หนวยการเรียนรูที่ 2 กฎหมายแพง ที่ควรรู
1.กฎหมายเกีย่ วกบั บุคคล 1.1 บุคคลธรรมดา คือมนษุ ยหรือคนซึง่ มีชีวิตจิตใจ ไมจํากดั เพศ วยั ฐานะหรือสติปญญาซึง่ ทุกคนยอมมี สิทธิหนาที่ตามกฎหมายเมือ่ มีสภาพบุคคลดังนี้ สภาพบุคคลยอ มเริม่ แตเ มือ่ คลอดแลวอยรู อด เปนทารกและสิน้ สุดเมื่อตาย
1.2 นิติบคุ คล หมายถงึ บุคคลทก่ี ฎหมายสมมติขน้ึ โดย รบั รองใหมสี ภาพบุคคลมีสทิ ธแิ ละหนาทีเ่ หมือนบคุ คล ธรรมดาไดแ ก 1.สมาคม ทไี่ ดจ ดทะเบียนแลว 2.มูลนิธิ ที่ไดจดทะเบยี นแลว 3.ทบวงการเมือง ไดแกกระทรวง ทบวง กรม 4.วดั วาอาราม 5.หางหนุ สวนสามัญ ที่ไดจดทะเบยี นแลว
6.หางหุนสวนจํากัด 7.บริษัทจาํ กดั
1.3ความสามารถของบคุ คล หมายถึง การที่ บคุ คลมีสิทธิและหนาที่ตามกฎหมายจึงสามารถใช สิทธิและปฏิบตั ิหนาที่ของตนไดตามกฎหมายดังน้ี 1) ผูเยาว คือเด็กหรือบคุ คลทีย่ ังไมบรรลนุ ิติ ภาวะเปนบคุ คลทีก่ ฎหมายเห็นวายังออนอายุ ไมมี ประสบการณโดยบุคลจะบรรลุนิติภาวะได 2 กรณี
1.บรรลนุ ิติภาวะโดยอายุ คือเมือ่ อายคุ รบยีส่ ิบป บริบูรณ 2.บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส การสมรสจะทํา ไดเมื่อชายหรือหญิงมีอายคุ รบสิบเจด็ ปบริบรู ณและ ตองไดรับความยินยอมจากบิดามารดา
ผูเยาวอ าจจะทําการใดๆไดต ามลาํ พงั ในกรณีดงั นี้ 1.กระทาํ การซึง่ เปนไปเพือ่ จะไดสิทธิอนั ใดอนั หนึง่ หรือเปน การเพื่อหลุดพนจากหนาที่อันใดอันหนึ่งเชน ผูเยาวรับทรพั ยสินทีบ่ คุ คลใหโดยเสนหา 2.กิจการทีต่ องทําเองเฉพาะตวั ไดแกการเขาสูพิธี สมรส
3.กิจการที่เปนการสมแกฐานานุรปู แหงตนและเปน การอนั จาํ เปนในการดาํ รงชีวิตตามสมควร 4.ผูเยาวอาจทําพินยั กรรมไดเมื่ออายุครบสิบหาป บริบรู ณ
2) คนไรความสามารถ คือ บุคคลที่วิกลจริต ซึ่งศาลส่ังใหเปน คนไรความสามารถและจดั ใหอยใู น ความอนบุ าลของผอู นุบาล วิกลจริต หมายถึง อาการทางจิตที่ไมปกติหรือ เปน บา ซึง่ เปน การขาดความราํ ลึก ขาดความรูสึก และขาดความรูสึกรบั ผิดชอบ
3)คน เสมือนไรค วามสามารถ คือ ผูทีไ่ มสามารถ จดั ทําการโดยตนเองหรือจัดกิจกรรมไปในทางทีอ่ าจ เสือ่ มเสียแกทรัพยสินของตนเองหรือครอบครวั คนเสมือนไรความสามารถนั้นมีเหตุบกพรอง ดังนี้ *ทางดานรางกาย เชนแขนขาด ขาขาด เปนงอย เปล้ียเสียขาหรือหหู นวก ตาบอด เปนใบ
*ทางดานจิตใจ เชน จิตฟน เฟอน แตไมถึงกบั เปน บาหรือวิกลจริต *ทางดานความประพฤติ เชน ประพฤติสุรุยสุราย เสเพลเปนประจาํ ติดสรุ าอยางหนักหรือยาเสพติดไม วาจะเปน เฮโรอีน ฝน กัญชา
1.4 การสิน้ สภาพบุคคล มี 2 กรณี 1) ตาย คือการส้ินสภาพบคุ คลเปน การสิ้นสุด ของชีวิตมนุษย 2) สาบสูญ หมายถึง การทีบ่ ุคคลไปจาก ภูมิลาํ เนาหรือถิน่ ทีอ่ ยเู กินหาปไ มติดตอใครเมื่อ ผมู ีสวนไดเสียรองตอศาลใหบคุ คลน้นั สาปสูญ
การสาบสูญ มีดงั ตอไปนี้ 1.นับต้ังแตวันที่การรบหรือสงครามส้ินสุด ถาบุคคล น้ันอยูในการรบหรือสงครามและหายไปในการรบ หรือสงคราม 2.นับต้ังแตวันทีย่ านพาหนะทีบ่ ุคคลน้ันอัปปางถูก ทําลายหรือสูญหายไป 3.นับต้งั แตวนั ทีเ่ หตุอนั ตรายแกชีวิตนอกจากขอ 1 ขอ 2 ไดผานพนไป
2.กฎหมายเกีย่ วกับทรัพย 2.1 ความหมายของทรัพยละทรัพยส ิน ทรัพย หมายถึง วตั ถมุ ีรูปราง สวนทรพั ยสิน หมายถึงทรัพยและวัตถุที่มีรูปรางซึ่งอาจมีราคาและ อาจถือเอาได วัตถมุ ีรปู ราง หมายถึง สิ่งที่เห็นไดดวยตา จบั ตอง และสมั ผัสไดเชน โตะ เกาอี้ บานเรือน หนงั สือ
วัตถไุ มมีรปู ราง หมายถึง สิง่ ซึง่ มองไมเห็นดวยตา สัมผสั แตะตองไมไดเชน แกส พลังงปรมาณตู ลอดจน สิทธิท้ังหลายที่เกี่ยวกับทรัพย ไดแก สิทธิครอบครอง สิทธิอาศัย ลิขลิทธิ์ ภาระติดพนั ในอสงั หาริมทรพั ย เชน จํานาํ จาํ นอง
2.2 ประเภทของทรัพยสิน 1) อสงั หาริมทรพั ย หมายถึง ทรพั ยทีเ่ คลือ่ นที่ ไมได ไดแก 1.1) ทีด่ ิน คือ พ้ืนดินทั่วๆไป 1.2) ทรัพยอันติดกบั ที่ดิน ซึ่งจะแบงเปนทรัพยที่ ติดอยูกับที่ดินโดยธรรมชาติดังน้ี
1.ทรัพยทีเ่ กิดข้ึนหรือติดกับทีด่ ินโดยธรรมชาติ เชน ไมยืนตน 2. ทรพั ยที่ติดกับที่ดินเชนตึกรามบานชอง สะพาน อนสุ าวรีย เจดีย 3.ทรัพยที่ประกอบเปน อันเดียวกบั ที่ดินคือ ทรัพย สินที่เปนสวนควบหรือประกอบเปน พื้นดินเชน แมน้าํ ลาํ คลอง แรธาตุ กรวดทราย
4.สิทธิอนั เกี่ยวกับทีด่ ิน ไดแก กรรมสิทธิ์ สิทธิ ครอบครอง สิทธิอาศยั สิทธิเหนือพ้ืนดิน สิทธิเก็บกิน สิทธิจาํ นอง
2) สงั หารมิ ทรพั ย หมายถึงทรัพยส นิ อืน่ นอกจาก สงั หริมทรัพยแ ละหมายความรวมถึงสิทธิอนั เกย่ี วกบั ทรพั ยสนิ ดวยไดแก 1.ทรัพยทอี่ าจขนยายจากแหลง หน่งึ ไปยังแหลง อื่นได เชน ชา ง มา ววั ควาย รถยนต โตะ เกา อี้ 2.กําลังแรงแหง ธรรมชาตไิ ดแ ก พลงั ไอนํา้ แกส นํา้ ตก 3.สิทธทิ ั้งหลายอนั เกี่ยวกับสงั หาริมทรพั ย เชน กรรม สทิ ธิ์ สทิ ธใิ นเครื่องหมายการคา
3.กฎหมายเกี่ยวกบั นิติกรรม 3.1 ความหมายและองคประกอบของนิติกรรม 1) ความหมายของนิติกรรม หมายความวา การ ใดๆอนั ทาํ ลงโดยชอบดวยกฎหมายและดวยสมัครใจ มุงโดยตรงตอการผกู นิติสมั พนั ธขึ้นระหวางบุคคลเพือ่ กอใหเกิดการเปลีย่ นแปลง โอน สงวนหรือระงบั สิทธิ
2) องคประกอบของนิติกรรม การกระทาํ ใด ๆ จะเปนนิติกรรมจะตองพิจารณาจากองคประกอบที่ สําคญั 5 ประการ ดงั น้ี 2.1) เปน การกระทาํ ของบุคคลโดยการแสดง เจตนา คือ เปน การกระทาํ โดยตกลงใจทีจ่ ะกระทํา ไมไดถูกบงั คับ ถูกสะกดจิตหรือละเมอมีอยู 3 รูปแบบ
1. การแสดงเจตนาโดยชัดแจง กลาวคือ เปนการ แสดงเจตนาออกมาอยางชดั แจงดวยวาจาหรือลาย ลกั ษณอกั ษร 2. การแสดงเจตนาโดยปริยาย คือเปน การแสดง ออกโดยพฤติกรรมที่ไมชัดแจงโดยตรงแตตองการให เกิดความผูกพันทางกฎหมาย
3. การแสดงเจตนาโดยการนิง่ โดยปกติแลวไมถือ เปนการแสดงเจตนาแตมีขอยกเวนในบางกรณีที่ถือวา การนิ่งเปนการแสดงเจตนา 2.2) เปนการกระทาํ ที่ชอบดว ยกฎหมาย ประกอบดวย 1.การกระทาํ ที่มีวตั ถปุ ระสงคเปนการตองหามชัด แจงโดยกฎหมาย
2.การกระทาํ ทีม่ ีวัตถุประสงคเปน การพนวสิ ยั 3.การกระทาํ ทีม่ ีวัตถุประสงคขัดตอความสงบเรียบ รอ ย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน 2.3) เปน การมงุ เพื่อจะผูกนติ สิ มั พนั ธร ะหวา งบุคคล คือ การท่ีผกู ระทาํ ตอ งการใหน ติ ิกรรมทที่ ําขึน้ มีผลผกู พนั 2.4) เปนการกระทําทท่ี ําดว ยสมัครใจ คือ การแสดง เจตนาทีไ่ มไดถูกบคุ คลอื่นบงั คบั หรือตกอยูใ ตอทิ ธิพลหรือ อาํ นาจใดๆ
2.5)เปน การเคลือ่ นไหวแหงสิทธิ คือ นิติกรรมที่ ทําใหเกิดนิติสมั พันธระหวางบุคคลโดยอาจเปน การ กอสิทธิ เปลีย่ นแปลงสิทธิ โอนสิทธิ สงวนสิทธิ หรือ ระงับสิทธิ สิทธิ หมายถึงประโยชนหรือสวนไดเสียทีก่ ฎหมาย รบั รองและคุมครองเปนการผูกพันบคุ คลใหกระทํา การหรืองดเวนกระทําการอยางใดอยางหนึง่
3.2 นิติกรรมทีเ่ ปน โมฆียะ คือนิติกรรมที่มีผล สมบรู ณอยูจนกวาจะถูกบอกลาง นิติกรรมที่เปน โมฆียะไดแกผเู ยาวคนไรความสามารถ คนเสมือนไร ความสามารถ
บุคคลทีส่ ามารถบอกลางโมฆียกรรมไดแก 1. ผูแทนโดยชอบธรรมหรือผูเยาวซึง่ บรรลนุ ิติภาวะ แลวแตผูเยาวจะบอกลางกอนที่ตนบรรลุนิติภาวะกไ็ ด 2.บุคคลซึ่งศาลส่งั ใหเปน คนไรความสามารถหรือ เสมือนไรความสามารถ
3.3 นิติกรรมที่เปนโมฆะ โมฆะหรือโมฆะกรรม คือ การกระทาํ ทีเ่ สีย เปลาไมมีผลผกู พันตามกฎหมายและไมสามารถ เรียกรองบงั คับกนั ได
3.4 อายุความ อายคุ วาม หมายถึง ระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด ใหบุคคลใชสิทธิเรียกรองซึ่งอายุความแตกตางกนั ไป เชน สิบป หาป สองป 1) อายุความสิบป ไดแก 1.สิทธิเรียกรองของรัฐ เพือ่ เรียกเอาคาภาษีอากร 2.สิทธิเรียกรองที่เกิดขึ้นโดยคาํ พิพากษาของศาล ถึงที่สุด
2) อายุความหาป ไดแก 1. ดอกเบี้ยคางชําระ 2. เงินที่ตองชําระเพื่อผอนทกุ คืนเปนงวดๆ 3. คาเชาทรพั ยสินคางชาํ ระ เวนแตคาเชาทรพั ย สิน ซึ่งผูประกอบธุรกิจในการใหเชาสังหาริมทรพั ย เรียกเอาคาเชา อายคุ วามสองป
4. เงินคางจาย คือ เงินเดือน เงินป เงินบาํ นาญ คาอุปการะเลี้ยงดูและเงินอื่นๆ 5. สิทธิเรียกรองเชนเดียวกับประเภทอายุความสอง ป
3) อายุความ 2 ป ไดแ ก 1. ผปู ระกอบการคา หรืออตุ สาหกรรม 2. ผปู ระกอบเกษตรกรรมหรือการคาไม 3. ผูขนสงคนโดยสารหรือส่ิงของ 4. ผปู ระกอบธรุ กจิ โรงแรมหรือหอพัก 5. ผูขายสลากกนิ แบง สลากกนิ รวบ 6. ผปู ระกอบธรุ กจิ ในการใหเชา สงั หารมิ ทรัพย เรียก เอาคา เชา
7. ลูกจางซึ่งรับใชการงานสวนบคุ คล 8. ลกู จางประจําหรือลกู จางชั่วคราวหรือลกู จาง รายวัน 9. ครสู อนผฝู ก หดั งานเรียกเอาคาฝก สอน 10. เจาของสถานศึกษาหรือสถานพยาบาล 11. ผรู ับเล้ียงหรือฝกสอนสตั วเรียกเอาคาการงาน 12. ครูหรืออาจารยเรียกเอาคาสอน
13. ผปู ระกอบวิชาชีพเวชกรรม ทนั ตกรรม การ พยาบาล การผดงุ ครรภ ผูประกอบบําบดั โรคสัตว หรือผูประกอบโรคศิลปสาขาอืน่ เรียกเอาคาการ งานที่ทําให 14. ทนายความหรือผูประกอบวิชาชีพทาง กฎหมาย 15. ผปู ระกอบวิชาชีพวิศวกรรม สถาปต ยกรรม ผูสอบบญั ชี หรือผูประกอบวิชาชีพอิสระอืน่
4.กฎหมายเกีย่ วกบั หนี้และละเมิด 4.1 ความหมายของหนี้ หนี้ คือ ความสมั พนั ธทางกฎหมายระหวางบคุ คล สองฝาย ฝายหนึ่งเรียกวา “เจาหน้ี”อีกฝายหนึ่ง เรียกวา “ลูกหน้ี”
ลกู หนี้จะตองปฏิบตั ิการชาํ ระหนี้ใหแ กเ จา หนี้ 3 ประการคือ 1.กระทําการ คือ การที่ตองปฏิบตั ิตามสญั ญา 2.งดเวน กระทําการ คือไดแกขอตกลงทีไ่ มการสิง่ ใดๆตามสัญญาจดั วาเปน หน้ีทีต่ องงดเวน 3.การสงมอบทรพั ยส ิน ซึ่งฝายเจาหนี้เปนคนสง มอบทรพั ยใหกับลกู หนี้
4.2 ความระงบั หนี้ อาจระงับดวยเหตตุ าง ๆดังนี้ 1. การชําระหนี้ ลกู หนี้ปฏิบตั ิการตอเจาหนี้ตาม มลู หน้ีเปนวิธีการที่มีผลทาํ ใหหนี้ระงับ 2. ปลดหนี้ เมือ่ เจาหน้ีแสดงเจตนาตอลูกหนี้วา จะปลดหน้ีให 3. หักกลบลบหนี้ หมายถึงบคุ คลสองคนตาง เปนเจาหน้ี ลกู หนี้ซึง่ กนั และกนั ในมูลหนี้สองรายอันมี วตั ถเุ ปนอยางเดียวกนั
4. แปลงหนีใ้ หม หมายถึงคูกรณีตกลงกันเปลี่ยน สิง่ ซึง่ เปน สาระสาํ คญั ในหนี้ 5. หนี้เกลือ่ นกลืนกัน หมายถึง เมื่อมีเหตุที่ทาํ ให สิทธิเรียกรองและความรับผิดในหนี้รายใดตกอยกู บั บุคคลคนเดียวกัน
4.3 ล ะเมิด คือ การกระทําโดยจงใจหรือประมาท เลินเลอ ทาํ ตอบุคคลอืน่ ผิดกฎหมายเปนเหตุใหเขา เสียหายถึงแกชีวิต รางกาย เสรีภาพ ทรพั ยสินหรือ สิทธิประโยชน
บุคคลที่กฎหมายไดบัญญตั ิใหร ับผิดรว มกับผู ละเมิดดวยไดแ ก 1.นายจางตองรบั ผิดรวมกบั ลกู จางถาลูกจางได กระทําละเมิดในทางการที่จางน้ัน 2.ผูวาจางทาํ ของตองรบั ผิดรวมกับผูรบั จาง 3.บิดามารดาตองรับผิดรวมกบั ผูเยาว
4.ครบู าอาจารยตองรบั ผิดรวมกบั ผเู ยาว นายจาง ตองรบั ผิดรวมกบั ลูกจางผูเยาว 5.เจาของสัตวหรือบุคคลผูรบั เลี้ยงรับรกั ษาไว แทนเจาของสตั วจะตองเสียคาสินไหมทดแทน
5.กฎหมายเกี่ยวกบั เอกเทศสญั ญา เอกเทศสญั ญา คือ สัญญาทีม่ ีลกั ษณะเฉพาะตวั ทางกฎหมายประกอบดวย 5.1 สญั ญาซื้อขาย คือ สญั ญาซึ่งบคุ คลฝายหนึง่ เรียกวา “ผูขาย”โอนกรรมสิทธิ์แหงทรัพยสินใหแก บุคคลอีกฝายหนึ่งเรียกวา “ผูซื้อ”ไดแก
1) สญั ญาซือ้ ขายเสร็จเดด็ ขาย เปนสญั ญาที่ กรรมสิทธิใ์ นทรพั ยสินโอนหรือเปลี่ยนไปใหผูซื้อทนั ที เมื่อมีการตกลงซื้อขายกนั ไดแก 1.อสงั หาริมทรพั ย ไดแก ทีด่ ิน ทรัพยทีต่ ิดอยู กบั ทีด่ ิน เชนบานเรือน ทรัพยอนั ประกอบเปน อนั เดียวกบั ที่ดิน
2. การซือ้ ขายสังหาริมทรัพยช นิดพิเศษ ไดแก เรือทีม่ ีระวางต้ังแตหาตนั ข้ึนไป แพและสตั วพาหนะ เชน ชาง มา วัว ควาย ลา ลอ ที่มีต๋ัวรปู พรรณแลว 2) สญั ญาจะซือ้ จะขาย ทรพั ยสินทีเ่ ปนอสงั หาริม ทรพั ยหรือสงั หาริมทรพั ยพิเศษจะตองดําเนินการดงั น้ี 1.ทาํ หนังสือเปนหลกั ฐาน ลงลายมือชื่อผตู องรบั ผิดเปน สําคญั หรือ 2.วางประจําไวหรือ 3.ชําระหนี้บางสวน
3) สัญ ญาขายฝาก คือสัญญาซ้ือขายซึ่งกรรมสิทธิ์ ในทรัพยสินตกไปยังผูซ้ือโดยมีขอตกลงกันวาผูขาย อาจไถคืนได 5.2 สัญญาเชาทรัพย สัญญาเชา ทรพั ย คือ สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึง่ เรียกวา “ผูเชา ”ตกลงใหบคุ คลอีกคนหนึ่งเรียกวา “ผเู ชา ”
ประเดน็ สําคัญของการเชาทรพั ย พอสรุปไดดังนี้ 1. สัญญาเชาทรพั ยเปนสัญญาสองฝายระหวาง ฝายหนึ่งเรียกวา “ผูเชา” และอีกฝายหนึ่งเรียกวา “ผูเชา ” 2. ผูใหเชาตกลงใหผูเชาไดรบั ประโยชนในทรัพยสิน เชน เชาบานเพื่ออยูอาศยั เชารถจกั รยาน 3. การไดใชหรือการรบั ประโยชนมีกาํ หนดระยะ เวลา
4.ผูใหเชานาํ ทรพั ยสินน้ันใหผูเชาไดนําไปใช ประโยชน 5.4 สญั ญายืม แบงออเปน 2 ประเภท ดังน้ี 1) สญั ญายืมใชค งรูป คือ สัญญาซึ่งบุคคล หนึ่งเรียกวา “ผูใหยืม” ใหบคุ คลอีกคนหนึ่งเรียกวา “ผูย ืม”
2) สัญญายมื ใชสนิ้ เปลอื ง คือ สญั ญาซ่ึงบคุ คลหนึ่ง เรียกวา “ผูใหย มื ”โอนกรรมสิทธใ์ิ นทรัพยสนิ ชนดิ ทใี่ ชไ ปสิ้น เรยี กวา “ผูยมื ” หลกั เกณฑการกยู ืมเงนิ มดี งั ตอ ไปน้ี 1. เปนหนงั สืออะไรกไ็ ดท มี่ กี ารระบุผูใหก ูย ืมเงินผูและลง ลายมือผกู ูเปน สาํ คัญ 2. ขอ ความในเอกสาร หลกั ฐานของการกู 3. ลงลายมือชือ่ ผูกูยืมเงนิ เปนสาํ คญั
การชําระหน้ีเงินกูย ืม 1. ใหผ ใู หก ูยืมทาํ หนังสือวาไดรับเงินคืนแลว ทัง้ หมด หรือบางสวน 2. ในกรณีทผ่ี ูกยู ืมเงนิ ชําระเงินคืนบางสวนจะ ตอ งให ผูใ หก ยู ืมบันทกึ ลงในสัญญากู 3.เมือ่ ผกู ูยืมเงินไดชาํ ระเงนิ คืนใหแ กผ ใู หกูจนครบตาม จํานวนขอหนงั สือสญั ญากูทําลาย การคดิ ดอกเบี้ยการใหกยู ืมเงนิ คดิ ดอกเบ้ยี รอ ยละ15 ตอ ป
5.5 สัญญาค้ําประกนั สัญญาคาํ้ ประกนั คือ สญั ญาทีบ่ คุ คลภายนอก ซึง่ ไมใชลกู หนี้หรือเจาหนี้ผูกพนั ตนตอเจาหนี้โดยทํา สัญญากบั เจาหนี้โดยมีผแู ทนลกู หน้ีเรียกวา “ผูคํ้า ประกนั ”มีดังนี้
Search