20190727_153215_0000

วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั

คํานํา งานชนิ นเี ปนเนอื หาในวชิ า ออก เเบบเเละเทคโนโลยี ทําขนึ เพอื ศึกษาเรอื วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั หวงั วา่ จะเปนประโยชนต์ ่อผู้ ศึกษาเกียวกับเรอื งนี ถ้าผดิ พลาดประการใดก็ ขออภัยไว้ ณ ทีนดี ว้ ย

สารบญั 3 เกรนิ นาํ 4 ไม้ 7 โลหะ 10 พลาสติก 13 ยาง

วสั ดุตา่ งๆ ทีใช้ในชวี ตประจํา วนั มีทงั วสั ดธุ รรมชาตแิ ละวสั ดุ สังเคราะห์ อาจนาํ มาใชโ้ ดยตรง หรอแปรรูปเพือให้เหมาะกับ การ ใชง้ าน วสั ดรุ อบๆ ตวั เราทใี ชใ้ นชีวต ประจาํ วนั มที งั วสั ดุธรรมชาติ และวสั ดสุ งั เคราะห์ 3

ไม้ ไม้ คอื วสั ดุธรรมชาติทีไดม้ าจาก ลําต้น ของต้นไม้ ซึงสว่ นใหญเ่ ปนไมย้ นื ตน้ ไม้ มีความเเข็งเเรง ทนทาน ต้านทาน ไฟฟา ไม่เปนสนมิ มีรูปร่างคงตวั ผิวเรยบ มี กลิน เเละมลี วดลาย ถ้าได้รับความชนื เปนเวลานานอาจบวมผิดรูป เเละผุได้ ไม้เเบง่ ออกได้เปน 2ประเภท คือ 4

ไม้จรงหรอไม้ธรรมชาติ (natural wood or solid wood) คือ ไมท้ ีได้ มา จากลาํ ตน้ ของต้นไมโ้ ดยตรง แบง่ ได้ เปน 2 ประเภทคอื ไมเ้ นอื แข็ง (hardwood) และไม้เนืออ่อน (softwood) 5

ไมป้ ระกอบ (processed wood) คือ ไม้ทไี ดม้ าจากการนาํ ชิน ส่วนของไมม้ าต่อรวมกนั ด้วย กระบวนการตา่ งๆ ไม้ประกอบมี หลายประเภท เช่น ไม้อดั ไม้ปาร์ติ เคลิ บอร์ด 6

โลหะ (metals) โลหะ คอื วสั ดุทไี ดจ้ ากการถลุงสนิ แร่ ตา่ งๆ โลหะทีนํามาใชง้ านส่วนใหญจ่ ะผา่ น การปรับปรุงสมบตั ิให้ดีขึนกอ่ นนํามาใช้ งาน โลหะเปนตวั นําความร้อนและไฟฟา มี ความแขง็ แรงสงู มีความคงทนถาวร ไม่ เสอื มสลาย เปนวตั ถุทึบแสง ทาทานต่อ การ กดั กร่อน โลหะแบ่งออกไดเ้ ปน 2 ประเภท คือ 7

โลหะกล่มุ เหล็ก (ferrous metals) คอื โลหะทีมีเหลก็ เปนสว่ นประกอบหลกั แบ่ง ออกเปนเหลก็ กลา้ (steel) และเหลก็ หล่อ (cast Iron) ซึงมธี าตคุ าร์บอนผสมอยใู่ น ปรมาณทตี ่างกนั ตงั แต่ 0.1% ไปจนถงึ 4.0% คาร์บอนทผี สมลงในเหลก็ มผี ลตอ่ ความแข็งและเปราะของเหลก็ โดยทัวไปโลหะ กลุ่มเหล็กจะเกดิ สนมิ และมสี มบตั ิดูดตดิ กบั แมเ่ หลก็ ได้ 8

โลหะนอกกลุม่ เหลก็ (non-ferrous metals) คอื โลหะทไี ม่มีเหลก็ เปนส่วนประกอบ ดังนนั โลหะประเภทนีจะไมเ่ กิดสนมิ และไม่ดูดตดิ กบั แมเ่ หลก็ เชน่ อะลมู ิเนยี ม ทองแดง สงั กะสี ทองเหลือง 9

พลาสตกิ (plastics) พลาสติก คือ วสั ดุสงั เคราะหท์ มี นุษย์สร้าง ขนึ สว่ นใหญ่เปนผลผลติ ทไี ดจ้ ากการกลนั นํามันดบิ ปจจบุ นั พลาสตกิ นํามาใชส้ ร้าง สงิ ของเครองใชม้ ากมายและมีบทบาท อย่าง ยิงต่อการดําเนินชวี ตประจําวนั พลาสติก แบ่งออกได้เปน 2 ประเภทคอื 10

เทอร์โมพลาสตกิ (thermoplastics) จะออ่ นตัวและหลอมเหลวเมือได้รับ ความร้อนและจะแข็งตวั เมอื ทําให้เยน็ ลง พลาสติกทแี ขง็ ตวั แล้วสามารถนํามา หลอมซาํ ไดด้ ้วยความร้อน 11

เทอร์โมเซตตงิ พลาสติก (Thermosetting plastic) เปน พลาสติก ทีมสี มบัติพิเศษ คอื ทนทานต่อการ เปลียนแปลงอุณหภูมแิ ละทนปฏกิ ิรยาเคมี ได้ดี 12

ยาง (rubber) ยาง คือ วสั ดทุ ีมคี วามยืดหยุ่น ถกู นํา ไปแปรรูปเพือใช้ประโยชนใ์ นการสร้าง สงิ ของเครองใชห้ ลายชนดิ สามารถ แบง่ ออกเปน 2 ประเภท คอื 13

ยางธรรมชาติ (natural rubber) คือ ผลผลิตทไี ด้จากตน้ ยาง เมอื ยางอย่ใู น สภาวะอณุ หภูมิตําจะแขง็ กระดา้ ง เมอื ยาง อยใู่ นสภาวะอณุ หภมู ิสงู จะออ่ นนมิ มี ความ ยดื หยุ่นสงู ทนต่อการสึกหรอ แตไ่ มท่ น ตอ่ ตัวทาํ ละลายพวกนํามนั ปโตเลยี ม 14

ยางสงั เคราะห์ (synthetic rubber) คอื ยางทไี ด้จากการสังเคราะหท์ างเคมี เพอื เลียนแบบยางธรรมชาติ ข้อดคี อื สามารถปรับปรุงสมบตั ติ า่ งๆ ได้ 15

อ้างอิง https://www.krui3.co m /content/materials-in -daily-life/

เสนอโดย ครู ภัทราวรรณ อุทธสงิ ห์ จดั ทําโดย เดก็ หญงิ วาสนา เหล่ามา ชนั ม.2/5 เลขที31