงุ , า สาธารณสุขของหน่วยบริการ และส่งเสริมให้บุคคล 2553) ในอำเภอป่าพะยอมมีองค์กรปกครองส่วน พ เข้าถึงการบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมี ท้องถิ่น 4 แห่ง ปี 2549 องค์การบริหารส่วนตำบล ภ ประสิทธิภาพ ให้ใช้จ่ายเงินกองทุนโดยคำนึงถึงการ ปา่ พะยอม ได้เขา้ ร่วมการดำเนินการกองทุนฯ นำรอ่ ง า พฒั นาการบรกิ ารสาธารณสขุ ในเขตพน้ื ทท่ี ไ่ี มม่ หี นว่ ย ของจังหวดั พัทลงุ และ ปี 2551 องค์กรปกครองส่วน ค บริการเพียงพอ หรือมีการกระจายหน่วยบริการอย่าง ท้องถิ่นอีก 3 แห่งก็ได้ร่วมดำเนินการกองทุนฯ ป ไม่เหมาะสม ซึ่งครอบคลุมถึงการจ่ายให้แก่สถาน (สำนักงานสาธารณสุขอำเภอป่าพะยอม. 2553) แต่ ร บรกิ าร หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น องคก์ ร จากการศึกษาการดำเนินงานกองทุนหลักประกัน ะ หรือบุคคลที่สนับสนุนหรือส่งเสริมการจัดบริการ สขุ ภาพระดบั พน้ื ท่ี ทผ่ี า่ นมา พบวา่ แผนงาน/โครงการ ช สาธารณสขุ และ มาตรา 47 กำหนดใหอ้ งคก์ รปกครอง ที่กองทุนดำเนินการยังไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ า ส่วนท้องถิ่น ได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการระบบ ท่รี ะบไุ ว้ แผนงานสว่ นใหญอ่ ยู่ลักษณะสงเคราะห์ ใน ช หลกั ประกนั สขุ ภาพในระดบั ทอ้ งถน่ิ หรอื พน้ื ท่ีเพอ่ื สรา้ ง หลายพื้นที่ชาวบ้านยังไม่รู้ว่ากองทุนฯ คืออะไร มา น หลักประกันสุขภาพให้กับบุคคลในพื้นที่ โดยเน้น จากไหน และผลประโยชน์ที่ได้รับหรือการมีส่วนร่วม 37 กระบวนการมสี ว่ นรว่ ม เพราะหลกั การสำคญั ประการ เปน็ อยา่ งไร จากปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ ดงั กลา่ ว ทำใหผ้ ศู้ กึ ษา หนึ่งในการมีระบบหลักประกันสุขภาพที่ดี คือการมี ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินงานกองทุน ระบบส่งเสริมและคุ้มครองประชาชนด้านสุขภาพ หลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ อำเภอป่าพะยอม โดยการมกี ลไกการมสี ว่ นรว่ มทเ่ี ขม้ แขง็ ซง่ึ ถอื เปน็ การ จังหวัดพัทลุง และสนใจที่จะศึกษาการมีส่วนร่วม กระจายอำนาจด้านการบริหารจัดการสุขภาพ เพื่อ ของประชาชนในการดำเนินงานกองทุนหลักประกัน สร้างความเข็มแข็งของประชาชนในการดูแลสุขภาพ สุขภาพระดับพื้นที่ อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ของตนเองและครอบครวั และทำใหร้ ะบบหลกั ประกนั เพื่อนำผลการศึกษานี้มาเป็นแนวทางในการพัฒนา สุขภาพมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและยั่งยืน และ การดำเนนิ งานกองทนุ หลักประกันสขุ ภาพระดับพ้นื ที่ ทำใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทกุ ระดบั ไดม้ บี ทบาท ของอำเภอป่าพะยอมตอ่ ไป สำคัญต่อการพัฒนาสุขภาพของประชาชนมากขึ้น จึงได้มีการจัดตั้ง “กองทุนหลักประกันสุขภาพใน วัตถุประสงค์ ระดับท้องถิน่ หรอื พ้ืนที”่ ขึน้ เพราะองค์กรปกครอง เพอ่ื ศกึ ษาระดบั การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน ส่วนท้องถิ่นสามารถจะตอบสนองความต้องการหลัก ในการดำเนินงานหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ ประกันสุขภาพของชุมชนได้ดี ส่งผลให้ประชาชนเข้า อำเภอปา่ พะยอม จังหวัดพัทลุง
กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ เพอ่ื ศกึ ษาปจั จยั สนบั สนนุ กบั การมสี ว่ นรว่ ม กองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพระดบั ของประชาชนในการดำเนินงานหลักประกันสุขภาพ พน้ื ทโ่ี ดยลกั ษณะคำถามแบบRating ระดับพ้ืนที่ อำเภอปา่ พะยอม จงั หวดั พัทลงุ Scale จำนวน 5 ด้านๆ ละ 5 ขอ้ เพอ่ื ศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปจั จยั สว่ น ตอนท่ี 4 แบบสอบถามปัญหาอุปสรรค บุคคล และปัจจัยสนับสนุน กับการมีส่วนร่วมของ และขอ้ เสนอแนะ ซ่ึงเป็นคำถาม ประชาชนในการดำเนนิ งานหลกั ประกนั สขุ ภาพระดบั ปลายเปิด ผู้ตอบแบบสอบถาม พ้ืนท่ี อำเภอปา่ พะยอม จังหวดั พทั ลงุ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ อยา่ งอิสระ เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการมี ส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงานหลักประกัน การวเิ คราะหข์ ้อมูล สุขภาพระดบั พืน้ ท่ี อำเภอป่าพะยอม จงั หวดั พัทลงุ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ลักษณะข้อมูลปัจจัย 38 วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั สว่ นบุคคล ปัจจยั สนบั สนนุ และระดับการมสี ว่ นรว่ ม ว ของประชาชน โดยสถิติเชิงพรรณนา ด้วยค่าความถี่ า การศึกษาครั้งเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey ค่าร้อยละ การเปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วม และ ร Research) โดยศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชน เปรียบเทียบปัจจัยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของ ส ในการดำเนินงานหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น ประชาชน โดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบน อำเภอป่าพะยอม จงั หวดั พัทลงุ ในประชาชนทม่ี ีอายุ มาตรฐานและการหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย 15 ปี ข้นึ ไป และสามารถอา่ นออกเขยี นได้ ที่อาศยั อยู่ สว่ นบคุ คล และปจั จยั สนบั สนนุ กบั การมสี ว่ นรว่ มของ ในอำเภอปา่ พะยอมจงั หวดั พทั ลงุ กลมุ่ ตวั อยา่ งไดจ้ าก ประชาชน โดยใชส้ ถติ เิ ชงิ อนมุ าน ไดแ้ ก่ Chi - Square, การสมุ่ ตวั อยา่ งแบบชน้ั ภมู ิ โดยสมุ่ เลอื กจากทกุ ตำบล Pearson Correlation ทุกหมู่บ้าน ตามสัดส่วนของหลังคาเรือน จำนวน 396 คน ผลการศึกษา า ลักษณะปัจจัยส่วนบุคคลของประชากร ร เครือ่ งมือท่ใี ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 78.0 อายุ สุ 45-60ปีรอ้ ยละ47.5อายเุ ฉลย่ี 43.71ปี(S.D.=8.10) ข เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาครง้ั น้ี ผศู้ กึ ษาใชแ้ บบ สมรสแลว้ รอ้ ยละ 86.4 จบชน้ั ประถมศกึ ษา รอ้ ยละ ภ สอบถาม (Questionnaires) เป็นเครือ่ งมือในการเกบ็ 49.4 เป็นเกษตรกร ร้อยละ 73.2 มีรายได้ 5,001 - า รวบรวมข้อมลู โดยแบ่งแบบสอบถามเป็น 4 ตอน คือ 10,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 61.6 รายได้เฉลี่ย พ 9,830.56 บาท (S.D. = 4,663.70) ไม่มีบทบาททาง ภ ตอนที่ 1 คำถามเกย่ี วกบั ขอ้ มลู ปจั จยั สว่ น สงั คมในหมบู่ า้ น รอ้ ยละ 70.2 และใชส้ ทิ ธบิ ตั รประกนั า บุคคลของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ค 8 ขอ้ ป ร ตอนท่ี 2 คำถามเกี่ยวกับปัจจัยสนับสนุน สุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ในการรักษาพยาบาล ะ ของกลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ร้อยละ 74.7 ช ปจั จัย 3 ปจั จยั ปัจจยั ละ 10 ข้อ า ลักษณะปัจจัยสนับของประชากร พบว่า ช ตอนที่ 3 คำถามเกี่ยวกับการมีส่วนร่วม มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนหลักประกัน น ของประชาชนในการดำเนินงาน สุขภาพ ในระดับสูง ร้อยละ 48 มากที่สุด ในเรื่อง
กองสนบั สนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นสามารถ กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ พบว่าในภาพ ว พิจารณาสนับสนุนงบประมาณแก่หน่วยบริการ รวมการมีส่วนร่วมกับปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ า สุขภาพที่อยู่ในพื้นที่ เช่นโรงพยาบาล สถานีอนามัย/ อายุ อาชพี ระดับการศกึ ษารายได้ บทบาททางสังคม ร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพหรือชุมชนได้ ร้อยละ และสิทธิรกั ษาพยาบาล ไม่มคี วามสัมพนั ธ์กันที่ระดบั ส 88.4 รองลงมาในเรอ่ื ง กล่มุ แมแ่ ละเดก็ กลุ่มผสู้ ูงอายุ นยั สำคญั .05 แต่ สถานภาพสมรส มคี วามสมั พนั ธก์ นั า ร กลุ่มผู้พิการกลุ่มผู้ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงและ ดา้ นลบทร่ี ะดับนยั สำคัญ .01 สุ กลุ่มผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ ข การดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับ ลกั ษณะความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปจั จยั ปจั จยั ภ ทอ้ งถน่ิ ร้อยละ 84.8 สนับสนุน กับการมีส่วนร่วมของประชานในการ า ดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ พ ภ การรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วขอ้ มลู ขา่ วสารเกย่ี วกบั กองทนุ พบวา่ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั กองทนุ หลกั ประกนั า หลักประกันสุขภาพ อยู่ในระดับสูง ร้อยละ 55.8 สขุ ภาพระดบั พน้ื ท่ีกบั การมสี ว่ นรว่ มในการดำเนนิ งาน ค (X¯ = 2.53 ) แหลง่ ใหข้ ้อมลู ข่าวสาร คอื อาสาสมัคร กองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพระดบั พน้ื ท่ีมคี วาม สมั พนั ธ์ ป ร สาธารณสขุ ในหมบู่ ้าน (อสม.) (X¯ = 2.82) รองลงมา กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 (χ2 = ะ เจา้ หนา้ ทส่ี าธารณสขุ (X¯ = 2.81) และทศั นคตเิ กย่ี วกบั 39.074, df = 4, p = .000) ช กองทุนหลักประกันสุขภาพ อยู่ในระดับมาก ร้อยละ า 74.0(X¯=3.09)ทศั นคตใิ นระดบั มากทส่ี ดุ คอื กจิ กรรม ช ของกองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพระดบั พน้ื ทต่ี อ้ งมคี วาม การรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกองทุนหลัก น เพียงพอและครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ประกันสุขภาพระดับพื้นที่ กับการมีส่วนร่วมในการ 39 ทกุ วัย (X¯ = 3.66) รองลงมาคือ กิจกรรมของกองทุน ดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ หลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ต้องมีความต่อเนื่อง ด้านการคิดค้นหาปัญหา มีความสัมพันธ์กันอย่างมี และเป็นไปอย่างสมำ่ เสมอ (X¯ = 3.36) นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 (χ2 = 42.882, df = 6 , p = .000) ทัศนคติเกี่ยวกับกองทุนหลักประกันสุขภาพ ระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ระดบั พืน้ ที่ ในอำเภอปา่ พะยอม จังหวดั พัทลุงกับการ ดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับพื้นที่ มีส่วนร่วมในการดำเนินงานกองทุนหลักประกัน พบว่า ในภาพรวมกลุ่มประชากรมีส่วนร่วมในระดับ สุขภาพระดับพื้นที่ ด้านการวางแผนแก้ไขปัญหา มาก (X¯ = 2.96) โดยดา้ นการมีสว่ นร่วมในการรบั รู้ มีความ สัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ผลประโยชนอ์ ยใู่ นระดบั มากทส่ี ดุ (X¯=3.59)รองลงมา .001 (χ2 = 61.768, df = 6, p = .000) การมสี ว่ นรว่ มในการดำเนนิ งานแกไ้ ขปญั หา ในระดบั มาก(X¯=3.09),การมสี ว่ นรว่ มคดิ คน้ หาปญั หาในระดบั ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะขาด มาก (X¯ = 2.81) การมสี ว่ นร่วมวางแผนแกไ้ ขปัญหา ผปู้ ระสานงานสง่ ผลใหป้ ระชาชนในหมบู่ า้ นเขา้ มารว่ ม ในระดับมาก (X¯ = 2.73) และ การมีส่วนร่วมในการ จัดทำแผนน้อย และไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ประเมนิ ผล ในระดับมาก (X¯ = 2.60) ขาดการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการบริหารกองทุน ในการดำเนินการสรุป และติดตามผลคณะกรรมการ ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วน บริหารกองทนุ ขาดความเขา้ ใจในบทบาทหนา้ ที่ และ บคุ คลกบั การมสี ว่ นรว่ มของประชานในการดำเนนิ งาน ระเบยี บขอ้ กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กองทนุ ขาดประสบ-
กองสนบั สนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ การณ์ในการบริหารจัดการกองทุนให้เป็นไปตาม และการวิจัยของ ปิยะนชุ เนื้ออ่อนและคณะ (2552) อำนาจหน้าที่ และประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้จักกองทุน ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตอบสนองกองทุนหลัก หลกั ประกนั สุขภาพ ประกนั สขุ ภาพระดบั ทอ้ งถน่ิ ของคณะกรรมการบรหิ าร ระบบหลักประกันสุขภาพในจังหวัดกระบี่ พบว่า สรุป อภปิ รายผล การรบั รบู้ ทบาทของคณะกรรมการกองทนุ มผี ลตอ่ การ ตอบสนองกองทุนหลกั ประกนั สขุ ภาพระดับทอ้ งถนิ่ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนหลักประกัน สุขภาพระดับพื้นที่ ของกลุ่มประชากร อยู่ในระดับ สูง เนื่องจากมีกิจกรรมลงมาในหมู่บ้านซึ่งมาจาก ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยสนับสนุน ด้าน งบประมาณกองทนุ ตำบล และไดร้ บั คำชแ้ี จงแนวทาง ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั กองทนุ การรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสาร และกิจกรรมของกองทุนตำบล ระดับการรับรู้ข้อมูล เกี่ยวกบั กองทนุ และทศั นคตเิ กี่ยวกับกองทนุ กับการ ขา่ วขอ้ มลู ขา่ วสารเกย่ี วกบั กองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพ มีส่วนร่วมของประชาชน มีความสัมพันธ์กันอย่างมี ระดับพ้ืนท่ี อยู่ในระดับสูง เน่ืองมาจาก การให้ข้อมลู นยั สำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .001 เนอ่ื งจากการมคี วามรู้ ขา่ วสารจากอาสาสมคั รสาธารณสขุ ในหมบู่ า้ น(อสม.) และได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างสม่ำเสมอจะทำให้มี ซง่ึ มอี ยทู่ กุ หมบู่ า้ นและการลงไปใหค้ วามรแู้ กช่ าวบา้ น ทศั นคตทิ ด่ี ี สง่ ผลใหเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมของหมบู่ า้ นมากขน้ึ ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ ระดับทัศนคติ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ วรรณา ทองขาวแก้ว เกี่ยวกับกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ (2554) ศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ในระดับมาก เนื่องมากจากกิจกรรมของกองทุนหลัก ดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น 40 ประกันสุขภาพระดับพื้นที่มีความเพียงพอและ ในจังหวัดยะลา พบวา่ การรับรู้ของประชาชนเกีย่ วกับ ครอบคลมุ ประชาชนทกุ กลมุ่ ทกุ เพศทกุ วยั และมคี วาม กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นในกองทุน ว ตอ่ เนื่องและเป็นไปอย่างสมำ่ เสมอ หลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นมีความสัมพันธ์ า ร ระดบั การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนในการดำเนนิ ปานกลางกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมกองทุนหลัก ส งานกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับพื้นที่ อยู่ใน ประกนั สขุ ภาพระดบั ทอ้ งถน่ิ อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิ า ร ระดับมาก โดยเฉพาะ การรับรู้ผลประโยชน์อยู่ใน ทร่ี ะดบั p-value < 0.01 ซง่ึ ตรงกบั แนวคดิ ของ ไพรตั น์ สุ ระดับมากที่สุด เนื่องจากการกลุ่มประชากรได้รู้ถึง เตชะรินทร์ (2527) ที่ได้เสนอหลักการและแนวทาง ข ผลประโยชน์ของกองทุนที่นำมาสร้างสุขภาพให้กับ พัฒนาให้เกิดการมีส่วนร่วมคือยึดหลักความต้องการ ภ า ตนเองและครอบครัว รวมไปถึงญาติ และเพื่อนบ้าน และปัญหาของประชาชนเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรม พ ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับการมีส่วน ถ้าหากกิจกรรมที่จะนำไปให้ประชาชนเป็นเรื่องใหม่ ภ รว่ ม สถานภาพสมรส มีความสัมพันธก์ นั ในทางลบท่ี ตอ้ งใชเ้ วลาในการกระตนุ้ เรง่ เรา้ ความสนใจ ใหค้ วามรู้ า ค ระดับนัยสำคัญ .01 อาจเนื่องมากจากผู้ที่สมรสแล้ว ความเข้าใจจนประชาชน ยอมรับความจำเป็นและ ป ต้องใช้เวลาในการดูแลครอบครัวทำให้ไม่ค่อนมีเวลา ประโยชน์ในการที่จะดำเนินกิจกรรมเหล่านั้น แต่ ร ะ ให้กับกิจกรรมของหมู่บ้าน ซึ่งต่างกับผลการวิจัยของ ตา่ งกบั สาโรจน์ สมัยคำ (2549) ศกึ ษาการมีสว่ นรว่ ม ช สาโรจน์ สมัยคำ (2549) ศึกษาการมสี ว่ นร่วมในการ ในการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกของสมาชกิ า ปอ้ งกนั และควบคมุ โรคไขเ้ ลอื ดออกของสมาชกิ องคก์ าร องค์การบริหารส่วนตำบล จังหวัดเลย พบว่าการรับรู้ ช น บรหิ ารสว่ นตำบลจงั หวดั เลยพบวา่ ตำแหนง่ ในองคก์ าร ประโยชน์ในการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกไม่มี บริหารส่วนตำบลมีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วม ความสัมพันธ์กับการมีสว่ นร่วม
กองสนบั สนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ข้อเสนอแนะ มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีเฉพาะคณะกรรมการ ว ข้อเสนอแนะท่ีได้จากการศกึ ษา จนท. สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุข เป็น า 1) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ควรจัด ผูก้ ำหนดกจิ กรรม ร ประชุมกรรมการกองทุน เพื่อพัฒนาศักยภาพของ ส กรรมการในเรื่อง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุน ขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษาครั้งต่อไป า ระเบียบต่าง ๆ 1) ควรมกี ารวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ ถงึ การมสี ว่ น ร ร่วมของประชาชนในการดำเนินงานกองทุนหลัก สุ 2) ควรตั้งกรรมการติดตามการดำเนิน ประกนั สุขภาพระดบั พืน้ ที่อยา่ งลึกซ้ึง ข กิจกรรมของกองทุน เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมและ ภ ติดตามการดำเนนิ งานอยา่ งต่อเน่ือง 2) ควรมีการวิจัยถึงบทบาทของคณะกรรมการ า กองทุนหลักประกนั สขุ ภาพระดบั พนื้ ที่ กับการดำเนนิ พ 3) การดำเนนิ งานโครงการควรใหป้ ระชาชน โครงการของกองทุน... ภ า บรรณานุกรม ค ป ปิยะนุช เนื้อออ่ น และคณะ. ปจั จัยทม่ี ีผลตอ่ การตอบสนองกองทุนหลกั ประกนั สขุ ภาพระดับท้องถ่ินของคณะกรรมการบริหาร ร ระบบหลักประกนั สขุ ภาพในจังหวดั กระบ่ี. วารสารวชิ าการสาธารณสุข 18 (5) (กันยายน - ตลุ าคม 2552), 2552. ะ ช พระราชบญั ญัตหิ ลักประกันสขุ ภาพแหง่ ชาต.ิ 2554 . สบื คน้ วันที่ 27 พฤษภาคม 2557 จาก http://www.moph.go.th/ops/minister_ า 06/Office2/ ช น เพ็ญ สุขมาก. การประเมินผลโครงการระบบกองทุนสุขภาพท้องถิ่น อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง. สำนักงานสาธารณสุข 41 อำเภอปากพะยนู , 2551. ไพรตั นเ์ ตชะรนิ ทร.์ นโยบายและกลวธิ กี ารมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาปจั จบุ นั การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน ในการพัฒนากรุงเทพมหานคร : ศูนย์ศกึ ษานโยบายสาธารณสุขมหาวทิ ยาลัยมหดิ ล, 2527. วรรณา ทองขาวแกว้ . การมสี วนรว่ มของประชาชนในการดำเนนิ งานกองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพระดบั ทอ้ งถน่ิ ในจงั หวดั ยะลา. สำนกั งานสาธารณสุขจังหวัดยะลา, 2553. สาโรจน์ สมัยคำ. การมสี ่วนรว่ มในการป้องกนั และควบคุมโรคไขเ้ ลือดออกของสมาชิกองคก์ ารบริหารส่วนตำบล จงั หวัดเลย, 2549. คน้ วนั ท่ี 27 พฤษภาคม 2557 จาก http://www.thaiphc.net/journal/ สำนกั งานสาธารณสขุ จังหวัดพทั ลุง. สรุปผลการดำเนนิ งานกองทุนสขุ ภาพตำบล จงั หวัดพัทลงุ ปงี บประมาณ 2553, 2554. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอปา่ พะยอม. ผลการดำเนนิ งานกองทุนสุขภาพตำบล อำเภอปา่ พะยอมจังหวดั พทั ลงุ ปงี บประมาณ 2552, 2553. สำนักหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ. คูม่ ือหลักประกันสขุ ภาพแหง่ ชาติ ปงี บประมาณ 2557. กรงุ เทพมหานคร : หจก.อรุณการพมิ พ์, 2556.
กองสนับสนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสุขภาพ พฤติกรรมการบริโภคผลติ ภัณฑ์เสรมิ อาหาร ของนักเรยี นมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ของโรงเรียนมธั ยมศกึ ษาในจังหวัดชัยนาท Dietary Supplement Product Consumption Behavior of Secondary School Students In Chainat Province. บทคดั ย่อ กรชิ ก้อนทอง* การวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณลักษณะทางประชากร ช่องทางการรับรู้ข่าวสาร กลุ่มอ้างอิงที่มีผลต่อการตัดสินใจบริโภค ความรู้และพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ศึกษา เปรยี บเทยี บพฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารของกลมุ่ ตวั อยา่ งทม่ี เี พศ การเปน็ สมาชกิ อย.นอ้ ย และ ผลการเรยี นเฉลยี่ ที่มคี วามแตกตา่ งกนั และศึกษาความสมั พันธ์ระหวา่ งคณุ ลักษณะทางประชากรกับความรู้ และพฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร ทำการศกึ ษาในกลมุ่ ตวั อยา่ งนกั เรยี นมธั ยมศกึ ษา ตอนปลาย ของโรงเรยี นในจงั หวดั ชยั นาท จำนวน 400 คน เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ตง้ั แตเ่ ดอื นมนี าคมถงึ สงิ หาคม 2553 โดยใช้ แบบสอบถามและวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยสถติ เิ ชงิ พรรณนา ไดแ้ ก่ ความถ่ี รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน และสถิตเิ ชิงอ้างองิ ไดแ้ ก่ การทดสอบคา่ ที วิเคราะห์ความแปรปรวน และคา่ สัมประสิทธิส์ หสัมพันธ์เพียร์สัน 42 ผลการศกึ ษาพบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ รอ้ ยละ72.5เปน็ ผมู้ ผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นเฉลย่ี ว 2.01 - 3.00 ร้อยละ 47.0 เป็นสมาชิก อย.น้อย ร้อยละ 82.5 มีผู้ปกครองที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า า 10,000 บาท ร้อยละ 44.8 และส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยต่อวันน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50 บาท ร้อยละ 60.0 ร มกี ารรับรู้ข่าวสารเก่ียวกบั ผลติ ภัณฑ์เสรมิ อาหารผา่ นทางหนังสือพิมพม์ ากที่สุด ร้อยละ 98.3 รองลงมา ไดแ้ ก่ ส า วิทยุและโทรทัศน์ ร้อยละ 77.5 และ 69.5 ตามลำดับ และกลุ่มอ้างอิงที่มีผลสูงสุดต่อการตัดสินใจบริโภค ร ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารคอื พอ่ แม่รอ้ ยละ89.5กลมุ่ ตวั อยา่ งมคี วามรเู้ กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารอยใู่ นระดบั สงู สุ (มคี ะแนนตง้ั แต่ 6.67 คะแนนขนึ้ ไป) ร้อยละ 52.8 มีพฤติกรรมการบริโภคผลติ ภณั ฑ์เสริมอาหารอยู่ในระดบั ข ภ ปานกลาง รอ้ ยละ 49.0 กลมุ่ ตวั อยา่ งทเ่ี ปน็ เพศหญงิ และมผี ลการเรยี นเฉลย่ี 3.01 - 4.00 มพี ฤตกิ รรมการบรโิ ภค า ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารมากกวา่ กลมุ่ เพศชายและกลมุ่ ทม่ี ผี ลการศกึ ษาเฉลย่ี 1.00-2.00และ2.01-3.00ตามลำดบั พ อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั 0.05รายไดเ้ ฉลย่ี ตอ่ เดอื นของผปู้ กครองและความรเู้ กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร ภ า มีความสมั พนั ธท์ างบวกกบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลติ ภัณฑ์เสริมอาหาร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 ค จากผลการวจิ ัยมีขอ้ เสนอแนะวา่ ควรเนน้ การให้ความรเู้ กีย่ วกบั ผลิตภณั ฑ์เสริมอาหารให้มากขน้ึ และ ป ร ควรเลอื กใชช้ อ่ งทางสอ่ื หนงั สอื พมิ พท์ อ้ งถน่ิ และวทิ ยชุ มุ ชนในการเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารการบรโิ ภคผลติ ภณั ฑ์ ะ เสริมอาหารใหแ้ ก่นกั เรยี นมัธยมศึกษาเพอ่ื สรา้ งใหเ้ กิดความรู้ ความตระหนัก และสามารถบรโิ ภคผลิตภัณฑ์ ช เสรมิ อาหารได้อยา่ งถกู ตอ้ งตอ่ ไป า ช คำสำคัญ : นกั เรยี นระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย, ผลิตภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร, พฤตกิ รรมการบรโิ ภค น * เภสชั กรชำนาญการ กลุ่มงานคมุ้ ครองผ้บู รโิ ภคและเภสัชสาธารณสุข สำนกั งานสาธารณสุขจงั หวดั ชยั นาท
กองสนบั สนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนนุ บริการสขุ ภาพ Abstract ว า This survey research was then aimed to study about the channel of perceiving information ร about the dietary supplement products, the referred groups affecting their decisions to consume ส such products, their knowledge on such products, and their behavior on consuming such products. า The other objectives were to compare their consumption behavior on the dietary supplement ร products to gender, status of being young FDA member, average grade on education; and to study สุ the relationship between such consumption behavior and several factors (their knowledge on ข consuming the dietary supplement products, their average income, and the average income of their ภ parents). The samples were 400 secondary school student in Chainat provinces. They were randomly า selected and the questionnaires were used to collect the data from March to August, 2010. พ The descriptive statistics (frequency, percentage, mean, S.D.) and the inference statistics ภ (Independent t-test, ANOVA, and Pearson’s correlation coefficient); were rendered to analyze า the data in this study. ค ป The results revealed that 72.5% of the samples were female, 53.1% of the samples were studying ร at secondary school level 47.0% of the samples got average grade point between 2.01 - 3.00, ะ 82.5 % of them were member of Young FDA, most consumers perceived the information of dietary ช า ช น supplement products from newspapers and their decisions to buy such products were most 43 affected by their parents. The samples’ knowledge on such products was found to be at high level and their proper consumption behaviors were found to be at medium level. Furthermore, it was found that women had proper consumption behavior on dietary supplement products more than men, as respectively (p-value < 0.05). The study also showed low positive relationship between the average monthly income of their parents, their average daily earning, and their knowledge about such products with the samples’ proper consumption behavior. The study suggested that the education should be emphasized on dietary supplement product consumption. The channel for information dissemination by local newspaper and community radio should be suitable to the target groups. They could be the guidelines for related personnel in developing strategies to decrease the improper students’ behavior on dietary supplement product consumption. Keyword : Secondary School Student, Dietary Supplement Product, Consumption Behavior บทนำ เศรษฐกิจ ทำให้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ ปัจจุบันวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์เปลี่ยน เปลย่ี นแปลงไปเปน็ สงั คมสมยั ใหม่ ชวี ติ ความเปน็ อยมู่ ี แปลงไปมคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ในดา้ นตา่ งๆมากขน้ึ ไมว่ า่ ความเรง่ รบี การสรา้ งสขุ ภาพทด่ี กี ารรบั ประทานอาหาร จะเป็นด้านเทคโนโลยี สังคม หรอื การพัฒนาทางดา้ น ที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการ และการออกกำลังกาย
กองสนบั สนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบรกิ ารสขุ ภาพ อย่างเหมาะสม ถูกมองข้ามไป ประกอบกับปัจจัย ผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, สนับสนนุ อืน่ ไมว่ ่าจะเปน็ ปัญหามลภาวะเปน็ พิษทาง 2550) ซ่งึ ความจรงิ แล้วผลติ ภัณฑ์เสรมิ อาหารยังไม่มี นำ้ ทางอากาศ ทำใหเ้ กดิ การศกึ ษาคน้ ควา้ วธิ กี ารตอ่ สู้ ความจำเป็นสำหรับวยั รุน่ แตอ่ ยา่ งใด ท้ังน้ี หากวัยรนุ่ กับโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ และเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาว รับประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมูใ่ นปริมาณทีเ่ พยี งพอ ทำให้เกิดการตื่นตัวหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น กจ็ ะทำใหไ้ ดร้ บั สารอาหารทจ่ี ำเปน็ ครบถว้ นแลว้ อกี ทง้ั โดยเฉพาะความเจริญทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ยังเปน็ การประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ส่งผลทำให้ผู้บริโภครับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและ กลมุ่ งานคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคและเภสชั สาธารณสขุ บริการได้รวดเร็วกว่าในอดีต ตลอดจนมีแหล่งหาซื้อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยนาท มีบทบาท สินคา้ ไดห้ ลายช่องทาง อาทิ รา้ นคา้ อินเทอร์เนต็ หรอื หนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบทส่ี ำคญั ประการหนง่ึ คอื สง่ เสรมิ แม้แต่ผ่านช่องทางการขายตรง ทำให้ง่ายต่อการ และพัฒนาศักยภาพผู้บริโภคให้มีศักยภาพในการ แสวงหาสนิ คา้ ทค่ี ดิ วา่ สามารถตอบสนองความตอ้ งการ เลอื กบรโิ ภคผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพ บรกิ ารสขุ ภาพทถ่ี กู ตอ้ ง ของตนเองได้ ซง่ึ ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารนบั เปน็ หนง่ึ ใน ปลอดภยั คมุ้ คา่ สมประโยชน์ และพฒั นาและสง่ เสรมิ ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผู้บริโภคหาซื้อได้ง่าย และได้รับ การดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคและการนำศักยภาพ ความนยิ มจากผบู้ รโิ ภคทเ่ี ชอ่ื วา่ ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร ของสมาชิก อย. น้อย มาใช้ให้เกิดประโยชน์และมี ชว่ ยใหส้ ขุ ภาพดี ชว่ ยรกั ษาโรค ชว่ ยใหร้ า่ งกายสมสว่ น ส่วนร่วมในงานคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงเพิ่มบทบาท ผวิ พรรณสวยงามข้นึ และกลุ่มทวี่ ติ กกงั วลว่ารา่ งกาย ในการตรวจสอบและเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพและ จะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนหรือกลัวเกิดโรคภัย โฆษณาที่โอ้อวดเกินจริง ได้พิจารณาเห็นว่า ปัจจุบัน 44 ไข้เจ็บ การที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริม เด็กและวัยรุ่นมีพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริม ว อาหารชนิดใดนั้น ส่วนมากมักขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ อาหารกันอย่างกว้างขวาง (พันธ์ทิพย์ สิทธิปัญญา, า ผบู้ รโิ ภคไดร้ บั ทราบจากสอ่ื โฆษณาและบคุ คลรอบขา้ ง 2553) จึงสนใจที่จะศึกษาพฤติกรรมการบริโภค ร โดยอาจจะไมไ่ ดศ้ กึ ษาขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ งกอ่ นตดั สนิ ใจซอ้ื ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่มนักเรียนที่กำลังศึกษา ส หรือบรโิ ภค จึงทำให้ตกเป็นเหยือ่ ของการโฆษณาโดย อยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายของโรงเรียน า ไมร่ ตู้ วั โดยเฉพาะวยั รนุ่ ทจ่ี ดั เปน็ กลมุ่ เปา้ หมายทส่ี ำคญั มัธยมศึกษาในจังหวัดชัยนาทและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ร ของตลาดผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารในปจั จบุ นั (กองพฒั นา เพอ่ื เปน็ ขอ้ มลู พน้ื ฐานในการประเมนิ สถานการณก์ าร สุ ศกั ยภาพผบู้ รโิ ภคสำนกั งานคณะกรรมการอาหารและ บรโิ ภคผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารในจงั หวดั ชยั นาท อนั จะ ข ยา, 2546) ดว้ ยเหตนุ ี้ ผ้ปู ระกอบธรุ กจิ สว่ นใหญ่จงึ ม่งุ นำไปสกู่ ารหาแนวทางปอ้ งกนั และแกป้ ญั หาการบรโิ ภค ภ ตอบสนองความต้องการของวัยรุ่นเป็นหลัก เพราะ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างไม่สมเหตุสมผล อีกทั้ง า เป็นวัยที่ต้องการเป็นศูนย์กลางของความสนใจจาก เพื่อกำหนดแผนประชาสมั พนั ธค์ วามรู้และพฤติกรรม พ ผอู้ น่ื มคี วามสนใจตนเองสงู และอาจหลงเชอ่ื คำโฆษณา ที่ถูกต้องในการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพแก่นักเรียน ภ ที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริงได้ง่าย ซึ่งส่วนมากจะให้ ซง่ึ เปน็ สว่ นหนง่ึ ในการพฒั นาศกั ยภาพผบู้ รโิ ภคและกา า ความสนใจสงู ในส่ิงทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ความงาม เชน่ การ รพฒั นางานคุ้มครองผ้บู ริโภคในจงั หวัดชยั นาทตอ่ ไป ค ลดความอ้วน การบำรงุ ผวิ พรรณ ฯลฯ หรือ ความคาด ป ร ะ ช า ช หวงั เพอ่ื การบำรงุ สมอง ดงั นน้ั จงึ มคี วามพยายามทจ่ี ะ วตั ถปุ ระสงค์ น โฆษณาคุณสมบัติต่างๆ เพื่อให้สินค้าดูน่าทดลองใช้ เพอ่ื ศกึ ษาคณุ ลกั ษณะทางประชากรชอ่ งทาง และเหมาะสมกับราคาที่แพง (กองพัฒนาศักยภาพ การรับรู้ข้อมูลข่าวสารและกลุ่มอ้างอิงที่มีผลต่อการ
กองสนบั สนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บริการสขุ ภาพ ตัดสินใจบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของนักเรียน random sampling) เคร่อื งมือทีใ่ ชใ้ นการเก็บรวบรวม ว มัธยมศึกษาตอนปลาย ข้อมูล เป็นแบบสอบถามที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นจากการ า เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริม ทบทวนแนวคิด ทฤษฎีและรายงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ร อาหารและพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริม โดยผา่ นการตรวจสอบคณุ ภาพจากผเู้ ชย่ี วชาญจำนวน ส อาหารของนักเรยี นมัธยมศึกษาตอนปลาย 3 ทา่ น ได้ค่าสัมประสทิ ธิแ์ อลฟา (alpha coefficient) า เพอ่ื เปรยี บเทยี บพฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลติ - เท่ากับ 0.83 และเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือน ร ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารของนกั เรยี นมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มนี าคมถงึ สงิ หาคม 2553 วเิ คราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยสถติ เิ ชงิ สุ ข ที่มีเพศ การเป็นสมาชิก อย.น้อย และผลการเรียน พรรณนา ไดแ้ ก่ ความถ่ี รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี สว่ นเบย่ี งเบน ภ เฉล่ียที่มีความแตกต่างกัน มาตรฐานและสถิติเชิงอ้างอิงได้แก่ การทดสอบค่าที า เพอ่ื ศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรายไดเ้ ฉลย่ี การวิเคราะห์ความแปรปรวน และค่าสัมประสิทธิ์ พ ตอ่ เดอื นของผปู้ กครอง รายไดเ้ ฉลย่ี ตอ่ วนั ของนกั เรยี น สหสัมพนั ธข์ องเพียรส์ ัน ภ และความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกับพฤติ- า กรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของนักเรียน ค มัธยมศึกษาตอนปลาย กรอบแนวคิดท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั ป ร วธิ ีดำเนินการวจิ ยั จากการทบทวนแนวคดิ ทฤษฎีและรายงานวจิ ยั ะ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง พบวา่ ปจั จยั ทม่ี คี วามสมั พนั ธแ์ ละมผี ลตอ่ ช การศึกษาครั้งนี้ ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจ พฤติกรรมการเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร า (Survey research) ทำการศึกษาในกลุ่มประชากร นั้นมาจากหลายปัจจัย คือ ปัจจัยคุณลักษณะทาง ช น นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนมัธยม ประชากร ช่องทางการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริม 45 ศึกษาในจังหวัดชัยนาท กำหนดขนาดตัวอย่างใช้ อาหาร กลมุ่ อา้ งองิ ทม่ี สี ว่ นชว่ ยในการตดั สนิ ใจบรโิ ภค ตารางการกำหนดขนาดตวั อยา่ งของR.V.Krejcieและ ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร และความรเู้ กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ D.W. Morgan ไดก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งจำนวน 400 คน แลว้ ทำ เสริมอาหาร ผวู้ ิจยั ไดก้ ำหนดกรอบแนวคิดทใี่ ชใ้ นการ การสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multistage วจิ ัยคร้งั น้ี ดงั แสดงในภาพที่ 1 ดังน้ี ตวั แปรอสิ ระ ตัวแปรตาม คุณลกั ษณะทางประชากร ช่องทางการรับรูเ้ กย่ี วกับ พฤตกิ รรมการบรโิ ภค ผลิตภณั ฑ์เสริมอาหาร ผลติ ภัณฑเ์ สรมิ อาหาร กลุ่มอ้างอิงทีม่ ีสว่ นช่วยในการตัดสนิ ใจบริโภค ผลติ ภณั ฑ์เสรมิ อาหาร ความรเู้ กย่ี วกบั การบริโภคผลติ ภัณฑเ์ สรมิ อาหาร ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ทใ่ี ชใ้ นการวิจยั
กองสนบั สนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ ผลการศกึ ษา ผวู้ ิจัยขอนำเสนอผลการศกึ ษาตามวตั ถุประสงค์ของการวิจัย ดงั นี้ คณุ ลกั ษณะทางประชากร ผลการศกึ ษา พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ จำนวน 290 คน รอ้ ยละ 72.5 เปน็ ผมู้ ผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นเฉลย่ี 3.01-4.00 จำนวน 184 คน รอ้ ยละ 46.0 เปน็ สมาชกิ อย.นอ้ ย จำนวน 330 คน รอ้ ยละ 82.5 มผี ู้ปกครองทม่ี ีรายไดเ้ ฉล่ียต่อเดือนมากกวา่ 10,000 บาท ร้อยละ 44.8 และ กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญม่ ีรายได้เฉลยี่ ตอ่ วันน้อยกวา่ หรือเท่ากับ 50 บาท ร้อยละ 60.0 ช่องทางการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลการศึกษาช่องทางการรับรู้ข่าวสาร เกี่ยวกบั ผลติ ภณั ฑ์เสรมิ อาหาร มีดังน้ี ตารางท่ี 1 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง จำแนกตามช่องทางการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เสรมิ อาหาร ชอ่ งทางการรบั รขู้ ่าวสารเกยี่ วกับผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร จำนวน (คน) รอ้ ยละ 1. โทรทศั น์ 278 69.5 2. หนงั สอื พมิ พ์ 393 98.3 3. วิทยุ 310 77.5 4. วารสารสุขภาพ 202 50.5 5. ตัวแทนจำหนา่ ย 161 40.3 6. เอกสารโฆษณาของบรษิ ัทผ้ผู ลิต 97 24.3 46 7. บุคลากรทางการแพทย์ 161 40.3 ว จากตารางที่ 1 พบว่า กลุ่มตัวอย่างรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผ่านช่องทาง า หนงั สอื พมิ พ์มากที่สุด รอ้ ยละ 98.3 รองลงมาคอื วทิ ยแุ ละโทรทัศน์ รอ้ ยละ 77.5 และ 69.5 ตามลำดบั ร ส า กลมุ่ อา้ งองิ ทม่ี ีผลตอ่ การตดั สินใจบรโิ ภคผลิตภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร ร ผลการศกึ ษากลุ่มอ้างอิงที่มผี ลต่อการตัดสนิ ใจบริโภคผลิตภัณฑเ์ สรมิ อาหาร มีดงั น้ี สุ ข ตารางท่ี 2 กลุ่มอา้ งองิ ที่มผี ลตอ่ การตัดสนิ ใจของกลุ่มตัวอย่างในการบริโภคผลิตภณั ฑ์เสรมิ อาหาร ภ า กลุ่มอา้ งอิงทม่ี ผี ลต่อการตดั สนิ ใจบริโภคผลิตภณั ฑเ์ สริมอาหาร จำนวน (คน) รอ้ ยละ พ 1. พอ่ แม่ 358 89.5 ภ 2. เพ่อื นรว่ มช้นั เรียน 209 52.3 า 3. ญาตพิ ่ีน้อง 83 20.8 ค 4. ผู้ท่ีมีประสบการณใ์ นการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ 199 49.8 ป ร 5. บุคลากรทางสาธารณสขุ 103 25.8 ะ 6. เพอื่ นบา้ น 82 20.5 ช 7. ตัวแทนจำหน่าย 138 34.5 า ช จากตารางที่ 2 พบวา่ กลมุ่ อ้างองิ ท่มี ีผลต่อการตดั สนิ ใจของกล่มุ ตัวอยา่ งในการบรโิ ภคผลิตภณั ฑ์ น เสริมอาหารมากที่สุด ได้แก่ พ่อแม่ ร้อยละ 89.5 รองลงมาได้แก่ เพื่อนร่วมชั้นเรียนและผู้ที่มีประสบการณ์ ในการใชผ้ ลิตภัณฑ์ ร้อยละ 52.3 และ 49.8 ตามลำดบั
กองสนับสนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบริการสขุ ภาพ ความร้เู กยี่ วกบั ผลิตภัณฑเ์ สรมิ อาหาร ว 4.1 ความรเู้ กย่ี วกับผลิตภณั ฑ์เสรมิ อาหารของกลุ่มตัวอย่างในภาพรวม า ร ตารางท่ี 3 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง จำแนกตามระดับความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ส เสริมอาหารในภาพรวม า ร ความรู้เกีย่ วกับผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารในภาพรวม จำนวน รอ้ ยละ สุ • ระดับสูง (6.67 - 10.0 คะแนน) ข • ระดบั ปานกลาง (3.34 - 6.66 คะแนน) 211 52.8 ภ • ระดบั ต่ำ (0 - 3.33 คะแนน) 149 37.3 า 40 10.0 พ ภ X¯ = 6.34, S.D. = 2.229, Min = 0, Max = 13 า ค จากตารางที่ 3 พบว่า ในภาพรวม กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญม่ คี วามรู้เก่ียวกับผลิตภัณฑเ์ สรมิ อาหาร ป ในระดับสงู รอ้ ยละ 52.8 รองลงมาไดแ้ ก่ ระดับปานกลางและระดับต่ำ รอ้ ยละ 37.3 และ 10.0 ตามลำดับ ร มคี ่าเฉล่ียเทา่ กบั 6.34 ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน เทา่ กับ 2.229 ค่าต่ำสุดเทา่ กับ 0 คะแนน และคา่ สงู สุด เท่ากับ ะ 13 คะแนน ช า 4.2 ความรู้เกย่ี วกับผลิตภณั ฑเ์ สริมอาหารรายข้อ ช น ตารางที่ 4 จำนวนและรอ้ ยละของกลมุ่ ตวั อยา่ งจำแนกตามความรทู้ ถ่ี กู ตอ้ งเกย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร 47 รายข้อ ความรเู้ กี่ยวกับผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร ตอบได้ถูกต้อง จำนวน รอ้ ยละ 1. ผลติ ภณั ฑ์เสริมอาหารถือเป็นยา 196 49.0 2. ผลิตภณั ฑ์เสรมิ อาหารมีจดุ มุ่งหมายสำหรับผทู้ ี่มรี ่างกายไม่แขง็ แรง 189 47.3 3. การบรโิ ภคผลติ ภัณฑเ์ สริมอาหารเปน็ ส่ิงจำเปน็ ท่ีจะช่วยทำใหส้ ขุ ภาพดขี ึน้ 152 38.0 4. การบริโภคผลติ ภัณฑเ์ สรมิ อาหารในปรมิ าณมากๆ ทกุ วันส่งผลดีต่อรา่ งกาย 255 63.8 5. ผลิตภัณฑ์เสรมิ อาหารใชร้ บั ประทานแทนอาหารหลักได้ 326 81.5 6. ไมค่ วรบริโภคผลิตภณั ฑเ์ สริมอาหารเพยี งชนดิ เดียวในปรมิ าณมากๆ 326 81.5 7. ผู้รับประทานอาหารหลากหลายเปน็ ประจำไม่จำเป็นต้องบรโิ ภคผลิตภณั ฑ์ 243 60.8 252 63.0 เสริมอาหาร 271 67.8 8. ผลติ ภณั ฑ์เสริมอาหารแต่ละยห่ี อ้ ใหป้ ระโยชนต์ ่อร่างกายเทา่ กนั 318 79.5 9. ผลติ ภัณฑ์เสริมอาหารยิง่ มีราคาแพง ยง่ิ มคี ุณภาพสงู ควรเลือกมาบริโภค 10. ผลิตภัณฑเ์ สรมิ อาหารที่มคี ุณภาพและไดม้ าตรฐาน คือ ผลิตภณั ฑ์ เสริมอาหารทไ่ี ดร้ ับการอนุญาตจาก อย. อย่างถูกตอ้ ง จากตารางที่ 4 เมื่อจำแนกความรู้ของกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็น รายข้อ พบวา่ ข้อความรูท้ ีม่ ีผู้ตอบถูกต้องมากท่ีสดุ 3 อนั ดับแรก คอื “ผลิตภณั ฑเ์ สริมอาหารใชร้ ับประทานแทน อาหารหลักได้” และ “ไมค่ วรบรโิ ภคผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารเพยี งชนดิ เดียวในปรมิ าณมากๆ” ในอัตรา ที่เท่ากันคือ ร้อยละ 81.5 รองลงมาคือ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานต้องได้รับ อนญุ าตจาก อย.” รอ้ ยละ 79.5
กองสนบั สนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนบั สนุนบริการสุขภาพ พฤตกิ รรมการบริโภคผลติ ภณั ฑ์เสริมอาหาร 5.1 พฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลิตภณั ฑเ์ สริมอาหารในภาพรวม ตารางท่ี 5 จำนวนและรอ้ ยละกลมุ่ ตวั อยา่ งจำแนกตามระดับพฤตกิ รรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในภาพรวม พฤติกรรมการบริโภคผลติ ภัณฑ์เสริมอาหารในภาพรวม จำนวน รอ้ ยละ • ระดบั สงู (33-40 คะแนน) 16 4.0 • ระดบั ปานกลาง (25-32 คะแนน) 196 49.0 • ระดบั ตำ่ (0-24 คะแนน) 188 47.0 X¯ = 24.70, SD = 5.09, Min = 0, Max = 40 จากตารางที่ 5 พบว่า ในภาพรวม กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการบริโภคผลิตภณั ฑ์เสริม อาหารในระดับปานกลาง จำนวน 196 คน (ร้อยละ 49.0) รองลงมาไดแ้ ก่ ระดบั ตำ่ และระดบั สงู รอ้ ยละ 47.0 และ 4.0 ตามลำดับ มีคา่ เฉลีย่ เทา่ กบั 24.70 สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน เทา่ กับ 5.09 ค่าต่ำสดุ เท่ากับ 0 คะแนน และคา่ สูงสุด เท่ากบั 40 คะแนน 5.2 พฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลิตภัณฑเ์ สรมิ อาหารรายข้อ ตารางท่ี 6 จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง จำแนกตามพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 48 รายข้อ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลติ ภณั ฑ์เสรมิ อาหาร SD ระดับ ว X¯ า 1. ก่อนที่จะบรโิ ภคผลติ ภณั ฑ์เสริมอาหารบำรงุ ร่างกาย จะตรวจข้อมูลสว่ นประกอบ 1.09 1.242 ตำ่ ร ขนาดท่ีแนะนำใหใ้ ช้ วนั เดือนปีทผ่ี ลติ และหมดอายุและคำเตือนหรือคำแนะนำ ส ที่ระบไุ ว้บนฉลากเสมอ 1.250 สูง า 2. ทา่ นบรโิ ภคผลติ ภัณฑเ์ สรมิ อาหารบำรงุ รา่ งกาย ตามคำโฆษณา เมอื่ เหน็ ว่า 2.98 0.990 สูง ร 1.137 ปานกลาง สุ โฆษณาน่าเชื่อถอื ข 3. ท่านรบั ประทานอาหารที่มปี ระโยชน์และออกกำลังกายอยา่ งสมำ่ เสมอ แทน 2.94 1.164 ปานกลาง ภ การบริโภคผลิตภัณฑบ์ ำรุงรา่ งกาย 2.22 1.266 ปานกลาง า 1.406 สูง พ 4. กอ่ นทีจ่ ะบรโิ ภคผลติ ภณั ฑ์เสริมอาหารบำรงุ ผวิ พรรณ จะตรวจข้อมูลทบ่ี อก ภ สว่ นประกอบ ขนาดท่แี นะนำให้ใช้ วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ คำเตอื นหรือ า คำแนะนำท่ีระบุไว้บนฉลาก เสมอ 2.41 ค 5. ท่านบริโภคผลติ ภณั ฑ์เสรมิ อาหารบำรุงผวิ พรรณ ตามคำโฆษณา เมอ่ื เหน็ ว่า ป ร โฆษณานา่ เชือ่ ถอื ะ 6. ท่านรบั ประทานอาหารที่มปี ระโยชน์และออกกำลงั กายอยา่ งสม่ำเสมอ แทน 1.72 ช า การบริโภคผลิตภัณฑ์บำรงุ ผิวพรรณ ช 7. กอ่ นท่จี ะบริโภคผลิตภัณฑเ์ สริมอาหารลดน้ำหนกั จะตรวจขอ้ มูลทบี่ อก 2.93 น สว่ นประกอบ ขนาดทแี่ นะนำใหใ้ ช้ วนั เดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ คำเตอื นหรอื คำแนะนำที่ระบุไวบ้ นฉลาก เสมอ
กองสนบั สนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสขุ ภาพ พฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสรมิ อาหาร X¯ SD ระดับ ว 2.87 า 8. ทา่ นบรโิ ภคผลิตภณั ฑเ์ สริมอาหารลดนำ้ หนกั ตามคำโฆษณา เมอื่ เห็นวา่ 2.92 1.380 สงู ร โฆษณาน่าเช่อื ถือ 2.64 1.299 สูง ส 1.177 ปานกลาง า 9. ทา่ นรบั ประทานอาหารทม่ี ปี ระโยชนแ์ ละออกกำลังกายอยา่ งสม่ำเสมอ แทน ร การบริโภคผลิตภัณฑล์ ดน้ำหนกั สุ ข 10. กอ่ นที่จะบริโภคผลติ ภัณฑ์เสริมอาหารต้านอนุมลู อสิ ระจะตรวจข้อมลู ท่บี อก ภ สว่ นประกอบ ขนาดท่ีแนะนำให้ใช้ วนั เดอื นปีที่ผลิตและหมดอายุ คำเตือนหรอื า คำแนะนำทร่ี ะบไุ วบ้ นฉลากเสมอ พ ภ จากตารางที่ 6 เมื่อจำแนกพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของกลุ่มตัวอย่างเป็น า รายขอ้ พบวา่ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารทม่ี คี า่ เฉลย่ี สงู สดุ 3 อนั ดบั แรก คอื “ทา่ นรบั ประทาน ค อาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แทนการบริโภคผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกาย” ป มีคา่ เฉลีย่ เท่ากับ 2.94 รองลงมาคือ “กอ่ นทจี่ ะบรโิ ภคผลิตภณั ฑ์เสรมิ อาหารลดน้ำหนัก จะตรวจข้อมูล ร ที่บอกส่วนประกอบ ขนาดที่แนะนำให้ใช้ วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ คำเตือนหรือคำแนะนำ ะ ทร่ี ะบไุ วบ้ นฉลากเสมอ” และ “ทา่ นรบั ประทานอาหารทม่ี ปี ระโยชนแ์ ละออกกำลงั กายอยา่ งสมำ่ เสมอ ช แทนการบริโภคผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.93 และ 2.92 ตามลำดับ ส่วนพฤติกรรม า การบริโภคผลติ ภัณฑ์เสริมอาหารทีม่ คี ่าเฉลี่ยนอ้ ยที่สดุ 3 อนั ดับแรก คอื “กอ่ นท่ีจะบรโิ ภคผลิตภัณฑ์เสรมิ ช น อาหารบำรุงร่างกาย จะตรวจข้อมูลส่วนประกอบ ขนาดที่แนะนำให้ใช้ วันเดือนปีที่ผลิตและหมด อายุและคำเตือนหรือคำแนะนำที่ระบุไว้บนฉลากเสมอ” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.09 รองลงมาคือ “ท่าน 49 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แทนการบริโภคผลิตภัณฑ์บำรุง ผวิ พรรณ” และ“กอ่ นทจ่ี ะบรโิ ภคผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารบำรงุ ผวิ พรรณ จะตรวจขอ้ มลู ทบ่ี อกสว่ นประกอบ ขนาดที่แนะนำให้ใช้ วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุคำเตือนหรือคำแนะนำที่ระบุไว้บนฉลากเสมอ” มีคา่ เฉล่ยี เท่ากับ 1.72 และ 2.22 ตามลำดับ เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของคา่ คะแนนเฉลย่ี พฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารจำแนก ตามเพศ การเปน็ สมาชิก อย.น้อย และผลการศึกษาเฉล่ยี ของนกั เรียน ดังแสดงในตารางท่ี 7 ตารางท่ี 7 ผลการทดสอบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จำแนกตามเพศและการเปน็ สมาชิก อย.นอ้ ย คณุ ลกั ษณะทางประชากร พฤติกรรมการบรโิ ภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จำนวน คะแนนเฉลี่ย S.D. t p-value 1. เพศ 110 1.44 .568 -2.708 .007* • ชาย 290 1.62 .566 • หญงิ 330 1.591 .583 -1.594 .112 70 1.471 .503 2. การเป็นสมาชกิ อย.น้อย • เปน็ • ไมเ่ ปน็ *p < 0.05
Search