Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนรายวิชาฟิสิกส์ 1-2564

แผนการสอนรายวิชาฟิสิกส์ 1-2564

Description: แผนการสอนรายวิชาฟิสิกส์ 1-2564

Search

Read the Text Version

ใบงานท่ี 15 เฉลย เรอื่ ง ความเค้นและความเครียด คาชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ลวดโลหะเส้นหนึ่งยำว 120 เมตร เส้นผ่ำนศูนย์กลำง 2.2 มิลลิเมตร ออกแรงดึง 380 นิวตัน ทำให้ลวดโลหะมีควำม ยำวเป็น 120.10 เมตร จงหำควำมเคน้ ดึงและควำมเครียดดงึ ท่เี กิดข้นึ ในลวดโลหะเส้นนี้ วิธีทา หำควำมเค้นดึงจำกสมกำร σ = ������ = ������ ������ ������������2 ������ σ = ������(���2���)2 σ = 380 N ������(2.2×120−3 m)2 σ = 380 N m2) ������(1.21×10−6 σ ≈ 100 × 106 N/m2 ≈ 100 MPa หำควำมเครยี ดดึงจำกสมกำร ������ = ∆������ ������0 ������ = 120.10 m −120 m 120 m ������ = 0.10 m ≈ 8.33 × 10−4 120 m ดังนนั้ ควำมเค้นดงึ และควำมเครยี ดดึงมีคำ่ ประมำณ 100 เมกะพำสคัล และ 8.33 × 10-4 ตำมลำดบั 2. ลวดเหล็กสำหรับดงึ ลิฟต์ตัวหน่ึงมีขีดจำกัดสภำพยืดหยุ่น 2 × 108 นิวตันต่อตำรำงเมตร และมีพ้ืนทห่ี น้ำตัด 1 ตำรำง เซนติเมตร ถ้ำลิฟต์ตัวน้ีมีควำมสำมำรถเคล่ือนท่ีขึ้นไปด้วยควำมเร่งสูงสุด 6 เมตรต่อวินำที2 มวลรวมของทั้งลิฟต์และ สมั ภำระภำยในลฟิ ตท์ ่ีเป็นไปได้มำกทสี่ ดุ มคี ำ่ เทำ่ ใด วธิ ีทา จำกสมกำร σ = ������ จำกสมกำร ������ ������ 2 × 108 N/m2 = 1×10−4 m2 ������ = (2 × 108 N/m2)(10−4 m2) ������ = 2 × 104 N Σ������ = ������������ ������ − ������������ = ������������ (2 × 104 N) − ������(9.8 m/s2) = ������(6 m/s2) 2 × 104 N = ������(6 m/s2) + ������(9.8 m/s2) 2 × 104 N = ������(15.8 m/s2) ������ = 2×104 N 15.8 m/s2 ������ ≈ 1.266 × 103 kg ดงั น้นั มวลรวมของท้งั ลิฟตแ์ ละสัมภำระภำยในลิฟต์ทเี่ ปน็ ไปไดม้ ำกท่ีสุดมคี ่ำประมำณ 1,266 กิโลกรมั

แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่ือง ของแขง็ และของไหล แผนจัดการเรยี นรู้ที่ 15 เรอื่ ง มอดลุ ัสของยัง รายวิชา ฟิสิกส์ รหัสวชิ า ว33205 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 นา้ หนกั เวลาเรยี น 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาท่ีใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 4 ชว่ั โมง .......................................................................................................... ................................................ 1. ผลการเรียนรู้ อธิบำยสภำพยืดหยุ่นและลักษณะกำรยืดและหดตัวของวัสดุท่ีเป็นแท่ง เม่ือถูกกระทำด้วยแรงค่ำต่ำง ๆ รวมทั้ง ทดลอง อธิบำยและคำนวณควำมเค้นตำมยำวควำมเครียดตำมยำวและมอดุลัสของยัง และนำควำมรู้ เร่ืองสภำพ ยดื หยุ่นไปใช้ในชวี ิตประจำวัน 2. จดุ ประสงค์ 1. อธิบำยควำมหมำยของมอดุลัสของยังได้ (K) 2. มีทกั ษะในกำรคำนวณหำปรมิ ำณที่เก่ยี วข้องกบั มอดลุ ัสของยงั (P) 3. ปฏิบัติกจิ กรรมควำมเคน้ ดึและควำมเครียดดงึ ได้อย่ำงถูกต้องและเปน็ ลำดับข้นั ตอน (P) 4. มีควำมสนใจใฝร่ ูห้ รอื อยำกรู้อยำกเห็น และทำงำนร่วมกบั ผู้อื่นอย่ำงสร้ำงสรรค์ (A) 3. สาระสาคญั อัตรำส่วนระหว่ำงควำมเค้นกบั ควำมเครยี ดจะมีคำ่ คงตัว เรียกวำ่ มอดุลสั ของยัง ถำ้ วัสดุใดมีค่ำมอดุลัสของยังสงู แสดง ว่ำวัสดุน้ันทนต่อแรงภำยนอกท่มี ำกระทำได้ดี อำจกล่ำวไดว้ ่ำ วัสดุน้ันจะเปลี่ยนควำมยำวได้น้อยหรอื เปลี่ยนแปลงรูปร่ำง ไดย้ ำกขณะทมี่ ีควำมเคน้ มำก จำกควำมรู้เกย่ี วกับสมบตั ขิ องควำมยืดหยุ่นของวสั ดุซ่ึงเปน็ สมบัตเิ ฉพำะตวั ของวสั ดุชนดิ หน่ึง ๆ สำมำรถนำไปประยุกต์ใชแ้ ละมีประโยชน์ในงำนดำ้ นวศิ วกรรมมำกมำย โดยนำไปใช้ในกำรพจิ ำรณำเลือกวัสดุท่ีเหมำะสม ตอ่ กำรใชง้ ำน 4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรียน 1. ควำมสำมำรถในกำรคิด 2. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 5. คณุ ลักษณะของวชิ า - ควำมรับผิดชอบ - ควำมรอบคอบ - กระบวนกำรกลุม่ 6. คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 7. ชิน้ งาน/ภาระงาน - ใบงำนท่ี 15 เร่อื ง มอดุลสั ของยัง

8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ชัว่ โมงท่ี 1-2 ขั้นนำ ข้นั การใช้ความรเู้ ดมิ เชื่อมโยงความรใู้ หม่ (Prior Knowledge) 1. นกั เรียนและครูร่วมกันสนทนำเก่ียวกับ คนที่มคี วำมอดทนสูง โดยที่เม่ือมีส่ิงท่ีมำกระทบต่อตัวเขำมำก ๆ กำร แสดงออกของเขำจะเป็นอย่ำงไร เพ่ือนำไปสู่คำถำมท่ีว่ำ “วัตถุแต่ละชนิดทนต่อกำรเปล่ียนแปลงได้เท่ำกัน หรือไม่ อยำ่ งไร” 2. นักเรียนตอบข้อซักถำมของครูว่ำ “วัตถุแต่ละชนิดทนต่อกำรเปลี่ยนแปลงได้เท่ำกันหรือไม่ อย่ำงไร” โดยครู ท้งิ ช่วงเวลำให้นักเรยี นคิด 3. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม แล้วนักเรียนร่วมกันอภิปรำยในแต่ละกลุ่มพร้อมท้ังบันทึกควำมเห็นของกลุ่มจำก คำถำมท่ีครถู ำมในสมดุ บันทกึ ประจำตัว ครเู ปดิ โอกำสให้นกั เรียนไดแ้ สดงควำมคดิ เหน็ โดยยังไม่เนน้ ถูกผดิ 4. ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอควำมเห็นของกลุ่มหน้ำชั้นเรียน จำกนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรำย เกีย่ วกบั คำถำมทถี่ ำมว่ำ “วัตถแุ ต่ละชนดิ ทนตอ่ กำรเปลีย่ นแปลงไดเ้ ทำ่ กนั หรือไม่ อยำ่ งไร” 5. ครูถำมคำถำม Key Question กับนักเรียนว่ำ “มอดุลัสของยังมีผลต่อวัสดุอย่ำงไร” โดยนักเรียนร่วมกันตอบ คำถำมและแสดงควำมคดิ เห็นเกี่ยวกบั คำตอบของคำถำมเพื่อเชื่อมโยงเขำ้ สู่เนื้อหำที่กำลงั จะศกึ ษำเรยี นรตู้ ่อไป (แนวตอบ : ค่ามอดุลัสของยังเป็นปริมาณที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์สมบัติเชิงกลของของแข็งอันเนื่องมาจาก ความเค้นตามยาวและความเครียดตามยาว นอกจากนี้ ค่ามอดุลัสของยังสามามารถเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า สัมประสิทธ์ิความยืดหยุ่นของวัสดุ ดังนั้น วัสดุใดท่ีมีค่ามอดุลัสของยังสูง วัสดุน้ันจะสามารถทนต่อแรง ภายนอกได้มากหรือทาใหเ้ ปลีย่ นรปู ร่างไดย้ าก) ขน้ั สอน ขน้ั รู้ (Knowing) 6. ครูชักชวนนักเรียนสนทนำทบทวนควำมรู้เกิมเกี่ยวกับควำมเค้นตำมยำวและควำมเครียดตำมยำวที่ได้ร่วมกัน ศกึ ษำมำแล้ว 7. ครูให้นกั เรียนจับคู่กบั เพือ่ นที่น่งั ข้ำง ๆ จำกน้ันรว่ มกันศึกษำ เร่อื ง มอดุลัสของยงั จำกหนังสือเรยี น ในลกั ษณะ ของเพื่อนคู่คิด 8. ครใู หน้ ักเรยี นสรปุ ควำมรู้ เรื่อง มอดลุ สั ของยงั จำกหนังสอื เรียนลงในสมุดบนั ทึกประจำตัว 9. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรำยเก่ียวกับมอดุลัสของยัง เพ่ือให้นักเรียนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจไปในแนวทำง เดียวกันว่ำ อัตรำส่วนระหว่ำงควำมเค้นตำมยำวกับควำมเครียดตำมยำวของวัสดุหนึ่ง ๆ จะมีค่ำคงตัว เรียก อัตรำสว่ นน้ีว่ำ ค่ำมอดุลัสของยงั 10. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษำตัวอย่ำงท่ี 3.6-3.7 จำกหนังสือเรียน โดยครูสุ่มนักเรียนตำมดุลยพินิจจำกกำร สังเกตพฤตกิ รรมรำยบคุ คลให้ออกมำอธบิ ำยและแสดงวธิ ีกำรแก้โจทยป์ ญั หำบนกระดำนดำหน้ำช้ันเรยี น 11. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มเท่ำ ๆ กัน กลุ่มละประมำณ 6 คน โดยคละควำมสำมำรถของนักเรียนตำม ผลสมัฤทธิ์ (เก่ง ค่อนข้ำงเก่ง ปำนกลำง ค่อนข้ำงอ่อน อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพ่ือร่วมกันศึกษำกิจกรรม

ควำมเค้นดึงและควำมเครียดดึง จำกหนังสือเรยี น โดยให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มกำหนดให้สมำชิกแตล่ ะคนมบี ทบำท หน้ำทขี่ องตนเอง เช่น a. สมำชกิ คนท่ี 1 : เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์ b. สมำชิกคนที่ 2 : อำ่ นและศึกษำวิธปี ฏิบัตกิ ิจกรรม แล้วนำมำอธิบำยสมำชิกในกลุ่ม c. สมำชกิ คนที่ 3 : บนั ทกึ ผลกำรปฏบิ ัติกจิ กรรม d. สมำชิกคนท่ี 4-5 : คน้ คว้ำเพิ่มเติม หำแหล่งข้อมลู อำ้ งองิ เพ่ือสนับสนุนกำรปฏบิ ัตกิ ิจกรรม e. สมำชิกคนท่ี 6 : นำเสนอผลกำรปฏิบัติกจิ กรรม 12. ครชู ี้แจงจดุ ประสงค์ของกจิ กรรมให้นกั เรียนทรำบ เพื่อเปน็ แนวทำงกำรปฏบิ ัตทิ ี่ถกู ต้อง 13. ครใู หค้ วำมรู้เพมิ่ เติมหรือเทคนิคเก่ียวกับกำรปฏิบัตกิ จิ กรรม จำกน้ันให้นักเรยี นทกุ กล่มุ ลงมอื ปฏิบตั ิตำม ขั้นตอน 14. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพูดคุยวิเครำะหผ์ ลกำรปฏบิ ัติกิจกรรม แลว้ อภิปรำยผลร่วมกนั 15. ครูเน้นย้ำใหน้ ักเรียนตอบคำถำมท้ำยกิจกรรม จำกหนังสือเรียน ลงในสมุดบันทึกประจำตัว เพือ่ นำสง่ ครูเป็นกำร ตรวจสอบควำมเข้ำใจจำกกำรปฏิบัตกิ ิจกรรม ขัน้ เขา้ ใจ (Understanding) 1. ครใู หแ้ ตล่ ะกล่มุ ส่งตวั แทนออกมำหน้ำชนั้ เรียน เพือ่ นำเสนอผลกำรปฏิบตั ิกจิ กรรม 2. ครูส่มุ นักเรยี นเพอ่ื ถำมคำถำมท่เี ก่ียวข้องกับกิจกรรม เพื่อตรวจสอบควำมเขำ้ ใจหลงั ปฏิบตั ิกิจกรรม 3. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รำยผลทำ้ ยกจิ กรรมและสรุปควำมรูร้ ว่ มกนั 4. ครูใช้คำถำมให้นกั เรียนอธิบำยส่งิ ท่ีนักเรียนได้เรียนรู้ในช่ัวโมงท่ีผ่ำนมำ โดยครูสุ่มนักเรียนจำนวนหนึ่งออกมำ หน้ำหอ้ งเพ่อื อธิบำยผลกำรศกึ ษำตัวอยำ่ งที่ 3.6-3.7 จำกหนงั สือเรยี น 5. เม่ือนักเรียนอธิบำยผลกำรศึกษำตำมควำมเข้ำใจของนักเรียนแล้ว ครูอำจยกตัวอย่ำงหรือปรับเปล่ียน สถำนกำรณ์จำกตัวอย่ำงท่ีได้ศึกษำ แล้วให้นักเรียนอธิบำยส่ิงท่ีเหมือนและสิ่งท่ีแตกต่ำง จำกน้ันแสดงวิธีกำร แกโ้ จทย์ปญั หำดังกล่ำวบนกระดำนหนำ้ ช้นั เรียน 6. ครูมอบหมำยให้นักเรียนศึกษำทำควำมเขำ้ ใจเกี่ยวกับมอดุลัสของยังเพิ่มเติมจำกแบบฝกึ หัด ฟสิ ิกส์ ม.6 เล่ม 1 หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 3 สภำพยืดหยุ่น ขั้นลงมือทา (Doing) 1. นักเรียนร่วมกันตอบคำถำม Concept Question จำกหนังสือเรียนที่ถำมว่ำ “มอดุลัสของยังสัมพันธ์กับปริมำณ ใด” (แนวตอบ : มอดลุ ัสของยังมคี ่าเทา่ กับอัตราส่วนระหวา่ งความเคน้ ตามยาวกับความเครียดตามยาว) 2. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แล้วร่วมกันศึกษำแบบฝึกหัด Topic Questions จำกหนังสือเรียน โดยครู มอบหมำยให้นกั เรียนแตล่ ะคนเขยี นแสดงวิธีกำรแก้โจทยป์ ัญหำลงในสมุดบันทึกประจำตัว โดยทีค่ รกู ำหนดให้ ใชห้ ลักกำรแก้โจทยป์ ัญหำ 4 ขนั้ ตอน ของโพลยำ ดังน้ี a. ขั้นที่ 1 ทำควำมเข้ำใจโจทย์ (Understanding the problem) เป็นกำรคิดเก่ียวกับปัญหำและตัดสิน ว่ำอะไรที่ต้องกำรค้นหำ โดยนักเรียนตอ้ งทำควำมเขำ้ ใจปัญหำและระบสุ ว่ นทสี่ ำคัญของปญั หำ b. ขั้นท่ี 2 วำงแผนแก้ปัญหำ (Devising a plan) เป็นกำรค้นหำควำมเชื่อมโยงหรือควำมสัมพันธ์ระหว่ำง ข้อมูลและตัวไม่รู้ค่ำ นำควำมสมั พันธ์ท่ีได้มำผสมผสำนกับประสบกำรณ์ กำหนดแนวทำงหรือแผนในกำร แก้ปัญหำ

c. ขั้นท่ี 3 ปฏิบัติตำมแผน (Carrying out the plan) เป็นกำรลงมือปฏิบัติตำมแผนหรือแนวทำงท่ีวำงไว้ อำจตรวจสอบควำมเป็นไปได้ของแผน เพ่ิมเติมรำยละเอียด แล้วลงมือปฏิบัติจนได้ควำมสำเร็จ ถ้ำ ไมส่ ำเร็จต้องคน้ หำและทำกำรแกป้ ญั หำจนสำมำรถแกป้ ญั หำได้ d. ขัน้ ที่ 4 ตรวจสอบ (Looking back) เป็นกำรมองย้อนกลับไปยังคำตอบท่ีได้มำ เร่ิมจำกกำรตรวจสอบ ควำมถูกต้อง ควำมสมเหตุสมผลของคำตอบและยุทธวิธีแก้ปัญหำท่ีใช้ มีคำตอบหรือยุทธวิธีอื่นในกำร แกป้ ัญหำนอ้ี ีกหรือไม่ 3. ครูแจกใบงำนท่ี 3.2 เรื่อง มอดุลัสของยัง ให้นักเรียนคนละ 1 ชุด จำกนั้นมอบหมำยให้นำกลับไปศึกษำเป็น กำรบำ้ น เสรจ็ แล้วตัวแทนรวบรวมสง่ ครเู พ่ือตรวจและให้คะแนนกอ่ นท่ีจะเจอกันในชว่ั โมงถัดไป 4. ครูใหน้ ักเรียนศึกษำกิจกรรม Apply Your Knowledge จำกหนังสือเรียน โดยจดบนั ทึกและตอบคำถำมลงใน สมุดบันทึกประจำตัว 5. ครูให้นักเรียนตรวจสอบควำมเข้ำใจของตนเอง ด้วยกรอบ Self Check เร่ือง ฟิสิกส์อะตอม จำกหนังสือเรียน ลงในสมดุ บันทกึ ประจำตัว 6. ครูมอบหมำยใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หดั จำก Unit Questions หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ 6 ฟิสิกสอ์ ะตอม จำกหนังสือ เรียน โดยทำลงในสมุดบันทกึ ประจำตัว แลว้ รวบรวมสง่ ครเู พอ่ื ตรวจสอบและให้คะแนน 7. ครูมอบหมำยให้นักเรียนทำแบบฝึกหดั จำก Test for U หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 6 ฟิสิกส์อะตอม จำกหนงั สือเรียน โดยทำลงในสมุดบนั ทึกประจำตัวเปน็ กำรบ้ำน แล้วรวบรวมสง่ ครเู พื่อตรวจสอบและใหค้ ะแนน 8. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน เพ่ือทดสอบควำมรคู้ วำมเข้ำใจหลงั จำกท่ไี ดศ้ ึกษำแล้ว ขัน้ สรปุ 9. ครูและนักเรียนร่วมกันลงข้อสรุป โดยให้นักเรียนอธิบำยสรุปควำมรู้เก่ียวกับมอดุลัสของยังท่ีได้ศึกษำมำแล้วท้ัง เนื้อหำและตวั อย่ำงจำกหนังสือเรียน และกจิ กรรมทน่ี อกเหนือจำกหนังสือเรียน พรอ้ มท้ังยกอย่ำงสถำนกำรณ์ ในชวี ติ ประจำวันทเ่ี ก่ียวข้องเพอ่ื ทดสอบควำมเข้ำใจ 10. ครูเปิดโอกำสให้นักเรียนสอบถำมเนื้อหำที่ได้ศึกษำผ่ำนมำแล้วในส่วนที่ยังไม่เข้ำใจหรือสงสัย จำกนั้นครูให้ ควำมรู้เพ่ิมเติมในส่วนนั้น โดยที่ครูอำจจะใช้ PowerPoint เร่ือง มอดุลัสของยัง มำเปดิ ใหน้ ักเรียนดปู ระกอบ เพื่อช่วยในกำรอธบิ ำยใหเ้ ข้ำใจมำกยง่ิ ขึน้ 11. ครูให้นักเรียนสรุปควำมรู้เก่ียวกับมอดุลัสของยัง โดยสร้ำงสรรค์ออกมำในรูปแบบของผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) ลงในกระดำษ A4 พรอ้ มท้งั ตกแต่งให้สวยงำม เสรจ็ แลว้ นำสง่ ครเู พ่อื ตรวจใหค้ ะแนน ขน้ั ประเมิน 12. ประเมินควำมรู้เกี่ยวกับเรื่อง มอดุลัสของยัง โดยสังเกตพฤติกรรมกำรตอบคำถำม กำรทำแบบฝึกหัด ใบงำน และกำรสรุปสำระสำคญั 13. ประเมินทักษะและกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์จำกโดยสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม กำรปฏิบัติกิจกรรม ควำมเค้นดงึ และควำมเครียดดึง และกำรนำควำมรู้ท่ีได้ไปใช้ประโยชน์ 14. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมควำมสนใจใฝ่รู้หรืออยำกรู้อยำกเห็น กำรทำงำน รว่ มกับผอู้ ื่นอยำ่ งสร้ำงสรรค์

9. สื่อการเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน รำยวชิ ำเพ่ิมเติมวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เลม่ 1 2) แบบฝกึ หดั รำยวชิ ำเพมิ่ เตมิ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟสิ ิกส์ ม.6 เลม่ 1 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล รายการวดั วธิ วี ดั เครื่องมอื เกณฑ์การประเมนิ 10.1 กำรประเมินระหวำ่ ง - ตรวจใบงำนที่ 16 - ใบงำนที่ 16 - รอ้ ยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ กำรจดั กจิ กรรม - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ 1) มอดลุ สั ของยัง 2) กำรนำเสนอ - ประเมินกำรนำเสนอ - แบบประเมนิ กำร - ระดบั คุณภำพ 2 ผลงำน ผลงำน นำเสนอผลงำน ผำ่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรมกำร - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภำพ 2 ทำงำนรำยบุคคล กำรทำงำน กำรทำงำน ผ่ำนเกณฑ์ รำยบุคคล รำยบุคคล 4) พฤติกรรมกำร - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภำพ 2 ทำงำนกล่มุ กำรทำงำนกลุ่ม - สงั เกตควำมมวี นิ ัย กำรทำงำนกลุ่ม ผ่ำนเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั อันพงึ ประสงค์ ในกำรทำงำน - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภำพ 2 คณุ ลักษณะ ผำ่ นเกณฑ์ อันพึงประสงค์ ลงชอ่ื ..................................................ผสู้ อน (............................................)

ใบงานที่ 15 เร่ือง มอดลุ สั ของยงั คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี 1. ลวดเหล็กกล้ำยำว 4 เมตร พื้นที่หน้ำตัด 1.5 ตำรำงเซนติเมตร ผูกวัตถุหนัก 7,000 นิวตัน แขวนห้อยในแนวดิ่ง ลวดยืดออก 1.75 x 10-2 เมตร ค่ำมอดุลัสของยังของลวดเหล็กเส้นน้ีมีค่ำเท่ำใด 2. ลวดทองแดงเสนหนึ่งมคี วำมยำว 4 เมตร มีพ้ืนท่ีภำคตดั ขวำงขนำด 1 × 10-8 ตำรำงเมตร และมีคำมอดูลสั ของยังเปน 1.1 × 1011 นิวตนั ต่อตำรำงเมตร อยำกทรำบวำ่ จะตองออกแรงดึงเทำใดจึงจะทำใหลวดทองแดงเสนนย้ี ดื ออกจำกควำม ยำวเดิมอกี 1 มิลลเิ มตร

ใบงานที่ 15 เฉลย เรือ่ ง มอดุลัสของยัง คาชแี้ จง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. ลวดเหล็กกล้ำยำว 4 เมตร พื้นที่หน้ำตัด 1.5 ตำรำงเซนติเมตร ผูกวัตถุหนัก 7,000 นิวตัน แขวนห้อยในแนวดิ่ง ลวดยืดออก 1.75 x 10-2 เมตร ค่ำมอดุลัสของยังของลวดเหล็กเส้นน้ีมีค่ำเท่ำใด วิธที า หำควำมเค้นจำกสมกำร σ = ������ = ������ ������ ������ 7,000 N σ = 1.5 m2 σ = 4,666.67 N/ m2 หำควำมเครียดจำกสมกำร ������ = ∆������ ������0 ������ = 1.75×10−2 m 4m ������ = 4.375 × 10−3 ������ = σ หำมอดลุ ัสของยงั จำกสมกำร ������ ������ = 4,666.67 N/m2 4.375×10−3 N ������ ≈ 1.07 × 106 m2 ≈ 1.07 MPa ดงั นัน้ ค่ำมอดุลัสของยังของลวดเหล็กเสน้ น้ีมคี ่ำประมำณ 1.07 เมกะพำสคลั 2. ลวดทองแดงเสนหนึ่งมีควำมยำว 4 เมตร มีพ้นื ทภ่ี ำคตดั ขวำงขนำด 1 × 10-8 ตำรำงเมตร และมคี ำมอดลู ัสของยังเปน 1.1 × 1011 นิวตันต่อตำรำงเมตร อยำกทรำบว่ำ จะตองออกแรงดึงเทำใดจึงจะทำใหลวดทองแดงเสนนี้ยืดออกจำก ควำมยำวเดิมอกี 1 มิลลิเมตร วิธีทา หำควำมเค้นจำกสมกำร ������ = σ ������ ������ = ������/������ ������(4 m) ∆������/������0 m2)(1×10−3 1.1 × 1011N/m2 = (1×10−8 m) 1.1 × 1011N/m2 = ������ [(1×10−8 4m m)] m2)(1×10−3 1.1 × 1011N/m2 = ������ (1×104−m11 m3) ������ = (1.1×1011N/m2)(1×10−11 m3) 4m ������ = 0.275 N ดงั น้ัน จะตองออกแรงดงึ ขนำด 0.275 นวิ ตัน

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เร่ือง ของแขง็ และของไหล แผนจดั การเรยี นร้ทู ี่ 16 เรอ่ื ง ความหนาแน่น รายวิชา ฟสิ ิกส์ รหัสวิชา ว33205 ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6/1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 น้าหนักเวลาเรียน 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 4 ชว่ั โมง ............................................................................................................................. ............................. 1. ผลการเรียนรู้ อธิบำย และคำนวณควำมดันเกจ ควำมดันสัมบูรณ์ และควำมดันบรรยำกำศ รวมท้ังอธิบำยหลักกำรทำงำนของ แมนอมิเตอร์บำรอมเิ ตอร์ และเครอ่ื งอัดไฮดรอลกิ ได้ 2. จุดประสงค์ 1. อธิบำยควำมหมำย และคำนวณควำมหนำแนน่ และควำมหนำแนน่ สมั พทั ธ์ได้ (K) 2. สบื คน้ ทดลอง และวิเครำะห์ ควำมหนำแนน่ ควำมหนำแน่นสมั พทั ธไ์ ด้อย่ำงถกู ต้อง (P) 3. ควำมเป็นคนช่ำงสังเกต ช่ำงคิด ช่ำงสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ันในกำรเสำะแสวงหำควำมรู้ (A) 3. สาระสาคญั ถ้ำนำสำรต่ำง ๆ (อำจอยู่ในสถำนะของแข็ง ของเหลว หรือก๊ำซ) มำด้วยปริมำตรเท่ำ ๆ กัน มำเทียบมวลหรือน้ำหนักกัน จะพบว่ำมวลและน้ำหนักมีค่ำต่ำง ๆ กัน แต่ถ้ำเป็นสำรอย่ำงเดียวกัน และสถำนะเดียวกันแล้วมวลหรือน้ำหนักจะมีค่ำ เท่ำกัน นักวิทยำศำสตร์จงึ ใช้ค่ำน้ีแสดงสมบัติทำงกำยภำพเฉพำะตวั ของสำรได้ และกำหนดนิยำมของควำมหนำแน่นของ สำรขึ้นว่ำ ควำมหนำแน่นของสำรใด ๆ คือ มวล (Mass: m) ของสำรนั้นต่อหนึ่งหน่วยปริมำตร (Volume: V) ดังนั้น หนว่ ยของควำมหนำแนน่ จึงมหี นว่ ยเป็นหนว่ ยของมวลต่อปริมำตร คือ กิโลกรมั ต่อลูกบำศก์เมตร (kg/m3) ในระบบเอสไอ หรือเป็นกรัมต่อลูกบำศก์เซนติเมตร (g/cm3) เขยี นเปน็ ควำมสัมพนั ธ์ไดว้ ำ่ m ρ= V เมอื่ ρ = ควำมหนำแน่นของสำร (g/cm3) m = มวลสำร (g) และ V = ปริมำตร (m3) 4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรียน 1. ควำมสำมำรถในกำรคิด 2. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 5. คณุ ลักษณะของวิชา - ควำมรบั ผดิ ชอบ - ควำมรอบคอบ - กระบวนกำรกลุ่ม 6. คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน - ใบงำนที่ 16 เร่ือง ควำมหนำแนน่

8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ 1-2 ข้นั นำ ขัน้ เตรยี มการ (Preparation) 1. ครูนำเข้ำสบู่ ทเรียนโดยกำรทบทวนควำมรเู้ ดมิ เกีย่ วกบั สถำนะของสสำร โดยถำมคำถำมนักเรยี นว่ำ - สสำรแบง่ ออกกี่สถำนะ และมลี ักษณะอย่ำงไรบำ้ ง (แนวตอบ สสำรแบ่งออกเป็น 3 สถำนะ คือ ของแข็ง ของเหลวและแก๊ส ท่ีอุณหภูมิหนึ่งของแข็งมีรูปร่ำงและ ปริมำตรคงตัว ถ้ำถูกแรงไม่มำกอัด ส่วนของเหลวจะมีปริมำตรคงตัวและมีรูปทรงตำมภำชนะท่ีบรรจุและ ปรมิ ำตรลดลงเมอื่ ถูกแรงอัด สว่ นแกส๊ มรี ูปร่ำงและปรมิ ำตรไมค่ งตวั ปริมำตรขน้ึ อยู่กบั ภำชนะท่บี รรจุและ กำร เปลย่ี นแปลงปรมิ ำตรจะมมี ำกกวำ่ ของเหลว แม้อณุ หภูมจิ ะเปลยี่ นเล็กนอ้ ย) 2. ครูอธิบำยเพ่มิ เติมว่ำ ของเหลวและแก๊สมรี ูปร่ำงไมแ่ นน่ อน และสำมำรถไหลจำกท่ีหน่ึงไปยังอีกทหี่ น่ึง จึงอำจเรียก ท้งั สองสถำนะนีว้ ่ำ ของไหล 3. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่อื ง ควำมหนำแน่นและควำมดนั ซึง่ เปน็ ปรนยั จำนวน 10 ขอ้ ใช้เวลำ 10 นำที จำกน้ันทบทวนเกี่ยวกับสถำนะของสสำร โดยให้นักเรียนอธิบำยถึงควำมแตกต่ำงระหว่ำงของแข็ง ของเหลว และแก๊ส 4. ครชู แ้ี จงให้นกั เรียนทรำบว่ำ จะนำควำมรู้เรือ่ งสถำนะของสสำรมำใชใ้ นกำรเรยี นสำรสอน เร่ือง ควำมหนำแน่นและ ควำมดนั ขัน้ สอน ขั้นเสนอตวั อย่าง (Presentation) ครูเสนอตัวอย่ำงเรื่อง ควำมหนำแน่น โดยครูแสดงภำพหรือสำธิตกำรทดลองให้นักเรียนเห็นว่ำ “ถ้ำนำโฟมและ แทง่ เหลก็ ไปใส่ในภำชนะทีบ่ รรจุนำ้ นักเรยี นจะสงั เกตเหน็ อะไร (แนวตอบ โฟมจะลอยน้ำส่วนเหล็กจะจมน้ำ) ข้นั เปรียบเทียบ (Comparison) 1. นักเรียนจะเห็นไดว้ ่ำ โฟมจะลอยนำ้ ส่วนเหลก็ จะจมน้ำ จำกน้ันครูถำมนกั เรียนด้วยคำถำมวำ่ สำเหตุท่ีโฟมลอยน้ำ และเหล็กจมน้ำ เพรำะเหตใุ ด (แนวตอบ เนือ่ งจำกโฟมมีควำมหนำแนน่ นอ้ ยกวำ่ น้ำ และแทง่ เหลก็ มคี วำมหนำแน่นมำกกว่ำน้ำ) 2. ครูอธิบำยเพิ่มเติมให้นักเรียนฟังว่ำ ควำมหนำแน่นของสำร คือ อัตรำส่วนเปรียบเทียบเนื้อของสำรในหน่ึงหน่วย ปริมำตร ตัวอยำ่ งเช่น ท่อนซุงท่มี ีน้ำหนกั ถึง 100 กิโลกรมั ยังสำมำรถลอยน้ำได้ เมอื่ เปรยี บเทียบกับเข็มเย็บผำ้ ซึ่ง มนี ้ำหนกั เพยี ง 2-3 กรมั กลับจมนำ้ ท้งั นี้เป็นเพรำะทปี่ รมิ ำตรเท่ำกนั ทอ่ นซงุ มมี ีมวลน้อยกวำ่ นำ้ จึงลอยนำ้

3. นักเรียนร่วมกันอภิปรำยสรุปเหตุผลของท่อนซุงลอยกับเข็มเย็บผ้ำจมว่ำ ท่อนซุงสำมำรถลอยน้ำได้ แต่เข็มเย็บผ้ำ กลับจมน้ำ เน่ืองจำกเข็มมีควำมหนำแน่นมำกกว่ำน้ำ และน้ำมีควำมหนำแน่นมำกกว่ำท่อนซุง และสำมำรถสรุป ควำมหมำยของควำมหนำแน่นได้ว่ำ เป็นมวลของสำรนั้นต่อหนึ่งหน่วยปริมำตร ซึ่งเขียนเป็นควำมสัมพันธ์ได้ว่ำ ρ=m V 4. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ให้แต่ละคนศึกษำเร่ือง ควำมหนำแน่น โดยศึกษำค้นคว้ำจำกหนังสือ เรียน ฟสิ ิกส์ ม.6 เล่ม 1 หรอื จำกแหลง่ ข้อมูลอน่ื ๆ ตำมควำมเหมำะสม 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม ควำมหนำแน่นของของเหลว เพื่อศึกษำควำมหนำแน่นของของเหลวและผลที่ เกดิ จำกควำมแตกตำ่ งเน่อื งจำกควำมหนำแนน่ ของของเหลว ตำมขน้ั ตอนทำงวทิ ยำศำสตร์ โดยใชท้ ักษะกำรสงั เกต 6. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกตอ้ งของข้อมลู ที่ได้จำกกจิ กรรม 7. ครูอำจให้ข้อมลู เพิ่มเติมเพ่ือให้นักเรียนได้คิดค้นต่อไป โดยกำรต้ังคำถำมวำ่ “ถ้ำเปลี่ยนจำกเกลือเป็นตัวทำละลำย ตวั อ่นื เช่น นำ้ ตำลทรำย หรอื ผงชรู ส นกั เรียนคดิ วำ่ ไขไ่ ก่จะสำมำรถลอย น้ำไดห้ รือไม่ เพรำะอะไร” (แนวตอบ พิจำรณำตำมคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครผู ูส้ อน) ขนั้ กฎเกณฑ Generalization) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รำยงำนผลกำรทดลองและผลลัพธท์ ่ไี ด้ และชว่ ยกันพจิ ำรณำวิเครำะหผ์ ลกำรทดลองของแต่กลุ่ม จำกนั้นให้นักเรียนช่วยกันสรุปผลกำรทดลองทไ่ี ด้ ซึ่งนักเรียนจะสรุปได้ว่ำ “เมื่อนำไข่ไก่สดใส่ลงในน้ำประปำธรรมดำ น้ำหนักของไข่ไกจ่ ะดึงไข่ไก่ให้จมลงสู่กน้ บีกเกอร์ เน่ืองจำกควำมหนำแน่นของไข่ไก่มำกกว่ำควำมหนำแนน่ ของน้ำ น้ำ จึงไมส่ ำมำรถพยุงไขไ่ ก่ให้ลอยขึ้นได้ แตเ่ มือ่ ใสเ่ กลือลงในน้ำประปำจำนวน 5 ช้อน ไข่ไก่สดใบเดมิ จะลอยสูงจำกก้นบีก เกอร์ ประมำณ 8 เซนติเมตร จำกระดบั น้ำสงู 10 เซนติเมตร เนื่องจำกน้ำเกลือมคี วำมเข้มข้นมำกกว่ำ หรืออีกนัยหนึ่ง คือ มคี วำมหนำแน่นมำกกวำ่ นำ้ ประปำธรรมดำ ไขไ่ ก่มคี วำมหนำแน่นน้อยกว่ำนำ้ เกลือจงึ สำมำรถลอยขน้ึ ได้” ขน้ั นาไปใช Application) 1. นำผลกำรทดลองและควำมรู้จำกกำรทดลองน้ี มำใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กำรหัดว่ำยน้ำในทะเล น่ำจะสำมำรถ พยุงตัวได้ดกี วำ่ วำ่ ยนำ้ ในแม่นำ้ เน่ืองจำกนำ้ ทะเลมคี วำมหนำแน่นมำกกวำ่ น้ำในแมน่ ำ้ 2. นำควำมรู้เร่อื งควำมหนำแน่นไปใชป้ ระโยชนใ์ นดำ้ นตำ่ ง ๆ เชน่ กำรสรำ้ งเรือท่ที ำจำกเหลก็ 3. นกั เรียนนำควำมรู้ทไ่ี ดเ้ รียนรมู้ ำ พร้อมท้ังสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกบั ควำมหนำแน่นเพิ่มเตมิ แล้วนำข้อมูลท่ีค้นควำ้ ได้มำ จดั ทำปำ้ ยนิเทศใหเ้ พ่อื น ๆ ในหอ้ งเรียน หรือโรงเรยี นทรำบ เพ่อื เป็นกำรแลกเปล่ียนเรียนรู้ 4. ครูอำจต้ังคำถำมเกี่ยวกับโจทย์กำรคำนวณ เรื่อง ควำมหนำแน่น บนหน้ำกระดำน พร้อมท้ังให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันฝึกทำ ถ้ำกลุ่มไหนทำเสร็จก่อนให้ออกมำนำเสนอ โดยให้กลุ่มที่เหลือร่วมกันแสดงควำมคิดเห็นแล ะ ตรวจสอบวำ่ ถูกตอ้ งพรอ้ มทัง้ บันทกึ ลงในสมดุ ทุกคน 5. ครูและนกั เรียนรว่ มกันทำแบบฝึกหัด Topic Question ทำ้ ยหัวขอ้ เร่อื ง ควำมหนำแนน่ 6. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั เรอ่ื ง ควำมหนำแน่น ในแบบฝกึ หัดฟสิ ิกส์ ม.6 เล่ม 1 7. ครูใหน้ กั เรยี นทำใบงำน เรอ่ื ง ควำมหนำแนน่ เปน็ กำรบ้ำนแล้วนำสง่ ครู

ขนั้ สรุป ครเู ปดิ โอกำสให้นักเรยี นสอบถำมเนอื้ หำที่ได้ศึกษำผ่ำนมำแลว้ ว่ำมสี ่วนไหนที่ยงั ไม่เข้ำใจ แล้วให้ควำมร้เู พ่ิมเติมในสว่ น นั้น จำกน้ันให้นักเรียนแต่ละคนสรุปสำระสำคัญเกี่ยวกับควำมหนำแน่น โดยครูช่วยแนะนำ และให้นักเรียนบันทึกลงใน สมดุ ขน้ั ประเมนิ 1. ประเมินควำมรู้เก่ียวกับเรื่อง ควำมหนำแนน่ โดยสงั เกตพฤติกรรมกำรตอบคำถำม กำรทำแบบฝึกหัด ใบงำน และ กำรสรปุ สำระสำคัญ 2. ประเมินทักษะและกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์จำกโดยสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม กำรปฏิบัติกิจกรรม และกำรนำควำมร้ทู ไี่ ด้ไปใช้ประโยชน์ 3. ประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยสังเกตพฤตกิ รรมจำกกำรสงั เกตพฤติกรรมกำรปฏิบตั ิกจิ กรรม กำรอภิปรำย กำรทำแบบฝึกหัด 9. สอื่ การเรยี นการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียน รำยวิชำเพม่ิ เตมิ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เลม่ 1 2) แบบฝกึ หดั รำยวชิ ำเพม่ิ เติมวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เล่ม 1 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล รายการวัด วิธีวัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ 10.1 กำรประเมินระหว่ำง - ตรวจใบงำนท่ี 16 - ใบงำนที่ 16 - ร้อยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หดั - รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ กำรจัดกจิ กรรม 1) ควำมหนำแน่น - ประเมินกำรนำเสนอ - แบบประเมินกำร - ระดับคุณภำพ 2 2) กำรนำเสนอ ผลงำน - สงั เกตพฤติกรรม นำเสนอผลงำน ผำ่ นเกณฑ์ ผลงำน กำรทำงำน 3) พฤติกรรมกำร รำยบคุ คล - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภำพ 2 ทำงำนรำยบคุ คล กำรทำงำน ผ่ำนเกณฑ์ รำยบุคคล 4) พฤติกรรมกำร - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภำพ 2 ทำงำนกล่มุ กำรทำงำนกลุ่ม - สงั เกตควำมมีวนิ ยั กำรทำงำนกลุ่ม ผ่ำนเกณฑ์ 5) คณุ ลักษณะ ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มน่ั อันพึงประสงค์ ในกำรทำงำน - แบบประเมิน - ระดับคุณภำพ 2 คณุ ลักษณะ ผ่ำนเกณฑ์ อนั พึงประสงค์ ลงชือ่ ..................................................ผสู้ อน (............................................)

ใบงานที่ 16 เรือ่ ง ความหนาแน่น คาช้แี จง้ : แสดงวธิ คี ำนวณหำผลลพั ธ์ 1. นำ้ มีควำมหนำแนน่ 1000 กิโลกรมั ต่อลูกบำศกเ์ มตร หมำยควำมว่ำอย่ำงไร 2. เหล็กมวล 0.156 กโิ ลกรมั มีปริมำตร 2 x 10-5 ลูกบำศกเ์ มตร ควำมหนำแนน่ ของเหลก็ มคี ำ่ เทำ่ ไร 3. ตะกั่วก้อนหนึ่งมปี รมิ ำตร 0.524 ลกู บำศก์เมตร ถำ้ ตะก่ัวมีควำมหนำแนน่ 11.3 x 103 กิโลกรมั ต่อลูกบำศกเ์ มตร ตะก่ัวก้อนน้ีมีมวลเท่ำใด 4. วัตถุรปู ลูกบำศก์มีควำมยำวแตล่ ะด้ำนเทำ่ กบั 2 เมตร มีมวล 400 กโิ ลกรมั ควำมหนำแนน่ ของวตั ถกุ ้อนนมี้ ีคำ่ เทำ่ ไร 5. เหล็กมีควำมหนำแน่น 7.8×103 กโิ ลกรมั ตอ่ ลูกบำศก์เมตร จะมีควำมหนำแน่นสมั พทั ธ์เท่ำใด (ρw = 1.0×103 g/m3)

ใบงานที่ 17 เฉลย เรอ่ื ง ความหนาแนน่ คาชแ้ี จ้ง : แสดงวิธคี ำนวณหำผลลัพธ์ 1. นำ้ มคี วำมหนำแนน่ 1000 กิโลกรมั ต่อลูกบำศกเ์ มตร หมำยควำมวำ่ อย่ำงไร นำ้ 1 ลกู บำศก์เมตร มีมวล 1,000 กโิ ลกรัม 2. เหล็กมวล 0.156 กิโลกรมั มีปริมำตร 2 x 10-5 ลูกบำศกเ์ มตร ควำมหนำแนน่ ของเหล็กมคี ำ่ เท่ำไร จำกสมกำร ρ = m V = 2 0.156 kg ×10−5 m3 = 0.078 × 10−5 = 7.8 × 103kg/m3 ดังน้นั ควำมหนำแน่นของเหลก็ มีคำ่ เท่ำกบั 7.8 × 103 กิโลกรัมต่อลูกบำศก์เมตร 3. ตะกว่ั ก้อนหน่ึงมปี รมิ ำตร 0.524 ลูกบำศกเ์ มตร ถำ้ ตะกั่วมีควำมหนำแน่น 11.3 x 103 กิโลกรัมตอ่ ลกู บำศก์เมตร ตะกั่ว กอ้ นนม้ี ีมวลเทำ่ ใด จำกสมกำร ρ = m ; m = p × V V = 11.3 × 103 kg/m3 × 0.524 m3 = 5.921 × 103 = 5.921 kg ดงั น้นั ตะกว่ั ก้อนนี้มมี วลเท่ำกับ 5.921 กิโลกรมั 4. วตั ถุรูปลูกบำศกม์ ีควำมยำวแต่ละดำ้ นเท่ำกบั 2 เมตร มมี วล 400 กโิ ลกรมั ควำมหนำแนน่ ของวัตถุก้อนน้ีมีค่ำเทำ่ ไร จำกสมกำร ������ = ������ ������ = 2 400 kg ×2×2 m3 ������ = 50 kg/m3 ดงั นน้ั วัตถกุ ้อนนมี้ ีควำมหนำแน่นเทำ่ กับ 50 กโิ ลกรัมต่อลกู บำศกเ์ มตร 5. เหล็กมีควำมหนำแนน่ 7.8×103 กิโลกรมั ตอ่ ลูกบำศกเ์ มตร จะมีควำมถ่วงจำเพำะเท่ำใด (ρw = 1.0×103 kg/m3) จำกสมกำร Sสำร = ρสำร ρนำ้ 7.8×103 = 1.0×103 = 7.8 ดงั น้ัน ควำมถ่วงจำเพำะเท่ำกบั 7.8

แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่ือง ของแขง็ และของไหล แผนจัดการเรยี นรูท้ ่ี 17 เรื่อง ความดันในของเหลว รายวชิ า ฟสิ ิกส์ รหัสวชิ า ว33205 ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6/1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 นา้ หนักเวลาเรียน 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ช่ัวโมง/สัปดาห์ เวลาท่ีใชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 6 ช่ัวโมง ............................................................................................................................. ............................. 1. ผลการเรียนรู้ อธิบำย และคำนวณควำมดันเกจ ควำมดันสัมบูรณ์ และควำมดันบรรยำกำศ รวมท้ังอธิบำยหลักกำรทำงำนของ แมนอมิเตอรบ์ ำรอมิเตอร์ และเคร่ืองอดั ไฮดรอลกิ ได้ 2. จดุ ประสงค์ 1. อธิบำยควำมหมำย และคำนวณควำมดนั ในของเหลวได้ (K) 2. สืบค้น ทดลอง และวเิ ครำะห์ ควำมดนั ในของเหลวได้อยำ่ งถกู ต้อง (P) 3. ควำมเป็นคนช่ำงสังเกต ช่ำงคิด ช่ำงสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในกำรเสำะแสวงหำควำมรู้ (A) 3. สาระสาคัญ ควำมดันในของเหลวเท่ำกับผลรวมของควำมดันบรรยำกำศกับปริมำณควำมดันเกจ ซ่ึงเป็นควำมดันท่ีเกิดจำก นำ้ หนักของเหลวเพียงอย่ำงเดียว ผลรวมของควำมดันบรรยำกำศกบั ควำมดันเกจ เรยี กว่ำ ควำมดันสมบูรณ์ ควำมดัน ของเหลวเดียวกันที่ระดับเดียวกันมีค่ำเท่ำกันเสมอโดยรูปร่ำงภำชนะบรรจุไม่มีผลใด ๆ เคร่ืองมือวัดควำมดัน ได้แก่ แมนอมิเตอร์ บำรอมเิ ตอร์ และเคร่ืองวัดบรู ด์ อน 4. สมรรถนะสาคัญของนักเรยี น - กระบวนกำรกลุม่ 1. ควำมสำมำรถในกำรคดิ 2. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 5. คุณลักษณะของวชิ า - ควำมรบั ผิดชอบ - ควำมรอบคอบ 6. คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน - ใบงำนท่ี 17 เรื่อง ควำมดันในของเหลว

8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 1-2 ขั้นนำ ขน้ั การใชค้ วามร้เู ดิมเชื่อมโยงความร้ใู หม่ (Prior Knowledge) 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับควำมหนำแน่นของสำรว่ำ เป็นสมบัติของสำรอย่ำงหนึ่งโดยช้ีให้เห็นว่ำ ควำมหนำแน่นของ สำรที่เป็นของแข็งและของเหลวน้ัน มีค่ำคงตัวที่อุณหภูมิหน่ึง เน่ืองจำกท้ังของแข็งและของเหลวมีปริมำตรคง ตัว สำหรับแก๊สนั้น ปริมำตรเปล่ียนแปลงตำมภำชนะท่ีบรรจุ จำกนั้นครูแนะนำว่ำ ควำมหนำแน่นของสำรท่ี นกั เรียนพอรจู้ กั นัน้ มีคำ่ เทำ่ ใดบำ้ ง ซึ่งแสดงไวใ้ นตำรำงในหนังสอื เรียน 2. ครูถำมคำถำม Key Question ว่ำ ควำมดันของของเหลวจะมีค่ำมำกหรือน้อยขึ้นอยู่กับส่ิงใด นักเรียนร่วมกัน ตอบคำถำมและแสดงควำมคิดเห็นเก่ียวกับคำตอบของคำถำม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่กำรเรียนรู้เร่ือง ควำมดันใน ของเหลว (แนวตอบ : ความดันของเหลวจะขึ้นอยู่กับระดับความลึกและความหนาแน่น เช่น เม่ือผู้ที่ว่ายน้าดาน้า ลงไปก้นสระน้า ความดันก็คือน้าหนักของน้าที่อยู่เหนือผู้ดาน้าทั้งหมด ย่ิงดาลึกเท่าไร ความดันยิ่งมากเท่าน้ัน และหากเปล่ียนจากน้ากลายเป็นของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่า เช่น น้าทะเล ความดันก็จะย่ิงเพิ่มมาก ขึน้ ) 3. ครูให้นักเรียนร่วมแสดงควำมคดิ เห็นกบั คำถำมทคี่ รูถำม ซ่งึ นักเรียนจะได้คำตอบที่ถูกต้องจำกกำรเรียนต่อไป ขน้ั สอน ขั้นรู้ (Knowing) 1. ครูต้ังคำถำมเพื่อทดสอบควำมเข้ำใจของนักเรียนเก่ียวกับควำมดันในของเหลว โดยท่ีครูคอยอธิบำยและเสริม ข้อมูลทีถ่ กู ตอ้ งให้กับนักเรยี น ดงั นี้  ถำ้ ครูนำขวดพลำสติกมำเจำะรูหลำย ๆ รู ณ ตำแหนง่ ต่ำง ๆ กัน โดยเรียงจำกบนลงล่ำงในแนวเดียวกัน แล้วใส่น้ำจนเตม็ นกั เรยี นคิดว่ำ น้ำจะพุ่งออกจำกขวดพลำสติก ณ ตำแหนง่ ใดได้ไกลที่สดุ  เพรำะเหตุใด น้ำจงึ พงุ่ ออกจำกรูทีเ่ จำะไว้  นักเรียนเคยดำนำ้ หรอื ไม่ แลว้ คิดวำ่ ขณะท่เี รำกำลงั ดำนำ้ ในบรเิ วณลกึ ๆ จะมีควำมรู้สึกอย่ำงไร  ปัจจยั ใดบำ้ งที่มีผลตอ่ ควำมดัน 2. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรำยในช้ันเรียนเพอื่ เช่ือมโยงไปสู่กำรทำกิจกรรม เรอื่ ง ควำมดนั ในของเหลว ข้นั เข้าใจ (Understanding) 1. ครูสำธิตโดยใช้ขวดพลำสติกมำเจำะรูมีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง ประมำณ 1 มิลลิเมตร ณ ตำแหน่งต่ำง ๆ ของขวด แลว้ จงึ ใส่น้ำจนเตม็ แลว้ ใหน้ กั เรียนสังเกตกำรพ่งุ ของลำน้ำจำกรทู ่ีเจำะรูตำแหน่งต่ำง ๆ

2. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รำยผลจำกกำรสำธิต จนไดข้ อ้ สรปุ ดังนี้  มแี รงกระทำต่อน้ำในขวดพลำสตกิ เมอื่ ภำชนะมรี เู ปิด แรงนี้จึงดันนำ้ ใหพ้ ุ่งออกจำกรู  แรงกระทำตอ่ นำ้ จะมีทศิ ต้ังฉำกกับผนงั ภำชนะเสมอ ไมว่ ่ำผนงั ภำชนะจะอยูใ่ นแนวใด  ในของเหลวใด ๆ ขนำดของแรงในของเหลวท่ีกระทำตั้งฉำกต่อหน่ึงหน่วยพื้นท่ีผนังภำชนะน้ี คือ ควำม ดนั ในของเหลว 3. ครูให้ควำมรูเ้ ก่ียวกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมดันในของเหลว (P) แรง (F) ที่ของเหลวกระทำต้ังฉำกกบั พื้นท่ี A ดังสมกำร P = F และเน้นว่ำ ควำมดันเป็นปริมำณสเกลำร์ ตัวอย่ำงเชน่ คนดำนำ้ ลงไปลกึ ๆ แลว้ เจ็บแกว้ หู A เพิม่ ขึ้น เม่ืออยู่ลึกจำกผวิ น้ำ มำกขึ้น กำรทเี่ จบ็ แก้วหมู ำก เน่ืองจำกมคี วำมดันทมี่ ำกขึ้น ชั่วโมงท่ี 3-4 ขัน้ สอน ข้ันลงมือทา (Doing) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ปฏิบัติกิจกรรม ควำมดันในของเหลว โดยให้นักเรียนแบ่งบทบำท หน้ำท่ีของสมำชิกภำยในกลุ่มว่ำใครมีบทบำทหน้ำท่ีอย่ำงไร 2. นักเรียนทำกิจกรรมโดยครูกำหนดเวลำในกำรทำกิจกรรม ขณะที่นักเรียนทำกิจกรรม ครูคอยตรวจพฤติกรรม ของนักเรียนและจดบนั ทกึ ในแบบบันทึกพฤติกรรม (หมายเหตุ: ครูเริม่ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรม) 3. ครูอำจให้นักเรียนสุ่มวัดควำมดันของน้ำ เพ่ือให้กำรทำกิจกรรมสะดวกและรวดเร็ว ส่วนควำมดันของน้ำเกลือ และกลีเซอรอล ครูเตรยี มนำ้ เกลือและกลีเซอรอลใส่กระบอกตวงไว้อย่ำงละ 2-3 กระบอก แล้วให้นกั เรียนผลัด กันออกมำวัดควำมดัน และสเกลของแมนอมิเตอร์ เป็นสเกลมิลลิเมตร แต่อ่ำนเป็นนิวตันต่อตำรำงเมตร ซึ่ง เทยี บมำจำกควำมตำ่ งกันของระดับนำ้ ในแมนอมเิ ตอร์ ขั้นสรปุ 1. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมำรำยงำนผลท่ีได้จำกกำรทำกิจกรรมหน้ำชั้นเรียน แล้วครูสอบถำมนักเรียน กลุ่มอ่ืนว่ำได้ผลของควำมดันว่ำมีควำมเหมือนหรือต่ำงกันหรือไม่ อย่ำงไร ถ้ำไม่ตรงกนั ให้ช่วยกนั วิเครำะห์และ สรปุ ว่ำผลที่ถูกตอ้ งเป็นอย่ำงไร จำกน้ันครูเป็นผู้เฉลยผลทไี่ ดจ้ ำกกำรทำกจิ กรรมทถ่ี กู ต้อง 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มวิเครำะห์ผลทไี่ ด้จำกกำรทำกจิ กรรมตำมแนวคำถำม ดังน้ี  กรำฟที่ได้ ควำมดนั และควำมลกึ มีควำมสัมพนั ธ์กนั หรือไม่ อยำ่ งไร  กรำฟท่ไี ด้ ควำมดนั และควำมหนำแนน่ มีควำมสัมพนั ธ์กนั หรือไม่ อยำ่ งไร  ถำ้ นกั เรยี นจะคำนวณหำควำมดันในของเหลว นักเรียนจำเป็นต้องทรำบส่ิงใดบำ้ ง 3. ครกู ล่ำวชมเชยนักเรยี นท่ีรว่ มกันกันทำกจิ กรรมกำรทดลองและใหข้ ้อมูลเพม่ิ เตมิ ในส่ิงทีน่ กั เรยี นไมเ่ ขำ้ ใจ 4. ครูนำอภิปรำยเร่ือง ควำมดันในของเหลวเพ่อื นำไปสูข่ ้อสรุปท่ีวำ่ P = ρgh จำกน้ันให้นักเรียนช่วยกันสรปุ จน ได้ว่ำ ควำมดันของของเหลวเกิดจำกน้ำหนักของของเหลว โดยสำหรับของเหลวท่ีอยู่นิ่งนั้น เม่ืออุณหภูมิคงตัว ควำมดนั ของของเหลวจะแปรผนั ตรงกบั ควำมลึกและควำมหนำแน่นของของเหลว ตำมสมกำรข้ำงต้น

ช่ัวโมงที่ 5 ขนั้ สอน ขั้นรู้ (Knowing) 1. ครูต้ังคำถำมนักเรียนว่ำ ถ้ำของเหลวชนิดเดียวกัน แต่ปริมำตรไม่เท่ำกันหรือใส่ภำชนะรูปร่ำงต่ำงกัน ควำมดัน ในของเหลวทร่ี ะดบั ควำมลกึ เท่ำกนั จะแตกต่ำงกนั หรือไม่ 2. ครูให้นักเรียนใช้แมนอมิเตอร์วัดควำมดันของน้ำที่บรรจุในภำชนะรูปร่ำงต่ำง ๆ กัน โดยวัดควำมดันที่ระดับ ควำมลกึ เดยี วกนั ตำมเนอื้ หำในบทเรยี น ขน้ั เขา้ ใจ (Understanding) 1. ครูอธิบำยผลกำรทดลองและตอบคำถำมของนักเรียน ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรำยจนได้ข้อสรุปว่ำ ควำมดันของของเหลวชนิดหน่ึงไม่ขึ้นกับปริมำตรหรือรูปร่ำงของภำชนะที่ใช้บรรจุ จำกนั้นครูให้นักเรียน ร่วมกันศึกษำเก่ียวกับประเภทของควำมดันตำมเนื้อหำในหนังสือเรียน 2. ครูให้ควำมรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับควำมดันเกจ ควำมดันบรรยำกำศ และควำมดันสัมบูรณ์ โดยครูเน้นว่ำ ควำม ดันท่ีวัดได้จำกเครื่องมือโดยตรง คือ ควำมดันเกจ 3. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปสมบัติท่ีสำคัญของแรงดันและควำมดันในของเหลว ตำมรำยละเอียดในหนังสือ เรียน แล้วให้นักเรียนพิจำรณำตัวอย่ำงที่ 4.5-4.8 ขัน้ ลงมือทา (Doing) 1. ครูให้นักเรียนศึกษำตัวอย่ำงกำรคำนวณจำกโจทย์ปัญหำในตัวอย่ำงท่ี 4.5-4.8 จำกหนังสือเรียน พร้อมท้ัง ให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ปัญหำ ตำมข้ันตอนกำรแก้โจทย์ปัญหำ ดงั น้ี  ข้ันท่ี 1 ทำควำมเข้ำใจโจทยต์ ัวอย่ำง  ขั้นท่ี 2 สิ่งที่โจทย์ตอ้ งกำรถำมหำ และจะหำสงิ่ ทโ่ี จทย์ต้องกำร ต้องทำอย่ำงไร  ขัน้ ท่ี 3 ดำเนินกำร  ขน้ั ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตัวอย่ำง 2. ครูสุ่มนักเรียนให้ออกมำนำเสนอวิธีกำรแก้ปัญหำโจทย์ตัวอย่ำงตำมข้ันตอนในแต่ละขั้น โดยท่ีครูคอยแนะนำ และเสริมขอ้ มูลทถี่ กู ต้องใหน้ กั เรยี น ขนั้ สรปุ 1. ครูเปดิ โอกำสใหน้ ักเรียนสอบถำมเนื้อหำที่ได้ศกึ ษำผ่ำนมำแลว้ วำ่ มีส่วนไหนที่ยงั ไม่เข้ำใจ แล้วให้ควำมรู้เพมิ่ เติม ในส่วนนนั้ โดยท่คี รอู ำจจะใช้ PowerPoint เรื่อง ควำมดันในของเหลว มำช่วยในกำรอธิบำย 2. ครูมอบหมำยให้นักเรียนไปทำแบบฝึกเสริมประสบกำรณ์จำก Unit Question 4 เรื่อง ควำมดันในของเหลว จำกหนังสือเรียนฯ ลงในสมุดประจำตัว และศึกษำเนื้อหำ เรื่อง แรงท่ีนำ้ กระทำต่อเขื่อนหรอื ประตกู ้ันนำ้ ซ่ึงจะ เรียนในคำบตอ่ ไปมำลว่ งหน้ำ

ช่วั โมงท่ี 6 ขนั้ สอน ขั้นรู้ (Knowing) 1. ครูนำเข้ำสู่หัวข้อนี้โดยทบทวนเกี่ยวกับควำมดันในของเหลวว่ำ ขอวเหลวจะมีแรงดันกระทำกับด้ำนข้ำงของ ภำชนะเสมอ โดยขนำดของแรงดนั ข้นึ อยู่กบั ควำมลกึ ของของเหลว 2. ครูต้ังถำมให้นักเรียนคิดว่ำ ในกรณขี องเข่ือนก้ันน้ำ เมื่อระดับน้ำเหนือเขื่อนสูงกว่ำระดับนำ้ ใต้เขื่อนมำกนั้น จะ มแี รงดนั ของน้ำกระทำต่อเขื่อนหรอื ไม่ แรงดนั นีม้ ที ิศทำงใด และขนำดของแรงดนั ข้ึนอยู่กับอะไรบ้ำง 3. ครสู นทนำเกย่ี วกบั แรงดนั ของน้ำตอ่ ประตูน้ำหรือเขอ่ื นกั้นน้ำว่ำ ในประเทศไทยมเี ขื่อนกั้นนำ้ อยู่เป็นจำนวนมำก เช่น เขอื่ นภมู ิพล จังหวดั ตำก เข่ือนขุนด่ำนปรำกำรชล จังหวดั นครนำยก เขือ่ นแกง่ กระจำน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่ง กำรสร้ำงเขื่อนจำเป็นตอ้ งคำนวณปรมิ ำณที่จะกักเกบ็ ไวเ้ หนือเข่ือนและปริมำณน้ำใตเ้ ขอ่ื นวำ่ จะมีควำมแตกต่ำง กันอย่ำงไร ถำ้ ปริมำณน้ำแตกต่ำงกันมำกจนเกินไป ก็จะต้องระบำยน้ำออก เพรำะอำจจะเกิดควำมเสียหำยกับ เข่ือนได้ กำรคำนวณแรงกระทำของนำ้ ตอ่ เข่ือนสำมำรถคำนวณได้เช่นเดียวกบั แรงกระทำของน้ำตอ่ ผนงั ภำชนะ โดยเขื่อนมคี วำมกว้ำง L และมีควำมสูงของระดับน้ำ H จำกพน้ื เขอ่ื น ซึ่งรำยละเอยี ดตำมหนงั สือเรียน ขน้ั เขา้ ใจ (Understanding) ครูยกตัวอย่ำงกำรนำควำมรู้เรื่องแรงดันและควำมดันไปใช้ในกำรสร้ำงเข่ือนและกำรป้องกันกำรพังของเขื่อน กั้นน้ำตำมรำยละเอียดในหนังสือเรียน จำกนั้นให้นักเรียนพิจำรณำตัวอย่ำงที่ 4.9-4.10 เพื่อให้เกิดควำม เข้ำใจในเร่ืองน้ีได้มำกขึ้น ขน้ั ลงมือทา (Doing) 1. ครูให้นักเรียนศึกษำตัวอย่ำงกำรคำนวณจำกโจทย์ปัญหำในตัวอย่ำง พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ ปัญหำ ตำมข้ันตอนกำรแก้โจทย์ปัญหำ ดังนี้  ขั้นที่ 1 ครใู หน้ กั เรยี นบอกปริมำณทรี่ ู้จำกโจทย์และปรมิ ำณทตี่ ้องกำรหำ  ขน้ั ท่ี 2 เลือกสูตรทสี่ ัมพนั ธ์ระหวำ่ งสงิ่ ท่ีรจู้ ำกโจทย์และสิ่งทีต่ อ้ งกำรหำ  ข้ันท่ี 3 ครใู ห้นักเรยี นดกู ำรแทนค่ำในสูตรและแสดงวธิ กี ำรหำคำตอบให้ละเอยี ด  ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ ัวอย่ำงว่ำถูกต้อง หรอื ไม่ โดยระบหุ น่วยให้ชดั เจน 2. ครูสุ่มนักเรียนให้ออกมำนำเสนอวิธีกำรแก้ปัญหำโจทย์ตัวอย่ำงตำมข้ันตอนในแต่ละขั้น โดยที่ครูคอยแนะนำ และเสรมิ ขอ้ มลู ทีถ่ กู ตอ้ งให้นักเรียน ขนั้ สรปุ 1. ครมู อบหมำยใหน้ ักเรียนไปทำแบบฝึกเสริมประสบกำรณจ์ ำก Unit Question 4 เรอื่ ง แรงทีน่ ำ้ กระทำต่อเขอ่ื น หรือประตูกนั้ น้ำ จำกหนังสอื เรยี นฯ ลงในสมดุ ประจำตัว 2. ครูอธิบำยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคร่ืองมือบำงชนิดท่ีใช้ในชีวิตประจำวัน อธิบำยได้โดยใช้ควำมรู้เกี่ยวกับควำมดัน เช่น เครื่องวัดควำมดันโลหิต ซ่ึงทำด้วยแมนอมิเตอร์ที่มีปรอทบรรจุอยู่ ปลำยข้ำงหน่ึงทีท่อยำงสวมต่อกับถุง อำกำศและมีลกู ยำงสำหรับอัดอำกำศเขำ้ ถุงอำกำศ

ขัน้ ประเมิน 1. ประเมินควำมรู้เก่ียวกับเร่ือง ควำมดันในของเหลว โดยสังเกตพฤติกรรมกำรตอบคำถำม กำรทำแบบฝกึ หัด ใบ งำน และกำรสรุปสำระสำคัญ 2. ประเมินทักษะและกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์จำกโดยสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม กำรปฏิบัติกิจกรรม ควำมดันในของเหลว และกำรนำควำมร้ทู ี่ได้ไปใชป้ ระโยชน์ 3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยสังเกตพฤติกรรมจำกกำรสังเกตพฤติกรรมกำรปฏิบัติกิจกรรม กำร อภปิ รำย และกำรทำแบบฝึกหัด 9. ส่ือการเรยี นการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียน รำยวชิ ำเพ่ิมเติมวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟสิ ิกส์ ม.6 เลม่ 1 2) แบบฝึกหดั รำยวชิ ำเพม่ิ เติมวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟสิ ิกส์ ม.6 เลม่ 1 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล รายการวดั วธิ ีวดั เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน 10.1 กำรประเมนิ ระหวำ่ ง - ตรวจใบงำนที่ 17 - ใบงำนที่ 17 - รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ กำรจัดกจิ กรรม 1) ควำมดนั ใน - ประเมินกำรนำเสนอ - แบบประเมนิ กำร - ระดบั คุณภำพ 2 ผลงำน ของเหลว - สังเกตพฤติกรรม นำเสนอผลงำน ผ่ำนเกณฑ์ 2) กำรนำเสนอ กำรทำงำน รำยบุคคล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภำพ 2 ผลงำน 3) พฤติกรรมกำร กำรทำงำน ผ่ำนเกณฑ์ ทำงำนรำยบุคคล รำยบุคคล 4) พฤติกรรมกำร - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภำพ 2 ทำงำนกลุม่ กำรทำงำนกลุ่ม - สังเกตควำมมีวินยั กำรทำงำนกลุ่ม ผ่ำนเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมน่ั อันพงึ ประสงค์ ในกำรทำงำน - แบบประเมนิ - ระดับคุณภำพ 2 คณุ ลักษณะ ผำ่ นเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ ลงชื่อ..................................................ผสู้ อน (............................................)

ใบงานท่ี 17 เรอ่ื ง ความดันในของเหลว คาชแ้ี จง : จงแสดงวิธีทำอยำ่ งละเอียด 1. ถังน้ำท่ีมีฝำปิด สูง 5 เมตร บรรจุน้ำเต็ม ถ้ำฝำถังถูกเจำะรูขนำด 50 ตำรำงเซนติเมตร ที่ก้นถังจะมีควำมดันและ แรงดันเท่ำไร เมอื่ พื้นทก่ี ้นถงั เทำ่ กับ 1.5 ตำรำงเมตร และควำมหนำแนน่ ของน้ำเท่ำกับ 103 กิโลกรมั ตอ่ ลูกบำศกเ์ มตร 2. เคร่ืองมือวัดควำมดันน้ำแสดงค่ำควำมดันน้ำในท่อประปำ ซึ่งอยู่ที่ช้ันล่ำงของตึกเท่ำกับ 2.5 × 105 นิวตันต่อตำรำง เมตร ถำ้ ถอื วำ่ น้ำประปำในทอ่ ขณะนน้ั อยนู่ ่ิง อยำกทรำบวำ่ นำ้ ประปำจะสำมำรถขึ้นไปไดส้ ูงสุดกเี่ มตร

ใบงานที่ 17 เร่อื ง ความดนั ในของเหลว เรอ่ื ง ความดนั ในของเหลว คาชแี้ จง : จงแสดงวธิ ที ำอยำ่ งละเอยี ด 1. ถังน้ำที่มีฝำปิด สูง 5 เมตร บรรจุน้ำเต็ม ถ้ำฝำถังถูกเจำะรูขนำด 50 ตำรำงเซนติเมตร ที่ก้นถังจะมีควำมดันและ แรงดนั เทำ่ ไร เมือ่ พ้นื ท่กี ้นถงั เท่ำกับ 1.5 ตำรำงเมตร และควำมหนำแน่นของน้ำเทำ่ กบั 103 กิโลกรมั ต่อลกู บำศก์เมตร จำกสมกำร P = P0 + ρgh จำกสมกำร = (1.01 × 105) + (103)(10)(5) P = 1.51 × 105 N/m2 P=F A F = PA F = (1.51 × 105)(1.5) F = 2.27 × 105 N ดังนน้ั ควำมดันที่ก้นถังเท่ำกับ 1.51×105 นิวตันต่อตำรำงเมตร และแรงดันท่ีก้นถังเท่ำกับ 2.27×105 นิวตัน 2. เคร่ืองมือวัดควำมดันน้ำแสดงค่ำควำมดันน้ำในท่อประปำ ซึ่งอยู่ท่ีช้ันล่ำงของตึกเท่ำกับ 2.5 × 105 นิวตันต่อตำรำง เมตร ถำ้ ถือวำ่ น้ำประปำในทอ่ ขณะน้นั อยู่นง่ิ อยำกทรำบว่ำนำ้ ประปำจะสำมำรถข้ึนไปได้สงู สดุ กีเ่ มตร จำกสมกำร P = ρgh 2.5 × 105 = (103)(10)h h = 2.5×105 104 F = 25 m ดงั นัน้ นำ้ ประปำจะสำมำรถข้นึ ไปได้สูงสุด 25 เมตร

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรื่อง ของแขง็ และของไหล แผนจดั การเรียนร้ทู ่ี 18 เร่อื ง กฎของพาสคลั รายวิชา ฟสิ ิกส์ รหัสวิชา ว33205 ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 นา้ หนกั เวลาเรยี น 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ช่ัวโมง/สัปดาห์ เวลาทใ่ี ชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 2 ชวั่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. ผลการเรยี นรู้ อธิบำย และคำนวณควำมดันเกจ ควำมดันสัมบูรณ์ และควำมดันบรรยำกำศ รวมท้ังอธิบำยหลักกำรทำงำนของแมนอ มเิ ตอร์ บำรอมเิ ตอร์ และเครื่องอัดไฮดรอลิก 2. จุดประสงค์ 1. สืบค้นและอภิปรำยเกีย่ วกบั กฎของพำสคลั และเครอื่ งอดั ไฮดรอลิกได้ (K) 2. นำควำมร้คู วำมเขำ้ ใจเกย่ี วกบั กฎของพำสคัลไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 3. ควำมเป็นคนช่ำงสังเกต ช่ำงคิด ช่ำงสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ันในกำรเสำะแสวงห ำควำมรู้ (A) 3. สาระสาคัญ กฎของพำสคัล กล่ำวว่ำ เม่ือควำมดัน ณ ตำแหน่งใด ๆ ในของเหลวท่ีอยู่นิ่งในภำชนะปิด ควำมดันที่เพ่ิมขึ้นจะ ถ่ำยทอดไปยังทุก ๆ จุดในของเหลวน้ัน นำหลักกำรน้ีไปสร้ำงเคร่ืองอัดไฮดรอลิก ดังสมกำร ������ = ������ ซ่ึงปริมำณน้ี ������ ������ เรียกว่ำ กำรได้เปรียบเชิงกล เคร่ืองมือท่ีอำศัยหลักกำรของเครื่องอัดไฮดรอลิก เช่น แม่แรงยกรถยนต์ เก้ำอ้ีทำฟัน และ ระบบห้ำมลอ้ รถยนต์ 4. สมรรถนะสาคัญของนักเรียน 1. ควำมสำมำรถในกำรคดิ 2. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 5. คุณลักษณะของวิชา - ควำมรบั ผดิ ชอบ - ควำมรอบคอบ - กระบวนกำรกลมุ่ 6. คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 7. ชิน้ งาน/ภาระงาน - ใบงำนที่ 18 เรื่อง กฎของพำสคัล

8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงที่ 1-2 ขนั้ นำ ขน้ั การใช้ความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge) 1. ครทู บทวนเกีย่ วกับควำมดนั ในของเหลวว่ำ ควำมดันในของเหลวจะข้ึนอยกู่ ับระดบั ควำมลึกและควำมหนำแน่น จำกนั้นครูต้ังคำถำมว่ำ เมื่อของเหลวท่ีบรรจุอยู่ในภำชนะปิด จะมีแรงภำยนอกกระทำต่อของเหลว แรงนี้จะ ส่งผ่ำนของเหลวได้ หรอื ไม่ 2. ครใู หน้ ักเรียนรว่ มแสดงควำมคดิ เห็นกบั คำถำมทีค่ รถู ำม ซ่งึ นกั เรยี นจะได้คำตอบทถ่ี กู ต้องจำกกำรเรียนต่อไป ข้นั สอน ขนั้ รู้ (Knowing) 1. ครูอำจนำส่ือวดี ทิ ัศน์เพื่อใชเ้ ป็นเคร่ืองช่วยในกำรเรียนกำรสอน เร่ือง กฎของพำสคัล เชน่ https://www.youtube.com/watch?v=CmwL0UO7wKE 2. ครูทำกำรสำธิตโดยใช้กำรทดลองอย่ำงง่ำยเกี่ยวกับกฎของพำสคัล โดยใช้เข็มฉีดยำกับสำยยำงขนำดเล็ก แล้ว ให้นักเรยี นสังเกตผลท่ีเกิดขึ้น ซงึ่ สำมำรถดำเนนิ กำรสอนตำมรำยละเอยี ดในหนงั สอื เรยี น ข้นั เข้าใจ (Understanding) 1. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รำยผลจำกกำรสำธิต จนได้ข้อสรปุ ดังนี้  เม่ือออกแรงกดลูกสูบข้ำงหนึ่งลงลูกสูบอีกข้ำงหน่ึงจะเกิดกำรเคลื่อนท่ีขึ้น แสดงว่ำ เรำสำมำรถส่งผ่ำน แรงดันไปยังของเหลวได้  แรงกระทำเน่ืองจำกนำ้ หนักที่กดลกู สูบ A และ a ไมเ่ ทำ่ กนั  เมือ่ ลูกสบู อยู่ในสมดุล ของเหลวในกระบอกสูบจะหยุดนิ่ง ดังนั้น ควำมดันในของเหลวทกี่ ระทำตอ่ ลูกสูบ ทั้งสองมีค่ำเท่ำกัน และควำมดันในของเหลวท่ีเพ่ิมข้ึนจำกควำมดันจะมีค่ำเท่ำกับควำมดันท่ีเกิดจำก น้ำหนกั ของวตั ถทุ ี่กดของเหลว  ควำมดันท่ีเพิ่มให้กับของเหลวจะถ่ำยทอดไปยังทุก ๆ จุด ในของเหลวน้ัน ซ่ึงข้อสรุปนี้เรียกว่ำ กฎของ พำสคลั (Pascal's law) 3. ครอู ธบิ ำยเพิม่ เตมิ เก่ียวกับกฎของพำสคัลว่ำ ควำมดนั ที่เพ่ิมให้กับของเหลวในลกู สูบหรอื กระบอกสูบนนั้ มีคำ่ ไม่ เท่ำกับควำมดันในของเหลวที่เพิ่มข้ึนจริง ๆ เนื่องจำกจะมีแรงเสีอดทำนระหว่ำงลูกสูบหรือกระบอกสูบท้ังสอง ซึ่งในเครื่องอัดไฮดรอลิกท่ีใช้กันท่ัวไปนั้น ควำมดันที่เพิ่มให้กับของเหลวมีค่ำสูงกว่ำควำมเสียดทำนในลูกสูบ หรือกระบอกสูบหลำยเทำ่ จงึ สำมำรถใช้กฎของพำสคลั ในกำรคำนวณได้ 4. ครูให้ควำมรู้เพิม่ เตมิ เกี่ยวกับกฎของพำสคัลกับเครอ่ื งอัดไฮดรอลิกว่ำ กำรไดเ้ ปรียบเชิงกลทำงทฤษฏีของเคร่ือง อัดไฮดรอลิกมีค่ำเท่ำกับอัตรำส่วนระหว่ำงพื้นที่หน้ำตัดของลูกสูบใหญ่กับพื้นที่หน้ำตัดของลูกสูบเล็ก หรือ สำมำรถเขียนเปน็ สมกำรควำมสัมพันธไ์ ด้วำ่ กำรไดเ้ ปรยี บเชงิ กลทำงทฤษฏี = ������ = ������ ������ ������

5. ครชู ้ีให้นักเรียนเห็นวำ่ ถ้ำจะให้เครื่องอดั ไฮดรอลกิ ผ่อนแรงมำกขึน้ อำจทำไดโ้ ดยอำศัยควำมรู้เร่ือง โมเมนต์ของ แรงมำช่วยปรบั ปรงุ เคร่อื งอัดไฮดรอลิก ขนั้ ลงมือทา (Doing) 1. ครูให้นักเรียนศึกษำตัวอย่ำงกำรคำนวณจำกโจทย์ปัญหำในตัวอย่ำงท่ี 4.14-4.17 จำกหนังสือเรียน พร้อม ท้ังให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ปัญหำ ตำมข้ันตอนกำรแก้โจทย์ปัญหำ ดงั นี้  ขัน้ ท่ี 1 ทำควำมเขำ้ ใจโจทยต์ วั อย่ำง  ขน้ั ที่ 2 ส่ิงทีโ่ จทย์ตอ้ งกำรถำมหำ และจะหำสง่ิ ทีโ่ จทย์ตอ้ งกำร ตอ้ งทำอยำ่ งไร  ขน้ั ที่ 3 ดำเนินกำร  ขัน้ ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตัวอย่ำง 2. ครูสุ่มนักเรียนให้ออกมำนำเสนอวิธีกำรแก้ปัญหำโจทย์ตัวอย่ำงตำมขั้นตอนในแต่ละข้ัน โดยที่ครูคอยโดยที่ครู คอยแนะนำและเสริมขอ้ มลู ทถี่ ูกต้องให้นักเรียน 3. ครูให้นกั เรียนทกุ คนทำใบงำน เร่ือง กฎของพำสคัล พร้อมท้ังสงั เกตคำตอบของนักเรียน เพอื่ ประเมินพฤตกิ รรม นักเรยี นเป็นรำยบุคคล พรอ้ มให้คำแนะนำเพ่มิ เตมิ (หมายเหตุ: ครเู รม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล) ขนั้ สรุป 1. ครูเปดิ โอกำสให้นักเรียนสอบถำมเนื้อหำทีไ่ ดศ้ ึกษำผ่ำนมำแล้วว่ำมีส่วนไหนท่ียงั ไมเ่ ข้ำใจ แล้วให้ควำมรู้เพ่มิ เติม ในสว่ นน้นั โดยที่ครูอำจจะใช้ PowerPoint เรอื่ ง กฎของพำสคัล มำช่วยในกำรอธบิ ำย 2. ครูอธิบำยเพ่ิมเติมเกี่ยวกับเคร่อื งมือท่ีอำศยั หลักกำรของเครื่องอัดไฮดรอลกิ เช่น แม่แรงยกรถยนต์ เก้ำอี้ทำฟัน และระบบห้ำมล้อรถยนต์ 3. ครูมอบหมำยให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกหัด Topic Question เร่ือง กฎของพำสคัล จำกหนังสือเรียนฯ ลงใน สมุดประจำตวั 4. ครูมอบหมำยให้นักเรียนไปทำแบบฝึกเสริมประสบกำรณ์จำก Unit Question 4 เร่ือง กฎของพำสคัล จำก หนังสือเรียนฯ ลงในสมุดประจำตัว และศึกษำเน้ือหำ เร่ือง พลศำสตร์ของของไหล ซ่ึงจะเรียนในคำบต่อไปมำ ล่วงหนำ้ ขนั้ ประเมนิ 1. ประเมินควำมรู้เกี่ยวกับเร่ือง กฎของพำสคัล โดยสังเกตพฤติกรรมกำรตอบคำถำม กำรทำแบบฝึกหัด ใบงำน และกำรสรปุ สำระสำคัญ 2. ประเมินทักษะและกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์จำกโดยสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม กำรปฏิบัติกิจกรรม และกำรนำควำมร้ทู ่ีได้ไปใชป้ ระโยชน์ 3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยสังเกตพฤติกรรมจำกกำรสังเกตพฤติกรรมกำรปฏิบัติกิจกรรม กำร อภปิ รำย และกำรทำแบบฝกึ หัด 9. สอื่ การเรียนการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน รำยวชิ ำเพิ่มเติมวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เล่ม 1 2) แบบฝึกหดั รำยวชิ ำเพมิ่ เติมวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เลม่ 1

10. การวดั ผลและประเมินผล รายการวดั วิธีวัด เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน 10.1 กำรประเมนิ ระหว่ำง - ตรวจใบงำนท่ี 18 - ใบงำนที่ 18 - ร้อยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หดั - รอ้ ยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ กำรจดั กิจกรรม 1) กฎของพำสคัล - ประเมินกำรนำเสนอ - แบบประเมินกำร - ระดบั คุณภำพ 2 2) กำรนำเสนอ ผลงำน - สังเกตพฤติกรรม นำเสนอผลงำน ผำ่ นเกณฑ์ ผลงำน กำรทำงำน 3) พฤติกรรมกำร รำยบุคคล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภำพ 2 ทำงำนรำยบุคคล กำรทำงำน ผ่ำนเกณฑ์ รำยบคุ คล 4) พฤติกรรมกำร - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภำพ 2 ทำงำนกลุ่ม กำรทำงำนกลุ่ม - สงั เกตควำมมวี นิ ัย กำรทำงำนกลุ่ม ผำ่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ ม่ัน อนั พึงประสงค์ ในกำรทำงำน - แบบประเมิน - ระดบั คุณภำพ 2 คุณลักษณะ ผ่ำนเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ ลงชือ่ ..................................................ผสู้ อน (............................................)

ใบงานที่ 18 เร่อื ง กฎของพาสคลั คาชแ้ี จง : แสดงวิธคี ำนวณหำผลลพั ธ์ 1. เคร่ืองอัดไฮดรอลิกเคร่ืองหนึ่งลูกสูบใหญ่ มีรัศมี 1.0 เมตร และลูกสูบเล็กมีรัศมี 0.1 เมตร ถ้ำออกแรงกดลูกสูบเล็ก 200 นิวตนั จะสำมำรถยกวตั ถขุ นำดเท่ำใดได้ 2. เครื่องอัดไฮดรอลิกเคร่ืองหนึ่ง ลูกสูบใหญ่มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 20 เซนติเมตร และลูกสูบเล็กมีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 2 เซนตเิ มตร ถ้ำตอ้ งกำรให้ลูกสูบใหญย่ กน้ำหนักได้ 1,000 นวิ ตนั ต้องออกแรงกดท่ีลูกสบู เล็กกน่ี วิ ตัน

ใบงานท่ี 18 เรอื่ ง กฎของพาสคลั คาช้ีแจง : แสดงวิธีคำนวณหำผลลัพธ์ 1. เครื่องอัดไฮดรอลิกเครื่องหนึ่งลูกสูบใหญ่ มีรัศมี 1.0 เมตร และลูกสูบเล็กมีรัศมี 0.1 เมตร ถ้ำออกแรงกดลูกสูบเล็ก 200 นิวตนั จะสำมำรถยกวตั ถขุ นำดเทำ่ ใดได้ จำกกฎพำสคลั =������ ������ ������ ������ =������ 200 ������(0.1)2 ������(1)2 ������ = 200 0.01 ������ = 20,000 N ดงั นั้น ถ้ำออกแรงกดท่ลี กู สูบ 200 นิวตนั สำมำรถยกวัตถขุ นำด 20,000 นวิ ตนั ได้ 2. เคร่ืองอัดไฮดรอลิกเคร่ืองหนึ่ง ลูกสูบใหญ่มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 20 เซนติเมตร และลูกสูบเล็กมีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 2 เซนตเิ มตร ถ้ำตอ้ งกำรใหล้ ูกสูบใหญย่ กน้ำหนักได้ 1,000 นวิ ตัน ตอ้ งออกแรงกดท่ลี ูกสูบเล็กก่นี วิ ตัน จำกกฎพำสคัล ������������ = ������������ =������ ������ ������ ������ =1,000 ������ ���4���(0.02)2 ���4���(0.2)2 =������ 0.0004 × 1,000 0.04 ������ = 10 N ดงั นั้น ตอ้ งออกแรงกดท่ีลกู สูบเลก็ 10 นิวตัน

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ของแขง็ และของไหล แผนจัดการเรียนรทู้ ี่ 19 เรื่อง แรงพยุงและหลักอาร์คิมดี สี รายวชิ า ฟสิ ิกส์ รหัสวชิ า ว33205 ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6/1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 นา้ หนกั เวลาเรียน 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลาที่ใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 4 ชว่ั โมง ................................................................................................................................................ .......... 1. ผลการเรียนรู้ ทดลอง อธบิ ำย และคำนวณขนำดแรงพยุงจำกของไหลได้ 2. จดุ ประสงค์ 1. อธิบำยควำมหมำย สืบค้น และอภปิ รำยเกย่ี วกบั แรงพยงุ และหลักของอำรค์ มิ ีดิสได้ (K) 2. อธิบำยควำมสมั พนั ธ์ของพ้นื ที่ ควำมหนำแน่น กบั แรงพยงุ ได้ (K) 3. สบื คน้ ทดลอง และวิเครำะห์ แรงพยงุ ได้อย่ำงถูกตอ้ ง (P) 4. ควำมเป็นคนช่ำงสังเกต ช่ำงคิด ช่ำงสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในกำรเสำะแสวงหำควำมรู้ ( A) 3. สาระสาคญั แรงพยุงหรือแรงลอยตัว คือ แรงลัพธ์ของแรงท่ีของเหลวกระทำกับวัตถุส่วนที่จมอยู่ในของเหลว มีขนำด เทำ่ กบั นำ้ หนกั ของของเหลวทม่ี ีปริมำตรเทำ่ กับวตั ถสุ ว่ นทจี่ ม หลักอำร์คมิ ีดีส กลำ่ ววำ่ วัตถทุ ่ีจมในของเหลวหมดทั้งก้อนหรอื จมแต่เพียงบำงส่วนจะถกู แรงพยุงกระทำ และแรง พยงุ จะเทำ่ กับน้ำหนกั ของของเหลวท่ีถกู วัตถนุ นั้ แทนท่ี 4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรยี น 1. ควำมสำมำรถในกำรคดิ 2. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 5. คุณลกั ษณะของวชิ า - ควำมรบั ผดิ ชอบ - ควำมรอบคอบ - กระบวนกำรกลุม่ 6. คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 7. ช้นิ งาน/ภาระงาน - ใบงำนท่ี 19 เร่ือง แรงพยงุ และหลักอำร์คิมีดีส

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 1-2 ขนั้ นำ ขน้ั การใชค้ วามรเู้ ดมิ เชื่อมโยงความรใู้ หม่ (Prior Knowledge) 1. ครูทบทวนเก่ียวกับกฎของพำสคัลและเคร่ืองอัดไฮดรอลิกว่ำ กฎของพำสคัล กล่ำวว่ำ เม่ือเพ่ิมควำมดันใน ของเหลวท่ีอยู่น่ิงในภำชนะปิด ควำมดันท่ีเพ่ิมจะถูกถ่ำยทอดไปยังทุก ๆ ตำแหน่งในของเหลวรวมท้ังผนังของ ภำชนะด้วย นำหลักกำรนี้ไปสร้ำงเครื่องอัดไฮดรอลิก ดังสมกำร ������ = ������ ซ่ึงปริมำณน้ีเรียกว่ำกำรได้เปรียบ ������ ������ เชิงกล 2. ครูสำธิตหรือแสดงภำพกำรจมกำรลอยของวัตถุต่ำงๆ เช่น โฟม แท่งไม้ หรือกำรจมกำรลอยของวัตถุชนิด เดียวกันในของเหลวชนิดต่ำง ๆ หรือกำรจมกำรลอยของวัตถุชนิดต่ำง ๆ ในของเหลวชนิดเดียวกัน หรือกำร ลอยของวัตถุในอำกำศ เชน่ กำรลอยของบอลลูน ลูกโป่ง โคมลอย ให้นักเรยี นสังเกตกำรจมกำรลอยของวัตถุ 3. ครตู ง้ั คำถำมใหน้ ักเรยี นได้ร่วมกนั คิดวำ่ เพรำะเหตุใด วัตถุจึงสำมำรถลอยน้ำได้ และกำรจมกำรลอยของวัตถุใน ของเหลวข้นึ อยู่สิง่ ใด 4. ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มแสดงควำมคดิ เหน็ เกย่ี วกับกำรจมกำรลอยของวัตถุ ซึ่งนักเรยี นจะไดค้ ำตอบที่ถูกตอ้ งจำกกำร เรียนต่อไป ข้นั สอน ขนั้ รู้ (Knowing) 1. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน ตำมควำมสมัครใจของนักเรยี น โดยให้แต่ละกล่มุ รว่ มกนั ศกึ ษำค้นควำ้ ข้อมูล เร่ือง แรงพยุงหรือแรงลอยตวั จำกหนังสือเรียน หรือแหล่งกำรเรียนรู้ต่ำง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เนต็ แล้วร่วมกนั สรปุ ควำมรู้ท่ี ศกึ ษำลงในสมุดประจำตัว (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม) 2. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ อภปิ รำยรว่ มกันถงึ แรงพยุง 3. ครูอธิบำยว่ำ กำรที่วัตถุลอยน้ำได้น้ัน เนื่องจำกมีแรงท่ีของเหลวพยุงวัตถุไว้ เ่ม่ือวัตถุน้ันอยุ่ในของเหลว แรงน้ี เรียกว่ำ แรงพยงุ หรือแรงลอยตวั 4. ครูแสดงภำพเก่ียวกับกำรจมกำรลอยของวัตถุในของเหลวนั้น ให้นักเรียนสังเกตกำรจมกำรลอยของวัตถุใน ของเหลว A B C และ D จำกภำพครตู ั้งคำถำม ดงั นี้  ของเหลวชนดิ ใดมคี วำมหนำแน่นมำกท่สี ุด และนอ้ ยที่สดุ เพรำะเหตใุ ด

(แนวตอบ ของเหลว D มีควำมหนำแน่นมำกที่สุด เพรำะวัตถุสำมำรถลอยอยู่บนของเหลว D ท้ังก้อน แสดงวำ่ ของเหลว D มคี วำมหนำแนน่ มำกกว่ำควำมหนำแน่นของวตั ถุ และของเหลว C มีควำมหนำแน่น นอ้ ยท่ีสุด เพรำะวัตถจุ มอยู่ในของเหลว C แสดงว่ำ ของเหลว C มีควำมหนำแน่นนอ้ ยกวำ่ ควำมหนำแนน่ ของวตั ถุ)  เมื่อเปรียบเทียบควำมหนำแน่นของวัตถุกับควำมหนำแน่นของของเหลวชนิดต่ำง ๆ ของเหลวชนิดใดมี ควำมหนำแนน่ น้อยกว่ำวตั ถุ เพรำะเหตุใด (แนวตอบ ของเหลว A และ C เพรำะวัตถุสำมำรถลอยอยู่บนของเหลวท้ัง 2 ชนิดนี้ได้ แสดงว่ำ ควำม หนำแน่นของวตั ถุต้องน้อยกว่ำควำมหนำแน่นของของเหลว A และ C)  เรยี งลำดับควำมหนำแน่นของของเหลวจำกน้อยไปมำกเปน็ อย่ำงไร (แนวตอบ ρC < ρB < ρA < ρD) 5. นักเรียนและครรู ว่ มกันอภปิ รำยและแสดงควำมคดิ เห็นเก่ยี วกบั คำถำม 6. ครูอธิบำยเพ่ิมเติมให้นักเรียนเข้ำใจเกี่ยวกับกำรจมกำรลอยของวัตถุในของเหลวว่ำ แรงพยุงหรือแรงลอยตัวท่ี ของเหลวกระทำต่อวตั ถุมีขนำดเทำ่ กบั น้ำหนักของของเหลวท่มี ีปริมำตรเท่ำกับปริมำตรของวัตถุสว่ นที่จมอยู่ใน ของเหลว ซง่ึ สำมำรถสรุปได้วำ่  วัตถทุ มี่ คี วำมหนำแนน่ มำกกว่ำควำมหนำแนน่ ของเหลว วตั ถจุ ะจมในของเหลวน้ัน  วตั ถทุ ีม่ ีควำมหนำแน่นเท่ำกบั ควำมหนำแนน่ ของเหลว วตั ถุจะลอยในของเหลวปริ่มเสมอกับผิวของเหลว นน้ั  วัตถทุ ี่มีควำมหนำแน่นนอ้ ยกว่ำควำมหนำแน่นของเหลว วตั ถุจะลอยในของเหลวโดยมีบำงสว่ นจมอยู่ใน ของเหลวและมีบำงส่วนลอยอยูเ่ หนือของเหลวนัน้ ขัน้ เขา้ ใจ (Understanding) 1. ครูอธิบำยเพ่ิมเติมเกี่ยวกับแรงพยุงหรือแรงลอยตัวว่ำ แรงลัพธ์ที่เกิดจำกผลรวมของแรงท่ีของเหลวกระทำต่อ วตั ถุส่วนท่ีจมอยู่ในของเหลวน้ัน ซ่ึงจะมีขนำดของแรงลัพธเ์ ท่ำกบั น้ำหนักของของเหลวที่มีปริมำตรเท่ำกับวัตถุ ส่วนท่ีจม ถ้ำพบว่ำวัตถุนั้นอยู่นิ่งในน้ำ แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุจะมีค่ำเท่ำกับศูนย์ ตำมกฎกำรเคล่ือนท่ีข้อ 1 ของนวิ ตัน จะไดว้ ่ำ แรงพยุง = นำ้ หนกั ของวัตถทุ ี่ชั่งในอำกำศ – น้ำหนักวตั ถุที่ช่งั ในของเหลว 2. ครูอธิบำยต่อว่ำ เม่ือเรำช่ังน้ำหนักของวัตถุในของเหลวจะน้อยกว่ำเมื่อช่ังในอำกำศ ดังภำพในหนังสือเรียน เนื่องจำกของแข็งเมอ่ื อย่ใู นของเหลวจะเกิดแรงดันจำกของเหลวกระทำกับวัตถุส่วนท่ีจม ซ่งึ ก็คือ แรงพยุง โดย อำร์คิมีดีส (Archimedes) นักปรำชญ์ชำวกรีกได้ศึกษำเกยี่ วกับขนำดของแรงท่เี กิดข้ึนในของเหลวที่กระทำต่อ วัตถุทจี่ มอยใู่ นของเหลว และสรุปเป็นหลกั กำรเกีย่ วกับแรงพยงุ ไวว้ ่ำ 3. ครูให้นักเรียนศึกษขำสนมำดกขำรอทงแใี่ ชร้ใงนพกยำุงร=คำขนนวำณดหนำ้ำขหนนำกั ดขขอองงขแอรงงเพหยลุงวทตถ่ี ำูกมวรัตำยถลุแะทเนอทีย่ีดในหนงั สือเรยี น และศึกษำ ตัวอย่ำงกำรหำค่ำของแรงพยงุ เพอ่ื ให้นกั เรียนเกดิ ควำมเขำ้ ใจมำกยิง่ ขน้ึ 4. ครูอำจสุ่มนักเรียนให้ออกมำนำเสนอวิธีกำรแก้ปัญหำโจทย์ตัวอย่ำง โดยที่ครูคอยแนะนำและเสริมข้อมูลที่ ถูกตอ้ งให้นกั เรยี น

ช่วั โมงที่ 3-4 ข้นั สอน ขนั้ ลงมือทา (Doing) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ปฏิบัติกิจกรรม แรงพยุง โดยให้นักเรียนแบ่งบทบำทหน้ำที่ของ สมำชิกภำยในกลุ่มว่ำใครมีบทบำทหน้ำที่อย่ำงไร 2. นักเรียนทำกิจกรรมโดยครูกำหนดเวลำในกำรทำกิจกรรม ขณะท่ีนักเรียนทำกิจกรรม ครูคอยตรวจพฤติกรรม ของนักเรยี นและจดบนั ทึกในแบบบนั ทกึ พฤติกรรม (หมายเหต:ุ ครเู ริม่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม) 3. ครอู ำจใหค้ ำแนะนำกอ่ นทำกจิ กรรม ดงั นี้  กำรช่ังน้ำหนักวัตถุในน้ำ อำจจทำโดยหย่อนวัตถุท่ีผูกติดเคร่ืองชั่งสปริงลงในบีกเกอร์ท่ีใส่ย้ำท่พี อเหมำะ หรือถือเครื่องช่ังสปริงท่ีมีวัตถุผูกติดอยู่ ให้วัตถุอยู่ในบีกเกอร์เปล่ำโดยไม่สัมผัสก้นบีกเกอร์ แล้วค่อย ๆ ใส่นำ้ ลงในบกี เกอร์  กำรวัดปริมำตรน้ำท่ีถูกแทนที่ โดยกำรใช้ถ้วยยูเรกำ คือ ใส่น้ำเข้ำให้เต็ม เอำมืออุดทำงออกของน้ำไว้ ก่อน วำงบนพื้นระดับ ปล่อยให้น้ำไหลไปจนระดับน้ำพอดีกับปำกทำงออกของน้ำ รองภำชนะรับน้ำไว้ บริเวณปลำยทำงออกน้ำของกระบอก แล้วค่อย ๆ ใส่วัตถุลงไปช้ำ ๆ เมื่อใส่วัตถุเสร็จ รอจนน้ำหยุดไหล จำกปลำยทำงออก วดั ปรมิ ำตรนำ้ ทไ่ี หลออกมำ จำกน้นั ถงึ นำผลไปทำกำรคำนวณ ขั้นสรุป 1. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมำรำยงำนผลที่ได้จำกกำรทำกิจกรรมหน้ำช้ันเรียน แล้วครูสอบถำมนักเรียน กลุ่มอ่ืนว่ำได้ผลของควำมดันว่ำมีควำมเหมือนหรือต่ำงกันหรือไม่ อย่ำงไร ถำ้ ไม่ตรงกันใหช้ ่วยกันวิเครำะห์และ สรปุ วำ่ ผลที่ถูกตอ้ งเป็นอยำ่ งไร จำกนนั้ ครูเป็นผเู้ ฉลยผลท่ีได้จำกกำรทำกจิ กรรมทถ่ี ูกต้อง 2. นกั เรียนแต่ละกลุ่มวเิ ครำะหผ์ ลที่ไดจ้ ำกกำรทำกิจกรรมตำมแนวคำถำม ดังนี้  ค่ำน้ำหนักของวัตถุท่ีอ่ำนได้เมื่อชั่งวัตถุในอำกำศ กับค่ำน้ำหนักของวัตถุท่ีอ่ำนได้เมื่อช่ังวัตถุในน้ำ แตกตำ่ งกนั หรือไม่ อย่ำงไร  แรงพยุงเน่ืองจำกของเหลวทกี่ ระทำต่อวัตถุนีเ้ ม่ือจมอยใู่ นของเหลวมีค่ำประมำณเท่ำใด 3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเก่ียวกับกิจกรรม แรงพยุง เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่ำ น้ำหนักของแท่งเหล็กที่ชั่งในน้ำจะ น้อยกว่ำน้ำหนักของแท่งเหล็กท่ีชั่งในอำกำศ เพรำะมีแรงเนื่องจำกน้ำมำกระทำต่อแท่งเหล็ก ซึ่งเรียกว่ำ แรง พยงุ โดยขนำดของแรงพยุงจะเท่ำกบั น้ำหนกั ของน้ำที่ถูกแท่งเหล็กแทนที่หรอื เทำ่ กับขนำดของนำ้ หนกั ของนำท่ี มีปริมำตรเทำ่ กับแทง่ เหล็กสว่ นท่จี ม 4. ครใู ห้ควำมรู้เก่ียวกบั แรงพยงุ และหลกั ของอำรค์ มิ ีดสี ทน่ี ักเรยี นสำมำรถพบเห็นไดใ้ นชีวิตประจำวัน เชน่ บอลลูน โคมลอย เรือดำนำ้ ทุ่นลอยน้ำ 5. ครเู ปิดโอกำสให้นักเรียนสอบถำมเน้ือหำทไี่ ด้ศกึ ษำผำ่ นมำแล้วว่ำมีส่วนไหนท่ียงั ไมเ่ ข้ำใจ แล้วให้ควำมรู้เพม่ิ เติม ในสว่ นนน้ั โดยที่ครอู ำจจะใช้ PowerPoint เรือ่ ง แรงพยงุ และหลกั ของอำรค์ ิมดี สี มำชว่ ยในกำรอธบิ ำย 6. ครมู อบหมำยให้นกั เรยี นฝึกทำแบบฝึกหัด Topic Question เรอ่ื ง แรงพยงุ และหลักของอำร์คมิ ีดีส จำกหนังสือ เรียนฯ ลงในสมุดประจำตวั

7. ครูให้นักเรียนทำใบงำน เรื่อง แรงพยุงและหลักของอำร์คิมีดีส เป็นกำรบ้ำนแล้วนำส่งครู และศึกษำเน้ือหำ เรื่อง ควำมตงึ ผิว ซ่งึ จะเรียนในคำบตอ่ ไปมำลว่ งหน้ำ ขั้นประเมนิ 1. ประเมินควำมรู้เกี่ยวกับเรื่อง แรงพยุงและหลักของอำร์คิมีดีส โดยสังเกตพฤติกรรมกำรตอบคำถำม กำรทำ แบบฝึกหัด ใบงำน และกำรสรปุ สำระสำคัญ 2. ประเมินทักษะและกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์จำกโดยสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม กำรปฏิบัติกิจกรรม แรงพยุง และกำรนำควำมรทู้ ี่ไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยสังเกตพฤติกรรมจำกกำรสังเกตพฤติกรรมกำรปฏิบัติกิจกรรม กำร อภปิ รำย และกำรทำแบบฝกึ หัด 9. สื่อการเรยี นการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน รำยวิชำเพม่ิ เติมวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟสิ กิ ส์ ม.6 เลม่ 1 2) แบบฝึกหัด รำยวชิ ำเพิม่ เติมวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เลม่ 1 10. การวัดผลและประเมินผล รายการวดั วิธวี ดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ 10.1 กำรประเมนิ ระหว่ำง - ตรวจใบงำนที่ 19 - ใบงำนที่ 19 - ร้อยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ กำรจัดกิจกรรม 1) แรงพยุงและหลัก - ประเมนิ กำรนำเสนอ - แบบประเมนิ กำร - ระดบั คุณภำพ 2 ผลงำน อำรค์ ิมีดสี - สงั เกตพฤติกรรม นำเสนอผลงำน ผำ่ นเกณฑ์ 2) กำรนำเสนอ กำรทำงำน รำยบุคคล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภำพ 2 ผลงำน 3) พฤติกรรมกำร กำรทำงำน ผำ่ นเกณฑ์ ทำงำนรำยบุคคล รำยบคุ คล 4) พฤติกรรมกำร - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภำพ 2 ทำงำนกลุ่ม กำรทำงำนกลุ่ม - สังเกตควำมมวี นิ ยั กำรทำงำนกลุ่ม ผ่ำนเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะ ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มน่ั อันพึงประสงค์ ในกำรทำงำน - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภำพ 2 คุณลักษณะ ผำ่ นเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ ลงชอื่ ..................................................ผูส้ อน (............................................)

แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรือ่ ง ของแข็งและของไหล แผนจดั การเรยี นรู้ท่ี 20 เร่ือง ความตึงผิว รายวิชา ฟสิ ิกส์ รหัสวชิ า ว33205 ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6/1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 นา้ หนักเวลาเรยี น 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลาทใ่ี ชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4 ช่วั โมง ............................................................................................................................. ............................. 1. ผลการเรียนรู้ ทดลอง อธบิ ำย และคำนวณควำมตึงผิวของของเหลว รวมทั้งสังเกตและอธิบำยแรงหนืดของของเหลวได้ 2. จุดประสงค์ 1. อธิบำยควำมหมำย และคำนวณควำมตึงผิวได้ (K) 2. สบื ค้น ทดลอง และวิเครำะห์ ควำมตงึ ผิวของเหลวไดอ้ ย่ำงถูกต้อง (P) 3. ควำมเป็นคนช่ำงสังเกต ช่ำงคิด ช่ำงสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในกำรเสำะแสวงหำควำมรู้ ( A) 3. สาระสาคญั ควำมตึงผิว คือ ควำมพยำยำมในกำรยึดติดกันของโมเลกุลที่ผิวของของเหลว ซ่ึงเป็นสมบัติหน่ึงของของเหลวท่ี เกีย่ วกบั แรงดงึ ดูดระหวำ่ งโมเลกลุ ของของเหลว โดยเรียกแรงน้ีวำ่ แรงตึงผิว ซ่ึงเป็นแรงทพ่ี ยำยำมยึดผิวหนำ้ ของของเหลว ไม่ให้แยกออกจำกกัน โดยแรงดึงดูดระหว่ำงโมเลกุลชนิดเดียวกันเป็นแรงเชื่อมแน่น แรงยึดติดเป็นแรงดึงดูดระหว่ำง โมเลกุลต่ำงชนดิ กันเป็นแรงยดึ ตดิ 4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรยี น - กระบวนกำรกลุ่ม 1. ควำมสำมำรถในกำรคดิ 2. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ควำมรับผดิ ชอบ - ควำมรอบคอบ 6. คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน - ใบงำนท่ี 20 เรื่อง ควำมตึงผิว

8. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1-2 ขนั้ นำ ขน้ั การใชค้ วามร้เู ดมิ เชื่อมโยงความร้ใู หม่ (Prior Knowledge) 1. ครูทบทวนเกย่ี วกับแรงพยุงและหลกั ของอำร์คิมดี ิสวำ่ แรงลัพธ์ท่ีกระทำต่อวัตถุที่จมอยูใ่ นของเหลวเรยี กวำ่ แรง พยุง ซ่ึงจะช่วยพยุงให้วัตถุจมยำกขึ้น ซ่ึงสมบัติน้ีสำมำรถนำไปอธิบำยในของไหด้วย และหลักของอำร์คิมีดิส กล่ำวว่ำ วัตถุที่จมในของเหลวท้ังก้อนหรือจมแต่เพียงบำงส่วน จะถูกแรงพยุงกระทำ และแรงพยุงจะเท่ำกับ น้ำหนักของของเหลวท่ีถูกวัตถุน้ันแทนที่ ดังน้ัน กรณีวัตถุจม ขนำดแรงพยุงจะเท่ำกับขนำดน้ำหนักของ ของเหลวท่ีมีปริมำตรเท่ำวัตถุ กรณีวัตถุลอย ขนำดแรงพยุงจะเท่ำกับขนำดน้ำหนักของของเหลวที่มีปริมำตร เทำ่ กับวัตถสุ ว่ นทจ่ี มในของเหลว 2. ครตู ้ังคำถำมใหน้ ักเรยี นได้รว่ มกันคิดว่ำ ผวิ หน้ำของของเหลวจะมีแรงจำกของเหลวหรอื ไม่ จำกน้ันนำแผนภำพ หรือสำธิตกำรลอยของเข็มหรือใบมีดโกนในน้ำ ให้นักเรียนร่วมกันสังเกตและตอบคำถำมว่ำ เพรำะเหตุใด เข็ม หรือใบมีดโกนจงึ ลอยบนผวิ น้ำได้ 3. ครูให้นักเรียนร่วมแสดงควำมคิดเห็นกับคำถำม ซ่ึงนักเรียนสำมำรถแสดงควำมคิดเห็นอย่ำงอิสระโดยไม่มีกำร เฉลยว่ำถกู หรอื ผิด ข้นั สอน ขั้นรู้ (Knowing) 1. ครูนำอภิปรำยจนได้ข้อสรุปว่ำ กำรท่ีเข็มหรือใบมีดโกนลอยบนผิวน้ำได้นั้น เนอื่ งจำกมีแรงพยำยำมยึดผิวหน้ำของ นำ้ ไว้ไม่ให้แยกออกจำกกัน แรงนี้เรียกว่ำ แรงตึงผิว 2. ครูอธิบำยเพ่ิมเติมว่ำ ถ้ำออกแรงกดใบมีดโกนมำกขึ้นจนแรงตึงผิวของน้ำไม่สำมำรถยึดผิวหน้ำของน้ำไว้ได้ ใบมดี โกนก็จะจมน้ำ 3. ครูตั้งคำถำมต่อไปว่ำ แรงตึงผิวมีทิศทำงอย่ำงไร จำกนั้นให้นักเรียนทำกำรทดลอง โดยกำรแบ่งกลุ่มออกเป็น กลุ่ม ๆ ละ 3-4 คน ตำมควำมสมัครใจของนักเรียน และทำกำรทดลองโดยใช้โครงลวดวงกลมจุ่มลงในน้ำสบู่ แล้วนำเส้นด้ำยมำผูกเป็นห่วง วำงลงบนฟิลม์ ของฟองสบู่ท่ตี ิดขึ้นมำกับโครงลวด ทำให้ฟิล์มสบู่ในห่วงด้ำยทะลุ ดงั รำยละเอยี ดในหนังสือเรยี น 4. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันอภปิ รำย จำกนั้นใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนเขยี นสรปุ ควำมรทู้ ่ีได้จำกกำรทดลองลงใน สมดุ ประจำตวั เพื่อนำส่งครูท้ำยชั่วโมง (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ )

ขน้ั เข้าใจ (Understanding) 1. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 3 กลุ่ม ออกมำนำเสนอผลกำรทดลองหนำ้ ชั้นเรียน ในระหว่ำงทีน่ ักเรียนนำเสนอครูคอย ให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ เพ่ือใหน้ กั เรยี นมีควำมเข้ำใจท่ถี ูกต้อง 2. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรำยผลจำกกำรทดลอง จนไดข้ ้อสรปุ ดังนี้  เมอื่ เอำหว่ งด้ำยวำงบนฟิล์มสบู่ และฟลิ ม์ สบใู่ นห่วงด้ำยไม่ทะลุ ห่วงด้ำยจะไม่เป็นวงกลม แสดงว่ำ ทุก ๆ จดุ ของห่วงด้ำยมแี รงตงึ ผวิ ของฟลิ ์มสบทู่ ง้ั ภำยในและภำยนอกของห่วงดำ้ ย  แรงตึงผิวมีขนำดเท่ำกันและทิศตรงกันกันข้ำม จึงทำให้ห่วงด้ำยสมดุลอยู่ในรูปร่ำงเหมือนกับวำงห่วง ด้ำยลงบนฟลิ ์มสบู่ในชว่ งแรก  เม่ือทำให้ฟิล์มสบู่ในห่วงด้ำยทะลุ แรงตึงผิวภำยในห่วงด้ำยจะหมดไป เหลือแต่แรงตึงผิวภำยนอกห่วง ด้ำย 3. ครูอธิบำยเพิ่มเติมเก่ียวกับแรงตึงผิวว่ำ กำรท่ีห่วงด้ำยมีรูปร่ำงเป็นวงกลมแสดงว่ำ แรงตึงผิวของฟิล์มสบู่ที่ กระทำกับทุก ๆ จุดบนห่วงด้ำยจะต้ังฉำกกับห่วงด้ำย และอยู่ในแนวขนำนกับผิวของฟิล์มสบู่ จำกนั้นครูตั้ง คำถำมว่ำ แรงตึงผิวของของเหลวแต่ละชนิดแตกต่ำงกันหรือไม่ อย่ำงไร เพ่ือนำเข้ำสู่กจิ กรรม เร่อื ง ควำมตงึ ผิว ของของเหลว ชั่วโมงท่ี 3-4 ขั้นสอน ขน้ั ลงมือทา (Doing) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ปฏิบัติกิจกรรม ควำมตึงผิวของของเหลว โดยให้นักเรียนแบ่ง บทบำทหน้ำที่ของสมำชิกภำยในกลุ่มว่ำใครมีบทบำทหน้ำท่ีอย่ำงไร 2. นักเรียนทำกิจกรรมโดยครูกำหนดเวลำในกำรทำกิจกรรม ขณะท่ีนักเรียนทำกิจกรรม ครูคอยตรวจพฤติกรรม ของนกั เรียนและจดบนั ทกึ ในแบบบนั ทกึ พฤตกิ รรม (หมายเหตุ: ครเู รมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม) 3. ครูอำจแนะนำให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดคำนให้อยูใ่ นแนวระดับ โดยเตมิ น้ำหนักที่ขอเกี่ยวโลหะจนคำนสมดุลใน แนวระดบั แลว้ จึงเตมิ นำ้ ในภำชนะจนห่วงวงกลมแตะผวิ นำ้ พอดี ข้นั สรปุ 1. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมำรำยงำนผลท่ีได้จำกกำรทำกิจกรรมหน้ำชั้นเรียน แล้วครูสอบถำมนักเรียน กลุม่ อืน่ ว่ำได้ผลของแรงตึงผวิ ของของเหลวว่ำมีควำมเหมือนหรอื ตำ่ งกันหรอื ไม่ อย่ำงไร ถ้ำไม่ตรงกันให้ช่วยกัน วิเครำะหแ์ ละสรปุ วำ่ ผลท่ีถกู ต้องเป็นอย่ำงไร จำกนนั้ ครเู ป็นผู้เฉลยผลทไ่ี ดจ้ ำกกำรทำกิจกรรมท่ถี กู ต้อง 2. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ วิเครำะหผ์ ลท่ไี ด้จำกกำรทำกิจกรรมตำมแนวคำถำมทำ้ ยกิจกรรม 3. ครนู ำอภปิ รำยเรือ่ ง ควำมตงึ ผิวของของเหลว จนไดข้ อ้ สรปุ ดงั นี้  เม่ือดึงห่วงวงกลมขึ้นจำกผิวของของเหลว จะมีแรงด้ำนไม่ให้ห่วงวงกลมหลุดจำกผิวของของเหลว ซึ่งก็ คือ แรงตึงผิวของของเหลว

 ขณะท่ีห่วงวงกลมจะหลุมจำกผวิ ของเหลว ห่วงวงกลมจะดงึ ผิวของเหลวขึ้นมำ 2 ผิว คือ ผิวของเหลวท่ี ติดกบั ดำ้ นนอกและดำ้ นในของห่วงวงกลม  อัตรำสว่ นระหวำ่ งแรงตงึ ผวิ กบั สองเท่ำของควำมยำวเสน้ รอบวงของหว่ งวงกลมมีคำ่ คงตวั 4. ครมู อบหมำยให้นกั เรียนไปทำแบบฝึกเสริมประสบกำรณจ์ ำก Unit Question 4 เรือ่ ง ควำมตึงผวิ จำกหนังสือ เรียนฯ ลงในสมุดประจำตวั 5. ครูให้ควำมรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับควำมดันและควำมตึงผิวของของเหลวที่ทำให้เกิดปรำกฏกำรณ์ต่ำง ๆ เช่น หยด ของเหลวทมี่ รี ปู รำ่ งเป็นทรงกลม ปรำกฏกำรณแ์ คพลิ ลำรหี รอื กำรซมึ ตำมรเู ล็ก ตำมรำยละเอียดในหนงั สือเรียน 6. นกั เรียนแต่ละคนทำใบงำนท่ี 20 เรอื่ ง ควำมตงึ ผิว ขัน้ ประเมิน 1. ประเมินควำมรู้เก่ียวกับเร่ือง ควำมตึงผิว โดยสังเกตพฤติกรรมกำรตอบคำถำม กำรทำแบบฝึกหัด ใบงำน และ กำรสรปุ สำระสำคญั 2. ประเมินทักษะและกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์จำกโดยสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม กำรปฏิบัติกิจกรรม ควำมตึงผวิ ของของเหลว และกำรนำควำมร้ทู ี่ไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยสังเกตพฤติกรรมจำกกำรสังเกตพฤติกรรมกำรปฏิบัติกิจกรรม กำร อภปิ รำย และกำรทำแบบฝกึ หดั 9. สือ่ การเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี น รำยวิชำเพิ่มเติมวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟสิ กิ ส์ ม.6 เล่ม 1 2) แบบฝึกหัด รำยวิชำเพ่ิมเติมวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟสิ กิ ส์ ม.6 เล่ม 1 10. การวดั ผลและประเมินผล รายการวดั วิธวี ัด เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมิน 10.1 กำรประเมนิ ระหวำ่ ง - ตรวจใบงำนท่ี 20 - ใบงำนที่ 20 - รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ กำรจดั กิจกรรม - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หดั - รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ 1) ควำมตึงผวิ 2) กำรนำเสนอ - ประเมนิ กำรนำเสนอ - แบบประเมินกำร - ระดับคุณภำพ 2 ผลงำน ผลงำน นำเสนอผลงำน ผำ่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรมกำร - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภำพ 2 ทำงำนรำยบคุ คล กำรทำงำน กำรทำงำน ผ่ำนเกณฑ์ รำยบุคคล รำยบุคคล 4) พฤติกรรมกำร - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภำพ 2 ทำงำนกลมุ่ กำรทำงำนกลุ่ม กำรทำงำนกลุ่ม ผำ่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลักษณะ - สงั เกตควำมมวี นิ ยั - แบบประเมิน - ระดบั คุณภำพ 2 อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มนั่ คณุ ลกั ษณะ ผ่ำนเกณฑ์ ในกำรทำงำน อันพงึ ประสงค์ ลงชอ่ื ..................................................ผสู้ อน (............................................)

ใบงานที่ 20 เรือ่ ง ความตงึ ผวิ คาชี้แจง : แสดงวธิ ีคำนวณหำผลลพั ่ธ์เก่ียวกบั ควำมตงึ ผวิ 1. ลวดวงแหวนมวล m มีเสน้ ผ่ำนศนู ยก์ ลำงภำยใน R1 และมเี ส้นผำ่ นศูนยก์ ลำงภำยนอก R2 หอ้ ยอยู่ในแนวรำบ โดยลวด วงแหวนแตะผิวของเหลว ดังภำพ จงหำว่ำ แรงท่ีใช้ดึงลวดวงแหวน ให้หลุดจำกผิวของเหลวพอดีมีค่ำเท่ำไร กำหนดให้ ควำมตึงผิวของของเหลวเท่ำกบั γ 2. แผ่นโลหะบำงมำกรูปวงกลม มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 7 เซนติเมตร นำไปลอยอยู่บนผิวน้ำ ถ้ำกำรที่แผ่นโลหะน้ีสำมำรถ ลอยน้ำได้เป็นผลมำจำกแรงตึงผิวเพียงอย่ำงเดียว จงหำว่ำโลหะแผ่นนี้มีมวลอย่ำงมำกท่ีสุดเท่ำไร กำหนดให้ควำมตึงผิว ของนำ้ มีค่ำ 0.072 นิวตนั ต่อเมตร

ใบงานที่ 20 เร่อื ง ความตึงผิว คาช้ีแจง : แสดงวิธีคำนวณหำผลลพั ่ธ์เก่ยี วกบั ควำมตงึ ผวิ 1. ลวดวงแหวนมวล m มเี ส้นผ่ำนศนู ย์กลำงภำยใน R1 และมีเส้นผำ่ นศนู ย์กลำงภำยนอก R2 หอ้ ยอยใู่ นแนวรำบ โดยลวด วงแหวนแตะผิวของเหลว ดังภำพ จงหำว่ำ แรงที่ใช้ดึงลวดวงแหวน ให้หลุดจำกผิวของเหลวพอดีมีค่ำเท่ำไร กำหนดให้ ควำมตงึ ผวิ ของของเหลวเทำ่ กบั γ วธิ ีทา แรงท่ใี ช้ดึงลวดวงแหวน คอื Fรวม Fรวม = Fs + mg Fรวม = γ (2πr1 + 2πr2) + mg Fรวม = γ (2π������1 + 2π������2) + mg 2 2 Fรวม = γ (R1 + R2) + mg ดังนัน้ แรงทีใ่ ชด้ ึงลวดวงแหวนให้หลุดจำกผิวของเหลวพอดมี คี ่ำเท่ำกบั γ (R1 + R2) + mg 2. แผ่นโลหะบำงมำกรูปวงกลม มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 7 เซนติเมตร นำไปลอยอยู่บนผิวน้ำ ถ้ำกำรท่ีแผ่นโลหะน้ีสำมำรถ ลอยน้ำได้เป็นผลมำจำกแรงตึงผิวเพียงอย่ำงเดียว จงหำว่ำโลหะแผ่นน้ีมีมวลอย่ำงมำกที่สุดเท่ำไร กำหนดให้ควำมตึงผิว ของนำ้ มีค่ำ 0.072 นิวตันต่อเมตร วธิ ที า พจิ ำรณำสมดุลระหว่ำงน้ำหนักกบั แรงตึงท่ีรองรับแผน่ โลหะบำงไว้ จะไดว้ ำ่ จำกสมกำร F = mg γL = mg m = γL g m = (0.072)[(2π)(72×10−2)] = 1.58 × 10−3kg 10 ดังนนั้ โลหะแผน่ นี้มีมวลอย่ำงมำกท่ีสุดเท่ำกบั 1.58×10-3 กโิ ลกรัม

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง ของแข็งและของไหล แผนจดั การเรียนรทู้ ่ี 21 เร่ือง ความหนดื รายวชิ า ฟสิ ิกส์ รหัสวชิ า ว33205 ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6/1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 น้าหนักเวลาเรียน 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาทใี่ ชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 2 ชวั่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. ผลการเรยี นรู้ ทดลอง อธิบำย และคำนวณควำมตึงผิวของของเหลว รวมทั้งสงั เกตและอธบิ ำยแรงหนดื ของของเหลวได้ 2. จดุ ประสงค์ 1. อธิบำยควำมหมำย และคำนวณควำมหนดื ได้ (K) 2. อธิบำยควำมสัมพันธข์ องรศั มีกับควำมเรว็ ของของเหลวตำมกฎของสโตกส์ได้ (K) 3. สืบค้น ทดลอง และวเิ ครำะห์ ควำมหนืดของเหลวได้อย่ำงถูกต้อง (P) 4. ควำมเป็นคนช่ำงสังเกต ช่ำงคิด ช่ำงสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในกำรเสำะแสวงหำควำมรู้ ( A) 3. สาระสาคญั แรงต้ำนกำรเคล่ือนท่ีของวัตถุในของไหล เรยี กว่ำ แรงหนืด สมบัติของกำรที่ของเหลวมีแรงต้ำนกำรเคล่ือนท่ีของ วัตถุ เรียกว่ำ ควำมหนืด แรงหนืดท่ีกระทำตอ่ วัตถุข้ึนอยู่กับขนำดควำมเร็วของวตั ถุ และแรงน้ีมีทิศตรงกันข้ำมกับทิศกำร เคลื่อนทข่ี องวตั ถุ และแรงหนดื แปรผนั ตรงกบั ควำมเรว็ ของวตั ถุทรงกลม 4. สมรรถนะสาคัญของนักเรียน 1. ควำมสำมำรถในกำรคิด 2. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 5. คุณลักษณะของวชิ า - ควำมรับผิดชอบ - ควำมรอบคอบ - กระบวนกำรกลุม่ 6. คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน - ใบงำนท่ี 21 เร่ือง ควำมหนดื

8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงที่ 1-2 ข้ันนำ การเตรียมการบรรยาย 1. ครอู ำจนำสือ่ วีดิทัศน์เพอ่ื ใชเ้ ป็นเครือ่ งชว่ ยในกำรเรียนกำรสอน เรอื่ ง ควำมหนืดของของเหลว เชน่ - https://www.youtube.com/watch?v=Z38mMX6Hpm4&t=213s - https://www.youtube.com/watch?v=ww0tVgiM8xQ 2. ครูถำมคำถำม Key Question ว่ำ เหตุใด กำรคนนมข้นหวำนจึงออกแรงมำกกว่ำกำรคนน้ำเช่ือม นักเรียน ร่วมกันตอบคำถำมและแสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถำม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่กำรเรียนรู้เร่ือง ควำม หนดื (แนวตอบ : เมื่อใชช้ ้อนคนของเหลว เช่น น้า น้าเช่ือม และนมข้นหวาน จะพบวา่ การคนนมข้นหวานจะ ใช้แรงมากกว่าการคนน้า และการคนน้าเชื่อมจะใชแ้ รงมากกว่าการคนน้า ทง้ั น้ี เป็นเพราะของเหลวท้ัง 3 ชนิด มคี วามหนืด ของไหลท่มี ีความหนืดมากจะมแี รงต้านการเคล่ือนทีข่ องวตั ถุในของไหลน้นั มาก) ข้นั สอน การบรรยาย 1. ครูนำเข้ำสู่หัวข้อนี้โดยยกปรำกฏกำรณ์ที่นักเรียนเคยพบเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น ขณะใช้ช้อนคนของเหลวจะมี แรงต้ำนกำรเคล่ือนท่ีของช้อน จำกน้ันครูอธิบำยว่ำ ในของเหลวทุกชนิดจะมีแรงต้ำนกำรเคลื่อนท่ีขอววัตถุ ซ่ึง เรียกว่ำ แรงหนืด และแรงหนืดในของเหลวแต่ละชนิดจะไม่เท่ำกนั 2. ครอู ำจต้ังคำถำมให้นักเรียนคิดวำ่ แรงหนดื ในของเหลว นอกจำกขึ้นชนิดของของเหลวแล้วยงั ขึน้ อยู่กบั อะไรอีก บำ้ ง 3. ครูทำกำรสำธิตปล่อยโลหะกลมท่ีมีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงมำกกว่ำ 0.5 เซนติเมตร ลงในกระบอกตวงท่ีบรรจุ ของเหลว (เช่น น้ำมันหล่อลื่น น้ำเชื่อม น้ำยำล้ำงจำน) เพื่อประกอบกำรอธิบำย แล้ววัดควำมเร็วของโลหะท่ี ตำแหน่งต่ำง ๆ ดงั ตัวอยำ่ งในหนังสอื เรียน 4. นกั เรียนสังเกตผลและอภิปรำยร่วมกันจนไดข้ ้อสรุปว่ำ ในช่วงแรกของกำรเคล่ือนที่ โลหะกลมจะเคลื่อนที่ด้วย ควำมเร่ง แสดงว่ำมีแรงลัพธ์กระทำต่อโลหะกลม แต่ในช่วงสุดทำ้ ยของกำรเคล่ือนท่ี โลหะกลมจะเคลอ่ื นท่ีด้วย ควำมเร็วมำกขน้ึ และมีค่ำคงตัว แสดงว่ำแรงลัพธท์ กี่ ระทำกบั โลหะกลมมีค่ำเปน็ ศนู ย์ 5. ครูต้ังคำถำมต่อไปว่ำ ขณะที่โลหะกลมเคลื่อนที่อยู่ในของเหลว จะมีแรงอะไรบ้ำงท่ีกระทำกับโลหะกลม และ แรงเหล่ำนั้นมลี ักษณะอยำ่ งไร แล้วจึงรว่ มกันอภิปรำยจนได้ข้อสรุปว่ำ โลหะกลมขณะเคล่ือนทใ่ี นของเหลวจะมี แรงกระทำกับโลหะกลม 3 แรง คอื นำ้ หนักของโลหะกลม แรงหนดื และแรงหนืดของของเหลว

6. ครูช้ีให้นักเรียนเห็นว่ำ น้ำหนักของโลหะกลมและแรงพยุงจะมีค่ำคงตัว โดยน้ำหนักของโลหะกลมจะมีค่ำ มำกกว่ำแรงพยุงในช่วงแรกของกำรเคล่ือนท่ี โลหะกลมจะเคลื่อนท่ีลงด้วยควำมเร่งในทิศลงสู่พ้ืนแสดงว่ำ น้ำหนักของโลหะกลมมีค่ำมำกกว่ำผลรวมของแรงพยุง และแรงหนืดของของเหลว ส่วนในช่วงสุดท้ำยของกำร เคลื่อนทีด่ ้วยควำมเร็วมำกขึ้น แต่มีค่ำคงตวั แรงลัพธท์ ีก่ ระทำกบั โลหะกลมจะมีคำ่ เปน็ ศูนย์ นัน่ คือ น้ำหนักของ โลหะกลมเท่ำกับผลรวมของแรงพยุงกับแรงหนืดของของเหลวแสดงว่ำ แรงหนืดของของเหลวในช่วงสุดท้ำย ของกำรเคลื่อนท่ีมีค่ำมำกกว่ำช่วงแรก ซึ่งสรุปได้ว่ำ แรงหนืดของของเหลวข้ึนอยู่กับควำมเร็วในกำรเคล่ือนที่ ของวัตถุ 7. ครอู ำจอธิบำยถงึ กำรนำควำมรเู้ กย่ี วกับกำรศกึ ษำเกีย่ วกับกำรนำควำมรู้ เรื่อง ควำมหนืด ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิต จริง เช่น ด้ำนอุปโภคบริโภค ขน้ั สรปุ 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับควำมหนืด เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่ำ แรงหนืดที่กระทำต่อวัตถุขึ้นอยู่กับขนำด ควำมเร็วของวัตถุ และแรงน้ีมีทิศตรงกันข้ำมกับทิศกำรเคลือ่ นทข่ี องวตั ถุ โดยสโตกส์ได้สรุปว่ำแรงหนืดแปรผัน ตรงกบั ควำมเรว็ ของวตั ถทุ รงกลมดงั สมกำร ������ = 6������������ 2. ครเู ปดิ โอกำสให้นักเรียนสอบถำมเน้ือหำทไ่ี ด้ศึกษำผ่ำนมำแลว้ วำ่ มสี ว่ นไหนที่ยังไมเ่ ขำ้ ใจ แล้วให้ควำมรู้เพ่ิมเติม ในส่วนนัน้ โดยทีค่ รอู ำจจะใช้ PowerPoint เรอื่ ง ควำมหนดื มำช่วยในกำรอธบิ ำย 3. ครูมอบหมำยให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกหัด Topic Question เร่ือง ควำมหนืด จำกหนังสือเรียนฯ ลงในสมุด ประจำตวั และศึกษำเนอื้ หำ เรอื่ ง พลศำสตร์ของของไหล ซึง่ จะเรียนในคำบตอ่ ไปมำล่วงหน้ำ 4. ครใู หน้ กั เรยี นทำใบงำน เรือ่ ง ควำมหนืด เป็นกำรบ้ำนแลว้ นำส่งครู ข้ันประเมนิ 1. ประเมินควำมรู้เก่ียวกับเรื่อง ควำมหนืด โดยสังเกตพฤติกรรมกำรตอบคำถำม กำรทำแบบฝึกหัด ใบงำน และ กำรสรุปสำระสำคญั 2. ประเมินทักษะและกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์จำกโดยสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม กำรปฏิบัติกิจกรรม ควำมหนืด และกำรนำควำมรู้ทไี่ ดไ้ ปใช้ประโยชน์ 3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยสังเกตพฤติกรรมจำกกำรสังเกตพฤติกรรมกำรปฏิบัติกิจกรรม กำร อภิปรำย และกำรทำแบบฝกึ หดั 9. สอื่ การเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี น รำยวชิ ำเพ่มิ เตมิ วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เล่ม 1 2) แบบฝึกหัด รำยวชิ ำเพม่ิ เติมวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟสิ กิ ส์ ม.6 เล่ม 1

10. การวดั ผลและประเมินผล รายการวดั วิธวี ดั เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ 10.1 กำรประเมินระหวำ่ ง - ตรวจใบงำนที่ 21 - ใบงำนที่ 21 - ร้อยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ กำรจดั กจิ กรรม 1) ควำมหนดื - ประเมนิ กำรนำเสนอ - แบบประเมนิ กำร - ระดับคุณภำพ 2 2) กำรนำเสนอ ผลงำน - สังเกตพฤติกรรม นำเสนอผลงำน ผ่ำนเกณฑ์ ผลงำน กำรทำงำน 3) พฤติกรรมกำร รำยบคุ คล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภำพ 2 ทำงำนรำยบุคคล กำรทำงำน ผ่ำนเกณฑ์ รำยบุคคล 4) พฤติกรรมกำร - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภำพ 2 ทำงำนกลมุ่ กำรทำงำนกลุ่ม - สงั เกตควำมมวี ินัย กำรทำงำนกลุ่ม ผ่ำนเกณฑ์ 5) คณุ ลักษณะ ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มนั่ อนั พงึ ประสงค์ ในกำรทำงำน - แบบประเมนิ - ระดับคุณภำพ 2 คุณลักษณะ ผ่ำนเกณฑ์ อันพึงประสงค์ ลงช่ือ..................................................ผ้สู อน (............................................)

ใบงานที่ 21 เร่อื ง ความหนดื คาช้แี จง : อธบิ ำยควำมหมำยของคำต่อไปนี้ 1. แรงตงึ ผิว 2. แรงยึดติด 3. ผิวของเหลวในหลอดแกว้ มลี ักษณะโค้งขึน้ 4. แรงหนดื 5. แรงเช่ือมแนน่ 6. แรงยึดเหนีย่ วระหว่ำงอนภุ ำค 7. กฎของสโตกส์

ใบงานที่ 21 เรือ่ ง ความหนืด คาชแ้ี จง : อธิบำยควำมหมำยของคำต่อไปนี้ 1. แรงตงึ ผิว เปน็ แรงท่เี กิดจำกกำรปรับสภำพสมดลุ ของแรงยึดเหนี่ยวระหวำ่ งอนุภำคของของเหลวท่ีอยบู่ รเิ วณผวิ 2. แรงยึดตดิ เปน็ แรงยึดเหนี่ยวระหวำ่ งอนุภำคของของเหลวกบั ผนัง เช่น แรงยึดเหนีย่ วระหว่ำงโมเลกลุ ของน้ำกบั แก้วทใ่ี ช้ 3. ผวิ ของเหลวในหลอดแก้วมีลักษณะโคง้ ขนึ้ แรงเช่ือมแน่นมคี ำ่ มำกกว่ำแรงยึดตดิ ทำใหผ้ ิวของเหลวในหลอดอยู่ตำ่ กว่ำระดบั ของเหลวปกติ 4. แรงหนดื เป็นแรงตำ้ นกำรเคลอื่ นที่ชนดิ หนึ่งแปรผนั ตรงกับควำมเร็ว และมที ิศทำงตรงขำ้ มกับกำรเคลอ่ื นที่ของวตั ถุ 5. แรงเชือ่ มแน่น เป็นแรงยดึ เหน่ยี วระหวำ่ งอนุภำคของของเหลวดว้ ยกันเอง เชน่ แรงยึดเหนีย่ วระหวำ่ งโมเลกลุ ของน้ำกับน้ำ 6. แรงยดึ เหน่ียวระหว่ำงอนภุ ำค แรงยึดเหนยี่ วระหว่ำงอนุภำค ประกอบด้วยแรงเช่อื มแน่นและแรงยดึ ตดิ 7. กฎของสโตกส์ อธบิ ำยกำรหำแรงหนืดของวัตถุทมี่ ลี กั ษณะเปน็ ทรงกลมดว้ ยสมกำร ������ = 6������������������������

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 เร่อื ง ของแขง็ และของไหล แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 22 เรอื่ ง พลศาสตร์ของของไหล รายวชิ า ฟสิ ิกส์ รหัสวิชา ว33205 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6/1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 นา้ หนกั เวลาเรียน 80 (นน./นก.) เวลาเรยี น 4 ช่ัวโมง/สัปดาห์ เวลาที่ใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 2 ชวั่ โมง .................................................................................................................................................... ...... 1. ผลการเรยี นรู้ อธิบำยสมบัติของของไหลอุดมคติ สมกำรควำมต่อเน่ือง และสมกำรแบร์นูลลี รวมท้ังคำนวณปริมำณต่ำง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง และนำควำมร้เู กีย่ วกับสมกำรควำมตอ่ เน่ืองและสมกำรแบรน์ ลู ลีไปอธบิ ำยหลักกำรทำงำนของอปุ กรณต์ ่ำง ๆ ได้ 2. จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ำยควำมหมำย สบื ค้น และอภปิ รำยเกีย่ วกบั พลศำสตร์ของของไหลได้ (K) 2. วเิ ครำะห์หำควำมสมั พันธต์ ำมสมกำรต่อเน่ือง สมกำรของแบรน์ ลู ลี และคำนวณหำปริมำณท่เี ก่ียวข้องได้ (K) 3. นำสมกำรของแบร์นูลลแี ละหลักของแบร์นูลลีไปอธิบำยปรำกฏกำรณ์ทเี่ กี่ยวข้องได้ (K) 4. นำควำมร้คู วำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั พลศำสตรข์ องของไหลไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 5. ควำมเป็นคนช่ำงสังเกต ช่ำงคิด ช่ำงสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ันในกำรเสำะแสวงหำควำมรู้ (A) 3. สาระสาคญั ของไหลอุดมคติสำมำรถอธิบำยกำรไหลได้ด้วยสมกำรควำมต่อเนื่อง กล่ำวคือ ผลคูณระหว่ำงพ้ืนที่หน้ำตัดที่ของ ไหลไหลผ่ำนกับอัตรำเร็วของของไหลท่ีไหลผ่ำน ไม่ว่ำจะเป็นตำแหน่งใดในหลอดกำรไหลจะมีค่ำคงตัว ค่ำคงตัวดังกล่ำว เรยี กว่ำ อัตรำกำรไหลเชิงปริมำตร ของไหลอดุ มคตินน้ั อตั รำกำรไหลจะคงทไี่ มว่ ่ำของไหลจะเคล่ือนทไ่ี ปจดุ ใดๆ กต็ ำม โดยสมกำรท่ีอธิบำยคุณสมบัติ ดงั กล่ำวคือ สมกำรควำมต่อเนื่อง (equation of continuity) หลักกำรของแบร์นูลลี กล่ำวว่ำ เม่อื ของไหลเคลื่อนท่ีในแนวระดับ หำกอัตรำเร็วมีค่ำเพ่ิมข้ึน ควำมดันในของไหล จะลดลงและเมอ่ื อตั รำเร็วลดลงควำมดนั ในของไหลจะเพมิ่ ขึน้ 4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรยี น 1. ควำมสำมำรถในกำรคดิ 2. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 5. คณุ ลักษณะของวชิ า - ควำมรับผดิ ชอบ - ควำมรอบคอบ - กระบวนกำรกลุ่ม 6. คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน - ใบงำนท่ี 22 เร่ือง พลศำสตรข์ องของไหล

8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงท่ี 1-2 ขั้นนำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูนำเข้ำสู่หัวข้อนี้โดยกำรทบทวนควำมรู้เก่ียวกับสมบัติของของไหลว่ำ ของไหล คือ สสำรท่ีสำมำรถเปลี่ยน รูปร่ำงได้ เมื่อถูกกระทำด้วยแรงเค้นเฉือน ซึ่งหมำยควำมว่ำ เมื่อมีแรงเค้นเฉือนมำกระทำ ของไหลจะเกิดกำร ขยับตัว และเปลี่ยนรูปร่ำง เช่นเมื่อเทของไหลลงในภำชนะ ของไหลจะเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงไปชั่วขณะหนึ่ง เพรำะรูปร่ำงของของไหลในขณะน้ันไม่สอดคล้องกับรูปร่ำงของภำชนะ จึงทำให้เกิดแรงเค้นเฉือนขึ้นภำยใน ของเหลว หรือกล่ำวว่ำ ในขณะท่ีของไหลเคล่ือนท่ีจะต้องมีแรงเค้นเฉือนเกิดขึ้น ในทำงตรงกันข้ำม หำกของ ไหลไม่มีกำรเคลื่อนที่ ท่ีสภำวะน้ันจะไม่มีแรงเค้นเฉือนกระทำอยู่เลย สมบัติของของไหลได้แก่ ควำมหนำแน่น ควำมดัน ควำมตึงผิว และควำมหนืด พฤติกรรมของของไหลท้งั ทอ่ี ยู่น่งิ และเคล่อื นทอ่ี ธิบำยได้ด้วยหลักและกฎ ทำงฟิสิกสท์ ่ีเก่ียวขอ้ ง 2. ครูถำมคำถำม Key Question ว่ำ เหตุใดเมื่อบีบสำยยำงที่ต่อกับก๊อกน้ำที่เปิดอยู่ แล้วน้ำจะพุ่งออกจำกสำย ยำงแรงกว่ำเดิม นักเรียนร่วมกันตอบคำถำมและแสดงควำมคิดเห็นเก่ียวกับคำตอบของคำถำม เพ่ือเช่ือมโยง ไปสู่กำรเรียนร้เู รือ่ ง พลศำสตร์ของของไหล (แนวตอบ : เม่ือเราทาให้รูสายยางเล็กลง หรือพ้ืนที่หน้าตัดเล็กลง ทาให้น้าเคล่ือนท่ีเร็วข้ึน แต่ปริมาตร ของนา้ ยังคงที่อยู่ กจะทาใหน้ า้ ไปได้ไกลขึ้น) 3. ครใู หน้ กั เรยี นร่วมแสดงควำมคดิ เหน็ กบั คำถำมท่ีครูถำม ซง่ึ นักเรียนจะไดค้ ำตอบท่ีถูกตอ้ งจำกกำรเรยี นต่อไป ข้ันสอน สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูอธบิ ำยเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้ำใจว่ำ กำรใช้สำยยำงรดน้ำต้นไมห้ รือลำ้ งจำน ถ้ำเรำต้องกำรใช้น้ำแรงข้ึนก็บบี ปำก สำยยำงให้แคบลง แต่ท้ัง 2 กรณีไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับแรงดันน้ำ น้ำท่ีได้มำจำกป๊ัมที่กำรประปำอัดส่งมำตำม บ้ำนเรือน เมื่อเปิดก๊อกน้ำประปำต้องผ่ำนท่อเป็นระยะทำงหลำยกิโลเมตรกว่ำจะเดินทำงมำถึง แรงดันน้ำท่ีปำก สำยยำงจะลดลง เนื่องมำจำกแรงเสียดทำนและควำมเร็วของน้ำในท่อ ขณะที่บีบปำกสำยยำงให้แคบลง ควำมเร็ว ของน้ำในท่อจะลดลง แต่แรงดันของนำ้ จะเพิ่มข้ึน ทำให้นำ้ พุ่งออกจำกปำกสำยยำงเรว็ ขึ้น 2. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รำยในช้ันเรียนเพ่ือเช่อื มโยงไปสู่กำรทำกิจกรรม เร่ือง พลศำสตร์ของของไหล โดย ให้นักเรียนท้ังหมดรว่ มกันยกตวั อย่ำงกำรเคลือ่ นท่ีของของไหล ร่วมกันอภิปรำยถึงควำมดันท่ีเปลีย่ นไป รวมท้ัง กำรนำไปใช้ประโยชน์ 3. นกั เรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 คน ตำมควำมสมัครใจของนักเรียน จำกน้ันใหแ้ ต่ละกลุ่มรว่ มกันศึกษำ ค้นควำ้ ขอ้ มลู เร่อื ง ของไหลอดุ มคติ จำกหนังสือเรยี น หรือแหลง่ กำรเรยี นรู้ต่ำง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เนต็ 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรำยเร่ืองท่ีได้ศึกษำ จำกน้ันให้นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุปควำมรู้ท่ีได้จำก กำรศึกษำคน้ ควำ้ ลงในสมุดประจำตัว (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ )

ช่วั โมงท่ี 3-4 ข้นั สอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 3 กลุ่ม ออกมำนำเสนอผลกำรศึกษำข้อมูลหน้ำชั้นเรียน ในระหว่ำงที่นักเรียน นำเสนอครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพื่อให้นักเรียนมีควำมเข้ำใจท่ีถูกต้อง (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนาเสนอผลงาน) 2. ครอู ธบิ ำยเพมิ่ เตมิ ให้นกั เรยี นเขำ้ ใจเกี่ยวกับคุณสมบัติของไหลอดุ มคติ มีดงั น้ี  มีกำรไหลอยำ่ งสม่ำเสมอ (Steady flow) หมำยถงึ ควำมเรว็ ของทกุ อนภุ ำค ณ ตำแหนง่ บนพื้นท่ีหนำ้ ตัด เดยี วกนั ในของไหลมคี ำ่ คงตวั  มีกำรไหลโดยไม่หมุน (Irrotational flow) คือ ในบริเวณโดยรอบจุดหน่ึง ๆ ในของไหลจะไม่มีอนุภำค ของของไหลเคลอ่ื นที่ด้วยอัตรำเร็วเชิงมุมรอบจุดนัน้ ๆ เลย  มกี ำรไหลทไี่ ม่มแี รงต้ำนเน่อื งจำกควำมหนดื (Nonviscous flow) ไม่มีแรงตำ้ นใด ๆ ภำยในเน้ือของไหล มำกระทำตอ่ อนภุ ำคของไหล  ไม่สำมำรถอัดได้ (Incompressible flow) ในทกุ ๆ ส่วนของของไหลมคี วำมหนำแน่นคงตวั 3. ครูอธิบำยเพ่ิมเติมให้นักเรียนเข้ำใจเก่ียวกับกำรไหลของของไหลอุดมคติว่ำ ในของไหลท่ีไหลอย่ำงสม่ำเสมอ อนุภำคหนึ่ง ๆ ของของไหลจะเคล่ือนที่ไปตำมเส้นทำงเดินเส้นหนึ่งเรียกว่ำ เส้นกระแส (streamline) โดย ควำมเร็วของอนุภำคนั้นที่ตำแหน่งต่ำง ๆ มที ิศในแนวเส้นสัมผัส ณ ตำแหน่ง และเส้นกระแสของอนุภำคแตล่ ะ เส้นจะไม่ตัดกันถ้ำเส้นกระแสจำนวนหนึ่งอยู่เรียงกันเป็นมัด จะเรียกมัดของเส้นกระแสน้ีว่ำ หลอดกำรไหล (tube of flow) ช่วั โมงที่ 5-6 ขนั้ สอน สารวจคน้ หา (Explore) (ต่อ) 1. ครูทบทวนเก่ียวกับของไหลอุดมคติว่ำ ของไหลอุดมคติมีกำรไหลอย่ำงสม่ำเสมอ มีกำรไหลโดยไม่หมุน มีกำร ไหลโดยไม่มีแรงต้ำนเนื่องจำกควำมหนืด และไม่สำมำรถอัดได้ ทำงเดินของกำรไหลของของไหลเรียกว่ำเส้น กระแส มดั ของเสน้ กระแสเรยี กว่ำ หลอดกำรไหล 2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4-5 กลุ่ม จำกน้ันให้ผู้แทนนักเรียนของแต่ละกลุ่มออกมำจับสลำกเลือกหัวข้อ ในกำรสืบค้นข้อมูลจำกหนงั สอื เรยี น หรือแหลง่ เรยี นร้ตู ่ำง ๆ ดงั หวั ข้อต่อไปนี้  สมกำรควำมต่อเนอ่ื ง  สมกำรของแบรน์ ูลลี  กฎของทอรร์ เิ ซลลี 3. ครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมำสรปุ เกี่ยวกบั หวั ข้อทีจ่ บั สลำกได้ในรปู แบบท่ีน่ำสนใจและเข้ำใจง่ำย (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตการทางานกลุ่ม)

อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูให้ควำมรู้เกี่ยวกับเส้นกระแส หลอดกำรไหล และกำรเคลื่อนที่ของของไหลอดมคติผ่ำนพ้ืนท่ีหน่ึง ตำม รำยละเอียดในหนังสือเรียน จนได้สมกำร ������������ = ค่ำคงตวั ซึ่งเรียกว่ำ สมกำรควำมต่อเน่ือง ครูอภิปรำย สมกำรควำมต่อเนื่องว่ำ ถ้ำของไหลเคลื่อนที่ผ่ำนพื้นที่หน้ำตัดเล็ก ของไหลจะมีอัตรำเร็วมำกหรือเคลื่อนท่ี เร็วข้ึน แต่ถ้ำพื้นที่หน้ำตัดใหญ่ ของไหลจะมีอัตรำเร็วน้อยหรือเคลื่อนท่ีช้ำลง 2. ครอู ธบิ ำยตัวอย่ำงกำรคำนวณเกี่ยวกับสมกำรควำมต่อเน่ืองจำกตัวอย่ำงที่ 4.27 ในหนังสือเรียน 3. ครูนำนักเรียนอภิปรำยเก่ียวกับสมกำรของแบร์นูลลี ซ่ึงกล่ำวว่ำ ผลรวมของควำมดัน พลังงำนจลน์ต่อหนึ่ง หน่วยปริมำตร และพลังงำนศักย์โน้มถ่วงต่อหน่ึงหน่วยปริมำตร ณ ตำแหน่งใด ๆ ภำยในท่อท่ีของไหลผ่ำน มี ค่ำคงตัวเสมอ น่ันคือ ถ้ำระดับคงตัว เมื่อของไหลมีอัตรำเร็วเพ่ิมข้ึนควำมดันของของไหลจะลดลง ดังสมกำร ������ + 1 ������������2 + ������������ℎ = ค่ำคงตัว จำกน้นั 2 4. ครูอธิบำยเกี่ยวกับกฎของทอร์ริเซลลีว่ำ อัตรำเร็วของของเหลวที่พุ่งออกจำกรูด้ำนข้ำงถังจะเท่ำกับ อัตรำเร็วของวัตถุท่ีตกแบบเสรีจำกระดับสูงเท่ำกัน และไม่ข้ึนกับชนิดของของเหลว ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษำตัวอย่ำงกำรคำนวณจำกโจทย์ปัญหำในตัวอย่ำง พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ ปัญหำ ตำมข้ันตอนกำรแก้โจทย์ปัญหำ ดงั นี้  ขัน้ ท่ี 1 ครูใหน้ ักเรยี นบอกปริมำณที่รู้จำกโจทยแ์ ละปริมำณท่ตี ้องกำรหำ  ขั้นที่ 2 เลอื กสตู รท่ีสัมพนั ธ์ระหว่ำงส่ิงที่รูจ้ ำกโจทย์และส่งิ ที่ตอ้ งกำรหำ  ขน้ั ที่ 3 ครใู หน้ ักเรียนดูกำรแทนคำ่ ในสตู รและแสดงวธิ กี ำรหำคำตอบให้ละเอยี ด  ข้ันที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ วั อย่ำงว่ำถูกตอ้ ง หรือไม่ โดยระบหุ นว่ ยใหช้ ัดเจน 2. ครูสุ่มนักเรียนให้ออกมำนำเสนอวิธีกำรแก้ปัญหำโจทย์ตัวอย่ำงตำมข้ันตอนในแต่ละข้ัน โดยท่ีครูคอยแนะนำ และเสรมิ ขอ้ มูลท่ถี กู ต้องใหน้ ักเรียน 3. ครใู ห้นกั เรยี นทำใบงำน เร่ือง พลศำสตรข์ องของไหล 4. ครูให้นกั เรยี นร่วมกันตอบคำถำมจำก Topic Question จำกหนงั สอื เรียน ข้นั สรปุ 1. ครูมอบหมำยให้นักเรียนสรุปแผนผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เร่ือง พลศำสตร์ของของไหล และให้ นกั เรยี นไปทำแบบฝกึ เสรมิ ประสบกำรณ์จำก Unit Question 4 เรอื่ ง พลศำสตรข์ องของไหล จำกหนงั สือเรียน ฯ ลงในสมดุ ประจำตัว 2. ครูอธิบำยเพิ่มเติมเก่ียวกับกำรประยุกต์สมกำรของแบร์นูลลีว่ำ สำมำรถอธิบำยปรำกฎกำรณ์ต่ำงๆ ที่เก่ียวกับ กำรเคล่ือนท่ีของของไหลได้หลำยเร่ือง เช่น กำรหำอัตรำเร็วของของเหลวอุดมคติที่พุ่งออกจำกรูเล็ก ๆ กำร ทำงำนของเครื่องพน่ สี และกำรออกแบบปกี เครอื่ งบิน 3. ครตู รวจสอบผลกำรทำแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 4 ของไหล เพ่ือตรวจสอบควำมเขำ้ ใจหลังเรียน ของนกั เรยี น

ขั้นประเมิน 1. ประเมินควำมรู้เก่ียวกับเร่ือง พลศำสตร์ของของไหล โดยสังเกตพฤติกรรมกำรตอบคำถำม กำรทำแบบฝึกหัด ใบงำน และกำรสรุปสำระสำคัญ 2. ประเมินทักษะและกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์จำกโดยสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม กำรปฏิบัติกิจกรรม และกำรนำควำมร้ทู ีไ่ ด้ไปใชป้ ระโยชน์ 3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยสังเกตพฤติกรรมจำกกำรสังเกตพฤติกรรมกำรปฏิบัติกิจกรรม กำร อภิปรำย และกำรทำแบบฝกึ หัด 9. สื่อการเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น รำยวชิ ำเพม่ิ เติมวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟสิ กิ ส์ ม.6 เลม่ 1 2) แบบฝึกหัด รำยวิชำเพ่ิมเตมิ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เล่ม 1 10. การวัดผลและประเมินผล รายการวดั วธิ ีวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน 10.1 กำรประเมนิ ระหว่ำง - ตรวจใบงำนท่ี 22 - ใบงำนท่ี 22 - รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่ำนเกณฑ์ กำรจัดกิจกรรม 1) พลศำสตร์ของของ - ประเมนิ กำรนำเสนอ - แบบประเมนิ กำร - ระดบั คุณภำพ 2 ผลงำน ไหล - สงั เกตพฤติกรรม นำเสนอผลงำน ผ่ำนเกณฑ์ 2) กำรนำเสนอ กำรทำงำน รำยบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภำพ 2 ผลงำน 3) พฤติกรรมกำร กำรทำงำน ผำ่ นเกณฑ์ ทำงำนรำยบุคคล รำยบคุ คล 4) พฤติกรรมกำร - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภำพ 2 ทำงำนกลมุ่ กำรทำงำนกลุ่ม - สังเกตควำมมีวินยั กำรทำงำนกลุ่ม ผ่ำนเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มนั่ อันพงึ ประสงค์ ในกำรทำงำน - แบบประเมิน - ระดับคุณภำพ 2 คณุ ลกั ษณะ ผำ่ นเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ ลงช่ือ..................................................ผสู้ อน (............................................)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook