เพ่มิ รายได้ ดทว้ายงเวลิถอื ีเกกษใหตมร่ ทะลคุ วามทา้ ทาย พน้ื ที่กสิกรรมนา่ น สนับสนุนโดย : ส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพิ่มรายไดด้ ้วยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพื้นทีก่ สิกรรมน่าน
ม ห า วิ ท ย า ลั ย แ ม ่ โ จ ้ เมลอนดไี ซน์ [email protected] รศ.ดร. ศริ พิ ร กิรตกิ ารกุล ออกแบบและผลิต ดร. อคั รพงศ์ อน้ั ทอง ดร. สขุ สถิตพ์ พสิ ษิ ฐส์ ัชญา ดร. นลินี คงสบุ รรณ์ ผู ้ เ ขี ย น นริ นั ดร์รกั ษ์ ปาทาน เ รี ย บ เ รี ย ง เมษายน 2565 เพมิ่ รายได้ด้วยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลคุ วามท้าทายพื้นทกี่ สกิ รรมนา่ น
คำ� นำ� ปจั จบุ ันนา่ นถือเปน็ จงั หวัดหน่งึ ที่มคี วามช่วยเหลือทง้ั จากภาครัฐ และภาคเอกชนในชว่ งตลอดครึง่ ศตวรรษ ท่ีผา่ นมาซง่ึ ไดด้ ำ� เนินโครงการต่าง ๆ เพ่ือชว่ ยเหลือ และพฒั นาพืน้ ท่สี ูงในจงั หวดั น่านอยา่ งต่อเนอื่ ง ไม่วา่ จะ เป็น สถาบันวิจัยและพฒั นาพน้ื ทีส่ งู โครงการหลวง หน่วยงานทหาร บริษทั เอกชน รวมถงึ รัฐวสิ าหกิจ ทงั้ น้ี โครงการพฒั นาดังกล่าว ลว้ นมวี ัตถปุ ระสงค์ทีจ่ ะชว่ ยยกระดบั คณุ ภาพชวี ิตของผคู้ นบนพื้นท่สี ูงใหม้ คี วาม มนั่ คงทางอาหารรวมถึงมีคณุ ภาพชีวติ ทดี่ ีขึน้ ในขณะเดยี วกนั ก็มีความพยายามในการลดหมอกควนั ท่เี กิด จากการเผาไร่ ลดการใชป้ ระโยชน์พ้นื ทป่ี ่าเพ่อื ท�ำกิน (โดยพน้ื ทเี่ หล่าน้มี กั ปรากฏอยู่ในลักษณะของพน้ื ท่ที บั ซ้อน) พร้อมกับสรา้ งโอกาสทางการตลาดให้กบั ผลผลติ ทางการเกษตร ปจั จุบนั มโี ครงการการจดั ท่ีดนิ ให้กับ ชมุ ชน โดยรัฐบาลท่ดี ำ� เนินการโดยคณะกรรมการนโยบายท่ดี ินแห่งชาติ (คทช.) ซง่ึ จะมีการจัดสรรท่ดี ินให้กบั ผู้ยากไร้ โดยไม่ตอ้ งเป็นกรรมสทิ ธ์แิ ต่รองรบั สทิ ธ์ิร่วมในการจดั การทด่ี ินของชมุ ชน นอกจากจะชว่ ยลดความ เหลอื่ มล�ำ้ ในการเขา้ ถึงทรพั ยากรที่ดนิ แล้ว ก็ยงั เป็นการอนรุ ักษท์ รัพยากรปา่ ไมอ้ กี ทางหนึ่งด้วย ท้งั น้ี เพื่อตอบคำ� ถามสำ� คญั เก่ยี วกับอาชีพท่จี ะสามารถสรา้ งรายได้ใหก้ ับเกษตรกรทดี่ กี ว่าในสภาวะปัจจุบนั ไปพร้อมกันกับการอนุรักษป์ า่ ไม้ของจังหวัดนา่ นทร่ี อ่ ยหรอลดไปทกุ วันจากการบกุ รกุ พ้ืนท่ปี ่าเพื่อท�ำกิน ทาง คณะวิจัยจงึ มีความประสงค์ทจี่ ะผลิตหนงั สอื ท่ีเออื้ ใหเ้ กษตรกรน่าน และผู้ท่สี นใจท่ัวไปสามารถอ่านท�ำความ เข้าใจไดง้ า่ ย โดยผ่านการเรียบเรยี งเน้อื หาข้นึ ใหม่จากรายละเอยี ดสว่ นใหญ่ในรายงานวิจัยเรอ่ื ง “โมเดลอาชีพ ทางเลือกและหว่ งโซอ่ ปุ ทาน” และรายงานวิจัยเรือ่ ง “สภาพเศรษฐกิจและภาระหน้ีสนิ ของครัวเรือนเกษตรบน พ้ืนท่ีสงู จงั หวดั นา่ น” ตามล�ำดับ เพอ่ื เผยใหเ้ หน็ ถึงประเดน็ ส�ำคญั ท่ีเก่ียวข้องกับเงื่อนไข และแนวทางการ ประกอบอาชีพท่ีเหมาะสมกับเกษตรกรผา่ นประเด็นใน 3 หวั ขอ้ หลัก อนั ประกอบด้วย (1) นา่ น: ทีม่ าแห่งมหา นที โดยในหัวข้อนี้เป็นการฉายให้เห็นถงึ บรบิ ทในภาพรวมของจังหวดั น่านท่ีครอบคลมุ ท้ังในมิตดิ ้านเศรษฐกจิ สงั คม และภูมศิ าสตร์ ซงึ่ จะชว่ ยใหเ้ กษตรกรสามารถเข้าใจ และเห็นภาพบรบิ ทของจงั หวดั นา่ นไดก้ ว้างข้นึ ส�ำหรับในหัวข้อ (2) ทางเลอื กใหม่บนความท้าทาย เปน็ การนำ� เสนอภาพความทา้ ทายทเ่ี กดิ ข้ึนในปจั จบุ ัน โดย เฉพาะประเด็นเกีย่ วกบั เงื่อนไขทางกฎหมายการใชท้ ่ีดนิ ในพน้ื ท่ลี ่มุ น้�ำชั้นที่ 1 – 5 ทสี่ ่งผลให้เกษตรกรตอ้ งใช้ แนวทางการผลิตในรูปแบบทีแ่ ตกต่างกันในแตล่ ะพนื้ ที่ นอกจากนี้ ในหวั ขอ้ ดังกล่าว ยงั มกี ารนำ� เสนอถงึ ความ ท้าทายทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั พืชยอดนยิ มอย่างขา้ วโพด และยางพาราที่ในปัจจบุ ันยงั คงเปน็ ค�ำถามของเกษตรกรใน ดา้ นการจัดการท่ีเหมาะสม และไมก่ อ่ ปญั หาในด้านมลภาวะใหก้ บั สงั คม นอกจากนน้ั ยังมกี ารนำ� เสนอโอกาส ใหม่ผ่านตัวอย่างโมเดลอาชีพเกษตรทางเลอื กและโซอ่ ุปทาน เพ่อื การเพม่ิ มูลคา่ ของผลผลิตอยา่ งย่ังยืนผา่ น การแนะน�ำรายการอาชพี ทนี่ า่ สนใจ และเหมาะสมตามบรบิ ทของแตล่ ะพ้ืนทีล่ ุ่มน�ำ้ โดยมีการแสดงรายละเอยี ด ข้อมูลต้นทนุ – ผลตอบแทนโดยเฉลย่ี ของการผลิต และโซอ่ ุปทานแต่ละรปู แบบ ซ่งึ ชว่ ยให้เกษตรกรสามารถ เห็นภาพรวมของอาชีพ และใช้เป็นขอ้ มลู สำ� หรบั ตัดสนิ ใจทำ� การผลิตในอนาคต และในหวั ข้อ (3) แบบอย่างเพอ่ื การปรับตวั จะเน้นการนำ� เสนอข้อมูลทเี่ กย่ี วข้องกับสาเหตุของความผิดพลาด กุญแจสู่ความสำ� เรจ็ ตลอด จนแนวคดิ จิตวทิ ยาการลงทุนทีอ่ ยู่เบ้ืองหลังกระบวนการผลติ ท่ีจะช่วยเตมิ เตม็ และสรา้ งความม่ันใจในการปรบั เปลย่ี นรปู แบบการผลติ ของเกษตรกรผา่ นการนำ� เสนอตัวอยา่ งเกษตรกร วสิ าหกิจชมุ ชน ศูนย์เรียนรู้ และ ต้นแบบทีม่ ศี ักยภาพในการผลติ ซึง่ อยู่ในจงั หวดั น่าน 3 แหง่ ประกอบด้วย ภรู ทิ ัศน์ฟาร์ม วนเกษตรวดั โปง่ ค�ำ และบ้านใหม่สองแคว ความสำ� เร็จของหนังสอื เล่มนีค้ งไม่อาจเกิดข้ึนได้หากปราศจากขอ้ มูลอันมคี ่าจากโครงการโมเดลทางเลอื ก ในการพฒั นาคนไทย 4.0 บนพ้นื ท่ีสงู ในภาคเหนือตอนบน เกษตรกร และผู้ใหข้ ้อมลู ทุกทา่ น ทีเ่ สียสละเวลา อนั มคี า่ เพื่อชว่ ยให้หนังสือเล่มนีเ้ กดิ ความสมบูรณ์ โดยเฉพาะในทา้ ยทสี่ ุดน้ี ดว้ ยค�ำแนะนำ� ท่ีมคี ุณคา่ จาก ศาสตราจารย์ ดร.ม่ิงสรรพ์ ขาวสอาด ทีไ่ ด้ทำ� ให้หนงั สอื เล่มนีส้ ามารถบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ไดอ้ ย่างสมบรู ณ์แบบ โดยพร้อมทจี่ ะสรา้ งคณุ ูปการใหก้ ับผอู้ า่ น โดยเฉพาะเกษตรกรทกี่ �ำลงั มองหาแนวทางในการปรบั เปล่ยี นรูปแบบ การผลติ ในอนาคต รศ.ดร. ศริ พิ ร กิรตกิ ารกุล และคณะวิจยั เมษายน 2565 กเพิ่มรายได้ด้วยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความท้าทายพืน้ ทกี่ สิกรรมน่าน
บทบรรณาธกิ าร ในช่วงไมก่ ่ีปีทผี่ า่ นมาผเู้ รยี บเรยี งไดร้ ับความ ประกอบการ ผา่ นโซ่อปุ ทานทมี่ คี วามหลาก ไวว้ างใจในการลงพืน้ ทเี่ กบ็ ข้อมลู วิจัยภาคสนาม หลาย เหมาะสมกบั บรบิ ทในแตล่ ะพ้ืนท่ี นอกจาก ในโครงการโมเดลทางเลอื ก ในการพฒั นาคน น้ี ความพเิ ศษอกี ประการของหนังสอื เลม่ นี้ ไทย 4.0 บนพืน้ ทส่ี งู ในภาคเหนือตอนบน ใน คือการสง่ ผา่ นประสบการณ์ของสามกรณี หวั ข้อสภาพเศรษฐกจิ และภาระหน้ีสนิ ของครวั ตัวอยา่ งท่ปี ระสบความสำ� เรจ็ จากการท�ำ เรือนเกษตรบนพนื้ ทสี่ งู จงั หวัดน่าน การลงพ้ืน เกษตรแนวใหม่ใหก้ ับผอู้ ่าน ทัง้ ในแงม่ ุมของ ทเ่ี ก็บข้อมูล ณ ชว่ งเวลานน้ั ท�ำใหผ้ เู้ รียบเรยี งมี อุปสรรคท่เี กดิ ขึน้ ในช่วงการปรบั ตัวตลอดจน โอกาสสงั เกตสภาพความเปน็ อยู่ และอาชีพของ ปัจจัยทีส่ ่งเสรมิ ประสบความสำ� เร็จในด้านอาชพี เกษตรกรในพืน้ ที่ต�ำบลนาไรห่ ลวง อ�ำเภอสอง ซึ่งในแต่ละกรณตี ัวอย่าง จะมีลกั ษณะความโดด แคว และตำ� บลเมอื งจัง อ�ำเภอภูเพยี ง จงั หวัด เดน่ และความน่าสนใจท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป น่าน แม้ในบางพน้ื ท่ีจะมีครัวเรอื นเกษตรกรอยู่ ท้ายทสี่ ุดน้ี หากปญั หาการใชท้ ีด่ นิ คอื ความ ในละแวกท่ีใกล้เคียงกนั แต่กลบั พบว่า ปัจจัย ทา้ ทายของเกษตรกรนา่ นฉนั ใด การเรยี บเรยี ง ด้านรปู แบบการทำ� เกษตร การรวมตัวของ เน้อื หาผลงานทางวิชาการ ให้กลายเป็นหนงั สือ กลมุ่ เกษตรกรในชุมชน ผู้นำ� ชมุ ชนในแตล่ ะพืน้ ท่ี ท่ผี อู้ า่ นท่วั ไป สามารถเขา้ ถึงได้งา่ ยก็นับเปน็ ฯลฯ คอ่ นขา้ งส่งผลกระทบต่อรายได้ และหนี้ ความทา้ ทาย ของผเู้ รยี บเรียงเชน่ เดียวกนั สินที่แตกต่างของเกษตรกรในแต่ละพ้ืนท่ี อย่าง หนังสือเล่มน้ี คงไมอ่ าจเกดิ ข้ึนได้หากปราศจาก มีนยั ส�ำคญั ไมว่ า่ จะด้วยเหตผุ ลใดก็ตาม สิง่ ความเอ้ือเฟื้อจากศาสตราจารย์ ดร. มิ่งสรรพ์ ท่ีเกษตรกรนา่ นก�ำลงั เผชญิ ร่วมกันในปจั จบุ นั ขาวสอาด ตลอดจน รองศาสตราจารย์ ดร. คอื ปญั หาการใช้ทด่ี ินทไ่ี ม่เหมาะสม เพ่อื การ ศิรพิ ร กิรติการกุล และคณะวิจัย ทีช่ ่วยเหลอื ทำ� เกษตรของจังหวัด และนโยบายการจดั สรร ตรวจสอบในดา้ นเนอื้ หา และไดม้ อบค�ำแนะนำ� ท่ดี ินทำ� กินของ คทช. ที่จำ� กดั พน้ื ทท่ี ำ� กินของ อันมีค่า ซ่ึงช่วยใหก้ ารเรียบเรียงเกิดความ เกษตรกร ประเดน็ เหล่านสี้ ง่ ผลใหเ้ กษตรกรนา่ น เหมาะสม และราบรนื่ มากย่งิ ข้ึน นอกจากน้ผี ู้ มคี วามจำ� เป็นต้องหาทางออกอย่างเรง่ ด่วน เรียบเรยี งขอขอบพระคุณ พระอาจารยส์ ุจิณ นนั ทกิจ (พระอาจารย์สมคดิ จรณธฺมโม) กลุ่ม หนงั สือเล่มน้ถี อื เป็นผลผลิตที่เกิดจากการ วสิ าหกิจชมุ ชนบ้านใหม่สองแคว และคุณภูริ ย่อยเนอื้ หาของผลงานวิจยั ซง่ึ มบี คุ คลทัว่ ไป ทศั น์ พอใจ เป็นอยา่ งสูง ทไี่ ด้สละเวลาอันมีคา่ โดยเฉพาะเกษตรกร หนว่ ยงานสง่ เสรมิ และ ในการให้ข้อมลู สำ� คัญ เพื่อเติมเตม็ เนอ้ื หาของ พัฒนาน่าน เปน็ กลุ่มผอู้ ่านเป้าหมาย สามารถ หนงั สอื ให้มีความสมบรู ณแ์ บบขึ้น ผู้เรยี บเรยี ง อา่ นท�ำความเข้าใจได้ง่าย โดยหลกี เล่ยี งการใช้ หวงั เปน็ อย่างย่งิ วา่ หนังสอื เล่มนจ้ี ะช่วยเพ่มิ พูน คำ� ศพั ท์วิชาการ ทมี่ ีความซับซอ้ นมากจนเกิน องคค์ วามรู้ ตลอดจนน�ำไปสู่การตอ่ ยอดอาชีพ ไป ใจความสำ� คัญของหนงั สอื เลม่ น้ี ไมเ่ พียง เกษตรกรรม เพอ่ื เพิม่ รายได้ให้กับผอู้ า่ นได้เป็น แค่กลา่ วถึงพืน้ ฐานของจังหวดั น่าน และความ อย่างดีในอนาคต หากมขี ้อผิดพลาดประการ ท้าทายต่าง ๆ ทเี่ กดิ ข้นึ กบั เกษตรกรน่านเทา่ นัน้ ใด ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการเขียนหนังสือเล่มน้ี ผู้เรียบ แต่ยังตอ้ งการส่ือสารกับผ้อู ่าน ถึงทางออก เรียงขออนญุ าตนอ้ มรบั ไว้ด้วยความเตม็ ใจ ของปัญหาด้วยการน�ำเสนอรายละเอียดอาชพี เกษตรทางเลือก รวมถงึ การตอ่ ยอดอาชพี จาก นิรันดรร์ ักษ์ ปาทาน ผ้ผู ลติ ไปสูผ่ ู้ประกอบการ เมษายน 2565 ข เพ่ิมรายได้ดว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลคุ วามทา้ ทายพื้นที่กสกิ รรมน่าน
