Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธุรกิจเบื้องต้น

ธุรกิจเบื้องต้น

Published by mmmkllmmmkll, 2019-06-11 02:00:35

Description: ธุรกิจเบื้องต้น

Search

Read the Text Version

คำ�น�ำ การเรียบเรียงเอกสารประกอบการสอนรายวชิ า การวดั และประเมนิ ผล การศกึ ษา เปน็ ส่วนหนึ่งของการจดั การเรียนการสอนในรายวิชาเทคโนโลยีส่อื ส่งิ พิมพ์ เรยี บเรียงโดยนสิ ิตหลกั สตู รศิลปศาสตรบ์ ณั ฑติ เทคโนโลยีส่อื สารการศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร ผู้เรียบเรียงหวังว่าการเรียบเรียงครงั้ นม้ี ปี ระโยชน์ต่อผู้สนใจไมม่ ากกน็ อ้ ย นายภวู ดล จีนสลตุ ผู้จัดทำ�



สารบัญ เรือ่ ง หนา้ บทที่ 1 ความหมายและความสำ�คัญของธุรกจิ 1 ความหมายของธุรกิจ 2 สภาพแวดล้อมทางธรุ กจิ 7 ความสำ�คญั ของธุรกจิ 11 บทท่ี 2 รูปแบบธุรกจิ 12 องคป์ ระกอบของการประกอบธรุ กิจ 14 รูปแบบธุรกิจในประเทศไทย 15 บทท่ี 3 การจัดการทั่วไป 19 ลกั ษณะของการจดั การ 20 หน้าทก่ี ารจัดการ 20 การวางแผน 20 บทที่ 4 จรรยาบรรณและคณุ สมบัตขิ องผปู้ ระกอบธรุ กจิ 22 ความหมายจรยิ ธรรมทางธุรกจิ 23-25 จริยธรรมของผูบ้ รหิ าร 25-26 ปัญหาการละเมดิ จรยิ ธรรมในองคก์ าร 27-29

เร่ือง หนา้ บทที่ 5 ระบบแลกเปลี่ยน 30 ความหมายของการแลกเปล่ียน 31 วิวัฒนาการของการแลกเปลย่ี น 31-33 บทท่ี 6 แหลง่ เงนิ ทนุ 34 ความหมายของเงินทุน 35 ประเภทและลกั ษณะของเงินทุน 36-37 บทที่ 7 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งธรุ กจิ กบั 38 สภาวะเศรษฐกจิ และสังคมของประเทศ บทบาทของธรุ กิจระหว่างประเทศ 39 สาเหตุทต่ี อ้ งทําการคา้ ระหว่างประเทศ 39-41 อุปสรรคด้านเศรษฐกิจ 42 บทที่ 8 ความรู้ทางเทคโนโลยีทท่ี นั สมัยท่เี กี่ยวข้องกบั การขาย 43 พาณิชย์อเิ ล็กทรอนิกส(์ E-Commerce) 44 เครื่องมอื ทางเทคโนโลยีทเี่ กี่ยวขอ้ งกับงานขาย 45 กลยทุ ธก์ ารสร้างความสัมพันธ์ลกู ค้าออนไลน์(E-CRM) 46-51 อปุ สรรคทม่ี ผี ลกระทบต่องานขายในตลาดออนไลน์ 51-52 จดุ แข็งและจุดออ่ นของธรุ กจิ ออนไลน ์ 52-53 โอกาสของผปู้ ระกอบการเอสเอม็ อใี นธรุ กิจออนไลน ์ 54 แนวทางการเลือกใชเ้ ครอ่ื งมอื ธุรกจิ ออนไลนอ์ ยา่ งเหมาะสม 58-59 รปู แบบธุรกิจในตลาดอิเลก็ ทรอนิกส์ 59

เรื่อง หนา้ บรรณานกุ รม 60



บทที่ 1 ความหมายและความส�ำ คญั ของธรุ กิจ 1 # บทที่ 1 ความหมายและความส�ำ คัญของธรุ กจิ

2 บทท่ี 1 ความหมายและความส�ำ คัญของธุรกจิ บทที่ 1 ความหมายและความส�ำ คัญของธุรกจิ ความหมายของธรุ กจิ “ธรุ กจิ ”หมายถงึ กจิ กรรมต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการผลติ การจดั จ�ำ หนา่ ย และ การบรกิ าร โดยภายในหนว่ ยงานหรอื ธุรกจิ นัน้ ๆ มกี ารน�ำ ทรัพยากรท่ีมอี ยู่มาผสม ผสานกันอย่างมีระบบ มีระเบยี บตามกฎเกณฑ์ เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการของ ประชาชนหรือผบู้ ริโภค ในขณะเดยี วกันก็กอ่ ให้เกดิ ผลประโยชนห์ รือบรรลุตามเป้า หมายของธรุ กจิ และไมก่ ่อให้เกดิ มลภาวะที่ไม่ดตี ่อส่ิงแวดลอ้ ม ธุรกิจคืออะไร ธุรกจิ (Business) หมายถึง องคก์ รทีม่ ีวตั ถุประสงค์เพอ่ื แสวงหากาํ ไรจากทกุ กจิ กรรม เร่มิ ตงั้ แต่การผลติ สินค้าและบริการ ซือ้ ขายแลกเปลี่ยนกระจายสนิ ค้าสผู่ ู้ บริโภค (Griffin, R.W. Ebert, R. J., 1991: 5: Albrigth, T. and Ingram, R. W., 2004: 3: สมคิด บางโม, 2548: 1 กรอง แก้ว อย่สู ขุ และพิมพา ศรายุทธ, 2532: 1) โอ.ซี. เฟอรเ์ รลล์ และ เกอรเ์ ฟรย์ เฮริท กลา่ วเพ่มิ เตมิ ว่า โดยท่ธี รุ กิจตอ้ งสนอง ความจาํ เป็นข้ันพื้นฐานความพึงพอใจ และความตอ้ งการของผู้บริโภคและสงั คม (โอ. ซี. เฟอร์เรลล์ และ เกอร์เฟรย์ เฮริท, 2551: 3: Boone, L.E. & David L, 2002: 15) โคทแลนด์ โบวี่ และธลิ จอฮ์น ยังอธบิ ายต่อว่า ธุรกิจชว่ ยจา่ ยภาษีให้กับรัฐบาล เพื่อนําเงินมาใชจ้ ่ายใน งบประมาณตา่ งๆ เช่น การศึกษา และธรุ กจิ นําเงนิ ไปลงทนุ ทํา ใหเ้ กดิ คุณภาพชีวิตที่ดขี ้นึ (โคทแลนด์ โบว่ี และธิล จอฮน์ , 2552, 4)จากการศกึ ษา ธุรกิจ (Business) ผเู้ ขยี นอธิบายไดว้ า่ ธุรกจิ (Business) หมายถงึ กจิ กรรมท้ังปวงที่ ทําให้เกดิ การแสวงหากําไรเริม่ ตั้งแต่มกี ารผลติ และพฒั นาสินค้าหรอื บรกิ าร โดยการใช้ ทรัพยากรทม่ี ีอยอู่ ย่างจาํ กัดใหส้ อดคล้องกบั เป้าหมายของธรุ กิจให้ได้มากทีส่ ุด มกี าร ซื้อขาย แลกเปลี่ยนการกระจายและแสวงหาผลประโยชน์ จากกิจกรรมภายใตค้ วาม เส่ยี งซึง่ อาจเกิดกําไร (ขาดทนุ )

บทที่ 1 ความหมายและความส�ำ คัญของธุรกจิ 3 องคป์ ระกอบของกจิ กรรมทางธรุ กจิ จากความหมายของธรุ กิจจะเหน็ ได้วา่ ธุรกิจจะด�ำ เนนิ ได้นัน้ ต้องมีการน�ำ กิจกรรมหลาย ๆ อยา่ งมาประสานกนั ซ่ึงกิจกรรมนั้น ๆ กค็ อื การกำ�หนดหน้าท่ีความ รับผดิ ชอบภายในธุรกจิ นนั้ เอง ทรพั ยากร (Resource) ท่ีหนว่ ยงานมอี ยู่ คอื วัสดุ อปุ กรณ์ หรอื สินทรัพยต์ ่าง ๆ ทีห่ น่วยงานใชใ้ นการดำ�เนินงาน ซึ่งแบง่ ออกเปน็ 4 ประเภทหรอื เรียกส้ัน ๆ วา่ 4 M’s อนั ประกอบดว้ ย 1. คน (Man) เปน็ ทรัพยากรแรกท่ีก่อให้เกดิ การดำ�เนินงานภายในธุรกิจ ซึ่งนับ รวมทั้ง ฝา่ ยบริหารและฝา่ ยปฎิบัติการ 2. เงินทุน (Money or Capital) คือสนิ ทรพั ย์ที่จะน�ำ มาใช้ในการด�ำ เนินธรุ กจิ อาจจะอย่ใู นรูปของเงนิ สดหรือสนิ ทรพั ย์อน่ื ๆ ก็ได้ 3. วัตถดุ ิบหรอื อุปกรณ์ (Material) คอื อาจจะเป็นรูปของวตั ถดุ ิบถ้าธรุ กจิ นนั้ เป็นธุรกจิ การผลิตเชน่ เครื่องจักรกล วสั ดุ อะไหล่ต่าง ๆ หรอื อาจใช้ในการด�ำ เนินงาน ใหป้ ระสบผลส�ำ เร็จได้ 4. การบรหิ ารงานหรือการจัดการ (Management) คือกระบวนการหรือขัน้ ตอนในการนำ�คน เงนิ ประเภทธุรกจิ ปจั จุบนั องค์การธรุ กจิ มีการพฒั นา ตามความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคที่เปล่ียน แปตลอดเวลาทาํ ใหเ้ กดิ ธรุ กิจต่างๆ เกดิ ขึน้ เปน็ ผลมาจากความเจรญิ กา้ วหนา้ ทาง เทคโนโลยี นวตั กรรมที่กอ่ ใหเ้ กิดธรุ กจิ ผ้ปู ระกอบการจะต้องศกึ ษาประเภทของธุรกิจ ใชป้ ระกอบการตัดสนิ วเิ คราะห์ และวางแผนทางธุรกิจ โดยนักวิชาการทั้งไทยและต่าง ประเทศไดแ้ บง่ ประเภทของธรุ กิจดังน้ี

4 บทท่ี 1 ความหมายและความส�ำ คัญของธรุ กจิ ศริ ิวรรณ เสรรี ตั น์ และคณะ (2546: 12) แบง่ ประเภทธรุ กจิ ไว้ 5 ประเภท ดงั นี้ 1) ธรุ กิจการผลิต ไดแ้ ก่ ธรุ กจิ เก่ียวกับการเกษตร ธุรกจิ ประเภทร้านอาหารที่ ปรุงข้ึนบรโิ ภค ทันที ธรุ กิจประเภทโรงงาน ธรุ กิจประเภทหตั ถกรรมและงานศิลปะใช้ ฝีมือ ธุรกิจประเภทอนื่ ๆ 2) ธุรกิจเหมืองแร่ 3) ธุรกจิ ค้าส่ง 4) ธรุ กจิ คา้ ปลกี ได้แก่ รา้ นค้าปลกี สายเดยี ว ร้านค้าปลีกเฉพาะอยา่ ง ร้านคา้ ปลกี สนิ ค้า เบด็ เตลด็ รา้ นสรรพสนิ คา้ ร้านสรรพาหาร รา้ นค้าแบบให้สว่ นลด ร้านค้า สะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก ทางไปรษณยี ์ และการค้าปลกี ทีจ่ ําหน่ายโดยตรงถงึ บา้ น 5) ธุรกจิ บริการ ไดแ้ ก่ ธรุ กจิ เกีย่ วกับการศกึ ษา ธุรกจิ เกีย่ วกบั การคมนาคม ขนสง่ ธุรกิจ เกีย่ วกับที่อยูอ่ าศยั ธรุ กจิ เกีย่ วกับการตดิ ตอ่ ส่อื สารและการบริการขอ้ มูล ธรุ กจิ เกย่ี วกับสุขภาพ และพลานามยั ธุรกิจเกี่ยวกบั ความบันเทงิ เริงรมย์ ธรุ กจิ เกีย่ วกบั กีฬา ธรุ กิจเกยี่ ว กบั การประกนั ภัย และการคลังสินคา้ ธรุ กิจเกี่ยวกับการเงิน การธนาคาร และธรุ กิจ บรกิ ารเบ็ดเตลด็ อื่นๆ ฐติ ิรัตน์ มีมาก และคณะ, 2552: 20-21) 1) แบง่ ประเภทธรุ กิจไว้ 4 ประเภท ดังนี้ 1. ธรุ กิจ บริการ 2. ธรุ กิจการคา้ ปลีก 3. ธุรกจิ การค้าส่ง และ4. ธุรกจิ การผลติ เพอรร์ ี และ ซในเด (Perry & Schneide, 2005: 114) แบ่งประเภทธุรกจิ ไว้ 3 ประเภท ดงั นี้ 1. ธุรกิจบรกิ าร 2. ธรุ กจิ พาณชิ ยกรรม และ 3. ธรุ กิจการผลติ โคทแลนด์ โบวี และธลิ จอฮ์น, (2552: 5) แบ่งประเภทธุรกิจไว้ 2 ประเภท ดงั น้ี 1. ธุรกิจการผลิต ไดแ้ ก่ โรงงานอตุ สาหกรรม ก่อสรา้ ง การเกษตร เหมืองแร่ ธรุ กจิ ประเภทอ่นื ๆ และ 2. ธุรกิจบริการ

บทที่ 1 ความหมายและความสำ�คัญของธรุ กจิ 5 จากการศกึ ษาการแบง่ ประเภทของธรุ กิจของนกั วชิ าการทง้ั ในประเทศและต่าง ประเทศ ผเู้ ขยี นจงึ แบง่ ประเภทของธุรกจิ ไว้ 8 ประเภท ตามลักษณะของกิจกรรมทที่ าํ ดงั น้ี 1. ธุรกิจการผลติ หรืออุตสาหกรรม (Manufacturing) ธรุ กิจการผลิตหรือ อตุ สาหกรรมเป็น ธรุ กจิ ทนี่ ําเอาปัจจัยการผลิตมาแปรรูปเปน็ สินค้าและบรกิ ารด้วย กระบวนการการผลติ ซึ่งแบง่ ไดด้ ังนี้ 1.1 อตุ สาหกรรมครวั เรอื น ธรุ กจิ ประเภทน้ีเปน็ อุตสาหกรรมขนาด เล็ก ใช้แรงงาน จากสมาชกิ ในครอบครัว โดยใชว้ ัตดดุ บิ วัสดตุ ่างๆ หาไดใ้ นท้องถ่นิ เชน่ อุตสาหกรรมทอผ้า อุตสาหกรรมเครื่องปัน้ ดนิ เผา อุตสาหกรรมอาหารสาํ เรจ็ รปู เป็นต้น 1.2 อตุ สาหกรรมโรงงาน อุตสาหกรรมโรงงานเป็นอตุ สาหกรรมขนาด ใหญท่ ่มี ี การผลติ สินคา้ จากโรงงานถาวรมเี ครื่องจักรเครอื่ งมอื ทที่ ันสมยั และเกิดการ จ้างแรงงานจาก บคุ คลภายนอก ใช้เงินลงทนุ สูง มีกระบวนการผลิตทีเ่ ป็นระบบ เชน่ โรงงานผลติ บะหมีก่ ่ึงสําเรจ็ รูป โรงงานผลติ ผงชรู ส โรงงานผลติ อาหารสําเรจ็ รปู โรงงาน ผลิตเสื้อผา้ สําเรจ็ รปู เปน็ ตน้ 1.3 อตุ สาหกรรมการเกษตร ธรุ กจิ การเกษตรเป็นธุรกจิ พ้ืนฐานของคน ไทยท่ียดึ ถอื เป็นอาชีพมาชา้ นาน ผ้ปู ระกอบการด้านการเกษตรกรรม ไดแ้ ก่ การทํานา ทําสวน ทาํ ไร่ การประมง การเลยี้ งสตั ว์ และการทาํ ป่าไม้ เปน็ ต้น 1.4 อตุ สาหกรรมเหมืองแร่ ธรุ กจิ เหมืองแร่เป็นธุรกจิ ที่เก่ยี วกบั การขดุ เจาะนาํ เอา ทรพั ยากรธรรมชาตติ า่ งๆ มาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ ไดแ้ ก่ ถา่ นหนิ ดบี กุ น้ํา มัน ปนู ซเี มนต์ เปน็ ต้น 2. ธรุ กิจกอ่ สรา้ ง (Construction) ธุรกจิ กอ่ สร้างเปน็ ธรุ กิจทมี่ ขี นาดใหญ่มี ผังการผลิตอย่กู ับท่ี ตอ้ งเคล่ือนยา้ ยปจั จยั การผลิต ไดแ้ ก่ คน เคร่อื งจักร วัตถดุ ิบ มายังสถานที่ทาํ การผลิต เช่น การสรา้ ง อาคารท่อี ย่อู าศยั โรงพยาบาล อโุ มงค์ ถนน สะพาน เขือ่ น ทางระบายนํา้ เปน็ ตน้

6 บทท่ี 1 ความหมายและความสำ�คัญของธรุ กจิ 3. ธุรกจิ พาณิชยห์ รอื ธุรกจิ การคา้ (Commercial) ธุรกจิ การพาณชิ ยห์ รอื ธุรกิจ การค้าเปน็ ธรุ กิจทท่ี าํ การซ้ือสินคา้ มาและขายออก โดยท่ไี มไ่ ดท้ าํ การผลิตสินคา้ เป็น ธุรกิจที่มกี ิจกรรมเกีย่ วขอ้ งกบั การตลาดมกี ารกระจายสนิ คา้ ไปสูผ่ ้บู ริโภค ทําใหม้ ีการก ระจายสนิ ค้าไปสผู่ บู้ ริโภค ทาํ ให้ซ้ือหาสนิ คา้ ตา่ งๆ ไดส้ ะดวกสบาย ความตอ้ งการ เช่น รา้ นโชหว่ ย รา้ นขายของชํา หา้ งสรรพสนิ คา้ เป็นต้น 4. ธุรกจิ การเงนิ (Financial) ธรกจิ การเงินเป็นธุรกิจทช่ี ว่ ยเหลอื ทางด้านการ เงนิ ผู้ประกอบการอาจไม่มีเงนิ ลงทุนเพียงพออาจตอ้ งพง่ึ ธุรกิจเหล่าน้ี อาจตอ้ งพงึ่ ธรกจิ เหล่าน้ี เชน่ ธนาคารพาณชิ ย์ นะ เงนิ ทุนอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย ธนาคารเพ่ือการสง่ ออกและเพื่อการสง่ ออกและนําเข้า กองทนุ หมูบ่ ้าน บริษทั ประกันภยั เปน็ ตน้ 5. ธุรกิจบรกิ าร (Services) ธุรกจิ บริการเป็นธรกิจท่ีไมผ่ ลิตสินคา้ ทาํ หน้าที่ ผลิตการบริการ เพอื่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในการอํานวยความสะดวก สบายใหแ้ ก่ผูบ้ รโิ ภค เชน่ บริการ ขนสง่ การสือ่ สาร ธุรกิจโรงแรม การทอ่ งเทยี่ ว โรง พยาบาล โรงภาพยนตร์ ภัตตาคาร สถานบนั เทงิ ต่างๆ รา้ นซกั อบรดี รา้ นถ่ายรปู สถานเสริมความงาม เป็นตน้ 6. ธุรกิจของรัฐ (Government) ธุรกจิ ของรฐั เปน็ ธุรกิจทก่ี ระทาํ โดยเนน้ กิจการท่ีเปน็ ส่วนรวมและประชาชนไม่ได้มุง่ เนน้ ทําเพ่อื แสวงหากําไร เพอ่ื ให้เกิดความ ม่ันคงแก่ประเทศชาติ ท้ังทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม และการเมือง เชน่ กระทรวง ทบวง กรม เป็นต้น 7. ธรุ กิจวชิ าชีพเฉพาะ (Professional Business) ธรุ กจิ วชิ าชพี เฉพาะเป็น ธรุ กิจท่ตี ้องใช้ ความรคู้ วามสามารถความชํานาญการเฉพาะดา้ น เป็นธรุ กจิ ทนี่ อก เหนือไปจากธรุ กิจดงั กลา่ วขา้ งตน้ ผูป้ ระกอบการอาชพี อสิ ระต่างๆ เชน่ แพทย์ ครู เภสัชกร วศิ วกร สถาปนิก จิตรกร ประติมากร เป็นตน้

บทที่ 1 ความหมายและความส�ำ คัญของธรุ กิจ 7 8. ธุรกจิ อเิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic Business) หรือ 3 ธรกจิ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ (Electronic Business) หรือ อีบิสซเิ นส (E- Business) เป็นการ ดาํ เนินกจิ กรรมทางธุรกจิ ที่สื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เนต็ อินทราเน็ต และเอก็ ซ์ ทราเน็ต โดยให้ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ การใช้คอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยสี ารสนเทศ การสื่อสาร และอินเจ ลูกคา้ สมั พันธ์ การตดิ ตอ่ ซ้ือวสั ดุ การติดต่อหนว่ ยธุรกิจ เป็นตน้ สภาพแวดล้อมทางธรุ กจิ การดาํ เนินธรุ กิจใดๆ กต็ ามจําเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งศึกษาสภาพแวดลอ้ มทางธุรกจิ ด้วย การวิเคราะง สภาพแวดล้อมเพอื่ การจัดการธรุ กิจ นับวา่ เป็นงานอันดับแรกที่ มคี วามสาํ คญั อยา่ งมากต่อการจดั กธุรกิจหรอื การตดั สินใจเลือกลงทุนในธุรกจิ ตา่ งๆ การวิเคราะหจ์ ะต้องดําเนินการอย่างมขี ้นั ตอน เน่อื งจากสภาพแวดล้อมทางธุรกจิ (Business Environment) เปน็ ปัจจัยท่มี อี ทิ ธิพลตอ่ ก ดําเนินงานขององคก์ าร สภาพ แวดล้อมทางธรุ กจิ อาจกอ่ ใหเ้ กิดผลทงั้ ในเชงิ และเชงิ ลบตอ่ กจิ ก โดยเรม่ิ ต้ังแต่การ วเิ คราะหส์ ภาพแวดภายนอกองค์การ เปน็ ปัจจัยท่ีองคก์ ารธรุ กจิ ไม่สามารถ ควบคุมได้ เป็นการวิเคราะหต์ วั แปร 2 ตวั คอื โอกาส opportunities) และ อปุ สรรค (threate สภาพแวดลอ้ มภายนอกทีส่ าํ คญั ต้องนาํ มาวิเคราะหไ์ ดแ้ ก่ สภาพเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง เทคโนโลยี ลูกค้า คู่แขง่ ขัน ฯลฯ ภายหลังจากวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมภาย นอกแล้วลําดบั ต่อมา จงึ ดาํ เนนิ การ วเิ คราะหส์ ภาพแวดล้อมภายในองคก์ ารธรุ กจิ เอง เปน็ การวเิ คราะหต์ ัวแปร 2 ตัว คอื จดแข็ง (strengths) และ จดุ อ่อน (weaknesses) ซึง่ เปน็ ปจั จยั ทีส่ ามารถควบคุมได้ สภาพแวดล้อมท่ีสําคัญเที่ ต้องนาํ มาวเิ คราะห์ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการจัดการดา้ นการตลาด ดา้ นการผลติ ดา้ นการจดั องค์กร และ ด้านการเงิน ฯลฯ (สุนีย์ วรรณธนโกมล และธานนิ ทร์ ศิลปจ์ ารุ, 2009: 62. พิบลู ที ปะปาล 2552: 209-210: ณฐั พันธ์ เขจรนันทน์, 2551: 37) ซ่ึงจากการศกึ ษาสรปุ ไดว้ ่า สภาพแวดล้อมแบ่ง ออกได้เปน็ 2 ประเภท สภาพแวดลอ้ มภายใน (Internal Environment) และสภาพแวดล้อม ภายนอก (External Environment) ราย ละเอียด ดงั น้ี

