คาํ อธิบายรายวชิ า อ 23102 ภาษาอังกฤษ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ช่วั โมง จาํ นวน 1.5 หน่วยกติ ฝึกปฏบิ ตั ทิ กั ษะการฟัง พดู อ่าน เขียน ภาษาองั กฤษจากบทอ่าน บทสนทนา สื่อท่เี ป็นความเรียงและ ไมเ่ ป็นความเรียง สถานการณจ์ าํ ลอง สถานการณจ์ รงิ ท่เี กดิ ขึน้ ในหอ้ งเรยี นและนอกหอ้ งเรยี น การคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มลู รวมทงั้ การดาํ เนนิ การจดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรม เพ่ือใหส้ ามารถใชภ้ าษา นาํ้ เสยี ง กรยิ าท่าทางเหมาะสมกบั กาลเทศะ ปฏิบตั ิตามคาํ ส่งั คาํ ขอรอ้ ง คาํ แนะนาํ คาํ ชีแ้ จง คาํ อธิบาย แสดงความ ตอ้ งการ เสนอการใหค้ วามช่วยเหลือ ตอบรบั และปฏิเสธการใหค้ วามช่วยเหลือในสถานการณต์ า่ งๆ อ่านออก เสยี งขอ้ ความ ข่าว โฆษณาและบทรอ้ ยกรองสนั้ ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น สามารถพดู และเขียนใหข้ อ้ มลู อธิบายเปรียบเทยี บ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั สารท่ฟี ังหืออา่ น สรุปใจความสาํ คญั แกน่ สาระหวั ขอ้ เรื่องท่ี ไดจ้ ากการวิเคราะหอ์ ย่างเหมาะสม พดู และเขียนนาํ เสนอขอ้ มลู ข่าวสารของโรงเรียน ชมุ ชนและทอ้ งถ่ิน รวมทงั้ การเขียนผลจากการใชภ้ าษาองั กฤษในการคน้ ควา้ รวบรวมและสรุปขอ้ มลู ขอ้ เท็จจรงิ เกี่ยวกบั กลมุ่ สาระการเรยี นรูอ้ ่ืน จากสื่อและแหลง่ การเรยี นรูต้ ่างๆ เพ่ือประชาสมั พนั ธก์ ารศกึ ษาต่อ การประกอบอาชพี เขยี นระบขุ อ้ ความท่ไี มเ่ ป็นความเรียงใหส้ มั พนั ธก์ บั เรื่องท่ีฟังและอา่ น เลือก ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง ใจความสาํ คญั บอกรายละเอียดสนบั สนนุ แสดงความคิดเหน็ พรอ้ มทงั้ ใหเ้ หตผุ ลและยกตวั อย่างประกอบเกี่ยวกบั เร่ืองท่ีฟัง และอ่านจากส่ือประเภทต่างๆ พดู และเขียนโตต้ อบอยา่ งตอ่ เน่ืองและเหมาะสมเพ่ือบรรยายความรูส้ กึ และ ความคดิ เห็น ของตนเองเกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองราว กจิ กรรม ประสบการณ์ ข่าว เหตกุ ารณ์ ประเด็นต่างๆท่อี ยู่ ในความสนใจของสงั คม พรอ้ มทงั้ ใหเ้ หตผุ ลประกอบ เก่ียวกบั ตนเอง เร่ืองราวใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว เหตกุ ารณท์ ่อี ย่ใู นความสนใจสามารถระบคุ วามเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิด ต่างๆ และลาํ ดบั ตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาองั กฤษและภาษาไทย ความเหมือนและความแตกต่าง ระหวา่ งชวี ิตความเป็นอยขู่ นบธรรมเนียมและประเพณีวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทยอย่างถกตอ้ ง เหมาะสม เหน็ คณุ คา่ และมเี จตคตเิ ก่ียวกบั ภาษาองั กฤษ มีทกั ษะในการสอ่ื สาร ใฝ่รูใ้ ฝ่เรยี น มีวนิ ยั ในตนเอง และมจี ิตสาธารณะ มาตรฐาน/ตัวชีว้ ดั ต 1.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4 ต 1.2 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5 ต 1.3 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3 ต 2.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3 ต 2.2 ม.3/1, ม.3/2 ต 3.1 ม.3/1 ต 4.1 ม.3/1 ต 4.2 ต ม.3/1, ม.3/2 รวม 21 ตวั ชวี้ ัด
โครงสรางรายวชิ าพืน้ ฐาน อ 23102 ภาษาอังกฤษ 6 กลุม สาระการเรียนรูภ าษาตางประเทศ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หนว ยกติ ลำดับ ชือ่ หนวยการเรยี นรู มาตรฐานการเรยี นรู สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั ที่ (ช่ัวโมง คะแนน การเรียนรู้คาํ ศพั ท์ 15 ช่วั โมง 100 1 Our Blue Planet ต 1.1 ม3/2,ม3/4 สาํ นวน และโครงสร้างภาษา คะแนน ต 1.2 ม3/2,ม3/3,ม3/4 จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจ บอก ต 1.3 ม3/1,ม3/2,ม3/3 รายละเอียด แสดงความคิดเห็น 20 ต 2.2 ม3/1 และความรู้สึกเกี่ยวกบั รื่องที่ คะแนน ต 3.1 ม3/1,ม3/2 อา่ นและฟังได้ สามารถนาํ ส่ิงที่ ต 4.1 ม3/1,ม3/2 เรียนรู้ไปใชใ้ นการพูดและ ต 4.2 ม3/1,ม3/2ม3/4 เขียนส่ือสาร แสดงความ คิดเห็นเก่ียวกบั ปรากฏการณ์ ธรรมชาติ ปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม และวธิ ีแกไ้ ขไดอ้ ยา่ งเหมาะสม นอกจากน้ียงั สามารถพูดให้ คาํ แนะนาํ ตอบรับและปฏิเสธ คาํ แนะนาํ คน้ ควา้ ความรู้ เพิม่ เติมจากแหล่งการเรียนรู้ ตา่ ง ๆ ตลอดจนตระหนกั ถึง ความสาํ คญั ของพลงั งาน รู้จกั ประหยดั และใชพ้ ลงั งานอยา่ ง รู้คณุ คา่ รวมถึงมีความเขา้ ใจใน มารยาทและวฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษา
2 Technology & ต 1.1 ม3/3,ม3/4 การเรียนรู้คาํ ศพั ท์ 15 ชว่ั โมง 20 Communication ต 1.2 ม3/2,ม3/3 คะแนน ต 1.3 ม3/1,ม3/3 สาํ นวน และโครงสร้างภาษา ต 2.2 ม3/1 จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจ บอก ต 3.1 ม3/2 รายละเอียด แสดงความ ต 4.2 ม3/2,ม3/4 คดิ เห็นเกี่ยวกบั รื่องท่ีอา่ นและ ฟังได้ สามารถนาํ ส่ิงท่ีเรียนรู้ ไปใชใ้ นการพูดและเขียนให้ คาํ แนะนาํ เกี่ยวกบั การใช้ คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต พูดอธิบายลาํ ดบั หรือข้นั ตอน ในการทาํ ส่ิงตา่ ง ๆ ได้ เขยี น เรียงความแสดงขอ้ ดีและ ขอ้ เสีย ตลอดจนตระหนกั ถึง ความสาํ คญั เรื่องความเหลื่อม ล้าํ ในการเขา้ ถึงสารสนเทศ รวมถึงมีความเขา้ ใจใน มารยาทและวฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษา 3 Entertainment ต 1.1 ม3/1,ม3/2,ม3/3,ม การเรียนรู้คาํ ศพั ท์ สาํ นวน และ 15 ชว่ั โมง 15 3/4 คะแนน ต 1.2 ม3/1,ม3/2,ม3/3 โครงสร้างภาษา จะช่วยให้ ต 1.3 ม3/1,ม3/2,ม3/3,ม เขา้ ใจ บอกรายละเอียด แสดง 3/4 ความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เร่ืองที่อ่าน ต 2.1 ม3/1,ม3/2 และฟังได้ สามารถนาํ ส่ิงที่ ต 2.2 ม3/3,ม3/4,ม3/5 เรียนรู้ไปใชใ้ นการพูดและเขียน ต 3.1 ม3/1,ม3/2 ต 4.1 ม3/1,ม3/2 สื่อสาร แสดงความคิดเห็น ให้ ต 4.2 ม3/2 คาํ แนะนาํ เก่ียวกบั รายการ โทรทศั น์และภาพยนตร์ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม นอกจากน้ียงั สามารถ ใชค้ าํ ศพั ทค์ น้ ควา้ ความรู้ เพิม่ เติมจากแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ ตลอดจนตระหนกั ถึง ความสาํ คญั และเห็นคุณค่าของ งานวรรณกรรม รวมถึงมีความ
เขา้ ใจในมารยาทและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา 4 Places & Lifestyles ต 1.1 ม3/1,ม3/2,ม3/3,ม การเรียนรู้คาํ ศพั ท์ 15 ชัว่ โมง 15 3/4 คะแนน ต 1.2 ม3/1,ม3/2,ม3/3 สาํ นวน และโครงสร้างภาษา จะ ต 1.3 ม3/1,ม3/2,ม3/3,ม ช่วยใหเ้ ขา้ ใจ บอกรายละเอียด 3/4 แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั ร่ือง ต 2.1 ม3/1,ม3/2 ที่อา่ นและฟังได้ สามารถนาํ ส่ิง ต 2.2 ม3/3,ม3/4,ม3/5 ท่ีเรียนรู้ไปใชใ้ นการพดู และ ต 3.1 ม3/1,ม3/2 ต 4.1 ม3/1,ม3/2 เขยี นสื่อสารเกี่ยวกบั สถานที่ตา่ ง ต 4.2 ม3/2 ๆ บา้ นของตนเองและผอู้ ื่น วนั หยดุ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม นอกจากน้ียงั สามารถใชค้ าํ ศพั ท์ คน้ ควา้ ความรู้เพม่ิ เติมจากแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ รวมถึงมีความ เขา้ ใจในมารยาทและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา สอบปลายภาค 30 รวมตลอดภาคเรยี น 60 100
กำหนดการสอน ภาคเรยี นท่ี 2 ปก ารศึกษา 2564 วชิ า ภาษาอังกฤษ 6 (อ 23102 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 3 จำนวนหนวยกิต 1.5 จำนวน 60 ชั่วโมง กลุมสาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ท่ี ชอื่ หนวยการเรยี นรู เวลา (ชั่วโมง) หมายเหตุ 1 Our blue planet ปกติ ออนไลน 30 2 Technology and communication 15 15 30 3 Entertainment 15 15 20 4 Place and lifestyles 10 10 20 10 10 100 รวมตลอดภาคเรยี น 50 50 ลงชื่อ...... .................... ลงชอื่ ....................... ........... (นางเฟาซียะห บือฮะ) (นายรสุ ลาน สาแม) ครูผูส อน หวั หนากลุมสาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ลงชอื่ ....................................................... (นางสาวเพริศพิศ คูหามขุ ) รองผูอำนวยการกลุม บรหิ ารงานวิชาการ หมายเหตุ : เวลาท่ใี ชใ นการสอนใหก ำหนดเปนออนไลน 50% และสอนปกติในช้ันเรยี น 50% ของเวลาเรยี นทงั้ หมด
กลมุ สาระการเรียนรู ภาษาตางประเทศ แผนการจดั การเรียนรทู ่ี 1 รายวิชา ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน 6 รหสั วิชา อ 23102 หนวยการเรียนรทู ี่ 7 Entertainment ( Reading 7a & Vocabulary 7a ) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 3 เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง ครผู สู อน นางเฟาซียะห บือฮะ โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จงั หวัดยะลา สพม.15 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบุหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาํ คญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ งประกอบ มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 3/4 พดู และเขียนเพ่ือขอและใหข้ อ้ มูล อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่อง ที่ฟังหรืออา่ นอยา่ งเหมาะสม ต 1.2 ม. 3/5 พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เรื่องต่าง ๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลประกอบอยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นําเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ขา่ ว/เหตกุ ารณ์/เรื่อง/ประเดน็ ตา่ ง ๆ ท่ี อยใู่ นความสนใจของสงั คม สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนําไปใช้ ได้อย่าง เหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 3/1 เลือกใชภ้ าษา น้าํ เสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสังคม และ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตวั ช้ีวดั ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาํ ลองที่เกิดข้นึ ในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน 2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้คาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั รายการโทรทศั น์ คาํ ศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั ภาพยนตร์ และสาํ นวนภาษาท่ีใชใ้ ห้ คาํ แนะนาํ เกี่ยวกบั ภาพยนตร์ จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและสามารถบอกรายละเอียดของเร่ืองที่อ่านและฟังได้ รวมถึง สามารถนาํ ความรู้ไปใชใ้ นการพูดแสดงความคิดเห็นและใหค้ าํ แนะนาํ เก่ียวกบั รายการโทรทศั น์และภาพยนตร์ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: TV programmes (documentary, soap opera, drama show, the news & weather, quiz show, cartoon, fashion show, chat show, sports programme, comedy show, sitcom, play, film, children’s programme, music programme, police drama, awards ceremony, nature programme) Adjectives describing TV programme (good, great, OK, silly, childish, interesting, awful, boring, educational, fantastic, terrible, not bad, amusing, funny) Films (sound effects, gripping plot, special effects, excellent cast, computer- animated, blockbuster) Verbs (direct, race back, terminate, program, experience) Nouns (solution, universe, saviour, human emotions) Adjectives (alone, action-packed, ordinary, touching) Functions: Talking about TV programmes What do you like to watch? I like quiz shows. I find them interesting. Recommending a film Have you seen Slumdog Millionaire?
Yes, I saw it last Saturday. Did you like it? Yes, it was great. It’s a must-see! 2) Language Skills Listening: Speaking: ฟังเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ Reading: พดู สนทนาใหค้ าํ แนะนาํ เก่ียวกบั ภาพยนตร์ Writing: อา่ นเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ เขียนใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั เร่ืองที่อา่ น, 4. สมรรถนะสําคัญของผู้เรียน เขียนอีเมลเล่าเก่ียวกบั ภาพยนตร์ที่ช่ืนชอบ 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ข้นั Warm up 1. นกั เรียนอ่านช่ือหน่วยการเรียนรู้ (Entertainment) ในหนงั สือเรียน หนา้ 81 แลว้ แสดงความคดิ เห็นวา่ หน่วย การเรียนรู้น้ีน่าจะเก่ียวกบั เรื่องอะไร (e.g. The module is about cinema, film and music.) 2. Find the page numbers for หน้า 81 นกั เรียนอา่ นคาํ ศพั ทท์ ่ีใหม้ า แลว้ เดาความหมายของคาํ วา่ a TV guide a TV guide (n) = a chart that provides television programmes (แผนผงั แนะนาํ รายการ โทรทศั น์) จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาวา่ ภาพท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ท้งั 3 คาํ น้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เม่ือหาพบแลว้ ครูถามคาํ ถาม เพือ่ ดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน a TV guide (p. 87) What information does it contain? Where can we see it? traditional musical instruments (p. 88) Have you heard of these instruments? What is a traditional musical instrument from your country?
robots (p. 82) What do you know about the robots in the pictures? Do you like science-fiction films? Do you think robots will ever be part of our lives? Why (not)? What sort of things do you think they will be able to do? ข้นั Pre-reading 1. หนังสือเรียน หน้า 81 Ex. 1 ครูเปิ ด CD 2 คร้ัง ใหน้ กั เรียนฟังคาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั รายการโทรทศั น์และ ออก เสียงตาม แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงดว้ ยตนเองพร้อมกนั จากน้นั นกั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ คาํ ใดไม่รู้ครูช่วยอธิบาย documentary (n) = a television program that gives facts and information about something (สารคดี) soap opera (n) = a story about the lives and problems of a group of people which is broadcast every day or several times a week on television (ละครที่ ออกอากาศเป็นตอน ๆ ต่อเนื่องกนั เป็นประจาํ ) drama show (n) = a television production with characteristics (such as conflict) of a serious play (ละคร) quiz show (n) = an entertainment programme (as on radio or television) in which contestants answer questions chat show (n) = an informal television or radio programme on which famous people are asked questions about themselves and their work (รายการที่มี sitcom (n) แขกรับเชิญมานงั่ พดู คยุ ) = an amusing television drama series about a set of characters (ซิท คอม) play (n) = a piece of writing which is performed in a theatre, on the radio or on television (ละครเวที) police drama (n) = a mystery novel, film or television drama that deals realistically with police work awards ceremony (n) = a formal occasion at which prizes are given to honor achievement in a particular field nature programme (n) = a documentary whose subject is wild animals in their natural habitat or undomesticated fauna and flora generally (รายการสารคดีเก่ียวกบั สตั วแ์ ละพืช)
หลงั จากน้นั ครูสุ่มถามนกั เรียนหลาย ๆ คน เกี่ยวกบั ประเภทรายการโทรทศั น์ท่ีนกั เรียนชอบดู เช่น T: Which of following do you enjoy watching on TV? S1: I enjoy watching comedy show. S2: I enjoy watching sitcom. 2. หนงั สือเรียน หน้า 81 Ex. 2 นกั เรียนดูภาพ 1-6 แลว้ ช่วยกนั ระบุวา่ เป็นรายการโทรทศั น์ประเภทใด Picture 2 shows an awards ceremony. Picture 3 shows a documentary or a nature programme. Picture 4 shows a sports programme. Picture 5 shows the news & weather. Picture 6 shows a music programme. 3. หนังสือเรียน หน้า 81 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นออกเสียง adjectives ที่ใชบ้ รรยายเกี่ยวกบั รายการโทรทศั น์ ตามครู แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ คาํ ใดไม่รู้ใหเ้ ปิ ดหาความหมาย ในพจนานุกรม เช่น silly (adj) = showing a lack of thought, understanding or judgement (ไร้สาระ) childish (adj) = typical of a child (เก่ียวกบั เด็ก) awful (adj) = extremely bad or unpleasant (แยม่ าก, ไมน่ ่าพอใจ) educational (adj) = providing education or relating to education (ท่ีเกี่ยวกบั การศึกษา) terrible (adj) = very unpleasant or serious or of low quality (แยม่ าก) amusing (adj) = entertaining (น่าขนั , น่าสนุก) จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั พูดแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั รายการโทรทศั น์ใน Ex. 1 โดยใช้ adjectives เหล่าน้ี A: What do you think of soap operas? B: I find them silly. I prefer dramas. A: What do you like to watch? B: I like quiz shows. I find them interesting. A: What do you think of dramas? B: I find them boring. I prefer the news. A: What do you like to watch? B: I like cartoons. I find them amusing. A: What do you think of quiz shows? B: I find them terrible. I prefer sports programmes. A: What do you like to watch?
B: I like sitcoms. I find them funny. etc. 4. หนงั สือเรียน หน้า 82 Ex. 1a ครูถามนกั เรียนวา่ เคยดูภาพยนตร์ท่ีมีเน้ือเรื่องเกี่ยวกบั หุ่นยนตห์ รือไม่ ถา้ นกั เรียนเคยดู ครูใหน้ กั เรียนเลา่ เร่ืองยอ่ ของภาพยนตท์ ี่เคยดูใหเ้ พื่อนในช้นั ฟัง Rodney Copperbottom is a robot in a world of robots in the film ‘Robots’. He is an inventor and he goes to Robot City to meet the famous inventor and his hero Bigweld. He makes lots of friends and helps to make the robot world a better place. 5. หนงั สือเรียน หน้า 82 Ex. 1b ใหน้ กั เรียนเดาวา่ หุ่นยนตใ์ นภาพปรากฎอยใู่ นภาพยนตร์เร่ืองอะไร และ หุ่นยนตเ์ หลา่ น้ีเป็นท่ีรู้จกั ในเรื่องใด จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทอา่ นตามเพือ่ ตรวจคาํ ตอบ Wall-E is from the film Wall-E. He doesn’t realise that he has the solution to the planet’s problems. The T-800 robot is from the film Terminator 2: Judgment Day. He protects a 10- year-old boy who will save the human race in the future. Andrew is the robot from the film Bicentennial Man. He begins to experience human emotions. 6. นกั เรียนอ่านออกเสียงคาํ ศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 82 แลว้ ช่วยกนั อธิบาย ความหมาย ถา้ คาํ ใดนกั เรียนไม่รู้ใหเ้ ปิ ดพจนานุกรม direct (v) = to be in charge of a film or play and tell the actors how to play their parts (กาํ กบั ) alone (adj/adv) = without other people (อยา่ งโดดเด่ียว) solution (n) = the answer to a problem (วิธีแกป้ ัญหา) race back (phr v) = to move or go fast (รีบไปอย่างรวดเร็ว) universe (n) = everything that exists, especially all physical matter, including all the stars, planets, galaxies, etc. in space (จกั รวาล) saviour (n) = a person who saves someone from danger or harm (ผกู้ อบก,ู้ ผชู้ ่วย ชีวิต) terminate (v) = to cause something to end or stop (ทาํ ใหส้ ิ้นสุด) action-packed (adj) = full of exciting events (เตม็ ไปดว้ ยเหตุการณ์ที่น่าต่ืนเตน้ ) programme (n) = a broadcast on television or radio (รายการโทรทศั นห์ รือวิทย)ุ ordinary (adj) = not different or special or unexpected in any way; usual (ธรรมดา, สามญั )
experience human emotions (v) = to feel human emotions (รู้สึกถึงความเป็นมนุษย)์ touching (adj) = making you feel sadness, sympathy etc. (ซาบซ้ึง, กินใจ) ข้นั Reading หนังสือเรียน หน้า 82 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นประโยคขอ้ 1-8 ในหนา้ 83 และขดี เส้นใตค้ าํ สาํ คญั ในแต่ละ ประโยค จากน้นั อา่ นบทอ่านเพื่อมองหาคาํ พอ้ งความหมาย (synonym) คาํ ท่ีมีความหมายตรงกนั ขา้ ม (opposite) หรือกล่มุ คาํ /วลีท่ีมีความหมายเหมือนกนั หรือตา่ งกนั กบั คาํ สาํ คญั ท่ีขดี เส้นใตไ้ ว้ แลว้ ระบวุ า่ ประโยคถูกตอ้ ง หรือไมถ่ ูกตอ้ ง หรือไมไ่ ดก้ ลา่ วถึงในบทอา่ น เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียนและ เฉลยคาํ ตอบ โดยใหน้ กั เรียนช่วยกนั แกไ้ ขประโยคที่ไมถ่ กู ตอ้ งใหถ้ ูกตอ้ งดว้ ย 1T 2 DS 3T 4 F (It appears in Terminator 2: Judgment Day.) 5 F (Its mission is to protect a 10-year-boy.) 6 DS 7 F (It is a science-fiction drama.) 8 DS ข้นั Post-reading 1. หนังสือเรียน หน้า 83 Ex. 3 นกั เรียนทาํ งานคู่ ลอกตารางลงในสมุด และเติมขอ้ มลู จากบทอา่ นลงในตาราง ครูอาจใหน้ กั เรียนอา่ นบทอ่านอีกคร้ัง เม่ือนกั เรียนเติมขอ้ มูลในตารางเสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รบอก คาํ ตอบ Name Type Direction Plot Terminator 2: science-fiction James Cameron 2 robots from future sent to LA, Judgment Day T-800 to protect boy (saviour of human race), T-1000 to terminate T-800 and boy Becentennial science-fiction Chris Columbus Martin family robot, Andrew, Man drama begins to feel human emotions
จากน้นั ใหน้ กั เรียนใชข้ อ้ มูลจากตารางเขียนเกี่ยวกบั ภาพยนตร์แต่ละเร่ือง และเขียนอธิบายวา่ เรื่องราวของ หุ่นยนตใ์ นภาพยนตร์ท้งั 3 เรื่องน้ีคลา้ ยกนั อยา่ งไร … He meets a search robot called Eve and they go on a fantastic journey together. Terminator 2: Judgment Day is a science-fiction film. It is directed by James Cameron. T-800 is one of two robots sent from the future to LA. He is programmed to protect a 10-year-old boy who is going to be the future saviour of the human race. The other robot, the T-1000, is sent to terminate the T-800 and the boy. Bicentennial Man is a science-fiction drama. It is directed by Chris Columbus. The Martin family buys a robot, Andrew, to do the housework. He is no ordinary robot though and soon he begins to experience human emotions. The stories are similar because they each show the robots to have human characteristics either in looks or personality. 2. THINK! หนังสือเรียน หน้า 83 ใหน้ กั เรียนจินตนาการวา่ ตนเองเป็น Wall-E และเขียนแนะนาํ วิธีแกป้ ัญหา เพอ่ื ช่วยโลกใบน้ี จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านใหเ้ พื่อนขา้ ง ๆ ฟัง แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน อา่ นใหเ้ พื่อน ในช้นั ฟัง If I were Wall-E, I’d plant trees. I’d also recycle all the rubbish that I’d collected. I’d build solar energy panels too. Then I’d clean all the lakes and rivers. 3. นกั เรียนทาํ Language Review 7a Ex. 1 ในหนงั สือเรียน หนา้ 111 ร่วมกนั ในช้นั 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 52-53 Exs. 1-5 ใหน้ กั เรียนทาํ เป็นการบา้ น ช่ัวโมงท่ี 2 ข้นั Warm up ครูทบทวนคาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั รายการโทรทศั นด์ ว้ ยการเลน่ เกม Bingo ครูใหน้ กั เรียนเขยี นตาราง 9 ช่องลงใน สมุด แลว้ เขียนคาํ ศพั ทล์ งในตารางช่องละ 1 คาํ จากน้นั ครูพดู คาํ ศพั ทท์ ีละคาํ ในตารางของใครมีคาํ ศพั ท์ ตามที่ครูพดู ใหก้ า ทบั คาํ น้นั คนท่ีกา ได้ 3 ช่องติดกนั ก่อนในแนวใดก็ได้ ให้ตะโกนวา่ Bingo ข้นั Presentation 1. หนงั สือเรียน หน้า 83 Ex. 4 ครูอา่ นออกเสียงคาํ ศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั ภาพยนตร์ท่ีกาํ หนดให้ และใหน้ กั เรียน อา่ นตาม จากน้นั ช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ คาํ ใดไมร่ ู้ครูช่วยอธิบาย หรือใหน้ กั เรียนเปิ ดพจนานุกรมหา ความหมาย
sound effects (n) = a sound that is made artificially, for example the sound of the wind or a battle, and used in a film/movie, play, computer game etc. to make it more realistic (เสียงประกอบ) gripping plot (n) = the exciting or interesting story of a book, film, play etc. (เคา้ โครงเรื่องที่น่าสนใจ) special effects (n) = unusual or exciting pieces of action in films or television programmes, that are created by computers or clever photography to show things that do not normally exist or happen (เทคนิคพิเศษ) excellent cast (n) = the extremely good actors (นกั แสดงท่ียอดเยยี่ ม) computer-animated (adj) = connected with using computers to make the characters look as if they are moving (เก่ียวกบั การใชค้ อมพิวเตอร์สร้างตวั ละครให้ เคล่ือนไหว) blockbuster (n) = a film that is very successful (ภาพยนตร์ที่มีคนดูเป็นจาํ นวนมาก และทาํ รายไดส้ ูง) จากน้นั ใหน้ กั เรียนเติมคาํ ท่ีกาํ หนดใหล้ งในช่องวา่ งใหถ้ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รบอกคาํ ตอบ และ ครูตรวจคาํ ตอบ 1 Special effects 2 gripping plot 3 computer-animated 4 blockbuster 5 sound effects 6 excellent cast 2. หนังสือเรียน หน้า 83 Ex. 5 นกั เรียนออกเสียงคาํ กริยาเก่ียวกบั ภาพยนตร์ที่กาํ หนดให้ แลว้ ช่วยกนั อธิบาย ความหมาย win (v) = to achieve first position and/or get a prize in a competition, election, fight etc. (ชนะ) star (v) = to have one of the main parts in a film/movie, play etc. (แสดง) direct (v) = to be in charge of a film or play and tell the actors how to play their parts (กาํ กบั ) release (v) = to allow the film to be shown in cinemas, or makes the musical recording available for the public to buy (ออกวางตลาด, ออกวางจาํ หน่าย) compose (v) = to produce music, poetry or formal writing (เรียบเรียง, แต่งข้ึน) play (v) = to perform an entertainment or a particular character in a play, film etc. (แสดง , รับบทเป็น)
ครูสอนคาํ ศพั ทเ์ พ่มิ เติม ไดแ้ ก่ critic, cameo, sequel, the silver screen ดว้ ยการเขียนคาํ ศพั ทบ์ นกระดาน ให้ นกั เรียนอา่ นตาม แลว้ ครูช่วยอธิบายความหมาย critic (n) = someone whose job is to give their opinion about something, especially films, books, music etc. (นกั วิจารณ์) cameo (n) = a small but noticeable part in a film or play, performed by a famous actor (ดารารับเชิญ) sequel (n) = a book, film or play that continues the story of a previous book etc. (หนงั สือ ภาพยนตร์ หรือละครท่ีมีภาคต่อเนื่อง) the silver screen (n) = the film industry (อตุ สาหกรรมภาพยนตร์) จากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ นขอ้ ความและเติมคาํ กริยาลงในช่องวา่ งโดยเปล่ียนเป็น tense ท่ีถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขียนคาํ ตอบบนกระดาน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตรวจคาํ ตอบ 1 directed 2 stars 3 played 4 composed 5 released 6 won 3. ครูนาํ เสนอสาํ นวนภาษาท่ีใชแ้ นะนาํ ภาพยนตร์ โดยเขยี นบทสนทนาส้นั ๆ บนกระดาน A: Have you seen Zootopia? B: Yes, I saw it last week. A: Did you like it? B: It was fantastic. The plot was interesting. It’s a must-see. ใหน้ กั เรียนอ่านบทสนทนาพร้อมกนั แลว้ ครูถามวา่ บทสนทนาน้ีแนะนาํ วา่ ควรไปดูภาพยนตร์หรือไม่ เม่ือ ไดค้ าํ ตอบวา่ ควรไปดู ครูอธิบายวา่ นอกจากสาํ นวน It’s a must-see. แลว้ สามารถใชส้ าํ นวน You should see it. และ Don’t miss it. ไดด้ ว้ ย ต่อมาครูอธิบายเพ่มิ เติมวา่ สาํ หรับการแนะนาํ วา่ ไม่ควรไปดู เราสามารถใชส้ าํ นวน It was too long/boring. It’s a waste of time. ข้นั Practice 1. หนังสือเรียน หน้า 83 Ex. 6 นกั เรียนทาํ งานคู่ พดู สนทนาใหค้ าํ แนะนาํ เกี่ยวกบั ภาพยนตร์ ครูแนะนาํ ให้ นกั เรียนใช้ adjective และคาํ ศพั ทท์ ่ีเรียนไปแลว้ ในการพูดสนทนา ครูเดินสังเกตรอบ ๆ ช้นั เรียน จากน้นั สุ่ม เรียกนกั เรียน 3-4 คู่ออกมาพูดสนทนาท่ีหนา้ ช้นั A: Have you seen Slumdog Millionaire? B: Yes, I saw it last Saturday. A: Did you like it? B: Yes, it was great. It’s a must-see!
A: Have you seen Australia? B: Yes, I saw it last week. A: Did you like it? B: Not really. It was too long. 3. หนังสือเรียน หน้า 83 Ex. 7a ครูอธิบายวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ัง Jane, Steve และ Susan พดู เกี่ยวกบั ภาพยนตร์ที่ ชอบ ใหน้ กั เรียนฟังวา่ แตล่ ะคนชอบและไม่ชอบภาพยนตร์ประเภทใด เพราะเหตใุ ด จากน้นั เปิ ด CD ให้ นกั เรียนฟัง เมื่อฟังจบครูถามวา่ จดคาํ ตอบทนั หรือไม่ โดยครูอาจจะเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังอีกคร้ัง จากน้นั ครู รวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียนและเฉลยคาํ ตอบ Jane likes comedies. They make her relax and laugh. She doesn’t like fantasies because she thinks they aren’t realistic. Steve likes science-fiction films because he likes the special effects. He doesn’t like dramas because he thinks they’re too slow. Susan likes computer-animated films because she thinks they are funny and clever. She doesn’t like science-fiction films or westerns because she thinks they’re boring. 3. หนังสือเรียน หน้า 83 Ex. 7b ใหน้ กั เรียนนึกถึงภาพยนตร์ท่ีตนเองชื่นชอบ วา่ เป็นภาพยนตร์ประเภทใด ใคร เป็นผกู้ าํ กบั ใครคือนกั แสดง และมีเน้ือเร่ืองเก่ียวกบั อะไร แลว้ จดบนั ทึกส้ัน ๆ จากน้นั ครู สุ่มเรียก นกั เรียน 2-3 คน พูดใหเ้ พือ่ นฟัง Favourite film: The Dark Knight Type: action adventure film Who directed it: Christopher Nolan Who stars in it: Christian Bale as Batman, Heath Ledger as the Joker and Aaron Eckhart as Harvey Dent What it about: Batman has to fight a very dangerous criminal called the Joker ข้นั Production 1. หนงั สือเรียน หน้า 83 Ex. 8 นกั เรียนเขยี นอีเมลถึงเพือ่ นเล่าเก่ียวกบั ภาพยนตร์ท่ีชื่นชอบ โดยใช้ โครงร่างที่ ใหม้ าเป็นแนวทางในการเขียน ครูแนะนาํ วา่ นกั เรียนสามารถใชข้ อ้ มูลจากบนั ทึกยอ่ ใน Ex. 7 มาเขยี น ได้
Dear John, My favourite film is The Dark Knight. It is a brilliant action adventure film. It was directed by Christopher Nolan. It stars Christian Bale as Batman, Heath Ledger as the Joker and Aaron Eckhart as Harvey Dent. The film is about Batman who has to fight a very dangerous criminal called the Joker. This film is a very exciting film and it has great action scenes, brilliant special effects and fantastic acting. Don’t miss it! Rico 2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 53 Exs. 6-8 ใหน้ กั เรียนทาํ เป็นการบา้ น 7. การวัดและการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน ตรวจการตอบคาํ ถามจากการอ่านและ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 การฟัง ตรวจการเขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั เรื่อง สมุดนกั เรียน - ที่อ่าน สังเกตการพูดสนทนาใหค้ าํ แนะนาํ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ เก่ียวกบั ภาพยนตร์ ประเมินการเขียนอีเมลเล่าเก่ียวกบั แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ภาพยนตร์ท่ีช่ืนชอบ สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น ในการทาํ งาน อนั พึงประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 3 ม. 3 3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์
บนั ทกึ หลังสอน วิชาภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน 6 ( อ23102 กลุมสาระการเรยี นรูภาษตางประเทศ หนวยการเรยี นรทู ี่…7…เรอ่ื ง… Entertainment …วนั ทสี่ อน……………..……คาบท่ี.........จำนวน…2..คาบ ผลการจัดการเรยี นรู ช้นั ความสามารถ (K) ทกั ษะกระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะอันพงึ ปญ หา/ ขอเสนอแนะ ประสงค (A) อุปสรรค 3/1 นกั เรยี นรอยละ 100 นักเรียนรอ ยละ 100 นักเรียนรอยละ 100 มี สามารถบอกรายละเอียด สามารถพดุ พูดให้ ความใฝรแู ละมงุ มั่นใน และใหข อมูลเกีย่ วกับเร่ืองที่ คาํ แนะนาํ เก่ียวกบั การเรียน อา น ได ภาพยนตร์ได้ 3/2 นกั เรยี นรอยละ 100 นกั เรียนรอ ยละ 100 นักเรียนรอ ยละ 100 มี สามารถบอกรายละเอยี ด สามารถพดุ พูดให้ ความใฝร แู ละมุง มน่ั ใน และใหขอมลู เกยี่ วกบั เรื่องที่ คาํ แนะนาํ เกี่ยวกบั การเรยี น อาน ได ภาพยนตร์ได้ 3/5 นักเรียนรอ ยละ 80 สามารถ นกั เรยี นรอ ยละ 80 นกั เรยี นรอยละ 80 มี สามารถบอกรายละเอียด สามารถพดุ พูดให้ ความใฝร แู ละมุงมัน่ ใน และใหข อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ คาํ แนะนาํ เก่ียวกบั การเรยี น ภาพยนตร์ได้ อา น ได 3/6 นักเรียนรอยละ 80 สามารถ นกั เรยี นรอ ยละ 80 นกั เรยี นรอยละ 80 มี สามารถบอกรายละเอยี ด สามารถพุดพูดให้ ความใฝร แู ละมงุ มั่นใน และใหขอมลู เกีย่ วกบั เร่อื งท่ี คาํ แนะนาํ เก่ียวกบั การเรยี น ภาพยนตร์ได้ อา น ได นกั เรยี นรอ ยละ 50 สามารถ นักเรียนรอยละ 50 นกั เรียนรอยละ 50 มี สามารถบอกรายละเอียด สามารถพดุ พูดให้ ความใฝร ูและมุง ม่นั ใน 3/10 และใหข อมลู เกีย่ วกบั เรอ่ื งท่ี คาํ แนะนาํ เก่ียวกบั การเรียน อา น ได ภาพยนตร์ได้
ลงชอ่ื ครูผสู อน ครผู ูส อน ลงชื่อ………………………..หัวหนา กลุมสาระฯ (นางเฟาซียะห บือฮะ) (นายรสุ ลาน สาแม) 30 มกราคม 2565 30 มกราคม 2565 ลงชื่อ………………..…………………… (นางสาวเพริศพศิ คูหามุข) รองผูอำนวยการฝา ยวิชาการ ………/……………./………
แผนการจัดการเรียนรทู ี่ 2 กลมุ สาระการเรียนรู ภาษาตางประเทศ รายวชิ า ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน 6 รหัสวชิ า อ 23102 หนวยการเรียนรูท ่ี 7 Entertainment ( Grammar 7b) ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 3 เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง ครูผูส อน นางเฟาซยี ะห บือฮะ โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวดั ยะลา สพม.15 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขยี นโตต้ อบขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ขา่ ว เรื่องท่ี อยใู่ นความสนใจของสังคม และสื่อสารอยา่ งตอ่ เนื่องและเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาํ เสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูดและ การเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์/เร่ือง/ประเดน็ ต่าง ๆ ที่ อยใู่ นความสนใจของสงั คม 2. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา (the passive, the causative, reflexive/emphatic pronouns, a/an - the) ช่วยใหส้ ามารถพูดและเขยี นส่ือสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Grammar: The passive The causative (have sth done) Reflexive/Emphatic pronouns 2) Language Skills a/an - the Speaking: พูดถาม-ตอบขอ้ มูลโดยใชโ้ ครงสร้างท่ีเรียน
Writing: เขยี นประโยคตามโครงสร้างที่เรียน 4. สมรรถนะสําคัญของผู้เรียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - ใฝ่เรียนรู้ 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้นั Warm up ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเกี่ยวกบั ประโยค active และประโยค passive โดยเขียนตวั อยา่ งประโยค บนกระดาน ให้นกั เรียนระบุวา่ ประโยคใดเป็นประโยค active และประโยคใดเป็นประโยค passive เช่น I have breakfast at 7. The Eiffel Tower was designed by Gustave Eiffel. The bank was robbed yesterday. ข้นั Presentation 1. ก่อนนาํ เสนอประโยค passive ครูทบทวนโครงสร้างประโยค active ของ Present simple, Past simple, Present perfect, Future, Modals ดว้ ยการยกตวั อยา่ งบนกระดาน และใหน้ กั เรียนบอกโครงสร้าง Active Passive May cooks dinner. Dinner is cooked by May. May cooked dinner. Dinner was cooked by May. May has cooked dinner. Dinner has been cooked by May. May will cook dinner. Dinner will be cooked by May. May should cook dinner. Dinner should be cooked by May. ตอ่ มาครูเขยี นประโยค passive ตอ่ จากประโยค active โดยขดี เส้นใตค้ าํ กริยา เพอื่ ใหน้ กั เรียนสงั เกต และ บอกโครงสร้างของ passive (verb to be + past participle) จากน้นั ใหน้ กั เรียนดูประโยคตวั อยา่ งบนกระดาน และครูอธิบายหลกั การเปลี่ยนประโยค active เป็น ประโยค passive ดงั น้ี นาํ กรรมของประโยค active ไปเป็นประธานของประโยค passive
เปลี่ยนคาํ กริยาของประโยค active ให้อยใู่ นรูป passive คือ verb to be + past participle ยา้ ยประธานของประโยค active ไปเป็นผกู้ ระทาํ ในประโยค passive โดยมี preposition “by” นาํ หนา้ ถา้ ประธานของประโยค active ไม่ไดร้ ะบแุ น่ชดั วา่ เป็นใครสามารถละได้ แลว้ ครูยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เปล่ียนเป็นประโยค passive เช่น Mark will send a letter to London. A lot of tourists visited the museum. They have built this building for 2 years. ครูอธิบายเพิม่ เติมวา่ มีคาํ กริยาบางคาํ ที่ไมส่ ามารถใชก้ บั รูป passive ได้ ไดแ้ ก่คาํ วา่ resemble, look like, equal, agree, mean, contain, hold, comprise, lack, suit, fit, become ซ่ึงนกั เรียนตอ้ งจดจาํ ไว้ 2. หนงั สือเรียน หน้า 84 Ex. 1 นกั เรียนอา่ นทบทวนหลกั การเปล่ียนประโยค active เป็นประโยค passive แลว้ อธิบายความหมายของตวั อยา่ งประโยคสีฟ้าเป็นภาษาไทย จากน้นั ใหห้ าตวั อยา่ งประโยค passive ในบท อา่ น หนา้ 82 3. Wall-E: was designed and built by, is polluted, is left Terminator 2: was directed by, is sent back, will be terminated Bicentenial Man: was directed by, is programmed, is highly recommended ข้นั Practice 1. หนังสือเรียน หน้า 84 Ex. 2 นกั เรียนเติม is, are, was หรือ were ลงในประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู รวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาํ ตอบ 1 are 2 is 3 was 4 are 5 was Background information Jim Carrey เป็นนกั แสดงตลกที่โด่งดงั จากภาพยนตร์หลายเร่ือง เช่น The Mask, Liar Liar, Bruce Almighty และ Yes Man เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (The Cannes Film Festival) เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่ เก่าแก่และมีช่ือเสียงมากอีกแห่งหน่ึงของโลก เทศกาลน้ีจดั ข้ึนในเดือนพฤษภาคมที่ the Palais des Festivals et des Congrès ในเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส Pixar Animation Studios เป็นบริษทั ผลิตส่ือแอนิเมชนั่ ในเมือง Emeryville รัฐ แคลิฟอร์เนีย บริษทั น้ีมีชื่อเสียงจากการผลิตภาพยนตร์หลายเร่ือง เช่น Toy Story, Monsters, Inc., Finding Nemo, Cars และ Wall-E
2. หนงั สือเรียน หน้า 84 Ex. 3 นกั เรียนทาํ งานคู่ ใชค้ าํ ที่กาํ หนดใหแ้ ต่งประโยคในรูป passive ใหถ้ ูกตอ้ งตาม ขอ้ เทจ็ จริง เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาํ ตอบ Hamlet was written by William Shakespeare. Aida was composed by Giuseppe Verdi. The Pietà was sculptured by Michelangelo. Blue Suede Shoes was sung by Elvis Presley. The Mona Lisa was painted by Leonardo da Vinci The telephone was invented by Alexander Graham Bell. Background information Giuseppe Verdi เป็นนกั ประพนั ธผ์ ทู้ รงอิทธิพลคนหน่ึงในช่วงศตวรรษท่ี 19 ผลงานที่มี ช่ือเสียง เช่น Othello, Ave Maria, Aida และ Falstaff Alexander Graham Bell เป็นนกั วทิ ยาศาสตร์ชาวสกอตแลนด์ และเป็นผคู้ ิดคน้ โทรศพั ท์ เครื่องแรกของโลก Michelangelo (Buonarroti) เป็นจิตรกร ประติมากร สถาปนิก และกวีในยคุ เรเน ซองส์ ผลงานท่ีมีช่ือเสียงของเขาคือรูปสลกั หิน David (ค.ศ. 1504) Elvis Presley เป็นนกั ร้องที่มีช่ือเสียงระดบั โลก ผคู้ นต่างเรียกวา่ เขาวา่ ‘เดอะ คงิ ’ เขาออก อลั บ้มั มาแลว้ 76 อลั บ้มั และมีเพลงท้งั หมด 137 เพลง Christopher Columbus เป็นนกั เดินทาง นกั ล่าอาณานิคม และนกั สาํ รวจ พระ ราชินีอิซาเบลลา่ แห่งสเปนเป็นผสู้ นบั สนุนค่าใชจ้ ่ายท้งั หมดใหเ้ ขาเดินทางขา้ มมหาสมุทร แอตแลนติก ซ่ึงนาํ ไปสู่การคน้ พบทวปี อเมริกา Leonardo de Vinci เป็นจิตรกร ประติมากร สถาปนิก และนกั คดิ คน้ ชาวอิตาเลียน เขาเป็น ผวู้ าดภาพ Mona Lisa 3. หนงั สือเรียน หน้า 84 Ex. 4 นกั เรียนเขียนประโยคท่ีกาํ หนดใหอ้ ยใู่ นรูป passive เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก นกั เรียนอ่านประโยค และเฉลยคาํ ตอบ 2 The Lord of the Rings was filmed in New Zealand. 3 The film may be released next month. 4 Twilight was directed by Catherine Hardwicke. 5 The film has been nominated for ten Academy Awards. 6 The sequel will be filmed in Chicago. Background information
William Shakespeare เป็นกวแี ละนกั เขยี นบทละครชาวองั กฤษซ่ึงมีชีวติ อยใู่ นช่วง ศตวรรษท่ี 16 และไดร้ ับยกยอ่ งวา่ เป็นนกั เขยี นที่ยง่ิ ใหญท่ ี่สุดในดา้ นวรรณกรรมองั กฤษ Macbeth เป็นบทละครโศกนาฏกรรม ซ่ึงมีฉากอยใู่ นสกอตแลนด์ Catherine Hardwicke เป็นนกั ออกแบบฉากและผกู้ าํ กบั ภาพยนตร์ ผลงานภาพยนตร์ของ เธอมีมากมาย เช่น Thirteen, The Nativity Story และ Twilight Twilight เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกแฟนตาซีเก่ียวกบั แวมไพร์ท่ีมีเคา้ โครง มา จากนวนิยายช่ือดงั ของ Stephanie Meyer ภาพยนตร์เรื่องน้ีนาํ แสดงโดย Kristen Stewart และ Robert Pattinson 4. หนังสือเรียน หน้า 84 Ex. 5 นกั เรียนทาํ งานคู่ อา่ นบทวจิ ารณ์ภาพยนตร์ แลว้ เขยี นประโยคคาํ ถามให้ สัมพนั ธ์กบั คาํ ตอบที่พิมพต์ วั หนา พร้อมท้งั ระบุวา่ คาํ ถามขอ้ ใดที่อยใู่ นรูป passive เสร็จแลว้ ครูรวบรวม คาํ ตอบจากนกั เรียนและเฉลยคาํ ตอบ 2 Who wrote the novel that it is based on? (passive) 3 Who are the leading actors? 4 When was the film released? (passive) 5 Which award was the film nominated for? (passive) 6 Who was the film’s music composed by? (passive) 7 Which company was the film released by? (passive) 8 How many people has the film been watched by? (passive) ข้นั Production 1. หนงั สือเรียน หน้า 85 Ex. 6 ครูใหน้ กั เรียนระดมสมองจบั คคู่ าํ ท่ีกาํ หนดใหถ้ กู ตอ้ งตามขอ้ เทจ็ จริง แลว้ ช่วยกนั แตง่ เป็นประโยค passive ใหถ้ กู ตอ้ ง โดยครูเขยี นประโยคบนกระดาน 1 Penicillin was discovered by Alexander Fleming. 2 Blue jeans were invented by Levi Strauss. 3 Wuthering Heights was written by Emily Brontë. 4 The Magic Flute was composed by Mozart. 5 Guernica was painted by Pablo Picasso. จากน้นั ใหน้ กั เรียนทาํ งานคู่ พูดถาม-ตอบโดยใชร้ ูป passive ครูเดินสังเกตรอบ ๆ ช้นั เรียนเพ่ือตรวจสอบวา่ นกั เรียนใชโ้ ครงสร้างถกู ตอ้ ง แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ยนื ข้ึนพูด-ถามใหเ้ พ่ือนฟัง
A: Who were blue jeans invented by? B: They were invented by Levi Strauss. A: Who was Wuthering Heights written by? B: It was written by Emily Brontë. A: Who was The Magic Flute composed by? B: It was composed by Mozart. A: Who was Guernica painted by? B: It was painted by Pablo Picasso. 2. นกั เรียนทาํ Grammar Bank 7 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 93 Exs. 2-4 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 54 Exs. 1-3 ใหน้ กั เรียนทาํ เป็นการบา้ น ชั่วโมงที่ 2 ข้ัน Warm up ครูทบทวน passive โดยใหน้ กั เรียนบอกโครงสร้างและช่วยกนั ยกตวั อยา่ งประโยค ข้นั Presentation 1. ครูยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน ใหน้ กั เรียนคดิ วา่ 2 ประโยคน้ีแตกต่างกนั อยา่ งไร Tony is fixing his car. Tony is having his car fixed. ครูอธิบายวา่ ประโยค Tony is fixing his car. แสดงวา่ Tony ซ่อมรถยนตด์ ว้ ยตนเอง ส่วนประโยค Tony is having his car fixed. แสดงว่า Tony ใหผ้ อู้ ่ืนซ่อมรถยนตใ์ ห้ ซ่ึงประโยคน้ีใชโ้ ครงสร้างcausative 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา่ causative เป็นประโยคที่แสดงใหเ้ ห็นวา่ ผพู้ ดู ไม่ไดก้ ระทาํ ส่ิงใดสิ่งหน่ึงดว้ ยตนเอง แต่ ใหผ้ อู้ ่ืนทาํ ให้ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) ใหผ้ อู้ ื่นทาํ บางสิ่งให้ แตไ่ มไ่ ดบ้ อกวา่ บคุ คลน้นั คือใคร (have something done) มี โครงสร้าง คือ Subject + have + object + past participle เช่น Joe is having his car cleaned. (Joe กาํ ลงั ใหบ้ ุคคลอ่ืนลา้ งรถให)้ David has his bike fixed. (David ใหบ้ คุ คลอ่ืนซ่อมจกั รยานให)้ 2) ใหผ้ อู้ ื่นทาํ บางส่ิงให้ โดยระบวุ า่ บคุ คลน้นั คอื ใคร (have someone do something) มีโครงสร้าง คอื Subject + have + person + infinitive + object เช่น Joe is having his brother clean his car. (Joe กาํ ลงั ใหน้ อ้ งชายลา้ งรถให)้ David has his father fix his bike. (David ใหพ้ อ่ ของเขาซ่อมจกั รยานให)้
3. ครูนาํ เสนอ reflexive pronouns โดยยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน และขดี เส้นใต้ reflexive pronouns She looked at herself in the mirror. (เธอมองดูตวั เองในกระจก) I cut myself. (ฉนั ทาํ มีดบาดตวั เอง) ครูอธิบายวา่ herself และ myself คือ reflexive pronoun ซ่ึงหมายถึง ประธานของประโยคเป็นผกู้ ระทาํ เหตุการณ์น้นั ดว้ ยตนเอง คาํ สรรพนามน้ีถา้ เป็นเอกพจน์จะลงทา้ ยดว้ ย -self แต่ถา้ เป็นพหูพจนจ์ ะลงทา้ ยดว้ ย -selves แลว้ ครูเขียนตารางใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน พจน์ Subject pronouns Reflexive pronouns เอกพจน์บุรุษที่ 1 เอกพจน์บุรุษท่ี 2 I myself เอกพจน์บุรุษที่ 3 You yourself He himself พหูพจนบ์ รุ ุษที่ 1 She herself พหูพจนบ์ รุ ุษที่ 2 It itself พหูพจนบ์ รุ ุษท่ี 3 We ourselves You yourselves They themselves จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั แต่งประโยคโดยใช้ reflexive pronouns จากคาํ กริยาที่ครูกาํ หนดให้ เช่น sent - John sent himself a postcard. hurt - My sister hurt herself. 4. นกั เรียนอ่านวลีในหนงั สือเรียน หนา้ 85 กรอบ Reflexive/Emphatic pronouns ตรง Note แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย Behave yourself = behave well (ประพฤติตวั ดี) Be by myself = be on my own (เป็นตวั ของตวั เอง) Enjoy yourself = have a nice time (ขอใหส้ นุก) Make yourself at home = be comfortable (ทาํ ตวั ตามสบาย) 5. ครูทบทวนการใช้ article: a/an - the โดยเขยี นประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน • This is _____ pink book on the table. (a) • My friend likes to be _____ actor. (an) • Nicole is learning to play _____ piano. (the) ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เติม article ในประโยค เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกหลกั การใช้ article แลว้ ครู สรุปใหน้ กั เรียนฟัง
การใช้ a, an 1) ใช้ an นาํ หนา้ คาํ ที่ข้นึ ตน้ ดว้ ยเสียงสระ เช่น an elephant, an hour, an umbrella, an apple 2) ใช้ a, an นาํ หนา้ คาํ นามเอกพจน์นบั ได้ เช่น a dog, an orange 3) ใช้ a, an นาํ หนา้ คาํ ที่บอกอาชีพ เช่น a student, a teacher 4) ใช้ a กบั การเจบ็ ไขไ้ ดป้ ่ วย เช่น a stomachache, a headache, a fever การใช้ the 1) ใชก้ บั คาํ นามนบั ไดเ้ อกพจนแ์ ละพหูพจน์ท่ีเป็นการช้ีเฉพาะเจาะจงวา่ คนไหน อนั ไหน ส่ิงไหน 2) ใช้ the นาํ หนา้ คาํ นามท่ีมีสิ่งเดียวในโลก เช่น the sun, the moon, the sky 3) ใช้ the นาํ หนา้ ช่ือครอบครัว เช่น the Browns, the Lees, the Simsons 4) ตามปกติเราใช้ the นาํ หนา้ ชื่อหนงั สือพิมพ์ เช่น the Nation, the Times, the Sun 5) ใช้ the กบั ช่ือ สถานที่ เช่น ทะเล the Pacific; เทือกเขา the Himalayas; แมน่ ้าํ the Mississippi; ทะเลทราย the Sahara; โรงแรม the Plaza Hotel; โรงหนงั โรงละคร the Playhouse; พพิ ธิ ภณั ฑ์ the National Museum; ชื่อประเทศที่มีคาํ วา่ Republic, Kingdom, State เช่น the Czech Republic, the United Kingdom, the United States of America 6) ใช้ the นาํ หนา้ เคร่ืองดนตรี เช่น the piano , the guitar 7) ใช้ the + คาํ คณุ ศพั ท์ เมื่อกล่าวถึงกลมุ่ บุคคลเป็นพิเศษ เช่น the rich, the sick, the poor 8) ใช้ the กบั คาํ นามที่เราไดก้ ล่าวมาแลว้ ท้งั ผพู้ ูดและผฟู้ ังรู้วา่ กาํ ลงั กล่าวถึงส่ิงใด ข้นั Practice 1. หนังสือเรียน หน้า 85 Ex. 7 นกั เรียนอ่านประโยคในภาพที่ 1 และ 2 แลว้ บอกวา่ ประโยคใดแสดงวา่ บางคน ทาํ บางส่ิงดว้ ยตนเอง (ประโยคในภาพท่ี 1) ประโยคใดแสดงวา่ บางคนใหผ้ อู้ ื่นทาํ บางส่ิงให้ (ประโยคใน ภาพที่ 2) จากน้นั ใหน้ กั เรียนเขียนประโยคใหม่ใหอ้ ยใู นรูป causative เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียน และ เฉลยคาํ ตอบ 1 is having her flat decorated 2 has his car serviced once a year 3 will have Lucy buy him tickets for the play 4 is going to have her hair cut 5 had his watch repaired
4. หนงั สือเรียน หน้า 85 Ex. 8 นกั เรียนเติม reflexive pronoun ลงในประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเฉลย คาํ ตอบ 5. 1 myself 2 themselves 3 ourselves 4 yourself 5 yourselves 3. หนังสือเรียน หน้า 85 Ex. 9 ใหน้ กั เรียนระบุวา่ article แต่ละคาํ ใชส้ าํ หรับอะไร เสร็จแลว้ เฉลยคาํ ตอบพร้อม กนั We use a/an to say what someone is. We don’t use an article with proper names. We use the to refer to sth mentioned before. We use the before nouns that are unique. We don’t use an article before the names of countries except for the UK, the USA and the Netherlands. We use the with mountain ranges. We don’t use an article with cities or continents. We use the with nationalities, rivers and musical instruments. We don’t use an article with meals or sports. We use the with the names of families. 4. หนงั สือเรียน หน้า 85 Ex. 10 นกั เรียนอ่านประโยคและเติม a, an, the ลงในประโยคเฉพาะจุดท่ีจาํ เป็น เสร็จ แลว้ ครูรวบรวมคาํ ตอบจากนกั เรียนและเฉลยคาํ ตอบ 1 The, –, – 2 The, – 3 The, –, – 4 –, the, – 5 The, – 6 a, a 7 –, the ข้นั Production 1. ใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยคโดยใชโ้ ครงสร้าง causative และ reflexive pronouns มาอยา่ งละ 3 ประโยค จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน อา่ นประโยคใหเ้ พื่อนฟังโครงสร้างละ 1 ประโยค 2. นกั เรียนทาํ Grammar Bank 7 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 93 Ex. 1, หนา้ 94-95 Exs. 5-9 ร่วมกนั ใน ช้นั 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 55 Exs. 4-8 ใหน้ กั เรียนทาํ เป็นการบา้ น 7. การวดั และการประเมนิ ผล
วธิ ีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน สงั เกตการพดู ถาม-ตอบขอ้ มูลโดยใช้ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ โครงสร้างท่ีเรียน ตรวจการเขียนประโยคตามโครงสร้าง สมดุ นกั เรียน - ที่เรียน สงั เกตความใฝ่เรียนรู้ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น อนั พงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3 2) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3
บนั ทกึ หลังสอน วิชาภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน 6 ( อ23102 กลุมสาระการเรียนรูภาษตา งประเทศ หนว ยการเรยี นรทู ่ี…7…. เรอ่ื ง…Passive Voice…. วนั ที่สอน…………คาบท.ี่ ........จำนวน…2….คาบ ผลการจัดการเรียนรู ช้ัน ความสามารถ (K) ทกั ษะกระบวนการ (P) คณุ ลักษณะอันพึง ปญ หา/ ขอ เสนอแนะ ประสงค (A) อปุ สรรค 3/1 นกั เรียนรอยละ 100 นักเรยี นรอ ยละ 100 นกั เรียนรอยละ 100 มี สามารถอธบิ ายหลักการ สามารถเขยี นประโยค ความตั้งใจและ ใช active/passive และ active เปน passive ใน กระตือรอื รน ในการเรยี น หลกั การเปล่ยี นประโยค รูปแบบตา ง ๆ ไดอยา ง active เปน passive ใน รูปแบบตา ง ๆ ได ถกู ตอง 3/2 นักเรียนรอ ยละ 100 นักเรยี นรอยละ 100 นักเรียนรอยละ 100 มี สามารถอธิบายหลกั การ สามารถเขยี นประโยค ความต้งั ใจและ ใช active/passive และ active เปน passive ใน กระตือรอื รนในการเรียน หลักการเปลี่ยนประโยค รูปแบบตา ง ๆ ไดอยาง active เปน passive ใน ถกู ตอง รูปแบบตาง ๆ ได 3/5 นกั เรียนรอยละ 70 นักเรียนรอยละ 70 นกั เรยี นรอ ยละ 70 มี สามารถอธบิ ายหลกั การ สามารถเขียนประโยค ความตง้ั ใจและ ใช active/passive และ active เปน passive ใน กระตือรอื รนในการเรียน หลกั การเปลย่ี นประโยค รูปแบบตา ง ๆ ไดอยา ง active เปน passive ใน ถกู ตอง รูปแบบตาง ๆ ได 3/6 นกั เรยี นรอยละ 70 นกั เรียนรอ ยละ 70 นกั เรยี นรอ ยละ 70 มี สามารถอธบิ ายหลักการ สามารถเขียนประโยค ความต้งั ใจและ ใช active/passive และ active เปน passive ใน กระตือรอื รน ในการเรยี น หลกั การเปลยี่ นประโยค รูปแบบตาง ๆ ไดอยาง active เปน passive ใน ถูกตอง รปู แบบตา ง ๆ ได
3/10 นักเรียนรอ ยละ 50 นกั เรยี นรอ ยละ 50 นกั เรยี นรอ ยละ 50 มี สามารถอธบิ ายหลักการ สามารถเขียนประโยค ความต้ังใจและ ใช active/passive และ active เปน passive ใน กระตือรอื รนในการเรียน หลักการเปล่ียนประโยค รูปแบบตา ง ๆ ไดอยา ง active เปน passive ใน ถกู ตอง รปู แบบตา ง ๆ ได ลงชอ่ื ครูผสู อน ลงชอื่ ………………………..หวั หนา กลุมสาระฯ (นางเฟาซยี ะห บอื ฮะ) (นายรสุ ลาน สาแม) 30 มกราคม 2565 30 มกราคม 2565 ลงชอื่ ………………..…………………… (นางสาวเพรศิ พศิ คูหามุข) รองผอู ำนวยการฝายวชิ าการ ………/……………./………
กลุมสาระการเรยี นรู ภาษาตางประเทศ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี 3 รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน 6 รหัสวิชา อ 23102 หนว ยการเรียนรูที่ 7 Entertainment ( Skills 7c) ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 3 เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง ครูผูส อน นางเฟาซียะห บอื ฮะ โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จงั หวดั ยะลา สพม.15 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็นอย่างมี เหตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบุหัวขอ้ เรื่อง ใจความสาํ คญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ีฟังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ งประกอบ มาตรฐาน ต 1.3 นาํ เสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู และ การเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 3/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์/เร่ือง/ประเดน็ ต่าง ๆ ท่ี อยใู่ นความสนใจของสงั คม มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนาํ มาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ต 2.2 ม. 3/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิด ต่าง ๆ และการลาํ ดบั คาํ ตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด การเรียนรู้คาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั สถานท่ีและกิจกรรม จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและบอกรายละเอียดเก่ียวกบั เร่ือง ท่ีฟัง รวมถึงยงั สามารถนาํ ความรู้ไปใชใ้ นการพูดและเขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ประสบการณ์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions
Vocabulary: Places (art gallery, cinema, concert hall, exhibition centre, museum, opera house, stadium, circus, theatre) Forms of entertainment (ballet, concert, film, play, exhibition, dinner, opera, football) Functions: Describing an experience Last Saturday night, I went to a pop music concert. I went with my two best friends Sophia and Anna. Pronunciation: /e/: bed, met, pet /æ/: bad, mad, cat 2) Language Skills Listening: Speaking: ฟังเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: พดู เลา่ ประสบการณ์การทาํ กิจกรรมในช่วงเยน็ 4. สมรรถนะสําคญั ของผู้เรียน เขียนเลา่ ประสบการณ์การทาํ กิจกรรมในช่วงเยน็ 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้นั Warm up ครูถามนกั เรียนวา่ ใครเคยไปพิพิธภณั ฑ์ ดูนิทรรศการ ดูคอนเสิร์ต หรือดูงานแสดงศิลปะบา้ ง ถา้ มีนกั เรียนที่ เคยไป ครูใหเ้ ล่าประสบการณ์และความรู้สึกใหเ้ พ่อื นฟัง แต่ถา้ นกั เรียนไม่เคยไป ครูใหช้ ่วยกนั คดิ วา่ จะได้ เห็นอะไรบา้ งที่สถานท่ีน้นั ข้ัน Pre-listening 1. ครูทบทวนคาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั สถานท่ีดว้ ยการแสดงภาพ พร้อมท้งั ออกเสียงคาํ ศพั ท์ ใหน้ กั เรียน ออกเสียง ตาม จากน้นั ครูแสดงภาพทีละภาพ ใหน้ กั เรียนบอกคาํ ศพั ท์ และอธิบายความหมาย art gallery (หอ้ งแสดงงานศิลปะ) cinema (โรงภาพยนตร์) concert hall (หอ้ งแสดงคอนเสิร์ต) exhibition centre (ศูนยแ์ สดงนิทรรศการ)
museum (พพิ ธิ ภณั ฑ)์ opera house (โรงละครโอเปร่า) stadium (สนามกีฬา) circus (โรงละครสตั ว)์ theatre (โรงละคร) 2. หนงั สือเรียน หน้า 86 Ex. 1 นกั เรียนดูภาพและเดาวา่ พวกเขาประกอบอาชีพอะไร (clowns) และทาํ งานท่ี ไหน (circus) จากน้นั ช่วยกนั บอกเกี่ยวกบั สิ่งที่สามารถทาํ ไดห้ รือพบเห็นไดใ้ นสถานที่ท่ีกาํ หนดให้ We can see paintings/works of art in an art gallery. We can watch a film at the cinema. We can watch/listen to a concert/music performance in a concert hall. We can see an exhibition like a science fair in an exhibition centre. We can see artefacts/works of art from the past in a museum. We can see a play/a concert/a performance in an opera house. We can watch a sporting event like a football match in a stadium. We can see performers/animals doing tricks at a circus. We can watch a play or other theatrical performance at a theatre. 3. ครูอธิบายวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ังบทสนทนาระหวา่ งเพ่ือน 2 คน ซ่ึงสนทนากนั เกี่ยวกบั กิจกรรมของเพ่ือนคน อื่น ๆ ท่ีออกไปทาํ ในตอนเยน็ จากน้นั ใหน้ กั เรียนอา่ นช่ือบุคคลและกิจกรรมในหนงั สือเรียน หนา้ 86 Ex. 3 เพอ่ื ใหน้ กั เรียนคุน้ เคยกบั ช่ือบคุ คลและกิจกรรมท่ีกาํ ลงั จะไดฟ้ ัง 4. ครูบอกนกั เรียนวา่ ไม่จาํ เป็นตอ้ งฟังออกทกุ คาํ เนน้ ท่ีจุดประสงคห์ ลกั ของการฟังคือ ฟังเพอ่ื หาวา่ แต่ละ คนทาํ กิจกรรมอะไร ข้นั Listening หนังสือเรียน หน้า 86 Ex. 2 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังบทสนทนา ครูคอยสังเกตวา่ นกั เรียนฟังเขา้ ใจหรือไม่ โดยอาจจะสงั เกตจากสีหนา้ หรือการจดบนั ทึกระหวา่ งฟัง เม่ือฟังจบครูอาจจะสอบถามนกั เรียนวา่ ฟังเขา้ ใจ และจบั คู่ไดห้ รือไม่ โดยครูอาจจะเปิ ดบทสนทนาใหฟ้ ังอีกคร้ัง ข้นั Post-listening 4a 5c 1. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกคาํ ตอบ แลว้ ครูเฉลยคาํ ตอบ 1h 2e 3f 2. ใหน้ กั เรียนนาํ คาํ ตอบจาก Ex. 2 มาเขียนเป็นประโยค โดยครูพูดประโยคเป็นตวั อยา่ ง เช่น Tony went to see football in a stadium. จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค
Joyce went to see art exhibition in an exhibition centre. Laura went to have dinner in a restaurant. Claire went to see ballet in a theater. Dennis went to see a film in a cinema. 3. นกั เรียนทาํ Language Review 7c Ex. 2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 111 ร่วมกนั ในช้นั 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 56-57 Exs. 1-4 ใหน้ กั เรียนทาํ เป็นการบา้ น ชั่วโมงท่ี 2 ข้นั Warm up ครูเตรียมสลากคาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั สถานท่ี แลว้ แบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 ทีม ใหแ้ ต่ละทีมส่งตวั แทน 1 คน ออกมาจบั สลาก และพยายามพดู คาํ ศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั สถานท่ีในสลากท่ีจบั ได้ เพือ่ ใหเ้ พ่อื นในทีมทายวา่ คอื สถานท่ีใด ซ่ึงตวั แทนแต่ละทีมสามารถบอกใบค้ าํ ศพั ทไ์ ม่เกิน 3 คาํ ทีมใดตอบถกู ต้งั แต่ คาํ ใบแ้ รกจะ ได้ 3 คะแนน และลดลาํ ดบั คะแนนลงมาเร่ือย ๆ สุดทา้ ยทีมท่ีมีคะแนนมากท่ีสุดจะเป็น ผชู้ นะ เช่น Team A S1: (จบั ไดค้ าํ วา่ concert hall) Singer Team A: It’s a concert hall. Team A S1: That’s correct. T: Team A gets 3 points. ข้นั Presentation ครูเขยี นคาํ ศพั ทต์ อ่ ไปน้ีบนกระดาน great cap prey bag day tap ครูอ่านออกเสียงใหน้ กั เรียนฟังทีละคู่ ใหน้ กั เรียนออกสียงตาม แลว้ ถามนกั เรียนวา่ คาํ ในแถวใด ออกเสียง /e/ (แถวแรก) คาํ ในแถวใดออกเสียง /æ/ (แถวหลงั ) ต่อมาครูถามนกั เรียนวา่ เสียง /e/ ออกเสียงคลา้ ยกนั สระอะไรในภาษาไทย เมื่อไดค้ าํ ตอบวา่ สระ “เ-” แลว้ ครูอธิบายวา่ เสียง /e/ จะคลา้ ยกบั เสียงสระ “เ-” ในภาษาไทย แตต่ ่างกนั ท่ี เสียง /e/ จะเลื่อนลิน้ สูงข้นึ เลก็ นอ้ ย และลากเสียงใหย้ าวข้ึน แลว้ ครูใหน้ กั เรียนลองออกเสียงเปรียบเทียบ เช่นคาํ วา่ เปล
หลงั จากน้นั ครูถามนกั เรียนว่า เสียง /æ/ ออกเสียงคลา้ ยกนั สระอะไรในภาษาไทย เมื่อไดค้ าํ ตอบวา่ สระ “แ-” หรือ “แ-ะ” แลว้ ครูอธิบายวา่ เสียง /æ/ ออกเสียงเหมือนสระ “แ-” หรือ “แ-ะ” ในภาษาไทย โดยจะออก เสียงเหมือนสระ “แ-ะ” เม่ือตามดว้ ยพยญั ชนะเสียงไมก่ อ้ ง เช่น เสียง /t/ ในคาํ bat และจะออกเสียงคลา้ ย เสียงสระ “แ-” เมื่อตามดว้ ยพยญั ชนะเสียงกอ้ ง เช่น เสียง /d/ ในคาํ bad ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 86 Ex. 4 นกั เรียนลอกตารางลงในสมุด แลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและขีด ลงใน ตารางตามเสียงที่ไดย้ นิ เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาํ ตอบ /e/ /æ/ /e/ /æ/ /e/ /æ/ bad met cat bed mad pet ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังอีกคร้ัง โดยหยดุ ทีละคาํ เพอื่ ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงตาม แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน ออกเสียงทีละคน จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั คิดคาํ ศพั ทค์ าํ อ่ืนท่ีออกเสียง /e/ และ /æ/ โดยดูการออกเสียง จากพจนานุกรม /e/: grey, break, make /æ/: hat, back, fat 2. หนงั สือเรียน หน้า 86 Ex. 3 นกั เรียนนึกถึงคร้ังสุดทา้ ยท่ีออกไปทาํ กิจกรรมในช่วงเยน็ และมีช่วงเวลาดี ๆ โดยครูอาจยกตวั อยา่ งกิจกรรมท่ีน่าสนใจ เช่น ดูภาพยนตร์ ชมละครเวที ชมคอนเสิร์ต หรือเยย่ี มชม พิพิธภณั ฑ์ แลว้ เขียนบนั ทึกยอ่ ตามรายละเอียดท่ีกาํ หนด จากน้นั ใหน้ กั เรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน เพ่อื เล่าประสบการณ์ใหเ้ พื่อนในกลุ่มฟัง โดยครูเดินสังเกตการทาํ กิจกรรมของแต่ละกลมุ่ Topic: An evening out last Saturday night, a concert, stadium When/Where you went two best friends Sophia and Anna Who you went with
What exactly happened danced and sang along to our favourite songs, felt really excited and happy, fantastic (what you did, what it was like, how you felt etc.) ข้นั Production 1. หนังสือเรียน หน้า 86 Ex. 5 นกั เรียนใชค้ าํ ตอบจาก Ex. 3 มาเขยี นอีเมลถึงเพ่ือนเพ่ือเล่าเก่ียวกบั กิจกรรมท่ีทาํ ในช่วงเยน็ ตามโครงร่างท่ีให้มา เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนตรวจทานงานเขียนของตนเอง โดยดูการสะกดคาํ ไวยากรณ์ การใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอน และปรับแกใ้ หถ้ กู ตอ้ ง จากน้นั ครู สุ่มเลือกนกั เรียน 2-3 คน อ่านใหเ้ พ่ือนฟัง Hi Sue, Last Saturday night, I went to a pop music concert. I went with my two best friends Sophia and Anna. We danced and sang along to all our favourite songs. I felt really excited and happy! It was fantastic. I had a really great time. Have to go now. Talk to you later. Sofia 2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 57 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เลือกคาํ ตอบที่ถกู ตอ้ ง 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 57 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เติมคาํ ลงในช่องวา่ ง 7. การวดั และการประเมินผล วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน ตรวจการตอบคาํ ถามจากการอา่ นและ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 การฟัง สังเกตการเปรียบเทียบเสียงสระใน แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทย สังเกตการพดู เลา่ ประสบการณ์การทาํ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ กิจกรรมในช่วงเยน็ ประเมินการเขียนอีเมลเลา่ เก่ียวกบั แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ กิจกรรมที่ทาํ ในช่วงเยน็
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น ในการทาํ งาน อนั พงึ ประสงค์ 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3 3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) สลากคาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั สถานท่ี
บนั ทึกหลังสอน วิชาภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน 6 ( อ23102 กลุมสาระการเรยี นรภู าษตา งประเทศ หนวยการเรียนรูท ่ี…7…เรอ่ื ง… Entertainment …วนั ที่สอน……………..……คาบที่.........จำนวน…2..คาบ ผลการจดั การเรยี นรู ชั้น ความสามารถ (K) ทกั ษะกระบวนการ (P) คุณลกั ษณะอันพึง ปญหา/ ขอ เสนอแนะ ประสงค (A) อุปสรรค นักเรียนรอยละ 100 นกั เรียนรอยละ 100 สามารถบอกความหมาย พดู และเขยี นเลา่ ของคำศัพทและบอก ประสบการณ์การทาํ นกั เรยี นรอ ยละ 100 มี 3/1 รายละเอียดของเรื่องท่ีฟัง กิจกรรมได้ ความใฝร ูและมุงม่นั ใน การเรยี น ได้ นักเรยี นรอ ยละ 100 นกั เรียนรอยละ 100พดู สามารถบอกความหมาย และเขียนเลา่ ของคำศัพทและบอก ประสบการณ์การทาํ นกั เรยี นรอ ยละ 100 มี 3/2 รายละเอียดของเรื่องที่ฟัง กิจกรรมได้ ความใฝร แู ละมุงมัน่ ใน การเรียน ได้ นักเรียนรอยละ 80 สามารถ นักเรียนรอยละ 80พดู นักเรยี นรอ ยละ 80 มี สามารถบอกความหมาย ความใฝรแู ละมุงมั่นใน ของคำศัพทและบอก และเขียนเลา่ การเรยี น 3/5 รายละเอียดของเรื่องท่ีฟัง ประสบการณ์การทาํ ได้ กิจกรรมได้ นกั เรียนรอ ยละ 80 สามารถ นกั เรยี นรอ ยละ 80 พดู นกั เรียนรอ ยละ 80 มี สามารถบอกความหมาย ความใฝร แู ละมงุ มั่นใน ของคำศัพทและบอก และเขียนเลา่ การเรียน 3/6 รายละเอียดของเรื่องที่ฟัง ประสบการณ์การทาํ ได้ กิจกรรมได้
นักเรียนรอยละ 50 นักเรียนรอ ยละ 50พูด สามารถสามารถบอก นักเรยี นรอ ยละ 50 มี ความใฝร แู ละมุงม่นั ใน 3/10 ความหมายของคำศัพทและ และเขียนเล่า การเรยี น บอกรายละเอยี ดของเรื่องที่ ประสบการณ์การทาํ ฟง ได กิจกรรมได้ ลงช่ือ ครผู สู อน ลงชือ่ ………………………..หวั หนากลมุ สาระฯ (นางเฟาซยี ะห บือฮะ) (นายรสุ ลาน สาแม) 30 มกราคม 2565 30 มกราคม 2565 ลงช่ือ………………..…………………… (นางสาวเพริศพศิ คหู ามุข) รองผูอำนวยการฝายวชิ าการ ………/……………./………
แผนการจัดการเรียนรทู ี่ 4 กลุมสาระการเรยี นรู ภาษาตางประเทศ รายวชิ า ภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน 6 รหัสวิชา อ 23102 หนวยการเรียนรทู ี่ 7 Entertainment ( Everyday English 7d) ชั้น มัธยมศึกษาปที่ 3 เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง ครูผูสอน นางเฟาซียะห บือฮะ โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จงั หวัดยะลา สพม.15 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 3/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ ข่าว โฆษณา และบทร้อยกรองส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบุหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาํ คญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองที่ฟังและอา่ นจากสื่อประเภทต่าง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ งประกอบ มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คดิ เหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 3/1 สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั สถานการณ์ ข่าว เรื่องท่ี อยใู่ นความสนใจของสงั คม และส่ือสารอยา่ งตอ่ เนื่องและเหมาะสม ต 1.2 ม. 3/5 พูดและเขยี นบรรยายความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เร่ืองตา่ ง ๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และขา่ ว/เหตุการณ์ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลประกอบอยา่ งเหมาะสม สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนําไปใช้ ได้อย่าง เหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 3/1 เลือกใชภ้ าษา น้าํ เสียง และกิริยาทา่ ทางเหมาะกบั บคุ คลและโอกาสตามมารยาทสงั คมและ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้ังในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั ต 4.1 ม. 3/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาํ ลองท่ีเกิดข้นึ ในห้องเรียน สถานศึกษา และชุมชน 2. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้สาํ นวนภาษาในการเลือกดูรายการโทรทศั น์ จะช่วยใหส้ ามารถพูดสื่อสารในชีวติ ประจาํ วนั ได้ อยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Sentences (Do you fancy watching it?, What else is on?, Quiz shows are boring., What channel is it on?, That sounds great., I just hate social dramas., Oh no, not that.) Verbs (fancy, be on) Nouns (channel, social drama) Functions: Choosing TV programmes There’s a quiz show on TV. Do you fancy watching it? Not really. Quiz shows are boring. What else is on? 2) Language Skills Listening: Speaking: ฟังการออกเสียงประโยค Reading: พดู สนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาํ หนด Writing: อ่านเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ 4. สมรรถนะสําคัญของผู้เรียน แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ที่กาํ หนด 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั Warm up 1. ครูทบทวนการออกเสียง /æ/ และ /e/ โดยแสดงบตั รคาํ bad, dad, test, neck, sand, pat, gas, mad, bed, pet, met, past แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียง 2. ครูถามคาํ ถามเก่ียวกบั รายการโทรทศั นใ์ นปัจจุบนั เพอื่ กระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียน เช่น นกั เรียนชอบดู รายการโทรทศั น์รายการใด เพราะเหตใุ ดจึงชอบดู นกั เรียนดูรายการดงั กล่าวบ่อยหรือไม่ ข้ัน Presentation 1. ครูทบทวนคาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั รายการโทรทศั น์ โดยแสดงบตั รคาํ ใหน้ กั เรียนอ่านคาํ ศพั ทพ์ ร้อมกนั จากน้นั ครู สุ่มเรียกนกั เรียนทีละคนให้อ่านคาํ ศพั ทต์ ามบตั รคาํ ที่ครูแสดง 2. ครูทบทวน adjectives ที่ใชบ้ รรยายเกี่ยวกบั รายการโทรทศั น์ โดยใหน้ กั เรียนอ่าน adjectives ในหนงั สือ เรียน หนา้ 81 พร้อมท้งั บอกความหมาย ตอ่ มาครูสอน adjectives เพิ่มเติม โดยเขยี นคาํ ศพั ทบ์ นกระดาน ไดแ้ ก่คาํ วา่ scary interesting sad realistic enthralling stimulating thought-provoking ใหน้ กั เรียนอ่านคาํ ศพั ทต์ ามครูพร้อมกนั 2 คร้ัง จากน้นั ช่วยกนั บอกความหมาย ถา้ คาํ ใดไมร่ ู้ ใหน้ กั เรียนเปิ ด หาความหมายในพจนานุกรม เช่น realistic (adj) = seeming to exist or be happening in fact (ดูสมจริง) enthralling (adj) = keeping someone's interest and attention completely (ทาํ ใหต้ ิดตรึง ใจ) stimulating (adj) = making you feel enthusiastic and full of ideas (เร้าใจ) thought-provoking (adj) = making you think a lot about a subject (กระตุน้ ความคดิ หรือสิ่งที่ สนใจ) 3. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 พูดแสดงความคดิ เห็นหรือความรู้สึกเก่ียวกบั รายการโทรทศั น์ เช่น S1: I think soap operas are boring. S2: I like comedies. They’re funny. ข้ัน Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 87 Ex. 1 ครูเปิ ด CD โดยหยดุ ทีละประโยค ใหน้ กั เรียนฟังประโยคท่ีเกี่ยวกบั รายการ โทรทศั น์และออกเสียงตาม โดยครูเปิ ด CD 2 คร้ัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านประโยคดว้ ยตนเองพร้อมกนั 2. หนงั สือเรียน หน้า 87 Ex. 2 ครูอธิบายวา่ ประโยคใน Ex. 1 มาจากบทสนทนาระหวา่ งเพอ่ื น 2 คน ให้ นกั เรียนฟัง CD และอ่านบทสนทนาตาม เพื่อหาวา่ พวกเขาเลือกดูรายการประเภทใด จากน้นั ครูรวบรวม คาํ ตอบจากนกั เรียนหลาย ๆ คน และเฉลยคาํ ตอบ
They choose to watch a wildlife programme about sharks. 3. หนังสือเรียน หน้า 87 Ex. 3 นกั เรียนอ่านประโยค 1-4 แลว้ อา่ นบทสนทนาอีกคร้ังเพื่อหาประโยคท่ีมี ความหมายเหมือนกบั ประโยคเหลา่ น้ี จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาํ ตอบ แลว้ ใหน้ กั เรียนในช้นั ตรวจ ความถูกตอ้ ง 1 Do you feel like watching it? – Do you fancy watching it? 2 That’s OK with me. – That sounds great. 3 When does it start? – What time is it on? 4 I can’t stand social dramas. – I just hate social dramas. 4. ครูใหน้ กั เรียนอ่านบทสนทนาใน Ex. 2 โดยนาํ ประโยคใน Ex. 3 ไปแทนท่ีประโยคที่มีความหมาย เหมือนกนั 5. หนังสือเรียน หน้า 87 Ex. 4 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฝึกอ่านบทสนทนา แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั ค่กู นั ฝึกพูด สนทนาโดยใชน้ ้าํ เสียงใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านประโยคใน Ex. 1 อีกคร้ัง แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ข้ัน Production หนงั สือเรียน หน้า 87 Ex. 5 นกั เรียนทาํ งานคู่ แต่งบทสนทนาเก่ียวกบั การเลือกดูรายการโทรทศั นจ์ าก แผนผงั แนะนาํ รายการโทรทศั นท์ ี่ใหม้ า โดยนกั เรียนสามารถใชส้ าํ นวนภาษาใน Ex. 1 และดู บทสนทนา ใน Ex. 2 เป็นตน้ แบบได้ เม่ือนกั เรียนแต่งบทสนทนาเสร็จแลว้ ส่งใหค้ รูตรวจ หลงั จากไดร้ ับบทสนทนาคืนแลว้ ใหน้ กั เรียนไป ฝึกซอ้ มนอกเวลาเรียนเพือ่ พูดสนทนาในชว่ั โมงหนา้ A: There’s a quiz show on TV. Do you fancy watching it? B: Not really. Quiz shows are boring. What else is on? A: Well, there’s a wildlife programme on about elephants. B: That sounds great. What channel is it on? A: Channel 1. B: What time is it on? A: 6:30. B: Let’s watch that. There’s a soap opera on after that. A: Oh no, not that. I just hate soap operas.
ชั่วโมงท่ี 2 ข้นั Warm up ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทีม เพอ่ื เลน่ เกม What is missing? ทบทวนคาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั รายการโทรทศั น์และ adjectives โดยครูติดบตั รคาํ บนกระดานคร้ังละ 4 ใบ ใหเ้ วลานกั เรียนดูบตั รคาํ 5 วนิ าที จากน้นั นกั เรียน หลบั หา ครูเปล่ียนบตั รคาํ 1 ใบ แลว้ ใหน้ กั เรียนลืมตา ทีมใดรู้วา่ บตั รคาํ ใบใดหายไปให้ยกมือข้ึนและบอก คาํ ศพั ท์ ถา้ บอกคาํ ศพั ทถ์ ูกตอ้ งจะได้ 1 คะแนน ทีมใดไดค้ ะแนนมากกวา่ จะเป็นผชู้ นะ ข้นั Pre-speaking 1. ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 87 Ex. 2 แลว้ อ่านตามพร้อมกนั จากน้นั ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 กลมุ่ ใหก้ ล่มุ หน่ึงอา่ นบทของ Steve และอีกกลุ่มหน่ึงอ่านบทของ Anna โดยใหน้ กั เรียนใช้ น้าํ เสียงใหเ้ หมาะสมในการแสดงความคิดเห็นและความรู้สึก 2. ครูใหเ้ วลานกั เรียนแต่ละคทู่ บทวนบทสนทนาที่ตนเองแต่ง เพ่ือเตรียมความพร้อมก่อนออกมาพูดสนทนา หนา้ ช้นั เรียน ข้นั Speaking 1. ก่อนเริ่มพดู สนทนา ครูใหน้ กั เรียนทกั ทายเพอื่ นและแนะนาํ ตนเองดว้ ย เช่น Hi, everyone. I’m Sunisa. Hello, my friends. 2. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคู่ออกมาพดู สนทนาหนา้ ช้นั เรียน โดยครูอาจเรียกตามลาํ ดบั เลขที่หรือเรียกตามแถวที่ นงั่ ขณะท่ีนกั เรียนพูดสนทนาครูคอยสังเกตและจดบนั ทึก ข้นั Post-speaking 1. ครูใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) เรื่องการใชภ้ าษาของนกั เรียน เช่น ไวยากรณ์ การออกเสียง น้าํ เสียง กิริยา ท่าทาง เพื่อใหน้ กั เรียนนาํ ไปปรับปรุงแกไ้ ขในคร้ังต่อไป 2. ครูมอบหมายให้นกั เรียนแตล่ ะคู่ไปฝึกอา่ นบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 87 ใหค้ ล่อง แลว้ มาอ่านบท สนทนาใหค้ รูฟังนอกเวลาเรียน 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 58 Exs. 3-4 ใหน้ กั เรียนทาํ เป็นการบา้ น 7. การวดั และการประเมนิ ผล วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน ประเมินการอ่านออกเสียงบทสนทนา แบบประเมินการอ่านออกเสียง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ประเมินการแต่งบทสนทนาตาม แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ สถานการณ์ที่กาํ หนด ประเมินการพูดสนทนาตาม แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คุณภาพ พอใช้ สถานการณ์ที่กาํ หนด บทบาทสมมติ
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น ในการทาํ งาน อนั พึงประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 3 ม. 3 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 3 ม. 3 3) แบบฝึกหดั SPARK 3 ม. 3 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) บตั รคาํ เสียง /æ/ และ /e/ 7) บตั รคาํ ศพั ทเ์ กี่ยวกบั รายการโทรทศั น์และ adjectives
บนั ทกึ หลังสอน วชิ าภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน 6 ( อ23102 กลุมสาระการเรียนรภู าษตางประเทศ หนว ยการเรียนรทู ่ี…7…เรื่อง… Entertainment …วนั ที่สอน……………..……คาบที่.........จำนวน…2..คาบ ผลการจัดการเรียนรู ช้ัน ความสามารถ (K) ทักษะกระบวนการ (P) คุณลกั ษณะอนั พึง ปญหา/ ขอ เสนอแนะ ประสงค (A) อปุ สรรค นกั เรียนร้อยละ 100บอก นกั เรียนรอ ยละ 100 นักเรยี นรอยละ 100 มี รายละเอียดของบท สามารถอา่ นออกเสียง ความใฝร ูและมงุ มั่นใน 3/1 สนทนาที่อา่ นและฟังได้ บทสนทนาถกู ตอ้ งตาม การเรยี น หลกั การอา่ นได้ นกั เรียนรอ ยละ 100บอก นกั เรยี นรอยละ 100 นักเรียนรอยละ 100 มี รายละเอียดของบท สามารถอา่ นออกเสียง ความใฝรแู ละมุงม่ันใน 3/2 สนทนาที่อ่านและฟังได้ บทสนทนาถูกตอ้ งตาม การเรยี น หลกั การอา่ นได้ นักเรียนรอ ยละ 80 บอก นกั เรียนรอ ยละ 80 นักเรียนรอยละ 80 มี รายละเอียดของบท สามารถอา่ นออกเสียง ความใฝรูและมงุ มน่ั ใน 3/5 สนทนาที่อ่านและฟังได้ บทสนทนาถกู ตอ้ งตาม การเรียน หลกั การอ่านได้ นกั เรยี นรอยละ 80 บอก นกั เรยี นรอยละ 80 นักเรยี นรอยละ 80 มี รายละเอียดของบท สามารถอา่ นออกเสียง ความใฝร ูแ ละมุงมัน่ ใน 3/6 สนทนาท่ีอ่านและฟังได้ บทสนทนาถูกตอ้ งตาม การเรียน หลกั การอ่านได้ นักเรียนรอ ยละ 50 นกั เรยี นรอยละ 50 มี รายละเอียดของบท ความใฝรูและมงุ มั่นใน 3/10 สนทนาที่อา่ นและฟังได้ นักเรียนรอยละ 50 การเรยี น สามารถอา่ นออกเสียง
บทสนทนาถกู ตอ้ งตาม หลกั การอ่านได้ ลงชอ่ื ครูผสู อน ลงช่ือ………………………..หวั หนากลุมสาระฯ (นางเฟาซียะห บอื ฮะ) (นายรุสลาน สาแม) 30 มกราคม 2565 30 มกราคม 2565 ลงชื่อ………………..…………………… (นางสาวเพริศพิศ คูหามขุ ) รองผอู ำนวยการฝา ยวชิ าการ ………/……………./………
แผนการจัดการเรยี นรูท่ี 5 กลมุ สาระการเรียนรู ภาษาตางประเทศ รายวชิ า ภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน 6 รหัสวิชา อ 23102 หนวยการเรยี นรทู ี่ 7 Entertainment (Across cultures 7e) ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 3 เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง ครผู สู อน นางเฟาซยี ะห บอื ฮะ โรงเรยี นคณะราษฎรบำรงุ จังหวดั ยะลา สพม.15 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพ่ือการสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็นอย่างมี เหตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 3/4 เลือก/ระบุหวั ขอ้ เร่ือง ใจความสาํ คญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ งประกอบ มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความ คดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 3/3 พดู และเขยี นแสดงความตอ้ งการ เสนอและใหค้ วามช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม ต 1.2 ม. 3/4 พูดและเขยี นเพอื่ ขอและใหข้ อ้ มูล อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เรื่อง ที่ฟังหรืออ่านอยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาํ เสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู และการ เขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 3/2 พดู และเขยี นสรุปใจความสาํ คญั /แก่นสาระ หวั ขอ้ เรื่องท่ีไดจ้ ากการวิเคราะห์เรื่อง/ข่าว/ เหตุการณ์/สถานการณ์ที่อยใู่ นความสนใจของสังคม สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนาํ มาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 3/2 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งชีวติ ความเป็นอยแู่ ละ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย และนาํ ไปใชอ้ ยา่ งเหมาะสม สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน และเป็ นพื้นฐานใน การพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน ตวั ช้ีวดั ต 3.1 ม. 3/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนจากแหลง่ การเรียนรู้ และนาํ เสนอดว้ ยการพูดและการเขียน 2. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด การอ่านและเรียนรู้คาํ ศพั ทเ์ ก่ียวกบั เคร่ืองดนตรี จะช่วยให้เขา้ ใจและสามารถพดู /เขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั เรื่องท่ีอา่ น และคน้ ควา้ ความรู้เพม่ิ เติมจากแหล่งการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verbs (made from, feature) Nouns (string instruments, wind instruments, percussion instruments, royal courts, band, brass, tube, mouthpiece, beggar) Adjective (oval) Functions: Talking about musical instruments I would like to play the piano because I like how it sounds. 2) Language Skills Speaking: พดู เกี่ยวกบั เคร่ืองดนตรีท่ีตอ้ งการเล่น, Reading: พูดนาํ เสนอเคร่ืองดนตรีพ้ืนเมืองของไทย Writing: อ่านเพ่ือหาขอ้ มูลเฉพาะ 3) Cultures เขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั เรื่องที่อ่าน 4. สมรรถนะสําคัญของผู้เรียน เครื่องดนตรี 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้
Search