Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการให้วัคซีนโควิด19

แนวทางการให้วัคซีนโควิด19

Published by surachet BM, 2021-03-07 04:00:51

Description: แนวทางการให้วัคซีนโควิด19

Search

Read the Text Version

แนวทางการให้วัคซีนโควิด ในสถานการณ์การระบาดป 64 ของประเทศไทย กรมควบคมุ โรค กมุ ภาพนั ธ์ 2564

คำนำ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปัจจุบันไดส้ ง่ ผลกระทบในวงกว้างอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะ ใช้มาตรการป้องกันควบคุมโรคหลายมาตรการ เช่น คัดกรองและเฝ้าระวังโรค กักตัวผู้มีความเสี่ยง รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า งดจัดกิจกรรมที่รวมกลุ่มคนจำนวนมาก ทำความสะอาดสถานท่ีและพืน้ ผิวสัมผัสร่วม เป็นต้น แต่สิ่งท่ีเปน็ ความหวังของรัฐบาลและประชาชนในขณะนี้ คือ วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือเรียกสั้น ๆ ว่า วัคซีนโควิด 19 นั้น ประเทศไทยได้มีการเตรียม ความพร้อมที่เกีย่ วข้องกับการจัดหาวัคซีนดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงการใช้วัคซีนทีม่ ีความปลอดภัย และมปี ระสิทธิภาพได้มากที่สดุ เท่าทศ่ี กั ยภาพของประเทศจะดำเนินการได้ ขณะนี้วัคซีนโควิด 19 หลายชนิดได้รับการพัฒนาและผลิตสำเร็จ วัคซีนบางชนิดได้รับอนุญาตทะเบียน แบบฉุกเฉิน (Emergency Use Authority: EUA) จากประเทศของบริษัทผู้ผลิตเองและจากประเทศที่นำวัคซีนไปใช้ และวัคซีนบางชนิดอาจจะยังไม่ได้รับอนุญาตทะเบียน แต่รัฐบาลบางประเทศก็นำไปใช้ก่อน สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขคำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์ที่จะเกิดแก่ประชาชน ดังนั้นวัคซีนโควิด 19 ทุกชนิดที่นำมาใช้ในประเทศจะต้องผ่านการพิจารณาและยอมรับจากคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการด้านวิชาการ และด้านบริหารจัดการหลายคณะ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายสาขาและภาคส่วน ที่สำคัญจะต้องผ่านการพิจารณาอนุญาตขึ้นทะเบียนแบบพิเศษ เรียกว่า “Conditional approval for emergency use authorization” จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 เพอ่ื สรา้ งความม่ันใจให้แก่ประชาชนทุกคนที่สมคั รใจรับวคั ซนี วัคซนี โควิด 19 ทีจ่ ัดหาเปน็ ของประชาชนในประเทศ การท่ีจะใหป้ ระชาชนไดร้ ับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ที่มีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันการเกิดโรคหรือการเกิดโรคที่รุนแรง ส่วนสำคัญเกิดจากการปฏิบัติงานของ เหล่าบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกสังกัด ซึ่งต้องระดมแรงกายแรงใจกับภาระงานทีห่ นกั และเวลาท่มี ี จำกัด สิ่งหนึ่งที่จะสามารถช่วยให้การดำเนนิ งานสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ “แนวทางการให้บริการ วัคซีนโควิด 19 ในสถานการณ์การระบาด ปี 2564 ของประเทศไทย” ซึ่งได้รับความกรุณาจากศาสตราจารย์ แพทย์หญิงกุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ และคณะ รวมถึงคณาจารย์จากโรงเรียนแพทย์ สมาคม/ราชวิทยาลัยแพทย์ สาขาต่าง ๆ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมโรค ในการเขียนและขัดเกลาเนือ้ หาในแนวทาง ซึ่งเป็น ฉบบั แรกสำหรับการปฏิบัติงานในชว่ งตน้ กรมควบคุมโรค 2564 -2-

สารบญั หนา้ 4 ความรเู้ บื้องตน้ เกี่ยวกับโรคโควดิ 19 6 ความรู้เบือ้ งตน้ เกย่ี วกับวัคซนี โควิด 19 16 กลไกการขับเคลื่อนและการเตรยี มบุคลากรในการดำเนินงาน 18 กลมุ่ เปา้ หมายและระยะการดำเนนิ งานใหว้ ัคซนี 20 การสำรวจกลุ่มเป้าหมาย การลงทะเบียนจองสิทธิ์ และนดั หมายรับบริการ 24 การเบิกจา่ ยและบริหารจดั การวคั ซนี 28 การใหบ้ รกิ ารวคั ซนี โควิด 19 30 การบนั ทกึ จดั ทำรายงาน และติดตามการดำเนนิ งานใหบ้ ริการวคั ซนี โควิด 19 34 การเฝา้ ระวงั ติดตามเหตกุ ารณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลงั ไดร้ บั วคั ซนี โควิด 19 45 ขอ้ คำถามทพ่ี บบ่อย Q&A ภาคผนวก 48 49 1. ตวั อย่างใบนัดหมายรบั วัคซีน 50 2. ตวั อยา่ งเอกสารรับรองการได้รับวคั ซีนโควดิ 19 ของประเทศไทย 3. ขนาดของวัคซนี โควดิ 19 ของบริษัท Sinovac Life Sciences จำกดั และบริษทั 51 52 AstraZeneca จำกัด 53 4. การจดั วางวคั ซนี โควดิ 19 ในตู้เยน็ 55 5. แบบฟอรม์ ขอเบิกวัคซนี โควดิ 19 6. แผน่ ความรู้ (Vaccine information sheet) 7. แบบคดั กรองและใบยนิ ยอมรับบรกิ ารวคั ซนี โควิด 19 -3-

ความรู้เบอ้ื งตน้ เกีย่ วกับโรคโควิด 19 เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือเชื้อโควิด 19 (SARS-CoV-2) เป็นไวรัสชนิด (+) Single strand RNA อยู่ใน Coronaviridae family จัดอยู่ใน Betacoronavirus เช่นเดียวกับ SARS-CoV และ MERS-CoV เชื้อนี้มีเปลือกหุ้ม (Envelop) ซึ่งเป็นสารจำพวกไกลโคโปรตีน เมื่อส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนจะเห็นกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต เป็นปุ่ม (Spike) ยื่นออกจากอนุภาคไวรัส ทำให้มีลักษณะคล้ายมงกุฎล้อมรอบ เชื้อโควิด 19 พบการระบาดครั้งแรก ในช่วงปลายปี 2562 ท่ีเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ต้นกำเนิดของเชื้อมีหลักฐานจาก การถอดรหัสพันธกุ รรมพบว่า SARS-CoV-2 มตี ้นกําเนิดมาจาก \"คา้ งคาวมงกุฎเทาแดง\" (Rhinolophus affinis) เชื้อนี้มีระยะฟักตัวตั้งแต่ 2 - 14 วัน เชื้อนี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านทางเดินฝอยละออง จากการไอ จาม น้ำมกู น้ำลาย เสมหะของผปู้ ว่ ย อตั ราการแพร่กระจายเชือ้ เฉลย่ี 2 - 4 คน (Basic Reproductive Number: R0 เท่ากับ 1.4 – 3.9) ขึ้นอยู่กับความหนาแนน่ ของประชากร ผู้ป่วยดว้ ยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะมีอาการระบบทางเดนิ หายใจ ได้แก่ มไี ข้ ไอ มนี ้ำมูก หายใจถ่ี หายใจลำบาก ในกรณีทอี่ าการรนุ แรงมาก อาจทำ ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม ปอดอักเสบ ไตวาย หรืออาจเสียชีวิต จากอาการแสดงที่เกิดขึ้นหลาย ประการคลา้ ยคลงึ กบั ไวรัสชนิดอนื่ ท่ีก่อใหเ้ กดิ โรคระบบทางเดนิ หายใจ จงึ ต้องอาศยั การทดสอบทางห้องปฏิบัติการ เพ่ือยนื ยนั เช้ือ โดยการรักษาจะเป็นการรกั ษาแบบประคับประคองเพ่ือบรรเทาอาการปว่ ยต่าง ๆ สำหรับกลุ่มเส่ียง ต่อการสัมผัสเชื้อนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย แต่ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่อาจเกิดการสัมผัสเชื้อมาก ได้แก่ ผู้ท่ีอาศัย ในพ้ืนที่เสี่ยงต่อการสัมผัสโรคหรอื ประเทศหรือเมืองท่ีมีการระบาดของโรคอย่างต่อเน่ือง ผู้ที่เดินทางเขา้ -ออกหรอื แวะเปลี่ยนเครื่องบินในประเทศหรือเมืองท่ีมีการระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง บุคลากรทางการแพทย์และ สาธารณสุข บุคคลท่ีทำงานใหบ้ รกิ ารนักท่องเทีย่ ว และผทู้ ีม่ อี ายุ > 50 ปี และมโี รคประจำตวั เร้อื รัง เช่น เบาหวาน โรคหลอดเลอื ด และหวั ใจ เป็นต้น สถานการณ์การระบาดระดบั นานาชาติและประเทศไทย จากขอ้ มูล ณ วนั ที่ 22 มกราคม 2564 มผี ้ตู ดิ เช้อื จำนวน 98,153,778 ราย เสยี ชีวติ 2,101,919 ราย คิด เป็นสัดส่วน ร้อยละ 2.14 ส่งผลกระทบต่อประเทศ/เขตการปกครองพิเศษมากถึง 219 แห่งทั่วโลก สำหรับ สถานการณ์ในประเทศไทย พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 13,104 ราย ติดเชื้อในประเทศ 10,765 ราย เป็นผู้ตรวจคัด กรองเชิงรุก 4,384 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2,339 ราย และจากสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 1,743 ราย มีจำนวนผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,809 ราย รักษาหาย จำนวน 10,224 ราย คิดเป็นร้อยละ 78.02 ของจำนวนผูต้ ดิ เชอื้ และเสยี ชีวติ จำนวน 71 ราย คดิ เปน็ ร้อยละ 0.54 ของจำนวนผตู้ ิดเชือ้ กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้มีการวิเคราะหข์ ้อมูลต้ังแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม 2563 ของผู้ป่วย ยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ประเทศไทย โดยวิเคราะห์ใน 5 ด้าน ได้แก่ เพศ กลุ่มอายุ สัญชาติ/เชื้อชาติ อาชีพ และโรคประจำตัว พบว่า จากจำนวนของผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด 19 ทั้งหมด 3,330 ราย อตั ราสว่ นเพศหญิงตอ่ เพศชาย เทา่ กับ 1 : 1.25 มีผู้ป่วยหญิง 1,477 คน (รอ้ ยละ 44.35) และชาย 1,853 คน (ร้อย ละ 55.65) ผปู้ ่วยมอี ายุเฉล่ีย 38.44 ปี (95%CI เทา่ กับ 37.9-39.0 ปี) และมคี ่ามัธยฐาน เทา่ กบั 36 ปี (IQR เท่ากบั 27-49 ปี) โดยอายุมากที่สุดคือ 96 ปี และอายุน้อยที่สุดคือ 1 เดือน กลุ่มที่มีจำนวนผู้ป่วยสูงท่ีสุด คือ กลุ่มอายุ 20-29 ปี (ร้อยละ 27.44) รองลงมาคือ 30-39 ปี (รอ้ ยละ 24.11) 40-49 ปี (รอ้ ยละ 18.52) 50-59 ปี -4-

(ร้อยละ 13.27) 60-69 ปี (ร้อยละ 6.90) ตามลำดับ และพบว่าผู้ป่วยในกลุ่มอายุน้อยมักจะไม่แสดงอาการหรือ แสดงอาการของโรคน้อย เมื่ออายผุ ปู้ ว่ ยเพ่ิมขึ้นสัดส่วนท่ไี ม่แสดงอาการของโรคจะลดลง ผู้ปว่ ยยืนยนั โรคโควิด 19 มที ัง้ หมด 52 สญั ชาติ ผ้ปู ่วยมีสญั ชาตไิ ทย (รอ้ ยละ 89.69) อาชีพของผู้ป่วยยนื ยนั โรคโควดิ 19 ซ่งึ เป็นผู้ป่วยยืนยัน ที่ไม่ได้อยู่ใน State quarantine ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ฟรีแลนซ์ ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว พนักงาน บริษัท/พนักงานโรงงาน พนักงานในสถานบันเทิง นักเรียน/นักศึกษา ข้าราชการ/พนักงานของรัฐ/รัฐวิสาหกิจ พอ่ บา้ น/แมบ่ ้าน บุคลากรทางการแพทย์ เป็นตน้ ขณะที่อาชพี ของผปู้ ว่ ยยนื ยนั โรคโควิด 19 ใน State quarantine ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน/นักศึกษา รองลงมาคือรับจ้างทั่วไป/ฟรีแลนซ์ กลุ่มที่ไม่ระบุอาชีพ พนักงานนวด/สปา เป็น ต้น หากแยกผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด 19 ทั้งหมดตามอาชีพที่จำแนกตามประเภทมาตรฐานอาชีพของกระทรวง แรงงาน พบว่า ส่วนใหญ่เป็นอาชีพพนักงานบริการ/พนักงานขายในร้านค้าและตลาด รองลงมา คือ ไม่ระบุอาชีพ อาชีพพ้ืนฐาน (ไม่ต้องอาศัยความชำนาญด้านเทคนิค) นักเรียน/นักศึกษา และผู้ประกอบวิชาชีพต่าง ๆ (ต้องอาศัยความชำนาญด้านเทคนิค) ตามลำดับ โรคประจำตัวในกลุ่มผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด 19 ทั้งที่ไม่ใช่ State quarantine และผู้ที่อยู่ใน State quarantine มักมีโรคประจำตัวเช่นเดียวกัน ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคไตเรื้อรัง มะเร็ง โรคหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดและสมอง แต่สัดส่วนของผู้ป่วยมีอาการรุนแรง พบว่า ในผู้ป่วยที่ไม่อยู่ใน State quarantine ส่วนใหญ่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสงู โรคตับ โรคไตเรื้อรัง และโรคมะเร็ง ตามลำดับ ในขณะที่ผู้ป่วยที่อยู่ใน State quarantine ไม่มี ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงด้านโรคประจำตัว พบว่า โอกาสเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น อยา่ งมนี ยั สำคญั หากผปู้ ว่ ยมโี รคประจำตัวที่เปน็ โรคไต เบาหวาน โรคหวั ใจ และความดนั โลหิตสูง ตามลำดบั โดยสรุปข้อคน้ พบท่สี ำคัญ คอื ▪ ผปู้ ว่ ยยนื ยันโรคโควิด 19 ในประเทศไทย สว่ นใหญ่เปน็ ช่วงวัยทำงานตอนต้น ▪ แนวโนม้ การเสยี ชีวิตเพ่ิมมากข้ึน เม่ือผู้ป่วยอายุเพิ่มขึ้น สังเกตไดจ้ ากอัตราป่วยตายจำแนกตามกลุ่มอายุ ▪ กลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ ได้แก่ อาชีพบริการ รับจ้างทั่วไป/ฟรีแลนซ์ แต่ในกลุ่มที่อยู่ใน State quarantine พบว่าเปน็ กลมุ่ นักเรียน/นักศกึ ษาเปน็ หลัก ▪ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรอื เสยี ชวี ติ มกั จะมีโรคประจำตัวมากกวา่ 1 โรคข้นึ ไป ▪ โรคประจำตัวสว่ นใหญ่ทีพ่ บได้แก่ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง โดยกลุ่มที่มีอาการรนุ แรง พบว่ามี โรคเบาหวาน ความดันโลหติ สงู โรคตับ โรคไตเรอ้ื รัง และมะเรง็ ▪ ผู้ป่วยท่ีอยู่ใน State quarantine มีอาการของโรคที่รุนแรงน้อยกว่าผู้ป่วยที่ไม่อยู่ใน State quarantine ▪ จากการวิเคราะห์ Odd’s Ratio ของผู้ปว่ ยยืนยันโรคโควดิ 19 ร่วมกับโรคไต เบาหวาน โรคหัวใจ และ ความดนั โลหิตสูง จะเพ่มิ โอกาสการเสียชีวิตอยา่ งมนี ยั สำคญั -5-

ความรเู้ บอ้ื งต้นเกย่ี วกับวคั ซีนโควิด 19 การพฒั นาวัคซนี โควดิ 19 ในปัจจุบนั ข้อมูลจากทางองค์การอนามัยโลก (World Health Organization, WHO) (3) ณ วันที่ 22 มกราคม 2564 พบว่ามีวัคซีนโควิดจำนวน 237 ชนิดที่ถกู พัฒนาขึ้น โดยมีจำนวน 173 ชนิดที่กำลงั อยู่ในช่วงการทดลองกบั สัตว์ และมีจำนวน 64 ชนิดที่กำลังอยู่ในการศึกษาในมนุษย์ ซึ่งวัคซีนเหล่านี้มีกระบวนการผลิตที่หลากหลาย เทคโนโลยี โดยโครงสร้างของไวรัสซาร์ส-โควี-2 จะมีปุ่มยื่นที่เรียกว่า สไปค์ (ดังรูปที่ 1) ซึ่งเป็นไกลโคโปรตีน ทำหน้าที่ไปจับกับตัวรับ angiotensin-reverting enzyme-2 (ACE2 receptor) ซึ่งอยู่บนผิวของเซลล์ของระบบ ทางเดินหายใจ หลอดเลือด และลำไส้ เม่อื สว่ นของโปรตีนสไปค์ท่ีเรยี กว่า receptor-binding domain (RBD) จับ กับตัวรับ ACE2 แล้ว ไวรัสจะสามารถเข้าเซลล์ ทำให้เกิดการติดเชื้อและอาการเจ็บป่วยตามมา ดังนั้น วัคซีนส่วน ใหญจ่ ะมเี ปา้ หมายเพ่ือกระตนุ้ ใหร้ ่างกายผลติ ภูมิต้านทานต่อต้านโปรตีนสไปคเ์ ป็นสำคัญ ซง่ึ พบว่าผู้ป่วยท่ีหายจาก โรคโควิด-19 จะมีแอนตีบอดีย์ต่อโปรตีนสไปค์ โดยเฉพาะในส่วนของ RBD สูง แสดงให้เห็นว่าสามารถใช้ anti- RBD antibody เป็นตวั ชวี้ ัดภูมิต้านทานโรคได้ และใชว้ ัดวา่ มีการตอบสนองต่อวัคซนี หรอื ไม่ รูปท่ี 1 โครงสรา้ งของไวรัสซารส์ -โควี-2 และวงจรชวี ิตของไวรัส 1. วคั ซนี ชนิดสารพนั ธุกรรม ไดแ้ ก่ วัคซีนดีเอ็นเอ (DNA) หรือเอ็มอาร์เอน็ เอ (mRNA) วัคซีนกลุ่มนี้ ใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งคิดต่อยอดมาประมาณ 30 ปี โดยการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ (DNA) หรือเอ็มอาร์เอ็นเอ (messenger RNA: mRNA) ที่กำกับการสร้างโปรตีนสไปค์ของไวรัสซาร์ส-โควี-2 โดยพบว่า วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันขึ้นสูงมาก และวิธีในการบริหารง่ายกว่าดีเอ็นเอ จึงนำมาผลิตเป็น วัคซีนป้องกันอีโบลา่ และยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาเพื่อเปน็ วัคซีนรักษามะเร็งบางชนิด เนื่องจากเอ็มอาร์เอ็นเอ เป็น สารที่ไวต่อการถูกทำลาย จึงต้องใช้สารไลปิดนาโนพาร์ติเคิล (Lipid nanoparticle) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์จาก ไขมัน เพ่ือเป็นตัวส่งเอ็มอาร์เอ็นเอให้เข้าเซลล์ และเอ็มอาร์เอ็นเอจึงไปกำกับให้เซลล์ผลิตสารโปรตีนสไปค์ ทำให้ เซลล์ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายรีบสร้างแอนตีบอดีย์ขึ้นมาต่อต้าน เนื่องจากการผลิตเป็นไปได้ง่ายกว่า จึงทำให้ -6-

วัคซีนนีส้ ำเร็จออกมาทดสอบกอ่ น เป็นผลให้สามารถประกาศประสิทธภิ าพในการป้องกนั โรคได้กอ่ น ซึ่งพบว่ามี 2 ชนิดคือของ Pfizer และ Moderna ที่ออกมาก่อนมีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 95 และ 94 ตามลำดับ วัคซีนทั้ง สองชนิดเมอื่ ออกมาได้รับการตอบรบั อย่างดี มกี ารฉดี อย่างกว้างขวางกวา่ 80 ล้านโด๊สภายในเวลา 2 เดอื น เป็นผล ให้เป็นการลดลงของอุบัติการณ์ของประเทศที่ฉีดวัคซีนนี้ได้อย่างครอบคลุมมาก เช่น ประเทศอิสราเอล อังกฤษ อเมริกา วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ของทั้งสองผู้ผลิตต้องเก็บที่อุณหภูมิต่ำมาก คือ Pfizer เก็บที่ -70 องศาเซลเซียส และ Moderna เกบ็ ที่ -20 องศาเซลเซียส ทำใหเ้ ปน็ อุปสรรคต่อการใช้ในประเทศเมอื งร้อนมีความพร้อมต่ำในการ รักษาลูกโซ่ความเย็นที่ต้องการ รวมทั้งมีราคาสูงมาก จึงทำให้การเข้าถึงวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ค่อนข้างจำกัด นอกจากน้ี อาจมกี ารแพส้ ารนาโนพารต์ ิเคิลได้ ซง่ึ ทำใหว้ ัคซนี กลุ่มน้ีมีอตั ราการแพ้แบบ anaphylaxis สูงกว่าวคั ซีน อื่นๆ ที่เคยมีการใช้มา คือ Pfizer มีอัตราแพ้ 11 รายในหนึ่งล้านโด๊ส และ Moderna มีการแพ้ 2.5 รายในหน่ึง ลา้ นโด๊ส ทำใหต้ อ้ งฉดี ในสถานพยาบาล แตใ่ นอนาคต วคั ซีนทพ่ี ฒั นารุ่นถัดไป จะลดปัญหาเหลา่ นไี้ ปได้ 2. วัคซีนชนดิ ใชไ้ วรสั เป็นพาหะ (Recombinant viral vector vaccine) วัคซีนกลุ่มนี้ใช้ไวรัสที่สามารถตัดแต่งพันธุกรรม เช่น ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) เป็นไวรัสพาหะ โดยนำ สารพันธุกรรมท่กี ำกับการสรา้ งโปรตนี สไปค์ของไวรัสซาร์ส-โควี-2 มาสอดใสใ่ นไวรัสพาหะแล้วนำมาฉดี ไวรสั พาหะ ที่มีการพัฒนาคือ ไวรัสอะดีโนของชิมแพนซี (Chimpanzee adenovirus) โดย Astra Zeneca, ไวรัสอะดีโนของ มนุษย์สายพันธุ์ 5 (Human adenovirus type 5) โดย CanSinoBio, ไวรัสอะดีโนของมนุษย์สายพันธุ์ 26 (Human adenovirus type 26) โดย Johnson and Johnson และ ไวรัสอะดีโนของมนุษย์สายพันธุ์ 5 และ 26 (Human adenovirus type 5 and 26) โดย Gamaleya ของรัสเซีย วัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะเหล่านี้เป็นวัคซีน เชอื้ มชี วี ิต ไวรัสพาหะอาจจะถูกดัดแปลงพนั ธกุ รรมใหไ้ ม่แบ่งตัว หรือเป็นไวรัสท่ีอ่อนฤทธ์ิไม่ทำให้ป่วย ข้อดีคือเป็น การเลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติสามารถกระตุ้มภูมิคุ้มกันท้ังระบบแอนตีบอดี และระบบเซลล์ได้ดี มีผลใน การป้องกนั โรคตง้ั แต่ฉดี เข็มแรกและอาจจะใชเ้ พียงโด๊สเดยี วได้ เชน่ วคั ซนี ของ Johnson and Johnson แตอ่ าจมี ความกังวลว่า หากมีการผู้รับวัคซีนเพิ่งจะติดเชื้อไวรัสอะดีโนตามธรรมชาติซึ่งเป็นไวรัสหวัด อาจทำให้มีแอนตีบอ ดยี ต์ อ่ ไวรสั อะดโี นและส่งผลรบกวนการสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ดังที่พบในการศึกษาของวัคซีน CanSinoBio อย่างไร ก็ดี ผลการศึกษาของ Oxford–AstraZeneca (พบประสิทธิภาพร้อยละ 70 แต่ป้องกันโรครุนแรงได้ร้อยละ 100) และ Gamaleya (พบประสิทธิภาพร้อยละ 91.6) รวมทั้งของ Johnson and Johnson ดูจะไม่พบว่ามีปัญหานี้ อาจเป็นไปได้ว่ามีการรบกวนไม่มากนักถ้ามีแอนตีบอดีย์ในระดับต่ำ และเนื่องจากเป็นไวรัสเช้ือมีชีวิตแม้จะถูกทำ ให้อ่อนฤทธ์ิหรือไม่แบ่งตัว แต่ยังไม่ควรใช้กับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างมาก จนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจน และ เทคโนโลยีการใช้ไวรัสพาหะแบบนี้ ยังไม่เคยมีการใช้ในวงกว้างมาก่อน จากการใช้วัคซีนของ Oxford– AstraZeneca กว่า 10 ล้านโด๊ส พบว่ามีความปลอดภัยสูง และประสิทธิภาพดี แต่ยังคงต้องมีการศึกษาติดตาม ระยะยาวต่อไป และน่าจะเป็นวัคซีนกลุ่มที่มีการใช้มากที่สุดในอนาคต เนื่องจากราคาที่ถูกกว่า สามารถเก็บ ใน ระบบลกู โซ่ความเย็น +2 ถึง +8 องศาเซลเซียสได้ 3. วคั ซนี ทท่ี ำจากโปรตีนส่วนหนึง่ ของเชอื้ (Protein subunit vaccine) วัคซีนเทคโนโลยีนี้มีความคุ้นเคยมานาน และใช้ในการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนตับอักเสบบี ทำโดย การผลิตโปรตีนสไปค์ของไวรัสซาร์ส-โควี-2 อาศัยเทคนิคต่างๆ ที่คุ้นเคย เช่นระบบ cell culture, yeast, baculovirus, ใบยาสูบ แล้วนำมาผสมกับสารกระตุ้นภูมิ เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนตีบอ ดีย์ต่อต้านโปรตีนสไปค์ วัคซีนกลุ่มน้ีกำลังมีการศึกษา เช่นวัคซีนของ Novavax ผลิตจาก baculovirus และใช้ -7-

