8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 ขน้ั นา ขน้ั การใช้ความรู้เดิมเชือ่ มโยงความรูใ้ หม่ (Prior Knowledge) 88. ครูชักชวนนักเรียนสนทนาทบทวนความรู้เกี่ยวกับการค้นพบกัมมันตภาพรังสี และรังสีที่แผ่ออกมาจากธาตุ กมั มนั ตรงั สี 89. ครเู ปิดวีดทิ ศั น์เกี่ยวกับคุณสมบัตขิ องรงั สที ีแ่ ผ่ออกมาจากธาตกุ มั มันตรงั สีใหน้ ักเรียนศึกษาทบทวนอีกครั้ง 90. ครูใช้คาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า “เมื่อธาตุกัมมันตรังสีมีการแผ่รังสีออกมา นิวเคลียสของธาตุ กัมมันตรังสีนั้นจะยังคงสภาพเดิมหรือไม่ อย่างไร” โดยครูท้ิงช่วงเวลาให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิดสักครู่ หน่ึง โดยครูอาจสุ่มนกั เรียนใหแ้ สดงความคดิ เหน็ และยงั ไม่เฉลยวา่ คาตอบน้ันถกู หรอื ผิด 91. ครูชักชวนนักเรียนสนทนาต่อว่า แล้วนักเรียนทราบไหมว่านิวเคลียสของธาตุแต่ละธาตุประกอบด้วยอะไรบ้าง เพื่อเป็นการนาเข้าสู่บทเรียน ขน้ั สอน ขัน้ รู้ (Knowing) 92. ครูถามคาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยใช้คาถาม Key Question จากหนังสือเรียนท่ีถามว่า “นวิ เคลยี สของอะตอมประกอบดว้ ยอนภุ าคใดบ้าง” (แนวตอบ : อนภุ าคโปรตอน และอนุภาคนิวตรอน) 93. ครูให้นักเรียนศึกษาเก่ียวกับขอ้ มูลสรปุ เม่ือนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีเกิดการเปลี่ยนแปลงจากหนังสือเรียน โดยเมือ่ ศกึ ษาแลว้ ครสู ุ่มนักเรียนออกมาอภปิ รายผลการศึกษาหน้าช้นั เรยี น 94. ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและศึกษาที่มาของสมมติฐานโปรตอน-อิเลก็ ตรอน ท้ังจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ และหนังสอื เรยี น โดยครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นจดบนั ทึกสรปุ ความรู้ลงในสมุดบนั ทกึ ประจาตัวทกุ คน 95. ครูสมุ่ ตวั แทนนักเรยี นยืนขึ้นแล้วถามคาถามกับนักเรียนวา่ “สมมติฐานโปรตอน-อิเล็กตรอน มใี จความสาคัญ วา่ อย่างไร และสมมติฐานน้สี ามารถอธบิ ายการแผ่รังสแี อลฟาได้อยา่ งไร” (แนวตอบ : ใจความสาคัญของสมมติฐานโปรตอน-อิเล็กตรอน คือ นิวเคลียสประกอบด้วยอนุภาคโปรตอน และอนภุ าคอิเล็กตรอน โดยสมมติฐานน้ีสามารถอธิบายการแผ่รังสีแอลฟาได้ ซ่ึงรังสีหรืออนุภาคแอลฟาเกิด จากโปรตอน 4 อนุภาค และอิเล็กตรอน 2 อนุภาค ในนวิ เคลียสรวมตัวกันเปน็ นิวเคลียสของธาตุฮีเลียม แล้ว ว่ิงออกมาจากนวิ เคลียส) 96. ครูสุ่มนักเรียนคนต่อไปให้ยืนข้ึนแล้วถามถามคาถามกับนักเรียนว่า “เพราะเหตุใดจึงมีการยกเลิกสมมติฐาน โปรตอน-อิเลก็ ตรอน” (แนวตอบ : สมมติฐานดังกล่าวมีข้อขัดแย้งกับหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก และไม่สามารถอธิบาย ปรากฏการณ์บางอยา่ งของนิวเคลยี สได้ จึงทาให้ตอ้ งยกเลิกสมมติฐานดงั กลา่ ว) 97. ครูถามคาถามกบั นักเรียนต่อว่า “จากสมมติฐานโปรตอน-อิเลก็ ตรอน นักเรยี นสามารถอธบิ ายเพือ่ เชอ่ื มโยงกับ การทดลองยงิ อนุภาคแอลฟาให้พุ่งชนแผน่ ทองคาของรัทเทอรฟ์ อร์ดได้หรือไม่ อย่างไร” โดยครูอาจสมุ่ ตัวแทน นักเรียนเพอื่ ตอบคาถาม
(แนวตอบ : จากการทดลองยิงอนุภาคแอลฟาให้พุ่งชนแผ่นทองคา รัทเทอร์ฟอร์ดทาเพื่อยืนยันแบบจาลอง อะตอมของทอมสันที่ว่า \"โปรตอนและอิเล็กตรอนกระจายท่ัวอะตอม\" ซึ่งรทั เทอรฟ์ อร์ดตั้งสมมติฐานวา่ “ถ้า แบบจาลองอะตอมของทอมสันถูกต้อง อนุภาคแอลฟาควรจะมีร้อยละของการสะท้อนกลับสงู มาก” แต่เมื่อ รัทเทอรฟ์ อร์ดไดท้ าการทดลอง และผลการทดลองออกมาขัดแยง้ กับแบบจาลองอะตอมของทอมสนั เขาจงึ ได้ สร้างแบบจาลองอะตอมใหม่) 98. ครูให้นักเรียนศึกษาสมบัติ ประโยชน์ และโทษ ของธาตุฮีเลียม เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต จากน้ันนาข้อมูลท่ี ได้จจดลงในสมดุ บันทึกประจาตวั ชวั่ โมงท่ี 2-3 ขน้ั สอน ข้นั รู้ (Knowing) 99. ครูให้นักเรียนศึกษา เรอื่ ง การค้นพบนิวตรอน จากหนังสือเรียน โดยครูให้นกั เรียนจดบันทกึ สรุปความรู้ลงใน สมุดบนั ทกึ ประจาตวั 100.นักเรยี นร่วมกันตอบคาถาม Concept Question จากหนังสือเรียนที่ถามว่า “เพราะเหตุใดอนุภาคนิวตรอนจึง ไม่สามารถตรวจสอบไดด้ ว้ ยวิธีการทีอ่ าศัยสนามไฟฟา้ และสนามแมเ่ หลก็ ” (แนวตอบ : นิวตรอนเปน็ อนุภาคมูลฐานที่ไม่มปี ระจไุ ฟฟ้า จงึ ไม่เกดิ การเลย้ี วเบนในสนามไฟฟา้ และ สนามแมเ่ หลก็ ) 101.ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลและศึกษาท่ีมาของสมมติฐานโปรตอน-นิวตรอน ทั้งจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ และหนังสือเรียน โดยครูมอบหมายให้นักเรยี นจดบนั ทึกสรุปความร้ลู งในสมุดบนั ทึกประจาตัวทกุ คน 102.ครสู ุม่ ตัวแทนนักเรียนยืนขึ้นแลว้ ถามคาถามกบั นักเรียนว่า “สมมติฐานโปรตอน-นวิ ตรอน มีใจความสาคัญว่า อยา่ งไร” (แนวตอบ : ใจความสาคัญของสมมติฐานโปรตอน-นิวตรอน คอื นิวเคลียสประกอบดว้ ยอนุภาคโปรตอนและ อนุภาคนวิ ตรอน โดยเรยี กอนุภาคที่เปน็ องค์ประกอบของนิวเคลยี สว่า นิวคลีออน) 103.ครสู ุ่มนกั เรียนคนต่อไปใหย้ ืนข้ึนแล้วถามถามคาถามกับนักเรยี น ดงั น้ี a. เลขมวล คืออะไร (แนวตอบ : เปน็ ตวั เลขแสดงผลรวมของจานวนโปรตอนกับจานวนนวิ ตรอนทอ่ี ยใู่ นนวิ เคลยี ส) b. เลขอะตอม คืออะไร (แนวตอบ : เปน็ ตัวเลขแสดงจานวนโปรตอนท่อี ยใู่ นนิวเคลียส และยังเปน็ ตัวเลขท่บี อกคา่ ประจุไฟฟ้า ของนิวเคลียสด้วย) 104.ครูให้นักเรียนศึกษาสัญลักษณ์ของนิวเคลียสหรือสัญลักษณ์นิวเคลียร์ รวมท้ังวิธีการหาจานวนนิวตรอนใน นวิ เคลียสจากผลตา่ งของเลขมวลกบั เลขอะตอม 105.นักเรียนร่วมกันตอบคาถาม Concept Question จากหนังสือเรียนท่ีถามว่า “การศึกษาการเปล่ียนสภา นิวเคลียสนาไปส่กู ารค้นพบสิ่งใด” (แนวตอบ : อนภุ าคนิวตรอนท่ีอยู่รวมกบั อนุภาคโปรตอนในนวิ เคลยี ส)
ขั้นเข้าใจ (Understanding) 14. ครสู ุม่ นักเรยี นออกมาอภิปรายผลการศึกษาของตนเองเกีย่ วกับการค้นพบนวิ ตรอน 15. เมื่อนักเรียนอภิปรายผลการศึกษาตามความเข้าใจของนักเรียนแล้ว ครูอาจยกตัวอย่างหรือปรับเปล่ียน สถานการณ์จากตัวอย่างที่ได้ศึกษา แล้วให้นักเรียนอธิบายสิ่งที่เหมอื นและส่ิงท่ีแตกต่าง จากน้นั แสดงวิธีการ แก้โจทยป์ ญั หาดังกล่าวบนกระดานหนา้ ชั้นเรียน ขนั้ ลงมือทา้ (Doing) 106.ครูให้นักเรียนศกึ ษาแบบฝึกหัด Topic Questions จากหนังสือเรียน โดยครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคน เขยี นแสดงวิธกี ารแก้โจทย์ปญั หาลงในสมดุ บนั ทึกประจาตวั 107.ครมู อบหมายให้นกั เรยี นศกึ ษาทาความเข้าใจเกี่ยวกับการเปล่ยี นสภาพนวิ เคลียสเพมิ่ เติมจากแบบฝึกหัด ฟสิ ิกส์ ม. 6 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 ฟิสิกส์นิวเคลยี ร์ ขน้ั สรปุ 108.ครูและนักเรยี นร่วมกันลงข้อสรุป โดยใหน้ ักเรยี นอธิบายสรุปความร้เู ก่ียวกับการเปล่ยี นสภาพนิวเคลียสท่ีได้ศกึ ษา มาแล้วท้ังเนอ้ื หาและตัวอย่างจากหนงั สือเรียน และกิจกรรมท่นี อกเหนือจากหนังสือเรียน พร้อมทัง้ ยกอย่างท่ี เกี่ยวขอ้ งเพื่อทดสอบความเข้าใจ 109.ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเน้ือหาที่ได้ศึกษาผ่านมาแล้วในส่วนที่ยังไม่เข้าใจหรือสงสัย จากนั้นครูให้ ความรู้เพ่ิมเติมในส่วนนั้น โดยที่ครูอาจจะใช้ PowerPoint เร่ือง การเปล่ียนสภาพนิวเคลียส มาเปิดให้ นกั เรียนดูประกอบเพอ่ื ช่วยในการอธบิ ายให้เขา้ ใจมากย่ิงข้นึ 110.ครูให้นักเรียนสรุปความรู้เก่ียวกับการเปลี่ยนสภาพนิวเคลียส โดยสร้างสรรค์ออกมาในรูปแบบของผังมโน ทัศน์ (Concept Mapping) ลงในกระดาษ A4 พร้อมทั้งตกแต่งให้สวยงาม เสร็จแล้วนาส่งครูเพ่ือตรวจให้ คะแนน ขน้ั ประเมิน 111.ประเมินความรู้เกี่ยวกับเรื่อง การเปลี่ยนสภาพนิวเคลียส โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม การทา แบบฝกึ หัด และการสรุปสาระสาคัญ 112. ประเมินทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จาก การสืบค้นข้อมูลและเขียนสรุปองค์ความรู้ เกี่ยวกับ การเปลย่ี นสภาพนิวเคลียสไดอ้ ย่างถูกต้อง 113.ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบต่องานท่ีได้รับมอบหมาย และ ปฏิบตั งิ านตรงตามเวลาทีค่ รกู าหนด 9. สื่อการเรยี นการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น รายวิชาเพ่ิมเตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เล่ม 1 2) แบบฝกึ หัด รายวิชาเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เลม่ 1
10. การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ ีวัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน รายการวัด - ตรวจใบงานท่ี 14 - ใบงานท่ี 14 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 10.1 การประเมนิ ระหว่าง การจัดกิจกรรม - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คณุ ภาพ 2 1) การเปลยี่ นสภาพ ผลงาน นวิ เคลยี ส - สังเกตพฤติกรรม นาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 2) การนาเสนอ การทางาน ผลงาน รายบุคคล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2 3) พฤตกิ รรมการ ทางานรายบุคคล การทางาน ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล 4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 ทางานกลุม่ การทางานกล่มุ - สังเกตความมีวินยั การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมัน่ อันพึงประสงค์ ในการทางาน - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2 คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ อันพึงประสงค์ ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (............................................)
แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่ือง ฟิสกิ สน์ ิวเคลียร์ แผนจดั การเรียนรู้ที่ 15 เรื่อง การสลายของนิวเคลียสกมั มนั ตรังสี รายวิชา ฟสิ กิ ส์ รหัสวชิ า ว33206 ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 น้าหนักเวลาเรียน 80 (นน./นก.) เวลาเรียน 4 ชว่ั โมง/สัปดาห์ เวลาทีใ่ ชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 6 ชวั่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. ผลการเรยี นรู้ 1.อธิบายกมั มันตภาพรังสแี ละความแตกตา่ งของรงั สแี อลฟา บตี า และแกมมา 2.อธิบายและคานวณกัมมันตภาพของนวิ เคลียสกมั มนั ตรงั สี รวมทั้งทดลอง อธบิ ายและคานวณจานวนนวิ เคลียส กัมมนั ตภาพรังสีทเ่ี หลือจากการสลาย และครึง่ ชวี ิต 2. จดุ ประสงค์ 1. บอกความหมายของการสลายให้อนุภาคแอลฟา อนภุ าคบีตา และรังสีแกมมาได้ (K) 2. คานวณหาปริมาณท่ีเกีย่ วข้องกับการสลายของนิวเคลียสกมั มันตรังสีไดอ้ ย่างถูกต้อง (P) 3. ปฏิบัติกิจกรรมสถานการณ์จาลองการสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสีได้อย่างถูกต้องและเป็นลาดับ ข้ันตอน (P) 4. มคี วามรับผิดชอบตอ่ งานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย และปฏบิ ัตงิ านตรงตามเวลาท่ีครกู าหนด (A) 3. สาระส้าคัญ การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี เป็นกระบวนการท่ีนิวเคลียสของอะตอมที่ไม่เสถียร สูญเสียพลังงานจากการ ปลดปล่อยหรือแผ่รงั สีออกมา โดยวัตถุใดท่ีปลดปล่อยรงั สีด้วยตัวเอง เชน่ อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา รังสีแกมมา และ อิเล็กตรอนจากกระบวนการการแปลงภายใน วัตถุนั้นจะถูกเรียกว่ามี กัมมันตรังสี การสลายให้กัมมันตรังสีมีหลาย ประเภท ได้แก่ การสลายให้อนุภาคแอลฟา การสลายให้อนุภาคบีตาลบ การสลายให้อนุภาคบีตาบวก และการ สลายให้รังสีแกมมา โดยเมื่อนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีเกิดการปลดปล่อยอนุภาคต่าง ๆ ออกมา นิวเคลียสจะ เกดิ การเปล่ยี นสภาพกลายเปน็ นวิ เคลียสของธาตใุ หม่ 4. สมรรถนะส้าคัญของนกั เรยี น 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปญั หา 5. คุณลักษณะของวิชา - ความรบั ผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม 6. คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน - ใบงานที่ 15 เรอ่ื ง การสลายของนิวเคลยี สกัมมนั ตรงั สี
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี 1-2 ขน้ั นา กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 114.ครูถามคาถามกระตนุ้ ว่า “ถา้ ธาตุกัมมันตรังสีเกดิ การเปลี่ยนสภาพนิวเคลียสโดยมีการแผ่รังสีออกมา นักเรียน คิดว่ามีสิ่งใดที่นอกเหนือจากรังสีแอลฟา รังสีบีตา และรังสีแกมมา ปลดปล่อยออกมาจากนิวเคลียสของธาตุ นัน้ หรือไม่” และใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันตอบคาถามปากเปล่า 115.ครูถามคาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยใช้คาถาม Key Question จากหนังสือเรียนที่ถามว่า “ส่ิง ใดบ้างท่ไี ด้จากการสลายตวั ของธาตกุ มั มนั ตรงั สี” (แนวตอบ : อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตาบวก (โพซิตรอน) อนุภาคบีตาลบ (อิเล็กตรอน) อนุภาคนวิ ทริโน อนภุ าคแอนตนิ ิวทริโน และรงั สีแกมมา) 116.ครูสนทนากับนักเรียนเพ่ือชักชวนเข้าสู่บทเรียน โดยการเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับการสลายของนิวเคลียส กัมมันตรังสี จากนั้นครูถามคาถามกับนักเรียนว่า หากนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีหนึ่งเกิดการสลายตัว นักเรียนสามารถเขียนสมการแสดงการสลายของนิวเคลียสนั้นได้หรือไม่ อย่างไร ครูให้นกั เรียนแสดงความ คดิ เห็นอย่างอสิ ระ โดยยงั ไม่เฉลยวา่ ถูกหรอื ผิด 117.ครแู ละนักเรยี นสนทนาทบทวนความรเู้ ก่ียวกับการค้นพบกัมมนั ตภาพรังสี และการเปล่ียนสภาพนวิ เคลียส ขน้ั สอน สา้ รวจค้นหา (Explore) 118.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนท่ีน่ังข้าง ๆ จากน้ันร่วมกันสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง การสลายให้อนุภาคแอลฟา จากหนังสือเรยี น และสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเตมิ จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ โดยให้นกั เรียนจดบันทึกเป็นองค์ความรู้ลง ในสมดุ บันทกึ ประจาตวั 119. ครูขออาสามสมัครออกมาหน้าชั้นเรียนเพื่ออธิบายการสลายให้อนุภาคแอลฟาท่ีตนและคู่ของตนได้ร่วมกัน ศกึ ษาและค้นคว้าขอ้ มลู มาแล้ว 120.ครูให้นักเรียนเขียนสมการแสดงความสัมพันธข์ องการสลายให้อนุภาคแอลฟา พร้อมท้ังยกตวั อย่างธาตุและ เขียนสมการการสลายของธาตุท่ีตนเองยกตัวอยา่ ง โดยห้ามซ้ากบั เพื่อนทีเ่ ป็นคู่ของตนเอง 121. ครูสุ่มนักเรียนออกมานาเสนอและเขียนสมการแสดงการสลายให้อนุภาคแอลฟาของนิวเคลียสของธาตุท่ี ตนเองเลอื กบนกระดานหนา้ ชัน้ เรยี น ประมาณ 5-10 คน แบบไม่ซา้ กนั 122.นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคาตอบท่ีอยู่บนกระดาน จากนั้นอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการ สลายให้ อนุภาคแอลฟา โดยครูเน้นย้าว่า ธาตุที่จะเกิดการสลายให้อนุภาคแอลฟา เลขอะตอมของธาตุน้ันจะต้อง มากกวา่ 82 123.นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง การสลายให้อนุภาคบีตา จากหนังสือเรียน และสืบค้นข้อมูล เพ่มิ เติมจากแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ โดยใหน้ ักเรียนจดบันทกึ เปน็ องค์ความรู้ลงในสมดุ บนั ทึกประจาตวั 124.ครถู ามคาถามเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนวา่ “นิวทริโนคืออะไร” (แนวตอบ : นิวทรโิ นเป็นอนุภาคที่มขี นาดเล็ก ไมม่ มี วล และมสี ภาพเป็นกลางทางไฟฟา้ )
125.ครูให้นักเรียนเขียนสมการแสดงความสัมพันธข์ องการสลายให้อนุภาคบีตา (ท้ังอนุภาคบีตาลบและอนุภาคบี ตาบวก) พร้อมทง้ั ยกตัวอย่างธาตแุ ละเขียนสมการการสลายของธาตุทตี่ นเองยกตัวอยา่ ง โดยหา้ มซ้ากับเพ่อื น ทเี่ ปน็ ค่ขู องตนเอง 126.ครูสุ่มนักเรียนออกมานาเสนอและเขียนสมการแสดงการสลายให้อนุภาคบีตาลบ และการสลายให้อนุภาค บีตาบวกของนิวเคลียสของธาตุทต่ี นเองเลือกบนกระดานหน้าชั้นเรียน ประมาณ 5-10 คน แบบไมซ่ า้ กัน 127.นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคาตอบที่อยู่บนกระดาน จากนั้นอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับการ สลายให้ อนภุ าคบตี าลบ และการสลายใหอ้ นุภาคบีตาบวก 128.นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง การสลายให้รังสีแกมมา จากหนังสือเรียน และสืบค้นข้อมูล เพม่ิ เติมจากแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ โดยให้นักเรยี นจดบันทกึ เป็นองคค์ วามร้ลู งในสมดุ บนั ทกึ ประจาตัว 129.ครูให้นกั เรียนเขียนสมการแสดงความสัมพันธ์ของการสลายใหร้ งั สีแกมมา พรอ้ มท้งั ยกตัวอย่างธาตุและเขยี น สมการการสลายของธาตทุ ี่ตนเองยกตัวอย่าง โดยหา้ มซ้ากบั เพื่อนทเี่ ปน็ คู่ของตนเอง 130.ครูสุ่มนักเรียนออกมานาเสนอและเขียนสมการแสดงการสลายให้รังสีแกมมาของนวิ เคลยี สของธาตุทีต่ นเอง เลือกบนกระดานหน้าชนั้ เรยี น ประมาณ 5-10 คน แบบไม่ซา้ กัน 131.นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคาตอบท่ีอยู่บนกระดาน จากนั้นอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับการสลายให้รังสี แกมมา อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันอยา่ งอิสระกลุ่มละ 4-5 คน จากน้ันครูมอบหมายให้แต่ละกลมุ่ ร่วมกันพูดคยุ อภปิ ราย ผลการศึกษาเกี่ยวกับการสลายให้อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา และรังสีแกมมา แล้วสรุปเป็นความคิดเห็นและ องค์ความรขู้ องกลุม่ ตนเอง 2. ครูแจกกระดาษฟลิปชาร์ตพร้อมปากกาเมจิกให้นักเรียนกลุ่มละ 1 ชุด แล้วมอบหมายให้แต่ละกลุ่มร่วมกัน เขียนสรุปความรู้เก่ียวกับการสลายให้อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา และรังสีแกมมา ตามความคิดเห็นของกลุ่ม พรอ้ มทงั้ ตกแตง่ ใหส้ วยงาม 3. เม่ือนกั เรียนสร้างสรรคผ์ ลงานเสรจ็ แลว้ ครูให้ตัวแทนเก็บรวบรวมส่งครู 4. ครูให้นักเรียนศึกษาการสลายของนิวเคลียสของยูเรเนียม-238 จากหนังสือเรียน เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมให้ เข้าใจหลักการของการสลายของนวิ เคลยี สกัมมันตรงั สมี ากขนึ้ ช่ัวโมงท่ี 3 ขน้ั สอน ส้ารวจคน้ หา (Explore) 1. นักเรียนและครูร่วมกันศึกษาและอธิบายเก่ียวกับการสลายของธาตุกัมมันตรังสีในอนุกรมยูเรเนียม โดย นักเรียนจะทราบว่า ธาตุสุดท้ายของอนุกรมจะเป็นธาตุเสถียร น่ันหมายถึง ธาตุน้ันจะไม่มีการสลายของ นวิ เคลียสต่อไป โดยที่ธาตุกัมมนั ตรังสีแต่ละชนดิ จะมีอัตราการสลายต่างกัน ซึ่งนอกจากอนุกรมยูเรเรเนียม แล้ว ยังมีอนุกรมของธาตุกัมมันตรังสีในธรรมชาตุอีก 3 อนุกรม ดังนั้น ครูให้นักเรียนศึกษาตารางท่ี 7.3 ขอ้ มูลอนกุ รมการสลายของธาตกุ มั มันตรังสใี นธรรมชาติจากหนงั สือเรียน
2. ครูถามคาถามกับนักเรียนว่า “อุณหภูมิ และความดัน ในสภาพแวดล้อมท่ัว ๆ ไป ส่งผลต่อการสลายของ นิวเคลียสกมั มนั ตรงั สีหรือไม่” (แนวตอบ : ไมม่ ผี ล) 3. ครูให้นักเรียนศึกษาสมการแสดงความสัมพันธ์และความหมายของอัตราการสลายของนิวเคลียส กัมมันตรังสี จากหนังสือเรียน โดยครูให้นักเรียนจดบันทึกความรู้ หลักการ ท่ีมาและท่ีไปของสมการ ความสัมพนั ธเ์ กย่ี วกบั อัตราการสลายของนิวเคลยี สกัมมันตรังสี 4. ครูถามคาถามกับนักเรียนว่า “อัตราการลดลงของจานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีหรืออัตราการแผร่ งั สี ในขณะหน่งึ เรียกว่าอะไร” (แนวตอบ : กมั มนั ตภาพของธาตุกมั มนั ตรงั สี) 5. ครสู มุ่ นักเรียนใหย้ ืนข้ึนแล้วถามคาถามว่า “กมั มันตภาพของธาตกุ ัมมนั ตรังสสี ามารถเขยี นแทนด้วยสัญลักษณ์ อะไร และสามารถคานวณหาปรมิ าณดงั กลา่ วไดจ้ ากสมการใด” (แนวตอบ : กัมมันตภาพของธาตุกัมมันตรังสีสามารถเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ A และสามารถคานวณหา ปริมาณดังกลา่ วได้จากสมการ ������ = ������������) 6. ครูให้นักเรียนศึกษาและทาความเข้าใจการแสดงวิธีหาคาตอบของสมการ − ������������ = ������������ ซ่ึงเป็นสมการ ������������ อนุพันธ์ เพื่อหาจานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่ยังไม่สลาย ได้เป็นสมการแสดงความสัมพันธ์ ������ = ������0������−������������ 7. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาเคร่อื งมือวัดกมั มนั ตรงั สแี บบฟิล์ม แบดจส์ และไกเกอร์เคาน์เตอร์ จากหนังสือเรียน จากน้ันครู มอบหมายให้นักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือในการสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับเคร่ืองมือวัดกัมมันตภาพ รังสีเพิ่มเติมจาก อนิ เทอร์เน็ต แล้วจดบันทกึ และสรุปขอ้ มูลที่ไดล้ งในสมุดบนั ทึกประจาตวั 8. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 2 คน ออกมาอธิบายลักษณะและหลักการทางานของเคร่ืองมือวัดกมั มันตภาพ รังสีแบบ ฟลิ ์ม แบดจส์ และไกเกอรเ์ คาน์เตอร์หน้าชน้ั เรยี น ชวั่ โมงท่ี 4 ขน้ั สอน ส้ารวจคน้ หา (Explore) 9. ครูให้นักเรียนปิดหนังสือเรียน จากนั้นครูอ่านข้อคาถามจากตัวอย่างท่ี 7.1 จากหนังสือเรียนให้นกั เรยี นจด บนั ทกึ ลงในสมุดบันทกึ ประจาตวั เสร้จแล้วครใู หเ้ วลานักเรยี นในการแสดงวิธีการแก้โจทย์ปัญหาเพื่อหาคาตอบ 10. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนออกมานาเสนอและอธิบายวิธีการแก้โจทย์ปัญหาจากตัวอย่างที่ 7.1 บนกระดานหน้าช้ัน เรียน โดยครูเดินสังเกตการณ์และตรวจสอบวธิ ที าและคาตอบของแต่ละคนในเบ้อื งตน้ 11. ครูนานกั เรียนอภิปรายวิธกี ารแกโ้ จทย์ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้เกดิ ความเข้าใจท่ีตรงกนั 12. ครูใหน้ ักเรียนศึกษากราฟแสดงความสัมพันธ์ของจานวนนิวเคลียสของธาตกุ มั มนั ตรังสีทีย่ งั เหลืออยู่ ณ เวลาใด ๆ จากหนังสอื เรียน
13. ครูให้นกั เรียนจดบันทกึ การแก้สมการจนได้เปน็ สมการแสดงความสมั พันธ์คร่ึงชีวิตของธาตุกมั มันตรังสี ตลอดไป จนถงึ สมการแสดงความสมั พันธ์ของกมั มันตภาพของธาตุกมั มนั ตรังสีขณะหน่งึ ทเ่ี วลาใด ๆ จากหนังสอื เรยี น 14. นักเรียนร่วมกันตอบคาถาม Concept Question จากหนังสือเรียนท่ีถามว่า “การสลายของนิวเคลียสของธาตุ กัมมันตรังสสี ามารถใชส้ มการใดในการอธบิ ายไดบ้ า้ ง” (แนวตอบ : ในการคานวณและอธิบายการสลายของนวิ เคลยี สของธาตุกัมมันตรงั สี สมการท่ีใชจ้ ะเก่ยี วข้องกับ ปรมิ าณดังตอ่ ไปน้ี - ทราบจานวนนิวเคลยี ส ������ = ������0������−������������ - ทราบกัมมันตภาพ ������ = ������0������−������������ - ทราบมวล ������ = ������0������−������������) ช่วั โมงท่ี 5 ขน้ั สอน ส้ารวจคน้ หา (Explore) 15. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาตัวอย่างท่ี 7.2 จากหนังสอื เรยี น โดยจดบนั ทกึ ลงในสมุดบันทกึ ประจาตัว 16. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มเท่า ๆ กัน กลุ่มละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตาม ผลสมัฤทธ์ิ (เกง่ ค่อนขา้ งเกง่ ปานกลาง ค่อนข้างอ่อน อ่อน) ให้อย่ใู นกลุ่มเดียวกัน เพื่อร่วมกนั ศึกษากิจกรรม สถานการณ์จาลองการสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี จากหนังสือเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม กาหนดให้สมาชิกแตล่ ะคนมีบทบาทหน้าท่ขี องตนเอง เชน่ สมาชิกคนที่ 1 : เตรียมวสั ดุอปุ กรณ์ สมาชกิ คนที่ 2 : อ่านและศกึ ษาวธิ ีปฏิบตั ิกิจกรรม แล้วนามาอธิบายสมาชกิ ในกลุ่ม สมาชิกคนท่ี 3 : บนั ทึกผลการปฏิบัติกิจกรรม สมาชิกคนที่ 4-5 : ค้นควา้ เพ่ิมเติม หาแหล่งขอ้ มลู อา้ งองิ เพือ่ สนบั สนุนการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม สมาชิกคนท่ี 6 : นาเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม 17. ครูชแ้ี จงจุดประสงค์ของกิจกรรมให้นกั เรยี นทราบ เพอ่ื เป็นแนวทางการปฏิบัติทถ่ี กู ต้อง 18. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมหรือเทคนิคเกี่ยวกับการปฏิบัติกิจกรรม จากน้ันให้นักเรียนทุกกลุ่มลงมือปฏิบัติตาม ขน้ั ตอน 19. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั พูดคุยวิเคราะห์ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม แลว้ อภิปรายผลรว่ มกนั 20. ครูเน้นยา้ ให้นักเรียนตอบคาถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจาตัว เพ่ือนาส่งครูเป็นการ ตรวจสอบความเข้าใจจากการปฏบิ ัติกิจกรรม 21. ในระหว่างท่ีนักเรยี นปฏิบัติกจิ กรรม ครูเดินสังเกตการณ์และคอยให้คาปรึกษาเมือ่ นกั เรียนเกิดปัญหา หรือมีข้อ สงสยั เกยี่ วกับกจิ กรรม อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูชักชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการปฏิบัติกิจกรรมว่า เกิดปัญหาหรือมีอุปสรรคอะไรบ้างใน ระหว่าง ปฏบิ ัตติ ามข้ันตอนการปฏิบัติ โดยเปน็ การแลกเปลยี่ นและมปี ฏสิ มั พนั ธ์ซ่ึงกนั และกนั 2. ครูใหแ้ ต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาหน้าชน้ั เรียน เพ่ือนาเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรม 3. ครสู ุ่มนกั เรยี นเพ่อื ถามคาถามที่เกี่ยวขอ้ งกบั กจิ กรรม เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจหลงั ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 4. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายผลท้ายกิจกรรมและสรปุ ความรู้ร่วมกัน 5. นักเรียนศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมจากการสแกน QR Code เร่ือง สถานการณ์จาลองการสลายของนิวเคลียส กัมมันตรังสี จากหนังสอื เรียน 6. นักเรยี นศึกษาและแสดงวิธกี ารแกโ้ จทยป์ ญั หาจากตัวอยา่ งที่ 7.3 จาหนังสือเรยี น ลงในสมดุ บันทกึ ประจาตัว 7. ครูมอบหมายให้นักเรียนศึกษาทาความเข้าใจเกี่ยวกับการสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสีเพิ่มเติม จาก แบบฝกึ หดั ฟสิ กิ ส์ ม.6 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 ฟสิ กิ สน์ วิ เคลียร์ ชวั่ โมงที่ 6 ขน้ั สอน ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูใหน้ ักเรยี นสรุปความรเู้ ก่ยี วกบั การสลายของนวิ เคลียสกัมมนั ตรงั สี โดยสร้างสรรค์ออกมาในรปู แบบของอนิ โฟ กราฟิก ลงในกระดาษ A4 พร้อมทั้งตกแต่งใหส้ วยงาม เสรจ็ แลว้ นาส่งครูเพื่อตรวจใหค้ ะแนน 2. ครูส่มุ ตัวแทนนักเรยี นออกไปนาเสนอผลงานอนิ โฟกราฟิกของตนเองหน้าชน้ั เรยี น 3. ครูแจกใบงานที่ 7.2 เรื่อง การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี ให้นักเรียนคนละ 1 ชุด จากนั้นมอบหมาย ใหน้ ักเรียนนากลับไปศกึ ษาเปน็ การบ้าน เสรจ็ แล้วตัวแทนรวบรวมสง่ ครู 4. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แล้วร่วมกันศึกษาแบบฝึกหัด Topic Questions จากหนังสือเรียน โดยครู มอบหมายให้นกั เรยี นแต่ละคนเขียนแสดงวธิ ีการแก้โจทย์ปญั หาลงในสมดุ บันทกึ ประจาตวั โดยท่ีครูกาหนดให้ ใชห้ ลักการแกโ้ จทย์ปญั หา 4 ข้นั ตอน ของโพลยา ดงั น้ี ข้ันที่ 1 ทาความเข้าใจโจทย์ (Understanding the problem) เป็นการคิดเก่ียวกับปัญหาและตัดสิน ว่าอะไรที่ต้องการคน้ หา โดยนักเรยี นต้องทาความเข้าใจปัญหาและระบุสว่ นท่สี าคัญของปัญหา ขั้นที่ 2 วางแผนแก้ปัญหา (Devising a plan) เป็นการค้นหาความเช่ือมโยงหรือความสัมพันธ์ระหว่าง ข้อมูลและตัวไม่รู้ค่า นาความสัมพันธ์ที่ได้มาผสมผสานกับประสบการณ์ กาหนดแนวทางหรือแผนในการ แกป้ ญั หา ขัน้ ท่ี 3 ปฏิบัติตามแผน (Carrying out the plan) เปน็ การลงมือปฏบิ ัตติ ามแผนหรอื แนวทางท่ีวางไว้ อาจ ตรวจสอบความเป็นไปได้ของแผน เพิ่มเติมรายละเอียด แล้วลงมือปฏิบัติจนได้ความสาเร็จ ถ้าไม่ สาเรจ็ ตอ้ งคน้ หาและทาการแกป้ ญั หาจนสามารถแก้ปัญหาได้ ข้ันท่ี 4 ตรวจสอบ (Looking back) เป็นการมองย้อนกลับไปยังคาตอบท่ีได้มา เริ่มจากการตรวจสอบ ความถูกต้อง ความสมเหตุสมผลของคาตอบและยุทธวิธีแก้ปัญหาที่ใช้ มีคาตอบหรือยุทธวิธีอื่นในการ แก้ปัญหานอ้ี ีกหรอื ไม่ ขน้ั สรุป
132.ครูและนักเรียนร่วมกันลงข้อสรุป โดยให้นักเรียนอธิบายสรุปความรู้เกี่ยวกับการสลายของนิวเคลียส กัมมันตรังสีที่ได้ศึกษามาแล้วทั้งเน้ือหาและตัวอย่างจากหนังสือเรียน และกิจกรรมที่นอกเหนือจากหนังสือ เรยี น พรอ้ มท้งั ยกอย่างสถานการณ์ในชีวติ ประจาวนั ที่เก่ยี วข้องเพอื่ ทดสอบความเข้าใจ 133.ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาที่ได้ศึกษาผ่านมาแล้วในส่วนที่ยังไม่เข้าใจหรือสงสัย จากนั้นครูให้ ความรู้เพิ่มเติมในส่วนน้ัน โดยท่ีครูอาจจะใช้ PowerPoint เร่ือง การสลายของนิวเคลียสกัมมนั ตรงั สี มา เปิดใหน้ กั เรยี นดูประกอบเพือ่ ชว่ ยในการอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจมากยงิ่ ขน้ึ ขน้ั ป1ร3ะเ4ม.ิน ตรวจสอบผล (Evaluate) 135.ประเมินความรู้เกี่ยวกับเร่ือง การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี โดยสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคาถาม การทา แบบฝึกหดั และการสรปุ สาระสาคัญ 136. ประเมินทักษะและกระบวนการทางวิ ทยาศาสตร์จากการ คานวณหาปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการสลาย ของ นวิ เคลียสกัมมันตรงั สี และจากกการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสถานการณจ์ าลองการสลายของนิวเคลียสกมั มนั ตรังสีได้ อย่างถกู ตอ้ งและตามลาดับข้ันตอน 137.ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบต่องานท่ีได้รับมอบหมาย และ ปฏิบัติงานตรงตามเวลาทค่ี รกู าหนด 9. สือ่ การเรยี นการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น รายวิชาเพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เล่ม 1 2) แบบฝกึ หัด รายวชิ าเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟสิ ิกส์ ม.6 เล่ม 1 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล รายการวดั วธิ ีวดั เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ 10.1 การประเมนิ ระหว่าง - ตรวจใบงานที่ 15 - ใบงานที่ 14 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกจิ กรรม - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) การสลายของ นิวเคลยี ส กัมมันตรงั สี 2) การนาเสนอ - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคณุ ภาพ 2 ผลงาน ผลงาน นาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2 ทางานรายบคุ คล การทางาน การทางาน ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล 4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 ทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ - สังเกตความมีวนิ ัย การทางานกลุม่ ผา่ นเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่น อันพงึ ประสงค์ - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2 คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
รายการวดั วธิ ีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ ในการทางาน อันพึงประสงค์ ลงชอ่ื ..................................................ผู้สอน (............................................)
ใบงานที่ 15 เร่อื ง การสลายของนวิ เคลยี สกมั มันตรงั สี คา้ ชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคา้ ถามตอ่ ไปนี้ 1. ธาตุทเ่ี กิดการสลายตามปฏิกริ ิยานิวเคลียร์แลว้ ไดเ้ ลขมวลเท่ากับ 178 เปน็ ธาตุทจ่ี ัดว่าอยู่ในอนุกรมยูเรเนยี ม 2. ธาตุกัมมันตรังสีมีนวิ เคลียสท่ีเสถียร แต่เม่ือถูกกระตุ้นหรือการยิงด้วยนิวตรอนก็สามารถสลายตัว แตกนิวเคลียสออกเป็น ธาตอุ ่ืน ๆ ได้ 3. ธาตุกัมมนั ตรังสที กุ ธาตุมีอัตราการสลายเท่ากัน เน่อื งจากอตั ราการสลายขึ้นกบั ปริมาณนวิ เคลียสทีไ่ มเ่ สถยี รเท่านั้น 4. ค่าคร่ึงชีวิตของธาตุกัมมันตรังสีเป็นค่าสัมพัทธ์ท่ีบอกให้รู้ว่าธาตุกัมมันตรังสีนั้นจะสลายตัวได้ดีแค่ไหน เมื่อเทียบกับ ธาตกุ ัมมันตรังสีอ่นื ๆ 5. กัมมันตรังสีไม่สามารถบอกค่าคร่ึงชีวิตของธาตุกัมมันตรังสีได้ แต่กราฟระหว่างกัมมันตรังสีกับเวลาสามารถบอกค่า ครงึ่ ชวี ิตได้
ใบงานที่ 15 เฉลย เร่อื ง การสลายของนวิ เคลียสกมั มนั ตรงั สี ค้าช้ีแจง : พจิ ารณาข้อความที่เก่ยี วกบั อนุกรมการสลายตัวและอตั ราการสลายตัว ว่าถกู ต้องหรอื ไม่พร้อมใหเ้ หตผุ ล 1. ธาตุทีเ่ กิดการสลายตามปฏิกิริยานิวเคลียร์แลว้ ได้เลขมวลเท่ากับ 178 เปน็ ธาตุทจี่ ัดว่าอยู่ในอนุกรมยูเรเนียม ถูกต้อง เพราะ เลขมวล = (4 × 44) + 2 = 178 จัดว่าอยใู่ นอนุกรม 4n + 2 ซ่ึงก็คือ อนุกรมยูเรเนยี ม 2. ธาตุกัมมันตรังสีมีนิวเคลียสที่เสถียร แต่เม่ือถูกกระตุ้นหรือการยิงด้วยนิวตรอนก็สามารถสลายตัว แตกนิวเคลียสออกเป็น ธาตอุ ื่น ๆ ได้ ไม่ถูกตอ้ ง เพราะอะตอมของธาตุที่นิวเคลียสไม่เสถียรสามารถเกดิ การสลายตวั แตกนวิ เคลยี สได้เองโดยไม่ต้องอาศัย การกระต้นุ ใด ๆ 3. ธาตกุ ัมมนั ตรงั สที ุกธาตุมอี ตั ราการสลายเท่ากัน เนือ่ งจากอตั ราการสลายข้นึ กบั ปริมาณนวิ เคลียสที่ไม่เสถยี รเทา่ นั้น ไม่ถกู ต้อง เพราะอัตราการสลายจะแปรผกผันกับครงึ่ ชีวติ ของธาตุกมั มันตรังสีนั้น ๆ ถงึ แมว้ ่าจะมีจานวนนิวเคลยี สที่ ไม่เสถียรเรม่ิ ตน้ เทา่ กนั กต็ าม 4. ค่าคร่ึงชีวิตของธาตุกัมมันตรังสีเป็นค่าสัมพัทธ์ท่ีบอกให้รู้ว่าธาตุกัมมันตรังสีนั้นจะสลายตัวได้ดีแค่ไหน เมื่อเทียบกับ ธาตุกมั มันตรังสีอ่นื ๆ ไม่ถูกต้อง เพราะคา่ ครึ่งชีวิตเปน็ เวลาท่ธี าตกุ ัมมันตรงั สีเกิดการสลายตัวจริง ๆ และเป็นค่าเฉพาะของแตล่ ะธาตุ ไมใ่ ช่ ค่าท่ีสมั พัทธท์ ่สี ามารถนามาเทยี บกับการสลายของนิวเคลียสของธาตุอน่ื ๆ ได้ 5. กัมมันตรังสีไม่สามารถบอกค่าครึ่งชีวิตของธาตุกัมมันตรังสีได้ แต่กราฟระหว่างกัมมันตรังสีกับเวลาสามารถบอกค่า คร่งึ ชีวติ ได้ ไม่ถูกต้อง เพราะกัมมันตรังสีเป็นอัตราการสลายตัวซึ่งเป็นปริมาณที่เทียบกับเวลาอยู่แล้ว ดังน้ัน ถ้ารู้กัมมนั ตรงั สี และปริมาณของนวิ เคลยี สหรอื มวลสารเร่ิมต้น ก็สามารถหาครึง่ ชีวติ ของธาตุน้ันได้
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 เร่อื ง ฟิสกิ ส์นิวเคลียร์ แผนจดั การเรยี นรูท้ ี่ 16 เรอ่ื ง ไอโซโทป รายวชิ า ฟสิ ิกส์ รหสั วิชา ว33206 ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6/1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 น้าหนกั เวลาเรียน 80 (นน./นก.) เวลาเรียน 4 ชัว่ โมง/สัปดาห์ เวลาที่ใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 6 ชั่วโมง .......................................................................................................................................................... 1. ผลการเรยี นรู้ 1.อธบิ ายกมั มันตภาพรงั สีและความแตกตา่ งของรงั สีแอลฟา บีตา และแกมมา 2.อธบิ ายและคานวณกัมมันตภาพของนวิ เคลียสกัมมนั ตรงั สี รวมท้งั ทดลอง อธบิ ายและคานวณจานวนนิวเคลยี ส กัมมนั ตภาพรงั สที เ่ี หลือจากการสลาย และครึง่ ชีวิต 2. จดุ ประสงค์ 1. บอกความหมายของการสลายให้อนุภาคแอลฟา อนภุ าคบีตา และรังสีแกมมาได้ (K) 2. คานวณหาปริมาณท่ีเกี่ยวข้องกับการสลายของนิวเคลียสกัมมนั ตรังสไี ด้อย่างถูกต้อง (P) 3. ปฏิบัติกิจกรรมสถานการณ์จาลองการสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสีได้อย่างถูกต้องและเป็นลาดับ ขั้นตอน (P) 4. มีความรับผิดชอบตอ่ งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย และปฏิบตั งิ านตรงตามเวลาท่ีครูกาหนด (A) 3. สาระสา้ คญั การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี เป็นกระบวนการที่นิวเคลียสของอะตอมที่ไม่เสถียร สูญเสียพลังงานจากการ ปลดปล่อยหรือแผ่รงั สีออกมา โดยวัตถุใดที่ปลดปลอ่ ยรงั สีด้วยตัวเอง เชน่ อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา รังสีแกมมา และ อิเล็กตรอนจากกระบวนการการแปลงภายใน วัตถุนั้นจะถูกเรียกว่ามี กัมมันตรังสี การสลายให้กัมมันตรังสีมีหลาย ประเภท ได้แก่ การสลายให้อนุภาคแอลฟา การสลายให้อนุภาคบีตาลบ การสลายให้อนุภาคบีตาบวก และการ สลายให้รังสีแกมมา โดยเมื่อนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีเกิดการปลดปล่อยอนุภาคต่าง ๆ ออกมา นิวเคลียสจะ เกิดการเปลี่ยนสภาพกลายเป็นนิวเคลียสของธาตุใหม่ 4. สมรรถนะสา้ คญั ของนักเรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปญั หา 5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม 6. คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 7. ช้ินงาน/ภาระงาน - ใบงานที่ 15 เรอ่ื ง การสลายของนิวเคลยี สกัมมนั ตรงั สี
8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงที่ 1-2 ขน้ั นา กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 138.ครูถามคาถามกระตุน้ ว่า “ถ้าธาตุกัมมนั ตรังสีเกดิ การเปล่ียนสภาพนิวเคลียสโดยมีการแผ่รังสีออกมา นักเรียน คดิ ว่ามีสิ่งใดท่ีนอกเหนอื จากรังสีแอลฟา รังสีบีตา และรังสีแกมมา ปลดปล่อยออกมาจากนิวเคลียสของธาตุ น้ันหรือไม่” และให้นักเรียนช่วยกนั ตอบคาถามปากเปลา่ 139.ครูถามคาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยใช้คาถาม Key Question จากหนังสือเรียนที่ถามว่า “ส่ิง ใดบา้ งทไ่ี ด้จากการสลายตวั ของธาตกุ ัมมนั ตรังสี” (แนวตอบ : อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตาบวก (โพซิตรอน) อนุภาคบีตาลบ (อิเล็กตรอน) อนุภาคนวิ ทริโน อนุภาคแอนตนิ วิ ทรโิ น และรังสีแกมมา) 140.ครูสนทนากับนักเรียนเพ่ือชักชวนเข้าสู่บทเรียน โดยการเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับการสลายของนิวเคลียส กัมมันตรังสี จากนั้นครูถามคาถามกับนักเรียนว่า หากนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีหนึ่งเกิดการสลายตัว นักเรียนสามารถเขียนสมการแสดงการสลายของนิวเคลียสน้ันได้หรือไม่ อย่างไร ครูให้นกั เรียนแสดงความ คิดเหน็ อยา่ งอสิ ระ โดยยงั ไมเ่ ฉลยวา่ ถกู หรอื ผิด 141.ครูและนักเรียนสนทนาทบทวนความรเู้ กยี่ วกับการค้นพบกมั มันตภาพรังสี และการเปลีย่ นสภาพนวิ เคลยี ส ขน้ั สอน สา้ รวจค้นหา (Explore) 142.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนที่นั่งข้าง ๆ จากนั้นร่วมกันสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง การสลายให้อนุภาคแอลฟา จากหนังสือเรยี น และสืบค้นข้อมูลเพิ่มเตมิ จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ โดยให้นกั เรียนจดบันทึกเป็นองค์ความรู้ลง ในสมุดบันทกึ ประจาตวั 143. ครูขออาสามสมัครออกมาหน้าชั้นเรียนเพื่ออธิบายการสลายให้อนุภาคแอลฟาท่ีตนและคู่ของตนได้ร่วมกัน ศึกษาและค้นคว้าข้อมลู มาแลว้ 144.ครูให้นักเรียนเขียนสมการแสดงความสัมพันธ์ของการสลายให้อนุภาคแอลฟา พร้อมทั้งยกตัวอย่างธาตุและ เขียนสมการการสลายของธาตุท่ตี นเองยกตวั อยา่ ง โดยห้ามซ้ากับเพอ่ื นทีเ่ ปน็ คูข่ องตนเอง 145. ครูสุ่มนักเรียนออกมานาเสนอและเขียนสมการแสดงการสลายให้อนุภาคแอลฟาของนิวเคลียสของธาตุที่ ตนเองเลือกบนกระดานหนา้ ช้นั เรียน ประมาณ 5-10 คน แบบไม่ซ้ากัน 146.นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคาตอบที่อยู่บนกระดาน จากน้ันอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับการสลายให้ อนุภาคแอลฟา โดยครูเน้นย้าว่า ธาตุท่ีจะเกิดการสลายให้อนุภาคแอลฟา เลขอะตอมของธาตุน้ันจะต้อง มากกว่า 82 147.นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง การสลายให้อนุภาคบีตา จากหนังสือเรียน และสืบค้นข้อมูล เพม่ิ เติมจากแหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ โดยให้นกั เรยี นจดบันทกึ เป็นองคค์ วามรลู้ งในสมุดบันทกึ ประจาตวั 148.ครถู ามคาถามเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนวา่ “นวิ ทรโิ นคอื อะไร”
(แนวตอบ : นิวทริโนเปน็ อนุภาคที่มขี นาดเล็ก ไมม่ มี วล และมีสภาพเป็นกลางทางไฟฟา้ ) 149.ครูให้นักเรยี นเขียนสมการแสดงความสัมพันธ์ของการสลายให้อนุภาคบีตา (ทั้งอนุภาคบีตาลบและอนุภาคบี ตาบวก) พร้อมทงั้ ยกตัวอยา่ งธาตแุ ละเขียนสมการการสลายของธาตุทีต่ นเองยกตัวอยา่ ง โดยห้ามซ้ากับเพ่อื น ทเ่ี ป็นค่ขู องตนเอง 150.ครูสุ่มนักเรียนออกมานาเสนอและเขียนสมการแสดงการสลายให้อนุภาคบีตาลบ และการสลายให้อนภุ าคบี ตาบวกของนิวเคลียสของธาตุทต่ี นเองเลือกบนกระดานหนา้ ชัน้ เรียน ประมาณ 5-10 คน แบบไม่ซ้ากัน 151.นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคาตอบที่อยู่บนกระดาน จากน้ันอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการ สลายให้ อนภุ าคบีตาลบ และการสลายให้อนุภาคบตี าบวก 152.นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันสืบเสาะหาความรู้ เร่ือง การสลายให้รังสีแกมมา จากหนังสือเรียน และสืบค้นข้อมูล เพิม่ เติมจากแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ โดยใหน้ กั เรียนจดบันทกึ เป็นองคค์ วามรู้ลงในสมดุ บนั ทึกประจาตวั 153.ครใู ห้นักเรียนเขียนสมการแสดงความสมั พนั ธ์ของการสลายให้รังสีแกมมา พรอ้ มทัง้ ยกตัวอย่างธาตุและเขยี น สมการการสลายของธาตุท่ตี นเองยกตวั อย่าง โดยห้ามซ้ากับเพ่อื นที่เปน็ คขู่ องตนเอง 154.ครูสุ่มนกั เรียนออกมานาเสนอและเขียนสมการแสดงการสลายให้รังสีแกมมาของนวิ เคลยี สของธาตุทีต่ นเอง เลอื กบนกระดานหน้าชนั้ เรียน ประมาณ 5-10 คน แบบไมซ่ า้ กนั 155.นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคาตอบที่อยู่บนกระดาน จากน้ันอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับการสลายให้รังสี แกมมา อธิบายความรู้ (Explain) 5. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันอยา่ งอิสระกลุ่มละ 4-5 คน จากน้ันครูมอบหมายให้แต่ละกลุม่ ร่วมกันพูดคยุ อภิปราย ผลการศึกษาเกี่ยวกับการสลายให้อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา และรังสีแกมมา แล้วสรุปเป็นความคิดเห็นและ องค์ความร้ขู องกล่มุ ตนเอง 6. ครูแจกกระดาษฟลิปชาร์ตพร้อมปากกาเมจิกให้นักเรียนกลุ่มละ 1 ชุด แล้วมอบหมายให้แต่ละกลุ่มร่วมกัน เขียนสรุปความรู้เก่ียวกับการสลายให้อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา และรังสีแกมมา ตามความคิดเห็นของกลุ่ม พร้อมทง้ั ตกแตง่ ใหส้ วยงาม 7. เม่ือนกั เรียนสร้างสรรคผ์ ลงานเสรจ็ แลว้ ครูให้ตัวแทนเกบ็ รวบรวมส่งครู 8. ครูให้นักเรียนศึกษาการสลายของนิวเคลียสของยูเรเนียม-238 จากหนังสือเรียน เพื่อเป็นความรู้เพ่ิมเติมให้ เข้าใจหลกั การของการสลายของนิวเคลยี สกมั มันตรงั สีมากขน้ึ ชั่วโมงท่ี 3 ขน้ั สอน ส้ารวจคน้ หา (Explore) 22. นักเรียนและครูร่วมกันศึกษาและอธิบายเก่ียวกับการสลายของธาตุกัมมันตรังสีในอนุกรมยูเรเนียม โดย นักเรียนจะทราบว่า ธาตุสุดท้ายของอนุกรมจะเป็นธาตุเสถียร นั่นหมายถึง ธาตุน้ันจะไม่มีการสลายของ นิวเคลียสต่อไป โดยที่ธาตุกัมมันตรังสีแต่ละชนิดจะมีอัตราการสลายต่างกัน ซึ่งนอกจากอนุกรมยูเรเรเนียม แล้ว ยังมีอนุกรมของธาตุกัมมันตรังสีในธรรมชาตุอีก 3 อนุกรม ดังนั้น ครูให้นักเรียนศึกษาตารางที่ 7.3 ข้อมลู อนุกรมการสลายของธาตกุ มั มันตรงั สีในธรรมชาติจากหนังสอื เรยี น
23. ครูถามคาถามกับนักเรียนว่า “อุณหภูมิ และความดัน ในสภาพแวดล้อมท่ัว ๆ ไป ส่งผลต่อการสลายของ นิวเคลยี สกมั มนั ตรังสหี รือไม่” (แนวตอบ : ไมม่ ีผล) 24. ครูให้นักเรียนศึกษาสมการแสดงความสัมพันธ์และความหมายของอัตราการสลายของนิวเคลียส กัมมันตรังสี จากหนังสือเรียน โดยครูให้นักเรียนจดบันทึกความรู้ หลักการ ท่ีมาและท่ีไปของสมการ ความสมั พันธเ์ กีย่ วกบั อตั ราการสลายของนิวเคลียสกมั มนั ตรังสี 25. ครูถามคาถามกับนักเรียนว่า “อัตราการลดลงของจานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีหรืออัตราการแผร่ งั สี ในขณะหนึ่งเรยี กว่าอะไร” (แนวตอบ : กมั มนั ตภาพของธาตกุ ัมมนั ตรงั ส)ี 26. ครูส่มุ นักเรยี นใหย้ ืนข้ึนแลว้ ถามคาถามว่า “กัมมนั ตภาพของธาตุกัมมันตรงั สสี ามารถเขียนแทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ อะไร และสามารถคานวณหาปริมาณดงั กล่าวได้จากสมการใด” (แนวตอบ : กัมมันตภาพของธาตุกัมมันตรังสีสามารถเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ A และสามารถคานวณหา ปรมิ าณดังกล่าวไดจ้ ากสมการ ������ = ������������) 27. ครูให้นักเรียนศึกษาและทาความเข้าใจการแสดงวิธีหาคาตอบของสมการ − ������������ = ������������ ซึ่งเป็นสมการ ������������ อนุพันธ์ เพื่อหาจานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่ยังไม่สลาย ได้เป็นสมการแสดงความสัมพันธ์ ������ = ������0������−������������ 28. ครูใหน้ ักเรียนศึกษาเครือ่ งมือวัดกมั มนั ตรังสแี บบฟลิ ์ม แบดจส์ และไกเกอร์เคาน์เตอร์ จากหนังสือเรียน จากนั้นครู มอบหมายให้นักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือในการสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับเคร่ืองมือวัดกัมมันตภาพ รังสีเพ่ิมเติมจาก อนิ เทอรเ์ นต็ แล้วจดบนั ทกึ และสรุปขอ้ มูลท่ไี ดล้ งในสมดุ บนั ทกึ ประจาตวั 29. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 2 คน ออกมาอธิบายลักษณะและหลักการทางานของเครื่องมือวัดกัมมันตภาพ รังสีแบบ ฟิลม์ แบดจส์ และไกเกอรเ์ คาน์เตอรห์ น้าชัน้ เรยี น ชั่วโมงท่ี 4 ขน้ั สอน ส้ารวจค้นหา (Explore) 30. ครูให้นักเรียนปิดหนังสือเรียน จากน้ันครูอ่านข้อคาถามจากตัวอย่างที่ 7.1 จากหนังสือเรียนให้นกั เรยี นจด บนั ทึกลงในสมดุ บันทึกประจาตวั เสร้จแลว้ ครูใหเ้ วลานกั เรียนในการแสดงวิธีการแกโ้ จทย์ปญั หาเพอื่ หาคาตอบ 31. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนออกมานาเสนอและอธิบายวิธีการแก้โจทย์ปัญหาจากตัวอย่างที่ 7.1 บนกระดานหน้าช้ัน เรียน โดยครูเดินสงั เกตการณแ์ ละตรวจสอบวิธที าและคาตอบของแต่ละคนในเบื้องต้น 32. ครนู านกั เรยี นอภปิ รายวิธกี ารแก้โจทย์ปญั หาดงั กล่าว เพอ่ื ให้เกิดความเข้าใจท่ตี รงกัน 33. ครูให้นักเรยี นศกึ ษากราฟแสดงความสมั พันธ์ของจานวนนวิ เคลยี สของธาตุกมั มันตรังสีทีย่ งั เหลอื อยู่ ณ เวลาใด ๆ จากหนังสือเรยี น
34. ครูให้นกั เรียนจดบันทกึ การแก้สมการจนได้เปน็ สมการแสดงความสัมพันธ์คร่ึงชวี ิตของธาตุกมั มันตรงั สี ตลอดไป จนถงึ สมการแสดงความสัมพันธ์ของกัมมันตภาพของธาตุกัมมันตรงั สขี ณะหน่งึ ที่เวลาใด ๆ จากหนังสอื เรยี น 35. นักเรียนร่วมกันตอบคาถาม Concept Question จากหนังสือเรียนท่ีถามว่า “การสลายของนิวเคลียสของธาตุ กัมมันตรงั สสี ามารถใชส้ มการใดในการอธบิ ายได้บา้ ง” (แนวตอบ : ในการคานวณและอธิบายการสลายของนิวเคลียสของธาตกุ ัมมันตรังสี สมการทีใ่ ชจ้ ะเกีย่ วข้องกับ ปรมิ าณดงั ตอ่ ไปน้ี - ทราบจานวนนิวเคลยี ส ������ = ������0������−������������ - ทราบกัมมันตภาพ ������ = ������0������−������������ - ทราบมวล ������ = ������0������−������������) ชั่วโมงท่ี 5 ขน้ั สอน ส้ารวจคน้ หา (Explore) 36. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาตัวอยา่ งที่ 7.2 จากหนงั สอื เรียน โดยจดบนั ทกึ ลงในสมุดบนั ทกึ ประจาตัว 37. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มเท่า ๆ กัน กลุ่มละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตาม ผลสมัฤทธ์ิ (เกง่ คอ่ นขา้ งเกง่ ปานกลาง ค่อนข้างอ่อน อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพ่ือรว่ มกันศึกษากิจกรรม สถานการณ์จาลองการสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี จากหนังสือเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม กาหนดให้สมาชิกแตล่ ะคนมบี ทบาทหน้าท่ขี องตนเอง เชน่ สมาชกิ คนท่ี 1 : เตรียมวัสดุอปุ กรณ์ สมาชกิ คนที่ 2 : อ่านและศกึ ษาวิธปี ฏบิ ัตกิ ิจกรรม แล้วนามาอธิบายสมาชกิ ในกลุม่ สมาชิกคนที่ 3 : บนั ทึกผลการปฏิบัติกิจกรรม สมาชกิ คนท่ี 4-5 : คน้ คว้าเพม่ิ เตมิ หาแหลง่ ขอ้ มูลอ้างองิ เพอ่ื สนับสนนุ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม สมาชิกคนท่ี 6 : นาเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม 38. ครูชแ้ี จงจุดประสงค์ของกิจกรรมให้นกั เรยี นทราบ เพ่อื เป็นแนวทางการปฏบิ ตั ิทีถ่ กู ต้อง 39. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมหรือเทคนิคเก่ียวกับการปฏิบัติกิจกรรม จากนั้นให้นักเรียนทุกกลุ่มลงมือปฏิบัติตาม ขน้ั ตอน 40. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั พดู คยุ วเิ คราะห์ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรม แล้วอภปิ รายผลรว่ มกนั 41. ครูเน้นยา้ ให้นักเรียนตอบคาถามท้ายกิจกรรม จากหนังสือเรยี น ลงในสมดุ บันทกึ ประจาตวั เพื่อนาส่งครูเปน็ การ ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม 42. ในระหว่างท่ีนักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ครูเดนิ สงั เกตการณ์และคอยให้คาปรึกษาเมอ่ื นกั เรียนเกิดปัญหา หรือมีข้อ สงสยั เกยี่ วกับกจิ กรรม อธบิ ายความรู้ (Explain)
8. ครูชักชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการปฏิบัติกิจกรรมว่า เกิดปัญหาหรือมีอุปสรรคอะไรบ้าง ในระหวา่ ง ปฏบิ ัตติ ามขั้นตอนการปฏบิ ตั ิ โดยเป็นการแลกเปล่ยี นและมีปฏสิ ัมพันธซ์ งึ่ กันและกัน 9. ครใู ห้แต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมาหน้าชน้ั เรยี น เพื่อนาเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรม 10. ครสู ุ่มนกั เรยี นเพ่อื ถามคาถามทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับกิจกรรม เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลงั ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 11. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลทา้ ยกิจกรรมและสรปุ ความรรู้ ว่ มกัน 12. นักเรียนศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมจากการสแกน QR Code เรื่อง สถานการณ์จาลองการสลายของนิวเคลียส กมั มนั ตรังสี จากหนังสอื เรยี น 13. นกั เรยี นศกึ ษาและแสดงวธิ ีการแก้โจทย์ปญั หาจากตวั อยา่ งที่ 7.3 จาหนังสอื เรยี น ลงในสมดุ บนั ทกึ ประจาตัว 14. ครูมอบหมายให้นักเรียนศึกษาทาความเข้าใจเกี่ยวกับการสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสีเพิ่มเติม จาก แบบฝกึ หัด ฟิสิกส์ ม.6 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 ฟิสิกสน์ วิ เคลียร์ ช่ัวโมงที่ 6 ขน้ั สอน ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 5. ครใู หน้ ักเรียนสรุปความรเู้ ก่ยี วกับการสลายของนิวเคลยี สกัมมนั ตรงั สี โดยสรา้ งสรรค์ออกมาในรูปแบบของอินโฟ กราฟิก ลงในกระดาษ A4 พร้อมท้งั ตกแตง่ ใหส้ วยงาม เสร็จแลว้ นาส่งครูเพือ่ ตรวจให้คะแนน 6. ครูสมุ่ ตวั แทนนักเรยี นออกไปนาเสนอผลงานอินโฟกราฟกิ ของตนเองหน้าช้นั เรยี น 7. ครูแจกใบงานที่ 7.2 เร่ือง การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี ให้นักเรียนคนละ 1 ชุด จากน้ันมอบหมาย ใหน้ ักเรียนนากลบั ไปศกึ ษาเปน็ การบ้าน เสร็จแลว้ ตวั แทนรวบรวมส่งครู 8. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แล้วร่วมกันศึกษาแบบฝึกหัด Topic Questions จากหนังสือเรียน โดยครู มอบหมายให้นกั เรียนแตล่ ะคนเขียนแสดงวิธีการแก้โจทย์ปัญหาลงในสมดุ บนั ทึกประจาตวั โดยท่ีครูกาหนดให้ ใชห้ ลกั การแก้โจทย์ปัญหา 4 ขน้ั ตอน ของโพลยา ดงั นี้ ข้ันที่ 1 ทาความเข้าใจโจทย์ (Understanding the problem) เป็นการคิดเก่ียวกับปัญหาและตัดสิน ว่าอะไรทีต่ อ้ งการค้นหา โดยนกั เรยี นตอ้ งทาความเข้าใจปญั หาและระบุสว่ นทสี่ าคญั ของปัญหา ข้ันท่ี 2 วางแผนแก้ปัญหา (Devising a plan) เป็นการค้นหาความเช่ือมโยงหรือความสัมพันธ์ระหว่าง ข้อมูลและตัวไม่รู้ค่า นาความสัมพันธ์ที่ได้มาผสมผสานกับประสบการณ์ กาหนดแนวทางหรือแผนในการ แกป้ ญั หา ข้นั ท่ี 3 ปฏบิ ัติตามแผน (Carrying out the plan) เป็นการลงมือปฏบิ ตั ติ ามแผนหรือแนวทางท่ีวางไว้ อาจ ตรวจสอบความเป็นไปได้ของแผน เพิ่มเติมรายละเอียด แล้วลงมือปฏิบัติจนได้ความสาเร็จ ถ้าไม่ สาเร็จต้องค้นหาและทาการแก้ปัญหาจนสามารถแก้ปญั หาได้ ข้ันท่ี 4 ตรวจสอบ (Looking back) เป็นการมองย้อนกลับไปยังคาตอบที่ได้มา เร่ิมจากการตรวจสอบ ความถูกต้อง ความสมเหตุสมผลของคาตอบและยุทธวิธีแก้ปัญหาที่ใช้ มีคาตอบหรือยุทธวิธีอื่นในการ แก้ปญั หานีอ้ ีกหรอื ไม่ ขน้ั สรปุ
156.ครูและนักเรียนร่วมกันลงข้อสรุป โดยให้นักเรียนอธิบายสรุปความรู้เกี่ยวกับการสลายของนิวเคลียส กัมมันตรังสีที่ได้ศึกษามาแล้วทั้งเน้ือหาและตัวอย่างจากหนังสือเรียน และกิจกรรมท่ีนอกเหนือจากหนังสือ เรยี น พร้อมทัง้ ยกอย่างสถานการณใ์ นชวี ติ ประจาวนั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งเพื่อทดสอบความเขา้ ใจ 157.ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาท่ีได้ศึกษาผ่านมาแล้วในส่วนที่ยังไม่เข้าใจหรือสงสัย จากน้ันครูให้ ความรู้เพิ่มเติมในส่วนน้ัน โดยท่ีครูอาจจะใช้ PowerPoint เรื่อง การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรงั สี มา เปิดใหน้ กั เรยี นดูประกอบเพ่อื ช่วยในการอธิบายให้เขา้ ใจมากยงิ่ ขึ้น ข้ันป1ร5ะเ8ม.ิน ตรวจสอบผล (Evaluate) 159.ประเมินความรู้เกี่ยวกบั เรื่อง การสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี โดยสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม การทา แบบฝึกหดั และการสรุปสาระสาคญั 160. ประเมินทักษะและกระบวนการทางวิ ทยาศาสตร์จากการ คานวณหาปริมาณที่เก่ียวข้องกับการสลาย ของ นวิ เคลียสกัมมันตรงั สี และจากกการปฏิบัตกิ ิจกรรมสถานการณจ์ าลองการสลายของนิวเคลียสกมั มนั ตรังสีได้ อย่างถกู ตอ้ งและตามลาดบั ขั้นตอน 161.ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย และ ปฏิบตั ิงานตรงตามเวลาท่คี รกู าหนด 9. สือ่ การเรยี นการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น รายวิชาเพมิ่ เตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เลม่ 1 2) แบบฝกึ หัด รายวชิ าเพมิ่ เติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟสิ ิกส์ ม.6 เล่ม 1 10. การวดั ผลและประเมินผล รายการวดั วิธีวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ 10.1 การประเมินระหว่าง - ตรวจใบงานท่ี 16 - ใบงานที่ 16 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกจิ กรรม - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1) การสลายของ นวิ เคลยี ส กัมมนั ตรงั สี 2) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน ผลงาน นาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 ทางานรายบุคคล การทางาน การทางาน ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล รายบุคคล 4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 ทางานกลุม่ การทางานกลมุ่ - สังเกตความมีวนิ ยั การทางานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมัน่ อนั พงึ ประสงค์ - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
รายการวดั วธิ ีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ ในการทางาน อันพึงประสงค์ ลงชอ่ื ..................................................ผู้สอน (............................................)
ใบงานที่ 16 เร่อื ง การสลายของนวิ เคลียสกัมมันตรงั สี คา้ ชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นตอบค้าถามตอ่ ไปน้ี 1. ธาตุทเ่ี กิดการสลายตามปฏิกริ ยิ านวิ เคลียร์แล้วไดเ้ ลขมวลเท่ากับ 178 เปน็ ธาตุทีจ่ ัดว่าอยู่ในอนุกรมยูเรเนยี ม 2. ธาตุกัมมันตรังสีมีนวิ เคลียสท่ีเสถียร แต่เม่ือถูกกระตุ้นหรือการยิงด้วยนิวตรอนก็สามารถสลายตัว แตกนิวเคลียสออกเป็น ธาตอุ ่ืน ๆ ได้ 3. ธาตุกัมมนั ตรังสที กุ ธาตุมีอตั ราการสลายเทา่ กนั เน่อื งจากอตั ราการสลายขึ้นกับปริมาณนวิ เคลียสทีไ่ มเ่ สถยี รเท่านั้น 4. ค่าคร่ึงชีวิตของธาตุกัมมันตรังสีเป็นค่าสัมพัทธ์ท่ีบอกให้รู้ว่าธาตุกัมมันตรังสีน้ันจะสลายตัวได้ดีแค่ไหน เมื่อเทียบกับ ธาตกุ ัมมันตรังสีอ่นื ๆ 5. กัมมันตรังสีไม่สามารถบอกค่าคร่ึงชีวิตของธาตุกัมมันตรังสีได้ แต่กราฟระหว่างกัมมันตรังสีกับเวลาสามารถบอกค่า ครงึ่ ชวี ิตได้
ใบงานที่ 16 เฉลย เร่อื ง การสลายของนิวเคลียสกมั มนั ตรงั สี ค้าช้ีแจง : พจิ ารณาข้อความที่เก่ยี วกบั อนุกรมการสลายตัวและอตั ราการสลายตัว ว่าถกู ต้องหรือไมพ่ ร้อมใหเ้ หตุผล 1. ธาตุทีเ่ กิดการสลายตามปฏิกิริยานิวเคลียร์แลว้ ได้เลขมวลเท่ากับ 178 เปน็ ธาตุทจี่ ัดว่าอยู่ในอนกุ รมยูเรเนียม ถูกต้อง เพราะ เลขมวล = (4 × 44) + 2 = 178 จัดว่าอย่ใู นอนุกรม 4n + 2 ซ่ึงก็คอื อนุกรมยูเรเนยี ม 2. ธาตุกัมมันตรังสีมีนิวเคลียสที่เสถียร แต่เมื่อถูกกระตุ้นหรือการยิงด้วยนิวตรอนก็สามารถสลายตัว แตกนิวเคลยี สออกเป็น ธาตอุ ื่น ๆ ได้ ไม่ถูกตอ้ ง เพราะอะตอมของธาตุที่นิวเคลียสไม่เสถียรสามารถเกิดการสลายตวั แตกนวิ เคลียสได้เองโดยไม่ต้องอาศัย การกระต้นุ ใด ๆ 3. ธาตกุ ัมมนั ตรงั สที ุกธาตุมอี ตั ราการสลายเท่ากัน เนือ่ งจากอตั ราการสลายข้นึ กบั ปริมาณนิวเคลยี สทไี่ ม่เสถยี รเท่านน้ั ไม่ถกู ต้อง เพราะอัตราการสลายจะแปรผกผันกบั ครงึ่ ชีวิตของธาตุกมั มันตรังสีนั้น ๆ ถึงแมว้ ่าจะมีจานวนนิวเคลียสท่ี ไม่เสถียรเรม่ิ ตน้ เทา่ กนั กต็ าม 4. ค่าคร่ึงชีวิตของธาตุกัมมันตรังสีเป็นค่าสัมพัทธ์ท่ีบอกให้รู้ว่าธาตุกัมมันตรังสีนั้นจะสลายตัวได้ดีแค่ไหน เมื่อเทียบกับ ธาตุกมั มันตรังสีอ่นื ๆ ไม่ถูกต้อง เพราะคา่ ครึ่งชีวิตเปน็ เวลาท่ีธาตุกัมมันตรงั สีเกิดการสลายตัวจริง ๆ และเป็นค่าเฉพาะของแตล่ ะธาตุ ไมใ่ ช่ ค่าท่ีสมั พัทธท์ สี่ ามารถนามาเทยี บกับการสลายของนิวเคลียสของธาตุอ่นื ๆ ได้ 5. กัมมันตรังสีไม่สามารถบอกค่าครึ่งชีวิตของธาตุกัมมันตรังสีได้ แต่กราฟระหว่างกัมมันตรังสีกับเวลาสามารถบอกค่า คร่งึ ชีวติ ได้ ไม่ถูกต้อง เพราะกัมมันตรังสีเป็นอัตราการสลายตัวซึ่งเป็นปริมาณที่เทียบกับเวลาอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้ารู้กมั มนั ตรงั สี และปริมาณของนวิ เคลยี สหรอื มวลสารเร่มิ ต้น ก็สามารถหาคร่งึ ชีวติ ของธาตุน้ันได้
แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 เรือ่ ง ฟิสกิ สน์ ิวเคลยี ร์ แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 17 เรือ่ ง เสถียรภาพของนิวเคลียส รายวชิ า ฟิสิกส์ รหสั วชิ า ว33206 ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6/1 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 น้าหนักเวลาเรียน 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ เวลาทีใ่ ช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3 ชว่ั โมง .......................................................................................................................................................... 1. ผลการเรียนรู้ อธิบายแรงนิวเคลียร์ เสถียรภาพของนิวเคลียสและพลังงานยึดเหนี่ยว รวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง 2. จดุ ประสงค์ 1. อธิบายความหมายของแรงนวิ เคลียร์และพลงั งานยึดเหนยี่ วได้ (K) 2. คานวณหาปรมิ าณที่เกีย่ วขอ้ งกับเสถียรภาพของนิวเคลียสได้อย่างถูกต้อง (P) 3. มีความรบั ผิดชอบต่องานท่ไี ด้รับมอบหมาย และปฏบิ ัตงิ านตรงตามเวลาท่คี รกู าหนด (A) 3. สาระส้าคญั นิวเคลียสประกอบด้วยอนุภาคโปรตอน ซ่ึงมีประจุไฟฟ้าเป็นบวก และอนุภาคนิวตรอน ซึ่งเป็นกลางทางไฟฟ้า แต่ สามารถรวมตัวกนั อย่ไู ด้ภายในนวิ เคลียส จากสมมติฐานโปรตอน-นวิ ตรอน ทาให้ทราบว่าจะต้องมีแรงทม่ี ีค่ามากกว่าแรง ผลักระหว่างอนุภาคท่ีมีประจุไฟฟา้ ตามหลักของแรงทางไฟฟา้ ซ่ึงแรงเหลา่ นีเ้ รียกวา่ แรงนิวเคลยี ร์ เปน็ แรงท่ียดึ นวิ คลีออ นต่าง ๆ ให้อยู่รวมกนั เป็นนิวเคลียส พลังงานยึดเหน่ียว คือ พลังงานที่ใช้ยึดเหน่ียวนิวคลีออนทั้งหมดเอาไว้ในนิวเคลียส การศึกษาธรรมชาติของแรง นิวเคลียร์ทาได้โดยการให้พลังงานแก่นิวเคลียส เพื่อทาให้นิวคลีออนแยกออกจากกัน โดยพลังงานท่ีให้แก่นิวเคลียสจะ เปน็ พลังงานท่ีมปี ริมาณพอเหมาะทีท่ าให้นวิ คลอี อนแยกออกจากกนั ซ่งึ มคี า่ อยา่ น้อยเทา่ กบั พลงั งานยึดเหนี่ยว 4. สมรรถนะส้าคญั ของนักเรยี น 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลมุ่ 6. คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน - ใบงานที่ 16 เรอ่ื ง ไอโซโทป
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงท่ี 1-2 ขน้ั นา ขนั้ การใช้ความรูเ้ ดิมเชอ่ื มโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge) 162.ครูสนทนาทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับการเปล่ียนสภาพนิวเคลียส การทดลองของเจมส์ แชดวิก สมมติฐาน โปรตอน-นวิ ตรอน 163.ครูถามคาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียน เพื่อเช่ือมโยงเข้าสู่เน้ือหาโดยใช้คาถาม Key Question จาก หนังสือเรยี นที่ถามวา่ “เสถยี รภาพของนวิ เคลยี สของธาตุหน่งึ ๆ จะมีคา่ ขึน้ อยู่กบั สิ่งใด” (แนวตอบ แรงนวิ เคลียรแ์ ละพลงั งานยดึ เหนย่ี ว) 164.ครูสนทนากับนักเรียนเพ่ือชักชวนเข้าสู่บทเรียน โดยการเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับองค์ประกอบของ นิวเคลียส เพอ่ื ทบทวนความรู้เดิมและกระต้นุ ความสนใจของนกั เรียน ขน้ั สอน ขน้ั รู้ (Knowing) 165.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนที่นั่งข้าง ๆ จากนั้นร่วมกันศึกษา เรื่อง เสถียรภาพของนิวเคลียส ในส่วนของ หัวข้อ แรงนิวเคลียร์ จากหนังสือเรียน และสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ โดยใหน้ ักเรยี น จดบนั ทึกเปน็ องค์ความรลู้ งในสมุดบันทึกประจาตวั 166.ครูถามคาถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนในขณะที่กาลังศึกษาหาความรู้ว่า “จากการทดลองของ นักวทิ ยาศาสตร์ ทาใหท้ ราบลักษณะของนวิ เคลียสไดว้ า่ มลี กั ษณะอย่างไร” (แนวตอบ : นิวเคลียสมีลักษณะเป็นทรงกลม ขนาดของนิวเคลยี สจะขึ้นอยู่กบั จานวนนิวคลีออนในนิวเคลียส มวลของนิวเคลียสขึ้นอยู่กับจานวนนิวคลีออนหรือเลขมวลของธาตุ รัศมีของนิวเคลียสแปรผันตรงกับรากที่ สามของเลขมวล ความหนาแน่นของนิวเคลียสโดยทั่วไปมีค่าประมาณ 1018 กิโลกรมั ตอ่ ลูกบาศก์เมตร) 167.ครใู ห้นักเรียนสืบคน้ ข้อมลู เพมิ่ เตมิ เก่ียวกับธาตทุ มี่ คี วามหนาแนน่ มากทส่ี ุด (ออสเมยี ม) จากแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ โดยจดบันทึกลงในสมุดบันทึกประจาตัว จากน้ันนาผลการศึกษามาอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกันในช้ัน เรยี น 168. ครูให้นักเรียนเขยี นสรุปองคค์ วามรูเ้ ก่ยี วกับแรงนวิ เคลยี รท์ ไ่ี ด้ศึกษามาแลว้ ลงในสมุดบันทึกประจาตัว ขน้ั เขา้ ใจ (Understanding) 1. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ จากนั้นร่วมกันศึกษาตัวอย่างที่ 7.4-7.5 จากหนังสือเรียน โดยจด บนั ทกึ ลงในสมุดบันทกึ ประจาตวั 2. ครูนาโจทย์ปัญหาเก่ียวกับการคานวณหารัศมีของนิวเคลียส ความหนาแน่นของนิวเคลียส และ ปรมิ าณท่ี เก่ียวข้อง ท่ีนอกเหนือจากหนังสือเรียนมาให้นักเรียนได้ศึกษาเพ่ิมเติม โดยการลงมือแสดงวิธีการแก้โจทย์ ปญั หาเพ่ือหาคาตอบ
3. ครสู ุม่ ตัวแทนนักเรียนออกมาหน้าชัน้ เรียน จากน้ันมอบหมายให้แตล่ ะคนแสดงวธิ ีแก้โจทย์ปญั หาคนละ 1 ข้อ จากโจทย์ปัญหาในตัวอย่างที่ 7.4-7.5 และที่ครูให้เพิ่มเติม เสร็จแล้วครูให้นักเรียนอธิบายข้ันตอนการทาที ละ 1 คน ซึ่งครูจะสงั เกตการณ์และคอยชี้แนะเมื่อนักเรียนสงสัยหรอื เกิดปัญหา 4. ครูนานักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับโจทย์ปญั หาท่ีนักเรยี นไดศ้ ึกษามาแล้ว เพอื่ ให้เกิดความเข้าใจท่ีตรงกนั ช่วั โมงที่ 3-4 ขน้ั สอน ข้ันรู้ (Knowing) 1. ครูให้นกั เรียนจับคู่กับเพ่อื นทน่ี ้ังข้าง ๆ จากน้นั รว่ มกนั ศึกษา เรื่อง พลงั งานยึดเหน่ียว จากหนงั สือเรียน 2. ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์ จากแหล่งข้อมูล สารสนเทศ โดยมงุ่ เน้นถงึ สมการแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างมวลกบั พลงั งาน ซึง่ นนั่ เป็นพื้นฐานของการนามาประยุตใ์ ช้ใน เร่อื ง พลงั งานยดึ เหน่ยี ว 3. ครูสุ่มนักเรียนจากการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลในการให้ความร่วมมือและกระตือรือร้นในระหว่างการศึกษา หาความรู้ให้ออกมาหน้าช้ันเรียน จากน้ันครูให้นักเรียนใช้สมการความสัมพันธ์ระหว่างมวลกับพลังงานของ ไอน์สไตน์ในการหาค่าพลังงานของมวล 1 u ในหนว่ ยเมกะอิเล็กตรอนโวลต์ หรอื หน่วยอืน่ ๆ 4. ครูถามคาถามตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนว่า “มวลท่ีหายไปเน่ืองจากการรวมกันของนิวคลีออนใน นวิ เคลยี สเรียกวา่ อะไร” (แนวตอบ : มวลพรอ่ ง) 5. ครูให้นักเรียนปิดหนังสือเรียน จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละคู่นากระดาษ A4 ข้ึนมาแล้วแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เทา่ ๆ กัน 6. ครูถามคาถามกับนักเรียนว่า “การพิจารณาหรือคานวณหามวลพร่องท่ีมีหน่วยเป็น u จะต้องใช้สมการใด” โดยครกู าหนดใหน้ กั เรยี นเขยี นสมการท่ตี ้องการตอบลงในกระดาษทีไ่ ด้แบ่งกันไว้แลว้ ซ่ึงใครเขียนเสรจ็ แล้วยืน ข้ึนพร้อมชูกระดาษคาตอบข้นึ ก่อนและคาตอบถกู ตอ้ ง 3 คนแรก ครจู ะมีรางวัลพเิ ศษให้ 7. ครูใหน้ ักเรียนคู่เดิมร่วมกันศึกษาตัวอย่างท่ี 7.6-7.7 จากหนังสือเรียน โดยครูมอบหมายให้นักเรียนจดบันทึก วธิ ีทาเพอ่ื หาคาตอบลงในสมุดบันทึกประจาตัว 8. ครูสมุ่ ตวั แทนนกั เรียนโดยเลอื กคนท่ีไมค่ อ่ ยมีสว่ นร่วมในชั้นเรยี นออกมาหน้าชน้ั เรยี น แลว้ อธิบายผลการศกึ ษา ตัวอย่างท่ี 7.6-7.7 บนกระดาน 9. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาต่อหลงั จากศึกษาตวั อยา่ งที่ 7.6-7.7 เกี่ยวกบั พลังงานยึดเหนย่ี วต่อนวิ คลีออน
ขนั้ เขา้ ใจ (Understanding) 16. ครูนานักเรยี นอภิปรายเกี่ยวกับพลังงานยดึ เห่ียว โดยการใช้คาถามถามกับนักเรียนเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจ ในเนื้อหาว่า “หากมีธาตุอยู่จานวนหน่ึง แล้วต้องการทราบวา่ ธาตุใดมีเสถียรภาพมากกว่า จะสามารถพิจารณา ได้จากสิ่งใด เพราะเหตุใด” (แนวตอบ : สามารถพจิ ารณาไดจ้ าก พลังงานยึดเหน่ียวต่อนิวคลีออน เพราะแต่ละธาตุจะมีจานวนนิวคลีออ นภายในนิวเคลียสไม่เท่ากัน จะไม่สามารถนามาเปรียบเทียบกันได้ จึงต้องพิจารณาจาก อัตราส่วนของ พลังงานยดึ เห่ยี วตอ่ นวิ คลอี อน ซ่ึงธาตทุ ่ีมพี ลังงานยึดเหน่ียวตอ่ นวิ คลอี อนสูงกว่า จะมีเสถียรภาพมากกว่าธาตุท่ี มีพลังงานยึดเหน่ียวต่อนิวคลีออนต่ากว่า และธาตุที่มีเสถียรภาพมากกว่าจะแตกตัวเป็นนิวเคลียสอ่ืนได้ยาก กวา่ ) 17. ครใู ช้คาถามใหน้ กั เรยี นอธิบายส่งิ ทน่ี ักเรียนไดเ้ รยี นรู้เกี่ยวกับเรอ่ื ง เสถยี รภาพของนวิ เคลียส โดยครสู ่มุ นกั เรียน จานวนหนง่ึ ออกมาหน้าห้องเพือ่ อธบิ ายผลการศึกษา 18. เมื่อนักเรียนอธิบายผลการศึกษาตามความเข้าใจของนักเรียนแล้ว ครูอาจยกตัวอย่างหรือปรับเปลี่ยน สถานการณจ์ ากตัวอย่างทีไ่ ดศ้ ึกษา แลว้ ให้นกั เรียนอธบิ ายสิ่งท่ีเหมอื นและส่ิงทแี่ ตกตา่ ง ขนั้ ลงมอื ท้า (Doing) 169.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนข้าง ๆ แล้วร่วมกันศึกษาแบบฝึกหัด Topic Questions จากหนังสือเรียน โดยครู มอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนเขียนแสดงวิธีการแก้โจทย์ปัญหาลงในสมุดบันทึกประจาตัว โดยท่ีครู กาหนดให้ใชห้ ลักการแกโ้ จทย์ปญั หา 4 ข้นั ตอน ของโพลยา ดงั น้ี a. ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจโจทย์ (Understanding the problem) เป็นการคิดเก่ียวกับปัญหาและตัดสิน ว่าอะไรที่ตอ้ งการค้นหา โดยนักเรยี นตอ้ งทาความเข้าใจปญั หาและระบุสว่ นที่สาคัญของปัญหา b. ข้ันที่ 2 วางแผนแก้ปัญหา (Devising a plan) เป็นการค้นหาความเช่ือมโยงหรือความสัมพันธ์ระหว่าง ข้อมูลและตัวไม่รู้ค่า นาความสัมพันธ์ที่ได้มาผสมผสานกับประสบการณ์ กาหนดแนวทางหรือแผนในการ แก้ปญั หา c. ขน้ั ที่ 3 ปฏิบตั ิตามแผน (Carrying out the plan) เปน็ การลงมอื ปฏบิ ัตติ ามแผนหรือแนวทางท่ีวางไว้ อาจ ตรวจสอบความเป็นไปได้ของแผน เพิ่มเติมรายละเอียด แล้วลงมือปฏิบัติจนได้ความสาเร็จ ถ้าไม่ สาเร็จต้องคน้ หาและทาการแกป้ ญั หาจนสามารถแกป้ ัญหาได้ d. ข้ันที่ 4 ตรวจสอบ (Looking back) เป็นการมองย้อนกลับไปยังคาตอบท่ีได้มา เร่ิมจากการตรวจสอบ ความถูกต้อง ความสมเหตุสมผลของคาตอบและยุทธวิธีแก้ปัญหาท่ีใช้ มีคาตอบหรือยุทธวิธีอื่นในการ แกป้ ญั หานีอ้ กี หรอื ไม่ 170.ครูมอบหมายให้นักเรยี นศึกษาทาความเขา้ ใจเกยี่ วกับเสถียรภาพของนวิ เคลียสเพิม่ เติมจากแบบฝึกหดั ฟิสิกส์ ม.6 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7 ฟสิ กิ ส์นิวเคลยี ร์ 171.ครูแจกใบงานที่ 7.3 เร่ือง พลังงานยดึ เหน่ยี ว ให้นักเรียนคนละ 1 ชุด จากน้ันมอบหมายให้นากลับไปศึกษา เปน็ การบา้ น เสรจ็ แลว้ ตัวแทนรวบรวมส่งครูเพ่อื ตรวจและให้คะแนนก่อนทจ่ี ะเจอกันในชั่วโมงถัดไป ขน้ั สรุป
172.ครูและนักเรียนร่วมกันลงข้อสรุป โดยให้นักเรียนอธิบายสรุปความรู้เกี่ยวกับความร้อนท่ีได้ศึกษามาแลว้ ทั้ง เน้อื หาและตัวอยา่ งจากหนังสอื เรียน และกิจกรรมที่นอกเหนือจากหนังสือเรียน พร้อมท้ังยกอยา่ งสถานการณ์ ในชีวติ ประจาวันทเ่ี ก่ยี วขอ้ งเพื่อทดสอบความเขา้ ใจ 173.ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเน้ือหาที่ได้ศึกษาผ่านมาแล้วในส่วนที่ยังไม่เข้าใจหรือสงสัย จากน้ันครูให้ ความรเู้ พม่ิ เติมในส่วนนนั้ โดยที่ครูอาจจะใช้ PowerPoint เรื่อง เสถียรภาพของนวิ เคลยี ส มาเปิดให้นักเรยี นดู ประกอบเพื่อช่วยในการอธิบายให้เข้าใจมากย่ิงข้ึน 174.ครใู หน้ ักเรยี นสรุปความรู้เกยี่ วกบั เสถยี รภาพของนิวเคลียส โดยสร้างสรรคอ์ อกมาในรูปแบบของอินโฟกราฟิก ลงในกระดาษ A4 พรอ้ มทง้ั ตกแต่งให้สวยงาม เสรจ็ แลว้ นาส่งครูเพ่อื ตรวจให้คะแนน ขน้ั ประเมิน 175.ประเมินความรู้เกี่ยวกับเรื่อง เสถียรภาพของนิวเคลียส โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม การทา แบบฝึกหัด และการสรปุ สาระสาคญั 176. ประเมินทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จากการ คานวณหาปริมาณท่ีเก่ียวข้องกับเสถียรภาพของ นวิ เคลยี สจากตัวอย่างท่คี รูกาหนดให้ และการนาความร้ทู ี่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์ 177.ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น การทางาน ร่วมกบั ผูอ้ น่ื อย่างสรา้ งสรรค์ 9. สอื่ การเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 1) หนังสอื เรียน รายวิชาเพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟสิ กิ ส์ ม.6 เล่ม 1 2) แบบฝึกหดั รายวิชาเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟสิ กิ ส์ ม.6 เล่ม 1 10. การวัดผลและประเมนิ ผล
รายการวดั วิธวี ัด เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ 10.1 การประเมนิ ระหวา่ ง - ตรวจใบงานที่ 17 - ใบงานท่ี 17 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกิจกรรม 1) เสถียรภาพของ - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ 2 ผลงาน นิวเคลียส - สังเกตพฤตกิ รรม นาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ 2) การนาเสนอ การทางาน รายบุคคล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน 3) พฤตกิ รรมการ การทางาน ผา่ นเกณฑ์ ทางานรายบคุ คล รายบคุ คล 4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 ทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม - สังเกตความมวี ินยั การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่น อันพึงประสงค์ ในการทางาน - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2 คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ ลงชอื่ ..................................................ผสู้ อน (............................................)
ใบงานที่ 17 เรือ่ ง พลงั งานยึดเหน่ยี ว คา้ ชี้แจง : พจิ ารณาความถกู ตอ้ งของขอ้ ความทเ่ี กี่ยวกับพลังงานยึดเหนี่ยว พรอ้ มทั้งใหเ้ หตผุ ลวา่ เหตุใดจงึ เลือก ค้าตอบน้ัน 1. แรงนิวเคลียร์เป็นแรงดงึ ดูดระยะยาว ไม่ขึ้นกับชนิดของประจุไฟฟ้าและมีขนาดมากกว่าแรงระหว่างประจุไฟฟา้ มาก เพราะไม่ต้องมอี นั ตรกิริยากับประจุใด ๆ 2. ในการคานวณมวลของธาตใุ ด ๆ จะคิดเฉพาะมวลของโปรตอนรวมกบั มวลของนวิ ตรอนเท่านัน้ สว่ นมวลของอเิ ลก็ ตรอน ตดั ทง้ิ เนื่องจากนอ้ ยกวา่ มาก 3. ธาตทุ ่ีมมี วลมากจะยิ่งมอี ัตราส่วนของโปรตอนตอ่ นิวตรอนเพ่ิมขน้ึ ด้วย เพ่ือใชเ้ ป็นพลงั งานยึดเหน่ยี วในการเอาชนะแรง ผลกั ระหวา่ งประจไุ ฟฟา้ 4. พลังงานที่ต้องให้แก่ธาตุเพ่ือรวมนิวคลีออนเข้าด้วยกันมีค่าเท่ากับพลังงานยึดเหน่ียวนิวเคลียร์ส่วนพลังงานท่ีใช้เพื่อ สลายหรอื แยก นวิ คลีออนนน้ั จะมคี ่าไม่เท่ากบั พลังงานดังกลา่ ว
ใบงานที่ 17 เฉลย เรือ่ ง พลังงานยดึ เหนยี่ ว ค้าช้แี จง : พจิ ารณาความถกู ตอ้ งของขอ้ ความทีเ่ กีย่ วกบั พลังงานยึดเหนย่ี ว พรอ้ มทง้ั ใหเ้ หตผุ ลวา่ เหตุใดจงึ เลอื ก คา้ ตอบน้ัน 1. แรงนิวเคลียร์เป็นแรงดึงดูดระยะยาว ไม่ข้ึนกับชนิดของประจุไฟฟ้าและมีขนาดมากกว่าแรงระหว่างประจุไฟฟ้ามาก เพราะไมต่ ้องมอี ันตรกริ ยิ ากบั ประจุใด ๆ ไม่ถูกต้อง เพราะแรงนิวเคลียร์ถือว่าเป็นแรงดึงดูดระยะส้ันอยู่ในระยะรัศมีนิวเคลียส ไม่ขึ้นกับชนิดของประจุไฟฟ้า และมีขนาดมากกว่าแรงระหว่างประจุไฟฟา้ มาก เพราะต้องเอาชนะแรงผลักระหว่างประจุบวกด้วยกันหรือระหว่าง โปรตอนกับโปรตอน 2. ในการคานวณมวลของธาตุใด ๆ จะคิดเฉพาะมวลของโปรตอนรวมกับมวลของนวิ ตรอนเท่านัน้ ส่วนมวลของอิเลก็ ตรอน ตดั ท้งิ เนอ่ื งจากน้อยกวา่ มาก ไม่ถูกต้อง เพราะอิเล็กตรอนเป็นอนภุ าคท่ีอยู่ภายนอกนวิ เคลียสจึงไมน่ ับว่ามวลที่ทาให้เกิดพลังงานยึดเหนยี่ วนิวเคลียร์ มาจากมวลของอิเลก็ ตรอน เพราะภายในนวิ เคลยี สมแี ตโ่ ปรตอนและนวิ ตรอนเทา่ นน้ั 3. ธาตทุ ่มี ีมวลมากจะยิง่ มีอัตราส่วนของโปรตอนต่อนวิ ตรอนเพ่ิมขึ้นด้วย เพอื่ ใชเ้ ป็นพลังงานยดึ เหนย่ี วในการเอาชนะแรง ผลกั ระหว่างประจไุ ฟฟา้ ไม่ถูกตอ้ ง เพราะธาตุท่ีมีมวลมากจะเพิ่มจานวนนิวตรอนให้มากกว่าจานวนโปรตอน เพื่อเปน็ การเพ่ิมพลงั งานยึดเหน่ียว ภายในนวิ เคลยี ส กล่าวคอื มอี ัตราสว่ นของนิวตรอนต่อโปรตอนเพม่ิ ขน้ึ 4. พลังงานท่ีต้องให้แก่ธาตุเพ่ือรวมนิวคลีออนเข้าด้วยกันมีค่าเท่ากับพลังงานยึดเหน่ียวนิวเคลียร์ส่วนพลังงานที่ใช้เพื่อ สลายหรอื แยก นิวคลีออนนั้นจะมคี ่าไมเ่ ทา่ กบั พลังงานดังกล่าว ไม่ถูกต้อง เพราะพลงั งานที่ใช้รวมและสลายนวิ เคลียสของธาตุนั้นมีค่าเท่ากัน ซ่ึงเทา่ กับพลงั งานยึดเหนี่ยวนิวเคลียร์
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 เรอ่ื ง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ แผนจัดการเรียนรูท้ ่ี 18 เรือ่ ง ปฏิกิริยานิวเคลียร์ รายวชิ า ฟสิ ิกส์ รหัสวิชา ว33206 ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6/1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 น้าหนกั เวลาเรียน 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ชัว่ โมง/สปั ดาห์ เวลาท่ีใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 4 ชวั่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. ผลการเรยี นรู้ อธิบายปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันและฟิวชันรวมท้ังคานวณพลังงานนิวเคลียร์ 2. จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายปฏกิ ริ ิยานิวเคลียร์จากสมการปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้ (K) 2. คานวณหาพลงั งานนิวเคลียร์ได้อยา่ งถกู ต้อง (P) 3. มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย และปฏิบัติงานตรงตามเวลาท่คี รูกาหนด (A) 3. สาระสา้ คญั กระบวนการหรือปฏิกิริยาที่นิวเคลียสเกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบหรือระดับพลังงาน เรียกว่าปฏกิ ิริยา นิวเคลียร์ ซ่ึงโดยท่ัวไปเกดิ จากการยิงอนุภาคต่าง ๆ ท่มี ีพลังงานจลน์สงู ๆ แล้วพุ่งเข้าชนกับนิวเคลียสของธาตุท่ีเป็นเป้า นิวเคลียสของธาตุท่ีเป็นเป้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบหรือระดับพลังงาน แล้วเปล่ียนสภาพกลายเป็น นิวเคลียสของธาตุใหม่ โดยปฏิกิริยานิวเคลียร์สามารถเขียนแทนในรูปท่ัวไปได้ด้วยสมการ X + a ⟶ Y + b หรือ X (a, b) Y ปฏิกิริยานิวเคลียร์ท่ีนิวเคลียสของธาตุหนักแตกตัวเป็นนิวเคลียสใหม่ 2 นิวเคลียสที่มีเลขมวลใกล้เคียงกัน เรียกว่า ฟิชชัน เม่ือนิวตรอนที่ได้หลังจากเกิดฟิชชันพุ่งไปชนกับนิวเคลียสของธาตุหนักข้างเคียง และเป็นเชน่ นต้ี อ่ ไปเร่อื ย ๆ ทาให้นิวเคลยี สของธาตุหนักแตกตวั ต่อไปเรอื่ ย ๆ เรียกวา่ ปฏิกริ ิยาลูกโซ่ ปฏิกิริยาที่นิวเคลียสของธาตุเบา 2 นิวเคลียส เกิดการรวมกันแล้วเกิดเป็นนิวเคลียสของธาตุหนัก เรียกว่า ฟิวชัน การที่นิวเคลยี สจะรวมตวั กันไดน้ ัน้ จะต้องทาให้มีอุณหภมู ิสูงมาก ๆ จึงอาจเรียกปฏิกริ ิยานว้ี า่ เทอรโ์ มนิวเคลียรฟ์ ิวชัน 4. สมรรถนะสา้ คัญของนักเรยี น - กระบวนการกลุ่ม 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ 6. คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน - ใบงานท่ี 18 เรอ่ื ง ปฏิกิริยานิวเคลยี ร์
8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชัว่ โมงที่ 1 ขน้ั นา ข้ันการใช้ความร้เู ดิมเช่อื มโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge) 178.ครชู ักชวนนกั เรียนสนทนาเกีย่ วกับขา่ วโรงงานไฟฟ้านิวเคลยี ร์ท่ีเกิดขน้ึ ในประเทศญปี่ ุน่ 179.ครูเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์และหรือระเบิดปรมาณูให้นักเรียนดู เพื่อกระตุ้นความสนใจในและ นาเขา้ ส่เู น้อื หาที่กาลังจะศกึ ษา 180.ครูให้นักเรยี นนบั 1-4 วนกันไปจนครบทุกคน จากนั้นครใู ห้นักเรียนแบกเข้ากลุ่มของตนเองตามหมายเลขท่ีนับได้ จากน้ันครูให้นักเรียนพูดคุยร่วมกันเกี่ยวกับประโยชน์และโทษของพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งครูกาหนดให้กลุ่ม หมายเลข 1 กบั 3 ศกึ ษาเกย่ี วกับประโยชน์ และกลมุ่ หมายเลข 2 กับ 4 ศึกษาโทษ นกั เรยี นร่วมกันอภิปราย กันภายในกลมุ่ 181.ครูให้แต่ละกลุ่มแสดงความคิดเห้นคนละ 1 ข้อ วนไปเร่ือย ๆ โดยไม่ซ้ากัน เพ่ือเป้นการแข่งขัน เช่น กลุ่ม หมายเลข 1 คนแรกตอบประโยชน์ 1 ข้อ จากน้นั กลุ่มทีส่ องบอกโทษ 1 ข้อ ถดั ไปกลุ่ม 3 และ 4 ตามลาดับ วน ไปจนกว่าจะมีกลุ่มท่ีตอบไม่ได้ ก็จะแพ้ไปก่อน โดยท่ีกลุ่มไหนสามารถมีคาตอบได้เป็นกลุ่มสดุ ท้ายจะเปน็ ผู้ ชนะ 182.ครถู ามคาถามกระตุน้ ความสนใจของนกั เรยี น เพือ่ เช่ือมโยงเข้าสู่เนอ้ื หาโดยใช้คาถาม Key Question จาก หนังสอื เรียนที่ถามว่า “ปฏกิ ริ ิยานวิ เคลยี รฟ์ ชิ ชนั แตกต่างจากปฏิกริ ยิ านวิ เคลียรฟ์ ิวชนั อยา่ งไร” (แนวตอบ : ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน คือ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ท่ีนิวเคลียสของธาตุหนักแตกตัวเป็นนิวเคลียส ใหม่ 2 นิวเคลียสที่มีเลขมวลใกล้เคียงกัน แต่ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน คือ ปฏิกิริยาท่ีนิวเคลยี สของธาตุ เบา 2 นวิ เคลียส เกิดการรวมกันแล้วเกิดเป็นนิวเคลียสของธาตหุ นกั ) ขน้ั สอน ข้ันรู้ (Knowing) 183.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนที่น่ังข้าง ๆ จากน้ันร่วมกันศึกษา เรื่อง ปฏิกิริยานิวเคลียร์ จากหนังสือเรียน และ สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ โดยให้นักเรียนจดบันทึกเป็นองค์ความรู้ลงในสมุดบันทึก ประจาตวั 184.ครูขออาสาสมคั รนักเรียนออกมาหน้าช้ันเรยี น จากน้ันอธิบายสรุปเนือ้ หา เรื่อง ปฏกิ ิริยานิวเคลยี ร์ ทไ่ี ดศ้ ึกษา จากหนงั สือเรียน เพอ่ื เปน็ การศกึ ษารว่ มกันกบั เพื่อนในชน้ั เรยี น 185.ครูนานักเรียนอภิปรายว่า ในทุก ๆ สมการปฏิกิริยานิวเคลียร์ ผลรวมของเลขอะตอมก่อนเกิดปฏิกิริยากับเลข อะตอมหลงั เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะต้องเท่ากนั แสดงว่า ประจไุ ฟฟ้ามีค่าคงตวั และผลรวมของเลขมวลก่อนเกิดปฏิกิริยา กับเลขมวลหลังเกิดปฏิกิริยาจะต้องเท่ากันด้วย แสดงว่า ผลรวมของจานวน นวิ คลีออนก่อนเกดิ ปฏิกริ ิยา กับหลงั เกิดปฏิกิริยาจะมีคา่ คงตวั
186.ครูถามคาถามกับนักเรียนว่า “พลังงานท่เี กิดจากปฏิกริ ิยานิวเคลียร์ เรียกว่าอะไร และสามารถสรุปเกี่ยวกับ ปฏิกิริยานวิ เคลียร์ท่ีเกี่ยวข้องกับพลงั งานได้อย่างไร” (แนวตอบ : พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ เรียกว่า พลังงานนิวเคลียร์ สามารถสรปุ เก่ียวกบั ปฏิกิริยา นิวเคลียร์ได้ว่า ปฏิกิริยานิวเคลียร์ท่ีมีการปล่อยพลังงาน ผลรวมของพลังงานยึดเหน่ียวหลังเกิดปฏกิ ิริยาจะ มคี ่ามากกวา่ ผลรวมของพลงั งานยึดเหนยี่ วก่อนเกิดปฏกิ ริ ิยา) ช่วั โมงที่ 2-3 ขน้ั สอน ขัน้ รู้ (Knowing) 187. ครูให้นักเรยี นศึกษา เรื่อง ฟิชชันและฟวิ ชนั จากหนังสือเรียน โดยจดบันทกึ สรุปงองค์ความรู้ลงในสมุด บันทกึ ประจาตัว 188. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มเท่า ๆ กัน กลมุ่ ละประมาณ 4 คน โดยคละความสามารถของนกั เรียนตาม ผลสมัฤทธ์ิ (เก่ง ปานกลาง อ่อน) ให้อย่ใู นกลุ่มเดยี วกัน จากนั้นครูมอบหมายให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเพม่ิ เติม เก่ียวกับฟิชชันและฟิวชันจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ แล้วนาข้อมูลเหล่านั้นมาจัดทาเป็นบอร์ดความรู้ เร่ือง ฟิชชันและฟิวชัน นาเสนอในรูปแบบท่ีนา่ สนใจ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มกาหนดให้สมาชิกแต่ละคนมบี ทบาท หนา้ ทข่ี องตนเองอย่างชดั เจน 189.ขณะนักเรียนแต่ละกลุ่มกาลังร่วมกันศึกาและสร้างสรรค์และจัดทาบอร์ดความรู้ ครูเดินสังเกตการณ์ และให้ คาปรกึ ษาเม่อื นกั เรยี นสงสัยหรอื เกดิ ปญั หา ขั้นเข้าใจ (Understanding) 5. เมอ่ื นักเรียนสร้างสรรค์ผลงานและจัดทาบอรด์ ความรเู้ สร็จแล้ว ครูถามคาถามท้าทายการคิดขั้นสูงกับนกั เรยี น ว่า “ปฏิกิริยาลูกโซ่ในระเบิดปรมาณูมีความแตกต่างจากปฏิกิริยาลูกโซ่ในเคร่ืองปฏิกรณ์นิวเคลียร์อย่างไร ” โดยครูใหน้ กั เรียนเขยี นคาตอบของตนเองลงในสมุดบนั ทึกประจาตัว (แนวตอบ : ปฏกิ ิรยิ าลูกโซ่ในระเบดิ ปรมาณจู ะเกดิ ข้นึ อย่างรวดเรว็ โดยไมม่ กี ารควบคมุ ปฏิกิริยา ทาให้เกดิ การ ปลดปล่อยพลงั งานออกมาอย่างมหาศาล มคี วามสามารถในการทาลายล้างสิง่ ตา่ ง ๆ ได้ ส่วนปฏกิ ริ ิยาลกู โซ่ใน เครือ่ งปฏกิ รณ์นิวเคลียร์ สามารถทาการควบคุมปฏิกิริยาลกู โซ่ให้เกิดอย่างพอเหมาะได้ จึงสามารถนาพลงั งาน ท่ีเกดิ ข้นึ ไปใชใ้ นทางสันตเิ พอ่ื สรา้ งประโยชน์ใหแ้ กม่ นุษยชาติ) 6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอบอร์ดความรูปของกลุ่มตนเองพร้อมทั้งอธิบายองค์ความรู้ เกี่ยวกับฟิชชันและฟิวชันจากที่ได้ศึกษาทั้งหนังสือเรียนและแหล่งข้อมูลสารสนเทศ เมื่อนาเสนอ ผลงาน ครบทุกกลุ่มแล้วครูให้ตัวแทนนักเรยี นนาผลงานไปส่งครูท่หี อ้ งพกั ครูเพอื่ ครตู รวจใหค้ ะแนนผลงาน 7. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างท่ี 7.8 จากหนังสือเรียน ซ่ึงเป็นตัวอย่างการคานวณเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ โดยครใู หน้ ักเรยี นจดบนั ทกึ ลงในสมดุ บนั ทึกประจาตวั
ชั่วโมงที่ 4 ขน้ั สอน ข้ันลงมอื ทา้ (Doing) 190.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนข้าง ๆ แล้วร่วมกันศึกษาแบบฝึกหัด Topic Questions จากหนังสือเรียน โดยครู มอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนเขียนแสดงวิธีการแก้โจทย์ปัญหาลงในสมุดบันทึกประจาตัว 191.ครูมอบหมายให้นักเรียนศึกษาทาความเข้าใจเกี่ยวกับปฏิกิริยานิวเคลียรเ์ พิ่มเติมจากแบบฝึกหัด ฟสิ ิกส์ ม.6 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 7 ฟสิ กิ ส์นิวเคลยี ร์ ขน้ั สรปุ 192.ครูและนักเรียนร่วมกันลงข้อสรุป โดยให้นักเรียนอธิบายสรุปความรู้เกี่ยวกับความร้อนที่ได้ศึกษามาแล้วทั้ง เนอ้ื หาและตัวอยา่ งจากหนงั สือเรียน และกจิ กรรมท่นี อกเหนอื จากหนงั สือเรียน พร้อมท้ังยกอย่างสถานการณ์ ในชีวติ ประจาวนั ท่ีเกย่ี วข้องเพือ่ ทดสอบความเขา้ ใจ 193.ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาท่ีได้ศึกษาผ่านมาแล้วในส่วนที่ยังไม่เข้าใจหรือสงสัย จากนั้นครูให้ ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น โดยท่ีครูอาจจะใช้ PowerPoint เรื่อง ปฏิกิริยานิวเคลียร์ มาเปิดให้นักเรียนดู ประกอบเพอ่ื ช่วยในการอธิบายให้เขา้ ใจมากย่ิงขน้ึ 194.ครูให้นักเรียนสรุปความรู้เก่ยี วกับปฏิกริ ิยานิวเคลยี ร์ โดยสร้างสรรคอ์ อกมาในรูปแบบของอนิ โฟกราฟิก ลงใน กระดาษ A4 พรอ้ มทั้งตกแต่งให้สวยงาม เสร็จแลว้ นาสง่ ครูเพื่อตรวจให้คะแนน ขน้ั ประเมิน 195.ประเมินความรู้เกี่ยวกับเร่ือง ปฏิกิริยานิวเคลียร์ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม การทาแบบฝึกหัด และการสรปุ สาระสาคัญ 196. ประเมิน ทักษะและกระ บวนการทางวิ ทยาศาสตร์จากการ คานวณหาพลังงานนิวเคลียร์ จากตัวอย่างท่ีครู กาหนดให้ และการนาความรทู้ ี่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์ ประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรอู้ ยากเห็น การทางานรว่ มกับผู้อน่ื อยา่ งสร้างสรรค์ 9. สอ่ื การเรยี นการสอน / แหล่งเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน รายวชิ าเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เล่ม 1 2) แบบฝึกหดั รายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เลม่ 1
10. การวดั ผลและประเมนิ ผล รายการวดั วธิ ีวดั เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน 10.1 การประเมินระหว่าง - ตรวจใบงานท่ี 18 - ใบงานท่ี 18 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจดั กจิ กรรม 1) ปฏิกิริยานิวเคลียร์ - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคณุ ภาพ 2 2) การนาเสนอ ผลงาน - สังเกตพฤติกรรม นาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ ผลงาน การทางาน 3) พฤติกรรมการ รายบคุ คล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2 ทางานรายบคุ คล การทางาน ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล 4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 ทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ - สงั เกตความมีวินยั การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั อันพงึ ประสงค์ ในการทางาน - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2 คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ อันพึงประสงค์ ลงชอื่ ..................................................ผู้สอน (............................................)
แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง ฟิสิกส์นวิ เคลียร์ แผนจดั การเรียนรูท้ ี่ 19 เร่ือง ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของรงั สีและพลังงานนวิ เคลียร์ รายวิชา ฟิสิกส์ รหัสวิชา ว33206 ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6/1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 น้าหนกั เวลาเรยี น 80 (นน./นก.) เวลาเรียน 4 ชัว่ โมง/สัปดาห์ เวลาทีใ่ ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 2 ช่วั โมง .......................................................................................................................................................... 1. ผลการเรยี นรู้ อธิบายปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันและฟิวชันรวมท้ังคานวณพลังงานนิวเคลียร์ 2. จดุ ประสงค์ 1. บอกประโยชน์และอนั ตรายทเี่ กิดจากรังสีและพลังงานนวิ เคลียรไ์ ด้ (K) 2. สบื ค้นขอ้ มูลและนาเสนอผลการศกึ ษาเกยี่ วกบั การใช้พลังงานนิวเคลียร์ได้อย่างถกู ตอ้ ง (P) 3. มคี วามรับผิดชอบตอ่ งานทไี่ ด้รบั มอบหมาย และปฏิบตั งิ านตรงตามเวลาท่ีครูกาหนด (A) 3. สาระส้าคญั ในธรรมชาติมีธาตุกัมมันตรังสีอยู่ จึงทาให้มีการแผ่รังสีและรังสีเหล่าน้ันจะส่งผลต่อมนุษย์เม่ือได้รับรังสี โดย กัมมันตภาพรังสีก็มีประโยชน์มากมาย เช่น การใช้กัมมันตภาพรังสีในด้านเกษตรกรรม ด้านการแพทย์ ด้าน อุตสาหกรรม ด้านธรณีวิทยา ด้านอาหาร ซึ่งถ้ามนุษย์ได้รับรงสีในปริมาณท่ีมากขึ้นก็จะส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของ ร่างกายตามปริมาณรังสีที่ได้รับ โดยที่เราสามารถป้องกันอันตรายจากรังสีได้โดยใช้หลักของ ALARA ได้แก่ เวลา ระยะทาง และเครื่องกาบัง 4. สมรรถนะสา้ คญั ของนกั เรยี น 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปญั หา 5. คุณลกั ษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกล่มุ 6. คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 7. ชิน้ งาน/ภาระงาน - ใบงานท่ี 19 เรื่อง ประโยชนแ์ ละอนั ตรายของรังสแี ละพลงั งานนิวเคลียร์
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ขน้ั นา ขน้ั การใชค้ วามร้เู ดิมเชือ่ มโยงความรูใ้ หม่ (Prior Knowledge) 197.ครูและนักเรยี นร่วมกนั พดู คยุ ทบทวนและสรุปความรู้เกีย่ วกบั นิวเคลยี สของธาตุ การแผร่ ังสขี องธาตุ กัมมนั ตรงั สี รวมท้ังพลังงานนิวเคลียรท์ ไ่ี ดศ้ ึกษามาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 198.ครูชกั ชวนนกั เรียนสนทนาเก่ยี วกบั สถานการณ์ทม่ี ีการนากัมมันตภาพรงั สีไปใช้ประโยชน์ 199.ครเู ปิดวีดิทัศนเ์ กยี่ วกับการนากัมมนั ตภาพรงั สีไปใช้ประโยชน์ใหน้ ักเรียนดู เพื่อกระต้นุ ความสนใจและนาเข้า สู่เนื้อหาทีก่ าลังจะศึกษา 200.ครูถามคาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียน เพื่อเช่ือมโยงเข้าสู่เนื้อหาโดยใช้คาถาม Key Question จาก หนงั สอื เรียนท่ีถามว่า “พลังงานนวิ เคลยี รส์ ามารถนาไปใชใ้ นอตุ สาหกรรมไดห้ รือไม่ อย่างไร” (แนวตอบ : อุตสาหกรรมต่าง ๆ มักจาเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจานานมาก และแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่ สาคญั แหล่งหน่ึง คอื โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งเป็นพลังงานไฟฟ้าทไ่ี ดม้ าจากพลังงานนิวเคลียร์ในเครอ่ื งปฏกิ รณ์ นวิ เคลยี ร์จากนั้นผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟา้ ) ขน้ั สอน ขัน้ รู้ (Knowing) 201.ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนท่ีนั่งข้าง ๆ จากนั้นร่วมกันศึกษาเก่ียวกับประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสีจาก หนังสือเรยี น 202. ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับประโยชน์ของกัมมันภาพรังสีในด้าน ตา่ ง ๆ โดยให้นักเรียนจดบนั ทกึ เปน็ องค์ความรูล้ งในสมดุ บันทึกประจาตัว 203.ครูขออาสาสมัครนักเรียนออกมาหน้าชั้นเรียน จากน้ันอภิปรายผลการศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของ กัมมันตภาพรังสีที่ได้ศึกษาจากหนังสือเรียนและแหล่งข้อมูลสารสนเทศ เพ่ือเป็นการศึกษาร่วมกันกับเพ่ือนใน ชน้ั เรียน 204.ครูส่มุ นักเรียนแล้วถามคาถามว่า นอกเหนือจากหนงั สอื เรียนแล้ว กมั มันตภาพรังสียังสามารถนาไปใช้ประโยชน์ ในดา้ นใดไดอ้ ีกบา้ งในชีวติ ประจาวนั 205. ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเก่ียวกับอาหารท่ีผ่านการฉายรังสี โดยสรุปองค์ความรู้ลงใน กระดาษ A4 พร้อมท้ังตกแต่งให้สวยงาม เสร็จแลว้ ตวั แทนเก็บรวบรวมสง่ ครู 206.นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับประโยชน์ของกัมมันตภาพรังสีจากที่ไดร้ ่วมกันศึกษาในด้านต่าง ๆ เช่น การใช้กัมมันตภาพรังสีในด้านเกษตรกรรม ด้านการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม ด้าน ธรณีวิทยา ด้าน อาหาร
ชว่ั โมงที่ 2 ขน้ั สอน ข้ันรู้ (Knowing) 207. ครูให้นักเรียนคเู่ ดิมทไี่ ด้แบง่ ไวแ้ ล้วร่วมกนั ศกึ ษาเกีย่ วกับการใช้พลงั งานนวิ เคลยี รแ์ ละรังสีในธรรมชาติ จาก หนงั สือเรียน โดยจดบันทึกสรุปงองค์ความรูล้ งในสมุดบันทกึ ประจาตัว 208. ครูเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับการทางานของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้นักเรียนได้ศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้เกิด ความเข้าใจเก่ยี วกบั การทางานและส่วนประกอบต่าง ๆ ของโรงไฟฟา้ นวิ เคลยี ร์มากย่ิงขึน้ 209. ครูสุม่ นักเรยี นอภปิ รายผลการศึกษาเกี่ยวกับการใชพ้ ลังงานนวิ เคลยี ร์ ขัน้ เขา้ ใจ (Understanding) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคู่ออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานในการนาเสนอเกี่ยวกับอันตรายจากรังสีลงในกระดาษ A4 พร้อมทง้ั ตกแต่งให้สวยงาม 2. ครูสุ่มนักเรียนออกมานาเสนอผลงานของตนเองหน้าชั้นเรียน โดยครูคอยสังเกตการณ์และให้คาแนะนาเม่ือ นักเรียนสงสัยหรอื ต้องการความช่วยเหลอื ขน้ั ลงมือท้า (Doing) 210.ครูให้นกั เรียนคู่เดิมร่วมกันศึกษาแบบฝึกหัด Topic Questions จากหนังสือเรียน โดยครมู อบหมายใหน้ ักเรียน แตล่ ะคนเขียนแสดงวิธกี ารแกโ้ จทย์ปัญหาลงในสมุดบันทึกประจาตัว 211.ครูมอบหมายให้นักเรียนศึกษาทาความเข้าใจเกี่ยวกับปฏิกิริยานิวเคลียร์เพ่ิมเติมจากแบบฝึกหัด ฟสิ ิกส์ ม.6 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 ฟิสิกสน์ วิ เคลียร์ ขน้ั สรุป 212.ครูและนักเรียนร่วมกันลงข้อสรุป โดยให้นักเรียนอธิบายสรุปความรู้เก่ียวกับความร้อนที่ได้ศึกษามาแล้วท้ัง เนื้อหาและตัวอยา่ งจากหนงั สอื เรียน และกิจกรรมที่นอกเหนือจากหนังสอื เรียน พร้อมท้งั ยกอยา่ งสถานการณ์ ในชีวิตประจาวันท่ีเกย่ี วขอ้ งเพ่ือทดสอบความเขา้ ใจ 213.ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาท่ีได้ศึกษาผ่านมาแล้วในส่วนท่ียังไม่เข้าใจหรือสงสัย จากน้ันครูให้ ความรู้เพิ่มเตมิ ในส่วนนั้น โดยท่ีครูอาจจะใช้ PowerPoint เรอ่ื ง ประโยชน์และอนั ตรายของรังสีและพลงั งาน นวิ เคลยี ร์ มาเปดิ ใหน้ ักเรยี นดูประกอบเพื่อชว่ ยในการอธบิ ายให้เข้าใจมากยิง่ ข้ึน 214.ครูให้นักเรียนสรุปความรู้เก่ียวกับประโยชน์และอันตรายของรงั สีและพลังงานนิวเคลยี ร์ โดยสร้างสรรค์ออกมาใน รูปแบบของแผ่นพับความรู้ ลงในกระดาษ A4 พร้อมท้ังตกแต่งให้สวยงาม เสร็จแล้วนาส่งครูเพื่อตรวจให้ คะแนน
ขน้ั ประเมนิ 215.ประเมินความรู้เก่ียวกับเร่ือง ประโยชน์และอันตรายของรังสีและพลังงานนิวเคลียร์ โดยสังเกตพฤตกิ รรม การตอบคาถาม การทาแบบฝกึ หัด และการสรุปสาระสาคัญ 216. ประเมินทักษะและกระบวนการทางวิ ทยาศาสตร์จากการ สืบค้นข้อมูลและนาเสนอผลการศึกษาเก่ียวกับ การใชพ้ ลงั งานนิวเคลียร์ และการนาความรู้ที่ได้ไปใชป้ ระโยชน์ 217.ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น การทางาน รว่ มกบั ผู้อนื่ อย่างสรา้ งสรรค์ 9. ส่ือการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี น รายวิชาเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เลม่ 1 2) แบบฝกึ หดั รายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เล่ม 1 10. การวดั ผลและประเมินผล รายการวัด วธิ วี ัด เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมนิ 10.1 การประเมนิ ระหว่าง - ตรวจใบงานท่ี 19 - ใบงานที่ 19 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกิจกรรม 1) ประโยชนแ์ ละ - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน อนั ตรายของรังสี - สังเกตพฤติกรรม นาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ และพลงั งาน การทางาน นิวเคลยี ร์ รายบุคคล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 2) การนาเสนอ ผลงาน การทางาน ผ่านเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรมการ ทางานรายบุคคล รายบุคคล 4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 ทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม - สงั เกตความมวี นิ ัย การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่ัน อนั พงึ ประสงค์ ในการทางาน - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ 2 คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ ลงชอื่ ..................................................ผูส้ อน (............................................)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142