หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องที่ 6 การประเมนิ คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์(นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ ปราบ) 2. ปญั หา/อุปสรรค . เนอ่ื งด้วยสถานการณ์โควดิ - 19 ทาใหน้ ักเรยี นบางคนไมไ่ ด้เข้าเรียน แล้วไม่ติดตามชนิ้ งาน จึงเปน็ เหตุ ให้ผู้เรยี นไม่ผ่านตัวช้วี ัดตามท่ีกาหนด . . 3. แนวทางการแก้ไข . ดาเนินการแจง้ ครทู ี่ปรกึ ษาเบ้ืองต้น และร่วม PLC ครทู ี่สอนในระดบั ช้ันเดยี วกนั . .. ลงช่อื ……………………………………………………. (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) ครูผสู้ อน 4. ความเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ...................................................................................................................................................................... ...................... ............................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ .................................................... .................................................................................................................. .......................................................................... ลงช่ือ.……………………………………………………. (นายไพโรจน์ ขวญั คง) หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งท่ี 7 วิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณคด(ี นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) M แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย วิชา ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื ง ลิลติ ตะเลงพ่าย เวลา 18 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7 เร่ือง การวิเคราะห์วจิ ารณ์ เรื่องลิลติ ตะเลงพา่ ย เวลา 3 ช่ัวโมง ใช้สอนวันท่ี เดือน พ.ศ. โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จงั หวดั ยะลา สงั กดั สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษายะลา สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านอย่างพินิจคุณค่าทาให้ผู้อ่านตระหนักถึงความสาคัญและเห็นคุณค่าของวรรณคดีไทย และสามารถนาไป ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ ตัวชว้ี ดั /จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ตวั ชี้วัด ท 5.1 ม.4-6/1 วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณเ์ บ้ืองตน้ ม.4-6/2 วิเคราะห์ลักษณะเดน่ ของวรรณคดีเช่ือมโยงกบั การเรยี นรทู้ างประวัตศิ าสตรแ์ ละวถิ ีชวี ติ ของสงั คมในอดีต ม.4-6/3 วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ คุณค่าด้านวรรณศิลปข์ องวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะท่ีเป็น มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ม.4-6/4 สังเคราะหข์ ้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จริง ม.4-6/6 ทอ่ งจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองทีม่ คี ุณคา่ ตามความ สนใจและนาไปใชอ้ ้างอิง จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายคณุ ค่าของลิลิตตะเลงพา่ ยได้ (K2) 2. วเิ คราะห์วจิ ารณ์คุณค่าของลิลิตตะเลงพา่ ยได้ (P4) 3. เหน็ คุณค่าของวรรณคดีไทย และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ (A4) สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง • การประเมนิ คา่ วรรณคดี สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ - สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการสือ่ สาร
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย 2) ทักษะการคิดสรา้ งสรรค์ เร่อื งท่ี 7 วิเคราะหว์ ิจารณว์ รรณคด(ี นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 1) กระบวนการปฏิบตั ิ 2) กระบวนการทางานกล่มุ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 4. รักความเป็นไทย 1. มวี ินยั 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน กิจกรรมการเรียนรู้ วธิ ีสอนแบบระดมสมอง (Brainstorming) และเทคนคิ การสอนแบบร่วมมือ รว่ มกับแบบฝึก ช่ัวโมงท่ี 1 – 2 ขนั้ ท่ี 1 นาเขา้ สู่บทเรียน 1. ให้นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ “ถา้ ชาติไทยไร้เอกราช คนไทยจะเป็นเชน่ ใด” ขั้นที่ 2 สอน 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 5 กลุ่ม เท่า ๆ กัน เลือกประธาน เลขานุการ และส่งตัวตัวแทนกลุ่มมาจับฉลากหัวข้อ เพอ่ื แปลความ ตีความ และขยายความ เร่ืองลิลิตตะเลงพ่าย ดังน้ี 1.1 เพราะเหตุใดพระเจา้ กรุงหงสาวดีนนั ทบเุ รงจงึ โปรดใหพ้ ระมหาอุปราชายกทัพเข้ามาตีกรงุ ศรอี ยธุ ยา 1.2 พระมหาอปุ ราชาทรงรสู้ กึ อย่างไรในการยกทัพมาตีกรุงศรีอยธุ ยาในครงั้ นี้ 1.3 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเม่อื ทรงทราบขา่ วขา้ ศึกาพมา่ ยกทัพมาโจมตที รงตดั สินพระทยั อย่างไร 1.4 เม่ือช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถตกมัน วิ่งเตลิดเข้าไปในวงล้อม ของขา้ ศึก โดยไม่มกี องทพั ของพระองค์ไปดว้ ย ทรงแกป้ ญั หาอย่างไร แสดงให้เหน็ คุณลักษณะใดของพระองค์ 1.5 ผลของสงครามเปน็ อย่างไร 1.6 ข้อคิดที่นกั เรียนได้รบั จากการอา่ นลลิ ติ ตะเลงพ่าย 1.7 นักเรียนสามารถนาขอ้ คดิ ทไ่ี ด้รับจากการอ่านลลิ ิตตะเลงพ่ายไปใช้ประโยชนใ์ นการดาเนิชีวิตอย่างไร 2. ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอความคิดของกลุ่ม ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ครใู หค้ าแนะนาเพ่ิมเตมิ และเปดิ โอกาสใหเ้ พ่ือต่างกลมุ่ ซกั ถาม ขน้ั ท่ี 3 สรปุ ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปความรู้ ดงั นี้ ลิลิตตะเลงพ่ายแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ ความรับผิดชอบในหน้าที่ ความรักในผืน แผ่นดินเกิด ยอมเสียสละเลือดเนื้อและชีวิต เพ่ือปกป้องผืนแผ่นดินไทย ดังน้ันคนไทยทุกคนต้องช่วยกันรักษาและ ปกป้องชาตไิ ทยไว้ใหล้ ูกหลานต่อไป
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอื่ งท่ี 7 วิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณคด(ี นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) ชั่วโมงที่ 3 ขั้นท่ี 1 นาเขา้ สู่บทเรียน ครถู ามคาถามเพ่อื ทบทวนความรู้เดมิ เรื่อง วเิ คราะห์วจิ ารณ์วรรณคดเี ร่ืองลลิ ติ ตะเลงพา่ ย ขนั้ ท่ี 2 สอนและฝึกทักษะ 1. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดังน้ี - ลิลิตตะเลงพ่ายเป็นวรรณคดียอพระเกียรติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท่ีทาให้คนไทยรู้สึกภาคภูมิใจ ในบรรพบุรุษไทยที่เสียสละเลือดเน้ือและชีวิตเพ่ือปกป้องผืนแผ่นดินไทยและช่วยปลูกจิตสานึกของความรักชาติ การ อ่านอย่างพนิ ิจคณุ คา่ ทาใหผ้ ู้อ่านตระหนักถงึ ความสาคญั และเหน็ คุณค่าของวรรณคดี 2. นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ าถามทา้ ทาย ดังน้ี - การอ่านลลิ ติ ตะเลงพา่ ยทาให้นกั เรียนเกิดความร้สู กึ แตกต่างจากการอ่านวรรณคดเี รื่องอนื่ หรอื ไม่ อย่างไร 3. ใหน้ กั เรียนทาใบงาน เรื่อง การเขยี นบนั ทกึ การเรยี นรู้ ครปู ระเมินผลงานของนักเรียนเป็นรายบคุ คล ข้นั ท่ี 3 สรุป ครูสังเกตการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันของนักเรียนแต่ละกลุ่ม หากนักเรียนมีปัญหาหรืออุปสรรค ในการปฏิบัติ กิจกรรมใหส้ อบถามครูเปน็ รายกลุ่ม สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ สือ่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน ภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.5 2. ใบความรู้ เรื่อง วเิ คราะหว์ ิจารณ์วรรณคดีเร่อื งลลิ ติ ตะเลงพ่าย 3. แบบฝกึ หดั หลงั เรียน แหล่งการเรียนรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. แหลง่ การเรียนรู้สารสนเทศ http://www.trueplookpanya.com>...>คลังความรู้>วิชาภาษาไทย การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ แบบตรวจแบบฝกึ หดั หลังเรียน แบบฝึกหัดหลังเรียน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 7 วเิ คราะห์วิจารณว์ รรณคด(ี นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) เรื่อง วเิ คราะห์วจิ ารณ์ เร่ืองลลิ ติ ตะเลงพ่าย บทวิเคราะห์ด้านเนอ้ื หา ๑) รูปแบบ ลิลิตตะเลงพ่ายแต่งเป็นลิลิตสุภาพ ประกอบด้วยร่ายสุภาพและโคลงสุภาพ ได้แก่ โคลงสองสุภาพ โคลงสามสุภาพและโคลงสสี่ ุภาพสลับกนั ตามความเหมาะสมของเนื้อหา ลิลิตตะเลงพ่ายเป็นวรรณคดีแนวประวัติศาสตร์ และเป็นวรรณกรรมเฉลิมพระเกียรติท่ีมุ่งสดุดีวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช การที่ผู้แต่งเลือกใช้คาประพันธ์ ประเภทร่ายสุภาพและโคลงสุภาพในงานประพนั ธ์ จึงนบั วา่ เหมาะสมอย่างยง่ิ เพราะคาประพันธ์ท้ังสองประเภทนน้ี ิยมใช้ ในการพรรณนาเร่อื งราวท่สี ูงส่ง ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ และบท ร้อยกรอง ๒) องคป์ ระกอบของเร่ือง ๒.๑) สาระ แก่นสาคัญของลิลิตตะเลงพ่าย คือ การยอพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในด้าน พระปรีชาสามารถทางการรบ โดยการกระทาสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดีและได้รับชัยชนะ อย่างงดงาม นอกจากพระปรีชาสามารถทางการรบแล้ว ผู้แต่งยังได้เน้นพระปรีชาสามารถในด้านการปกครองและ พระจรยิ วัตรอนั กอปรด้วยทศพธิ ราชธรรม ๑๐ ประการ สงั คหวตั ถุ ๔ ประการ และพระจักรวรรดิวัตร ๑๒ ประการ ๒.๒) โครงเร่ือง ลิลิตตะเลงพ่ายเป็นวรรณคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซ่ึงสมเด็จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชโิ นรสทรงนามาจากประวัติศาสตร์ ซ่ึงมีขอบเขตกาหนดเนื้อกาไว้เพยี งเร่ืองการทา สงครามยุทธหัตถี แต่เพื่อมิให้เน้ือเรื่องแห้งแลง้ ขาดชวี ิตชวี าจงึ ทรงเพ่ิมเตมิ เร่ืองท่ีไม่ใชก่ ารสงครามเข้าไป เนื้อหาท่ีสาคัญ เป็นหลักของเรอ่ื ง “ตะเลงพ่าย” คือ การดาเนินความตามเค้าเร่ืองพงศาวดาร ได้แก่ การทาสงคราม การต่อสแู้ บบยุทธ หัตถี การจัดทัพ และรายละเอียดต่าง ๆ ซ่ึงเป็นไปตามตาราพิชัยสงครามและโบราณราชประเพณีทุกอย่าง สาหรับ เน้ือหาท่ีเป็นส่วนเพ่ิมเติมส่วนเสริมเรื่อง คือ บทประพันธ์ท่ีเป็นลักษณะนิราศ ซึ่งพรรณนาเก่ียวกบั การเดนิ ทางและการ คร่าครวญถึงนางผู้เปน็ ท่รี ักโดยผา่ นบทบาทของพระมหาอุปราชา ๒.๓) ตวั ละคร สมเดจ็ พระนเรศวร ๑) มีความเป็นนักปกครองที่ดี ทรงเลือกใช้คนโดยพิจารณาจากคุณวุฒิรวมถึงทรงปรับปรุง ตาราพิชัยสงครามจากของเดมิ ใหเ้ หมาะสม และรัดกมุ มากยิ่งขนึ้ นอกจากน้ีจากบทประพันธ์บางตอนยังแสดงให้เห็นว่า ทรงเป็นนักปกครองท่พี ร้อมรับฟังความเห็นของขนุ นางและขา้ ราชบริพาร ดังบทประพันธน์ ี้ ทง้ั มวลหม่มู าตยซ์ ้อง สารพลนั ทลู พระจอมจรรโลง เล่ืองหลา้ แถลงลักษณะปางบรรพ์ มาเทยี บ ถวายแฮ แนะที่ควรเสดจ็ คา้ เศิกไซร้ไกลกรุง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่ืองท่ี 7 วิเคราะห์วิจารณว์ รรณคด(ี นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) ๒) มีความเป็นนักรบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นนักรบที่แท้จริง เพราะทรงรอบรู้ เรื่องกระบวนศึก การจัดทัพ การเคลอ่ื นทัพ การตั้งค่ายตามตาราพิชัยสงครามท่สี าคัญคือ พระองคม์ ีความกล้าหาญ เด็ด เด่ียว ไม่หว่ันเกรงต่อข้าศึก แม้จะอยู่ในลักษณะเสียเปรียบก็ไม่เกรงกลัว แต่กลับใช้บุคลิกภาพอันกล้าหาญของพระองค์ เผชญิ กับขา้ ศึกดว้ ยพระทยั ที่ม่ันคงเข้มแข็ง ดงั ตอนทพ่ี ระองค์ตกอยใู่ นวงล้อมของกองทัพพม่ามอญ สองสรุ ยิ พงศ์ผ่านหล้า ขบั คเซนทรบ์ ่ายหน้า แขกเจ้าจอมตะเลง แลนา พกั ตรท์ ่านผ่องฤาเศร้า ไปเ่ กรงประภาพเท่าเผา้ หนา้ นา สูเ่ สีย้ นไปห่ นี โซรมปืนไฟไป่ต้อง ผ้านนา ไพรีเร่งสาดซอ้ ง ตื่นเตน้ แตกฉาน ๓) มีพระปรีชาญาณ คือ ความฉลาด รอบรู้ มีไหวพริบ สมเด็จพระนเรศวรทรงมีพระปรีชา ญาณในหลายๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดา้ นการทาศกึ สงครามพระองค์ทรงสุขมุ รอบคอบ ทาการศึกโดยไม่ววู่ ามขาดสติ ทรงพิจารณาอุบายกลศึกด้วยความรู้และประสบการณ์อย่างแท้จริง ตอนท่ีแสดงให้เห็นความมีพระปรีชาญาณของ พระองค์ เช่น ตอนที่พระองค์ตกอยู่ในวงล้อมของข้าศึก พระองค์ทรงเห็นนายทัพฝ่ังตรงข้ามท่ีข่ีช้างมีฉัตรกั้นถึงสิบหก เชือก ยากท่จี ะแยกแยะไดว้ ่าใครเป็นใคร แต่ด้วยพระปรีชาญาณและช่างสังเกตก็เห็นนายทัพคนหนึ่งข่ีช้างมีฉัตรก้นั อยู่ใต้ ร่มไม้ข่อย มีพลทหารส่ีเหล่าเรียงรายอยู่จานวนมากจึงคาดว่านายทัพคนนั้นคือ พระมหาอุปราชาแน่นอน จึงตรงเข้าไป ทรงท้าพระมหาอุปราชากระทายุทธหัตถีด้วยวาจาสุภาพ อ่อนโยนและให้เกียรติ ซึ่งแสดงถึงพระปรีชาญาณและไหว พรบิ ของพระองค์อยา่ งดียงิ่ ดงั ตวั อยา่ ง ป่ินสยามยลแทท้ า่ น คะเนนึก อยนู่ า ถวลิ ว่าขุนศึกสา นักโน้น แลหลาก หลายแฮ ทวนทพั เทยี บพนั ลกึ เพง่ เพีย้ งพิศวง ครบเคร่อื งอุปโภคโพน้ พระมหาอุปราชา ๑) เป็นลูกกตัญญู พระมหาอุปราชาทรงเกรงสมเด็จพระนเรศวรในเรื่องฝีมือและความอาจ หาญ แต่จาเป็นต้องยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา เพราะขัดพระบรมราชโองการไม่ได้ ในระหว่างเดินทัพมาได้เกิดลางร้าย ต่างๆ พระมหาอุปราชาเกิดความโศกเศร้าเสียพระทัพเพราะไม่มั่นพระทัพว่าจะได้รับชัยชนะ ทาให้ทรงห่วงใยพระราช บิดายิ่งนัก ข้อความที่แสดงให้เห็นความกตัญญูของพระมหาอุปราชา คือ ตอนท่ีคร่าครวญถึงพระราชบิดาว่าจะว้าเหว่ และขาดคคู่ ิดในการทาสงคราม และพระองคเ์ องก็ไมส่ ามารถทดแทนบญุ คุณของพระบิดาได้
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เอองค์ เร่อื งที่ 7 วิเคราะห์วิจารณว์ รรณคด(ี นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) คู่รอ้ น ฤาลุ แลว้ แฮ พระเนานัคเรศอา้ จกั แค้นคับทรวง ฤาบม่ ีใครคง ภวู ดล จักรจิ กั เร่มิ รงค์ บอ่ นใต้ พระจักขุน่ จักข้อน ชบุ ชพี มานา กลบั เตา้ ตอบสนอง พระคณุ ตวงเพยี บพน้ื เต็มตรลอดแหลง่ บน พระเกิดพระก่อนชนม์ เกรงบ่ทันลูกได้ ๒) มพี ระทัยอ่อนไหว พระมหาอุปราชาทรงพระทมทุกข์มาก ไม่ต้องการออกรบ เพราะเสีย ขวัญกาลังใจจากการท่ีโหรทานายว่าจะถึงฆาต สูญเสียความภูมใิ จในฐานะพระโอรสแห่งกษัตริย์หงสาวดี เพราะถูกเยาะ เย้ยให้อับอายในที่ประชุมขุนนาง พระองค์ทรงมีแต่ความเศร้าโศกเสียพระทัยท่ีต้องจากบ้านเมือง จากความสุขสบายที่ เคยได้รับ เม่ือใช้ชีวิตอยู่ในวังพรั่งพรอ้ มดว้ ยพระสนม เพราะเป็นคนท่ีอ่อนไหวในอารมณ์ ทาให้ระทมทุกข์ ขณะเดินทาง ก็คิดถึงนางอันเป็นที่รักด้วยความอาลัยอาวรณ์ตลอดเวลา พบเห็นส่ิงใดก็อดไม่ได้ที่จะนามาเปรียบเทียบกับความรัก ความคดิ ถึงทพ่ี ระองคม์ ใี หแ้ กพ่ ระสนม มาเดียวเปลีย่ วอกอ้า อายสู สถติ อยู่เอ้องค์ดู ละห้อย พิศโพ้นพฤกษ์พบู บานเบกิ ใจนา พลางคะนึงนชุ น้อย แน่งเนอ้ื นวลสงวน ๓) มีขัตติยมานะ คือ การถือตัวว่าเป็นกษัตริย์ ถึงแม้พระมหาอุปราชาจะมีความประหวั่น พรั่นพรึงว่าจะต้องสูญเสียชีวิตในการทาศึกสงคราม และมีความโศกเศร้าสักเพียงใด แต่ด้วยขัตติยมานะ พระองค์ก็ เดนิ ทัพไปด้วยความหย่ิงทะนงในพระองค์เอง ขัตติยมานะของพระองคท์ าให้เมื่อพระองค์ทราบแน่ชัดว่าผ้ใู ดเป็นจอมทัพ ฝา่ ยไทย ก็วางแผนทาศึกทันทีท้งั ๆทยี่ งั มคี วามหวาดหวน่ั ในพระทยั อยู่ คร้ันพระบาทได้สดับ ธก็ทราบสรรพโดยควร ว่านเรศวรกษัตรา กับเอกาทศรุถ ยกมายุทธ์แย้งรงค์ แล้ว พระองค์ตรัสถาม สามสมิงนายกองม้า ถ้าจักประมาณพลไกร สักเท่าใดดูตระหนัก ตรัสซ้าซักเขาสนอง ว่าพลผองท้ัง เสร็จ ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหมื่น ดูดาษด่ืนท่งกว้าง คร้ันเจ้าช้างทรงสดับ ธก็ตรัสแก่ขุนทัพขุนกอง ว่าซ่ึงสองกษัตริย์ กลา้ ออกมาถา้ รอรบั เปน็ พยุหทัพใหญย่ ง คงเขาน้อยกว่าเรา มากกวา่ เขาหลายส่วน จาเราด่วนจโู่ จม โหมหกั เอาแตแ่ รก ตีให้แตกย่นย่อย ค่อยเบาแรงเบามือ เร็วเร่งฮือเข้าห้อม ล้อมกรุงเทพทวารัติ ชิงเอาฉัตรตัดเข็ญ เห็นได้เวียงโดยสะดวก แล้วธส่งพวกขุนพล เทียบพหลทุกทัพ สรรพแต่สามยามเสร็จ ตีสิบเอ็ดนาฬิกา จักยาตราทัพขันธ์ กันเอารุ่งไว้หน้า เร็ว เร่งจดั อยา่ ช้า พรุ่งเช้าเราตี เทอญนา ๒.๔) ฉากและบรรยากาศ ฉากที่ปรากฏในเร่ืองตอนที่เรียน คือ เหตุการณ์ภายในเมืองมอญและ บรรยากาศระหว่างการเดินทัพของพระมหาอุปราชาจากเมืองมอญสู่กาญจนบุรี ผูแ้ ต่งได้บรรยายฉากและบรรยากาศได้ สมจริงสอดคล้องกับเน้อื เรอ่ื ง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องที่ 7 วิเคราะห์วิจารณว์ รรณคด(ี นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) เหตุการณภ์ ายในเมอื งมอญ ฝ่ายพระนครรามัญ ขัณฑ์เขตด้าวอัสดง หงสาวดีบุเรศ ร่ัวรู้เหตุบมิหึง แห่งเอิกอึงกิดาการ ฝ่ายพสุธารอ อกทิศ ว่าอดิศวรกษัตรา มหาธรรมราชนรินทร์ เจ้าปฐั พินทรผ์ ่านทวีป ดบี ชนมชีพพริ าลยั เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวย ศวรรยา แจ้งกิจจาตระหนัก จ่ึงพระป่ินปีกธาษตรี บุรีรัตนหงสา ธก็บัญชาพิภาษ ด้วยมวลมาตยากร ว่านครรามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราช เยียววิวาทชิงฉัตร เพ่ือกษัตริย์สองสู้ บร้างรู้เหตุผล ควรยาตรพลไปเยือน เตือนประยุทธ์เอา เปรียบ แม้นไป่เรียบเป็นที โจมจู่ยีย่าภพ เสนีนบนึกชอบ ระบอบเบ้ืองบรรหาร ธก็เอื้อนสารเสาวพจน์ แด่เอารสยศเยศ องคอ์ ศิ เรศอุปราช ให้ยกยาตราทัพ กบั นครเชียงใหม่ เป็นพยหุ ใหญ่หา้ แสน ไปเหยียบแดนปราจนี การเดนิ ทัพของพระมหาอปุ ราชาจากเมืองมอญสู่กาญจนบุรี ล่วงลุด่านเจดีย์ สามองค์มแี หง่ ห้ัน แดนต่อแดนกนั นัน้ เพือ่ รรู้ าวทาง ขับพลวางเขา้ แหล่ง แหง่ อยธุ เยศหลา้ แลธลุ ฟี ้งุ ฟา้ มดื คลมุ้ มวั มล ยงิ่ นา ๒.๕) กลวิธีในการแต่ง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสทรงดาเนินเรื่องตามธรรม เนียมนิยมในการแต่ง กล่าวคือ เร่ิมด้วยบทสดุดี มีเน้ือเร่ืองและตอนท้ายกล่าวสดุดีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและจบ ด้วยการกล่าวถึงจุดมุ่งหมายของกวี บอกชื่อความเป็นมาและคาอธิษฐานของพระองค์ท่าน การนาเสนอเรื่อง พระองค์ ไมไ่ ดส้ อดแทรกคาวิพากษว์ ิจารณ์ใดๆ ลงไป คือ ไม่นาตัวตนของกวีไปแทรกในเร่อื ง การสร้างและใหบ้ ทบาทบุคคลในเร่ือง กวีม่งุ แสดงใหเ้ หน็ พระบรมเดชานภุ าพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จงึ มี การแทรกเร่อื งอิทธิปาฏิหารยิ ์ พระปรีชาสามารถในการใช้คาพูดโดยใช้หลักจิตวิทยาในการทา้ พระมหาอุปราชาออกรบ และความกล้าหาญ ดงั นนั้ บทบาทของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จงึ เปน็ ประดจุ สมมติเทพและเปน็ บคุ คลตามอดุ มคติ ในการทาสงครามกต็ รสั ปรกึ ษาแมท่ ัพนายกองและพระองค์กเ็ ปน็ ผู้ยดึ ม่นั ในพระพุทธศาสนา เมอื ทรงลงโทษประหาร ชวี ิตทหารท่ีตดิ ตามพระองค์ไม่ทัน ก็ให้รอพน้ วันพระเสียก่อน เป็นต้น และเมอ่ื ไดฟ้ ังคาขอพระราชทานอภัยโทษจาก สมเดจ็ พระวนั รัตกพ็ ระราชทานอภยั โทษใหโ้ ดยไม่มที ิฐทิ าให้พระเกียรตคิ ุณของพระองค์ปรากฏเดน่ ชัดย่ิงขน้ึ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่ืองที่ 7 วเิ คราะหว์ จิ ารณ์วรรณคด(ี นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) แบบฝึ กหัดหลงั เรียน เรื่อง ลลิ ติ ตะเลงพ่าย คำช้ีแจง ให้นักเรียนเลือกคาตอบทถี่ ูกต้อง ๑. ลิลิตตะเลงพำ่ ยมีเน้ือควำมที่กล่ำวถึงขอ้ ใด ๑ บอกเหตุของกำรแตง่ ลิลิตตะเลงพำ่ ย ๒ ชมควำมงำมของบำ้ นเมืองสมยั กรุงศรีอยธุ ยำ ๓ ชมบุญบำรมีของสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช ๔ ชมบุญบำรมีของสมเด็จพระนเรศวรมหำรำชและสมเดจ็ พระเอกำทศรถ ๒. ลิลิตประกอบดว้ ยคำประพนั ธ์ชนิดใด ๑ โคลง ร่ำย ๒ โคลง ฉนั ท์ ๓ ฉนั ท์ กำพย์ ๔ กำพย์ กลอน ๓. คำวำ่ “ตะเลง” ในลิลิตตะเลงพำ่ ยหมำยถึงชนชำติใด ๑ มอญ ๒ พม่ำ ๓ ยวน ๔ เขมร ๔. พระเจำ้ กรุงหงสำวดีองคใ์ ดท่ีส่งพระมหำอุปรำชำมำรุกรำนไทยและตอ้ งพำ่ ยแพถ้ ึงแก่พระชนม์ ๑ พระเจำ้ บุเรงนอง ๒ พระเจำ้ นนั ทบุเรง ๓ พระเจำ้ มงั นอทำสอ ๔ พระเจำ้ ตะเบงชะเวต้ี ๕. จุดประสงคใ์ นกำรแตง่ ลิลิตตะเลงพำ่ ยคือขอ้ ใด ๑ บนั ทึกเหตุกำรณ์ ๒ ไวอ้ ำลยั ใหพ้ ระมหำอุปรำชำ ๓ สดุดีวรี กรรมของสมเดจ็ พระเอกำทศรถ ๔ สดุดีวรี กรรมของสมเดจ็ พระนเรศวรมหำรำช ๖. “เจ้ำอยุธยำมีบุตร ล้วนยงยุทธ์เช่ียวชำญ หำญ หักศึกบมิย่อ ต่อสู้ศึกบมิหยอน ไป่ พักวอนว่ำใช้ ใหธ้ หวงธหำ้ ม แมน้ เจำ้ คร้ำมเครำะห์กำจ จงอยำ่ ยำตรยทุ ธนำ เอำพสั ตรำสตรี สวมอินทรียส์ ร่ำงเครำะห์” บทประพนั ธ์น้ีมีน้ำเสียงเป็นอยำ่ งไร ๑ ตดั พอ้ ๒ เคียดแคน้ ๓ นอ้ ยเน้ือต่ำใจ ๔ ประชดประชนั ๗. ลิลิตตะเลงพำ่ ยสอดแทรกเอกลกั ษณ์ไทยในเร่ืองใด ๑ ควำมฉลำด ๒ ควำมสำมคั คี ๓ ควำมอุตสำหะ ๔ ควำมเชื่อเรื่องโชคลำง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องท่ี 7 วิเคราะห์วจิ ารณ์วรรณคด(ี นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) ๘. บทประพนั ธ์ขอ้ ใดกล่ำวสดุดีสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช ๑ เสร็จแสดงพระยศเจำ้ จอมอยธุ - ยำเอย องคอ์ ดิศรสมมุติ เทพไท้ นเรศวรรัตนมงกุฎ เกศกษตั ริย์ สยำมฤๅ หวงั อยคู่ ูธ่ เรศไว้ ฟำกฟ้ำดินเฉลิม ๒ บรรยำยกลกำพยแ์ สร้ง สมญำ ไวแ้ ฮ สมลกั ษณ์เล่ห์เสำวนำ เรื่องรู้ “ตะเลงพำ่ ย”เพอื่ ตะเลง ปรำชเยศ พระเอย เสนอฤทธ์ิสองรำชสู้ ศึกชำ้ งกลำงสมร ๓ ล่วงถึงบพิตรผู้ เถลิงถวลั ย-์ รำชยฤ์ ๅ คือพุทธบรรษทั สรรพ์ สืบสร้ำง เชิญงดอดอวยทณั ฑ์ ทวยโทษ น้ีนำ เลยอยำ่ ลำญชีพลำ้ ง หน่ึงคร้ังขอเผือ ๔ กรมหม่ืนนุชิต เช้ือ กววี ร ชิโนรส มิ่งมหิศร เสกให้ ศรีสุคต พจนสุนทร เถลิงลกั ษณ์ น้ีนำ ขตั ติยวงศ์ ผจงโอษฐไ์ ว้ สืบหลำ้ อยำ่ ศูนย์ ๙. “ล่วงถึงบพิตรผู้ เถลิงถวลั ย-์ รำชยฤ์ ๅ คือพุทธบรรษทั สรรพ์ สืบสร้ำง เชิญงดอดอวยทณั ฑ์ ทวยโทษ น้ีนำ เลยอยำ่ ลำญชีพลำ้ ง หน่ึงคร้ังขอเผือ” บทประพนั ธ์ขำ้ งตน้ เป็ นคำกล่ำวของผใู้ ด ๑ พระเจำ้ บุเรงนอง ๒ พระมหำอุปรำชำ ๓ สมเด็จพระวนั รัต ๔ สมเดจ็ พระนเรศวรมหำรำช ๑๐. “จำใจจรจำกสร้อย อยแู่ ม่อยำ่ ละหอ้ ย ห่อนชำ้ คืนสม แมแ่ ล” บทประพนั ธ์น้ีใครกล่ำวถึงใคร ๑ พระมหำอุปรำชำกล่ำวถึงพระสนม ๒ สมเด็จพระเอกำทศรถกล่ำวถึงพระสนม ๓ พระเจำ้ นนั ทบุเรงกล่ำวถึงพระมเหสี ๔ สมเด็จพระนเรศวรมหำรำชกล่ำวถึงพระรำชมำรดำ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เร่อื งที่ 7 วเิ คราะหว์ ิจารณ์วรรณคด(ี นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานรายบคุ คล คาช้ีแจง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทีต่ รงกับระดับคะแนน ช่ือ-สกุล ความมีวนิ ยั ความมนี า้ ใจ การรับฟงั การแสดง การตรงตอ่ เวลา รวม ท่ี ของผรู้ ับการ เออื้ เฟ้อื เสียสละ ความคดิ เหน็ ความคดิ เหน็ 20 คะแนน ประเมนิ 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงช่ือ.................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุระดบั ณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งท่ี 7 วิเคราะหว์ ิจารณว์ รรณคด(ี นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานกลมุ่ คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดับคะแนน ชอื่ -สกลุ ความ การแสดงความ การรับฟงั ความ ความต้ังใจ การแก้ไข ปัญหา/ รวม 20 รว่ มมือกนั คิดเห็น คดิ เหน็ ทางาน หรอื ปรบั ปรุง คะแนน ท่ี ทากิจกรรม ผลงานกลุ่ม ของผู้รับการประเมิน 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ................ /................ /................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุระดับณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กวา่ 10 ปรับปรุง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งท่ี 7 วเิ คราะห์วิจารณว์ รรณคด(ี นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) บันทกึ หลงั สอน 1. ผลการเรียนรู้ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 . คิดเปน็ ร้อยละ 92.30 . 1.1 ผเู้ รียนผ่านตัวชว้ี ดั คิดเปน็ ร้อยละ 94.87 . ชั้น ม.5/2 มจี านวน 27 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 98.36 . ชน้ั ม.5/4 มจี านวน 36 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 88.57 . ชนั้ ม.5/6 มีจานวน 37 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 . ชั้น ม.5/8 มีจานวน 37 คน ชน้ั ม.5/10 มจี านวน 31 คน ช้ัน ม.5/12 มีจานวน 21 คน 1.2 ผู้เรยี นไม่ผา่ นตวั ชว้ี ดั คิดเปน็ ร้อยละ - . ชั้น ม.5/2 มีจานวน - คน คิดเป็นร้อยละ 5.26 . ชั้น ม.5/4 มีจานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 7.69 . ชั้น ม.5/6 มจี านวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.63 . ชั้น ม.5/8 มจี านวน 1 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 3.12 . ชน้ั ม.5/10 มจี านวน 1 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ . ชน้ั ม.5/12 มีจานวน - คน - 1.3 ผู้เรียนท่ีมีปัญหา แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง วิเคราะห์วิจารณ์ลิลิตตะเลงพ่าย พบว่าผู้เรียนร้อย ละ 95.68 ซ่ึงถือว่าบรรลุเป้าหมาย และผู้เรียนผ่านตัวชี้วัดตามที่กาหนด ส่วนนักเรียนท่ีไม่ผ่านตัวช้ีวัด ครูผู้สอนนัด สอนเสรมิ นอกเหนือคาบเรยี น 1.4 ผเู้ รยี นท่ไี ด้รับความรู้ความสามารถ (K) ผูเ้ รยี นความสามารถ อธิบายคณุ คา่ ของเร่ืองลิลิตตะเลงพ่าย ได้ ตามกระบวนการเรยี นรู้ 1.5 ผู้เรยี นที่เกิดทักษะกระบวนการ (P) ผู้เรียนวิเคราะห์คุณคา่ วรรณคดี เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่ายได้ ตามท่ี ครกู าหนด 1.6 ผูเ้ รียนมคี ณุ ลกั ษณะ (A) ผู้เรยี นตระหนกั ถงึ คุณคา่ ของวรรณคดี และสามารถนาคุณคา่ ที่ไดร้ ับไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 7 วเิ คราะห์วิจารณ์วรรณคด(ี นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) 2. ปญั หา/อุปสรรค . เน่อื งด้วยสถานการณ์โควดิ - 19 ทาให้นักเรยี นบางคนไมไ่ ด้เข้าเรยี น แล้วไมต่ ดิ ตามช้นิ งาน จึงเป็นเหตุ ให้ผู้เรียนไม่ผา่ นตัวช้วี ัดตามท่ีกาหนด . . 3. แนวทางการแกไ้ ข . ดาเนินการแจ้งครทู ี่ปรกึ ษาเบื้องตน้ และร่วม PLC ครูท่สี อนในระดับชนั้ เดยี วกนั . .. ลงช่ือ……………………………………………………. (นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) ครผู สู้ อน 4. ความเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ............................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................... ..................................................................... ........................................................................... ................................................................................................................ . ลงช่ือ.……………………………………………………. (นายไพโรจน์ ขวญั คง) หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งที่ 8 การนาเสนอโยใช้เทคโนโลยี(นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) M แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย วชิ า ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง ลลิ ิตตะเลงพา่ ย เวลา 18 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 8 เรอ่ื ง การนาเสนอผลงานโดยใชเ้ ทคโนโลยี เวลา 2 ช่ัวโมง ใช้สอนวันที่ เดือน พ.ศ. โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา สังกดั สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษายะลา สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การเขียนรายงานเชงิ วิชาการ จากการพินิจคุณค่าทาให้ผูอ้ ่านตระหนกั ถึงความสาคญั และเห็นคุณค่าของวรรณคดี ไทย และสามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ ตัวชีว้ ัด/จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด ท 2.1 ม.4-6/6 เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเรอื่ งที่สนใจตามหลกั การเขียนเชงิ วชิ าการ และใชข้ อ้ มลู สารสนเทศอ้างองิ อย่างถกู ต้อง ม.4-6/7 บนั ทกึ การศึกษาคน้ ควา้ เพ่ือนาไปพฒั นาตนเองอยา่ งสม่าเสมอ ม.4-6/8 มมี ารยาทในการเขยี น จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายการทารายงานเชงิ วิชาการ (K3) 2. เขยี นรายงานเชิงวชิ าการ (P4) ๓. เขยี นปญั หาในการทารายงานเชิงวชิ าการ (P4) ๔. เห็นคณุ คา่ ของรายงานเชงิ วิชาการ (A3) สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง • การเขยี นรายงานเชงิ วิชาการ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ - สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 2) ทกั ษะการเขยี น ความสามารถในการส่อื สาร 1) ทักษะการอ่าน 3) ทกั ษพการฟงั การดู การพดู
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย 2) ทกั ษะการคิดสรา้ งสรรค์ เรือ่ งที่ 8 การนาเสนอโยใชเ้ ทคโนโลยี(นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 3) การประยกุ ต/์ ปรับปรงุ ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 1) กระบวนการปฏิบตั ิ 2) กระบวนการทางานกลุ่ม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 4. รักความเป็นไทย 1. มวี นิ ัย 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธสี อนเทคนคิ การสอนแบบรว่ มมอื ช่วั โมงท่ี 1 ขน้ั ท่ี 1 นาเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครรู ว่ มสนทนากับนักเรยี นเร่ืองลิลติ ตะเลงพ่าย ขั้นท่ี 2 สอน 1. ครนู าตวั อย่างการทารายงานเชงิ วิชาการนักเรียนศึกษาและวิจารณ์ 2. นกั เรยี นจับคเู่ พ่ือวจิ ารณ์รายงานเชิงวชิ าการ 3. นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง การเขียนรายงานเชิงวิชาการ แล้วแบ่งคู่ ร่วมกันสนทนาถึงวิธีการจัดทา รายงานเชงิ วชิ าการ 4. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเมื่อกลุ่มท่ีนาเสนอ นาเสนอจบ เพื่อให้เห็นข้อผิดพลาดและนาไป แก้ไข ข้นั ที่ 4 สรุป ครูสังเกตการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันของนักเรียนแต่ละกลุ่ม หากนักเรียนมีปัญหาหรืออุปสรรค ในการปฏิบัติ กิจกรรมใหส้ อบถามครเู ปน็ รายกลุ่ม ช่วั โมงท่ี 2 ข้ันท่ี 1 นาเขา้ สูบ่ ทเรียน ครถู ามคาถามเพอ่ื ทบทวนความร้เู ดมิ เรื่อง การเขยี นรายงานเชิงวิชาการ ขนั้ ที่ 2 สอนและฝกึ ทกั ษะ 1. นกั เรยี นหาขอ้ มูลการทารายงานเชงิ วกิ าร จากหอ้ งสมุด 2. นกั เรยี นจดั ทารายงานเชงิ วิชาการ โดยมีครูผู้สอนเป็นท่ีปรกึ ษา ขนั้ ที่ 4 สรปุ ครสู ังเกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของนักเรียน หากนกั เรียนมีปญั หาหรืออุปสรรค ในการปฏิบตั กิ ิจกรรมให้สอบถามครู เปน็ รายบุคคล
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งท่ี 8 การนาเสนอโยใชเ้ ทคโนโลยี(นางสาวปรียานุช เอยี ดปราบ) สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น ภาษาไทย : วรรณคดแี ละวรรณกรรม ม.5 2. ห้องสมุด 3. ใบความรู้ เร่ือง การเขียนรายงานเชงิ วิชาการ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. แหลง่ การเรียนรสู้ ารสนเทศ http://www.trueplookpanya.com>...>คลังความรู้>วชิ าภาษาไทย การวดั และประเมินผล วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์ แบบตรวจรายงานเชงิ วชิ าการ รายงานเชงิ วิชาการ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ สังเกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มั่นในการ ทางานและรักความเป็นไทย
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องท่ี 8 การนาเสนอโยใช้เทคโนโลยี(นางสาวปรียานุช เอยี ดปราบ) การประเมินชิ้นงานนใ้ี ห้ผู้สอนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรอื่ ง การเขยี นรายงานเชงิ วิชาการ ระดับคะแนน ๔๓๒๑ เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียนรายงาน มีส่วนประกอบ มสี ่วนประกอบ มสี ่วนประกอบ มสี ่วนประกอบ เชิงวชิ าการ ของรายงาน ของรายงาน ครบถ้วน ครบถ้วน ของรายงาน ของรายงาน นาเสนอข้อมูล นาเสนอข้อมูล ละเอยี ด ชดั เจน ละเอียด ชดั เจน ครบถว้ น ครบถ้วน และหลากหลาย และหลากหลาย นาเสนอข้อมลู นาเสนอข้อมลู ไมล่ ะเอยี ดมากนัก ยังไมล่ ะเอยี ด แตก่ ็เช่ือมโยง มีขอ้ มูลบางสว่ น ทกุ ข้อมลู เชื่อมโยง ทกุ ข้อมลู เชื่อมโยง สัมพนั ธ์กับหวั ข้อ ไมส่ มั พันธ์ สัมพนั ธ์กบั หัวข้อ สัมพนั ธ์กบั หวั ข้อ และเรยี บเรียง กับหวั ขอ้ เรยี บเรยี งเนอ้ื หา เรียบเรยี งเนอ้ื หา เน้อื หาตามลาดับ การเรยี บเรียงเน้ือหา ตามลาดับและ ตามลาดับ การจัด ส่วนการจดั วาง และการจัดวาง ตอ่ เนื่องกันดี วางหวั ขอ้ ชดั เจน หัวขอ้ ยังสับสน หวั ข้อยงั สบั สน จัดรูปแบบการ ทาใหเ้ ขา้ ใจง่าย เลก็ นอ้ ย และมี มีภาพประกอบ นาเสนอนา่ สนใจ และเป็นระเบียบ ภาพประกอบ เพยี งเล็กน้อย เรียงลาดับหวั ข้อ มภี าพประกอบ พอสมควร ชดั เจน เขา้ ใจงา่ ย หลายภาพ ชว่ ย มภี าพประกอบ เพ่ิมความนา่ สนใจ สวยงาม และ อยู่ในตาแหน่งท่ี เหมาะสมทุกภาพ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 8 การนาเสนอโยใช้เทคโนโลยี(นางสาวปรียานุช เอยี ดปราบ) แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานรายบุคคล คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ช่ือ-สกุล ความมีวนิ ัย ความมีนา้ ใจ การรับฟัง การแสดง การตรงตอ่ เวลา รวม ท่ี ของผรู้ ับการ เอ้อื เฟื้อ เสียสละ ความคิดเห็น ความคดิ เหน็ 20 คะแนน ประเมนิ 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงช่ือ.................................................... ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุระดบั ณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรับปรุง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรอ่ื งที่ 8 การนาเสนอโยใช้เทคโนโลยี(นางสาวปรียานชุ เอยี ดปราบ) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานกลุ่ม คาช้ีแจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในช่อง ท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน ชือ่ -สกลุ ความ การแสดงความ การรบั ฟังความ ความตั้งใจ การแก้ไข ปญั หา/ รวม 20 รว่ มมือกนั คิดเห็น คดิ เหน็ ทางาน หรอื ปรบั ปรุง คะแนน ท่ี ทากิจกรรม ผลงานกลุ่ม ของผู้รับการประเมนิ 432 1 4 3 2 1 4 3214 321432 1 ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุระดับณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรับปรงุ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรือ่ งท่ี 8 การนาเสนอโยใช้เทคโนโลยี(นางสาวปรยี านุช เอยี ดปราบ) บันทกึ หลงั สอน 1. ผลการเรยี นรู้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 . คดิ เปน็ ร้อยละ 92.30 . 1.1 ผูเ้ รยี นผา่ นตวั ชีว้ ัด คิดเปน็ รอ้ ยละ 94.87 . ชน้ั ม.5/2 มจี านวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 98.36 . ชั้น ม.5/4 มจี านวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 88.57 . ชั้น ม.5/6 มจี านวน 37 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 . ชั้น ม.5/8 มีจานวน 37 คน ช้นั ม.5/10 มีจานวน 31 คน ชั้น ม.5/12 มจี านวน 21 คน 1.2 ผ้เู รยี นไม่ผา่ นตัวช้ีวดั คิดเปน็ ร้อยละ - . ชั้น ม.5/2 มจี านวน - คน คิดเปน็ ร้อยละ 5.26 . ชั้น ม.5/4 มจี านวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 7.69 . ชน้ั ม.5/6 มีจานวน 3 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2.63 . ชน้ั ม.5/8 มีจานวน 1 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 3.12 . ชน้ั ม.5/10 มีจานวน 1 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ . ชน้ั ม.5/12 มจี านวน - คน - 1.3 ผู้เรียนท่ีมีปัญหา แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง การนาเสนอโดยใช้เทคโนโลยี พบว่าผู้เรียนร้อยละ 95.68 ซ่ึงถือว่าบรรลุเป้าหมาย และผู้เรียนผ่านตัวชี้วัดตามที่กาหนด ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านตัวช้ีวัด ครูผู้สอนนัดสอน เสรมิ นอกเหนือคาบเรยี น 1.4 ผู้เรียนท่ีได้รับความรู้ความสามารถ (K) ผู้เรียนมีอธิบายการทารายงานเชิงวิชาการได้ถูกต้องตาม ต้นฉบับทกี่ าหนด 1.5 ผู้เรียนทีเ่ กิดทกั ษะกระบวนการ (P) ผ้เู รียนเขยี นรายงานเชิงวชิ าการได้อย่างเข้าใจและถกู ตอ้ ง 1.6 ผเู้ รยี นมีคณุ ลักษณะ (A) ผเู้ รียนตระหนกั ถึงคุณคา่ ของวรรณคดี และการเขยี นรายงานเชงิ วชิ าการ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย เรื่องท่ี 8 การนาเสนอโยใชเ้ ทคโนโลยี(นางสาวปรยี านชุ เอยี ดปราบ) 2. ปญั หา/อุปสรรค . เน่ืองด้วยสถานการณ์โควดิ - 19 ทาให้นักเรยี นบางคนไมไ่ ด้เข้าเรียน แล้วไม่ติดตามช้นิ งาน จึงเปน็ เหตุ ใหผ้ ้เู รยี นไม่ผา่ นตวั ชวี้ ดั ตามที่กาหนด . . 3. แนวทางการแกไ้ ข . ดาเนินการแจง้ ครูทป่ี รกึ ษาเบื้องต้น และร่วม PLC ครทู ีส่ อนในระดบั ชนั้ เดยี วกนั . .. ลงช่ือ……………………………………………………. (นางสาวปรียานชุ เอียดปราบ) ครูผูส้ อน 4. ความเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ............................................................................................................................................................................. ............... ............................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................... ลงชือ่ .……………………………………………………. (นายไพโรจน์ ขวญั คง) หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122