8 บทท่ี 1 ความหมายและความสำ�คัญของธรุ กจิ 1. สภาพแวดลอ้ มภายใน (Internal Environment) สภาพแวดล้อมภายใน (Internal Environment) เปน็ ปัจจัยภายในธรุ กจิ ทีม่ ีผลก ระทบตอ่ การจดั การและการดําเนินงานของธรุ กจิ ทอ่ี งค์การสามารถควบคมุ ได้ ซง่ึ ปัจจัยภายในเป็นสิ่งท่ี ผู้บริหารตอ้ งทาํ การศกึ ษาปัจจัยเหลา่ นเ้ี พือ่ ประเมนิ จุดแข็ง (strengths) และจดุ อ่อน (weakness) ขององค์การ ได้แก่ 1.1 โครงสร้างองคก์ าร เปน็ การจัดโครงสร้างการบรหิ ารงานในส่วน ต่างๆ ในองค์การ ซึง่ เปน็ สง่ิ ทอี่ งค์การสามารถควบคมุ และสามารถปรับโครงสร้างให้ สอดคลอ้ งกบั การดําเนนิ งาน ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มภายนอกท่ีเปลี่ยนแปลงไปได้ 1.2 กลยทุ ธธ์ รุ กจิ กลยุทธจ์ ะเปน็ ตวั กําหนดทศิ ทางการทํางาน เพ่อื ให้ บรรลวุ ิสยั ทัศน์ และพันธกิจขององคก์ าร ดงั นนั้ การเปล่ยี นแปลงในเรือ่ งของกลยทุ ธ์ จะเปน็ สว่ นท่สี ําคญั ทที่ าํ ใหท้ ศิ ทางการดําเนินงานขององคก์ ารเปลยี่ นแปลง เชน่ กลยทุ ธด์ ้านการตลาด กลยทุ ธด์ ้านการผลิต กลยทุ ธด์ ้านราคา เปน็ ตน้ เพอื่ ตอบสนอง ความต้องการของลกู คา้ ใหค้ วามสําคัญกับการบรกิ ารลูกคา้ และผลติ สนิ คา้ ทม่ี รี าคา ถกู และมีคุณภาพ 1.3 บคุ ลากร บคุ ลากรเปน็ ทรัพยากรทส่ี ามารถปรบั ตัวต่อสภาพ แวดล้อมไดด้ ถี า้ บคุ ลากรมคี วามรแู้ ละความสามารถ บคุ ลากรสามารถพฒั นาความ สามารถในการปฏิบตั งิ านไดจ้ ะช่วย ใหก้ ารทํางานเป็นไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 1.4 วัฒนธรรมองคก์ าร การเปลี่ยนแปลงค่านิยมในการทํางานการ เปลย่ี นแปลง วัฒนธรรมในด้านต่างๆ เป็นต้น 1.5 ส่ิงแวดลอ้ มอ่ืนๆ ได้แก่ ระบบการบริหารงาน กระบวนการผลิต การควบคุม คุณภาพในธุรกจิ กฎระเบียบภายในองค์การ เป็นต้น 2. สภาพแวดล้อมภายนอก (External Environment) สภาพแวดลอ้ มภายนอก (External Environment) เป็นปจั จยั ภายนอกธรุ กิจ ทม่ี ผี ลกระทบ ต่อการจดั การและการดาํ เนนิ งานของธรุ กจิ ทอี่ งค์การไม่สามารถควบคุม ได้ ซึ่งปจั จัยภายนอกมี การเปลีย่ นแปลงอยู่ตลอดเวลา ดงั นั้นผูบ้ รหิ ารจึงตอ้ งทาํ การ ศกึ ษาปจั จยั เหลา่ นี้เพอ่ื ประเมิน โอกาส (Opportunities) และอปุ สรรค (Threats) ตอ่ การดาํ เนินงานขององค์การ ดงั น้ี

บทท่ี 1 ความหมายและความสำ�คญั ของธุรกจิ 9 2.1 สภาวะแวดลอ้ มทางสังคม ผู้ประกอบธุรกจิ ต้องรบั รู้และเขา้ ใจ ในสภาพแวดล้อม ของกลุ่มเป้าหมายท่จี ะดําเนนิ ธุรกจิ ดว้ ย เนือ่ งจากสภาพแวดล้อม ความเปน็ อยู่สังคม และวฒั นธรรม ของแตล่ ะพนื้ ท่มี ลี ักษณะทีไ่ มเ่ หมอื นกัน เชน่ ใน สงั คมเมอื งมีการแขง่ ขันกันสงู ทุกคนตอ้ งใชช้ ีวติ ด้วย ความเรง่ รีบ ดังนัน้ ดว้ ยสภาพ แวดลอ้ มทางสังคมทีไ่ มเ่ หมอื นกันผ้ปู ระกอบธรุ กิจจงึ ตอ้ งวเิ คราะห์ ความเปลี่ยนแปลง ทางสงั คมเพอ่ื นําข้อมูลมาวางแผนธรุ กิจ 2.2 สภาวะแวดลอ้ มทางกฎหมาย กฎหมายเปน็ พระราชบญั ญัติและ ระเบยี บ ข้อบงั คับเพื่อควบคมุ และอํานวยความสะดวกในการประกอบการธุรกิจ ดงั น้ันผ้ปู ระกอบธรุ กิจจงึ ตอ้ ง ศกึ ษากฎหมายทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับธรุ กิจของตนเอง เช่นพระราช บัญญตั โิ รงงาน พระราชบัญญตั ิควบคมุ สารพษิ และวตั ถุระเบิด ในดา้ นความเปน็ ธรรม และป้องกันการผูกขาด เช่น พระราชบัญญัตแิ รงงาน พระราชบญั ญัตคิ วบคมุ การค้ากาํ ไรเกนิ ควร เป็นต้น ระเทศในปัจจุบนั ไม่ 2.3 สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกจิ สภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ในปจั จบุ นั ภาวะเศรษฐกจิ ไมม่ คี วามเสถยี รภาพจะส่งผลต่อธรุ กจิ โดยตรง เนอื่ งจาก เศรษฐกิจ ามสมพันธ์กันและเศรษฐกิจยังมีผลต่อรายไดก้ ารใชจ้ ่ายของภาคประชาชน ดว้ ย 2.4 สภาวะแวดล้อมทางการเมือง การเมอื งส่งผลกระทบต่อนโยบาย การค้าขาย ประเทศโดยเฉพาะประเทศไทยซงึ่ มีการเปลีย่ นแปลงรัฐบาลแบบผสม ผสานพรรคบอ่ ยๆ เมื่อการเมอื ง ไม่มนั คงทาํ ใหต้ ่างชาติขาดความเชอื่ ถอื ซึ่งสง่ ผลกระ ทบต่อธุรกิจ เชน่ สนิ ค้าบางอย่างตอ้ งเสียภาษีข้ึน ธรุ กิจบางชนิดถกู ควบคมุ โดยเพิ่ม หลกั เกณฑ์มากขึ้นเศรษฐกิจชะงกั เนอื่ งจากเงินตราไหลออก นอกประเทศ เป็นตน้ 2.5 สภาวะแวดลอ้ มทางเทคโนโลยี ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี ส่ง ผลกระทบ องคก์ ารธุรกจิ ทั้งดา้ นโอกาสและอปุ สรรค ทําใหอ้ งค์การการดําเนินงานที่ เป็นระบบและรวดเร็ว ทันสมยั จงึ ทําใหอ้ งค์การพัฒนาอยา่ งรวดเรว็ ในหลายๆ ดา้ น แต่ การนําเทคโนโลยีมาใชใ้ นธุรกิจก็อาจ เป็นอปุ สรรคได้เช่นกนั เช่น เครอื่ งมอื อปกรณท์ ี่ ทันสมยั มาใชแ้ ทนแรงงานของคน สง่ ผลกระทบให้ องคก์ ารตอ้ งลดจํานวนพนกั งานลง เปน็ ตน้

10 บทที่ 1 ความหมายและความส�ำ คัญของธุรกจิ 2.6 สภาวะแวดล้อมผูบ้ รโิ ภค เปน็ บคุ คลทีม่ ีความสาํ คญั ตอ่ ธุรกิจ หากไม่มผี ู้ บริโภค องค์การก็ไมส่ ามารถอย่ไู ด้ ดังนน้ั ผู้ประกอบธุรกจิ ตอ้ งวเิ คราะห์พฤตกิ รรมผู้ บรโิ ภคทม่ี คี วามต้องการท่ี ไมส่ ิน้ สดุ และเปล่ียนแปลงไดต้ ลอดเวลาเพ่อื รกั ษาลกู ค้า เกา่ และแสวงหาลูกคา้ ใหม่ ผ้ปู ระกอบการ ตอ้ งรกั ษา ปรมิ าณ มาตรฐาน และคุณภาพ สินคา้ คอยปรับกลยทุ ธธ์ รุ กจิ และปอ้ งกัน การแทรกแซง องคก์ ารหรอื ธุรกจิ ทเี่ ปน็ คู่ แขง่ ขนั ด้วย 2.7 สภาวะแวดล้อมการแขง่ ขนั การแขง่ ขนั ทางธรุ กิจมที งั้ ขอ้ ดีและข้อ เสีย ขอ้ ดี ทําใหธ้ ุรกจิ มีความต่นื ตวั สนใจในเทคโนโลยแี ละมกี ารปรับตัวพฒั นาอยา่ งไม่ หยุดน่ิง เพอื่ รักษา ส่วนครองตลาดหรอื เพื่อให้ได้สว่ นครองตลาดมากข้นึ ขอ้ เสีย ถา้ บรษิ ัทคูแ่ ข่งขนั มีความกา้ วหน้ากว่า สามารถครองใจผู้บรโิ ภคได้มากกว่า ธุรกจิ อาจตอ้ ง ปดิ กิจการลงหากไมส่ ามารถส้กู ับคู่แขง่ ขนั ได้ 2.8 สภาวะแวดล้อมผ้ขู ายวัตถดุ ิบ วัตถดุ ิบเป็นปัจจัยสําคญั ในการผลิต หากวตั ถุดิบ มีคุณภาพก็จะสง่ ผลถึงผลติ ภณั ฑ์ทมี่ ีคณุ ภาพ หากผู้ขายวตั ถุดิบมีจาํ นว นมากรายธุรกจิ จะมอี ํานาจ การตอ่ รองสูงหากผขู้ ายวัตถุดิบมีน้อยรายธุรกจิ จะมีอํานา จการตอ่ รองตํ่า 2.9 สภาวะแวดลอ้ มสมาคมธุรกิจต่างๆ การมีวิสัยทัศนท์ ่ีกวา้ งไกล และ ร่วมกนั การรวมตวั กนั เปน็ สมาคมช่วยกันรักษาผลประโยชน์ท่ถี ูกต้องของสมอ ทาง ดา้ นวชิ าการและแลกเปลยี่ นประสบการณ์จะสง่ ตอ่ ธุรกจิ นั้นดว้ ย 2.10 ชมุ ชน การดาํ เนินธุรกิจนั้นย่อมเกีย่ วข้องกับชุมชน นํามาใช้ในชุม ชนน้นั ๆ โดยที่ไมอ่ ยภู่ ายใตก้ ารบังคบั ของกฎหมาย ดงั น้ันธุรกจิ แตล่ ะกลมุ่ เพอ่ื การดาํ เนนิ ธรุ กิจไดอ้ ยา่ งราบรืน่ และไม่ขัดตอ่ กฎระเบียบชมุ ชน

บทท่ี 1 ความหมายและความสำ�คัญของธรุ กิจ 11 ความส�ำ คัญของธรุ กจิ ธุรกจิ เป็นองคก์ รทจี่ ัดตงั้ ขนึ้ เพ่อื ด�ำ เนนิ งานในการสนองความตอ้ งการของผู้ บรโิ ภคหรอื ประชาชนโดยน�ำ ทรพั ยากรตา่ ง ๆ มาเข้ากระบวนการทเ่ี รยี กวา่ “การ ดำ�เนินธรุ กจิ ” ซง่ึ ธรุ กจิ เหลา่ นนั้ มีผลตอ่ การพฒั นาประเทศและสังคม



บทที่ 2 รปู แบบธุรกิจ 12 # บทท่ี 2 รปู แบบธุรกจิ

13 บทที่ 2 รูปแบบธรุ กจิ บทท่ี 2 รูปแบบธุรกิจ ในการประกอบธรุ กิจ ผ้ปู ระกอบธุรกจิ ต้องตัดสนิ ใจเลอื กรปู แบบการด�ำ เนินธรุ กจิ ของตนเองว่าจะ ด�ำ เนนิ งานในรปู แบบองค์กรธุรกจิ ประเภทใด ซง่ึ องคก์ รธุรกจิ ท่ดี �ำ เนินกิจการอยูใ่ น ประเทศไทยมหี ลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมวี ธิ ดี �ำ เนินงานผลดีและผลเสียที่แตกต่าง กนั จ�ำ แนกตามลกั ษณะเจ้าของธรุ กิจได้ 6 รปู แบบดังนี้ 1.กจิ การเจ้าของคนเดยี ว ( Single Proprietorship) 2.กิจการห้างหนุ้ ส่วน ( Partnership) 3.กิจการบรษิ ัทจ�ำ กัด (Limited Company) 4.กจิ การสหกรณ์ ( Co-operative Society) 5.กจิ การแฟรนไชส์ (Franchise) 6.กจิ การรัฐวสิ าหกจิ (State Enterprise)

บทท่ี 2 รูปแบบธรุ กิจ 14 องคป์ ระกอบของการประกอบธุรกจิ ถงึ แม้วา่ เรามีการจําแนกประเภทธรุ กิจมากมาย ในแตล่ ะยุคแต่ละสมยั ก็มี ธุรกจิ เกิดขนึ้ มากมาย แต่องคก์ ารธรุ กจิ กต็ อ้ งดําเนินการจัดกิจกรรมองค์ประกอบทาง ธรุ กจิ ท่ีมี ลกั ษณะเหมอื นๆ กนั ธุรกิจทุกประเภท ต่างมีหนา้ ทใ่ี นการตอบสนองค ด้าน ต่างๆ เพอื่ ใหผ้ ู้บริโภคได้รับ ความพอใจสงู สดุ เกดิ อรรถประโยชน์สูงสุด สามารถบําบดั ความ ตอ้ งการของผ้บู ริโภคไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ หน้าท่อี งค์การธุรกิจ (Business Funct การธรกิจท่สี ําคัญ (ศิรวิ รรณ เสรีรตั น์และคณะ, 2546: 27-28) โอ.ซี. เฟอร์เรลล์ และ เกอรเ์ ฟรย์ 2551, 5) ไดก้ ลา่ วว่า กิจกรรมเบื้องต้นของการทําธุรกจิ ไดแ้ ก่ การจัดการ การตลาด และ ภาระเงนิ จะเหน็ ได้ว่าถึงแม้ว่าเรามีการจําแนกประเภทธุรกจิ มากมาย ในแต่ละยคุ แตล่ ะสมยั กม็ ีธุรกิจ ประเภทต่างๆเกดิ ขน้ึ มากมาย ซึง่ ธรุ กจิ ตอ้ งดาํ เนินการ จัดกิจกรรมทางธรุ กิจทีม่ ลี ักษณะคล้ายๆกนั ธรกิจทกุ ประเภทตา่ งมหี นา้ ที่ในการตอบ สนองความต้องการของผูบ้ รโิ ภคในดา้ นต่างๆ เพอื่ ให้ ผู้บรโิ ภคไดร้ ับความพอใจสูงสุด และเกิดอรรถประโยชนส์ ูงสดุ กจิ กรรมทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั ธุรกิจตาม องค์ประกอบการประกอบธุรกิจ มีดงั ต่อไปนี้ 1 การจัดการองคก์ าร เป็นกจิ กรรมท่ีทาํ ให้องคก์ ารสามารถจดั รูปแบบการทํา งานของ บุคลากรภายในองค์การไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ และการจัดระบบความ สัมพันธร์ ะหวา่ งส่วนงานตา่ งๆ โดยกาํ หนดภารกจิ อํานาจหน้าท่แี ละความรับผดิ ชอบ ใหช้ ดั แจ้ง เพ่อื ให้การดําเนินงานตามภารกจิ ขององค์การบรรลุวตั ถุประสงคแ์ ละเปา้ หมายอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ล โดยการใช้ ทรัพยากรให้เกดิ ประโยชน์ สูงสุด 2. การผลิตและการดําเนนิ งาน เป็นกิจกรรมการนาํ เอาวตั ถุดิบมาผ่าน กระบวนการแปรสภาพ เพอื่ ทําให้เกดิ สนิ คา้ โดยผา่ นกระบวนการภายในองคก์ ารท่ใี ช้ ปจั จยั นําเข้า (Input) เชน่ คน เงินทุน วตั ถดุ ิบ และแปรรปู ใหก้ ลายเป็นปัจจยั นํ้าออก (Output) ในรปู ของสนิ ค้าและบริการ รวมถงึ เป็น การวางแผนและการตดั สนิ ใจเพ่ือ การผลติ สนิ คา้

15 บทที่ 2 รูปแบบธรุ กจิ การตลาด เปน็ กจิ กรรมการดาํ เนินการเพ่อื จะทาํ ให้สนิ คา้ หรือบรกิ ารทผ่ี ลติ แลว้ ได้รบั การเปล่ียนมอื ไปถึงมอื ผู้บรโิ ภค โดยมกี ระบวนการของการส่ือสารคณุ คา่ ของผลิตภัณฑ์หรือบรกิ าร เบองผบู้ รโิ ภคการตลาดเป็นศลิ ปะแห่งการกระจายสินค้าสู่ ผู้บริโภคสินค้า และการตลาดเป็นศลิ ปะ ของการเมอื งตลาดเปา้ หมาย เพ่ือการได้มา ซง่ึ ลูกค้ารายเกา่ และการรกั ษาลกู คา้ รายใหม่ การบอกซิและการเงิน เป็นกิจกรรมกา รด้าเนนิ การเก็บบันทกึ ขอ้ มลู การดําเนนิ งาน การจดั หาเงินทนุ การใชเ้ งนิ ทนุ และลงทุน อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รูปแบบธุรกจิ ในประเทศไทย 1. ธรุ กิจเจา้ ของคนเดยี ว เจ้าของธุรกจิ หรือลงทุนทางธุรกจิ เจา้ ของคนเดยี ว คอื กจิ การทีม่ บี คุ คลคนเดยี ว เมอื่ ผลสําเร็จมีผลกาํ ไรกจ็ ะไดร้ บั คนเดยี ว มีการควบคมุ การดาํ เนินงานเองท้ังหมด เมอื ก ผลตอบแทนเพียงคนเดยี ว ในขณะเดียวกนั กย็ อมรบั การ ซงึ่ เจ้าหน้มี สี ิทธเิ รยี ก ร้องเอาทรพั ย์สนิ ของเจ้าของได้ อา ผู้ประกอบธุรกิจการประเภทนีม้ อี ยู่เป็นจํานวนมาก ในประเทศ ได้รบั ความนยิ มสูงสดุ และเปน็ ธร3 นการตดั สินใจดําเนินงาน กิจการมี ทเี่ กา่ แก่ท่สี ุด การดําเนินงานไม่สลับซับซ้อน มี ความคลอง ขนาดเล็กกวา่ ธรุ กิจประเภทอืน่ ตัวอยา่ งกจิ การประเภทน้ี เชน่ หาบเร่ แผงลอย รา้ นค้าปลีก ร้านคา้ รบั ประเทศไทยหากเปน็ กิจการที่เขา้ ข่าย รา้ นเสริมสวย ร้ายตัดเยบ็ เสือ้ ผ้า การทาํ ไร่ ทาํ นา เปน็ ตน้ สําหรับประเทศเทย ต้องการจดทะเบียนพาณิชยต์ ามพระราชบัญญัติ ทะเบยี นพาณิชย์ พ.ศ. 2499 ตอ้ งดําเนนิ การขอจด ทะเบียนพาณิชย์ ตามข้ันตอน ดังน้ี 1.1 การจดทะเบยี นพาณิชย์ ตามพระราชบัญญัติทะเบยี นพาณชิ ย์ พ.ศ. 2499 มี 3 ประเภท ได้แก่ (กรมพัฒนาธรุ กจิ การค้า, 7 พฤศจกิ ายน 2557) 1.1.1 จดทะเบยี นพาณชิ ย์ ผ้ปู ระกอบการต้องยื่นขอจด ทะเบียนภายใน 30 วนั นบั ตั้งแตว่ ันที่เริ่มประกอบกจิ การ

บทที่ 2 รปู แบบธรุ กจิ 16 1.1.2 จดทะเบียนแก้ไขเปลย่ี นแปลงรายการทะเบียนพาณชิ ย์ ผู้ประกอบการต้อง ยื่นขอเปลี่ยนแปลงภายใน 30 วนั นบั ตั้งแตว่ ันท่ีมีการเปลย่ี นแปลง รายการทีจ่ ดไวเ้ ดิม 1.1.3 การจดทะเบียนเลิกประกอบกจิ การพาณชิ ย์ ผู้ประกอบ การต้องยนื่ ขอจด ทะเบียนภายใน 30 วนั นบั ต้ังแต่วันเลิกกจิ การพาณิชย์ 1.2 การยนื่ ขอจดทะเบียนพาณิชย์ ตามพระราชบญั ญตั ิทะเบยี น พาณิชย์ พ.ศ. 2499 ผปู้ ระกอบการยนื จดทะเบียนพาณชิ ย์ มกี ระบวนการ ดงั นี้ 1.2.1 ผปู้ ระกอบการยืน่ จดทะเบียนพาย ทพ.) ณ สาํ นกั งาน ทะเบียนพาณิชยใ์ นเขตทีส่ ํานักงาน มอบอํานาจให้ผ้อู ื่นทําแทนได้ โดยแนบหนงั สอื มอ บอํานาจ 1.2.2 เมื่อยื่นคาํ ขอแลว้ ชําระค่า พาณชิ ย์ (แบบ พค.0403) 1.3 กจิ การที่ตอ้ งจดทะเบียนพาณิชย์ตามกฎหมาย กิจการที่ตอ้ งเขา้ ค่ายจดทะเบียนพาณชิ ย์ตามพระราชบัญญัติทะเบยี น พ.ศ.2499 (กรมพัฒนาธุรกิจการคา้ 7 พฤศจกิ ายน 2557) 1.3.1 ผู้ประกอบการโรงสีหรือโรงเรื่อยท่ใี ช้เคร่อื งจกั ร 1.3.2 ผู้ประกอบการขายสนิ ค้าไม่ว่าอยา่ งใดๆ อย่างเดยี วหรอื หลายอยา่ ง คิดรวม ทงั้ ส้นิ ในวันหน่ึงขายไดเ้ ป็นเงินตงั้ แต่ 20 บาทขนึ้ ไป หรอื มีสนิ คา้ ดงั กลา่ วไว้เพ่ือขายมีค่ารวมทง้ั สิ้น เปน็ เงินต้ังแต่ 500 บาทขน้ึ ไป 1.3.3 นายหน้าหรือตัวแทนการค้าต่างซึง่ ทาํ การเก่ียวกบั สินคา้ ไมว่ า่ อย่างใดๆ อย่าง เดยี วหรือหลายอยา่ งก็ตามการขายสินค้านนั้ มีค่ารวมทั้งสนิ้ ใน วนั หนง่ึ วันใดเป็นเงนิ ต้งั แต่ 20 บาท ขึน้ ไป 1.3.4 ผปู้ ระกอบกิจการหตั ถกรรมหรอื อตุ สาหกรรมไมว่ า่ อย่าง ใดๆ อย่างเดยี วหรือ หลายอยา่ งกต็ าม และขายสินคา้ ท่ีผลติ ได้ คดิ ราคารวมทง้ั ส้นิ ใน วันหน่ึงวันใด เปน็ เงนิ ตั้งแต่ 20 บาท ขึ้นไป หรือในวันหนง่ึ วันใดมสี ินค้าท่ผี ลิตไดม้ ี ราคารวมทง้ั สิ้นตัง้ แต่ 500 บาทขน้ึ ไป

17 บทที่ 2 รปู แบบธุรกจิ 1.3.5 ผู้ประกอบกิจการทางทะเล การขนสง่ โดยเรือกลไฟ หรือ เรอื ยนตป์ ระจําทาง การขนสง่ โดยรถไฟ การขนส่งโดยรถราง การขนส่งโดยรถยนต์ ประจําทาง การขายทอดตลาด การรบั ซอื้ ขายทด่ี ิน การให้กยู้ มื เงิน การรบั แลกเปลย่ี น หรอื ซอ้ื ขายเงินตราตา่ งประเทศ การธนาคาร การซอื้ ขายตั๋วเงิน การโพยก๊วน การทาํ โรงรับจาํ นําและการทําโรงแรม 1.3.6 ผปู้ ระกอบกจิ การขายหรือใหเ้ ช่าเทปเพลง วิดโี อเทป ซีดี เพลง วีซดี ี ดวี ดี ี เฉพาะเกย่ี วกบั ความบนั เทงิ 1.3.7 ผ้คู า้ อัญมณีหรือเครื่องประดับซ่งึ ประดบั ด้วยอญั มณี 1.4 กิจการท่ไี ด้รบั การยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนพาณชิ ย์ ตามพระ ราชบญั ญตั ิทะเบยี น พาณิชย์ พ.ศ. 2499 กจิ การท่ีได้รบั การยกเว้นไม่ตอ้ งจดทะเบยี น พาณิชย์ มดี งั นี้ (กรมพฒั นาธุรกจิ การค้า, 7 พฤศจกิ ายน 2557) 1.4.1 การค้าเร่ การค้าแผงลอย 1.4.2 กจิ การเพือ่ การบาํ รงุ ศาสนาหรือเพ่ือการกุศล 1.4.3 กิจการของนติ บิ ุคคลซึ่งไดม้ พี ระราชบญั ญตั หิ รอื พระราช กฤษฎีกาจดั ตัง้ ขึ้น 1.4.4 กิจการของกระทรวง ทบวง กรม 1.4.5 กิจการของมูลนธิ ิ สมาคม สหกรณ์ 1.4.6 กิจการซง่ึ รฐั มนตรไี ด้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 1.4.7 ข้อดีและขอ้ เสยี ของธุรกจิ เจ้าของคนเดยี ว 1.5 ข้อดีและข้อเสยี กจิ การเจา้ ของคนเดยี ว การดาํ เนินธุรกิจเจ้าของคนเดยี วจะมที ัง้ ขอ้ ดแี ละข้อเสีย ดังน้ี 1.5.1 ขอ้ ดี 1) ง่ายและสะดวกในการจดั ต้งั เนือ่ งจากธรุ กิจเจา้ ของคนเดียว ารขนาดเล็กและใช้เงินลงทุนค่อนข้างต่ํา จึงทําใหม้ คี วามสะดวกและง่ายต่อการ 2) มีอสิ ระในการดําเนินงาน เนอ่ื งจากธุรกิจเจ้าของคนเดยี ว สามารถ อกับการดาํ เนินธุรกิจของตนเองไดอ้ ย่างอสิ ระและคล่องตัวในการบรหิ าร กจิ การ

บทท่ี 2 รูปแบบธุรกจิ 18 3) ไดร้ บั ผลกาํ ไรคนเดยี ว เนอื่ งจากธุรกิจเจ้าของคนเดียวเมื่อ กิจการ กาเรจ็ งึ ทําใหไ้ ด้รับผลตอบแทนเพยี งคนเดยี ว เป็นการสรา้ งแรงจูงใจและสง่ ผล ต่อจิตใจแกผ่ ู้ประกอ ธุรกิจเนื่องจากทาํ ธุรกิจแล้วไดร้ ับผลตอบแทนด้วยตัวเองโดยไม่ ต้องแบง่ ใหใ้ คร 4) มขี อ้ บงั คับทางกฎหมายน้อย ไมย่ งุ่ ยากเท่ากับรูปแบบหา้ ง ห้นุ สว่ นแล บรษิ ทั 5) ง่ายตอ่ การปดิ กิจการ เนอ่ื งจากธรุ กิจเจ้าของคนเดยี วทาํ เพียงคนเดียว ดังนัน้ หากผู้ประกอบธรุ กจิ มคี วามประสงคอ์ ยากปิดกจิ การก็สามารถทํา ไดท้ นั ที 6) ดา้ นการเสยี ภาษี เน่อื งจากธรุ กิจเจ้าของคนเดียวจึงเสยี ภาษี เงนิ ได้ บคุ คลธรรมดาซ่งึ เป็นอตั ราที่ต่�ำ กว่าภาษีเงินได้นิติบุคคลในรูปแบบของบรษิ ัท 1.5.2 ขอ้ เสยี 1) เจา้ ของกิจการรับผิดชอบไม่มีทส่ี ้ินสดุ คนเดยี ว เม่อื มีปัญหา เกดิ ขน้ึ กบั กิจการรวมถึงปัญหาหน้สี นิ ทัง้ หมด ผู้ประกอบธุรกิจต้องรบั ผดิ ชอบโดยไม่ จํากดั จํานวน 2) มีทุนจํากัดและยากต่อการหาทุนมาเพม่ิ เติม เน่อื งจากธรุ กจิ เจา้ ของ คนเดียวจึงยากแก่การจัดหาเงินทุนเน่ืองจากเปน็ กิจการทส่ี ่วนใหญจ่ ะถกู มอง ว่าไม่คอ่ ยมีความมั่งคง ทางธุรกจิ 3) ขอ้ จํากัดการจัดหาบคุ ลากร เนอื่ งจากธุรกิจเจา้ ของคนเดยี ว ส่วนใหญจ่ ะ ถูกมองวา่ ไมม่ คี วามม่ันคง อาจปดิ กิจการเมอ่ื ใดก็ไดเ้ พราะสามารถทาํ ได้ ง่าย ดังนนั้ การหาบุคลากร ความรู้ ความสามารถเขา้ มารว่ มงานไดย้ าก 4) ความสามารถในการคิดและการบรหิ ารงานมจี ํากัด การคดิ และ การตดั สนิ ใจเพยี งคนเดยี วอาจทําให้เกดิ การผิดพลาดได้ 5) ขาดตอ่ เนือ่ งในการดําเนินงาน เนือ่ งจากธรุ กิจเจา้ อายุ ของกจิ การจะขึ้นอยู่กบั อายุของผู้ประกอบธรุ กิจเช่นกนั ถ้ากิจการไมม่ คี น ล้มเลกิ ปดิ กิจการไปในท่สี ดุ



บทท่ี 3 การจดั การทั่วไป 19 # บทที่ 3 การจดั การทั่วไป

20 บทที่ 3 การจัดการท่วั ไป บทท่ี 3 การจัดการทัว่ ไป ลกั ษณะของการจดั การ การจดั การ (management) เปน็ กระบวนการทีอ่ อกแบบเพ่ือบรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ขององคก์ ร โดยใชท้ รพั ยากรอย่างมีประสทิ ธผิ ลและมปี ระสิทธิภาพ ในสภาพแวดลอ้ มทีเ่ ปลีย่ นแปลงไป โดยท่ี ประสทิ ธผิ ล (efective) หมายถึงการ บรรลวุ ตั ถุประสงค์ทีต่ ั้งใจเอาไว้ ขณะที่ ประสทิ ธิภาพ (eficient) หมายถึงการบรรลุ วัตถุประสงคโ์ ดยใช้ทรัพยากรน้อยทสี่ ดุ ส่วน ผู้จัดการ (manager) หมายถึงบคุ คล ในองคก์ รซงึ่ ตดั สนิ ใจเกี่ยวกบั การใช้ทรพั ยากร การวางแผน การจัดองค์กร ภาวะผู้ นํา และการควบคุม กจิ กรรมในองค์กร เพอ่ื ใหบ้ รรลุเปา้ หมายท่ีต้ังไว้ การจดั การ คอื ศาสตร์ท่ีเปน็ สากล การจดั การมิได้ ใชใ้ นธุรกิจทีม่ เี ปา้ หมายอยทู่ ่กี ําไรเท่านนั้ แต่ ยังมีการใช้การจัดการในรัฐบาล หน่วยงานของทหาร สหภาพแรงงาน โรงพยาบาล โรงเรยี น รวมถึงกลุม่ ทางศาสนาดว้ ย เพราะองคก์ รใด ๆ ก็ตามต้องการ การประสาน งานของทรัพยากรต่าง ๆ เชน่ เดียวกับองคก์ รธรุ กจิ หน้าทก่ี ารจัดการ การประสานการใช้ทรพั ยากรตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหธ้ ุรกจิ สามารถพฒั นา สร้าง และ ขยายผลิตภณั ฑ์ ได้น้ัน ผ้จู ัดการจะตอ้ งเก่ยี วขอ้ งกบั กล่มุ ของกจิ กรรม ไดแ้ ก่ การ วางแผน การจัดการองคก์ ร การจดั คนเข้าทํางาน การอํานวยการ และการควบคุม (พจิ ารณารูปที่ 7.1) แม้วา่ ในบทนีจ้ ะอธบิ ายสว่ นตา่ ง ๆ แยกจากกนั แตห่ น้าท่ที ้ัง 5 ส่วนเกีย่ วข้องกัน และผู้จดั การตอ้ งทําหน้าทีด่ งั กลา่ วอยา่ งนอ้ ย 2 หน้าท่ี ในเวลา เดียวกัน การวางแผน การวางแผน (planning) คอื กระบวนการในการกําหนดวตั ถุประสงคข์ อง องคก์ ร การตดั สนิ ใจวา่ กิจการจะบรรลวุ ตั ถุประสงคด์ งั กล่าวได้ดว้ ยวิธใี ด การวางแผน จัดว่าเปน็ หน้าท่ี ของการจดั การ การวางแผนเป็นกจิ กรรมท่สี าํ คญั อยา่ งยงิ่ ยวด เพราะ เป็นการออกแบบเคา้ โครง เพ่ือวางแผนงานที่เปน็ พืน้ ฐานสาํ หรบั องค์กรทง้ั องคก์ ร

บทที่ 3 การจดั การทัว่ ไป 21 ท้งั น้กี ารวางแผนรวมถงึ การพยา เหตกุ ารณ์ทจี่ ะเกิดข้นึ ในอนาคต และการตัดสินใจ เลือกวธิ กี ารกระทาํ ที่ดีท่สี ดุ จากทางเลือก ความหมาย การแปรสภาพปจั จัยการผลติ โดยอาศัยกรรมวิธีและเทคโนโลยีต่างๆ ใหเ้ ปน็ ผลผลติ ตามต้องการ การผลติ จะต้องเก่ยี วข้องกบั 1.วตั ถุดิบ 2.กรรมวิธใี นการเปลย่ี นแปลง 3.เกิดส่ิงของหรือบริการท่ีนำ�มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ปยั จัยการผลิต 1.ผู้ประกอบการ 2.ทนุ 3.แรงงาน 4.ที่ดิน การวางแผนการจดั ประเภทตามขนั้ การผลิต -การผลติ ขั้นแรก (primary production) -การผลิตขั้นสอง (secondary production) -การผลติ ขัน้ สาม (tertiary production)



บทท่ี 4 จรรยาบรรณและคณุ สมบัติของผ้ปู ระกอบธรุ กจิ 22 # บทที่ 4 จรรยาบรรณ และคณุ สมบตั ขิ องผู้ประกอบธุรกจิ

23 บทท่ี 4 จรรยาบรรณและคณุ สมบัตขิ องผปู้ ระกอบธุรกจิ บทท่ี 4 จรรยาบรรณและคุณสมบัตขิ องผปู้ ระกอบธรุ กจิ ความหมายจริยธรรมทางธรุ กิจ จรยิ ธรรมในการสื่อสารของธุรกจิ มักเกย่ี วข้องกับคาํ ถามในเร่อื งความโปร่งใสท่ี หมายถงึ การใหโ้ อกาสผู้เกยี่ วขอ้ งในการตรวจสอบขอ้ มลู ที่เก่ยี วข้องกบั ขอ้ ตกลงการค้า หรือการตดั สินใจ ธุรกิจ ในระดับทีเ่ พียงพอต่อการตอ่ การตดั สินใจใดๆ ของผเู้ กย่ี วข้อง แตเ่ ราไมส่ ามารถทจี่ ะเปดิ เผย ขอ้ มลู ทกุ เรอื่ งกับทุกคน โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ขอ้ มูลใน ทางการเงินท่เี ปน็ ความลบั แต่คงจะง่ายขน้ึ ถา้ มองไปท่ีความต้องการของแต่ละกลุ่ม และให้ขอ้ มูลเฉพาะที่จําเป็นและเปน็ ความจรงิ กบั แตล่ ะกลุม่ เหลา่ นนั้ (โคทแลนด์ โบวี่ และธิล จอฮ์น, 2552: 21) ในการดาํ เนนิ ธรุ กิจ มกั ต้องเลือกระหว่างกาํ ไร กบั สงิ่ ทเี่ ห็น ว่าถกู ตอ้ งเหมาะสม ซึง่ วธิ ีท่ดี ีทีส่ ดุ ในการตดั สนิ ใจอยา่ งมีจรยิ ธรรม คือมองสถานการณ์ ด้วยมมุ มองของลกู ค้าหรือคแู่ ข่งขัน (โอ.ซ.ี เฟอรเ์ รลล์ และ เกอร์เฟรย์ เฮรทิ , 2551: 27) จริยธรรมใน กรประกอบธุรกิจนนั้ ยอ่ มต้องมมี าตรฐานจริยธรรม โดยจะกําหนดไว้ เป็นหลกั จรรยาบรรณ (code of ethics) เพอื่ ใช้เปน็ กรอบในการดาํ เนินธุรกจิ ของนัก ธุรกิจ ทีไ่ มข่ ัดตอ่ กฎหมาย ศีลธรรมและวัฒนธรรม ท่ามกลางการแข่งขันทางธรุ กจิ ที่ทวคี วามรุนแรง จรรยาบรรณและหลกั ปฏบิ ตั วิ ิชาชีพ จึงมคี วามส�ำ คญั และเป็นประโยชน์อยา่ งยิง่ ตอ่ ธุรกิจหลักทรพั ย์ ท้ังนเ้ี พ่ือปอ้ งกนั ความ เสียหายทอ่ี าจเกิดข้ึนกบั ระบบธรุ กิจโดยรวม จรรยาบรรณเปน็ หลักการในการท�ำ งานที่พนกั งานพงึ ปฏิบตั ดิ ว้ ยจติ สำ�นกึ ทีม่ ี คณุ ธรรมและมคี วามเสมอภาค 1. ความซื่อสัตย์ ความเป็นธรรม และความรับผดิ ชอบในการประกอบธรุ กจิ บรษิ ทั ฯ มีการด�ำ เนินธุรกิจอยา่ งซือ่ สัตยแ์ ละสุจริต รวมท้ัง ใหบ้ ริการแกล่ ูกค้าอยา่ ง เป็นธรรม และมีความโปร่งใส นอกจากน้ี ต้องไมด่ �ำ เนนิ การใดๆ อนั เป็นการละเวน้ หรือหลีกเลี่ยงการปฏิบัตหิ น้าท่ีหรอื ปฏเิ สธความรบั ผดิ ชอบ ทบี่ รษิ ัทฯพงึ มีตอ่ ลูกค้าท่ี สุจริต

บทท่ี 4 จรรยาบรรณและคุณสมบตั ิของผูป้ ระกอบธุรกจิ 24 2. การประกอบธุรกิจเยีย่ งผู้ประกอบวชิ าชีพ บริษัทฯ มีการดำ�เนินธุรกจิ ด้วยความร้คู วามเขา้ ใจ ความชำ�นาญ ความระมัดระวงั และ ความเอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ตั งิ านเย่ียงผปู้ ระกอบวิชาชีพพึงกระทำ� รวมท้ัง ควรตระหนัก ถึงความเสย่ี งท่อี าจเกิดข้ึนจากการประกอบธรุ กิจ และจดั ใหม้ ีระบบรองรบั การดำ�เนิน ธรุ กิจและระบบควบคมุ ภายในอยา่ งเหมาะสม และมี ประสิทธภิ าพ 3. การปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์และมาตรฐานท่ีก�ำ หนด บริษัทฯ มกี ารปฏิบตั ติ ามมาตรฐานท่ีดีในการประกอบธุรกิจ และต้องปฏิบตั ิอย่าง เคร่งครัดให้เปน็ ไปตามกฎหมายหรอื กฎระเบียบต่างๆ ที่ออกโดยองค์กรก�ำ กบั ดแู ล รวมท้งั ค�ำ นงึ ถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือกฎระเบียบดงั กล่าวดว้ ย และ ไมก่ ระทำ� การชว่ ยเหลือ หรอื ยอมเปน็ เคร่ืองมอื ทจ่ี ะทำ�ให้เกิดการละเวน้ หรือ หลกี เล่ยี งการ ปฏิบัตติ ามกฎหมายหรือกฎระเบยี บดังกล่าว 4. การรู้จักลกู คา้ บรษิ ทั ฯ ควรมีขอ้ มูลของลูกค้าอยา่ งเพยี งพอ เพื่อสามารถใหบ้ ริการลูกคา้ ไดอ้ ย่าง เหมาะสม 5. การเปดิ เผยขอ้ มูลแก่ลูกค้า บริษัทฯมีการเปิดเผยข้อมูลท่ถี ูกตอ้ ง ครบถ้วน ทนั เวลา และเหมาะสม ใหแ้ กล่ กู ค้า ทราบอยา่ ง เพียงพอเพอ่ื ประโยชนใ์ นการใช้บรกิ ารกบั บรษิ ัทฯ รวมถึงการใหข้ ้อมลู ที่ เป็นประโยชน์และเปน็ ปจั จุบัน เพอื่ ใช้ประกอบการพจิ ารณาตัดสนิ ใจลงทุน 6. การรกั ษาความลบั ของลกู ค้า บริษทั ฯ พึงรักษาขอ้ มูลท่ีเปน็ ความลับของลกู คา้ และป้องกนั การน�ำ ขอ้ มลู ท่ีอาจนำ�ไป หาประโยชน์โดยมชิ อบ หรอื ทำ�ใหเ้ กิดความเสยี หายแกเ่ จา้ ของข้อมลู หรือบุคคลอืน่ ๆ 7. การปอ้ งกันความขดั แยง้ ทางผลประโยชน์ บริษทั ฯ มีมาตรการที่จะจัดการกับสถานการณท์ อ่ี าจก่อให้เกดิ ความขดั แย้งทางผล ประโยชน์ ระหวา่ งบริษัทฯและลูกคา้ เพ่อื ให้เกดิ ความเป็นธรรมตอ่ การให้บริการแก่ ลูกค้า

25 บทที่ 4 จรรยาบรรณและคุณสมบตั ขิ องผ้ปู ระกอบธรุ กจิ 8. การเกบ็ รักษาทรพั ย์สินของลกู ค้า บริษัทฯต้องดูแลและเกบ็ รักษาทรพั ยส์ นิ ของลกู ค้าใหป้ ลอดภยั และมวี ธิ กี ารทีเ่ หมาะ สมในการ ปอ้ งกนั มใิ หท้ รพั ย์สินของลกู คา้ เกดิ ความเสียหาย รวมถึงมรี ะบบการบันทกึ ขอ้ มูลทรพั ย์สินของลกู คา้ ทส่ี ามารถระบเุ จา้ ของ ทรัพยส์ ินไดท้ นั ที 9. การดำ�รงฐานะการเงนิ บริษทั ฯตอ้ งประเมนิ ความเส่ยี งท่ีอาจเกดิ ขนึ้ และส่งผลกระทบตอ่ ฐานะและการ ดำ�เนนิ งานของบรษิ ทั ฯ รวมทัง้ มกี ารวางแผนการจดั สรรเงินทนุ ใหเ้ พยี งพอท่ีจะรองรับความ เสี่ยงดัง กล่าวและภาระผูกพนั ใดๆจากการดำ�เนนิ ธรุ กจิ 10. การใหค้ วามร่วมมอื กบั องค์กรก�ำ กับดแู ล บรษิ ัทฯมนี โยบายใหค้ วามรว่ มมอื กับองค์กรกำ�กบั ดแู ลอย่างเตม็ ท่ี เพ่ือสรา้ งความเชอ่ื มนั่ ในความเป็นองคก์ รทีส่ ามารถกำ�กับดูแลตนเอง จรยิ ธรรมของผู้บรหิ าร จรยิ ธรรมทก่ี ําหนดไว้สําหรบั ผบู้ ริหารอาจไม่เหมอื นกนั ในทุกองคก์ ารล้วนมี ความแตกต่างกัน ออกไป แต่โดยทั่วไปจรยิ ธรรมหลักของผู้บริหารองค์การ ประกอบ ดว้ ย ปราศจากอคติ และความภักดีตอ่ องคก์ าร 1. ผบู้ ริหารจะตอ้ งมีความซอื่ สัตย์สจุ รติ พูดความจรงิ จริงใจ เปิดเผย ซอื่ ตรง ตรงไปตรงมา 2. ผู้บรหิ ารจะตอ้ งบริหารงานดว้ ยความรอบคอบ มีวสิ ัยทัศน์ เป็นผ้กู ําหนด พนั ธกิจของ องคก์ ารให้ชัดเจน วางมาตรฐานในการปฏบิ ตั งิ าน ดูแลการจดั ระเบยี บ ทรพั ยากรณ์มนุษย์ พฒั นา ความสมั พนั ธ์ท่ดี กี ับหนว่ ยงานภายนอก รับใช้สงั คมหรอื มี บทบาททางสงั คมอนื่ ๆ 3. ผู้บริหารจะต้องให้ความเสมอภาค ต่อบคุ ลากรทุกคนอย่างเท่าเทยี มกนั ไม่มกี ารเลอื กทีร่ ัก มกั ทช่ี งั มีความยุติธรรมเปิดใจ ใจกวา้ งตอ่ ความแตกตา่ งของแตล่ ะ บคุ คล 4. ผู้บริหารจะตอ้ งใหค้ วามยตุ ธิ รรม ต่อผู้มสี ่วนได้ส่วนเสยี ต่อองค์การ เชน่ เจ้า หน้ี ลกู ค้า ผ้ถู ือหุ้น และคู่คา้ ฯลฯ

บทท่ี 4 จรรยาบรรณและคุณสมบัตขิ องผู้ประกอบธุรกจิ 26 5. ผ้บู ริหารจะต้องมีความรับผดิ ชอบตอ่ ชุมชน และสังคมและประเทศชาติ เปน็ สว่ นรวม ไมเ่ หน็ แกผ่ ลประโยชนส์ ่วนตน ผลประโยชน์ทางธุรกจิ จนเบยี ดเบียน สงั คมหรือสรา้ งความเดือดร้อน ใหแ้ กส่ ังคมสว่ นรวม มสี ว่ นร่วมทางสังคมและบริการ สาธารณะ 6. ผ้บู รหิ ารตอ้ งทําประโยชนใ์ หแ้ ก่บุคคลอื่น ตอ้ งพร้อมที่จะเสียสละตนเพ่อื นึกถงึ ประโยชน์ ของบคุ คลอืน่ เป็นที่ต้งั พร้อมทจี่ ะใหค้ วามอนุเคราะหแ์ กบ่ ุคลากร ไม่ กระทาํ ตนเปน็ คนเบียดเบียน ผูอ้ ื่น ผู้รว่ มงานผูใ้ ตบ้ ังคบั บญั ชา รวมทั้งดูแลทกุ ข์สุขขอ งบุคคลากรในองค์การ 7. ผบู้ รหิ ารตอ้ งไมม่ ีอคติใดๆ ต่อบุคคลทเี่ ก่ียวขอ้ งกับตนไมว่ ่าจะเป็น ผรู้ ว่ ม งานผู้ใตบ้ งั คับ บญั ชา มีคณุ ธรรมท่เี ปน็ เคร่อื งผูกนํ้าใจบคุ คลอืน่ พฒั นาบุคลากรท่ี เกยี่ วขอ้ ง รวมทงั้ ผู้บริหารเองดว้ ย มีความจรงิ ใจตอ่ ผู้รว่ มงาน ผูใ้ ต้บังคบั บญั ชาต่อ บคุ คลทั่วไป 8. ผ้บู ริหารมีความรอบรู้ หมนั่ ศึกษาหาความร้อู ยู่เสมอ และมคี วามรู้รอบด้าน รวมถึงพัฒนา บคุ ลากร พฒั นางาน และพฒั นาองค์กร ให้สาํ เร็จตามวตั ถปุ ระสงค์ 9. และผบู้ รหิ ารควรมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรณุ า มทุ ติ า อุเบกขา เปน็ ธรรมประจาํ ใจ ความเมตตา รกั ทม่ี งุ่ เพ่ือปรารถนาดีต่อผู้อ่ืนและตนเอง โดยไม่หวงั ผล ตอบแทนใดๆ ความกรณา มีจิตสงสาร มคี วามปรานี ปรารถนาให้ผ้อู น่ื พ้นทกุ ข์ มีจติ ทไี่ มม่ ีความอิจฉารษิ ยาเจอื ปน พลอยยินดีเม่ือผูอ้ ืน่ ได้ดมี ีความสขุ เปิดเบก ขา การวางเฉยต่ออารมณ์ทมี่ ากระทบ รักษาใจเปน็ กลาง

27 บทที่ 4 จรรยาบรรณและคณุ สมบัตขิ องผปู้ ระกอบธรุ กจิ ปญั หาการละเมดิ จริยธรรมในองค์การ การอภปิ รายเกยี่ วกับปัญหาจรยิ ธรรมทางธรุ กจิ จะ เกี่ยวกบั ปัญหาจรยิ ธรรมทางธุรกจิ จะชว่ ยให้บุคคลเริม่ มีความรู้ด้านปัญหาทาง จรยิ ธรรมและร้วู า่ บุคลากรของธุรกจิ ควรตดิ ใชอ้ าบุคลากรของธุรกจิ ควรตดั สินใจอยา่ งไร (โอ.ซ.ี เฟอรเ์ รลล์ และ เกอรเ์ ฟรย์ เฮ ริท 2551: 27) ผู้บรหิ ารหรอื ผู้ประกอบการธุรกจิ จะทําการตดั สินใจไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เมือ่ องค์การตอ้ งเผชญิ กบั ปญั หาการตดั สนิ ใจเก่ยี วกบั จรยิ ธรรม การปฏบิ ตั ทิ ่ขี าด จริยธรรมส่วนใหญซ่ ่ึงเปน็ ผลมาจากศลี ธรรม ท่ีมีอยใู่ นตัวบคุ คล จากสภาวการณ์แรง กดดันทั้งภายในและภายนอกที่เกดิ ขึ้น สาเหตแุ ห่งปญั หา การละเมิดจรยิ ธรรมของ องค์การพอสรุปได้ดงั นี้ 1. เป้าหมายส่วนบุคคล บุคคลมกั ยึดถือเป้าหมายหรอื ความตอ้ งการของตน เปน็ หลกั จนมี ผลต่อการละเมดิ จริยธรรมเกิดขน้ึ เช่น ความตอ้ งการทีจ่ ะไดเ้ ลื่อนขนั้ เลือ่ นตําแหน่งหรือการต้องการ ได้รับการยอมรับ เปน็ ตน้ 2. เปา้ หมายองค์การ การละเมดิ จริยธรรมอาจเกดิ จากการที่บคุ ลากรใน องคก์ ารตอ้ งการ ทาํ งานใหบ้ รรลุเป้าหมายองคก์ ารไมว่ า่ จะเป็นเป้าหมายทางด้านผลกํ าไรทีต่ ้งั ไวส้ งู เกินไปหรอื เป้าหมาย ทางด้านการลดตน้ ทนุ ทางด้านการผลิต เพ่อื สร้าง ความไดเ้ ปรยี บทางการแข่งขนั เปา้ หมายดังกล่าว ผลตอ่ การตดั สินใจ ในการดาํ เนิน งานของผู้บริหารและบุคลากรจนอาจกอ่ ให้เกดิ ปัญหาการละเมิด จริยธรรมภายใน องคก์ ารได้ 3. การแขง่ ขนั ในยคุ ปัจจบุ นั มีผลตอ่ พฤติกรรมส่วนตัว และองค์การเป็นอยา่ ง มากเพอื่ ความอยู่ รอดขององคก์ าร สง่ิ ทค่ี ดิ ว่าเป็นส่งิ ทไ่ี ม่ดีงามไม่ควรปฏิบัติอาจเกิด การปฏิบตั ิ สิง่ ทีไ่ มเ่ คยยอมรับมา กอ่ นอาจได้รบั การยอมรับ เชน่ การโฆษณาชวนเชื่อ การโฆษณาเกนิ จรงิ การเชญิ ชวนเชิงบงั คบั ใหซ้ ้อื ผลติ ภัณฑแ์ ละบรกิ าร การเรง่ ออก ผลิตภัณฑใ์ หมจ่ นมไิ ดค้ าํ นงึ ถงึ คณุ ภาพ เปน็ ตน้ 4. การฉกฉวยโอกาส บางครง้ั สถานการณ์ทางธรุ กิจเอือ้ อาํ นวยจนกอ่ ให้ เกิดการประพฤติ ปฏบิ ัตทิ ี่ละเมิดจริยธรรมได้ เช่น การเรง่ การผลติ มากเกินไปจน ผลิตภัณฑ์ทอ่ี อกสตู่ ลาดไมไ่ ด้ มาตรฐาน การเพิม่ เวลาการปฏิบัตงิ านของพนักงานเกนิ ทกี่ ฎหมายกําหนดโดยไมม่ ีคา่ ตอบแทน ทเี่ พิม่ ข้นึ เปน็ ตน้

บทท่ี 4 จรรยาบรรณและคุณสมบัติของผปู้ ระกอบธรุ กิจ 28 5. พฤติกรรมการเลยี นแบบกนั ถงึ แมจ้ ะรับร้ถู งึ ความไม่ถูกต้อง แตก่ ็มหี ลาย องคก์ ารปฏบิ ัติ เชน่ นัน้ ก็อาจมผี ลกระทบต่อการตดั สนิ ใจของผู้บรหิ ารองคก์ าร เชน่ การหลีกเล่ียงภาษี การขาดความ รับผดิ ชอบต่อปญั หามลภาวะสงิ่ แวดลอ้ ม การไม่รับ ผดิ ชอบตอ่ สงั คม เป็นต้น 6. การดําเนินธรุ กิจขา้ มชาติ เนื่องจากกฎหมายและวัฒนธรรมของแต่ละ ประเทศมีความ แตกตา่ งกนั การปฏิบัติท่ผี ดิ กฎหมายอีกประเทศหน่งึ อาจได้รบั การ ยอมรบั จากอกี ประเทศหน่ึง 7. การขาดความรับผดิ ชอบของบคุ คล บคุ คลท่ไี ม่มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเอง มักกอ่ ให้ เกิดปัญหาตอ่ สังคมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการประพฤติปฏิบตั ทิ ่ผี ดิ กฎหมาย การไมป่ ฏิบตั ิตามระเบียบ การไมค่ าํ นึงถงึ ความถูกต้อง ซง่ึ นับวา่ เปน็ อนั ตรายตอ่ จริยธรรมและความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คมเปน็ อย่างมาก 8. คดิ วา่ ปญั หาจรยิ ธรรมขององคก์ ารเปน็ สง่ิ ท่ีสามารถจัดการได้ โดยอาศยั กระบวนการทาง จริยธรรมเพอ่ื กาํ หนดกรอบทางจริยธรรม หลักความเชือ่ จรรยา บรรณ การตรวจสอบและการควบคมุ แต่โดยการปฏบิ ัติเราไม่สามารถควบคุม พฤตกิ รรมของแต่ละบุคคลให้ปฏบิ ตั ิตนอย่างมีจรยิ ธรรมได้ ถึงแม้จะมีการกาํ หนดไว้ เป็นลายลักษณ์อักษรกต็ าม เพราะจรยิ ธรรมเปน็ เรอ่ื งละเอียดออ่ นลกึ ซึง้ อยทู่ ี่ จิตใจ และศีลธรรม คณุ ธรรมสว่ นบคุ คล ประโยชน์ของจริยธรรมทางธุรกจิ ธรุ กจิ ทดี่ าํ เนนิ งานดว้ ยหลักแหง่ คุณธรรมจริยธรรมยอ่ มจะกอ่ ให้เกิดประโยชน์ ซึง่ เป็นสงิ่ ท่ีเปน็ ผลดหี รือเปน็ คณุ ต่อธุรกจิ ตามทธี่ รุ กจิ ได้ตง้ั ความมุ่งหมายไว้ เสมือน เปน็ ผลตอบแทนจากการทาํ ความดีนั่นเอง (สมคิด บางโม, 2548) กลา่ วถงึ ประโยชน์ ของจริยธรรมทางธรุ กิจที่ได้รับดังน้ี 1.ทาํ ให้บุคลากรในองค์การธุรกิจ อยู่รว่ มกนั อย่างมคี วามสขุ ปฏิบตั งิ านด้วย ความสบายใจ ไมเ่ บยี ดเบยี นกัน มคี วามรกั สามคั คี ไมม่ ขี ้อพพิ าทแรงงานหรอื กล่นั แกลง้ กนั

29 บทที่ 4 จรรยาบรรณและคุณสมบตั ขิ องผ้ปู ระกอบธรุ กจิ 2. ทําให้บุคลากรในองค์การธุรกิจเจรญิ ก้าวหน้า มอี าชพี และรายไดท้ ี่มนั่ คง ดํารงชีวติ ความสขุ มศี ักดศ์ิ รี มคี วามหวังและมโี อกาสก้าวหน้าในอาชีพและรายไดท้ ่ี มน่ั คง 3. องค์การธรุ กิจเจรญิ รุง่ เรือง ย่ังยนื ถาวรตลอดไป ไมล่ ่มสลาย ตวั อยา่ งเชน่ บรจิ าะ เมนตไ์ ทย ในทางตรงกนั ขา้ มแม้เปน็ บรษิ ทั ใหญ่ระดับประเทศหรือระดับโลก สามารถลม่ ขาดจรยิ ธรรม ตวั อย่างเช่น ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการของไทยที่ลม้ ละลายไปเมือ่ เรี เศรษฐกจิ ทางการเงนิ ในปี พ.ศ. 2540 หรอื ทีเ่ รยี กว่า วกิ ฤตตม้ ยาํ กุ้ง หรือบรษิ ทั เอนรอน ( บรษิ ทั เวลิ ด์คอม (WorldCom) และในปีพ.ศ. 2551 บริษัทเลห์ แมนบาร์เธอร์ส จาํ กดั (Leh Brothers) ซึ่งเปน็ บรษิ ทั วาณิชธนกจิ ระดับยักษใ์ หญ่ของ สหรฐั อเมรกิ าได้ประกาศขอล้มละลาย ซ่ึงเป็น พฤติกรรมหนงึ่ ทีแ่ สดงถึงสญั ลักษณ์ การล่มสลายของระบบเศรษฐกิจของสหรฐั อเมริกา ทเ่ี รียกว่า วกิ ฤตแฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger Crisis) ส่วนสาเหตขุ องปัญหามาจากปัญหาหนเี้ สยี ของการปลอ่ ย ก้แู ก่ ลูกค้าท่ีไมม่ ีความน่าเช่ือถือ (Sub-Prime Lending) 4. ทาํ ใหป้ ระเทศชาติเจริญรงุ่ เรอื ง พัฒนาท้ังดา้ นเศรษฐกิจ สังคมและความ มน่ั คงธรุ กจิ เจรญิ รุ่งเรือง คนมรี ายไดไ้ ม่วา่ งงาน สังคมสงบสุข ประชาชนไมล่ ุ่มหลง อบายมุข ไม่มีการคดโกงกัน อาชญากรรมกไ็ ม่เกิด ดังนน้ั จะเห็นได้วา่ ประโยชน์ของการดําเนนิ งานทางธุรกิจอยา่ งมจี ริยธรรมจะเกิด ประโยชน์กับ ทุกฝา่ ยท่เี กี่ยวข้อง และมปี ระโยชนท์ งั้ ระดบั ประเทศและระดับโลก โดย เฉพาะอย่างยงิ่ ถา้ ธุรกจิ นัน้ เปน็ ธุรกจิ ขนาดใหญ่ที่มเี ครือขา่ ยในหลายประเทศ





บทที่ 5 ระบบแลกเปลี่ยน 30 # บทที่ 5 ระบบแลกเปลีย่ น

31 บทที่ 5 ระบบแลกเปล่ยี น บทท่ี 5 ระบบแลกเปลี่ยน ความหมายของการแลกเปลยี่ น การแลกเปลี่ยน ( Exchange )คือ เปน็ กจิ กรรมการเปล่ียนกรรมสทิ ธ์ิ การเป็นเจา้ ของ ของส่ิงของ สนิ ค้าหรือบรกิ าร โดยการเสนอสิง่ ทม่ี ีต่างหรือส่ิงทอี่ กี ฝา่ ย ตอ้ งการเป็นการตอบแทน จากความหมายของการแลกเปลย่ี นสามารถสรปุ ลกั ษณะของการแลก เปลยี่ นไดด้ งั น ้ี 1. ประกอบดว้ ยบุคคลหรอื กลุม่ บุคคล 2 ฝ่ายขน้ึ ไป 2. แต่ละฝา่ ยมสี ิ่งท่มี มี ูลคา่ สำ�หรบั อกี ฝา่ ย 3. แตล่ ะฝ่ายมคี วามสามารถในการติดตอ่ ส่ือสารและการส่งมอบ 4. แต่ละฝา่ ยมอี สิ ระทจ่ี ะยอมรบั หรือ ปฏเิ สธในสิ่งที่อกี ฝ่ายเสนอ 5. แต่ละฝ่ายเชอ่ื วา่ เปน็ การเหมาะสมหรอื พอใจหรอื พอใจทจ่ี ะติดตอ่ สือ่ สารกบั อีกฝา่ ยหนง่ึ ววิ ัฒนาการของการแลกเปลย่ี น การแลกเปล่ยี นมมี าต้งั แตอ่ ดีต แตล่ ะยคุ ละสมัยจะมคี วามแตกต่างกนั ซ่ึงสามารถสรปุ วิวฒั นาการของการแลกเปลย่ี นได้ดงั นี้ 1. ระบบการแลกเปลย่ี นของต่อของ ( Barter System) 2. ระบบการแลกเปล่ียนโดยใชเ้ งนิ (Money System) 3. ระบบการแลกเปล่ยี นโดยใช้เครดิต (Credit System) 1. ระบบการแลกเปล่ียนของตอ่ ของ ( Barter System) ระบบแลกเปลย่ี นของตอ่ ของ เป็นการน�ำ สงิ่ ของมาแลกเปล่ียนกันระหว่าง ผู้ที่มคี วามต้องการตรงกนั เชน่ น�ำ ข้าวสารมาแลกกบั หมู นำ�ไข่มาแลกปลา ในทาง ปฏบิ ตั มิ ีปญั หาและอุปสรรคต่างๆเกิดข้ึนหลายประการ ได้แก่

บทที่ 5 ระบบแลกเปลยี่ น 32 1. ปญั หาความตอ้ งการของคนไม่ตรงกนั 2. ปญั หาเกี่ยวกับอตั ราแลกเปล่ียนหรอื ก�ำ หนดราคา 3. ปญั หาเกย่ี วกบั การขนสง่ 4. ปญั หาเกย่ี วกับการเก็บรกั ษา 5. ปัญหาเกี่ยวกับการใหก้ ู้ยืมและการช�ำ ระหน้ี 6. ปญั หาเก่ียวกบั สง่ิ ของบางอย่างแบ่งแยกหน่วยยอ่ ยไมไ่ ด้ 2. ระบบการแลกเปลี่ยนโดยใชเ้ งิน (Money System) จากการแลกเปลี่ยนในระบบของแลกของมีความไม่สะดวกหลายประการ มนษุ ย์จึงได้คิดคน้ หาวิธีแลกเปล่ียนในระบบใหม่ โดยมกี ารกำ�หนดส่ิงของบางอยา่ งข้นึ มาเปน็ สื่อกลางในการแลกเปลย่ี น เรียกสงิ่ นัน้ ว่า เงิน (Money) หน้าทข่ี องเงิน (Functions of Money) 1.เป็นส่อื กลางในการแลกเปล่ียน 2. เป็นเครอ่ื งวัดมลู ค่า 3. เป็นมาตรฐานในการช�ำ ระหนใ้ี นอนาคต 4. เปน็ เครอ่ื งเกบ็ รกั ษามลู คา่ ประเภทของเงนิ ( Kind of Money) เงินสามารถแบง่ ออกเป็นประเภทตา่ งๆ ไดด้ ังน้ี 1. เงนิ มาตรฐาน คือ เงินท่ที �ำ ดว้ ยโลหะทีม่ คี า่ และหายากใชเ้ ป็นมาตรฐาน ในการแลกเปลีย่ นโดยแท้ 2. เงนิ เครดิต หมายถึง เงนิ ประเภทที่มรี าคาของเงนิ ที่ตราไว้สงู กวา่ ส่งิ ของ ทใี่ ช้ทำ�เงนิ นน้ั เหตุทเี่ รียกวา่ เงนิ เครดติ เพราะผูใ้ ชเ้ ชือ่ เครดติ ของรัฐบาลเพราะรฐั บาล เปน็ ผูก้ �ำ หนดให้เงนิ ใช้ชำ�ระหนต้ี ามกฎหมายได้ 3. เงินฝากเผือ่ เรียก หมายถึง เงินฝากธนาคารพาณิชยป์ ระเภทเงนิ ฝาก กระแสรายวัน เจา้ ของเงินฝากสามารถเขยี นเช็คสั่งให้ธนาคารจา่ ยเงนิ ไดท้ นั ทีเมอื่ ต้องการ

33 บทที่ 5 ระบบแลกเปล่ยี น 3. ระบบการแลกเปลี่ยนโดยใชเ้ ครดิต (Credit System) เครดิต หมายถงึ ความเชือ่ ท่ีเกิดขนึ้ ระหวา่ งบุคคลหน่ึงกับอกี บคุ คลหน่งึ ใน ระยะเวลาหนง่ึ หรือเป็นการทบี่ ุคคลหรอื ธุรกิจมอบความเชื่อถือและความไวว้ างใจให้ แก่บุคคลหรือธุรกิจเพือ่ ใหร้ ับสินคา้ หรือบรกิ ารไปโดยยงั ไมต่ ้องช�ำ ระเงินในขณะนัน้ แต่ มีสัญญาว่าจะชำ�ระเงนิ ให้ในอนาคต ประเภทของเอกสารเครดติ เอกสารเครดิตที่นิยมใชไ้ ดแ้ ก่ 1. ตวั๋ สญั ญาใช้เงิน 2. ตัว๋ แลกเงิน 3. เชค็ ประโยชนก์ ารใช้เอกสารเครดิต 1.มีความสะดวกในการดำ�เนนิ ธรุ กิจ เพราะการใช้เอกสารเครดติ ทำ�ให้ การดำ�เนินธรุ กจิ มีความคล่องตวั 2. มีความปลอดภยั การพกพาเงินสดจ�ำ นวนมากในการประกอบธรุ กจิ อาจท�ำ ให้ไมป่ ลอดภัยทัง้ ต่อตนเองและทรัพย์สนิ





บทท่ี 6 แหลง่ เงนิ ทุน 34 # บทท่ี 6 แหลง่ เงนิ ทนุ

35 บทที่ 6 แหลง่ เงินทนุ บทท่ี 6 แหลง่ เงินทนุ ความหมายของเงนิ ทนุ เงนิ ทุน หมายถงึ สงิ่ ท่ีกจิ การผปู้ ระกอบการหรือ งองคก์ รจัดหามาเพื่อใช้เปน้ สอ่ื กลางในการแลกเปลีย่ นในการด�ำ เนนิ ธรุ กิจโดยอาจมี การก�ำ หนดค่าขึ้นเป็นหน่วยเงินตร และพยายามรกั ษาคา่ ให้คงทอี่ ยเู่ สมอ ประโยชนข์ องเงนิ ทุน มี 3 ประการ คอื 1. เพอ่ื ใช้จ่ายตามความจ�ำ เปน็ 2. เพื่อเป็นเงินสดสำ�รองไวย้ ามฉกุ เฉนิ 3. เพอ่ื เป็นการสะสมมูลค่า ประเภทและลักษณะของเงินทนุ เงินทุนทใี่ ช้ในการดำ�เนินธุรกจิ แบง่ ได้เป็น 2 ประเภท คอื 1. เงินทนุ คงที่ หมายถงึ เงินทนุ ทีอ่ งค์กรธรุ กิจจัดหาเพ่ือนำ�มาใช้ในการจัดหา ทรพั ย์สนิ ถาวร ( ทรัพย์สินถาวร หมายถงึ สนิ ทรัพย์ทอ่ี ายกุ ารใช้งานนานเกินกวา่ 1 ปี เชน่ อาคาร เครอื่ งจกั ร เคร่อื งใชส้ �ำ นักงาน) 2. เงินทนุ หมนุ เวยี น หรือทนุ ดำ�เนินการ หมายถึง เงนิ ทุนท่อี งค์กรจัดหา เพอ่ื น�ำ มาใชใ้ นการจดั หาทรัพย์สนิ หมุนเวียนหรอื ใชใ้ นการดำ�เนนิ กจิ การ (ทรพั ย์สนิ หมุนเวยี น หมายถึง สินทรพั ย์ทีอ่ ายุการใช้งานไม่เกนิ 1 ปี เชน่ เงนิ เหรียญ ธนบัตร เช็ค) แหลง่ เงนิ ทุนในการประกอบธรุ กจิ ประเภทแหล่งเงินทุนในการดำ�เนินธรุ กจิ สามารถจดั หาจากแหลง่ ดังต่อไปนี้ 1. แหลง่ เงนิ ทุนระยะสั้น ธรุ กจิ สามารถจัดหาเงินทุนระยะสนั้ ไดจ้ ากแหลง่ เงิน ทุน 3 ประเภท ได้แก่ 1.1 สินเชือ่ ทางการคา้ 1.2 ตราสารพาณชิ ย์ 1.3 เงนิ กรู้ ะยะสั้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook