แผนการจัดการเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 1 หน่วยที่ 1 สอนคร้ังท่ี 1 (1-2) รหสั วิชา 20000-1401 คณิตศาสตร์พนื้ ฐานอาชีพ 2-0-2 ชอื่ หน่วย/เรือ่ ง สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว จำนวน 2 ช.ม. แนวคดิ 1.สมการเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงถึงการเท่ากัน โดยใช้เคร่อื งหมาย “=” แทน “การเทา่ กนั ” 2.สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดียว เป็นสมการที่มีตัวแปรหนึง่ ตัว และเลขชี้กำลังของตัวแปรเป็นหนึ่งกำหนด อยู่ในรูป ax + b = 0 เมื่อ a และ b แทนค่าคงตวั โดย a ≠ 0 และ x เปน็ ตวั แปร 3.สมบัติการเท่ากันของจำนวน ไดแ้ ก่ สมบัตกิ ารสมมาตร สมบตั ิการบวก สมบัติการคูณ สมบัติการแจก แจงและสมบัตกิ ารถา่ ยทอด 4.การแกโ้ จทยส์ มการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว ดำเนินการโดยพิจารณาสิง่ ทีเ่ ปน็ คำถาม สิ่งทเ่ี ป็นโจทย์ กำหนด หาแนวทางในการแก้ปัญหา โดยสร้างสมการตามเงื่อนไขของโจทย์ ดำเนินการแก้สมการ และควรมี การตรวจสอบคาํ ตอบ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.อธิบายความหมายสมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี วได้ 2.แกส้ มการเชิงเส้นตัวแปรเดียวโดยใชส้ มบตั ิการเท่ากนั ได้ 3.มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สำเร็จการศึกษา สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ที่ครูสามารถสังเกตได้ขณะทำการสอนในเร่อื ง 3.1 ความมีมนษุ ยสัมพันธ์ 3.6 การประหยัด 3.2 ความมีวินยั 3.7 ความสนใจใฝ่รู้ 3.3 ความรับผิดชอบ 3.8 การละเวน้ ส่ิงเสพตดิ และการพนัน 3.4 ความซอื่ สตั ยส์ จุ ริต 3.9 ความรักสามัคคี 3.5 ความเชือ่ ม่ันในตนเอง 3.10 ความกตัญญูกตเวที สมรรถนะรายวิชา 1.ประยุกต์ความรู้เกี่ยวกับสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ไปใช้ใน สถานการณ์หรือปญั หาท่กี ำหนด 2.สร้างตารางแจกแจงความถี่ กราฟหรือแผนภูมิ และตีความหมาย หรือวิเคราะห์ข้อมูลจากตาราง กราฟ หรือแผนภมู ิ 3.เลือกใช้คา่ เฉล่ยี เลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยมใหเ้ หมาะสม กบั ข้อมลู 4.วัดตำแหน่งทข่ี องขอ้ มูลโดยใชเ้ ปอร์เซน็ ไทล์ 5.วัดการกระจายของข้อมูลโดยใช้พิสัย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์ของพิสัย และสัมประสิทธิ์ ของการแปรผนั สมรรถนะรายหน่วย หาคาํ ตอบของสมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี วจากสถานการณ์หรือปญั หาท่ีกาํ หนด
สาระการเรยี นรู้ 1.ความหมายของสมการ 2.สมการเชิงเส้นตวั แปรเดียว 3.สมบตั ขิ องการเท่ากัน กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นำเขา้ ส่บู ทเรียน 1. ผู้เรียนรับฟังจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา ตามหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แนวทางวัดผลและการประเมินผลการ เรียนรู้ พรอ้ มทง้ั ซักถามและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การเรียน 2. ครูกล่าวถึงสมการ (Equation) เป็นประโยคสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการเท่ากันของจํานวน โดยใช้ เครื่องหมายเท่ากับ “=” แทน “การเท่ากัน” เช่น 7 + 2 = 9 เป็นจริง 6 – 3 = 4 เป็นเท็จ 2 x – 5 = 3 ไม่ สามารถระบไุ ดว้ ่าเป็นจริงหรือเท็จเพราะขน้ึ อยู่กบั ค่าของ x ขน้ั สอน 4.ครูใช้เทคนิควิธีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็น วิธีสอนที่นำอุปกรณ์โสตทัศน์วัสดุมาช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โสตทัศน์วัสดุดังกล่าว ได้แก่ VDO และ Power Point เพื่อแสดงให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ความหมายของสมการ ตัวแปร (Variable) สัมประสิทธิ์ของ ตวั แปร และคําตอบของสมการ ดังนั้น การแก้สมการ เป็นการหาค่าของตัวแปรที่ทําให้สมการเป็นจริง โดยทั่วไปนิยมใช้สมบัติ การเท่ากันมาใชใ้ นการแกส้ มการ การแก้สมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียวจะมีเพยี งคาํ ตอบเดยี วหรอื บางสมการอาจไมม่ ีคําตอบ การแก้สมการในแตล่ ะครัง้ ควรทําการตรวจสอบคาํ ตอบทุกครง้ั 5.ครูและผู้เรียนอธิบาย และสาธิตสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดยใช้ PowerPoint เป็นส่ือ ประกอบการเรียนการสอน โดยสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว (Linear Equation) หมายถึง สมการที่มีตัวแปร หน่งึ ตวั และ เลขชี้กําลังของตัวแปรเป็นหน่ึง รูปทั่วไปของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวที่มี x เป็นตัวแปร คือ ax + b = 0 เมื่อ a, b เป็น ค่าคงตัว โดยท่ี a ≠ 0 เช่น 3x + 4 = 0 6.ครูและผู้เรียนอธิบาย และสาธิตสมบัติของการเท่ากัน โดยใช้ PowerPoint เป็นสื่อประกอบการ เรยี นก ซึ่ง สมบตั ิของการเทา่ กนั แบ่งเปน็ 6.1 สมบตั ิการสมมาตร (Symmetric Property) 6.2 สมบตั ิการบวก (Additive Property) 6.3 สมบตั กิ ารคูณ (Multiplicative Property) 6.4 สมบตั กิ ารแจกแจง (Distributive Property) 6.5 สมบัตกิ ารถา่ ยทอด (Transitive Property) 7.ผู้เรียนฝึกทักษะโดยบอกว่าข้อใดเป็นสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว และไม่เป็นสมการเชิงเส้นตัวแปร เดยี ว โดยกำหนดโจทยม์ าให้
8.ผู้เรียนการำสมบตักิารเทา่ กันไปใชใ้ นการแก้สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดียว การนำสมบัติการเทา่ กันไั ป ใชใ้ นการแก้สมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี ว จงแก้สมการ 7x – 3 = 32 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ถ้ามีตัวแปรอยู่ทั้งสองข้างของสมการ ให้ใช้สมบัติการบวก จัดสมการให้อยู่ ในรูปอย่างงา่ ย เพื่อให้พจนท์ ่ีมีตัวแปรอยู่คนละด้านกับพจนท์ ี่ไม่มีตัวแปรในสมการ 9.ผเู้ รยี นฝึกทักษะแกส้ มการ ดังตอ่ ไปนี้ 1 3x + 20 = 5 2 4(x – 3) = – 20 3 7x – 3 = 4x + 21 4 4(2x – 1) = 2(x + 1) 10. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับเงื่อนไขตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ในการตัดสินใจและการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยู่ในระดบั พอเพยี งน้นั ตอ้ งอาศยั ทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็นพ้นื ฐาน กล่าวคือ (1) เงื่อนไขความรู้ เป็นความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ความรอบคอบที่จะนำความรู้ เหล่านั้นมาพจิ ารณาใหเ้ ชือ่ มโยงกนั เพ่ือการวางแผน และความระมดั ระวังในข้ันปฏิบัติ (2) เงื่อนไขคุณธรรม เป็นสิ่งที่ต้องเสริมสร้างให้มีความตระหนักในคณุ ธรรม มีความซื่อสัตยส์ จุ ริตและ มีความอดทน มคี วามเพียร ใช้สติปญั ญาในการดำเนนิ ชีวิต 11.ครูให้ความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย หมายถึง การจดบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับ การเงินหรือบางส่วนเกี่ยวข้องกับการเงิน โดยผ่านการวิเคราะห์ จดบันทึกเพื่อแสดงฐานะการเงินและผลการ ดำเนินงานของตนเองหรอื ครอบครัวในชว่ งระยะเวลาหนึง่ ตัวอย่างแบบบันทึกบญั ชรี ายรบั -รายจ่าย ว.ด.ป. รายรบั จำนวนเงิน ว.ด.ป. รายรบั จำนวนเงนิ บาท สต. บาท สต. ผเู้ รยี นบนั ทึกรายรับ-รายจ่ายในครวั เรอื นของตนเองในภาคเรยี นน้ตี ามแบบฟอร์มท่กี ำหนดให้ สมุดบันทกึ รายรับ-รายจ่าย ในครวั เรือน ของนาย/นาง/นางสาว....................................................... ประจำภาคเรียนท่.ี ../........ระหวา่ งเดือน..................ถงึ เดอื น................พ.ศ ........... วนั รายการ รายรับ รายจ่าย คงเหลอื เดอื น ปี หมายเหตุ ถ้าไม่พอให้ใช้กระดาษ A-4 ตแี บบฟอร์มเพม่ิ เติมได
สรุปและการประยุกต์ 12.ครูและผู้เรยี นสรปุ ความหมายของสมการ แสดงวิธที ำสมการเชงิ เส้นตัวแปรเดียว และสมบัติของการ เทา่ กัน นอกจากน้ยี งั มกี ารถามตอบเปน็ รายบคุ คล 13.ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดระหวา่ งเรียน และแบบประเมินผลการเรยี นรู้ สอื่ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน วชิ าคณติ ศาสตรพ์ ื้นฐานอาชีพ 2. สือ่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และ Power Power 3. กิจกรรมการเรียนการสอน 4. รปู ภาพประกอบ 5. ตวั อย่างการคำนวณ หลักฐาน 1. บันทึกการสอน 2. ผลงาน 3. แผนจัดการเรยี นรู้ 4. ใบเช็คชื่อเข้าห้องเรียน การวัดผลและการประเมนิ ผล วธิ ีวดั ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. ตรวจแบบฝกึ หัดระหวา่ งเรียน และแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 3. ประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 4. สังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 5. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เคร่อื งมือวัดผล 1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (โดยครู) 3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบฝึกหัดระหว่างเรียน และแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น ร่วมกันประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไมม่ ชี ่องปรับปรงุ 2. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50% ขนึ้ ไป) 4. แบบฝึกหัดระหวา่ งเรียน และประเมินผลการเรยี นรู้ มเี กณฑ์ผา่ น 50%
5. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึน้ อยู่กับ การประเมนิ ตามสภาพจริง กจิ กรรมเสนอแนะ ทบทวน และศึกษาหาความรู้เพ่ิมเตมิ 1. ความหมายของสมการ 2. สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดียว 3. สมบัตขิ องการเท่ากนั
แบบประเมนิ ผลการสง่ เสรมิ คณุ ธรรมพื้นฐาน คำช้แี จง เพ่ือใหก้ ารขับเคลอื่ นคุณธรรมพ้ืนฐานมคี วามชดั เจน เกดิ ประสทิ ธิภาพสงู สุด และนำไปสูก่ ารปฏิบัติได้ อย่างเป็นรูปธรรม จึงมีการประเมินรายการแต่ละข้อแล้วเขียนเครื่องหมาย ลงในช่องระดับคุณภาพตาม ความเป็นจริง โดยกำหนดนำ้ หนักคะแนน ดังน้ี 5 = ดมี าก, 4 = ดี, 3 = พอใช้, 2 = ควรปรบั ปรุง, 1 = ใชไ้ มไ่ ด้ รายการ พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดบั คุณภาพ 54321 1.ความขยนั ผทู้ มี่ คี วามขยัน คือ ผู้ทตี่ ้ังใจทำจริงจงั ตอ่ เน่อื งในเรอ่ื งทถ่ี ูกทคี่ วร สู้ งาน มคี วามพยายาม ไมท่ ้อถอย อดทน กลา้ เผชญิ อปุ สรรค 2.ประหยดั ผู้ท่มี คี วามประหยดั คอื ผูท้ ีด่ ำเนินชวี ิตความเปน็ อยเู่ รยี บงา่ ย รจู้ ัก 3.ความซ่อื สตั ย์ ฐานะการเงนิ ของตน คิดกอ่ นใช้คดิ ก่อนซอื้ เกบ็ ออม ถนอมใช้ทรพั ยส์ นิ 4.ความมวี ินัย สง่ิ ของอย่างคุม้ ค่า ไม่ฟุม่ เฟอื ย ฟงุ้ เฟอ้ รู้จกั ทำบัญชรี ายรับ-รายจ่ายของ 5.ความสภุ าพ ตนเองเสมอ 6.ความสะอาด 7.ความสามคั คี ผทู้ มี่ คี วามซอ่ื สัตย์ คอื ผู้ทมี่ ีความประพฤตติ รงทั้งตอ่ หน้าที่ ตอ่ วิชาชีพ ตรงตอ่ เวลา ไม่ใชเ้ ลห่ ์กล คดโกง รับรูห้ นา้ ท่ีของตนเองและ 8.ความมีนำ้ ใจ ปฏิบัตเิ ตม็ ท่ถี กู ตอ้ ง ผู้ที่มวี ินยั คือ ผทู้ ปี่ ฏบิ ตั ิตนในขอบเขต กฎ ระเบยี บสถานศึกษา สถาบนั /องคก์ ร/สงั คมและประเทศ โดยที่ยินดปี ฏบิ ตั ิอยา่ งเต็มใจ ผทู้ ม่ี ีความสภุ าพ คอื ผทู้ อ่ี อ่ นนอ้ มถ่อมตนตามสถานภาพและ กาลเทศะ ไมก่ ้าวรา้ ว วางอำนาจข่มผู้อน่ื เรยี บร้อย อ่อนโยน ละมุน ละมอ่ ม มกี ริ ิยามารยาทดงี าม มสี มั มาคารวะ แตใ่ นเวลาเดยี วกันยังคงมี ความม่นั ใจในตนเอง วางตนเหมาะสมตามวัฒนธรรมไทย ผทู้ ค่ี วามสะอาด คือ ผรู้ ักษารา่ งกาย ท่ีอยอู่ าศัย สิ่งแวดล้อมถูกตอ้ ง ตามสุขลักษณะ ปราศจากความมวั หมองทั้งกาย ใจและสภาพแวดลอ้ ม มคี วามผอ่ งใสเปน็ ท่เี จรญิ ตาแกผ่ ูพ้ บเห็น ผู้ท่มี ีความสามัคคี คือ ผทู้ ่เี ปิดใจกวา้ งรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน รู้ บทบาทของตนในฐานะผนู้ ำและผตู้ ามท่ีดี มงุ่ ม่นั ต่อการรวมพลงั ช่วยเหลือเกื้อกลู กนั เพอ่ื ให้งานสำเร็จ แกป้ ญั หาและขจดั ความขัดแยง้ ได้ มีเหตผุ ล ยอมรับความแตกตา่ งหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคดิ ความเชือ่ พรอ้ มท่จี ะปรบั ตัวเพ่ืออยู่รว่ มกนั อย่างสันติ ผทู้ ี่มีนำ้ ใจ คอื ผใู้ หแ้ ละผอู้ าสาชว่ ยเหลอื สงั คม รจู้ กั แบ่งปัน เสยี สละ ความสุขสว่ นตน เพื่อประโยชน์แกผ่ ู้อื่น เข้าใจ เหน็ ใจผทู้ ม่ี คี วาม เดอื ดรอ้ น ลงมือปฏบิ ัติการเพอ่ื บรรเทาปญั หา หรือรว่ มสรา้ งสรรคส์ งิ่ ดี งามใหเ้ กดิ ข้ึนในชมุ ชน รวมคะแนนทไ่ี ด้......................................คะแนน ข้อคิดเหน็ เพมิ่ เติม……….…………………………………….………………….………………………………… เกณฑก์ ารประเมินระดบั คณุ ภาพ ผู้ประเมนิ .....……………............. 28-30 คะแนน = ดมี าก 15-19 คะแนน = ควรปรบั ปรุง 25-27 คะแนน = ดี 0-14 คะแนน = ใชไ้ มไ่ ด้ 20-24 คะแนน = พอใช้
แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ คำชแ้ี จง ใหป้ ระเมินรายการแต่ละข้อแล้วเขียน เคร่ืองหมาย / ลงในช่องระดับคุณภาพตามความเป็นจรงิ โดย กำหนดนำ้ หนกั คะแนน ดงั นี้- 5 = ดมี าก, 4 = ดี, 3 = พอใช้, 2 = ควรปรับปรุง, 1 = ใชไ้ ม่ได้ รายการประเมิน ระดับคุณภาพ 5 43 2 1 1.ผลการเรยี นทค่ี าดหวังมีความชดั เจน ครอบคลุมพฤตกิ รรมทกุ ด้าน (KAP) 2.เน้อื หาสาระมีความถูกต้อง ครอบคลุม และชดั เจน 3.กิจกรรมการเรยี นรสู้ อดคล้องกบั ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั 4.กิจกรรมการเรียนร้มู คี วามหลากหลาย นา่ สนใจและเนน้ กระบวนการคิด การฟงั การพดู การอ่าน การดแู ละการเขียน 5.กิจกรรมการเรยี นรเู้ นน้ ใหผ้ เู้ รยี นลงมอื ปฏิบัติจรงิ 6.กจิ กรรมการเรียนรสู้ ่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นคน้ พบคำตอบดว้ ยตนเอง 7.กจิ กรรมการเรียนรู้เพียงพอที่จะสง่ ผลให้บรรลผุ ลการเรยี นร้ทู ี่คาดหวงั 8.กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่กี ำหนดสามารถนำไปปฏิบตั กิ ารสอนได้จรงิ 9.มสี อ่ื ทีส่ อดคลอ้ งกบั กิจกรรมและเปน็ สื่อท่เี นน้ กระบวนการคดิ 10.มีการวดั ผลประเมนิ ผลท่ีสอดคล้องกับผลการเรียนรทู้ ีค่ าดหวัง 11.วิธกี ารวดั ผลสอดคลอ้ งกับกิจกรรมการเรยี นรู้ 12.มีการกำหนดเกณฑ์การประเมนิ ผลไวอ้ ย่างชัดเจนและเหมาะสม รวม ข้อคิดเหน็ เพ่มิ เตมิ 1.กระบวนการคดิ ทใี่ ช้ คือ……….…………………………………….………………….……………….……… ……….……………………………………………………………………………..………................................ 2.สิง่ ที่ควรปรับปรงุ คอื ……….…………………………………….…..…………………………….…..….…….. …………………………………………………………………………….…………………………………………… ผู้ประเมนิ ……………………………………………
บนั ทกึ หลังการสอน ขอ้ สรปุ หลังการสอน ............................................................................................................................. ...................... ............................................................................................................ ....................................... ............................................................................................................................. ...................... ................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................... ............................................................................................................ ....................................... ............................................................................................................................. ...................... ................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................... .................................................................................................................................................. . ปัญหาทพ่ี บ ............................................................................................................................ ....................... ............................................................................................................................. ...................... .................................................................................... .............................................................. . ............................................................................................................................. ...................... .................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. ...................... ................................................................................................................................. .................. ............................................................................................................................. ...................... ............................................................................................................ ....................................... ............................................................................................................................. ...................... แนวทางแก้ปัญหา .................................................... .............................................................................................. . ............................................................................................................................. ...................... ......................................................................................................................................... ..........
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: