สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช แขนงวิชาการแนะแนวและการปรกึ ษาเชิงจิตวิทยา ชุดวิชา 25713 การสัมมนาทางการแนะแนวและการปรึกษาเชงิ จิตวิทยา รายงานฉบบั ท่ี 1 ภาคการศึกษาท่ี 2 / 2563 เรือ่ ง ทกั ษะทางสงั คมของนักเรยี นออทิสตกิ ช่อื /สกลุ นักศึกษา นางสาววฤนพร แซตัน รหัสประจาํ ตัวนักศกึ ษา 2632800088 วนั ที่เขา รับการสมั มนาเสรมิ ครัง้ ท่ี 1 (e – learning)
งานที่ 1 ชดุ วิชา 25713 การสมั มนาทางการแนะแนวและการปรึกษาเชงิ จติ วทิ ยา 1) ตวั แปรตาม/ตัวแปรท่ศี ึกษา ทางการแนะแนวหรอื การปรกึ ษาเชิงจติ วทิ ยาทท่ี นั สมัย “ทักษะทางสังคมของนักเรยี นออทสิ ตกิ ” 2) เพราะเหตุใดนักศึกษาจึงสนใจที่จะศกึ ษา นวตั กรรมหรือองคความรใู หมท ไี่ ดจากการศกึ ษาคอื อะไร - เพราะเหตใุ ดนกั ศกึ ษาจงึ สนใจทีจ่ ะศึกษา เดก็ ออทิสติกเปนหนึ่งในประเภทของเด็กพิเศษ ปญหาทีพ่ บในเดก็ ออทสิ ติก คือปญหาในเรื่องของ ปฏิสัมพันธทางสังคม กลาวคือ เด็กไมมีความสนใจรวมกับผูอื่น ไมสบตา ไมสนใจ ขาดทักษะในการอยูร วมกับผูอื่น และไมสามารถสรางความสัมพันธกับผูอื่นได สิง่ เหลา นี้ถือเปนความบกพรองทางดานทักษะทางสงั คม ทําใหเด็กไม สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบขางและสังคมซ่ึงเปนลักษณะสําคัญของภาวะออทิสซึม และการจัดการศึกษาพิเศษ สาํ หรับนักเรียนออทิสติกนั้นก็เหมือนกับการจัดการศกึ ษาพิเศษใหแกเด็กทม่ี ีความตองการพิเศษประเภทอ่ืน ๆ ซ่งึ ใน ปจจบุ ันเด็กออทิสติกไดรับการยอมรับจากสงั คมมากข้ึน รวมท้งั ประเทศไทยไดมีกฎหมายที่กําหนดใหเด็กทุกคนตอ ง ไดรับโอกาสทางการศึกษาอยางเทาเทียมกันตามพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสําหรับคนพิการ พ.ศ.2551 ทําให เด็กนักเรียนที่มีความตองการจําเปนพิเศษและนกั เรียนออทิสติกสามารถเขารบั การศึกษาไดมากขึ้น เพราะฉะนั้น ทักษะทางสังคมจึงเปนส่ิงท่ีสําคัญอยา งมากสําหรบั เดก็ กลุมน้ี เนื่องจากเด็กกลุมน้ีมีความบกพรองทางดานการสอื่ สาร และดานความสัมพันธกับผูอ่ืน ดงั นั้น การสงเสริมทักษะทางสังคมในเด็กออทิสติกจึงเปนสิ่งจําเปน โดยเร่ิมสอนจาก ทักษะทางสังคมพื้นฐาน เชน การสอบตากับคูสนทนา การเลน การมีความตั้งฟง การแสดงความยินดีกับผูอื่น การ ทาํ งานรว มกับผูอ่ืน เปน ตน ทักษะทางสังคม (Social Skills) เปนกลมุ ของทักษะตาง ๆ ทีใ่ ชใ นการปฏิสัมพันธและการส่ือสารระหวาง กันในสังคม อันไดแก ทักษะการส่ือสาร การพูด การฟง การทาํ งานรว มกันเปนทีม ฯลฯ รวมทั้งความสามารถในการ เขา ใจถงึ สถานการณท ่ีหลากหลาย - นวัตกรรมหรือองคค วามรูใหมที่ไดจ ากการศกึ ษาคืออะไร จากการศึกษาและทบทวนวรรณกรรม และจากสภาพปญหาของนักเรียนออทิสติก จึงไดเห็นปญหาการ ปฏิสัมพันธทางสังคมของนักเรียนออทิสติกไดชัดเจน ซ่ึงนวัตกรรมหรือองคความรูใหมท่ีไดจากการศึกษาในครั้งน้ีคือ รูปแบบ วิธีการ ข้ันตอนและเทคนิคในการชวยใหนักเรียนสามารถมีทักษะทางสังคมท่ีดีข้ึน เพื่อจะไดรวมมือกัน สนับสนุนและสงเสริมเพื่อพัฒนานักเรียนใหมีทักษะทางสังคมท่ีดีขึ้น และสามารถใชชีวิตอยูรวมกับผูอ่ืนไดอยางมี ความสุข 3) สภาพปจ จุบนั สภาพท่พี งึ ประสงคท ่ีเก่ียวขอ งกบั ตัวแปรตาม/ตวั แปรท่ศี ึกษานั้น ออทิสติก (Autistic) เปนหน่ึงในประเภทของบุคลลพิการท่ีทางรัฐไดเล็งเห็นและใหความสําคัญในดาน การศึกษาเพ่ือชวยพัฒนาเด็กกลุมน้ีใหมีพัฒนาการในดานตาง ๆ แบบเด็กปกติทั่วไปทั้งการเรียนรูและการเขาสังคม เพอื่ ใหเ ด็กสามารถชว ยเหลือตนเองในการดาํ เนินชีวิตประจําวนั ไดแบบปกติชนทว่ั ไป เนื่องจากในปจ จุบนั ประเทศไทย มีอัตราการเกิดเด็กออทิสติกเพ่ิมข้ึนเปนจํานวนมากและมีแนวโนมท่จี ะสูงขึ้นในทุก ๆ ป จากผลการสํารวจผูปวยที่มี ภาวะออทสิ ซึม่ ในประเทศไทย และออทิสติก เปน ภาวะความผิดปกตขิ องรา งกายในทางดานพัฒนาการอยางรุนแรง ที่ สงผลตอพัฒนาการที่ลาชาดา นตา ง ๆ ทง้ั ในดานรางกาย ภาษา การส่ือสาร การปฏิสัมพันธทางสังคมและพฤติกรรม ซ่ึงเปนผลมาจากความผิดปกติในการทํางานของระบบประสาทบางสวน ทาํ ใหเกิดผลกระทบตอการทํางานของระบบ ประสาทท่ีไมสัมพันธกับสวนตาง ๆ ของรางกายตนเอง โดยเด็กไมสามารถท่ีจะมีปฏิสัมพันธกับผูอื่นไดและมีการ
พัฒนาการที่ลา ชากวาเด็กปกติทัว่ ไป จะมีการแสดงอาการของความผิดปกติไดห ลายรูปแบบท่ีแตกตางกันออกไป อัน สง ผลกระทบตอการดําเนินชีวิตประจําวนั เด็กออทิสตกิ ท้ังน้ี ทักษะทางสังคมซึ่งเปนทักษะพ้ืนฐานท่จี ําเปนในการดําเนินชีวติ ก็เปนอีกขอบกพรองของเดก็ ออทิสติกที่ สงผลตอการอาศัยอยูในสังคมปจจุบัน โดยเฉพาะอยางย่ิงในดานการสรางปฏิสัมพันธอันดีกับบุคคลอ่ืน การสื่อสาร การอยูรวมกับบุคคลอ่ืนและพฤติกรรมท่ีแสดงออกมาอยางไมเหมาะสมตามสถานการณตาง ๆ ทักษะสังคมเปนกลุม ทกั ษะที่สําคัญอีกกลุมหนึ่งซึ่งเปนสวนประกอบสําคญั ของทักษะชวี ิตที่เกี่ยวกับการดาํ เนนิ ชีวิตของคนในแตละสังคม ที่ซ่ึงจะตองใชความสามารถในการปรับตัวใหสามารถเขาไปอยูรวมกับบุคคลอื่นในสังคมได ความบกพรองของเด็ก ออทิสติกดานพฤติกรรมทางสังคมทั้งในดานการแยกตัวออกจากสังคม การเมินเฉยกับสิ่งรอบขาง การเขินอาย ดว ยความบกพรอ งนีท้ าํ ใหเดก็ ออทสิ ติกไมสามารถที่จะเลนรว มกบั กลุมเพ่ือนได สงผลใหการยอมรับทางสงั คมของเด็ก ออทิสตกิ แตกตางจากบุคคลปกติท่วั ไป 4) แนวคดิ ทฤษฎี และปจ จัยทเ่ี กยี่ วของตัวแปรตาม/ตวั แปรท่ีศกึ ษานน้ั 4.1 แนวคดิ ทฤษฎีเกี่ยวกับทักษะทางสงั คม - ความหมายของทกั ษะทางสังคม - ความสําคญั ของทักษะทางสังคม - ทฤษฎีท่ีเก่ยี วกบั ทกั ษะทางสงั คม 4.2 แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกบั เด็กออทสิ ติก - ความหมายของเด็กออทสิ ตกิ - ลกั ษณะและอาการของเดก็ ออทสิ ตกิ 4.1 แนวคดิ ทฤษฎเี กยี่ วกบั ทกั ษะทางสงั คม ความหมายของทกั ษะทางสังคม คําวา “ทกั ษะทางสังคม” ตรงกับภาษาอังกฤษวา “Social Skills” หมายถึง ทักษะในการอยูรวมกันเปนหมู คณะ ซ่ึงหากพิจารณาตามความหมายแตละคําจากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 สําหรับคําวา “ทักษะ” หมายถึง ความชํานาญ สวนคําวา “สังคม” หมายถึง คนจํานวนหนึ่งที่มีความสัมพันธตอเนื่องกันตาม ระเบยี บกฎเกณฑโ ดยมวี ัตถุประสงครว มกันและเม่ือนําทั้ง 2 คาํ มารวมกัน เปน คาํ วา ทกั ษะสังคมหรือทักษะทางสังคม จะหมายถึงการรจู ักสรางปฏิสัมพันธที่ดีกับผูอ่ืนหรือการมีทักษะในการอยูรวมกันเปนหมูคณะสําหรับคํานยิ ามของคํา วาทกั ษะทางสงั คม มนี ักวชิ าการหลายทา นไดใ หความหมายในแงม ุมตา ง ๆ ไวอยา งนาสนใจดังน้ี Westwood (2003) ไดใหความหมายทักษะทางสังคมไววา พฤติกรรมเฉพาะบุคคลท่ีแสดงออกเพื่อการ ส่ือสารและมีปฏิสัมพันธ (เชงิ บวก) กับผอู ืน่ ศศินันท ศิริธาดากุลพัฒน (2552) ไดใหความหมายทักษะทางสังคมไววา ความสามารถของบุคคลในการ ติดตอ สื่อสารกับบุคคลอ่ืนที่เหมาะสม มีความรับผิดชอบตามบทบาทและหนาท่ี สามารถดําเนินกิจกรรมหรือทํางาน รว มกบั บคุ คลอ่นื ไดอ ยางมคี วามสขุ และสามารถสรางประโยชนใ หเ กิดข้ึนกับสวนรว มได เกรียงศักด์ิ เจริญวงศศักด์ิ (2556) ไดใ หความหมายทักษะทางสังคมไววา เปนกลุมของทักษะตาง ๆ ที่ใชใน การปฏิสัมพันธและการส่อื สารระหวางกันสังคม อนั ไดแ ก ทักษะการสอื่ สาร การพดู การฟง การทาํ งานรวมกนั เปนทีม ฯลฯ รวมท้ังความสามารถในการเขาถึงสถานการณที่หลากหลาย กฎกตกิ าตาง ๆ ในสังคม ความสามารถในการรูจัก
ผอู น่ื และการคดิ คาํ นึงถึงคนรอบขางอยา งเขาอกเขา ใจ โดยมวี ัตถปุ ระสงคเพ่ือสรางความสัมพันธในทางบวกใหเกิดขึ้น เปน ทักษะท่สี าํ คัญและจาํ เปน สําหรับทุกเพศทุกวัย ทั้งวยั เด็กทตี่ องการพึ่งพา การเรยี นรูสง่ิ ใหมใ นชีวติ วัยรุนท่ีตอ งการ ยอมรบั จากเพื่อนฝูงคนรอบขาง วัยผใู หญท ี่เร่มิ สรางครอบครัวและตองการความสาํ เรจ็ ในหนาทีก่ ารทํางาน ทักษะทาง สงั คมเปน ทกั ษะทจ่ี ําเปนตอ งไดร บั การฝกฝนอยา งเปนระบบเชนเดยี วกับทกั ษะอน่ื ๆ ความสําคัญของทักษะทางสงั คม ทักษะทางสังคมเปนพ้ืนฐานท่ีสําคัญย่ิงตอการดํารงชีวิตอยใู นสังคมสามารถปรับตัวอยูกับสภาพแวดลอมทาง สังคมที่แตกตางกันออกไป การอยูรวมกับบุคคลอ่ืนและการทํางานรวมกันเพ่ือบรรลุเปาหมายท่ีวางเอาไว โดย ความสาํ คัญของทักษะสงั คม มดี งั นี้ (สขุ มุ าล เกษมสขุ , 2535) 1. ความสําคัญดานบุคคล ชวยใหแตละบุคคลสามารถปรับตัวในการดํารงชีวิตในสังคมตาง ๆ ไดอยางมี ความสุข หากวา ความแตกตางของสภาพแวดลอมทางสังคมท่ีแตกตางกันมาก ทักษะทางสังคมของแตละบุคคลย่ิงมี ความสาํ คัญอยางย่งิ ในการปรับตัวใหเขากับสภาพแวดลอม การสรา งปฏสิ มั พนั ธกับบุคคลอนื่ การสือ่ สารใหผ อู ื่นเขาใจ การสามารถทํางานรวมกับผูอ่ืนและการชวยแกไขปญหาของตนเองและสังคม ส่ิงนเี้ ปนลักษณะการมีทักษะทางสังคม ดา นบคุ คลท่ดี ี อันจะนําไปสคู วามสําเร็จในการดําเนนิ ชีวติ ในสังคมทไี่ ดอยูอาศัย 2. ความสําคัญดานสังคม สังคมที่มีความเจริญกาวหนาเปนท่ีนาอยูอาศัยและการมีความสุขของทุกคนใน สังคมหากสมาชิกในสังคมเปนผูท่ีมีทักษะทางสังคมท่ีดี รูจักเสียสละประโยชนสวนตนเพื่อสวนรวม การคิดริเริ่ม สรางสรรค รวมกันคิดรว มกันทาํ ในการพฒั นาและการชวยเหลือกันในการดูแลสังคมที่อยูใหสงบสุข ส่ิงนี้จะเปน สิง่ ชว ย ใหสังคมท่ีเปนอยูเจริญกาวหนาตอไป ในทางกลับกันหากสมาชิกในสังคมเปนผูที่มีทักษะทางสังคมในทางลบ ยอม กอใหเ กิดปญหาตาง ๆ ในสังคมอยา งมากมายสงผลใหเ ปน สังคมทไี่ มสงบสุขและมคี วามเสอื่ มถอยทางสังคมได พรศริ ิ บรรจงประเสริฐ (2552) ไดก ลาวถึงความสําคญั ของการเสริมสรางทักษะทางสังคมไววาเปนทักษะท่ีมี ความสําคัญทั้งดานการพูด ทาทางและการกระทํา แสดงถึงความรูสึกนึกคิดและพฤติกรรมในสถานการณตาง ๆ ให สามารถปรับตวั และอยูรวมกับบคุ คลอื่นในสงั คมไดอยา งมีความสขุ กุลยา กอสุวรรณ (2553) ไดกลาวถึงความสําคัญของการเสริมสรางทักษะทางสังคมไววาเปนทักษะที่จําเปน ตอการดําเนินชวี ติ ของมนษุ ยท กุ คน เนอื่ งจากทักษะทางสงั คมเปน ปจ จยั ท่ีทาํ ใหบ คุ คลในสังคมยอมรบั กระทรวงศึกษาธิการ (2554) ไดกลาวถึงความสําคัญของทักษะทางสังคม วาผูเก่ียวของไมวาจะเปนพอแม และครู ควรปลูกฝงทักษะทางสังคมใหเกิดขึ้นกับเด็ก รวมกับทักษะดานอ่ืน ๆ อยางเหมาะสม เพ่ือเปนใบเบิกทาง สําคัญสคู วามสุขความสําเร็จของเด็กตอไปในอนาคต รวมทัง้ เพื่อการปฏิบัตติ อกันในสังคมอยางถูกตองเหมาะสมอัน เปนเหตทุ ่ีนํามาซงึ่ ความสงบสุขของสังคมในภาพรวม จากการศกึ ษาความสําคญั ของการเสริมสรางทักษะทางสังคมท่ีกลาวมาขางตนสามารถสรุปไดวา ทักษะทาง สังคมน้มี ีความจําเปนตอบุคคลทุก ๆ คนในเพศทุกวัย ทั้งในวัยเด็กซึ่งเปนวัยท่ีตอ งการการพึ่งพาและการช้ีนําจากคน รอบตัวในการเรียนรสู ิ่งใหมๆ ในชีวิต วัยรุน เปนวัยท่ีตองเรียนรสู ิ่งรอบตัวและตองการการยอมรับจากคนในสังคม วัย ผูใหญ เปนวัยที่ตองทําพบปะผูคนมากมายในการทํางานเพ่ือใชในการเล้ียงชีพและตองการความสําเร็จในการสราง ครอบครัวใหมีความสุข จะเห็นไดวาทักษะทางสังคมนั้นมคี วามสําคัญและจําเปนอยางยงิ่ ที่ควรจะไดร บั การเรยี นรแู ละ ฝกฝนอยา งเปนระบบ เพื่อใหสามารถปรับตัวกับสถานการณที่เปล่ียนแปลงในสังคม ประสบความสําเร็จในสิ่งท่ีตั้งใจ ทําและสามารถอยรู ว มกนั ในสงั คมอยา งมีความสขุ
ทฤษฎีทีเ่ กย่ี วกับทักษะทางสงั คม ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษยต ามแนวคิดของสกนิ เนอร ทฤษฎีพฤติกรรม (Behaviorism) ตามแนวคิดของสกินเนอร เชื่อวามนุษยตกอยูภายใตอิทธิพลของ ส่ิงแวดลอม ซง่ึ ส่ิงแวดลอมในที่น้ีรวมถึงสภาพทางภูมิศาสตรแ ละสภาพสังคมยกตัวอยางเชน คนทีอ่ ยูในชนบทอาจจะ เฉื่อยชากวาคนที่อยูในเมือง หรือเด็กท่ีอยูในครอบครัวที่ อบอุน มักจะมีความเปนตัวของตัวเองสูง รวมถึงการมี พฒั นาการทเ่ี หมาะสมตามวยั จะเห็นไดว าธรรมชาติของมนุษยนั้นเปนผลิตผลผลจากการท่ีมนุษยม ีปฏกิ ิรยิ าโตตอบกับ สิ่งแวดลอม ซึง่ สกินเนอรเคยกลาวไวว า “ ถาเขาสามารถควบคุมส่ิงแวดลอมได เขาก็สามารถท่ีจะกําหนดพฤติกรรม ของมนุษยใหเปนไปตามที่เขาตองการทุกประการ” ฉะน้ัน สรุปไดวาพฤติกรรมของมนุษยลวนตกอยูภายใตอิทธิพล ของสงิ่ แวดลอม (ถวิล ธาราโภชน และศรันย คาํ วสิ ุข, 2544) จากทฤษฎีพฤติกรรมมนุษยตามแนวคิดของสกินเนอร สรุปไดวา พฤติกรรมของมนุษยท่ีแสดงออกมี ความสมั พันธก บั ส่ิงแวดลอ ม การจะเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมตา ง ๆท้งั พฤตกิ รรมที่พึงประสงคและไมพึงประสงค ตองใช ระยะเวลายาวนานในการบมเพาะ การหลอหลอมพฤติกรรมน้ันเริม่ มาจากสถาบันครอบครัวทเี่ ปนแบบอยาง หากเด็ก ไดอยูในครอบครัวที่อบรมส่ังสอนดี ผูปกครองใหความสนใจและเอาใจใส อยูในสภาพแวดลอมที่ดี เด็กก็จะเติบโตเปน ผูใหญท่ีดี มคี ุณภาพ ท้ังนี้การใหแรงเสริม เชน การชมเชย การใหรางวัลจะเปนตวั ชว ยสนับสนุนใหเกิดพฤตกิ รรมท่พี ึง ประสงคไดม ากยง่ิ ขน้ึ ทฤษฎจี ิตสงั คมของอรี ิคสนั (Erikson) ทฤษฎีของอีริคสนั น้มี ีพน้ื ฐานมาจากทฤษฎีจิตวิเคราะหข องฟรอยด (Freud) แตจะเนน การศึกษากระบวนการ ทางสังคมวามีอิทธิพลตอการหลอหลอมทางบุคลิกภาพ จากแนวคิดนี้จะเห็นไดวาแนวคิดของอีริคสันคอนขางจะ แตกตางกับฟรอยดห ลายประการ เชน ความคดิ เก่ียวกับ Ego วามีความสําคัญมากกวา Id รวมถึงการมองพัฒนาการ ทางบุคลิกภาพของมนุษยวาสามารถเกิดขึ้นไดตลอดชวงอายุขัย คือ ไมไดหยุดอยูแคเพียงชวงวัยรุน แตจะมีการ เปล่ียนไปเรื่อย ๆ จนถึงวัยชรา โดยอีริคสันไดแบงพัฒนาการทางบุคลิกภาพของมนุษยออกเปน 8 ข้ันหรือที่เรียกวา Psychosocial Stage ซ่ึงสรุปไดพอสงั เขป ดังนี้ (สรุ างค โคว ตระกูล 2553) จุลมณี สุระโยธิน (2554) อีริคสันไดอ ธิบายถึงพัฒนาการของชีวิตตั้งแตวัยทารกจนถึงวัยชรา ที่มาพรอมกับ การเกิดพฤตกิ รรมท่ีมีการเปล่ียนแปลงมาเรือ่ ย ๆ ในทกุ ชวงวัย ซ่ึงอีริคสันเชื่อวา ชีวิตคนเราแตละวัยมักมีปญหาหรือ ตองประสบปญหาบางเปนธรรมดา แตบุคลิกภาพหรือพฤติกรรมที่เกิดข้ึน ลวนสืบเนื่องมาจากส่งิ แวดลอ มรอบตวั หรือ ประสบการณท่ีสั่งสมทัง้ ในดานบวกและดานลบที่ไดรบั ต้งั แตเดก็ ๆ ซงึ่ จุดนี้ชีใ้ หเหน็ วาการปลูกฝงทักษะชีวิตหรือทักษะ ทางดานสังคมในดานตาง ๆ ต้ังแตแรกเกิดเปนสิ่งจําเปน เพราะส่ิงเหลาน้ีถือเปนปจจัยสําคัญที่จะตองมีการ วางรากฐานใหมั่นคงต้ังแตวัยเยาว โดยเริ่มจากเบาหลอมของสังคมหนวยยอย คอื ครอบครวั มีพอแม ผูปกครอง และ หมูญาตมิ าชวยกันดแู ลประคับประคองไปพรอม ๆกับการใหหลักในการดําเนินชีวิตที่ถูกตองซึง่ ต้ังอยูบนรากฐานของ ศีลธรรมอันดีงาม รวมถึง การจัดสภาวะแวดลอมการเรียนรูทางสังคมที่เหมาะสม เพ่ือชวยใหเด็กเติบโตขึ้นดวย พฒั นาการทมี่ ีคณุ ภาพ ดว ยการสรางพ้นื ฐานใหมั่นคงกอ นที่กา วไปเปน สมาชิกท่ีดขี องสังคมหนว ยใหญตอไป
4.2 แนวคดิ ทฤษฎีเก่ยี วกับเดก็ ออทิสติก ความหมายของเด็กออทสิ ตกิ ผดุง อารยะวิญู (2546) ไดใหค วามหมายของเด็กออทิสติกไววา เดก็ ทม่ี ีพฒั นาการลา ชาแสดงปฏิกริ ิยา ตอบสนองตอสิ่งแวดลอมในลักษณะแปลก ๆ แสดงอาการสนใจตอ ตนเองหรือกระตุน ตนเอง โดยไมใหค วามสนใจตอสง่ิ รอบตัว มปี ญ หาทางการพูดและภาษา ไมสามารถแสดงปฏิกริ ยิ าโตต อบตอผคู น สง่ิ ของ หรอื เหตกุ ารณตา ง ๆ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2547) ไดใหความหมายของเด็กออทิสติกไววา ออทิสติก (Autistic) มีรากศัพทมาจากคําวา ออโต (Auto) มีความหมายวา ตัวเอง (Self) เริ่มการวินิจฉัยวาบุคคลเปนออทิสติก ครั้งแรกเมื่อปพุทธศักราช 2523 โดยกําหนดเปนภาวะออทสิ ซึม (Autism) ในเด็กวัยทารก (Infantile Autism) ซง่ึ มี ลักษณะดังตอไปน้ี เกิดกอนอายุ 3 เดือน ขาดการตอบสนองอยางมาก มีความบกพรองทางภาษาและมีลักษณะการ พูดท่ีประหลาด และมีการตอบสนองตอสภาพแวดลอมในลักษณะแปลกๆ ซึ่งในปจจุบันสามารถวินิจฉัยไดดวยการ สงั เกตพฤตกิ รรมเด็กไดโดยตรงโดยนักจิตวทิ ยาหรอื แพทย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (2546) ไดใหความหมายของเด็กออทิสติกไววา เดก็ ที่มีลักษณะอาการ ที่มคี วามผิดปกตทิ างพฒั นาการเของเด็กท่ีแสดงพฤติกรรมใหเห็นวาเด็กไมสามารถพัฒนาดานสงั คมการส่ือความหมาย และขาดจินตนาการ จะปรากฏใหเห็นไดในระยะ 3 ขวบแรกของชีวิต ซ่ึงเปนผลมาจากความผิดปกติทางหนาท่ีของ ระบบประสาทบางสวนทเ่ี กิดขนึ้ จากหลายสาเหตุ ดารณี อทุ ัยรตั นกจิ (2547) ไดใ หค วามหมายของเดก็ ออทสิ ตกิ ไววา นกั เรยี นท่มี ภี าวะออทสิ ซมึ จะมพี ัฒนาการ ที่ผิดปกติซ่ึงมีจุดกําเนิดจากประสาทชีววิทยา และสงผลกระทบตอความสามารถของบุคคลในการสื่อสาร ความคิด และความรูสึก การใชจินตนาการ การสรางสัมพันธภาพกับผูอื่นการเปล่ียนแปลง การรับสัมผัสและการรับรูความ เปน ไปรอบตวั และยงั ไมม ีทางรักษาใหหายขาดได กระทรวงศึกษาธิการ (2552) ไดใ หค วามหมายของเดก็ ออทสิ ติกไวว า บคุ คลท่ีมคี วามผิดปกติของระบบการ ทาํ งานของสมองบางสว น ซ่งึ สงผลตอความบกพรองทางพัฒนาการ ดานภาษา ดา นสังคมและการการมีปฏิสัมพันธท ด่ี ี กบั เพื่อน และมขี อจํากัดดา นพฤติกรรม หรอื มีความสนใจจํากัดเฉพาะเรื่องใดเรอ่ื งหน่ึง โดยความผดิ ปกตนิ ้นั คน พบได กอนอายุ 30 เดือน กุลยา กอสวุ รรณ (2553) ไดใหความหมายของเด็กออทิสติกไววา นักเรียนออทิสติกจะตองมีความบกพรอง หลัก 3 ดา น คือ ดา นการสือ่ สาร ดานปฏสิ ัมพันธท างสงั คม และดา นพฤติกรรม เชน ชอบแสดงพฤติกรรมซํา้ ๆ ไมชอบ การเปล่ียนแปลงกิจวัตรประจําวัน ไมสบตาผูคนอยูในโลกสวนตัวของตนเองไมสามารถสื่อความหมายกับบุคคลรอบ ขา ง เลนกบั ใครไมเปน สถาบนั ราชานุกลู (2555) ไดใ หค วามหมายของเดก็ ออทสิ ตกิ ไววา บคุ คลท่ีมีความผดิ ปกตขิ องสมองแบบหน่ึง เกดิ ขนึ้ ในวัยเด็กโดยจะแสดงอาการผดิ ปกตอิ อกมาใน 3 ดาน ไดแก 1) ความผิดปกตทิ างสังคมและปฏิสัมพันธกบั ผอู ื่น 2) ความผิดปกติทางภาษาและการสื่อสาร และ 3) ความผิดปกติทางอารมณแ ละพฤติกรรม Jaqueline (2008) ไดใหความหมายของเด็กออทสิ ติกไวว า บุคคลทมี่ ีความผดิ ปกติของพฒั นาการทางสมอง และความผิดปกตทิ ีเ่ กิดในวยั เด็ก มลี ักษณะและพฤติกรรม ไดแ ก 1) ไมสามารถตอบสนองหรอื แสดงออกทางอารมณ เชน ยมิ้ แยม หัวเราะรา เริงตั้งแต 6 เดอื น ขน้ึ ไป 2) ไมสามารถเลยี นแบบการออกเสยี ง การย้มิ แยม หรือการแสดงออก ทางสีหนา ต้งั แต 9 เดือน ขึ้นไป 3) ไมสามารถสะทอนเสยี งหรอื โตต อบโดยการออกเสยี งตงั้ แต 12 เดอื นขึ้นไป 4) ไม สามารถเลยี นแบบทาทาง เชน การชีน้ ้ิวการแสดงออกการสะกิดหรอื เคลอ่ื นไหวตัง้ แต 12 เดอื นขึน้ ไป 5) ไมม ภี าษาและ คลงั คําศัพทต้ังแต 16 เดือนขึ้นไป และ6) ไมสามารถพดู เปนคํา 2 พยางค วลที ่ีมคี วามหมายหรือพูดซา้ํ ๆ จากความหมายของเดก็ ออทิสตกิ ที่กลา วมาขางตน สามารถสรุปไดวา เด็กออทสิ ติกเปนบุคคลทม่ี ีความ บกพรองทางพฒั นาการทางสมอง สงผลใหมีพัฒนาการลา ชากวา บคุ คลปกติกทัว่ ไปมีความบกพรอ งทางพฤติกรรมดาน
สังคม การส่ือความหมายและมีพฤติกรรมซํา้ ๆ อาการจะมีความแตกตางแตล ะบุคคลมากนอยไมเ ทา กนั บุคคลออทิ สติกจะมีปญหาในการใชก ระบวนการความคดิ ทาํ ใหบ ุคคลออทิสติกไมสามารถเรยี นรู มีปญหาในการมีปฏิสัมพนั ธทาง สงั คมและการใชช ีวติ รวมกบั บุคคลอ่นื ลกั ษณะและอาการของเดก็ ออทสิ ตกิ ลักษณะอาการของเด็กออทิสติกสามารถพบเห็นไดชัดเจนตั้งแตเด็กมีอายุกอน 30 เดอื นเดก็ ออทสิ ติกมักจะ แสดงอาการผิดปกตใิ นหลายดานดว ยกัน ท้ังนีข้ ้นึ อยกู ับระดบั ความรนุ แรงของภาวะความผิดปกติ และในเด็กแตละคน จะมีความผิดปกติ ในแตละดานก็ยังมีความรุนแรงท่ีแตกตางกันกลุมอาการท่ีอาจพบไดในเด็กออทิสติกคนไหนมัก พบวา มีการกระทํา และความสนใจซ้ําซากอยางชัดเจน โดยพฤตกิ รรมที่แสดงใหเห็นกระกระทําซ้ํา ๆ เชน การสะบดั มือ เคาะมือ เขยงเทา คลานตามพื้นไปมา หรือการกระโดดขึ้นลงเปนตน และหากเด็กกําลังถือของชิ้นเล็ก ๆ ไวใ นมือ เชน เศษกระดาษ แลวมีใครแอบนําไปทิ้ง เด็กก็จะตามหาทั้งวันจนกวาจะพบ ถาไมพบจะกรีดรองไมยอมหยุดหรือ พฤติกรรมการคิดหมกหมนุ หรือสนใจเฉพาะสวนใดสว นหน่งึ ของสิ่งของ ซงึ่ สามารถศกึ ษาไดจากคมู ือการวนิ ิจฉัยความ ผิดปกติทางจิตโดยสมาคมจิตแพทยชาวอเมริกัน (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorder) หรือ จากหลักเกณฑในการวินจิ ฉัย ภาวะออทิสซม่ึ (DSM-IN-TR) โดย การสัมภาษณแ ละการสังเกตลักษณะพฤติกรรมตาม ความเหน็ ของพอ แม (กระทรวงศึกษาธิการ 2545 ; กญั ญา ธัญมันตา 2535 ; นริ ชา เรืองดารกานนท, 2551) ศูนยแนะแนวการศึกษาและอาชีพ (กรัยวิเชียร นอยวิบล, 2550) ไดกลาวถึงการแบงระดับออทสิ ตกิ จําแนก ตามระดับอาการได 3 ระดับ ดังนี้ 1. ระดับกลุมที่มีอาการนอยเรียกวา Mild Autism หรือบางครั้งเรียกวากลุมที่มีศักยภาพสูง(High Functioning Autism) ซึง่ จะมีระดับสติปญญาปกติหรอื สูงกวา ปกติ มพี ฒั นาการทางดา นภาษาดกี วากลมุ อ่ืน อาจจะมี ความสามารถบางอยา งแฝงอยูหรือเปนอัจฉรยิ ะแตย งั มีความบกพรองในทักษะดานสังคม การรบั รู อารมณ ความรูสึก ของบุคคลอ่นื หรือเรยี กอกี ชื่อหนึง่ วา แอสเพอรเกอร(Asperger Syndrome) ซึ่งมีหนวยประมาณ 5-20 เปอรเ ซนต 2. ระดับกลุมท่ีมีอาการปานกลางเรียกวา Moderate Autism ในกลุมน้ีจะมีพัฒนาการลาชาในดานภาษา การส่ือสาร ทักษะทางสังคม การเรียนรู รวมทั้งการชวยเหลือตนเอง และมีพฤติกรรมกระตุนตนเองพอสมควร แต สามารถจะพฒั นาจนชว ยเหลือตนเองได และอาจเรียนในระบบโรงเรยี นไดถ งึ ระดับหน่งึ มีประมาณ 5-75 เปอรเซนต 3. ระดับกลุมทม่ี ีอาการรนุ แรงเรียกวา Severe Autism ในกลุมน้ีจะมีความลาชาในพัฒนาการเกือบทุกดาน อาจจะเกิดรวมกับภาวะความพิการอ่ืน ๆ เชน ปญญาออน รวมทั้งมีปญหาพฤติกรรมท่ีรุนแรง มีพัฒนาการลาชา เรียนรอู ะไรไมไ ดมาก หากไมไดร บั การกระตนุ ใหมีพฒั นาการต้งั แตแ รกเดก็ จะมีการพฒั นาไดแ คช ว ยเหลือตนเองไดบาง มีหนว ยประมาณ 20-30 เปอรเ ซน็ ต สรุปไดวา ลักษณะอาการของเด็กออทิสตกิ คือ ลกั ษณะเดน ชดั ของเด็กออทิสติกไดแก ความผิดปกตดิ านการ มีปฏิสัมพันธกับบุคคลอ่ืน การพูดและภาษาในการสื่อสารการเคล่ือนไหวการอยูรวมกับสังคมชอบอยูคนเดียว ไมรจู ัก การปรบั ตัว ทําพฤติกรรมซ้ํา ๆ ชอบเลนของเลนเดิม ๆ กลัวในสิ่งท่ีไมควรกลวั สงเสียงดัง พูดดวยเสียงตาง ๆ ระดับ เดียว ใชค วามคิดแบบจติ นาการไมเปน มีความรูสึกไวหรือไมส มาํ่ เสมอตอการสมั ผัสและไมสามารถเขาใจความรสู ึกของ ผอู ่นื การที่จะดูวาเด็กเปน เด็กออทิสติกหรือไมถาอาการมาก อาการรนุ แรง จะดอู อกไดไ มยาก แตถ า อาการนอ ย ๆ จะ ดยู ากมาก ตอ งอาศัยความเห็นผเู ชย่ี วชาญ
5) งานวจิ ัยท่เี กีย่ วขอ งกับตวั แปรตาม/ตวั แปรท่ีศกึ ษานน้ั ปทมา บันเทิงจิต (2548: บทคัดยอ) ไดศึกษาทักษะทางสังคมดานการเลนกับเพื่อนของเด็กออทสิ ตกิ โดยการ จัดกจิ กรรมการละเลนพ้ืนบานของไทยประกอบกับการสือ่ ดว ยภาพผลการวิจัยพบวา นักเรยี นท่ไี ดร ับการฝกทักษะทาง สังคมดานการเลนกับเพื่อนโดยการจัดกิจกรรมการละเลนพ้ืนบานของไทยประกอบกับการสื่อดวยภาพ มที ักษะทาง สังคมดานการเลนกบั เพ่อื นสงู ข้นึ ชาริณี หวาจีน (2548: บทคัดยอ) ไดศึกษาทักษะทางสังคมของเด็กออทิสติกในช้ันเรียนรวมระดับ ประถมศึกษาปท ่ี 6 จากการจัดกจิ กรรมกลุมเพื่อนชว ยเพอื่ น ผลการวจิ ัยพบวา เด็กออทิสตกิ ทีไ่ ดร บั การสอนทักษะทาง สงั คมโดยกิจกรรมกลุมเพื่อนชว ยเพอ่ื นมีทกั ษะทางสังคมดีขน้ึ พชั รี จิว๋ พฒั นกลุ (2549) ไดท าํ การศกึ ษาการเสริมสรา งทักษะทางสงั คมของเด็กออทสิ ติกเพอ่ื ศึกษาผลของผล ของการเสรมิ สรา งทกั ษะทางสงั คมสําหรับเดก็ ออทสิ ตกิ กลมุ ตัวอยา งที่ใชในคร้ังนี้ไดแ กเ ด็กออทิสติกท่ีมปี ญหาดานการ ควบคุมตนเอง การสื่อความหมายกับบุคคลอ่ืนและการทํางานรวมกับบุคคลอื่น จํานวน 6 คน ทําการเลือกแบบ เจาะจง เครื่องมือที่ใชในการวิจัย ไดแก แบบตรวจสอบทักษะทางสังคม แบบเสริมสรางทักษะทางสังคม ของเด็กออทิสติกและแบบประเมินทักษะทางสังคมของเด็กออทิสติก ผลการวิจัย พบวา เด็กออทิสติกท่ีไดรับการ เสรมิ สรา งทักษะทางสงั คมทง้ั 3 ดานมที กั ษะทางสังคมทด่ี ขี ึ้นอยา งชดั เจน ธิดากร มณีรัตน (2553) ไดศึกษาการพัฒนาทักษะทางสังคมสําหรับนักเรียนออทิสติกในโรงเรียนเรียนรวม ระดบั ประถมศึกษา โดยใชเร่ืองราวทางสังคม ผลปรากฏวาการใชเร่อื งราวทางสังคมกับนักเรียนเปาหมาย 1 คน โดย อานเร่ืองราวทางสังคมทีละเรือ่ งทุกวัน วันละ 2 คร้ัง อานเรื่องเขาคิวดกี วานะ เปนเวลา 3 สัปดาห เรื่องเดินเปนแถว ดกี วา 2 สปั ดาห และเรอ่ื งบอกกนั ดี ๆ กไ็ ด 2 สปั ดาห พบวา ทักษะทางสังคมท่ีเปนปญหาระยะเสนฐาน ระยะการจัด กระทําและระยะหยุดการจัดกระทํา มีคาเฉลี่ยดังนี้ 1) การแซงคิวสงงาน มีคาเฉลี่ย 2.67, 0.71 และ 0.00 ตามลําดับ 2) การเดินออกนอกแถว มีคาเฉล่ีย 2.10, 0.30, และ 0.20 ตามลําดับ 3) การตีเพื่อน มีคาเฉล่ีย 0.87, 0.10, และ 0.00 ตามลําดับ ซง่ึ แสดงวา เรือ่ งราว ทางสังคมท่ีผวู จิ ัยพัฒนาขนึ้ สามารถลดพฤตกิ รรมที่เปนปญหา ในการเรยี นรว มของนกั เรียนออทสิ ตกิ ได พิกุล ทําบุญตอบ (2555) ไดศึกษาผลของการใชการเสริมแรงที่เปนกิจกรรมเพื่อลดกิจกรรมการพูดเพอเจอ ของบุคคลออทิสติกเพ่ือเสริมสรางทักษะทางสังคม ผลการวิจัย พบวา การเสริมแรงเปนกิจกรรมท่ีสามารถลด พฤติกรรมการพูดเพอเจอของบุคคลออทิสติกได จากการวิจัยสามารถอธบิ ายผลการวิเคราะหข อมูลที่ได คือ คาเฉลี่ย ของจํานวนชวงเวลาพูดเพอเจอ ของการทดลองในเสนฐานมีคาเทากับ 18 ในระยะทดลอง ซ่ึงเปนระยะท่ีใชแผนการ เสริมแรงท่ีเปนกิจกรรมมีคาเฉล่ียชวงเวลาเทากับ 5.95 และในระยะถอดถอนมีคาเฉลี่ยจํานวนชวงเวลา เทากับ 2.4 สอดคลอ งกับสมมติฐานท่ีต้ังไวว า การใชการเสริมแรงท่ีเปนกิจกรรม สามารถลดพฤติกรรมการพูดเพอเจอของบุคคล ออทิสตกิ ได Sally (2000) ไดศ ึกษาความบกพรองทางสังคมในบุคคลออทสิ ตกิ โดยใชโ ปรแกรมเพื่อพัฒนาทักษะทางสงั คม ผลการใชโปรแกรมกบั บคุ คลออทิสติก พบวา บคุ คลออทิสติกมีการตอบสนองกับบุคคลอนื่ ในกลมุ มากขึน้ มีปฏิสัมพันธ ทางสังคมท่ีดขี นึ้ จากงานวิจัยที่เก่ียวของเก่ียวกับการเสริมสรางทักษะทางสังคมสามารถสรุปไดวา การเสริมสรางทักษะทาง สังคมเปนสิ่งสําคัญตอการพัฒนาบุคคลออทิสติกใหสามารถปรับตัวเพ่ือแสดงหาความรูใหมดวยการมีปฏิสัมพันธก ับ ผูอ นื่ ทาํ ใหบุคคลแสดงบทบาทและทาํ หนา ที่ของตนเองไดอ ยา งเหมาะสม ซง่ึ กจิ กรรมการเสรมิ สรางมีความแตกตางกัน ออกไปหลากหลายวิธีการและรูปแบบ เชน สอนโดยเรื่องราวทางสังคม สอนโดยรปู ภาพ สอนโดยนิทาน เปนตน ซึ่ง กิจกรรมเหลานี้ลว นพัฒนาพื้นฐานการเขาสูสังคม อันสง ผลทาํ ใหบคุ คลออทิสติกสามารถอยรู ว มกันและทาํ งานรวมกัน ไดอยา งมปี ระสิทธิภาพ
6) แนวทางในการสงเสรมิ พฒั นา ปองกันและแกไขปญ หาทเ่ี ก่ยี วขอ งกบั ตัวแปรตาม/ตัวแปรทศ่ี กึ ษานนั้ จากหัวขอท่ีผูวิจัยสนใจที่จะศึกษาการพัฒนาทักษะทางสังคมของนักเรียนออทิสติก โดยใชชุด กิจกรรมแนะแนว ซ่ึงการวิจัยในคร้ังผูวิจัยตองการสง เสริมการพัฒนาทักษะทางสงั คมของนกั เรียนออทิสติกไปในทาง ที่ดีขึ้น และสามารถนําไปใชเปนแนวทางในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนชุดกิจกรรมแนะแนว ของนักเรียนออทสิ ตกิ ใหกบั หนว ยงานหรือสถาบันศกึ ษาตาง ๆ หรือองคก รท่ีเก่ียวของในการพัฒนาการจัดการพิเศษ รวมถงึ เปน แนวทางในการขับเคลื่อนการจดั การศึกษาสําหรับนกั เรยี นที่มีความตองการพิเศษตอไป
บรรณานุกรม กรยั วเิ ชยี ร นอ ยวิบล. (2550). ผลของการฝกโดยใชลูกบอลทม่ี ีตอเวลาปฏกิ ิริยาตอบสนองมอื และตาของเด็กออทิสติก. กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร. กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2545). พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแหงชาติ พทุ ธศักราช 2542 และ แกไขเพิม่ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พทุ ธศักราช 2545. สาํ นักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ. กลุ ยา กอ สวุ รรณ. (2553). ภาวะบกพรอ งทางสตปิ ญ ญา. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. เกรียงศกั ด์ิ เจรญิ วงศศ กั ด.์ิ (2556). การคดิ เชิงสรางสรรค. กรงุ เทพฯ: ซัคเซส มเี ดีย. จุลมณี สรุ ะโยธนิ . (2554). ผลของการจดั กิจกรรมเรียนรูรวมกนั ทางอนิ เทอรเน็ตดว ยการเขียนสะทอนคิดผานส่ือสงั คม ออนไลนท มี่ ตี อทกั ษะทางสงั คมของนักเรียนมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร. ชาริณี หวาจีน. (2548). การศึกษาทักษะทางสังคมของเด็กออทิสติกในชั้นเรียนรวม ระดับช้ันประถมศึกษาปท่ี 6 จากการจัดกิจกรรมเพื่อนชวยเพ่ือน. สารนิพนธ กศ.ม. (การศกึ ษาพเิ ศษ) บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ. ดารณี อุทยั รตั นกจิ . (2547). การจัดการศึกษาสําหรับเดก็ ออทิสตกิ . (เอกสารประกอบคาํ สอน). กรงุ เทพฯ: โครงการ อบรมครูและบุคลากรทางการศกึ ษาพิเศษโดยศนู ยวจิ ัยการศึกษาเพ่ือเดก็ ทตี่ อ งการความชวยเหลือพเิ ศษ โรงเรียนสาธิตแหง มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร โดยศนู ยว จิ ยั เพือ่ เด็กทีต่ องการความชว ยเหลอื พิเศษ ศูนยวิจยั และพฒั นาการศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตรร ว มกับกรมสขุ ภาพจติ . ธิดากร มณีรตั น. (2553). การพัฒนาทักษะทางสังคมโดยใชเร่อื งราวทางสงั คม สําหรับนกั เรียนออทสิ ตกิ ในโรงเรียน เรยี นรวมระดบั ประถมศึกษา. วารสารวิจยั มหาวิทยาลยั ขอนแกน. ปทมา บนั เทงิ จติ . (2548). ทกั ษะทางสังคมดานการเลน กับเพื่อนของเด็กออทิสตกิ โดยการจดั กิจกรรมการละเลนเพื่อน บานของไทยประกอบการการสื่อดวยภาพ.ปริญญานิพนธ กศ.ม.(การศึกษาพิเศษ). กรุงเทพฯ: บัณฑิต วิทยาลยั มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ. พชั รี จ๋ิวพัฒนากลุ . (2549). การพฒั นาแบบฝก เพื่อเสรมิ สรางทกั ษะทางสงั คมสําหรบั เด็กออทิสตกิ . (วิทยานพิ นธด ษุ ฎีบณั ฑิต). กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. พกิ ลุ ทาํ บญุ ตอบ. (2555). ผลของการใชการเสริมแรงทเี่ ปนกิจกรรม เพื่อลดกิจกรรมการพูดเพอ เจอของเดก็ ออทสิ ติก. การประชุมวิชาการระดับชาตทิ างการศกึ ษาสําหรับนกั เรยี นทีม่ คี วามตองการจาํ เปนพเิ ศษ คร้งั ท่ี 2 “เปล่ยี น หองเรียน เปดโอกาสสูการมีงานทํา” วันท่ี 28-30 สิงหาคม 2556 ณ โรงแรมเฟรส โฮเทล กรุงเทพมหานคร สาํ นกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน. พรศิริ บรรจงประเสริฐ.(2552). การสงเสริมและพัฒนาทักษะทางสังคมของเด็กออทิสติกดวยกระบวนการวิจัย ปฏิบัติการแบบมีสวนรวม ในโรงเรียนที่จัดการเรียนรวม: พหุกรณีศึกษา. วิทยานิพนธปริญญามหาบัณฑติ . สาขาวจิ ยั การศึกษา ภาควชิ าวจิ ยั และจติ วิทยาการศกึ ษา คณะครุศาสตร จฬุ าลงกรณม หาวิทยาลัย. ผดงุ อารยะวญิ .ู (2546). การวจิ ัยแบบกลุมตวั เอยา งเด่ียว: ใน เอกสารประกอบการสอนการวจิ ัยในชัน้ เรยี นการวิจัย ทางการศกึ ษาพิเศษ การศกึ ษาพฤติกรรม การวิจัยทางคลนิ ิก. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ. ศศินันท ศิริธาดากุลพัฒน. (2552). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อเสริมสรางทักษะทางสังคมและความ
ฉลาดทางอารมณสําหรับนักเรยี นชวงชั้นท่ี 2 ท่ีมีความสามารถพิเศษ. ปริญญานิพนธการศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ. สขุ ุมาล เกษมสขุ . (2535). การสอนทักษะสงั คมในชั้นประถมศึกษา. กรงุ เทพฯ: คณะศึกษาศาสตรมหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. สถาบันราชานกุ ลู . (2555). เดก็ ออทสิ ตกิ คมู ือสาํ หรบั คร.ู กรงุ เทพฯ: บริษทั บยี อนด พับลิสซ่งิ จาํ กดั . สุรางค โควตระกลู . (2553). จติ วิทยาการศกึ ษา. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลยั . สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน. (2547). การพัฒนาหลกั สูตรสาํ หรับบุคคลออทสิ ติก ระดบั การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2547. กรุงเทพฯ: สาํ นักงาน. Jaqueline, S. (2008). What is Autism?. Woodland Hills.
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: