ความหมายของโรคไม่ติดต่อเรอื้ รัง (NCDs) โรคในกลุ่ม NCDs ทม่ี ีอตั ราผปู้ ่วยและผเู้ สยี ชวี ติ สงู สดุ โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) โรคหลอดเลอื ดสมองและหัวใจ (Cardiovascular & Cerebrovascular Diseases) โรคมะเรง็ (Cancer) โรคความดันโลหิตสงู (Hypertension) โรคอว้ นลงพุง (Obesity)
1.นกั ศึกษาบอกสาเหตุ อาการ การรักษาของโรคไมต่ ิดตอ่ เรื้อรงั ได้ 2. นักศึกษาสามารถแนะนารายการอาหารท่เี หมาะสม สาหรบั ผปู้ ว่ ยโรคไม่ตดิ ตอ่ เรื้อรังได้
บรรยาย ดวู ดี ีโอ ถาม-ตอบ เล่นเกมส์
ชื่อภาษาอังกฤษ NCDs (Non-Communicable diseases) ช่อื ภาษาไทยเรยี กว่า กลุ่มโรคไมต่ ิดต่อเรอ้ื รงั กลุ่มโรคท่ไี มไ่ ดม้ ีสาเหตมุ าจากการติดเชื้อ ไมไ่ ดเ้ กดิ จากเชอ้ื โรค ไม่ สามารถติดต่อไดผ้ า่ นการสัมผัส คลุกคลี หรือ ตดิ ตอ่ ผ่านตัวนาโรค (พาหะ) หรอื สารคดั หลง่ั ต่างๆ เกิดจากปจั จยั ตา่ งๆ ภายในร่างกาย วถิ กี ารใช้ชีวิต ทม่ี พี ฤติกรรมเสย่ี ง อยา่ งด่ืมเหล้า สูบบหุ รี่ ขาดการออกกาลังกาย อาหารหวานมนั เคม็ จัด และมคี วามเครยี ด
โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) โรคหลอดเลอื ดสมองและหัวใจ (Cardiovascular & Cerebrovascular Diseases ) โรคมะเร็ง (Cancer) โรคความดันโลหิตสงู (Hypertension) โรคอว้ นลงพงุ (Obesity)
เบาหวาน เกดิ จากความผิดปกตขิ องรา่ งกายท่มี ีการผลติ ฮอรโ์ มน อินซูลินไมเ่ พยี งพอ อนั ส่งผลทาใหร้ ะดบั นา้ ตาลในกระแสเลอื ดสูงเกนิ โรคเบาหวานจะมีอาการเกิดขน้ึ เนอ่ื งมาจากการทรี่ า่ งกายไมส่ ามารถใช้ น้าตาลไดอ้ ย่างเหมาะสม ปี 2550 พบผปู้ ่วยเบาหวานแลว้ ถงึ 246 ล้าน คน โดยผ้ปู ่วยเบาหวานท่ัวโลก 4 ใน 5 เปน็ ชาวเอเชีย https://www.youtube.com/watch?v=fB36IHaDEcM
โรคเบาหวานชนดิ ท่ี 1 เกิดจากภูมิต้านทานของรา่ งกายทาลายเซลล์ ซงึ่ สรา้ งอินซลู นิ ในสว่ นของตบั อ่อนทาใหร้ ่างกายหยุดสรา้ งอินซลู ิน หรือสร้างได้นอ้ ย มาก ดงั ทเ่ี รียกว่า โรคภูมติ า้ นทานตัวเอง หรอื ออโตอิมมูน(autoimmune) ดังนั้น ผปู้ ่วยเบาหวานชนิดท่ี 1 จงึ จาเป็นตอ้ งฉดี อินซลู ิน โรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 เปน็ เบาหวาน ที่พบเห็นกนั เป็นส่วนใหญ่ สาเหตุ ทีแ่ ท้จรงิ นนั้ ยังไม่ทราบชดั เจน แต่มสี ่วนเก่ียวกบั พนั ธกุ รรม นอกจากน้ี ยังมี ความสัมพนั ธ์กบั ภาวะ นา้ หนกั ตวั มาก และขาดการออกกาลังกาย มีลกู ดก อกี ทัง้ วัยท่เี พ่มิ ขนึ้ เซลลข์ องผปู้ ว่ ยยังคงมกี ารสรา้ งอินซูลินแต่ทางานไม่เปน็ ปกติ เนือ่ งจากมภี าวะดื้อต่ออนิ ซลู นิ
1.เลอื กบริโภคอาหารให้ครบ 5หมู่ โดยคานึงถงึ พลังงานท่ีได้จาก อาหารโดยประมาณจากคารโ์ บไฮเดรต(แปง้ ) ประมาณ 55-60%โปรตีน (เนื้อสัตว์) ประมาณ 15-20%ไขมนั ประมาณ 25% 2.ผ้ทู ีม่ นี ้าหนกั ตัวมากควรจะตอ้ งลดปรมิ าณการรบั ประทานลง โดยอาจจะคอ่ ยๆลดลงให้เหลอื เพยี งครง่ึ หนึง่ ของปรมิ าณทีเ่ คย รับประทานปรกติ และพยายามงด อาหารมันๆ ทอดๆ 3.รับประทานอาหารท่มี ีกากใย มากเพอ่ื ช่วยในการขับถ่าย
4.หลกี เลีย่ งการรับประทานจกุ จกิ และรบั ประทานอาหารไม่ตรง เวลา 5.พยายามรบั ประทานอาหารในปรมิ าณทสี่ ม่าเสมอกันในทกุ มอ้ื 6.หากมอี าการเกยี่ วกับโรคไตหรือความดนั โลหติ สงู ควรหลกี เลยี่ ง อาหารรสเคม็ 7.แม้ระดบั นา้ ตาลในเลือดจะปรกตดิ แี ลว้ กค็ วรจะต้องควบคมุ อาหารตลอดไป
•น้าตาลทกุ ชนิด รวมไปถึงน้าผึง้ •ผลไมก้ วนประเภทตา่ ง •ขนมเช่อื ม ขนมหวานตา่ งๆ •ผลไม้ท่ีมีรสหวานมากๆ •นา้ หวานประเภทต่างๆ •ขนมทอดกรอบหรอื ชบุ แป้งทอด
โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจเปน็ กลมุ่ อาการของโรคที่เกิดจาก หลอดเลอื ดตบี ตัน หรอื หลอดเลอื ดแข็งตวั ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมนั โปรตนี และแร่ธาตุในผนังหลอดเลอื ดจนเกิดการตบี ตนั และแคบ ทาใหม้ ี ความตา้ นทานการไหลของเลอื ด หลอดเลอื ดขาดความยดื หยนุ่ เปราะบางมากขึ้น หากเกิดบริเวณหลอดเลือดแดงท่ไี ปเลีย้ งหวั ใจ จะทา ให้เลือดไปเลย้ี งหวั ใจได้น้อย เกิดโรคหวั ใจขาดเลือด หากอุดตนั จนเลือด ไปเลีย้ งหัวใจไม่ได้ จะเกิดหัวใจวายเฉยี บพลัน หรอื หัวใจลม้ เหลว ทาให้ กล้ามเนือ้ หวั ใจตาย และเสียชีวิตได้ https://www.youtube.com/watch?v=OTeDoOek-ts
แบ่งออกเปน็ 3 กลุ่มดังน้ี 1. กล่มุ กลา้ มเนือ้ หัวใจขาดเลือด (กลา้ มเน้อื ยังไมต่ าย) หวั ใจเกดิ การทางานท่หี นกั ข้นึ หัวใจเตน้ แรง เหน่ือยงา่ ย บางคร้งั มีอาการคลน่ื ไส้ อาเจียน เปน็ ลม เหงือ่ ออกมาก มือเทา้ เย็น บางคนไม่มีอาการดังกลา่ ว แต่ เกดิ อาการหวั ใจวายกะทันหัน ถา้ เกดิ ที่สมอง อาจมอี าการพูดจาตดิ ขัด ชาตามหนา้ แขน ขา และปาก
2. กลุ่มท่กี ล้ามเน้อื หัวใจวาย เน่ืองจากหัวใจไดร้ ับเลอื ดมาเลีย้ ง ไม่พอ ทาให้กลา้ มเนอ้ื หัวใจขาดออกซิเจน มอี าการเจบ็ หนา้ อกอย่าง รุนแรงนานเกนิ 30 นาที หรือจนกว่าจะได้รบั การรกั ษา มีอาการแน่น หน้าอก หายใจไมอ่ อก เขยี วซีด และชอ็ ก เนอ่ื งจากหัวใจหยุดทางาน และ มกั เสยี ชวี ติ ในเวลาตอ่ มา 3. กลุม่ ที่เสยี ชีวติ ทนั ที กลุ่มทม่ี ีอาการเช่นเดียวกบั กลุม่ 1 และ กลุ่ม 2 เม่ือเกดิ อาการ และนาสง่ โรงพยาบาลไมท่ นั
1. ควบคมุ นา้ หนกั ตัวใหอ้ ย่ใู นเกณฑป์ กติ โดยตรวจสอบได้จาก การคานวณหาดัชนีมวลกาย 2. ลดการบรโิ ภคไขมนั และผลิตภณั ฑ์จากสัตว์ เชน่ กนุ เชยี ง ไส้ กรอก หมยู อ และเลอื กบริโภคเนือ้ สัตวไ์ ม่ตดิ มัน หรอื เนอ้ื ปลาทีม่ ไี ขมนั นอ้ ย เช่น ปลาช่อน ปลาตาเดียว ปลาไส้ตนั 3. ถ้าดม่ื นมได้ ใหด้ ืม่ นมชนิดพร่องมนั เนย หรอื ขาดมนั เนย 4. ลดอาหารท่ีมีสว่ นประกอบของเนยแท้ และเนยเทียม เชน่ เบ เกอร่ตี ่าง ๆ
5. ใช้น้ามนั พชื ในการประกอบอาหาร โดยเลือกชนดิ ของน้ามนั ให้ มีสัดสว่ นของกรดไขมันไมอ่ ิม่ ตัวเชงิ เดีย่ ว-สงู เชน่ นา้ มนั ราข้าว หรอื เลือก น้ามนั ท่มี ีกรดไขมันจาเป็นไลโนเลอกิ และไลโนเลนิกสงู เช่น นา้ มันถั่ว เหลอื ง 6. เลอื กบริโภคอาหารท่มี โี คเลสเตอรอลตา่ 7. บริโภคผัก ผลไม้ ให้ได้วิตามนิ ซี และเบตา้ แคโรทนี เพ่อื ช่วยให้ หลอดเลอื ดมีความแขง็ แรง
โรคมะเร็ง คือ การกลายพนั ธุ์ในยนี ส์ซ่งึ ปกตใิ นร่างกายเรามีเซลล์ อยู่หลายชนิด แตล่ ะชนิดเมอ่ื เราอายมุ ากขึ้นจะมีเซลลบ์ างสว่ นตายไปจงึ เกดิ การสรา้ งเซลลใ์ หม่ขน้ึ มา ซ่ึงต้องอาศัยแม่แบบจากเซลลเ์ ดิมเปน็ ตน้ แบบ เช่น ตบั แท้จรงิ แล้วตบั มีอายไุ มถ่ ึง 4 เดอื น ผิวหนังมีอายุแค่ 21 วนั กต็ าย เลือดกม็ ีอายปุ ระมาณ 90 วัน ในระหว่างท่ใี ช้แมแ่ บบเดมิ นาน เขา้ กเ็ กิดการผิดพลาดเนอื่ งจากตัวแมแ่ บบโดนโจมตี ซ่งึ อาจถกู โจมตีโดย ไวรสั แบคทีเรยี เช้ือรา รังสี อยา่ งเชน่ คนท่ีขน้ึ เครอ่ื งบนิ บอ่ ยๆ ก็มีรงั สี คอสมกิ แม้แต่อเิ ลก็ โตรแมกเนตกิ ส์ เช่น พวกโทรศพั ท์มือถอื ส่ิงต่างๆ เหลา่ น้ีล้วนสง่ ผลกระทบตอ่ เซลล์
โดยปกตริ า่ งกายเราสามารถกาจดั ท้งิ ได้ แตม่ ะเร็งเกดิ จากระบบกาจดั เซลล์ผดิ ปกติของร่างกายเป็นอมั พาต คอื ไม่สามารถทางานได้ ทาให้เซลล์ที่ ผดิ ปกติเหล่านร้ี วมตัวกันขน้ึ จาก 1 เซลล์เปน็ 2 เซลลแ์ ล้วเกิดสะสมกลาย พันธ์ขึ้นเรื่อยๆ จากจุดเดียวเปน็ หลายๆจดุ เมื่อมกี ารกลายพันธ์จดุ หนึง่ กเ็ ปน็ ต้นแบบใหส้ ร้างเซลลใ์ หมเ่ พม่ิ อกี เซลล์ใหม่กก็ ลายพันธเ์ พ่มิ กลายเป็นหน้าตา ประหลาด อยา่ งเชน่ อยู่ทีต่ บั เราซงึ่ ไม่ใชเ่ ซลลต์ บั แล้วแตก่ ลายเปน็ อกี สายพนั ธ์ หน่งึ มีลกั ษณะท่นี ่ากลัว มขี นาดใหญ่ เซลลต์ บั ส่วนนัน้ กท็ างานไม่ได้ การ ทางานของเซลลม์ ะเรง็ คือ การกนิ เซลลต์ บั ถ้าอยู่ทปี่ อดกเ็ ปน็ เซลล์ปอด แลว้ ยงั สง่ เซลลล์ ูกกระจายไปทัว่ และไปทกี่ ระดูกได้ลามไปทัว่ ร่างกาย
การสูบบหุ ร่ี ปัจจัยดา้ นอาหาร การตดิ เช้ือบางอยา่ ง การสัมผสั รังสี การขาดกจิ กรรมทางกาย ความอว้ น มลภาวะสิง่ แวดล้อม
อาการบง่ บอกระยะเรม่ิ แรก พบก้อนในรา่ งกาย มีการเปลยี่ นแปลง สี ขนาด รูปร่างของไฝ แผลไม่หายใน2-3สปั ดาห์ แผลในปากหรอื ลิ้นไม่หายใน 2-3 สปั ดาห์ ไอเรอื้ รัง 3 สัปดาห์ มีเสมหะและเลอื ดปน
อาการบ่งบอกระยะเรม่ิ แรก กลนื ลาบากและแน่นทอ้ งอาหารไม่ยอ่ ย ปัญหาเกยี่ วกบั ปสั สาวะ ปสั สาวะลาบาก มเี ลอื ดออกมากบั ปสั สาวะ อุจาระมีเลอื ดปน ทอ้ งร่วงเรื้อรงั
อาการบง่ บอกระยะเร่มิ แรก เหนื่อยงา่ ย หายใจลาบาก ไอมีเลอื ดปน นา้ หนกั ลดโดยทไ่ี ม่ทราบสาเหตุ อาการปวดท่ใี ดท่ีหน่ึงติดตอ่ กนั มากกวา่ 4 สปั ดาห์
1.ผา่ ตดั มะเร็งคอื สิ่งผิดปกติทางพนั ธกุ รรมในเซลลแ์ ลว้ ขยายมาก ขึ้นๆ ซง่ึ เราเรียกกนั วา่ เนื้องอก แก้ไขโดยไปตดั เนือ้ งอกออก 2.การฉายรงั สี เมอ่ื ยิงรังสเี ข้าไปจะไปทางายเซลล์ในจุดทีร่ งั สี โฟกสั ส่วนใหญม่ ักใชป้ ระกอบกับการผา่ ตดั เพราะเมื่อผ่าตัดแล้วบางสว่ น อาจจะยังไมห่ มด กใ็ ชว้ ิธีฉายรังสีฆ่าเซลล์เหล่านน้ั ซา้ อีกครัง้ หน่ึง
3.การใหค้ ีโม เคมีบาบัดฉดี และกนิ เขา้ ไปเพอ่ื ฆา่ เซลล์ที่มกี าร แบง่ ตวั เยอะๆ เซลล์ท่มี ีการเจรญิ เตบิ โตมาก แต่ผลขา้ งเคยี ง คอื เซลล์ ปกติทม่ี กี ารเจริญเตบิ โต เช่น เสน้ ผมก็โดนจัดการไปด้วย มอี าการเบอ่ื อาหาร ทานขา้ วไมไ่ ด้ ใช้ในรายทม่ี ะเรง็ กระจายไปหลายทไี่ มไ่ ด้อยู่จุด เดียว 4.ฮอร์โมน มะเร็งทอ่ี ยู่ในทท่ี สี่ รา้ งฮอรโ์ มนจะใชต้ วั ฮอรโ์ มนเขา้ ไป กากับมะเรง็ อกี ทางหนงึ่
กลุ่มของอาหารทช่ี ว่ ยลดความเสย่ี งของโรคมะเรง็ 1. เบตา้ -แคโรทนี พบในผกั และผลไม้สเี ขียว หรือเหลืองเขม้ ไดแ้ ก่ มะม่วง ผกั ขม แครอท บรอคโคลี่ และมะเขือเทศ 2. วิตามิน พบในพวกผลไม้ทม่ี รี สเปรีย้ ว ไดแ้ ก่ สตรอเบอร่ี แตงโม สม้ ชะเอม 3. ซิลเิ นียม อยใู่ นจมกู ขา้ ว ราขา้ ว ปลาทูน่า หัวหอม กระเทยี มและเหด็ 4. ใยอาหาร มีมากในผกั ผลไม้และพวกเมล็ดธญั พชื ตา่ งๆ 5. คาร์โบไฮเดรตเชิงซอ้ น พบในขนมปังธัญพชื และถ่วั ตา่ งๆทไ่ี ม่ใช่อาหาร เจ
5 ประการเพอ่ื ป้องกนั 1. รับประทานผักตระกูลกะหล่าใหม้ าก เชน่ กะหลา่ ปลี กะหลา่ ดอก ผกั คะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ (เพื่อปอ้ งกนั โรคมะเร็งลาไสใ้ หญ่ ลาไส้สว่ นปลาย กระเพาะอาหาร และ อวัยวะระบบทางเดนิ หายใจ) 2. รบั ประทานอาหารที่มีกากมาก เชน่ ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมลด็ ธญั ญาพืช อนื่ ๆ[ เพ่อื ป้องกนั มะเร็งลาไส้ใหญ)่
3. รบั ประทานอาหารที่มี เบตา้ -แคโรทีน และไวตามนิ เอ สูง เช่น ผกั สด ผลไม้ สเี ขยี ว-เหลอื ง(เพอื่ ป้องกนั มะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสยี ง และปอด) 4. รบั ประทานอาหารทีม่ ีไวตามนิ ซี สูง เชน่ ผกั สด ผลไม้ต่างๆ (เพอ่ื ปอ้ งกนั มะเรง็ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร) 5. ควบคุมนา้ หนกั ตัว(โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กบั โรคมะเรง็ มดลกู ถงุ น้าดี เตา้ นม และลาไส้ใหญ่ การออกกาลังกายและลดการ)รบั ประทาน อาหารทใ่ี หพ้ ลงั งานสงู จะช่วยป้องกันมะเรง็ เหล่านี้ได้
7 ประการเพอ่ื ลดความเสย่ี ง 1. ไมร่ บั ประทานอาหารทมี่ รี าขึน้ 2. ลดอาหารไขมัน 3. ลดอาหารดองเค็ม อาหารปงิ้ -ย่าง รมควัน และอาหารท่ถี นอม ด้วยเกลอื ไนเตรท-ไนไตร์ท 4. ไม่รบั ประทานอาหารสกุ ๆดบิ ๆ เชน่ ก้อยปลา ปลาจ่อม ฯลฯ 5. หยดุ หรือลดการสูบบหุ ร่ี 6. ลดการดม่ื แอลกอฮอล์ 7. อยา่ ตากแดดจดั
ความดนั โลหิตเปน็ แรงดันของเลือดท่กี ระทาต่อผนงั หลอดเลือด จะ วดั ออกมาเป็นค่ามิลเิ มตร ปรอทการวัดความดนั จะวัดออกมา สองค่าคอื ค่าตวั บนหรือท่เี รยี กว่า Systolic เป็นความดนั โลหติ ขณะทีห่ วั ใจบีบตวั สว่ น Diastolic เปน็ ความดันตวั ลา่ ง เปน็ ความดนั โลหิตขณะที่ หัวใจคลาย ตัว ความดันโลหิตของคนเราจะขึ้นๆลงๆ เวลาหลบั ความดันโลหติ จะตา่ กว่าเวลาตนื่ เต้น เวลาตกใจ กลัว ดีใจ เครียด เหน่อื ย ความดันโลหิตจะ สูงข้ึน ความดันโลหติ ที่สงู ไมย่ อมลงเรยี กความดนั โลหิตสูง
ความดนั โลหติ สงู จะมีผลเสียต่อร่างกายคอื คนทเ่ี ป็นความดนั โลหติ สงู อาจจะไม่มีอาการ แตห่ ากไม่รกั ษาจะทาใหห้ ัวใจโต และหัวใจวายใน ท่ีสุด ผลจากความดนั ก็ทาให้หลอดเลือดแดงแขง็ เลอื ดไปเล้ยี งอวัยวะต่างไม่ พอก็ทาให้เกิดโรคกบั อวยั วะนั้น เชน่ โรคไต โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ
• ควบคมุ น้าหนกั ใหเ้ หมาะสม • ให้ออกกาลงั กายอยา่ งสม่าเสมอ • รับประทานอาหารทมี่ ีคุณภาพ ซ่งึ ประกอบไปด้วยผกั ผลไม้ และมีเกลอื น้อย • ดืม่ สุราใหล้ ดลง • รับประทานยาตามแพทยส์ งั่
รายการอาหารทคี่ วรรับประทาน ในแตล่ ะมอ้ื ของผ้ปู ่วยความดันหติ สงู ควรประกอบด้วย แป้ง ข้าว บะหมี่ กว๊ ยเต๋ยี ว หรอื ขนมจีน ท่ีเทียบเท่าปรมิ าณ 1 สว่ นไมเ่ กนิ 2 ทัพพี ผัก มอื้ ละจาน อาจจะเปน็ ผักกาดขาว ผกั บงุ้ ผักคะนา้ แตงกวา มะเขอื เทศ ฯลฯ เน้ือสตั ว์ 4-5 ชิน้ คา ควรจะเปน็ พวกปลามากกว่าสตั วอ์ ืน่ ๆ หาก เป็นไก่หรอื เปด็ ตอ้ งลอกหนังออก หมตู อ้ งเปน็ หมเู นอื้ แดง
รายการอาหารท่คี วรรบั ประทาน ผลไมข้ นาดกลาง มอ้ื ละผล เช่น ส้ม 1 ลูก หรือฝรงั่ 1 ลกู หรือมะม่วงคร่งึ ซกี หรอื สปั ปะรด 6 ชน้ิ หรอื มะละกอ 8 ชิ้น หริแตงโม 12 ชนิ้ หรอื กล้วยหอมครึ่งลกู หรือกลว้ ยน้าวา1ผล หรอื ชมพู่ 2-3 ผล หรือขนนุ 2-3 ยวง หรอื ทเุ รียนขนาดเลก็ 1เม็ด ฯลฯ นม ต้องเปน็ ชนดิ พรอ่ งมนั เนย หรือโยเกิร์ต วนั ละ 2 กลอ่ ง ถัว่ ได้แก่ถั่ลสิ ง มะม่วงหมิ พานต์ แอลมอนต์ เมล็ดทานตะวนั เมล็ดแตงโม ถว่ั ลนั เตา ถั่วแระ ถ่ัวเขียว ฯลฯ นา้ มนั ให้ใชน้ า้ มนั มะกอก นา้ มันถว่ั เหลือง น้ามันทานตะวนั น้ามันขา้ วโพดแทนนา้ มนั ปามล์ พยายามหลกี เลยี่ งอาหารทอด ผดั ให้ใชอ้ บ ต้มหรอื เผา
คาจากดั ความ ◦Overweight : นา้ หนักเกินมาตรฐาน 10 % ◦Obesity : ปรมิ าณไขมันในรา่ งกายเกิน 25 % BMI มากกวา่ 25 น้าหนกั เกินมาตรฐาน 20 %
มวลกล้ามเนอ้ื ปริมาณไขมนั ในร่างกาย น้าในร่างกาย กระดูก
เพศหญิงไขมนั สูงกวา่ ชาย เพศชายมีกลา้ มเนือ้ มากกว่า อายนุ ้อยกว่ามกี ลา้ มเนอ้ื มาก อายมุ ากกวา่ มีไขมันมาก ใช้พลังงานมากจะมีไขมันน้อย เชือ้ ชาติ ผิวดาโครงสร้างกระดูกใหญก่ ว่าผวิ ขาว อากาศ ผทู้ ่ีอยใู่ นเขตหนาวจะมีไขมันใตผ้ วิ หนังมากกวา่
มวลกล้ามเน้อื (Lean body mass/LMB) มปี ระมาณ 20 % ของนน.ร่างกาย กาหนดอัตราการเผาผลาญขนั้ พ้ืนฐาน(basal metabolic rate/BMR) เปล่ียนไปตามวยั ผ้ใู หญม่ ี LBM มาก 30-65 % ของนน.ตัว LBM เปน็ ตวั กาหนดความต้องการพลงั งานเกอื บท้ังหมด ผมู้ ีเซลลก์ ล้ามเนื้อมากเผาผลาญไดด้ กี วา่ ผูท้ ่มี ีเซลลไ์ ขมันมาก
ปรมิ าณไขมันในร่างกาย(Body fat) ประมาณ 25 % ของนน. รา่ งกายแตกต่างกัน ขน้ึ อยู่กับความอว้ นและผอม เซลลไ์ ขมันเพ่มิ ปริมาณในวัยเดก็ จนกระทั่งวยั หนุม่ สาว หลงั จากนั้น จะคงที่ แตจ่ ะเพิม่ ขนาดเซลล์ หากบริโภคเกินหลงั จากทเี่ ซลล์ไขมัน เพิ่มขนาดเต็มท่แี ล้ว จะกระตุน้ ใหส้ ร้างปริมาณเซลลไ์ ขมันเพมิ่ อีก ซงึ่ จะทาใหไ้ มม่ ีทางแกไ้ ขนา้ หนักทเี่ พมิ่ ข้นึ ให้กลบั สสู่ ภาพเดมิ ได้
ปริมาณไขมันในรา่ งกาย(Body fat) ชายมปี ริมาณไขมนั อยใู่ นชว่ ง 14-28 % ของนน.ตัว หญงิ มีปรมิ าณไขมนั อยใู่ นช่วง 15-29 % ของนน.ตวั หญิงจะมกี ารสะสมเซลลไ์ ขมันทส่ี ะโพก ต้นขา อว้ นในส่วนลา่ งของ รา่ งกาย(genoid) ชายจะมกี ารอว้ นแบบไขมันสะสมบรเิ วณพงุ (android) อันตรายกว่า เกดิ ปัญหาสขุ ภาพ เช่น เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง
มวลดชั นีของร่างกาย(Body Mass Index/BMI) ใช้ประเมินความอ้วน BMI = น้าหนักตวั (กก.)/สว่ นสงู (ม2) BMI ปกติ = 18.5-24.9 กก./ม 2 BMI 25 กก./ม 2 Overweight BMI 30 กก./ม 2 Obesity**** ใชก้ บั ผมู้ อี ายุ 18 ปี ขึ้นไป
เสน้ รอบเอว ใช้บอกตาแหน่งการสะสมของไขมนั หญิงถ้าเอวใหญก่ วา่ 35 นวิ้ = อว้ นลงพงุ ชายถา้ เอวใหญ่กว่า 40 นว้ิ = อ้วนลงพุง ควรดาเนินมาตรการลดน้าหนัก
อัตราสว่ นเส้นรอบเอวตอ่ เสน้ รอบสะโพก (waist and hip ratio) บง่ ช้ีบรเิ วณไขมนั สะสมและลักษณะอว้ น 2 ประเภท - อว้ นแบบลกู แอปเปลิ้ : สะสมไขมนั บรเิ วณพงุ เสย่ี งเป็นเบาหวาน ความดนั โลหิตสูง มะเร็ง - อ้วนแบบลกู แพร/ชมพู่: ไขมนั สะสมที่สะโพก เส่ียงนอ้ ยกว่า
กรรมพนั ธุ์: มอี ทิ ธิพลสูง 50 % 80 % พอ่ แมอ่ ้วน เดก็ อว้ น 10 % พอ่ แมไ่ ม่อ้วน เด็กอ้วน 40 % พ่อแมค่ นใดคนหนงึ่ อ้วน เด็กอว้ น ควรเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ไขมนั ต่า ทานในเวลา และปริมาณที่เหมาะสม มีกิจกรรมเผาผลาญ กส็ ามารถลด อทิ ธพิ ลจากยีนได้
อตั ราการเผาผลาญพลังงาน(Metabolic rate) ระบบเผาผลาญตา่ อว้ นงา่ ย ยนี มีอทิ ธิพลต่ออัตราการเผาผลาญพลังงานข้นั พืน้ ฐาน (RMR) และ TEF
Search