ตอนที่ 1 ใบงานท่ี 1 คำชแ้ี จง การฟงั และการดูสอ่ื ให้นกั เรียนนำเลขหนา้ ขอ้ ความในกรอบไปเขยี นหนา้ ข้อความท่ีกำหนดให้ โดยพิจารณา ใหม้ คี วามสมั พนั ธก์ ัน 1. การรับสารทม่ี ีการโตต้ อบระหว่างผรู้ บั สารกบั ผสู้ ง่ สาร 2. การรับสารทีไ่ มม่ ีการโต้ตอบระหว่างผรู้ ับสารกบั ผสู้ ง่ สาร การดขู ่าว การดูภาพยนตร์ การพูดโทรศัพท์ การดคู ัตเอาทโ์ ฆษณา การดูปา้ ยจราจร การสนทนาทางอนิ เทอร์เน็ต การฟังการโตว้ าที การฟงั การอภิปราย การฟงั คำอธบิ าย การชมรายการแสดงคอนเสิร์ต ตอนที่ 2 คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นนำข้อความทก่ี ำหนดให้เขียนลงในตารางให้ตรงกับจดุ มุง่ หมายของการรับสาร ฟังเทศน์ ฟงั คำบรรยาย ฟงั การอภิปราย ฟังการโตว้ าที ฟังเพลง ฟงั การบรรยายธรรม ฟังการใหโ้ อวาท ชมนิทรรศการ ฟังการอ่านบทความวิชาการ ชมการละเลน่ ของเด็กไทย ฟังหรอื ดเู พ่ือแสวงหาความรู้และ ฟงั หรือดูเพ่ือใหเ้ กิดความเพลิดเพลนิ และ ฟงั หรอื ดูเพ่ือให้ได้ข้อคดิ ความรอบรู้ ความซาบซง้ึ
ตอนที่ 3 คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามที่กำหนดให้ถกู ต้อง ชัดเจน 1. จงอธบิ ายลักษณะของผ้ฟู งั และผ้ดู ูทีด่ ี 2. จากข้อ 1 การปฏิบตั ิตนของผู้ฟังทีด่ ี ข้อใดที่เป็นการปฏิบัตติ ามหวั ใจนกั ปราชญ์ 3. การนำความรู้จากการฟังและการดูไปใชป้ ระโยชน์ จะตอ้ งใชค้ วามรู้ความสามารถในดา้ นใด 4. การตั้งใจฟงั และดูอยา่ ง “ต้ังใจ” มีลักษณะอย่างไร 5. มีจดุ มุ่งหมายในการฟัง หมายความวา่ อย่างไร 6. จดุ ประสงค์ของการรบั สารด้วยทักษะการฟงั และการดู มีกลี่ กั ษณะ อะไรบ้าง 7. มารยาท หมายถงึ อะไร
8. ผ้มู ีมารยาทในการฟังและดู มีประโยชน์อย่างไร 9. การปลูกฝงั มารยาทในการฟังและการดูท่ีดี ควรปฏิบัตอิ ย่างไร 10.ผูม้ มี ารยาทในการฟังและการดใู นที่ชุมชน ควรปฏิบัตติ นอย่างไร
ตอนที่ 1 เฉลยใบงานที่ 1 คำชแ้ี จง การฟงั และการดสู ่อื ให้นกั เรียนนำเลขหน้าข้อความในกรอบไปเขียนหนา้ ข้อความท่ีกำหนดให้ โดยพจิ ารณา ใหม้ คี วามสมั พนั ธ์กัน 1. การรบั สารทม่ี ีการโตต้ อบระหวา่ งผู้รับสารกับผสู้ ่งสาร 2. การรับสารที่ไมม่ ีการโต้ตอบระหว่างผูร้ ับสารกับผ้สู ง่ สาร ตอนที่ 2 2 การดูข่าว คำชีแ้ จง 2 การดูภาพยนตร์ 1 การพดู โทรศัพท์ 2 การดคู ตั เอาท์โฆษณา 2 การดูป้ายจราจร 1 การสนทนาทางอนิ เทอรเ์ น็ต 2 การฟังการโต้วาที 1 การฟงั การอภิปราย 1 การฟังคำอธบิ าย 2 การชมรายการแสดงคอนเสริ ์ต ให้นกั เรยี นนำข้อความที่กำหนดให้เขยี นลงในตารางใหต้ รงกับจดุ มุง่ หมายของการรบั สาร ฟงั เทศน์ ฟังคำบรรยาย ฟงั การอภิปราย ฟังการโต้วาที ฟังเพลง ฟังการบรรยายธรรม ฟังการใหโ้ อวาท ชมนทิ รรศการ ฟงั การอ่านบทความวิชาการ ชมการละเลน่ ของเด็กไทย ฟังหรอื ดูเพื่อแสวงหาความรู้และ ฟงั หรือดเู พื่อให้เกิดความเพลิดเพลินและ ฟังหรอื ดูเพ่ือให้ไดข้ ้อคิด ความรอบรู้ ความซาบซง้ึ ฟังคำบรรยาย ฟงั การโตว้ าที ฟังเทศน์ ฟังการอภปิ ราย ฟงั เพลง ฟังการบรรยายธรรม ฟังการอ่านบทความวิชาการ ชมนทิ รรศการ ฟังการใหโ้ อวาท ชมการละเล่นของเด็กไทย
ตอนท่ี 3 คำช้ีแจง ให้นกั เรียนตอบคำถามท่ีกำหนดให้ถูกต้อง ชัดเจน 1. จงอธิบายลักษณะของผูฟ้ ังและผ้ดู ทู ี่ดี ผ้ฟู งั และผดู้ ูท่ีดีมลี กั ษณะ ดังนี้ 1. มีจุดมงุ่ หมายในการฟังและการดู 2. มคี วามพรอ้ มในการฟังและการดู 3. มคี วามสนใจในสาร 4. มคี วามตั้งใจฟงั และตั้งใจดู 5. มีอาการสำรวมและมีมารยาทอันดี ใหเ้ กียรติผู้ส่งสาร 6. มีความสามารถในการจับใจความ 2. จากข้อ 1 การปฏบิ ัตติ นของผู้ฟังทดี่ ี ข้อใดท่เี ปน็ การปฏิบัติตามหวั ใจนักปราชญ์ การจดบันทึกส่ิงที่ฟังและดมู าแลว้ นำไปใช้ประโยชน์ 3. การนำความรจู้ ากการฟงั และการดูไปใชป้ ระโยชน์ จะตอ้ งใชค้ วามรู้ความสามารถในด้านใด ความสามารถในการจบั ใจความ 4. การต้ังใจฟังและดู “ตงั้ ใจ” มีลักษณะอย่างไร ต้ังใจ คอื ผรู้ บั สารต้องมีความเอาใจใส่จดจ่ออยู่กบั เรอื่ งท่ีฟงั และมคี วามอดทนฟงั ตั้งแตต่ ้นจนจบ 5. มีจดุ มุ่งหมายในการฟัง หมายความว่าอย่างไร การตั้งจุดมงุ่ หมายวา่ จะฟังในลักษณะใด แล้วจบั ใจความสำคัญของเรือ่ งท่ฟี ังไปตามจดุ มงุ่ หมาย เพื่อให้ได้สาร อย่างสมบรู ณ์ 6. จดุ ประสงคข์ องการรับสารดว้ ยทกั ษะการฟัง และการดู มกี ลี่ กั ษณะ อะไรบา้ ง 1. ฟงั หรอื ดู เพอื่ แสวงหาความรู้และความรอบรู้ 2. ฟังหรือดู เพอื่ ใหเ้ กิดความเพลดิ เพลินและความซาบซึ้ง 3. ฟงั หรอื ดู เพื่อใหไ้ ดข้ ้อคิด 7. มารยาท หมายถงึ อะไร ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิในการอยูร่ ว่ มกับผอู้ นื่ ถ้าขาดมารยาทจะกลายเปน็ คนเห็นแก่ตัวไม่มคี วามสภุ าพ
8. ผ้มู ีมารยาทในการฟังและดู มีประโยชนอ์ ยา่ งไร เป็นบุคคลทม่ี ีวัฒนธรรมอนั ดงี าม ได้รบั การยกย่อง ยอมรบั จากผู้อ่นื เปน็ ผู้มีมนุษยสัมพนั ธ์ 9. การปลกู ฝงั มารยาทในการฟังและการดูทดี่ ี ควรปฏบิ ัตอิ ยา่ งไร 1. แสดงความตง้ั ใจและมคี วามกระตอื รือรน้ ในการฟังและการดู 2. มคี วามสำรวม 3. มีมารยาทในการฟังและการดใู นท่ชี มุ นมุ ชน 10.ผูม้ มี ารยาทในการฟังและการดูในท่ชี ุมชน ควรปฏบิ ัตติ นอย่างไร 1. ถา้ เปน็ การประชุมให้ไปตรงเวลาหรือก่อนเวลาเลก็ น้อย ถ้ามีเอกสารประกอบการประชมุ กใ็ ห้อา่ นมาล่วงหนา้ 2. อยใู่ นอาการสงบไม่พูดคยุ กันหรือทำธรุ ะสว่ นตวั 3. ไม่ควรนำสตั วเ์ ลีย้ งหรือเด็กเล็กเข้าไปด้วย 4. ไมล่ กุ ขนึ้ เดนิ เข้า-ออกบอ่ ยโดยไม่จำเป็น ถ้าตอ้ งออกไปก่อนเวลาควรเลือกนั่งใกล้ทางออก 5. ไม่นำอาหาร เคร่ืองด่ืม หรอื ของขบเค้ียวเขา้ ไปรับประทาน 6. ไม่แสดงอาการท่ีไม่เหมาะสมต่อเพื่อนตา่ งเพศในที่ประชุมหรือการชมการแสดง 7. ควรปรบมอื ให้เป็นเกียรติแกผ่ ู้พูดเม่ือมีการแนะนำผพู้ ูดหรือเมื่อผู้พดู พูดจบลง 8. ในการดูมหรสพ เมอื่ มีการบรรเลงเพลงสรรเสรญิ พระบารมี ควรยืนตรงแสดงความเคารพ ไม่พดู คยุ หรอื ลุกขึ้น เดินในระหว่างที่เพลงสรรเสริญพระบารมยี ังไม่จบ
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล คำช้แี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่อง ที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ลำดับ ชอื่ -สกุล ความมีวนิ ยั ความมี การรบั ฟัง การแสดง การตรงต่อ รวม ที่ ของผูร้ ับการ ประเมิน นำ้ ใจ ความ ความ เวลา 20 เออ้ื เฟอ้ื คดิ เหน็ คดิ เห็น คะแนน เสียสละ 43214321 432 14321 4321 ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรับปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ คำชแี้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ชอ่ื -สกุล ความ การแสดง การรบั ฟัง การต้ังใจ การแก้ไข รวม ท่ี ของผู้รับการ ร่วมมือกนั ความ ความ ทำงาน ปญั หา/หรือ 20 ประเมิน ทำกิจกรรม คดิ เห็น คิดเหน็ ปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุ่ม 43214321432143214321 ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพงึ ประสงค์ด้าน 4321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเม่อื ไดย้ ินเพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ าย กษตั ริย์ ความหมายของ เพลงชาติ 1.2 ปฏิบัติตนตามสิทธแิ ละหนา้ ที่ของนักเรยี น 1.3 ให้ความรว่ มมือ ร่วมใจ ในการทำงานกบั สมาชิกในชั้นเรียน 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมทส่ี ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ ต่อโรงเรยี นและชุมชน 1.5 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏิบัติตนตามหลัก ของศาสนา 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมท่ีเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษตั ริย์ตามท่ี โรงเรียน และชุมชนจดั ขน้ึ 2. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ให้ขอ้ มูลทีถ่ ูกตอ้ ง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ัตใิ นสิ่งที่ถกู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะทำความผดิ ทำ ตาม สญั ญาทต่ี นให้ไวก้ บั เพ่ือน พ่อแม่หรอื ผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ิต่อผู้อ่นื ด้วยความซอ่ื ตรง 3. มวี นิ ยั 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั รับผดิ ชอบ และโรงเรียน มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวนั 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล 5. อยู่อย่าง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินของตนเอง เช่น ส่งิ ของ เคร่ืองใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั พอเพยี ง คุ้มค่า และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั คุ้มค่า และเก็บรกั ษาดูแล อยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตุผล 5.4 ไมเ่ อาเปรยี บผู้อ่ืน และไม่ทำใหผ้ อู้ น่ื เดอื ดร้อน พร้อมให้อภัยเม่ือ ผู้อน่ื กระทำผิดพลาด
คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน 4321 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใชช้ ีวติ ประจำวันบนพ้ืนฐาน ของความรู้ ขอ้ มลู ข่าวสาร 5.6 รเู้ ท่าทนั การเปลีย่ นแปลงทางสังคม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั และปรบั ตัว อยู่ร่วมกับผู้อนื่ ไดอ้ ย่างมีความสุข 6. ม่งุ มั่นในการ 6.1 มคี วามต้ังใจและพยายามในการทำงานท่ีได้รบั มอบหมาย ทำงาน 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพื่อให้งานสำเรจ็ 7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 ร้จู กั ชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู ำงาน 8.2 อาสาทำงาน ช่วยคิด ชว่ ยทำ และแบง่ ปันสิ่งของให้ผอู้ น่ื 8.3 รูจ้ ักดแู ล รักษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน โรงเรยี น ชมุ ชน 8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน 191 - 108 ดมี าก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ตำ่ กวา่ 54 ปรบั ปรุง
แบบบนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ ผลการ ม.1/1 ม.1/3 ม.1/5 ม.1/8 ม.1/9 ผา่ น ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผา่ น ผา่ น ไม่ผา่ น ผ่าน ไม่ผ่าน จัดการ ผา่ น ไม่ผา่ น เรียนรู้ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ 1. นักเรียน 33 84.61 6 15.38 33 84.61 6 15.38 32 84.21 6 15.78 25 92.59 3 11.11 32 84.21 6 15.78 สามารถ 33 84.61 6 15.38 33 84.61 6 15.38 32 84.21 6 15.78 25 92.59 3 11.11 32 84.21 6 15.78 อธิบาย มารยาทใน การฟังและ การดูได้(K) 2. นักเรยี น มมี ารยาทใน การฟังได(้ P) 3. นักเรียน 33 84.61 6 15.38 33 84.61 6 15.38 32 84.21 6 15.78 25 92.59 3 11.11 32 84.21 6 15.78 มี คณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงคค์ อื มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ รักความ เป็นไทย (A)
ปญั หา/อุปสรรค/แนวทางการแก้ไข 1.นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถอธิบายมารยาทในการฟังและการดูได้เนื่องจากนักเรียนไมเ่ ขา้ เรียน 2.นกั เรยี นบางคนไม่สามารถสรุปมารยาทในการฟงั และการดูได้เน่อื งจากไม่เขา้ เรยี น ทำใหน้ ักเรียนไม่เข้าใจใน เนอื้ หาท่ีเรยี น และไม่สามารถทำการสืบคน้ หาคำตอบดว้ ยตนเอง จึงไม่มีงานส่งครู 3.นักเรียนบางคนไม่มีความสนใจและกระตือรือรน้ ในการเรยี นและขาดความรับผดิ ชอบในการเรยี น ข้อเสนอแนะและการแก้ไข 1. นักเรียนท่ีไม่ผ่านการประเมินให้ทำใบงานส่งตามเวลาท่ีกำหนด 2. ให้นักเรยี นศึกษาเนื้อหาทเ่ี รียนผา่ นวดิ โี อที่ครูสง่ ผา่ นไลน์กลุ่มวชิ าภาษาไทย 3. ตดิ ตามนกั เรียนทไ่ี ม่เข้าเรียน โดยผา่ นไลน์แจง้ ครทู ่ีปรกึ ษา และส่งข้อมูลให้ผูป้ กครอง ลงช่อื ............................................................ผู้สอน (นางสาวผอบ หลเี หล็ม)
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๒ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ รายวิชา ภาษาไทย หนว่ ยท่ี ๒ กาพย์เหช่ มเครื่องคาวหวาน ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๒ ช่ัวโมง เร่ือง มารยาทในการพดู สพม.ยะลา ผูส้ อน นางสาวผอบ หลีเหล็ม โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จังหวัดยะลา 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๓ การฟงั การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สกึ ใน โอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ๒. ตวั ชี้วัด ม.1/6 มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด ๓. สาระสำคญั การเป็นผู้พูดทีด่ แี ละประสบความสำเร็จในการพูดนั้น ผู้พดู จะต้องมีมารยาทในการพดู ๔. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ความรู้ (K) - บอกมารยาทในการพูดได้ ๒. ทักษะกระบวนการ (P) - ทักษะกระบวนการฟัง - ทกั ษะกระบวนการพูด ๓. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - มีวินัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มงุ่ มน่ั ในการทำงาน ๕. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ๕.1 ความสามารถในการสอื่ สาร ๕.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการตั้งเกณฑ์ 2) ทกั ษะการประเมิน 3) ทักษะการสรปุ ลงความเห็น
๕.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต อาเซียน ท้องถน่ิ ๖. บูรณาการ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๗. สาระการเรียนรู้ - มารยาทในการพูด ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ วธิ สี อนแบบ สบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) คาบท่ี 1 ขั้นท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ 1. ครูใหน้ กั เรียนดวู ีดทิ ัศน์เก่ยี วกับการพูด จากน้ันให้นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั การพูดของบุคคล ในวีดิทัศนว์ า่ มลี กั ษณะการพูดอยา่ งไร 2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตนุ้ ความคดิ บุคคลในวีดทิ ัศนป์ ฏิบตั ติ นอยา่ งไร นกั เรยี นคดิ ว่าการปฏบิ ัตติ นเช่นนี้ แสดงถงึ ความเปน็ ผมู้ ีมารยาทในการพดู หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) ข้นั ท่ี 2 สำรวจค้นหา นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ เรอื่ ง ความสำคัญและมารยาทในการพดู ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ 1. ครใู หน้ ักเรียนผลดั กนั ออกไปอธบิ ายความสำคัญและมารยาทในการพดู ใหเ้ พอ่ื นฟังที่หนา้ ช้นั เรียน แล้วรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเพ่ิมเตมิ 2. นกั เรียนทำใบงานท่ี 6.2 เร่อื ง ความสำคัญและมารยาทในการพูด เป็นรายบุคคล เสร็จแล้วนำส่งครูตรวจ 3. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ คำถามกระตุ้นความคิด การพูดสนทนามคี วามสำคญั ต่อชีวติ ประจำวนั ของนกั เรียนอยา่ งไร และมีความจำเป็นหรอื ไมท่ ่จี ะตอ้ งมี มารยาทในการพดู สนทนา (พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครผู ู้สอน) คาบที่ 2 ข้ันที่ 4 ขยายความเข้าใจ 1. นักเรียนเลอื กดรู ายการทางโทรทัศนต์ ามความสนใจ (ครมู อบหมายลว่ งหนา้ ) แล้วเขียนบทความแสดงความ คดิ เห็นเก่ยี วกับมารยาทในการพูดของผดู้ ำเนนิ รายการลงในสมุด 2. นกั เรียนออกมานำเสนอผลงานการเขยี นบทความแสดง ความคดิ เหน็ เกีย่ วกับมารยาทในการพูดของผ้ดู ำเนนิ รายการที่หน้าช้นั เรียน
3. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ คำถามกระตุ้นความคิด นกั เรยี นคิดวา่ ผ้ดู ำเนินรายการที่ไม่รักษามารยาทในการพดู จะสง่ ผลเสยี ต่อรายการที่จดั อยา่ งไร (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน) ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล ครูประเมนิ การนำเสนอผลงานของนักเรยี น และให้คำแนะนำรวมถึงแก้ไขปรับปรงุ ในกรณีท่ีนักเรยี นมปี ัญหา เพ่ือให้นกั เรียน มคี วามรู้และความเข้าใจเรื่อง มารยาทในการพดู มากขึ้น และสามารถนำไปปรบั ใช้เปน็ แนวทางการพดู ในชีวิตประจำวนั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี • ครมู อบหมายให้นกั เรยี นแตล่ ะคนจดั ทำแผนผังความคิด แสดงมารยาทในการฟัง การดู และการพดู พร้อม บอกแนวทางการปฏบิ ัตใิ นการฟัง การดู และการพูดอย่างมีมารยาท โดยให้ครอบคลุมประเดน็ ตามทก่ี ำหนด ดังนี้ 1) การระบมุ ารยาทในการฟัง 2) การระบุมารยาทในการดู 3) การระบมุ ารยาทในการพูด 4) การบอกแนวทางการปฏิบัติในการฟัง การดู และการพูดอย่างมมี ารยาท นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น ๙. การวัดและประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ วธิ ีการ ใบงานท่ี 2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2 ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่าน สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล เกณฑ์ สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่าน และมุ่งมนั่ ในการทำงาน ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน รายบคุ คล เกณฑ์ ตรวจแผนผงั ความคดิ แสดงมารยาทในการ ฟัง การดู และการพูด แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ น เกณฑ์ แบบทดสอบหลังเรยี น ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบประเมินแผนผังความคิด แสดง ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ น มารยาทในการฟัง การดู และการพูด เกณฑ์ ๑๐. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้ ๑๐.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) ใบความรู้ เรื่อง ความสำคญั และมารยาทในการพดู
2) วดี ิทัศนเ์ กี่ยวกับการพูด 3) รายการทางโทรทศั น์ตามความสนใจ 4) ใบงานท่ี 6.2 เรื่อง ความสำคัญและมารยาทในการพดู ๑๐.2 แหล่งการเรียนรู้ —
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินแผนผังความคิด แสดงมารยาทในการฟงั การดู และการพดู ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 432 1 1 2 3 การระบุมารยาทในการฟัง 4 การระบมุ ารยาทในการดู การระบุมารยาทในการพูด การบอกแนวทางการปฏิบตั ิในการฟงั การดู และการพดู อย่างมีมารยาท รวม ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ดมี าก = 4 คะแนน ดี = 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ = 2 คะแนน ปรับปรงุ = 1 คะแนน 14 - 16 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง
ใบความรู้ ความสำคญั และมารยาทในการพูด การพดู มีความสำคัญตอ่ ชีวิตมนษุ ยเ์ ป็นอันมาก ไมว่ า่ จะอยูท่ ่ใี ดประกอบกจิ การงานใด หรือคบหาสมาคมกบั ผู้ใด ผทู้ ี่ประสบความสำเร็จใน ธรุ กิจการงาน การคบหาสมาคมกับผอู้ น่ื ตลอดจนการทำประโยชนแ์ ก่สงั คม ล้วนแตเ่ ป็น ผูท้ มี่ ปี ระสทิ ธิภาพในการพูดทัง้ สน้ิ การพูดมีความสำคัญต่อตนเอง เพราะถา้ ผู้พูดมศี ิลปะในการพูดก็จะเปน็ คุณแกต่ นเอง ส่วนในดา้ นสงั คมนนั้ เน่ืองจากเราตอ้ งคบหาสมาคม และพ่ึงพาอาศัยกนั การท่จี ะอยรู่ ว่ มกันอย่างมีความสุขนั้นจำเปน็ ต้องเปน็ คนที่ “พดู ด”ี คอื พดู ไพเราะ น่าฟัง และพดู ถกู ตอ้ งดว้ ย มารยาทในการพูด การพดู ของคนเราจำเปน็ อยา่ งยง่ิ ที่จะต้องมหี ลกั เกณฑ์ รู้จกั กาลเวลา และทส่ี ำคญั ตอ้ งคำนงึ ถึงมารยาททีด่ ี ในการพูดด้วย มารยาทในการพดู แบง่ เป็น 2 ประเภท คือ มารยาทในการพดู ระหวา่ งบคุ คลและมารยาทในการพูด ในท่ีสาธารณะ มารยาทในการพดู ระหวา่ งบคุ คล มารยาทในการพดู ระหว่างบุคคล มีดังน้ี 1. เร่อื งทีพ่ ูดควรเปน็ เรื่องทท่ี ้ัง 2 ฝา่ ย มคี วามสนใจและพอใจรว่ มกนั 2. ไม่พูดเรอ่ื งของตนเองมากจนเกินไป ควรฟังในขณะทอ่ี กี ฝ่ายหนง่ึ พูด และไมพ่ ดู สอดแทรก 3. พูดตรงประเดน็ และเบ่ยี งเบนประเดน็ บ้างเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ 4. เคารพความคิดเห็นของผู้อ่นื ไม่บงั คบั ใหผ้ ้อู นื่ เชือ่ หรือคดิ เหมือนตน ฯลฯ มารยาทในการพดู ในทสี่ าธารณะ การพูดในทส่ี าธารณะตอ้ งรกั ษามารยาทให้มากกว่าการพดู ระหว่างบคุ คล เพราะมีผฟู้ งั ซึ่งมาจากทต่ี ่างๆ มี วยั วุฒิ คุณวุฒิ และพน้ื ฐานความรู้ ความสนใจและรสนิยมตา่ งกันไป มารยาทในการพูดระหว่างบุคคล อาจนำมาใช้ได้ และควรปฏิบตั ิเพม่ิ เติม ดงั น้ี 1. แต่งกายใหส้ ภุ าพเรียบร้อยเหมาะแก่โอกาสและสถานที่ 2. มาถึงสถานทพี่ ูดใหต้ รงเวลาหรือก่อนเวลาเลก็ น้อย 3. กอ่ นพดู ควรแสดงความเคารพต่อผฟู้ งั ตามธรรมเนยี มนิยม 4. ไม่แสดงกิรยิ าอาการอันไม่สมควรต่อหนา้ ที่ประชุม 5. ใช้คำพูดทใ่ี หเ้ กียรตแิ ก่ผู้ฟงั เสมอ 6. ไมพ่ ดู พาดพงิ ถึงเร่ืองส่วนตวั ของบคุ คลอนื่ ในทปี่ ระชุม 7. ไม่พูดหยาบโลนหรอื ตลกคะนอง 8. พดู ให้ดังพอไดย้ นิ ทั่วกนั และไมพ่ ดู เกนิ เวลาท่ีกำหนด การสื่อสารดว้ ยการพดู ไม่วา่ จะเป็นการพดู กับคนเพียงคนเดียวหรอื พดู กับคนจำนวนมากจำเปน็ อย่างย่ิงท่ี ผพู้ ูดทุกคนต้องมีมารยาท ถ้าขาดหรือละเลยต่อมารยาทในการพูดแล้ว อาจทำให้การพูดประสบความล้มเหลว หรือ ไม่ประสบความสำเร็จได้
ขอ้ ควรคำนงึ ในการสอ่ื สารด้วยการพดู การพดู จะสัมฤทธผิ์ ลหรอื ไมน่ ้นั ขน้ึ อยู่กบั การท่ีผู้พดู ไดว้ เิ คราะหอ์ งค์ประกอบสำคญั ในการพดู ให้ถอ่ งแทห้ รอื มกี ารเตรียมพรอ้ มเพยี งใดก่อนท่ีจะพูด การพูดจงึ มีขอ้ ควรคำนงึ ดงั น้ี 1. การพูดให้เหมาะสมกบั บคุ คล ตอ้ งวเิ คราะห์ในเรอ่ื งต่อไปนี้ คอื วัย เพศ ระดับการศึกษา อาชีพ ความสนใจพิเศษเพื่อเตรยี มเรื่องท่ีจะพดู ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. การพูดให้เหมาะกบั กาลเทศะ ควรพิจารณาวา่ จะพูดในโอกาสใด การพูดนนั้ เปน็ ทางการมากนอ้ ยแคไ่ หน 3. การพูดใหผ้ ู้อน่ื เขา้ ใจตรงตามความประสงค์ ควรใชภ้ าษาบ่งบอกความต้องการหรือความมุ่งหมาย ใหช้ ัดเจน หลีกเลย่ี งการตีความหลายแง่หลายมมุ 4. การพูดสรปุ ใจความสำคญั จากเร่อื งทฟี่ งั หรืออ่าน เปน็ การพฒั นาการใชภ้ าษาให้สมั พนั ธก์ นั ทกุ ดา้ น และ อาศยั ความสามารถในการสรุปความจากเร่อื งท่ฟี ังหรืออา่ นไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ซง่ึ จะช่วยให้ผ้รู ับสารเข้าใจ เจตนาของผู้สง่ สารได้อย่างถกู ตอ้ งรวดเร็ว 5. การพูดแสดงความคิดเห็น เปน็ การใช้ทกั ษะการฟงั การอา่ น การพดู และการคิดให้สัมพนั ธ์กัน ตอ้ งอาศยั การฝกึ ฝนใหเ้ กดิ ความชำนาญ เพราะการพดู แสดงความคดิ เหน็ ผู้พดู ตอ้ งใชท้ ั้งความรู้ ความคดิ เหตผุ ล หรอื หลกั การต่างๆ หลายอยา่ งประกอบกัน จึงจะทำให้ความคดิ เหน็ มคี ุณค่านา่ เช่อื ถือ ทีม่ า http://www.m-culture.go.th/detail_page.php?sub_id=1239
ใบงานที่ 2 ความสำคัญและมารยาทในการพูด คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนตอบคำถามท่ีกำหนดใหถ้ กู ต้อง 1. มารยาทในการพดู แบง่ เป็นก่ีประเภท อะไรบา้ ง 2. การพูดระหวา่ งบคุ คล ควรปฏิบตั ิอย่างไร 3. เพราะเหตุใด การพดู ในที่สาธารณะจึงต้องรักษามารยาทมากกว่าการพูดระหว่างบุคคล 4. การพูดในท่ีสาธารณะ ควรปฏิบตั ิอย่างไร
เฉลยใบงานที่ 2 ความสำคัญและมารยาทในการพดู คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามที่กำหนดใหถ้ กู ต้อง 1. มารยาทในการพดู แบง่ เปน็ กปี่ ระเภท อะไรบา้ ง มารยาทในการพดู แบง่ เปน็ 2 ประเภท คอื 1. มารยาทในการพดู ระหว่างบคุ คล 2. มารยาทในการพดู ในท่สี าธารณะ 2. การพูดระหวา่ งบุคคล ควรปฏิบัตอิ ย่างไร มารยาทในการพดู ระหว่างบุคคล ควรปฏิบตั ิ ดังน้ี 1. เรอื่ งที่พดู ควรเปน็ เรื่องที่ทงั้ 2 ฝา่ ย มีความสนใจและพอใจร่วมกัน 2. ไม่พูดเร่อื งของตนเองมากจนเกนิ ไป ควรฟงั ในขณะที่อีกฝ่ายหนง่ึ พูด ไม่สอดแทรกเมื่อผู้พดู ยังพดู ไม่จบ 3. พูดตรงประเดน็ อาจออกนอกเร่ืองบ้างพอผ่อนคลายอารมณ์ 4. เคารพความคดิ เห็นของผอู้ ื่น ไม่บงั คับให้ผู้อื่นเชื่อหรือคดิ เหมือนตน 3. เพราะเหตุใด การพูดในท่ีสาธารณะจงึ ต้องรักษามารยาทมากกวา่ การพดู ระหวา่ งบุคคล การพดู ในทส่ี าธารณะตอ้ งรักษามารยาทให้มากกว่าการพดู ระหวา่ งบุคคล เพราะการพดู ในท่ีสาธารณะนั้น ย่อมมีผูฟ้ ังซึ่งมาจากทีต่ า่ งๆกัน มวี ัยวฒุ ิ คณุ วุฒิ และพ้ืนฐานความรคู้ วามสนใจและรสนิยมตา่ งกนั ไป 4. การพดู ในท่ีสาธารณะ ควรปฏิบัตอิ ย่างไร การพดู ในทส่ี าธารณะ ควรปฏบิ ัติ ดงั นี้ 1. แต่งกายใหส้ ภุ าพเรยี บร้อยเหมาะแก่โอกาสและสถานท่ี 2. มาถงึ สถานทพ่ี ดู ให้ตรงตอ่ เวลาหรือก่อนเวลาเล็กน้อย 3. กอ่ นพดู ควรแสดงความเคารพต่อผ้ฟู งั ตามธรรมเนียมนยิ ม 4. ไมแ่ สดงกิริยาอาการอนั ไม่สมควรต่อหน้าที่ประชมุ 5. ใช้คำพดู ที่ให้เกียรตแิ กผ่ ู้ฟังเสมอ 6. ไมพ่ ูดพาดพงิ ถงึ เร่ืองส่วนตัวของบคุ คลอื่นในทปี่ ระชุม 7. ไมพ่ ดู หยาบโลนหรือตลกคะนอง 8. พดู ให้ดังพอไดย้ ินทวั่ กันและไม่พูดเกินเวลาทีก่ ำหนด
แบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง การฟังและการดูสอื่ คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องท่สี ุดเพียงขอ้ เดียว 1. ขอ้ ใดคอื มำรยำทสำคญั ในกำรพดู สนทนำ 6. ถำ้ จำเป็นตอ้ งออกจำกสถำนทท่ี ไ่ี ปฟังกำรพดู ก่อนเวลำ ก. พดู เร่อื งทท่ี งั้ 2 ฝ่ำย มคี วำมสนใจและพอใจรว่ มกนั ควรทำอย่ำงไร ข. ไม่พดู เร่อื งของตนเองมำกจนเกนิ ไป ก. แจง้ ใหท้ รำบล่วงหน้ำถงึ ควำมจำเป็น ค. เคำรพควำมคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื ข. บนั ทกึ ขออนุญำตออกก่อน ง. พดู ตรงประเดน็ ค. นงั่ ใกลท้ ำงออก 2. ขอ้ ใดไมไ่ ดแ้ สดงว่ำเป็นผมู้ คี วำมสำรวม ง. นงั่ แถวหลงั สุด ก. รอถำมเมอ่ื ผพู้ ดู เปิดโอกำสใหถ้ ำม 7. กำรพดู ดหี มำยควำมว่ำอยำ่ งไร ข. มใี จจดจอ่ กบั เรอ่ื งทฟ่ี ัง ก. พดู อ่อนหวำน ค. มอี ำกำรสงบ ข. พดู มเี หตผุ ล ง. นงั่ ตวั ตรง ค. พดู ใหผ้ อู้ น่ื ชน่ื ชม 3. ขอ้ ใดเป็นกำรใชภ้ ำษำพดู ใหผ้ อู้ น่ื เขำ้ ใจจุดประสงค์ ง. พดู ไพเรำะ น่ำฟัง และพดู ถกู ตอ้ ง ก. ใชภ้ ำษำแสดงควำมรู้ ควำมคดิ และเหตผุ ลประกอบกนั 8. ขอ้ ใดแสดงว่ำผฟู้ ังและผดู้ ไู มม่ ลี กั ษณะของผฟู้ ังและผดู้ ทู ด่ี ี ข. ใชภ้ ำษำทช่ี ว่ ยใหผ้ รู้ บั สำรเขำ้ ใจไดถ้ ูกตอ้ งรวดเรว็ ก. เดก็ หญงิ ดำวมคี วำมสำมำรถในกำรจบั ใจควำม ค. หลกี เลย่ี งกำรใชภ้ ำษำซง่ึ ตคี วำมหลำยแงห่ ลำยมุม ข. เดก็ หญงิ เพญ็ เชอ่ื ขอ้ มลู จำกสำรทไ่ี ดร้ บั ฟัง ง. ใชภ้ ำษำใหส้ มั พนั ธก์ นั ทุกดำ้ น ค. เดก็ หญงิ จนั ทรไ์ ม่มอี คตติ ่อผสู้ ง่ สำร 4. ขอ้ ใดเป็นกำรฟังหรอื ดเู พ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ คดิ ง. เดก็ หญงิ เดอื นมคี วำมสนใจในสำร ก. นำยรอบรชู้ มนิทรรศกำรเฉลมิ พระเกยี รติ 9. ขอ้ ใดไม่ใชผ่ ลดขี องกำรมมี ำรยำทในกำรฟังและกำรดู พระบำทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหำภมู พิ ลอดลุ ยเดช ก. ทำใหเ้ ป็นผทู้ ม่ี คี วำมสำมำรถใหค้ ำแนะนำแกส่ งั คมได้ ข. นำยรเิ รม่ิ ดรู ำยกำรแนะนำกำรทำอำหำรของหมกึ แดง ข. ทำใหเ้ ป็นผทู้ ม่ี มี นุษยสมั พนั ธด์ ี ค. นำยดำรดิ รู ำยกำรท่องเทย่ี วไทยไม่ไปไมร่ ู้ ค. ทำใหเ้ ป็นทย่ี กย่องของสงั คม ง. นำยดำรงดรู ำยกำรพระธรรมเทศนำ ง. ทำใหเ้ ป็นผนู้ ำในสงั คม 5. กำรใชค้ ำพดู ขอ้ ใดทท่ี ำใหผ้ ฟู้ ังมคี วำมรสู้ กึ ทด่ี เี กดิ ขน้ึ ได้ 8 10. เหตใุ ดตอ้ งรกั ษำมำรยำทกำรพดู ในทส่ี ำธำรณะมำกกว่ำ ก. ไมพ่ ดู พำดพงิ ถงึ เร่อื งส่วนตวั ของบุคคลอน่ื ในทป่ี ระชมุ กำรพดู ระหวำ่ งบคุ คล ข. พดู ใหด้ งั พอไดย้ นิ ทวั่ กนั และไมพ่ ดู เกนิ เวลำทก่ี ำหนด ก. เพรำะเป็นกำรสรำ้ งศรทั ธำใหเ้ กดิ ขน้ึ ในกลุ่มมวลชน ค. ไม่พดู หยำบโลนหรอื ตลกคะนอง ตำมทต่ี อ้ งกำร ง. ใชค้ ำพดู ทใ่ี หเ้ กยี รตแิ ก่ผฟู้ ังเสมอ ข. เพรำะเป็นเร่อื งทอ่ี ำจจะมกี ำรฟ้องรอ้ งเป็นคดคี วำมได้ ค. เพรำะมผี ฟู้ ังซง่ึ มคี วำมแตกตำ่ งกนั อยำ่ งหลำกหลำย ง. เพรำะเป็นเร่อื งทส่ี งั คมมคี วำมสนใจ เฉลย 1. ก 2. ง 3. ค 4. ง 5. ง 6. ค 7. ง 8. ข 9. ก 10. ค
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำช้แี จง : ให้ ผ้สู อน ประเมินการนำเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการที่กำหนด แล้วขดี ✓ ลงในช่อง ท่ตี รงกับ ระดบั คะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4321 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 3 วธิ ีการนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบูรณ์ชัดเจน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี ้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องมาก ให้ 2 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล คำชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกับ ระดบั คะแนน ลำดบั ชือ่ -สกุล ความมีวนิ ยั ความมี การรับฟงั การแสดง การตรงต่อ รวม ที่ ของผู้รับการ ประเมิน นำ้ ใจ ความ ความ เวลา 20 เอ้ือเฟื้อ คดิ เห็น คิดเห็น คะแนน เสียสละ 43214321 432 14321 4321 ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครัง้ ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพงึ ประสงค์ด้าน 4321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเมอ่ื ไดย้ ินเพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ าย กษัตริย์ ความหมายของ เพลงชาติ 1.2 ปฏิบัติตนตามสิทธิและหน้าที่ของนักเรยี น 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทำงานกับสมาชิกในชั้นเรียน 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมที่สรา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ ต่อโรงเรียนและชุมชน 1.5 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามหลกั ของศาสนา 1.6 เข้าร่วมกจิ กรรมทเ่ี กี่ยวกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามท่ี โรงเรยี น และชมุ ชนจดั ขึ้น 2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต 2.1 ให้ขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ ง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ัตใิ นสิ่งที่ถกู ต้อง ละอาย และเกรงกลัวทจ่ี ะทำความผดิ ทำ ตาม สญั ญาทต่ี นให้ไวก้ บั เพ่ือน พ่อแมห่ รือผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผู้อ่นื ดว้ ยความซ่อื ตรง 3. มวี นิ ยั 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั รับผดิ ชอบ และโรงเรยี น มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวนั 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหลง่ การเรยี นรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบนั ทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรปุ ความรู้ไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล 5. อยู่อย่าง 5.1 ใชท้ รัพย์สินของตนเอง เช่น ส่ิงของ เครอื่ งใช้ ฯลฯ อย่างประหยดั พอเพยี ง คุ้มค่า และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั คุ้มค่า และเก็บรกั ษาดูแล อยา่ งดี 5.3 ปฏิบัติตนและตัดสินใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตุผล 5.4 ไมเ่ อาเปรยี บผู้อ่ืน และไม่ทำใหผ้ อู้ น่ื เดอื ดร้อน พร้อมให้อภัยเมอื่ ผู้อน่ื กระทำผิดพลาด
คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน 4321 5.5 วางแผนการเรียน การทำงานและการใช้ชวี ติ ประจำวนั บนพ้นื ฐาน ของความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร 5.6 รเู้ ทา่ ทนั การเปลีย่ นแปลงทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรบั ตวั อย่รู ่วมกบั ผู้อนื่ ไดอ้ ยา่ งมีความสุข 6. ม่งุ มั่นในการ 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทำงานท่ีได้รับมอบหมาย ทำงาน 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพ่ือให้งานสำเร็จ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มีจิตสำนกึ ในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เห็นคณุ ค่าและปฏบิ ัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 อาสาทำงาน ชว่ ยคดิ ช่วยทำ และแบง่ ปันส่งิ ของให้ผู้อ่ืน 8.3 รูจ้ กั ดูแล รักษาทรัพยส์ มบัตแิ ละสิง่ แวดล้อมของห้องเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน 8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน 191 - 108 ดมี าก 73 - 90 ดี 54 - 72 พอใช้ ตำ่ กว่า 54 ปรบั ปรุง
การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมนิ แผนผงั ความคดิ แสดงมารยาทในการฟงั การดู และการพดู รายการประเมิน คำอธิบายระดบั คุณภาพ / ระดับคะแนน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) 1. การระบมุ ารยาทใน ระบุมารยาทในการฟัง ได้ ระบมุ ารยาทในการฟงั ระบุมารยาทในการฟงั ระบุมารยาทในการฟัง การฟัง ถูกตอ้ งและเหมาะสม ไดถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสม ไดถ้ กู ต้องและเหมาะสม ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม 5 ขอ้ ขึน้ ไป 4 ขอ้ 3 ข้อ นอ้ ยกวา่ 2 ขอ้ 2. การระบมุ ารยาทใน ระบุมารยาทในการดู ระบุมารยาทในการดู ระบมุ ารยาทในการดู ระบมุ ารยาทในการดู การดู ไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม ไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม ไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม ไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม 5 ขอ้ ข้นึ ไป 4 ขอ้ 3 ข้อ น้อยกวา่ 2 ขอ้ 3. การระบมุ ารยาทใน ระบมุ ารยาทในการพดู ได้ ระบมุ ารยาทในการพูด ระบมุ ารยาทในการพูด ได้ ระบุมารยาทในการพูดได้ การพดู ถกู ต้องและเหมาะสม ได้ถกู ตอ้ งและเหมาะสม ถกู ต้องและเหมาะสม ถูกตอ้ งและเหมาะสม 5 ขอ้ ข้ึนไป 4 ข้อ 3 ขอ้ นอ้ ยกว่า 2 ขอ้ 4. การบอกแนวทาง บอกแนวทางการปฏบิ ัติ บอกแนวทางการปฏิบตั ิ บอกแนวทางการปฏิบัติ บอกแนวทางการปฏบิ ตั ิ การปฏบิ ัติใน การ ในการฟงั การดู และ ในการฟัง การดู และการ ในการฟัง การดู และการ ในการฟัง การดู และการ ฟงั การดู และการ การพูดอย่างมีมารยาท พดู อย่างมีมารยาท พดู อยา่ งมมี ารยาท พูดอย่างมีมารยาท พูดอยา่ งมีมารยาท ไดถ้ กู ต้อง ครบถว้ น ได้ถกู ตอ้ ง ครบถ้วน ได้ถูกตอ้ ง 2 ทักษะ ไดถ้ กู ต้อง 1 ทักษะ ท้ัง 3 ทักษะ และนำไป ท้งั 3 ทักษะ แต่นำไป แต่นำไปปฏบิ ตั ิ แต่นำไปปฏบิ ัติ ปฏิบัติไดง้ ่าย ปฏิบตั ิค่อนข้างยาก ค่อนขา้ งยาก คอ่ นข้างยาก ช่วงคะแนน 14 - 16 เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ 8 - 10 ตำ่ กวา่ 8 ระดบั คุณภาพ ดีมาก พอใช้ ปรับปรุง 11 - 13 ดี
แบบบันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ ผลการ ม.1/1 ม.1/3 ม.1/5 ม.1/8 ม.1/9 ผา่ น ไมผ่ า่ น ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไมผ่ ่าน ผา่ น ไม่ผา่ น จัดการ ผ่าน ไมผ่ ่าน เรียนรู้ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ 1. นักเรียน 33 84.61 6 15.38 33 84.61 6 15.38 32 84.21 6 15.78 25 92.59 3 11.11 32 84.21 6 15.78 สามารถ 33 84.61 6 15.38 33 84.61 6 15.38 32 84.21 6 15.78 25 92.59 3 11.11 32 84.21 6 15.78 บอก มารยาทใน การพูดได้ (K) 2. นักเรยี น มีมารยาทใน การพดู ได(้ P) 3. นักเรียน 33 84.61 6 15.38 33 84.61 6 15.38 32 84.21 6 15.78 25 92.59 3 11.11 32 84.21 6 15.78 มี คณุ ลกั ษณะ อันพึง ประสงค์คือ มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ รกั ความ เป็นไทย (A)
ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางการแก้ไข 1.นกั เรียนบางคนไม่สามารถอธบิ ายมารยาทในการพูดไดเ้ น่อื งจากนักเรยี นไม่เข้าเรียน 2.นกั เรียนบางคนไม่มคี วามสนใจและกระตือรอื ร้นในการเรียนและขาดความรับผดิ ชอบในการเรียน ข้อเสนอแนะและการแกไ้ ข 1. นกั เรยี นที่ไม่ผ่านการประเมนิ ให้ทำใบงานสง่ ตามเวลาท่กี ำหนด 2. ใหน้ ักเรยี นศึกษาเนื้อหาทเ่ี รียนผ่านวิดีโอที่ครูส่งผ่านไลน์กลุ่มวิชาภาษาไทย 3. ตดิ ตามนกั เรียนทไ่ี ม่เขา้ เรียน โดยผา่ นไลน์แจง้ ครูท่ีปรึกษา และส่งข้อมูลให้ผู้ปกครอง ลงชือ่ ............................................................ผู้สอน (นางสาวผอบ หลเี หลม็ )
แบบบนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ ผลการ ม.1/1 ม.1/3 ม.1/5 ม.1/8 ม.1/9 ผา่ น ไมผ่ ่าน ผ่าน ไมผ่ า่ น ผา่ น ไมผ่ ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน จดั การ ผา่ น ไม่ผา่ น เรียนรู้ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ 1. นักเรียน 35 89.74 4 10.25 33 84.61 6 15.38 35 92.10 3 7.89 25 92.59 3 11.11 35 92.10 3 7.89 สามารถ อธบิ าย วธิ กี ารสร้าง คำใน ภาษาไทย และคำพอ้ ง ได(้ K) 2. นักเรยี น 35 89.74 4 10.25 33 84.61 6 15.38 35 92.10 3 7.89 25 92.59 3 11.11 35 92.10 3 7.89 สามารถ เขยี นคำมลู คำประสม คำซ้ำ คำ ซ้อนและคำ พอ้ งได(้ P) 3. นกั เรยี น 35 89.74 4 10.25 33 84.61 6 15.38 35 92.10 3 7.89 25 92.59 3 11.11 35 92.10 3 7.89 มี คณุ ลกั ษณะ อันพงึ ประสงคค์ ือ มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ รักความ เปน็ ไทย (A)
ปญั หา/อุปสรรค/แนวทางการแกไ้ ข 1.นักเรียนบางคนไม่สามารถอธบิ ายวิธีการสรา้ งคำในภาษาไทยและคำพ้องได้เนอื่ งจากนกั เรยี นไมเ่ ขา้ เรยี น 2.นักเรยี นบางคนไม่สามารถแยกคำในภาษาไทยและคำพ้องได้เนื่องจากไม่เข้าเรยี น ทำให้นักเรียนไม่เขา้ ใจใน เนือ้ หาที่เรยี น และไม่สามารถทำการสืบค้นหาคำตอบด้วยตนเอง จึงไม่มีงานส่งครู 3.นกั เรียนบางคนไม่มีความสนใจและกระตือรือรน้ ในการเรียนและขาดความรับผิดชอบในการเรยี น ข้อเสนอแนะและการแก้ไข 1. นกั เรยี นที่ไมผ่ ่านการประเมนิ ให้ทำใบงานส่งตามเวลาท่กี ำหนด 2. ให้นกั เรียนศกึ ษาเน้ือหาทเ่ี รียนผ่านวดิ ีโอที่ครสู ่งผา่ นไลน์กลุ่มวชิ าภาษาไทย 3. ติดตามนกั เรียนท่ีไม่เขา้ เรยี น โดยผา่ นไลน์แจง้ ครูที่ปรึกษา และสง่ ข้อมูลใหผ้ ้ปู กครอง ลงชื่อ............................................................ผู้สอน (นางสาวผอบ หลเี หลม็ )
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๕ รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ รายวิชา ภาษาไทย หน่วยท่ี ๒ กาพย์เห่ชมเครอ่ื งคาวหวาน ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๒ ชั่วโมง เร่ือง การสรปุ เนื้อหา สพม.ยะลา ผู้สอน นางสาวผอบ หลีเหล็ม โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จงั หวดั ยะลา ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณคา่ และนำมา ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ๒. ตัวช้ีวดั ม.๑/๑ สรปุ เน้อื หาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน ๓. สาระสำคญั การศกึ ษาวรรณคดีเก่ียวกบั ประเพณีเรอื่ ง กาพย์เห่ชมเครอื่ งคาวหวาน จะตอ้ งสรปุ เน้ือหาของเร่ือง ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. ความรู้ (K) - สรปุ เนอื้ หาวรรณคดีเรอื่ ง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ได้ ๒. ทกั ษะกระบวนการ (P) - ทกั ษะกระบวนการเขียน - ทักษะกระบวนการกลมุ่ ๓. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - มีวนิ ัย - ใฝ่เรยี นรู้ - รกั ความเป็นไทย ๕. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๑) ทักษะการตีความ ๒) ทกั ษะการวิเคราะห์
๓) ทักษะการให้เหตุผล ๔) ทกั ษะการสรปุ ลงความเห็น ๓. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต อาเซียน ทอ้ งถิ่น ๖. บูรณาการ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๗. สาระการเรยี นรู้ วรรณคดีและวรรณกรรมเกีย่ วกับ - ประเพณี ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : ๕E) คาบท่ี ๑ นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๒ ข้นั ที่ ๑ กระตนุ้ ความสนใจ ๑. ครนู ำขนมไทยทน่ี ิยมใชใ้ นงานมงคลมาแสดงหนา้ ชน้ั เรียน แลว้ ให้นกั เรยี นช่วยกันบอกชื่อขนมชนดิ ตา่ งๆ ๒. ครูควรอธิบายเพมิ่ เติมเกย่ี วกับชอ่ื ขนมทม่ี ชี อ่ื เรยี กทีแ่ ฝงความหมายอนั เปน็ สิริมงคล เช่น - ขนมเม็ดขนนุ ช่วยใหม้ ีคนสนับสนนุ ให้มคี วามก้าวหนา้ - ขนมทองเอก แทนคำอวยพรที่แสดงถงึ ความเปน็ หนึ่ง - ขนมฝอยทอง แทนคำอวยพรใหม้ ชี ีวิตทีย่ นื ยาว - ขนมถ้วยฟู แสดงถึงความเจริญรุ่งเรอื งเฟอ่ื งฟใู นชีวิตและหน้าทกี่ ารงาน - ขนมจา่ มงกุฎ แสดงถึงการเปน็ หวั หนา้ สูงสุด มีเกียรติยศสูงสดุ ๓. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ความเช่ือของคนไทยเกย่ี วกบั การใช้ขนมในงานมงคล ๔. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตนุ้ ความคิด เพราะเหตใุ ด คนไทยจงึ มีความเช่อื เร่ืองช่ือขนมท่ใี ชใ้ นงานมงคล (เพราะเช่ือวา่ ช่อื ขนมท่ีมีความหมายดเี ป็นมงคลแกง่ าน) ข้นั ท่ี ๒ สำรวจคน้ หา ๑. ครใู หน้ ักเรยี นรวมกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน ตามความสมัครใจจากน้นั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศึกษาวรรณคดี เรือ่ ง กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน จากหนังสอื เรียน ๒. ครกู ำหนดประเด็นความรู้ให้นกั เรียนศึกษาและสืบค้นความรู้เพ่มิ เติมจากแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ ดงั น้ี - รปู แบบ
- เนื้อหา - ลักษณะคำประพันธ์ ๓. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มวางแผนการทำงานร่วมกันและกำหนดหน้าท่คี วามรบั ผิดชอบในการศกึ ษาและสืบคน้ ความรู้ ข้นั ที่ ๓ อธิบายความรู้ ๑. สมาชิกแต่ละกลมุ่ ผลัดกันอธบิ ายความร้เู ก่ียวกับรปู แบบเนอ้ื หา และลักษณะคำประพนั ธข์ องวรรณคดเี รื่อง กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน ๒. ครตู ้ังประเด็นคำถามให้นักเรยี นชว่ ยกันตอบ เป็นรายกลุ่ม เชน่ - กาพยเ์ หช่ มเครื่องคาวหวานมรี ปู แบบอย่างไร - เนือ้ หาของกาพยเ์ หช่ มเครื่องคาวหวาน กล่าวถงึ อาหาร กป่ี ระเภท แตล่ ะประเภทมอี ะไรบา้ ง - กาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวานแต่งด้วยคำประพนั ธ์ประเภทใดบา้ ง ๓. ครูและนักเรียนกลุ่มอืน่ ๆ ร่วมกันตรวจสอบคำตอบและอธบิ ายเพิม่ เติมในคำตอบทีบ่ กพร่อง ๔. นกั เรียนทำใบงาน เรือ่ ง สำรบั คับค้อนจากกาพย์เห่ชมเครอ่ื งคาวหวาน เป็นรายบคุ คล เม่ือทำเสรจ็ แล้วให้ แลกเปล่ียนกันตรวจคำตอบตามทไ่ี ด้เฉลยรว่ มกับครู คาบท่ี ๒ ขัน้ ท่ี ๔ ขยายความเขา้ ใจ ๑. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ คำถามกระต้นุ ความคดิ นกั เรยี นจะนำความรู้จากการศึกษากาพยเ์ หช่ มเครื่องคาวหวานไปใช้ในการปรงุ อาหารไดห้ รือไม่ อยา่ งไร (ใชใ้ นการปรุงอาหารไมไ่ ด้ เพราะกาพย์เหช่ มเคร่ืองคาวหวานบอกช่อื อาหารและความอร่อยของอาหาร เท่าน้นั ไม่ได้บอกเครอ่ื งปรงุ และวิธที ำ) ๒. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั สบื คน้ ข้อมูลเก่ยี วกับการทำอาหารโดยเลอื กอาหารคาวในกาพยเ์ หช่ มเครื่องคาว หวาน ๑ อย่างมาทำใบงาน เร่ือง อาหารจากกาพยเ์ หช่ มเคร่ืองคาวหวาน ๓. สมาชิกแต่ละกลุม่ ร่วมกันตรวจสอบข้อมูลจากกาพย์เหช่ มเครือ่ งคาวหวาน และอาหารทีเ่ ลือก จากนัน้ บันทึก คำตอบลงในใบงาน ขั้นท่ี ๕ ตรวจสอบผล นักเรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมานำเสนอใบงานท่ี ๗.2 หน้าชน้ั เรียน ด้วยวิธกี ารทสี่ รา้ งสรรค์
๙. การวดั และประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วธิ กี ารวดั แบบทดสอบก่อนเรยี น (ประเมนิ ตามสภาพจริง) ใบงาน รอ้ ยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ใบงาน ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และรักความเป็นไทย ๑๐. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ ๑) หนังสอื เรยี น ภาษาไทย : วรรณคดแี ละวรรณกรรม ม.๑ ๒) ขนมไทยทนี่ ิยมใชใ้ นงานมงคล ๓) ใบงาน เรอ่ื ง สำรบั คบั ค้อนจากกาพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคาวหวาน ๔) ใบงาน เรื่อง อาหารจากกาพยเ์ หช่ มเคร่ืองคาวหวาน แหลง่ การเรียนรู้ แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ - http://www.papamenu.com/?cat=371 - http://www.horhook.com/wbi/kanoomthai/kanoom.html
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอ่ื ง กาพย์เหช่ มเครื่องคาวหวาน คำช้ีแจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว ๑. กาพยเ์ หช่ มเคร่ืองคาวหวาน มีลักษณะการแตง่ ๕. อาหารในข้อใด ใช้กุ้งเป็นสว่ นประกอบทสี่ ำคัญ เหมอื น ก. แสรง้ ว่า ข. ยำใหญ่ คำประพันธเ์ รื่องใด ค. ลา่ เตียง ก. โคลงนริ าศพระบาท ง. ตับเหลก็ ข. กาพย์ห่อโคลงนิราศ ค. กาพย์เหเ่ รือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ๖. ข้อใดจดั เป็นอาหารคาวท้ังหมด ง. กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง ก. ไตปลา มัศกอด ลุดต่ี ๒. ขอ้ ใดเป็นจดุ ประสงคข์ องการแต่งกาพย์เหช่ ม ข. หรุ่ม รงั ไร น้ำยา เครอื่ งคาวหวาน ค. รังนก ลา่ เตยี ง แสร้งวา่ ก. เพอ่ื ความเพลดิ เพลนิ ระหว่างเดนิ ทาง ง. ลำเจียก ขา้ วหงุ เครื่องเทศ ช่อมว่ ง ข. เพื่อเปน็ บทขับร้องในประเพณแี ข่งเรือ ค. เพอ่ื รวบรวมรายช่ืออาหารทีเ่ ป็นที่นิยมของ ๗. อาหารในข้อใด ทจ่ี ัดวา่ ทำได้ง่ายทส่ี ุด แต่ตอ้ งอาศัย ฝีมอื จึงจะอร่อย ราชสำนัก ง. เพือ่ เปน็ บทเห่เรอื ในการเสดจ็ ประพาสสว่ น ก. ตบั เหลก็ ลวกหล่อนต้ม พระองค์ เจอื นำ้ ส้มโรยพริกไทย ๓. กวไี ด้นำอาหารคาวหวานหรือผลไม้ใด มา โอชาจะหาไหน เปรยี บเทียบกับความงามของนาง ไม่มีเทียบเปรยี บมือนาง ก. เงาะ ข. ทเุ รยี น ข. หมากปรางนางปอกแลว้ ค. มศั กอด ใสโ่ ถแกว้ แพรว้ พรายแสง ง. ก้อยกุ้ง ยามชืน่ รน่ื โรยแรง ๔. อาหารหวานชนิดใด ท่ีนิยมใช้ในงานมงคลและสือ่ ปรางอ่ิมอาบซาบนาสา ความหมายถึงความสำเรจ็ และมีเกียรติยศสงู สุด ก. ทองหยบิ ค. นอ้ ยหนา่ นำเมลด็ ออก ข. บวั ลอย ปล้อนเปลอื กปอกเปน็ อัศจรรย์ ค. จา่ มงกฎุ มือใครไหนจกั ทัน ง. ขนมเทยี น เทียบเทยี มท่ฝี มี อื นาง ง. ข้าวหงุ ปรงุ อยา่ งเทศ รสพเิ ศษใสล่ ูกเอน็ ใครหงุ ปรุงไมเ่ ป็น เชน่ เชิงมิตรประดิษฐ์ทำ
๘. คำในข้อใดเป็นชื่อเรียกเครือ่ งเทศ ๑๐. กาพย์เหช่ มเครื่องคาวหวาน สะทอ้ นให้เหน็ ภมู ิ ก. เป็นมันย่องล่องลอยมนั ปัญญา ของคนสมัยก่อนในเร่ืองใด ข. หอมยี่หรา่ รสร้อนแรง ค. ของสรรค์เสวยรมย์ ก. ฝมี ือในการจัดอาหาร ง. พศิ ห่อเหน็ รางชาง ข. ฝีมือในการปรุงอาหาร ค. ฝีมอื ในการจดั โต๊ะเสวย ๙. คำประพันธใ์ นข้อใดกลา่ วถงึ อาหารแตกต่างจากข้ออ่นื ง. ฝีมือในการจดั อาหารคาวหวาน ก. มัสมัน่ แกงแกว้ ตา หอมยห่ี รา่ รสร้อนแรง ข. ความรักยักเปลี่ยนทา่ ทำนำ้ ยาอยา่ งแกงขม ค. ช้าช้าพลา่ เนอ้ื สด ฟุ้งปรากฏรสหน่ื หอม ง. เทโพพืน้ เนื้อท้อง เปน็ มันย่องล่องลอยมัน
เฉลย ๑. ค ๒. ง ๓. ข ๔. ค ๕. ก ๖. ค ๗. ก ๘. ข ๙. ค ๑๐. ข
ใบงาน สำรับคับคอ้ นจากกาพยเ์ ห่ชมเครือ่ งคาวหวาน คำช้แี จง ให้นักเรยี นจำแนกรายการอาหารคาว อาหารหวาน และผลไม้ จากกาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวานใหถ้ กู ตอ้ ง มสั มนั่ ผลชิด ยำใหญ่ ตับเหล็กลวก จ่ามงกฎุ ลกู ตาล ทองหยบิ รงั ไร หมูแนม น้ำยา ลกู จาก ล้ินจี่ บัวลอย ชอ่ ม่วง ลกู พลับ พล่าเน้ือ น้อยหน่า ซา่ หริ่ม ลำเจียก มัศกอด ผลเกด ลุดต่ี ลา่ เตยี ง หรุม่ ทับทมิ รังนก ไตปลา ลางสาด แสรง้ ว่า สละ ขา้ วหุงเครือ่ งเทศ ข้าวเหนยี วสงั ขยา อาหารคาว ผลไม้ อาหารหวาน
เฉลยใบงาน สำรับคับคอ้ นจากกาพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคาวหวาน คำช้แี จง ให้นกั เรียนจำแนกรายการอาหารคาว อาหารหวาน และผลไม้ จากกาพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคาวหวานให้ถูกตอ้ ง มัสม่ัน ผลชดิ ยำใหญ่ ตับเหลก็ ลวก จา่ มงกุฎ ลูกตาล ทองหยบิ รังไร หมแู นม น้ำยา ลกู จาก ล้นิ จ่ี บัวลอย ช่อมว่ ง ลูกพลบั พล่าเนอ้ื น้อยหนา่ ซ่าหร่ิม ลำเจียก มัศกอด ผลเกด ลุดต่ี ลา่ เตียง หรมุ่ ทับทิม รังนก ไตปลา ลางสาด แสร้งวา่ สละ ขา้ วหุงเครอ่ื งเทศ ขา้ วเหนยี วสังขยา อาหารคาว มสั ม่ัน ยำใหญ่ ตบั เหล็กลวก หมูแนม นำ้ ยา ขา้ วหุง เครอื่ งเทศ พลา่ เนอ้ื ล่าเตยี ง หรุ่ม รังนก ไตปลา แสร้งว่า ผลไม้ อาหารหวาน ผลชดิ ลกู ตาล ลกู จาก ลน้ิ จ่ี ข้าวเหนยี วสงั ขยา ซ่าหร่มิ ลูกพลับ น้อยหน่า ผลเกด ลำเจียก มัศกอด ลดุ ตี่ ทับทิม ลางสาด สละ ทองหยบิ รงั ไร จ่ามงกุฎ บัวลอย ช่อม่วง
ใบงาน อาหารจากกาพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคาวหวาน คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นสืบคน้ ข้อมูลเกยี่ วกับการทำอาหาร โดยเลอื กอาหารคาวในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ๑ อยา่ ง แลว้ บอกเคร่ืองปรุง และวิธกี ารทำให้ถูกตอ้ ง
เฉลยใบงาน อาหารจากกาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวาน คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นสืบคน้ ข้อมูลเกยี่ วกับการทำอาหาร โดยเลือกอาหารคาวในกาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวาน ๑ อยา่ ง แล้วบอกเคร่ืองปรงุ และวธิ ีการทำใหถ้ ูกต้อง (ตัวอย่าง) มัสมนั่ แกงแกว้ ตา หอมยหี่ รา่ รสรอ้ นแรง ชายใดได้กลนื แกง แรงอยากให้ใฝ่ฝนั หา แกงมัสมน่ั เครอ่ื งปรงุ หมู/ไก/่ เน้ือ ๑ กิโลกรัม มันฝรงั่ หัวเลก็ ๆ ๕-๖ หวั (หรอื ตามชอบ) มะพรา้ ว ๑ กิโลกรัม น้ำตาลปบี ๓-๔ ชอ้ นโตะ๊ ถ่วั ลิสง ๒-๔ ชอ้ นโต๊ะ นำ้ ส้มมะขามเปียกข้นๆ ๖ ช้อนโต๊ะ หอมฝรั่งหวั เล็กๆ ๑-๒ ขดี (หรือตามชอบ) นำ้ ปลา ๓-๔ ช้อนโต๊ะ เครื่องปรุงน้ำพริกมสั มั่น พริกแหง้ ค่วั ๑๐-๑๕ เม็ด กานพลูคว่ั ป่น ๔-๕ ดอก เกลอื ๑-๒ ช้อนชา ลูกผักชคี ั่วปน่ ๒-๓ ช้อนโตะ๊ ข่าหน่ั ค่วั ๒-๓ ชอ้ นชา ยี่หรา่ คว่ั ป่น ๒-๓ ชอ้ นชา ตะไคร้ห่ันบางๆ ควั่ ๒-๓ ช้อนโตะ๊ พรกิ ไทย ๑๐-๑๕ เมด็ หอมแดงเผา ๑๐ หวั กะปิ ๑-๒ ช้อนชา กระเทียมเผา ๔-๕ หวั วธิ ีทำ ๑. โขลกพริกแกงให้ละเอียด ๒. ห่นั เนอ้ื หมู/ไก/่ เนื้อ (ตามต้องการ) ๓. คนั้ มะพร้าว ใส่น้ำอุ่น ๔-๕ ถ้วย คั้นแลว้ จะได้ประมาณ ๖ ถ้วย ช้อนหวั กะทิไว้เคีย่ วให้แตกมัน ส่วนหางกะทิ นำมาเคี่ยวกบั เนื้อหม/ู ไก่/เน้ือ ให้สุก แตถ่ า้ เปน็ เนื้อต้องเค่ียวนานจนกวา่ เน้ือจะเป่ือยนุ่ม ๔. ตกั กะทิที่แตกมนั ใส่ในกะทะ ใส่น้ำพรกิ ผัดให้ฟู มกี ลิ่นหอม ผดั ไฟอ่อนๆ ไปเร่ือยๆ ค่อยๆ ช้อนกะทิใส่ไป หลงั จากท่ีได้เคร่อื งแกงทผ่ี ดั หอมไดท้ แ่ี ล้ว ใหต้ ักหมู/ไก่/เนื้อ ใส่มัน ใสถ่ ั่ว ปรงุ สามรส
๕. ชมิ รสไดท้ ี่แลว้ กเ็ คี่ยวไฟอ่อนๆ ตอ่ ไปจนเน้ือนุ่มจึงยกลง (พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู ้สู อน
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนำเสนอผลงานของนกั เรียนตามรายการทีก่ ำหนด แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๔๓๒๑ ๑ นำเสนอเนอื้ หาในผลงานได้ถูกต้อง ๒ การลำดับขนั้ ตอนของเน้ือเร่อื ง ๓ การนำเสนอมีความน่าสนใจ ๔ การมสี ่วนร่วมของสมาชกิ ในกลุม่ ๕ การตรงต่อเวลา รวม ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ ๔ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางส่วน ให้ ๓ คะแนน 14 - 17 ดี ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ ๒ คะแนน 10 - 13 พอใช้ ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องมาก ให้ ๒ คะแนน ตำ่ กวา่ 10 ปรบั ปรุง
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คำช้แี จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง ทีต่ รงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ชื่อ-สกุล ความ การแสดง การรบั ฟัง การตงั้ ใจ การแก้ไข รวม ท่ี ของผู้รับการ รว่ มมือกนั ความ ความ ทำงาน ปัญหา/หรอื ๒๐ ประเมนิ ทำกจิ กรรม คดิ เห็น คดิ เหน็ ปรับปรุง คะแนน ผลงานกล่มุ ๔๓๒๑๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ ๑ คะแนน 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำช้ีแจง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น ๔๓๒๑ ๑. มีวินยั ๑.๑ ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครวั รบั ผดิ ชอบ และโรงเรยี น มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจำวนั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๒.๑ แสวงหาขอ้ มูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ๒.๑ มกี ารจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ ๒.๓ สรุปความรไู้ ด้อยา่ งมเี หตผุ ล ๓. รกั ความเป็นไทย ๓.๑ มีจติ สำนกึ ในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย ๓.๒ เหน็ คณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ ๓ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน ๒๑ – ๒๔ ดมี าก ๑๕ – ๒๐ ดี ๑๐ – ๑๔ พอใช้ ตำ่ กว่า ๙ ปรบั ปรุง
แบบบนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ ผลการ ม.1/1 ม.1/3 ม.1/5 ม.1/8 ม.1/9 จัดการ ผ่าน ไมผ่ า่ น ผา่ น ไมผ่ า่ น ผ่าน ไม่ผา่ น ผา่ น ไมผ่ ่าน ผ่าน ไมผ่ ่าน เรยี นรู้ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ คน ℅ 1. นักเรยี น 33 84.61 6 15.38 33 84.61 6 15.38 32 84.21 6 15.78 25 92.59 3 11.11 32 84.21 6 15.78 สามารถ 33 84.61 6 15.38 33 84.61 6 15.38 32 84.21 6 15.78 25 92.59 3 11.11 32 84.21 6 15.78 อธบิ าย เนอ้ื หา วรรณคดี เรอ่ื ง กาพย์ เหช่ มเครอื่ ง คาวหวาน ได(้ K) 2. นักเรยี น เขยี นสรปุ วรรณคดี เรอื่ ง กาพย์ เหช่ มเครอ่ื ง คาวหวาน ได(้ P) 3. นกั เรยี น 33 84.61 6 15.38 33 84.61 6 15.38 32 84.21 6 15.78 25 92.59 3 11.11 32 84.21 6 15.78 มี คณุ ลักษณะ อันพึง ประสงค์คือ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ รกั ความ เปน็ ไทย (A)
ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางการแกไ้ ข 1.นักเรียนบางคนไม่สามารถอธิบายเนื้อหาของเร่ืองกาพย์เหช่ มเคร่ืองคาวหวานไดเ้ น่ืองจากนักเรยี นไม่เขา้ เรยี น 2.นักเรยี นบางคนไมส่ ามารถสรุปเรือ่ งท่เี รยี นได้เน่ืองจากไมเ่ ขา้ เรียน ทำใหน้ ักเรยี นไม่เขา้ ใจในเน้ือหาที่เรยี น และไม่ สามารถทำการสบื ค้นหาคำตอบดว้ ยตนเอง จึงไม่มงี านสง่ ครู 3.นกั เรียนบางคนไม่มีความสนใจและกระตือรอื รน้ ในการเรียนและขาดความรบั ผิดชอบในการเรยี น ข้อเสนอแนะและการแกไ้ ข 1. นักเรียนท่ีไม่ผ่านการประเมินใหท้ ำใบงานส่งตามเวลาท่ีกำหนด 2. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาเนื้อหาทเี่ รียนผ่านวดิ โี อที่ครูสง่ ผ่านไลน์กลุ่มวิชาภาษาไทย 3. ติดตามนักเรยี นท่ีไม่เข้าเรียน โดยผา่ นไลน์แจง้ ครูท่ีปรึกษา และสง่ ข้อมูลให้ผปู้ กครอง ลงชือ่ ............................................................ผู้สอน (นางสาวผอบ หลีเหล็ม)
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๖ รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ รายวิชา ภาษาไทย หนว่ ยที่ ๒ กาพย์เห่ชมเครือ่ งคาวหวาน ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๑ ชัว่ โมง เรื่อง การวเิ คราะห์และ อธิบายคณุ ค่า สพม.ยะลา ผู้สอน นางสาวผอบ หลีเหล็ม โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จงั หวัดยะลา ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คณุ ค่าและนำมา ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจริง ๒. ตวั ช้วี ัด ม.๑/๒ วเิ คราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ นพร้อมยกเหตผุ ลประกอบ ม.๑/๓ อธบิ ายคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมทีอ่ ่าน ๓. สาระสำคญั การศึกษาวรรณคดีเกีย่ วกับประเพณีตอ้ งวิเคราะห์คุณคา่ และขอ้ คิดที่ไดร้ ับจากการอา่ น พรอ้ มยกเหตุผลประกอบ ๔. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ความรู้ (K) - วเิ คราะห์เน้อื หาวรรณคดีเรือ่ ง กาพย์เหช่ มเคร่ืองคาวหวาน พร้อมยกเหตุผลประกอบได้ - วิเคราะหค์ ณุ คา่ และขอ้ คิดจากวรรณคดีเรือ่ ง กาพยเ์ ห่ชมเคร่อื งคาวหวาน ได้ ๒. ทักษะกระบวนการ (P) - ทักษะกระบวนการเขยี น - ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ๓. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - มีวนิ ัย - ใฝเ่ รยี นรู้
- รกั ความเปน็ ไทย ๕. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ๒) ทักษะการวิเคราะห์ ๔) ทักษะการสรุปลงความเห็น ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒. ความสามารถในการคิด อาเซียน ท้องถนิ่ ๑) ทกั ษะการต้ังเกณฑ์ ๓) ทกั ษะการประเมิน ๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๖. บูรณาการ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๗. สาระการเรยี นรู้ - การวิเคราะห์คุณคา่ และข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม ๘. ชนิ้ งาน/ภาระงาน - ใบงาน เรอื่ ง คุณคา่ จากกาพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคาวหวาน ๙. กิจกรรมการเรียนรู้ วธิ ีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : ๕E) คาบท่ี ๑ ข้นั ท่ี ๑ กระตนุ้ ความสนใจ ๑. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกี่ยวกับกาพย์เหช่ มเคร่อื งคาวหวาน แล้วให้นักเรียนรว่ มกนั ตอบคำถามในประเดน็ ที่ กำหนด ดงั น้ี - กาพย์เหช่ มเครื่องคาวหวานมีลักษณะการเขียนอยา่ งไร - กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานกล่าวถึงอาหารกปี่ ระเภท อะไรบ้าง - อาหารทกี่ ล่าวถึงในกาพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคาวหวาน ประเภทใดทน่ี กั เรียนรจู้ ัก ๒. ครซู ักถามนักเรยี นวา่ นอกจากในเรอ่ื ง กาพยเ์ หช่ มเครื่องคาวหวานแล้ว มีวรรณคดเี ร่ืองอื่นหรือไม่ท่ีกลา่ วถงึ อาหาร ๓. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด คำถามกระตนุ้ ความคิด นกั เรียนคดิ วา่ อาหารทป่ี รงุ และตกแต่งอย่างสวยงามมีประโยชนห์ รือคุณคา่ ในดา้ นใด (การปรงุ และตกแต่งอาหารให้มคี วามสวยงามเปน็ ศิลปะและวัฒนธรรมแขนงหนึง่ ของไทย)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124