Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ - นางสาวภัทราพร คงยอด

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ - นางสาวภัทราพร คงยอด

Published by สุกานดา ไชยรัตน์, 2022-01-10 14:09:17

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ - นางสาวภัทราพร คงยอด

Search

Read the Text Version

1 แผนจัดการเรียนรู้ รายวิชา คณิตศาสตร์ ชั้น มัธยมศึกษาปที ี่ 1

2 แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ า คณิตศาสตร์ ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 จดั ทาโดย นางสาวภทั ราพร คงยอด รหสั 6221148001สาขาการวดั ประเมินและวจิ ยั ทางการศึกษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา

A คำนำ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้รำยวชิ ำคณิตศำสตร์พ้นื ฐำน ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 1 เล่มน้ีไดจ้ ดั ข้ึนเพ่อื ใชเ้ ป็นแนวทำงในกำรเรียนรู้ โดยยดึ หลกั กำรออกแบบกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคญั ใหน้ กั เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมและกระบวนกำรเรียนรู้สำมำรถสร้ำงองคค์ วำมรู้ไดด้ ว้ ย ตนเองท้งั เป็นรำยบุคคลและรำยกลุ่ม สร้ำงสถำนกำรณ์กำรเรียนรู้ท้งั ในหอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรียน ทำใหน้ กั เรียนสำมำรถเช่ือมโยงควำมรู้ในกลุ่มสำระกำรเรียนรู้อ่ืนๆ ไดใ้ นเชิงบูรณำกำรดว้ ยวธิ ีกำรหลำกหลำย เนน้ กระบวนกำรวิเครำะห์ สงั เครำะห์ และสรุปควำมรู้ดว้ ยตนเอง ทำใหน้ กั เรียนไดร้ บั กำรพฒั นำท้งั ดำ้ นควำมรู้ ดำ้ นทกั ษะ/กระบวนกำร และดำ้ นคุณธรรม จริยธรรม และคำ่ นิยมที่ดี นำไปสู่กำรอยรู่ ่วมกนั อยำ่ งสนั ติสุข ลงชื่อ ภทั รำพร คงยอด (นำงสำวภทั รำพร คงยอด)

สารบญั B เรื่อง หนำ้ คำนำ A สำรบญั B แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 1 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 2 7 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 3 16 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 4 20 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 5 27

1 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ภำคเรียนที่ 1 ปี กำรศึกษำ 2564 รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ 1 รหสั วชิ ำ ค21101 จำนวน 1.5 หน่วยกิต หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 1 จำนวนเตม็ จำนวน 17 ชว่ั โมง เร่ือง จำนวนเตม็ จำนวน 2 ชว่ั โมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั สำระ จำนวนและพีชคณิต มำตรฐำน ค 1.1 เขำ้ ใจควำมหลำกหลำยของกำรแสดงจำนวน ระบบจำนวน กำรดำเนินกำรของจำนวน ผลที่เกิดข้ึนจำกกำรดำเนินกำรสมบตั ิของกำรดำเนินกำรและนำไปใช้ ตวั ช้ีวดั ค 1.1 ม.1/1 เขำ้ ใจจำนวนตรรกยะและควำมสมั พนั ธ์ของจำนวนตรรกยะและใชส้ มบตั ิของจำนวน ตรรกยะในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำในชีวติ จริง ค 1.1 ม.1/2 เขำ้ ใจและใชส้ มบตั ิของเลขยกกำลงั ท่ีมีเลขช้ีกำลงั เป็นจำนวนเตม็ บวกในกำรแกป้ ัญหำ คณิตศำสตร์และปัญหำในชีวติ จริง 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด จำนวนเตม็ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภทคือ จำนวนเตม็ บวก ศูนยแ์ ละจำนวนเตม็ ลบ ซ่ึงจำนวนเตม็ บวก หรือจำนวนนบั ไดแ้ ก่1, 2, 3 ….. ศูนย์ ไดแ้ ก่ 0 และจำนวนเตม็ ลบไดแ้ ก่ - 1, - 2, -3 …… 3.จุดประสงค์การเรียนรู้ ดำ้ นควำมรู้ (K)

2 1. ระบุหรือยกตวั อยำ่ งจำนวนเตม็ บวก จำนวนเตม็ ลบ และศูนย์ 2. เปรียบเทียบจำนวนเตม็ ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำร (P) นำควำมรู้เรื่องจำนวนเตม็ ไปใชใ้ นกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์ ดำ้ นคุณลกั ษณะ(A) ทำงำนเป็นระเบียบเรียบร้อย รอบคอบ และมีควำมเช่ือมนั่ ในตนเอง 4.สาระการเรียนรู้ จำนวนเตม็ บวก 5.สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ควำมสำมำรถในกำรคิด 2. ควำมสำมำรถในกำรเช่ือมโยง 3. ควำมสำมำรถในกำรใหเ้ หตุผล 4. ควำมสำมำรถในกำรคิดสร้ำงสรรค์ 5. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร 6.คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ซ่ือสตั ยส์ ุจริต 2. มีวนิ ยั 3. ใฝ่ เรียนรู้ 4. มุง่ มนั่ ในกำรทำงำน

3 7.ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ -กำรสื่อสำรและกำรสื่อควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ 8.กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 1. ใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 2. ครูใหน้ กั เรียนนบั เลข 1− 20 พร้อมๆ กนั 3. ครูอธิบำยวำ่ จำนวนที่นกั เรียนนบั คือ1− 20เรียกวำ่ จำนวนเตม็ บวก แลว้ ต้งั คำถำมเช่น - จำนวน20 −100 เรียกวำ่ จำนวนเตม็ บวกหรือไม่ เพรำะอะไร - จำนวน100, 101, 102,… เรียกวำ่ จำนวนอะไร 4. ครูนำสนทนำเกี่ยวกบั ควำมหมำยของศูนยใ์ นสถำนกำรณ์ตำ่ ง ๆ เช่น กำรใช0้ แทนควำมไม่มี หรือกำรใช0้ แทนกำรมีอยใู่ นระดบั หน่ึง ๆ รวมท้งั ควำมหมำยและควำมสำคญั ของจำนวนเตม็ ลบในชีวติ จริง เช่น อุณหภูมิที่ติดลบ 5. ครูควรจดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนเขำ้ ใจจำนวนเตม็ ลบ โดยเช่ือมโยงควำมรู้ในเรื่องจำนวนเตม็ บวกหรือ จำนวนนบั และศูนยท์ ี่นกั เรียนเคยเรียนมำแลว้ โดยใชเ้ ส้นจำนวน และใชค้ ำถำมเพื่อใหน้ กั เรียนเกิดควำมคิด รวบยอดเกี่ยวกบั จำนวนเตม็ ดงั ตวั อยำ่ งตอ่ ไปน้ี 1) 0 ไมใ่ ช่จำนวนนบั 2) 0 เป็นจำนวนเตม็ ที่ไมเ่ ป็ นจำนวนเตม็ บวก และไมเ่ ป็นจำนวนเตม็ ลบ 3) จำนวนเตม็ บวกที่นอ้ ยที่สุด คือ 1 4) ไม่มีจำนวนเตม็ บวกท่ีมำกท่ีสุด 5) จำนวนเตม็ ลบที่มำกท่ีสุด คือ -1 6) ไม่มีจำนวนเตม็ ลบท่ีนอ้ ยท่ีสุด 7) ไมม่ ีจำนวนเตม็ ที่มำกท่ีสุด

4 8) ไม่มีจำนวนเตม็ ที่นอ้ ยที่สุด 6. ครูควรช้ีใหน้ กั เรียนเห็นควำมแตกตำ่ งของจำนวนเตม็ ที่หลำกหลำยและสำมำรถเปรียบเทียบจำนวน เตม็ เหล่ำน้นั ไดโ้ ดยอำจเริ่มจำกกำรสนทนำเกี่ยวกบั จำนวนและกำรเปรียบเทียบจำนวนในชีวติ จริง และอำจใช้ คำถำมเพือ่ พฒั นำควำมรู้สึกเชิงจำนวนเกี่ยวกบั จำนวนเตม็ และกำรเปรียบเทียบจำนวนเตม็ เช่น ✤ กำรเปรียบเทียบรำคำสินคำ้ ชนิดเดียวกนั จำกร้ำนตำ่ ง ๆ เพือ่ ใชป้ ระกอบกำรตดั สินใจ ✤ กำรเปรียบเทียบอุณหภูมิของอำกำศในประเทศต่ำงๆ เพอื่ เตรียมควำมพร้อมในกำรเดินทำง จำกน้นั ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบจำนวนเตม็ โดยใชเ้ ส้นจำนวน เพ่ือฝึกกำรนึกภำพเกี่ยวกบั ตำแหน่งของจำนวน เตม็ ต่ำง ๆ บนเส้นจำนวน ซ่ึงเป็นวธิ ีท่ีง่ำยในกำรเปรียบเทียบจำนวนเตม็ และเพอื่ นำไปสู่กำรสรุปหลกั กำร เปรียบเทียบจำนวนเตม็ 7. ใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั 1.1 ชวั่ โมงที่2 1. ครูสนทนำพูดคุยและใหน้ กั เรียนยกตวั อยำ่ งของจำนวนท่ีเป็นจำนวนเตม็ และจำนวนท่ีไม่ใช่จำนวน เตม็ เช่น จำนวนท่ีเป็ นจำนวนเตม็ คือ 0, 1, 2, 3, ... จำนวนที่ไมเ่ ป็ นจำนวนเตม็ คือ , , 0.5, 0.89 ... 2. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั อภิปรำยถึงจำนวนเตม็ ที่นกั เรียนรู้จกั วำ่ มีกี่ประเภทอะไรบำ้ ง 3. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุปเก่ียวกบั จำนวนเตม็ วำ่ มีท้งั หมด 3 ประเภท คือ จำนวนเตม็ บวก จำนวน เตม็ ลบ และจำนวนเตม็ ศูนย์ 4. ครูอำจใช“้ กิจกรรมเสนอแนะ 1.1 : กรรมกำรอ่ำนผลกอลฟ์ ” เพอื่ ใหน้ กั เรียนไดเ้ ห็นสถำนกำรณ์ที่ ใชจ้ ำนวนเตม็ บวกจำนวนเต็มลบ และศูนยใ์ นชีวิตจริง สำหรับตอนท่ี2 ของใบกิจกรรมเป็นกำรฝึกหำจำนวน เตม็ แบบง่ำย ๆ ท่ีไม่ใชก้ ำรคำนวณ แต่อำจใชก้ ำรนบั บนเส้นจำนวน

5 5. ครูควรเนน้ ย้ำใหน้ กั เรียนเขำ้ ใจวำ่ จำนวนเตม็ ลบที่มีคำ่ สัมบูรณ์มำกกวำ่ จะนอ้ ยกวำ่ จำนวนเตม็ ลบ ที่มีคำ่ สมั บูรณ์นอ้ ยกวำ่ เช่น -8 นอ้ ยกวำ่ -3 โดยอำจพิจำรณำจำกตำแหน่งของจำนวนเตม็ บนเส้นจำนวนหรือ สถำนกำรณ์ในชีวติ จริงประกอบ 6. ใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั 1.1 9.ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบฝึกหดั 1.1 2. แบบทดสอบก่อนเรียน 10. ภาระงาน/ชิ้นงาน แบบฝึกหดั 1.1 11.การวดั และการประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์ 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. ตรวจแบบฝึกหดั 1.1 2. แบบฝึกหดั 1.1 1. ผำ่ นเกณฑร์ ้อยละ 50 ข้ึนไป 3. สงั เกตจำกควำมสนใจ ต้งั ใจใน 3. แบบสังเกต/ประเมินพฤติกรรม 2. ผำ่ นเกณฑร์ ้อยละ 50 ข้ึนไป กำรเรียน ควำมรับผดิ ชอบในกำร 3. ถือเกณฑผ์ ำ่ นจำกกำรสังเกต ทำแบบฝึกทกั ษะและ พฤติกรรมสำหรับผทู้ ่ีไดร้ ะดบั แบบทดสอบก่อนเรียน คุณภำพต้งั แต่ 1 ข้ึนไป ควำมคิดเห็น …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………

6 บนั ทกึ ผลหลงั การสอน บนั ทึกหลงั กำรจดั กำรเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………. ปัญหำ/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………. แนวทำงแกไ้ ขปัญหำ/ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ ภทั รำพร คงยอด ครูผสู้ อน (นำงสำวภทั รำพร คงยอด)

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 ภำคเรียนท่ี 1 ปี กำรศึกษำ 2564 จำนวน 1.5 หน่วยกิต รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ 1 รหสั วชิ ำ ค21101 จำนวน 17 ชวั่ โมง จำนวน 3 ชวั่ โมง หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 1 จำนวนเตม็ เร่ือง กำรบวกจำนวนเตม็ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั สำระ จำนวนและพชี คณิต มำตรฐำน ค 1.1 เขำ้ ใจควำมหลำกหลำยของกำรแสดงจำนวน ระบบจำนวน กำรดำเนินกำรของจำนวน ผลที่เกิดข้ึนจำกกำรดำเนินกำรสมบตั ิของกำรดำเนินกำรและนำไปใช้ ตวั ช้ีวดั ค 1.1 ม.1/1 เขำ้ ใจจำนวนตรรกยะและควำมสมั พนั ธ์ของจำนวนตรรกยะและใชส้ มบตั ิของจำนวน ตรรกยะในกำรแกป้ ัญหำคณิตศำสตร์และปัญหำในชีวติ จริง ค 1.1 ม.1/2 เขำ้ ใจและใชส้ มบตั ิของเลขยกกำลงั ที่มีเลขช้ีกำลงั เป็นจำนวนเตม็ บวกในกำรแกป้ ัญหำ คณิตศำสตร์และปัญหำในชีวติ จริง 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด จำนวนเตม็ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ จำนวนเตม็ บวก ศนู ยแ์ ละจำนวนเตม็ ลบ ซ่ึงจำนวนเตม็ บวก

8 หรือจำนวนนบั ไดแ้ ก่1, 2, 3 ….. ศนู ย์ ไดแ้ ก่ 0 และจำนวนเตม็ ลบไดแ้ ก่ - 1, - 2, -3 …… 3.จุดประสงค์การเรียนรู้ ดำ้ นควำมรู้ (K) หำผลบวกของจำนวนเตม็ ท่ีกำหนดให้ ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำร (P) ตระหนกั ถึงควำมสมเหตุสมผลของผลลบของจำนวนเตม็ ท่ีได้ ดำ้ นคุณลกั ษณะ(A) ทำงำนเป็นระเบียบเรียบร้อย รอบคอบ และมีควำมเช่ือมนั่ ในตนเอง 4.สาระการเรียนรู้ กำรลบจำนวนเตม็ 5.สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ควำมสำมำรถในกำรคิด 2. ควำมสำมำรถในกำรเชื่อมโยง 3. ควำมสำมำรถในกำรใหเ้ หตุผล 4. ควำมสำมำรถในกำรคิดสร้ำงสรรค์ 5. ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร 6.คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ซ่ือสตั ยส์ ุจริต 2. มีวนิ ยั

9 3. ใฝ่ เรียนรู้ 4. มุ่งมน่ั ในกำรทำงำน 7.ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ -กำรส่ือสำรและกำรสื่อควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ 8.กระบวนการจดั การเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 1. ครูสนทนำทบทวนเร่ืองกำรบวกจำนวนนบั เพ่อื ทบสอบควำมเขำ้ ใจเร่ืองกำรบวกจำนวนนบั 2. ครูอธิบำยเรื่อง กำรบวกจำนวนเตม็ บวกดว้ ยจำนวนเตม็ บวก ทำไดเ้ ช่นเดียวกบั กำรบวกจำนวน นบั ดว้ ยจำนวนนบั ซ่ึงสำมำรถใชเ้ สน้ จำนวนแสดงกำรหำผลบวกโดยวิธีกำรนบั ต่อไปทำงขวำและยกตวั อยำ่ งบนกระดำ น จงหำผลบวก 4 + 2 วธิ ีทำ เร่ิมตน้ ที่ 0 แลว้ นบั ไปทำงขวำถึง 4 และเม่ือบวกดว้ ย 2 ใหน้ บั ต่อไปทำงขวำอีก 2 หน่วย ซ่ึงจะไปสิ้นสุดท่ี 6 ดงั น้นั 4 + 2 = 6 3. ครูอำจยกตวั อยำ่ งหลำยๆตวั อยำ่ งเพือ่ ใหน้ กั เรียนเขำ้ ใจมำกยงิ่ ข้ึน 4. ครูอธิบำยเรื่อง กำรบวกจำนวนเตม็ ลบดว้ ยจำนวนเตม็ ลบ สำมำรถใชเ้ สน้ จำนวนแสดงกำรหำ ผลบวกโดยวธิ ีกำรนบั ต่อไปทำงซำ้ ยและยกตวั อยำ่ งบนกระดำน จงหำผลบวก (-4) +(-2) เร่ิมตน้ ที่0 แลว้ นบั ไปทำงซำ้ ยถึง -4 และเม่ือบวกดว้ ย -2 ใหน้ บั ต่อไปทำงซำ้ ยอีก 2 หน่วย ซ่ึงจะ

10 ไป สิ้นสุดท่ี -6 ดงั น้นั (-4) +(-2) = -6 5. ครูอำจยกตวั อยำ่ งหลำยๆตวั อยำ่ งเพ่อื ใหน้ กั เรียนเขำ้ ใจมำกยง่ิ ข้ึน ชว่ั โมงท่ี2 1. ครูสนทนำทบทวนควำมรู้เดิมเรื่องกำรบวกจำนวนเตม็ บวกกบั จำนวนเตม็ บวกและกำรบวกจำนวนเ ตม็ ลบดว้ ยจำนวนเตม็ ลบ 2. ครูอธิบำยเรื่อง กำรบวกกนั ของจำนวนเตม็ บวกกบั จำนวนเตม็ ลบ สำมำรถใชเ้ สน้ จำนวนแสดงกำรหำผลบวก โดยใชก้ ำรนบั แบบยอ้ นทิศทำงกนั และยกตวั อยำ่ งบนกระดำนจงหำผลบวก 4 + (-6) วธิ ีทำ เริ่มตน้ ท่ี0 แลว้ นบั ไปทำงขวำถึง 4 และเม่ือบวกดว้ ย -6 ใหน้ บั ไปทำงซำ้ ย 6 หน่วย ซ่ึงจะไป สิ้นสุดท่ี -2 ชว่ั โมงที่3 1. ครูควรจดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนไดเ้ ขำ้ ใจเกี่ยวกบั กำรบวกจำนวนเตม็ ชนิดเดียวกนั โดยใชเ้ สน้ จำนวนเพือ่ ใหเ้ ห็นกำรเพิ่มข้ึนหรือลดลงของผลลพั ธท์ ่ีไดต้ ำมกำรบวกจำนวนเตม็ บวกกบั จำนวนเตม็ บวก หรือกำรบวกจำนวนเตม็ ลบกบั จำนวนเตม็ ลบในกำรนำเขำ้ สู่เรื่องกำรบวกจำนวนเตม็ ที่ต่ำงชนิดกนั โ ดยใชเ้ ส้นจำนวน ครูอำจใช“้ กิจกรรม : กำรบวกของชำวจีน” ซ่ึงนกั เรียนจะไดเ้ ห็นกำรบวกระหวำ่ งจำนวนเตม็ บวกและจำนวนเตม็ ลบจำกกำรลงมือปฏิบตั ิเพือ่ ให้ นกั เรียนไดเ้ ห็นแนวคิดและเขำ้ ใจควำมหมำยของกำรบวกจำนวนเตม็ ท่ีต่ำงชนิดกนั

11 2. ครูควรจดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนไดเ้ ขำ้ ใจเกี่ยวกบั ค่ำสมั บูรณ์ของจำนวนเตม็ ท้งั จำนวนเตม็ บวก และจำนวนเตม็ ลบเพ่อื นำมำใชใ้ นกำรคำนวณหำผลบวกของจำนวนเตม็ โดยใหน้ กั เรียนไดฝ้ ึ กสังเกตค่ำสมั บูรณ์ของจำนวนเตม็ หลำย ๆ จำนวน จำกเส้นจำนวน สำหรับบทน้ียงั ไม่เนน้ กำรเรียนรู้บทนิยำมของค่ำสัมบูรณ์ดงั น้นั กำรนำสัญลกั ษณ์มำใชแ้ ทนค่ำสมั บู รณ์ใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของครู 3. ครูควรยกตวั อยำ่ งกำรบวกกนั ของจำนวนเตม็ ชนิดต่ำง ๆ โดยใชค้ ่ำสัมบูรณ์และเช่ือมโยงใหน้ กั เรียนเห็นถึงควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งกำรใชเ้ สน้ จำนวนและกำรใ ชค้ ่ำสัมบูรณ์ในกำรหำผลบวก เพอ่ื นำไปสู่ขอ้ สรุปของหลกั เกณฑก์ ำรบวกของจำนวนเตม็ ท้งั ที่เป็นชนิดเดียวกนั และต่ำงชนิดกนั ท้งั น้ีครูอำจใช“้ กิจกรรมเสนอแนะ 1.2 : เส้นทำงกำรบวก” เพื่อพฒั นำควำมรู้สึกเชิงจำนวนและฝึกทกั ษะกำรบวกจำนวนเตม็ 4. ครูควรใหน้ กั เรียนสังเกตผลบวกที่ไดจ้ ำกกำรบวกจำนวนเตม็ ต่ำงชนิดกนั ทีละคู่แลว้ ใชค้ ำถำมให้ นกั เรียนไดข้ อ้ สรุปผลบวกที่เกิดจำกจำนวนเตม็ ต่ำงชนิดกนั จะเป็นจำนวนชนิดเดียวกบั จำนวนท่ีมีค่ำสัมบูรณ์มำกกวำ่ เพ่ือใหน้ กั เรียนไดต้ ระหนกั ถึงควำมสมเหตุสมผลของคำตอบที่ไดจ้ ำกกำรบวกจำนวนเตม็ เม่ือนกั เรียนตอ้ งแกป้ ัญหำดว้ ยตนเอง 5. ใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั 1.2 9.ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ - แบบฝึกหดั 1.2 -.ใบควำมรู้ -แบบฝึกเสริมทกั ษะ 10. ภาระงาน/ชิ้นงาน

12 - แบบฝึกหดั 1.2 -แบบฝึกเสริมทกั ษะ 11.การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์ 1. ตรวจแบบฝึกหดั 1.2 1. แบบฝึกหดั 1.2 1. ผำ่ นเกณฑร์ ้อยละ 50 2. สงั เกตจำกควำมสนใจ 2. ข้ึนไป ต้งั ใจในกำรเรียน แบบสังเกต/ประเมินพฤติก 2. ควำมรับผดิ ชอบในกำรทำแบบฝึกทกั ษ รรม ถือเกณฑผ์ ำ่ นจำกกำรสังเ ะและ กต แบบทดสอบก่อนเรียน พฤติกรรมสำหรับผทู้ ่ีไดร้ ะดบั คุณภำพต้งั แต่ 1 ข้ึนไป ความคดิ เห็น ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… บนั ทึกผลหลงั กำรสอน บนั ทึกหลงั กำรจดั กำรเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ปัญหำ/อุปสรรค

13 ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………. แนวทำงแกไ้ ขปัญหำ/ขอ้ เสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อภทั รำพร คงยอด (นำงสำวภทั รำพร คงยอด) ครูผสู้ อน

14 แบบฝึ กหดั คำช้ีแจง จงหำคำตอบในแต่ละขอ้ ต่อไปน้ี 1.จงหำค่ำ 1) (-10) + (-8) = .......................................... 6) [(-6) + (-1)] + (-3) = ......................................... 2) (-8) + (-10) = .......................................... 7) (-200) + (-80) + (-5) = ............................…...... 3) (-6) + (-3) + (-1) = .................……......... 8) [(-200) + (-80)] + (-5) = ...........................….... 4) [(-6) + (-3)] + (-1) = .....................……. 9) (-200) + [(-80) + (-5)] = ..............................…. 5) (-6) + [(-3) + (-1)] = ....................…….. 10) [(-200) + (-5)] + (-80) = ..............................…. 2. จงหำค่ำ 1) (-4) + (-2) = ....………………………………………………………….……................................ 2) (-2) + (-4) = .......………………………………..............................………………….…….…….. 3) (-10) + (-7) = ........……………………………...............................………………………….…… 4) (-7) + (-10) = ......……………………………………………………….……................................ 5) [(-8) + (-3)] + (-6) = .........................................................................................................................

15 6) (-8) + [(-3) + (-6)] = .....…………………………………….………...............................………… 7) [(-32) + (-17)] + (-23) = ......…………………………………..……................................…..……. 8) (-32) + [(-17) + (-23)] = ......……………………………………..................................……..……. 9) (-45) + [(-55) + (-28)] + (-72) = ......………………………………..................................……....... 10) [(-45) + (-55)] + [(-28) + (-72)] = .................................................................................................... 3.จงเติมจำนวนลงในช่องวำ่ งใหถ้ ูกตอ้ ง 1) 7 + 3 =.............................................................................................................................................. 2) 7 + (-3) =..........................................................................................................................................

16 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณติศำสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปี ท่ี 1 รหสั วชิ ำ ค22101 รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน หน่วยกำรเรียนรู้เร่ือง อตั รำส่วน เวลำเรียน 18 ชวั่ โมง สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ค 1.1 : เขำ้ ใจถึงควำมหลำกหลำยของกำรแสดงจำนวนและกำรใชจ้ ำนวนในชีวติ จริง ม.1/4 : ใชค้ วำมรู้เกี่ยวกบั อตั รำส่วน สดั ส่วน และร้อยละในกำรแกโ้ จทยป์ ัญหำ สาระสาคญั สัดส่วน คือ ประโยคที่แสดงกำรเท่ำกนั ของอตั รำส่วนสองอตั รำส่วน กำรแกโ้ จทยป์ ัญหำเก่ียวกบั สดั ส่วน มีหลกั กำร ไดแ้ ก่ 1) สมมติตวั แปรแทนจำนวนท่ีตอ้ งกำรหำ 2) เขียนสดั ส่วนแสดงกำรเท่ำกนั ของอตั รำส่วนท่ีกำหนดใหส้ องอตั รำส่วน โดยให้ ลำดบั ของสิ่งท่ีเปรียบเทียบกนั ในแต่ละอตรั ำส่วนเป็นลำดบั เดียวกนั 3) หำค่ำตวั แปรที่ตอ้ งกำรโดยใชส้ มบตั ิของสดั ส่วนสำระกำรเรียนรู้ 1. กำรหำจำนวนท่ีแทนดว้ ยตวั แปรในสดั ส่วน 2. กำรแกโ้ จทยป์ ัญหำโดยใชส้ ัดส่วน จุดประสงค์การเรียนรู้

17 1. สำมำรถหำจำนวนท่ีแทนดว้ ยตวั แปรในสดั ส่วนท่ีกำหนดใหไ้ ด้ 2. สำมำรถแกโ้ จทยป์ ัญหำโดยใชส้ ดั ส่วนได้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีควำมต้งั ใจ 2. มีควำมรับผดิ ชอบ 3. มีควำมตรงต่อเวลำ ข้นั สอน 3. ครูแจกแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ เล่มท่ี 4 เรื่อง สัดส่วน คนละ 1 เล่ม 4. ครูอธิบำยวธิ ีกำรใชแ้ บบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ เล่มที่ 4 เรื่อง สัดส่วน โดยละเอียดจนกวำ่ นกั เรียนจะเขำ้ ใจ 5. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้จำกแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ เล่มที่ 4 เรื่อง สัดส่วน 6. นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 10ขอ้ จำกแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ เล่มท่ี 4 เร่ือง สดั ส่วน นกั เรียนตรวจคำตอบกบั เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน และบนั ทึกคะแนนทดสอบก่อน เรียน 7. นกั เรียนศึกษำใบควำมรู้ จำก แบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ เล่มท่ี 4 เร่ือง สดั ส่วน ข้นั ฝึ กทกั ษะ 8. นกั เรียนทำแบบฝึกทกั ษะที่ 1 และตรวจคำตอบกบั เฉลย 9. เมื่อตรวจคำตอบเสร็จแลว้ หำกนกั เรียนคนใดไม่เขำ้ ใจใหค้ รูหรือเพอื่ นนกั เรียนที่เขำ้ ใจ ช่วยอธิบำยใหฟ้ ัง

18 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1.แบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ เรื่อง สดั ส่วน การวดั และประเมนิ ผล 1. วธิ ีกำรวดั ผล 1.1 กำรทำแบบทดสอบก่อนเรียน 1.2 กำรทำแบบฝึ กทกั ษะ 1.3 กำรสังเกตพฤติกรรม 2. เครื่องมือวดั ผลและประเมินผล 2.1 แบบทดสอบก่อนเรียน 2.2 แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ 2.3 แบบสังเกตพฤติกรรม เกณฑ์การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. นกั เรียนทำแบบทดสอบผำ่ นร้อยละ 80 2. นกั เรียนทำแบบฝึกผำ่ นร้อยละ 80 3. นกั เรียนไดร้ ับกำรประเมินจำกกำรสังเกตพฤติกรรม ผำ่ นร้อยละ 80 บนั ทกึ ผลหลงั การสอน บนั ทึกหลงั กำรจดั กำรเรียนรู้ ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

19 ปัญหำ/อุปสรรค ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. แนวทำงแกไ้ ขปัญหำ/ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ลงชื่อภทั รำพร คงยอด ครูผสู้ อน (นำงสำวภทั รำพร คงยอด)

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 20 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ รหสั วชิ ำ (ค 31101) ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 1 หน่วยกำรเรียนรู้เร่ือง ภำพของรูปเรขำคณิตสำมมิติ รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์พ้ืนฐำน เวลำเรียน 4 ชว่ั โมง สาระสาคญั รูปเรขำคณิตหน่ึงมิติใชแ้ สดงควำมยำว รูปเรขำคณิตสองมิติมีควำมกวำ้ ง ควำมยำว ใชแ้ สดงขนำด และรูปเรขำคณิตสำมมิติใชแ้ สดงรูปร่ำง เรำสำมำรถนำควำมรู้เร่ืองรูปเรขำคณิตสองมิติและสำมมิติไปใชใ้ นกำรศึกษำควำมสัมพนั ธ์ในกำรส ร้ำงสิ่งต่ำงๆ ท่ีเกิดจำก รูปเรขำคณิตสองมิติกบั รูปเรขำคณิตสำมมิติได้ จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ 1. บอกควำมหมำยของรูปเรขำคณิตสองมิติและสำมมิติได้ 2. ระบุหรือยกตวั อยำ่ งรูปเรขำคณิต สองมิติและสำมมิติได้ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ 1. กำรใหเ้ หตุผล 2. กำรส่ือสำร ส่ือควำมหมำย และกำรนำเสนอ 3. กำรเช่ือมโยง 4. ควำมคิดริเริ่มสร้ำงสรรค์

21 ด้านคุณลกั ษณะ 1. มีควำมรับผดิ ชอบ 2. มคี วำมรอบคอบ 3. มีวจิ ำรณญำณ สาระการเรียนรู้ – ภำพของรูปเรขำคณิตสำมมิติ – กำรคล่ีของรูปเรขำคณิตสำมมิติ กจิ กรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 1.ทบทวนเรื่อง รูปเรขำคณิต โดยใหน้ กั เรียนอธิบำยและยกตวั อยำ่ งเกี่ยวกบั จุด เสน้ ตรง รังสี มุมต่ำงๆ รูปสำมเหลี่ยม รูปส่ีเหล่ียม พรี ะมิด ลูกบำศก์ ปริซึม ทรงกลม ทรงกระบอก 2. ครูต้งั คำถำมใหน้ กั เรียนร่วมกนั พจิ ำรณำและแสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกบั รูปเรขำคณิตที่เป็นมิติ ดงั น้ี 1) นกั เรียนคิดวำ่ รูปเรขำคณิตท่ีนกั เรียนทรำบจำแนกตำมมิติไดก้ ่ีมิติ อะไรบำ้ ง (สำมมิติ/รูปเรขำคณิตหน่ึงมิติ รูปเรขำคณิตสองมิติ และรูปเรขำคณิตสำมมิติ) 2) รูปเรขำคณิตหน่ึงมิติ ไดแ้ ก่ อะไรบำ้ ง (เช่น จุด เส้นตรง เป็นตน้ ) 3) รูปเรขำคณิตหน่ึงมิติ ใชแ้ สดงสิ่งใดบำ้ ง (ควำมยำว ตำแหน่ง) 4) รูปเรขำคณิตสองมิติ ไดแ้ ก่อะไรบำ้ ง (เช่น รูปสำมเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม รูปวงรี เป็นตน้ )

22 5) รูปเรขำคณิตสองมิติ ใชแ้ สดงสิ่งใด (ควำมกวำ้ ง ควำมยำว หรือขนำด) 6) รูปเรขำคณิตสำมมิติ ไดแ้ ก่อะไรบำ้ ง (เช่น ปริซึม พรี ะมิด ทรงกลม เป็นตน้ ) 7) รูปเรขำคณิตสำมมิติ ใชแ้ สดง ส่ิงใดบำ้ ง (ควำมกวำ้ ง ควำมยำว ควำมสูง หรือแสดงรูปร่ำง) 3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรำยและสรุปเก่ียวกบั ลกั ษณะของรูปเรขำคณิตท้งั สำมมิติ โดยอำ้ งอิงจำกคำตอบขำ้ งตน้ และควำมรู้เดิมที่เคยเรียนมำ ดงั น้ี รูปเรขำคณิตหน่ึงมิติ ใชแ้ สดงควำมยำว ตำแหน่ง รูปเรขำคณิตสองมิติ มีควำมกวำ้ ง ควำมยำว ใชแ้ สดงขนำด รูปเรขำคณิตสำมมิติ ใชแ้ สดงรูปร่ำง 4. ใหน้ กั เรียนแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน แต่ละกลุ่มยกตวั อยำ่ งเก่ียวกบั รูปเรขำคณิตท้งั หน่ึงมิติ สองมิติ และสำมมิติ ท่ีนกั เรียนพบเห็นในชีวติ ประจำวนั ของนกั เรียนใหไ้ ดม้ ำกท่ีสุด ในเวลำ 5 นำที จำกน้นั แต่ละกลุ่มนำเสนอผลงำนหนำ้ ช้นั เรียน โดยครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง ชว่ั โมงที่ 2 นกั เรียนทบทวนเร่ือง รูปเรขำคณิตสองมิติและสำมมิติ โดยครูคดั เลือกผแู้ ทนนกั เรียน 4-5 คนยกตวั อยำ่ งรูปเรขำคณิตสองมิติและสำมมิติมำคนละ 1-2 ตวั อยำ่ ง โดยครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง 2. ใหน้ กั เรียนพจิ ำรณำควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งรูปเรขำคณิตสองมิติกบั รูปเรขำคณิตสำมมิติ โดยครูทำ กิจกรรมและต้งั คำถำมกระตุน้ ควำมคดิ ของนกั เรียน ดงั น้ี พิจำรณำกิจกรรมต่อไปนี ข้นั ที่ 1 ครูใหน้ กั เรียนพิจำรณำกระดำษขนำด A4 หน่ึงแผน่ วำ่ เป็นรูปเรขำคณิตแบบใด ข้นั ท่ี 2 ครูนำกระดำษขนำด A4 หลำยๆ แผน่ (อำจใชม้ ำกกวำ่ 100 แผน่ เพอื่ ใหเ้ ห็นจริง) มำวำงซอ้ นทบั กนั แลว้ ใหน้ กั เรียนพิจำรณำรูปเรขำคณิตที่เกิดข้ึนเป็นรูปเรขำคณิตแบบใด

23 1) กระดำษ A4 หน่ึงแผน่ เป็นลกั ษณะของรูปเรขำคณิตแบบใด (รูปเรขำคณิตสองมิติ) 2) จำกกำรนำแผน่ กระดำษรูปเรขำคณิตสองมิติมำซอ้ นกนั และใหท้ บั กนั สนิทจำนวนหลำยๆ แผน่ นกั เรียนสังเกตเห็นไดเ้ ป็นรูป เรขำคณิตก่ีมิติ และมีลกั ษณะเป็นอยำ่ งไร (รูปเรขำคณิตสำมมิติที่เป็นปริซึมฐำนสี่เหล่ียม) 3) ถำ้ นำแผน่ กระดำษรูปเรขำคณิต สองมิติ รูปสำมเหลี่ยม หรือรูปวงกลม มำซอ้ นกนั แลว้ ใหท้ บั กนั สนิท จำนวนหลำยๆ แผน่ นกั เรียนคิดวำ่ จะเกิดเป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติที่มีลกั ษณะเป็นอยำ่ งไร (แผน่ กระดำษรูปเรขำคณิตสองมิติรูปสำมเหล่ียม เมื่อนำมำซอ้ นกนั และใหท้ บั กนั สนิท จำนวนหลำยๆแผน่ จะไดเ้ ป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติที่เป็นปริซึมฐำนสำมเหล่ียม ส่วนแผน่ กระดำษรูป เรขำคณิตสองมิติรูปวงกลม เม่ือนำมำซอ้ นกนั และใหท้ บั กนั สนิท จำนวนหลำยๆ แผน่ จะไดเ้ ป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติท่ีเป็นทรงกระบอก) 4) นกั เรียนคิดวำ่ รูปเรขำคณิตสองมิติกบั รูปเรขำคณิตสำมมิติมีลกั ษณะแตกต่ำงกนั อยำ่ งไร (รูปเรขำคณิตสองมิติสำมำรถมองเห็นไดเ้ ฉพำะควำมกวำ้ งกบั ควำมยำวเท่ำน้นั ส่วนรูปเรขำคณิตสำมมิติสำมำรถมองเห็นถึงควำมกวำ้ ง ควำมยำว ควำมสูง ควำมลึก หรือควำมหนำได)้ 3. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรำยและสรุปเก่ียวกบั ควำมสัมพนั ธข์ องรูปเรขำคณิตสองมิติและรูปเรขำคณิ ตสำมมิติ โดยเช่ือมโยงกบั กิจกรรมและคำตอบจำกคำถำม ขำ้ งตน้ ดงั น้ี รูปเรขำคณิตสำมมิติ เกิดจำกกำรซอ้ นทบั กนั ของรูปเรขำคณิตสองมิติหลำยๆ รูป

24 4. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มคิดพิจำรณำส่ิงของในชีวติ ประจำวนั หรือส่ิงต่ำงๆ ท่ีนกั เรียนพบเห็นท่ีเป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติใดบำ้ งที่เกิดจำกรูปเรขำคณิตสองมิติ และรูปเรขำคณิตสองมิติแบบใด กลุ่มละ 3-5 อยำ่ ง จำกน้นั ใหส้ ่งผแู้ ทนกลุ่มแต่ละ กลุ่มมำนำเสนอหนำ้ ช้นั เรียน พร้อมท้งั อธิบำยเหตุผลประกอบเพ่อื ใหเ้ ห็นภำพจริงจนครบทุกกลุ่ม โดยครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง 5. ใหน้ กั เรียนทำใบกิจกรรมท่ี 17.1 เรื่องภำพของรูปเรขำคณิตสำมมิติ ชว่ั โมงที่ 3 1. ครูนำรูปเรขำคณิตสำมมิติ เช่น ลูกบำศกม์ ำวำงท่ีโต๊ะหนำ้ ช้นั เรียน ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงควำมคิดเห็นวำ่ ถำ้ ครูคลี่ลกู บำศกอ์ อกจะเป็นอยำ่ งไร จำกน้นั ครูคล่ีลูกบำศกอ์ อก แลว้ ต้งั คำถำมกระตุน้ ใหน้ กั เรียน ร่วมกนั แสดงควำมคิดเห็น ดงั น้ี พจิ ำรณำควำมสัมพนั ธข์ องรูปเรขำคณิตต่อไปน้ี 1) รูปท่ีเกิดจำกกำรคล่ีกล่องลูกบำศกท์ ่ีเป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติออกเป็นภำพอะไร (เป็ นภำพรู ปเรขำคณิตสองมิติ) 2) นกั เรียนคิดวำ่ ส่ิงของท่ีนกั เรียนเคยพบเห็นในชีวติ ประจำวนั สิ่งใดที่สำมำรถ คลี่ออกแลว้ เป็นรูปเรขำคณิตสองมิติ (เช่น กล่องของเล่น แกนกระดำษทิชชู เป็นตน้ ) 2. ใหน้ กั เรียนศึกษำใบควำมรู้เรื่องกำรคลี่ของรูปเรขำคณิตสำมมิติ 3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรำยและสรุปเกี่ยวกบั ควำมสมั พนั ธ์ของรูปเรขำคณิตสำมมิติกบั รูปเรขำค ณิตสองมิติ โดยกำรคลี่รูปเรขำคณิตสำมมิติ ดงั น้ี รูปเรขำคณิตสำมมิติ เม่ือคลี่รูปออกแลว้ จะไดเ้ ป็นภำพของรูปเรขำคณิตสองมิติ

25 4. ใหน้ กั เรียนยกตวั อยำ่ งสิ่งของท่ีเป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติ พร้อมท้งั วำดภำพประกอบกำรคลี่รูปเรขำคณิตสำมมิติออกเป็นรูปเรขำคณิตสองมิติ โดยครูตรวจสอบควำมถูกตอ้ งและอธิบำยเพิ่มเติม 5. ใหน้ กั เรียนทำแบบฝึ กหดั จำกใบกิจกรรมที่ 17.2 เพอื่ ตรวจสอบควำมเขำ้ ใจ 6. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4 คน และใหแ้ ต่ละกลุ่มเตรียมกระดำษสี กรรไกร กำวมำใชใ้ นชว่ั โมงต่อไป ชว่ั โมงท่ี 4 1. ใหน้ กั เรียนเขำ้ กลุ่มตำมที่ไดแ้ บ่งไวเ้ มื่อชว่ั โมท่ีแลว้ 2. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มตดั กระดำษที่เตรียมมำและประดิษฐเ์ ป็นรูปทรงเรขำคณิตแบบต่ำง ๆ ตำมควำมสนใจ 3. ถำ้ นกั เรียนทำไม่เสร็จในเวลำเรียนใหน้ ำกลบั ไปทำต่อที่บำ้ นและนำมำส่งในชวั่ โมงต่อไป สื่อการเรียนรู้ 1. ใบควำมรู้ เรื่องกำรคลี่ของรูปเรขำคณิตสำมมิติ 2. ใบกิจกรรมท่ี เรื่องภำพของรูปเรขำคณิตสำมมิติ 3. ใบกิจกรรมที่ เร่ืองกำรคล่ีของรูปเรขำคณิตสำมมิติ 4. รูปทรงเรขำคณิตแบบต่ำง ๆ 5. กระดำษสี กรรไกร กำว

26 การวดั ผลและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. สังเกตจำกกำรทำใบกิจกรรม 2. จำกกำรตรวจใบกิจกรรม 3. จำกชิ้นงำน บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………….…………………………………………………………………………… ช่ือ ภทั รำพร คงยอด ผสู้ อน (นำงสำวภทั รำพร คงยอด)

27 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ เร่ือง ควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งรูปเรขำคณิตสองมิติ กบั สำมมิติ รหสั ค 21102 ชื่อรำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปี ที่ 1 ภำคเรียนที่ 1 เวลำ 1 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ ค 3.1 อธิบำยและวเิ ครำะหร์ ูปเรขำคณิตสองมิติและสำมมิติ ตัวชี้วดั ค 3.1 ม.1/3 สืบเสำะ สังเกต และคำดกำรณ์เก่ียวกบั สมบตั ิทำงเรขำคณิต ค 3.1 ม.1/4 อธิบำยลกั ษณะของรูปเรขำคณิตสำมมิติจำกภำพที่กำหนดให้ มาตรฐานการเรียนรู้ ค 6.1 มีควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ กำรใหเ้ หตุผล กำรสื่อสำร กำรส่ือควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ และกำรนำเสนอ กำรเชื่อมโยงควำมรู้ต่ำง ๆ ทำงคณิตศำสตร์และเช่ือมโยง คณิตศำสตร์กบั ศำสตร์อ่ืน ๆ และมีควำมคิดสร้ำงสรรค์ ตวั ชี้วดั ค 6.1 ม.1/3 ใหเ้ หตุผลประกอบกำรตดั สินใจและสรุปผลไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม ค 6.1 ม.1/4 ใชภ้ ำษำและสญั ลกั ษณ์ทำงคณิตศำสตร์ในกำรส่ือสำร กำรส่ือควำมหมำย

28 และกำรนำเสนอไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ งและชดั เจน สาระสาคญั - รูปเรขำคณิตสองมิติแตกต่ำงจำกรูปเรขำคณิตสำมมิติตรงที่รูปเรขำคณิตสำมมิติมีควำมหนำ หรือควำมลึก แต่รูปเรขำคณิตสองมิติไม่มี - ภำพของรูปเรขำคณิตสองมิติท่ีเกิดจำกกำรคล่ีรูปเรขำคณิตสำมมิติ สาระการเรียนรู้ ดำ้ นควำมรู้ (K) 1. นกั เรียนสำมำรถอธิบำยถึงควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งรูปเรขำคณิตสองมิติ และสำมมิติได้ 2. นกั เรียนสำมำรถเขำ้ ใจภำพของรูปเรขำคณิตสองมิติท่ีเกิดจำกกำรคล่ีรูปเรขำคณิตสำมมิติ ดำ้ นทกั ษะ / กระบวนกำร (P) 1. ใหเ้ หตุผลประกอบกำรตดั สินใจและสรุปผลไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม 2. ใชภ้ ำษำและสัญลกั ษณ์ทำงคณิตศำสตร์ในกำรสื่อสำร กำรส่ือควำมหมำยและกำรนำเสนอไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ งและชดั เจน ดำ้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1. มีวนิ ยั (ทำสิ่งท่ีสำคญั ก่อน 2. ใฝ่ เรียนรู้ (ลบั เลื่อยใหค้ มอยเู่ สมอ) 3. มุ่งมน่ั ในกำรทำงำน (เร่ิมตน้ ดว้ ยจุดมุ่งหมำยในใจ) กำรประมวลผลรวบยอด ชิ้นงำนหรือภำระงำน

29 ชิ้นงำน เร่ือง รูปทรงเรขำคณิตสำมมิติและรูปคลี่ของรูปทรงเรขำคณิตสำมมิติกิจกรรมกำรเรียนรู้ ข้นั นำเขำ้ สู่บทเรียน 1. ครูสนทนำกบั นกั เรียนถึงเร่ืองรูปเรขำคณิตสองมิติ และสำมมิติท่ีไดเ้ รียนมำแลว้ ข้นั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 2. ครูสนทนำถึงลกั ษณะของรูปเรขำคณิตสำมมิติกบั ภำพสองมิติ เมื่อนำมำซอ้ นทบั กนั บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………….…………………………………………………………………………… ชื่อ ภทั รำพร คงยอด ผสู้ อน (นำงสำวภทั รำพร คงยอด)

30 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ รำยวชิ ำคณิตศำสตร์พ้นื ฐำน (ค 3110 ช้นั มธั ยมศกึ ษำปี ที่1 เรื่อง ภำพที่ไดจ้ ำกกำรมองทำงดำ้ นหนำ้ ดำ้ นขำ้ งและดำ้ นบนของรูปเรขำคณิตสำมมิติ จำนวน 2 ชวั่ โมง 1. สำระสำคญั รูปเรขำคณิตหน่ึงมิติใชแ้ สดงควำมยำวรูปเรขำคณิตสองมิติมีควำมกวำ้ ง ควำมยำว ใชแ้ สดงขนำด และรูปเรขำคณิตสำมมิติใชแ้ สดงรูปร่ำง เรำสำมำรถนำควำมรู้เรื่องรูปเรขำคณิตสองมิติและสำมมิติไปใชใ้ นกำรศกึ ษำควำมสัมพนั ธใ์ นกำรส ร้ำงสิ่งต่ำงๆ ท่ีเกิดจำก รูปเรขำคณิตสองมิติกบั รูปเรขำคณิตสำมมิติได้ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ ดำ้ นควำมรู้ ระบุภำพสองมิติที่ไดจ้ ำกกำรมองทำงดำ้ นหนำ้ ดำ้ นขำ้ ง หรือดำ้ นบนของรูปเรขำคณิตสำมมิติท่ีกำหนดใหไ้ ด้ ดำ้ นทกั ษะ/กระบวนกำร 1. กำรใหเ้ หตุผล 2. กำรส่ือสำร สื่อควำมหมำย และกำรนำเสนอ 3. กำรเช่ือมโยง 4. ควำมคิดริเร่ิมสร้ำงสรรค์

31 ดำ้ นคุณลกั ษณะ 1. มคี วำมรับผดิ ชอบ 2. มีควำมรอบคอบ 3. ทำงำนอยำ่ งเป็นระบบ 3. สำระกำรเรียนรู้ กำรอธิบำยภำพสองมิติที่ไดจ้ ำกกำรมองทำงดำ้ นหนำ้ ดำ้ นขำ้ ง หรือดำ้ นบนของรูปเรขำคณิตสำมมิติ 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 1. ใหน้ กั เรียนพจิ ำรณำมุมมองของรูปเรขำคณิตสำมมิติ โดยครูนำกล่องลูกบำศก์ 5 กล่อง มำวำงเรียงต่อกนั เป็นรูปเรขำคณิต สำมมิติ ดงั น้ีรูปเรขำคณิตสำมมิติจำกน้นั ใหน้ กั เรียนออกไปมองกล่อง ลูกบำศกท์ ี่ครูจดั เรียงไว้ โดยใหน้ กั เรียนแต่ละคนบนั ทึกผลจำกกำรมองในดำ้ นต่ำงๆ ของกล่องลูกบำศกท์ ี่จดั เรียงเป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติ ดงั น้ี 1) มองดำ้ นบนจะไดภ้ ำพลกั ษณะอยำ่ งไร 2) มองดำ้ นขำ้ งจะไดภ้ ำพลกั ษณะอยำ่ งไร 3) มองดำ้ นหนำ้ จะไดภ้ ำพลกั ษณะ อยำ่ งไร 2. ครูคดั เลือกผแู้ ทนนกั เรียน 5-7 คน ออกไปนำเสนอผลกำรบนั ทึกจำกกำรทำกิจกรรมขำ้ งตน้ โดยครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง

32 3. ครูกำหนดภำพสองมิติที่ไดจ้ ำกกำรมองดำ้ นบน ดำ้ นหนำ้ และดำ้ นขำ้ งขวำของรูปเรขำคณิตสำมมิติ ดงั น้ี – ใหน้ กั เรียนลองวำดภำพที่จะเกิดข้ึนเม่ือนำภำพสองมิติท้งั 3 ภำพ มำทำใหเ้ ป็นรูปเรขำคณิตสำมมิติจะไดร้ ูปลกั ษณะอยำ่ งไรบำ้ ง (ไดภ้ ำพสำมมิติ 1 แบบ) 4. ครูคดั เลือกผแู้ ทนนกั เรียน 5-7 คน ออกไปนำเสนอโดยกำรวำดภำพ โดยครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกตอ้ งจำกน้นั ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรำยและสรุปเ ก่ียวกบั มุมมองของรูปเรขำคณิตสำมมิติและกำรหำรูปร่ำงของรูปเรขำคณิตสำมมิติโดยอำ้ งอิงจำกกำ รทำกิจกรรมขำ้ งตน้ ดงั น้ี กำรหำรูปร่ำงที่ถูกตอ้ งของรูปเรขำคณิตสำมมิติ ควรมองรูปร่ำงของวตั ถุหลำยๆ มุมมอง เช่น ดำ้ นบน ดำ้ นขำ้ ง ดำ้ นหนำ้ มีลกั ษณะอยำ่ งไร และแยกภำพสองมิติท่ีถูกตอ้ งในแต่ละมุมมองจะทำใหไ้ ดส้ ัดส่วนและขนำดรูปเรขำคณิตสำมมิติที่ถู กตอ้ ง ซ่ึงสำมำรถเขียนรูปเรขำคณิตสำมมิติในสดั ส่วนที่ถูกตอ้ งได้ 5. ใหน้ กั เรียนทำใบกิจกรรมที่ 19.1 เรื่อง ภำพท่ีไดจ้ ำกกำรมองทำงดำ้ นหนำ้ ดำ้ นขำ้ งและดำ้ นบนของรูปเรขำคณิตสำมมิติ ชว่ั โมงที่ 2 1. ทบทวนมุมมองของรูปเรขำคณิตสำมมิติโดยใหน้ กั เรียนศกึ ษำใบควำมรู้ที่ 19.1 เร่ืองมุมมองของรูปเรขำคณิตสำมมิติ 2. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน แต่ละกลุ่มจะไดร้ ับลูกบำศก์ 6-7 อนั ใหป้ ระกอบลูกบำศกร์ ูปร่ำงต่ำงๆ และวำดภำพ สองมิติท่ีไดจ้ ำกกำรมองดำ้ นบน ดำ้ นขำ้ ง ดำ้ นหนำ้ จำกน้นั นำเสนอผลงำนหนำ้ ช้นั เรียน และร่วมกนั อภิปรำยเกี่ยวกบั ผลงำนของแต่ละกลุ่ม 3. ใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหดั

33 ส่ือการเรียนรู้ 1. ใบควำมรู้ท่ี เร่ืองมุมมองของรูปเรขำคณิตสำมมิติ 2. ใบกิจกรรมท่ีเร่ือง ภำพที่ไดจ้ ำกกำรมองทำงดำ้ นหนำ้ ดำ้ นขำ้ งและดำ้ นบนของรูปเรขำคณิตสำมมิติ การวดั ผลและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. สังเกตจำกกำรทำใบกิจกรรม 2. จำกกำรตรวจใบกิจกรรม บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ ภทั รำพร คงยอด ผสู้ อน (นำงสำวภทั รำพร คงยอด)

34