Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งาน

งาน

Published by Supunsa surakul, 2021-07-17 07:23:51

Description: งาน

Search

Read the Text Version

น้ำพริกสับปะรด นายอดลุ ย์ เระสะอะ รหสั ประจำตวั 62203439 นางสาวมารียัม สะอิ รหัสประจำตวั 62203458 นางสาวซูรายา มลู อ รหัสประจำตวั 62203464 นางสาวสารีตา เจะแห รหสั ประจำตวั 62203522 รายงานโครงงานนเ้ี ป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษาตามหลกั สตู ร ประกาศนียบตั รวิชาชพี ชัน้ สงู ประเภทวชิ าบริหารธุรกจิ สาขาวิชาการจัดการธรุ กิจคา้ ปลกี วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาผดุงประชายะลา อำเภอเมอื ง จังหวดั ยะลา ปีการศกึ ษา 2563

น้ำพริกสับปะรด นายอดุลย์ เระสะอะ ชัน้ ปวส.2/2/6 รหสั ประจำตวั 62203439 นางสาวมารยี มั สะอิ ชัน้ ปวส.2/2/6 รหัสประจำตวั 62203458 นางสาวซรู ายา มูลอ ช้ันปวส.2/2/6 รหสั ประจำตวั 62203464 นางสาวสารตี า เจะแห ชั้นปวส.2/2/6 รหสั ประจำตัว 62203522 รายงานเล่มน้ี เปน็ สว่ นหน่งึ ของการศกึ ษาวชิ าโครงงานวิชาชพี ประจำภาคเรยี นที่ 1-2 ปีการศึกษา 2563 วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาผดุงประชายะลา จังหวดั ยะลา คณะกรรมการสอบรายงาน .................................................... ประธารกรรมการ (อาจารย์สดุ ารัตน์ ชุมภูแสง) ................................................... กรรมการ (อาจารย์ชุตมิ า เหมทานนท์) .................................................... กรรมการและเลขานุการ (อาจารย์ฐาปนีย์ สุขนติ ย์)

ก หัวข้อโครงงาน นำ้ พรรกิ สบั ปะรด หน่วยกิตของโครงงาน โดย 4 หน่วยกิต อาจารยท์ ่ีปรึกษาโครงงาน นายอดุลย์ เระสะอะ หลกั สตู ร สาขาวชิ า นางสาวมารียัม สะอิ ปกี ารศึกษา นางสาวซรู ายา มูลอ นางสาวสารตี า เจะแห อาจารย์ชตุ ิมา เหมทานนท์ ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชัน้ สงู การจดั การธุรกิจค้าปลีก 2563 บทคดั ย่อ โครงงาน น้ำพริกสับปะรด เป็นโครงงานที่นำสับปะรดมาแปรรรูปเป็นน้ำพริกสำหรับ รับประทานคู่กับอาหารมีวัตถุประสงค์ เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมอาหาร ฟื้ นฟูภูมิปัญญาท้องถ่ิน และเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ การจัดทำโครงงานชิ้นนี้ผู้จัดทำได้ศึกษาขั้นตอนการทำน้ำพริก ที่ถูกวิธี จึงทำให้ผลิตภัณฑ์น่ารับประทานและมีความอร่อยแปลกใหม่และยังเห็นประโยชน์ของสับปะรด ที่สามารถนำมาใช้ได้โดยแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่และเพิ่มมูลค่าให้แก่สับปะรด โดยคณะผู้จัดทำ มีแนวคิดว่าการนำสับปะรดมาแปรรูปเป็นนำ้ พริก เพื่อใช้ประโยชนใ์ นรูปแบบใหม่ถือเป็นการลดรายจ่าย และเพมิ่ รายได้ให้กับตวั เอง จากการศึกษาและทดลองการดำเนินงานในการทำโครงงานเรื่อง น้ำพริกสับปะรด คณะ ผู้จัดทำโครงงาน ได้จดั ทำแบบประเมินสรุปความพงึ พอใจดังน้ี โครงงานน้ำพริกสับปะรดเป็นการอนุรักษ์ วัฒนธรรมทางอาหาร โครงงานน้ำพริกสับปะรดเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ โครงงานน้ำพริก สับปะรดเป็นการฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากน้ีโครงงานน้ำพริกสับปะรดบุคคลส่วนใหญ่ มีความชื่นชอบเนื่องจากสามารถสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและแก้ปัญหาการว่างงานและเป็นการฝึกสมาธิ และความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเหมาะสมสำหรับบุคคลทุกเพศทุกวัย มีความสะดวก มีความน่ารับประทาน มรี สชาติทแี่ ปลกใหม่ทแ่ี ตกตา่ งจากทอ้ งตลาดและสามารถนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน

ข กิตติกรรมประกาศ โครงงานนี้สำเสร็จลุล่วงไปด้วยดีคณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณ อาจารย์สุดารัตน์ ชุมถูแสง เป็นอาจารย์ผสู้ อนโครงงาน อาจารยช์ ตุ ิมา เหมทานนทซ์ ึง่ เป็นอาจารย์ทป่ี รกึ ษาโครงงานชว่ ยเหลือ แนะนำ และแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆท่ีเกิดขึ้นตลอดจนช่วยแนะนำการหาวัตถุดบิ และข้ันตอนการทท่ีเป็นประโยชน์ ต่อการทำโครงงานและขอขอบพระคุณอาจารย์ฐาปนีย์ สุขนิตย์ที่ได้กรุณามาเป็นคณะกรรมการ ตรวจสอบโครงงาน คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณนายอุมา สะอิ ที่คอยให้คำปรึกษา และชี้แนะ การทำผลิตภัณฑ์นี้ที่ได้นำมาเป็นโครงงานและอาจารย์ที่ปรึกษาทุกท่านมีส่วนช่วย ในการทำโครงงาน น้ำพริกสับปะรด คณะผู้จัดทำโครงงานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างย่ิง จึงขอขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสงู ไว้ ณ โอกาสนดี้ ้วย คณะผจู้ ดั ทำ

สารบัญ หนา้ เรอ่ื ง ก ข บทคัดยอ่ ค กติ ติกรรมประกาศ ง สารบญั สารบัญ(ตอ่ ) 1 บทที่ 1 บทนำ 2 - ทมี่ าและความสำคญั ของโครงงาน 2 - วัตถปุ ระสงคข์ องโครงงาน 2 - ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 4 - นยิ ามศัพท์ 4 - ระยะเวลาดำเนนิ งาน 4 - ขัน้ ตอนเตรยี มการ 4 - ขน้ั ตอนปฏิบัติงาน 5 - ขั้นสรุปผลการปฏบิ ัติงาน 5 - สถานทที่ ำการศกึ ษาโครงงาน - แผนการปฏิบัตงิ าน 8 บทท่ี 2 เอกสารแนะเน้ือหาเกี่ยวขอ้ ง 9 - ประวตั ขิ องนำ้ พริก 10 - ประเภทของนำ้ พริก 10 - สว่ นประกอบหลกั ของนำ้ พรกิ 12 - ประเพณีการรบั ประทานอาหารของคนไทย 14 - ภูมปิ ญั ญาไทยดา้ นอาหาร 14 - การพฒั นาน้ำพริกให้เปน็ อาหารสขุ ภาพ 22 - ประเภทและชนิดของผลไม้ 26 - ชนดิ และพนั ธุ์ของสับปะรด 27 - สรรพคณุ และประโยชน์ของสบั ปะรด - การบรโิ ภคอาหารเพ่ือสุขภาพ

สารบัญ (ต่อ) เร่อื ง หนา้ บทที่ 3 วธิ ีการศึกษาและการดําเนินงาน 29 - การเสนอโครงงานรา่ งและขอแตง่ ตั้งอาจารย์ทปี่ รึกษาโครงงาน 29 - ศกึ ษาวธิ กี ารจัดทำโครงงานและเลือกหวั ข้อโครงงาน 30 - การสำรวจขอ้ มูลการดำเนินธรุ กิจ ผลติ และจดั จำหนา่ ย 30 - แผนการปฏิบตั งิ านการศึกษาโครงงาน 34 - แบบสอบถาม 35 - การประเมินผลงานโดยออกแบบสอบถามความพึงพอใจของผูจ้ ดั ทำโครงงาน 36 บทที่ 4 ผลการศึกษาและดำเนนิ งาน 37 - ผลการออกแบบผลิตภัณฑน์ ้ำพรกิ สับปะรด และนำเสนอกล่มุ ผผู้ ลติ 37 - ผลการสำรวจขอ้ มูลการดำเนินธรุ กิจ ผลติ และการจดั จ้าหนา่ ย 38 - ผลการปฏิบตั ิงานการศกึ ษาโครงงานน้ำพริกสบั ปะรด 47 - ผลการออกแบบแผนธรุ กิจ - ผลการประเมนิ ผลติ ภณั ฑโ์ ดยออกแบบสอบถามความพึงพอใจของผ้จู ัดทำ 53 53 โครงงานและบุคคลท่สี นใจ 53 บทที่ 5 สรุปอภปิ รายและขอ้ เสนอแนะ 54 - สรปุ ผลการศึกษา - อภิปรายผล - ข้อเสนอแนะ - ประโยชน์ทไ่ี ด้รบั จากการจดั ทำโครงงาน บรรณานกุ รม ภาคผนวก แบบเสนอเพอ่ื พิจารณา แบบฟอร์มเรียนเชญิ อาจารย์ท่ปี รึกษาประจำโครงงานการจัดการธุรกิจค้าปลีก แบบขออนมุ ตั ิโครงการ - แบประเมนิ ขอรบั คำแนะนำจารอาจารยท์ ปี่ รึกษา - แบบประเมินผลงานและรายงาน - แบบประเมนิ ตนเองหลังเสร็จสน้ิ โครงงาน - แบบประเมนิ ของอาจารย์ทป่ี รึกษาโครงงานหลังเสรจ็ ส้ินโครงงาน ตารางแสดงผลแบบสอบถามความพงึ พอใจของโครงงานน้ำพรกิ ครกแตก ประวตั ิผ้จู ดั ทำโครงงานน้ำพริกสับปะรด

1 บทที่ 1 บทนำ ความเปน็ มาและความสำคัญของโครงงาน น้ำพริก มีมาต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยคำว่า \"น้ำพริก\" มีความหมาย มาจากการปรุงด้วยการนำสมุนไพร พริก กระเทียม หัวหอม เคร่ืองเทศกล่ินแรง มาโขก บด รวมกัน เพ่ือใช้สำหรับจ้ิม โดยมี ดอกแค มะเขือยาว แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือม่วง ถั่วพู สัตว์น้ำต่าง ๆ เช่น ปลา กุ้ง เป็นต้น น้ำพริก เป็นวิธีปรุงอาหารหรือเคร่ืองปรุงอาหาร โดยการนำเคร่ืองปรุง ชนิดต่าง ๆ ลงโขลกรวมกันใน ครก โดยมากเป็ น วิธีป รุงอาหารป ระเภ ท น้ำพ ริกต่างๆ การเรียกช่ือน้ำพริกแต่ละชนิด มักจะเรียกตามส่วนประกอบหลักที่นำมาทำ ซ่ึงอาจเป็นเน้ือสัตว์ พืชผัก แมลงหรือผลิตผลจากพืชหรือสัตว์ก็ได้ เช่น น้ำพริกขิง น้ำพริกปลา น้ำพริกร้า น้ำพริก-น้ำปู น้ำพริกน้ำผัก เป็นต้น ประเภทของพริก ที่นำมาตำน้ำพริก ก็มีท้ังพริกดิบ หรือ พริกหนุ่ม และพริกแห้ง เป็นส่วนประกอบของน้ำพริก น้ำพริกสับปะรดมีส่วนประกอบหลัก ๆ คือ สับปะรด เกลือ กระเทียม หัวหอม พริก (แห้งหรือพริกดิบ) มะขามเปียก กะปิ สับปะรดช่วยให้รู้สึกเบา สบายท้องและไม่อึดอัด เพราะสับปะรด มีความสามารถ ในการช่วยย่อย รวมถึงสับปะรด อุดมไปด้วยวิตามินซีสูงจึงช่วยเสริมสุขภาพ และภูมิต้านทานโรคได้ดีข้ึนกินสับปะรดบ่อยๆ ทำให้สุขภาพดีไม่ค่อยเป็นหวัด และในสับปะรดยังมีโพแทสเซียมสูงท่ีช่วยป้องกันการเป็นตะคริวและ ลดความดันได้ นอกจากนี้สับปะรดยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เจริญอาหาร มากยิง่ ขึน้ การบริโภคของคนในปัจจุบันไม่คำนึงถึงหลกั โภชนาการหรือการบรโิ ภคอาหารท่ีมปี ระโยชน์ เน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก ทานผักผลไมน้ ้อยลงเน้นทานอาหารจำพวกแป้งมากขึ้น ทำให้ปัญหา ที่ ตาม มาก็คือปั ญ ห าเรื่องน้ ำห นั กตัวเกิน ม าตรฐาน ห รือค วาม อ้วน น้ ำพ ริกสับ ป ะรด ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับสาว ๆ ที่กำลังลดน้ำหนักน้ำพริกสับปะรดไม่ใช่แค่ความอร่อย หรือเพียงเพื่อให้คนได้กินผักเท่าน้ัน แต่น้ำพริกสับปะรด ยังเป็นอาหารที่บำรุงสุขภาพได้ดีที่เดียว น้ำพริกสับปะรดเป็นอาหารสุขภาพในรูปแบบต่างๆถือเป็ นการพั ฒ น าที่สอดคล้องกับ กระแสการ บริโภคของประชาชนทปี่ รับเปล่ียนตามเวลาท่ผี ู้คนยุคปัจจุบัน ให้ความใส่ใจต่อการบริโภคเพ่ือสขุ ภาพ เพ่ิมมากข้ึน ดังนั้นผู้จัดทำจึงได้เล็งเห็นความสำคัญของน้ำพริกและต้องเป็นน้ำพริกเพื่อสุขภาพ จึงได้มีการศึกษาวิธีการทำน้ำพริกสับปะรดเมนูน้ำพริกสับปะรด เป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ หากใครกกำลังมองหาว่า จะลดความอ้วนแล้ว น้ำพริกสับปะรดเป็นทางออกของคนรักสุขภาพ คนสมัยกอ่ น รับประทานน้ำพริกเปน็ อาหารหลัก ทำให้สุขภาพดี อายุยืนยาวกว่าคนในสมัยปัจจุบัน และเพ่ือที่จะอนุรักษใ์ ห้เปน็ อาหารพืน้ บา้ นใหเ้ คียงคู่อย่กู ับสงั คมไปตลอดไป

2 วัตถุประสงคข์ องโครงงาน 1. เพอ่ื ศึกษาหาความรู้เก่ียวกับสปั ปะรดและวธิ กี ารแปรรูปสบั ปะรด 2. เพอื่ นำสับปะรดและการแปรรูปสับปะรดนำไปสรา้ งมลู คา่ เพิ่ม 3. เพื่อศึกษาวธิ ีการถนอมอาหารของสับปะรด ประโยชน์ที่ตาดว่าจะไดร้ บั 1. สามารถร้เู กย่ี วกับสปั ปะรดและวิธกี ารแปรรปู สับปะรดอยา่ งครบถว้ น 2. สมารถนำสัปปะรดและวธิ กี ารแปรรูปสบั ปะรดนำไปสรา้ งมูลคา่ ได้ 3. สามารถรูเ้ กีย่ วกับวธิ ีการถนอมอาหารของสับปะรดไวไ้ ด้นานขึน้ นิยามศัพทเ์ ฉพาะ สับปะรด ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Ananas comosus Merr. ในวงศ์ Bromeliaceae ไม่มีลำต้นปรากฏบนพื้นดิน ใบเป็นกาบยาวให้ใยใช้ทำสิ่งทอ ขอบใบมีหนาม ผลมีตาโดยรอบ กินได้รสเปรี้ยวๆ หวานๆ เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากบริเวณทวีปอเมริกาใต้ลำต้น มีขนาดสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกสามารถปลูกได้ง่ายโดยการฝังกลบหน่อหรือ สว่ นยอดของผลทเ่ี รียกว่า จกุ เปลอื กของผลสบั ปะรด ภายนอกมีลักษณะคลา้ ยตาล้อมรอบผล น้ำพริก เป็นอาหารไทยประเภทเครื่องจิ้มชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ใช้รับประทาน คู่กับผัก ที่มีส่วนประกอบสำคัญคือ พริก ท่ีต้องตำละเอียด มีอยู่หลายอย่างเรียกตามส่วนประกอบ ที่ใส่ลงไป น้ำพริกยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งขายออกนอกประเทศด้วยน้ำพริกเป็นเครื่องจิ้มหรือคลุกข้าวกิน ใช้น้ำปลาหรือน้ำปลาร้าแทนกะปิก็มี ใช้ของเปร้ียวอ่ืน ๆ เช่น มะขาม มะดัน มะม่วง แทนมะนาว ก็มี เรียกชื่อต่างกันไปตามเครื่องปรุง เช่น น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกปลาย่าง น้ำพริกมะขาม น้ำพริกมะดัน น้ำพริกมะม่วง เคร่ืองปรุงแกงเผ็ด แกงค่ัว หรือ แกงส้ม อาหารคาวอย่างหนึ่ง ลักษณะอย่างแกง มี ๓ รส แต่ค่อนข้างหวานทำด้วยถั่วเขียวโขลกกับเครื่องปรุง กินกับผัก บางอยา่ งเปน็ เหมอื ด ใชค้ ลกุ กนิ กับขนมจีน คู่กบั น้ำยา กระเทียม มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Allium sativum Linn. เป็นพืชล้มลุกท่ีมีหัว อยู่ใต้ดิน อยู่ใน วงศ์ Alliaceae ซ่ึงเป็นวงศ์เดียวกับ หอมหัวใหญ่ หอมแดง ส่วนท่ีใช้รับประทาน คือ ลำต้น ดอก และหัว หัวของกระเทียมเป็นทั้งเคร่ืองเทศ (spice) และสมุนไพร (herb) ท่ีมีสารประกอบ ท่ีมีกำมะถันเป็นองค์ประกอบในปริมาณมาก ทำให้กระเทียมมีกลิ่นรสเฉพาะตัว ใชป้ รงุ อาหาร (cooking) หลายชนิด ท้ัง ตม้ ผดั น้ำพริกแกง ทอด และยงั ใชเ้ ปน็ วัตถดุ ิบนำมาแปรรูป (food processing) เพ่ือการถนอมอาหารและเพ่ิมมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์หลายชนิดกระเทียมมีกรดแอมิ โนอาร์จินีน (arginine) oligosaccharides, flavonoid, and selenium ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

3 กระเทียมมีชื่อสามัญท้องถิ่นอื่นอีกคือ กระเทียมขาว (อุดรธานี) กระเทียมจีน (กทม.,กลาง) ปะเซ้วา (กะเหรี่ยง,แมฮ่ ่องสอน) หอมขาว (อดุ รธานี) หอมเทยี ม (เหนอื ) หวั เทยี ม (ใต)้ ห อมแ ดง (Shallot) ชื่อไม้ล้มลุกมีหั วช นิ ด Eleutherine americana Merr. ในวงศ์ Iridaceae ใบรูปหอกจีบซ้อนกนั คล้ายพดั ปลายใบแหลม โคนใบแคบ หัวใตด้ ินรูปไขส่ ีแดงเข้ม มีรสขมเผ็ดซ่าใช้ทำยาได้ เป็นพืชผักท่ีปลูกเพ่ือบริโภคส่วนของหัว เป็นพืชเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น ที่นิยมปลูก และรับประทานกันมากของคนไทยนิยมใช้ในการประกอบอาหารและเป็นสมุนไพร เน่ืองด้วยมีสาร Allicin และ n-propyl disulphide ที่ทำให้มีกล่ินฉุนหอมแดงจะสร้างกลุ่ม หัวแยกออกจากกันอย่างชัดเจน โดยเช่ือมติดกันบริเวณฐานของหัว เมื่อปลูกจาก 1 หัว จะสามารถ เตบิ โตแยกเปน็ หวั ใหมไ่ ด้ประมาณ2-10หวั ตอ่ กอขนึ้ อยู่กับการปลกู การดแู ลรักษา และสภาพแวดลอ้ ม กะปิ ของเค็มทำด้วยเคยกบั เกลือโขลกและหมกั ไว้ ใชป้ รุงอาหาร, เยื่อเคย เป็นเครอ่ื งปรุงรสอย่างหนึ่ง ท่ีแพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทางตอนใต้ของประเทศจีนในประเทศไทย มีกะปิ มากมายห ลายชนิดให้ เลือกรับ ประทาน กะปิ แต่ละชนิ ดจะมีความแตกต่างกัน ทั้งคุณภาพ วัตถุดิบ กรรมวิธีผลิต ตามแต่ท้องถิ่นนั้น ๆ โดยส่วนใหญ่ทำจากกุ้งเคย ซึ่งมีมาก ในแถบชายฝ่ังทะเลอันดามัน จึงทำให้มีการผลิตกะปิในหลาย ๆ แห่ง ในพ้ืนท่ีชายฝ่ังติดกับทะเล โดยแต่ละท้องท่ีในกะปิจะมีปริมาณของกรดอะมิโนและสารระเหยแตกต่างกันทำให้รสชาติและ กลิ่นแตกตา่ งกนั มะขามเปียก หมายถึง ทำจากมะขามฝักแก่เป็นเคร่ืองปรุงรสเปรี้ยวท่ีสำคัญ ในอาหารไทย ทั้งแกงส้ม ต้มส้ม ไข่ลูกเขย น้ำปลาหวาน ยอดและใบมะขามอ่อนนำไปยำหรือ ใส่ในต้มเพื่อเพ่ิมรสเปรี้ยว และยังใช้ทำขนมได้อีกหลายชนิด เช่น มะขามแช่อิ่ม มะขามแก้ว มะขามคลกุ มะขามกวน เปน็ ตน้ เนอ้ื มะขามเปร้ยี วที่แก่เกราะ นาํ มาปัน้ เปน็ กอ้ นเก็บไว้ใช้ปรงุ อาหาร พ ริก เป็ น พื ช ใน ว งศ์ Solanaceae ส กุ ล Capsicum ชื่ อ ภ าษ าอั งก ฤ ษ ว่ า Chilli peppers, chili, chile ห รื อ chilli ม าจ า ก ค ำ ภ าษ า ส เป น ว่ า chile โด ย ส่ ว น ม า ก ช่ือเหล่าน้ีมักหมายถึง พริกท่ีมีขนาดเล็ก ส่วนพริกขนาดใหญ่ที่มีรสอ่อนกว่าจะเรียกว่า Bell Pepper ในสหรัฐอเมริกา Pepper ในประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์, capsicum ในประเทศอินเดีย กั บ อ อ ส เต รเลี ย แล ะ Paprika ใน ป ระเท ศ ท วีป ยุ โรป ห ล าย ป ระเท ศ พ ริก ช นิ ด ต่ าง ๆ มีต้นกำเนิด มาจากทวีป อเมริกา ซึ่งในปัจจุบันน้ีได้มีป ลูกกันในหลายป ระเทศท่ั วโลก เพราะพริกเปน็ เครอ่ื งเทศทสี่ ำคญั และยังมีคุณสมบัตเิ ป็นยาสมนุ ไพรพรกิ มีหลายชนิด เชน่ พรกิ ข้หี นู พริกชี้ฟ้า พริกเหลือง พริกหนุ่ม พริกกะเหรี่ยง พริกอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น วิตามนิ เอ วติ ามินบี 6 วิตามินซี แมกนเี ซียม โพแทสเซียม ธาตเุ หลก็ และใยอาหาร เป็น ต้น รู้ม้ัยว่าพริก 100 กรัม จะมีวิตามินซีสูงถึง 144 มิลลิกรัมเลยทีเดียว จึงเรียกได้ว่า พริกเป็นแหล่ง วิตามนิ ช้นั ดี

4 วธิ กี ารดาํ เนินงาน ขั้นตอนการเตรยี ม 1. คณ ะผู้จัดท ำโครงงาน ได้ออกความคิดเห็ น เรื่องที่จะจัดท ำโครงงาน และได้ตกลงกันว่าจะทำน้ำพริกสับปะรด และได้นำเสนออาจารย์ประจำวิชาและอาจารย์ที่ปรึกษา โครงงาน 2. ออกแบบเสนอพิจารณาหาข้อมูลของการทำทำชิ้นงานและเขียนแบบอนุมัติ โครงงานต่ออาจารย์ประจำวชิ าเพือ่ ให้อาจารยป์ ระจำวิชาพิจารณาอนุมัติตามขนั้ ตอน 3. เมื่ออาจารย์พิ จารณ าอนุมัติแล้วทางคณ ะผู้จัดทำได้รวบรวมเงินทุน เพอื่ จะซอ้ื วัสดอุ ุปกรณใ์ นการทำโครงงานเรื่องมะละกอฉาบและจัดหาสถานที่ในการทำโครงงาน ขน้ั ปฏบิ ัติงาน 1. คณะผู้จัดทําโครงงานได้ลงมือทำชิ้นงานที่ 1 พร้อมถ่ายรูปวัสดุอุปกรณ์ และขั้นตอนการเดิน โครงงานไว้อย่างละเอียด และนําเสนอข้ึนงานท่ี 1 ต่ออาจารย์ประจำวิขา พรอ้ มนําข้อผดิ พลาดมาปรบั ปรงุ แก้ไข 2. คณ ะผู้จัดทําโครงงานได้ลงมือในงานท่ี 2 พร้อมถ่ายรูปวัสดุอุปกรณ์ และขั้นตอนการทำโครงงานไว้อย่างละเอียด และนําเสนอชิ้นงานที่ 3 ต่ออาจารย์ประจำวิชา พรอ้ มนาํ ขอ้ ผดิ พลาดมาปรบั ปรุงแกไ้ ข 3. คณะผู้จัดทำโครงงานได้ลงมือทำชิ้นงานท่ี 3 พร้อมถ่ายรูปวัสดุอุปกรณ์ และขั้นตอนการทำโครงงานไว้อย่างละเอียด และนำเสนอชิ้นงานท่ี 3 ต่ออาจารย์ประจำวิชา พร้อมนำข้อผิดพลาดมาปรบั ปรุงแกไ้ ข 4. ทำแบบประเมินความพึงพอใจในโครงงานน้ำพริก สับปะรด นำเสนอต่อ อาจารยป์ ระจำวชิ าเพ่ือใหอ้ าจารย์ประจำวิชาอนมุ ตั แิ ละนำไปให้เพื่อนนักศกึ ษาทำแบบประเมนิ ข้ันสรปุ ผลการปฏิบัตงิ าน 1. คณะผู้จดั โครงงานรวบรวมขอ้ มูลเพือ่ จดั ทำรายงานในแต่ละบท 2. จัดทำรายงานบ ทท่ี 1 นําเสนอต่ออาจารย์ประจ ำวิชาและอาจารย์ ที่ปรึกษาโครงงาน นําข้อผิดผลาดไปปรับปรุงแก้ไขรายงานและนำเสนออาจารย์ประจำช้ัน และอาจารย์ทป่ี รกึ ษาอีกครั้งเพ่ือขอรับอนุมตั ิ 3. ทำรายงานบทท่ี 2 นําเสนอตอ่ อาจารย์ประจำวชิ าและอาจารยท์ ่ีปรึกษาโครงงาน นําข้อผดิ พลาดไปปรับปรุงแก้ไขรายงานและนําเสนออาจารยป์ ระจำชั้นและอาจารย์ท่ีปรกึ ษาอีกคร้ัง เพื่อรบั ขอรบั อนุมตั ิ

5 4. จัดทำรายงานบทที่ 3 นําเสนอต่ออาจารย์ประจำวิชาและอาจารย์ ท่ีปรึกษาโครงงานนำ ข้อผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไขรายงานและนําเสนออาจารย์ประจ ำชั้น และอาจารย์ทีป่ รึกษาอีกครง้ั เพื่อขอรบั อนมุ ัติ 5. จัดทำรายงานบ ทท่ี 4 นำเสนอต่ออาจารย์ประจ ำวิชาและอาจารย์ ท่ีปรึกษาโครงงานนำ ข้อผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไขรายงานและนําเสนออาจารย์ประจ ำช้ัน และอาจารยท์ ่ีปรึกษาอกี ครง้ั เพื่อขอรับ อนมุ ตั ิ 6. จัดทำรายงานบทท่ี 5 นําเสนอต่ออาจารย์ประจำช้ันและอาจารย์ที่ปรึกษา โครงงานนำขอ ผิดพลาดไปปรับปรุงแก้ไขรายงานและนําเสนออาจารย์ประจำชั้นและอาจารย์ ทปี่ รึกษาอีกครั้งเพือ่ ขอรบั อนุมัติ 7. รวบรวมข้อมูลทงั้ หมด จดั ทำปก แบบประเมินและประวตั ิของผู้จัดทํา 8. ส่งรายงานรูปเล่มฉบบั สมบูรณ์ สถานท่ีทำการศึกษาโครงงาน วิทยาลัยอาชีวศึกษาผดุงประชายะลา เลขที่ 1 ถนนเทศบาล ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จงั หวดั ยะลา 95000 แผนการปฏบิ ตั งิ าน ในการจดั ทำโครงงานคณะผจู้ ัดทำได้มกี ารวางแผนเก่ียวกบั ข้ันตอนการดำเนินงาน ตง้ั แต่เริ่มการปฏิบตั ิจนถึงการประเมินผลรวมซ่ึงมีแผนการจัดทำโครงงานดงั น้ี วนั เดือนปี เวลา รายการปฏิบัตงิ าน 3 กรกฎาคม 2563 14.00-15.40 น. ข้ันเตรียมการ 1. คณะผูจ้ ัดทำโครงงานได้ออกความคิดเหน็ เร่ืองทจี่ ะ จัดทำโครงงานและได้ตกลงกันวา่ จะทำนำ้ พรกิ สับปะรด และไดน้ ำเสนออาจารยป์ ระจำวชิ าและ อาจารยท์ ่ปี รึกษาโครงงาน 13 กรกฎาคม 2563 14.00-15.40 น. 2. ออกแบบเสนอพิจารณาหาขอ้ มูลของการทำชนิ้ งาน และเขียนแบบอนุมตั โิ ครงงานตอ่ อาจารยป์ ระจำวชิ า เพื่อใหอ้ าจารยป์ ระจำวิชาพจิ ารณาอนุมัตติ ามขัน้ ตอน

6 วนั เดือนปี เวลา รายการปฏิบตั ิงาน 24 กรกฎาคม 2563 14.00-15.40 น. 3. เม่ืออาจารย์พิจารณาอนุมัติแล้วทางคณะผูจ้ ัดทำได้ ร ว บ ร ว ม เงิ น ทุ น เพื่ อ จ ะ ซื้ อ วั ส ดุ อุ ป ก ร ณ์ ใน ก า ร ท ำ โครงงานเรื่องมะละกอฉาบและจัดหาสถานท่ีในการทำ โครงงาน 15 กนั ยายน 2563 14.00-15.40 น. ขั้นปฏบิ ัติงาน 1. คณะผู้จัดทําโครงงานได้ลงมือทำชิ้นงานท่ี 1 พร้อม ถ่ายรูปวัสดุอุปกรณ์และข้ันตอนการเดิน โครงงานไว้ อย่างละเอียด และนําเสนอข้ึนงานที่ 1 ต่ออาจารย์ ประจำวิขาพร้อมนําข้อผิดพลาดมาปรบั ปรุงแกไ้ ข 1 ตุลาคม 2563 14.00-15.40 น. 2. คณะผู้จัดทําโครงงานได้ลงมือในงานท่ี 2 พร้อม ถ่ายรูปวัสดุอุปกรณ์และขั้นตอนการทำโครงงานไว้ อย่างละเอียด และนําเสนอชิ้นงานท่ี 2 ต่ออาจารย์ ประจำวชิ าพร้อมนําข้อผิดพลาดมาปรบั ปรุงแก้ไข 20 ตลุ าคม 2563 14.00-15.40 น. 3. คณะผู้จัดทำโครงงานได้ลงมือทำชิ้นงานท่ี 3 พร้อม ถ่ายรูปวัสดุอุปกรณ์และข้ันตอนการทำโครงงานไว้ อย่างละเอียด และนำเสนอช้ินงานที่ 3 ต่ออาจารย์ ประจำวิชาพรอ้ มนำข้อผดิ พลาดมาปรับปรุงแกไ้ ข 15 พฤศจิกายน 2563 14.00-15.40 น. 4.ทา้ แบบประเมินความพงึ พอใจในโครงงาน 1 ธนั วาคม 2563 14.00-15.40 น. นำ้ พรกิ สับปะรด นำเสนอต่ออาจารย์ประจำวชิ า เพอ่ื ใหอ้ าจารย์ประจำวิชาอนุมตั แิ ละนำไปให้เพื่อน นกั ศกึ ษาทำแบบประเมนิ ขน้ั สรุปผลการปฏบิ ตั ิงาน 1. คณะผู้จัดโครงงานรวบรวมข้อมลู เพื่อจัดทำรายงาน ในแต่ละบท

7 วันเดือนปี เวลา รายการปฏบิ ัตงิ าน 15 ธนั วาคม 2563 2. จัดทำรายงานบทที่ 1 นําเสนอต่ออาจารย์ประจำ วิชาและอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน นําข้อผิดผลาดไป 31 ธันวาคม 2563 ปรับปรุงแก้ไขรายงานและนำเสนออาจารย์ประจำชั้น และอาจารย์ที่ปรกึ ษาอกี ครง้ั เพ่ือขอรับอนุมตั ิ 11 มกราคม 2564 3. ทำรายงานบทที่ 2 นําเสนอต่ออาจารย์ประจำวิชา 25 มกราคม 2564 แ ล ะ อ า จ า ร ย์ ท่ี ป รึ ก ษ า โ ค ร ง ง า น นํ า ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ไ ป ปรับปรุงแก้ไขรายงานและนําเสนออาจารย์ประจำชั้น 1 กุมภาพันธ์ 2564 และอาจารยท์ ป่ี รกึ ษาอกี ครั้ง 15 กุมภาพนั ธ์ 2564 เพ่อื รับขอรับอนมุ ตั ิ 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 4. จัดทำรายงานบทท่ี 3 นําเสนอต่ออาจารย์ประจำ วิชาและอาจารย์ท่ีปรึกษาโครงงานนำ ข้อผิดพลาดไป ปรับปรุงแก้ไขรายงานและนําเสนออาจารย์ประจำช้ัน และอาจารยท์ ปี่ รกึ ษาอกี ครั้งเพื่อขอรบั อนุมัติ 5. จัดทำรายงานบทที่ 4 นำเสนอต่ออาจารย์ประจำ วิชาและอาจารย์ท่ีปรึกษาโครงงานนำ ข้อผิดพลาดไป ปรับปรุงแก้ไขรายงานและนําเสนออาจารย์ประจำช้ัน และอาจารย์ท่ีปรึกษาอีกคร้ังเพื่อขอรับอนุมัติ 6. จัดทำรายงานบทท่ี 5 นําเสนอต่ออาจารย์ประจำ ช้ันและอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานนำขอ ผิดพลาดไป ปรับปรุงแก้ไขรายงานและนําเสนออาจารย์ประจำชั้น และอาจารย์ที่ปรกึ ษาอีกครั้งเพ่ือขอรับอนุมัติ 7. รวบรวมข้อมูลทั้งหมด จัดทำปก แบบประเมินและ ประวตั ิของผจู้ ัดทํา 8. ส่งรายงานรูปเลม่ ฉบบั สมบรู ณ์

8 บทท่ี 2 เอกสารและเนื้อหาทเี่ กยี่ วขอ้ ง ในการทำโครงงานเรือ่ ง นำ้ พริกสับปะรด ไดศ้ กึ ษาเอกสารต่าง ๆ ทเี่ กีย่ วข้องและ เรอื่ งเกี่ยวกับนำ้ พริกดังต่อไปนี้ 1. ประวัติของนำ้ พรกิ 2. ประเภทของน้ำพริก 3. สว่ นประกอบหลักของน้ำพริก 4. ประเพณีการรับประทานอาหารของคนไทย 5. ภูมปิ ัญญาไทยดา้ นอาหาร 6. การพัฒนานำ้ พริกให้เป็นอาหารสขุ ภาพ 7. ประเภทและชนดิ ของผลไม้ 8. ชนิดและพนั ธข์ุ องสบั ปะรด 9. สรรพคณุ และประโยชนข์ องสับปะรด 10. การบริโภคอาหารเพ่อื สุขภาพ 1. ประวตั ขิ องนำ้ พรกิ น้ำพริก มีมาต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยคำว่า \"น้ำพริก\" มีความหมายมาจากการ ปรุงด้วยการนำสมุนไพร พริก กระเทียม หัวหอม เครื่องเทศก ล่ินแรง มาโขก บด รวมกัน เพ่ือใช้สำหรับจ้ิม โดยมี ดอกแค มะเขือยาว แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือม่วง ถ่ัวพู สัตว์น้ำต่าง ๆ เช่น ปลา กุ้ง เป็นต้นน้ำพริกเป็นวิธีปรุงอาหารหรือเคร่ืองปรุงอาหารโดยการนำเครื่องปรุงชนิดต่างๆ ลงโข ลก รวม กั น ใน ค ร ก โด ย ม าก เป็ น วิธีป รุงอาห ารป ระเภ ท น้ ำพ ริก ต่ างๆ ค ำว่า ต ำ ยังใช้เรียกนำหน้าอาหารบางชนิดท่ีปรุงคล้ายยำ แต่ทำการคลุกเคล้ากันในครกโดยการตำ เช่น ตำเทา (เตา) ตำบ่าโอ (ส้มโอ) ตำบ่าเขือ เป็นต้น อย่างไรก็ตามการตำมักใช้อาหารประเภท น้ำพริกซง่ึ มอี ยูห่ ลายชนดิ การเรียกชื่อน้ำพริกแต่ละชนิด มักจะเรียกตามส่วนประกอบหลักที่นำมาทำ ซึ่งอาจเป็นเนื้อสัตว์ พืชผัก แมลงหรือผลิตผลจากพืชหรือสัตว์ก็ได้ เช่น น้ำพริกขิง น้ำพริกปลา น้ำพริกร้า น้ำพริก-น้ำปู น้ำพริกน้ำผัก เป็นต้น ประเภทของพริก ที่นำมาตำน้ำพริก ก็มีท้ังพริกดิบ หรือ พริกหนุ่มและพริกแห้ง ส่วนประกอบของน้ำพริก โดยทั่วไปแล้ว การตำน้ำพริกของคนล้านนา มักจะมีส่วนประกอบหลัก ๆ คือ เกลือ กระเทียม หัวหอม พริก(แห้งหรือพริกดิบ) ซึ่งถ้าเป็นน้ำพริก ท่ีใช้ข้าวเหนียวจ้ิมกินแล้ว ก็จะเผา จี่ หรือหมกขี้เถ้าร้อนให้สุกก่อน เพื่อให้มีรสดียิ่งขึ้น

9 สำหรับเคร่ืองปรุงอื่น ๆ เช่น กะปิ ปลาร้า มะเขือเทศ ข่า ตะไคร้ อาจจะมีเพิ่มเข้าไปอีกแล้วแต่เฉพาะ ของน้ำพริกแต่ละชนิดไป ในระยะหลังน้ำพริกทุกชนิดมั กโรยด้วยต้นหอมผักชีทุกครั้ง เม่ือตำเสร็จแล้ว ชนิดของน้ำพริกนอกจากจะแบ่งตามลักษณ ะของพริกท่ีนำมาทำแล้ว ยังอาจแบ่งได้ตามลักษณะของน้ำพริก ได้แก่ น้ำพริกท่ีลักษณะค่อนข้างแห้ง และน้ำพริกลักษณะ มีน้ำขลุกขลิกคนในสมัยก่อนนิยมรับประทานสัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก จึงอาจคิดค้นน้ำพริกข้ึน เพ่ือเพิ่มรสชาติและดับกล่ินคาวต่าง ๆ น้ำพริกถูกใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารต่าง ๆ หรือใช้ในการรับประทาน เป็นกับข้าว ก็ได้ และยังได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สำหรับน้ำพริกแบบที่ใช้เป็นเครื่องปรุงส่วนผสมน้ัน เกิดข้ึนเพราะอาหารไทยจำพวกแกง จำเป็นท่ีจะต้องมีส่วนประกอบ หรือกรรมวิธีการทำท่ีค่อนข้างซับซ้อน ผู้ปรุงจึงคิดทำน้ำพริกขึ้น เพ่ือรวบรวมส่วนผสมต่าง ๆ น้ันเข้าด้วยกัน เป็นการลดข้ันตอนการปรุงลง และยังสามารถทำเก็บ ไดใ้ นจำนวนมาก 2. ประเภทของน้ำพริก น้ำพริกหากแบ่งโดยเอาความช้ืนเป็นเกณฑ์ จะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ น้ำพริกเปียก กับ น้ำพริกแห้ง หากแบ่งน้ำพริกโดยเอาภาคเป็นเกณฑ์ จะแบ่งได้เป็น 4 ชนิด คือ น้ำพริกภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคใตแ้ ละภาคอีสาน 1. น้ำพริกทางภาคใต้เรียกว่า น้ำชุบ องค์ประกอบหลักคือ พริก หอมและกะปิ มีเอกลักษณ์ คือ ไม่ผสมน้ำมะนาวหรือน้ำตาล จึง มีลักษณะแห้ง ถ้าผสมให้เข้ากันด้วยมือเรยี กน้ำชุบ หรือยำหรือน้ำชบุ โจร ถ้าตำให้เข้ากันเรียกน้ำชุบเยาะถ้าตำแลว้ ผดั ใหส้ ุกเรยี กว่านำ้ ชุบผดั หรอื น้ำชบุ ค่ัว เคี่ยวน้ำชุบของภาคใต้น้ีกินกับผักหลายชนิดท้ังผักสดและผักลว กเหตุท่ีไม่ผสมน้ำมะนาว เนื่องจาก ชาวประมงในภาคใตเ้ มื่อออกเรือเปน็ เวลาแรมเดือน หามะนาวไดย้ าก จงึ ประกอบน้ำพรกิ โดยไมผ่ สมน้ำมะนาวและเหตุทเี่ รยี กวา่ นำ้ ชุบคือการท่ีนำผกั มาชุบกับน้ำพริกแหง้ 2. น้ำพริกภาคเหนือ เครื่องปรุงทุกอย่างต้องย่างหรือเผาให้สุกก่อน ปรุงรสด้วย เกลอื เปน็ หลกั 3. น้ำพริกภาคอสี านทส่ี ำคัญมี 3 อย่างคือ -ป่ น เป็ น น้ ำพ ริก ท่ี ป ระก อ บ ด้ วย พ ริก แห้ ง ห อ ม แด ง ก ระเที ย ม โขลกผสม กับปลา เห็ดหรอื เนือ้ สตั วอ์ นื่ ใสน่ ำ้ ปลารา้ ลกั ษณะค่อนข้างขน้ เพือ่ ให้จม้ิ ผกั -แจ่ว เป็นน้ำพริกพ้ืนฐานของภาคอีสาน ส่วนผสมหลักคือน้ำปลาร้า ผสมกับพริก ใช้จิ้มทั้งผักและเนื้อสัตว์ ต่อมาจึงเพ่ิมเคร่ืองปรุงอ่ืนเพื่อดับกลิ่นคาวของเน้ือสัตว์ เช่น หอม กระเทยี ม ข่า ตะไคร้

10 -ซุบ เป็นอาหารที่พัฒนามาจากแจ่ว โดยมาจากคำว่า ชุบ ซึ่งหมายถึงจุ่ม หรือจิม้ มาจากการที่นำผกั ท่ีใช้จมิ้ แจ่วมาผสมลงในแจ่ว แล้วเติมข้าวค่วั 3. ส่วนประกอบหลักของน้ำพริก พริก มีสารแคปไซซิน ที่ทำให้เผ็ดร้อนแซบถึงใจ และมีสารแคโรทีนอยด์ซ่ึงล้วนมี คุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้สดช่ืน ต่ืนตัว ขับลมในลำไส้ กระตุ้นความเจริญอาหาร และยังมีวิตามินซีท่ีช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด เสริมการสร้างคอลลาเจนในช้ันผิว และ ช่วยเสรมิ ภูมคิ ุ้มกันในร่างกายเหมาะกบั ใครที่แพ้อากาศหรือเป็นหวดั บ่อยค่ะ กะปิ โดดเด่นท่ีแคลเซียมซึ่งมีมากกว่านมวัวถึง 15 เท่า ช่วยบำรงุ กระดูกและฟันให้ แข็งแรง และมีวิตามินบี 12 ท่ีช่วยบำรุงระบบประสาท และเสริมการสร้างเม็ดเลือด ช่วยป้องกัน อาการโลหิตจางได้เป็นอย่างดี และท่ีโดดเด่นสุดๆ ก็คือสารแอสตาแซนทิน (Astaxanthin) ท่ีพบใน สัตว์ทะเลอย่างกุ้ง หรอื เคยถอื เป็นสารตา้ นอนมุ ูลอสิ ระทด่ี ีมากต่อร่างกายและผิวพรรณ กระเทียม มีอัลซิลิน (allicin) และซัลเฟอร์ (sulfur) สูงช่วยลดอาการขาดหลุดร่วง ของเส้นผม ลดความดันโลหิต ช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มหรืออุดตันตามผนังหลอดเลือดจึงช่วย ปอ้ งกันโรคท่เี ก่ียวกับระบบไหลเวียนโลหติ และเสริมภมู ิต้านทานรา่ งกายได้อีกด้วย หอมแดง มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยให้ การไหลเวียนของเลือดดีข้ึนสามารถป้องกันการติดเชื้อและช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดได้ นอกจากน้ี หอมแดงยังมฟี อสฟอรสั ปริมาณสงู ชว่ ยบำรงุ ประสาทและความจำทำให้สมองแจ่มใส 4. ประเพณีการรับประทานอาหารของคนไทย สมัยโบราณ ครอบครัวไทยนั่งรับประทานอาหารกับพ้ืน ใช้ผ้าสะอาดหรือเส่ือปูลาด บนพื้นบ้าน ผู้ท่ีจะรบั ประทานนั่งล้อมวงกัน ตักข้าวจากโถใส่จานอาหาร จัดมาเป็นสำรับ วางสำรับไว้ ตรงกลางวง มีช้อนกลางสำหรับตักกับข้าว ใส่จานของตน และเปิบอาหารด้วยมือ บางบ้านจะมีขัน หรือจอกตักนำ้ และกระโถนเตรยี มไว้ เพือ่ รองนำ้ ล้างมือด้วย ในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว ประเทศไทยได้ติดตอ่ กับประเทศทาง ซีกโลกตะวันตกมากย่ิงข้ึน วัฒนธรรมตะวันตกได้แพร่เข้ามา ทำให้วิธีรับประทานอาหารของคนไทย เปล่ียนไป โดยดัดแปลงให้เหมาะสมกับอาหารไทย เช่น ใช้ช้อนส้อมแทนมีดและส้อมแบบตะวันตก เป็นต้น การน่ังรับประทานอาหารกับพื้นก็เลิกไป เปลี่ยนมาเป็นนั่งรับประทานอาหารกับโต๊ะแทน แต่ ยงั คงวางอาหารทุกอย่างไว้กลางโตะ๊ มชี ้อนกลางสำหรับตักอาหาร และมีถว้ ยเลก็ ๆ สำหรบั ผ้รู ่วมวงแต่ ละคน เพื่อใส่กับข้าวท่ีแบ่งจากกลางวง เม่ือรับประทานอาหารคาวเสร็จแล้ว ก็จะถอนของคาวออก หมด และแจกของหวาน สำหรบั ทกุ คนตอ่ ไป

11 การรบั ประทานอาหารของคนไทยภาคตา่ งๆ ภาคกลาง ในประเทศไทย ภาคกลางนับว่า เป็นภาคท่ีมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในทุกๆ ด้าน เป็นแหล่งให้ความรู้ และวิทยาการท่ีทันสมัยท่ีสุด โดยเฉพาะอย่างย่ิงเป็นที่รวมของวัฒนธรรม และ ความก้าวหนา้ ของประชาชนในประเทศ ในสมยั โบราณ ครอบครัวไทยนิยมลอ้ มวงรบั ประทานอาหารบนพ้ืนบา้ น คนไทยภาคกลางนิยมกินอาหารด้วยช้อน ส้อม และใช้ช้อนกลางสำหรับตักอาหาร ในครอบครัวท่ีมี ฐานะร่ำรวย กน็ ิยมมผี ้าเชด็ ปากวางอยู่บนโต๊ะ อาจจะพับแบบธรรมดา หรอื พบั เป็นรปู ต่างๆ ก็ได้ ทั้งน้ี ข้ึนอยู่กับความมีระเบียบแบบแผน ท่ีสืบทอดกันมาของบุคคลในตระกูลน้ันๆ การจัดอาหารบนโต๊ะ บางบ้านจะวางไว้หมดทุกอย่าง เพียงแต่มีผู้เสิร์ฟคอยเติมอาหารที่หมด และในบางบ้านอาจมีคนคอย เสริ ์ฟอาหารยืนระวังอยู่ข้างๆ โตะ๊ พรอ้ มท่ีจะเสิร์ฟอาหาร นำ้ และเติมอาหารด้วย สำหรับครอบครวั ท่ี มีฐานะปานกลาง ไม่มีผู้เสิร์ฟ แต่จะกินอาหารบนโต๊ะด้วยช้อนส้อม และใช้ช้อนกลาง ถ้าเป็น ครอบครวั ทมี่ ฐี านะยากจน อยา่ งน้อยท่ีสดุ กก็ นิ อาหารด้วยช้อน ไม่มีชอ้ นกลาง ภาคใต้ แต่เดิมคนไทยในภาคใต้นิยมนั่งรับประทานอาหารกับพ้ืน โดยปูเสื่อบนพ้ืนบ้าน แล้ว ตักอาหารใส่ถ้วย วางลงไปเป็นวงกลม ผู้รับประทานเปิบข้าวกับอาหารด้วยมือ อิ่มแล้วด่ืมน้ำด้วยขัน หรือจอก แต่ปัจจุบันน้ี คนไทยในภาคใต้ส่วนใหญ่ หันมารับประทานอาหารกันด้วยช้อนส้อม และนั่ง เก้าอก้ี ันแลว้ คงมีบางสว่ นยังคงรักษาเอกลักษณ์นัง่ กับพื้น กบั เปบิ ข้าวด้วยมืออยู่

12 ภาคเหนอื คนไทยในภาคเหนือส่วนใหญ่ ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างเคร่งครัด ด้วยการจัดอาหารใส่ถ้วยเล็กๆ วางลงไปบนโตก ลักษณะโตกอาจทำด้วยไม้ มุก หรือทองเหลือง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของเจ้าของบ้าน เรียกว่า สำรับอาหารคาว ข้างโตกยังมีข้าวเหนียว ใส่ในกระติบ ทรงสูง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภาค เหนือ นอกโตกยังมีคนโทดินใส่น้ำเย็น มีขันเงิน สำหรับใส่น้ำด่ืม หลงั อาหารคาว จะมโี ตกอาหารว่างตามมา แล้วตอ่ ดว้ ยบุหรี่พนื้ เมือง คือ บุหร่ไี ชโย จงึ นบั วา่ เสรจ็ จาก การรับประทานอาหารในมือ้ นัน้ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ คนไทยในภาคนี้ ส่วนใหญ่ยังคงนิยมจัดอาหารใส่ถาดสังกะสี ซึ่งมีลายเป็นดอกโตๆ ตักอาหารใส่ถว้ ยวางลงบนถาด แล้วรับประทานพร้อมข้าวเหนียวในกระติบทรงเตี้ย อนั เป็นสัญลักษณ์ ของคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอาหารหวานรอเสิร์ฟอยู่ข้างๆ ขนมที่นิยมทำคือ ขนมพื้นเมืองชื่อ ข้าวเหนียวหวั หงอก นางเล็ด เปน็ ต้น 5. ภมู ปิ ัญญาไทยด้านอาหาร ความหมายของภมู ปิ ัญญาดา้ นอาหาร ภูมิปัญญาด้านอาหาร หมายถึง องค์ความรู้ท่ีนำมาใช้ในการทำอาหารท่ีทำกันมา แต่โบราณ ส่วนมากเป็นแบบง่ายๆ เช่น ข้าวแช่ ต้มโคล้ง แกงป่า น้ำพริก และหลน เป็นต้น ส่วนขนมไทยแท้ก็ปรุงมาจากแป้ง น้ำตาล กะทิ เป็นส่วนใหญ่ เช่น ขนมเปียกปูน ขนมเปียกอ่อน ตะโก้ ลอดช่อง ขนมปลากริมไข่เต่า ขนมใส่ไส้ และขนมครก เป็นต้น ภูมิปัญญาของคนไทย ซ่ึงถึงถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ ในยุคประวัติศาสตร์ อาหารแต่ละอย่างได้ผ่าน การคิดค้นขึ้นมา เพ่ือให้เข้ากับภูมิอากาศ ภูมิประเทศในการหาวัตถุดิบในการประกอบ ปรุงอาหาร และยังมี คุณค่าทางโภชนาการ ถึงแม้ในอดีต คนไทยยังไม่มีวิวัฒนาการในด้านวิทยาศาสตร์ แต่ก็ได้มีความรู้ เร่ืองประโยชน์ ในการนำวัตถุดิบมาประกอบอาหาร เพราะส่วนใหญ่วัตถุดิบท่ีใช้ในการทำน้ัน เป็นสมุนไพรใช้ในการรักษา ป้องกันโรคต่างๆ ได้ ซ่ึงในปัจจุบันวิทยาการพัฒนาข้ึน ทางวิทยาศาสตร์ ได้ศึกษาแล้วก็ลงความเห็ นว่าเป็นเช่นดังที่คนสมัยก่อนเข้าใจ สิ่งน่ีจึงเป็นที่เห็นได้ชัด ว่าคนไทยมภี ูมิปญั ญาท่ไี ม่ดอ้ ยกว่าใคร อาหารไทยภาคเหนอื อาหารของภาคเหนือประกอบด้วยข้าวเหนียว น้ำพริกชนิดต่างๆ เป็นต้นว่า น้ำพริก หนุ่ม น้ำพริกแดง น้ำพริกอ่อง มีแกงหลายชนิด เช่น แกงฮังเล แกงโฮะ แกงแค นอกจากนั้น

13 ยังมีอาหารพ้ืนเมือง เช่น แหนม ไส้อั่ว เนื้อนึ่ง จิ้นปิ้ง แคบหมู หมูทอด ไก่ทอดและผักต่างๆ คนไทยท่ีอยู่ทางภาคเหนือนิยมรับประทานอาหารรสกลางๆ มีรสเค็มนำเล็กน้อย รสเปรี้ยวและหวาน มีน้อยมาก หรือแทบไม่นิยมเลย เนื้อสัตว์ที่นิยมรับประทาน ได้แก่ เน้ือหมู เพราะหาได้ง่าย ราคาไม่แพง และมีขายท่ัวไปในท้องตลาดเนื้อสัตว์อ่ืนท่ีนิยมรองลงมาคือ เน้ือวัว ไก่ เป็ด นก ฯลฯ สำหรับอาหารทะเลนยิ มน้อยเพราะราคาแพง เนื่องจากอยู่หา่ งไกลทะเล อาหารไทยภาคกลาง โดยท่ัวไปคนภาคกลางรับประทานอาหารที่มีรสกลมกล่อม มีรสหวานนำเล็กน้อย วิธีการปรุงอาหารซับซ้อนข้ึนด้วยการนำมาเสริมแต่ง หรือประดิดประดอยให้สวยงาม เช่น น้ำพริกลงเรือ ซ่ึงดัดแปลงมาจากน้ำพริกกะปิ จัดให้สวยงามด้วยผักแกะสลักเป็นต้น ลักษณะอาหาร ที่รับประทาน มักผสมผสานกันระหว่างภาคต่างๆ เช่น แกงไตปลา ปลาร้าน้ำพริกอ่อง เป็นต้น ทุกบ้านจะรับประทานข้าวสวยเป็นหลัก และรับประทานกับกับข้าว เช่น อาหารเย็น มีกับข้าว 3-5 อย่าง ได้แก่ แกงจืดหรือแกงส้มหรือแกงเผ็ด เช่น พะแนง มัสม่ันแห้ง ไก่ผัดพริก หรือยำ เช่น ยำถ่ัวพู ยำเนื้อย่าง อาหารประจำของคนไทยภาคกลางคือ ผัก น้ำพริก และปลาทู อาจจะมีไข่เจียว เน้ือทอด หรือหมูย่างอีกจานหน่ึงก็ได้ โดยคำนึงถึงวิตามินที่มีประโยชน์ ตอ่ ร่างกายเป็นหลัก อาหารไทยภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื (ภาคอสี าน) อาหารจะมีข้าวเหนยี วน่ึงเปน็ หลักเช่นเดียวกับภาคเหนือ รับประทานกับลาบไก่ หมู เน้ือ หรอื ลาบเลือด ส้มตำ ปลาย่าง ไก่ย่าง จ้ิมแจ่ว ปลาร้า อาหารภาคน้ีจะนิยมป้ิง หรือย่างมากกว่า ทอดอาหารทุกชนิดต้องรสจัด เน้ือสัตว์ท่ีนำมาปรุงอาหาร ได้แก่ สัตว์ท่ีชาวบ้านหามาได้ เช่น กบ เขยี ด แย้ งู หนนู า มดแดง แมลงบางชนิด ส่วนเน้ือหมู ววั ไก่ และเน้อื สตั ว์อื่น ๆ ก็นยิ มตามความชอบ และฐานะ สำหรับอาหารทะเลใช้ปรุงอาหารน้อยที่สุด เพราะนอกจากจะหายากแล้ว ยงั มรี าคาแพงอีกด้วย อาหารไทยภาคใต้ อาหารของภาคใต้จะมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอ่ืนๆ แกงท่ีมีชื่อเสียงของภาคใต้ คือ แกงเหลือง แกงไตปลา เคร่ืองจ้ิม ก็คือ น้ำบูดู และชาวใต้ยังนิยมนำน้ำบูดูมาคลุกข้าว เรียกว่า “ข้าวยำ” มีรสเค็มนำและมีผักสดหลายชนิดประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใต้ มีมากมาย ได้แก่ ปลา หอยนางรม และกุ้งมังกรเป็นต้น ฝักสะตอ มีลักษณะเป็นฝักยาวสีเขียว เวลารับประทานต้องปอกเปลือก แล้วแกะเม็ดออก ใช้ทั้งเม็ดหรือนำมาห่ัน ปรุงอาหาร

14 โดยใช้ผดั กบั เน้อื สัตว์หรือใสใ่ นแกงนอกจากน้ี ยังใช้ต้มกะทริ วมกับผักอืน่ ๆ หรอื ใชเ้ ผาทงั้ เปลือกใหส้ ุก แล้วแกะเม็ดออกรับประทานกับน้ำพริกหรือจะใช้สดๆ โดยไม่ต้องเผาก็ได้ ถ้าต้องการเก็บไว้นานๆ ควรดองเก็บไว้อาหารของภาคใต้จะมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ แกงที่มีช่ือเสียงของภาคใต้ คือ แกง เหลือง แกงไตปลา เครอ่ื งจม้ิ ก็คือ นำ้ บูดู และชาวใต้ยงั นิยมนำน้ำบดู มู าคลกุ ขา้ วเรยี กว่า \" ขา้ วยำ \" มีรสเค็มนำและมีผกั สดหลายชนิดประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใต้มีมากมาย 6. การพฒั นาน้ำพริกให้เปน็ อาหารสุขภาพ น้ำพริก เป็นอาหารประเภทหน่ึงท่ีมีลักษณะเป็น ถ้วยเล็ก ๆ ซ่ึงน้ำพริกถกู ปรุงขึ้นมา เพื่อสร้างความอร่อยสำหรับอาหารหลักของครอบครัวในท่ัวทุกภาคของประเทศ มาตั้งแต่สมัยอดีต โดยจะมีการผสมผสานกันระหว่าง เคร่ืองปรุงต่าง ๆ และจะต้องมีพริกเป็นวัตถุดิบหลักเสมอ น้ำพริกถือเป็นอาหารท่ีเชื่อมโยงฐานทรัพยากรอาหารท่ีสำคัญเป็นอาหารท่ีใช้พื้นฐานจากเคร่ืองปรุง พื้นบ้าน และผักพื้ นเมืองเข้าด้วยกัน ใน ขณ ะท่ีที่ ตั้งของประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำ คัญ ของข้าว และผักพ้ืนเมืองที่มีคุณค่าทางสมุนไพรและโภชนาการ จากภูมิปัญญาไทยจึงมีการทำน้ำพริก เพ่ือนำผักพ้ืนเมืองมารับประทานพร้อมกับข้าว (วิฑูรย์, 2552) พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554ได้กำหนดความหมายของน้ำพริกว่า น้ำพริก หมายถึง “อาหารชนิดหน่ึง ปรุงด้วยกะปิ กระเทียมพรกิ ข้ีหนูมะนาว เปน็ ตน้ ใช้เป็นเครอ่ื งจม้ิ หรอื คลุกข้าวกนิ ใช้น้ำปลาหรือนำ้ ปลาร้าแทนกะปิ ก็มีเช่นนำ้ พริกปลารา้ น้ำพรกิ ปลายา่ ง ใชข้ องเปรี้ยวอื่น ๆ เช่น มะขาม มะดัน มะมว่ ง แทนมะนาวก็มี เรียกช่ือต่างกันไปตามเคร่ืองปรุง เช่น น้ำพริกมะขาม น้ำพริกมะดัน น้ำพริกมะม่วง” ท้ังน้ีสำนักงาน มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มีรายช่ือมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ชุมชนที่ประกาศใช้ทั้งส้ิน 1,263 มาตรฐาน ในจำนวนน้ีมี เร่ืองน้ำพริกจำนวน 13 เร่ือง ได้แก่ น้ำพริกเผา น้ำพริกแกง น้ำพริกป่นแห้ง น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกกุ้งเสียบ น้ำพริกแกงแห้ง น้ำพริกผักผลไม้ต้ม น้ำพริกกุ้งแก้ว น้ำพริกกะปิผง น้ำพริกตาแดง ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของแต่ละ วัฒนธรรมของอาหารพื้นบ้าน อย่างน้ำพริกถือได้ว่าเป็นทุนทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นซึ่งมีการสะสม องค์ความรูแ้ ละถา่ ยทอดมาอย่างต่อเนอื่ ง และเป็นภมู ิปญั ญาที่มคี ุณค่าทาง ความสวยงาม รสชาติและ เอกลักษณ์ความเป็นไทย การพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาไทยของน้ำพริกให้เป็นอาหารสุขภาพ ใน รูปแบบต่าง ๆ ถือเป็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับ กระแสการบริโภคของประชาชนที่ปรับเปลี่ยนตาม เวลาและกระแสสังคม ท่ผี ู้คนยุคปจั จุบนั ให้ความใสใ่ จตอ่ การบริโภคเพอ่ื สุขภาพเพิ่มมากข้ึน 7. ประเภทและชนดิ ของผลไม้ ผลไมไ้ ทยนับเป็นพชื เศรษฐกิจทสี่ ำคัญของประเทศไทยสามารถทำรายได้เขา้ ประเทศ ไทยปีละหลายล้านบาทและเป็นที่นิยมบริโภคกันท่ัวไป ท้ังภายในประเทศและต่างประเทศ

15 ไม้ผ ล ที่ มี คว าม ส ำ คัญ ท างเศร ษ ฐ กิจ แ ล ะมี มูล ค่า การ ส่ งอ อกสู งเป็ น ท่ี นิ ย มบ ริ โภ ค ใน ต่ างป ร ะเท ศ จำนวน 10 ชนิด ได้แก่ ลำไย ทุเรียน มังคุด ล้ินจ่ี มะม่วง ส้มโอ เงาะ สับปะรด มะพร้าวน้ำหอม มะขาม เป็นต้น และไม้ผลที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจในอนาคตหรือเป็นไม้ผลท้องถ่ินหรือพ้ืนเมือง มีการบริโภคภายในประเทศมากกว่าการส่งออก ได้แก่ กระท้อน ชมพู่ น้อยหน่า พุทรา มะปราง ฝร่ัง ลองกอง ลางสาด สละ ขนุน มะนาว องนุ่ และกลว้ ย เป็นตน้ ผลไมไ้ ทย 4 ภาค ผลไม้ภาคใต้ ผลไม้พื้นเมืองส่วนมากไม่ใช่ของที่จะกินจริงจังหรือเป็นพันธ์ุท่ีดีเลิศ แต่สำคัญ ตรงท่ีมันหาไม่ยาก สะดวกซื้อ ประหยัดทรัพย์ ปราศจากสารพิษตกค้าง ยามเราได้กลืนกินลูกหว้า ตะขบ ละไม เรามิได้กลืนกินความหรูหราหรือรสนิยมเข้าไปด้วย หากเป็นวัยเด็ก ความสนุก วิถีการดำรงชีพแบบไทย ๆ ท่ีผสานสัมพันธ์กับธรรมชาติของคนรุ่นก่อน เป็นการกินอย่างมีความสุข ซ่ึงบดั น้ีมีแตจ่ ะหา่ งหายไป - เดือย, มะเดื่อ ผลเต็ม ๆ ขนาดเท่าส้มเขยี วหวาน เมอื่ สกุ เปลอื กจะนิ่มและช้ำงา่ ย - ตะขบ พนื้ เพเดิมวา่ กนั ว่าเป็นของอเมริกาใต้ แต่กลายมาเป็นยอดผลไมข้ องเด็กไทย ปลกู ทว่ั ไปแตเ่ ชียงใหม่ ยันนราธวิ าสนานแล้ว ผลดิบสเี ขยี ว สุกเปล่ียนเปน็ สแี ดง และเม่ือสกุ เตม็ ทจ่ี ะมสี ีม่วงคลำ้ รสหวานจัด ใหผ้ ลตลอดปี - เงาะบ้าน คนปักษ์ใต้กินเงาะสองสามชนิดคือ เงาะโรงเรียนกับเงาะบ้าน เงาะบ้านเป็นเงาะพื้นเมืองท่ีกระเถิบ จากเงาะป่าหรือลูกลวนข้ึนมาหน่อย แต่ก็ยังนับว่ามีเย่ือน้อย ไม่หวานล่อนเหมือนเงาะโรงเรียน ชาวบ้านชอบเพราะรสชาติ \"ดิบ ๆ\" ราคาถูก สำหรับคุณที่ไม่ใช่ชาวบ้านเสมือนเป็น \"ทางเลือก\" ของคนทีไ่ มช่ อบเหมือนใคร

16 - มะเฟือง ผลไมร้ ปู ทรงมีดีไซน์ บางต้นหวาน บางตน้ เปรย้ี ว แตฝ่ านกินไดท้ ้ังผลสุกและดบิ ฝรั่งใสม่ ะเฟืองใสส่ ลดั และอธบิ ายว่ารสเหมือนลูกล้ม สับปะรด มะนาว รวมกัน แถบริมน้ำโขงกนิ แกล้มแหนมเนือง สุดอร่อย - มะกอกฝร่งั เป็นมะกอกชนดิ ท่ผี ลได้น้ำไดเ้ น้อื ท่สี ดุ เราพบมนั ได้ตามรถเขน็ ผลไม้ตลอดทงั้ ปี - มังคุด พชื พน้ื เมืองคาบสมทุ รมลายูขึ้นได้ดีในท่ีซึง่ มีความชื้นสงู เปน็ ผลไม้ชนิดเดยี วท่ีไม่กลายพันธุ์ จึงไม่จำเปน็ ต้องเสาะหาพนั ธ์ุแท้ ความท่ีมีดกดน่ื ชาวนครฯ จงึ เกบ็ ลกู อ่อนแช่น้ำเกลือกนิ เรียกว่า มงั คุดคัด - มะขาม ไมม้ งคลอายุยืน มีอยู่ทัว่ ทุกภาคของไทย ฝักอ่อนรสเปรี้ยวจ๊ดี บางคนชอบเกบ็ มาจม้ิ กะปิ สรรพคุณ ดตี ่อสุขภาพเหงือกและฟนั เป็นยาระบายอ่อน ๆ - ลองกอง ผลไม้พ้ืนเมืองสกุลน้ีท่ีมีหน้าตาคล้ายกันมีอยู่ไม่น้อยกว่าหกชนิด ฉะน้ันก่อนควักกระเป๋าพึงระวัง ให้จงหนัก ลองกองเม่ือบีบ (ปอก) แทบไม่พบยาง เน้ือแต่ละกลีบจะล่อน ไม่มีเย่ือหุ้มเนื้อ รสหวาน เมด็ น้อยมาก - หลมุ พี น้อยคนจะมีโอกาสเห็นต้นและผล เพราะขึน้ อยู่ตามป่าพรุ ปา่ ที่ราบต่ำ คล้ายระกำ แต่เปลอื กผลมสี ี แดงเลือดหมู และไมม่ หี นาม รสเปรย้ี วตดิ อันดบั โลก นยิ มนำมาดองกนิ จม้ิ พริกเกลือ - ระกำ ออกผลเป็นทะลายตามต้น บางต้นเปร้ียว บางต้นหวาน โดยคนพ้ืนถ่ินจะรู้ได้จากกล่ินถ้าหวาน พอสุกไปยนื ใกลต้ น้ จะหอมหวาน แต่ถ้าเปรี้ยวจะหอมเปรี้ยว - มะมดุ พืชสกุลเดียวกับมะม่วง กินทั้งผลสุกและดิบเหมือนกัน แต่กล่ินหอมฉุนและเน้ือเป็นเส้ียนกว่า คนใตน้ ยิ มนำผลดบิ มายำหรอื แกงส้ม ผลสกุ ชว่ งพฤษภาคม-มถิ ุนายน

17 - ลูกหวาย ผลของตน้ หวาย เนื้อหรือทีค่ นปกั ษ์ใต้เรียก \"เยอ่ื \" มนี ้อย รสออกเปร้ยี ว ฝาด เหมาะจะกินเล่น - ลางสาดเขา จากเทือกเขานครศรธี รรมราชเชน่ กนั ภายนอกคล้องลองกอง แตส่ อี อกนำ้ ตาลกว่า เปลอื กค่อนข้าง หนา เนือ้ หวานหอม ชาวสวนมักนำมาเปน็ ต้นตอของลองกอง ผลไมภ้ าคกลาง 1. ทุเรียน เป็นผลไม้เมืองร้อนท่ีเก่าแก่ ชนิดหน่ึง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณเอเชีย ตอนใต้แถบหมู่ เก าะบ อร์เนี ยว อิน โดนี เซี ย ต่อม าได้ แพ ร่กระจาย ไปปลูกในที่ต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย ทุเรียนเป็นผลไม้ ที่มีรสชาติอร่อย กล่ินหอม รสหวาน และมีราคาแพง ทั้งนี้เพราะมีความแปลกท้ังรูปร่าง กล่ินและรสชาติ อีกท้ังในปัจจุบันทุเรียนจากประเท ศไทย นับได้ว่ามีคุณภาพดีท่ีสุดเป็นท่ีรู้จักและนิยมบริโภคกันอย่าง แพร่หลายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ สำหรับตลาด แถบเอเซียที่สำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง มาเลเชีย และบรูไน แล ะมี แน วโน้ มที่ จะขยายตลาด ออกไป ยังป ระเท ศ ในกลุ่มทวีปยุโรป และอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ฝร่ังเศส เป็นต้น 2. ลำไย เป็นผลไม้ท่ีสำคัญของภาคเหนือของประเทศไทย สามารถส่งออก ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ นำรายได้เข้าประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท เพราะลำไยเป็นที่นิยม บริโภคกันมากท้ังในประเทศและต่างประเทศ ดังน้ันลำไยจึงเป็นผลไม้ท่ีควรสนใจเป็นอย่างมาก เพราะผลผลิตขายได้ราคาดี เป็นท่ีต้องการท้ังผู้บริโภคและโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากน้ีในตลาด ตา่ งประเทศยังมคี ู่แขง่ ค่อนขา้ งน้อยเมื่อเทียบกับผลไมช้ นดิ อื่น 3. ลิ้นจ่ี เปน็ ผลไมเ้ ศรษฐกจิ ที่สำคัญชนดิ หนง่ึ ของประเทศไทย ในปจั จุบนั เกษตรกร ปลูกล้ินจ่ีกันแพร่หลายมากขึ้นเกือบทุกภาคของประเทศ ทั้ งน้ี เพ ราะ ลิ้ น จ่ี เป็ น ผ ล ไม้ ท่ี มี ราค าค่ อ น ข้ างแ พ ง ก า ร ป ลู ก ดู แ ล รั ก ษ า ง่า ย โร ค แ ม ล ง ร บ ก ว น น้ อ ย และท่ีสำคัญอีกประการหน่ึงก็คือ ผู้บริโภคทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างย่ิงล้ินจ่ีจากจังหวัด เชี ย งร า ย แ ล ะ ลิ้ น จี่ อ ำ เภ อ ฝ า ง จั งห วั ด เชี ย งให ม่

18 ซ่ึงเป็นแหล่งปลูกลิ้นจ่ีมากที่สุด เพราะภูมิอากาศเหมาะสมมาก ตลาดต่างประเทศที่สำคัญของล้ินจี่ ได้แก่ คูเวต ญ่ีปุ่น สิงคโปร์ แคนาดา ฮ่องกง ซาอุดีอาระเบีย เดนมาร์ก ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ เบลเยยี ม บรูไน ฝร่ังเศส มาเลเซยี สวเี ดน อเมรกิ า เยอรมนั อังกฤษ เป็นต้น 4. เงาะ เป็นผลไม้เขตร้อนท่ีมีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหน่ึงของไทย มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายท้ังในภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศไทย สามารถข้ึนได้ในดิน เกื อ บ ทุ ก ช นิ ด แ ต่ จ ะ เจ ริ ญ เติ บ โต แ ล ะ ให้ ผ ล ผ ลิ ต ดี มี คุ ณ ภ าพ ใน ส ภ า พ ที่ มี ค ว าม ชื้ น ใน อ า ก า ศ สู ง มีฝนตกกระจายเกือบตลอดปี ผลมีลักษณะค่อนข้างกลมรี สีเหลือง แดง หรือเหลืองปนแดง มีขนอยู่โดยรอบ ขนสีเดียวกับผิวของผล เน้ือภายในผลมีลักษณะอ่อนนุ่ม สีขาวใสหรืออมเหลืองอ่อน มีก ลิ่น ห อ มเฉพ าะตัว รสช าติ อร่อ ย มี ท้ั งห วาน ห วาน อม เป รี้ยว ท้ั งนี้ ขึ้น อ ยู่กับ พั น ธุ์ สำหรบั พนั ธุ์ทนี่ ยิ มปลกู และรับประทานมากท่ีสดุ ในปจั จุบันคือ เงาะพนั ธุ์โรงเรยี น 5. ข นุ น เป็ น ผ ล ไม้ อี ก ช นิ ด ท่ี มี ค วาม ส ำคั ญ ท างเศ รษ ฐ กิ จ นิ ย ม ป ลู ก และรบั ประทานกันมาก เป็นผลไมท้ ่ีปลูกและดูแลรักษาง่าย เจรญิ เตบิ โตรวดเรว็ สเี นื้อออกเหลืองทอง ห รือ อ อ ก แ ด ง มี รส ช าติ ห ว าน จั ด ผ ล ข อ งข นุ น น ำม าบ ริโภ ค ได้ ท้ั งผ ล สุ ก แ ล ะ ผ ล ดิ บ และสามารถรับประทานได้ตั้งแต่ส่วนของเนื้อไปจนถึงซังและเมล็ด ส่วนมากจะรับประทาน เป็ นผลไม้สดห รือนำไปผสมกับอาห ารป ระเภ ทอื่นๆ เช่น ไอศกรีม ลอดช่องรวมมิตร

19 ให้มีรสชาติมากข้ึนหรือจะนำเนื้อมากวนทำขนุนกวน ส่วนเมล็ดของขนุนจะนำมาต้ม ใส่เกลือรับประทาน ผลดิบส่วนมากจะใช้ประกอบอาหารของชาวอีสาน คือ ซุปขนุน ส่วนของไม้ขนุน สามารถนำมาทำเปน็ เคร่ืองเรอื น เฟอรน์ ิเจอร์เพราะเนื้อไม้ของขนุนมสี ีเหลอื งสวยงามมาก ผลไม้ภาคเหนอื 1. วฟี รตุ กีวีฟรุต มีถิ่นกำเนิด ในประเทศจีน แต่มา ได้รับความสำเร็จ ในการปลูก เป็นการค้า ใหญ่โต ท่ีประเทศ นิวซีแลนด์ ถึงกับใช้ช่ือใหม่ว่า กีวีฟรุต (kiwi fruit) ซ่ึงเป็น ฉายา ของประเทศ นิวซีแลนด์ นั่นเอง เป็น ผลไม้ชนิดเถา เล้ือยต้อง ใช้ค้าง คล้ายกับการปลูกองุ่นผล หน้าตา แปลกคือสีน้ำตาล มีขนปกคลุม ท่ัวท้ังผล แต่เน้ือ ในมีสีเขียว และมีเมล็ด เล็ก ๆ สีดำ กระจายอยู่ ทั่วท้ังผล แต่เน้ือในมีสเี ขียว และมเี มลด็ เล็ก ๆ สีดำ กระจาย อยู่ทว่ั ไป สวยงามมาก จงึ มกั นิยม ใชป้ ระดบั หน้าขนม หรอื แต่งจาน สลัด ไอศกรมี ฯลฯ 2. บ๊วย ได้มี การปลูกบ๊วย กันมานาน พอสมควร แล้ว ที่จังหวัด เชียงราย แต่เป็นบ๊วย ท่ีมีคุณภาพ ไม่ค่อยดี ต่อมา โครงการหลวง ได้นำพันธุ์ดี มาจากไต้หวัน และญี่ปุ่น เป็ น จำนวนม าก และได้ คัดเลือก พั น ธุ์ท่ี ดี ไว้ห ลายพั น ธ์ุ บ๊ วย เป็ น ไม้ผล ที่ ป ลูกง่าย และไม่ต้องดูแลรักษา มากนัก จึงเหมาะ สำหรับชาวเขา โดยท่ัวไป ขณ ะนี้ ในปีหน่ึ ง ๆ

20 มีผลผลิตหลายสิบตัน ซ่ึงพ่อค้า มีความต้องการมาก และความต้องการ ของตลาด ยังมีอีกมาก นับว่าเป็นไม้ผล ที่เหมาะ ในการบุกเบิก ให้ชาวเขา สนใจ ท่ีจะทำสวน ผลไม้ และ จะก้าวหน้า ไปสู่การปลูก ไม้ผล อ่ืน ๆ ได้ ต่อไป ในอนาคตบ๊วย จะแก่เก็บ ได้ในเดือน มีนาคม ถึงเมษายน ซงึ่ โรงงาน จะนำไปแปรรูป เป็นบว๊ ยดอง บ๊วยเค็ม และ ผลติ ภัณฑ์ จาก บว๊ ยอน่ื ๆ 3. ลั ม เป็ น ผ ล ไม้ อี ก ช นิ ด ห นึ่ ง ท่ี โค ร งก า ร ห ล ว ง ได้ ท ำ ก า ร วิ จั ย จน ป ระสบ ผลสำเร็จ เป็ นอย่างดี ใน สมัยก่อน มีการนำเข้า มาจากเมืองจีน เรียกกันว่า ลูกไหน ซ่ึงเป็นลัม ที่คุณ ภ าพ ไม่ดีนัก ตามดอยต่าง ๆ บางที จะพบลัมผล ขนาดเล็ก ปลูกกัน อยู่บ้าง เป็นลัม ที่จีนฮ่อ นำเข้ามา ลัม ที่โครงการหลวง แ น ะ น ำให้ ป ลู ก อ ยู่ ใน ข ณ ะ น้ี บ างพั น ธ์ุ เช่ น พันธุ์ Gulf Ruby จะมีขนาดใหญ่ และรสดี นอกจากใช้รับประทานสดแล้ว ยังใช้ แปรรูปได้ดี อกี ด้วย ลมั จะสกุ ใกล้เคียง กับ ท้อ คอื ประมาณเดอื น พฤษภาคม 4. สาล่ี เป็นพืชที่จัดอยู่ในสกุล Pyrus เช่นเดียวกับแพร์ โดยแพร์จะแบ่งออก เป็น 2 ชนิด ได้แก่ แพร์ยูโรป เปลือกสีเขียวเนื้อนุ่มและแพร์ เอเชียซ่ึงก็คือสาลี่น่ีเอง สาล่ีมีเปลือกสีเหลือง เนื้อกรอบ ขณ ะที่ แพ ร์จะมีเน้ื อน่ิ ม กว่า และท รงผลมี ลักษ ณ ะ โค้งเว้ามากกว่า ส่วนสาลี่จะทรงผลค่อนข้างกลมมีเนื้อกรอบ สีขาว มีกล่ินหอม รสชาติหวานฉ่ำ สาล่ีมีหลากหลายพันธ์ุ เช่น สาล่ีเปด็ สาลีน่ ำ้ ผึ้ง สาลี่หิมะ สาลห่ี อม 5. สตรอเบอรี่ สตรอเบอร่ี ในประเทศ มีประวัติความเป็นมายาวนาน คือ มีการนำพันธุ์ เข้ามา ทดลอง ปลูกหลาย ยุคหลาย สมัยทางภาคเหนือ เช่น ที่จังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่ง ได้พั นธุ์ ท่ีเหมาะสม สามารถ ปลูกได้ ท่ัวไปใน บริเวณ ตัวเมือง เชียงใหม่ และเขตชานเมือง แต่พันธ์ุ ในสมัยน้ัน มีข้อสีย คือผล ชอกช้ำ ง่าย ทำให้ ขนส่งไปขาย ในท่ีไกล ๆ ไม่ได้ โครงการหลวง ได้นำพันธุ์ใหม่ๆเข้ามามากมายหลายพันธุ์ และคัดพันธุ์ได้ 3 พันธ์ุ คื อ Cambridge Favorite, Tioga แ ล ะ Sequoia พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ้ า อ ยู่ หั ว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานต้นพันธ์ุสตรอเบอร่ี ท้ัง 3 พันธ์ุ นี้แก่เกษตรกร ท่ีหมู่บ้าน ช่างเคี่ยน จังหวัดเชียงใหม่ เม่ือ พ.ศ. 2515 และเกษตรกร รู้จักกันในนามพันธ์ุ พระราชทาน เบอร์ 13,16 และ 20 ตาม ลำดับต่อมา จนถึงขณะนี้ สตรอเบอร่ี ได้กลายเป็นผลไม้ท่ีสำคญั มากอย่าง หนง่ึ ของภาคเหนือ

21 ผลไมภ้ าคอีสาน - ต้นบกั เล็บแมว รดชาดเปร้ียวนิดๆ ผลสุกจะมีสีดำมีรสหวานปนออกมาเก็บกินลำบากลำต้นเป็นพุ้มมีหนาม เหมอื นเล็บแมวค่อยเกาะเกย่ี วตอนเราเก็บผลมันเก็บตวั แตค่ ุม้ นะ - หมากขามปอ้ ม เป็นผลไม้ท่ีมีสรรพคุณทางยา ก็มีในหลายภาคของประเทศไทย แถมยั้งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัด ในภาคตะวนั ออก สระแกว้ น้ันเองเรอ่ื งรสชาดฟาดนดิ ๆ กนิ เสรจ็ แล้วไปดื่มน้ำนะ ความหวานชุม่ คอ - หมากผีผว่ น ไม้ยืนต้นเลื้อย ลำต้นเหนียว ผลกินได้ ผลดิบจ้ิมเกลือ รสเปรี้ยว ผลสุก รสหวานอมเปร้ียว เปน็ สดุ ยอดของผลไมอ้ สี านเลยก็ว่าไดค้ รบั มันคือพระเอก ท่หี ลายคนรู้จักแคเ่ อ่ยชื่อของมั - หมากต้องแลง่ บักต้องแล่ง หรือ หมากต้องแล่ง หรือ นมน้อย เป็นผลไม้ให้สรรพคุณทางยา เหมาะกับคุณแม่ ท่ีน้ำนมน้อย ผลสุกรสชาติหวาน ซึ่งในหนึ่งลูกจะมีเน้ือให้กินหวานอร่อยจริงๆ นิดเดียว ท่ีเหลือ คือเมล็ด หน่ึงลูกจะมีหนึ่งเมล็ด โดยปกติ ไม่นิยมกินเมล็ด แต่บางคน ก็เคี้ยวกินท้ังเมล็ด กม็ ีรากตม้ น้ำด่มื แกก้ ล้ามเนอื้ ทอ้ งเกร็ง บำรุงน้ำนม

22 8. ชนดิ และพนั ธข์ องสบั ปะรด 1.พนั ธป์ุ ตั ตาเวยี เป็นสับปะรดท่ีมีชื่อเรียกแตกต่างกัน เช่น สับปะรดศรีราชา สับปะรดปราณบุรี ลักกะตา พันธ์ุตาดำตาแดง ลักษณะทั่วไปมีทรงต้นใหญ่กว่าพันธุ์อื่นๆ ใบมีสีเข้ม ผิวใบด้านบน เป็นเงามัน ขอบใบเรียบอาจมีหนามท่ีปลายใบเล็กน้อย ผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนัก 2-6 กิโลกรัม ก้านผลสั้น เปลือกผลสีเขียว รูปทรงกระบอก หรืออาจมีโคนใหญ่ปลายเรียว เน้ือละเอียด สีเหลือง แกนใหญ่ รสหวานแหลม มีเยอ่ื ใยในเน้ือ ผลเมื่อแก่จะเปลยี่ นเป็นสเี หลืองอมเขียว เหลืองส้ม หรืออาจไมเ่ ปล่ยี นสี ตาค่อนข้างลกึ และเปลอื กหนา 2.พันธุ์อนิ ทรชิตแดง สับ ป ะรดพั น ธ์ุนี้ นับ เป็ น พั น ธุ์ดั้งเดิมของป ระเท ศไท ย ลักษ ณ ะทั่ วไป ใบ จะมีหนามแหลมคม รูปโค้งงอ สีน้ำตาลอมแดงที่ขอบใบ ใบสีเขียวอ่อน ใบด้านไม่เป็น มัน ไมเ่ ป็นร่องชดั เจนเหมือนกับพันธ์ุปัตตาเวยี ขอบใบทั้งสองข้างจะมีแถบสนี ้ำตาลตามยาว ผลมีขนาดเล็ก ผ ล ย่ อ ม นู น เด่ น ต าลึ ก เน้ื อ ใน สี เห ลื อ งท อ ง รส ห ว าน อ่ อ น ไม่ ห อ ม จั ด มี เยื่ อ ใย ม าก ไม่เหมาะกับการทำอุตสาหกรรมเน่อื งจากมผี ลขนาดเลก็ เกินไป 3.พนั ธุอ์ นิ ทรชิตขาว สับปะรดพันธุ์น้ีมีลักษณะของทรงพุ่มค่อนข้างเต้ีย ใบแคบและสั้นกว่าพันธ์ุ อินทรชิตแดง ใบสีเขียวอมเหลืองหรือเขียวใบไม้ ขอบใบหนามงอโค้งสู่ปลาบใบ เน้ือผลสีเหลืองทอง รสหวานอ่อน คณุ ภาพของเนือ้ ไมด่ นี ัก ผลมหี ลายจุก ขนาดผลเลก็ พอ ๆ กบั พนั ธอุ์ ินทรชิตแดง 4.พนั ธุ์ภเู ก็ต สับปะรดพันธ์ุน้ี มีช่ือเรียกในหลายรูปแบบ ท้ังสับปะรดฝร่ัง พันธ์ุสวี พันธุ์ชุมพร โดยมีลักษณะเป็นทรงพุ่มปานกลาง ใบสีชมพูปนแดง ขอบใบมีหนามเรียงตัวกันเป็นระเบียบ ขนาดของผลเล็กกว่าทุกพันธ์ุ ผลเป็นรูปทรงกระบอกได้สัดส่วน น้ำหนักผล 0.5-1 กิโลกรัม

23 ปริมาณเย่ือใยในเน้ือต่ำมาก เนื้อเหลืองสดใส รสชาติหวานหอม กรอบ ปัจจุบันนิยมปลูกทางภาคใต้ โดยจะปลกู แซมสวนมะพรา้ วและยางพาราปลกู ใหม่ ซึ่งแหล่งปลูกท่สี ำคัญ คือ จ.ภูเก็ต,ชุมพร 5.พนั ธ์นุ างแล บางคนเรียกพั นธุ์น้ ำผึ้ ง อาจจัดได้ว่าเป็น พั น ธุ์ย่อย ของพั น ธ์ุปั ตตาเวีย เพราะมีลักษณะของลำต้น ใบ ดอก และรูปร่างอ่ืนๆ คล้ายคลึงกับสับปะรดในกลุ่ม Cayenne ทรงพุ่มไล่เล่ียกัน ขอบใบเรียบไม่มีหนาม ขนาดผลเล็กกว่า มีทรงผลกรม โดยสับปะรดพันธ์ุน้ีผลย่อย คอ่ นข้างโปนออกมาภายนอกผลเปลอื กบาง เมือ่ ปอกเปลือกจงึ ไมม่ สี ่วนของตาฝงั อยู่ขา้ งใน 6.สับปะรดศรีราชา เป็นสับปะรดทขี่ ึ้นทะเบียนส่ิงบ่งช้ีทางภูมศิ าสตร์เม่ือวนั ที่ 15 ส.ค.2558รูปร่างกลมรี มีปลายจุกแหลม น้ำหนักผล 1.5-3.5 กิโลกรัม ก้านผลส้ัน มีไส้ใหญ่ตาค่อนข้างตื้น เปลือกผิวผลดิบ มีสีเขียวคล้ำ ผลสุกมีสีเขียวอิมเหลืองอมส้ม เน้ือละเอียดสีเหลืองอ่อน แต่จะเป็นสีเข้มในฤดูร้อน รสชาติหวานฉ่ำ มีกลนิ่ หอม เก็บเกย่ี วผลผลิตได้เกอื บท้ังปีโดยผลผลิตจะออกมากช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. และเดอื น ต.ค.-ธ.ค.

24 7.สปั ปะรดตราดสที อง เป็นสับ ปะรดสายพั นธ์ุควีน ที่มีคุณ ภ าพ ดี ปลูกง่าย ปลูกได้ตลอดท้ังปี มีผลขนาดใหญ่ หวาน กรอบ ใบแคบและยาวสีเขียวอ่อนมีแถบหรือเส้นสีแดงตอนกลางใย ท่ีขอบใบ มีหนามสีแดงรูปโค้ง จุกมีหยามเหมือนใบ ส่วนผลเป็นรูปทรงกระบอกสม่ำเสมอเปลือกบาง เปลือกสีเขียวอมส้ม ผลแก่สีเหลืองทั้งผล ตานูนและลึก ขนาดผลหนัก 1.8 -1.5 กิโลกรัม เนื้อมีสีเหลืองเข้ม ละเอียด ไม่ฉ่ำน้ำ เย่ือใยน้อยมีช่องว่างในเนื้อ แกนกลางเล็กสม่ำเสมอ เนื้อและแกนกรอบ รสหวานมาก มีกลิ่นหอม สับปะรดตราดสีทองปลูกได้ทุกพ้ืนที่ใน จ.ตราด แต่เจริญ เติบโตได้ดีในพ้ืนที่ที่เป็นท่ีดอน ไม่ชอบที่ชื้นแฉะ ปลูกระหว่างแถวยางพารา ขณะที่ต้นยางพารามีขนาดเล็ก 1-3 ปี พื้นท่ีที่นิยมปลูกมากอยู่ใน อ.เมือง จ.ตราด รองลงมาได้แก่ อ.เขาสมิง และ อ.บอ่ ไร่ 8.สับปะรดห้วยมนุ่ เป็นสับปะรดสายพันธุ์ดีของ จ.อุตรดิตถ์ เป็นพันธุ์ปัตตาเวียจาก จ.ระยอง ชลบุรี แต่เมื่อนำมาปลูกที่ ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งพ้ืนที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นดอยสูง ท่ีเชิงเขา สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 400 เมตร สับปะรดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ มีลักษณะท่ีดีหลายประการ เป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค เช่น เน้ือเหลืองอมน้ำผึ้ง รสชาติหวานฉ่ำ ตาไม่ลึก ทำให้มีส่วนของเนื้อมาก ผลค่อนข้างเล็ก น้ำหนัก 1 -3 กิโลกรัม รับประทานแล้วไม่ระคายคอ ปัจจุบันมีพื้นท่ีปลูกประมาณ 13,000 ไร่ พื้นที่ให้ผลผลิต แลว้ ประมาณ 9,500 ไร่ ได้ผลผลติ เฉล่ีย 6 ตนั ต่อไร่ ฤดูกาลปลูกอย่ใู นช่วงเดอื นมิ.ย.-ก.ค. 9.สับปะรดภแู ลเชยี งราย เป็ น สั บ ป ะ ร ด ใน ก ลุ่ ม ค วี น ที่ ได้ ข้ึ น ท ะ เบี ย น สิ่ งบ่ งชี้ ท า งภู มิ ศ า ส ต ร์ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2548 เม่ือ พ.ศ.2520 นายเอนก ประทีป ณ ถลาง อาจารย์มหาวิทยาลัย ราชภัฏเชียงราย ได้นำหน่อพันธุ์สับปะรดภูเก็ต จากจังหวัดภูเก็ตมาปลูกคร้ังแรกที่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ทำให้สับปะรดภูแลมีลักษณะท่ีแตกต่างจากสับปะรดภูเก็ต

25 คือ ขนาดผลเล็ก มีน้ำหนกั ต้ังแต่ 0.15-1 กโิ ลกรมั จกุ มลี ักษณะชี้ตรว ตาผลเต่งตงึ โปนออกมาจากผล อย่างเห็นได้ชัด เปลือกค่อนข้างหนา เหมาะสำหรับการขนส่งระยะไกล เม่ือสุกเปลือกผลจะมีสีเหลือง หรือเหลืองปนเขียว เน้ือสีเหลือง กรอบ กลิ่นหอม แกนสับปะรดกรอบรับประทานได้ ปลูกได้ ตลอดทั้งปี เก็บเกี่ยวเหลังจากออกดอกประมาณ 120-150 วัน ข้ึนกับฤดูกาล เรียกช่ือสับปะรด ดังกล่าวว่า “สับปะรดภูแล” โดยการนำเอาชื่อ “ภูเก็ต” ซ่ึ งเป็นแหล่งปลูกเดิมมาผสมคำ กับแหลง่ ปลกู ใหม่ คือ “นางแล” 10.สับปะรดภูเกต็ เป็ น ก ลุ่ ม ส า ย พั น ธุ์ ค วี น ซ่ึ ง ได้ ขึ้ น ท ะ เบี ย น สิ่ ง บ่ ง ช้ี ท า ง ภู มิ ศ า ส ต ร์ เมื่อวันท่ี 26 ต.ค.2550 หมายถึงสับปะรดที่อยู่ในสายพันธุ์ควีน ซ่ึงปลูกใน อ.เมืองกะทู้และ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ลักษณะใบมีสีเขียวอ่อน มีแถบสีแดงบริเวณกลางใบ ขอบใบเรียบ มีหนามสีแดงตลอด ความยาวของใบ ผลรปู ทรงกระบอกขนาดกลาง มีนำ้ หนักต้ังแต่ 0.9-1.6 กิโลกรัม ตัวจกุ มีลกั ษณะตรง หรือเอียง ตาผลลึก เนื้อมีสีเหลืองเข้มสม่ำเสมอ กลิ่นหอม เย่ือใยน้อย รสชาติหวานกรอบ แกนผลมคี วามกรอบมากแตร่ บั ประทานได้ 11.พนั ธุเ์ พชรบุรี 1 เป็นสบั ปะรดกล่มุ ควีนที่มีการปรบั ปรุงสายพันธุ์จากประเทศไต้หวนั โดยกรมวิชาการ เก ษ ต รที่ ศู น ย์ วิ จั ย พื ช ส ว น เพ ช รบุ รี ลั ก ษ ณ ะ ท่ั ว ไป น้ั น เป็ น ผ ล สั บ ป ะ รด ข น าด ให ญ่ น้ำหนัก 1.5-2 กิโลกรัม ตาโต ร่องตาลึก คล้ายพันธตุ์ ราดสที อง เน้ือสีเหลืองเข้มตลอดผล เย่อื ใยน้อย รสชาตหิ วาน กล่นิ หอม ขอบใบมหี นามแหลมคม จุกมหี นาม 12.พนั ธ์ุเพชรบุรี 2 เป็นสับปะรดท่ีนำสายพันธ์ุเข้ามาจากฮาวาย ผลใหญ่มาก น้ำหนักผล 2-4 กิโลกรัม อายุการบังคับดอกนานกว่าทุกสายพันธ์ุ ใบไม่มีหนาม เน้ือสีขาว อ่อนนุ้ม ฉ่ำน้ำ รสชาติหวานมาก เปน็ สบั ปะรดทใ่ี ห้จำนวนหน่อนอ้ ยที่สดุ 13.พนั ธุภ์ ูชวาหรือไซโก้เบอร์ 6 เป็นสับปะรดท่ีพัฒนาข้ึนโดย รศ.จารุพันธ์ ทองแถม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในโครงการวิจัยท่ี จ.ระยอง ขนาดผลน้ำหนัก 1.2-1.5 กิโลกรัม ผลอ่อนเปลือกสีเขียวอ่อน เมื่อสุกจะเปล่ียนเป็นสีเหลืองทองสวยงามท้ังผล เนื้อสีเหลืองทองตลอดผล เนื้อนุ่มไม่มีเยื่อใย เค้ยี วไปไม่ตดิ ฟัน มีกลนิ่ หอม 14.พนั ธ์ุ MD2 หรือคนไทยเรียกว่า “พันธ์ุเหลืองสายร้อยยอด” หรือ “พันธุ์หอมสุวรรณ” เปน็ สับปะรดลูกผสมจากฮาวาย สหรัฐอเมริกา ใช้บริโภคผล

26 9. สรรพคณุ และประโยชนข์ องสบั ปะรด สับปะรดจัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกชนิดหน่ึง โดยประโยชน์ของสับปะรดน้ันมีอยู่ หลากหลาย เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ จำนวนมาก ซึ่งไดแ้ ก่ คาร์โบไฮเดรต วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 กรดโฟลิก ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุแมงกานีส ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี เป็นต้น ซ่ึงเหล่านี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพเราเป็นอย่างมาก และสรรพคุณสับปะรด ทางสมุนไพรน้ัน ก็ช่วยรักษาอาการต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายเช่นกัน เช่น โรคบิด โรคน่ิว ช่วยบรรเทาอาการแผลเป็นหนอง ขบั ปัสสาวะ เปน็ ตน้ สรรพคณุ ของสับปะรด 1. ช่วยเสริมสรา้ งระบบภมู ิคุ้มกันในรา่ งกายให้แข็งแรง 2. ช่วยลดอตั ราความเสีย่ งจากการเกดิ โรคมะเรง็ 3. ชว่ ยบรรเทาและรกั ษาอาการหวดั ได้ 4. ช่วยให้เลอื ดลมไหลเวยี นได้ดีมากข้นึ 5. ชว่ ยใหส้ ขุ ภาพในชอ่ งปากแขง็ แรง ป้องกันไมใ่ ห้เกดิ โรคเหงือก 6. ช่วยบรรเทาอาการรอ้ น กระสับกระส่าย หิวน้ำ 7. ชว่ ยแก้อาการท้องผกู ขับถ่ายไม่สะดวก 8. ชว่ ยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีน 9. ช่วยลดเสมหะในลำคอได้ 10. ช่วยในการขับปัสสาวะ ปัสสาวะไมอ่ อก 11. ช่วยรกั ษาโรคนิ่ว 12. ช่วยรกั ษาโรคไตอักเสบ 13. ชว่ ยรักษาโรคความดนั โลหติ สงู 14. ชว่ ยรกั ษาโรคหลอดลมอกั เสบ 15. ช่วยบรรเทาอาการของโรคบิด 16. เชอื่ ว่าช่วยรกั ษาและบรรเทาอาการของโรคนิว้ ล็อก (Trigger finger) 17. ชว่ ยรกั ษาอาการบวมน้ำ 18. ชว่ ยรกั ษาอาการแผลเปน็ หนอง 19. ช่วยแกป้ ญั หาส้นเทา้ แตก 20. ชว่ ยลดการอักเสบจากบาดแผล 21. เป็นยารกั ษาโรคผวิ หนงั

27 10. การบรโิ ภคอาหารเพอื่ สุขภาพ ก ารดู แ ล สุ ข ภ าพ เพื่ อ ให้ ร่ างก า ย ส ม บู ร ณ์ แ ข็ งแ รงนั้ น ก าร รู้จั ก เลื อ ก รับประทานอาหาร ถือเป็นสิ่งสำคัญโภชนบัญญัติ 9 ประการ เป็นข้อบัญญัติท่ีกระทรวงสาธารณสุข จัดทำข้ึนเพื่อแนะนำประชาชนให้มีความรู้ และความเข้าใจในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ซง่ึ ประกอบด้วย 1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว เพ่ือให้ได้สารอาหารท่ีร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน และมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่อ้วน หรอื ผอมไป 2. กินข้าวเป็นหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางม้ือ เลือกกินข้าวกล้องแทน ข้าวขาว จะไดค้ ณุ ค่าและใยอาหารมากกว่า 3. กิ น พื ช ผั ก ให้ ม า ก แ ล ะ กิ น ผ ล ไม้ เป็ น ป ร ะ จ ำ กิ น ผั ก ผ ล ไม้ ทุ ก ม้ื อ จะช่วยสรา้ งภูมคิ ุ้มกนั โรค และตา้ นมะเรง็ ได้ 4. กินปลา เน้ือสัตว์ไม่ติดมัน ไข่และถ่ัวเมล็ดแห้งเป็นประจำปลาเป็นโปรตีน คณุ ภาพดแี ละย่อยงา่ ย ไขเ่ ปน็ อาหารท่ีหาง่าย ถั่วเมล็ดแหง้ เปน็ โปรตนี จากพชื ทีใ่ ช้กนิ แทนเนอื้ สัตว์ได้ 5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย นมช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรงเด็กควรดื่มนม วันละ 2 – 3 แก้ว ผู้ใหญค่ วรดมื่ นมพร่องมนั เนย วนั ละ 1 – 2 แก้ว

28 6. กนิ อาหารท่ีมไี ขมันแต่พอควรกินอาหารประเภททอด ผัดและแกงกะทิแต่พอควร เลอื กกินอาหารประเภทต้ม นึ่ง ย่าง (ท่ไี มไ่ หมเ้ กรยี ม) แกงไมใ่ ส่กะทิ เป็นประจำ 7. หลีกเล่ียงการกินอาหารรสหวานจัด และเค็มจัด กินหวานมากเสี่ยง ต่อการเกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือด กินเค็มมากเส่ียงต่อการเกิดโรค ความดนั โลหติ สงู 8. กินอาหารท่ีสะอาด ปราศจากการปนเป้ือน อาหารท่ีไม่สุกและปนเป้ือนเช้ือโรค และสารเคมี เช่น สารบอแรกซ์ สารกนั รา สารฟอกขาว ฟอรม์ าลีน และยาฆา่ แมลง ทำให้เกดิ โรคได้ 9. งดหรือลดเคร่ืองดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะทำให้มีความเส่ียงต่อการเกิดโรค ความดันโลหิตสงู โรคตบั แข็ง โรคมะเรง็ หลอดอาหาร และโรคร้ายอีกมากมาย จากสภาพสังคมในปัจจุบันบางทีก็เหมือนจะบีบบังคับให้เราต้องทำลายสุขภาพ ตัวเราเองไปโดยปริยาย เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เกี่ยวกับการรับประทานอาหารในยุคปัจจุบัน ให้เรายึดหลักไว้ กินข้าวเช้ามาก ๆ ข้าวเย็นน้อย งดม้ือดึก กินอาหารธรรมชาติให้มากที่สุด ถ้าเป็นไปได้กินพออ่ิม อย่ากินเพราะว่าอร่อย อย่ากินจนเกินอ่ิม เลือกกินอาหารแทนยามิใช่ กินยาแทนอาหาร กินอาหารที่ปลอดภัย มาสนใจการออกกำลังกาย เพราะฉะนั้นแล้วเราไม่ควร หยุดย้ังเรื่องการดูแลใส่ใจสุขอนามัยจะเลิศล้ำเมื่อเราดูแลทุกองค์ประกอบร่างกายเราก็จะแข็งแรง มีชวี ติ ยนื ยาว จึงเป็นข้อคดิ และสามารถนำไปปรับใช้ในการรับประทานอาหารของแตล่ ะวันใหถ้ ูกตอ้ ง

29 บทที่ 3 วิธีการศึกษาและการดําเนินงาน จากการศึ กษ าโครงงาน น้ ำพ ริกสับ ป ะรด เป็ น โครงงาน ท่ี นํ าผลไม้น้ั น คือสับปะรดมาทำน้ำพริกมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการทำน้ำพริกสับปะรด การใช้เวลาว่าง ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ามารถนํามาเป็นอาชีพและสร้างรายได้เสรมิ จากการศึกษาโครงงาน น้ำพริกสับปะรด เพ่ือศึกษาเก่ียวกบั การออกแบบผลิตภัณฑ์ ประเภทของผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตตลอดจนการศึกษาช่องทางจัดจําหน่ายเพื่อส่งถึงมือผู้บริโภค และการศึกษ าการ บั นทึ กบัญ ชี นอกจากนี้ยังสรุปรายงานการด ำเนิ นโครงงาน เสน อ ต่อคณ ะกรรมการบริหารประกอบการศึกษา หลักสูตรป ระกาศนียบัตร วิชาชีพ ชั้นสูง สาขาการจัดการธุรกิจค้าปลีกเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวคณ ะ ผู้จัดทําโครงงาน จึงกาํ หนดการดําเนินงานดงั ต่อไปน้ี 3.1 การเสนอโครงงานร่างและขอแต่งตั้งอาจารย์ท่ีปรึกษา 1. คณ ะผู้จัดทำโครงงานทำโครงร่างและเสน อความสำคัญ ของโครงงาน วตั ถุประสงค์ขอบเขตการศึกษา แผนการดำเนินงาน วิธีการปฏิบัติค่าใช้จ่าย ผลท่ีคาดว่าจะได้รับและ จัดพิมพ์เอกสารรายงานเพ่ือขอรับคำแนะนำปรับปรุงแก้ไขต่อผู้ทรงคุณวุฒิหรืออาจารย์ที่ปรึกษา ระหว่างวนั ท่ี 3 กรกฎาคมพ.ศ.2563 ถงึ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 2. คณะผู้จัดทำโครงงานจะเสนอเอกสารต่อคณะกรรมการบริหารโครงงาน เพ่ือขอ อนมุ ัตโิ ครงงานน้ำพริกสบั ปะรด แต่งตัง้ อาจารย์ทปี่ รึกษาโครงงานเปน็ อนั ดบั ต่อไป 3. แผนการปฏิบัติการศึกษาโครงงานน้ำพริกสับปะรด คณะผู้จัดทำโครงงานจึงได้ เสนอแนะการปฏบิ ตั งิ านโดยเริ่มจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ 3.2 ศกึ ษาวิธกี ารจัดทำโครงงานและเลือกหัวข้อโครงงาน 1.คณะผู้จัดทำโครงงานศึกษาการจัดทำโครงงานจากอาจารย์ผู้สอนส่ือการนำเสนอ แล ะเอก ป ระก อบ การเรีย น รายวิช าโค รงงาน รหั ส วิช า 3211–8501 ใน ภ าค เรียน ท่ี 1 และภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 2.คณะผู้จัดทำโครงงานจะนำเสนอโครงงานต่ออาจารย์ผู้สอนระหว่างวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2563 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อขอรับคำแนะนำและการประเมินความเป็นไปได้ ของโครงงาน

30 3.การศึกษาเก่ียวกับการออกแบบ คณะผู้จัดทำโครงงานจะสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ ขั้นตอนการทำผลิตภัณฑ์ จากหนังสือเอกสารต่าง ๆ และบุคคลใกล้ชดิ 4.ก า ร ศึ ก ษ า ห า ข้ อ มู ล เก่ี ย ว กั บ ขั้ น ต อ น ก า ร ด ำ เนิ น ง า น ห รื อ ข้ั น ต อ น ก า ร ผ ลิ ต คณะผู้จัดทำโครงงานสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับข้ันตอนการผลิตน้ำพริกสับปะรด และเอกสารเก่ียวกับการ ผ ลิ ต ต่ าง ๆ ได้ แ ก่ https://www.m-culture.go.th/songkhla/ewt_ news.php?nid =1418& filename=index 3.3 การสำรวจข้อมูลการดำเนินธุรกิจ ผลติ และการจดั จำหนา่ ย สำรวจแหล่งการเรียนรู้อาชีพการดำเนินธุรกิจ การผลิตและจัดจำ หน่าย จากนายอุมา สะอิ ซ่ึงเป็นผู้ให้คำปรกึ ษาเก่ยี วกับโครงงานนำ้ พรกิ สับปะรด 3.4 แผนการปฏิบัติงานการศึกษาโครงงาน จากการท่ีคณะผู้จัดทำโครงงานไดท้ ำการสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับข้ันตอนการทำน้ำพริก สับปะรดจากเว็บไซต์และเอกสารต่าง ๆ เพราะเป็นขั้นตอนที่อาศัยความคิดสร้างสรรค์และความ อดทนซ่ึงมขี ั้นตอนการดำเนนิ งานโดยปรากฏดังภาพต่อไปน้ี วัสดอุ ุปกรณ์ 1. เขยี ง/มดี 2. ครก/สาก 3. เคร่อื งป่นั 4. กระทะ

5. เตาแก็ส 31 7. จาน 9. ตะหลิว 6. นำ้ มนั พืช 8. ถ้วย 10. ชอ้ น

32 ข้นั ตอนการดำเนนิ งาน ข้นั ตอนท่ี 1. ห่นั สับปะรดเป็นช้ินๆ แลว้ นำไปป่นั ให้ละเอยี ด ขั้นตอนที่ 2. นำสับปะรดทป่ี น่ั เสรจ็ แลว้ ไปกวนปรุงรสดว้ ยนำ้ ตาล เกลอื แลว้ กวนใหน้ ำ้ สบั ปะรดแหง้ ขั้นตอนที่ 3. ซอยกระเทยี ม หอมแดง แล้วนำไปทอด ขั้นตอนที่ 4. นำเมลด็ มะขามเปยี กออกแล้วสบั ใหล้ ะเอียด

33 ขน้ั ตอนที่ 5. ตำพริกให้ละเอียดใส่กระเทียม หอมแดงทอด กะปิและมะขามเปียกที่สับโคลกรวมกัน ให้ละเอยี ดใสส่ บั ปะรดกวนลงไปคลกุ เคลา้ ให้เขา้ กนั ขน้ั ตอนท่ี 6. ใสบ่ รรจภุ ณั ฑพ์ รอ้ มจำหนา่ ย

34 แบบสอบถาม แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน นักศึกษาที่มีต่อโครงงานน้ำพริกสับปะรด ระดับปวส.2 สาขาวชิ าการจัดการธุรกิจค้าปลีก วิทยาลยั อาชวี ศึกษาผดุงประชายะลา คำช้แี จง โปรดทำเครอ่ื งหมาย / ลงในช่อง ที่ตรงกับความเป็นจริง เพ่ือเปน็ ประโยชน์ในการ ปรับปรุงพฒั นาผลงาน โครงงานของนกั เรยี น นักศกึ ษาครง้ั ตอ่ ไป ตอนที่ 1 ขอ้ มลู พนื้ ฐาน โปรดทำเครื่องหมาย / ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ความเป็นจรงิ 1. เพศ ชาย หญงิ 2. อายุ 17-19 ปี 20-22 ปี 23 ปีข้นึ ไป 3. ระดบั ชัน้ ปวส.2/1/6 ปวส.2/2/6 ปวส.2/3/6 ตอนที่ 2 โปรดทำเครื่องหมาย ลงในช่องท่ีทา่ นมีความเห็นในแบบสอบถามในหัวข้อต่างๆดังต่อไปนี้ ระดับ 5 = มากที่สดุ 4 = มาก 3 = ปานกลาง 2 = นอ้ ย 1 = น้อยทส่ี ุด ระดับความพึงพอใจ รายการประเมนิ 5432 1 1. น้ำพรกิ สบั ปะรด ชือ่ โครงงานมีความสอดคล้องกบั ผลิตภัณฑ์ 2. น้ำพรกิ สบั ปะรด เปน็ โครงงานนวตั กรรมท่เี กิดขน้ึ มาใหม่ 3. นำ้ พรกิ สับปะรด มีสสี นั รสชาตดิ ี นา่ รบั ประทาน 4. นำ้ พรกิ สบั ปะรด มรี ูปแบบของบรรจภุ ัณฑท์ ี่เหมาะสม 5. นำ้ พริกสบั ปะรด ใช้ต้นทนุ ในการผลติ ตำ่ 6. นำ้ พริกสับปะรด เป็นการถนอมสบั ปะรดใหม้ ีอายุนานข้ึน 7. น้ำพรกิ สับปะรด มรี าคาเหมาะสมกับคณุ ภาพและปริมาณ 8. นำ้ พริกสับปะรด เป็นน้ำพรกิ ท่ีมีประโยชน์ทางโภชนาการ 9. น้ำพริกสับปะรด สามารถสร้างอาชีพเสริมและสร้างรายได้ เสรมิ ใหก้ ับตนเองและชุมชน 10. นักเรียน นักศึกษา มีความพึงพอใจต่อโครงงาน น้ำพริก สับปะรด ขอ้ เสนอแนะ…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………............................................................................................................................. ........

35 3.5 การประเมนิ ผลงานโดยแบบสอบถามความพึงพอใจของคณะผูจ้ ัดทำโครงงาน จากการทำโครงงานเรื่อง น้ำพริกสับปะรด ผู้จัดทํา ได้จัดท ำแบบประเมิน ความพึงพอใจต่อโครงงาน น้ำพริกสับปะรด จำนวน 60 ชุด โดยให้ นักศึกษาระดับช้ัน ปวส.2/1/6 และปวส.2/3/6 รวม สาขาการจัดการธุรกิจค้าปลีก วิทยาลัยอาชีวศึกษาผดุงประชาย ะลา เพราะเป็นส่วนหน่ึงที่จะทำให้ผู้จัดทำโครงงาน ได้รู้เก่ียวกับความพึงพอใจของบุคคลท่ีสนใจ ในชิน้ งานน้ีโดยมหี ัวข้อประเมนิ ดังนี้ แบบประเมินความพึงพอใจทั้งหมด มี 3 ขั้นตอน 1. ข้อมลู ทัว่ ไป 1.1 เพศ 1.2 อายุ 1.3 ระดบั การศกึ ษา 2. แบบประเมนิ ความพึงพอใจ จากการทำโครงงานเรื่อง น้ำพริกสับปะรด ได้จัดทำแบบสอบถามความพึงพอใจ ในโครงงาน โดยมีซ่องประเมินเก่ียวกับข้ันตอนการดําเนินงานต่าง ๆ เพ่ือให้ผู้ประเมินรางคะแนน ตามความเหมาะ ซึ่งแบง่ เป็น 5 ระดับคือ ระดับที่ 5 หมายถึงความพงึ พอใจ มากทส่ี ุด ระดบั ท่ี 4 หมายถึงความพงึ พอใจ มาก ระดบั ที่ 3 หมายถึงความพงึ พอใจ ปานกลาง ระดบั ท่ี 2 หมายถงึ ความพงึ พอใจ นอ้ ย ระดบั ท่ี 1 หมายถึงความพงึ พอใจ น้อยทีส่ ดุ 3. ขอ้ เสนอแนะ การจัดทำโครงงาน น้ำพริกสับปะรด มีข้อเสนอแนะในแบบประเมินความพึงพอใจ น้ัน เพื่อที่จะให้ ผู้ประเมินสามารถที่จะแสดงความคิดเห็นที่มีต่อโครงงาน น้ำพริกสับปะรด เพื่อเพิ่มเติมหรือแก้ไข จุดบกพร่องต่างๆ ที่อาจจะเกิดข้ึนได้ในการจัดทำโครงงาน น้ำพริกสับปะรด ทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมาดีย่ิงขึ้น โดยมีรูปแบบของแบบประเมินความพึงพอใจของโครงงาน เรอ่ื ง น้ำพรกิ สบั ปะรด

36 บทที่ 4 ผลการศกึ ษาและการดำเนินงาน จากการศึกษ าโครงงาน น้ ำพ ริกสับ ป ะรด เป็ น โครงงาน ที่ น ำสับ ป ะรด มาทำเป็นน้ำพริกมีวัตถุประสงค์เพ่ือนำสับปะรดมาแปรรูปเป็นน้ำพริกเพื่อเพ่ิมมูลค่า นำมาเป็นอาชีพ และรายได้เสริม น้ำพริกที่คนส่วนใหญ่นิยมรับปะทานกันอย่างแพร่หลายและมักรับประทานน้ำพริก กนั ทุกครัวเรอื นเพ่ือเพิ่มความอยากในการรับประทานอาหาร มสี ีสนั กล่นิ ที่น่ารับประทาน สังคมไทย มีความก้าวหน้าของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพ่ือตอบสนอง ความต้องการด้านต่างๆ อีกท้ังยังสามารถนำผลไม้มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้อย่างครบวงจร จึงทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผลไม้ของไทยท่ีมีมากท่ีทำให้ราคาผลไม้ถูกลงและล้นตลาด นำมาเพิ่มมูลค่าให้กับผลไม้ของไทย จึงออกแบบแปรรูปสับปะรดนำมาทำเป็นน้ำพริกสับปะรด เพ่ิมคุณค่าได้มากกว่าเดิม 4.1 ผลการออกแบบผลิตภัณฑ์ นำ้ พริกสับปะรด เน่ืองจากคณะผู้จัดทำได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ของสับปะรด ท่ีสามารถนำมาแปรรูป ให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณค่า ดังเช่นงานน้ำพริกสับปะรด ซึ่งเป็นอีกหน่ึงวัฒนธรรมทางด้านอาหาร ท่ีทรงคุณค่าของประเทศไทยทางคณะผู้จัดทำได้เล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ที่มีต่อผลไม้ของไทย อย่างสับปะรด จึงได้จัดทำผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ข้ึนมา เพ่ือบ่งบอกถึงความแปลกใหม่และด้วยรูปแบบสีสัน และความน่ารับประทานของน้ำพริกสับปะรดที่น่าสนใจ ที่สามารถเป็นเมนูน้ำพริกชนิดหนึ่งที่คนส่วน ใหญ่นยิ มรับประทานกนั ดังน้ัน จึงได้นำสับปะรด มาแปรรูปเป็นน้ำพริกผลไม้เพ่ือเป็นเมนูน้ำพริก ที่รับประทานกันโดยทั่วไป นอกจากเราจะได้ประโยชน์จากข้อดีตรงนี้แล้ว ยังเป็นการขยายขีดจำกัด ของการแปรรูปผลไม้จากสับปะรดและสามารถนำมาออกจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้ให้กับตนเอง และครอบครัวอีกท้ังยังสามารถกระจายรายได้ให้กับสังคม เน่ืองจากสับปะรดเป็นผลิตภัณฑ์ท่ี เกิดจากฝีมือของคนในสังคมซ่ึงทีได้คิดค้นท่ีได้จัดทำขึ้นมาจากความสามารถและความร่วมมือ ของคณะผู้จัดทำท่ีสามารถตอบสนองความต้องการของตัวเอง สังคม และผู้ที่สนใจในงานชิ้นน้ี ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันได้ สามารถนำไปจำหน่ายได้จริง ซ่ึงวัตถุดิบสำคัญในการทำผลิตภัณฑ์ช้ินงาน น้ีคอื สบั ปะรดที่นำแปรรูปจนเกิดเป็น น้ำพริกสับปะรด และยงั เป็นการช่วยสนบั สนุน กระจายรายได้ ให้แก่คนในสังคม จากการที่ได้มีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ช้ินนี้มีความแปลกใหม่ โดดเด่น และด้วยรูปแบบของผลิตภัณฑ์ท่ีน่าสนใจ รวมท้ังการศึกษาการออกแบบ รสชาติ สีสัน ของผลิตภัณฑ์จากผู้ให้ความรู้ ความชำนาญโดยตรงให้ความรู้และคำชี้แนะ รวมทั้งแนวทาง การแก้ปัญหาของข้ันตอนการปฏิบัติงานอีกด้วย ไม่เคยมีการจำหน่ายในท้องตลาดมาก่อน

37 ซ่ึงเป็นจุดเด่นของโครงงาน น้ำพริกสับปะรด อย่างแท้จริงผลงจากผลงานผลิตภัณฑ์ชิ้นน้ี ที่มีความแปลกใหม่มีความสวยงาม คณะผู้จัดทำก็ได้ทำผลงานออกมาประสบความสำเร็จ ซ่ึงมีความน่ารับประทาน รสชาติ ขนาดและรูปร่างได้มาตรฐานสามารถนำมารับประทานได้และ อรอ่ ยสำหรบั การออกแบบของคณะผ้จู ดั ทำโครงงานมี 2 แบบ 4.2 ผลการสำรวจข้อมูลการดำเนนิ ธุรกจิ ผลติ และการจดั จำหน่าย คณะผู้จัดโครงงานจะสืบข้อมูลเก่ียวกับการดำเนินธุรกิจผลิตและการจัดจำหน่าย เรื่อง น้ำพริกสับปะนด โดยได้ข้อมูลจาก นางสาวมารียัม สะอิ บ้านเลขท่ี 78/9 หมู่ 3 ตำบลสุวารี อำเภอรือเสาะ จงั หวดั นราธวิ าล 96150 ซึ่งเปน็ ผ้ใู หค้ ำปรึกษาเกี่ยวกบั โครงงาน น้ำพริกสบั ประด ทางด้านผลิตภัณฑ์ นางสาวซูรายา มูลอได้แนะนำเกี่ยวกับการเลือกวัตถุดิบ ท่ีจะนำมาผลิตเป็นน้ำพริกและการเลือกส่วนประสมต่างๆท่ีใช่ในการทำน้ำพริก และเป็นที่ดึงดูด ความสนใจแก่ผู้ซ้อื ทางด้านการจัดจำหน่าย นายอดุลย์ เระสะอะ ได้แนะนำเทคนิคการขาย โดยยึดถือความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ใส่ใจในความต้องการของลูกค้า การบริการที่ดี ควบคู่ไปกับสินค้าทีมีคุณ ภ าพ เป็นการดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซ้ือผลิตภัณ ฑ์ใหม่อีกคร้ัง จะทำให้เกดิ การซือ้ ซ้ำ ทำให้ทางรา้ นมียอดขายดีเพมิ่ ข้ึน สขุ ใจทัง้ ผู้ซ้อื และผู้ขาย 4.3 ผลแผนการปฏบิ ัติงานการศกึ ษาโครงงานเรื่อง น้ำพริกสบั ปะรด จ าก ก า รท่ี ค ณ ะ ผู้ จั ด ท ำโค รงงาน ได้ แ ป ร รูป สั บ ป ะ ร ด ม าเป็ น น้ ำพ ริ ก ที่มีชื่อว่า น้ำพริกสับปะรด เสร็จส้ินสมบูรณ์แล้วทางคณะผู้จัดทำได้เจอปัญหาในเร่ืองการทำน้ำพริก เนื่ อ งจากค ณ ะผู้ จัด ท ำโครงงาน ได้เลือ กใช้สั บ ป ะรด ม าท ำเป็ น วัตถุ ดิบ ข อ งน้ ำพ ริก ซึ่ งสับ ป ะรด มหี ลายสายพันธุ์ และรสชาติของสับปะรดเองก็ไม่เหมือนกันคุณภาพของสับปะรดเองก็ไม่เท่ากนั ด้วย ทำให้รสชาติในการทำอาจมีการเปลี่ยนแปลงในบ้างครั้ง วิธีแก้ปัญหาคือ การเลือกซ้ือสับปะรด ที่สุกพ อดีๆไม่สุกมากเกินไป ท่ีสม บูรณ์ ไม่มีรอยชำหรือไม่มีหัวหรือก้านของสับปะรด ควรเลือกสับปะรดที่มีคุณภาพในการนำมาทำน้ำพริกและเลือกพันธ์ุท่ีมีความหวานและถ้าหากไม่มี หรือขาดตลาดกใ็ ช่สายพนั ท์ ่ใี กลเ้ คียงมาทดแทนกนั

38 4.4 ผลการออกแบบแผนธุรกิจ แผนธุรกจิ นำ้ พริกสบั ปะรด 1. สรุปความเป็นมาของธรุ กิจ 1.1 ชื่อเจา้ ของธุรกิจ นายอดลุ ย์ เระสะอะ ช่อื กิจการ ชลิ ล่ี ชลิ ล์ ที่ตัง้ ของสถานที่ประกอบการ 78/9 หมทู่ ี่ 3 ตำบล สวุ ารี อำเภอ รอื เสาะ จังหวดั นราธวิ าล รหัสไปรษณีย์ 96150 1.2 ประเภทสนิ คา้ หรือบริการ/ตราผลิตภณั ฑ์ จากรูปของโลโกท้ ส่ี อ่ื ถึงผลติ ภณั ฑ์ สีของพื้นหลงั ท่ีหมายถึงน้ำ และภายในโลโก้ ก็มีรูปของพริก รูปของสบั ปะรด เลยเปน็ ท่ีมาของโลโก้ นำ้ พริกสบั ปะรด 1.3 มูลเหตุจูงใจ หรือแรงบันดาลใจท่ีทำให้ประกอบธุรกิจ ปัจจุบันหลายคนหันมารับสุขภาพ ดูแลสุขภาพ และเลือกท่ีจะบริโภคอาหารที่มี ประโยชน์ เลยทำให้เกิดผลิตภัณฑ์น้ีข้ึนมา น้ำพริกสับปะรด น้ำพริกเพื่อสุขภาพช่วยในการเจริญ อาหารและช่วยในการขับถ่าย น้ำพริกเป็นเมนูที่ทุกบ้านตอ้ งมีหลายคนต้องทาน เป็นเมนูที่อยู่คู่กับคน ไทยมาตงั้ แต่โบราณ และคนเฒา่ คนแกก่ น็ ยิ มทานกนั ทำให้มสี ขุ ภาพท่ดี ี

39 1.4 แนวคิดและความเปน็ ไปได้ในการดำเนินธรุ กจิ น้ำพริกสับปะรดเป็นน้ำพริกเพ่ือสขุ ภาพ ทำให้เจรญิ อาหาร คู่แข่งของนำ้ พริกสับปะรดมี ไม่มากในตลาดก็ไม่มีน้ำพริกผลไม้ที่เป็นสับปะรด มีน้ำพริกแอปเป้ิล ลำไย และอื่นๆ ไม่มีน้ำพริก สับปะรด ทำให้คู่แข่งน้อย ทำให้เป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจมีมากข้ึน โดยการทำให้น้ำพริกของเรา เปน็ ท่รี ูจ้ กั และยอมรบั และกลายเปน็ ทน่ี ิยม 2. การวเิ คราะห์สถานการณ์ (SWOT) 2.1 จุดแข่ง ( ปจั จัยภายในองคก์ รที่ทำใหเ้ กดิ กิจการมีความไดเ้ ปรยี บคูแ่ ข่ง 4 p’s) 1. เป็นผลิตภณั ฑ์ทเ่ี กดิ ข้ึนใหม่ 2. สามารถรบั ประทานได้ทกุ ช่วงวัย 3. ใช้ต้นทุนในการผลิดตำ่ 4. มคี วามปลอดภยั ปราศจากสารกันบดู 5. ราคาดขา้ ถึงง่ายกวา่ คแู่ ข่ง 6. มคี วามรูแ้ ละสูตรในการผลติ นำ้ พริก 7. มีช่องทางการจัดจำหน่ายท่ีชัดเจน 8. มีสนิ ค้าทดลองให้ลูกคา้ ได้เลอื กซ้ือ 9. มีสสี นั ความแปลกใหม่ และนา่ รบั ประทาน 10. ซื้อ 1 แถม 1 ชิ้น 2.2 จุดอ่อน (ปัจจัยภายในองคก์ รท่ที ำใหก้ จิ การมีความเสยี เปรยี บคูแ่ ข่ง ) 1. ตราสนิ คา้ ยังไมเ่ ป็นท่รี จู้ กั ของผู้บริโภค 2. เปน็ มือใหม่ ยังขาดความรู้ และประการณ์ 3. มีสินค้าทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั จำนวนมาก 4. สนิ ค้าสามารถเลียงแบบได้งา่ ย 5. สนิ ค้ามแี ค่น้ำพริกสบั ปะรดอย่างเดียว ยงั ไม่เปน็ ที่ดึงดูดลูกคา้

40 2.3 โอกาส ( ปัจจัยภานนนอกท่ีสง่ เสรมิ หรอื สนับสนนุ ให้กิจการเติบโตไดใ้ นอนาคต) 1. เป็นทค่ี า้ ที่ทุกบ้านนิยมทาน และมเี อกลักษณท์ ่ีคดิ คน้ เอง 2. น้ำพรกิ เปน็ สินค้าทีค่ นทั่วไปรูจ้ กั และรับประทานกัน 3. วัตถดุ บิ ทีใ่ ช้เป็นวตั ถดุ บิ จากชุมชน มคี ุณภาพ มีความปลอดภยั 2.4 อุปสรรค ( ปัจจัยภายนอกทีท่ ำให้กจิ การไมร่ ่งุ เรือน เติบโตเป็นอปุ สรรคต่อการ ดำเนินธุรกจิ ) 1. สนิ คา้ เลียนแบบได้ง่าย 2. สตู รและวิธีการทำน้ำพริกของผผู้ ลติ แตล่ ะราย 3. ความเสี่ยงในเร่อื งผลผลิต หรือความผันผวนของราคาวตั ถดุ บิ 4. มคี แู่ ขง่ ในตลาดจำนวนมาก 5. ขาดความรู้ดา้ นการตลาด และเทคโนโลยี 3. ปจั จยั ทีน่ ำไปส่คู วามสำเร็จ 1. คุณภาพสนิ คา้ 2. แบรนด์เด่น 3. มกี ารบริหารจดั การเยย่ี ม 4. หาตลาดต่อเนอื่ ง 5. เงินทนุ เพยี งพอ 6. ทำเลท่ตี ัง้ ดี 7. มคี วามกล้าไดก้ ลา้ เสีย 8. มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ 9. มีความสำพันธ์ที่ดีกบั ลูกค้า 10. นำประสบการณม์ าปรับใชเ้ พอื่ ความสำเร็จ 11. มคี วามรบั ผดิ ชอบ

41 12. มคี วามกระตือรอื รน้ 13. มีความใฝ่หาความร้ตู า่ งๆเกี่ยวกับธุรกจิ 14. สามารถปรับตัวตามสภาพแวดล้อม 15. มคี วามม่งุ มน่ั ชดั เจนในเป้าหมาย 16. รกั ในสงิ่ ทีท่ ำ 4. แผนการจดั การ ประธาน นายอดลุ ย์ เระสะอะ ฝ่ ายการตลาด ฝ่ายบญั ชี ฝ่ ายการผลิต ฝ่ายคลงั สนิ คา้ และจดั สง่ นาสาวมารยี มั สะอิ นาสาวมารียมั สะอิ นาสาวสารตี า เจะแห นายอดลุ ย์ เระสะอะ ฝ่ายจดั ซือ้ ฝ่ายจดั ซือ้ ฝ่ายประชาสมั พนั ธ์ นาสาวซูรายา มลู อ นาสาวซูรายา มลู อ นาสาวสารตี า เจะแห ประธานบริษทั มหี น้าท่ีบริหารจัดการและควบคุมดูแลการดำเนนิ กจิ การทีเ่ กยี่ วข้องกบั การบริหารงาน ฝ่ายการตลาด มหี นา้ ที่นำสนิ ค้าออกไปสู่ตลาด ให้เปน็ ท่รี ู้จักหรอื ไมน่ ำออกไปส่ชู อ่ งทาง จำหนา่ ยตา่ งๆ ฝ่ายบญั ชี มหี น้าท่ลี งบัญชีในทุกๆ รายการทเ่ี กินข้ึนในกจิ การ และอาจรวมถงึ เปน็ ผดู้ ูแล เงินของบริษทั อีกดว้ ย ฝา่ ยการผลติ มหี นา้ ท่ีผลิตสนิ ค้า ตามท่ีแผนกสนิ ค้าได้ออกแบบไว้หรือผลติ ตามคำส่งั ซ้ือ

42 ของลกู ค้า ฝ่ายคลังสินค้าและจัดสง่ สนิ ค้า มีหน้าท่ีเกบ็ สินคา้ ท่ีผลติ เสร็จแล้วไวใ้ นโกดงั และเม่ือมี คำสงั่ ซอ้ื แผนกน้ีกน็ ำสินคา้ ท่ีอยใู่ นโกดงั นนั้ มาบรรจหุ ีบห่อ เพอ่ื ส่งให้ลูกคา้ ต่อไป ฝา่ ยจัดซอ้ื มหี นา้ ท่ีซื้อของไมว่ ่าซอื้ มาขายหรือซอื้ มาใช้กใ็ ห้แผนกนี้เปน็ คนทำ ฝ่ายการขาย มีหน้าที่เก่ียวกับการหาลูกค้า ต้อนรับหรือดแู ละลูกคา้ /บริการ ฝ่ายประชาสัมพนั ธ์ มหี นา้ ที่ทางแผนกและดำเนนิ การประชาสมั พันธ์ ทงั้ ภายในและ ภายนอกเพือ่ เสรมิ สร้างภาพลักษณ์ท่ดี ี 5. แผนการตลาด 5.1 การกำหนดส่วนแบ่งทางการตลาด เมอื่ เปรยี บเทียบธุรกิจแล้วสว่ นแบง่ คิดเปน็ ร้อยละ 60 % กบั 40 % เพราะธรุ กจิ นำ้ พริกผลไมม้ นี ้อยและผลไม้ที่เรานำมาทำเปน็ น้ำพริกในก็ยังไม่มีขาย นา่ จะดึงดดู ความสนใจของ ลูกค้าพอสมควร 5.2 การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย กลมุ่ เปา้ หมายหลัก วัยกลางคน วัยทำงาน กลมุ่ เปา้ หมายรอง วัยรนุ่ เดก็ ๆ 5.3 ระดบั คู่แข่งขัน คู่แข่งขนั ทางตรง นำ้ พรกิ ผลไมแ้ อบแซบ่ คู่แขง่ ขันทางอ้อม น้ำพรกิ น้ำตวี๋ น้ำพรกิ เห็ดกรอบ น้ำพรกิ แมป่ ุ๊

43 5.4 การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ คุณภาพ-ดี ราคา-ต่ำ ผลิตภณั ฑธ์ รุ กจิ คแู่ ขง่ ค่แู ข่ง ผลติ ภณั ฑธ์ ุรกจิ ราคา-สูง คณุ ภาพ-ตำ่ เม่ือเปรียบเทียบตำแหน่งผลิตภัณฑ์น้ำพริกสับปะรดของคู่แข่ง คุณภาพของคู่แข่งมี คุณภาพท่ีดีกว่าผลิตภัณฑ์ของเรา แต่ราคาของผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งราคาค่อนข้างสูง ทำให้เรา ได้เปรยี บกับคูแ่ ข่งขนั 5.5 การกำหนดกลยทุ ธท์ างการตลาด P’S กลยุทธ์ผลติ ภณั ฑ์ Product กลยทุ ธร์ าคา Price ถว้ นขนาด 1.5 ออนซ์ราคา 19 บาท ถ้วยขนาด 3 ออนซร์ าคา 39 บาท กลยทุ ธก์ ารจัดจำหนา่ ย Place ชอ่ งทางการจดั จำหน่ายโดยผ่านทาง facebook/instagram

44 ชอ่ งทางการจัดจำหน่ายโดยผ่านขายกบั ร้านขายของ เชน่ ร้านโชห่วย กลยทุ ธก์ ารส่งเสริมการตลาด Promotion การโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ facebook/instagram และใบปลิว การจัดโปรโมช่นั ซ้อื น้ำพริกสับปะรดถ้วย 3 ออนซ์ 3 ถว้ ยแถมฟรีถว้ ย 1.5 ออนซ์1 ถว้ ย 6.แผนการผลติ 6.1กระบวนการการผลติ ข้ันตอนท1่ี ซอยกระเทียม หอมแดงแล้วนำทอด ขัน้ ตอนท่ี2 หั่นสบั ปะรดเป็นชน้ิ ๆแล้วนำไปปน่ั ให้ละเอยี ด ขั้นตอนท่ี3 นำสบั ปะรดท่ีป่ันเสรจ็ แล้วไปกวนให้น้ำสับปะรดแห้งและปรุงรสดว้ ย เคร่ืองพรกิ แดง เกลือ น้ำตาลและใส่กะปิ ขั้นตอนที่4 นำมะขามเปยี กมาสบั ใหล้ ะเอยี ด(นำเมลด็ มะขามเปียกออก) ขั้นตอนที่5 ตำพริกให้ละเอียดใส่กระเทียม หอมแดงที่ทอดไว้ใส่มะขามเปียก ท่สี ับโคลกรวมกันแลว้ ใส่สบั ปะรดทก่ี วนเสร็จแลว้ คลุกเคลา้ ให้เข้ากัน ขั้นตอนที่6 ใส่บรรจุภณั ฑ์พร้อมจำหนา่ ย 6.2แผนผงั กระบวนการผลติ เตรยี มวตั ถดุ ิบ กวนสบั ปะรดพรอ้ มปรุง คลุกเคลา้ วตั ถุดิบใหเ้ ขา้ กนั ใส่บรรจุภณั ฑใ์ ห้เรียบร้อย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook