Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย-๒๕๖๐-โรงเรียนบ้านอูบมุงแก้งเกลี้ยง

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย-๒๕๖๐-โรงเรียนบ้านอูบมุงแก้งเกลี้ยง

Published by patcharee ree, 2018-07-20 02:23:57

Description: หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย-๒๕๖๐-โรงเรียนบ้านอูบมุงแก้งเกลี้ยง

Search

Read the Text Version

๑.๒ การประเมินพฒั นาการ มีจุดมุ่งหมายของการประเมินเพ่ือพฒั นาความกา้ วหนา้ ของเด็กและสรุปผลการประเมินพฒั นาการของเด็ก ๑.๓ การประเมินพฒั นาการตอ้ งมีความสอดคลอ้ งและครอบคลุมมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ตวับ่งช้ี สภาพท่ีพงึ ประสงคแ์ ต่ละวยั ซ่ึงกาหนดไวใ้ นหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั ๑.๔ การประเมินพฒั นาการเป็ นส่วนหน่ึงของกระบวนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ตอ้ งดาเนินการดว้ ยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถประเมินพฒั นาการเด็กไดอ้ ยา่ งรอบดา้ นสมดุลท้งั ดา้ นร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา รวมท้งั ระดบั อายขุ องเด็ก โดยต้งั อยบู่ นพ้ืนฐานของความเท่ียงตรง ยุติธรรมและเช่ือถือได้ ๑.๕ การประเมินพฒั นาการพจิ ารณาจากพฒั นาการตามวยั ของเด็ก การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้และการร่วมกิจกรรม ควบคู่ไปในกระบวนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ตามความเหมาะสมของแต่ละระดบั อายุ และรูปแบบการจดั การศึกษา และตอ้ งดาเนินการประเมินอยา่ งตอ่ เน่ือง ๑.๖ การประเมินพฒั นาการตอ้ งเปิ ดโอกาสให้ผมู้ ีส่วนเกี่ยวขอ้ งทุกฝ่ ายไดส้ ะทอ้ นและตรวจสอบผลการประเมินพฒั นาการ ๑.๗ สถานศึกษาควรจดั ทาเอกสารบนั ทึกผลการประเมินพฒั นาการของเด็กปฐมวยั ในระดบั ช้นั เรียนและระดบั สถานศึกษา เช่น แบบบนั ทึกการประเมินพฒั นาการตามหน่วยการจดั ประสบการณ์ สมุดบนั ทึกผลการประเมนพฒั นาการประจาช้ัน เพื่อเป็ นหลกั ฐานการประเมินและรายงานผลพฒั นาการและสมุดรายงานประจาตวันกั เรียน เพ่ือเป็นการส่ือสารขอ้ มลู การพฒั นาการเด็กระหวา่ งสถานศึกษากบั บา้ น๒. ขอบเขตของการประเมนิ พฒั นาการ หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ไดก้ าหนดเป้ าหมายคุณภาพของเด็กปฐมวยั เป็ นมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ซ่ึงถือเป็ นคุณภาพลกั ษณะที่พึงประสงค์ท่ีตอ้ งการให้เกิดข้ึนตวั เด็กเม่ือจบหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั คุณลกั ษณะท่ีระบุไวใ้ นมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ถือเป็ นสิ่งจาเป็ นสาหรับเด็กทุกคนดงั น้นั สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งมีหน้าท่ีและความรับผิดชอบในการจดั การศึกษาเพื่อพฒั นาเด็กให้มีคุณภาพมาตรฐานที่พึงประสงค์กาหนด ถือเป็ นเครื่องมือสาคญั ในการขบั เคลื่อนและพฒั นาคุณภาพการศึกษาปฐมวยั แนวคิดดงั กล่าวอยบู่ นฐานความเชื่อที่วา่ เด็กทุกคนสามารถพฒั นาอยา่ งมีคุณภาพและเท่าเทียมได้ ขอบเขตของการประเมินพฒั นาการประกอบดว้ ย ๒.๑ ส่ิงท่ีจะประเมิน ๒.๒ วธิ ีและเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการประเมิน ๒.๓ เกณฑก์ ารประเมินพฒั นาการ๒.๑ ส่ิงทจี่ ะประเมนิ การประเมินพฒั นาการสาหรับเด็กอายุ ๓-๖ ปี มีเป้ าหมายสาคญั คือ มาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์จานวน ๑๒ ขอ้ ดงั น้ี ๑. พฒั นาการดา้ นร่างกาย ประกอบดว้ ย ๒ มาตรฐาน คือ มาตรฐานท่ี ๑ ร่างกายเจริญเติบโตตามวยั และมีสุขนิสยั ที่ดี

มาตรฐานท่ี ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเน้ือเล็กแข็งแรงใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสมั พนั ธ์กนั ๒. พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ ๓ มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข มาตรฐานที่ ๔ ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคล่ือนไหว มาตรฐานที่ ๕ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม ๓. พฒั นาการดา้ นสังคม ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐาน คือ มาตรฐานท่ี ๖ มีทกั ษะชีวติ และปฏิบตั ิตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาตรฐานที่ ๗ รักธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรม และความเป็นไทย มาตรฐานที่ ๘ อยู่ร่วมกับผูอ้ ื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบตั ิตนเป็ นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข ๔. พฒั นาการดา้ นสติปัญญา ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ ๙ ใชภ้ าษาสื่อสารไดเ้ หมาะสมกบั วยั มาตรฐานท่ี ๑๐ มีความสามารถในการคิดท่ีเป็นพ้นื ฐานในการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี ๑๑ มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ มาตรฐานที่ ๑๒ มีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ไดเ้ หมาะสมกบั วยั สิ่งท่ีจะประเมินพฒั นาการของเดก็ ปฐมวยั แต่ละดา้ น มีดงั น้ี ด้านร่างกาย ประกอบดว้ ย การประเมินการมีน้าหนกั และส่วนสูงตามเกณฑ์ สุขภาพอนามยั สุขนิสัยที่ดีการรู้จกั รักษาความปลอดภยั การเคลื่อนไหวและการทรงตวั การเล่นและการออกกาลงั กาย และการใชม้ ืออยา่ งคล่องแคล่วประสานสัมพนั ธ์กนั ด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบดว้ ย การประเมินความสามารถในการแสดงออกทางอารมณ์อยา่ งเหมาะสมกบัวยั และสถานการณ์ ความรู้สึกท่ีดีต่อตนเองและผอู้ ื่น มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผอู้ ่ืน ความสนใจ/ความสามารถ/และมีความสุขในการทางานศิลปะ ดนตรี และการเคล่ือนไหว ความรับผิดชอบในการทางาน ความซ่ือสัตยส์ ุจริตและรู้สึกถูกผดิ ความเมตตากรุณา มีน้าใจและช่วยเหลือแบง่ ปัน ตลอดจนการประหยดั อดออม และพอเพยี ง ด้านสังคม ประกอบด้วย การประเมินความมีวินยั ในตนเอง การช่วยเหลือตนเองในการปฏิบตั ิกิจวตั รประจาวนั การระวงั ภยั จากคนแปลกหนา้ และสถานการณ์ท่ีเสี่ยงอนั ตราย การดูแลรักษาธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มการมีสมั มาคารวะและมารยาทตามวฒั นธรรมไทย รักษาความเป็ นไทย การยอมรับความเหมือนและความแตกต่างระหว่างบุคคล การมีสัมพนั ธ์ท่ีดีกับผูอ้ ื่น การปฏิบัติตนเบ้ืองต้นในการเป็ นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข ด้านสติปัญญา ประกอบดว้ ย การประเมินความสามารถในการสนทนาโตต้ อบและเล่าเรื่องให้ผอู้ ื่นเขา้ ใจความสามารถในการอ่าน เขียนภาพและสัญลกั ษณ์ ความสามารถในการคิดแกป้ ัญหา คิดเชิงเหตุผล คิดรวบยอด

การเล่น/การทางานศิลปะ/การแสดงท่าทาง/เคลื่อนไหวตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรคข์ องตนเอง การมีเจตคติท่ีดีตอ่ การเรียนรู้และความสามารถในการแสวงหาความรู้๒.๒ วธิ กี ารและเครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการประเมนิ พฒั นาการ การประเมินพฒั นาการเด็กแต่ละคร้ังควรใชว้ ธิ ีการประเมินอยา่ งหลากหลายเพื่อให้ไดข้ อ้ มูลที่สมบูรณ์ที่สุดวธิ ีการที่เหมาะสมและนิยมใชใ้ นการประเมินเดก็ ปฐมวยั มีดว้ ยกนั หลายวธิ ี ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. การสังเกตและการบันทึก การสังเกตมีอยู่ ๒ แบบคือ การสังเกตอย่างมีระบบ ไดแ้ ก่ การสังเกตอยา่ งมจุดมุ่งหมายที่แน่นอนตามแผนที่วางไว้ และอีกแบบหน่ึงคือ การสังเกตแบบไม่เป็ นทางการ เป็ นการสังเกตในขณะที่เด็กทากิจกรรมประจาวนั และเกิดพฤติกรรมที่ไม่คาดคิดวา่ จะเกิดข้ึนและผสู้ อนจดบนั ทึกไวก้ ารสังเกตเป็ นวธิ ีการท่ีผสู้ อนใชใ้ นการศึกษาพฒั นาการของเด็ก เม่ือมีการสังเกตก็ตอ้ งมีการบนั ทึก ผสู้ อนควรทราบวา่ จะบนั ทึกอะไรการบนั ทึกพฤติกรรมมีความสาคญั อย่างยิ่งท่ีตอ้ งทาอย่างสม่าเสมอ เน่ืองจากเด็กเจริญเติบโตและเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว จึงตอ้ งนามาบนั ทึกเป็ นหลกั ฐานไวอ้ ย่างชดั เจน การสังเกตและการบนั ทึกพฒั นาการเด็กสามารถใช้แบบง่ายๆคือ ๑.๑ แบบบนั ทึกพฤติกรรม ใชบ้ นั ทึกเหตุการณ์เฉพาะอย่างโดยบรรยายพฤติกรรมเด็ก ผบู้ นั ทึกตอ้ งบนั ทึกวนั เดือน ปี เกิดของเด็ก และวนั เดือน ปี ท่ีทาการบนั ทึกแต่ละคร้ัง ๑.๒ การบนั ทึกรายวนั เป็ นการบนั ทึกเหตุการณ์หรือประสบการณ์หรือประสบการณ์ท่ีเกิดข้ึนในช้นัเรียนทุกวนั ถา้ หากบนั ทึกในรูปแบบของการบรรยายก็มกั จะเนน้ เฉพาะเด็กรายที่ตอ้ งการศึกษา ขอ้ ดีของการบนั ทึกรายวนั คือ การช้ีให้เห็นความสามารถเฉพาะอยา่ งของเด็ก จะช่วยกระตุน้ ให้ผูส้ อนไดพ้ ิจารณาปัญหาของเด็กเป็ นรายบุคคลช่วยให้ผูเ้ ชียวชาญมีขอ้ มูลมากข้ึนสาหรับวินิจฉัยเด็กว่าสมควรจะได้รับคาปรึกษาเพ่ือลดปัญหาและส่งเสริมพฒั นาการของเด็กไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง นอกจากน้นั ยงั ช่วยช้ีใหเ้ ห็นขอ้ เสียของการจดั กิจกรรมและประสบการณ์ไกเ้ ป็นอยา่ งดี ๑.๓ แบบสารวจรายการ ช่วยใหส้ ามารถวเิ คราะห์เดก็ แตล่ ะคนไดค้ ่อนขา้ งละเอียด ๒. การสนทนา สามารถใชก้ ารสนทนาไดท้ ้งั เป็ นกลุ่มหรือรายบุคคล เพ่ือประเมินความสามารถในการแสดงความคิดเห็น และพฒั นาการดา้ นภาษาของเด็กและบนั ทึกผลการสนทนาลงในแบบบนั ทึกพฤติกรรมหรือบนั ทึกรายวนั ๓. การสัมภาษณ์ ดว้ ยวธิ ีพดู คุยกบั เด็กเป็นรายบุคคลและควรจดั ในสภาวะแวดลอ้ มเหมาะสมเพ่ือไม่ใหเ้ กิดความเครียดและวิตกกงั วล ผสู้ อนควรใชค้ าถามท่ีเหมาะสมเปิ ดโอกาสให้เด็กไดค้ ิดและตอบอย่างอิสระจะทาให้ผสู้ อนสามารถประเมินความสามารถทางสติปัญญาของเด็กแต่ละคนและคน้ พบศกั ยภาพในตวั เด็กไดโ้ ดยบนั ทึกขอ้ มูลลงในแบบสัมภาษณ์ การเตรียมการก่อนการสมั ภาษณ์ ผสู้ อนควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี - กาหนดวตั ถุประสงคข์ องการสัมภาษณ์ - กาหนดคาพดู /คาถามที่จะพดู กบั เดก็ ควรเป็นคาถามที่เดก็ สามารถตอบโตห้ ลากหลาย ไม่ผดิ /ถูก การปฏิบตั ิขณะสัมภาษณ์ - ผสู้ อนควรสร้างความคุน้ เคยเป็นกนั เอง

- ผสู้ อนควรสร้างสภาพแวดลอ้ มที่อบอุ่นไมเ่ คร่งเครียด - ผสู้ อนควรเปิ ดโอกาสเวลาใหเ้ ด็กมีโอกาสคิดและตอบคาถามอยา่ งอิสระ - ระยะเวลาสัมภาษณ์ไมค่ วรเกิน ๑๐-๒๐ นาที ๔. การรวบรวมผลงานทีแ่ สดงออกถึงความก้าวหน้าแต่ละด้านของเด็กเป็ นรายบุคคล โดยจดั เก็บรวบรวมไวใ้ นแฟ้ มผลงาน (portfolio) ซ่ึงเป็ นวิธีรวบรวมและจดั ระบบขอ้ มูลต่างๆที่เกี่ยวกบั ตวั เด็กโดยใช้เครื่องมือต่างๆรวบรวมเอาไวอ้ ย่างมีจุดมุ่งหมายท่ีชัดเจน แสดงการเปล่ียนแปลงของพฒั นาการแต่ละด้าน นอกจากน้ียงั รวมเครื่องมืออ่ืนๆ เช่น แบบสอบถามผปู้ กครอง แบบสังเกตพฤติกรรม แบบบนั ทึกสุขภาพอนามยั ฯลฯ เอาไวใ้ นแฟ้ มผลงาน เพ่ือผูส้ อนจะไดข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตวั เด็กอย่างชดั เจนและถูกตอ้ ง การเก็บผลงานของเด็กจะไม่ถือว่าเป็ นการประเมินผลถา้ งานแตล่ ะชิ้นถูกรวบรวมไวโ้ ดยไม่ไดร้ ับการประเมินจากผสู้ อนและไม่มีการนาผลมาปรับปรุงพฒั นาเด็กหรือปรับปรุงการสอนของผสู้ อน ดงั น้นั จึงเป็ นแต่การสะสมผลงานเท่าน้นั เช่นแฟ้ มผลงานขีดเขียน งานศิลปะจะเป็นเพียงแค่แฟ้ มผลงานท่ีไมม่ ีการประเมิน แฟ้ มผลงานน้ีจะเป็นเคร่ืองมือการประเมินตอ่ เนื่องเม่ืองานท่ีสะสมแต่ละชิ้นถูกใชใ้ นการบ่งบอกความกา้ วหนา้ ความตอ้ งการของเด็ก และเป็ นการเก็บสะสมอยา่ งต่อเน่ืองท่ีสร้างสรรค์โดยผสู้ อนและเดก็ ผสู้ อนสามารถใชแ้ ฟ้ มผลงานอยา่ งมีคุณคา่ สื่อสารกบั ผปู้ กครองเพราะการเก็บผลงานเด็กอยา่ งต่อเน่ืองและสม่าเสมอในแฟ้ มผลงานเป็ นขอ้ มูลให้ผูป้ กครองสามารถเปรียบเทียบความกา้ วหน้าที่ลูกของตนมีเพิ่มข้ึน จากผลงานชิ้นแรกกบั ชิ้นต่อๆมาขอ้ มูลในแฟ้ มผลงานประกอบดว้ ย ตวั อยา่ งผลงานการเขียดเขียน การอ่าน และขอ้ มูลบางประการของเด็กที่ผูส้ อนเป็ นผูบ้ นั ทึก เช่นจานวนเล่มของหนังสือท่ีเด็กอ่าน ความถ่ีของการเลือกอ่านท่ีมุมหนงั สือในช่วงเวลาเลือกเสรี การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ ทศั นคติ เป็ นตน้ ขอ้ มูลเหล่าน้ีจะสะทอ้ นภาพของความงอกงามในเด็กแต่ละคนไดช้ ดั เจนกวา่ การประเมินโดยการใหเ้ กรด ผสู้ อนจะตอ้ งช้ีแจงให้ผปู้ กครองทราบถึงที่มาของการเลือกชิ้นงานแต่ละชิ้นงานที่สะสมในแฟ้ มผลงาน เช่น เป็ นชิ้นงานที่ดีที่สุดในช่วงระยะเวลาที่เลือกชิ้นงานน้นัเป็ นชิ้นงานท่ีแสดงความต่อเน่ืองของงานโครงการ ฯลฯ ผูส้ อนควรเชิญผูป้ กครองมามีส่วนร่วมในการคดั สรรชิ้นงานท่ีบรรจุลงในแฟ้ มผลงานของเดก็๕. การประเมินการเจริญเติบโตของเด็ก ตวั ช้ีของการเจริญเติบโตในเด็กท่ีใชท้ วั่ ๆไป ไดแ้ ก่ น้าหนกั ส่วนสูง เส้นรอบศีรษะ ฟัน และการเจริญเติบโตของกระดูก แนวทางประเมินการเจริญเติบโต มีดงั น้ี ๕.๑ การประเมินการเจริญเติบโต โดยการชงั่ น้าหนกั และวดั ส่วนสูงเด็กแลว้ นาไปเปรียบเทียบกบั เกณฑ์ปกติในกราฟแสดงน้าหนักตามเกณฑ์อายุกระทรวงสาธารณสุข ซ่ึงใช้สาหรับติดตามการเจริญเติบโตโดยรวมวธิ ีการใชก้ ราฟมีข้นั ตอน ดงั น้ี เม่ือชงั่ น้าหนกั เดก็ แลว้ นาน้าหนกั มาจุดเครื่องหมายกากบาทลงบนกราฟ และอ่านการเจริญเติบโตของเด็กโดยดูเครื่องหมายกากบาทวา่ อยู่ในแถบสีใด อ่านขอ้ ความบนแถบสีน้ัน ซ่ึงแบ่งภาวะโภชนาการเป็ น ๓ กลุ่มคือน้าหนกั ที่อยใู่ นเกณฑป์ กติ น้าหนกั มากเกนเกณฑ์ น้าหนกั นอ้ ยกวา่ เกณฑ์ ขอ้ ควรระวงั สาหรับผปู้ กครองและผสู้ อนคือ ควรดูแลน้าหนกั เด็กอย่างให้แบ่งเบนออกจากเส้นประเมินมิเช่นน้นั เด็กมีโอกาสน้าหนกั มากเกินเกณฑ์หรือน้าหนกั นอ้ ยกวา่ เกณฑไ์ ด้

ขอ้ ควรคานึงในการประเมินการเจริญเติบโตของเดก็ -เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกนั ในดา้ นการเจริญเติบโต บางคนรูปร่างอว้ น บางคนช่วงคร่ึงหลงัของขวบปี แรก น้าหนกั เดก็ จะข้ึนชา้ เนื่องจากห่วงเล่นมากข้ึนและความอยากอาหารลดลง ร่างใหญ่ บางคนร่างเลก็ -ภาวะโภชนาการเป็นตวั สาคญั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั ขนาดของรูปร่าง แต่ไมใ่ ช่สาเหตุเดียว -กรรมพนั ธุ์ เด็กอาจมีรูปร่างเหมือนพ่อแม่คนใดคนหน่ึง ถา้ พ่อหรือแม่เต้ีย ลูกอาจเต้ียและพวกน้ีอาจมีน้าหนกั ต่ากวา่ เกณฑเ์ ฉลี่ยไดแ้ ละมกั จะเป็นเดก็ ที่ทานอาหารไดน้ อ้ ย ๕.๒ การตรวจสุขภาพอนามยั เป็ นตวั ช้ีวดั คุณภาพของเด็ก โดยพิจารณาความสะอาดส่ิงปกติขอร่างกายที่จะส่งผลตอ่ การดาเนินชีวติ และการเจริญเติบโตของเด็ก ซ่ึงจะประเมินสุขภาพอนามยั ๙ รายการคือ ผมและศีรษะ หูและใบหู มือและเลบ็ มือ เทา้ และเลบ็ เทา้ ปาก ลิ้นและฟัน จมูก ตา ผวิ หนงั และใบหนา้ และเส้ือผา้๒.๓ เกณฑ์การประเมนิ พฒั นาการ การสร้างเกณฑ์หรือพฒั นาเกณฑ์หรือกาหนดเกณฑก์ ารประเมินพฒั นาการของเด็กปฐมวยั ผสู้ อนควรให้ความสนใจในส่วนที่เก่ียวขอ้ ดงั น้ี ๑. การวางแผนการสังเกตพฤติกรรมของเด็กอย่างเป็ นระบบ เช่น จะสังเกตเด็กคนใดบา้ งในแต่ละวนักาหนดพฤติกรรมท่ีสงั เกตใหช้ ดั เจน จดั ทาตารางกาหนดการสงั เกตเด็กเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม ผสู้ อนตอ้ งเลือกสรรพฤติกรรมที่ตรงกบั ระดบั พฒั นาการของเด็กคนน้นั จริงๆ ๒. ในกรณีที่หอ้ งเรียนมีนกั เรียนจานวนมาก ผสู้ อนอาจเลือกสังเกตเฉพาะเด็กท่ีทาไดด้ ีแลว้ และเด็กท่ียงั ทาไม่ได้ ส่วนเดก็ ปานกลางใหถ้ ือวา่ ทาไดไ้ ปตามกิจกรรม ๓. ผสู้ อนตอ้ งสังเกตจากพฤติกรรม คาพูด การปฏิบตั ิตามข้นั ตอนในระหวา่ งทางาน/กิจกรรม และคุณภาพของผลงาน/ชิ้นงาน ร่องรอยที่นามาใชพ้ จิ ารณาตดั สินผลของการทางานหรือการปฏิบตั ิ ตวั อยา่ งเช่น ๑) เวลาที่ใช้ในการทากิจกรรม/ทางาน ถา้ เด็กไม่ชอบ ไม่ชานาญจะใชเ้ วลามาก มีท่าทางอิดออดไม่กลา้ ไม่เตม็ ใจทางาน ๒) ความต่อเน่ือง ถา้ เด็กยงั มีการหยดุ ชะงกั ลงั เล ทางานไม่ต่อเนื่อง แสดงวา่ เด็กยงั ไม่ชานาญหรือยงั ไม่พร้อม ๓) ความสมั พนั ธ์ ถา้ การทางาน/ปฏิบตั ิน้นั ๆมีความสัมพนั ธ์ต่อเนื่อง ไม่ราบร่ืน ท่าทางมือและเทา้ไม่สัมพนั ธ์กนั แสดงวา่ เดก็ ยงั ไม่ชานาญหรือยงั ไม่พร้อม ท่าท่ีแสดงออกจึงไม่สง่างาม ๔) ความภูมิใจ ถา้ เด็กยงั ไม่ช่ืนชม ก็จะทางานเพียงให้แลว้ เสร็จอย่างรวดเร็ว ไม่มีความภูมิใจในการทางาน ผลงานจึงไม่ประณีต ๒.๓.๑ ระดับคุณภาพผลการประเมินพฒั นาการเด็ก การให้ระดบั คุณภาพผลการประเมินพฒั นาการของเด็กท้งั ในระดบั ช้นั เรียนและระดบั สถานศึกษาควรกาหนดในทิศทางหรือรูปแบบเดียวกนั สถานศึกษาสามารถให้ระดบั คุณภาพผลการประเมินพฒั นาการของเด็กที่สะทอ้ นมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ตวั บ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์ หรือพฤติกรรมท่ีจะประเมิน เป็ นระบบตัวเลข เช่น ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ หรือเป็ นระบบที่ใช้คาสาคัญ เช่น ดี พอดี หรือ ควรส่ งเสริม ตามที่สถานศึกษากาหนด ตวั อยา่ งเช่น

ระบบตวั เลข ระบบท่ีใชค้ าสาคญั๓ ดี๒ พอใช้๑ ควรส่งเสริมสถานศึกษาอาจกาหนดระดบั คุณภาพของการแสดงออกในพฤติกรรม เป็น ๓ ระดบั ดงั น้ีระดบั คุณภาพ ระบบที่ใชค้ าสาคญั๑ หรือ ควรส่งเสริม เดก็ มีความลงั เล ไมแ่ น่ใจ ไม่ยอมปฏิบตั ิกิจกรรม ท้งั น้ี เนื่องจากเดก็ ยงั ไม่พร้อม ยงั มนั่ ใจ และกลวั ไมป่ ลอดภยั ผสู้ อนตอ้ งยว่ั ยหุ รือแสดงให้เห็นเป็ นตวั อยา่ งหรือตอ้ ง คอยอยใู่ กลๆ้ ค่อยๆใหเ้ ดก็ ทาทีละข้นั ตอน พร้อมตอ้ งใหก้ าลงั ใจ๒ หรือ พอใช้ เด็กแสดงไดเ้ อง แต่ยงั ไม่คล่อง เด็กกล้าทามากข้ึนผูส้ อนกระตุน้ น้อยลง ผูส้ อน ตอ้ งคอยแกไ้ ขในบางคร้ัง หรือคอยใหก้ าลงั ใจใหเ้ ด็กฝึกปฏิบตั ิมากข้ึน๓ หรือ ดี เด็กแสดงไดอ้ ย่างชานาญ คล่องแคล่ว และภูมิใจ เด็กจะแสดงไดเ้ องโดยไม่ตอ้ ง กระตุน้ มีความสมั พนั ธ์ท่ีดีตวั อยา่ งคาอธิบายคุณภาพพฒั นาการดา้ นร่างกาย : สุขภาพอนามยั พฒั นาการดา้ นร่างกาย : กระโดดเทา้ เดียวระดบั คุณภาพ คาอธิบายคุณภาพ ระดบั คุณภาพ คาอธิบายคุณภาพ๑หรือ ควรส่งเสริม ส่งเสริมความสะอาด ๑หรือ ควรส่งเสริม ทาไดแ้ ต่ไมถ่ ูกตอ้ ง๒ หรือ พอใช้ สะอาดพอใช้ ๒ หรือ พอใช้ ทาไดถ้ ูกตอ้ ง แต่ไมค่ ล่องแคล่ว๓ หรือ ดี สะอาด ๓ หรือ ดี ทาไดถ้ ูกตอ้ ง และคล่องแคล่วพฒั นาการดา้ นอารมณ์ : ประหยดัระดบั คุณภาพ คาอธิบายคุณภาพ๑หรือ ควรส่งเสริม ใชส้ ่ิงของเคร่ืองใชเ้ กินความจาเป็น๒ หรือ พอใช้ ใชส้ ิ่งของเคร่ืองใชอ้ ยา่ งประหยดั เป็นบางคร้ัง๓ หรือ ดี ใชส้ ่ิงของเคร่ืองใชอ้ ยา่ งประหยดั ตามความจาเป็นทุกคร้ังพฒั นาการดา้ นสังคม : ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลงระดบั คุณภาพ คาอธิบายคุณภาพ๑หรือ ควรส่งเสริม ไมป่ ฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง๒ หรือ พอใช้ ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง โดยมีผชู้ ้ีนาหรือกระตุน้๓ หรือ ดี ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลงไดด้ ว้ ยตนเองพฒั นาการดา้ นสติปัญญา : เขียนชื่อตนเองตามแบบระดบั คุณภาพ คาอธิบายคุณภาพ๑หรือ ควรส่งเสริม เขียนช่ือตนเองไมไ่ ด้ หรือเขียนเป็นสญั ลกั ษณ์ที่ไม่เป็นตวั อกั ษร

๒ หรือ พอใช้ เขียนช่ือตนเองได้ มีอกั ษรบางตวั กลบั หวั กลบั ดา้ นหรือสลบั ท่ี๓ หรือ ดี เขียนชื่อเองได้ ตวั อกั ษรไมก่ ลบั หวั ไมก่ ลบั ดา้ นไม่สลบั ที่ ๒.๓.๒ การสรุปผลการประเมินพฒั นาการเดก็ หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ กาหนดเวลาเรียนสาหรับเด็กปฐมวยั ต่อปี การศึกษาไม่นอ้ ยกวา่ ๑๘๐ วนั สถานศึกษาจึงควรบริหารจดั การเวลาท่ีไดร้ ับน้ีใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดตอ่ การพฒั นาเด็กอยา่ งรอบดา้ นและสมดุล ผสู้ อนควรมีเวลาในการพฒั นาเดก็ และเติมเตม็ ศกั ยภาพของแดก็ เพ่อื ใหก้ ารจดั ประสบการณ์การเรียนรู้มีประสิทธิภาพ ผสู้ อนตอ้ งตรวจสอบพฤติกรรมท่ีแสดงพฒั นาการของเด็กต่อเนื่องมีการประเมินซ้าพฤติกรรมน้นั ๆอยา่ งนอ้ ย ๑ คร้ังต่อภาคเรียน เพ่ือยนื ยนั ความเชื่อมน่ั ของผลการประเมินพฤติกรรมน้นั ๆ และนาผลไปเป็ นขอ้ มูลในการสรุปการประเมินสภาพท่ีพึงประสงค์ของเด็กในแต่ละสภาพที่พึงประสงค์ นาไปสรุปการประเมินตวั บ่งช้ีและมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงคต์ ามลาดบั อน่ึง การสรุประดบั คุณภาพของการประเมินพฒั นาการเด็ก วิธีการทางสถิติที่เหมาะสมและสะดวกไม่ยงุ่ ยากสาหรับผสู้ อน คือการใช้ฐานนิยม (Mode) ในบางคร้ังพฤติกรรม หรือสภาพที่พึงประสงคห์ รือตวั บ่งช้ีนิยมมากวา่ ๑ ฐานนิยม ใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษา กล่าวคือ เม่ือมีระดบั คุณภาพซ้ามากกวา่ ๑ ระดบั สถานศึกษาอาจตดั สินสรุปผลการประเมินพฒั นาการบนพ้นื ฐาน หลกั พฒั นาการและการเตรียมความพร้อม หากเป็ นภาคเรียนที่๑ สถานศึกษาควรเลือกตดั สินใจใช้ฐานนิยมที่มีระดับคุณภาพต่ากว่าเพ่ือใชเ้ ป็ นขอ้ มูลในการพฒั นาเด็กให้พร้อมมากข้ึน หากเป็ นภาคเรียนที่ ๒ สถานศึกษาควรเลือกตดั สินใจใชฐ้ านนิยมท่ีมีระดบั คุณภาพสูงกวา่ เพ่ือตดั สินและการส่งตอ่ เด็กในระดบั ช้นั ที่สูงข้ึน ๒.๓.๓ การเลอ่ื นช้ันอนุบาลและเกณฑ์การจบการศึกษาระดับปฐมวยั เมื่อสิ้นปี การศึกษา เด็กจะไดร้ ับการเลื่อนช้นั โดยเด็กตอ้ งได้รับการประเมินมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ท้งั ๑๒ ขอ้ ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั เพ่ือเป็ นข้อมูลในการส่งต่อยอดการพฒั นาให้กับเด็กในระดบั สูงข้ึนตอ่ ไป และเน่ืองจากการศึกษาระดบั อนุบาลเป็ นการจดั การศึกษาข้นั พ้ืนฐานท่ีไม่นบั เป็ นการศึกษาภาคบงั คบั จึงไม่มีการกาหนดเกณฑ์การจบช้นั อนุบาล การเทียบโนการเรียน และเกณฑ์การเรียนซ้าช้นั และหากเด็กมีแนวโนม้ วา่ จะมีปัญหาต่อการเรียนรู้ในระดบั ท่ีสูงข้ึน สถานศึกษาอาจต้งั คณะกรรมการเพื่อพิจารณาปัญหา และประสานกบั หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งในการให้ความช่วยเหลือ เช่น เจา้ หนา้ ท่ีสาธารณสุขส่งเสริมตาบล นกั จิตวิทยาฯลฯ เขา้ ร่วมดาเนินงานแกป้ ัญหาได้ อยา่ งไรกต็ าม ทกั ษะท่ีนาไปสู่ความพร้อมในการเรียนรู้ที่สามารถใชเ้ ป็นรอยเช่ือมตอ่ ระหวา่ งช้นั อนุบาลกบัช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี ๑ ที่ควรพิจารณามีทกั ษะดงั น้ี ๑. ทกั ษะการช่วยเหลือตนเอง ไดแ้ ก่ ใชห้ อ้ งน้า หอ้ งส้วมไดด้ ว้ ยตนเอง แต่งกายไดเ้ อง เก็บของเขา้ ท่ีเม่ือเล่นเสร็จและช่วยทาความสะอาด รู้จกั ร้องขอใหช้ ่วยเม่ือจาเป็น ๒. ทกั ษะการใชก้ ลา้ มเน้ือใหญ่ ไดแ้ ก่ วงิ่ ไดอ้ ยา่ งราบร่ืน วิ่งกา้ วกระโดดได้ กระดว้ ยสองขาพน้ จากพ้ืน ถือจบั ขวา้ ง กระดอนลูกบอลได้

๓. ทกั ษะการใชก้ ลา้ มเน้ือเล็ก ไดแ้ ก่ ใชม้ ือหยิบจบั อุปกรณ์วาดภาพและเขียน วาดภาพคนมีแขน ขา และส่วนตา่ งๆของร่างกาย ตดั ตามรอยเส้นและรูปตา่ งๆ เขียนตามแบบอยา่ งได้ ๔. ทกั ษะภาษาการรู้หนงั สือ ไดแ้ ก่ พดู ใหผ้ อู้ ื่นเขา้ ใจได้ ฟังและปฏิบตั ิตามคาช้ีแจงงง่ายๆ ฟังเรื่องราวและคาคลอ้ งจองตา่ งๆอยา่ งสนใจ เขา้ ร่วมฟังสนทนาอภิปรายในเรื่องต่างๆ รู้จกั ผลดั กนั พูดโตต้ อบ เล่าเรื่องและทบทวนเรื่องราวหรือประสบการณ์ต่างๆ ตามลาดบั เหตุการณ์เล่าเรื่องจากหนงั สือภาพอยา่ งเป็ นเหตุเป็ นผล อ่านหรือจดจาคาบางคาท่ีมีความหมายต่อตนเอง เขียนช่ือตนเองได้ เขียนคาท่ีมีความหมายตอ่ ตนเอง ๕. ทกั ษะการคิด ไดแ้ ก่ แลกเปล่ียนความคิดและใหเ้ หตุผลได้ จดจาภาพและวสั ดุท่ีเหมือนและต่างกนั ได้ใชค้ าใหม่ๆในการแสดงความคิด ความรู้สึก ถามและตอบคาถามเก่ียวกบั เรื่องที่ฟังเปรียบเทียบจานวนของวตั ถุ ๒กลุ่ม โดยใชค้ า “มากกวา่ ” “นอ้ ยกวา่ ” “เทา่ กนั ” อธิบายเหตุการณ์/เวลา ตามลาดบั อยา่ งถูกตอ้ ง รู้จกั เช่ือมโยงเวลากบักิจวตั รประจาวนั ๖. ทกั ษะทางสังคมและอารมณ์ ไดแ้ ก่ ปรับตวั ตามสภาพการณ์ ใชค้ าพูดเพื่อแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ นงั่ ไดน้ าน ๕-๑๐ นาที เพื่อฟังเรื่องราวหรือทากิจกรรม ทางานจนสาเร็จ ร่วมมือกบั คนอื่นและรู้จกั ผลดั กนั เล่น ควบคุมอารมณ์ตนเองไดเ้ ม่ือกงั วลหรือต่ืนเตน้ หยดุ เล่นและทาในส่ิงท่ีผใู้ หญต่ อ้ งการใหท้ าได้ ภูมิใจในความสาเร็จของตนเอง๓. การายงานผลการประเมนิ พฒั นาการ การรายงานผลการประเมินพฒั นาการเป็นการส่ือสารใหพ้ อ่ แม่ ผปู้ กครองไดร้ ับทราบความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ของเดก็ ซ่ึงสถานศึกษาตอ้ งสรุปผลการประเมินพฒั นาการ และจดั ทาเอกสารรายงานใหผ้ ปู้ กครองทราบเป็ นระยะๆ หรืออยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ ๑ คร้ัง การรายงานผลการประเมินพฒั นาการสามารถรายงานเป็ นระดบั คุณภาพที่แตกต่างไปตามพฤติกรรมท่ีแสดงออกถึงพฒั นาการแตล่ ะดา้ น ท่ีสะทอ้ นมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงคท์ ้งั ๑๒ ขอ้ ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ๓.๑ จุดม่งุ หมายการรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการ ๑) เพ่ือให้ผูเ้ กี่ยวขอ้ ง พ่อ แม่ และผูป้ กครองใช้เป็ นขอ้ มูลในการปรับปรุงแกไ้ ข ส่งเสริม และพฒั นาการเรียนรู้ของเดก็ ๒) เพื่อใหผ้ สู้ อนใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการวางแผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ ๓) เพื่อเป็ นขอ้ มูลสาหรับสถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศึกษา และหน่วยงานตน้ สังกดั ใชป้ ระกอบในการกาหนดนโยบายวางแผนในการพฒั นาคุณภาพการศึกษา ๓.๒ ข้อมูลในการรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการ ๓.๒.๑ ข้อมูลระดับช้ันเรียน ประกอบด้วย เวลาเรียนแบบบนั ทึกการประเมินพฒั นาการตามหน่วยการจดั ประสบการณ์ สมุดบนั ทึกผลการประเมินพฒั นาการประจาช้นั และสมุดรายงานประจาตวั นกั เรียนและสารนิทัศน์ท่ีสะท้อนการเรียนรู้ของเด็ก เป็ นข้อมูลสาหรับรายงานให้ผูม้ ีส่วนเก่ียวข้อง ได้แก่ ผูบ้ ริหาร

สถานศึกษา ผสู้ อน และผปู้ กครอง ไดร้ ับทราบความกา้ วหน้า ความสาเร็จในการเรียนรู้ของเด็กเพ่ือนาไปในการวางแผนกาหนดเป้ าหมายและวธิ ีการในการพฒั นาเดก็ ๓.๒.๒ ข้อมูลระดับสถานศึกษา ประกอบดว้ ย ผลการประเมินมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ท้งั ๑๒ ขอ้ ตามหลกั สูตร เพือ่ ใชเ้ ป็นขอ้ มลู และสารสนเทศในการพฒั นาการจดั ประสบการณ์การเรียนการสอนและคุณภาพของเดก็ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงคแ์ ละแจง้ ใหผ้ ปู้ กครอง และผเู้ กี่ยวขอ้ งไดร้ ับทราบขอ้ มูล โดยผูม้ ีหน้าที่รับผิดชอบแต่ละฝ่ ายนาไปปรับปรุงแก้ไขและพฒั นาเด็กให้เกิดพฒั นาการอย่างถูกต้องเหมาะสม รวมท้งั นาไปจดั ทาเอกสารหลกั ฐานแสดงพฒั นาการของผเู้ รียน ๓.๒.๓ ข้อมูลระดับเขตพืน้ ที่การศึกษา ไดแ้ ก่ ผลการประเมินมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ท้งั ๑๒ ขอ้ ตามหลกั สูตรเป็ นรายสถานศึกษา เพ่ือเป็ นขอ้ มูลที่ศึกษานิเทศก์/ผูเ้ ก่ียวขอ้ งใชว้ างแผนและดาเนินการพฒั นาคุณภาพการศึกษาปฐมวยั ของสถานศึกษาในเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เพื่อให้เกิดการยกระดบั คุณภาพเด็กและมาตรฐานการศึกษา ๓.๓ ลกั ษณะข้อมูลสาหรับการรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการ การรายงานผลการประเมินพฒั นาการ สถานศึกษาสามารถเลือกลกั ษณะขอ้ มูลสาหรับการรายงานไดห้ ลายรูปแบบให้เหมาะสมกบั วิธีการรายงานและสอดคลอ้ งกบั การให้ระดบั ผลการประเมินพฒั นาการโดยคานึงถึงประสิทธิภาพของการรายงานและการนาขอ้ มูลไปใชป้ ระโยชน์ของผรู้ ายงานแต่ละฝ่ ายลกั ษณะขอ้ มูลมีรูปแบบดงั น้ี ๓.๓.๑ รายงานเป็ นตวั เลข หรือคาที่เป็ นตวั แทนระดบั คุณภาพพฒั นาการของเด็กท่ีเกิดจากการประมวลผล สรุปตดั สินขอ้ มูลผลการประเมินพฒั นาการของเดก็ ไดแ้ ก่ - ระดบั ผลการประเมินพฒั นาการมี ๓ ระดบั คือ ๓ ๒ ๑ - ผลการประเมินคุณภาพ “ดี” “พอใช”้ และ “ควรส่งเสริม” ๓.๓.๒ รายงานโดยใชส้ ถิติ เป็ นรายงานจากขอ้ มูลที่เป็ นตวั เลข หรือขอ้ ความใหเ้ ป็ นภาพแผนภูมิหรือเส้นพฒั นาการ ซ่ึงจะแสดงใหเ้ ห็นพฒั นาการความกา้ วหนา้ ของเด็กวา่ ดีข้ึน หรือควรไดร้ ับการพฒั นาอยา่ งไรเม่ือเวลาเปล่ียนแปลงไป ๓.๓.๓ รายงานเป็ นขอ้ ความ เป็ นการบรรยายพฤติกรรมหรือคุณภาพท่ีผูส้ อนสังเกตพบ เพื่อรายงานใหท้ ราบวา่ ผเู้ ก่ียวขอ้ ง พอ่ แม่ และผปู้ กครองทราบวา่ เด็กมีความสามารถ มีพฤติกรรมตามคุณลกั ษณะที่พึงประสงคต์ ามหลกั สูตรอยา่ งไร เช่น - เดก็ รับลูกบอลที่กระดอนจากพ้ืนดว้ ยมือท้งั ๒ ขา้ งไดโ้ ดยไม่ใชล้ าตวั ช่วยและลูกบอลไมต่ กพ้ืน - เด็กแสดงสีหนา้ ทา่ ทางสนใจ และมีความสุขขณะทางานทุกช่วงกิจกรรม - เดก็ เล่นและทางานคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ - เดก็ จบั หนงั สือไมก่ ลบั หวั เปิ ด และทาทา่ ทางอา่ นหนงั สือและเล่าเรื่องได้ ๓.๔ เป้ าหมายของการรายงาน การดาเนินการจดั การศึกษาปฐมวยั ประกอบด้วย บุคลากรหลายฝ่ ายร่วมมือประสานงานกนัพฒั นาเดก็ ทางตรงและทางออ้ ม ใหม้ ีพฒั นาการ ทกั ษะ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลกั ษณะที่

พึงประสงค์โดยผูม้ ีส่วนร่วมเก่ียวขอ้ งควรไดร้ ับการายงานผลการประเมินพฒั นาการของเด็กเพื่อใชเ้ ป็ นขอ้ มูลในการดาเนินงาน ดงั น้ีกลุ่มเป้ าหมาย การใชข้ อ้ มูลผสู้ อน -วางแผนและดาเนินการปรับปรุงแกไ้ ขและพฒั นาเดก็ -ปรับปรุงแกไ้ ขและพฒั นาการจดั การเรียนรู้ผบู้ ริหารสถานศึกษา -ส่งเสริมพฒั นากระบวนการจดั การเรียนรู้ระดบั ปฐมวยั ของสถานศึกษาพอ่ แม่ และผปู้ กครอง -รับทราบผลการประเมินพฒั นาการของเด็ก -ปรับปรุงแกไ้ ขและพฒั นาการเรียนรู้ของเดก็ รวมท้งั การดูแลสุขภาพอนามยั ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และพฤติกรรมตา่ งๆของเดก็ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร -พฒั นาแนวทางการจดั การศึกษาปฐมวยั สถานศึกษาสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานส า นั ก ง า น เ ข ต พ้ื น ที่ -ยกระดบั และพฒั นาคุณภาพการศึกษาปฐมวยั ของสถานศึกษาในเขตพ้นื ที่การศึกษาการศึกษา/หน่วยงานต้น นิเทศ กากบั ติดตาม ประเมินผลและใหค้ วามช่วยเหลือการพฒั นาคุณภาพการศึกษาสังกดั ปฐมวยั ของสถานศึกษาในสงั กดั๓.๕ วธิ ีการรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการการรายงานผลการประเมินพฒั นาการใหผ้ เู้ กี่ยวขอ้ งรับทราบ สามารถดาเนินการ ไดด้ งั น้ี ๓.๕.๑ การรายงานผลการประเมินพัฒนาการในดอกสารหลักฐานการศึกษา ขอ้ มูลจากแบบรายงาน สามารถใชอ้ า้ งอิง ตรวจสอบ และรับรองผลพฒั นาการของเด็ก เช่น - แบบบนั ทึกผลการประเมินพฒั นาการประจาช้นั - แฟ้ มสะสมงานของเด็กรายบุคคล -สมุดรายงานประจาตวั นกั เรียน -สมุดบนั ทึกสุขภาพเด็ก ฯลฯ ๓.๕.๒ การรายงานคุณภาพการศึกษาปฐมวยั ให้ผู้เกยี่ วข้องทราบ สามารถรายงานไดห้ ลายวธิ ี เช่น - รายงานคุณภาพการศึกษาปฐมวยั ประจาปี - วารสาร/จุลสารของสถานศึกษา -จดหมายส่วนตวั -การใหค้ าปรึกษา -การใหพ้ บครูที่ปรึกษาหรือการประชุมเครือข่ายผปู้ กครอง - การใหข้ อ้ มูลทางอินเตอร์เน็ตผา่ นเวป็ ไซตข์ องสถานศึกษาภารกจิ ของผู้สอนในการประเมนิ พฒั นาการ

การประเมินพฒั นาการตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั ท่ีมีคุณภาพและประสิทธิภาพน้ัน เกิดข้ึนในหอ้ งเรียนและระหวา่ งการจดั กิจกรรมประจาวนั และกิจวตั รประจาวนั ผสู้ อนต้องไม่แยกการประเมินพัฒนาการออกจากการจัดประสบการณ์ตามตารางประจาวัน ควรมีลกั ษณะการประเมินพฒั นาการในช้ันเรียน (ClassroomAssessment) ซ่ึงหมายถึง กระบวนการและการสังเกต การบันทึกและรวบรวมข้อมูลจากการปฏิบตั ิกิจวตั รประจาวนั /กิจกรรมประจาวนั ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ผสู้ อนควรจดั ทาขอ้ มูลหลกั ฐานหรือเอกสารอยา่ งเป็นระบบ เพ่ือเป็นหลกั ฐานแสดงใหเ้ ห็นร่องรอยของการเจริญเติบโตพฒั นาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวยัแลว้ นามาวิเคราะห์ ตีความ บนั ทึกขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการประเมินพฒั นาการว่าเด็กรู้อะไร สามารถทาอะไรได้ และจะทาต่อไปอยา่ งไร ดว้ ยวิธีการและเครื่องมือท่ีหลากหลายท้งั ท่ีเป็ นทางการและไม่เป็ นทางการ ท้งั น้นั การดาเนินการดงั กล่าวเกิดข้ึนตลอดระยะเวลาของการปฏิบตั ิกิจวตั รประจาวนั /กิจกรรมประจาวนั และการจดั ประสบการณ์เรียนรู้ ดงั น้นั ขอ้ มูลท่ีเกิดจากการประเมินท่ีมีคุณภาพเท่าน้นั จึงสามารถนาไปใช้ประโยชน์ ตรงตามเป้ าหมายผสู้ อนจาเป็ นตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจอยา่ งถ่องแทใ้ นหลกั การ แนวคิด วิธีดาเนินงานในส่วนต่างๆท่ีเกี่ยวขอ้ งกบัหลกั สูตรการจดั ประสบการเรียนรู้ เพื่อสามารถนาไปใชใ้ นการวางแผนและออกแบบการประเมินพฒั นาการได้อย่างมีประสิทธิภาพบนพ้ืนฐานการประเมินพฒั นาการในช้ันเรียนที่มีความถูกตอ้ ง ยุติธรรม เช่ือถือได้ มีความสมบูรณ์ ครอบคลุมตามจุดหมายของหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั สะทอ้ นผลและสภาพความสาเร็จเมื่อเปรียบเทียบกบั เป้ าหมายของการดาเนินการจดั การศึกษาปฐมวยั ท้งั ในระดบั นโยบาย ระดบั ปฏิบตั ิการ และผมู้ ีส่วนเกี่ยวขอ้ งต่อไป๑. ข้นั ตอนการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั การประเมินพฒั นาการเด็กของผสู้ อนระดบั ปฐมวยั จะมีข้นั ตอนสาคญั ๆคลา้ ยคลึงกบั การประเมินการศึกษาทวั่ ไป ข้นั ตอนต่างๆอาจปรับลด หรือเพ่มิ ไดต้ ามความเหมาะสมกบั บริบทของสถานศึกษาและสอดคลอ้ งกบั การจดัประสบการณ์ หรืออาจสลบั ลาดบั ก่อนหลงั ไดบ้ า้ ง ข้นั การประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวยั โดยสรุปควรมี ๖ ข้นั ตอนดงั น้ี ข้นั ตอนที่ ๑ การวเิ คราะห์มาตรฐานคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ ตวั บ่งช้ี และสภาพท่ีพึงประสงค์ ตวั บ่งช้ี และสภาพท่ีพึงประสงค์ที่สัมพนั ธ์กบั หน่วยการจดั ประสบการณ์ต่างๆ อนั จะเป็ นประโยชน์ในการดาเนินงานการประเมินพฒั นาการอยา่ งเป็นระบบและครอบคลุมทวั่ ถึง ข้นั ตอนท่ี ๒ การกาหนดส่ิงท่ีจะประเมินและวิธีการประเมิน ในข้นั ตอนน้ีสิ่งท่ีผูส้ อนต้องทาคือ การกาหนดการประเด็นการประเมิน ไดแ้ ก่ สภาพท่ีพึงประสงคใ์ นแต่ละวยั ของเด็กท่ีเกิดจากกาจดั ประสบการณ์ในแต่การจดั ประสบการณ์ มากาหนดเป็ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้ จุดประสงคย์ ่อยของกิจกรรมตามตารางประจาวนั ๖กิจกรรมหลกั หรือตามรูปแบบการจดั ประสบการณ์ท่ีกาหนด ผสู้ อนตอ้ งวางแผนและออกแบบวธิ ีการประเมินใหเ้ หมาะสมกบั กิจกรรม บางคร้ังอาจใชก้ ารสงั เกตพฤติกรรม การประเมินผลงาน/ชิ้นงาน การพดู คุยหรือสัมภาษณ์เดก็ เป็นตน้ ท้งั น้ีวธิ ีการท่ีผสู้ อนเลือกใชต้ อ้ งมีความหมายหลากหลาย หรือมากวา่ ๒ วธิ ีการ ข้นั ตอนท่ี ๓ การสร้างเครื่องมือและเกณฑ์การประเมิน ในข้นั ตอนน้ี ผูส้ อนจะตอ้ งกาหนดเกณฑ์การประเมินพฒั นาการให้สอดคลอ้ งกบั พฤติกรรมที่จะประเมินในข้นั ตอนท่ี ๒ อาจใช้แนวทางการกาหนดเกณฑ์ที่กล่าวมาแล้วขา้ งตน้ ในส่วนท่ี ๒ เป็ นเกณฑ์การประเมินแยกส่วนของแต่ละพฤติกรรมและเกณฑ์สรุปผลการ

ประเมิน พร้อมกับจดั ทาแบบบนั ทึกผลการสังเกตพฤติกรรมตามสภาพที่พึงประสงค์ของแต่ละหน่วยการจดัประสบการณ์น้นั ๆ ข้นั ตอนท่ี ๔ การดาเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูล เป็ นข้นั ตอนท่ีผูส้ อนออกแบบ/วางแผนและทาการสังเกตพฤติกรรมของเด็กเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม การพดู คุยหรือการสัมภาษณ์เด็ก หรือการประเมินผลงาน/ชิ้นงานของเด็กอยา่ งเป็นระบบ เพ่อื รวบรวมขอ้ มูลพฒั นาการของเด็กให้ทว่ั ถึงครบทุกคน สอดคลอ้ งและตรงประเด็นการประเมินท่ีวางแผนไวใ้ นข้นั ตอนท่ี ๔ บนั ทึกลงในเคร่ืองมือท่ีผสู้ อนพฒั นาหรือจดั เตรียมไว้ การบนั ทึกผลการประเมินพฒั นาการตามสภาพที่พึงประสงค์ของแต่ละหน่วยการจดั ประสบการณ์น้ันผสู้ อนเป็นผปู้ ระเมินเดก็ เป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม อาจใหร้ ะดบั คุณภาพ ๓ หรือ ๒ หรือ ๑ หรือใหค้ าสาคญัท่ีเป็ นคุณภาพ เช่น ดี พอใช้ ควรส่งเสริม ก็ได้ ท้งั น้ีควรเป็ นระบบเดียวกนั เพื่อสะดวกในการวิเคราะห์ขอ้ มูลและแปลผลการประเมินพฒั นาการเด็ก ในระยะตน้ ควรเป็ นการประเมินเพ่ือความกา้ วหนา้ ไม่ควรเป็ นการประเมินเพื่อตดั สิ้นพฒั นาการเด็ก หากผลการประเมินพบวา่ เด็กอยใู่ นระดบั ๑ พฤติกรรมหน่ึงพฤติกรรมใดผสู้ อนตอ้ งทาความเขา้ ใจว่าเด็กคนน้นั มีพฒั นาการเร็วหรือช้า ผสู้ อนจะตอ้ งจดั ประสบการณ์ส่งเสริมในหน่วยการจดั ประสบการณ์ต่อไปอยา่ งไร ดงั น้ัน การเก็บรวบรวมขอ้ มูลผลการประเมินพฒั นาการในแต่ละหน่วยการจดั ประสบการณ์ของผสู้ อน จึงเป็ น การสะสมหรือรวบรวมข้อมูลผลการประเมินพฒั นาการของเด็กรายบุคคล หรือรายกลุ่มนน่ั เอง เม่ือผสู้ อนจดั ประสบการณ์ครบทุกหน่วยการจดั ประสบการณ์ตามที่วเิ คราะห์สาระการเรียนรู้รายปี ของแต่ละภาคเรียน ข้นั ตอนที่ ๕ การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและแปลผล ในข้นั ตอนน้ี ผสู้ อนท่ีเป็นผปู้ ระเมิน ควรดาเนินดาร ดงั น้ี ๑) การวเิ คราะห์และแปลผลการประเมินพฒั นาการเม่ือสิ้นสุดหน่วยการจดั ประสบการณ์ ผูส้ อนจะบนั ทึกผลการประเมินพฒั นาการของเด็กลงในแบบบนั ทึกผลการสังเกตพฤติกรรมตามสภาพท่ีพึงประสงคข์ องหน่วยการจดั ประสบการณ์หน่วยที ๑ จนถึงหน่วยสุดทา้ ยของภาคเรียน ๒) การวิเคราะห์และแปลผลการประเมินประจาภาคเรียนหรือภาคเรียนท่ี ๒ เมื่อสิ้นปี การศึกษาผสู้ อนจะนาผลการประเมินพฒั นาการสะสมที่รวบรวมไวจ้ ากทุกหน่วยการเรียนรู้สรุปลงในสมุดบนั ทึกผลประเมินพฒั นาการประจาช้นั และสรุปผลพฒั นาการรายดา้ นท้งั ช้นั เรียน ข้นั ตอนท่ี ๖ การสรุปรายงานผลและการนาข้อมูลไปใช้ เป็ นข้นั ตอนที่ผูส้ อนซ่ึงเป็ นครูประจาช้ันจะสรุปผลเพื่อตดั สินพฒั นาการของเด็กปฐมวยั เป็ นรายตวั บ่งช้ีรายมาตรฐานและพฒั นาการท้งั ๔ ดา้ น เพ่ือนาเสนอผูบ้ ริหารสถานศึกษาอนุมตั ิการตดั สิน และแจง้ คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พร้อมกบั ครูประจาช้นั จะจดั ทารายงานผลการประเมินประจาตวั นกั เรียน นาขอ้ มูลไปใชส้ รุปผลการประเมินคุณภาพเด็ก ของระบบประกนัคุณภาพภายในของสถานศึกษาเม่ือสิ้นภาคเรียนท่ี ๒ หรือเมื่อสิ้นปี การศึกษา ข้นั ตอนการประเมินพฒั นาการเดก็ สรุปไดต้ ามแผนภาพ

แผนภาพ ข้นั ตอนการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยัหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั การประเมินพฒั นาการ มาตรกฐารานจดั ประสบการณ์สาคญั ๑.การวิเคราะหม์ าตรฐาน ตวั คุณลกั ษณะทีพึงประสงค์ บ่งช้ี และสภาพท่ีพึงประสงค์ตวั บง่ ชี ้ ๒.กาหนดสิ่งท่ีจะประเมิน และวิธีการประเมินสภาพที่พึงประสงค์ หน่วยการเรียนรู้ประสบการณ์สาคญั ๓.สร้างเคร่ืองมือและเกณฑ์ การประเมิน แผนการจดั ประสบการณ์ ๔.ดาเนินการเกบ็ รวบรวม ขอ้ มลู -วตั ถุประสงค์ -กิจกรรม ๕.การวิเคราะห์ขอ้ มลู และ -ส่ือ วสั ดุ แปลผล -การวดั และประเมินพฒั นาการ -บนั ทึกการจดั กิจกรรม/ ๖.การสรุปรายงานผลและ การประเมินพฒั นาการ การนาขอ้ มลู ไปใช้

รายละเอียดการดาเนินงานแต่ละข้นั ตอน มีดงั น้ีข้นั ตอนท่ี ๑ การวิเคราะห์มาตรฐาน ตวั บ่งช้ี และสภาพที่พึงประสงคต์ ามหลกั สูตรสถานศึกษา โดยนาขอ้ มูลจากการวิเคราะห์การเรียนรู้รายปี ในหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั มาตรวจสอบความถี่ของตวั บ่งช้ี และสภาพที่พึงประสงคว์ า่ เกิดข้ึนกบั เด็กตามหน่วยการจดั ประสบการณ์เรียนรู้ใดบา้ ง ข้นั ตอนท่ี ๑.๑ การวเิ คราะห์สาระการเรียนรู้รายปี ของโรงเรียน ข้นั ตอนที่ ๑.๒ ตรวจสอบความถ่ีเพื่อตรวจสอบจานวนคร้ังของตวั บ่งช้ี สภาพที่พึงประสงคว์ า่ วางแผนให้เกิดพฒั นาการในหน่วยการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ใดบา้ งจากหลกั สูตรสถานศึกษา ข้นั ตอนท่ี ๒ กาหนดส่ิงที่ประเมินและวิธีการประเมิน โดยกาหนดสภาพท่ีพึงประสงคท์ ่ีวิเคราะห์ไวใ้ นข้นั ตอนท่ี ๑.๒ มากาหนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใน ๖ กิจกรรมหลกั ๒.๑ การเขียนหรือกาหนดจุดประสงคก์ ารเรียนของหน่วยการจดั ประสบการณ์ ๒.๒ การวางแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู ข้นั ตอนที่ ๓ การสร้างเคร่ืองมือและเกณฑ์การประเมิน ผสู้ อนจะตอ้ งกาหนดเกณฑก์ ารประเมินพฒั นาการเด็กให้สอดคลอ้ งกบั พฤติกรรมท่ีจะประเมินตามแผนการจดั กิจกรรม พร้อมทาเกณฑ์การประเมินและสรุปผลการประเมิน พร้อมจดั ทาแบบบนั ทึกผลหลงั สอนประจาหน่วยการจดั ประสบการณ์ ข้นั ตอนที่ ๔ การดาเนินการเป็ นการรวบรวมขอ้ มูล ข้นั ตอนน้ี ผูส้ อนที่ทาหน้าที่เป็ นผูป้ ระเมินโดยการสังเกตพฤติกรรมของเด็กรายบุคคล รายกลุ่ม การพูดคุยหรือสัมภาษณ์เด็ก หรือการประเมินผลงานชิ้นงานของเด็กอย่างเป็ นระบบ ไปพร้อมๆกบั กิจกรรมให้เด็ก เพื่อรวบรวมขอ้ มูลพฒั นาการของเด็กทุกคน และบนั ทึกลงแบบบนั ทึกผลหลงั สอนประจาหน่วยการจดั ประสบการณ์ ที่จดั เตรียมไว้ ข้นั ตอนท่ี ๕ การวิเคราะห์ขอ้ มูลและแปลผลเม่ือสิ้นสุดหน่วยการจดั ประสบการณ์ ผสู้ อนจะตรวจสอบความครบถ้วน สมบูรณ์ของผลการประเมินในแบบบันทึกผลการประเมินพัฒนาการของเด็กหลังการจัดประสบการณ์ลงในแบบบนั ทึกผลหลงั การจดั ประสบการณ์ประจาหน่วยการจดั ประสบการณ์ และเก็บสะสมเพื่อนาไดส้ รุปผลในการตดั สินพฒั นาการเด็กในภาพรวมเมื่อสิ้นปี การศึกษา โดยผสู้ อนจะนาผลการประเมินพฒั นาสะสมที่รวบรวมไวท้ ุกหน่วยการเรียนรู้ มาสรุปลงในสมุดบนั ทึกผลการประเมินพฒั นาการประจาช้ันและสรุปผลพฒั นาการรายด้านท้งั ช้ันเรียน ท้งั น้ีการสรุปผลการประเมินพฒั นาการ ผูส้ อนควรใช้ ฐานนิยม (Mode) จึงเหมาะสมและสอดคล้องกบั การประเมนิ มากทสี่ ุด ตามท่ีกล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ ข้นั ตอนที่ ๖ การสรุปรายงานผลและการนาขอ้ มูลไปใช้ ครูประจาช้นั จะสรุปผลเพ่ือพฒั นาการของเด็กปฐมวยั เป็ นรายตวั บ่งช้ี รายมาตรฐานและพฒั นาการท้งั ๔ ดา้ น และรายงานต่อผูบ้ ริหารสถานศึกษาอนุมตั ิผลการตดั สินและแจ้งคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พร้อมกบั ครูประจาช้ันจะจดั ทารายงานผลการประเมินพฒั นาการของเด็กรายบุคคล รายภาค และรายปี ตอ่ ผปู้ กครองในสมุดรายงานปราตวั เดก็ นกั เรียน

การบริหารจดั การหลกั สูตร การนาหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั สู่การปฏิบตั ิใหเ้ กิดประสิทธิภาพตามจุดหมายของ หลกั สูตร ผเู้ ก่ียวขอ้ งกบัการบริหารจดั การหลักสูตรในระบบสถานศึกษา ได้แก่ ผูบ้ ริหาร ผูส้ อน พ่อแม่ หรือผูป้ กครอง และชุมชนมีบทบาทสาคญั ยงิ่ ต่อการพฒั นาคุณภาพของเด็ก ๑. บทบาทผู้บริหารสถานศึกษาปฐมวยั ก า ร จัด ก า ร ศึ ก ษ า แ ก่ เ ด็ ก ป ฐ ม วัย ใ น ร ะ บ บ ส ถ า น ศึ ก ษ า ใ ห้ เ กิ ด ป ร ะ สิ ท ธิ ผ ล สู ง สุ ดผบู้ ริหารสถานศึกษาควรมีบทบาท ดงั น้ี ๑.๑ ศึกษาทาความเขา้ ใจหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั และมีวสิ ัยทศั น์ดา้ นการจดั การศึกษาปฐมวยั ๑.๒ คดั เลือกบุคลากรที่ทางานกบั เด็ก เช่น ผสู้ อน พ่ีเล้ียง อยา่ งเหมาะสม โดยคานึงถึงคุณสมบตั ิหลกั ของบุคลากร ดงั น้ี ๑.๒.๑ มีวฒุ ิทางการศึกษาดา้ นการอนุบาลศึกษา การศึกษาปฐมวยั หรือผา่ นการอบรมเก่ียวกบัการจดั การศึกษาปฐมวยั ๑.๒.๒ มีความรักเดก็ จิตใจดี มีอารมณ์ขนั และใจเยน็ ให้ ความเป็นกนั เองกบั เดก็ อยา่ งเสมอภาค ๑.๒.๓ มีบุคลิกของความเป็นผสู้ อน เขา้ ใจและยอมรับธรรมชาติของเด็กตามวยั ๑.๒.๔พดู จาสุภาพเรียบร้อย ชดั เจนเป็นแบบอยา่ งได้ ๑.๒.๕ มีความเป็นระเบียบ สะอาด และรู้จกั ประหยดั ๑.๒.๖ มีความอดทน ขยนั ซ่ือสัตยใ์ นการปฏิบตั ิงานในหนา้ ที่และการปฏิบตั ิต่อเด็ก ๑.๒.๗ มีอารมณ์ร่วมกบั เด็ก รู้จกั รับฟัง พิจารณาเรื่องราวปัญหาต่างๆ ของเด็กและตดั สินปัญหาตา่ งๆอยา่ งมีเหตุผลดว้ ยความ เป็นธรรม ๑.๒.๘ มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตสมบรู ณ์ ๑.๓ ส่งเสริมการจดั บริการทางการศึกษาให้เด็กได้เข้าเรียนอย่างทัว่ ถึง และเสมอภาค และปฏิบตั ิการรับเด็กตามเกณฑท์ ่ีกาหนด ๑.๔ ส่งเสริมใหผ้ สู้ อนและผทู้ ี่ปฏิบตั ิงานกบั เด็กพฒั นาตนเองมีความรู้กา้ วหนา้ อยเู่ สมอ ๑.๕ เป็นผนู้ าในการจดั ทาหลกั สูตรสถานศึกษาโดยร่วมใหค้ วามเห็นชอบ กาหนดวสิ ัยทศั น์ และคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงคข์ องเดก็ ทุกช่วงอายุ ๑.๖ สร้างความร่วมมือและประสานกบั บุคลากรทุกฝ่ ายในการจดั ทาหลกั สูตรสถานศึกษา ๑.๗ จดั ให้มีขอ้ มูลสารสนเทศเก่ียวกบั ตวั เด็ก งานวิชาการหลกั สูตร อยา่ งเป็ นระบบและมีการประชาสมั พนั ธ์หลกั สูตรสถานศึกษา ๑.๘ สนบั สนุนการจดั สภาพแวดลอ้ มตลอดจนสื่อ วสั ดุ อุปกรณ์ท่ีเอ้ืออานวยตอ่การเรียนรู้

๑.๙ นิเทศ กากบั ติดตามการใชห้ ลกั สูตร โดยจดั ใหม้ ีระบบนิเทศภายในอยา่ งมีระบบ ๑.๑๐ กากบั ติดตามใหม้ ีการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาและนาผลจากการประเมินไปใช้ในการพฒั นาคุณภาพเดก็ ๑.๑๑ กากบั ติดตาม ให้มีการประเมินการนาหลกั สูตรไปใช้ เพื่อนาผลจากการประเมินมาปรับปรุงและพฒั นาสาระของหลกั สูตรของสถานศึกษาให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของเด็ก บริบทสังคมและให้มีความทนั สมยั ๒. บทบาทผู้สอนปฐมวยั การพฒั นาคุณภาพเด็กโดยถือวา่ เด็กมีความสาคญั ที่สุด กระบวนการจดั การศึกษาตอ้ งส่งเสริมให้เด็กสามารถพฒั นาตนตามธรรมชาติ สอดคลอ้ งกบั พฒั นาการและเต็มตามศกั ยภาพ ดงั น้ัน ผูส้ อนจึงมีบทบาทสาคญั ยิ่งที่จะทาให้กระบวนการจดั การเรียนรู้ดงั กล่าวบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ ผูส้ อนจึงควรมีบทบาท /หนา้ ท่ี ดงั น้ี ๒.๑ บทบาทในฐานะผ้เู สริมสร้างการเรียนรู้ ๒.๑.๑ จดั ประสบการณ์การเรียนรู้สาหรับเด็กท่ีเด็กกาหนดข้ึนดว้ ยตวั เด็กเองและผสู้ อนกบั เดก็ ร่วมกนั กาหนด โดยเสริมสร้างพฒั นาการเด็กใหค้ รอบคลุมทุกดา้ น ๒.๑.๒ ส่งเสริมใหเ้ ด็กใชข้ อ้ มูลแวดลอ้ ม ศกั ยภาพของตวั เด็ก และหลกั ทางวชิ าการในการผลิตกระทา หรือหาคาตอบในสิ่งที่เดก็ เรียนรู้อยา่ งมีเหตุผล ๒.๑.๓ กระตุน้ ใหเ้ ด็กร่วมคิด แกป้ ัญหา คน้ ควา้ หาคาตอบดว้ ยตนเองดว้ ยวิธีการศึกษาท่ีนาไปสู่การใฝ่ รู้ และพฒั นาตนเอง ๒.๑.๔ จดั สภาพแวดลอ้ มและสร้างบรรยากาศการเรียนที่สร้างเสริมให้เด็กทากิจกรรมได้เตม็ ศกั ยภาพและความแตกต่างของเดก็ แต่ละบุคคล ๒.๑.๕ สอดแทรกการอบรมดา้ นจริยธรรมและค่านิยมท่ีพึงประสงคใ์ นการจดั การเรียนรู้และกิจกรรมต่างๆอยา่ งสม่าเสมอ ๒.๑.๖ ใชก้ ิจกรรมการเล่นเป็นส่ือการเรียนรู้สาหรับเดก็ ให้เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ๒.๑.๗ ใชป้ ฏิสมั พนั ธ์ท่ีดีระหวา่ งผสู้ อนและเด็กในการดาเนินกิจกรรมการเรียนการสอนอยา่ งสม่าเสมอ ๒.๑.๘ จดั การประเมินผลการเรียนรู้ที่สอดคลอ้ งกบั สภาพจริงและนาผลการประเมินมาปรับปรุงพฒั นาคุณภาพเดก็ เตม็ ศกั ยภาพ ๒.๒ บทบาทในฐานะผู้ดูแลเดก็ ๒.๒.๑ สังเกตและส่งเสริมพฒั นาการเด็กทุกด้านท้งั ทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจสงั คม และ สติปัญญา ๒.๒.๒ ฝึกใหเ้ ด็กช่วยเหลือตนเองในชีวติ ประจาวนั ๒.๒.๓ ฝึกใหเ้ ด็กมีความเชื่อมนั่ มีความภมู ิใจในตนเองและกลา้ แสดงออก ๒.๒.๔ ฝึกการเรียนรู้หนา้ ท่ี ความมีวนิ ยั และการมีนิสัยท่ีดี

๒.๒.๕ จาแนกพฤติกรรมเดก็ และสร้างเสริมลกั ษณะนิสัยและแกป้ ัญหาเฉพาะบุคคล ๒.๒.๖ ประสานความร่วมมือระหวา่ งสถานศึกษา บา้ น และชุมชน เพื่อให้เด็กไดพ้ ฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพและมีมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ ๒.๓ บทบาทในฐานะนกั พฒั นาเทคโนโลยกี ารสอน ๒.๓.๑ นานวตั กรรม เทคโนโลยที างการสอนมาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ หมาะสมกบั สภาพบริบทสังคม ชุมชน และทอ้ งถิ่น ๒.๓.๒ ใชเ้ ทคโนโลยแี ละแหล่งเรียนรู้ในชุมชนในการเสริมสร้างการเรียนรู้ใหแ้ ก่เด็ก ๒.๓.๓ จดั ทาวิจยั ในช้นั เรียน เพ่ือนาไปปรับปรุงพฒั นาหลกั สูตร / กระบวนการเรียนรู้และพฒั นาส่ือการเรียนรู้ ๒.๓.๔ พฒั นาตนเองใหเ้ ป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีคุณลกั ษณะของผใู้ ฝ่ รู้มีวิสัยทศั น์และทนั สมยั ทนั เหตุการณ์ในยคุ ของขอ้ มลู ขา่ วสาร ๒.๔ บทบาทในฐานะผบู้ ริหารหลกั สูตร ๒.๔.๑ ทาหน้าที่วางแผนกาหนดหลกั สูตร หน่วยการเรียนรู้ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้การประเมินผลการเรียนรู้ ๒.๔.๒ จดั ทาแผนการจดั ประสบการณ์ที่เนน้ เด็กเป็ นสาคญั ให้เด็กมีอิสระในการเรียนรู้ท้งั กายและใจ เปิ ดโอกาสใหเ้ ด็กเล่น/ทางาน และเรียนรู้ท้งั รายบุคคลและเป็นกลุ่ม ๒.๔.๓ ประเมินผลการใช้หลกั สูตร เพื่อนาผลการประเมินมาปรับปรุงพฒั นาหลกั สูตรใหท้ นั สมยั สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของ ผเู้ รียน ชุมชน และทอ้ งถ่ิน ๓. บทบาทของพอ่ แม่หรือผปู้ กครองเดก็ ปฐมวยั การศึกษาระดบั ปฐมวยั เป็ นการศึกษาที่จดั ใหแ้ ก่เด็กที่ผสู้ อนและพอ่ แม่หรือผปู้ กครองตอ้ งสื่อสารกนั ตลอดเวลา เพ่ือความเขา้ ใจตรงกนั และพร้อมร่วมมือกันในการจดั การศึกษาให้กบั เด็ก ดงั น้ัน พ่อแม่หรือผปู้ กครองควรมีบทบาทหนา้ ท่ี ดงั น้ี ๓.๑ มีส่วนร่วมในการกาหนดแผนพฒั นาสถานศึกษาและใหค้ วามเห็นชอบ กาหนดแผนการเรียนรู้ของเดก็ ร่วมกบั ผสู้ อนและเดก็ ๓.๒ ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมของสถานศึกษา และกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพฒั นาเด็กตามศกั ยภาพ ๓.๓ เป็นเครือข่ายการเรียนรู้ จดั บรรยากาศภายในบา้ นใหเ้ อ้ือตอ่ การเรียนรู้ ๓.๔ สนบั สนุนทรัพยากรเพอื่ การศึกษาตามความเหมาะสมและจาเป็น ๓.๕ อบรมเล้ียงดู เอาใจใส่ให้ความรัก ความอบอุ่น ส่งเสริมการเรียนรู้และพฒั นาการดา้ นต่าง ๆของเดก็ ๓.๖ ป้ องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ตลอดจนส่งเสริมคุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยประสานความร่วมมือกบั ผสู้ อน ผเู้ กี่ยวขอ้ ง

๓.๗ เป็ นแบบอย่างที่ดีท้งั ในดา้ นการปฏิบตั ิตนให้เป็ นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และมี คุณธรรมนาไปสู่การพฒั นาใหเ้ ป็นสถาบนั แห่งการเรียนรู้ ๓.๘ มีส่วนร่วมในการประเมินผลการเรียนรู้ของเด็กและในการประเมินการจดั การศึกษาของสถานศึกษา ๔. บทบาทของชุมชน การปฏิรูปการศึกษา ตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดก้ าหนดใหช้ ุมชนมีบทบาทในการมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา โดยให้มีการประสานความร่วมมือเพ่ือ ร่วมกนั พฒั นาผเู้ รียนตามศกั ยภาพดงั น้นั ชุมชนจึงมีบทบาทในการจดั การศึกษาปฐมวยั ดงั น้ี ๔.๑ มีส่วนร่วมในการบริหารสถานศึกษา ในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม /ชมรมผปู้ กครอง ๔.๒ มีส่วนร่วมในการจดั ทาแผนพฒั นาสถานศึกษาเพ่ือเป็ นแนวทางในการดาเนินการของสถานศึกษา ๔.๓ เป็ นศูนย์การเรียนรู้ เครือข่ายการเรี ยนรู้ ให้เด็กได้เรี ยนรู้และมีประสบการณ์จากสถานการณ์จริง ๔.๔ ใหก้ ารสนบั สนุนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ของสถานศึกษา ๔.๕ ส่งเสริมให้มีการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอก และภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน เพื่อเสริมสร้างพฒั นาการของเด็กทุกดา้ น รวมท้งั สืบสานจารีตประเพณี ศิลปวฒั นธรรมของทอ้ งถิ่นและของชาติ ๔.๖ ประสานงานกับองค์กรท้งั ภาครัฐและเอกชน เพื่อให้สถานศึกษาเป็ นแหล่งวทิ ยาการของชุมชน และมีส่วนในการพฒั นาชุมชนและทอ้ งถ่ิน ๔.๗ มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และประเมินผลการจดั การศึกษาของสถานศึกษาทาหนา้ ท่ีเสนอแนะในการพฒั นาการจดั การศึกษาของสถานศึกษาการจดั การศึกษาระดบั ปฐมวยั ( เดก็ อายุ ๓ – ๖ ปี )สาหรับกล่มุ เป้ าหมายเฉพาะ การจดั การศึกษาสาหรับกลุ่มเป้ าหมายเฉพาะสามารถนาหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ไปปรับใชไ้ ด้ ท้งั ในส่วนของโคตรสร้างหลกั สูตร สาระการเรียนรู้ การจดั ประสบการณ์ และการประเมินพฒั นาการให้เหมาะสมกบัสภาพ บริบท ความต้องการ และศักยภาพของเด็กแต่ละประเภทเพ่ือพฒั นาให้เด็กมีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงคท์ ี่หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั กาหนดโดยดาเนินการดงั น้ี ๑. เป้ าหมายคุณภาพเด็ก หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ไดก้ าหนดมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ เป็ นเป้ าหมายและกรอบทิศทางเพ่ือให้ทุกฝ่ ายท่ีเกี่ยวขอ้ งใช้ในการพฒั นาเด็ก สถานศึกษาหรือ

ผจู้ ดั การศึกษาสาหรับกลุ่มเป้ าหมายเฉพาะ สามารถเลือกหรือปรับใช้ ตวั บ่งช้ีและสภาพที่พึงประสงคใ์ นการพฒั นาเดก็ เพื่อนาไปทาแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบุคคลแต่ยงั คงไวซ้ ่ึงคุณภาพพฒั นาการของเด็กท้งั ดา้ นร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา ๒. การประเมินพฒั นาการ จะตอ้ งคานึงถึงปัจจยั ความแตกต่างของเด็ก อาทิ เด็กท่ีพิการอาจตอ้ งมีการปรับการประเมินพฒั นาการท่ีเอ้ือตอ่ สภาพเด็ก ท้งั วธิ ีการเครื่องมือที่ใช้ หรือกลุ่มเด็กท่ีมีจุดเนน้ เฉพาะดา้ นการเช่ือมต่อของการศึกษาระดบั ปฐมวยั กบั ระดบั ประถมศึกษาปี ที่ ๑ การเช่ือมตอ่ ของการศึกษาระดบั ปฐมวยั กบั ระดบั ประถมศึกษาปี ท่ี ๑ มีความสาคญั อยา่ งย่งิ บุคลากรทุกฝ่ ายจะตอ้ งใหค้ วามสนใจตอ่ การช่วยลดช่องวา่ งของความไม่เขา้ ใจในการจดั การศึกษาท้งั สองระดบั ซ่ึงจะส่งผลต่อการจดั การเรียนการสอน ตวั เด็ก ครู พ่อแม่ ผูป้ กครอง และบุคลากรทางการศึกษาอื่นๆท้งั ระบบ การเชื่อมต่อของการศึกษาระดบั ปฐมวยั กบั ระดบั ประถมศึกษาปี ท่ี ๑ จะประสบผลสาเร็จไดต้ อ้ งดาเนินการดงั ต่อไปน้ี ๑. ผบู้ ริหารสถานศึกษา ผูบ้ ริหารสถานศึกษาเป็ นบุคคลสาคญั ที่มีบทบาทเป็ นผูน้ าในการเชื่อมต่อโดยเฉพาะระหว่างหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั ในช่วงอายุ ๓ – ๖ ปี กบั หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐานในช้นั ประถมศึกษาปี ที่ ๑ โดยตอ้ งศึกษาหลกั สูตรท้งั สองระดบั เพ่ือทาความเขา้ ใจ จดั ระบบการบริหารงานดา้ นวิชาการที่จะเอ้ือต่อการเช่ือมโยงการศึกษาโดยการจดั กิจกรรมเพ่ือเชื่อมต่อการศึกษา ดงั ตวั อยา่ งกิจกรรมต่อไปน้ี ๑.๑ จดั ประชมครูระดบั ปฐมวยั และครูระดบั ประถมศึกษาร่วมกนั สร้างรอยเชื่อมต่อของหลกั สูตรท้งัสองระดบั ใหเ้ ป็นแนวปฏิบตั ิของสถานศึกษาเพ่ือครูท้งั สองระดบั จะไดเ้ ตรียมการสอนใหส้ อดคลอ้ งกบั เดก็ วยั น้ี ๑.๒ จดั หารเอกสารดา้ นหลกั สูตรและเอกสารทางวชิ าการของท้งั สองระดบั มาไวใ้ ห้ครูและบุคลากรอื่นๆไดศ้ ึกษาทาความเขา้ ใจ อยา่ งสะดวกและเพยี งพอ ๑.๓ จดั กิจกรรมใหค้ รูท้งั สองระดบั มีโอกาสแลกเปล่ียนเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆ ที่ไดร้ ับจากการอบรม ดูงาน ซ่ึงไม่ควรจดั ใหเ้ ฉพาะครูในระดบั เดียวกนั เทา่ น้นั ๑.๔ จดั เอกสารเผยแพร่ตลอดจนกิจกรรมสัมพนั ธ์ในรูปแบบต่างๆ ระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ผปู้ กครองและบุคลากรทางการศึกษาอยา่ งสม่าเสมอ ๑.๕ จดั ให้มีการพบปะ หรือการทากิจกรรมร่วมกบั พ่อแม่ ผูป้ กครองอย่างสม่าเสมอต่อเน่ือง ในระหวา่ งที่เด็กอยใู่ นระดบั ปฐมวยั เพอ่ื พอ่ แม่ ผปู้ กครอง จะไดส้ ร้างความเขา้ ใจและสนบั สนุนการเรียน การสอนของบุตรหลานตนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ๑.๖ จดั กิจกรรมใหค้ รูท้งั สองระดบั ไดท้ ากิจกรรมร่วมกนั กบั พ่อแม่ ผปู้ กครองและเด็กในบางโอกาส

๑.๗ จดั กิจกรรมปฐมนิเทศพอ่ แม่ ผปู้ กครองอยา่ งนอ้ ย ๒ คร้ัง คือ ก่อนเด็กเขา้ เรียนระดบั ปฐมวยั ศึกษาและก่อนเด็กจะเล่ือนข้ึนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี ๑ เพื่อให้พ่อแม่ ผปู้ กครองเขา้ ใจ การศึกษาท้งั สองระดบั และใหค้ วามร่วมมือในการช่วยเดก็ ใหส้ ามารถปรับตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มใหมไ่ ดด้ ี ๒. ครูระดับปฐมวยั ครูระดบั ปฐมวยั นอกจากจะตอ้ งศึกษาทาความเขา้ ใจหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั และจดั กิจกรรมพฒั นาเด็กของตนแลว้ ควรศึกษาหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน การจดั การเรียนการสอนในช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี ๑ และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผูป้ กครองและบุคลากรอ่ืนๆ รวมท้งั ช่วยเหลือเด็กในการปรับตวั ก่อนเลื่อนข้ึนช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๑ โดยครูอาจจดั กิจกรรมดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี ๒.๑ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตวั เด็กเป็นรายบุคคลเพื่อส่งต่อครูช้นั ประถมศึกษาปี ที่ ๑ ซ่ึงจะทาให้ครูระดบั ประถมศึกษาสามารถใชข้ อ้ มลู น้นั ช่วยเหลือเดก็ ในการปรับตวั เขา้ กบั การเรียนรู้ใหม่ต่อไป ๒.๒ พูดคุยกบั เด็กถึงประสบการณ์ที่ดีๆ เก่ียวกบั การจดั การเรียนรู้ในระดบั ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๑เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ๒.๓ จดั ให้เด็กไดม้ ีโอกาสทาความรู้จกั กบั ครูตลอดจนสภาพแวดลอ้ ม บรรยากาศของห้องเรียนช้นัประถมศึกษาปี ที่ ๑ ท้งั ท่ีอยใู่ นสถานศึกษาเดียวกนั หรือสถานศึกษาอื่น ๓. ครูระดบั ประถมศึกษา ครูระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพฒั นาการเด็กปฐมวยั และมีเจตคติท่ีดีต่อการจัดประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั เพื่อนามาเป็ นข้อมูลในการพัฒนาจัดการเรียนรู้ในระดับช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๑ ของตนใหต้ อ่ เน่ืองกบั การพฒั นาเด็กในระดบั ปฐมวยั ดงั ตวั อยา่ ง ตอ่ ไปน้ี ๓.๑ จดั กิจกรรมใหเ้ ด็ก พ่อแม่ และผปู้ กครอง มีโอกาสไดท้ าความรู้จกั คุน้ เคยกบั ครูและหอ้ งเรียนช้นัประถมศึกษาปี ที่ ๑ ก่อนเปิ ดภาคเรียน ๓.๒ จดั สภาพห้องเรียนให้ใกลเ้ คียงกบั ห้องเรียนระดบั ปฐมวยั โดยจดั ให้มีมุมประสบการณ์ภายในหอ้ งเพ่ือให้เด็กไดม้ ีโอกาสทากิจกรรมไดอ้ ยา่ งอิสระเช่น มุมหนงั สือ มุมของเล่น มุมเกมการศึกษา เพ่ือช่วยใหเ้ ด็กช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี ๑ ไดป้ รับตวั และเรียนรู้จากการปฏิบตั ิจริง ๓.๓ จดั กิจกรรมร่วมกนั กบั เดก็ ในการสร้างขอ้ ตกลงเกี่ยวกบั การปฏิบตั ิตน ๓.๔ เผยแพร่ข่าวสารดา้ นการเรียนรู้และสร้างความสมั พนั ธ์ท่ีดีกบั เดก็ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชุมชน ๔. พ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลากรทางการศึกษา พ่อแม่ ผปู้ กครอง และบุคลากรทางการศึกษาตอ้ งทาความเขา้ ใจหลกั สูตรของการศึกษาท้งั สองระดบั และเข้าใจว่าถึงแมเ้ ด็กจะอยู่ในระดับประถมศึกษาแลว้ แต่เด็กยงั ตอ้ งการความรักความเอาใจใส่ การดูแลและการ

ปฏิสัมพนั ธ์ท่ีไม่ไดแ้ ตกต่างไปจากระดบั ปฐมวยั และควรให้ความร่วมมือกบั ครูและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตวั เดก็ เพือ่ ใหเ้ ดก็ สามารถปรับตวั ไดเ้ ร็วยง่ิ ข้ึนการกากบั ตดิ ตาม ประเมิน และรายงาน การจดั สถานศึกษาปฐมวยั มีลกั การสาคญั ในการให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในการจดั การศึกษาและกระจายอานาจการศึกษาลงไปยงั ทอ้ งถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาหรือสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ซ่ึงเป็ นผูจ้ ดั การศึกษาในระดบั น้ี ดงั น้ัน เพ่ือให้ผลผลิตทางการศึกษาปฐมวยั มีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงคแ์ ละสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของชุมชนและสังคมจาเป็ นตอ้ งมีระบบการกากบั ติดตาม ประเมินและรายงานท่ีมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ ายที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการจดั การศึกษา เห็นความก้าวหน้าปัญหา อุปสรรค ตลอดจนการให้ความร่วมมือช่วยเหลือ ส่งเสริม สนบั สนุน การวางแผน และดาเนินงานการจดัการศึกษาปฐมวยั ใหม้ ีคุณภาพอยา่ งแทจ้ ริง การกากบั ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจดั การศึกษาปฐมวยั เป็ นส่วนหน่ึงของกระบวนการบริหารการศึกษาและระบบการประกนั คุณภาพที่ตอ้ งดาเนินการอยา่ งตอ่ เนื่อง เพื่อนาไปสู่การพฒั นาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาปฐมวยั สร้างความมนั่ ใจให้ผูเ้ กี่ยวข้อง โดยตอ้ งมีการดาเนินการที่เป็ นระบบเครือข่ายครอบคลุมท้งัหน่วยงานภายในและภายนอกต้งั แต่ระดบั ชาติ เขตพ้ืนท่ีทุกระดบั ละทุกอาชีพ การกากบั ดูแลประเมินผลตอ้ งมีการรายงานผลจากทุกระดบั ให้ทุกฝ่ ายรวมท้งั ประชาชนทว่ั ไปทราบ เพ่ือนาขอ้ มูลจากรายงานผลมาจดั ทาแผนพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาหรือสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั ตอ่ ไป