Matrix M เป็นตัวกระตุ้นภูมิ พบว่ามีประสิทธภิ าพสูงป้องกันโรคไดร้ ้อยละ 90 และมีความปลอดภัย คาดว่าวัคซนี กลุม่ น้จี ะมกี ารนำมาใช้อย่างกว้างขวางตอ่ ไป 4. วัคซีนชนิดเช้ือตาย (Inactivated vaccine) วัคซีนกลุ่มน้ีผลิตโดยนำไวรัสซาร์ส-โควี-2 มาเลี้ยงขยายจำนวนมาก และนำมาฆ่าด้วยสารเคมีเช่น betapropiolactone, formaldehyde หรือความร้อน เมื่อฉีดวัคซีนจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัส เทคโนโลยีนี้เป็นวิธีที่ใช้กับวัคซีนตับอักเสบเอ โปลิโอ จึงมีความคุ้นเคยในประสิทธิภาพและความปลอดภัย แต่ เนื่องจากการเพาะเลี้ยงไวรัสตอ้ งทำในห้องปฏิบตั ิการนิรภัยระดับ 3 ทำให้การผลิตทำไดช้ า้ และมรี าคาแพง วัคซีน ในกลุ่มนี้ได้มีการศึกษาแล้วพบว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคได้ดี จากการรายงานเบื้องต้นวัคซีนของ Sinovac พบว่ามี ประสิทธภิ าพในการป้องกันโรคแบบมีอาการที่ต้องพบแพทย์ ได้รอ้ ยละ 77.9 และปอ้ งกนั โรครนุ แรงได้ทง้ั หมด แต่ หากนับรวมถึงการป้องกันโรคแบบที่มีอาการน้อยๆ โดยไม่ต้องพบแพทย์ด้วย พบว่าป้องกันได้ร้อยละ 50.4 ส่วน วคั ซนี ของ Sinopharm พบว่ามปี ระสิทธิภาพรวมอยทู่ ่รี ้อยละ 79.4 วัคซีนกลุ่มนีจ้ ะมรี าคาในการผลิตแพงกว่ากลุ่ม อนื่ แต่ได้เริ่มมีการใชใ้ นหลายประเทศแลว้ และคาดวา่ จะมกี ารนำมาใชใ้ นประเทศไทยเรว็ ๆ น้ี ข้อมูลที่กล่าวมานี้ เป็นข้อมูล ณ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด 19 จะมี การนำเสนอมากขนึ้ เร่อื ยๆ วคั ซนี ท่ใี ช้เทคโนโลยอี ื่นๆ อาจมีมาในอนาคต ตารางที่ 1 สรปุ ข้อมลู วัคซนี แต่ละรูปแบบ สว่ นตารางท่ี 2 แสดงถึงผลการศกึ ษาระยะที่ 3 และท่ีมกี ารใชจ้ นถึงเดอื นกุมภาพนั ธ์ 2564 ตารางท่ี 1 แสดงขอ้ มูลสำคญั เก่ยี วกับชนิดของวัคซีนโควิด 19 โดยแบง่ ตามเทคโนโลยีการผลิตวคั ซีน กระบวนการผลติ ตวั อย่างวัคซีน ข้อดี ขอ้ จำกดั วัคซนี ชนดิ อาร์เอ็นเอ (ผผู้ ลิต) (RNA based • สามารถผลติ วัคซนี ไดง้ า่ ย รวดเรว็ • ต้องเกบ็ รกั ษาวคั ซนี ที่อุณหภูมติ ำ่ vaccine) • BNT162b2 • สามารถปรับปรุงวคั ซนี เพือ่ รอง มาก เนอื่ งจาก mRNA ถูกทำลาย (BioNTech/Pfizer) ไดง้ ่าย (ยกเว้น CVnCoV ของ วัคซนี ชนิดใชไ้ วรัสเปน็ รบั สายพนั ธ์ุหากมกี ารกลายพนั ธุ์ บริษัท CureVac ทสี่ ามารถเก็บท่ี พาหะ • mRNA-1273 ได้งา่ ย อุณหภมู ิ 3-5oC ได้) (15) (mRNA- (Moderna) • แม้จะมีข้อมลู เกย่ี วกับการแพ้ และ 1273 ของบรษิ ทั Moderna อาจ เป็นเทคนิคการผลติ วคั ซนี แบบ พิจารณาเก็บในอุณหภมู ิ 2-8oC ได้ • CVnCoV ใหม่ท่ยี ังไมเ่ คยใชใ้ นการผลติ วัคซนี แต่จะมอี ายไุ มเ่ กิน 30 วนั นบั จาก (Curevac) ตัวอ่นื ทำใหม้ คี วามกังวลเร่อื งความ วนั ทเ่ี ก็บที่อณุ หภมู ดิ งั กล่าว) (16) ปลอดภยั ระยะยาว อยา่ งไรกด็ ี • AZD1222 ในชว่ งเวลาอนั สั้น ได้มกี ารใช้ไป • ต้องอาศยั นาโนพารต์ เิ คลิ (Oxford– แลว้ กวา่ 100 ล้านโด๊ส ทำใหม้ ี (Nanoparticle) ซง่ึ เป็นสารท่ี AstraZeneca) ประสบการณ์การใชอ้ ยา่ งรวดเร็ว นำมาหอ่ หุม้ ปอ้ งกัน และเป็นตัว ทที่ ำให้มัน่ ใจถงึ ความปลอดภยั ได้ นำพา mRNA สารนอ้ี าจกระต้นุ การแพร้ นุ แรงได้ • การกระตนุ้ การสร้างภมู ิคุ้มกัน ขน้ึ กบั ชนดิ ของไวรสั ตัวนำทีใ่ ช้ • ไวรัสพาหะอาจถกู ทำลายจาก ภูมิคุ้มกนั ของรา่ งกายท่ีอาจจะมี อย่กู อ่ นฉีดวัคซีน ซึ่งอาจพบในผู้ที่ -8-

กระบวนการผลิต ตวั อย่างวคั ซนี ข้อดี ข้อจำกดั (Recombinant viral (ผู้ผลติ ) vector vaccine) โดยรวมพบว่าสามารถกระตุน้ การ เพ่งิ จะติดเชอื้ อะดีโนไวรสั สายพนั ธ์ุ • Ad5-nCoV สร้างภมู ิคุม้ กันไดด้ ี ที่เป็นพาหะและส่งผลตอ่ การ วคั ซนี ทท่ี ำจากโปรตีน (CanSinoBIO) • เลยี นแบบการตดิ เชื้อตาม กระตนุ้ ภูมคิ มุ้ กนั ได้ แตจ่ าก ส่วนหนง่ึ ของเชอ้ื ธรรมชาติของไวรัสพาหะ โดย การศกึ ษาไม่พบปญั หาน้ี (Protein subunit • Sputnik V ไวรัสพาหะบางตัวอาจมกี าร • สามารถกระตนุ้ ภูมิคมุ้ กันได้ดที ัง้ vaccine) (Gamaleya) ดดั แปลงพันธกุ รรมจนไมส่ ามารถ ระบบแอนตบี อดยี ์และระบบเซลล์ แบ่งตวั ได้ และเน่ืองจากเป็นไวรสั (Cell mediated immunity) วัคซีนชนดิ เช้ือตาย • Covishield อ่อนฤทธิ์ จึงมคี วามปลอดภยั สงู • เนือ่ งจากไวรสั พาหะเปน็ เชื้อมีชีวิต (Inactivated (Serum Institute • ผลิตไมย่ าก ราคาไม่แพง แมว้ า่ จะอ่อนฤทธหิ์ รือไมบ่ ง่ ตวั แต่ vaccine) of India) อาจก่อโรคได้ในผู้ทมี่ ภี าวะ • มีความปลอดภัยสูง ใช้กับผทู้ มี่ ี ภมู ิคมุ้ กนั บกพร่องอย่างมาก • Ad26.COV2.S ภมู คิ มุ้ กนั บกพร่องได้ • สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ไดต้ ั้งแตโ่ ดส๊ แรก (Johnson and และอาจใช้เพียง 1 โดส๊ ได้ Johnson) • ไมเ่ สยี่ งตอ่ การติดเช้อื • กระตนุ้ การสร้างภมู คิ มุ้ กันได้ไมด่ ี • สามารถผลติ วัคซนี ได้งา่ ย รวดเรว็ จงึ ทำให้ต้องใชส้ ารแอดจแู ว้น • EpiVacCorona • มปี ระสบการณ์การใชม้ ามากมาย (adjuvant) ซึ่งทำใหม้ ีปฏิกริ ยิ า (FBRI SRC VB เฉพาะที่ในตำแหนง่ ที่ฉีดได้ VECTOR ในวคั ซีนชนดิ อืน่ ๆ เช่น วคั ซีน Rospotrebnadzor ไข้หวัดใหญ่ วคั ซนี ไวรสั ตบั อกั เสบ • มีตน้ ทนุ การผลติ สูง เนอื่ งจากตอ้ ง Koltsovo) บี เป็นตน้ เพาะเลย้ี งเชอ้ื ในหอ้ งปฏบิ ตั ิการ • มีความปลอดภัยสงู ใช้กับผ้ทู ีม่ ี ระดบั สงู (Biosafety level 3) • NVX-CoV2373 ภมู คิ ุม้ กันบกพรอ่ งได้ (Novavax) • เปน็ เทคโนโลยีแบบเดิมที่เคยมี ประสบการณก์ ารใชก้ ับวัคซีนอื่นๆ • Coronavac เชน่ วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ เปน็ (Sinovac) ต้น • BBIBP-CorV (Sinopharm, Beijing Institute of Biological Products) • Inactivated vaccine (Sinopharm, Wuhan Institute of Biological Products) • Covaxin (Bharat Biotech) -9-

ตารางท่ี 2 แสดงขอ้ มลู ของวัคซีนโควิด 19 แต่ละชนดิ ที่มีการรายงานผลการศึกษาระยะท่ี 3 บรษิ ทั BioNTech/Pfizer Moderna Oxford–AstraZeneca Sinovac Sinopharm Bharat Gamaleya (Beijing Institute ประเทศผู้ผลิต สหรัฐอเมรกิ า สหรฐั อเมรกิ า องั กฤษ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดยี รสั เซยี Coronavac of Biological BBV152 (Covaxin) ช่อื วัคซนี BNT162b2 mRNA-1273 AZD1222 Products) Inactivated vaccine Sputnik V วิธกี ารผลิต mRNA vaccine mRNA vaccine Non-replicating viral Inactivated vaccine Non-replicating viral สาธารณรัฐ ฉีดเขา้ กลา้ มเนือ้ vector vaccine ฉีดเขา้ กลา้ มเนื้อ ประชาชนจีน vector vaccine 2 คร้งั (ChAdOX1) 2 คร้ัง (heterologous rAd26 BBIBP-CorV ห่างกัน 4 สัปดาห์ ฉีดเข้ากล้ามเนอ้ื ห่างกนั 2 สปั ดาห์ and rAd5) -25oC ถงึ -15oC 2 คร้งั 2oC ถึง 8oC Inactivated ฉดี เขา้ กล้ามเน้อื (2oC ถึง 8oC vaccine เกบ็ ได้ 30 วนั ) หา่ งกัน 4-12 สัปดาห์ 2 ครั้ง วธิ กี ารฉดี ฉดี เข้ากล้ามเนื้อ กลมุ่ อายุตั้งแต่ 2oC ถึง 8oC ฉีดเข้ากล้ามเนอ้ื ฉดี เข้ากลา้ มเนือ้ ห่างกนั 3 สัปดาห์ การเกบ็ รกั ษา 2 ครง้ั 2 ครัง้ 2 ครัง้ 18 ปีข้ึนไป กลุม่ อายุตง้ั แต่ 2oC ถึง 8oC ห่างกนั 3 สัปดาห์ จำนวน 30,420 คน 18 ปีขึน้ ไป ห่างกัน 3 สัปดาห์ หา่ งกนั 4 สปั ดาห์ จำนวน 11,636 คน -60oC ถงึ -80oC ไม่มีขอ้ มลู 2oC ถงึ 8oC 2oC ถึง 8oC (-70oC) มีแนวโน้มแต่ไมม่ ี นัยสำคัญ ขนาดประชากร กลุม่ อายุต้ังแต่ กล่มุ อายุตงั้ แต่ กลมุ่ อายตุ ้งั แต่ กลุ่มอายตุ ้งั แต่ กลุม่ อายตุ ้งั แต่ เปา้ หมาย (จาก 18 ปีขนึ้ ไป 18 ปขี ึน้ ไป 18 ปีข้นึ ไป 18 ปีข้นึ ไป 18 ปขี ้นึ ไป การศกึ ษาระยะที่ 3) จำนวน 43,548 คน จำนวน 27,680 คน ยงั ไม่มีขอ้ มูลขนาด จำนวน 25,800 คน จำนวน 19,866 คน ประชากรเปา้ หมาย ประสิทธภิ าพในการ ไม่มีขอ้ มลู ไม่มีข้อมูล ไม่มีข้อมลู ไมม่ ีข้อมูล ป้องกนั การโรคโควิด-19 ไม่มขี ้อมลู ที่ไมม่ อี าการ -10-

BioNTech/Pfizer Moderna Oxford–AstraZeneca Sinovac Sinopharm Bharat Gamaleya (Beijing Institute • ยงั ไมม่ ขี ้อมลู รายงาน บริษัท • ประสิทธภิ าพโดยรวมรอ้ ย • ประสิทธิภาพจากการวิเคราะห์ • ประสทิ ธภิ าพโดยรวม ละ 70.4 ขอ้ มูลเบอื้ ตย้ ในการศกึ ษาแต่ of Biological ร้อยละ 91.6 ประสิทธภิ าพในการ • ประสิทธิภาพโดยรวม • ประสิทธิภาพ ละประเทศใหผ้ ลทีแ่ ตกต่าง Products) ป้องกันโรคโควิด-19 ทมี่ ี รอ้ ยละ 95 โดยรวม ร้อยละ • ประสิทธิภาพขน้ึ อยู่กับ • อนิ โดนเี ซยี : รอ้ ยละ 65.3 • ประสทิ ธิภาพในการ 94.1 ระยะหา่ งระหว่างการฉีด (วเิ คราะห์จากอาสาสมคั ร • ประสิทธิภาพ ป้องกันโรคโควิด-19 ท่ี อาการ 2 คร้งั โดยจะมี 540 คน) โดยรวมร้อยละ มอี าการรุนแรงร้อยละ • ประสิทธภิ าพใน ประสิทธภิ าพสงู ถ้าฉีดหา่ ง • ตรุ กี : รอ้ ยละ 91.25 79.4 100 การปอ้ งกนั โรคโค กนั มากกวา่ 8 สัปดาห์ (วิเคราะห์จากอาสาสมัคร= วดิ -19 ทม่ี อี าการ 1,322 คน) รุนแรงร้อยละ 100 • ประสิทธภิ าพในการ • บราซิล : รอ้ ยละ 77.9 ปอ้ งกนั โรคโควดิ -19 ที่มี (วิเคราะหจ์ ากอาสาสมัคร= อาการรุนแรงร้อยละ 100 9,252 คน) แตห่ ากรวมการ ปอ้ งกนั โรคแบบอาการ น้อยๆ ดว้ ย จะมี ประสิทธภิ าพร้อยละ 50.4 ประสิทธภิ าพในการปอ้ งกันการ ตดิ เช้อื โควิด-19 ที่มีอาการ รุนแรง : ร้อยละ 100 -11-

BioNTech/Pfizer Moderna Oxford–AstraZeneca Sinovac Sinopharm Bharat Gamaleya (Beijing ไมพ่ บผลข้างเคยี งรุนแรง บรษิ ัท ไม่พบผลขา้ งเคียง Institute of รนุ แรง ความปลอดภยั และ จากการศึกษาวิจยั พบ จากการศึกษาวจิ ยั พบ จากการศกึ ษาวจิ ยั พบ พบอาการแพ้ 1 รายในกลมุ่ Biological ผลขา้ งเคียงทรี่ นุ แรง ผลขา้ งเคยี งทรี่ นุ แรง 4 ผลขา้ งเคียงที่รุนแรง ผลข้างเคยี งท่รี นุ แรง วัคซีนจากการศกึ ษาในตรุ กี Products) รายในกลมุ่ วัคซนี แต่ ในกลุ่มวัคซีน คือ ในกล่มุ วคั ซนี คอื ประสบการณก์ ารใช้ จากการสืบคน้ ข้อมลู มากกวา่ 1 ลา้ นโด๊ส ไม่พบผลข้างเคยี ง จนถงึ เดือนกมุ ภาพันธ์ เพิม่ เตมิ พบวา่ ไม่ • อาการแพ้รนุ แรง • Transverse myelitis 1 มคี วามปลอดภยั รนุ แรง สัมพนั ธก์ ับการได้รับ ร้อยละ 1.5 ราย ในช่วง 14 วนั 2564 วัคซีน หลงั จากการใหว้ ัคซนี ครงั้ • Bell palsy 3 ราย ท่ี 2 หลงั จากการสบื สวน (<ร้อยละ 0.1) พบว่า เปน็ idiopathic, short segment spinal • เสยี ชวี ติ 2 ราย cord demyelination (<รอ้ ยละ 0.1) โดย แตไ่ มส่ ามารถบอก รายหน่ึงเกิดจาก ความสมั พนั ธก์ ับวคั ซีนได้ การฆา่ ตวั ตาย และ อกี รายเกิดหัวใจ • Multiple sclerosis จาก หยุดเต้นไมท่ ราบ การสบื สวนแลว้ สรุปวา่ สาเหตุ น่าเป็นปัญหาท่เี กิดก่อน การได้รับวคั ซีน มากกวา่ 50 ลา้ นโดส๊ มากกวา่ 30 ลา้ นโดส๊ มากกว่า 15 ลา้ น มากกวา่ 1 ลา้ นโดส๊ ไมม่ ีข้อมูล แตค่ าดวา่ มีความปลอดภยั มีความปลอดภยั มากกวา่ 10 ลา้ นโด๊ส โดส๊ น่าจะใชไ้ ปจำนวนมาก มีโอกาสแพ้รุนแรง มโี อกาสแพ้รนุ แรง มีความปลอดภยั มคี วามปลอดภยั แลว้ แบบ anaphylaxis แบบ anaphylaxis 11.1 ต่อล้านโด๊ส (7) 2.5 ตอ่ ลา้ นโดส๊ (8) -12-

วคั ซนี ทีจ่ ะมกี ารนำมาใชใ้ นประเทศไทยปี 2564 วัคซีนที่จะได้นำมาใช้ในระยะแรกเป็นวัคซีนของ Oxford–AstraZeneca และวัคซีนชนิดเชื้อตายของ Sinovac หรือ Sinopharm จากนั้นจะมีวัคซีนชนิดอื่นๆ ตามมาในภายหลัง แต่ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด อาจมีการให้บริการได้ทั้งในภาครัฐหรือเอกชน จำเป็นต้องมีการขึ้นทะเบียนรับรองให้ใช้โดยคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) และตรวจสอบออก lot release โดยสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งทำให้มั่นใจว่า วัคซีนที่จะนำมาใช้ทกุ ตัวในประเทศไทยจะต้องมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและความปลอดภัยต่อผู้ท่ีได้รบั การฉดี วัคซีน วัคซีนของ Oxford–AstraZeneca เป็นวัคซีนที่ผลิตโดยใช้ไวรัสอะดีโนไวรัสของชิมแพนซีซึ่งนำมา ดัดแปลงพันธุกรรมทำให้ไม่สามารถแบ่งตัวได้ และสอดใส่สารพันธุกรรมที่กำกับการสร้างโปรตีนสไปค์ของไวรัส ซาร์ส-โควี-2 นับเป็นวัคซีนเชื้อมีชีวิตที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ โดยวัคซีนนี้มีประสิทธิภาพโดยรวมร้อยละ 70.4 ในการ ปอ้ งกันโรคโควิด 19 ท่ีมีอาการ และมีประสิทธิภาพร้อยละ 100 ในการป้องกนั โรคโควิด 19 ท่มี อี าการรุนแรงหรือ เสียชีวิต ประสิทธิภาพเกิดได้ตั้งแต่การฉีดเข็มแรก แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังการฉีด คือ อาการปวด บวมบริเวณที่ฉีดวัคซีนซึ่งสามารถหายได้เอง ในปัจจุบันแนะนำ ให้ฉีดในกลุ่มอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้งห่างกัน 4-12 สัปดาห์ แต่จากการศึกษาพบว่า วัคซีนจะมีประสิทธิภาพมากข้ึนในกลุ่มที่ฉีดวคั ซีนห่างกันเกิน 8 สัปดาห์ขึ้นไป องค์การอนามัยโลกจงึ แนะนำให้ฉดี วัคซีนของ Oxford–AstraZeneca นี้ห่างกัน 8-12 สัปดาห์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม วัคซีนนี้ยัง ไมค่ วรใหใ้ นผทู้ มี่ ภี าวะภูมิคมุ้ กันบกพร่องอย่างมาก เนื่องจากเป็นวัคซีนที่มีเชือ้ ชวี ติ แมว้ า่ จะเป็นเชอ้ื ไวรสั ท่ีถูกทำให้ อ่อนฤทธิ์หรือไม่แบง่ ตัว แต่ยังไม่มขี อ้ มลู ความปลอดภยั เพียงพอ เช่นเดยี วกันยงั ไม่มีข้อมลู การใช้วัคซีนในเด็ก หญิง ต้ังครรภ์ และหญงิ ใหน้ มบตุ รในขณะน้ี วัคซีนของ Sinovac เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ในปัจจุบันแนะนำให้ฉีดในกลุ่มอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้งห่างกัน 2 สัปดาห์ วัคซีนมีประสิทธิภาพโดยรวมในการป้องกันโรคแบบมีอาการที่ต้อง พบแพทย์ได้ร้อยละ 77.9 ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนมีความแตกต่างกันแต่ละประเทศที่ทำการศึกษา โดยมีประสิทธิภาพร้อยละ 65.3, 91.25 และ 77.9 ในประเทศอินโดนีเซีย ตุรกี และบราซิลตามลำดับ วัคซนี มีประสิทธภิ าพร้อยละ 100 ในการปอ้ งกนั โรคโควิด-19 ท่มี ีอาการรนุ แรง และหากนับรวมถึงการป้องกันโรค แบบที่มีอาการน้อยๆ โดยไม่ต้องพบแพทย์ด้วยจะพบประสิทธิภาพเพียงร้อยละ 50.4 ที่น่าสนใจคือการศึกษา ในระยะที่ 2 พบว่าหากเว้นช่วงเข็มที่ 1 และ 2 ห่างกัน 28 วัน จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า 14 วัน แต่การฉีด ห่างกนั 28 วนั ยังไม่มผี ลการศกึ ษาในระยะท่ี 3 ผลข้างเคียงที่พบบอ่ ยหลงั การฉดี คอื อาการปวด บวมบริเวณท่ีฉีด พบประมาณร้อยละ 20 ซึ่งสามารถหายได้เอง นอกจากน้ีการศึกษาในระยะท่ี 3 ยังไม่มีข้อมูลในผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป มากเพียงพอ จึงยังไม่ได้มีคำแนะนำให้ใช้ในผู้ที่อายุเกิน 60 ปีโดยทั่วไป แต่จากผลการศึกษาระยะที่ 2 พบว่า ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี ให้ผลการตอบสนองต่อวัคซีนไม่แตกต่างจากผู้ที่มีอายุน้อยกว่า และมีผลข้างเคียง ไม่แตกต่างกัน จึงอาจพิจารณาให้ใช้ได้ถ้ามีความจำเป็นและเห็นว่าประโยชน์มากกว่า ในผู้ที่สูงวัยเป็นกลุ่มเสี่ยง ต่อโรครุนแรง ด้วยข้อมูลที่มีจำกัด แต่จำเป็นต้องนำวัคซีนมาใช้อย่างเร่งด่วน ดังนั้นการรับรองให้ใช้จึงอาศัยผลจาก การศึกษาเบื้องต้นที่วา่ มีประสิทธภิ าพโดยรวมและปลอดภัยเท่าน้ัน คาดว่าเมอื่ การศกึ ษาจบจะเหน็ ผลประสิทธิภาพ -13-

ที่ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการศึกษาในประชากรกลุ่มย่อยหรือกลุ่มพิเศษ ถึงแม้ว่าวัคซีนเหล่านี้จะได้รับรับรองจาก คณะกรรมการอาหารและยาว่ามีความปลอดภัยและอนุมัติให้ใช้ได้แล้วก็ตาม แต่เป็นการอนุมัติแบบมีเงื่อนไขใน สถานการณ์ฉุกเฉิน การฉีดวัคซีนเหล่าน้ีอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้ในอัตราที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้อง สังเกตอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาทีในโรงพยาบาล และต้องมีการรายงานอาการอันไม่พึงประสงค์ หลงั ได้รบั วัคซนี อย่างเขม้ ข้นและเป็นระบบ เพ่ือให้เกิดความมั่นใจในการใช้วคั ซีน วัคซีนที่มีใช้ในขณะนี้ พัฒนามาจากไวรสั ท่ีเกิดการระบาดต้ังแต่ช่วงตน้ ในปลายปี 2562 แต่ไวรัสซาร์ส-โค วี-2 มีการกลายพันธ์ุไปอย่างมากจากการระบาดทร่ี ุนแรง วัคซีนอาจมีประสิทธภิ าพในการป้องกันเชื้อกลายพันธ์ุได้ น้อยกว่าเชื้อดั้งเดิม จึงจำเป็นต้องติดตามผลการศึกษาต่อไป ตัวอย่างเช่น วัคซีนของ Oxford–AstraZeneca พบว่าให้ภมู ิคมุ้ กันต่อเช้ือ B1.1.7 ท่ีระบาดในองั กฤษ ด้อยกวา่ เชือ้ ดง้ั เดิม แต่ประสิทฺธภิ าพในการป้องกันโรคยังเท่า เดมิ อยู่ แต่อาจจะลดลงไปไดห้ ากพบการกลายพนั ธท์ุ ี่มากขน้ึ ขณะนี้ประเทศไทยจัดหาวัคซีนโควิดมาให้บริการในปี 2564 อย่างน้อย จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีนของ Oxford–AstraZeneca และ Sinovac รายละเอียดดังตารางท่ี 3 ตารางที่3 รายละเอียดวัคซีนโควิด 19 ตามเอกสารกำกับยาที่คาดว่าจะนำมาใช้ในสถานการณ์ระบาดของ โรคโควิด19 ในปี 2564 เรอ่ื ง Covid-19 Vaccine AstraZeneca SARS-CoV-2 (Vero cell), Inactivated ชอ่ื ทางการคา้ ChAdOx1 nCoV-19 (AZD1222) CoronaVac สถานะการขึน้ ทะเบยี นใน ได้รับอนุญาตทะเบียนแบบมีเงื่อนไข ได้รับอนุญาตทะเบียนแบบมีเงื่อนไข เป็น ประเทศไทย จากสำนกั งาน เป็นระยะเวลา 1 ปี ระยะเวลา 1 ปี คณะกรรมการอาหารและยา สว่ นประกอบสำคัญของวัคซีน ChAdOx1-S* recombinant Inactivated SARS-CoV-2 (Vero cell) ขนาดต่อโด๊ส 5 x1010 virus particle 6 ไมโครกรัม ขนาดบรรจุ 10-dose vial Single dose วิธีใช้ (ตามเอกสารกำกับยา) ให้วัคซีนในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยฉีด ให้วัคซนี ในผู้ท่มี ีอายุ 18 ปขี ึน้ ไป โดยฉีดเข้า เข้ากล้ามเนื้อแขนส่วนบนบริเวณ กล้ามเนื้อแขนส่วนบนบริเวณเดลทอยด์ เดลทอยด์ ครัง้ ละ 0.5 มิลลลิ ติ ร คร้ังละ 0.5 มิลลลิ ิตร ตารางการใหว้ ัคซีน (ตาม ให้วัคซนี 2 โดส๊ ห่างกัน 4-12 สปั ดาห์ สภาวะระบาด: ให้วัคซีน 2 โด๊ส ห่างกัน 2 เอกสารกำกบั ยา) สัปดาห์ สภาวะปกติ: ให้วัคซีน 2 โด๊ส ห่างกัน 1 เดือน ตารางการฉีดวคั ซนี ของประเทศ 2 เขม็ หา่ งกนั 8-12 สัปดาห์ 2 เข็มหา่ งกนั 2-4 สปั ดาห์ ไทยกำหนดโดยคณะอนุกรรมการ โดยในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรงแนะนำให้ สรา้ งเสรมิ ภมู ิคมุ้ กันโรค ฉีดหา่ งกนั 2 สัปดาห์ -14-

เรื่อง Covid-19 Vaccine AstraZeneca SARS-CoV-2 (Vero cell), Inactivated ประสิทธิภาพ ปอ้ งกันการตดิ เชอ้ื ทุกแบบ 54.1% ป้องกนั โรคท่ีมอี าการตัง้ แตน่ ้อยมาก 50.4% ปอ้ งกนั โรคแบบมอี าการ 70.4% ปอ้ งกันโรคแบบมอี าการ 65.3%-91.2% ปอ้ งกนั โรครนุ แรง เสียชวี ิต 100% ปอ้ งกนั โรครุนแรง เสียชวี ิต 100% ขอ้ หา้ มใช้ ข้อห้าม ขอ้ หา้ ม หา้ มใช้ในบคุ คลทผี่ ้ทู ่มี ีประวัติแพ้ หา้ มใชใ้ นบุคคลท่ผี ูท้ มี่ ปี ระวัติแพ้ สว่ นประกอบใด ๆ ของวัคซีนน้ี สว่ นประกอบใด ๆ ของวัคซนี นี้ อายุต่ำกว่า 18 ปี, หญิงตั้งครรภ์, หญิง อายุตำ่ กวา่ 18 ปี, หญงิ ต้งั ครรภ์, หญิงให้ ใหน้ มบุตร นมบุตร, อายตุ ัง้ แต่ 60 ปขี ึน้ ไป ขอ้ ควรระวังที่ควรเล่อื นการฉีด ผูท้ เี่ จ็บปว่ ยเฉยี บพลัน แตห่ ากเป็นหวัดเลก็ นอ้ ยสามารถฉีดได้ ไปกอ่ น การตรวจภมู คิ ุม้ กนั กอ่ นหรอื หลงั ไม่จำเปน็ การฉีด อาการไม่พึงประสงค์ภายหลัง 88% ส่วนใหญ่ไม่รนุ แรง 35% สว่ นใหญไ่ ม่รุนแรง จากได้รับวคั ซนี อาการที่พบบ่อย (> 10%) ได้แก่ ปวด ไม่มรี ายงานในการศึกษาก่อนออกส่ตู ลาด บริเวณที่ฉีด ปวดหัว เมื่อยล้า ปวด กล้ามเนื้อ ไม่สบายตัว มีไข้ หนาวส่ัน คล่นื ไส้ การเกบ็ รักษา เกบ็ ในอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศา เกบ็ ในอุณหภมู ิ +2 ถงึ +8 องศาเซลเซยี ส เซลเซียส ห้ามแช่แขง็ และเก็บในกลอ่ ง หา้ มแช่แขง็ และเก็บในกลอ่ งเพอื่ ป้องกัน เพอื่ ป้องกนั แสง แสง หลังเปิดใช้ ให้เก็บแบบปราศจาก การปนเปอ้ื นไมเ่ กิน 6 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ +2 ถงึ +8 องศาเซลเซียส ผผู้ ลติ AstraZeneca SINOVAC LIFE SCIENCES CO.,LTD, China -15-

กลไกการขบั เคล่อื นและการเตรยี มบุคลากรในการดำเนินงาน กลไกการขับเคล่ือนการดำเนนิ งาน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ประเทศไทยได้กำหนดมาตรการในการป้องกันโรค หลายประการ หนึ่งในมาตรการหลักที่สำคัญ คือ การให้วัคซีนโควิด 19 ในประชาชนกลุ่มเป้าหมาย จึงมีความ จำเปน็ ตอ้ งจัดหาวัคซีนใหเ้ พยี งพอแกป่ ระชาชน กระบวนการนำวคั ซีนโควดิ 19 มาใชใ้ นประเทศไทย ประกอบด้วย กระบวนการคัดเลือก จัดซื้อจัดหาวัคซีน การพิจารณาข้อมูลเชิงวิชาการ การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย กระบวนการ บริหารจัดการวัคซีนและการให้บริการ การดำเนินงานเหล่านี้อาศัยกลไกการขับเคลื่อน ภายใต้คณะกรรมการ ตา่ ง ๆ ดังน้ี 1. คณะกรรมการขับเคลอ่ื นการจัดหาวัคซีนโควดิ 19 เพ่ือประชาชนไทย กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดกลไกการดำเนินงานจัดหาวัคซีนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประเทศไทย มีวัคซีนสำหรับให้บริการแก่ประชากร โดยจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีนโควิด 19 เพื่อประชาชนไทย มีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 ที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพอย่างท่ัวถึงและเป็นธรรม คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ มีอำนาจหน้าที่ ในการจัดทำข้อเสนอทางเลือกเชิงนโยบายการจัดหาวัคซีนโควิด 19 และแผนการจัดหาวัคซีนเสนอต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ให้เป็นไป ตามแผนและกรอบเวลาที่กำหนด รวมทั้งเจรจาต่อรองกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดหาวัคซีน โควดิ 19 จากผู้ผลิตทง้ั ในและต่างประเทศ คณะกรรมการฯ ได้แต่งตงั้ คณะทำงานสำหรับดำเนนิ การจัดทำข้อตกลง และเจรจาจัดหาวัคซีนโควิด 19 เพื่อให้การดำเนินงานในการต่อรองและพิจารณาร่างสัญญาจัดหาวัคซีน มคี วามคลอ่ งตัว ปัจจุบันประเทศไทยมีการลงนามสัญญาซื้อวัคซีนโควิด 19 จากบริษัท AstraZeneca (Thailand) เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 26 ล้านโด๊ส ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด Viral vector ที่พัฒนาโดย Oxford University ร่วมกับผู้ผลิตคือบริษัท AstraZeneca จำกัด นอกจากนี้ บริษัท AstraZeneca จำกัด ยังได้ตกลง ที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด 19 ให้แก่ผู้ผลิตในประเทศไทย คือ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด และมาถงึ ประเทศไทยวันที่ 24 กมุ ภาพันธ์ 2564 จำนวน 1.7 แสนโดส๊ นอกจากนย้ี ังมกี ารจัดหาวคั ซีน CoronaVac จากบริษัท Sinovac จำนวน 2 ลา้ นโดส๊ ซ่งึ มาถงึ ประเทศ ไทยวนั ที่ 24 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จำนวน 2 แสนโดส๊ และทยอยมาจนครบตามจำนวน ทั้งนี้ คณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดหาวัคซีนโควิด 19 เพื่อประชาชนไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยงั คงมคี วามพยายามท่ีจะจัดหาวัคซนี เพม่ิ เติมเพื่อใหค้ รอบคลุมประชาชนไทยทุกคนต่อไป 2. คณะกรรมการวคั ซนี แหง่ ชาติ การใช้วัคซีนโควิด 19 ในสถานการณ์การระบาด จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญ ด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งได้แก่ คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคภายใต้คณะกรรมการวัคซีน แห่งชาติ คณะอนุกรรมการสรา้ งเสริมภูมิคุ้มกนั โรคและคณะทำงานผู้เชยี่ วชาญกำหนดแผนการให้วัคซีนป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้ข้อแนะนำชนิดของวัคซีนที่เหมาะสมในการนำมาใช้ กำหนดลำดับ กลุ่มเป้าหมายในการเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 ในช่วงแรกท่ีวัคซีนมีปริมาณจำกัด ช่วงที่มีวัคซีนเพิ่มขึ้น และช่วงที่มี -16-

วัคซีนเพียงพอ รวมทั้งให้คำแนะนำแนวทางการให้บริการวัคซีน ทั้งนี้รายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายจะอยู่ในหัวข้อ “กลุ่มเป้าหมาย” 3. คณะกรรมการโรคตดิ ต่อแห่งชาติ สำหรบั การบรหิ ารจัดการวัคซนี และการใหว้ ัคซีนโควิด 19 คณะกรรมการโรคตดิ ต่อแห่งชาติ ได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ( COVID19) เพื่อเตรียมความพร้อม การดำเนินงาน การกำกับติดตาม และการแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้การ ดำเนินงานเป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน โดยมีคณะทำงาน 6 ด้าน ที่สนับสนุนการดำเนินงาน ได้แก่ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงาน คณะทำงานด้านการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารและสื่อประชาสัมพันธ์ คณะทำงานด้านการให้บริการวัคซีน ฝึกอบรม และกำกับติดตามผล คณะทำงานด้านการประกันคุณภาพวัคซีนและติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน คณะทำงานด้าน ระบบข้อมูลการให้บริการวัคซีนปอ้ งกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และคณะทำงานวิชาการด้านบริหารจัดการ และศกึ ษาการใหบ้ รกิ ารวคั ซนี กลไกทั้งสามดังกล่าวข้างต้น ได้เชื่อมโยงการดำเนินงานผ่านฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ คณะอนกุ รรมการ ซึง่ ไดแ้ ก่ กรมควบคมุ โรค การเตรยี มบคุ ลากรในการดำเนินงาน ในการดำเนินงานให้วัคซีนโควิด 19 ซงึ่ เปน็ วคั ซนี ใหม่สำหรับควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ทตี่ อ้ งใหบ้ ริการแก่กลมุ่ เปา้ หมายเปน็ จำนวนมากและภายในระยะเวลาท่ีจำกัด การเตรยี มทีมทำงานจงึ เปน็ อีกส่ิงหน่ึงที่ มคี วามสำคัญ เพ่อื แบง่ หนา้ ทีค่ วามรับผิดชอบและจัดระเบยี บการทำงาน ในแตล่ ะระดบั ดงั นี้ 1. ระดบั จงั หวัด ระดับจงั หวัด ตามขอ้ สั่งการของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไดม้ อบหมายให้จังหวดั ได้มีกลไกในการบริหาร จัดการและกำกับติดตาม โดยให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่ออำนวยการ บริหารจัดการ และแก้ไขสถานการณ์ในการให้วัคซีนโควิด 19 ในระดับจังหวัด โดยสามารถพิจารณาแต่งตั้ง คณะอนกุ รรมการและ/หรอื คณะทำงานตามความเหมาะสมของบริบทแต่ละจังหวัด 2. ระดับหนว่ ยบริการ มอบหมายผู้รบั ผิดชอบการดำเนินงานตามขั้นตอนหลกั จำแนกได้ 5 ทมี ดังน้ี 1) ทีมลงทะเบียน/นัดหมาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่เวชระเบียน หรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำหนา้ ที่ลงทะเบยี นจองสิทธก์ิ ารฉดี วัคซีน รวมถงึ การลงนัดหมายวนั ทร่ี บั บริการฉีดวคั ซีนโควดิ 19 ในระบบ ระบบ ลงทะเบียนที่โรงพยาบาล (Hospital Information System: HIS) ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีความประสงค์รับวัคซีน รวมถึงให้บริการลงทะเบียนฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และนัดหมายวันที่รับบริการฉีดวัคซีน เข็มที่ 2 ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ท่ีไมไ่ ด้นดั หมายลว่ งหนา้ แตม่ าทีโ่ รงพยาบาลและมคี วามประสงคจ์ ะขอรับบรกิ ารฉีดวคั ซีนโควิด 19 ในวันน้ัน ๆ ทั้งนี้ เพื่อลดความแออัดในการจัดบริการ และเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ควรจัดให้มี การตั้งจุดลงทะเบียน/นัดหมายเฉพาะในส่วนของการฉีดวัคซีนโควิด 19 แยกออกจาก จุดลงทะเบียนปกติของ โรงพยาบาล -17-

2) ทีมจัดส่งและจัดเก็บวัคซีนในระบบ Cold chain ประกอบด้วย เภสัชกร และเจ้าพนักงานเภสัชกรรม ที่รับผิดชอบการบริหารจัดการวัคซีนและระบบลกู โซ่ความเยน็ ทำหน้าทีต่ รวจรับวัคซนี โควิด 19 จากองค์การเภสชั กรรม จัดเก็บและรักษาวัคซีนภายใต้ระบบลูกโซ่ความเย็นที่คลังวัคซีนระดับอำเภอ จัดทำบัญชีรับ-จ่ายวัคซีนโควิด 19 จา่ ยวัคซนี ให้กับทมี ให้บริการ รวมทั้งให้คำปรึกษาเกีย่ วกบั วคั ซนี และอาการภายหลังได้รับวัคซีน 3) ทีมให้บรกิ าร ประกอบดว้ ย พยาบาลวชิ าชีพ นักวิชาการสาธารณสุข และเจา้ พนักงานสาธารณสุข ที่ทำ หน้าที่ในการเตรียมกลุ่มเป้าหมาย เตรียมสถานที่ เบิกวัคซีน ตรวจสอบและคัดกรองกลุ่มเป้าหมาย จัดลำดับ ในการฉดี วัคซีน ตรวจสอบการบันทึกอาการไม่พงึ ประสงคภ์ ายหลงั ไดร้ ับวคั ซีน ใหข้ อ้ มูลการฉดี วัคซีนและการดูแล ตนเองหลังได้รับวัคซีนแก่กลุ่มเป้าหมาย ฉีดวัคซีน นัดรับวัคซีนในเข็มที่ 2 เฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ภายหลัง ได้รบั วคั ซีน 30 นาที และแนะนำการบนทึกอาการภายหลังรับวัคซนี จัดเกบ็ วัคซีนที่เปดิ ใชแ้ ล้วในตเู้ ย็นที่มีอุณหภูมิ +2 ถงึ +8 องศาเซลเซียส และจดั การขยะติดเช้อื 4) ทีมเฝ้าระวังและตอบโต้อาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุข และเจ้าพนักงานสาธารณสุข ดำเนินการในการเฝ้าระวังและตอบโต้อาการไม่พึงประสงค์ ภายหลังได้รับวัคซีนโควิด 19 กำหนดนิยามและวิธีการสอบสวนและรายงานอาการฯ ตามแนวทางการติดตาม เฝา้ ระวังเหตุการณไ์ มพ่ งึ ประสงค์ภายหลังจากได้รบั วัคซีนของกองระบาดวทิ ยา กรมควบคมุ โรค 5) ทีมบริหารจัดการและติดตามผล ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอ และบุคลากร ของโรงพยาบาลและหนว่ ยบริการในระดบั ตำบลท่ีไดร้ ับมอบหมาย ทำหน้าท่ใี นการประสานการดำเนนิ งาน อำนวย ความสะดวกและแก้ไขปัญหาในการดำเนนิ งาน ตดิ ตามผลการให้บริการ และความปลอดภยั ของวัคซนี กลมุ่ เปา้ หมายและระยะการดำเนนิ งานใหว้ คั ซีน ประเทศไทยมีนโยบายการให้วัคซีนโควิด 19 แก่ประชาชนทุกคนที่สมัครใจ ตามข้อบ่งใช้ของวัคซีน แต่ละชนดิ ในเอกสารกำกับยา แตเ่ นอ่ื งจากวัคซีนโควิด 19 เปน็ วัคซนี ทอี่ ยู่ในระยะแรกของการผลิต ดงั น้ัน ปริมาณ ของวัคซีนที่ผลิตได้น้อยกว่าความต้องการใช้วัคซีน ดังนั้น คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคภายใต้ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติจึงได้กำหนดลำดับกลุ่มเป้าหมายในการเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 ในสถานการณ์ การระบาดของโรค โดยคำนึงถงึ หลกั จรยิ ธรรม ความเท่าเทียม หลักฐานทางวิชาการ ปริมาณวัคซีนท่ีจัดหาได้ และ ความสามารถในการบริหารจดั การภายใต้บริบทของประเทศ ทั้งนีค้ ณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้พิจารณาลำดับกลุ่มเป้าหมายในการเขา้ ถึงวคั ซนี ดังนี้ ระยะที่ 1 เมอื่ มวี คั ซีนปริมาณจำกดั วตั ถุประสงค์: 1) ลดการป่วยรนุ แรงและเสียชีวติ จากโรคโควดิ 19 2) รักษาระบบสขุ ภาพของประเทศ กลุม่ เปา้ หมาย: ▪ บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ดา่ นหนา้ ท้งั ภาครัฐและเอกชน* ▪ บุคคลทมี่ โี รคประจำตวั - โรคทางเดินหายใจเรื้อรงั รนุ แรง เชน่ ปอดอดุ กน้ั เร้อื รัง และโรคหอบหดื ทคี่ วบคุมได้ไมด่ ี - โรคหัวใจและหลอดเลอื ด - โรคไตเร้อื รงั ทีอ่ ยู่ระยะ 5 ขึน้ ไป (ไตวายเรอื้ รงั ) -18-

- โรคหลอดเลือดสมอง - โรคมะเร็งทุกชนดิ ทอี่ ยูร่ ะหวา่ งเคมีบำบดั รังสีบำบดั และภูมิคมุ้ กนั บำบัด** - โรคเบาหวาน - โรคอ้วน ทม่ี นี ้ำหนกั >100 กโิ ลกรมั หรือ BMI >35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ▪ ผู้ทม่ี ีอายตุ ้งั แต่ 60 ปี ขนึ้ ไป ▪ เจา้ หนา้ ทท่ี ่เี ก่ียวข้องกับการควบคมุ โรคโควดิ 19 ท่ีมโี อกาสสัมผสั ผู้ปว่ ย*** หมายเหตุ: * ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ โควิด 19 เจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาลท่ีมีโอกาสสัมผัสเชื้อผู้ป่วยโควดิ 19 (เช่น เวรเปล เจ้าหน้าที่ทำความ สะอาดหอพกั ผูป้ ่วย เจ้าหนา้ ที่แผนกซกั ฟอกในโรงพยาบาล) เจา้ หนา้ ท่ีสอบสวนโรค เจา้ หน้าท่ที ี่ปฏบิ ตั ิงาน อยู่ในสถานที่กักกัน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.)/ อาสาสมัครสาธารณสุขแรงงานต่างด้าว (อสต.) ทต่ี ้องสมั ผสั ผปู้ ว่ ยโควิด 19 เปน็ ตน้ ** ให้อยภู่ ายใต้ดลุ ยพินิจของแพทย์ *** ได้แก่ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ทหาร ตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าท่ี ควบคมุ โรคชายแดน เป็นตน้ ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายอาจมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดได้ตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ประสิทธิภาพของวัคซีน และจำนวนวัคซีนที่จัดหาได้ โดยพิจารณาให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง โดยเฉพาะพนื้ ท่ีควบคมุ สูงสดุ และเข้มขน้ ระยะที่ 2 เมอื่ มีวคั ซีนมากขึน้ วตั ถปุ ระสงค์: เพื่อรกั ษาเศรษฐกิจ สังคม และความมัน่ คงของประเทศ กลมุ่ เป้าหมาย: ▪ บคุ คลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ที่นอกเหนอื จากด่านหน้า ▪ เจ้าหน้าที่ท่มี โี อกาสสัมผัสเชื้อโควดิ 19 ▪ ผู้ประกอบอาชีพที่มีโอกาสสัมผัสกับคนจำนวนมาก เช่น เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการสาธารณะ เจ้าหน้าท่ี โรงแรม มัคคเุ ทศก์ เจ้าหน้าท่ีของแหล่งทอ่ งเที่ยว ▪ ผทู้ ่มี โี อกาสสัมผสั ผเู้ ดนิ ทางระหวา่ งประเทศ เชน่ ลกู เรือ นักการทูต ผเู้ ดนิ ทาง ฯลฯ ระยะที่ 3 เมื่อมีวคั ซนี เพยี งพอ วตั ถุประสงค์: เพื่อสร้างภมู คิ ุ้มกันในระดับ ประชากร และฟื้นฟใู หป้ ระเทศกลบั เข้าสูภ่ าวะปกติ กลมุ่ เปา้ หมาย: ประชาชนท่ัวไป ทั้งนี้ วัคซีนที่ได้รับในครั้งแรก กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้นำมาให้บริการแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กับการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อก่อน ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อ งกับการควบคุมโรคโควิด 19 ท่ีมโี อกาสสัมผสั ผ้ปู ่วย -19-

การสำรวจกลมุ่ เปา้ หมาย การลงทะเบียนจองสทิ ธิ์ และนัดหมายรบั บรกิ าร 1. การสำรวจกลมุ่ เปา้ หมายการใหว้ คั ซนี ขอความร่วมมือหน่วยบริการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน หน่วยงาน สาธารณสุขและหน่วยงานอื่นๆ ท่ีไม่ใช่หน่วยงานทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการ ควบคุมโรคโควิด 19 สำรวจกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับวัคซีนโควิด 19 ปี 2564 ในระยะแรกที่วัคซีนมีปริมาณ จำกดั ไดแ้ ก่ บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหนา้ ท้งั ภาครฐั และเอกชน ▪ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ดา่ นหนา้ ภาครฐั ประกอบด้วย - ในสถานพยาบาล ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการโควิด 19 เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล/ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และ ศูนย์บริการสาธารณสุข/ ศูนย์อนามัย ที่มีโอกาสสัมผัสเช้ือผู้ป่วยโควิด 19 (เช่น เวรเปล เจ้าหน้าท่ีทำความสะอาด หอพักผู้ป่วย เจ้าหน้าที่แผนกซักฟอกในโรงพยาบาล) เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานที่ กักกัน - ในหน่วยงานสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง คือ เจ้าหน้าที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อผู้ป่วยโควิ ด 19 ได้แก่ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานที่กักกันโรค หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการโควิด 19 ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)/สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.)/สำนักงานป้องกันควบคุมโรค (สคร.)/ศนู ย์วิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ ▪ บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ดา่ นหนา้ ภาคเอกชน ประกอบดว้ ย แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสชั กร เจ้าหน้าท่ีผชู้ ่วยเหลอื ผู้ป่วย เจา้ หน้าที่ห้องปฏบิ ตั ิการโควิด 19 เจา้ หนา้ ทใี่ นโรงพยาบาลเอกชน ท่มี โี อกาสสัมผสั เชื้อผู้ปว่ ยโควิด 19 (เชน่ เวรเปล เจ้าหนา้ ท่ีทำความสะอาดหอพัก ผู้ป่วย เจา้ หน้าที่แผนกซกั ฟอกในโรงพยาบาล) เจ้าหน้าทสี่ อบสวนโรค เจา้ หน้าท่ีท่ปี ฏิบัตงิ านอย่ใู นสถานทกี่ กั กนั โดยทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชน จะประสานการสำรวจและรวบรวมข้อมูลบุคลากรของ โรงพยาบาลภาคเอกชนในทุกจังหวดั ทัว่ ประเทศ ส่งใหก้ รมควบคมุ โรค ▪ อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำหมู่บ้าน (อสม.)/ อาสาสมคั รสาธารณสขุ ตา่ งดา้ ว (อสต.) ทมี่ โี อกาส สัมผสั เชื้อผปู้ ่วยโควดิ 19 บคุ คลทีม่ ีโรคประจำตัว หมายถงึ บคุ คลท่ีมโี รคประจำตัว และอายุต้ังแต่ 18 ปี ถงึ อายุต่ำกว่า 60 ปี ดังน้ี ▪ โรคทางเดนิ หายใจเร้ือรงั รนุ แรง เช่น ปอดอดุ กน้ั เร้ือรัง และโรคหอบหดื ท่ีควบคุมไดไ้ มด่ ี เป็นตน้ ▪ โรคหวั ใจและหลอดเลือด ▪ โรคไตเรอ้ื รงั ทีอ่ ยูร่ ะยะ 5 ข้ึนไป (ไตวายเรอ้ื รัง) ▪ โรคหลอดเลอื ดสมอง ▪ โรคมะเรง็ ทุกชนดิ ท่ีอยรู่ ะหวา่ งการรกั ษาด้วย เคมบี ำบัด รังสีบำบดั และภูมคิ มุ้ กันบำบัด ▪ โรคเบาหวาน -20-

▪ โรคอ้วน ทมี่ ีน้ำหนกั >100 กิโลกรมั หรือ BMI >35 กโิ ลกรัมตอ่ ตารางเมตร ผ้ทู ม่ี ีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป ได้แก่ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ทุกคน (ในปี 2564 คือผู้ที่เกิดก่อนปี 2504) สำหรับกรณีท่ี กลุ่มเป้าหมายอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปและมีโรคประจำตัวในกลุ่มเสี่ยง ให้สำรวจข้อมูลอยู่ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปี ข้ึนไป เจ้าหนา้ ที่ท่เี กี่ยวข้องกบั การควบคมุ โรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสมั ผัสผู้ปว่ ย ประกอบดว้ ย ▪ ทหารและตำรวจ ทีเ่ กยี่ วข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผสั ผู้ป่วย หรือ ปฏิบตั ิ หน้าที่ ณ ชอ่ งทางเขา้ ออกระหว่างประเทศ ที่ปฏิบัติหนา้ ท่ีควบคมุ โรคชายแดน ▪ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหนา้ ที่ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีควบคุมโรค ชายแดน ที่เกยี่ วข้องกบั การควบคมุ โรคโควดิ 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผปู้ ่วย เชน่ ทา่ อากาศยานนานาชาติ ด่านควบคมุ โรค (ระหว่างประเทศ) ดา่ นช่องทางเข้าออกระหวา่ งประเทศ (ทางบก ทางนำ้ และทางอากาศ) ▪ เจ้าหน้าที่อนื่ ๆ ทเี่ กยี่ วข้องกับการควบคมุ โรคโควดิ 19 ที่มีโอกาสสมั ผสั ผู้ป่วย 2. การรวบรวมข้อมลู กลุ่มเป้าหมาย จากข้อสั่งการของการประชุมคณะกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในวันที่ 29 มกราคม 2564 ขอความร่วมมือให้ดำเนินการส่งข้อมูล กลุม่ เป้าหมาย ดังน้ี - ให้ทุกจังหวัดส่งรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นรายบคุ คล พรอ้ มยนื ยันว่าแต่ละคนประสงคจ์ ะฉดี วัคซีนหรือไม่ เขา้ ฐานข้อมลู MOPH immunization center ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (บันทึกเป็นรายบุคคล หรือ Upload ไฟล์ Excel) - ให้ สสจ. เปน็ ผ้บู นั ทกึ ขอ้ มูลเป้าหมายในจงั หวดั และกรมการแพทย์เปน็ ผบู้ นั ทกึ เป้าหมายในกรุงเทพฯ - สำหรับข้อมูลบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต (สคร.ท่ี 1-12) และสถาบนั ปอ้ งกนั ควบคมุ โรคเขตเมือง (สปคม.) ขอให้สำรวจและรวบรวมไว้ในจงั หวัดทตี่ ัง้ ของหน่วยงาน - ใหท้ กุ จังหวดั ส่งข้อมูลให้กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ เพื่อรวบรวม ข้อมูลการสำรวจทั้งหมดทุกจังหวัดในเขตรับผิดชอบส่งต่อไปยังกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการจัดสรรวัคซนี ตอ่ ไป ผู้ประสานงาน : กองยุทธศาสตรแ์ ละแผนงาน สำนักงานปลดั กระทรวงสาธารณสุข โทรศพั ท์ 02 5901497 การลงทะเบียนเพอื่ จองสทิ ธิและนดั หมายรับบริการ ขั้นตอนการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ของหน่วยบริการเพื่อการให้บริการวัคซีนโควิด 19 ผ่านระบบ ลงทะเบียนที่โรงพยาบาล Hospital Information System (HIS) หรือ Web base หรือ Web application: Co-vaccine.moph (https://co-vaccine.moph.go.th) มีดังน้ี การเตรยี มการช่วงกอ่ นลงทะเบียนจองสทิ ธฉิ ีดวคั ซีน 1. การเตรยี มระบบลงทะเบียนกลุม่ เปา้ หมาย -21-

1.1 โรงพยาบาลรวบรวมกลุ่มเป้าหมายที่ประสงค์รับวัคซีน ส่งให้ส่วนกลาง เพื่อจัดทำฐานข้อมูล MOPH immunization center 1.2 ส่วนกลางกำหนดยอดจัดสรรวัคซีนให้แก่โรงพยาบาล และบันทึกในระบบ Hospital Information System (HIS) หรือ Web base ของโรงพยาบาล สำหรับจัดทำกิจกรรมการฉีดวัคซีนและตารางจองการฉีดวัคซีน และแจง้ ให้โรงพยาบาลทราบผา่ นระบบ Hospital Information System (HIS) หรือ Web base 2. การประชาสัมพนั ธก์ ารลงทะเบยี นกลมุ่ เป้าหมาย โรงพยาบาลสอ่ื สารและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ลงทะเบียนจองสทิ ธิ์และนัดหมาย รบั บรกิ าร โดยประชาชนทม่ี โี ทรศัพท์มือถือ ให้ download Application หรือ ประชาชนทไี่ มม่ ีโทรศัพท์มือถือ ให้ ลงทะเบียนท่ีโรงพยาบาล 3. ข้นั ตอนการจัดการวัคซีนเพือ่ จดั ทำกจิ กรรมการฉดี วคั ซนี และตารางจองการฉีดวคั ซนี (Slot) เมื่อโรงพยาบาลได้รับจำนวนการจัดสรรวัคซีนในระบบ Hospital Information System (HIS) หรือ Web base แล้ว ต้องแบ่งสัดส่วนจำนวนวัคซีน สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่จองสิทธิการฉีดวัคซีนผ่าน Application และ Web-based/Hospital ที่หน่วยบริการ และกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ได้จองสิทธิการฉีดวัคซีน (Walk in) เพื่อจัดทำ กิจกรรมการฉดี วัคซนี และตารางจองการฉีดวัคซีน 4. การจดั กจิ กรรมการฉีดวัคซนี และตารางจองการฉดี วัคซีน (Slot) การกำหนดกิจกรรมการฉดี วัคซีนและตารางจองการฉดี วคั ซีน ของโรงพยาบาลสำหรับให้บริการวัคซีน โควิด 19 แก่กล่มุ เปา้ หมาย ให้โรงพยาบาลดำเนินการผ่านระบบ Hospital Information System (HIS) หรอื Web base ของโรงพยาบาล 4.1 โรงพยาบาลกำหนดวันที่ให้บริการในแต่ละเดือน, ช่วงเวลาท่ีให้บริการในแตล่ ะวัน ทั้งช่วงเช้าและ ชว่ งบ่าย 4.2 กำหนดโควต้าจำนวนวคั ซนี ท่สี ามารถฉดี ได้ในชว่ งเวลาทใี่ หบ้ ริการในแต่ละวนั ในตอนเช้าและตอนบ่าย การลงทะเบียนจองสิทธินัดหมายฉดี วคั ซนี ช่องทางการลงทะเบียนจองสิทธิฉีดวัคซนี โควดิ 19 ของกลมุ่ เป้าหมาย สามารถลงทะเบียนเพ่ือตรวจสอบสิทธิ จองวนั เวลาและหนว่ ยบรกิ ารสำหรบั ฉีดวคั ซีน ได้ 2 ชอ่ งทาง ดงั นี้ 1.1 ลงทะเบียนจองสิทธิด้วยตนเอง ผ่าน Web application: Co-vaccine.moph (https://co- vaccine.moph.go.th) บน Smart phone 1.2 ลงทะเบียนจองสิทธิ ณ โรงพยาบาลผ่านระบบ Hospital Information System (HIS) หรือ Web base ของโรงพยาบาล โรงพยาบาลทำการลงทะเบียนจองสิทธิฉีดวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายผ่านหน้า Hospital Information System (HIS) หรือ Web base ของระบบการบริการวคั ซนี โควิด 19 โดยตรวจสอบสิทธวิ า่ เข้าเกณฑท์ จ่ี ะไดร้ บั การ ฉีดวัคซีนหรือไม่ กรณีกลุ่มเสี่ยงมีโรคประจำตัวแต่ไม่มีหลักฐานในระบบของ รพ. ที่จองฉีดวัคซีน ให้ใช้หลักฐาน ยืนยัน เช่น ใบรับรองแพทย์ หรือ ประวัติการรักษาในการลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนล่วงหนา้ ต่อจากนั้นกำหนดวัน ฉีดวคั ซนี และหน่วยฉีดวัคซนี ตามท่ีใหผ้ รู้ บั บรกิ ารเลือก ยืนยนั การจองฉดี วคั ซีน โดยโรงพยาบาลสามารถออกใบนัด หมายฉีดวัคซีนโควิด 19 (ภาคผนวกที่ 1) ตามรูปแบบที่กรมควบคุมโรคกำหนด หรือนัดหมายฉีดวัคซีนตามระบบ การนัดหมายปกติของโรงพยาบาล -22-

การใหบ้ รกิ ารฉดี วัคซนี โควดิ 19 1. ขัน้ ตอนการเขา้ รับบริการฉีดวัคซนี 1.1 กลุ่มเป้าหมายที่ลงทะเบียนจองสิทธิแล้วทั้ง 2 ช่องทางทุกราย สามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ ณ โรงพยาบาลตามวัน เวลาที่จองสิทธิไว้ตามบัตรนัด โดยกลุ่มเป้าหมายที่มี Application จะได้รับการแจ้งเตือนการนัด หมายผา่ น Application 1.2 กลุ่มเป้าหมายที่ไม่ได้มีการลงทะเบียนจองสิทธิในเวลาที่กำหนด สามารถขอรับบริการฉีดวัคซีน ได้ที่โรงพยาบาล ในช่วงที่ให้บริการวัคซีนโควิด 19 (Walk in) แต่เนื่องจากปริมาณวัคซีนที่โรงพยาบาลได้รับการ จัดสรรมีจำนวนจำกัดและไม่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกคน ดังนั้น โรงพยาบาลต้องให้บริการฉีดวัคซีน แก่กลุ่มเป้าหมายตามลำดับการจองสิทธิ ซึ่งผู้มีสิทธิจากการจองฉีดวัคซีนและมาขอรับบริการก่อนจะได้สิทธิฉีด วัคซนี ก่อน 2. การยนื ยนั ตวั ตนเพ่ือเขา้ รบั บริการ 2.1 โรงพยาบาลสามารถเลอื กใช้วิธยี นื ยนั ตัวตนผู้จองสิทธิฉีดวคั ซนี ได้ 2 วิธี โดยมรี ายละเอียดดงั ต่อไปน้ี วิธีที่ 1 การยืนยันตัวตนแบบ “กรอกข้อมูลบัตรประชาชน” ผ่านระบบ Hospital Information System (HIS) หร ื อ Web base หร ื อ Web application: Co-vaccine.moph (https://co-vaccine.moph.go.th) ณ จดุ ใหบ้ รกิ าร วธิ ีที่ 2 การยนื ยันตวั ตนโดยสแกน “QR Code/Virtual ID Application” ทโี่ รงพยาบาล 2.2 หลงั จากโรงพยาบาลทำการยืนยนั ตัวตนกับระบบให้แกผ่ ู้จองสิทธิฉดี วัคซีนตามวิธีดงั กลา่ วข้างต้น เรียบร้อยแล้ว ระบบจะเขา้ สู่รายละเอียดกิจกรรมการฉดี วัคซนี ตามวันทีน่ ัด โรงพยาบาลทำการยนื ยันเข้ารับการฉีด วัคซีนใหก้ ับผู้จองสิทธิฉีดวคั ซีน 3. การใหบ้ ริการฉดี วัคซนี 3.1 การให้บริการฉีดวคั ซนี โควิด 19 เข็มท่ี 1 โรงพยาบาลฉีดวัคซีนให้กบั กลุ่มเป้าหมายท่ีหนว่ ยฉีดวัคซีน ตามรายละเอียดการนัดฉีดวัคซนี เมื่อฉีด วัคซีนเสร็จแล้วโรงพยาบาลบันทึกข้อมูลการให้บริการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเป้าหมายผ่าน Hospital Information System (HIS) หรอื Web based ของโรงพยาบาล เม่อื ผรู้ บั บริการได้รับการฉีดวคั ซีนเขม็ ที่ 1 แลว้ โรงพยาบาลจะนดั หมายการรับบริการฉีดวัคซีนเข็มท่ี 2 และบันทึกรายละเอียดการเกิด AEFI ภายหลังสังเกตอาการ 30 นาที (Day 0) ผ่าน Hospital Information System (HIS) หรอื Web based ของโรงพยาบาล 3.2 การให้บริการฉดี วัคซีนโควดิ 19 เขม็ ท่ี 2 กลุ่มเป้าหมายที่ได้นัดหมายการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 จะมีระบบการแจ้งเตือนการนัดหมายผ่าน Application เมื่อผู้รับบริการมาฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตามนัดหมาย โรงพยาบาลต้องตรวจสอบการรายงานการเกิด AEFI หลงั ฉดี วคั ซีนเขม็ ที่ 1 ของผรู้ บั บรกิ าร วา่ ถกู ต้องครบถว้ นหรอื ไม่ ก่อนทีจ่ ะฉีดวคั ซีนเข็มที่ 2 ให้กบั ผู้รบั บรกิ าร ทห่ี นว่ ยฉดี วัคซีน หลังจากผู้รับบริการได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว โรงพยาบาลจะบันทึกข้อมูลการฉีดวัคซีนและออก เอกสารรับรองการได้รบั วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 (ภาคผนวกที่ 2) ให้ในรายที่รับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 ครบถ้วน -23-

และบันทึกรายละเอยี ดการเกิด AEFI ภายหลังสงั เกตอาการ 30 นาที (Day 0) ผ่าน Hospital Information System (HIS) หรือ Web based ของโรงพยาบาล หลงั ให้บริการฉดี วคั ซีนโควดิ 19 การรายงาน AEFI หลงั ใหบ้ ริการฉดี วคั ซนี โรงพยาบาลแนะนำให้กลุ่มเป้าหมายบนั ทึกรายละเอียดการเกิด AEFI หลังการฉีดวคั ซีนโควิด 19 เข็มที่ 1 และ 2 โดยสังเกตอาการ หลังฉีด 30 นาที และในวันที่ 1, 7 และ 30 รายละเอียดตามการดำเนินการเฝ้าระวัง AEFI การเบิกจา่ ยและบริหารจดั การวคั ซนี การดำเนนิ งานให้บรกิ ารวคั ซนี โควิด 19 ในระยะแรกจะดำเนนิ การทีโ่ รงพยาบาลทัง้ ภาครัฐและเอกชนเป็น หลัก เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมด้านแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง รวมถงึ อุปกรณ์ตา่ งๆ ที่สามารถรองรบั การจัดการกรณที มี่ ผี ู้ไดร้ บั การฉดี วัคซนี เกดิ อาการไม่พึงประสงคภ์ ายหลังจาก ได้รับฉีดวัคซีน (Adverse Event Following Immunization: AEFI) และเมื่อมีความเหมาะสมของสถานการณ์ โดยพื้นที่สามารถบริหารจัดการวัคซีนและการดำเนินงานส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้ จึงจะขยายสถานที่ดำเนินการ ให้บริการวัคซีนโควดิ 19 ไปยังหน่วยบริการตอ่ ไป เช่น ที่โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศูนย์สุขภาพ ชุมชน (ศสม.) คลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster: PCC) หรือศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) เป็นต้น เพื่อช่วยเร่งรัดการให้บริการวัคซีนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนของประชาชน ภายในประเทศได้มากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะแจ้งให้ทราบในลำดับถัดไป ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคเป็นผู้ กำหนดจำนวนจัดสรรวัคซนี โควิด 19 ท่ีแตล่ ะโรงพยาบาล/หนว่ ยงานจะได้รับ และลำดับการไดร้ ับวัคซีนก่อน-หลัง ของแตล่ ะโรงพยาบาล/หนว่ ยงานขน้ึ อยู่กบั สถานการณ์การระบาดของโรคในแต่ละพน้ื ที่ตามประกาศของกระทรวง สาธารณสุข ซึ่งวัคซีนโควิด 19 ที่กระทรวงสาธารณสุขจัดหาได้ในระยะแรกปี พ.ศ. 2564 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 63 ล้านโด๊ส จาก 2 บริษัทผู้ผลิต ได้แก่ บริษัท Sinovac Life Sciences จำกัด จำนวน 2 ล้านโด๊ส และบริษัท AstraZeneca จำกดั จำนวน 61 ลา้ นโด๊ส นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนอุปกรณ์ในระบบลูกโซ่ความเย็นและอุปกรณ์การฉีดวัคซีน ให้แก่หน่วยบริการสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศที่ดำเนินการให้บริการวัคซีนโควิด 19 เพื่อรองรับ การสำรองและการให้บรกิ ารวัคซีนแกก่ ลมุ่ เปา้ หมาย ดงั นี้ 1. อปุ กรณใ์ นระบบลกู โซ่ความเย็น ไดแ้ ก่ 1.1 ตเู้ ย็นชนิด Pharmaceutical refrigerator สนับสนุนจังหวัดละ 1 ตู้ สำหรับเป็นคลังวัคซีนสำรองระดับจังหวัด โดยจะต้องมีเครื่องกำเนิด ไฟฟ้าสำรอง (Generator) เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ฉุกเฉินในระบบลูกโซ่ความเย็น (Cold chain breakdown) และเป็นจุดที่สามารถบริหารจัดการวัคซีนภายในจงั หวัดไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงไดร้ ับ การสนบั สนุนงบประมาณจำนวน 100,000 บาท ต่อจังหวัด เพื่อใหจ้ ดั หาตเู้ ย็นเพิม่ เติมใหเ้ พยี งพอ 1.2 กระติกวคั ซนี ขนาดใหญ่ (Cold box) ขนาดความจุ 53 ลติ ร สนบั สนนุ ใหแ้ กโ่ รงพยาบาลทงั้ ภาครัฐและเอกชนท่ัวประเทศที่ดำเนนิ การใหบ้ ริการวคั ซีนโควิด 19 -24-

1.3 กระติกวัคซนี ขนาดใหญ่ (Cold box) ขนาดความจุ 46 ลิตร สนบั สนนุ ใหแ้ ก่หน่วยบรกิ ารท่ัวประเทศ 1.4 เคร่ืองบันทึกอณุ หภมู ิแบบตอ่ เนอ่ื ง (Data Logger) สนับสนนุ ใหแ้ ก่โรงพยาบาลทง้ั ภาครฐั และเอกชนท่ัวประเทศท่ีดำเนินการให้บริการวัคซีนโควิด 19 1.5 เครอ่ื งอ่านขอ้ มูลจาก Data Logger (Interface) สนับสนุนให้แก่โรงพยาบาลทงั้ ภาครฐั และเอกชนท่วั ประเทศท่ีดำเนินการให้บริการวคั ซีนโควดิ 19 1.6 เทอรโ์ มมิเตอรแ์ สดงผลแบบดจิ ติ อล (Digital Thermometer) สนับสนนุ ใหแ้ กห่ น่วยบรกิ ารทวั่ ประเทศ 2. อปุ กรณ์การฉดี วัคซีน ไดแ้ ก่ 2.1 เขม็ ฉีดยา เบอร์ 25-26 ความยาว 1 นว้ิ 2.2 เข็ม Draw เบอร์ 21 ความยาว 11/2 นว้ิ 2.3 กระบอกฉดี ยา ขนาด 1 มิลลลิ ิตร และ 3 มลิ ลลิ ิตร โดยจำนวนสนับสนุนอุปกรณ์การฉีดวัคซีนทั้ง 3 รายการจะสอดคล้องกับปริมาณวัคซีนโควิด 19 ท่ีแตล่ ะโรงพยาบาล/หนว่ ยงานไดร้ บั การเบกิ จา่ ยและการกระจายวคั ซนี โควิด 19 หน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้องในการดำเนินการเบิกจา่ ยและการกระจายวัคซนี โควดิ 19 มดี ังนี้ 1. หน่วยงานส่วนกลาง กรมควบคุมโรคเป็นผู้กำหนดจำนวนจัดสรรวัคซีนโควิด 19 ที่แต่ละโรงพยาบาล/หน่วยงานจะได้รับ และ กระจายวัคซีนโดยองค์การเภสัชกรรมหรือบริษัทเอกชนผูร้ ับจ้างขนส่งวคั ซีน ไปยังโรงพยาบาล/หน่วยงานโดยตรง ซง่ึ ลำดับการได้รบั วัคซีนก่อน-หลังของแตล่ ะโรงพยาบาล/หน่วยงานขนึ้ อยู่กบั สถานการณ์การระบาดของโรคในแต่ ละพื้นที่ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคจะมีการแจ้งจำนวนจัดสรรวัคซีนให้แก่ โรงพยาบาล/หน่วยงานทราบตามระบบต่อไป 2. ฝ่ายเภสัชกรรมโรงพยาบาล มีหน้าทด่ี ังนี้ 2.1 ตรวจสอบความพร้อมของพ้นื ทจ่ี ัดเก็บวัคซนี โควดิ 19 ในระบบลกู โซ่ความเยน็ ไดแ้ ก่ 1) ควรมีความจุของตู้เย็นเก็บวัคซีนที่เพียงพอสำหรับจัดเก็บวัคซีนเพื่อให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมาย ของโรงพยาบาล และตู้เย็นอยู่ในสภาพที่ใช้การได้เป็นปกติ โดยสามารถตรวจสอบขนาดของวัคซีนโควิด 19 ทั้ง 2 บรษิ ทั ผผู้ ลิต ไดแ้ ก่ บริษัท Sinovac Life Sciences จำกดั และบริษัท AstraZeneca จำกัด (ภาคผนวกที่ 3) 2) ติดต้งั ตเู้ ย็นในจดุ ท่ีมีเครื่องกำเนิดไฟฟา้ สำรอง (Generator) เพอ่ื ปอ้ งกันปัญหาท่ีอาจเกิดขึ้นจาก เหตุการณฉ์ กุ เฉนิ ในระบบลูกโซค่ วามเยน็ (Cold chain breakdown) 2.2 วัคซีนโควดิ 19 นำสง่ โดยองค์การเภสัชกรรมหรือบริษทั เอกชนผู้รับจา้ งขนส่งวัคซีน มายังโรงพยาบาล สัปดาห์ละครั้งสำหรับโรงพยาบาลขนาดใหญ่/ผู้รับบริการจำนวนมาก ได้แก่ รพศ. รพท. และเดือนละครั้งสำหรับ โรงพยาบาลขนาดเล็ก/ผู้รับบริการจำนวนน้อย ได้แก่ รพช. ขอให้ดำเนินการตรวจรับวัคซีนตามระบบปกติ เช่น การตรวจสอบข้อมูลในใบนำส่งวัคซีนต้องตรงกับวัคซีนที่ถูกนำส่ง ได้แก่ รายการวัคซีน ชื่อบริษัทผู้ผลิตวัคซีน/ชือ่ ทางการค้า จำนวนวัคซีน เลขที่ผลิต (Lot No.) วันที่ผลิต (Mfg. date) (ถ้ามีระบุในใบนำส่ง) และวันหมดอายุ -25-

(Exp. date) ตรวจสอบอุณหภูมิให้เหมาะสม และตรวจสอบสภาพของวัคซีน ขวดวัคซีน กล่องบรรจุวัคซีน และ กล่องโฟมควรอยู่ในสภาพดี แลว้ จงึ ลงนามผู้รับวัคซีนพรอ้ มลงวันที่ เป็นต้น 2.3 เมอ่ื ตรวจรบั วัคซนี โควิด 19 เรยี บรอ้ ย ขอให้รบี ดำเนินการจัดเกบ็ วัคซนี ในตูเ้ ยน็ ท่ีอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส โดยเร็ว ติดป้ายชื่อวัคซีนกำกับ และควรให้มีช่องว่างระหว่างขวด/กล่องวัคซีนพอให้ความเย็น ไหลเวยี นได้ท่ัวถงึ สำหรับวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Sinovac Life Sciences จำกัด จัดเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายจึง แนะนำให้จัดวางไว้ที่ชั้นกลางหรือชั้นที่ 2 ของตู้เย็น และห่างจากจุดปล่อยความเย็น ส่วนวัคซีนโควิด 19 ของ บริษัท AstraZeneca จำกัด จัดเป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นจึงแนะนำให้จัดวางไว้ที่ชั้นที่ 1 ของตู้เย็น โดยวัคซีนโควิด 19 ทั้ง 2 บริษัทผู้ผลิต ให้เก็บป้องกันแสง ห้ามแช่แข็ง และห้ามวางไว้ที่ถาดรองใต้ช่องแช่แขง็ ฝาประตูตู้เย็น และ ช่องแช่ผัก เนื่องจากเป็นจุดที่อุณหภูมิไม่เหมาะสม และหากโรงพยาบาลมีวัคซีนของทั้ง 2 บริษัทในเวลาเดียวกัน ขอให้จดั วางแยกกนั ไม่นำมารวมกนั และตดิ ป้ายช่อื วัคซนี รายบริษัทผูผ้ ลิต/ชือ่ ทางการคา้ (ภาคผนวกท่ี 4) 2.4 จดั ทำทะเบียนรบั -จา่ ยวัคซีนโควิด 19 โดยเฉพาะ โดยแยกรายบรษิ ทั ผูผ้ ลติ /ชอื่ ทางการค้า และบันทึก ขอ้ มลู ทุกครั้งท่ีมีการรับหรือจา่ ยวคั ซนี ไดแ้ ก่ - วัน/เดอื น/ปี - หน่วยงานผู้นำส่งวัคซีน (รับวัคซีน) ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม หรือหน่วยงานที่จ่ายวัคซีนให้ไป (จ่ายวัคซนี ) ได้แก่ จุดฉีดวคั ซนี ของโรงพยาบาล - จำนวนวคั ซนี ท่ีรับหรือจ่าย (หนว่ ยนับเป็น ขวด) - เลขทผี่ ลติ (Lot No.) - วนั หมดอายุ (Exp. date) - จำนวนวัคซีนคงเหลือรายเลขท่ีผลติ (Lot No.) (หนว่ ยนบั เปน็ ขวด) 2.5 ทุกครั้งที่ได้รับแบบฟอรม์ ขอเบิกวคั ซีนโควิด 19 จากจุดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ของโรงพยาบาล ขอให้ดำเนินการตรวจสอบความครบถ้วนถูกต้องของข้อมูลขอเบิกวัคซีน หากพบความผิดปกติของข้อมูลให้รีบ ประสานงานไปยงั ผ้ขู อเบิกวคั ซีนเพื่อแก้ไขปัญหารว่ มกันโดยเร็ว 2.6 จ่ายวัคซีนโควิด 19 ตามหลักวัคซีนที่หมดอายุก่อน ให้จ่ายออกก่อน หรือ First Expire First Out (FEFO) ทัง้ น้ี โรงพยาบาลที่เป็นคลังวัคซีนสำรองระดับจังหวัดซ่ึงมีตู้เยน็ ชนิด Pharmaceutical refrigerator เพ่ิม สำหรับจัดเก็บวัคซีนโควิด 19 ทั้งในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลอื่น ๆ ภายในจังหวัด ขอให้ฝ่ายเภสัชกรรมร่วม ดำเนินการบริหารจัดการและจัดสรรวัคซีนภายในจังหวดั อย่างเหมาะสม และจัดทำทะเบยี นรบั -จ่ายวัคซนี โควิด 19 โดยแยกรายบรษิ ทั ผผู้ ลติ 3. จุดใหบ้ รกิ ารฉดี วคั ซีนโควดิ 19 ของโรงพยาบาล มหี น้าทดี่ ังน้ี 3.1 ตรวจสอบความพรอ้ มระบบลกู โซค่ วามเย็นของพ้นื ทจี่ ัดเกบ็ วัคซีนโควดิ 19 โดยควรมีความจุของตู้เย็น เก็บวัคซีนที่เพียงพอสำหรับจัดเก็บวัคซีนเพื่อให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายในแต่ละรอบการให้บริการ ตู้เย็นอยู่ใน สภาพที่ใช้การได้เป็นปกติ โดยสามารถตรวจสอบขนาดของวัคซีนโควิด 19 ทั้ง 2 บริษัทผู้ผลิต ได้แก่ บริษัท Sinovac Life Sciences จำกดั และบริษัท AstraZeneca จำกดั (ภาคผนวกที่ 3) -26-

3.2 เมอ่ื สำรวจได้จำนวนกลุ่มเป้าหมายในแตล่ ะรอบการให้บรกิ ารฉีดวคั ซีนโควดิ 19 แล้ว ขอใหด้ ำเนนิ การ ขอเบิกวัคซีนไปยังฝ่ายเภสัชกรรมโรงพยาบาล โดยกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มขอเบิกวัคซีนโควิด 19 (ภาคผนวกท่ี 5) และจัดส่งแบบฟอร์มฯ ให้ฝ่ายเภสัชกรรมโรงพยาบาลก่อนกำหนดให้บริการทุกครั้ง เพื่อให้ฝ่ายเภสัชกรรมฯ ได้ ตรวจสอบข้อมูลขอเบิกและจดั เตรยี มวัคซีน ทั้งนี้ ควรขอเบิกวัคซีนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และปริมาณที่ขอเบิกควรสัมพันธ์กับปริมาณ การให้บริการและพื้นที่จัดเก็บวัคซีนในตู้เย็นเพื่อป้องกันปัญหาวัคซีนไม่พอให้บริการ ทำให้ต้องขอเบิกเพิ่มเติม นอกรอบ หรือมีวัคซีนเหลือภายหลังการให้บริการมากเกินไปซึ่งจะเสีย่ งต่อปัญหาที่จากเหตุการณ์ฉุกเฉินในระบบ ลกู โซค่ วามเย็นได้ (Cold chain breakdown) 3.3 เม่ือไดร้ ับวัคซนี โควดิ 19 จากฝา่ ยเภสัชกรรมโรงพยาบาลเรยี บร้อย ให้จัดเกบ็ วคั ซนี ในตเู้ ย็นท่ีอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส โดยเร็ว ติดป้ายชื่อวัคซีนกำกับ และควรให้มีช่องว่างระหว่างขวด/กล่องวัคซีนพอให้ ความเยน็ ไหลเวยี นได้ท่ัวถึง สำหรับวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Sinovac Life Sciences จำกัด เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายจึงแนะนำ ให้จัดวางไว้ที่ชั้นกลางหรือชั้นที่ 2 ของตู้เย็น และห่างจากจุดปล่อยความเย็น ส่วนวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท AstraZeneca จำกัด เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นจึงแนะนำให้จัดวางไว้ที่ชั้นที่ 1 ของตู้เย็น โดยวัคซีนโควิด 19 ทั้งสองบริษทั ผู้ผลติ ให้เก็บป้องกันแสง ห้ามแช่แขง็ และห้ามวางไว้ที่ถาดรองใต้ชอ่ งแชแ่ ข็ง ฝาประตตู เู้ ย็น และช่อง แช่ผัก เนื่องจากเป็นจุดที่อุณหภูมิไม่เหมาะสม สำหรับโรงพยาบาลท่ีมีวัคซีน 2 บริษัทผู้ผลิตในเวลาเดียวกันขอให้ จดั วางแยกกนั ไม่นำมารวมกนั และตดิ ปา้ ยชือ่ วัคซีนรายบรษิ ัทผ้ผู ลิต/ชอ่ื ทางการคา้ (ภาคผนวกที่ 4) 3.4 จดั ทำทะเบียนรบั -จ่ายวัคซีนโควดิ 19 โดยเฉพาะ โดยแยกรายบรษิ ทั ผผู้ ลิต/ชือ่ ทางการค้า และบันทึก ข้อมูลทกุ ครง้ั ที่มกี ารรบั หรือจ่ายวัคซนี ไดแ้ ก่ - วนั /เดอื น/ปี - หน่วยงานผนู้ ำส่งวัคซนี (รบั วัคซนี ) ได้แก่ ฝา่ ยเภสัชกรรมโรงพยาบาล หรอื หนว่ ยงานที่จ่ายวัคซีน ใหไ้ ป (จา่ ยวคั ซนี ) ไดแ้ ก่ จุดฉีดวัคซนี ของโรงพยาบาล - จำนวนวัคซีนทีร่ บั หรือจ่าย (หน่วยนบั เปน็ ขวด) - เลขทีผ่ ลติ (Lot No.) - วนั หมดอายุ (Exp. date) - จำนวนวคั ซนี คงเหลอื รายเลขที่ผลิต (Lot No.) (หน่วยนับเป็น ขวด) 3.5 จ่ายวัคซีนโควิด 19 ตามหลักวัคซีนที่หมดอายุก่อน ให้จ่ายออกก่อน หรือ First Expire First Out (FEFO) และหลังเปิดขวดวัคซีนควรใช้ให้หมดโดยเร็ว สำหรับกรณีวัคซีน Multiple dose ได้แก่ วัคซีนโควิด 19 ของบริษัท AstraZeneca จำกัด ที่ให้บริการยังไม่หมดขวด สามารถเก็บไว้รอให้บริการได้นาน 6 ชั่วโมง หลังเปิด ขวด โดยระหว่างรอต้องจดั เกบ็ ท่อี ุณหภูมิ +2 ถงึ +8 องศาเซลเซยี ส 3.6 เม่ือสิ้นสดุ แต่ละวันท่ีให้บรกิ ารฉีดวัคซีนโควดิ 19 ขอใหเ้ ก็บขวดวัคซีนท่ีใช้แลว้ เฉพาะวัคซีน Multiple dose ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 7 วัน อย่างปราศจากเชื้อ เพื่อรอการส่งตรวจ พิสูจน์อาการไม่พึงประสงค์ภายหลังจากได้รับฉีดวัคซีน (AEFI) โดยติดป้ายกำกับ เช่น วัคซีนโควิด 19 รอส่งตรวจ AEFI เป็นตน้ 3.7 ขวดวคั ซนี และอุปกรณ์การฉีดวัคซีนให้ทำลายแบบขยะติดเช้ือตามระบบปกติทีห่ น่วยงานดำเนนิ การอยู่ -27-

การให้บรกิ ารวัคซนี โควดิ 19 เนื่องจากวัคซีนโควิด 19 เป็นวัคซีนชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีการให้บริการในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มาก่อน ดังนั้น หน่วยบริการและบุคลากรผู้ให้วัคซีนทุกระดับจึงควรมีการเตรียมพร้อมก่อนการให้บริการ ควบคุม มาตรฐานการให้บริการ และบริหารจัดการภายหลังได้รบั วัคซีน ตามมาตรฐานงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคอย่าง เครง่ ครัด มรี ายละเอยี ด ดงั นี้ 1) การเตรยี มพร้อมก่อนการให้บริการวคั ซนี โควิด ประกอบด้วย 1.1 การจัดเตรียมสถานทใี่ หบ้ ริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการวัคซีนโควิด และเตรียมพร้อมตอบโต้กรณีเกิดเหตุการณ์ ไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซนี จึงกำหนดให้วัคซีนโควดิ 19 ในหน่วยบริการระดับโรงพยาบาลชมุ ชนข้นึ ไปเท่านน้ั ไม่รวมหน่วยบริการปฐมภูมิ (PCU) และคลินิกหมอครอบครัว (PCC) ดังนั้น โรงพยาบาลควรจัดให้มีสถานที่ ให้บริการเป็นการเฉพาะ มีพื้นที่เพียงพอสำหรับผู้มารอรับบริการ โดยยึดหลักการเว้นระยะห่าง 1 – 2 เมตร มีจุด ล้างมือหรือที่ตั้งเจลแอลกอฮอล์ มีจุดลงทะเบียน/คัดกรอง จุดรอฉีดวัคซีนและให้ความรู้ ห้องฉีดวัคซีนที่มี ความพร้อมในการกู้ชีพ จุดเฝ้าสังเกตอาการภายหลังได้รับวัคซีน จุดนัดหมาย/จ่ายยา โดยมีผังขั้นตอนการรับ บริการอย่างชดั เจน เพือ่ ใหส้ ะดวกตอ่ การรับบรกิ ารของกลุ่มเปา้ หมาย 1.2 การจัดเตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณ์ โรงพยาบาลจำเป็นต้องจดั เตรียมอุปกรณ์สำหรับการฉีดวคั ซีน ภายใต้ระบบลูกโซ่ความเย็น และ เอกสารต่าง ๆ ให้พร้อมตอ่ การดำเนนิ งาน ไดแ้ ก่ • อุปกรณใ์ นการฉดี วคั ซนี ไดแ้ ก่ เขม็ ฉีดยา กระบอกฉีดยา พลาสเตอร์ กระตกิ สำหรับใส่วัคซีน สำลี แอลกอฮอล์ ยาแก้ปวดลดไข้ - ขนาดกระบอกฉีดยาที่เหมาะสม: เนื่องจากปริมาณวัคซีนที่ใช้ต่อโด๊ส มีปริมาณ 0.5 ซีซี จงึ ควรใช้ กระบอกฉีดยาขนาด 1 ซซี ี หรือ 3 ซซี ี เปน็ ขนาดที่เหมาะสมกบั ปรมิ าณวคั ซนี ทีใ่ ช้ตอ่ โดส๊ - ขนาดเข็มฉดี ยาที่เหมาะสม: ขนาดเขม็ ฉดี 23-26 G ยาว 1-2 น้วิ โดยฉดี เข้าชั้นกล้ามเนื้อ • อุปกรณ์กู้ชีพ ประกอบด้วย Ambu bag, oxygen face mask, IV fluid for resuscitation, Adrenaline, Laryngoscope, Endotracheal tube • เอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แผ่นความรู้ (ภาคผนวกที่ 6) แบบคัดกรองและใบยินยอมฉีดวัคซีน โควิด 19 (ภาคผนวกที่ 7) ทะเบียนนัดหมาย ทะเบียนผู้รบั บรกิ าร เป็นต้น 2) การใหบ้ ริการตามมาตรฐานงานสรา้ งเสริมภูมคิ มุ้ กันโรค 2.1 การตรวจสอบความพร้อมก่อนให้บรกิ าร ก่อนฉีดวัคซีน หน่วยบริการต้องตรวจสอบความพร้อมของสถานที่ อุปกรณ์การฉีด วัคซีน และ ระบบลูกโซ่ความเยน็ ได้แก่ • กำหนดลำดับที่ของขวดวัคซีนโดยเรียงตามวันหมดอายุ บันทึก Lot. Number และเลขท่ีขวด วัคซีน (รายละเอียดในแนวทางการเฝ้าระวังและตอบโต้เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับการสร้างเสริม -28-

ภูมิคุ้มกันโรคของประเทศไทย : บทที่ 4 การดำเนินการให้บริการสร้างเสริมภูมคิ ุ้มกันโรคเพื่อรองรับการสอบสวน เหตุการณไ์ มพ่ งึ ประสงคภ์ ายหลงั ได้รบั การสรา้ งเสรมิ ภมู คิ ุ้มกันโรค) • เก็บวัคซนี ไว้ทอี่ ณุ หภูมิ +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส • ตรวจสอบอุปกรณก์ ชู้ พี ใหค้ รบถว้ นถกู ต้อง พรอ้ มใชง้ าน • จดั เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์การฉดี วัคซนี ใหไ้ ดม้ าตรฐาน 2.2 ซักประวตั ิ คดั กรอง และใหค้ วามร้แู ก่กลุ่มเปา้ หมาย 2.2.1 ก่อนฉีดวคั ซนี ให้กล่มุ เปา้ หมาย เจา้ หน้าทีค่ วรมีการซักประวตั แิ ละคัดกรองกลุ่มเปา้ หมาย รวมถึงตรวจสอบข้อหา้ มฉีดวัคซีนโควิด 19 ดังนี้ • อายุตำ่ กวา่ 18 ปี • หญงิ ตั้งครรภ์ หรอื ใหน้ มบตุ ร หรือ วางแผนทีจ่ ะตง้ั ครรภ์ • มีประวัติแพ้วัคซีน หรอื แพย้ า หรือส่วนประกอบของวคั ซีน อย่างรุนแรง • เคยไดร้ ับการถ่ายเลือด พลาสมา ผลิตภัณฑจ์ ากเลือด ส่วนประกอบของเลอื ด อิมมูโนโกลบลู ิน ยาต้านไวรสั หรือ แอนติบอดี สำหรบั การรกั ษาโควดิ -19 ภายใน 90 วันที่ผ่านมา • มโี รคประจำตัวทีอ่ าการยังไม่คงท่ี ไมส่ ามารถควบคุมอาการของโรคได้ เชน่ เจบ็ แนน่ หน้าอก หอบ เหนอ่ื ย ใจส่นั เป็นต้น • มอี าการเก่ียวกบั สมอง หรือ ระบบประสาทอืน่ ๆ • ตรวจพบเชอื้ โควิด 19 ในช่วง 10 วนั ท่ีผ่านมา • มอี าการเจบ็ ป่วยเฉยี บพลัน หรอื นอนรกั ษาตวั และออกจากโรงพยาบาลไมเ่ กนิ 14 วนั • ผู้ทม่ี ภี าวะภมู ิคมุ้ กนั บกพร่อง หรือ ได้รับยากดภมู คิ ุ้มกัน • มภี าวะเลอื ดออกงา่ ยหรือหยดุ ยาก เกลด็ เลือดต่ำ การแข็งตัวของเลอื ดผิดปกติ หรอื ไดร้ ับยา ต้านการแข็งตวั ของเลือด • มีอาการปว่ ย เช่น มีไข้ หนาวสัน่ หายใจลำบาก อ่อนเพลยี กล้ามเนื้อ เป็นต้น ท้ังน้ี หากกลุ่มเป้าหมายมภี าวะดงั กลา่ ว หา้ มฉีดวัคซีนโควดิ 19 หรอื ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉดี 2.2.2 ให้ความรเู้ กีย่ วกับโรคและวัคซนี ก่อนการให้วคั ซีน เจา้ หน้าทต่ี ้องแจง้ ให้ผรู้ ับบรกิ ารทราบ ข้อมลู เกีย่ วกบั โรคและวัคซนี โควดิ 19 ในเรือ่ งประโยชนแ์ ละความปลอดภัยของวัคซีน อาการขา้ งเคียงท่อี าจเกิดขึ้น ภายหลังได้รบั วคั ซีน รวมถงึ แนวทางการปฏบิ ตั ิตนแกผ่ มู้ ารับวคั ซีน เมื่อผู้รับบริการรับทราบข้อชี้แจงแล้วควรให้เวลาผู้รับบริการตัดสินใจว่ารับการฉีดวัคซีนหรือไม่ โดยสมคั รใจ ไมเ่ รง่ รดั เวลาในการรับวคั ซนี โดยผรู้ บั บริการอาจมาขอรับวัคซนี ภายหลงั ได้ 2.3 การฉดี วัคซนี ตามขนาดและตำแหนง่ ท่ีกำหนด ด้วยวิธี Sterile technique โดยมดี งั น้ี - การเตรียมวคั ซีน • ตรวจสอบชนดิ ของวัคซีนทจ่ี ะให้ • ตรวจสอบวนั หมดอายุท่ขี วดวัคซีนท่ีจะใช้ -29-

• ขวดยาที่เป็น Vial ขวดใหม่ทุกขวด เมื่อแกะฝาพลาสติกขวด Vial ออก ให้ใช้สำลี แอลกอฮอลเ์ ช็ดท่จี กุ ยางและรอใหแ้ หง้ ก่อนจงึ แทงเขม็ Draw ภายใต้เทคนิคการปลอดเชื้ออย่างเครง่ ครดั • วัคซีนชนิด Multiple dose และหากดูดวัคซีนออกมาแล้วไม่ครบโด๊ส ให้ทิ้งไป แล้ว เตรียมใหม่ (ห้ามดูดเพิ่มจากขวดใหม่เพื่อเตมิ ให้ครบโด๊ส) เมื่อเปิดใช้แล้วให้ใช้ภายใน 6 ชั่วโมง (ห้าม draw วัคซีน ไว้ในไซรงิ คล์ ่วงหนา้ ) - การจัดทา่ ฉดี วคั ซนี ผู้ที่มารับวัคซีนให้นั่งเก้าอี้ (เพราะหากมีอาการหน้ามืดเป็นลม จะไม่เป็นอันตราย) เอาแขนแนบ ลำตวั (ไม่ท้าวสะเอว) - การฉดี วคั ซีน • ฉีดวคั ซนี บริเวณตน้ แขน เขา้ ช้ันกลา้ มเนอื้ (Deltoid) - บันทึกเลขที่วัคซนี และลำดับขวดวคั ซนี ท่กี ลมุ่ เป้าหมายแต่ละคนได้รับ - หลงั ฉีดวคั ซนี ให้ผู้รับบริการน่ังพกั สังเกตอาการอยา่ งน้อย 30 นาทแี ละบันทกึ อาการภายหลงั รบั วคั ซนี กอ่ นให้กลับบ้าน - กำจัดอปุ กรณ์ ตามมาตรฐานการกำจดั ขยะติดเชอื้ - เกบ็ ขวดวคั ซีนท่ใี ช้แล้วในตู้เยน็ อยา่ งน้อย 7 วัน (เพือ่ นำวคั ซีนส่งตรวจเมือ่ เกดิ อาการ ขา้ งเคียงทร่ี ุนแรง) 2.4 หลังการใหบ้ รกิ าร จดั ทำทะเบียนการให้บริการและบนั ทกึ ขอ้ มูลในฐานข้อมูล HDC (43 แฟ้ม) ตรวจสอบและ ติดตามกลมุ่ เปา้ หมายที่ไม่ไดม้ ารบั วคั ซีนตามนดั การบนั ทกึ จดั ทำรายงาน และตดิ ตามการดำเนนิ งานให้บรกิ ารวคั ซีนโควดิ 19 1. การบันทกึ การให้บรกิ าร 1.1 ระบบลงทะเบียนที่โรงพยาบาล (Hospital Information System (HIS) หรือ Web base ของ โรงพยาบาล) ขอให้หน่วยบริการทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการบันทึกผลการให้บริการวัคซีนโควิด 19 ในกลมุ่ เปา้ หมายผ่านระบบลงทะเบยี นที่โรงพยาบาล (Hospital Information System (HIS) หรือ Web base ของ โรงพยาบาล) ซึ่งขอ้ มลู การให้บริการวัคซีนแตล่ ะเขม็ เปน็ การบนั ทึกเป็นรายบุคคล ไดแ้ ก่ วันทไี่ ด้รบั วัคซนี ชื่อการค้า ของวัคซีน เลขท่ี Lot No.ของวัคซีน สถานที่ที่ได้รับวัคซีน ข้อมูลอาการ AEFI ที่พบหลังฉีดวัคซีนภายใน 30 นาที (Day 0) โดยข้อมูลอาการ AEFI สามารถบันทึกได้ด้วยตนเอง (Self-report) หรือ เจ้าหน้าที่กรอกข้อมูลให้ ศึกษา รายละเอยี ดตามหัวข้อ “การเฝา้ ระวงั ตดิ ตามเหตกุ ารณไ์ ม่พงึ ประสงคภ์ ายหลังไดร้ ับวัคซนี โควดิ 19” 1.2 ในระบบ HIS ของโรงพยาบาล ในระบบฐานข้อมูลตามโครงสร้างมาตรฐานข้อมูลด้านสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (43 แฟ้ม) ในแฟ้ม งานสรา้ งเสรมิ ภูมคิ ้มุ กนั โรค (EPI) ของกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนกั ปลดั กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดรหัส -30-

วัคซีนปอ้ งกันโรคโควดิ 19 เพ่ือใชใ้ นการบันทกึ และการส่งออกข้อมูลตามรหสั วัคซีนในแผนงานสรา้ งเสริมภูมิคุ้มกัน โรค กระทรวงสาธารณสขุ ปงี บประมาณ 2564 ดังตารางท่ี 4 ตารางท่ี 4 รหสั วคั ซนี โควดิ 19 ในแผนงานสรา้ งเสริมภมู คิ มุ้ กันโรค กระทรวงสาธารณสขุ ปงี บประมาณ 2564 รหัสทใี่ ช้ บนั ทึก ช่ือวคั ซีน ชือ่ วัคซีน ประเภท อายุ (เดือน)/ ชอ่ื โรคท่ีป้องกัน รหสั ICD-10-TM (มาตรฐาน ภาษาองั กฤษ ภาษาไทย กลุ่มเป้าหมาย กยผ.) CA1 Covid-19 โควิด 19 สรา้ งภมู ิค้มุ กันต่อเชื้อไวรสั โรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 หรือเชอื้ โควดิ โคโรนา 2019 (Astrazeneca) (บริษทั แอสตราเซเนกา) ฉีด U11.9 19 เขม็ ที่ 1 CA2 Covid-19 โควดิ 19 สรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ตอ่ เชือ้ ไวรสั โรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 หรอื เชอื้ โควดิ โคโรนา 2019 (Astrazeneca) (บรษิ ทั แอสตราเซเนกา) ฉดี U11.9 19 เข็มที่ 2 CS1 Covid-19 โควิด 19 สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ตอ่ เชื้อไวรัส โรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 หรอื เชอ้ื โควิด โคโรนา 2019 (Sinovac) (บริษัทซิโนแวค) ฉีด U11.9 19 เขม็ ที่ 1 CS2 Covid-19 โควิด 19 สร้างภมู ิค้มุ กันตอ่ เชื้อไวรสั โรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 หรอื เชื้อโควิด โคโรนา 2019 (Sinovac) (บริษัทซโิ นแวค) ฉดี U11.9 19 เขม็ ที่ 2 หมายเหตุ : ขอ้ มูลรหสั วัคซนี โควดิ 19 ที่เพ่มิ ในแผนงานสร้างเสรมิ ภมู ิค้มุ กันโรค ณ วันท่ี 23 ก.พ.64 1.3 การออกบัตรรับรองการไดร้ บั วัคซนี ปอ้ งกนั โรคโควดิ 19 หลงั จากกลมุ่ เป้าหมายรบั วคั ซีนครบ 2 เข็มแล้ว ขอใหห้ น่วยบริการออกหลักฐานยนื ยนั ความครบถ้วนของ การได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม โดยช่องทางระบบลงทะเบียน Hospital Information System (HIS) หรือ Web base ของโรงพยาบาล สามารถพิมพ์เอกสารออกจากระบบ และในระบบ Application สามารถบันทึกไว้เป็น หลักฐานในรูปแบบ QR Code หรอื รปู ภาพ เพอื่ ใช้เปน็ ประวัตกิ ารได้รับวคั ซีนโควิด 19 ประจำตัวบคุ คล สำหรับเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของประเทศไทย (THAILAND NATIONAL CERTIFICATE OF COVID-19 VACCINATION) ท่สี ่วนกลางออกแบบไว้ มีขอ้ มูลที่บันทกึ (ภาคผนวกท่ี 2) ดงั นี้ ขอ้ มลู ผ้รู ับบริการ : ช่ือ-นามสกุล เพศ วนั เดือนปเี กดิ หมายเลขบตั รประชาชน หมายเลขพาสปอรต์ และท่ี อยูป่ จั จบุ ัน ข้อมูลประวัติการได้รับวัคซีน : วันที่ได้รับวัคซีน (เข็มที่ 1-2) ชื่อการค้าของวัคซีน (เข็มที่ 1-2) รุ่นการ ผลิต/เลขท่ี Lot No. ของวัคซีน (เข็มที่ 1-2) พร้อมลงชื่อเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ (ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาจ วางแผนพฒั นาให้มกี ารลงชอื่ ในระบบได)้ -31-

ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ แจ้งกลุ่มเป้าหมายให้เก็บเอกสารรับรองการได้รับวคั ซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของประเทศไทย ไว้แสดงเป็นหลกั ฐานรับรองว่าได้รับการฉดี วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคโควิด 19 ครบถ้วนท้ัง 2 เขม็ แลว้ 2. การจดั ทำรายงานผลการใหบ้ รกิ าร ขอให้หน่วยบริการประมวลรายงานเพื่อติดตามและประเมินผลการให้วัคซีนโควิด 19 ในการลดการป่วย และการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 (COVID-19) ในกลุ่มเป้าหมายจากระบบ Hospital Information System (HIS) หรือ Web base ของโรงพยาบาล ซึ่งสามารถประมวลรายงานจำแนกตามพื้นที่ (หน่วยบริการ/อำเภอ/จังหวัด/ เขต/ประเทศ) หรือ จำแนกเป็นรายกลุ่มเป้าหมายได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกระดับใช้ในการควบคุมกำกับ และตดิ ตามผลการได้รบั วัคซนี โควิด 19 ดังน้ี 1) รายงานผลการได้รับวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 1 เพื่อประเมินผลและติดตามการได้รับวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 1 ในกลุ่มเป้าหมายเป็นรายพื้นที่ (หน่วยบริการ/อำเภอ/จังหวัด/เขต/ประเทศ) และประมวลผลให้จำแนก เป็นรายกลุม่ เปา้ หมายได้ โดยมีวิธกี ารคำนวณ ดงั นี้ ผลการได้รับวคั ซีนโควิด 19 เขม็ ที่ 1 (รอ้ ยละ) = จำนวนกลุม่ เป้าหมายท้ังหมดทไ่ี ดร้ บั วคั ซนี โควดิ 19 เขม็ ท่ี 1 x 100 จำนวนกลุ่มเป้าหมายตามยอดจัดสรรวัคซนี เข็มที่ 1 2) รายงานผลการได้รับวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 2 เพื่อประเมินผลและติดตามการได้รับวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 2 ในกลุ่มเป้าหมายเป็นรายพื้นที่ (หน่วยบริการ/อำเภอ/จังหวัด/เขต/ประเทศ) และประมวลผลให้จำแนก เป็นรายกลุม่ เป้าหมายได้ โดยมีวธิ กี ารคำนวณ ดังน้ี ผลการไดร้ ับวัคซนี โควิด 19 เขม็ ที่ 2 (ร้อยละ) = จำนวนกลมุ่ เป้าหมายท้ังหมดทไี่ ด้รับวคั ซีนโควิด 19 เข็มท่ี 2 x 100 จำนวนกลมุ่ เป้าหมายตามยอดจดั สรรวัคซนี เข็มที่ 2 3) รายงานความครอบคลุมการให้บรกิ ารวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 เข็ม เพื่อติดตามผลการได้รับบริการ วัคซีนครบถ้วนทั้ง 2 เข็ม ครอบคลุมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ทุกพื้นที่ (หน่วยบริการ/อำเภอ/จงั หวัด/เขต/ประเทศ) และประมวลผลใหจ้ ำแนกเป็นรายกลุ่มเป้าหมายได้ โดยมวี ธิ กี ารคำนวณ ดังนี้ ความครอบคลุมการให้บริการวคั ซีนโควดิ 19 ครบ 2 เข็ม (ร้อยละ) = จำนวนกล่มุ เป้าหมายทั้งหมดทไี่ ด้รับวคั ซนี โควดิ 19 ครบ 2 เขม็ x 100 จำนวนกลุม่ เป้าหมายทงั้ หมดในระบบลงทะเบียน 4) รายงานความครอบคลุมการได้รับวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 เข็ม เพื่อประเมินผลการป้องกันควบคุม โรคในพื้นท่ี ซ่ึงกำหนดให้กลุ่มเป้าหมายต้องได้รับวัคซีนโควิด 19 ครบถ้วนทั้ง 2 เข็มครอบคลุมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ทุกพืน้ ที่ (หนว่ ยบรกิ าร/อำเภอ/จังหวดั /เขต/ประเทศ) และประมวลผลให้จำแนกเปน็ รายกลมุ่ เปา้ หมายได้ โดย มวี ิธกี ารคำนวณ ดงั นี้ -32-

ความครอบคลุมการได้รบั วคั ซีนโควดิ 19 ครบ 2 เขม็ (ร้อยละ) = จำนวนกลมุ่ เป้าหมายทงั้ หมดในพ้ืนทรี่ ับผิดชอบที่อาศัยอยูจ่ ริง ที่ไดร้ ับวคั ซนี โควิด 19 ครบ 2 เข็ม x 100 จำนวนกลุม่ เปา้ หมายท้ังหมดในพ้นื ท่ีรบั ผิดชอบที่อาศยั อยู่จรงิ การกำกับติดตามการดำเนินงาน สำหรบั การติดตามผลการดำเนนิ งานการใหบ้ ริการวคั ซนี ป้องกันโรคโควิด 19 กระทรวงสาธารณสุข อาศัย กลไกการติดตามผล ผ่านทางคณะกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการใหว้ ัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยคณะทำงานด้านการให้บริการวัคซีน ฝึกอบรม และกำกับติดตามผลภายใต้คณะกรรมการ อำนวยการฯ ดังกล่าว มีหน้าทแี่ ละอำนาจโดยตรง ในการกำกบั ติดตาม ประเมนิ ผลการให้วัคซีนปอ้ งกนั โรคติดเช้ือ ไวรัส โคโรนา 2019 อย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ รวมถึงเสนอผลการให้บริการแก่คณะอนุกรรมการอำนวยการ บริหารจดั การการใหว้ ัคซีนป้องกนั โรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ซ่ึงมีหวั หนา้ ผตู้ รวจราชการกระทรวง สาธารณสุขเป็นประธานคณะทำงาน เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ในกล่มุ เป้าหมาย จำแนกรายพ้นื ที่ ดังน้ี - ทีมบริหารจัดการและติดตามผลของหน่วยบริการ ติดตามผลการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ในระดับหน่วยบริการ จากข้อมูลการประมวลผล (Dashboard) ในฐานข้อมูลลงทะเบียนที่โรงพยาบาล Hospital Information System (HIS) หรอื Web based ของโรงพยาบาลเปน็ ประจำทกุ สัปดาหท์ ่ีให้บรกิ าร - ทีมบริหารจัดการและติดตามผลของระดับอำเภอ จังหวัดและระดับเขต ติดตามผลการให้บริการวัคซีน ป้องกันโรคโควิด 19 ในระดับอำเภอ จังหวัดและระดับเขต จากข้อมูลการประมวลผล (Dashboard) ในฐานข้อมูล ลงทะเบียนที่โรงพยาบาล (Hospital Information System (HIS) หรือ Web based ของโรงพยาบาล) เป็นประจำ ทกุ สัปดาห์ที่ใหบ้ รกิ าร - กรมควบคุมโรคในฐานะเลขานุการคณะทำงานด้านการให้บริการวัคซีน ฝึกอบรม และกำกับติดตามผล จะรวบรวมและติดตามข้อมูลผลการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 จากข้อมูลการประมวลผล (Dashboard) ในฐานข้อมูลลงทะเบยี นที่โรงพยาบาล (Hospital Information System (HIS) หรอื Web based ของโรงพยาบาล) ในระดับส่วนกลาง เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินการเป็นประจำ ผ่านเวทีการประชุมคณะกรรมการ หรือ คณะทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในระดับกระทรวง และจะประสานติดตามงานกับพื้นที่ผ่านเขตบริการสุขภาพ (เขตบริการสุขภาพท่ี 1-13, สคร.ที่ 1-12/ สปคม. หรือ สสจ.และกรุงเทพฯ) กรณีที่พบข้อสงสัย หรือ ต้องการ รายละเอียดข้อมูลของผลการดำเนินงานเพิ่มเติม หรือ พบปัญหา อุปสรรค รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่พบ ในระดบั พ้ืนที่ เพอ่ื พัฒนาระบบติดตามผลการดำเนนิ การใหด้ ีย่ิงข้นึ ต่อไป -33-

การเฝา้ ระวังติดตามเหตกุ ารณ์ไม่พงึ ประสงค์ภายหลังไดร้ บั วัคซีนโควดิ 19 เนื่องจากวัคซีนโควิด 19 เป็นวัคซีนใหม่ที่พฒั นาและผลิตขึ้นอยา่ งเร่งด่วน เพื่อใช้ป้องกันควบคุมโรคไวรัส โคโรนา 19 แก่ประชาชน ซึ่งแม้ว่าหลายประเทศจะได้เริ่มให้บริการวัคซีนนี้อย่างกว้างขวางโดยพบว่าเป็นวัคซี น ทปี่ ลอดภัย อาการภายหลังได้รับวัคซีนสว่ นใหญ่มักไม่รนุ แรงก็ตาม สำหรบั ประเทศไทย เพอ่ื เป็นการกำกับติดตาม ความปลอดภัยและประกันความมั่นใจของประชาชนต่อวัคซีนและงานบริการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กระทรวง สาธารณสุข จึงได้จัดระบบเฝา้ ระวงั ติดตามอาการภายหลงั ไดร้ ับวัคซีนโควดิ 19 ไว้ 3 ระบบ ไดแ้ ก่ 1. ระบบเฝา้ ระวังเชงิ รับ (Existing AEFI Surveillance) 2. ระบบติดตามความปลอดภัยเชงิ รุกสำหรบั วคั ซีนโควดิ 19 (ActiveSurveillanceSystemforCOVID–19Vaccine) 3. การเฝา้ ระวังกลุ่มอาการท่ีอาจเกยี่ วขอ้ งกบั การไดร้ บั วคั ซนี โควดิ 19 (Adverse Event of Special Interest : AESI) ระบบเฝา้ ระวังเชิงรับ (Existing AEFI Surveillance) เป็นการเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับวัคซีนตามระบบปกติ ดำเนินการเช่นเดียวกับวัคซีนชนิดอื่น โดยหนว่ ยงานรบั ผิดชอบในสว่ นกลาง คอื กองระบาดวทิ ยา แนวทางการดำเนินงาน 1. ผู้รายงานและเคร่ืองมือในการรายงาน: สถานบริการสาธารณสุขแต่ละแห่งกำหนดผู้รับผิดชอบ ในการรายงานเหตุการณ์ไมพ่ งึ ประสงค์ภายหลงั ได้รบั วคั ซีนโควดิ 19 โดยมีเครอ่ื งมือในการรายงาน ดังน้ี 1.1 แบบรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI1) คือแบบ รายงานข้อมลู ผู้ป่วยแตล่ ะราย 1.2 โปรแกรมฐานข้อมูลเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) เป็นโปรแกรม Online ที่ใช้บันทึกข้อมูลตามแบบรายงาน (AEFI1) จากสถานพยาบาลและห้องชันสูตร ท่ัวประเทศ สง่ ขอ้ มลู ไปยงั กองระบาดวิทยา กรมควบคมุ โรค 2. การดำเนนิ งานเฝา้ ระวังเหตกุ ารณไ์ มพ่ งึ ประสงคภ์ ายหลังได้รับวคั ซนี โควิด 19 ตามแผนผงั ท่ี 1 -34-

แผนผงั ท่ี 1 การดำเนนิ งานเฝ้าระวังเหตุการณ์ไมพ่ งึ ประสงคภ์ ายหลังไดร้ ับวัคซนี โควดิ 19 จบ ผปู้ ว่ ยสงสยั AEFI สถานพยาบาลภาครัฐ เอกชน และหอ้ งชนั สูตร ไม่เข้าเกณฑต์ ามนิยามการเฝ้าระวัง AEFI เขา้ เกณฑ์ตามนยิ ามการเฝา้ ระวงั AEFI เกณฑ์การรายงานตามกฎหมาย กรณที ี่ตอ้ งรายงานเพ่ือการตดิ ตามและการสอบสวนเพิ่มเตมิ (พรบ.โรคติดตอ่ พ.ศ. 2558) ไดแ้ ก่ รวบรวมขอ้ มลู เหตกุ ารณ์ AEFI 1. เหตุการณท์ ร่ี ้ายแรง (Serious AEFI) ทุกเหตกุ ารณ์ ลงในแบบรายงาน AEFI1 2. เหตุการณ์ทเ่ี ป็นกลุ่มก้อน (AEFI cluster) 3. เหตุการณ์ทอี่ าจจะเกี่ยวขอ้ งกบั การบรหิ ารจดั การใหว้ ัคซีน ภายใน 7 วนั 4. เหตุการณ์ท่ีสร้างความกังวลหรือความตระหนกอย่างมากต่อ นบั จากวนั ท่ีพบผปู้ ว่ ย ครอบครัวและชุมชน ภายใน 24 ชั่วโมง กรอกแบบสอบสวน นับจากวนั ทีพ่ บผู้ปว่ ย AEFI2 บนั ทกึ ข้อมลู จากแบบ AEFI1 เช่ือมโยง - SAT สำนักงานสาธารณสขุ จังหวดั ลงในโปรแกรมฐานขอ้ มูลเฝ้าระวังเหตกุ ารณไ์ ม่พงึ กับฐาน - SAT สำนักอนามยั กรงุ เทพมหานคร ประสงคภ์ ายหลังไดร้ บั การสรา้ งเสรมิ ภมู ิค้มุ กนั โรค ขอ้ มูล SAT - SAT สำนกั งานป้องกันควบคมุ โรค - SAT สถาบันปอ้ งกันควบคุมโรคเขตเมือง - SAT กรมควบคุมโรค SAT กรมควบคมุ โรค รายงาน DCIR ตอ่ ผบู้ รหิ ารกรมควบคุมโรค ภายใน 30 นาที -35-

ระบบตดิ ตามความปลอดภัยเชงิ รกุ สำหรับวัคซีนโควดิ 19 (Active Surveillance System for COVID 19 Vaccine) เป็นการเฝ้าระวังเฉพาะกิจที่มุ่งเน้นให้ได้ข้อมูลความปลอดภัยของวัคซีนจากการใช้จริงของ ประเทศที่ ครอบคลุมกลุ่มประชากรที่ได้รับวัคซีนอย่างกว้างขวางและติดตามผลจากการใช้วัคซีนดังกล่าว เพื่อติดตาม เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีนโควิด 19 อย่างเข้มข้นและครบถ้วน โดยหน่วยงานรับผิดชอบ ในสว่ นกลาง คอื สำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนวทางการดำเนนิ งาน 1. ผรู้ ายงานและเครื่องมือในการรายงาน : กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำช่องทางการบันทึกรายงานข้อมูล แบ่ งเป็น 2 รูปแบบหลัก 1) App-Based Safety Monitoring : การรายงานข้อมลู ผ่าน Application บนโทรศพั ทส์ มารท์ โฟน 2) Hospital-Based Safety Monitoring : การรายงานข้อมูลผ่าน Hospital Information System (HIS) หรอื Web base หรอื Web application: Co-vaccine.moph (https://co-vaccine.moph.go.th) โดยมกี ารติดตามหลังฉีดวัคซีนในชว่ งเวลาทก่ี ำหนด คอื 30 นาที 1 วนั 7 วนั และ 30 วัน ตารางท่ี 5 การรายงานเหตุการณไ์ ม่พึงประสงค์ภายหลงั รับวคั ซนี โควดิ 19 ผา่ น Application บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และ Web application (https://co-vaccine.moph.go.th) เร่ือง ช่องทางการรายงาน App-Based Safety Monitoring Hospital-Based Safety กลุ่มเป้าหมาย Monitoring ผู้รับวัคซนี ที่มีสมารท์ โฟนและ การตดิ ตามเหตุการณ์ไม่พงึ ประสงค์ ลงทะเบยี นผา่ นระบบ application ผรู้ บั วคั ซนี ท่ีไมม่ ีโทรศัพทส์ มาร์ทโฟน ภายหลังไดร้ บั วัคซีน หรอื ไม่ประสงคล์ งทะเบยี นผ่านระบบ ผา่ น application ทมี่ รี ะบบเตือน application ชอ่ งทางการบันทึกเหตกุ ารณ์ไมพ่ ึงประสงค์ อัตโนมัติ ภายหลงั ได้รับวัคซีน Focal point ท่ี รพ. กำหนด เชน่ ผู้บนั ทกึ เหตุการณ์ไม่พึงประสงคภ์ ายหลงั Application บนโทรศัพทส์ มาร์ทโฟน กล่มุ งานเภสชั กรรม เวชกรรมสงั คม ไดร้ ับวัคซนี หรืออาจร่วมทีมกบั อสม./อสต. ผู้รับวคั ซีนเป็นผบู้ นั ทกึ ข้อมลู ใน application ด้วยตนเอง ท้ังท่มี ี HIS หรอื Web application อาการและไม่มอี าการภายหลงั ได้รับ (https://co-vaccine.moph.go.th) วคั ซนี ผรู้ บั วคั ซนี แจ้ง Focal point หรือ เจ้าหนา้ ที่หน่วยงานปฐมภมู ิ บันทกึ ขอ้ มูลผรู้ บั วัคซนี ทั้งทมี่ ีอาการและ ไม่มีอาการภายหลงั รบั วัคซีน -36-

ขนั้ ตอนการดำเนนิ การ 1. การเตรียมความพรอ้ มก่อนการตดิ ตามเหตกุ ารณไ์ มพ่ ึงประสงค์ (Adverse Events: AEs) จากการใช้วคั ซีน โควดิ 19 ผู้บริหารประชุม/หารือร่วมกับทีมบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อวางแผนเฝ้าระวัง/ติดตามการเกิดเหตุการณ์ ไม่พึงประสงค์ และกำหนดบุคคลที่จะเป็นผู้ประสานงานหลัก (Focal point) ของโรงพยาบาล ในการติดตามและ เก็บรวบรวมขอ้ มลู เหตกุ ารณ์ไมพ่ งึ ประสงคจ์ ากการใชว้ คั ซีนโควดิ 19 2. การลงทะเบยี นผู้รบั วัคซีน ในวันท่มี ารบั วัคซนี เข็มแรก(Day 0) ผปู้ ระสงคร์ ับวัคซีนติดต่อ พยาบาล หรอื เจา้ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อลงทะเบียนผู้รับวัคซีน (อาจลงทะเบียนการจองวัคซีนไว้ล่วงหน้า) โดยระบุข้อมูล ชื่อ-นามสกุล เลขบัตร ประชาชน วัน/เดือน/ปีเกิด เพศ ประวัติการแพ้ยา(อาการที่เกิด) โรคประจำตัว ลงในระบบตามแบบฟอร์มที่ กำหนดในโปรแกรม 3. การให้บริการวัคซนี และสงั เกตอาการภายหลังได้รบั วคั ซีนเขม็ แรก 3.1 เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบบันทึกข้อมูลวัคซีน และวิธีการให้วัคซีน โดยระบุชื่อวัคซีน Lot number ครั้งที่ฉีด และวัน/เวลาทไี่ ดร้ ับวคั ซนี ลงในระบบ ตามแบบฟอร์มทกี่ ำหนดในโปรแกรม โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ กรณที ี่ 1 ผู้รับวัคซีนมีโทรศัพท์สมารท์ โฟน และประสงคจ์ ะติดตามเหตุการณไ์ ม่พงึ ประสงค์ ผ่าน Application ระบบจะเชื่อมโยงข้อมูล วัคซีน และวิธีการใหว้ ัคซีนของ รพ. เขา้ Application อตั โนมัติ กรณที ี่ 2 ผรู้ บั วคั ซนี ไมม่ ีโทรศัพทส์ มาร์ทโฟน หรือไมป่ ระสงค์จะบนั ทึก ผ่าน Application ระบบจะเชื่อมโยง ข้อมูลวัคซีน และวิธีการให้วัคซีน เข้า HIS หรือ Web application (https://co- vaccine.moph.go.th) อตั โนมตั ิ เพ่อื เปน็ ขอ้ มลู สำหรับ Focal point รพ. ใช้ประกอบการติดตาม 3.2 แพทย์ พยาบาล หรอื นกั วิชาการสาธารณสขุ ฉดี วคั ซนี ใหก้ บั ผูท้ ่ลี งทะเบยี น 3.3 ผู้รับวัคซีนนั่งพักสังเกตอาการประมาณ 30 นาที ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพท ย์ เจ้าหนา้ ทใ่ี ห้ความรใู้ นการติดตาม สงั เกตอาการที่อาจเกิดขึน้ ภายหลงั ไดร้ ับวัคซีน การดูแลตนเองเบ้ืองต้น พร้อมท้ัง แจกและอธิบายถึงความสำคัญของ Patient card รวมทั้งเมื่อต้องไปรับวัคซีนเข็ม 2 ที่สถานพยาบาลอื่น หรือเม่ือ เกดิ สงสยั วา่ แพ้วคั ซนี หรอื เกดิ อาการไม่พึงประสงค์ ใหผ้ ูร้ ับวคั ซนี แสดง patient card แก่เจา้ หนา้ ที่ 3.4 เมื่อครบกำหนด 30 นาที ให้บันทึกข้อมูลว่าเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังรับวัคซีนหรือไม่ทันที โดยแบ่งเปน็ 2 กรณี ดงั น้ี กรณีที่ 1 ผู้รับวัคซีนมีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และประสงค์จะติดตามเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ผ่าน Application ให้บันทึกข้อมูลว่าเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังรับวัคซีนหรือไม่ ลงใน Application ด้วยตนเองทันที กรณีที่ 2 ผู้รับวัคซีนที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน หรือไม่ประสงค์จะบันทึกผ่าน Application ให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้บันทึกข้อมูล ผ่าน HIS หรือ Web application (https://co-vaccine.moph.go.th) โดยทันทีหรือ ภายในวันนั้น โดยทันทหี รอื ภายในวันนั้น ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแจ้งรายชื่อผู้ที่ได้รับวัคซีนแก่ Focal point หรือ Focal Point ดึงขอ้ มลู ในระบบดว้ ยตนเอง 3.5 การตดิ ตามเหตกุ ารณ์ไม่พงึ ประสงค์ในวนั ที่ 1, 7 และ 30 ภายหลงั รับวัคซนี เข็มแรก -37-

⚫ การติดตามและบนั ทึกเหตกุ ารณ์ไม่พึงประสงคภ์ ายหลงั รับวัคซนี มี 2 รปู แบบ ดงั นี้ กรณที ่ี 1 ผู้รับวคั ซนี มีโทรศพั ทส์ มารท์ โฟน และประสงค์จะบนั ทึกผ่าน Application ด้วยตนเอง ⚫ Application แจ้งเตอื นการติดตามอาการภายหลังรบั วัคซีน ในวันท่ี 1, 7 และ 30 ใหผ้ รู้ บั วัคซนี ทราบโดยอตั โนมตั ิ และให้ผรู้ บั วัคซนี บนั ทกึ ขอ้ มูลลงใน Application ⚫ หากเกิดอาการขึ้นนอกเหนือจากวันที่ติดตาม ให้ผู้รับวัคซีนจดบันทึกข้อมูลว่าเกิดอาการ ใดบา้ ง เร่ิมมอี าการวนั เดอื น ปเี ทา่ ไหร่ เวลาใด และทำการบันทึกข้อมลู ใน Application เมอื่ ถึงวันท่ีติดตาม ⚫ กรณีผู้รับวัคซีนไม่บันทึกข้อมูลตามที่แนะนำ เมื่อถึงกำหนดมารับวัคซีนเข็มที่ 2 ขอให้เจ้าหน้าทีข่ องโรงพยาบาล บนั ทึกข้อมูลผา่ น HIS หรือ Web application (https://co-vaccine.moph.go.th) กรณีที่ 2 ผรู้ ับวคั ซนี ท่ีไม่มโี ทรศัพทส์ มารท์ โฟน หรอื ไม่ประสงค์จะบนั ทึกอาการผา่ น Application ⚫ Focal point ของ โรงพยาบาล ติดตามอาการ ในวันที่ 1, 7 และ 30 ภายหลังการฉีดวัคซีนร่วมกับ ทีมเจา้ หนา้ ทห่ี น่วยงานปฐมภูมิ และ อสม./อสต. ⚫ เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากผู้รับวัคซีนผ่าน HIS หรือ Web application (https://co-vaccine.moph.go.th) หมายเหตุ: การตดิ ตามขอ้ มลู กรณที ี่ 1 และ 2 ให้บนั ทกึ ข้อมูลชื่อเหตุการณไ์ ม่พงึ ประสงค์ เชน่ ปวดศีรษะ มีไข้ และ เพิ่มเติมในสว่ นของขอ้ มูลทสี่ ่งผลต่อการดำเนินชีวติ ประจำวัน และการต้องไปพบแพทย์ 4. การใหบ้ รกิ ารวคั ซนี และสังเกตอาการภายหลังไดร้ ับวคั ซีนเข็มท่ี 2 ดำเนนิ การเช่นเดยี วกับ ขอ้ 3 -38-

แผนผังที่ 2 แนวทางติดตามความปลอดภยั เชิงรกุ ของวคั ซนี โควดิ -19 สำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละประชาชน ทีมบุคลากรทางการแพทยแ์ ละผทู้ เี่ กี่ยวข้องใน รพ. ประชมุ /หารอื ร่วมกนั ในการวางแผนเฝ้าระวงั /ติดตามการเกดิ เหตกุ ารณ์ไม่พึง ประสงค์ (AEs) จากการใชว้ ัคซีนโควิด-19 และกำหนดบุคคลที่จะเป็นผปู้ ระสานงานหลกั (Focal point) ในการตดิ ตาม Aและเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู AEs จุดเริ่มต้นเข็มท่ี 1,2 Day 0 (วนั ทฉ่ี ดี ยา) พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รบั มอบหมาย ลงทะเบยี นผู้รบั วัคซีน (ซึ่งอาจลงทะเบยี นการจองวคั ซีนไว้ลว่ งหนา้ แลว้ ) (ระบขุ ้อมูล ช่อื -นามสกุล เลขบัตรประชาชน วัน/เดือน/ปเี กิด เพศ ประวัตกิ ารแพ้ยา โรคประจำตัว) ผา่ น App ไม่ผ่าน App เชอ่ื มโยงข้อมูลวคั ซีน และขอ้ มลู การฉดี วัคซีน เชอื่ มโยงข้อมลู วัคซนี และข้อมลู การฉดี วคั ซีน เขา้ App อตั โนมตั ิ (ระบุข้อมลู ชื่อวัคซนี Lot no. ของ ร.พ. เข้า Web base portal อตั โนมตั ิ (ระบขุ อ้ มลู ชอ่ื วัคซนี คร้ังท่ฉี ีด และวนั /เวลาท่ีได้รบั วัคซีน) Lot no. ครงั้ ที่ฉดี และวนั /เวลาท่ีไดร้ ับวคั ซีน) ฉดี วัคซนี ใหก้ บั ผู้ท่ีลงทะเบยี น เฝา้ ระวงั การเกดิ AEs 30 นาที หลังฉีดวคั ซีน และเจ้าหน้าท่ี ใหค้ วามรู้การติดตาม สังเกต AEs ที่อาจเกิดขึ้นได้ภายหลังได้รีบวคั ซนี การประเมินอาการและการดแู ลตนเองเบื้องต้นเม่ือเกิดอาการดังกล่าว พรอ้ มทัง้ แจก Patient card ใหก้ บั ผรู้ ับวคั ซีน (และแจง้ ผู้ไมม่ ี APP จดบันทึกข้อมลู AE เพ่ือแจ้งต่อ Focal point) ผา่ น App ไม่ผา่ น App ผู้ไดร้ ับวัคซนี บนั ทกึ ขอ้ มูล AE เจา้ หนา้ ท่บี นั ทึกข้อมูล AE (ทั้งที่เกิด AE และ ไม่เกดิ AE) (ท้งั ท่ีเกดิ AE และ ไม่เกิด AE) ผ่าน App ผา่ น Hospital web based Day 1,7, 30 Day 1, 7, 30 หลงั ทฉ่ี ดี ยา หลงั ทฉี่ ดี ยา App แจ้งเตอื นการติดตาม AE กรณีผูร้ ับวัคซีนเกิดเหตกุ ารณ์ไมพ่ งึ ประสงค์ แจง้ รายช่ือ Focal point ตดิ ตาม AE คร้ังตอ่ ไป ในวันที่ 1, 7 และ 30 ทเี่ ขา้ ตามเกณฑ์การรายงานเพื่อติดตามผล ผ้ทู ไี่ ด้รบั วัคซีน ครัง้ ต่อไป ในวันท่ี 1, 7 และ 30 ภายหลังการฉดี วคั ซีน ใหผ้ ูร้ ับ และสอบสวน ให้เจ้าหนา้ ที่ดำเนินการ แก่ Focal point วคั ซีนโดยอัตโนมตั ิ แผนภมู กิ ารดำเนนิ งานเฝา้ ระวังเหตกุ ารณ์ ภายหลงั การฉีดวัคซีน (อาจมที มี อสม.รว่ มติดตาม) ไมพ่ ึงประสงค์ภายหลังไดร้ ับวคั -ซ3นี 9โ-ควิด 19

หมายเหตุ: กรมควบคุมโรคและสำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา ดึงข้อมลู สรุปจำนวนผู้รับวคั ซนี และจำนวน ผู้เกิด AE จากฐานข้อมูลของ MOPH National Immunization Center (สป.) -40-

ตัวอยา่ งแบบสอบถามสำหรับการตดิ ตามและสอบถามเหตุการณไ์ ม่พงึ ประสงค์ การตดิ ตามและสอบถามเหตกุ ารณไ์ ม่พึงประสงค์เพือ่ บนั ทึกขอ้ มลู ลงในระบบ 1. สอบถาม ช่ือ-นามสกลุ และขอ้ มลู การไดร้ บั วัคซีน (เพือ่ ยืนยนั ตัวตน) 2. วนั ท่ตี ดิ ตามอาการ................................... (ให้ติดตามวันท่ี 1, 7, 30 ของแต่ละเขม็ 3. ภายหลงั การฉดี วัคซีน มอี าการผิดปกติ/อาการไม่พงึ ประสงค์ หรือไม่ [ ] ไมเ่ กิด [ ] เกิด ตวั อยา่ งการสอบถามอาการ เชน่ [ ] 1.ปวด บวม แดง รอ้ น คนั ณ บริเวณทฉี่ ดี (Injection site reaction) [ ] 2.ไข้ (Fever) [ ] 3.ปวดศีรษะ (Headache) [ ] 4.เหนื่อย อ่อนเพลยี ไมม่ ีแรง (Fatigue) [ ] 5.ปวดกลา้ มเน้ือ (Myalgia) [ ] 6.คลน่ื ไส้ (Nausea) [ ] 7.อาเจยี น (Vomiting) [ ] 8.ท้องเสยี (Diarrhea) [ ] 9.ผ่ืน (rash) เช่น ผ่นื แดง ผื่นคนั ผ่นื ลมพิษข้ึนตามตัว [ ] 10.บวม (Edema) เชน่ หน้าบวม คอบวม บวมท่ัวรา่ งกาย [ ] 11.ปวดข้อ* ( Joint pain) ปวดเมื่อยตามตัว* ไมส่ บายตัว* [ ] 12.หน้ามดื (Faint) หมดสติ (Unconscious) [ ] 13.แนน่ หนา้ อก (Chest tightness) หายใจไมส่ ะดวก (Shortness of breath) [ ] 14.ใจส่นั (Palpitations) [ ] 15.กล้ามเนอ้ื ออ่ นแรง (Muscle weakness) เช่น [ ] กลา้ มเนือ้ แขน/ขาอ่อนแรง [ ] 16.หนา้ เบย้ี ว (Facial paralysis, Facial pulsy) [ ] 17.ชัก (Seizures) หรือ ชกั รว่ มกับมไี ข้ [ ] 18.อาการอ่ืน ๆ เช่น เลอื ดไหลไมห่ ยดุ เลือกออกผดิ ปกติ เป็นตน้ โปรดระบ…ุ …............................................. (อาการไม่สบายตัว* ปวดเมอ่ื ยตามตวั * ปวดขอ้ * ออ่ นเพลีย* : หากเปน็ ผูส้ งู อายุอาจมอี าการตั้งแตก่ ่อนฉดี วัคซีนอยู่แลว้ หากเป็น เชน่ น้ี ควรสอบถามว่า หากเทียบกบั กอ่ นได้รับวัคซีน อาการเปน็ อาการปกตทิ ่เี ปน็ หรือรุนแรงกว่าปกติ) 4. หากมีอาการผิดปกติ ใหร้ ะบุ วันท่ีเกิดอาการ………………………. (เช่น วันที่ 1, 2, ….. ) 5. อาการผิดปกติดงั กลา่ วเกิดขึ้นยาวนานก่ชี ั่วโมง หรือ กีว่ ัน 6. อาการไม่พึงประสงคท์ เี่ กดิ ขน้ึ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวติ ประจำวนั ของทา่ นหรือไม่ [ ] ไม่ส่งผล [ ] ส่งผล 7. เม่ือเกิดอาการไม่พึงประสงค์แลว้ ทา่ นไปพบแพทยห์ รอื ไม่ [ ] ไม่ไป [ ] ไป หมายเหตุ หากผไู้ ดร้ ับวคั ซนี แจง้ วา่ เกดิ อาการขอ้ ใดขอ้ หนงึ่ ดงั น้ี ควรรีบไปโรงพยาบาล หรอื โทร 1669 เพอ่ื รบั บริการทางการแพทย์ ฉกุ เฉิน เชน่ ไขส้ ูง หนาวส่นั อาเจยี นรุนแรง แน่นหนา้ อก/หายใจไม่สะดวก ใจสนั่ หน้าบวม คอบวม บวมทว่ั ร่างกาย ผ่ืนลมพิษ ผ่ืน ทั้งตัว ตุ่มน้ำพอง วิงเวียนหรอื ออ่ นแรง ต่อมน้ำเหลืองโต ผิวหนังลอก ปวดข้อหรือปวดเมือ่ ยกล้ามเนื้อรนุ แรง กล้ามเนื้อแขน/ขา อ่อนแรง กล้ามเน้ืออมั พาต หรือ หน้าเบยี้ ว (มมุ ปากตก) -41-

ตวั อย่าง หัวข้อการบนั ทกึ ข้อมูลผ่าน Application หรือ Web base portal 1.ข้อมลู สถานพยาบาลทีฉ่ ีด 1.1 ช่ือสถานพยาบาลทีฉ่ ดี .................................................... 1.2 รหัสสถานพยาบาลท่ีฉีด……………………………… 2.ขอ้ มลู ผรู้ ับวคั ซีน 2.1 HN………………………….. 2.2 ID ประชาชน 13 หลัก ……………………….. 2.3 ชอื่ นามสกลุ ...................................... 2.4 เพศ ...[ ] ชาย [ ] หญิง 2.5 อายุ (ปี)............... 2.6 วัน/เดอื น/ปี เกดิ ..................................... 2.7 เบอร์โทรมอื ถือผรู้ ับวคั ซีน................................. 2.8 มโี รคประจำตวั หรอื ไม่ [ ] ไมม่ ี [ ] มี (ระบุไดม้ ากกว่า 1 ขอ้ ) [ ] 1.โรคทางเดนิ หายใจเร้อื รังรุนแรง เชน่ ปอดอุดกั้นเรอื้ รงั และโรคหอบหืดทีค่ วบคมุ ไดไ้ ม่ดี [ ] 2.โรคหัวใจและหลอดเลือด [ ] 3.โรคไตเรือ้ รงั ทอี่ ย่รู ะยะ 5 ขน้ึ ไป (ไตวายเรอ้ื รัง) [ ] 4.โรคหลอดเลือดสมอง [ ] 5.โรคมะเร็งทกุ ชนิด ที่อยู่ระหวา่ งการรกั ษาด้วย เคมบี ำบดั รงั สีบำบดั และภมู คิ มุ้ กันบำบัด [ ] 6.โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) [ ] 7.โรคอว้ น [ ] 8.โรคอืน่ ๆ โปรดระบุ………………………………………………………………………………….. 3.ข้อมลู วคั ซนี 3.1 ชื่อการคา้ [ ] XXXXX (บริษทั .Astra Zeneca) [ ] YYYYYY (บรษิ ทั Sinovac) [ ]…………... (บริษัท...........) 3.2 Lot No……………………... 3.3 ครงั้ ทฉ่ี ีด [ ] เข็มที่ 1 [ ] เข็มท่ี 2 3.4 วันที่ฉีด…………….……. 4.ข้อมลู อาการไม่พึงประสงค์ 4.1 วันท่ตี ดิ ตามอาการ................................... (ให้ติดตามวันที่ 0, 7, 30 ของแตล่ ะเขม็ ) 4.2 เกดิ อาการไม่พงึ ประสงค์หรือไม่ [ ] ไม่เกดิ [ ] เกดิ 4.3 อาการไม่พงึ ประสงค์ทพ่ี บ [ ] 1.ปวด บวม แดง รอ้ น บรเิ วณทฉ่ี ดี (Injection site reaction) [ ] 2.ไข้ (Fever) [ ] 3.ปวดศรี ษะ (Headache) [ ] 4.เหน่อื ย อ่อนเพลีย ไมม่ แี รง (Fatigue) [ ] 5.ปวดกล้ามเนอื้ (Myalgia) [ ] 6.คลื่นไส้ (Nausea) [ ] 7.อาเจยี น (Vomiting) [ ] 8.ท้องเสีย (Diarrhea) [ ] 9.ผน่ื (rash) [ ] 10.อาการอื่น ๆ เช่น ปวดข้อ ชัก เลือดไหลไม่หยุด เป็นตน้ โปรดระบุ……............................................. 4.4 วันทีเ่ กดิ อาการ………………………. 4.5 อาการไม่พึงประสงค์ทีเ่ กิดข้ึน สง่ ผลกระทบตอ่ การดำเนินชีวิตประจำวันของท่านหรอื ไม่ [ ] ไมส่ ง่ ผล [ ] สง่ ผล 4.6 เมื่อเกดิ อาการไมพ่ งึ ประสงคแ์ ล้ว ทา่ นไปพบแพทย์หรือไม่ [ ] ไม่ -42-

การเฝ้าระวงั กลุ่มอาการท่ีอาจเกี่ยวข้องกับการไดร้ ับวัคซีนโควิด 19 (Adverse Event of Special Interest) : AESI เพ่อื เสริมระบบการเฝ้าระวงั เหตุการณ์ไม่พงึ ประสงค์หลงั การไดร้ บั วัคซีนโควดิ 19 จึงได้ดำเนนิ การเฝ้าระวัง กลุ่มอาการที่อาจเกี่ยวข้อง แบบเฉพาะพื้นที่ (Sentinel surveillance) ในโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค และได้รับวัคซีนโควิด 19 ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขโดย กองระบาดวทิ ยา จะไดแ้ จ้งรายชือ่ โรงพยาบาลท่เี ปน็ พน้ื ท่ีดำเนนิ การตอ่ ไป แนวทางการดำเนินงาน เมื่อพบผู้ป่วยที่มารับบริการในโรงพยาบาล โดยไม่จำกัดเพศ อายุ ที่มีกลุ่มอาการเฝ้าระวัง (ตารางที่ 6) ใหด้ ำเนนิ การ ดงั นี้ ➢ ประสานแพทย์ พยาบาล และผูเ้ ก่ียวข้องในโรงพยาบาล หากพบผปู้ ว่ ยที่ได้รับการวนิ จิ ฉยั ดว้ ยโรคและกลุ่ม อาการเฝ้าระวังในตารางท่ี 1 ให้แจ้งเจ้าหนา้ ที่ผู้รับผิดชอบดำเนินการสอบสวนโรค และตรวจสอบประวตั ิ การได้รับวคั ซีนโควดิ 19 ในชว่ ง 1 ปีท่ีผา่ นมา และกรอกขอ้ มูลในแบบฟอรม์ AESI ➢ กรณีที่มีประวัติการได้รับวัคซีน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานสอบสวนโรค ทำการสอบสวนโรคโดยใช้แบบสอบสวน AEFI1/ AEFI2 ➢ เก็บตวั อย่าง Nasal Pharyngeal Swab (NPS) และตวั อย่างเลือดเพ่ือตรวจหาเช้ือและภมู ิคุ้มกันชนิด IgM IgG ตอ่ เชื้อ SARS-CoV2 ➢ บนั ทกึ ข้อมูลในแบบสอบสวนโรค และส่งข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ (AEFI Program) ผู้รบั ผิดชอบเตรยี มข้อมูลประวัตกิ ารรับวัคซนี โควิด 19 และประวตั ิการรักษาของผ้ปู ว่ ย นำเสนอคณะ ผเู้ ชีย่ วชาญเพ่อื พจิ ารณาเหตกุ ารณไ์ ม่พงึ ประสงค์หลงั การได้รบั วัคซนี โควิด 19 แผนผังท่ี 3 แสดงแนวทางการเฝ้าระวงั กลุม่ อาการทอ่ี าจเก่ียวข้องกับการได้รับวคั ซนี โควิด 19 หมายเหตุ : กรมควบคมุ โรคและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดงึ ข้อมลู สรปุ จำนวนผรู้ ับวัคซนี และ จำนวนผ้เู กดิ AE จากฐานข้อมลู ของ National Immunization Center (สป.) -43-

ตารางที่ 6 ชอื่ โรคหรอื กลุ่มอาการที่สำคัญสำหรบั การเฝา้ ระวงั กล่มุ อาการที่อาจเก่ียวข้องกับวคั ซนี โควิด ช่อื โรคหรอื กลมุ่ อาการ ICD10 Respiratory system - J80 - Adult Respiratory Distress Syndrome (ARDS) - U07.1 - COVID-19 Cardiovascular system - I40 - Acute myocarditis - I30 - Acute Pericarditis Neurological system - G37.3 - Acute transverse myelitis in demyelinating disease of central nervous - G61.0 system - G04.0 - Guillain Barre Syndrome (GBS) - G51.0 - Acute disseminated encephalomyelitis (ADEM) - I64 - Bell’s palsy - G03.0, G03.9 - G05.8 - Cerebrovascular stroke - Aseptic meningitis, meningitis unspecified - D69.3 - Meningoencephalitis (Encephalitis, myelitis and encephalomyelitis in - D69.0 - I77.6 other diseases classified elsewhere) - M30.3 Immune mediated disease - I80.2 - Idiopathic thrombocytopenic purpura (ITP) - I26 - Allergic purpura, Allergic vasculitis - T69.1 - Arteritis, unspecified - Kawasaki - โรค Immune mediated disease อน่ื ๆ ท่แี พทยว์ ินจิ ฉัย อื่นๆ - Deep vein thrombosis (DVT) - Pulmonary embolism - Chilblain-like lesions -44-

ขอ้ คำถามที่พบบ่อย Q&A คำถามทที่ ั่วไปเกย่ี วกับวคั ซีนโควดิ 19 1. บคุ คลกลุ่มใดบ้างทีค่ วรได้รับวคั ซีนโควิด 19 ตอบ ประชาชนทุกคนควรได้รับวัคซีน แต่ในช่วงที่วัคซีนเริ่มมีใช้จะมีจำนวนจำกัด กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จงึ ได้กำหนดให้วัคซีนในบคุ คลกล่มุ เสี่ยงก่อน ไดแ้ ก่ 1. บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ด่านหนา้ ทงั้ ภาครฐั และเอกชน 2. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรังที่อยู่ใน ระยะ 5 ขึ้นไป โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคมะเร็งทุกชนิดที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมี บำบดั รงั สบี ำบดั และภมู ิคมุ้ กนั บำบัด 3. ผทู้ ม่ี อี ายุ 60 ปีขน้ึ ไป 4. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 เช่น อสม./อสต. ทหาร ตำรวจ จะต้องคัดกรองผู้ที่ เข้ามาจากต่างประเทศและในพืน้ ที่ทม่ี ีการระบาด 2. กรณีกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว แต่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือเป็นหญิงตั้งครรภ์ สามารถรับการฉีดวัคซีน โควิด 19 ได้หรือไม่ ตอบ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการศึกษารองรับเกี่ยวกับการให้วัคซีนโควิด 19 ในประชากรที่อายุน้อยกว่า 18 ปี เนื่องจากข้อมูลการวิจัยส่วนใหญ่จะทำในประชากรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ยกเว้นการวิจัยวคั ซีนโควิด 19 ของ บริษัท BioNTech/Pfizer ที่มีการศึกษาในประชากรที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป และได้รับการรับรองโดยองค์การ อาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration) ให้สามารถใช้ในประชากร ท่ีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปได้ ส่วนในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการศึกษารองรับ จึงยังไม่ได้มีการแนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ในประชากรกลุ่มเหล่าน้ี อย่างไรก็ดี การศึกษาต่าง ๆ จะมีมากขึ้น เร็ว ๆ นี้ 3. ผ้สู งู อายุ ฉีดวัคซีนใดได้บา้ ง ตอบ ขณะนี้มีการศึกษาวัคซีน AstraZeneza ในผู้ที่อายุเกิน 65 ปีแล้ว แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก ซ่ึง พบว่ามีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีและปลอดภัยคาดว่าน่าจะมีข้อมูลที่มากขึ้นเร็วๆ นี้ ประเทศ อังกฤษ องค์การอนามัยโลกและไทย จึงรับรองให้ใช้ในผู้สูงอายุได้ แต่ในบางประเทศเช่น เยอรมัน ยุโรป ต้องการ รอผลขอ้ มูลทมี่ ากข้นึ ก่อนจะรับรองให้ใช้ได้ ส่วนวัคซีนของ Sinovac ยังไม่มีการศึกษาระยะที่ 3 ในผู้ที่อายเุ กิน 60 ปีแต่มีการศึกษาในระยะที่ 2 แล้ว พบว่าผู้ที่อายุเกิน 60 ปี มีภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนสูงพอๆ กับผู้ที่อายุต่ำกว่าและมีผลข้างเคียงไม่ต่างกัน คาดว่า วัคซีนชนิดนี้ใช้กับผู้ที่อายุเกิน 60 ปีได้ อาจพิจารณาให้วัคซีนนี้ได้เมื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และเห็นประโยชน์ที่ มากกวา่ 4. ผทู้ ม่ี ภี ูมิคุ้มกนั บกพรอ่ งควรรับวัคซีนชนดิ ใด ตอบ จนถึงปัจจุบันยงั ไม่มีการศึกษาวคั ซีนใดที่ทำในผู้ที่มภี าวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะยังอยู่ในชว่ งแรก ของการวิจัยวัคซีนเหล่านี้ อย่างไรก็ดีการให้วัคซีนในผู้ป่วยกลุ่มนี้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคโควิด 19 รุนแรง และอาจ -45-

ตอบสนองไม่ดีต่อวัคซีน จึงต้องชั่งประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดการติดเชื้อ หากพิจารณาแล้วว่าประ โยชน์ น่าจะมากกว่า ก็สามารถให้วัคซีนได้ วัคซีนชนิดเช้ือไม่มีชีวติ อาจจะมีความเสี่ยงในเร่ืองของผลข้างเคียงจากเชื้อใน วคั ซนี นอ้ ยกวา่ ชนดิ เชอ้ื มีชีวติ แตว่ ัคซนี ของ AstraZeneca กอ็ าจพจิ ารณาให้ไดเ้ พราะเปน็ ไวรสั ทไี่ ม่มีการแบง่ ตัว 5. มขี อ้ ห้ามและข้อควรระวงั อะไรบ้างในการฉีดวัคซนี โควิด 19 ตอบ วคั ซนี ทุกชนดิ มขี ้อห้ามคือ แพ้สารท่ีเป็นสว่ นประกอบของวัคซนี และเนอ่ื งจากวัคซนี เหล่าน้เี ปน็ วัคซีน ใหมจ่ งึ อาจไม่มีความรู้ในเร่ืองปฏิกิริยาการแพ้ท่ีพบไม่บ่อย ในชว่ งแรกจงึ ควรฉีดวัคซนี เหลา่ น้ีในสถานพยาบาลหรือ สถานที่ ที่ให้การช่วยเหลือกรณีมีปฏิกิริยารุนแรง และควรเฝ้าระวังอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาที หาก พบว่าวัคซีนมีความปลอดภัยสูงเมื่อใช้ในวงกว้างอาจสามารถผ่อนคลายให้ฉีดวัคซีนในสถานที่อื่นๆ นอกจาก โรงพยาบาลไดต้ อ่ ไป และควรใชว้ ัคซีนแก่กล่มุ ประชากรตามท่กี ระทรวงสาธารณสุขแนะนำเท่าน้ัน 6. เมอ่ื ฉดี วคั ซีนแล้วจะทำใหเ้ ม่ือเปน็ โรคมีอาการรุนแรงน้อยลงหรอื ไม่ ตอบ วัคซีนอาจไมส่ ามารถปอ้ งกันการตดิ เช้ือไดท้ ้งั หมด แต่ป้องกันโรครุนแรงไดเ้ กอื บท้ังหมด ดังน้นั ผู้ทฉี่ ีด วคั ซนี แลว้ อาจติดเชื้อแบบไมม่ ีอาการหรือมอี าการนอ้ ยมากได้ จงึ ยงั จำเป็นตอ้ งรักษามาตรการในการปอ้ งกันเช้ือใน ชมุ ชน ไดแ้ ก่ การสวมหนา้ กากอนามัย เวน้ ระยะหา่ งทางกายภาพ และลา้ งมือบ่อย ๆ ตอ่ ไป 7. วัคซนี ฉีดแลว้ สามารถป้องกันไวรสั กลายพันธไุ์ ด้หรอื ไม่ ตอบ วัคซีนที่ผลิตในปัจจุบันพัฒนามาจากไวรัสที่ระบาดในช่วงแรก จึงอาจทำให้ประสิทธิภาพ ในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้ลดลง อย่างไรก็ดีผลกระทบของไวรัสกลายพันธุ์ต่อประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละ ชนดิ จำเปน็ ต้องมีการศึกษาตอ่ ไป อาจเปน็ ไปได้ว่าตอ้ งมีการฉดี วัคซนี ตอ่ ไวรสั ที่กลายพนั ธุ์ซ้ำในอนาคต 8. วัคซนี มีประสิทธภิ าพอยยู่ าวนานเทา่ ไหร่ ตอบ การศึกษาจนถึงปัจจุบันพบว่า ภูมิต้านทานที่เกิดจากการฉีดอยู่ได้นานอย่างน้อย 6 เดือนและน่าจะ อยไู่ ด้นานกว่านนั้ ซึ่งต้องรอการศกึ ษาตอ่ ไป 9. หากเคยฉดี วคั ซีนโควดิ 19 แลว้ ยังต้องมกี ารฉีดซำ้ เหมอื นการฉดี วัคซนี ไขห้ วัดใหญอ่ กี หรือไม่ ตอบ ขณะนย้ี งั ไม่มขี ้อมูลการศึกษาเก่ียวกับผลวคั ซีนโควดิ 19 ตอ่ ระดับภมู คิ มุ้ กันโรคในระยะยาว จึงยังไม่ มีคำแนะนำในขณะน้ี 10. สามารถฉีดวัคซีนอื่น เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนพิษสุนัขบ้า วัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก วัคซีนรวม หัด-หัดเยอรมัน พร้อมกับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในคราวเดียวกันได้หรือไม่ หากไม่สามารถให้พร้อมกันได้ ควรเวน้ ระยะห่างนานเท่าไหร่ ตอบ เนื่องจากวัคซีนโควิด 19 เป็นวัคซีนที่ผลิตออกมาไม่นาน และยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการให้วัคซีนน้ี ควบคู่กับวัคซีนอื่น จึงแนะนำให้เลี่ยงการรับวัคซีนโควิด 19 และวัคซีนชนิดอื่นเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนโควิดและวัคซีนที่ต้องการใช้ร่วมเพื่อหลกี เลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาจากการฉีดวัคซีน พร้อมกันและการรบกวนการสร้างภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ดีวัคซีนที่มีความจำเป็น เช่น เมื่อถูกสัตว์กัดให้ฉีดวัคซีน พษิ สนุ ขั บ้าได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องทง้ิ ชว่ งเวลาเนอื่ งจากความเสยี่ งต่อโรครุนแรงกว่า 11. หากฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 1 ไปแล้ว แต่มาทราบภายหลังว่าเพิ่งได้รับวัคซีนอื่นไปก่อนหน้านี้ภายใน ชว่ ง 14 วนั ทผ่ี ่านมา ตอ้ งทำอย่างไร ตอบ สามารถนับการได้วัคซีนโควิด 19 ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกได้ และให้วัคซีนโควิด 19 ครั้งถัดไป ตามระยะเวลาทเี่ หมาะสมตามชนดิ ของวคั ซนี ทฉ่ี ีด -46-

12. ผทู้ เ่ี คยมีประวตั เิ ป็นโรคโควดิ -19 มาก่อน ยงั จำเป็นต้องไดร้ บั วคั ซนี โควิด 19 หรอื ไม่ ตอบ สำหรับผู้ที่เคยมีประวตั ิเป็นโรคโควิด-19 มาก่อน แม้จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโควิด 19 ในร่างกาย แต่ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาของภูมิคุ้มกันในร่างกายที่จะป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 คร้ัง ต่อไปและยังมโี อกาสติดเช้ือซำ้ ได้ ดังนั้นจึงควรได้รับวัคซีนโควิด 19 เสมอแม้ว่าจะเคยเป็นโรคโควิด 19 มาก่อนก็ตาม โดยเว้น ระยะห่างจากการติดเชื้อไปอย่างน้อย 3-6 เดือน ไม่จำเป็นต้องตรวจการติดเชื้อก่อนฉีดวัคซีน เพราะแม้จะเคย เปน็ มากอ่ น ก็ไม่ทำให้มอี ัตรายจากการฉดี วคั ซนี 13. หลงั ฉีดวคั ซีนโควดิ 19 จะมผี ลข้างเคยี งอะไรบ้าง ตอบ จากการศึกษาวิจัยวัคซีนโควิด 19 แต่ละชนิด มักพบเป็นปฏิกิริยาเฉพาะท่ี เช่น อาการปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีดวัคซีน ซึ่งส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยา แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวัคซีนเหล่านี้จะได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา ว่ามีความปลอดภัยและให้ใช้ได้แล้ว ก็ตาม แต่การฉีดวัคซีนเหลา่ นี้ก็ยงั สามารถทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้ในอัตราทีแ่ ตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องสังเกต อาการหลังการฉดี อย่างน้อย 30 นาทีในสถานพยาบาลเสมอ และเน่ืองจากวคั ซีนโควิด 19 เปน็ วคั ซนี ใหม่และยังไม่ มีข้อมูลการติดตามผลในระยะยาว หากผู้รับวัคซนี เกิดอาการไม่พึงประสงค์หรือไม่ม่ันใจว่าอาการดังกล่าวเกิดจาก วัคซีนหรือไม่ ควรแนะนำให้ผู้รับวัคซีนปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการไม่พึงประสงค์ที่ รุนแรงและเกิดข้นึ ในชว่ ง 4 สัปดาห์หลงั ฉดี วคั ซนี (Adverse event following immunization) 14. วัคซีนโควิด 19 ต่างชนิด/ยี่ห้อ สามารถฉดี สลบั กนั (Interchangeable) ไดห้ รือไม่ ตอบ ขณะนี้ยังไม่มีการศึกษารองรับกรณีการฉีดสลับยี่ห้อ จึงยังคงแนะนำให้ฉีดยี่ห้อเดียวกันไปก่อน จนกวา่ จะมีการศึกษาวิจัยออกมาเพ่ิมเติม 15. คำแนะนำในการปฏิบัติตนของผูร้ ับวัคซนี โควดิ 19 ตอบ ผู้ให้บริการฉีดวัคซีนควรเน้นย้ำผู้มารับวัคซีนโควิด 19 ว่า วัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ทั้งหมด แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังสามารถติดเชื้อทั้งที่มีหรือไม่มีอาการได้ แต่วัคซีนจะป้องกันการติดเชื้อแบบรุนแรงได้ ดี ดังนน้ั นอกเหนอื ไปจากการที่ใหผ้ ู้รบั วคั ซีนรับทราบข้อมูลของวคั ซนี ผลข้างเคียง และอาการท่ีตอ้ งมาพบแพทย์แล้ว ผู้รับวัคซนี ยังคงต้องปฏิบัติตนตามมาตรการปอ้ งกันตา่ งๆ ที่ใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย การล้าง มอื การรกั ษาระยะห่างทางสังคม และการกักตวั ตามความเหมาะสม หากมีประวตั ิสมั ผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคโควิด-19 และควรมาพบแพทย์เพิม่ เตมิ เพ่ือตรวจวินจิ ฉยั หรือทำการรักษาอย่างเหมาะสมตอ่ ไป กล่าวโดยสรุป วัคซีนโควิด 19 ถือเป็นอีกหนึ่งความหวังที่จะลดการติดเชื้อ การแพร่ระบาด และ ลดความรุนแรงจากการติดเช้ือ แต่ผลการวิจัยดังกล่าวยังคงเป็นเพียงการศึกษาและเก็บข้อมูลในระยะสั้นซึ่งต้องมี การติดตามผลการวิจยั ท้ังแง่ของภูมิคุ้มกันและผลข้างเคียงท่ีอาจจะเกิดข้นึ ตามมาในระยะยาว และจะมีวัคซีนชนิด ใหม่ๆ ออกมาให้ใช้อกี จำนวนมาก -47-

ภาคผนวก ภาคผนวก 1 ตวั อยา่ งใบนัดหมายรบั วัคซนี บตั รนัดรับวัคซีนโควิด 19 ข้อมูล ชอ่ื -นามสกลุ .............................................................................................................. ผรู้ ับบรกิ าร เพศ........................ อายุ...................ปี วนั /เดอื น/ปเี กดิ ......................................... หมายเลขบตั รประชาชน/พาสปอรต์ …………………..................................................... หมายเลข HN……………………………… นดั รบั วคั ซนี เข็มที่ วนั นัดรบั วคั ซีน เวลา สถานพยาบาล (วัน/เดือน/ป)ี เข็มท่ี 1 น. เขม็ ที่ 2 น. ขอ้ มูลประวัติ เข็มที่ วันท่ีไดร้ บั วัคซีน ช่อื การค้า รุ่นการผลติ สถานพยาบาล ลายมอื เจ้าหน้าที่ การได้รบั (วัน/เดอื น/ปี) วคั ซีน (Lot No.) วคั ซนี เขม็ ท่ี 1 เขม็ ที่ 2 หากมอี าการดังตอ่ ไปนี้ หลังได้รับวัคซีน รีบไปพบแพทย์ ณ สถานพยาบาลใกลบ้ า้ น หรอื โทร 1669 เพ่อื รับบรกิ ารทางการแพทย์ฉุกเฉิน • ไข้สูง หนาวสั่น ปวดศรี ษะรุนแรง • เหนอ่ื ยแน่นหนา้ อก หายใจไม่สะดวก หรอื หายใจไม่ออก • อาเจียน มากกว่า 5 ครัง้ • ผื่นขึน้ ท้ังตัว ผิวหนังลอก • มจี ดุ (จ้ำ) เลอื ดออกจำนวนมาก • ใบหนา้ เบี้ยว หรอื ปากเบี้ยว • แขนขาอ่อนแรง กล้ามเน้ืออ่อนแรง ไม่สามารถทรงตัวได้ • ตอ่ มนำ้ เหลืองโต • ชกั หรอื หมดสติ -48-

ภาคผนวก 2 ตัวอย่างเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด 19 ของประเทศไทย (THAILAND NATIONAL CERTIFICATE OF COVID-19 VACCINATION) เอกสารรับรองการได้รบั วคั ซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของประเทศไทย (THAILAND NATIONAL CERTIFICATE OF COVID-19 VACCINATION) ชอื่ -นามสกุล .......................................................................................................................................... Name - Last name.............................................................................................................................. เพศ............... วัน/เดอื น/ปีเกิด ......................... หมายเลขบตั รประชาชน……..……............................. เลขท่หี นังสือเดนิ ทาง……..……...............…........ Sex Date of Birth ID Card Number Passport Number ทอ่ี ยู่……………………………………………………....………………..………………………………………………………………………………….………………………………………… Address …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………………… โปรดเก็บเอกสารรับรองการไดร้ ับวคั ซีนป้องกนั โรคโควดิ 19 ของประเทศไทย เพ่ือใชแ้ สดงวา่ ทา่ นไดร้ บั การฉีดวัคซนี ปอ้ งกันโรค โควิด 19 แลว้ โดยเอกสารรับรองนี้จะตอ้ งมีลายมือชอ่ื ของแพทยเ์ วชปฏิบตั ิหรอื เจา้ หนา้ ที่สาธารณสขุ ทไ่ี ด้รับมอบหมายในการให้บริการวัคซีน และระบุสถานท่ีใหบ้ รกิ าร วคั ซนี ตามกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ Please keep this card, which includes medical information about the vaccines you have received. Whose signature follows... Has on the date indicated been vaccinated or received prophylaxis against: (name of disease or condition) COVID-19 vaccine In accordance with the International Health Regulations. เข็มท่ี วนั ทไ่ี ดร้ บั วคั ซีน ชื่อการคา้ วัคซนี รุ่นการผลิต เจ้าหน้าทผี่ ู้ให้บริการ หมายเหตุ ข้อมลู ประวตั ิ Dose (วัน/เดอื น/ป)ี Manufacture Lot Number Healthcare Professional Note การไดร้ ับ Date of vaccination and Clinic Site วัคซนี เข็มท่ี 1 Vaccination 1st dose history เขม็ ที่ 2 2nd dose ขนาด 17 x 12.5 cm. (กวา้ ง x ยาว, เลม่ Passport 8.5 x 12.5 cm ) -49-

ภาคผนวกท่ี 3 ขนาดของวคั ซนี โควดิ 19 ของบริษัท Sinovac Life Sciences จำกดั และบรษิ ทั AstraZeneca จำกัด บรษิ ทั AstraZeneca จำกดั -50-


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook