เปนระบบท่ีรัฐบาลไปแทรกแซงและเปนเจาของปจจัยการผลิต แตจ ะมากหรือนอ ยนนั้ ตอ งขน้ึ อยูกบั ระบบการปกครอง แบงไดด ังนี้ สังคมนยิ ม + ระบบประชาธิปไตย = สังคมนิยมประชาธปิ ไตย รัฐบาลเปดโอกาสใหเ อกชนไดมสี วนเปน เจา ของปจ จยั การผลิตอยู สงั คมนยิ ม + ระบบคอมมิวนสิ ต = สงั คมนิยมคอมมวิ นิสต รัฐไมเ ปด โอกาสใดๆ ใหเ อกชน รฐั เปนเจา ของปจ จยั การผลติ ทั้งหมด
ระบบสงั คมนยิ มหรอื ระบบสงั คมนยิ มประชาธิปไตย ลกั ษณะสาํ คญั • รฐั เขา้ ไปควบคมุ การดาํ เนินกิจกรรมทาง เศรษฐกิจ • รฐั บาลเป็ นเจา้ ของปัจจยั การผลิต • มีการวางแผนการดาํ เนินงานทางเศรษฐกิจ จากสว่ นกลาง ขอ้ ดี ขอ้ เสีย • การกระจายรายไดเ้ ป็ นธรรมมากข้ ึน • ประชาชนขาดเสรภี าพ • เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ • แรงจงู ใจในการทาํ งานตาํ่ • ขจดั ปัญหาการกอบโกยผลประโยชน์ • ความเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจชา้ • ผบู้ รโิ ภคไม่มีโอกาสไดเ้ ลือกสนิ คา้ มาก • สินคา้ อาจดอ้ ยคณุ ภาพ
ระบบสงั คมนยิ มคอมมิวนสิ ต์ ลกั ษณะสาํ คญั • รฐั เป็ นผดู้ แู ลกาํ กบั ท้งั เศรษฐกิจและการเมือง • รฐั เป็ นผตู้ ดั สนิ ใจในทางเศรษฐกิจและสงั คมท้งั หมด • เอกชนไม่มีเสรภี าพในการเลือกบริโภคสินคา้ และบรกิ าร • เอกชนไม่มีเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพ • รฐั บาลเป็ นผกู้ าํ หนดการผลิตสินคา้ และบริการ ขอ้ ดี ขอ้ เสยี • เกิดความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ • ประชาชนขาดเสรภี าพ • ไม่เกิดการผกู ขาดทางเศรษฐกิจ • ดาํ เนินงานอาจล่าชา้ • ไม่เกิดการไดเ้ ปรียบ-เสียเปรียบของ • ขาดแรงจงู ใจในการผลิต ประชาชนในเชิงเศรษฐกิจ
ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม ลกั ษณะสาํ คญั • รฐั บาลและเอกชนเป็ นเจา้ ของปัจจยั การผลิตและทรพั ยส์ นิ • รฐั บาลคอยใหค้ วามช่วยเหลือและอาํ นวยความสะดวกแก่ผปู้ ระกอบการ • กลไกราคามีบทบาทในการจดั สรรทรพั ยากร • รฐั บาลทาํ หนา้ ที่ไกลเ่ กลี่ยขอ้ พิพาทของกล่มุ เศรษฐกิจ • เอกชนและรฐั บาลรว่ มกนั วางแผน ขอ้ ดี ขอ้ เสยี • เกิดประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ • เกิดความไม่แน่นอนตอ่ การ • เกิดความเป็ นธรรมในเร่อื งราคา ลงทุนของนกั ธุรกิจ และการกระจายรายได้ มีทิศทางการพฒั นาท่ีชดั เจน
ระบบเศรษฐกิจ การแกป้ ัญหาพ้ ืนฐานทางเศรษฐกิจ ตวั อยา่ งประเทศที่ ผมู้ ีบทบาทสาํ คญั เครอื่ งมือหลกั ท่ีใช้ เลือกใชใ้ นโลกปัจจบุ นั ทุนนิยม เอกชน - ไม่มี (มกั ใชร้ ะบบผสมแต่ คอ่ นมาทางทนุ นิยม) สงั คมนิยม รฐั มากกว่าเอกชน การวางแผนจาก องั กฤษ, นอรเ์ วย,์ สว่ นกลาง + กลไกราคา สวีเดน, ฟิ นแลนด์ สงั คมนิยมคอมมิวนิสต์ รฐั การวางแผนจาก จนี , เกาหลีเหนือ, สว่ นกลาง คิวบา ผสม เอกชน + รฐั กลไกราคา + การ ไทย, สหรฐั อเมรกิ า, (สว่ นใหญเ่ อกชนมี วางแผนจากสว่ นกลาง ญ่ปี ่ ุน บทบาทมาก)
ความหมายของตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ ตลาด (Market) ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง “กิจกรรม” ใน การตกลงซ้ ือขายแลกเปล่ียนสินคา้ และบริการรวมถึงปัจจยั การผลิต ตลาดในทาง มีความตอ้ งการ เศรษฐศาสตร์ แลกเปลี่ยน มีผซู้ ้ ือ มีผขู้ าย สนิ คา้ - บริการ ซึ่งกนั และกนั
ตามชนิดของผลผลิต ตามลกั ษณะการซ้ ือขาย • ตลาดปัจจยั การผลิต • ตลาดกลาง • ตลาดสินคา้ • ตลาดขายสง่ • ตลาดการเงิน • ตลาดขายปลีก การจาํ แนกประเภทของตลาด ตามลกั ษณะการแข่งขนั ตามระยะเวลาซ้ ือขาย • ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ • ตลาดซ้ ือขายปัจจบุ นั • ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ • ตลาดซ้ ือขายลว่ งหนา้
โครงสรา้ งของตลาด (Market Structure) จาํ นวน ความสามารถ การกาํ หนด ในการแขง่ ขนั ผูซ้ ้ ือ ผูข้ าย ราคาสนิ คา้ ปรมิ าณสนิ คา้ สมบูรณ์ ไม่สมบูรณ์
การจาํ แนกประเภทตลาดจากโครงสรา้ งตลาด จะพิจารณาไปที่ ความสามารถในการแข่งขันเป็ นสาํ คัญ ซ่ึงทาํ ใหต้ ลาดแบ่งประเภทได้ ดงั น้ ี ตลาด แข่งขนั สมบูรณ์ แข่งขนั ไม่สมบูรณ์ ตลาดผกู ขาดสมบรู ณ์ ตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย ตลาดกึ่งแข่งขนั กึ่งผกู ขาด
มีผูซ้ ้ือและผูข้ าย สนิ คา้ ทซ่ี ้อื ขายในตลาดมี จาํ นวนมาก ลกั ษณะเหมือนกนั ทุก ประการ ตลาดแข่งขนั สมบรู ณม์ ี ลกั ษณะสาํ คญั ดงั น้ี สามารถเขา้ – ออกจากอุตสาหกรรม ผูซ้ ้อื และผูข้ ายแต่ละราย รวมถึงสามารถโยกยา้ ยปั จจยั และการ ต่างรสู้ ภาพการณ์ ผลติ ทุกชนดิ ไดอ้ ยา่ งเสรี ในตลาดเป็ นอยา่ งดี
ตลาดท่ีนักเรียนพบเห็นส่วนใหญ่เป็ นตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ คือ ลักษณะของสินคา้ เหมือนกัน แต่มีการบรรจุหีบห่อ รสชาติหรือ รูปแบบตา่ งกนั ความพยายามช่วงชิง เกิดการกีดกนั ส่วนแบ่งของตลาด ผูผ้ ลติ รายใหม่ สาเหตทุ ่ีทาํ ให้ ตลาดแข่งขนั ไม่ สมบูรณ์ กิจการบางอยา่ งรฐั เป็ นเจา้ ของ
ผู้ขายเป็ นผู้มีบทบาทในการกําหนดราคาขาย ซ่ึงการแบ่ง ประเภทจะแบง่ ตามจาํ นวนของผขู้ ายเป็ นสาํ คญั จาํ นวนผูข้ าย นอ้ ยท่ีสุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากที่สดุ ตลาด ตลาดผกู ขาด ตลาดผกู ขาด ตลาดกึ่งแข่งขนั สมบูรณ์ นอ้ ยราย ก่ึงผกู ขาด
ตลาดผกู ขาดสมบูรณ์ ลกั ษณะสาํ คญั สาเหตขุ องการผกู ขาด • ตลาดท่ีมีผขู้ ายเพียงผเู้ ดียว • การผกู ขาดแหล่งวตั ถดุ บิ • ผขู้ ายมีอิทธิพลเหนือราคาและปรมิ าณ • การผกู ขาดธรรมชาติ • ผขู้ ายเป็ นผกู้ าํ หนดราคา • การผกู ขาดดว้ ยทรพั ยส์ ินทางปัญญา • สนิ คา้ ที่ผลิตไม่มีสนิ คา้ ใดทดแทนได้ • การผกู ขาดเพราะไดร้ บั อนุญาตใหผ้ ลิต • สามารถยบั ยง้ั ไม่ใหม้ ีผขู้ ายรายใหม่ได้ เพียงรายเดียว ขอ้ ดี ขอ้ เสีย • ผผู้ ลิตและผขู้ ายเป็ นผกู้ าํ หนด • ผบู้ รโิ ภคขาดอาํ นาจการตอ่ รองในตลาด ราคาและปรมิ าณสินคา้ ทาํ ให้ • ผอู้ ื่นไม่สามารถเขา้ มาในธุรกิจได้ ไดร้ บั กาํ ไรสูงตน้ ทนุ ตาํ่ • ไม่เกิดการแข่งขนั และพฒั นาในสนิ คา้ ผลิตภณั ฑ์ และบริการ
ตลาดผูข้ ายนอ้ ยราย ลกั ษณะสาํ คญั สาเหตทุ ี่ทาํ ใหเ้ กิดผขู้ ายนอ้ ยราย • มีผขู้ ายมากกว่า 1 ราย แตม่ ีจาํ นวน • ลงทุนสงู ไม่มาก • ผผู้ ลิตเก่ากีดกนั ผผู้ ลิตรายใหม่ • การควบกิจการระหวา่ งบรษิ ัทใหญส่ อง • สนิ คา้ ตา่ งกนั แตใ่ ชท้ ดแทนกนั ได้ • ผขู้ ายแตล่ ะรายขายสินคา้ จาํ นวนมาก บรษิ ัทมารวมตวั กนั ขอ้ ดี ขอ้ เสยี • ผบู้ รโิ ภคพอมีอาํ นาจในการเลือก • การแขง่ ขนั ยงั ตาํ่ เพราะมีผขู้ ายนอ้ ยราย ซ้ ือสินคา้ • การควบกิจการอาจทาํ ใหเ้ กิดการผกู ขาด • ผผู้ ลิตยงั สามารถกาํ หนดราคา สนิ คา้ เพ่ือใหต้ นไดร้ บั กาํ ไร
ตลาดกง่ึ แข่งขนั กงึ่ ผูกขาด ลกั ษณะสาํ คญั สาเหตขุ องการก่ึงแข่งขนั ก่ึงผูกขาด • เป็ นตลาดที่มีผขู้ ายและผซู้ ้ ือจาํ นวนมาก • สามารถเขา้ ออกจากอุตสาหกรรมได้ มีอิสระในการขายและการซ้ ือ โดยเสรี • สินคา้ ท่ีขายคลา้ ยกนั แตไ่ ม่เหมือนกนั • ผขู้ ายแตล่ ะรายมีอาํ นาจผกู ขาดสนิ คา้ • เป็ นตลาดท่ีพรอ้ มตอ่ การตอ่ สสู้ ูง ของตนในระดบั หน่ึง ขอ้ ดี ขอ้ เสยี • เกิดการแข่งขนั สงู ผบู้ รโิ ภคมี • ผผู้ ลิตอาจตอ้ งลงทุนมากในระยะแรก ทางเลือกมาก เพ่ือใหส้ นิ คา้ เป็ นที่รูจ้ กั • เกิดการพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่ๆ • การแขง่ ขนั สูง เพื่อแสวงหาผลกาํ ไร ของผผู้ ลิต
“ทรพั ยากร” ลว้ นมีจาํ กัดเม่ือเทียบกับความตอ้ งการของมนุษย์ ดังน้ัน ทรัพยากรจึงมี “มูลค่า” และมูลค่าดังกล่าวท่ีถูกมนุษย์ใช้ ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรน้นั ตคี ่าออกมาในรูปของ “ราคา””
ความจาํ กดั /หายาก ผผู้ ลิตตอ้ งการใชใ้ นการผลิต ของทรพั ยากร ซ้ ือขายแลกเปลย่ี น = “ตลาด”” ทรพั ยากรมีมูลค่า ผบู้ ริโภคตอ้ งการบริโภคสินคา้ และบริการ สนิ คา้ - บริการตา่ งๆ จงึ มี “ราคา””
ระบบเศรษฐกจิ แบบผสมของไทย ผูม้ ีบทบาทกาํ หนดราคาในสงั คมไทย เอกชน รฐั ปลอ่ ยใหเ้ ป็ นไป กาํ หนดราคา เขา้ แทรกแซงราคา ตามกลไกราคา เชิงกลยทุ ธ์ เพือ่ ความเป็ นธรรม อปุ สงค์ อปุ ทาน หลกั หลกั ตอ่ เศรษฐศาสตร์ การตลาด ผผู้ ลิต ผบู้ รโิ ภค
กลไกราคา มีความสาํ คัญและถือเป็ นหัวใจหลักของการดาํ เนินกิจกรรม ทางเศรษฐกิจตามแนวคิดของอดมั สมิธ กลไกราคา = การปล่อยใหร้ าคาข้ ึน – ลงไปตามแรงผลกั ของอุปสงค์ และอปุ ทานในตลาด อุปสงค์ (Demand) ความหมายในทางเศรษฐศาสตร์ อุปสงคท์ าง ความตอ้ งการ ความเตม็ ใจ ความสามารถ เศรษฐศาสตร์ (Wants) ที่จะซ้ ือ ที่จะซ้ ือได้
ความตอ้ งการซ้ ือสินคา้ หน่ึงๆ อาจมีความหลากหลายในสินคา้ และบริการรวมท้งั กลยุทธข์ องผขู้ าย ทาํ ใหผ้ บู้ ริโภคตอ้ งการซ้ ือ ตวั อยา่ งของปัจจยั ทก่ี าํ หนดอุปสงค์ ตวั อยา่ งปัจจยั ที่ ความสมั พนั ธก์ บั อุปสงค์ กาํ หนดอปุ สงค์ ราคาของสนิ คา้ ที่ ราคาสนิ คา้ ท่ีตอ้ งการซ้ ือเพิ่มข้ ึน อปุ สงคล์ ดตาํ่ ลง ตอ้ งการซ้ ือ รสนิยมของผูบ้ รโิ ภค มีรสนิยมชอบดม่ื นมรสช็อกโกแลต อุปสงคน์ มรสช็อกโกแลต เพิ่มข้ ึน
ตวั อย่างปัจจยั ที่ ความสมั พนั ธ์กบั อุปสงค์ กาํ หนดอปุ สงค์ สมยั นิยมหรอื ความ ผบู้ รโิ ภคหนั มาใสใ่ จบริโภคสินคา้ สุขภาพมากข้ ึน นิยมของผบู้ รโิ ภค อุปสงคส์ นิ คา้ สุขภาพเพม่ิ ข้ ึน รายไดข้ องผูบ้ ริโภค มีรายไดเ้ พ่มิ ข้ ึน อุปสงคเ์ พม่ิ ข้ ึน ฤดูกาล ถึงฤดรู อ้ น อปุ สงคต์ อ่ น้าํ แข็ง ไอศกรมี เครอ่ื งปรบั อากาศ เพ่ิมข้ ึน กลยุทธท์ าง หากมีการลด แลก แจก แถม มีการโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ การตลาด อปุ สงคต์ อ่ สินคา้ เพ่ิมข้ ึน โครงสรา้ งกลมุ่ สงั คมไทยมีแนวโนม้ การเพิม่ ข้ ึนของประชากรวยั ชรา ประชากร อปุ สงคต์ อ่ สินคา้ ของวยั ชราเพ่ิมข้ ึน
กฎของอปุ สงค์ ปริมาณของสินคา้ และบริการชนิดใดชนิดหน่ึงท่ีผูบ้ ริโภค (Law of Demand) ตอ้ งการซ้ ือ ยอ่ มแปรผกผันกบั ระดบั ราคาของสินคา้ และ บริการชนิดน้นั เสมอ โดยสมมตใิ หป้ ัจจยั อ่ืนๆ คงที่ ก ฎ ข อ ง อุ ป ส ง ค์ น้ั น จึ ง ราคาสนิ คา้ ตอ่ ขวด ปริมาณอปุ สงค์ เป็ นการนําความตอ้ งการซ้ ือไป (บาท) (ขวด) เทียบกับระดบั ราคาสินคา้ นัน่ เอง 5 5 เช่น อุปสงคต์ อ่ เคร่ืองดื่มชาเขียว 10 4 พจิ ารณาไดจ้ ากตาราง 15 3 20 2 25 1
จากตารางจะเห็นไดว้ ่า หาก ราคา (บาท) เคร่ืองด่ืมชาเขียวขวดละ 5 บาท จะมี ความตอ้ งการซ้อื ถึง 5 ขวด ในขณะท่ี 25 หากชาเขียวขวดละ 25 บาท จะมี ความตอ้ งการซ้อื เพียง 1 ขวด ดงั นน้ั 20 เสน้ อุปสงค์ ความสมั พนั ธ์ระหว่างราคาและอุป สงค์จึงเป็ นไปในลกั ษณะผกผนั กนั 15 เสน้ อุปสงค์ต่อราคาจงึ สามารถแสดง ไดด้ งั แผนภาพดา้ นขา้ งน้ี 10 5 ปริมาณสินคา้ (ขวด) 0 1 2 3 45 แผนภาพแสดงเสน้ อุปสงคเ์ ครื่องด่ืมชาเขียวต่อราคา
อุปทาน (Supply) ความหมายในทางเศรษฐศาสตร์ อุปทาน หมายถึง ปริมาณสินคา้ ชนิดใดชนิดหน่ึงที่ผูผ้ ลิตเต็มใจจะขายใน ตลาดหนึ่งๆ ภายในระยะเวลาใดเวลาหน่ึง ณ ระดบั ราคาต่างๆ กันของสินคา้ ชนิด น้นั โดยสินคา้ ทีผ่ ผู้ ลติ เตม็ ใจจะนาํ ออกมาขายในระยะเวลาหน่ึงๆ ตวั อยา่ งปัจจยั ที่กาํ หนดอปุ ทาน ตวั อยา่ งปัจจยั ท่ีกาํ หนดอุปทาน ความสมั พนั ธก์ บั อุปทาน ราคาของสินคา้ ท่ีตอ้ งการขาย ราคาสินคา้ ที่ตอ้ งการขายเพิม่ ข้ ึน อปุ ทานลดลง ตน้ ทุนการผลิต หากตน้ ทุนการผลติ เพิ่มสูงข้ ึน อปุ ทานลดลง จาํ นวนของผขู้ าย หากมีผขู้ ายสนิ คา้ ชนิดน้นั มาก อุปทานเพมิ่ ข้ ึน
กฎของอปุ ทาน ปริมาณสินคา้ ท่ีผูผ้ ลิตเต็มใจจะนาํ สินคา้ ออกขายในขณะ (Law of Supply) ใดขณะหนึ่งจะมีความสัมพันธใ์ นทางเดียวกันกับราคา สินคา้ ชนิดน้นั กฎของอุปทานจึงเป็ น ราคาสนิ คา้ ตอ่ ขวด ปริมาณอุปทาน การนาํ ความตอ้ งการขายไปเทียบ (บาท) (ขวด) กบั ระดบั ราคาสนิ คา้ ทต่ี อ้ งการขาย 5 1 เช่น อุปทานตอ่ เครื่องด่ืมชาเขียว 10 2 พิจารณาไดจ้ ากตาราง 15 3 20 4 25 5
จากตารางจะเห็นไดว้ ่า หาก ราคา (บาท) เคร่ืองด่ืมชาเขียวมีราคาขวดละ 5 บาท จะมีปริมาณความตอ้ งการขาย 25 เพยี ง 1 ขวด แต่หากราคาขวดละ 25 บาท จะมีปริมาณความตอ้ งการขาย 20 เสน้ อุปทาน ม า ก ท่ี สุ ด ถึ ง 5 ข ว ด ดัง นั้น ความสัมพันธ์ระหว่ างราคาและ 15 อุปทานจงึ เป็ นไปในทิศทางเดียวกนั เสน้ อุปทานต่อราคาจงึ สามารถแสดง 10 ไดด้ งั น้ี 5 ปริมาณสินคา้ (ขวด) 0 1 2 3 45 แผนภาพแสดงเสน้ อปุ ทานเครื่องด่ืมชาเขียวต่อราคา
ราคาดลุ ยภาพ ราคาท่ีทาํ ใหป้ ริมาณสินคา้ และบริการที่ ตอ้ งการซ้ ือในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เทา่ กบั ปรมิ าณท่ีตอ้ งการขาย ปริมาณดลุ ยภาพ ปริมาณสินคา้ ณ ระดบั ราคาดลุ ยภาพ
พิจารณาตวั อยา่ งราคาดุลยภาพของเคร่อื งดื่มชาเขียว ราคาสินคา้ ปริมาณ ปริมาณ ผลกระทบ ภาวะ ตอ่ ขวด อปุ สงค์ อปุ ทาน ปริมาณเครื่องด่ืมชาเขียว (บาท) (ขวด) (ขวด) อปุ สงค์ (ขวด) ส่วนเกิน 5 5 1 ขาด 4 ขวด ดลุ ยภาพ 10 4 2 ขาด 2 ขวด อุปทาน 15 3 3 หมดพอดี ส่วนเกิน 20 2 4 เหลือ 2 ขวด 25 1 5 เหลือ 4 ขวด
ภาวะท่ีไม่ดุลยภาพ เป็ นภาวะที่ปริมาณอุปสงคแ์ ละอุปทานไม่เท่ากัน ส่งผลต่อปริมาณสินคา้ อาจเกิดการขาดแคลนหรือสนิ คา้ ลน้ ตลาด ราคา (บาท) อุปทานส่วนเกิน (S>D) ภาวะดุลยภาพ 25 S เกิดราคาดลุ ยภาพ ซ่ึงเป็ นราคาท่ี 20 • อปุ สงคเ์ ทา่ กบั อุปทาน • เป็ นราคาท่ีท้ังผู้ซ้ ือและผู้ขาย 15 E(D=S) พอใจ • อุปสงค์ส่วนเกินและอุปทาน 10 สว่ นเกินมีค่าเป็ นศูนย์ 5 D 0 อุปสงคส์ ่วนเกิน (D>S) 1 ปริมาณสินคา้ 2 3 45 (ขวด)
ราคา (บาท) S ราคาดุลยภาพ ผลกระทบที่สาํ คัญ ส่วนขาดของตลาด (อุปสงค์ส่วนเกนิ ) จากการกาํ หนดราคา Pe E ราคาใหม่ทร่ี ัฐบาลประกนั ข้นั สูง B (ราคาข้นั สูง, ราคาเพดาน) • เกิดภาวะอุปสงค์ Pc A D สว่ นเกิน ปริมาณ • เกิดภาวะตลาดมืด 0 Q1 Qe Q2
ราคา (บาท) B S ราคาใหม่ท่ีรัฐบาลประกนั (ราคาข้นั ตา่ํ ) Pf A ส่วนเกนิ ของตลาด (อปุ ทานส่วนเกนิ ) Pe E ราคาดุลยภาพ D 0 Q1 Qe Q2 ปริมาณราคา ผลกระทบท่สี าํ คญั จากการกาํ หนดราคาข้นั ตาํ่ • เกิดภาวะอปุ ทานสว่ นเกิน • รฐั บาลอาจตอ้ งใชม้ าตรการใชเ้ งินอุดหนุน
รฐั บาลกบั เอกชนรว่ มมือกนั วางแผนเพอื่ หาทางแกไ้ ขปัญหา ตลาดลม้ เหลว รฐั บาลแทรกแซงกลไกราคา รฐั บาลลม้ เหลว • ราคาดุลยภาพ • กาํ หนดราคาข้นั สูง • เกิดภาวะอปุ สงค์ ทาํ ใหผ้ ูบ้ ริโภค • กาํ หนดราคาข้นั ตาํ่ ส่วนเกิน เดอื ดรอ้ น • เกิดตลาดมืด • ราคาดุลยภาพ ทาํ ใหผ้ ูผ้ ลิต • เกิดภาวะอุปทาน โดยเฉพาะสนิ คา้ ส่วนเกิน เกษตรเดือดรอ้ น • รฐั ตอ้ งรบั ภาระ ดา้ นงบประมาณ
ตลาดแรงงานเป็ นปัจจยั การผลิตหน่ึงที่สาํ คญั มาก ตลาดแรงงานจะมีค่าจา้ ง เป็ นตวั กาํ หนดปริมาณซ้ ือขายแรงงาน ตลาดแรงงาน อุปสงคแ์ รงงาน ค่าจา้ ง อุปทานแรงงาน • ความตอ้ งการ “จา้ ง” ตอ้ งการ ใหเ้ กิด • ความตอ้ งการ “เสนอ” แรงงาน เป็ นแรงงาน ค่าจา้ งดุลยภาพ • นัน่ คือฝ่ าย “นายจา้ ง”” • นนั ่ คือฝ่ าย “ลกู จา้ ง””” • ค่าจา้ งท่ีท้งั ฝ่ ายนายจา้ ง และลกู จา้ งพอใจ
รฐั แทรกแซงดว้ ยการกาํ หนดอตั ราคา่ จา้ งข้นั ตาํ่ การกาํ หนดอัตรา อตั ราค่าจา้ ง B S (อุปทานแรงงาน) ค่ า จ้า งข้ันตํา่ คื อ Wf A ก า ร ท่ี รั ฐ กํา ห น ด ค่าจ้างข้นั ตาํ่ ท่กี าํ หนดใหม่โดยรัฐ ค่าจา้ งใหม่ที่สูงกว่า We อุปทานแรงงานส่ วนเกนิ ค่าจา้ งดลุ ยภาพเดิม E ค่าจ้างดุลยภาพ 0 L1 D (อุปสงค์แรงงาน) L2 จํานวนแรงงาน
การแทรกแซงจากสหภาพแรงงาน สหภาพแรงงาน คือ สมาคมลูกจ้างคนงาน ร่ ว ม กั น จัด ต้ัง ข้ ึ น เ พ่ื อ แ ส ว ง ห า แ ล ะ คุ้ม ค ร อ ง ผลประโยชน์ เก่ียวกบั การจา้ งงาน เม่ือไดร้ บั ผลกระทบ จากระดบั ค่าจา้ งดุลยภาพ สหภาพแรงงานอาจตอ่ รอง กบั นายจา้ ง
การกาํ หนดค่าจา้ งในสงั คมไทย ค่าจา้ ง ค่าจา้ งข้นั ตาํ่ เงิ นท่ีนา ยจ้า งแ ละ อัตราค่าจา้ งที่นายจา้ ง ลกู จา้ งตกลงกนั โดยจา่ ย ตอ้ งจ่ายใหล้ ูกจา้ งซึ่งเป็ น เป็ นค่าตอบแทนในการ แรงงานไรฝ้ ี มือเมื่อแรก ทาํ งานตามสญั ญาจา้ ง เขา้ ทาํ งาน
ผลดี ผลเสีย • ค่าจ้างท่ีแท้จริงเพิ่มข้ ึน หากปรับ • ค่าจา้ งสูงข้ ึน ตน้ ทุนการผลิตสูงข้ ึน ค่าจา้ งข้ันตาํ่ ใหส้ ูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ทาํ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่ีใช้แรงงาน ใหป้ ระชาชนมีอาํ นาจซ้ ือเพิ่มข้ ึน ผูผ้ ลิตมี เขม้ ขน้ ผูป้ ระกอบการอาจเลือกไปใช้ การลงทนุ เพมิ่ ข้ ึน เกิดการเร่งการบริโภค เทคโนโลยีในการผลิตมากข้ ึน เกิด และการลงทนุ ตามมา ปัญหาการว่างงานตามมา
ผลกระทบจากการกาํ หนดอตั ราค่าจา้ งข้นั ตาํ่ ผลดี ผลเสยี • เป็ นการกระจายรายได้ สูผ่ มู้ ีรายไดต้ าํ่ • อาจเกิดภาวะเงินเฟ้อได้ เพราะการ ทาํ ใหผ้ ดู้ อ้ ยโอกาสทางเศรษฐกิจ เพ่มิ ค่าจา้ งเป็ นการเพม่ิ อปุ สงคห์ รือ สามารถดาํ รงชีวิตอยรู่ อดได้ อาํ นาจซ้ ือของคนในระบบ เม่ืออาํ นาจ ซ้ ือสูงสง่ ผลใหเ้ กิดการเร่งอปุ ทานดว้ ย ตน้ ทนุ การผลิตจงึ ยง่ิ เพมิ่ ข้ ึน ราคา สินคา้ จงึ แพงกลายเป็ นภาวะเงินเฟ้อ • กระตนุ้ ใหผ้ ผู้ ลติ เพิ่มประสทิ ธิภาพ • นักลงทนุ ตา่ งชาตอิ าจมาลงทุนใน การผลติ เพ่ือใหค้ ุม้ ค่ากบั ค่าจา้ งท่ี ประเทศลดลงดว้ ยค่าจา้ งทีส่ ูงข้ ึนแต่ เพ่ิมข้ ึน ฝี มือแรงงานอาจไม่มีการพฒั นาตาม
คนกลางในตลาด คนกลางในตลาด คือผูทําหนาที่เปน ตัวกลางในการซื้อขายสินคาในตลาดในที่นี้ หมายถึงพอคาคนกลางทําหนาที่ในการรับซื้อ สินคาจากผูผลิตไปขายตอโดยที่ผูผลิตไมได ขายของเองไมตองเสียคาใชจายในการขนสง สินคาทําใหการซื้อขายสะดวก
พอคาคนกลางในตลาดทองที่ เปน พอคาคนกลางที่ซ้ือขายสินคาอยูในทองที่ใด ทองที่หนึง่ เชนในหมบู าน ในตาํ บล พอคาคนกลางในตลาดทอ งถิน่ เปน พอคาคนกลางที่ซ้ือขายสินคาในระดบั ทอง ถิน่ อาจเปน อําเภอหรือจังหวดั
พอ คาคนกลางในตลาดปลายทาง เปน พอ คา รบั ซือ้ ขายสินคา ในตลาดปลายทางเพื่อสงจําหนาย ตางประเทศ พอคา ขายปลกี เปน ผทู ีข่ ายสินคาใหก บั ผบู ริโภคคน สดุ ทา ย พอคา ขายปลกี เปนคนกลางทีอ่ ยใู กลช ดิ กับผบู รโิ ภค มากทสี่ ดุ
แผนผงั เกษตรกรผูป้ ลกู ขา้ วโพด พอ่ คา้ คนกลางในทอ้ งท่ี พ่อคา้ คนกลางในทอ้ งถน่ิ พอ่ คา้ คนกลางในตลาดปลายทาง สง่ ออกต่างประเทศ ส่งโรงงานผลติ อาหารสตั ว์
ประเภทของตลาด 1.การแบง ตลาดตามชนิดของสินคา แบงไดเปน 3 ประเภท 1.1 ตลาดสินคาอุปโภคบริโภค เปน ตลาดทีม่ ีการซ้ือขายสินคาอปุ โภคบริโภคโดย ผูซ้ือนาํ ไปบริโภคโดยตรงเชน อาหาร เส้ือผา
1.2 ตลาดปจจยั การผลิต เปน ตลาด ทีม่ ีการซื้อขายปจ จยั การผลิตเพือ่ นําไปใชในการผลิตสินคาชนิดอื่นๆ เชน เครือ่ งสูบน้าํ รถบรรทกุ เปน ตน
1.3 ตลาดเงินและตลาดทนุ เปน ตลาดที่มีการติดตอตกลงกนั เรือ่ งเงิน และทนุ เปน ตนวา การกูยืมเงิน การซื้อ ขายหลักทรัพยการซื้อขายเงินตรา ตา งประเทศ
2.การแบง ตลาดตามการดําเนินการของผูขาย แบง ไดเปน 2 ประเภท 1.ตลาดขายสง เปนตลาดท่ีมีการขายสินคา ครั้ง ละมากๆโดยจาํ หนายใหก ับพอคา คนกลางเพื่อนําไป จาํ หนา ยโดยตรงใหผ ูบ ริโภคอกี คร้งั หนง่ึ 2.ตลาดขายปลีก เปนตลาดท่มี ีการขายสินคา ใหแกผบู ริโภคโดยตรง
3.การแบง ตลาดตามกลุมของผซู ้ือ แบง ไดเปน 5 ประเภทไดแ ก 1. ตลาดผบู ริโภค เปน กลุมของผูบรโิ ภคทเ่ี ปน บคุ คลหรือครวั เรือนทซ่ี ื้อสินคา ไปอุปโภคบรโิ ภคใน ครัวเรือน 2. ตลาดผผู ลติ เปน การซือ้ สินคา ของผผู ลิตเพือ่ นําไปแปรรปู หรือใชใ นการผลติ สินคาเพือ่ จาํ หนาย อีกทอดหน่ึง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293