Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์ม.4 ใหม่ 2

ประวัติศาสตร์ม.4 ใหม่ 2

Published by kingmanee2614, 2021-09-15 03:19:39

Description: ประวัติศาสตร์ม.4 ใหม่ 2

Search

Read the Text Version

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย 5. แควน หริภุญชยั (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-19) แควนหริภุญชัย ตั้งอยูในที่ราบลุมแมนํ้าปง ตอนบนและที่ราบลุมแมน ํา้ วัง ราชธานี คือ เมือง หริภุญชัยหรือเมืองลําพูน เรื่องราวของแควนนี้ ปรากฏในตํานานทางเหนือ เชน จามเทวีวงศ ตํานานมลู ศาสนา ชินกาลมาลีปกรณ

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย 5. แควน หริภุญชัย (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-19) ชินกาลมาลีปกรณ กลาววา ฤๅษีวาสุเทพเปน ผูสรางเมืองหริภุญชัย แลวสงคนไปเชิญพระนางจาม เทวีจากเมืองละโวมาเปนกษัตริย ดวยเหตุนี้ หมานซู เอกสารจีนโบราณสมัยราชวงศถังซึ่งเขียนใน พ.ศ. 1406 จึงเรียกหริภุญชัยวา หน่ีหวังกก แปลวา แควน ที่มผี ูหญงิ เปน กษัตริย

 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย พระนางจามเทวีนําวัฒนธรรมทวารวดี จากละโว ไ ป เ ผ ย แ พ ร ท่ี ห ริ ภุ ญ ชั ย ช า ว ห ริ ภุ ญ ชั ย จึ ง นั บ ถื อ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท สถาปตยกรรมทาง พระพุทธศาสนาสมัยหริภุญชัย ไดแก พระเจดียกูกุด และพระธาตุหริภุญชัย แควนหริภุญชัยถูกพระยามังราย ตไี ดเม่อื พ.ศ. 1835



 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย  1. แควนโยนกเชยี งแสน (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-16) แควน โยนกเชียงแสนอาจเปน รฐั ไทยท่ีเกาแกทีส่ ดุ เรือ่ งราวของแควนน้ีปรากฏในตํานานสิงหนวตั ิ ซ่งึ กลา ววา พระเจา สงิ หนวตั ิสรางเมืองนาคพันธสงิ หนวตั ิ นครบนฝง นา้ํ แมก ก (ใน จ.เชียงรายปจจุบนั ) เมอื่ ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 12 การต้ังบานเมืองรมิ แมนาํ้ เพ่ือความสะดวกในการทําการเกษตรและสญั จร

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 16 แควนนี้ถูก คุกคามจากอาณาจักรพุกาม ประกอบกับเกิด แผนดินไหวและอุทกภัยครั้งใหญ ทําใหเมืองถลม จมลงกลายเปนหนองนํ้าขนาดใหญ ผูคนลมตาย ไปมาก พระเจาไชยศิริทรงพาผูคนท่ีเหลืออพยพ ไ ป ส ร า ง เ มื อ ง ใ ห ม ที่ เ มื อ ง แ ป บ ( อ ยู ใ น จ . กาํ แพงเพชร) ตั้งชื่อวา เมืองไตรตรึงษ





 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 2. แควน หริ ญั นครเงินยาง (ประมาณพทุ ธศตวรรษ ท่ี 16-พ.ศ. 1893) แควนหิรัญนครเงินยาง หรือแควนเงินยาง หรือ แควนเงินยางเชียงแสน เกิดข้ึนเมื่อปูเจาลาวจง หรือปูเจาลาวจก หัวหนากลุมคนบนดอยตุง นํา บริวารมาสรางเมืองเงินยางในบริเวณลุมน้ํากก และตั้งราชวงศลวจงั กราช หรือลวจกั ราชข้ึน

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย ตํานานพื้นเมืองเชียงแสนระบุวา สมัยปูเจาลาวจงอยู ในชวงพุทธศตวรรษที่ 12 แตจากการศึกษาหลักฐานทาง โบราณคดี พบวา ราชวงศลวจังกราช นาจะเริ่มประมาณ พุทธศตวรรษที่ 16 ประชาชนสวนใหญมีอาชีพทํานา กษัตริยขยายอํานาจโดยการสงพระราชโอรสไปสรางเมือง ใหม และใหอภิเษกสมรสกบั พระราชธิดาของรฐั อื่น เปนการ สรางความสัมพันธทางเครือญาติ

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 3. แควนพะเยา (พ.ศ. 1640-1881) แควนพะเยาอยใู นลมุ นํ้าแมอิง มเี มืองพะเยาเปน ราชธานี ผูส รา งเมืองพะเยา คือ ขนุ จอมธรรม เชื้อสายของปเู จา ลาวจง ขนุ จอมธรรม ไดพาบรวิ ารไปถงึ เชงิ ดอยดวนใกลล ุมนํ้า แมอ งิ เหน็ วามีชัยภมู เิ หมาะสมจึงสรางเมืองพะเยาขนึ้ และ เสวยราชยเปน กษตั ริยพระองคท รงยดึ มั่นศรทั ธาในพระพทุ ธ ศาสนา ใชห ลักทศพิธราชธรรมในการปกครอง บา นเมืองจึง เจรญิ รงุ เรืองดว ยความสันตสิ ุข



 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 4. อาณาจกั รลา นนา (พ.ศ. 1839 - 2442) พระยามังรายกษัตริยองคท่ี 25 แหงแควนหิรัญ นครเงินยาง ไดสรางเมืองนพบุรีศรีนครพิงคเชียงใหม เปน ราชธานขี องอาณาจักรลานนาใน พ.ศ. 1839 และ ทรงสถาปนาราชวงศมังรายข้ึนและผนวกแควนหิรัญ นครเงนิ ยางเขาเปนสว นหนึง่ ของลา นนา

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย บรเิ วณทีส่ นั นษิ ฐานว่าเป็ นทีต่ ง้ั ของแควน้ น้ี

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย พระยามังรายเปนสหายรวม สํานักเรียนและเปนมิตรรวมสาบาน กับพอขุนรามคําแหงมหาราชและ พ ร ะ ย า งํา เ มื อ ง ค ว า ม สั ม พั น ธ ระหวางรัฐนี้ชวยใหคนไทยรอดพน จากการรุกรานของจีนสมัยราชวงศ หยวนหรือมองโกล พระบรมราชานุสาวรยี ส์ ามกษตั รยิ ์ จ.เชยี งใหม่

กษัตริยร าชวงศมังราย อาณาจักรลา นนามีกษัตรยิ  ราชวงศม ังรายปกครองตอ มาอีก 19 องค กอนตกเปน ประเทศราชของพมา ใน พ.ศ. 2101 ทรรงพระราชกรณยี กจิ ที่ สาํ คญั หลายพระองค แตจ ะกลา วถึงเพียง 2 องค คือพระ เจากือนา กษตั รยิ อ งคท ี่ 6 (พ.ศ. 1898–1928) มพี ระราช กรณยี กจิ ท่สี าํ คญั คือ รับเอาพระพทุ ธศาสนาแบบลงั กาวงศ จากอาณาจักรสโุ ขทัยเขา มา และทรงสรางพระเจดียบรรจุ พระบรมสารรี กิ ธาตุบนดอยสเุ ทพพระเจาติโลกราช กษัตรยิ  องคท ่ี 9 (พ.ศ. 1984–2030)

ความเจรญิ รงุ เรืองสมัยราชวงศมงั ราย (พ.ศ. 1839–2101) 1. เศรษฐกิจ เชยี งใหมเปน ศนู ยก ลางการคา ระหวา งเมืองทอ่ี ยูเหนือเชยี งใหมขนึ้ ไปกับเมืองทาง ใตแ ละตะวันตก 2. กฎหมาย มงั รายศาสตร มเี นื้อหาหลายเรื่อง เชน โทษของการหนีศึก การสรางไรนา เปนตน

3. ศาสนา มีการสงั คายนาพระไตรปก ฎทว่ี ัดมหา โพธาราม (วดั เจด็ ยอด) สมยั ของพระเจาตโิ ลกราช นบั เปน การสงั คายนาครั้งท่ี 8 ของโลก และครง้ั แรก ของเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต 4. ศิลปกรรม ระยะแรกมพี ื้นฐานจากศลิ ปะ หริภุญชยั ผสมกับศลิ ปะพมาหรือพกุ าม ตอ มารับ อิทธิพลจากสุโขทยั ทง้ั พระพทุ ธศาสนาแบบลังกา วงศแ ละศลิ ปะมาพรอมกัน

1) พระพุทธรูป รุน แรกสรา งกอ นตั้งเชียงใหม พบท่ี เมืองเชยี งแสน มีลักษณะเดน คือ พระวรกายอวบอวน พระพกั ตรค อนขา งแปน หลงั จากรบั อทิ ธพิ ลสุโขทยั แลว มีลักษณะเดน คือ พระวรกายลดความอวบอว น ลง พระพกั ตรรปู ไข

2) เจดีย มี 3 แบบ คือ (1) แบบทรงปราสาทยอด เชน เจดยี ห ลวงท่วี ดั เจดยี หลวงโชตกิ าราม จังหวัดเชียงใหม ศิลปะหรภิ ุญชัย และอาจไดรบั อิทธพิ ลศิลปะพกุ ามดวย

2) แบบทรงระฆัง หรือทรงกลมแบบลงั กา เชน พระบรมธาตหุ รภิ ุญชยั จงั หวัดลําพนู เจดยี แ บบนี้เปน เอกลักษณข องศลิ ปะลานนา เดมิ สรางเปนมณฑป มา สรางเปนทรงเจดยี ร ะฆังครอบสมัยลานนา

(3) แบบเบด็ เตลด็ มลี ักษณะตางจาก 2 แบบทกี่ ลา ว มาแลว เชน วิหารเจ็ดยอด วดั มหาโพธาราม (วดั เจ็ด ยอด) ยอดตรงกลางเปน รปู ศิขร ซ่งึ จาํ ลองมาจากยอด มหาวิหารพทุ ธคยาในอนิ เดยี

5. ตัวอักษร เปนภูมปิ ญญาทีส่ าํ คญั ทีส่ ดุ อยา ง หน่งึ ของลานนา พระยามงั รายทรงประดิษฐอ ักษรท่ี เรยี กวา อกั ษรธรรม โดยดดั แปลงมาจากตวั อักษร มอญ 6. วรรณกรรม สว นใหญ พระภิกษุเปนผแู ตง เรือ่ งทสี่ าํ คญั ไดแก ชินกาลมาลปี กรณ จามเทวีวงศ สิหิงคนทิ าน และตาํ นานมลู ศาสนา

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 5. อาณาจกั รสโุ ขทยั (พ.ศ. 1792-2006) 5.1 การสถาปนาราชวงศพ์ ระร่วง พ่อขุนศรีนาวนําถุมปกครอง เมืองสุโขทัยศรีสชั นาลยั เมื่อ สวรรคตขอมสบาดโขลญลาํ พง ซงึ่ เป็ นเขมรไดย้ ดึ ครองสโุ ขทยั ไว้ เจา้ ขุนผาเมืองเจา้ เมืองราด พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพ่อขุนศรี นาวนาํ ถุม และเป็ นพระราชบุตรเขยของกษตั รยิ เ์ ขมร ไดร้ ่วมมือกบั พ่อขุน บางกลางหาว โจมตีขอม สบาดโขลญลาํ พงจนยดึ เมืองกลบั มาได้ พ่อขุนผา เมืองทรงอภิเษกพ่อขุนบางกลางหาวข้ึนครองกรุงสโุ ขทยั ทรงพระนามว่า พอ่ ขุนศรอี นิ ทราทิตย์ นบั เป็ นตน้ ราชวงศพ์ ระร่วง

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย อาณาจกั รสโุ ขทยั มีฐานะเป็ นผูน้ าํ ของกล่มุ คนไทยอยู่ระยะหนงึ่ มีปัจจยั สง่ เสรมิ ดงั น้ี ทาํ เลที่ตงั้ 1. ปัจจยั ภายใน ไดแ้ ก่ ความสามคั คขี องคนไทย ความสามารถของผูน้ าํ

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 2. ปัจจยั ภายนอกไดแ้ ก่ การเสอ่ื มอาํ นาจของเขมร การสรา้ งความสมั พนั ธ์กบั จนี

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 5.2 การเมืองสมยั สโุ ขทยั ประวตั ศิ าสตรอ์ าณาจกั รสโุ ขทยั ตลอดสมยั แบ่งเป็ น 2 ระยะ ระยะแรก ประมาณ พ.ศ. 1792-1921 เป็ นสมยั ท่ีสโุ ขทยั มีฐานะเป็ นอาณาจกั รอสิ ระ ระยะท่ี 2 นบั จากหลงั พ.ศ. 1921-2006 เป็ นสมยั ที่ สโุ ขทยั ตกเป็ นประเทศราชของอาณาจกั รอยุธยา โดยมีช่วงเวลา สน้ั ๆ ที่สามารถแยกตวั เป็ นอสิ ระได้

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย การแผ่ขยายอาณาเขต 1. สมยั พ่อขุนรามคาํ แหงมหาราช ครงั้ สาํ คญั 2 สมยั มีอาณาเขตครอบคลุมภาคตะวนั ตกของลุ่มน้ํา เจา้ พระยาถึงเมืองนครศรีธรรมราช และคาบสมุทร มลายู ทางตะวนั ตกถึงเมืองหงสาวดี เมาะตะมะ และ ตะนาวศรี ทางตะวนั ออกเฉยี งเหนือถึงฝั่งซา้ ยแม่นา้ํ โขง ในเขตเมืองเวียงจนั ทนแ์ ละหลวงพระบาง 2. สมยั พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (ลไิ ทย) มีอาณาเขตครอบคลุมจากแม่นํ้าปิ งไปทางทิศ ตะวนั ออกถึงแม่นาํ้ น่านและแม่นา้ํ ป่ าสกั และจากเมือง หลวงพระบาง น่าน แพร่ ลงไปทางใตถ้ งึ เมืองพระบาง (นครสวรรค)์

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 5.3 เศรษฐกจิ สมยั สโุ ขทยั 1. การเกษตร อาณาจกั รสุโขทยั มีพ้ืนฐานหลกั ทางเศรษฐกจิ อยูท่ ี่การเกษตร แต่มีปัญหาเรื่องนาํ้ ตอ้ งใชร้ ะบบชลประทานเขา้ มาช่วย เศรษฐกจิ 2. การคา้ แบ่งเป็ นการคา้ ระหว่างเมืองกบั การคา้ สมยั สโุ ขทยั ต่างประเทศ มีการเปิ ดการคา้ เสรีโดยสโุ ขทยั เป็ น ศนู ยก์ ลางการคา้ ภายในภูมิภาค 3. หตั ถกรรม ท่ีสําคญั คือ การทําเครื่องสงั คโลก ซึ่ง สรา้ งชื่อเสียงและทํารายได้ให้แก่สุโขทัย เตาเผา ท่ีเรียกว่า เตาทุเรียง มี 3 แหล่งคือ เตาทุเรียงสุโขทยั เตาทุเรยี งป่ ายาง และเตาทุเรยี งเกาะนอ้ ย

 5.4รัฐสังไทคมยสในมัยดสินุโแขดทัยนไทย สงั คมสมยั สุโขทัยมรี ากฐานมาจาก สงั คมเผาหรอื สงั คมบา น แลวคลี่คลายมาสู สังคมเมอื ง และสงั คมระดบั อาณาจกั ร นับ ถอื พระพทุ ธศาสนา ประชากรมจี าํ นวนไม มาก และอาศัยอยใู นพืน้ ทไี่ มกวา งขวางนกั ตดิ ตอกันไดสะดวก ผปู กครองจึงดแู ล ประชาชน ไดอยางใกลช ิด

 รัฐไทยในดินแดนไทย สังคมสมัยสุโขทัยยังไมมีความซับซอน ช น ช้ั น ป ร ะ ก อ บ ด ว ย พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย เจานาย ขุนนาง เปนชนชั้นปกครอง ไพร และทาส เปนชนชั้นใ ตปกครอง แล ะ พระสงฆเปนชนชั้นที่เปนท่ีเคารพของชนช้ัน อืน่ ๆ

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 5.5 การส้นิ สดุ อาณาจกั รสโุ ขทยั หลงั จากพระมหาธรรมราชาท่ี 4 (บรมปาล) เสดจ็ สวรรคตใน พ.ศ. 1981 กไ็ ม่ไดต้ งั้ ผูใ้ ดเป็ น พระมหาธรรมราชาอกี จนถงึ พ.ศ. 2006 สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถเสด็จไปประทบั ท่ีเมืองพิษณุโลก ถอื ว่าอาณาจกั รสโุ ขทยั ถูกรวมเขา้ กบั อยุธยาตงั้ แต่นนั้

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย สาเหตคุ วามเสอ่ื มของอาณาจกั รสโุ ขทยั มีดงั น้ี 1. ปัจจยั ภายใน การแก่งแย่งอาํ นาจของผูน้ าํ ความไม่เขม้ แขง็ ของผูน้ าํ การถูกตดั เสน้ ทางการคา้

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 2. ปัจจยั ภายนอก การขยายอาํ นาจข้นึ ไปทางเหนอื โดยการใชก้ าํ ลงั ทหาร การแทรกแซง กจิ การภายใน และการสรา้ งความ สมั พนั ธ์ทางเครอื ญาติ ทาํ ใหอ้ าณา จกั รสโุ ขทยั อ่อนแอลงเรอ่ื ย ๆ จน ส้นิ สดุ ลง

6. แควนสุพรรณภมู ิ พทุ ธศตวรรษที่ 18–พ.ศ. 1893 สพุ รรณภมู เิ ปนแควนขนาดใหญท่มี คี วามเจรญิ รงุ เรือง มี ศนู ยกลางอยทู ี่เมืองสุพรรณภมู ิ มเี มืองตาง ๆ ที่อยแู ถบ แมน ํา้ ทา จีน แมกลอง เพชรบุรี และแมน ้ํานอยอยูใต อาํ นาจ แควนสพุ รรณภมู เิ คยเปนเมืองขนึ้ ของสโุ ขทยั ใน สมัยพอขนุ รามคาํ แหงมหาราช มวี ัฒนธรรมและการ ปกครองคลา ยกบั ละโว นบั ถือทงั้ พระพุทธศาสนานกิ าย เถรวาทและมหายาน ในพ.ศ.1893 พระเจา อทู องรวม แควน ละโวก บั แควนสพุ รรณภูมิ ต้ังเปนอาณาจกั ร อยธุ ยา

รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 7. อาณาจกั รอยุธยา (พ.ศ. 1893-2310) 7.1 การสถาปนาอาณาจกั รอยุธยา พระเจา้ อู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็ นราชธานีใน พ.ศ. 1893 แลว้ ข้นึ เสวยราชยเ์ ป็ นปฐมกษตั ริยร์ าชวงศอ์ ่ทู อง ทรงพระนามว่า สมเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี 1 กรุงศรีอยุธยาเป็ นราชธานีที่มีความเจริญรุ่งเรือง มน่ั คง มงั่ คงั่ และมีความยงิ่ ใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออก เฉยี งใตน้ านถงึ 417 ปี

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย มีปัจจยั สนบั สนุนดงั น้ี 1. มีชยั ภมู ิมนั่ คง คอื มีแม่นา้ํ ลอ้ มรอบ 3 ดา้ น ป้ องกนั ขา้ ศกึ ไดด้ ี 1. ปัจจยั ภายใน 2. มีดนิ และนาํ้ อดุ มสมบรู ณ์ ทาํ การ เกษตรไดผ้ ลดี ปลาชกุ ชมุ 3. ตงั้ อยูบ่ รเิ วณที่ราบภาคกลาง มีลาํ นาํ้ หลายสายไหลผ่าน จงึ ควบคมุ เสน้ ทาง คมนาคมและเสน้ ทางการคา้ ได้

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย





 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 2. ปัจจยั ภายนอก ในช่วงเวลานน้ั เขมรหมดอทิ ธิพล ที่เคยมีในดนิ แดนไทย จนกระทงั่ ไม่สามารถตา้ นทานกองทพั ไทย ที่เขา้ ไปตเี ขมรในสมยั สมเด็จพระ รามาธิบดที ี่ 1 ได้

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย 7.2 การเมืองสมยั อยุธยา การเมืองสมยั อยุธยาตอนตน้ มีการปล่อยใหเ้ มือง ลกู หลวง ซง่ึ มีพระบรมวงศานุวงศเ์ ป็ นเจา้ เมืองมีอสิ ระในการ ปกครองตนเอง จงึ เป็ นช่องทางใหเ้ กิดการสะสมกําลงั คน และสรา้ งไมตรีกบั เมืองอื่นเพ่ือแข็งขอ้ เป็ นอิสระจากเมือง หลวง หรือไม่ก็ยกกําลงั มาช่วงชิงราชสมบตั ิเมื่อส้ินสมยั กษตั รยิ อ์ งคก์ ่อน

 รฐั ไทยในดนิ แดนไทย ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีการ ควบคุมอํานาจและลดบทบาท ทางการเมือง ของพระบรมวงศานุวงศ แตกลุมขุนนางกลับ ไดร ับการเสริมสรา งใหม คี วามเขม แขง็ มัน่ คง เพื่อ ถวงดุลอํานาจกับพระบรมวงศานุวงศ จึงมี บทบาททางการเมืองสูงมาก จนสามารถชิง อํานาจจากพระมหากษตั รยิ ไดในเวลาตอ มา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook