44 4. ครูเฉลยและอธิบายชวี ประวตั ขิ อง James Joyce และเล่าผลงานของ James Joyce เรื่อง A portrait of the artist as a young man และเนอ้ื หาครา่ วๆ ของเร่อื ง 5. ครูใหน้ ักเรียนเปดิ หนังสือ FLASH M.6 STUDENT’S BOOK หน้า 32 เร่ือง A portrait of the artist as a young man ตัวอย่างเช่น
45 6. ครสู ุ่มนักเรียนอ่านหัวข้อ Reading 3 ใหน้ ักเรยี นอา่ นบทความที่อยู่ในหนังสือ บทความละ 1 คน และระหว่างการอา่ นจะมีครคู อยฟงั และช่วยนักเรียนกรณีท่ีนกั เรียนอ่านผิด ขั้นสาธิตใหด้ ู (Demonstration) 7. ครูและนกั เรียนช่วยกันค้นควา้ คำยากในบทความ หาความหมายของคำศัพท์ และแปลความหมาย ของบทความ 8. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกันจับคู่บทความกับหวั ข้อทกี่ ำหนดมาให้สมั พนั ธ์กัน 9. ครูสมุ่ นักเรียน 6 คน ให้เฉลยคำตอบของแตล่ ะบทความว่า หัวข้อท่สี มั พันธ์กนั ทส่ี ุดคือหัวขอ้ อะไร ตวั อยา่ งเช่น
46 ขั้นเรยี นร้จู าการประเมิน (Self-Assessment) 10. ให้นกั เรยี นจบั คู่พดู ถึงความฝนั ของตนเองในแบบฝกึ หัดข้อ 7 ของหนงั สือ FLASH M.6 STUDENT’S BOOK หน้า 33 โดยใชค้ ำถามท่ีกำหนดให้เปน็ แนวในการพูดจากนั้นให้นกั เรยี นออกมาพดู หนา้ ช้ันเรียน 5-6 คู่ นกั เรียนเขยี นขอ้ ความลงในสมุดส่งครู 1. Will you stay in your hometown or move away? 2. Are you going to travel? 3. Will you be an artist or a scientist? 4. Will you be creative? 5. Do you think you will marry and settle down? 6. Do you think you will ever publish a book or compose music? ขั้นเพลดิ เพลนิ กบั การนำ ปใช้ (Production) 11. ครุและนักเรียนร่วมกันสรุกเรื่องราวของ James Joyce อีกครั้ง และสรุปเนื้อเรื่องในหนังสือ A portrait of the artist as a young man
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง A portrait of th ห้อง ผลการจัดการเรียนรู้ ความรคู้ วามสามารถ (K) ทักษะกระบวนการ (P) นกั เรยี นทำแบบฝึกหัด เรื่อง A นกั เรยี นร้อยละ 90 สามารถอ่าน และ นัก 6/1 portrait of the artist as a เขา้ ใจเนื้อหาท่เี รียนได้ ผ่า young man ผ่านเกณฑร์ ะดับดี ระ มาก 19 คน คว นักเรยี นทำแบบฝึกหัด เรอื่ ง A นกั เรยี นร้อยละ 80 สามารถอ่าน และ นัก 6/2 portrait of the artist as a เข้าใจเนอื้ หาที่เรียนได้ ผ่า young man ผ่านเกณฑ์ระดับดี ระ มาก 26 คน คว นักเรยี นทำแบบฝึกหดั เรือ่ ง A นกั เรยี นร้อยละ 80 สามารถอ่าน และ นกั 6/3 portrait of the artist as a เขา้ ใจเนอ้ื หาทเ่ี รียนได้ ผ่า young man ผ่านเกณฑ์ระดับดี ระ มาก 21 คน คว นักเรยี นทำแบบฝึกหัด เรื่อง A นกั เรียนร้อยละ 90 สามารถอ่าน และ นกั 6/4 portrait of the artist as a เขา้ ใจเน้อื หาท่เี รียนได้ ผา่ young man ผา่ นเกณฑ์ระดับดี ระ มาก 32 คน คว
บนั ทึกหลังสอน จำนวน 1 คาบ 47 he artist as a young man ขอ้ เสนอแนะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) ปญั หา/อปุ สรรค กเรยี นมีคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - านเกณฑ์ ได้รับคะแนนเฉลยี่ อย่ใู น มีนกั เรียน 4 คน ที่ไม่ - ะดับ ดี อยู่อย่างพอเพยี งและรัก สามารถประเมินได้ - วามเปน็ ไทย เน่ืองจากไมเ่ ขา้ ชั้นเรียน - กเรยี นมีคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ านเกณฑ์ ไดร้ บั คะแนนเฉลี่ยอยู่ใน มีนกั เรยี น 6 คน ท่ีไม่ ะดับ ดี อยู่อย่างพอเพยี งและรกั สามารถประเมินได้ วามเป็นไทย เนอ่ื งจากไมเ่ ข้าชน้ั เรยี น กเรยี นมีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ านเกณฑ์ ไดร้ บั คะแนนเฉลยี่ อยใู่ น มีนักเรยี น 6 คน ที่ไม่ ะดบั ดี อยู่อย่างพอเพียงและรกั สามารถประเมินได้ วามเปน็ ไทย เน่ืองจากไมเ่ ขา้ ชัน้ เรยี น กเรยี นมีคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ านเกณฑ์ ได้รับคะแนนเฉล่ยี อยู่ใน มนี กั เรียน 5 คน ท่ีไม่ ะดบั ดี อยู่อยา่ งพอเพียงและรกั สามารถประเมนิ ได้ วามเปน็ ไทย เนือ่ งจากไม่เข้าช้นั เรียน
ห้อง ผลการจัดการเรยี นรู้ ความรู้ความสามารถ (K) ทักษะกระบวนการ (P) นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรอ่ื ง A นกั เรียนรอ้ ยละ 90 สามารถอ่าน และ นัก 6/6 portrait of the artist as a เข้าใจเนื้อหาที่เรียนได้ ผา่ young man ผ่านเกณฑ์ระดับดี ระ มาก 33 คน คว นักเรียนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง นกั เรยี นร้อยละ 90 สามารถอ่าน และ นัก 6/8 Future tense จากโปรแกรม เข้าใจเนอ้ื หาทเี่ รียนได้ ผา่ Google form ผ่านเกณฑร์ ะดับดี ระ มาก 28 คน คว ลงช่อื .......................................... ครูผูส้ อน (นายรสุ ลาน สาแม) ....3.... /....ธ.ค...... /..2564.......
48 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) ปัญหา/อุปสรรค ข้อเสนอแนะ กเรียนมีคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ มนี กั เรียน 3 คน ที่ไม่ - - านเกณฑ์ ไดร้ ับคะแนนเฉลยี่ อยใู่ น สามารถประเมินได้ ะดับ ดี อยู่อยา่ งพอเพียงและรกั เนื่องจากไม่เขา้ ช้นั เรียน วามเป็นไทย กเรยี นมคี ุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ มีนักเรยี น 2 คน ท่ีไม่ านเกณฑ์ ไดร้ ับคะแนนเฉลี่ยอยู่ใน สามารถประเมนิ ได้ ะดบั ดี อยู่อยา่ งพอเพยี งและรกั เน่ืองจากไมเ่ ข้าชัน้ เรียน วามเป็นไทย ลงชอ่ื .......................................... (นางสาวเพรศิ พศิ คูหามุข) .......... /........... /..........
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 49 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ รายวชิ า ภาษาองั กฤษ 6 รหสั วิชา อ33102 สพม.ยะลา หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 Leisure เรอื่ ง Passive voice ช้นั มธั ยม ก าท่ี 6 เวลาเรียน 2 คาบ ครูผู้สอน ครรู ุสลาน สาแม โรงเรียนคณะราษฎรบำรุงจังหวัดยะลา 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 1 : ภาษาเพื่อการส่ือสาร มฐ. ต 1.1 ม.4-6/4, ต 1.2 ม.4-6/4 สาระที่ 2 : ภาษาและวฒั นธรรม มฐ. ต 2.2 ม.4-6/1 สาระท่ี 4 : ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชมุ ชนและโลก มฐ. ต 4.1 ม.4-6/1, ต 4.2 ม.4-6/1 2.ตัวช้วี ัด ต 1.1 ม.4-6/4 จับใจความสำคญั วเิ คราะห์ความ สรปุ ความ ตีความ และแสดงความคดิ เหน็ จากการ ฟังและอา่ นเรื่องท่ีเป็นสารคดแี ละบันเทงิ คดี พร้อมท้งั ให้เหตุผลและยกตวั อยา่ ง ประกอบ ต 1.2 ม.4-6/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลบรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความ คดิ เหน็ เกี่ยวกบั เรอ่ื ง/ประเดน็ /ข่าว/เหตกุ ารณ์ท่ฟี งั และอ่านอย่างเหมาะสม ต 2.2 ม.4-6/1 อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำ พงั เพย สภุ าษิต และบทกลอนของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย ต 4.1 ม.4-6/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณจ์ รงิ /สถานการณจ์ ำลองทเี่ กิดข้นึ ในหอ้ งเรียน สถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม ต 4.2 ม.4-6/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสบื ค้น/ค้นควา้ รวบรวม วเิ คราะห์ และสรุปความร/ู้ ข้อมลู ต่าง ๆ จากส่ือและแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชีพ 3. จุดเนน้ การพัฒนาการเรยี นรู้ 1. แสวงหาความรู้เพื่อการแก้ไขปญั หา 2. การใช้เทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ 3. ทักษะการคิดขั้นสงู 4. การส่ือสารอย่างอย่างสรา้ งสรรคต์ ามชว่ งวยั
50 4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด เขียนประโยคโดยใช้ Passive voice ใช้คำศัพท์ สำนวน โครงสร้างทางภาษาที่กำหนด เป็นการ ส่งเสริมทกั ษะในการใชภ้ าษาอังกฤษเพ่ือการสือ่ สารและเป็นพื้นฐานท่ีดีในการศึกษาระดบั ที่สูงข้นึ 5. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. เขยี นประโยค Passive voice ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 2. เปล่ียนประโยค active voice เป็นประโยค Passive voice ได้ 3. สามารถแยกโครงสร้างของประโยค Passive voice ใน tense ต่าง ๆ ได้ 6. สาระการเรียนรู้ (KPA) ความรู้ความรู้ความสามารถ (K) Vocabulary: คำ ัพท์ คำแปลภา าอังก คำแปลภา า ทย assault (n.) violent and sudden attack การโจมตี blackmail (n.) forcing somebody to make การขู่กรรโชกทรัพย์ a payment of money for not making known something discreditable about him domestic violence (n.) severe force in a home or a ความรุนแรงในบ้าน family drug dealing (n.) distributing drugs unlawfully การคา้ ยาเสพตดิ embarrassment (n.) mental discomfort or ความอึดอัดความขวยเขนิ anxiety hacking (n.) the action of gaining การโจรกรรมข้อมูล unauthorized access to data stored on another person’s computer human trafficking (n.) trading people การค้ามนุษย์ illegal immigrants (n.) people who come as ผู้มาตั้งรกรากอย่าง settlers into another ผดิ กฎหมาย country illegally
51 คำ พั ท์ คำแปลภา าองั ก คำแปลภา า ทย คณะลูกขุน jury (n.) specially chosen body of การลกั ตัวไปเรียกค่าไถ่ kidnapping (n.) 12 to 23 persons who required into a charge ท้องถ่ิน in order to decide whether there were enough evidenceto justify a trial stealing a child, carrying away somebody by force and unlawfully Grammar: Passive voice ทัก ะกระบวนการ (P) 1. ทกั ษะการพูด 2. ทกั ษะการฟัง 3. ทกั ษะการคิด คุณลัก ณะอนั พงประสงค์ (A) 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มุ่งมนั ในการทำงาน 3. มวี ินัย 4. มีจติ สาธารณะ 7. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน - ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต - การส่ือสาร - การคิด - การแก้ปญั หา - การใช้เทคโนโลยี 8. บูรณาการ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ������ อาเซียน
52 9. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ 1. สอื่ นำเสนอ (Presentation) เร่อื ง Passive Voice 2. สื่อเกม Wordwall 3. สื่อเกม Vonder Go 4. Padlet ของชัน้ เรยี น 10. การวดั และประเมินผล 1. ประเมนิ การทำกจิ กรรมในหนังสอื เรยี น 2. สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ในชว่ งการทำกิจกรรม 3. สงั เกต/ประเมินจากการทำงานเดี่ยว เคร่ืองมือวดั ผล 1. แบบฝึกหดั ในหนังสอื เรียนและเอกสารประกอบการเรยี น 2. แบบประเมินทักษะทางภาษา 3. แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑก์ ารวัด สิง่ ทีต่ ้องการวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การวัด 8-10 คะแนน ดี 1. ความรคู้ วามสามารถ (K) - แบบทดสอบเร่ือง Passive 5-7 คะแนน พอใช้ 1.1 คำศพั ท์ voice 1-4 คะแนน ปรับปรงุ - เกมใน Vonder Go เรื่อง Passive voice 2. ทกั ะกระบวนการ (P) - การออกเสียงคำศัพท์ ระดับ 3 ดีมาก 2.1 กระบวนการทำงาน - การพูด แสดงความคิดเหน็ ระดับ 2 ดี - การเขยี นประโยค ระดบั 1 ตอ้ งปรับปรุง ระดบั 3 ดีมาก 3. คณุ ลัก ณะอันพงประสงค์ - แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึง ระดบั 2 ดี (A) ประสงค์ ระดับ 1 ตอ้ งปรับปรงุ 3.1 ใฝเ่ รียนรู้ 3.2 มุง่ มันในการทำงาน 3.3 มีวินยั 3.4 มีจติ สาธารณะ
53 11. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นกระตุ้นให้ทำ (Stimulation) 1. ครใู หน้ ักเรยี นเปดิ หนงั สือ FLASH M.6 STUDENT’S BOOK หนา้ 54 เรือ่ ง The perfect murder 2. ครูให้นักเรียนดูภาพเหตุการณ์ฆาตกรรม 4 ภาพจากหัวเรื่อง The perfect murder แล้วเดาคำตอบ จากคำถามตอ่ ไปน้ี Teacher: Can you guess what happened? Student: (A husband was murdered by his wife.) Teacher: How did she do it? Student: (By poisoning him.) Teacher: Why did she do it? Student: (She might have a new boyfriend/be abused/want to get his money, etc.) Teacher: Why is this case called ‘the perfect murder’? Student: (It’s the murder with a good plan.) 3. ครูอธิบายเพิม่ เตมิ วา่ ประโยคไหนที่ประธานเป็นผู้กระทำเอง จะเรียกประโยคนั้นว่า Active voice และประโยคที่ประธานไม่ได้เป็นผู้กระทำเอง แต่เป็นผู้ถูกหรือโดนกระทำ เช่น ถูกเตะ ถูกต่อ ถูกตี จะเรียกว่า Passive voice ซ่ึงคำว่าถกู หรอื โดน จะใชโ้ ครงสร้าง V. to be + V.3 เช่น หนถู ูกแมวกนิ – A rat was eaten by a cat. ครแู สดงตาราง แล้วให้นกั เรยี นเปลีย่ น V. to be ใหอ้ ยู่ในรปู แบบตา่ ง ๆ ตามตาราง ครใู หน้ ักเรียน 5 คนอาสาสมคั รเตมิ V. to be ในช่องต่าง ๆ ใหถ้ ูกตอ้ ง ครูชว่ ยแกไ้ ขและอธิบายเพ่มิ เตมิ ขั้นนำเสนอใหค้ ิด (Presentation) 4. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาความรู้เรอ่ื ง Passive voice (คาบที่ 1) จากใบความรู้เรอื่ ง Passive voice คาบที่ 1 Active Voice คือ รูปของกริยาซ่ึงประธานเป็นผู้กระทำโดยตรง เช่น Mary eats a mango. (แมร่ี รับประทานมะมว่ ง)
54 Passive Voice คอื รปู กริยาซึง่ ประธานเปน็ ผถู้ กู กระทํากริยาน้ันโดยผูอ้ ืน่ หรอื สงิ่ อน่ื เช่น A mango is eaten by Mary. (มะมว่ งถูกรับประทานโดยแมร)่ี จะเหน็ ไดว้ า่ ใจความประโยค Active Voice และ Passive Voice นนั้ มีความหมายอย่างเดียวกันผิด กันก็ตรงที่ประโยค Active Voice นั้น ประธานเป็นผู้กระทำกริยา ส่วน Passive Voice นั้นประธานเป็น ผู้ถกู กระทำกรยิ า กริยาที่จะทำเป็นประโยค Passive Voice ได้จะต้องเป็นกริยาที่เรียกว่า Transitive Verb คือ คำกริยาที่ต้องการกรรมมารับ เช่น to love, to catch, to buy, to eat, to give, to see, to write, etc. ส่วน Intransitive Verb ซึ่งหมายถึงกรยิ าทีไ่ ม่ต้องการกรรมมารบั เช่น to run, to walk, to go, to fly, to swim, etc. นั้นจะทำให้เป็น Passive Voice ไม่ได้ หลกั ทว่ั ไปในการเปลีย่ นประโยค Active Voice ใหเป็นประโยค Passive Voice 1. ให้กลับเอาประธานของประโยค Active Voice ไปเป็นกรรมในประโยค Passive Voice โดยมี preposition ‘by’ นําหนา้ 2. ให้กลับเอากรรมของประโยค Active Voice มาเปน็ ประธานในประโยค Passive Voice 3. กริยาของประโยค Active Voice นั้น เมื่อนํามาใช้ในประโยค Passive Voice จะต้องเป็นรูป กริยาช่องที่ 3 (Past Participle) และใช้ตามหลัง Verb to be คือ is, am, are, was, were, be, being, been ซึ่งจะใช้ Verb to be ตัวใดนั้นต้องดู tense ของกริยาเดิมในประโยค Active เสมอ จะเปลี่ยนแปลง tense ไมไ่ ด้ Active Voice: Subject + Verb + Object Passive Voice: Subject + Verb to be + V3 + by + object อย่างไรก็ดี หลักโดยละเอียดในการเปลี่ยน Active Voice ให้เป็น Passive Voice นั้น ให้ศึกษาได้ จากตารางตอ่ ไปน้ี 1. ใน Tense ต่าง ๆ Present Simple A: Subject + Verb + Object P: Subject + Verb to be (is, am, are) + V3 + by + object ➢ A: The teacher punishes the boy. P: The boy is punished by the teacher. Present Continuous A: Subject + Verb to be (is, am, are) + V.ing + Object
55 P: Subject + Verb to be (is, am, are) + being + V3 + by + object ➢ A: The painters are painting our house. P: Our house is being painted by the painters. Present Perfect A: Subject + Verb to have (have, has) + V3 + Object P: Subject + Verb to have (have, has) + been + V3 + by + object ➢ A: They have built a new hotel. P: A new hotel has been built by them. Past Simple A: Subject + V2 + Object P: Subject + Verb to be (was, were) + V3 + by + object ➢ A: My sister wrote a letter. P: A letter was written by my sister. Past Continuous A: Subject + Verb to be (was, were) + V.ing + Object P: Subject + Verb to be (was, were) + being + V3 + by + object ➢ A: While Jane was introducing me, the telephone rang. P: While I was being introduced by Jane, the telephone rang. Past Perfect A: Subject + had + V3 + Object P: Subject + had been + V3 + by + object ➢ A: The guests had eaten all the food. P: All the food had been eaten by the guests. Future Simple A: Subject + will + V.inf + Object P: Subject + will be + V3 + by + object ➢ A: His mother will beat him if he does that again. P: He will be beaten by his mother if he does that again. Future Perfect A: Subject + will have + V3 + Object P: Subject + will have been + V3 + by + object
56 ➢ A: By next March the pupils will have taken the examination. P: By next March the examination will have been taken by the pupils. 2. ใน Verb form ตา่ งๆคือ Active Voice Passive Voice Verb form to write to be written Infinitive to have been written to have written being written Perfect Infinitive writing been written Present Participle written Past Participle คาท่ี ม่สามารถทำใหเ้ ป็นประโยค Passive Voice ด้ 1) Intransitive Verb คอื คำกริยาซ่ึงไม่ต้องการกรรม เช่น - They go to school every day. - She swims quite well. 2) Transitive Verb บางคาํ เช่น - Dang had his breakfast. = His breakfast was had by Dang. (wrong) 3) Verb of Incomplete คือกรยิ าซึ่งไม่สมบูรณ์ เช่น - She became queen. = A queen was become by her. (wrong) (เพราะ Queen ในประโยคแรกเป็น complement ไม่ใช่ Object) ประโยค Passive Voice ที่ มต่ ้องการPreposition ‘by’ ประโยค Passive Voice ที่ไมน่ ิยมใช้ by + object ในประโยคเพราะไมต่ อ้ งการเน้นผูก้ ระทำ (agent) คือผู้กระทำนัน้ ไม่สำคัญและไมจ่ ำเป็นทจี่ ะตอ้ งมอี ยู่ในประโยค เช่น 1) People in Italy speak Italian. (Active Voice) Italian is spoken in Italy. (Passive Voice) เราไม่จำเป็นต้องใช้คาํ ว่า by people เพราะเราเห็นแน่ชัดแล้ววา่ ภาษาอิตาเลียนนั้นต้องมี คนเปน็ ผ้พู ดู (by people) 2) Men have climbed Mount Everest many times. (Active Voice) Mount Everest has been climbed many times. (Passive Voice) ประโยคน้ไี ม่จำเปน็ จะตอ้ งถามว่าใครเปน็ ผู้ปนี เขา เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องใส่คาํ วา่ by men
57 3) คํา Personal Pronoun เช่น me , you , us , him , her , them ไม่ต้องใส่ไว้หลัง by ใน ประโยค Passive Voice - They will build a new road through here soon. = A new road will be built through here soon. - She is cooking the dinner now. = The dinner is being cooked now. 4) คํา Everyone , Everybody , Someone , Somebody , No one , Nobody ไม่ต้องใส่ไว้ใน ประโยค Passive Voice เช่น - Everyone must obey the law. (Active Voice) = The law must be obeyed. (Passive Voice) - Everybody learns English in this school. (Active Voice) = English is learned in this school. (Passive Voice) ประโยค Passive Voice ทต่ี ้องการคา preposition ‘by’ เพื่อแสดงให้เห็นว่าใครเป็นผกู้ ระทำอาการนั้น ๆ ในกรณีเช่นน้จี ะต้องมี by + Object ในประโยค Passive Voice ดว้ ย เชน่ Charles Dickens wrote this book. = This book was written by Charles Dickens. (ถ้าไมม่ ีคําว่า by Charles Dickens แล้ว ประโยคจะไร้ความหมาย) A falling rock hit Joe on the head. = Joe was hit on the head by a falling rock. ผกู้ ระทำกริยาน้จี ำเป็นต้องมีไว้ประโยค Passive Voice เพ่อื ให้ความหมายเด่นชัดข้นึ A snake did not bite her, a bee strung her. = She wasn’t bitten by a snake, she was strung by a bee. กรยิ าช่วย (auxiliary verb) ต่าง ๆ may , might , can , could , must , ought to , shall, should, has to, have to, etc. ให้ใช้ be + Past Participle มาตอ่ ท้ายเมื่อทำเป็นประโยค Passive Voice ดงั น้คี ือ may, might can, could must, have to + be + past Participle ought to etc. A: You ought to open the window.
58 P: The window ought to be opened. A: My teacher can speak German. P: German can be spoken by my teacher. ประโยค Active Voice ทม่ี กี รรม 2 ตวั (double objects) ทำเป็น Passive Voice ได้ 2 แบบ - The Headmistress gave me a prize. (Active Voice) แบบที่ 1 I was given a prize by the Headmistress. แบบท่ี 2 A prize was given to me by the Headmistress. - They showed us the palace where the Royal family lived. (Active Voice) แบบที่ 1 We were shown the palace where the Royal family lived. แบบที่ 2 The palace where the Royal family lived was shown to us. **แม้ว่าทั้ง 2 แบบ จะถูกต้องทั้งคู่ แต่ก็นิยมใช้แบบที่ 1 คือเอา Personal Object ซึ่งเป็นกรรมรอง มาเปน็ ประธานของประโยค Passive Voice คาบที่ 2 ประโยคที่มี Question Words อยู่หน้าประโยคให้คงคําเหล่านั้นไว้หน้าประโยคเหมือนเดิม ยกเว้น คาํ วา่ who ให้เปลย่ี นเปน็ by whom นอกนนั้ มกี ฎการเปลีย่ นเหมือนเดิม - What will you give me ? = What will I be given by you ? - Where did you see the snake ? = Where was the snake seen ? - When will you finish you essay ? = When will you essay be finished ? - Why did he punished children ? = Why were his children punished? - Who wrote ‘Oliver Twist’ ? = By whom was ‘Oliver Twist’ written ? - Which dress did you buy ? = Which dress was bought by you ? ประโยคคำสัง่ หรือคาห้าม (Imperative Sentence) เมอ่ื ทำเปน็ ประโยค Passive Voice ใหใ้ ช้ Let + object + be + past participle * รปู ประโยค passive voice น้ี ปัจจุบันไม่นยิ มใช้ - Don’t kill the tiger. = Let the tiger not be killed. - Open you book. = Let your book be opened. - Do it. = Let it be done. ประโยคที่มี Verb + preposition adverb + Object เมื่อทำเป็นประโยค Passive Voice Preposition หรือ Adverb นัน้ จะตอ้ งอยู่หลงั คำกรยิ าเสมอ - I must write to him. = He must be written to.
59 - We can play with these cubs quite safely. =These cubs can be played with quite safely. - They threw away the old newspaper. =The old newspapers were thrown away. พวก adverb of Manner เช่น well , badly etc. ให้วางไว้หน้ากริยาช่องที่ 3 (Past Participle) ในประโยค Passive Voice - They did the work well. = The work was well done. - She dressed her children badly. = Her children were badly dressed. ในประโยค Active Voice ซึ่งใช้กับคํากริยาต่อไปนี้คือ think, consider, know, acknowledge, report, say, find, claim, understand, believe, hope, fear, feel เช่น think consider People know that he is...... etc. สามารถเปลีย่ นให้เป็นประโยค Passive Voice ได้ 2 แบบ คอื thought แบบท่ี 1 It is considered that he is …. แบบที่ 2 He is known to be + adjective etc. เชน่ People said that he was jealous of her. แบบท่ี 1 It was said that he was jealous of her. แบบที่ 2 He was said to be jealous of her. ประโยค Active Voice ที่มี Infinitive without ‘to’ เวลาที่เปลี่ยนประโยค Passive Voice จะตอ้ งเปล่ยี นเปน็ Infinitive with ‘to’ ด้วย เช่น - We saw them go out. = They were seen to go out. - He made us work. = We were made to work. **ยกเว้นคาํ วา่ Let ซง่ึ ยังใช้ Infinitive without ‘to’ ในประโยค Passive Voice เชน่ - They let us go. = We were let go.
60 ประโยค Active Voice ทม่ี ี Present Participle หรอื Gerund เมอื่ ทำเปน็ ประโยค Passive Voice ใหใ้ ช้รปู ประโยคดงั น้ี being + Past Participle - I saw John kicking the ball. = I saw the ball being kicked by John. - I remember my father taking me to the zoo. = I remember being taken to the zoo by my father. กรยิ าในประโยค Active Voice บางคําเม่อื ทำเป็นประโยค Passive Voice จะไมใ่ ช้ by แตจ่ ะใช้ คําว่า at, in, with, etc. แทน ท้ังนขี้ น้ึ อยู่กับลกั ษณะพิเศษของกรยิ านนั้ เช่น - Your essay doesn’t interest me. = I am not interested in your essay. - The fire killed four men. = Four men were killed in the fire. - Your success pleases me much. = I am much pleased at (with) your success. - Snow covers the mountain. = The mountain is covered with snow. 5. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นถามและแลกเปลีย่ นความรูก้ บั เพื่อนนักเรียน ครูแกไ้ ขและอธิบายเพิ่มเตมิ 6. ครูเน้นย้ำนักเรียนว่าการเปลี่ยนประโยคที่เป็น Active voice ให้เป็นประโยค Passive voice มี ดงั น้ี 6.1. ยา้ ยกรรมให้เปน็ ประธาน 6.2. ย้ายประธานไปเปน็ กรรม แล้วอยา่ ลืมเตมิ by ข้างหน้าคำ 6.3. เปลี่ยนคำกรยิ าให้กลายเป็น Verb to be + V3 (โดย Verb to be จะเปลย่ี นตาม tense ของประโยค) ขนั้ สาธติ ใหด้ ู (Demonstration) 7. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมที่ 1 ครูแสดงประโยคที่เป็น Active voice ซึ่งมีทั้งหมด 5 ประโยค โดย ครูจะแสดงประโยคทีละประโยค แล้วให้นักเรียนอาสาสมัครเปลี่ยนประโยคจาก Active voice ให้เป็น Passive voice หากนกั เรียนตอบผิด ครใู หก้ ำลังใจนกั เรียน และใหเ้ พื่อนนักเรียนอาสาสมคั รช่วยตอบคำถาม 1. Jenny wears a mask. (A mask is worn by jenny) 2. He left the phone in the office room. (The phone was left in the room. - ขอ้ น้ีไม่ต้องใส่ by เนอ่ื งจาก he เปน็ personal pronoun ซง่ึ ประโยคน้ไี ม่จำเป็นตอ้ งมกี รรม *สามารถดขู ้อยกเวน้ อ่ืน ๆได้ในใบความรู้: ประโยค Passive Voice ทีไ่ มต่ ้องการPreposition ‘by’) 3. His mum has bought the present. (The present has been bought by my mum.) 4. My boss has hired 2 managers. (2 managers have been hired by my boss)
61 5. Tomorrow, I will fix my car. (Tomorrow, my car will be fixed. - ข้อนี้ไม่ต้องใส่ by เนอ่ื งจาก he เป็น personal pronoun ซง่ึ ประโยคนไ้ี ม่จำเป็นต้องมีกรรม *สามารถดูขอ้ ยกเวน้ อื่น ๆได้ใน ใบความร:ู้ ประโยค Passive Voice ทไี่ มต่ ้องการPreposition ‘by’) 8. ครูอธบิ ายเพิ่มเติมถึงทม่ี าของคำตอบหลังจากเฉลยแต่ละข้อ เม่ือเฉลยทกุ ข้อแลว้ ครูประเมินการทำ แบบฝกึ หัดของนักเรยี นจากคำตอบท่ีถูกต้อง โดยใชเ้ กณฑผ์ า่ นร้อยละ 70 ครชู มเชยและใหก้ ำลังใจนักเรียนทุก คน ข้นั เรียนรู้จาการประเมิน (Self-Assessment) 9. ครใู หน้ ักเรยี นจบั กลุ่มทำกิจกรรมที่ 2 กลุ่มละ 3 คน ครูแสดงตารางโครงสร้าง Active voice Tense Passive voice Present Simple Present Continuous Present Perfect Past Simple Past Continuous Past Perfect Future Simple Future Perfect 10. ครูให้นักเรียนหาประโยคที่เป็น Passive voice ตามสื่อต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย (social media) แล้วนำมาใส่ในชอ่ งตาราง tense ที่กำหนด พร้อมขีดเส้นใต้คำกริยาในประโยค โดยให้เวลาในการทำกิจกรรม 10 นาที 11. เมื่อครบ 10 นาที ครูให้ตัวแทนกลุ่มแต่ละกลุ่มพูดว่า กลุ่มตัวเองเขียนว่าอะไร โดยที่ครูจะพูดชอ่ื tense แล้วให้นักเรียนยกมือตอบ ครูประเมินการทำกิจกรรมของนักเรียนจากคำตอบที่ถูกต้อง โดยใช้เกณฑ์ ผ่านรอ้ ยละ 70 ครูชมเชยและใหก้ ำลังใจนกั เรยี นทุกคน ขนั้ เพลดิ เพลินกบั การนำ ปใช้ (Production) 12. นักเรียนทบทวนความหมายของ Passive voice, หลักการเปลี่ยน Active voice เป็น Passive voice ว่ามีกี่หลักการ อะไรบ้าง และระบุข้อยกเว้นประโยค Passive Voice ท่ีต้องการคํา preposition ‘by’ โดยพูดทบทวนพรอ้ ม ๆ กนั ซึง่ ครูจะเป็นคนต้ังคำถามเพ่อื ทบทวนบทเรยี น ครชู ว่ ยแกไ้ ขและอธบิ ายเพิ่มเติม 13. ครูใหน้ กั เรยี นกลับไปทบทวนบทเรียน เพอ่ื เตรยี มความพร้อมสำหรบั คาบถัดไป
62 ช่ัวโมงท่ี 2 ข้ันกระตนุ้ ใหท้ ำ (Stimulation) 1. ครูทบทวนบทเรียนเรื่อง Passive voice โดยตั้งคำถามเกี่ยวกับความหมายของ Passive voice, โครงสร้างของ Passive voice, หลักการเปลี่ยน Active voice เป็น Passive voice ว่ามีกี่หลักการ อะไรบ้าง และระบุข้อยกเว้นไม่เปลี่ยนรูปกริยาในประโยค Indirect statements ให้นักเรียนยกมืออาสาสมัครตอบ คำถาม ครูชว่ ยแก้ไขและอธบิ ายเพ่ิมเติม 2. ครูแสดง QR code แล้วให้นักเรียนแสกน QR code เพื่อเล่นกิจกรรมที่ 3 เพื่อทบทวนบนเรียน คาบท่ีแล้ว 3. เมื่อนักเรียนแสกน QR code แล้ว จะขึ้นหน้าเว็บไซต์ wordwall.net ให้นักเรียนพิมพ์ชื่อและ เลขทีข่ องตนเอง แล้วกด “เริ่ม” 4. ในกิจกรรม จะให้นักเรียนเรียงคำให้อยู่ในประโยค passive voice ให้ถูกต้อง ซึ่งมีทั้งหมด 5 ข้อ หากนักเรยี นเล่ือนคำ ตรงกบั ตำแหนง่ ท่ถี ูกต้อง จะปรากฏสญั ลักษณถ์ ูกและคำน้นั จะเป็นสี และเม่ือเรียงถูกทุก คำแลว้ จะเลอื่ นไปขอ้ ตอ่ ไปอตั โนมตั ิ เฉลย 1. Music can be downloaded from the iTunes store. 2. Plants are grown on organically on our farm. 3. Are uniforms worn by all schoolchildren in England? 4. These shoes have been produced since 1988. 5. Their son is given presents every month. 5. เมื่อนักเรียนเรียงครบทั้ง 5 ข้อแล้ว จะปรากฏคะแนนที่ได้และระยะเวลาในการทำกิจกรรม ครูให้ นักเรยี นจบั ภาพหนา้ จอแลว้ ใหโ้ พสตล์ งใน padlet ห้องเรยี น 6. ครบู อกนักเรียนว่าในกิจกรรมเม่อื สกั ครู่ เราจะเห็นประโยค Passive voice ทอี่ ยใู่ นรูปแบบประโยค คำถามอยู่ 1 ขอ้ (Are uniforms worn by all schoolchildren in England?) ซึง่ คาบทแี่ ลว้ เราเรียนเรอื่ งการเปลี่ยนประโยค Active voice เปน็ Passive voice ท่ีเปน็ ประโยคบอก เล่า วันนี้เราจะมาลองฝึกเปลี่ยนประโยคคำถาม (Questions) และประโยคคำสั่ง (imperative sentence) จากประโยค Active voice เป็น Passive voice
63 ขัน้ นำเสนอให้คิด (Presentation) 7. ครูใหน้ กั เรยี นศึกษาความรู้เรอ่ื ง Passive voice (คาบที่ 2) จากใบความรเู้ ร่ือง Passive voice 8. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี นถามและแลกเปลีย่ นความรู้กับเพื่อนนกั เรยี น ครูแกไ้ ขและอธบิ ายเพิ่มเตมิ 9. ครถู ามนกั เรียนวา่ “ประโยคที่มี Question Words ต้องทำอย่างไรบ้าง?” (ให้คงคําเหล่านั้นไว้หน้าประโยคเหมือนเดิม ยกเว้นคําวา่ who ให้เปลี่ยนเป็น by whom นอกน้นั มกี ฎการเปล่ียนเหมอื นเดมิ ) “โครงสรา้ งประโยคคำถามทีเ่ ปน็ passive voice คอื อะไร” (WH-words + Verb to be + S + V3?) “โครงสรา้ งประโยคคำส่ังหรือคาํ หา้ มเปน็ passive voice คอื อะไร” (Let + object + be + V3) ขัน้ สาธติ ใหด้ ู (Demonstration) 10. ครูเปิด แอพลิเคชัน Vonder Go เพื่อแสดงรหัส/QR code เข้าเกมตอบคำถามเรื่อง Passive voice 11. ใหน้ ักเรยี นคน้ หาคำวา่ playgo.vonder.io แล้วพิมพร์ หัสเพือ่ เขา้ เกม 12. ครูจะให้นักเรยี นทำแบบฝึกหัดทีละข้อพร้อม ๆ กัน โดยหลังจากทำแบบฝึกหดั ในแต่ละข้อ ครูจะ อธิบายเพิ่มเติม แล้วกดไปข้อถัดไป จนกว่าจะจบเกม หน้าจอแสดงผลของครู จะปรากฏผู้เล่นที่ได้ 10 อันดับ แรก ครูประเมนิ การทำแบบฝกึ หัดของนกั เรียนจากคำตอบท่ีถูกต้อง โดยใช้เกณฑผ์ ่านร้อยละ 70 13. ครแู สดงความยนิ ดี ชมเชย และให้กำลังใจนกั เรยี นทุกคน ขั้นการนำ ปใช้ (Production) 14. นักเรียนทำกิจกรรมที่ 3 ให้นักเรียนค้นหาข่าวหรือบทความในอินเทอร์เน็ตที่มีประโยค Passive voice โดยกำหนดใหม้ ีประโยคในรปู แบบ ประโยคบอกเลา่ ปฏเิ สธ และคำถาม อยา่ งนอ้ ยอย่างละ 1 ประโยค 15. ใหน้ กั เรียนจบั ภาพหนา้ จอเน้อื หาข่าวหรือบทความท่ีมีประโยคท่ีกำหนด แล้วสง่ ไปที่ Padlet ของ ชั้นเรยี น 16. ครสู ่มุ ชน้ิ งานของนักเรยี น 1 คน แลว้ ใหน้ ักเรียนอาสาสมัครระบุตำแหน่งประโยค Passive voice พรอ้ มบอก tense ของประโยคนั้น ๆ 17. ครูให้นักเรียนเลือกชิ้นงานของเพื่อนมา 1 ชิ้นงาน แล้วหาประโยค Passive voice แล้วเขียนลง ในสมดุ ของตัวเองพรอ้ มระบุ tense ของประโยคนัน้ ๆ แล้วเปลยี่ นประโยคให้เป็น Active voice 18. ให้นักเรียนอาสาสมัคร 5 คน อ่านคำตอบของตนเองให้เพื่อนทั้งชั้นฟัง ครูช่วยแก้ไขและอธิบาย เพม่ิ เตมิ ครูประเมนิ การทำแบบฝึกของนกั เรียนจากคำตอบท่ีถูกต้อง โดยใชเ้ กณฑผ์ ่านร้อยละ 70
64 ขนั้ เพลดิ เพลินกับการนำ ปใช้ (Production) 19. นักเรียนทบทวนความหมายของ Passive voice, หลักการเปลี่ยน Active voice เป็น Passive voice ว่ามีกี่หลักการอะไรบ้าง และระบุข้อยกเว้นประโยค Passive Voice ที่ต้องการคํา preposition ‘by’ โดยพูดทบทวนพร้อม ๆ กนั ซงึ่ ครูจะเปน็ คนตัง้ คำถามเพ่ือทบทวนบทเรียน ครชู ่วยแก้ไขและอธิบายเพม่ิ เตมิ 20. นักเรียน 4 คน อาสาสมัครพูดยกตัวอย่างประโยค Passive voice ที่เป็นประโยค Questions และ Imperative sentence คนละ 1 ประโยค
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เร่ือง Passive หอ้ ง ความรคู้ วามสามารถ (K) ผลการจดั การเรยี นรู้ ทักษะกระบวนการ (P) นักเรียนทำแบบฝึกหดั เรื่อง นักเรยี นรอ้ ยละ 90 สามารถตอบ นกั ผา่ 6/1 Passive voice จากโปรแกรม คำถามจากเรื่องที่เรยี น และเขียน ระ Google form ผ่านเกณฑร์ ะดับดี ประโยคใหส้ มบรู ณ์ได้ถูกต้อง 7 ข้อ คว นัก 16 คน ระดับพอใช้ 1 คน ในจำนวนเตม็ 7 ข้อ ผ่า ระ นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง นกั เรียนรอ้ ยละ 90 สามารถตอบ คว นัก 6/2 Passive voice จากโปรแกรม คำถามจากเร่ืองทีเ่ รยี น และเขียน ผ่า Google form ผา่ นเกณฑ์ระดบั ดี ประโยคให้สมบูรณ์ไดถ้ ูกต้อง 7 ขอ้ ระ คว 15 คน ระดับพอใช้ 1 คน ในจำนวนเตม็ 7 ข้อ นัก นักเรยี นทำแบบฝึกหัด เร่ือง นกั เรียนร้อยละ 80 สามารถตอบ ผ่า Passive voice จากโปรแกรม คำถามจากเร่ืองที่เรียน และเขยี น 6/3 Google form ผ่านเกณฑ์ระดับดี ประโยคให้สมบรู ณ์ได้ถูกต้อง 7 ขอ้ 15 คน ระดบั พอใช้ 3 คน ระดบั ในจำนวนเตม็ 7 ข้อ ปรับปรุง 1 คน 6/4 นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง นกั เรียนร้อยละ 80 สามารถตอบ Passive voice จากโปรแกรม คำถามจากเรื่องท่ีเรียน และเขยี น
บันทึกหลังสอน จำนวน 2 คาบ 65 voice ข้อเสนอแนะ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ปญั หา/อุปสรรค - กเรียนมีคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มนี กั เรียน 3 คน ท่ีไม่ - - านเกณฑ์ ได้รบั คะแนนเฉลย่ี อยใู่ น สามารถประเมินได้ - ะดับ ดี อยู่อยา่ งพอเพยี งและรัก เนื่องจากไม่ทำ วามเปน็ ไทย แบบทดสอบหลงั เรยี น กเรยี นมีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มีนักเรียน 5 คน ท่ีไม่ านเกณฑ์ ได้รับคะแนนเฉลี่ยอยใู่ น สามารถประเมินได้ ะดบั ดี อยู่อย่างพอเพยี งและรัก เน่อื งจากไม่ทำ วามเป็นไทย แบบทดสอบหลังเรียน กเรยี นมคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มีนกั เรียน 8 คน ที่ไม่ านเกณฑ์ ได้รบั คะแนนเฉลี่ยอย่ใู น สามารถประเมนิ ได้ ะดับ ดี อยู่อย่างพอเพยี งและรกั เน่ืองจากไม่ทำ วามเป็นไทย แบบทดสอบหลังเรยี น กเรียนมีคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ มนี ักเรียน 9 คน ที่ไม่ านเกณฑ์ ได้รับคะแนนเฉลยี่ อยู่ใน สามารถประเมนิ ได้
หอ้ ง ความรูค้ วามสามารถ (K) ผลการจดั การเรยี นรู้ ทักษะกระบวนการ (P) Google form ผา่ นเกณฑ์ระดบั ดี ประโยคใหส้ มบรู ณ์ไดถ้ ูกต้อง 7 ข้อ ระ คว 26 คน ระดับพอใช้ 2 คน ในจำนวนเต็ม 7 ข้อ นัก ผา่ นกั เรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง นักเรยี นร้อยละ 70 สามารถตอบ ระ คว Passive voice จากโปรแกรม คำถามจากเร่ืองท่ีเรยี น และเขยี น นัก 6/6 Google form ผ่านเกณฑร์ ะดับดี ประโยคให้สมบูรณ์ได้ถูกต้อง 7 ขอ้ ผา่ ระ 18 คน ระดบั พอใช้ 6 คน ระดับ ในจำนวนเตม็ 7 ขอ้ คว ปรับปรงุ 2 คน นักเรียนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง นักเรยี นร้อยละ 60 สามารถตอบ Passive voice จากโปรแกรม คำถามจากเรื่องท่เี รยี น และเขยี น 6/8 Google form ผา่ นเกณฑ์ระดบั ดี ประโยคใหส้ มบรู ณ์ไดถ้ ูกต้อง 7 ข้อ 10 คน ระดบั พอใช้ 2 คน ระดับ ในจำนวนเตม็ 7 ขอ้ ปรับปรุง 1 คน ลงชือ่ .......................................... ครผู สู้ อน (นายรสุ ลาน สาแม) .....17..... /....ธ.ค........ /....2564......
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ปัญหา/อปุ สรรค 66 ะดบั ดี อยู่อยา่ งพอเพยี งและรกั เนือ่ งจากไม่ทำ ขอ้ เสนอแนะ วามเป็นไทย แบบทดสอบหลังเรียน - กเรยี นมคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีนักเรียน 10 คน ทีไ่ ม่ - านเกณฑ์ ไดร้ บั คะแนนเฉล่ยี อยใู่ น สามารถประเมินได้ ะดบั ดี อยู่อยา่ งพอเพียงและรกั เนื่องจากไม่ทำ วามเปน็ ไทย แบบทดสอบหลังเรียน กเรียนมีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มนี กั เรยี น 17 คน ท่ีไม่ านเกณฑ์ ไดร้ ับคะแนนเฉลย่ี อยู่ใน สามารถประเมนิ ได้ ะดับ ดี อยู่อย่างพอเพยี งและรัก เนอ่ื งจากไม่ทำ วามเป็นไทย แบบทดสอบหลังเรยี น ลงชอ่ื .......................................... (นางสาวเพรศิ พิศ คูหามขุ ) .......... /........... /..........
67 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ รายวชิ า ภาษาอังกฤษ 6 รหสั วิชา อ33102 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 Crime and punishment เรอ่ื ง Oliver Twist ช้นั มธั ยม ก าที่ 6 เวลาเรยี น 1 คาบ ครูผู้สอน ครรู สุ ลาน สาแม โรงเรียนคณะราษฎรบำรุงจังหวดั ยะลา สพม.ยะลา 1. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 : ภาษาเพื่อการสอ่ื สาร มฐ. ต 1.1 ม.4-6/2, ต 1.1 ม.4-6/4, ต 1.2 ม.4-6/1,ต 1.3 ม.4-6/3 2. ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม.4-6/2 อา่ นออกเสยี งข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้องตามหลักการอ่าน ต 1.1 ม.4-6/4 จับใจความสำคัญ วเิ คราะห์ความสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเหน็ จากการ ฟงั และอา่ นเรื่องท่เี ปน็ สารคดแี ละบนั เทิงคดี พรอ้ มท้ังให้เหตผุ ลและยกตวั อย่าง ประกอบ ต 1.2 ม.4-6/1 สนทนาและเขยี นโต้ตอบข้อมลู เกย่ี วกบั ตนเองและเรื่องต่างๆใกลต้ ัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ประเด็นท่ีอยใู่ นความสนใจของสังคม และสอ่ื สารอย่าง ตอ่ เน่อื งและเหมาะสม ต 1.3 ม.4-6/3 พูดและเขยี นแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกจิ กรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์ ทัง้ ในทอ้ งถิน่ สงั คม และโลก พรอ้ มทั้งให้เหตุผลและยกตัวอยา่ งประกอบ 3. จุดเนน้ การพัฒนาการเรยี นรู้ 5. ใช้ทักษะการส่ือสารอย่างสร้างสรรค์ 6. ใช้เทคโนโลยีเพอ่ื การเรยี นรู้ 7. ทกั ษะการคิดชั้นสงู 8. ใช้ทกั ษะชีวิตอยา่ งมคี วามสุข สามารถใชภ้ าษาอังกฤษเปน็ ภาษาในการสื่อสาร 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้ข่าวสาร กฎหมาย ที่เกิดขึ้นในอดีต เรียนรู้วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา สามารถถาม-ตอบ คำถาม และพดู คยุ โต้ตอบเกย่ี วกบั เนอ้ื หาเร่ือง Oliver Twist ได้ นักเรียนสามารถใชค้ วามคดิ ของตัวเองเข้า มาแสดงความคดิ เห็นได้อยา่ งเตม็ ที่
68 5. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. พูดอภปิ รายคำตดั สินอาชญากรรมเดก็ ได้ 2. อา่ นบทอ่านเรอื่ ง Oliver Twist แลว้ ตอบคำถามได้ 3. เขียนบทวิจารณห์ นังสือ (book review) ที่อ่านได้ 6. สาระการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge) คำ ัพท์ (Vocabulary) ความรู้ความสามารถ (K) (Use of English) คำ พั ท์ คำแปลภา าอังก คำแปลภา า ทย บา้ นเดยี่ ว a detached a house which is not joined to house (n.) another on ขออทุ ธรณ์ either side ความกังวล appeal (vt.) to apply for a retrial ความแตกตา่ ง concern (n.) anxiety distinction (n.) a difference or contrast between บังคับบงั คับใช้ similar things or people enforce (v.) to cause something to happen by การเดินทางเพ่ือจดุ ประสงคใ์ ด necessity or force จุดประสงคห์ นงึ่ expedition (n.) journey or voyage for a definite purpose เผชิญหน้ากบั face up to (v.) to recognize and deal with honestly เห็นแกพ่ ระเจา้ เถอะ and bravely somebody or something แสงเจดิ จา้ ทเ่ี ข้าตา For God’s sake for the benefit of God การจอ้ งเขม็ง (idiom) จบั เขา้ ใจ glare (n.) a strong, fierce, unpleasant light; นวนิยายทีย่ ึดแนวบางอย่าง grasp (vt.) angry or fierce look gripping story (n.) to seize firmly with the hand(s); understand with the mind a story which keeps a firm hold of something
69 คำ ัพท์ คำแปลภา าองั ก คำแปลภา า ทย hanged (v.) to kill somebody by hanging with a แขวนคอ rope around the neck housebreaking entering other people’s houses to การงัดแงะ (n.) steal, especially in daytime injustice (n.) lack of justice; unjust act ความอยตุ ธิ รรม issue (n.) a question that arises for discussion ประเดน็ parliament (n.) supreme law-making council or รัฐสภา assembly poverty (n.) a state of being poor ความจน recommend (v.) to say that one thinks something is แนะนำวา่ ดี good reformatory an institution for reforming young สถานพนิ ิจเด็กและเยาวชน school (n.) offenders against the law by means of special training repetitious (adj.) characterized by repeating ซ้ำๆซากๆ ทัก ะกระบวนการ (P) การฟัง ฟงั รายงานขา่ วคดีอาชญากรรมและฟงั เรื่องย่อจากหนงั สือเรื่อง Oliver Twist การอา่ น อา่ นข่าวอาชญากรรมจากหนังสือพิมพ์และอา่ นเรื่องราวบางตอนจากหนงั สือ เร่อื ง Oliver Twist คุณลกั ณะอันพงประสงค์ (A) 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. ม่งุ มนั ในการทำงาน 3. มีวนิ ยั 4. มีจิตสาธารณะ 7. สมรรถนะสำคัญ ความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแก้ปัญหา และการใชเ้ ทคโนโลยี 8. บูรณาการ อาเซยี น ท้องถ่ิน ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
70 9. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สือ FLASH M.6 STUDENT’S BOOK 2. แอพลเิ คชนั canva เรอ่ื ง Oliver Twist 3. แอพลิเคชนั wordwall เรือ่ ง Oliver Twist 4. Pedled ชนั้ เรียน 10. การวัดและประเมินผล 1. ประเมนิ การทำกจิ กรรมในหนงั สือเรียน 2. สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรใู้ นช่วงการทำกจิ กรรม 3. สังเกต/ประเมนิ จากการทำกจิ กรรมเดย่ี ว – งานคู่ เคร่ืองมอื วัดผล 1. แบบฝกึ หดั ในหนงั สือเรยี นและเอกสารประกอบการเรียน 2. แบบประเมนิ ทักษะทางภาษา 3. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑก์ ารวดั สงิ่ ทีต่ ้องการวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การวดั 1. ความร้คู วามสามารถ (K) 1.1 คำศพั ท์ - แอพลิเคชนั Wordwall เรอ่ื ง ระดับ 3 ดีมาก ระดบั 2 พอใช้ คำศัพทท์ ีเ่ กย่ี วข้องในเน้ือเรื่อง ระดบั 1 ปรบั ปรุง 5 คะแนน ดี - แบบฝึกหัดในหนังสือ FLASH 3-4 คะแนน พอใช้ M.6 STUDENT’S BOOK 0-2 คะแนน ปรับปรงุ 2. ทัก ะกระบวนการ (P) - แบบประเมินทักษะทางภาษา ระดบั 3 ดมี าก 2.1 กระบวนการทำงาน (ทกั ษะการฟัง-อ่าน) ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรุง 3. คุณลัก ณะอันพงประสงค์ - แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึง ระดบั 3 ดมี าก (A) ประสงค์ ระดับ 2 พอใช้ 3.1 ใฝ่เรียนรู้ ระดับ 1 ต้องปรับปรงุ 3.2 มุ่งมันในการทำงาน 3.3 มวี ินยั 3.4 มจี ติ สาธารณะ
71 11. กิจกรมการจัดการเรียนรู้ ขน้ั กระต้นุ ใหท้ ำ (Stimulation) 1. ครนู ำสนทนาเก่ยี วกบั ข่าวปญั หาอาชญากรรมในชีวิตประจำวัน แลว้ ใหน้ ักเรียนนำเสนอ ว่ามีปัญหาอาชญากรรมอะไรบ้างท่เี กิดขึ้นบอ่ ยๆ 2. ใหน้ กั เรยี นบอกวธิ ีการรับมือเมื่อเจอเหตุการณ์อาชญากรรมต่างๆทน่ี ักเรียนรู้ ขัน้ นำเสนอให้คดิ (Presentation) 3. ใหน้ กั เรยี นเปดิ หนังสือ FLASH M.6 STUDENT’S BOOK หนา้ 58 แบบฝึกหัดขอ้ 1 ใหน้ ักเรียน อ่านบทอ่านเกี่ยวกับอาชญากรรมเด็กคร่าวๆและดูภาพเด็กอายุ 11 ปี ซึ่งถูกตัดสนิ ให้จำคุก 1 เดือน ข้อหา ขโมยผลไม้และถูกสง่ ตวั ไปอยู่ท่สี ถานปรับปรุงความประพฤติ 5 ปขี ณะทอี่ ่านให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำศัพท์ที่ ไม่รู้จักแล้วเดาความหมายคำศัพท์จากปริบทข้างเคียงจากนั้นให้นักเรยี นจับคู่อภิปรายว่าคำตัดสินดังกล่าว เหมาะสมเพยี งใด 4. ครูเปิดแอพลเิ คชัน canva เรอ่ื ง Oliver Twist 5. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม และให้นักเรียนอ่านเรื่องราว Oliver Twist ในหนังสือ FLASH M.6 STUDENT’S BOOK หนา้ 58 และร่วมกันทำความเข้าใจเรือ่ งราวในหนังสอื โดยมีครูคอยดูแล และเสริมข้อทผ่ี ิดพลาดหรอื ตกหลน่
72 ขนั้ สาธติ ให้ดู (Demonstration) 6. นักเรียนอ่านเรื่อง Oliver Twist อีกครั้งหนึ่งแล้วแบบฝึกหัดข้อ 5 ในหนังสือ FLASH M.6 STUDENT’S BOOK หนา้ 59 7. ครูให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มที่แบ่งไว้ในตอนแรก เฉลยคำตอบของแบบฝึกหัดแต่ละข้อ และให้ นักเรียนคนทเี่ หลอื ตรวจสอบคำตอบของตวั เอง 8. ครูทบทวนนักเรียนเกี่ยวกับคำศัพท์สำคัญในบทเรียนโดยใช้ wordwall.com ในการทบทวน โดยจะใชค้ ำศัพท์ดงั น้ี 9. ครูให้นักเรียนจับคู่คำศัพท์กับความหมายภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง ครูและนักเรียนอธิบาย ความหมายเปน็ ภาษาไทยอีกคร้งั เพอ่ื ความเขา้ ใจมากยง่ิ ข้ึน
73 ขน้ั เรยี นรู้จาการประเมิน (Self-Assessment) 10. นักเรยี นทำแบบฝึกหัดขอ้ 7 สมมุตใิ หน้ ักเรยี นเป็นนักสบื ซึ่งจะตอ้ งเตรียมแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับ การโจรกรรมในเรอ่ื ง Oliver Twist และรายงานเหตกุ ารณท์ ่เี กิดขึ้นให้นกั เรียนในหอ้ งทราบ ตามหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี - When the burglary took place - Who broke into the house - How they broke into the house - Whether they were carrying weapons - What happened in the end 11. ให้นักเรียนเขียนบทความเกีย่ วกับหนังสือที่ตัวเองชื่นชอบ และอยากแนะนำให้เพื่อนอ่านมาก ที่สุด โดยที่นักเรียนต้องทำในรูปแบบของ infographic นักเรียนต้องแนะนำหนังสือตามหัวข้อที่ครูกำหนด ตอ่ ไปนี้ 1. What’s the name of the book? (ชอ่ื หนังสอื ) 2. By whom is written the book? (ช่อื ผเู้ ขียน) 3. What’s it about? (เป็นหนงั สอื เกย่ี วกบั อะไร/เรื่องอะไร) 4. The reasons why do you like the book? (เหตผุ ลท่ชี อบอา่ นหนังสอื เลม่ นี้) 5. What have you learned from the book? (สง่ิ ทเ่ี ราได้เรียนรู้ หรอื ได้รับหลงั จากท่ี อ่านหนังสอื เล่มน)ี้ ข้ันเพลิดเพลนิ กบั การนำ ปใช้ (Production) 12. ครูและนกั เรยี นสรุปเร่อื งราวของ Oliver twist ดว้ ยกนั อกี ครั้ง
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 เร่ือง Oliver T หอ้ ง ผลการจดั การเรยี นรู้ ความร้คู วามสามารถ (K) ทักษะกระบวนการ (P) นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง นักเรยี นรอ้ ยละ 90 สามารถอ่าน และ นัก 6/1 Oliver Twist ผ่านเกณฑ์ระดับดี เขา้ ใจจากเร่ืองท่ีเรียนได้ ผ่า 20 คน ระดบั พอใช้ 1 คน ระ คว นกั เรยี นทำแบบฝึกหัด เรอื่ ง นกั เรียนรอ้ ยละ 90 สามารถอ่าน และ นัก 6/2 Oliver Twist ผ่านเกณฑร์ ะดับดี เข้าใจจากเร่ืองท่ีเรยี นได้ ผ่า 24 คน ระดับพอใช้ 2 คน ระ คว นักเรียนทำแบบฝึกหดั เร่อื ง นักเรยี นรอ้ ยละ 90 สามารถอ่าน และ นัก 6/4 Oliver Twist ผ่านเกณฑร์ ะดับดี เขา้ ใจจากเร่ืองที่เรยี นได้ ผ่า 27 คน ระดบั พอใช้ 1 คน ระ คว นกั เรยี นทำแบบฝึกหัด เรอ่ื ง นกั เรียนรอ้ ยละ 90 สามารถอ่าน และ นัก 6/6 Oliver Twist ผา่ นเกณฑร์ ะดับดี เข้าใจจากเรื่องท่ีเรียนได้ ผา่ 26 คน ระดับพอใช้ 2 คน ระ คว
บันทกึ หลังสอน จำนวน 1 คาบ 74 Twist ขอ้ เสนอแนะ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ปัญหา/อุปสรรค กเรียนมีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - านเกณฑ์ ไดร้ บั คะแนนเฉลย่ี อยู่ใน มีนักเรยี น 2 คน ที่ไม่ - ะดบั ดี อยู่อยา่ งพอเพียงและรกั สามารถประเมินได้ - วามเป็นไทย เนื่องจากไม่ทำ - กเรยี นมีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ แบบทดสอบหลงั เรียน านเกณฑ์ ได้รบั คะแนนเฉล่ยี อยูใ่ น มนี กั เรียน 5 คน ที่ไม่ ะดบั ดี อยู่อยา่ งพอเพียงและรกั สามารถประเมนิ ได้ วามเปน็ ไทย เนอ่ื งจากไม่ทำ กเรยี นมีคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ แบบทดสอบหลงั เรยี น านเกณฑ์ ไดร้ บั คะแนนเฉล่ยี อย่ใู น มนี ักเรียน 9 คน ท่ีไม่ ะดับ ดี อยู่อย่างพอเพียงและรัก สามารถประเมินได้ วามเปน็ ไทย เนื่องจากไม่ทำ กเรยี นมีคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ แบบทดสอบหลงั เรียน านเกณฑ์ ได้รับคะแนนเฉลย่ี อยู่ใน มนี กั เรียน 8 คน ที่ไม่ ะดับ ดี อยู่อยา่ งพอเพียงและรกั สามารถประเมนิ ได้ วามเปน็ ไทย เน่ืองจากไม่ทำ แบบทดสอบหลงั เรยี น
หอ้ ง ผลการจดั การเรยี นรู้ ความรู้ความสามารถ (K) ทักษะกระบวนการ (P) นกั เรียนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง นักเรยี นร้อยละ 80 สามารถอ่าน และ นัก 6/8 Oliver Twist ผา่ นเกณฑ์ระดับดี เขา้ ใจจากเรื่องที่เรยี นได้ ผา่ 27 คน ระดบั พอใช้ 1 คน ระ คว ลงช่ือ .......................................... ครผู สู้ อน (นายรุสลาน สาแม) .....30..... /...ธ.ค......... /...2564.......
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ปญั หา/อปุ สรรค 75 ข้อเสนอแนะ กเรียนมีคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มนี ักเรยี น 3 คน ท่ีไม่ านเกณฑ์ ไดร้ ับคะแนนเฉลย่ี อยใู่ น สามารถประเมนิ ได้ ะดบั ดี อยู่อยา่ งพอเพียงและรกั เนื่องจากไม่ทำ วามเป็นไทย แบบทดสอบหลังเรียน ลงช่อื .......................................... (นางสาวเพรศิ พิศ คหู ามุข) .......... /........... /..........
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 76 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ รายวิชา ภาษาอังกฤษ 6 รหสั วิชา อ33102 สพม.ยะลา หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 Learning เรอ่ื ง Reported speech ชั้นมัธยม ก าที่ 6 เวลาเรยี น 1 คาบ ครผู สู้ อน ครูรสุ ลาน สาแม โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จังหวดั ยะลา 1. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 : ภาษาเพ่ือการสอื่ สาร มฐ. ต 1.1 ม.4-6/4, ต 1.2 ม.4-6/4 สาระที่ 2 : ภาษาและวัฒนธรรม มฐ. ต 2.2 ม.4-6/1 สาระท่ี 4 : ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ ับชุมชนและโลก มฐ. ต 4.1 ม.4-6/1, ต 4.2 ม.4-6/1 2. ตัวชี้วดั ต 1.1 ม.4-6/4 จบั ใจความสำคญั วิเคราะห์ความ สรุปความ ตคี วาม และแสดงความคดิ เห็นจากการ ฟังและอา่ นเร่ืองที่เป็นสารคดีและบนั เทงิ คดี พร้อมทงั้ ใหเ้ หตุผลและยกตวั อย่าง ประกอบ ต 1.2 ม.4-6/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลบรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความ คดิ เหน็ เกี่ยวกับเร่ือง/ประเด็น/ข่าว/เหตกุ ารณท์ ่ีฟงั และอ่านอยา่ งเหมาะสม ต 2.2 ม.4-6/1 อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวน คำ พงั เพย สุภาษติ และบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย ต 4.1 ม.4-6/1 ใช้ภาษาสือ่ สารในสถานการณจ์ รงิ /สถานการณ์จำลองที่เกิดขึน้ ในหอ้ งเรียน สถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม ต 4.2 ม.4-6/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสบื คน้ /ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความร/ู้ ข้อมลู ต่าง ๆ จากสอ่ื และแหลง่ การเรยี นร้ตู ่าง ๆ ในการศกึ ษาต่อและประกอบอาชีพ 3. จุดเนน้ การพฒั นาการเรยี นรู้ 1. แสวงหาความร้เู พื่อการแกไ้ ขปัญหา 2. การใชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ 3. ทักษะการคดิ ขน้ั สงู 4. การสอ่ื สารอยา่ งอย่างสรา้ งสรรคต์ ามช่วงวัย
77 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เขียนประโยคโดยใช้ Reported speech ใช้คำศัพท์ สำนวน โครงสร้างทางภาษาที่กำหนด เป็นการ สง่ เสริมทักษะในการใช้ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสารและเปน็ พ้นื ฐานที่ดีในการศกึ ษาระดบั ทส่ี ูงขนึ้ 5. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. เขยี นประโยค reported speech ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 2. เปลี่ยนประโยค direct speech เป็นประโยค reported speech ได้ 3. สามารถเปรยี บเทยี บความแตกต่างของประโยค reported speech ในประโยคตา่ ง ๆ ได้ 6. สาระการเรียนรู้ (KPA) He said, “It isn’t exactly accurate.” ความรู้ความรู้ความสามารถ (K) He said that it wasn’t exactly accurate. Grammar: Reported speech 1.1 Reported statements Direct statement Reported statement 1.2 Reported questions - ประโยคคำถามท่ีขนึ้ ต้นด้วย Yes/No question Direct question She said, “Are you tired?” Reported question She asked me if/whether I was tired. - ประโยคคำถามทขี่ นึ้ ต้นด้วย Question word Direct question He said, “Where do you live?” Reported question He asked her where she lived. 1.3 Reported command and requests Direct command and requests The teacher said, “Keep quiet.” Reported command and requests The teacher told us to keep quiet.
ทัก ะกระบวนการ (P) 78 1. ทักษะการพดู 2. ทักษะการคิด ทอ้ งถิ่น คณุ ลัก ณะอันพงประสงค์ (A) 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. มุง่ มันในการทำงาน 3. มวี นิ ัย 4. มจี ิตสาธารณะ 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น - ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ - การสื่อสาร - การคดิ - การแก้ปัญหา - การใชเ้ ทคโนโลยี 8. บรู ณาการ ������ อาเซียน ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 9. สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ 1. ส่ือนำเสนอ (Presentation) เร่อื ง Reported speech 2. ส่อื เกม Wordwall 3. Padlet ของชัน้ เรียน 10. การวัดและประเมนิ ผล 1. ประเมนิ การทำกิจกรรมในหนังสอื เรยี น 2. สังเกตพฤติกรรมการเรียนรูใ้ นช่วงการทำกิจกรรม 3. สังเกต/ประเมนิ จากการทำงานเดย่ี ว เครื่องมือวัดผล 1. แบบฝกึ หดั ในหนงั สือเรียนและเอกสารประกอบการเรียน 2. แบบประเมินทักษะทางภาษา 3. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
79 เกณฑ์การวดั เครื่องมอื วดั เกณฑ์การวัด สิง่ ท่ตี ้องการวัด 1. ความรูค้ วามสามารถ (K) - แบบทดสอบเร่ือง Passive 8-10 คะแนน ดี 1.1 คำศพั ท์ voice 5-7 คะแนน พอใช้ - เกมใน word wall เร่อื ง 1-4 คะแนน ปรับปรงุ 2. ทัก ะกระบวนการ (P) Passive voice 2.1 กระบวนการทำงาน - การออกเสียงคำศัพท์ ระดับ 3 ดีมาก 3. คณุ ลกั ณะอันพงประสงค์ - การพดู แสดงความคดิ เห็น ระดับ 2 ดี (A) - การเขียนประโยค ระดบั 1 ตอ้ งปรบั ปรุง 3.1 ใฝ่เรยี นรู้ 3.2 มงุ่ มันในการทำงาน - แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึง ระดับ 3 ดมี าก 3.3 มวี นิ ยั ระดบั 2 ดี 3.4 มจี ติ สาธารณะ ประสงค์ ตอ้ งปรับปรุง ระดับ 1 11. กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันกระตนุ้ ใหท้ ำ (Stimulation) 1. ครใู ห้นกั เรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพ่ือเลน่ กจิ กรรมก่อนเรียน 2. ครใู ห้ตัวแทนแต่ละกลมุ่ เลอื กประโยคท่ีครกู ำหนดให้คนละ 1 ประโยค 3. ครนู ำเสนอรูปแบบ และวธิ ีการเล่นกิจกรรม คนที่ 1 คนท่ี 2 คนที่ 3 คนท่ี 4 คนท่ี 5 โดยกิจกรรมครจู ะให้ตวั แทนที่เลือกประโยคที่ครูกำหนดให้เปน็ นักเรยี นคนท่ี 1 จากนั้นให้นักเรียนคน ที่ 1 กระซิบประโยคทไี่ ดร้ ับใหน้ ักเรยี นคนท่ี 2 และนักเรยี นคนที่ 2 กระซิบต่อใหน้ กั เรยี นคนท่ี 3 เร่ือย ๆ จนถงึ นกั เรยี นคนสดุ ทา้ ย และคนสดุ ท้ายเปน็ คนเฉลยว่านกั เรียนคนที่ 1 พูดประโยคอะไร 4. ครเู ฉลยวา่ ส่งิ ท่ีนกั เรียนคนที่ 5 พดู ออกมานน้ั เรียกว่า Reported speech ขนั้ นำเสนอให้คดิ (Presentation) 5. ครวู าดนำเสนอแผนผังเพื่อแสดงรปู แบบการสนทนาของครูและนกั เรยี น
80 ABC โดย A แทนนกั เรยี นคนท่ี 1 B แทนนกั เรียนคนที่ 2 และ C แทนครู 6. ครนู ำเสนอขอ้ มูลรปู แบบการสนทนาจากแผนผังดังน้ี การสนทนาระหว่าง A B C มีลกั ษณะต่างกัน กลา่ วคอื การสนทนาระหว่าง A และ B เรยี กว่า direct speech แต่เมื่อ B นำข้อทูลทไ่ี ดจ้ าก A ไปเล่าสู่ C ฟัง ลกั ษณะนเี้ รียกวา่ reported speech 7. นำเสนอประโยค direct speech และ reported speech ผ่าน canva ใหน้ ักเรยี นเปรยี บเทยี บ ลักษณะและความหมายของประโยคท้ังสองรูปแบบ ดังนี้ Direct speech Reported speech He said, “I’m really good at maths.” He said he was really good at maths. He said to us,“Be quiet.” He ordered us to be quiet. She said,“Is it true that Dan is the murderer?” She asked me if it was true that Dan was the murderer. The teacher said, “Why are you so bad The teacher asked me why I was so at maths?” bad at maths. 8. ครใู ห้นักเรยี นศึกษาความรู้เรื่อง Reported speech จากใบความรู้เรอื่ ง Reported speech Reported speech Direct speech คอื ประโยคทแ่ี สดงข้อความคำพูดที่ออกจากปากผพู้ ูดโดยตรง มีเคร่อื งหมาย “_____” หรือ quotation marks คลมุ ขอ้ ความทพ่ี ดู นั้น ดังประโยคในตารางทางดา้ นซา้ ย Reported statement/ Indirect speech คือการนำคำพดู ของคนอ่นื มาเล่าให้ผอู้ ่ืนฟงั โดยต้อง มีการเปล่ียนแปลงสรรพนามคำกริยาและคำท่ีแสดงสถานท่ี เวลาใหถ้ ูกต้องกบั วันและเวลาที่นำมาเล่าและเป็น คำพูดของผู้เลา่ เอง ให้นักเรียนดูตัวอย่างประโยคของกิจกรรม GRAMMAR ในหนังสือ FLASH M.6 STUDENT’S BOOK หน้า 63 เพมิ่ เตมิ แลว้ ทำความเขา้ ใจหลกั การเปลีย่ นประโยค direct speech เป็น reported speech วธิ ีการเปลี่ยนคำพูด direct speech เปน็ reported speech 1. ตดั เคร่ืองหมาย (,) ออก 2. เตมิ คำว่า that หลัง reported verbs ซ่ึงในบางประโยคอาจละ that ได้ 3. ตัดเคร่อื งหมายคำพูด (quotation marks) 4. เปลี่ยนสรรพนามในคำพูดให้เหมาะสมกบั วัน-เวลาและสถานท่ที ี่เปลยี่ นไปแลว้ 5. เปลี่ยน tense ของคำกริยาเดมิ ใหถ้ กู ต้องเวลาท่ีเปลยี่ นไปแลว้ เมอื่ นำไปเล่าใหผ้ ้อู ่นื ฟงั
81 การเปลี่ยน tense ของคำกรยิ าให้ถกู ตอ้ งใน reported speech 1. present simple tense - past simple tense direct speech : He said, “I want to swim.” reported speech : He said that he wanted to swim. 2. present continuous tense - past continuous tense direct speech : Jenny said, “I’m going to London.” reported speech : Jenny said that she was going to London. 3. present perfect tense - past perfect tense direct speech : Tom said, “I have finished my work.” reported speech : Tom said that he had finished his work. 4. past simple tense - past perfect tense direct speech : Mary said, “I went to hospital.” reported speech : Mary said that she had gone to hospital. 5. future simple ‘will’ - past future ‘would’ direct speech : He said, “I will go swimming.” reported speech : He said that he would go swimming. หมายเหตุ: กรยิ าช่วยอน่ื ๆ เชน่ shall-should, can-could, may-might และ must-had to direct speech : He said, “I shall go to Bangkok.” reported speech : He said that he should to Bangkok. direct speech : He said, “I can’t speak Thai.” reported speech : He said that he couldn’t speak Thai. direct speech : He said, “I may not go to college.” reported speech : He said that he might not go to college. direct speech : He said, “I must go to college.” reported speech : He said that he had to go to college. ข้อควรจำเพม่ิ เตมิ 1. คำหรือขอ้ ความระบุเวลาใน direct speech ตอ้ งเปลีย่ นเป็น direct speech: reported speech: - now - then - today - that day
82 - yesterday - the day before/the previous day - tonight - that night - tomorrow - the next day/the following day - next (week) - the following (week) - ago - before - last (week) - the previous (week) - the day before yesterday - earlier/two days before - the day after tomorrow - later in two days/two days after - a year ago - a year before/the previous year 2. คำหรอื ข้อความระบคุ วามใกล้-ไกลใน direct speech ต้องเปลยี่ นเปน็ direct speech: reported speech: - here - there - this - that - these - those direct speech : He said, “This is the house where she lives.” reported speech : He said that was the house where she lived. direct speech : He said, “I will go to Bangkok tomorrow.” reported speech : He said that he would go to Bangkok the next day. หมายเหต:ุ หากขอ้ ความใน direct speech เปน็ facts, advice หรอื proverbs ประโยค reported speechไม่ตอ้ งมกี ารเปล่ยี นแปลงใดๆ เช่น direct speech : He said, “Water boils at 100 degree Celsius.” reported speech : He said that water boils at 100 degrees Celsius. direct speech : He said, “You should study every day.” reported speech : He said that you should study every day. การเปล่ียน direct question เป็น reported question 1. ประโยคคำถามทข่ี นึ้ ตน้ ด้วยกรยิ าชว่ ย (Yes/No question) ใน reported question - ใชค้ ำกรยิ า ask/asked/inquire/inquired/wonder/wondered/want to know/wanted to know - ใช้ if/whether เป็นตัวเชอื่ มความ - เรียงรูปประโยคแบบประโยคบอกเลา่ 2. ประโยคคำถามทข่ี นึ้ ต้นด้วย question word ใน reported question ตอ้ ง
83 - ใชค้ ำกริยา ask/asked/inquire/inquired/wonder/wondered/want to know/wanted to know - ใช้ question word ใน direct question เปน็ ตัวเช่อื มความ - เรยี งรปู ประโยคแบบประโยคบอกเล่า direct speech : He asked, “Do you like golf?” reported speech : He asked if I liked golf. direct speech : He said to me, “Can you swim?” reported speech : He asked me whether I could swim. direct speech : He asked, “Where is Mary now?” reported speech : He asked me where Mary was then. reported verbs reported verb + to-infinitive: tell somebody to do something. advise somebody to do something. refuse to do something. promise to do something. reported verb + gerund (v-ing): admit doing something. deny doing something. accuse someone of doing something. congratulate on doing something. 9. ครูเปิดแอพลิชัน word wall และให้นักเรียนจับคู่ประโยค direct speech และ reported speech จำนวน 5 ข้อท่กี ำหนดให้ ใหถ้ ูกต้อง ข้นั สาธติ ใหด้ ู (Demonstration) 10. นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Reported speech เขียนเติมประโยคทั้ง 6 ข้อให้เป็นประโยค reported speech ในรูปของ past tense ทีส่ มบูรณ์ ดังน้ี 1. ‘Stop talking!’ He ……………...... me to stop talking. 2. ‘Can you help me?’ She ………………… me to stop her. 3. ‘You should go you the doctor.’ He ……………..... Me to go to a doctor. 4. ‘I’ll do and buy a pizza.’ He ……………..... to buy a pizza. 5. ‘OK, I’ll make dinner.’ He …………….…. to make dinner. 6. I won’t tidy my room.’ He ………………... to tidy his room.
84 11. ครูอธิบายเพิ่มเติมถึงที่มาของคำตอบหลังจากเฉลยแต่ละข้อ เมื่อเฉลยทุกขอ้ แล้ว ครูประเมินการ ทำแบบฝึกหัดของนักเรียนจากคำตอบที่ถูกต้อง โดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 70 ครูชมเชยและให้กำลังใจ นักเรยี นทุกคน ขน้ั เรียนร้จู าการประเมิน (Self-Assessment) 12. ครูให้นักเรียนเปลี่ยนประโยค direct speech เป็น reported speech และให้นักเรียนเฉลย คำตอบที่ถูกตอ้ งคนละ 1 ประโยคนักเรียนเปรียบเทียบคำตอบกบั เพื่อนอภปิ รายคำตอบทีไ่ ม่เหมือนกันครูและ นกั เรยี นชว่ ยแกใ้ นสว่ นท่ผี ิด โดยใชค้ ำถามดังน้ี 1. ‘Do you know where Martin lives?’ He asked me ……………………………………………. 2. 'Is Jack still a teacher?' She asked me …………………………………………… 3. 'Is it raining?' He asked me ……………………………………………. 4. 'How long have they been married?' She asked me ………………………………………….. 5. 'Do you want to come out tonight?' They asked me ………………………………………... 6. 'Which university did your brother go to?' He asked me …………………………………………… ขน้ั เพลดิ เพลนิ กบั การนำ ปใช้ (Production) 13. นักเรียนช่วยกันสรุปหลักการเปล่ียนประโยคจาก direct speech เปน็ reported speech และ ครทู ดสอบด้วยการส่มุ เรยี กนักเรียน 4-5 คนออกมาเขียนประโยคท้งั 2 ชนิด ที่แต่งเองจาก ชวี ติ ประจำวันของ นักเรียน
85 ภาคผนวกแผนการจัดการเรยี นรเู้ รอ่ื ง Reported Speech
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 6 เรื่อง Reported ห้อง ผลการจดั การเรยี นรู้ ความร้คู วามสามารถ (K) ทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรียนทำแบบฝึกหัด เรอ่ื ง นักเรียนรอ้ ยละ 80 สามารถเขียน นัก ผา่ 6/1 Reported ผา่ นเกณฑ์ระดับดี 15 ประโยคในรปู ของ Reported ระ คน speech และอา่ นออกเสียงคำได้ คว นกั อย่างถูกต้อง ผา่ ระ นักเรยี นทำแบบฝึกหดั เรื่อง นกั เรยี นรอ้ ยละ 80 สามารถเขียน คว นัก 6/3 Reported ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี 25 ประโยคในรปู ของ Reported ผา่ คน speech และอา่ นออกเสยี งคำได้ ระ คว อยา่ งถูกต้อง นัก ผา่ นักเรยี นทำแบบฝึกหดั เรือ่ ง นักเรียนร้อยละ 80 สามารถเขยี น 6/6 Reported ผา่ นเกณฑร์ ะดับดี 18 ประโยคในรูปของ Reported คน speech และอ่านออกเสียงคำได้ อยา่ งถูกต้อง นักเรยี นทำแบบฝึกหดั เร่ือง นักเรยี นร้อยละ 80 สามารถเขยี น 6/8 Reported ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี 20 ประโยคในรูปของ Reported คน
บนั ทึกหลังสอน จำนวน 1 คาบ 86 d speech ข้อเสนอแนะ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ปญั หา/อปุ สรรค - กเรยี นมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - - านเกณฑ์ ได้รับคะแนนเฉลย่ี อยใู่ น - ะดับ ดี อยู่อย่างพอเพยี งและรัก วามเปน็ ไทย กเรียนมีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มีนักเรยี น 7 คน ท่ีไม่ านเกณฑ์ ไดร้ บั คะแนนเฉลยี่ อยใู่ น สามารถประเมินได้ ะดับ ดี อยู่อยา่ งพอเพียงและรกั เนื่องจากไม่ทำ วามเป็นไทย แบบทดสอบหลงั เรียน กเรียนมีคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ านเกณฑ์ ได้รับคะแนนเฉลย่ี อยูใ่ น ะดับ ดี อยู่อยา่ งพอเพยี งและรัก วามเปน็ ไทย กเรียนมคี ุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มนี กั เรียน 10 คน ที่ไม่ านเกณฑ์ ไดร้ ับคะแนนเฉลี่ยอยใู่ น สามารถประเมนิ ได้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145