สารบญั คำ� นำ� ก บทบรรณาธกิ าร ข สารบญั ค สารบัญตาราง ง สารบญั ภาพ จ น่าน: ทมี่ าแห่งมหานท ี 1 1.1 รู้จักน่านใหม้ ากขนึ้ : ลกั ษณะทางกายภาพ ประชากร เศรษฐกิจ 2 และทรัพยากรธรรมชาต ิ 5 8 1.2 การใช้ประโยชนท์ ีด่ ิน 8 12 ทางเลอื กใหม่บนความท้าทาย 13 2.1 สามความทา้ ทายทภี่ าคการเกษตรของน่านก�ำลงั เผชญิ 13 48 2.2 ทางเลอื กและโอกาสใหม่ 56 2.2.1 ระบบเกษตรท่สี รา้ งรายได้ทด่ี กี วา่ ปัจจุบันใหก้ ับครวั เรือนเกษตรกร 61 2.2.1ก กลุม่ พืชในพืน้ ทล่ี ุ่มน้�ำชั้นที่ 3 4 และ 5 61 61 2.2.1ข กล่มุ พืชในพนื้ ท่ีลุม่ น�้ำชัน้ ท่ี 1 และ 2 63 65 2.2.2 ต วั เลอื ก ระบบเกษตรทส่ี รา้ งรายได้ดที ส่ี ดุ ภายใตเ้ งือ่ นไข 65 66 ทางเศรษฐกิจของครัวเรือนเกษตรกร 69 แบบอยา่ งเพือ่ การปรบั ตวั 3.1 ภรู ทิ ศั นฟ์ ารม์ : สวนเกษตรผสมผสานเพ่อื แนวคดิ การพัฒนาบา้ นเกดิ 3.1.1 เรยี นรูจ้ ากความผิดพลาดเพือ่ การเติบโต 3.1.2 พฒั นาระบบฟารม์ จากจดุ เลก็ ไปสจู่ ดุ ใหญ่ 3.1.3 สรา้ งฐานความรู้ท่หี ลากหลายเพ่อื ความมนั่ คงของฟารม์ 3.1.4 ถอดรหสั ความส�ำเรจ็ ของภูรทิ ัศน์ฟารม์ 3.2 วนเกษตรวัดโป่งค�ำ: บทบาทสำ� คัญของความเปน็ ผนู้ �ำในการนำ� พาชุมชน ไปสู่ความสำ� เร็จ 3.3 ชุมชนบ้านใหมส่ องแคว: การกา้ วเขา้ สกู่ ารผลิตทางการเกษตรทยี่ ั่งยืน ด้วยพลงั ภาคประชาสงั คมท่ีเขม้ แข็ง คเพม่ิ รายไดด้ ว้ ยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพืน้ ทก่ี สิกรรมนา่ น
สารบญั ตาราง ตารางท่ี 2-1 เงอื่ นไขการใชป้ ระโยชน์พื้นที่ปา่ สงวน ป่าอนุรกั ษ์ ในพ้นื ทล่ี ุม่ น้�ำชน้ั ตา่ งๆ 9 ของจงั หวดั น่าน ภายใต้มติ ครม. 10 ตารางที่ 2-2 ต้นทุนผลตอบแทนการผลติ ข้าวโพดเลยี้ งสตั ว์ในจังหวดั น่าน 11 ตารางที่ 2-3 ต้นทนุ ผลตอบแทนการผลติ ยางพาราในจงั หวัดนา่ น 14 ตารางท่ี 2-4 พชื ที่ให้ผลตอบแทนสงู สุดภายใตเ้ ง่อื นไขรายได้สุทธิ 200,000 บาท/ปี 18 กรณพี ืชเชิงเดยี่ วพื้นทล่ี ่มุ น�้ำชัน้ ท่ี 3 4 และ 5 19 ตารางที่ 2-5 ตน้ ทุนผลตอบแทนการผลิตกญั ชงในจังหวดั น่าน 21 ตารางท่ี 2-6 กรณศี ึกษารายได้สทุ ธิ 200,000 บาท ของข้าวโพดเล้ยี งสัตว์และ 22 กญั ชงภายใน 1 ป ี 23 ตารางที่ 2-7 ตน้ ทุนผลตอบแทนการผลิตหมอ่ นในจงั หวัดน่าน 24 ตารางท่ี 2-8 กรณีศึกษารายได้สุทธิ 200,000 บาท ของข้าวโพดเลย้ี งสัตว์และ 25 หมอ่ นภายใน 1 ปี 27 ตารางท่ี 2-9 ต้นทุนผลตอบแทนการผลติ กลว้ ยนำ้� ว้ามะลอิ อ่ งในจงั หวดั น่าน 29 ตารางท่ี 2-10 กรณศี กึ ษารายได้สทุ ธิ 200,000 บาท ของขา้ วโพดเลีย้ งสตั ว์ 32 และกลว้ ยน�้ำวา้ มะลอิ ่อง 34 ตารางที่ 2-11 พชื ที่ให้ผลตอบแทนสูงสดุ ภายใตเ้ ง่ือนไขรายได้สทุ ธิ 200,000 บาท/ปี 37 กรณไี มผ้ ลหรือไม้ยืนตน้ พ้นื ท่ีลุ่มน้ำ� ชั้นที่ 3 4 และ 5 40 ตารางท่ี 2-12 ตน้ ทุนผลตอบแทนการผลติ โกโก้ในจงั หวัดนา่ น 43 ตารางท่ี 2-13 ผลตอบแทนการลงทนุ ตลอดห่วงโซอ่ ุปทานโกโก ้ 45 ตารางท่ี 2-14 ต้นทนุ ผลตอบแทนการผลติ มะมว่ งน�้ำดอกไม้ในจงั หวัดน่าน 46 ตารางที่ 2-15 ผลตอบแทนการลงทนุ ตลอดห่วงโซอ่ ปุ ทานมะม่วงน�้ำดอกไม้ 48 ตารางท่ี 2-16 ตน้ ทุนผลตอบแทนการผลิตกาแฟอาราบกี ้าในจังหวดั น่าน 49 ตารางที่ 2-17 ผลตอบแทนการลงทนุ ตลอดห่วงโซ่อุปทานกาแฟ (พนั ธ์ุอาราบกี ้า) 50 ตารางที่ 2-18 ต้นทนุ ผลตอบแทนการผลิตมะขามเปรี้ยวในจงั หวัดน่าน 51 ตารางที่ 2-19 ตน้ ทนุ ผลตอบแทนการผลติ ไผซ่ างในจงั หวัดนา่ น 53 ตารางที่ 2-20 ผลตอบแทนการลงทุนตลอดหว่ งโซ่อปุ ทานไผซ่ าง 54 ตารางที่ 2-21 พืชท่ีใหผ้ ลตอบแทนสูงสดุ ภายใตเ้ งือ่ นไขรายไดส้ ุทธิ 200,000 บาท/ปี 58 กรณปี ลูกพชื แบบผสมผสาน พน้ื ท่ีลุ่มน�้ำชน้ั ที่ 3 4 และ 5 60 ตารางท่ี 2-22 พชื ที่ใหผ้ ลตอบแทนสูงสุดภายใต้เงอื่ นไขรายไดส้ ุทธิ 200,000 บาท/ปี กรณปี ลูกพชื อยา่ งเดียว พื้นทล่ี ุ่มน�ำ้ ชน้ั ที่ 1 และ 2 ตารางท่ี 2-23 ต้นทนุ ผลตอบแทนการผลิตผักหวานปา่ ในจังหวดั น่าน ตารางที่ 2-24 การผลิตทางการเกษตรท่ีให้ผลตอบแทนสูงสุดภายใต้เงือ่ นไขรายได้สุทธิ 200,000 บาท/ปี กรณีปลกู พชื และทำ� ปศุสัตว์ พน้ื ทล่ี ่มุ น้ำ� ช้นั ที่ 1 และ 2 ตารางท่ี 2-25 ต้นทุนผลตอบแทนการผลิตแพะเนื้อในจงั หวดั น่าน ตารางที่ 2-26 ผลตอบแทนการลงทนุ ตลอดห่วงโซ่อปุ ทานแพะ ตารางที่ 2-27 ประมาณการรายไดข้ องตัวแบบครัวเรอื นท่ี 2 ตารางที่ 2-28 ประมาณการรายได้ของตัวแบบครัวเรอื นที่ 3 ง เพมิ่ รายไดด้ ้วยวิถเี กษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความท้าทายพืน้ ทกี่ สกิ รรมนา่ น
สารบญั ภาพ ภาพท่ี 1-1 ปริมาณและการใช้พ้ืนที่ท�ำเกษตรเมื่อเทียบกับปริมาณพืน้ ทีท่ ้งั หมดของจงั หวัดน่าน 2 ภาพที่ 1-2 แผนทเ่ี สน้ ชัน้ น้ำ� ฝน จงั หวดั น่าน พ.ศ. 2556 4 ภาพที่ 1-3 การใช้ประโยชนท์ ดี่ นิ เพื่อการผลิตทางการเกษตรของจังหวดั น่าน 5 ภาพที่ 1-4 แผนท่ีสภาพการใช้ที่ดนิ จังหวัดน่าน พ.ศ. 2561 6 ภาพท่ี 2-1 กญั ชง 15 ภาพที่ 2-2 ลกั ษณะตน้ กญั ชง 17 ภาพท่ี 2-3 หมอ่ น 20 ภาพที่ 2-4 ผลหมอ่ น 20 ภาพที่ 2-5 กล้วยนำ้� วา้ มะลอิ อ่ ง 22 ภาพท่ี 2-6 ต้นโกโก ้ 26 ภาพท่ี 2-7 ผลโกโก้สด 28 ภาพท่ี 2-8 โซ่อุปทานโกโก้ในจังหวัดนา่ น 30 ภาพที่ 2-9 ตน้ มะม่วงนำ้� ดอกไม้ 31 ภาพท่ี 2-10 มะมว่ งน้ำ� ดอกไม้ 33 ภาพท่ี 2-11 โซ่อปุ ทานมะมว่ งนำ้� ดอกไม้ในจงั หวดั นา่ น 35 ภาพที่ 2-12 ตน้ กาแฟอาราบีกา้ 36 ภาพท่ี 2-13 ผลกาแฟอาราบีก้า 39 ภาพที่ 2-14 โซ่อุปทานกาแฟในจงั หวดั นา่ น 41 ภาพที่ 2-15 มะขามเปรย้ี ว 42 ภาพที่ 2-16 ไผซ่ างหมน่ 44 ภาพที่ 2-17 โซ่อุปทานไผซ่ างหมน่ ในจังหวัดน่าน 47 ภาพท่ี 2-18 ผักหวานป่า 49 ภาพที่ 2-19 ฟาร์มแพะ 51 ภาพที่ 2-20 โซ่อปุ ทานแพะในจังหวัดนา่ น 55 ภาพที่ 3-1 สระน้�ำเลีย้ งปลาขน้ั บันได 63 ภาพท่ี 3-2 ที่พกั แบบประหยัด (ชวั่ คราว) ในภรู ทิ ศั น์ฟาร์ม 64 ภาพที่ 3-3 เงนิ ปนั ผลจากผลประกอบการเพาะพันธ์ุกบ พ.ศ. 2562 64 ภาพท่ี 3-4 ถว่ั บราซิลที่ปกคลุมในบริเวณพนื้ ทดี่ นิ ภูรทิ ัศน์ฟาร์ม 65 ภาพที่ 3-5 พระอาจารยส์ ุจณิ นนั ทกจิ (พระอาจารย์สมคิด จรณธมฺ โม) 67 ภาพท่ี 3-6 ผลผลติ ปลอดภัยของวดั โป่งคำ� 68 ภาพท่ี 3-7 ร้านค้าวิสาหกจิ ชุมชนบ้านใหมส่ องแคว 70 จเพิ่มรายได้ด้วยวถิ เี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความท้าทายพื้นทกี่ สกิ รรมน่าน
เพ่มิ รายไดด้ ว้ ยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามทา้ ทายพื้นท่กี สกิ รรมนา่ น
นา่ น ท่ี ม าแ ห่ง มห านที น่านถอื เปน็ หนงึ่ ในจังหวดั ที่ผคู้ นส่วนใหญ่ร้จู กั มกั คุน้ เป็นอยา่ งดีในฐานะของเมืองท่องเทย่ี ว แห่งศลิ ปะอนั แสนสงบ ซ่ึงอบอวลไปดว้ ยบรรยากาศของวิถีชวี ติ ผู้คน และวัฒนธรรมลา้ นนาซ่ึงมี ท่ตี งั้ อยู่ในพื้นทที่ างตอนเหนือของประเทศไทย อย่างไรกต็ าม เม่ือกล่าวถึงรายละเอยี ดในด้านอ่นื ของจังหวดั แล้วอาจจะมเี พียงคนส่วนนอ้ ยเทา่ น้ันที่รจู้ ักจงั หวดั น่านอย่างแท้จรงิ ฉะนน้ั การเร่ิม ตน้ ทำ� ความเข้าใจถึงภาพรวมของจงั หวดั นา่ น จงึ เปรยี บเสมือนย่างก้าวที่นำ� ไปสูก่ ารเรียนรถู้ งึ ตัว ตนท่แี ทจ้ ริง ซึง่ อาจเปลยี่ นแปลงจนิ ตภาพเดิมทเ่ี คยมไี ปสู่โลกทัศน์ใหม่ที่มีความหลากหลายก็คง เป็นไปไดอ้ ย่างไมย่ ากนัก โดยแท้จรงิ แลว้ น่านถือเปน็ เมืองแห่งภเู ขา สถติ ิส�ำคญั ของจังหวดั นา่ น และต้นน้�ำส�ำคัญแหง่ หนงึ่ ของประเทศ ซงึ่ ถูก ครอบคลุมพน้ื ทส่ี ่วนใหญ่ ด้วยทิวเขาหลวงพระ - ขนาดพ้ืนทีร่ วมของจงั หวัด บาง และทิวเขาผีปนั นำ้� มีลักษณะภูมิประเทศท่ี 7,170,045 ไร่ เปน็ ภเู ขาสูงเปน็ จ�ำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดลุ่ม - ขนาดพื้นที่ราบของจังหวัด นำ้� และแหล่งน�้ำผวิ ดินที่เปน็ ตน้ นำ�้ ของแมน่ �้ำ และ 1,156,743 ไร่ ล�ำธารทสี่ ำ� คัญหลายสาย อันเปน็ แหลง่ นำ้� ทา่ ของ - พ้ืนท่ที ี่ใช้ในการเพาะปลูกจริง แมน่ �ำ้ เจา้ พระยา ท่ีมีสัดสว่ นมากถงึ ร้อยละ 40 2,562,320 ไร่ และให้ปรมิ าณนำ้� มากทส่ี ุด ในบรรดาแมน่ �ำ้ หลัก - ขนาดพืน้ ทร่ี าบทีเ่ หมาะสมต่อการเพาะปลกู ท้ัง 4 สาย (ปงิ วัง ยม และน่าน) และใชร้ ะยะทาง 425,752 ไร่ กวา่ 6 ร้อยกโิ ลเมตร เพื่อไหลบรรจบเป็นสายนำ้� - ขนาดพ้นื ทีร่ าบทไ่ี มเ่ หมาะสมตอ่ การเพาะปลูก เจ้าพระยา แมน้ า่ นจะเป็นจงั หวัดของแหล่งตน้ นำ้� 372,396 ไร่ สำ� คญั แต่ในอีกด้านหนึ่งน่านกย็ งั มีปญั หาท่ี - จ�ำนวนประชากรทั้งหมด เกย่ี วข้องกบั ทรัพยากรธรรมชาติในพน้ื ทีด่ ว้ ยเชน่ กนั 476,727 คน อาทิ ปญั หาการใชน้ �ำ้ (ปญั หาการดึงน้ำ� จากพืน้ ที่ - จ�ำนวนประชากรกล่มุ ชาติพนั ธ ์ุ ต�่ำ ไปยงั พน้ื ท่ีสงู ส�ำหรับการทำ� เกษตร) ปัญหา 99,919 คน ของลำ� นำ้� ทมี่ สี ภาพตนื้ เขนิ เนอ่ื งจากการชะลา้ ง พังทลายของดนิ จากบริเวณต้นนำ�้ หรือปัญหา หมายเหตุ: ข้อมูลประชากรเปน็ ขอ้ มูล ภยั ธรรมชาติ ทเ่ี กิดขนึ้ จากการตัง้ ถิน่ ฐานของ พ.ศ. 2563 ประชาชน ในบริเวณริมน้ำ� ท่อี าจส่งผลให้ไดร้ ับ ขอ้ มลู กลุ่มชาตพิ ันธุ์เปน็ ข้อมลู พ.ศ. 2558 อนั ตรายจากดินโคลนถล่ม และนำ�้ ป่าไหลหลาก เป็นต้น ทมี่ า: ส�ำนกั ทะเบียนกลาง (2564) ศนู ย์พฒั นาชาวเขาจงั หวดั น่าน (2558) และกรมพฒั นาท่ดี ิน (2561) 1เพ่ิมรายไดด้ ้วยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม่..ทะลุความท้าทายพื้นท่ีกสิกรรมนา่ น
1.1 รู้จักนา่ นใหม้ ากขนึ้ : ลักษณะทางกายภาพ ประชากร เศรษฐกิจและทรัพยากรธรรมชาติ จังหวัดน่านมีทต่ี ั้งอยู่บริเวณภาคเหนอื ตอนบนโดยมีขนาดอาณาบรเิ วณประมาณร้อยละ 2.23 ของพ้ืนที่ทัง้ หมดในประเทศ เพือ่ ใหเ้ หน็ ภาพของขนาดจงั หวดั ทชี่ ัดเจนมากข้นึ เมอื่ ปรยี บเทยี บ ขนาดพนื้ ท่ีในระดับจังหวัด พบวา่ น่านมีขนาดพื้นทไ่ี ม่แตกต่างจากจังหวัดเชียงรายมากนัก หรือเมอ่ื เทยี บในระดบั นานาชาติ พบว่านา่ นมขี นาด 1 ใน 3 ของพื้นท่ีเกาะไตห้ วนั นอกจากนี้ ดว้ ยลักษณะ ภมู ปิ ระเทศของจังหวดั ท่ีมพี ้นื ทีภ่ เู ขาเป็นจำ� นวนมาก ส่งผลใหป้ ริมาณพื้นท่เี หมาะสมตอ่ การท�ำ เกษตรคอ่ นข้างมีอยา่ งจำ� กัด ดังน้ัน เกษตรกรควรเนน้ การทำ� เกษตรแบบยง่ั ยืน และเปน็ มิตรตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม การพัฒนาอาชีพเกษตรทางเลือกที่ลดการใชพ้ ื้นท่หี รอื การรวมกลุ่มแปรรูปสินคา้ เพ่อื สรา้ ง มูลค่าเพม่ิ ซึง่ เปน็ ลักษณะการผลิตท่ีเหมาะสมกับเง่อื นไขด้านปรมิ าณพนื้ ท่ีดงั กลา่ ว ภาพท่ี 1-1 ปรมิ าณและการใช้พน้ื ท่ีทำ� เกษตรเมอ่ื เทียบกับปรมิ าณพน้ื ที่ท้งั หมดของจงั หวัดนา่ น ทม่ี า: รายงานการศกึ ษาเงอ่ื นไขของพ้ืนท่ี โดย โสภณ ชมชาญ และปานทิพย์ นพรัตนศ์ ภุ สิน (2563) และกรม พฒั นาทด่ี นิ (2561) แม้ดูเหมือนวา่ เกษตรกรนา่ นจะสามารถใชพ้ นื้ ท่ีในการผลิตได้อยา่ งเป็นปกติ แตเ่ มือ่ สงั เกตข้อมูล อีกด้านหนง่ึ จะพบว่า ปรมิ าณพนื้ ที่กว่ารอ้ ยละ 84 ของจงั หวัดมลี กั ษณะของพืน้ ทีท่ ี่มีความลาดชัน สูงซงึ่ ไม่เหมาะสมต่อการ เพาะปลกู เทา่ ทค่ี วร นอกจากน้ี ดว้ ยลักษณะภมู ิประเทศสว่ นใหญ่ท่เี ปน็ ภเู ขาได้ส่งผลใหป้ รมิ าณพ้ืนที่ราบของจังหวัดมีเพียงประมาณ 1.16 ลา้ นไร่ (ร้อยละ 16 ของพ้ืนท่ี ท้งั หมดในจงั หวดั ) โดยยังพบอีกว่าในปรมิ าณของพน้ื ที่ราบท้งั หมดจะมพี น้ื ทรี่ าบเพียง 4.26 แสนไร่ (ร้อยละ 6 ของเนือ้ ท่ีทง้ั หมดในจงั หวดั ) ทม่ี คี วามเหมาะสมของดินส�ำหรับเพาะปลกู ในขณะท่ีพนื้ ที่ราบ อกี ประมาณ 3.72 แสนไร่ (รอ้ ยละ 5 ของเนื้อท่ที ั้งหมดในจงั หวัด) จะไม่เหมาะสมตอ่ การเพาะปลูก โดยอาจกลา่ วได้ว่า ปริมาณพ้ืนท่ีราบทง้ั หมดของจงั หวดั นา่ นจะมีพนื้ ทเ่ี พียงร้อยละ 37 เท่านัน้ ที่ เหมาะสมส�ำหรับการเพาะปลูก ในขณะท่ีป 2 เพิม่ รายได้ดว้ ยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพืน้ ทีก่ สิกรรมนา่ น
ด้วยลักษณะภมู ิประเทศของน่าน ท่ปี ระกอบ ในดา้ นปจั จัยการผลิตทางการเกษตร ไปดว้ ยภเู ขาสงู โดยสว่ นใหญ่ ไดส้ ง่ ผลใหจ้ ำ� นวน สำ� คัญ โดยเฉพาะ เรอ่ื งการใช้ทรัพยากรน�้ำ ตัวเลขประชากรโดยรวม อยู่ในระดบั ท่ีค่อนข้าง ของจงั หวัดนา่ นจะพบว่า นำ�้ ฝนถือเปน็ แหลง่ ต�่ำ หากสังเกตจากตัวเลขสถิติ จะพบวา่ นา่ น น�้ำหลัก สำ� หรับการทำ� เกษตรกรรมของน่าน มีจ�ำนวนประชากรไมเ่ กนิ 5 แสนคน (มากเป็น ซึง่ โดยทั่วไปมกั มปี รมิ าณไม่สูงนัก ในบรรดา ล�ำดบั ที่ 58 ของประเทศ) โดยมสี ัดส่วนประชากร พ้ืนทที่ ม่ี ีปริมาณน�้ำฝนสูง มักจะปรากฎอยู่ ชายหญิง ไมแ่ ตกตา่ งกันเท่าใดนัก อย่างไร ในบริเวณทางตอนเหนือ และตะวนั ออกของ กต็ าม แม้จะมจี �ำนวนประชากรนอ้ ยกวา่ ในอกี จงั หวัดทเี่ ปน็ ภูเขาสงู โดยเฉพาะในบริเวณ หลายจงั หวดั แตน่ า่ นกถ็ อื เปน็ อกี หนง่ึ จงั หวัดท่ี อำ� เภอเฉลมิ พระเกยี รติ อำ� เภอทงุ่ ชา้ ง อำ� เภอ มคี วามร่ำ� รวยทางวัฒนธรรม อันเปน็ ผลจาก สองแคว อำ� เภอเชยี งกลาง อำ� เภอปัว อำ� เภอ ส่วนผสมของความหลากหลายทางชาติพนั ธ์ุ ท่าวังผา และอำ� เภอบอ่ เกลอื ในขณะทีพ่ ื้นที่ ไมว่ า่ จะเปน็ ม้ง เมย่ี น ถ่ิน (ลัวะ) ขมุ มลาบรี ฯลฯ ตอนกลางและพืน้ ทีต่ อนล่าง อาทิ อ�ำเภอเมือง ซึ่งคาดว่ามีจำ� นวนทัง้ สน้ิ เกือบ 1 แสนคน ซงึ่ อำ� เภอบา้ นหลวง อำ� เภอสนั ตสิ ุข อ�ำเภอภเู พียง อาศยั อยู่ในพนื้ ท่ี มาเป็นระยะเวลาอย่างยาวนาน อำ� เภอแม่จรมิ อำ� เภอเวียงสา อำ� เภอนาน้อย รวมท้งั บางกลมุ่ ไดเ้ ดินทางอพยพจากแดนไกล และอำ� เภอนาหมืน่ จะมปี รมิ าณน้�ำฝนเฉล่ยี ใน เพ่อื เขา้ มาต้งั ถน่ิ ฐานอย่างถาวรอกี ดว้ ย ปรมิ าณท่นี อ้ ย ลดหลั่นลงมาตามลำ� ดบั แม้จะ มีปรมิ าณนำ�้ ฝนทแ่ี ตกต่างกนั ในแตล่ ะพน้ื ที่ แต่ ในแงส่ ภาพทางเศรษฐกิจภาพรวมของนา่ น เกษตรกรน่านสว่ นใหญ่ ยังคงใช้โอกาสในชว่ ง เมือ่ พ.ศ. 2562 ทีผ่ ่านมาพบว่า มีมลู ค่าขนาด เดอื นมนี าคม – พฤศจิกายน ซง่ึ เป็นช่วงทม่ี ี เศรษฐกจิ ประมาณ 3.5 หมืน่ ล้านบาท ซึง่ เทยี บ ปริมาณนำ้� ฝนที่เหมาะสมในการเพาะปลกู และ เปน็ ล�ำดบั ท่ี 14 จาก 17 จงั หวัดภาคเหนือ ใน ช่วงนอกเหนอื จากระยะเวลาดงั กล่าว ก็จะงด ส่วนของประชากรนา่ น จะมีรายไดเ้ ฉล่ยี ต่อหัว เวน้ การผลติ ทางการเกษตร เนื่องจากอาจ ประมาณ 7.8 หมื่นบาท/ปี อยู่ในล�ำดบั ที่ 16 เผชิญกับความเสี่ยงของการขาดน้�ำในชว่ งหน้า จากจังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด อาจกลา่ ว แล้ง ซึ่งสง่ ผลเสียต่อผลผลติ ได้ ได้วา่ นอกจากนา่ นจะมขี นาดเศรษฐกจิ ทเี่ ลก็ แล้ว ประชากรยังมีรายได้ตอ่ หวั ทีค่ ่อนข้างต่ำ� อกี นอกจากการใชแ้ หล่งนำ�้ ฝนส�ำหรับการเพาะ ดว้ ย เชน่ เดียวกบั ข้อมลู ความยากจนของนา่ น ปลูกแลว้ น้ำ� ใต้ดินก็ถือเปน็ อีกแหลง่ นำ�้ ที่มี ซ่ึงถอื เป็นอกี หนึ่งขอ้ มลู ท่ีแสดงให้เห็นถึงสภาพ คุณภาพไมแ่ พ้กับน�้ำผวิ ดิน และมคี วามส�ำคญั ความเปน็ อย่ขู องประชากรในจังหวดั ได้เป็นอย่าง ต่อการใช้อปุ โภค และบริโภค โดยแหลง่ น้ำ� ใต้ดนิ ดี โดยใน พ.ศ. 2561 พบวา่ ตวั เลขระดบั ค่า หรอื แอ่งนำ้� บาดาลนา่ น-เชยี งกลาง-ทงุ่ ชา้ ง จะ ครองชีพของนา่ น มตี ัวเลขอยูท่ ปี่ ระมาณ 2.3 สามารถพบได้ในบรเิ วณอ�ำเภอทุ่งชา้ ง อำ� เภอ พันบาท/คน/เดอื น แตอ่ ย่างไรกต็ าม ตวั เลข เชียงกลาง อำ� เภอทา่ วังผา อ�ำเภอปัว อ�ำเภอ สัดส่วนของคนจนในน่าน กลบั มีพฒั นาการ เมอื ง อ�ำเภอเวยี งสา อ�ำเภอนาน้อย และอำ� เภอ ทดี่ ขี นึ้ อยา่ งเห็นได้ชัด เมือ่ สัดสว่ นของคนจน สนั ติสขุ แมจ้ ะพบแหลง่ น้ำ� ใต้ดินได้ในหลาย ในจงั หวดั นา่ นที่เคยติดอนั ดับ 8 ของประเทศ พื้นที่ของจังหวดั แตก่ ารดงึ น�้ำข้ึนมาใช้จรงิ เม่อื พ.ศ. 2557 ได้ลดลงเหลอื อันดบั ที่ 20 นั้น ยงั ถอื ว่าคอ่ นขา้ งยากล�ำบาก เน่ืองจากข้อ ใน พ.ศ. 2561 ซ่งึ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ สถานการณ์ จ�ำกัดของภมู ปิ ระเทศท่เี ป็นทร่ี าบในหบุ เขาแคบได้ ความยากจนของน่านในปจั จบุ ันทีเ่ ร่ิมกา้ วเข้าสู่ ส่งผลใหช้ ั้นบาดาลมีความหนาแน่นน้อย (โดย ทศิ ทางท่ีดีขึ้น เฉพาะบรเิ วณตอนเหนือของจงั หวดั ) 3เพม่ิ รายไดด้ ้วยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความท้าทายพ้นื ที่กสิกรรมน่าน
อีกทัง้ ในบางพนื้ ท่ี อาทิ หมู่บ้านดู่ใต้ในเขตอ�ำเภอเมือง และบ้านท่าวังผาในบริเวณ อำ� เภอทา่ วงั ผา พื้นทบ่ี ้านพุงในเขตอำ� เภอปัว กย็ งั พบปญั หาการใชน้ �ำ้ บาดาล เน่อื งจากนำ้� มีปริมาณเหลก็ และความ กระด้างสงู ไมส่ ามารถน�ำมาใชป้ ระโยชน์ได้อกี ด้วย ภาพที่ 1-2 แผนทเี่ สน้ ชัน้ นำ�้ ฝน จงั หวดั นา่ น พ.ศ. 2556 ทม่ี า: กรมอตุ นุ ยิ มวิทยา (2556) 4 เพม่ิ รายไดด้ ้วยวิถเี กษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความท้าทายพนื้ ที่กสิกรรมน่าน
1.2 การใช้ประโยชนท์ ่ีดนิ ในการเจริญเติบโตในทกุ สภาวะ ข้อจำ� กัดจึง จะเห็นได้วา่ ในหวั ข้อทผี่ ่านมาไดม้ ีการ เป็นทมี่ าของการกระจายตวั ของการปลกู ข้าวโพดเล้ียงสตั ว์ ที่ครอบคลมุ บรเิ วณพื้นท่ี แสดงถงึ รายละเอียดของปริมาณพืน้ ทีท่ ีเ่ หมาะ ภูเขาหลายแหง่ ของจงั หวัดน่าน ท่ีสามารถ สมกับการเพาะปลกู ซ่งึ มอี ยา่ งจ�ำกัดโดยมัก สงั เกตเหน็ ไดท้ ัว่ ไปในปัจจุบัน ทั้งนี้ แม้จะ ปรากฎอยู่ในบรเิ วณพืน้ ท่ีราบ ที่มคี วามอดุ ม- ปรากฎภาพของการใช้พน้ื ท่ีปลูกขา้ วโพด สมบรู ณ์ ซง่ึ กระจายตวั ในเขตตอนกลาง และ เล้ียงสัตวเ์ ป็นจ�ำนวนมาก แตน่ ่านก็ยงั มีรปู ตอนล่างของจงั หวัด โดยสาเหตุสำ� คัญท่ีทำ� ให้ แบบการผลิตทางการเกษตรอน่ื ๆ ดว้ ยเช่น บริเวณพนื้ ที่ราบมคี วามเหมาะสมกบั การเพาะ กัน โดยใน พ.ศ. 2561 พบวา่ เกษตรกรน่าน ปลกู นั้น เร่ิมต้นเม่อื ในอดีตโดยแรธ่ าตตุ ่างๆ มกี ารใช้พนื้ ทสี่ ำ� หรับการผลติ มากถึง 2.56 (เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ฯลฯ) และเนอ้ื ล้านไร่ (ร้อยละ 36 ของพน้ื ที่ในจงั หวัด) ซ่ึง ดินที่อยู่บนภเู ขา ไดถ้ กู น�้ำพัดพาลงสพู่ น้ื ท่ีราบ ตวั เลขปรมิ าณการใช้พน้ื ท่ดี งั กลา่ ว ถือวา่ ซึ่งส่งผลใหพ้ ืชทป่ี ลกู สามารถเจริญเตบิ โตได้ เกนิ กวา่ ศกั ยภาพของพ้ืนทีท่ เ่ี หมาะสมสำ� หรับ เปน็ อยา่ งดี อย่างไรก็ตาม แมเ้ ขตพน้ื ทภ่ี ูเขา การเพาะปลูก (4.26 แสนไร่ หรอื รอ้ ยละ จะมีขอ้ จำ� กดั ทีไ่ มเ่ อื้อต่อการเพาะปลกู พืช 6 ของพนื้ ที่จงั หวัด) มากถึง 6 เท่าตวั ซงึ่ เทา่ ใดนกั แต่ในภาพรวมของการท�ำเกษตร กจิ กรรมการผลิต และขนาดของการใชท้ ี่ดนิ ในจังหวดั นา่ น จะพบว่า เกษตรกรสามารถใช้ ในภาคการเกษตรท่เี กิดข้นึ ในจงั หวัดนา่ น พื้นทีด่ ังกล่าวในการปลูกพืชบางชนิดได้ โดย (พ.ศ. 2561) สามารถสงั เกตรายละเอียดได้ เฉพาะข้าวโพดเลีย้ งสัตว์ ซ่งึ เป็นพืชทต่ี อ้ งการ ตามภาพท่ี 1-3 เน้อื ดินนอ้ ยแต่พึง่ พาปุ๋ย เพื่อการเจริญเตบิ โต เป็นหลกั จากผลพลอยได้ของความสามารถ ภาพที่ 1-3 การใช้ประโยชน์ท่ีดนิ เพือ่ การผลติ ทางการเกษตรของจงั หวดั นา่ น 5 ทีม่ า: กรมพฒั นาทด่ี นิ (2562) เพม่ิ รายได้ดว้ ยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความท้าทายพื้นทก่ี สิกรรมน่าน
ภาพที่ 1-4 แผนที่สภาพการใชท้ ี่ดิน จงั หวัดนา่ น พ.ศ. 2561 ที่มา: กรมพัฒนาท่ดี นิ (2562) 6 เพม่ิ รายไดด้ ว้ ยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความท้าทายพน้ื ท่กี สกิ รรมนา่ น
แม้เน้อื หากอ่ นหน้าได้แสดงใหเ้ ห็นถึงข้อมูล 7 เบอื้ งตน้ ของนา่ นในฐานะของอกี หนง่ึ จงั หวัดที่มี ทรัพยากรธรรมชาติส�ำคัญ ท่สี ร้างคุณูปการโดย เฉพาะการเป็นแหลง่ ตน้ น�้ำ ทีห่ ลอ่ เลยี้ งชวี ติ ของ ประชากรในหลายพนื้ ที่ ในชว่ งตลอดระยะเวลาที่ผา่ น มา แตข่ ้อเท็จจรงิ ในอีกด้านหน่งึ ยงั พบวา่ จังหวัด น่าน กำ� ลังเผชญิ กับปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะ เม่อื กจิ กรรมทางการเกษตร ได้ใชพ้ ้นื ที่ การผลติ เกนิ ศักยภาพ และยงั มีการรกุ ลำ้� พืน้ ที่ป่า อยา่ งมหาศาล จากปัญหาดงั กลา่ ว นำ� มาส่กู าร ออกกฎหมายปา่ ไม้ ซงึ่ บังคบั ใช้โดยภาครัฐ เพอื่ วัตถปุ ระสงค์ในการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรปา่ ไม้ และ ทรพั ยากรตน้ นำ้� ท่ีกำ� ลังสูญเสยี ไป แมก้ ฎหมายดัง กล่าว จะปรากฏถึงข้อดีในด้านการรกั ษาทรพั ยากร ปา่ ไม้ แต่ก็ถอื เปน็ ความท้าทายในด้านการผลติ ครัง้ ใหญข่ องเกษตรกร เน่อื งจากพื้นท่ีท�ำกินเดมิ ของ เกษตรกรบางส่วนท่อี าจลกุ ล�ำ้ พ้ืนทป่ี ่าตน้ น�ำ้ ซ่งึ ขัด กับหลกั กฎหมายกำ� ลังถูกเวนคืน โดยภาครัฐได้สง่ ผลกระทบโดยตรง ตอ่ รายไดท้ ี่จะเกดิ ข้ึนในอนาคต อย่างหลกี เลี่ยงได้ยาก ทัง้ นี้ ภาพของความท้าทาย ดังกลา่ ว จะถกู นำ� เสนอในหวั ขอ้ ถดั ไปโดยมุง่ เนน้ การขยายรายละเอยี ด ของปัญหาดา้ นการผลิต ทางการเกษตรรูปแบบเดมิ พรอ้ มกบั การเสนอถงึ ชอ่ งทาง และโอกาสในการเพ่ิมรายได้ผา่ นแนวทาง การผลติ ทางการเกษตรรูปแบบใหม่ ทมี่ ีความเหมาะ สมกับเงื่อนไขบริบทของภมู นิ ิเวศในแต่ละพืน้ ท่ี วิถี ชวี ิต และสภาพเศรษฐกิจของครวั เรอื นเกษตรกร เปน็ สำ� คัญ ดังเช่น หนง่ึ ในกรณตี ัวอย่างของการ ผลิตพืชใหมอ่ ย่างกัญชง ท่ีปัจจบุ นั ได้ถกู ปลดล็อค ใหเ้ กษตรกรสามารถปลูก (ผู้ขออนุญาตปลูกต้อง ใช้เมลด็ พนั ธุป์ ลูกทีถ่ กู ตอ้ งตามกฎหมายเทา่ นนั้ ) และจำ� หน่ายไดอ้ ยา่ งไมผ่ ดิ กฎหมาย (ยกเว้นการ จำ� หนา่ ยบางส่วนของลำ� ต้น ทยี่ งั ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม สารเสพติดซึง่ ผดิ กฎหมาย เช่น ช่อดอก) รวมทงั้ ยงั ใหผ้ ลตอบแทนทีด่ กี ว่า และใชจ้ ำ� นวนพ้ืนท่ีในการผลติ ต่ำ� กวา่ หากเทียบกับพืชยอดนยิ มอยา่ งข้าวโพด เล้ียงสัตว์ เปน็ ต้น เพมิ่ รายไดด้ ้วยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามทา้ ทายพ้นื ที่กสกิ รรมนา่ น
ทางเลอื กใหม่ บนความท้าทาย ด้วยเง่ือนไขการใช้ประโยชน์ทดี่ นิ ในพ้นื ทปี่ ่าสงวน ไมเ่ กนิ 20 ไร่/คน โดยเกษตรกรท่ีได้รบั และความทา้ ทายในด้านการผลติ ท่เี กดิ ขึน้ ได้สง่ ผลกระ การจดั สรรทีด่ ิน จะไม่มกี รรมสทิ ธิ์ในทดี่ นิ ทบกับภาคการเกษตรของจงั หวดั นา่ นในปจั จุบัน อยา่ ง ผืนน้นั เนอื่ งจากถอื เป็นทีด่ ินของรฐั แต่ หลกี เลยี่ งไมไ่ ด้ ไม่ว่าจะเปน็ ดา้ นจ�ำนวนพน้ื ที่ในการผลติ เกษตรกรยงั สามารถใช้ประโยชน์ ในการ ทล่ี ดลง ดา้ นปัญหามลภาวะ และการบกุ รกุ พืน้ ท่ีปา่ เพือ่ ผลิตการเกษตรจากท่ีดินดังกล่าวไดต้ าม ท�ำการผลิตพชื ยอดนยิ มเดิม อยา่ งข้าวโพดเลีย้ งสตั ว์ ปกติ และยางพารา หรือกระท่ังด้านปญั หากบั ดกั รายไดข้ อง เกษตรกร ไดส้ ง่ ผลให้เกษตรกรนา่ นมีแนวโน้มท่จี ะต้อง นอกจากบทบาทของภาครัฐแล้ว ยงั มี ปรับตัวในด้านการผลติ ในอนาคตอนั ใกลน้ ี้ ดว้ ยปจั จัย ภาคเอกชน ทไี่ ดส้ นับสนนุ ความร่วมมือ ดังกล่าว ในหัวขอ้ น้ีจะเปน็ การนำ� เสนอถึงทางเลอื กการ ในการชว่ ยคลคี่ ลายปญั หาดังกล่าว ผา่ น ผลิตรปู แบบใหมท่ เี่ หมาะสมกบั เกษตรกร ภายใต้เงื่อนไข โครงการบริหารพื้นที่รปู แบบพเิ ศษ เพอื่ ทางเศรษฐกิจ และนโยบายของภาครฐั ท่ีตอ้ งการให้ การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ ชมุ ชนอยูร่ ่วมกับปา่ ผา่ นประเดน็ ตา่ ง ๆ อาทิ (1) โอกาส แวดล้อมทยี่ ั่งยนื : พ้ืนทีจ่ ังหวดั นา่ น หรือ ใหมก่ บั ความท้าทาย (2) พชื และสตั ว์เศรษฐกจิ ใหม่ (3) ท่ีร้จู ักในนามโครงการ “นา่ นแซนด์บอกซ”์ หว่ งโซอ่ ปุ ทานการผลติ ทางการเกษตร ท่มี ศี ักยภาพ ทีม่ วี ตั ถปุ ระสงค์ ในการเปน็ พ้นื ทีท่ ดลอง ของจังหวดั นา่ น และ (4) ตวั อย่างอาชพี ทางเลือกภาย นวตั กรรมการบรหิ ารจัดการท่ดี นิ ในพน้ื ท่ี ใตเ้ งือ่ นไขของพื้นทีล่ ่มุ น้�ำ และสภาพทางเศรษฐกิจของ ปา่ สงวนเพอื่ แก้ปัญหาดา้ นท่ีดิน ปา่ ไม้ ครัวเรือนเกษตรกรทีแ่ ตกตา่ งกัน ซ่งึ ประเดน็ ทัง้ หมดมี และการใชป้ ระโยชน์ท่ดี ินในพนื้ ทจ่ี ังหวัด รายละเอียด ดงั นี้ นา่ น ที่ให้ประชาชนสามารถอาศัยในพื้นที่ อนุรักษ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 2.1 สามความท้าทายทภ่ี าคการเกษตรของนา่ น และชว่ ยฟ้ืนคืนสภาพปา่ รวมถงึ การขบั กำ� ลงั เผชญิ เคลอื่ นใหเ้ กดิ การใชท้ ี่ดนิ ในจังหวัดน่าน ให้ เกิดประสิทธิภาพ ผ่านกรอบการจดั สรร หนงึ่ ในปญั หาหลกั ท่ีจงั หวัดนา่ น ก�ำลังเผชิญใน ปา่ สงวน 72-18-10 กลา่ วคอื กำ� หนด ปัจจบุ ันคงหลีกไม่พ้น ในประเด็นของการใชท้ ีด่ ินการท�ำ ป่าต้นน้�ำคงสภาพในอัตราร้อยละ 72 ใน เกษตรในพน้ื ทีท่ ่ีไมเ่ หมาะสมในจงั หวัดนา่ น โดยเฉพาะ ขณะทตี่ ัวเลขร้อยละ 18 คือการก�ำหนด การเปลีย่ นแปลงจากพื้นท่ปี ่าไปสพู่ ืน้ ที่ไรห่ มนุ เวยี น และ ใหป้ ระชาชนต้องคืนพ้นื ท่ี เพ่ือเปน็ ป่าตน้ ไม้ พน้ื ที่ปลกู ไม้ยืนตน้ ทีเ่ พ่ิมมากข้นึ จากปัญหาทเี่ รอื้ รงั ใหญ่ และจ�ำนวนตวั เลขรอ้ ยละ 10 คือ มาอย่างยาวนาน และยังไม่มที ที า่ ว่าจะจบลงในอนาคต การยินยอมใหป้ ระชาชน สามารถปลูกพืช อันใกล้ ได้ส่งผลให้หน่วยงานภาครฐั เขา้ มากำ� กับดแู ล เศรษฐกจิ ได้อยา่ งเตม็ ท่ี และแก้ไขปญั หาดังกล่าวผ่านนโยบายจัดสรรทด่ี ินท�ำกิน ของ คทช. ซึง่ มกี ารจดั สรรท่ีดินใหแ้ กผ่ ู้เขา้ ท�ำประโยชน์ หรืออย่อู าศยั ในพ้นื ท่อี ยูแ่ ล้ว ตามทีค่ รอบครองจรงิ แต่ 8 เพม่ิ รายไดด้ ว้ ยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความท้าทายพื้นทกี่ สกิ รรมนา่ น
ตารางท่ี 2-1 เงอื่ นไขการใชป้ ระโยชน์พ้นื ทป่ี ่าสงวน ป่าอนุรักษ์ ในพน้ื ท่ลี ่มุ น�้ำช้ันต่าง ๆ ของจังหวัด นา่ น ภายใต้มติ ครม. แม้ความพยายามทจี่ ะช่วยแกป้ ัญหาการใช้ ความท้าทายต่อมานน้ั เกี่ยวข้องกับเร่ืองการ ทีด่ นิ ตามแนวทางของ คทช. และหน่วยงาน จดั การพืชชนิดเดิมที่เกษตรกรนา่ นนิยมปลกู ภาคเอกชน จะชว่ ยลดความเหล่อื มลำ้� และ มาเปน็ ระยะเวลานาน โดยเฉพาะข้าวโพดเลย้ี ง เปิดโอกาสใหเ้ กษตรกร เข้าถึงทีด่ ินเพ่อื สตั ว์ ทีถ่ อื เปน็ หนงึ่ ในพืชเดิมท่สี รา้ งแรงจูงใจ การเกษตร แก้ไขปัญหาพ้ืนทป่ี า่ ถูกรกุ ล�ำ้ ในการผลติ ให้กบั เกษตรกรได้อยา่ งไมย่ ากเยน็ และเป็นการอนุรักษป์ า่ ไม้ไปในตวั (โดยเฉพาะ กล่าวคือ เกษตรกรไม่จ�ำเปน็ ตอ้ งใชเ้ งินลงทนุ พ้ืนท่ีในเขตพ้นื ท่ลี ุ่มน�ำ้ ช้ันท่ี 1 และ 2 ที่เป็น สงู แต่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อยา่ งนา่ พ้ืนท่ีสงวนไวส้ �ำหรับเป็นปา่ ตน้ นำ้� ส�ำคญั ) ซ่งึ ส่ง พึงพอใจ มตี ลาดรองรบั ผลผลิตท่แี นน่ อน ใช้ ผลดีให้กบั หลายฝา่ ยแล้ว แต่ในขณะเดยี วกัน ระยะในการเพาะปลกู จนถึงการเก็บเกย่ี วท่ีไม่ ก็คงปฏิเสธไมไ่ ดว้ า่ นโยบายดังกลา่ วอาจเปน็ ยาวนานจนเกินไป หากเกษตรตอ้ งการราย ปัจจยั หน่งึ ท่ีลดทอนรายได้ของเกษตรกร ไดท้ ่มี ากขน้ึ ก็สามารถขยายพืน้ ท่ีการผลติ จากการจำ� กดั ปรมิ าณพ้ืนทกี่ ารผลติ มากข้ึน ไดต้ ามความตอ้ งการ ดว้ ยข้อไดเ้ ปรียบของ โดยเฉพาะ เกษตรกรผู้ทีม่ พี ื้นที่เพาะปลูกเป็น พชื ชนดิ ดงั กล่าว ได้สง่ ผลให้ในบางพ้ืนที่ของ จำ� นวนมาก จังหวดั น่านมกี ารก่อตงั้ กลุ่ม 9เพิ่มรายได้ด้วยวถิ เี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพ้นื ท่กี สกิ รรมน่าน
วสิ าหกิจข้าวโพดชุมชนข้นึ มาอยา่ งจริงจงั เพื่อท�ำหน้าทเ่ี ปน็ แหลง่ ทุนให้กบั เกษตรกรตลอดจน เปน็ แหลง่ กระจายผลผลิตของเกษตรกรไปส่ตู ลาดในพน้ื ทตี่ ่าง ๆ อกี ด้วย อยา่ งไรก็ตาม ความ นยิ มในข้าวโพดเล้ยี งสัตว์ทเี่ พิม่ ขนึ้ อยา่ งต่อเนอ่ื งจากอดีต ถือเป็นภาพสะทอ้ นของปญั หาปริมาณ การใชพ้ น้ื ท่ีในการผลิตไดเ้ ปน็ อย่างดี โดยใน พ.ศ. 2561 พบว่าเกษตรกรมีการใชพ้ ้ืนท่ีในการ ปลูกขา้ วโพดมากถึง 4.61 แสนไร่ หรอื เทยี บเปน็ อัตรารอ้ ยละ 18 ของพื้นทีท่ ่ีใช้เพาะปลกู จรงิ ใน จงั หวัดน่าน นอกจากน้ี การผลิตข้าวโพดเลย้ี งสัตว์ ยงั กอ่ ปญั หาอนื่ ท่ีตามมาอกี มากมายโดย เฉพาะมลพิษทางอากาศทเี่ กดิ จากการเผาพ้ืนที่ปลกู ข้าวโพดเลยี้ งสัตว์หลงั การเก็บเกีย่ ว ทีส่ ร้าง ปญั หาต่อส่ิงแวดล้อม และสุขภาพของประชากรในพ้ืนที่ ตารางท่ี 2-2 ต้นทนุ ผลตอบแทนการผลติ ข้าวโพดเล้ยี งสตั ว์ในจังหวดั น่าน เชน่ เดยี วกบั พชื ยอดนิยมอยา่ งยางพารา ทแี่ มจ้ ะมจี ดุ แขง็ ของตลาดท่รี องรบั ผลผลติ ที่แน่นอน แตอ่ กี ดา้ นหนึง่ กย็ งั มขี อ้ เสียท่นี า่ กังวล กลา่ วคือ หากเปรยี บข้าวโพดเล้ียงสตั ว์เปน็ ตัวแทนกลมุ่ พืชไรท่ ่ีใชพ้ ้นื ท่ีปลูกจ�ำนวนมาก แล้วยางพาราก็ถอื เปน็ ตวั แทนกลมุ่ ไม้ยนื ต้นที่มีการขยายพ้ืนท่ี ปลูกเปน็ จำ� นวนมากซง่ึ เป็นสาเหตขุ องการรุกล้�ำพืน้ ท่ีป่า โดยใน พ.ศ. 2561 พบวา่ จงั หวดั น่าน มีการใช้พื้นท่ีปลูกยางพารามากถึง 2.73 แสนไร่ หรอื คิดเป็นอัตราร้อยละ 11 ของพ้ืนทีท่ ี่ใช้เพาะ ปลูกจรงิ ในจังหวดั น่าน (ใชป้ ริมาณพ้ืนที่การผลติ รองจากขา้ วโพดเล้ยี งสัตว)์ นอกจากนย้ี ังพบ ว่า เกษตรกรทไี่ ด้ลงทนุ ปลกู ยางพารา และอยู่ในชว่ งทส่ี ามารถเริม่ เกบ็ เกยี่ วผลผลติ ได้นน้ั ก�ำลัง ถูกพิจารณา โดยภาครัฐใหม้ กี ารโคน่ ต้นยางพาราท้งิ เน่ืองจากปลูกในพ้ืนทป่ี ่า ซ่งึ ขัดกับหลัก กฎหมาย (ยางพาราไมถ่ อื เปน็ ไมป้ า่ ) ซึง่ อาจส่งผลให้เกษตรกรสูญเสยี รายไดเ้ ป็นจ�ำนวนมากดว้ ย เชน่ กัน 10 เพ่ิมรายได้ดว้ ยวิถเี กษตรทางเลือกใหม่..ทะลคุ วามทา้ ทายพืน้ ทก่ี สกิ รรมน่าน
ตารางท่ี 2-3 ต้นทุนผลตอบแทนการผลติ ยางพาราในจังหวัดน่าน แม้พืชท้งั สองชนดิ จะมจี ุดแขง็ ในด้านรายได้ทีส่ ามารถโน้มนา้ วให้เกษตรกรเกดิ ความมน่ั ใจลงมอื ผลิต แตโ่ จทยส์ ำ� คญั ดา้ นการจัดการของพชื ท้งั สองชนิด ก็เปน็ สง่ิ ที่เกษตรกรไมอ่ าจละเลยได้เช่นกนั ไมว่ ่า จะเปน็ โจทยเ์ รอื่ งการเกบ็ เกี่ยวผลผลติ ขา้ วโพดเล้ยี งสัตวท์ จ่ี ะไม่ขดั กบั หลกั กฎหมาย หรือสรา้ งปญั หา มลภาวะให้กบั สงั คม หรือโจทยเ์ รือ่ งกฎหมายทีไ่ ม่รับรองยางพาราเป็นไมป้ ่า (เกษตรกรจ�ำเปน็ ต้อง โคน่ ตน้ ยางพาราทง้ิ หรือไม่? และการกระท�ำดงั กลา่ ว จะถือเปน็ การทำ� ลายเงนิ ลงทนุ จ�ำนวนมากของ เกษตรกรหรอื ไม่?) แมเ้ กษตรกรนา่ นจะยังไมส่ ามารถหาคำ� ตอบของโจทยด์ ้านการจดั การของพชื ทง้ั สองชนดิ ทซี่ ่ึงถอื เปน็ ความหวงั ดา้ นรายไดท้ ่เี กิดจากจากการลงทนุ ผลิตในอนาคตไดอ้ ย่างแนช่ ดั แตส่ ง่ิ เหล่านี้กช็ ่วยสะทอ้ นมมุ มองดา้ นนโยบาย และความผ่อนปรนต่าง ๆ ทย่ี ังขาดความชัดเจนตอ่ เกษตรกรท่กี �ำลงั ก้าวเขา้ สชู่ ่วงเวลาการเปลย่ี นผา่ นของการผลิตตามแนวทางใหม่ 11เพ่มิ รายไดด้ ้วยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความท้าทายพน้ื ท่กี สกิ รรมนา่ น
การจดั การหว่ งโซ่อุปทาน ถือเป็นความทา้ ทายประการสดุ ท้ายทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การเพมิ่ รายได้ของ เกษตรกรน่านในปัจจุบัน ท้งั น้ี คงไม่อาจปฏิเสธได้วา่ ปัจจยั ด้านราคาของผลผลิตในตลาดท่ีมีความ ผันผวน และสภาพดินฟา้ อากาศท่ีแปรปรวนทสี่ ่งผลกระทบตอ่ ปรมิ าณผลผลติ ในแตล่ ะปี ถอื เป็น สาเหตุส�ำคัญทีส่ ง่ ผลให้เกษตรกรสว่ นใหญ่ ทอี่ ยู่ในฐานะของผู้ผลิตอาจไมส่ ามารถกา้ วผา่ นกบั ดกั รายไดเ้ ดมิ ฉะน้ัน การสนบั สนนุ และผลักดนั สถานะจากผู้ผลติ ไปสกู่ ารเปน็ ผู้ประกอบการ สง่ เสรมิ ให้ เกิดการรวมกล่มุ ของวิสาหกิจชุมชน และการสรา้ งมลู คา่ เพิ่มให้กบั ผลผลติ อย่างยัง่ ยืนผา่ นการสร้าง ระบบโซอ่ ปุ ทาน จงึ ถอื เปน็ หนึ่งในทางรอดสำ� คัญท่ชี ว่ ยให้เกดิ การขยายเพดานรายได้ของเกษตรกร จากความท้าทายดงั กลา่ ว จงึ เป็นทม่ี าของการนำ� เสนอภาพตวั อยา่ งในส่วนถดั ไปทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ จดั การหว่ งโซอ่ ุปทานการผลิตทเี่ หมาะสมกับบริบทของพืชที่ผลติ ในจังหวัดนา่ น ที่เปน็ ประโยชน์กบั เกษตรกรในการปรับเป็นแนวทาง เพือ่ ตอ่ ยอด และปรบั ปรงุ การผลิตแบบเดมิ ใหด้ ยี ิ่งขนึ้ โดยมีราย ละเอียดดังนี้ 2.2 ทางเลือกและโอกาสใหม่ แมส้ ภาวะความท้าทายด้านกฎหมายการใช้ท่ดี นิ การบริหารจัดการพชื เดมิ อย่างขา้ วโพดเลีย้ งสตั ว์ และยางพารา และความทา้ ทายด้านกับดกั รายได้เดมิ ของเกษตรกร จะเปน็ ตวั ลดทอนโอกาสในการ สร้างรายได้ของเกษตรกรก็ตาม แต่ภายใต้ปญั หาเหล่าน้ี เกษตรกรยงั คงมีทางเลอื กในการเพ่มิ ราย ไดท้ ่ดี กี วา่ เดมิ ด้วยการปรบั เปลี่ยนรปู แบบการผลติ แนวทางใหม่ ไปพร้อมกบั การจัดการหว่ งโซ่อุปทาน การผลติ ทเี่ พ่มิ มูลคา่ ของผลผลติ ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น การต่อยอดจากการเปน็ เพียงโซ่ ของผู้ผลิตไปสู่การเป็นโซข่ องผปู้ ระกอบการ หรอื เปน็ ผู้สรา้ งมลู คา่ ของผลผลติ ใหส้ งู ขน้ึ จงึ เปน็ ส่งิ ที่ เกษตรกรจ�ำเปน็ ต้องพจิ ารณาผา่ นหลกั เกณฑต์ า่ งๆ อนั ประกอบดว้ ย ความเหมาะสมทางด้านกายภาพในพนื้ ที่ท่สี ามารถท�ำการผลติ เกษตรกรจ�ำเป็นจะตอ้ งค�ำนึง ถึงข้อจ�ำกัดในการผลิตที่มอี ยู่ในพ้นื ที่นนั้ ๆ วา่ มคี วามเหมาะสมตอ่ การผลติ ไปสทู่ ศิ ทางใด ตัวอย่าง เชน่ หากในพ้ืนที่ทีเ่ กษตรกรส่วนใหญม่ อี ายุมากแตม่ ีประสบการณ์ และทกั ษะในการผลิตพืชไรห่ รือไม้ ผลสงู เกษตรกรอาจใช้รปู แบบการผลติ ทางเลือกทีเ่ นน้ ความใส่ใจ และความประณีต ไมว่ า่ จะเป็นการ ปลูกพืชผักปลอดภัย การปลูกพืชผกั โรงเรอื น หรือการปลูกพชื ไรแ่ บบผสมผสานไปกับการทำ� ปศุสตั ว์ และประมงครัวเรอื น หรอื หากในพ้ืนท่ที ีเ่ กษตรกรยังมคี วามสามารถ และมคี วามต้องการใน การปลูกพืชเชิงเด่ียว อาจใช้รูปแบบผลติ พชื ใหม่มาแรง และมีตลาดรองรับทแี่ น่นอน อาทิ การปลูก กัญชง เป็นต้น ศักยภาพของการรวมกลุ่มวิสาหกิจหรือตลาดของชมุ ชนแห่งน้นั นอกจากการเป็น เกษตรกรในฐานะของผผู้ ลิตแล้ว การสรา้ งเครือขา่ ยหรือการรวมกล่มุ เกษตรกรในชมุ ชน ถือเปน็ อกี หนงึ่ ปจั จัยทจี่ ะชว่ ยสร้างมลู คา่ เพิ่มใหก้ บั สนิ ค้าไดอ้ ยา่ งต่อเนอื่ งและย่ังยืน โดยเน้นการแปรรูปผลผลิต ที่หลากหลาย และการสรา้ งตลาดดว้ ยตวั เอง ตวั อย่างเช่น เกษตรกรในชมุ ชนมีการรวมตวั เพือ่ สรา้ งกลุม่ เล้ียงไกพ่ น้ื เมอื ง สามารถช่วยส่งเสรมิ การสร้างหว่ งโซ่อปุ ทานแบบครบวงจร ตัง้ แตข่ นั้ ตอน การผลิตลูกไก่ การเล้ยี งไก่ขุน การชำ� แหละ การแปรรูปไกเ่ ป็นผลิตภัณฑ์ในรปู แบบต่างๆ กระทงั่ การ ทำ� การตลาดภายในชมุ ชน เพอื่ สร้างมูลค่าเพ่มิ ใหก้ ับสินค้า และการเปน็ แหลง่ รองรับสินคา้ ท่แี น่นอน เช่น การพฒั นาผลติ ภณั ฑห์ รอื บรรจุภัณฑ์ การสรา้ งแบรนด์ เป็นตน้ นอกจากน้ี หากธรุ กิจชุมชนท่มี ี ความเขม้ แขง็ และมีความสามารถแข่งขนั ในตลาดสงู มากเพียงใดก็อาจมีโอกาสไดร้ ับการสนับสนุนใน การเข้าถึงแหลง่ เงินทุน และการสนับสนนุ จากหนว่ ยงานในพ้ืนทม่ี ากขึ้นอกี ดว้ ย 12 เพมิ่ รายไดด้ ้วยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลุความท้าทายพนื้ ทกี่ สิกรรมนา่ น
การใช้เทคโนโลยที ส่ี ามารถใชท้ รพั ยากรของชุมชนมาช่วยลดต้นทุน และสรา้ งมลู ค่าเพมิ่ ใหก้ ับ สนิ ค้า เทคโนโลยีในความหมายนี้ อาจไมไ่ ด้หมายถึงการใช้อุปกรณท์ ่ีทนั สมยั ในการช่วยจดั การห่วง โซ่อปุ ทานแตเ่ พยี งอยา่ งเดียว แตย่ ังหมายรวมถึงการใช้ระบบบางอยา่ ง เพอื่ ลดต้นทนุ ของการผลิต สินคา้ ตวั อย่างเชน่ การใชห้ ลักการระบบเศรษฐกิจแบง่ ปนั (Sharing economy) ซ่ึงเกดิ ขนึ้ ในลักษณะ ของการรวมกลมุ่ ของชมุ ชนในการแบ่งปนั เครื่องมอื เชน่ เครอ่ื งจกั รกล ระบบการให้น�้ำ ฯลฯ เพอื่ ลด ต้นทนุ การผลติ และเพ่อื ให้ได้ปริมาณของผลผลติ ทีค่ ุ้มค่ากับตน้ ทนุ การขนสง่ ไปจำ� หนา่ ยเองยังตลาด ปลายทาง ตลอดจนมีการร่วมมอื การในการผลติ และจดั การการทำ� เกษตรกรรมแบบแปลงเลก็ รวม กัน เพอื่ สามารถทจ่ี ะปรบั ใชเ้ ทคโนโลยี และรูปแบบการจัดการตา่ งๆ ซงึ่ เกษตรกรยงั สามารถพง่ึ พา กล่มุ คนวยั หนมุ่ สาวในการเปน็ ผปู้ ระสานงานในชมุ ชนไดอ้ ีกด้วย การสนบั สนนุ เยาวชนในชุมชนเพอื่ ตอ่ ยอดการเป็นผู้ประกอบการในอนาคต จะเหน็ ไดว้ ่ากลมุ่ คนวยั ท�ำงานในชุมชนปจั จบุ ันมักอพยพถิน่ ฐาน เพ่อื แสวงหาโอกาสในการท�ำงานท่ีดกี วา่ ในพ้ืนทเี่ มอื ง ทง้ั น้ี การสนบั สนุนเยาวชนใหเ้ หน็ ความสำ� คัญ และสามารถเลี้ยงดูตนเอง และครอบครัวผา่ นอาชพี เกษตรกรได้ ก็จะสามารถชว่ ยลดปัญหาการโยกย้ายถิน่ ฐานของแรงงานในอนาคตจากชมุ ชนไปสู่ เมอื งได้ ซึ่งการสนบั สนนุ เยาวชนนน้ั ควรเน้นให้เยาวชนได้เรียนรู้ และให้โอกาสในการสร้างระบบ Start up หรอื ผู้ประกอบการกลมุ่ เยาวชน ผู้สร้างมลู ค่าเพิ่มใหก้ บั สินคา้ ฯลฯ เพอ่ื นำ� เสนอแนวทางการผลติ ทีห่ ลากหลาย และครอบคลุมเงือ่ นไขของเกษตรกรในแตล่ ะครวั เรอื น มากทสี่ ดุ ในหัวข้อถดั ไป เป็นการน�ำเสนอถึงทางเลอื กในการผลติ ของเกษตรกรภายใต้โจทย์ส�ำคัญ สองประการคอื (1) ทางเลอื กระบบการทำ� เกษตร (พชื ปศุสตั ว์ ประมง) รูปแบบใดท่จี ะสามารถสร้าง รายได้ให้กับเกษตรกรท่ดี กี ว่าปัจจบุ นั และ (2) ภายใตส้ ภาพทางเศรษฐกิจของครัวเรอื นเกษตรกร ระบบเกษตรรปู แบบใดจะเปน็ ตัวสร้างรายไดท้ ่ดี ที ส่ี ุด กล่าวคอื [1] นำ� เสนอถึงรายละเอียดตวั อย่างรูป แบบการผลิตในรปู แบบต่าง ๆ ท่เี หมาะสมในการผลิตบนพน้ื ท่ีลุ่มน�้ำชนั้ ที่ 3 4 และ 5 และพืน้ ทล่ี มุ่ นำ�้ ชั้นที่ 1 และ 2 ของจงั หวดั นา่ น โดยมเี ง่ือนไขรายไดจ้ ำ� นวน 2 แสนบาท ทเ่ี กษตรกรจะได้รบั ต่อปี รวม ทั้งมกี ารน�ำเสนอแนวทางการจดั การโซ่อปุ ทานดา้ นการผลิตทางเกษตร เพือ่ เพ่ิมมลู คา่ ของผลผลิต ทางการเกษตรต้งั แต่ในระดบั ตน้ น�ำ้ กลางนำ�้ จนไปถึงระดับปลายน�ำ้ เพอ่ื ตอบโจทยเ์ ง่ือนไขในข้อแรก และ [2] ประเดน็ ถดั ไปเปน็ การน�ำเสนอตวั แบบครัวเรือนเกษตรกร ที่มีสภาพทางเศรษฐกิจเหมาะสม กบั แต่ละรปู แบบของการผลติ ทางการเกษตร เพ่ือตอบโจทย์เงือ่ นไขข้อท่ีสอง ซ่ึงรายละเอยี ดทง้ั หมด มดี งั น้ี 2.2.1 ระบบเกษตรทสี่ รา้ งรายได้ที่ดีกวา่ ปจั จบุ นั ใหก้ บั ครัวเรือนเกษตรกร 2.2.1ก กลมุ่ พืชในพืน้ ท่ีลุ่มนำ�้ ชั้นท่ี 3 4 และ 5 พ้ืนทีล่ ุ่มน�ำ้ ชั้นที่ 3 4 และ 5 ถือเป็นกลุ่มพน้ื ที่ที่ไดร้ บั อนญุ าตให้สามารถทำ� การเพาะปลูกพชื ได้ทุกประเภท โดยปราศจากข้อจ�ำกดั ท้งั นี้ เพอื่ ตีกรอบกลมุ่ พืชทางเลอื ก และเพื่อความสะดวกต่อ การวางแผนการผลติ ของเกษตรกรน่าน ในหัวข้อนจ้ี ะมกี ารจัดประเภทของกลมุ่ พชื ที่เหมาะสมกบั พ้ืนทีด่ ังกล่าวทส่ี ามารถสร้างรายไดส้ งู สดุ ประกอบด้วย (a) กลมุ่ พืชเชิงเดยี่ วทเ่ี กบ็ เกย่ี วไดภ้ ายใน 1 ปี หากเกษตรกรนา่ นที่สนใจปรบั เปล่ียนรูปแบบการผลติ จากข้าวโพดเลีย้ งสตั ว์ไปสู่พชื ชนดิ อน่ื ซง่ึ สามารถสรา้ งรายได้ และความค้มุ ค่าต่อการลงทุน จะพบวา่ กัญชง (ผลติ เสน้ ใย) เป็นพืชอีกทางเลอื ก หนึง่ ท่มี ีความโดดเด่น และใหผ้ ลตอบแทนสงู ในกลุ่มพืชเชงิ เดยี่ วท่ีเก็บเกี่ยวได้ภายใน 1 ปี (แม้ในปจั จบุ ัน * พืชและปศุสัตว์ทนี่ �ำเสนอรายละเอยี ดโซ่อุปทานครบถว้ นท้ังในระดบั ต้นน�ำ้ กลางน้�ำ และปลายน�ำ้ ในหัวข้อนไ้ี ดแ้ ก่ โกโก้ 13 มะมว่ งน้�ำดอกไม้ กาแฟ ไผ่ซางหมน่ และแพะ เพม่ิ รายได้ดว้ ยวิถีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความทา้ ทายพืน้ ท่กี สกิ รรมน่าน
ยงั มขี ้อจำ� กัดด้านตลาดทีร่ องรับ) ทง้ั นี้ (เพื่อให้ กญั ชง เหน็ ภาพทช่ี ัดเจนขน้ึ ) หากเทยี บความคุ้มคา่ ของ ต้นทุนการผลิตระหว่างขา้ วโพดเลย้ี งสัตว์ และ ใ ช ้ พ้ื น ท่ี กัญชง เพ่อื สรา้ งรายได้จำ� นวน 2 แสนบาท/ปี จะ พบวา่ การปลูกกญั ชงจำ� นวน 8 ไร่ จะสามารถ < 7ขา้8ว%โพด สรา้ งรายได้เทียบเท่ากับการปลกู ข้าวโพดเลีย้ ง สัตว์ 36 ไร่ (กญั ชงใช้พนื้ ทป่ี ลกู นอ้ ยกวา่ ข้าวโพดถงึ ร้อยละ 78) นอกจากกัญชงแล้ว ยงั มพี ชื ชนดิ อืน่ ที่น่าสนใจในการลงทนุ ในล�ำดบั รองลงมา โดยเฉพาะหม่อน และกลว้ ยน�ำ้ ว้ามะลิอ่องที่ซึ่งสามารถสร้างรายได้ 2 แสนบาท/ปี และใช้พนื้ ที่ในการผลติ น้อยกว่า ข้าวโพดเลยี้ งสัตว์ (หม่อนและกล้วยน้ำ� ว้ามะลอิ อ่ งใชพ้ ื้นที่ปลกู นอ้ ยกว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตวถ์ งึ รอ้ ย ละ 61 และ 19 ตามลำ� ดบั ) อยา่ งไรก็ตาม จดุ ออ่ นสำ� คญั ของพชื ทัง้ สองชนดิ คือการใช้เงนิ ลงทุน การผลติ ท่ีมากกว่าขา้ วโพดเลี้ยงสตั วอ์ ยู่พอสมควร (กลว้ ยน้�ำว้ามะลิออ่ งและหมอ่ นใชเ้ งินลงทุน มากกว่าข้าวโพดเลีย้ งสตั วถ์ งึ รอ้ ยละ 45 และ 20 ตามลำ� ดบั ) รวมท้ังหมอ่ นยังเปน็ พืชใหมท่ ่ียัง ตอ้ งท�ำการตลาด และศึกษาเกยี่ วกับหว่ งโซ่อุปทานอกี มาก ผลเปรยี บเทียบพืชในกลุ่มท้ังสามชนดิ ท่ีมศี ักยภาพสูงสดุ ท่ีจะเข้ามาทดแทนการปลกู ข้าวโพด เลยี้ งสตั ว์ จะพบวา่ กล้วยนำ้� ว้ามะลอิ ่องถือเป็นตัวเลือกทีด่ ี และมคี วามพร้อมมากท่สี ุด โดยมหี ่วง โซอ่ ปุ ทานท่สี ามารถต่อยอดไดอ้ กี มากในจงั หวัดน่าน แม้จะมีการใช้เงนิ ลงทนุ และพื้นทก่ี ารผลติ มากกว่าพืชในกลมุ่ เดยี วกนั ก็ตาม เพือ่ ใหเ้ ห็นรปู แบบการผลิตของพชื แต่ละชนดิ ทีเ่ ปน็ รปู ธรรม มากขนึ้ ในสว่ นถดั ไปเป็นการนำ� เสนอตวั อย่างการผลิตของพชื ทงั้ 3 ชนิด ซ่งึ พชื แตล่ ะชนิดมีราย ละเอยี ดการผลิตดังนี้ ตารางที่ 2-4 พชื ที่ใหผ้ ลตอบแทนสงู สดุ ภายใตเ้ ง่ือนไขรายไดส้ ุทธิ 200,000 บาท/ปี กรณพี ชื เชิงเดี่ยว พืน้ ทล่ี ่มุ น�ำ้ ชั้นท่ี 3 4 และ 5 14 เพิม่ รายได้ด้วยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพ้ืนทีก่ สิกรรมน่าน
(1) กญั ชง กัญชง ถอื เป็นพชื ใหมท่ ่ีมศี กั ยภาพใน ภาพท่ี 2-1 กัญชง การสร้างรายได้สงู ทงั้ น้ี ภายหลงั จาก ทม่ี า: Medthai (2017) การปลดลอ็ ค ให้เกษตรกรสามารถขอ ใบอนุญาตในการปลูกกัญชง ตลอดจน จากขอ้ มูลการปลูกกัญชงทวั่ โลกใน พ.ศ. สามารถนำ� ไปแปรรูปเปน็ ผลิตภณั ฑ์ตา่ ง ๆ 2564 พบว่า มีจำ� นวนประเทศกว่า 60 แหง่ ท่ี ได้ อย่างถูกกฎหมาย กย็ ่งิ สร้างแรง อนญุ าตใหป้ ลูกกญั ชงในฐานะพืชเศรษฐกิจ แต่ สนบั สนุนให้กญั ชง เปน็ พืชอกี หนึ่งชนิด ในบรรดาจำ� นวนประเทศเหลา่ นี้มเี พียง 5 ประเทศ ทีน่ ่าจบั ตามองมากข้นึ กญั ชงเปน็ พชื ที่ ที่มีปรมิ าณการปลูกกญั ชงมากทส่ี ดุ ในโลก อาทิ สามารถใชค้ ุณสมบัตไิ ดแ้ ทบทุกส่วนของ อเมริกา จนี แคนาดา เกาหลีใต้ และฝรง่ั เศส โดย ลำ� ตน้ อาทิ การใชส้ ว่ นของเส้นใยกญั ชง มูลค่าของตลาดกญั ชงในปี 2020 พบวา่ มจี �ำนวน ที่ถอื เปน็ เสน้ ใยที่มีคุณภาพสงู มีความ สูงถึง 5.73 พนั ลา้ นดอลลาหส์ หรฐั ซึ่งเติบโตโดย แข็งแรงกวา่ ฝา้ ย สามารถดดู ซบั ความช้ืน เฉลย่ี ถึง 4 เทา่ ในจากปี 2016 ด้วยเหตุน้ี ไทยใน ได้ดีกว่าไนลอน และใหค้ วามอบอุ่นย่ิง ฐานะประเทศแรก และประเทศเดียวในระดับภมู ิภาค กวา่ ลนิ ิน ซึ่งเหมาะแกก่ ารนำ� มาทำ� เปน็ อาเซียน ท่อี นญุ าตให้ใชก้ ญั ชงในเชงิ พาณิชย์ได้ เครือ่ งนงุ่ ห่มอย่างมาก หรอื การใชส้ ่วน อย่างถกู กฎหมาย อาจสนับสนนุ ใหเ้ กษตรกรไทย ของใบ เปลอื ก ราก ล�ำตน้ เพ่ือนำ� มาเป็น สามารถชงิ ความได้เปรียบในการเริ่มลงทนุ ในการ ส่วนผสมของยา เครอ่ื งสำ� อาง สมุนไพร ผลิตกัญชง เพ่อื การสง่ ออกในตลาดต่างประเทศ อาหาร และเครือ่ งด่ืมต่าง ๆ การบบี ไดก้ อ่ น และเมอื่ ประเทศเพ่ือนบา้ นหรือประเทศใน เมลด็ เพอื่ ไดม้ าซ่งึ นำ้� มันกัญชง กระท่ัง กล่มุ CLMV ไดป้ ลดล็อคกฎหมายกญั ชงเม่ือใด ก็ การสกัดช่อดอก เพอ่ื ให้ได้สาร CBD อาจส่งผลดตี ่ออุตสาหกรรรมการสง่ ออกกญั ชง สำ� หรับใช้ในผลติ ภัณฑ์อาหาร อกี ดว้ ย ของไทยอยา่ งแนน่ อน 15เพิ่มรายได้ด้วยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลุความทา้ ทายพน้ื ท่ีกสกิ รรมน่าน
16 เพิ่มรายไดด้ ว้ ยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลคุ วามทา้ ทายพ้นื ท่กี สิกรรมนา่ น
นอกจากน้ี หากตดิ ตามการแขง่ ขนั ด้านตลาด กัญชงภายในประเทศ จะพบว่า เกษตรกรไทย ยังมีความไดเ้ ปรียบการแขง่ ขนั สงู เน่ืองจากยงั ปราศจากการการนำ� เขา้ สนิ คา้ กัญชง จาก ตา่ งประเทศ เขา้ มาแขง่ ขนั ในตลาดไทยภายใน 5 ปแี รกอกี ด้วย กล่าวโดยสรปุ คอื เกษตรกร ไทยในปัจจุบัน ยงั มีความไดเ้ ปรยี บในการขาย ผลิตภณั ฑก์ ญั ชงท้งั ในตลาดของไทย และต่าง ประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม เม่อื สน้ิ สดุ ระยะเวลา 5 ปี (วันท่ี 29 มกราคม พ.ศ. 2569) ของการ ผอ่ นผันการนำ� เข้า ผลิตภณั ฑ์กญั ชงจากต่าง ประเทศ เกษตรกรควรจับตามองทศิ ทางตลาด การลงทนุ การผลิตกัญชงอย่างใกล้ชิดอกี คร้งั ภาพที่ 2-2 ลกั ษณะตน้ กญั ชง สำ� หรับแนวทางการปลูกกญั ชงนน้ั เกษตรกร ทีม่ า: Medthai (2017) สามารถเลือกวิธกี ารผลติ ได้ 3 รูปแบบ คือ แบบกลางแจ้ง (Outdoor) แบบโรงเรือน เน่ืองจากมสี ภาพอากาศทห่ี นาวเย็น และมี (Greenhouse) และแบบระบบปดิ (Indoor) โดย แดดจดั เพียงแค่ปลี ะครงั้ (ปลูกได้ประมาณ 1 การปลกู ในแต่ละรูปแบบ จะมขี อ้ ดี และขอ้ เสยี ท่ี คร้ัง/ปี) ต่างกันออกไป กล่าวคือ ในส่วนปจั จยั ของเงนิ ในด้านเงอ่ื นไขของการปลกู กัญชงนัน้ ลงทนุ พบว่า รปู แบบการปลกู แบบกลางแจง้ จะ เกษตรกรควรใหค้ วามสำ� คัญกบั ดินที่ใชป้ ลูก ซ่งึ ใช้ทนุ ต่�ำที่สุด แต่มีความเส่ยี งเรอ่ื งสภาพอากาศ ควรใชด้ ินร่วน ดินรว่ นปนทราย หรอื ดินเหนยี ว และศตั รูพชื มากที่สุด (ในขณะท่กี ารปลกู แบบโรง ร่วน บนพนื้ ท่ีสงู จากระดับนำ้� ทะเลประมาณ เรือน และแบบระบบปดิ จะใชท้ ุนสงู ข้ึนตามลำ� ดบั ) 200 – 1,300 เมตร ในสภาพท่มี ีแสงแดดปาน ในทางกลับกนั แมก้ ารปลูกกัญชงระบบปิด จะ กลาง มอี ณุ หภูมิในช่วง 1 – 25 องศาเซลเซยี ส มีการใช้เงินลงทุนมากท่สี ดุ ก็ตาม (ตน้ ทนุ ในการ โดยกัญชงควรได้รบั น้ำ� ฝนในปริมาณ 1,200 สร้างโรงเรือนอยูท่ ปี่ ระมาณ 2 – 10 ล้านบาท – 1,900 มิลลิเมตร/ปี ซึ่งบรเิ วณพืน้ ทีป่ ลูก ขึน้ อย่กู บั วัสดกุ อ่ สร้างท่ีเลือกใช้) แตก่ แ็ ลกมา กัญชงในจงั หวัดนา่ น พบว่า อำ� เภอสองแคว ดว้ ยปรมิ าณ และคุณภาพของผลผลิตสูงสดุ เปน็ พนื้ ทเ่ี หมาะสม แกก่ ารปลกู กญั ชงมากทีส่ ุด เน่อื งจากความสามารถในการควบคุมอณุ หภูมิ ส�ำหรับระยะเวลาการผลติ กญั ชงมักจะใช้ระยะ ความชน้ื และแสงสวา่ งไดอ้ ยา่ งเหมาะสมต่อการ เวลาไมเ่ กิน 4 เดือน/รนุ่ ซงึ่ ช่วงเวลาที่เหมาะ เจรญิ เตบิ โตของกญั ชง ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์วา่ สมกับการปลกู จะอยู่ในชว่ งเดอื นเมษายน – สภาพภูมอิ ากาศของไทย (โดยเฉพาะภาคเหนอื พฤษภาคม และสามารถเก็บเก่ียวผลผลติ ได้ใน และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ) คอ่ นข้างเอื้อตอ่ ช่วงเดอื นสงิ หาคม – กนั ยายน โดยสามารถนำ� ความคุ้มค่า ในการลงทนุ ปลูกกัญชงแบบกลาง ผลผลติ ไปจำ� หน่ายได้ ทส่ี หกรณผ์ ู้ปลกู เฮมพ์ใน แจ้ง หรือโรงเรือนมากกว่าระบบปดิ (ปลูกได้ อ�ำเภอพบพระ จงั หวัดตาก และมลู นิธโิ ครงการ ประมาณ 2 – 3 ครงั้ /ปี) ในขณะท่ีประเทศ หลวง และสถาบันวจิ ยั พฒั นาพนื้ ทสี่ งู (องค์การ แถบตะวันตกที่เนน้ การปลูกกญั ชง แบบระบบ มหาชน) ปดิ (ซง่ึ มตี น้ ทนุ การผลติ สงู กว่า) 17เพิม่ รายไดด้ ว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความท้าทายพ้ืนทก่ี สิกรรมนา่ น
ตัวเลขต้นทนุ ในการปลูก และรายไดจ้ ากกญั ชงมักขึน้ อยูก่ บั ความ ตอ้ งการของเกษตรกร วา่ ตอ้ งการจ�ำหน่ายผลผลติ สว่ นใด อาทิ (1) หาก เกษตรกรต้องการปลูกกัญชง เพือ่ จำ� หนา่ ยเมลด็ ก็จะมีตน้ ทนุ การผลิต ทั้งหมดประมาณ 4.7 พันบาท/ไร่/รุน่ โดยมีกำ� ไรสุทธปิ ระมาณ 1.8 หมืน่ บาท/ไร่/รนุ่ (2) หากตอ้ งการปลกู กัญชง เพอ่ื จำ� หน่ายตน้ สดกจ็ ะมตี ้นทุน การผลิตท้งั หมดประมาณ 1.2 หมื่นบาท/ไร่/รนุ่ โดยมกี �ำไรสุทธปิ ระมาณ 1.2 หมน่ื บาท/ไร่/รุน่ และ (3) หากตอ้ งต้องการปลกู กัญชง เพือ่ จำ� หน่าย เสน้ ใยกจ็ ะมีต้นทุนการผลิตทัง้ หมดประมาณ 1.3 หมื่นบาท/ไร/่ รุ่น โดย มกี �ำไรสุทธปิ ระมาณ 2.7 หมนื่ บาท/ไร่/รนุ่ เปน็ ตน้ แต่โดยท่ัวไปแลว้ เกษตรกรจะต้องลงทนุ ในจำ� นวนเงนิ เท่ากนั ทง้ั ในเรื่องค่าเมลด็ พนั ธุ์ ค่าจ้าง ไถ คา่ ปุ๋ย และค่าจา้ งแรงงาน แต่ต้นทนุ รวมจะขนึ้ อยู่กับวตั ถปุ ระสงคข์ อง เกษตรกรท่ีตอ้ งการปลกู เพ่ือจำ� หนา่ ยผลผลติ สว่ นใด (รายละเอยี ดใน ตารางที่ 2-5) ตารางที่ 2-5 ตน้ ทนุ ผลตอบแทนการผลติ กญั ชงในจังหวัดนา่ น 18 เพมิ่ รายไดด้ ว้ ยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลคุ วามท้าทายพ้ืนทกี่ สกิ รรมน่าน
เพ่ือให้เหน็ ภาพตัวอย่างของผลประโยชน์ทเ่ี กษตรกรจะไดร้ ับจากการ ปลกู กัญชงอย่างเป็นรูปธรรมมากยิง่ ขึ้น เกษตรกรสามารถดไู ดจ้ าก ตารางการเปรยี บเทยี บรายละเอยี ดของตน้ ทนุ การผลิต และจำ� นวนพนื้ ที่ ท่ีใช้ในการปลูกภายใน 1 ปี ระหวา่ งการผลิตขา้ วโพดเล้ียงสัตว์ และกัญ ชง (ผลิตเสน้ ใย) ซ่งึ สามารถสรา้ งรายได/้ ปีใหก้ บั เกษตรกรตามทีค่ าด หวังจ�ำนวน 2 แสนบาท (ตารางท่ี 2-6) กล่าวโดยสรปุ คอื หากเกษตรกร ต้องการสร้างรายได้จ�ำนวน 2 แสนบาท/ปี จากการปลกู ข้าวโพดเลย้ี ง สัตวก์ จ็ �ำเป็นต้องใชพ้ น้ื ที่ในการปลูกจ�ำนวน 36 ไร่ และใช้เงนิ ลงทนุ ทง้ั ส้นิ ประมาณ 1.2 แสนบาท ในขณะที่รายไดจ้ �ำนวน 2 แสนบาท/ปี ทไี่ ด้ จากการปลูกกญั ชงจะใช้พ้นื ทปี่ ลกู เพียง 8 ไร่ (ใช้พืน้ ทนี่ ้อยกว่าการปลูก ข้าวโพดเลย้ี งสัตว์ถึงร้อยละ 78) และเงนิ ลงทุนเพยี ง 1 แสนบาท เทา่ น้ัน ตารางท่ี 2-6 กรณศี กึ ษารายได้สทุ ธิ 200,000 บาท ของขา้ วโพดเลย้ี งสัตว์และกญั ชงภายใน 1 ปี 19เพิม่ รายไดด้ ว้ ยวิถีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความท้าทายพ้ืนท่ีกสกิ รรมนา่ น
(2) หมอ่ น (ผลสด) ภาพที่ 2-3 หม่อน นอกจากกญั ชงทถี่ ือเปน็ พชื ชโู รงที่ ท่มี า: Medthai (2017) ใชต้ ้นทนุ และขนาดพ้นื ที่ในการผลิต ภาพที่ 2-4 ผลหม่อน ต�่ำกว่าขา้ วโพดเล้ียงสตั ว์ อีกท้งั ยัง ที่มา: Medthai (2017) สามารถสร้างรายไดส้ ูง ภายในปกี าร ผลิตแรกแล้ว หมอ่ น ถอื เป็นพืชอกี หนึง่ ชนิดทีน่ ่าสนใจ ในอันดับรองลงมา ทง้ั น้ี เงอ่ื นไขของการปลูกหมอ่ นน้นั เกษตรกรจะต้องปลกู บนดนิ รว่ นปน ทราย ท่ีมีหนา้ ดินลึกบนพน้ื ท่ี ทม่ี คี วาม สูงจากระดบั นำ้� ทะเลไมเ่ กนิ 700 เมตร โดยมสี ภาพอากาศ ในระดบั อุณหภูมิ เฉลย่ี 20 – 30 องศาเซลเซยี ส และ มีแสงแดดจดั รวมท้ังตอ้ งมนี ้�ำฝนใน ปริมาณมากกว่า 1,000 มิลลิเมตร/ ปี ซ่ึงระยะเวลาทเ่ี หมาะสมส�ำหรบั การ เก็บเก่ียวลกู หม่อน จะอยู่ในช่วงเดอื น มีนาคม – เมษายน (ซึ่งมกั เปน็ เดือนที่ 9 หลงั จากเร่ิมปลูก) ส�ำหรบั พืน้ ที่เหมาะ สมสำ� หรับปลูกหม่อน ไดแ้ ก่ อำ� เภอ เฉลิมพระเกยี รติ อำ� เภอบอ่ เกลอื และ อำ� เภอแมจ่ รมิ แม้จะเป็นพชื ทสี่ ามารถเก็บเกยี่ ว ผลผลติ ได้ในช่วงปที ่ี 1 แตห่ มอ่ นอาจ ยังไม่สามารถสร้างผลก�ำไร ให้กบั เกษตรกรได้ในทันที เน่ืองจากยังมี ตัวเลขต้นทุนการผลติ ทส่ี งู กว่ารายได้ อยา่ งไรก็ตาม เกษตรกรจะเรมิ่ เห็นผล กำ� ไรเม่ือเข้าสปู่ ที ่ี 2 เป็นตน้ ไป ส�ำหรับ ประมาณ 9 พันบาท/ไร่/ปี – 1.5 หมื่นบาท/ไร/่ ปี โดยในส่วนนี้ พบว่า ต้นทนุ คา่ แรงงานเกบ็ เกี่ยว จะเรม่ิ เพิ่มข้นึ จากปีท่สี องทมี่ ีจ�ำนวน 3 พนั บาท/ไร/่ ปี โดยเมือ่ เขา้ ส่ปู ที ี่ 3 เป็นต้นไป จะมี ต้นทุนเพ่ิมอกี ประมาณ 9 พนั บาท/ไร/่ ปี แมจ้ ะมตี ้นทุนคา่ ปุย๋ และคา่ ดแู ลในทุกปี โดยเฉลยี่ เทา่ กนั กต็ าม ในส่วนของผลตอบแทน พบวา่ เกษตรกรจะสามารถท�ำก�ำไรสทุ ธมิ ากท่สี ุดประมาณ 1 หมื่นบาท/ไร่/ปี ในช่วงปีที่ 3 – 4 แม้เกษตรกรจะมีรายได้ที่คงทีต่ งั้ แต่ปีท่ี 3 จนถงึ ปสี ุดท้ายของ การผลติ หรอื มตี ัวเลขอยทู่ ปี่ ระมาณ 2.5 หมนื่ บาท/ไร่/ปี แตเ่ มอ่ื สังเกตในปที ี่ 5 – 11 ของการ ผลติ กลบั พบว่า กำ� ไรที่ได้บางสว่ นหายไปประมาณ 3 พันบาท/ไร่/ปี เนือ่ งจากตน้ ทนุ ค่าปุ๋ยบ�ำรุง หม่อนทเ่ี พมิ่ ขึน้ ในปีดงั กลา่ ว 20 เพม่ิ รายไดด้ ว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลุความทา้ ทายพืน้ ทีก่ สกิ รรมน่าน
ตารางที่ 2-7 ต้นทนุ ผลตอบแทนการผลติ หมอ่ นในจงั หวดั นา่ น เมอื่ เปรียบเทยี บต้นทนุ และปรมิ าณพ้ืนท่ีในการผลติ ภายใน 1 ปี เพ่ือสรา้ ง รายได้ตามทเี่ กษตรกรคาดหวังระหว่างการผลติ ข้าวโพดเลีย้ งสัตว์ ซึ่งเปน็ พืช เดิม และพชื ใหม่ เช่น หม่อน จะพบวา่ แมก้ ารปลูกหมอ่ นจะใชจ้ �ำนวนเงินลงทุน มากกว่าการปลกู ขา้ วโพดเลีย้ งสตั ว์เล็กน้อย แต่ก็ประหยดั พ้นื ทป่ี ลูกกวา่ ขา้ วโพดเลยี้ งสัตว์ถึง 2 เทา่ ตัว กลา่ วคือ ในขณะที่ข้าวโพดเลย้ี งสัตวต์ อ้ งการ พืน้ ที่การผลติ จ�ำนวน 36 ไร่ และเงนิ ลงทุนจ�ำนวน 1.2 แสนบาท เพอื่ สรา้ ง รายได้ให้กับเกษตรกรจ�ำนวน 2 แสนบาท/ปี นั้น หม่อนต้องการพืน้ ท่ปี ลูก เพยี ง 14 ไร่ และเงนิ ลงทุน 1.5 แสนบาท เพื่อสรา้ งรายได้ท่ีมีจ�ำนวนเทยี บ เท่ากบั ข้าวโพดเลย้ี งสัตวภ์ ายในปีเดยี ว (ดูรายละเอียดในตารางที่ 2-8) ท้ังน้ี อาจกลา่ วแบบสรปุ ไดว้ ่า หมอ่ นคอื พชื อกี หนึ่ง ตัวเลอื กทดี่ สี ำ� หรับเกษตรกร ทตี่ อ้ งการลดพื้นท่กี ารผลติ จำ� นวนมาก โดยใช้เงินลงทุนท่ีใกลเ้ คยี งกบั การ ผลิตขา้ วโพดเลยี้ งสตั วน์ นั่ เอง 21เพิม่ รายไดด้ ว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพืน้ ทก่ี สิกรรมน่าน
ตารางที่ 2-8 กรณศี กึ ษารายได้สทุ ธิ 200,000 บาท ของขา้ วโพดเลยี้ งสัตวแ์ ละหมอ่ นภายใน 1 ปี (3) กล้วยน�ำ้ วา้ มะลิออ่ ง ภาพท่ี 2-5 กลว้ ยน้ำ� วา้ มะลิอ่อง กล้วยน้ำ� วา้ มะลิอ่อง ถือเป็นพชื ในกลมุ่ พชื เดิม ทม่ี า: รศ.ดร.ศริ พิ ร กิรติการกุล ของชุมชนท่ีมศี กั ยภาพทีน่ ่าสนใจ โดยเกษตรกร และคณะ (2563) สามารถปลกู ในแทบทุกพนื้ ท่ขี องจงั หวดั น่าน ได้ ตลอดทัง้ ปี โดยเฉพาะในชว่ งฤดูฝน ทงั้ นี้ เงอื่ นไข การปลกู กลว้ ยน�้ำวา้ มะลอิ อ่ ง จ�ำเป็นจะต้องปลกู บนดนิ ร่วน ในพน้ื ที่ทมี่ ีความสูงจากระดับน้�ำทะเล ไม่เกิน 2,100 เมตร โดยตอ้ งมีแดดจดั ในสภาพ อากาศทีม่ ีอุณหภมู ริ ะหว่าง 15 – 35 องศา เซลเซียส และตอ้ งมีปรมิ าณน้ำ� ฝนโดยเฉล่ยี ตอ่ ปี ไม่เกิน 2,000 – 2,200 มลิ ลิเมตร/ปี นอกจาก นี้ เกษตรกรสามารถเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ของกล้วย นำ้� วา้ มะลิออ่ งไดต้ ลอดทัง้ ปี โดยสามารถนำ� ผลผลติ จ�ำหนา่ ยได้ในแหล่งรบั ซอ้ื ต่าง ๆ อาทิ กลุ่มวสิ าหกิจชมุ ชนแปรรูปผลผลติ กลว้ ย (บ้าน ทุ่งอ้าว ต�ำบลและ อ�ำเภอทุง่ ช้าง จังหวดั นา่ น) 22 เพิม่ รายได้ด้วยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความท้าทายพ้นื ทกี่ สิกรรมนา่ น
ในด้านตน้ ทุนการผลติ ของกล้วยนำ้� วา้ มะลิอ่องจะมกี ารใช้เงนิ ลงทนุ ในปีแรก จ�ำนวน 7.6 พัน บาท/ไร่ ซงึ่ จำ� นวนเงินน้ีจะครอบคลมุ ไปถงึ ค่าหน่อ ค่าแรงงาน คา่ เตรียมที่ดนิ คา่ ป๋ยุ คอกและ ปยุ๋ เคมี ทัง้ น้ี ภายหลังจากการปลูกกลว้ ยนำ�้ วา้ มะลอิ ่องประมาณ 8 – 12 เดือน เกษตรกรจะ สามารถเรมิ่ เก็บเก่ยี วผลผลติ ได้ โดยท่วั ไปแลว้ การปลูกกล้วยนำ�้ ว้ามะลอิ ่อง 1 ครัง้ จะสามารถ ให้ผลผลติ ได้เตม็ ท่ปี ระมาณ 5 ปี ซ่งึ สามารถสรา้ งรายได้ที่คงท่ีให้กบั เกษตรกรประมาณ 1.6 หมื่นบาท/ไร่/ปี และเม่ือหกั ต้นทุนทัง้ หมดแลว้ ก็จะมกี �ำไรสทุ ธทิ ้งั สน้ิ ประมาณ 8 พนั บาท/ไร/่ ปี ตลอดระยะเวลาการผลิตท้งั หมด ตารางที่ 2-9 ตน้ ทนุ ผลตอบแทนการผลิตกลว้ ยน้ำ� ว้ามะลิออ่ งในจังหวดั น่าน หากเปรยี บเทยี บถึงเง่อื นไขจ�ำนวนเงินลงทุน และปรมิ าณพ้ืนท่กี ารผลติ ของกลว้ ยน้�ำว้ามะลอิ ่อง และขา้ วโพดเล้ยี งสตั ว์ จะพบวา่ เกษตรกรทีต่ ้องการสรา้ งรายได้ 2 แสนบาท/ปี จะมตี ้นทนุ การ ผลติ กล้วยนำ�้ วา้ มะลิอ่องประมาณ 2.2 แสนบาท/ไร่/ปี ในขณะทข่ี ้าวโพดเลีย้ งสตั วม์ ีตน้ ทุนการ ผลติ ประมาณ 1.2 แสนบาท/ปี ในส่วนของปรมิ าณพนื้ ทกี่ ารผลติ ของกลว้ ยนำ�้ วา้ มะลิออ่ งจะใช้ ประมาณ 29 ไร่ และขา้ วโพดเล้ยี งสัตว์ใชป้ ระมาณ 36 ไร่ โดยอาจกลา่ วโดยสรุปไดว้ ่า กล้วยน�ำ้ ว้า มะลอิ ่องใช้ต้นทุนการผลิตมากกวา่ ขา้ วโพดเล้ยี งสัตว์ถึง 1 แสนบาท/ปี แตม่ กี ารใช้พนื้ ทป่ี ลูก น้อยกว่าถึงจ�ำนวน 7 ไร่ หรือรอ้ ยละ 19 23เพม่ิ รายได้ด้วยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความทา้ ทายพน้ื ทกี่ สกิ รรมน่าน
นอกจากน้ี แม้ตน้ ทุนและปรมิ าณพนื้ ทกี่ ารผลิตกลว้ ยน้�ำวา้ มะออ่ ง จะมจี ำ� นวนตวั เลขท่ีมากกว่า กญั ชง และหมอ่ น ซงึ่ อยู่ในกลุ่มพชื เชิงเด่ียวพ้นื ทล่ี ุ่มน้ำ� ชน้ั ท่ี 3 4 และ 5 แตเ่ มอ่ื เทยี บศกั ยภาพของพชื ท้งั สามชนิดจะพบว่า กล้วยนำ้� ว้ามะลอิ อ่ งค่อนขา้ งมคี วามไดเ้ ปรียบในด้านอ่นื อย่หู ลายประการ อาทิ ดา้ นความยืดหยุ่นของพ้นื ท่ีการผลิตทีส่ ามารถปลูกได้แทบทุกพื้นท่ีของจังหวัดน่าน ดา้ นการเป็นพืช ทางเลอื กท่ีมีความพรอ้ มมากทสี่ ุดในกลุ่มพชื นี้ และดา้ นการเปน็ พชื ท่มี ีหว่ งโซอ่ ปุ ทานทส่ี ามารถตอ่ ยอดได้ในจงั หวัดนา่ นอีกดว้ ย ตารางท่ี 2-10 กรณีศกึ ษารายไดส้ ุทธิ 200,000 บาท ของข้าวโพดเลย้ี งสตั ว์ และกล้วยนำ้� วา้ มะลิ อ่องภายใน 1 ปี (b) กลุ่มไมผ้ ลและไม้ยืนตน้ จากการศึกษากล่มุ ไม้ผลและไม้ยืนตน้ พบว่าพชื ทางเลือกทเี่ หมาะสมในกลมุ่ นีป้ ระกอบดว้ ย 5 รายการพชื ไดแ้ ก่ โกโก้ มะมว่ งน�ำ้ ดอกไม้ กาแฟอาราบีก้า มะขามเปรี้ยว และไผซ่ างหมน่ ทงั้ น้ี ใน บรรดาพชื ท้ัง 5 ชนิด พบว่า โกโกค้ ือพชื ทางเลอื กที่มีตน้ ทนุ การผลติ และใชพ้ น้ื ทก่ี ารปลกู นอ้ ยทสี่ ุด โดยมะมว่ งน�ำ้ ดอกไม้ กาแฟอาราบกี ้า มะขามเปรย้ี ว และไผซ่ างหม่น จะมีการใชต้ ้นทนุ การผลติ และ พืน้ ทปี่ ลกู ทเี่ พ่มิ มากขึ้นตามล�ำดับ ดว้ ยระยะเวลาการใหผ้ ลผลิตโดยท่ัวไปของพืชในกลุม่ ไม้ผลมักจะ เรม่ิ ต้นเก็บเก่ยี วได้ตั้งแตป่ ีที่ 3 เป็นต้นไป ดงั น้นั เกษตรกรท่ีตอ้ งการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต โดยใช้พืชทางเลอื กในกลมุ่ น้จี �ำเปน็ จะต้องมอี าชีพเสริมที่ให้รายได้ในชว่ งรอเก็บเกี่ยวผลผลิตในปที ่ี 3 เกษตรกรอาจใชท้ างเลือกการปลูกขา้ วโพดเล้ียงสัตว์ หรือพชื ไรท่ ไี่ ม่ต้องเผาควบคกู่ ับการปลกู ไม้ผล หรือไม้ยืนตน้ รวมทั้งยงั อาจใชแ้ นวทางการปลกู พชื ผกั ปลอดภัยทเ่ี นน้ การจ�ำหน่ายผลผลติ ภายใน ชมุ ชน อำ� เภอ จงั หวดั และตลาดขาจรควบคไู่ ปกบั การปลกู ไมผ้ ลหรอื ไม้ยืนต้น 24 เพิม่ รายไดด้ ้วยวถิ ีเกษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพื้นท่ีกสิกรรมนา่ น
ตารางท่ี 2-11 พชื ที่ให้ผลตอบแทนสงู สดุ ภายใต้เงอื่ นไขรายไดส้ ุทธิ 200,000 บาท/ปี กรณไี มผ้ ล หรือไม้ยนื ตน้ พ้นื ท่ีลุ่มน�้ำชนั้ ท่ี 3 4 และ 5 (4) โกโก้ แม้ไมย้ ืนตน้ เชน่ ยางพาราจะคอ่ นข้างเปน็ ท่นี ยิ มในปจั จบุ นั โดยมจี ุดเด่นในด้านตลาดท่ีสามารถ รองรบั ปริมาณผลผลิตท่แี น่นอน แต่อยา่ งไรกต็ าม ในอกี ด้านหนงึ่ ของยางพารา พบวา่ คอ่ น ข้างใชต้ ้นทนุ การผลิตที่สูง มกี ารใช้ระยะเวลา 7 ปี กว่าทย่ี างพาราจะสามารถสรา้ งรายได้ใหก้ บั เกษตรกรในครั้งแรก มีการขยายพ้ืนทก่ี ารผลติ ท่ีมาพร้อมกบั การขยายจ�ำนวนแรงงานกรีด ยาง ราคายางในตลาดทต่ี กต่�ำอย่างตอ่ เน่ือง ฯลฯ อยา่ งไรกต็ าม ด้วยขอ้ จ�ำกัดทางกฎหมาย ของการใช้ทีด่ ินประกอบกับเงอื่ นไขตา่ งๆ ของการผลติ ดงั ท่ีกล่าวไว้ก่อนหนา้ อาจเป็นตวั ลด ทอนความม่นั ใจของเกษตรกรทีจ่ ะลงทนุ ปลูกยางพาราในอนาคตอยา่ งไมอ่ าจปฏิเสธ ดงั นั้น การ มองหาพืชทางเลือกอย่างโกโก้ ซง่ึ ใช้จำ� นวนเงินลงทุน และปริมาณพ้นื ท่ปี ลกู ต�่ำกว่ายางพาราใน ขณะที่สามารถสร้างรายได้อย่างสมน้�ำสมเน้อื ก็ถือเป็นอกี หนง่ึ ทางเลอื กทนี่ า่ จบั ตามอง สำ� หรับ เกษตรกรท่มี ีความสนใจท่จี ะผลติ พืชในกล่มุ น้ี โกโกท้ ่นี ยิ มปลกู ในจังหวัดน่าน สามารถจ�ำแนกไดเ้ ปน็ สองสายพันธ์ุ ได้แก่ พันธ์ุชุมพร 1 และ พนั ธ์ุ I.M.1 โดยเง่ือนไขของการปลูกโกโก้ ถือวา่ คอ่ นขา้ งมคี วามยืดหยนุ่ ซ่งึ สามารถปลกู ได้ ในลกั ษณะพืชเชงิ เดี่ยวในปริมาณ 170 ต้น/ไร่ (ระยะปลกู ขนาด 3x3 เมตร) และสามารถปลกู แบบผสมผสานรว่ มกับพืชชนิดอนื่ (เชน่ เงาะ กล้วย) ในปรมิ าณ 100 – 120 ตน้ /ไร่ ไดเ้ ชน่ กัน นอกจากน้ี เพื่อสรา้ งผลผลิตท่ีมีคณุ ภาพ เกษตรกรควรปลูกโกโก้บนดินรว่ นปนทรายใน พ้นื ที่ทมี่ คี วามสูงจากระดบั นำ้� ทะเลปานกลางไม่เกนิ 1,000 เมตร ในระดับอณุ หภมู ิ 15 – 30 องศาเซลเซยี ส ซง่ึ มสี ภาพแสงแดดปานกลาง – แดดจดั และควรมีปริมาณน�ำ้ ฝนมากกว่า 1,500 มลิ ลเิ มตร/ปี โดยพนื้ ท่ีเหมาะสมสำ� หรับการปลูกโกโก้ของจงั หวัดน่าน จะอยู่ในบรเิ วณอำ� เภอสอง แคว อ�ำเภอท่าวงั ผา อ�ำเภอแม่จริม และอำ� เภอปวั 25เพมิ่ รายไดด้ ว้ ยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลคุ วามทา้ ทายพ้นื ทก่ี สกิ รรมน่าน
ภาพที่ 2-6 ต้นโกโก้ ท่ีมา: รศ.ดร. ศิรพิ ร กริ ติการกลุ และคณะ (2564) ด้านต้นทนุ การผลติ โกโก้ในปีแรกน้นั เกษตรกรจะตอ้ งใชเ้ งนิ ลงทุน จำ� นวน 6.8 พันบาท/ไร่ ซึง่ ครอบคลมุ ถึงคา่ ใช้จ่ายในดา้ นค่ากล้า พันธ์ุโกโก้ในราคา 30 บาท/ตน้ และค่าแรงงานปลูกจ�ำนวน 1.7 พัน บาท/ไร่ และเมอ่ื เขา้ สู่ปีที่ 2 – 20 เกษตรกรจะมีต้นทนุ การบ�ำรงุ ดูแล รักษาประมาณ 2.9 – 5.1 พันบาท/ไร/่ ปี ซึ่งครอบคลมุ ถึงคา่ ปุย๋ เคมี สารกำ� จัดศัตรพู ชื และค่าแรงในการดแู ลรักษา ค่าแรงในการใหน้ ำ้� และ ค่าแรงเก็บเกย่ี วผลผลติ เมอ่ื เข้าสปู่ กี ารผลติ ท่ี 4 เป็นต้นไป เกษตรกร จะสามารถเกบ็ เกีย่ วผลผลิตไดป้ ระมาณ 2.4 พันกิโลกรัม/ไร่ โดย สามารถน�ำผลโกโก้สดไปจำ� หน่ายใหก้ บั หน่วยรบั ซ้อื ต่างๆ ในราคา กโิ ลกรมั ละ 8 - 15 บาท เช่น วสิ าหกิจชุมชน (ต�ำบลยอด อ�ำเภอสอง แคว จังหวัดนา่ น) Cocoa Valley (ตำ� บลปัว อ�ำเภอปัว จงั หวดั น่าน) และ Cocoa nan in thawangpha (อ�ำเภอทา่ วงั ผา จังหวัดนา่ น) ท้ังนี้ เม่ือค�ำนวณรายได้ต่อปขี องโกโก้ พบว่า เกษตรกรสามารถ สร้างรายได้มากถงึ 1.9 หมืน่ บาท/ไร่ โดยเมอื่ หักต้นทนุ การผลิตก็ จะมีก�ำไรสุทธปิ ระมาณ 1.4 - 1.5 หมน่ื บาท/ไร/่ ปี 26 เพม่ิ รายได้ด้วยวิถเี กษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความท้าทายพน้ื ทก่ี สกิ รรมน่าน
ตารางท่ี 2-12 ต้นทนุ ผลตอบแทนการผลติ โกโก้ในจงั หวดั น่าน นอกเหนือจากรายละเอยี ดเรือ่ งโซ่อปุ ทานแรก หรอื รายละเอยี ดการ ผลติ โกโกข้ องเกษตรกร เพ่ือจำ� หนา่ ยผลสดใหก้ ับผู้ค้าแล้ว ยงั มอี กี 3 โซอ่ ปุ ทานทม่ี ีความนา่ สนใจ ส�ำหรับการตอ่ ยอด เพือ่ สร้างมูลค่าเพิม่ ให้ กบั ผลผลติ โดยโซ่อปุ ทาน อ่นื ๆ มีรายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี โซ่อุปทานการรวบรวมผลโกโก้สด – ในโซ่อุปทานน้ีจะเป็นการเปดิ โอกาสใหห้ น่วยงานเอกชนในพนื้ ท่ี กลมุ่ วสิ าหกจิ เกษตรบนดอยได้ รวบรวมผลโกโกส้ ด เพ่อื นำ� ไปแปรรปู ท้ังใน และนอกพ้นื ที่จงั หวดั นา่ น (โดยมีผลตอบแทนทีไ่ ดจ้ ากการรวบรวมโกโก้ท้ังส้นิ ประมาณ 9 พัน บาท/ตนั ) หากผลโกโก้ทต่ี กเกรดจะถูกน�ำไปแปรรูปในพนื้ ที่ ในขณะที่ ผลโกโก้เกรดดจี ะถูกส่งไปแปรรปู ในจงั หวดั ลำ� ปาง และกรุงเทพมหานคร ในราคาประมาณ 8 บาท/กโิ ลกรมั (ต้นทนุ การรับซ้ือโกโกผ้ ลสดอย่ทู ่ี ประมาณ 8 พันบาท/ตนั ) อย่างไรกต็ าม แมก้ ารขนส่งผลโกโก้สดจาก จงั หวัดนา่ น เพื่อแปรรูปในจังหวดั ลำ� ปางและเชียงราย จะมรี ะยะทาง ประมาณ 200 กวา่ กิโลเมตร (ค่าขนสง่ และคา่ แรงงาน 5 รอ้ ยบาท/ตนั ) แต่เกษตรกรไมม่ คี วามจ�ำเปน็ ต้องกังวลเรอื่ งความเสยี หายต่อผลผลิต แตอ่ ยา่ งใด เนอ่ื งจากโกโก้มกั ไมม่ ีปญั หาของผลผลติ ชำ้� ระหว่างการเดนิ ทางหากเทยี บกบั ผลผลติ ท่ไี ดจ้ ากไม้ผลชนิดอืน่ 27เพ่มิ รายไดด้ ว้ ยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความทา้ ทายพ้นื ที่กสกิ รรมน่าน
ภาพท่ี 2-7 ผลโกโกส้ ด ทีม่ า: รศ.ดร. ศริ ิพร กิรตกิ ารกลุ และคณะ (2564) โซอ่ ปุ ทานการแปรรปู – กระบวนการการแปรรปู โกโก้ในปัจจุบนั สามารถทำ� ไดห้ ลากหลายวิธี อาทิ หากโกโกท้ ต่ี กเกรดกม็ ักจะถกู แปรรูปเป็นชอ็ คโกแลต โกโก้บาร์ เพอ่ื จ�ำหนา่ ยใหก้ ับรา้ นเครอ่ื ง ด่มื ในพืน้ ท่ี เปน็ ตน้ ท้งั นี้ เมอื่ เทยี บความนยิ มในด้านการบรโิ ภคระหวา่ งโกโก้กับเครื่องด่ืมอย่างกาแฟ แลว้ จะพบวา่ โกโก้ยงั เปน็ เครอ่ื งด่มื ท่ียงั ไมเ่ ป็นท่นี ิยมกนั อย่างแพร่หลาย เนอื่ งจากปริมาณผลผลิต ของโกโกท้ ยี่ ังไมม่ ีความสม่�ำเสมอ ตลาดยังมีจำ� กัด คณุ ภาพของผลผลติ ทไี่ ม่ดมี ากนัก คนไทยมี การบรโิ ภคโกโก้นอ้ ยเมอื่ เทยี บกับต่างชาติ รวมถึงยงั ขาดการประชาสมั พันธ์ท่ีดพี อ เพื่อให้เป็นทีร่ จู้ กั แกท่ อ้ งถน่ิ ในทางกลบั กัน หากกล่าวถงึ โกโก้เกรดดีกม็ ักจะถกู ส่งไปขาย และแปรรูปนอกพน้ื ทโ่ี ดย เฉพาะที่กรงุ เทพมหานคร ซงึ่ มโี รงงาน และอุปกรณ์การแปรรูปท่ีมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี เพ่อื สรา้ งผลติ ภณั ฑ์โกโกเ้ กรดพรเี ม่ียม เชน่ ผงโกโก้สำ� เร็จรปู ชอ็ คโกแลต โกโกช้ นิดกอ้ น ดารค์ ช็อคโก แลต ฯลฯ พบว่า มีสว่ นแบง่ การตลาด เพือ่ ส่งออกไปยงั ต่างประเทศประมาณร้อยละ 60–90 ของ ผลิตภัณฑแ์ ปรรปู ทั้งหมด ซ่ึงในปัจจบุ นั ผลผลติ โกโกพ้ รเี ม่ยี ม ยังคงเปน็ ทตี่ ้องการในตลาดโลก ในส่วนของกรรมวธิ ีในการแปรรปู โกโกจ้ ะเร่ิมต้นจากการผ่าผลสดโกโก้ เพือ่ ควา้ นไส้เอาเฉพาะ เมล็ด (ผลสดจำ� นวน 10 กก. จะมีเมลด็ โกโกป้ ระมาณ 1.0 – 1.5 กก.) จากนนั้ จะนำ� เมลด็ ท่ี ได้ไปทำ� การหมัก ตาก คดั เมล็ด อบ และควั่ เมลด็ โกโก้ตากแหง้ โดยเมล็ดโกโกต้ ากแห้งสามารถ จ�ำหนา่ ยไดป้ ระมาณ 120–200 บาท/กก. (ขึ้นอยู่กบั คณุ ภาพของเมลด็ โกโกเ้ ปน็ หลกั ) หลังจาก น้ันจงึ นำ� เมล็ดทผ่ี ่านกรรมวธิ ีเหลา่ น้ีไปแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑ์โกโก้ และผงโกโก้ในพื้นทจี่ งั หวัดนา่ น และตา่ งจงั หวดั ตามทีไ่ ดก้ ลา่ วไว้ข้างตน้ ในขน้ั ตอนตอ่ ไป โดยผลตอบแทนของการแปรรปู จากโกโก้ ผลสดปริมาณ 1 ตนั ให้อยู่ในรูปเมล็ดโกโกต้ ากแห้งที่ไดผ้ ลผลติ ประมาณ 1 รอ้ ยกิโลกรมั จะอยู่ ทป่ี ระมาณ 120 บาท/กก. (1.2 หมืน่ บาท/ตัน) โดยตน้ ทนุ การแปรรปู โกโก้ในลกั ษณะนจี้ ะอย่ทู ่ี ประมาณ 1.1 พันบาท/ตัน โดยรวมตน้ ทนุ ค่าผลโกโกส้ ด คา่ แรงงาน และคา่ สาธารณูปโภค 28 เพมิ่ รายไดด้ ว้ ยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความทา้ ทายพน้ื ทีก่ สกิ รรมน่าน
โซ่อุปทานการตลาด - จากโกโก้ทผี่ า่ นการ แปรรปู เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ตา่ งๆ ตามที่ได้กล่าวไว้ ขา้ งต้นนน้ั ผแู้ ปรรูปสามารถท�ำการตลาดได้ทั้ง ในระดับพน้ื ทจ่ี ังหวดั น่าน จนถึงระดับต่างประเทศ โดยสามารถแบ่งชอ่ งทาง และสว่ นแบ่งของตลาด ได้ ดังนี้ ตลาดในประเทศ (ส่วนแบ่งตลาดประมาณ รอ้ ยละ 30 - 40) การขายสง่ – เกษตรกรสามารถจ�ำหนา่ ย เมลด็ โกโก้เกรดท่วั ไป ส่วนหน่ึงใหก้ ับผู้ ประกอบการแปรรปู โกโก้ในประเทศ และอีก สว่ นหนงึ่ กส็ ามารถจำ� หนา่ ยผลติ ภัณฑ์โกโก้ (โกโก้นิบส์ โกโก้แมส โกโกบ้ าร์ ช็อคโกแลต) ใหก้ ับรา้ นเคร่อื งดม่ื ท้งั ใน และนอกพน้ื ที่ การขายปลีก – สามารถจ�ำหนา่ ยผงโกโก้ ส�ำเรจ็ รูป สำ� หรับชงด่ืมใหก้ บั ผบู้ ริโภคท่วั ไป ทัง้ ในจังหวัดนา่ น และพื้นท่ีตา่ งจงั หวดั ตลาดต่างประเทศ (สว่ นแบ่งตลาดประมาณ รอ้ ยละ 60 – 70) โดยเนน้ การขายเมลด็ โกโก้คัว่ เกรดพรเี มย่ี ม ในราคา 200 - 250 บาท/กก. ตารางที่ 2-13 ผลตอบแทนการลงทุนตลอดหว่ งโซอ่ ุปทานโกโก้ 29เพ่ิมรายไดด้ ้วยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพ้ืนทกี่ สิกรรมนา่ น
30 เพิ่มรายไดด้ ว้ ยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลคุ วามทา้ ทายพ้นื ท่กี สิกรรมนา่ น ภาพท่ี 2-8 โซ่อุปทานโกโก้ในจงั หวดั นา่ น ท่ีมา: รายงานโมเดลอาชพี ทางเลือกและหว่ งโซอ่ ุปทาน โดย รศ.ดร. ศริ ิพร กริ ตกิ ารกลุ และคณะ (2563)
(5) มะม่วงนำ�้ ดอกไม้ หากโกโก้ทถ่ี อื เปน็ พชื อนั ดับหนึง่ ของกลุ่มไม้ ผลท่ีใช้ต้นทนุ และพืน้ ท่ีการผลิตน้อยแต่สรา้ ง รายไดส้ งู แลว้ มะม่วงน้ำ� ดอกไม้กถ็ อื เป็นทาง เลือกอันดบั รองลงมา ซง่ึ มคี วามน่าสนใจไม่ แพ้กัน โดยปัจจุบนั พบว่า ในจงั หวดั นา่ นมีการ ปลูกมะม่วงนำ�้ ดอกไมป้ ระมาณ 5 พนั ไร่ (ร้อย ละ 0.2 ของพนื้ ที่ใช้เพาะปลูกทัง้ หมดของน่าน) โดยในบริเวณหลายอ�ำเภอของจงั หวัดนา่ น มี การปลกู มะม่วงน้�ำดอกไมเ้ กรดพรีเมย่ี ม เพอ่ื การส่งออก โดยมะม่วงนำ�้ ดอกไม้ในเกรดนี้ จะตอ้ งใช้เทคโนโลยี เพอ่ื ควบคมุ การผลิตให้ มีลักษณะภายนอกทส่ี วยงาม และมีรสชาตทิ ่ี ภาพท่ี 2-9 ตน้ มะม่วงน้ำ� ดอกไม้ หวานอร่อย ทั้งน้ี พนื้ ทท่ี ี่เหมาะสมสำ� หรบั ปลูก ทมี่ า: รศ.ดร. ศริ ิพร กิรตกิ ารกุล และคณะ มะมว่ งน�ำ้ ดอกไม้ สว่ นใหญ่อยู่บริเวณทาง (2564) ตอนบนของจังหวดั นา่ น ได้แก่ อำ� เภอสอง แคว อ�ำเภอทุ่งชา้ ง อำ� เภอเชียงกลาง อ�ำเภอ เกบ็ เกย่ี วนำ้� ฝนประมาณ 700 – 1,500 ท่าวังผา และอำ� เภอปัว ส�ำหรับพ้ืนท่ตี อน มลิ ลิเมตร/ปี กลางของจังหวดั น่านนน้ั ได้แก่ อำ� เภอเวียง สา เปน็ ตน้ สำ� หรับเงอ่ื นไขสำ� คญั ของการปลูก การสร้างรายได้ของมะม่วงน�้ำดอกไม้ คอ่ น มะมว่ งน�้ำดอกไม้ใหเ้ จรญิ เติบโตดนี ั้น จะต้อง ขา้ งมีความคล้ายคลึง กับพืชในกลุ่มไมผ้ ล/ ปลกู บนดินร่วน หรอื ดินปนทรายท่ีสามารถ ไมย้ นื ตน้ ท่ัวไป กลา่ วคือ เกษตรกรสามารถ ระบายน�ำ้ ได้ดี ในพ้ืนท่ที ี่มคี วามสงู จากระดับน�้ำ เก็บเกย่ี วผลผลติ ได้ ตั้งแต่ช่วงเดอื นมนี าคม – ทะเลไมเ่ กนิ 300 เมตร ในสภาพอากาศแดด พฤษภาคมในชว่ งปีท่ี 4 จนกระทงั่ ถงึ ปีที่ 21 จัดอยู่ในอณุ หภูมริ ะหว่าง 24 – 34 องศา ของการผลติ โดยในช่วงปที ี่ 4 – 11 ของการ เซลเซยี ส และตอ้ งการปริมาณน้ำ� ฝนประมาณ ผลิต มะมว่ งน�้ำดอกไม้จะสร้างกำ� ไรสุทธิใหก้ บั 700 – 1,500 มลิ ลิเมตร/ปี เกษตรกรโดยเฉลี่ยปลี ะประมาณ 7.6 พนั บาท/ ไร่ และต้ังแตช่ ว่ งปีที่ 12 เป็นตน้ ไปจะสร้างก�ำไร เพ่มิ ขนึ้ อีกเทา่ ตัวหรอื ประมาณ 1.3 หมืน่ บาท/ ไร/่ ปี โดยเกษตรกรจะมีกำ� ไรเพมิ่ ข้ึนอีก 5 พนั สำ� หรับการลงทนุ ในปีเรมิ่ ตน้ ของการ บาท/ไร่ ในปีสดุ ท้ายของการผลติ มะม่วงน�้ำ ผลิตมะมว่ งน้�ำดอกไม้ เกษตรกรจะมีต้นทุน ดอกไมเ้ นื่องจากสามารถขายไมม้ ะมว่ ง ตลาด ประมาณ 1.8 พันบาท/ไร่ โดยครอบคลมุ น่านท่ีรับซ้อื มะมว่ งน้�ำดอกไม้ ไดแ้ ก่ กลุม่ เฉพาะคา่ กงิ่ พนั ธ์แุ ละคา่ ปลกู เทา่ นน้ั เมอ่ื เข้า มะมว่ งน�ำ้ ดอกไม้สง่ ออก (ตำ� บลผาตอ อำ� เภอ สปู่ ีท่ี 2 จนถึงปีสดุ ท้ายของการผลิต จะพบ ทา่ วังผา จงั หวดั นา่ น) วิสาหกจิ ชมุ ชนผู้ผลติ วา่ เกษตรกรจะมตี น้ ทุนในการบำ� รุงดูแลรักษา มะมว่ งน�ำ้ ดอกไม้คณุ ภาพ (ตำ� บลเมอื งจัง มะม่วงน้�ำดอกไมม้ ากขน้ึ โดยเฉล่ยี ประมาณ อำ� เภอภเู พยี ง จังหวัดน่าน) วิสาหกิจชุมชน 4.1 – 4.7 พนั บาท/ไร่ ซง่ึ ครอบคลุมค่าปุย๋ ปลูกมะม่วงน้ำ� ดอกไม้ เพ่อื การสง่ ออกตำ� บล คา่ ก�ำจดั ศัตรูพชื ค่าแรงในการบำ� รุงรักษา ป่ากลาง (อ�ำเภอปัว จงั หวดั น่าน) และศนู ย์การ คา่ น�้ำมันเชื้อเพลิง คา่ สารควบคมุ การเจริญ เรยี นร้เู กษตรแปลงใหญ่ (บ้านเมอื งจงั อ�ำเภอภู เติบโต ค่าสารกำ� จัดวชั พชื และค่าแรงในการ เพยี ง จังหวัดนา่ น) เปน็ ตน้ 31เพม่ิ รายไดด้ ว้ ยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลุความท้าทายพน้ื ทีก่ สกิ รรมนา่ น
ทัง้ นี้ การจัดการโซอ่ ุปทานการผลิต เพ่ือเพิ่มมลู ค่าผลผลติ ของมะมว่ งน้ำ� ดอกไม้ เกษตรกรควรเริ่มต้นจากการหาก่ิงพนั ธม์ุ ะม่วงท่ดี ีมีคุณภาพ (มะมว่ งน�้ำดอกไม้สีทอง) จากแหล่งท่มี าต่าง ๆ เช่น วิสาหกจิ ชุมชนผ้ผู ลิตมะม่วงนำ้� ดอกไมค้ ณุ ภาพ (ต�ำบลเมือง จงั อำ� เภอภูเพยี ง จงั หวัดน่าน) หรือส�ำนกั ฟารม์ มหาวิทยาลยั แม่โจ้ จงั หวัดเชียงใหม่ โดยในปีแรกของการผลติ เกษตรกร จะต้องมคี วามรู้ในการเตรียม พนื้ ทสี่ �ำหรบั ปลกู ไป จนถึงการบ�ำรุงดูแลรกั ษาต้นมะม่วงเปน็ อยา่ งดี เพือ่ ให้ไดม้ าตรฐานมะมว่ งน�้ำดอกไม้ คุณภาพเพ่ือการส่งออก (GAP) รวมไปถึงกระบวนการเกบ็ เก่ยี วทีต่ อ้ งผ่านโรงคดั บรรจทุ ่ีไดร้ ับการรบั รองมาตรฐาน (GMP) ทัง้ นี้ การจ�ำหน่ายมะม่วงนำ้� ดอกไม้โดย ทว่ั ไปสามารถทำ� ได้ในสองลกั ษณะคอื แบบคดั เกรดตามรายละเอยี ดขา้ งตน้ และการ ขายแบบเหมาสวน ซึง่ มะมว่ งมกั จะสกุ พร้อมกนั ทั้งสวนโดยจะตอ้ งเก็บเกยี่ วผลผลิต เสร็จสิน้ ภายใน 3 – 4 สปั ดาห์ (ช่วงเดอื นเมษายน - พฤษภาคม) ซง่ึ แรงงานครัวเรือน ท่เี กบ็ เกยี่ วสว่ นใหญม่ กั มีจำ� นวนไมเ่ พียงพอ จึงท�ำให้เกษตรกรทข่ี ายแบบเหมาสวน (ราคาเฉล่ีย 20 บาท/กก. ) มักได้ราคาจ�ำหน่ายทตี่ ่ำ� กวา่ แบบคดั เกรด ตารางท่ี 2-14 ตน้ ทุนผลตอบแทนการผลติ มะมว่ งน�ำ้ ดอกไม้ในจังหวัดน่าน 32 เพิม่ รายไดด้ ้วยวิถีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลคุ วามท้าทายพ้ืนทก่ี สิกรรมนา่ น
สำ� หรบั ในส่วนของโซ่อปุ ทานการรวบรวม ผลผลติ มะมว่ งน้ำ� ดอกไม้ มกั จะมผี ูร้ วบรวม ทอ้ งถ่ิน สหกรณ์ กล่มุ วสิ าหกจิ มะม่วงน้ำ� ดอกไม้เพอื่ การส่งออก หรอื พอ่ คา้ คนกลาง เป็นผูร้ ับผดิ ชอบในการด�ำเนินการรวบรวม ผลผลิต โดยอ้างองิ ราคาตามคณุ ภาพ หรอื เกรดของมะมว่ งเปน็ หลกั โดยทวั่ ไปแลว้ มกั จะมี การจำ� แนกมะมว่ งนำ้� ดอกไมอ้ อกเป็น 3 เกรด ได้แก่ (1) เกรดพรีเมีย่ ม - มะมว่ งน�ำ้ ดอกไม้ ในเกรดน้ี มักจะมลี กั ษณะของผวิ มะมว่ งที่สวย และไม่ลาย มีน้�ำหนกั เฉล่ยี ตอ่ ผลประมาณ 300 กรัม โดยมะม่วงนำ�้ ดอกไม้ในเกรดนี้จะมรี าคา เฉลย่ี สูงสดุ ประมาณ 50 บาท/กก. และมี ปริมาณรอ้ ยละ 40 – 50 ของผลผลิตท้ังหมด (2) เกรด S - มะมว่ งในเกรดน้ี จะมรี าคา ภาพท่ี 2-10 มะมว่ งน�้ำดอกไม้ ประมาณ 20 บาท/กก. และมกั จะมปี ริมาณ ทมี่ า: รศ.ดร. ศิริพร กริ ตกิ ารกุล และคณะ รอ้ ยละ 30 – 40 ของผลผลติ ทงั้ หมด และ (3) (2564) แบบตกเกรด - มะม่วงน�้ำดอกไม้ในเกรดนี้ มัก โซอ่ ปุ ทานตลาดรองรบั และโครงสรา้ งตลาด จะมีราคาเฉลี่ยประมาณ 5 - 8 บาท/กก. ผู้ ในปัจจุบัน พบวา่ ตลาดท่รี องรบั ผลผลิต รวบรวมจะต้องมแี รงงานในการเกบ็ เกยี่ ว และ มะม่วงนำ�้ ดอกไม้ปรากฎอยู่ ในรูปแบบของทง้ั มีถงุ คาร์บอนท่หี ่อผลผลติ ตลอดจนมกี ารคดั ตลาดชุมชน และตลาดตา่ งจงั หวัด อยา่ งไร เกรด โดยมีตน้ ทุนในการด�ำเนนิ การประมาณ ก็ตาม กลุม่ วสิ าหกจิ มะมว่ งได้มีการพฒั นา รอ้ ยละ 20 ของมลู คา่ ผลผลติ ระบบการทำ� ตลาดมากขน้ึ ดว้ ยการจ�ำหนา่ ย ผลผลติ ผา่ นชอ่ งทางออนไลน์ (เน้นเกรดพรี ในสว่ นของโซ่อุปทานการแปรรปู เพ่ือ เม่ยี ม) โดยบรรจุมะมว่ งลงกล่องละ 5 กิโลกรมั เพ่ิมมลู คา่ ให้กับมะม่วงน้�ำดอกไม้ เกษตรกร เพ่ือส่งให้กับผู้บริโภค และตลาดสง่ ออก สามารถนำ� มะมว่ งตกเกรดไปแปรรูป เปน็ อย่างไรก็ตาม มะมว่ งในแต่ละชว่ งระยะเวลา มะม่วงแช่แขง็ หรือท�ำนำ้� มะม่วง ซ่ึงปจั จุบนั ยงั ของการผลิตอาจมคี ณุ ภาพ และราคาไมค่ งท่ี มผี ูป้ ระกอบการแปรรูปมะม่วงน้�ำดอกไม้ ใน ซงึ่ เปน็ ผลจากปญั หาภยั แล้ง ผู้ประกอบการ จ�ำนวนท่นี ้อยมาก จะสามารถทำ� ตลาดได้เฉพาะภายในประเทศ เทา่ นั้น นอกจากน้ี การเพมิ่ มลู คา่ ของมะมว่ ง นำ�้ ดอกไมข้ องเกษตรกร ด้วยการจดั จำ� หน่าย ในพ้ืนท่ีตลาดระดับสงู ยงั คงประสบปญั หา หลายประการ อาทิ แม้เกษตรกรจะสามารถ ปลูกมะมว่ งให้ได้มาตรฐาน สำ� หรบั จำ� หน่ายใน ตลาดหา้ งสรรพสินค้าไดแ้ ล้วก็ตาม 33เพ่มิ รายได้ด้วยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพื้นทีก่ สิกรรมน่าน
แตพ่ บวา่ ยงั ขาดการรบั รองกระบวนการ หลงั การเก็บเกย่ี วตามมาตรฐานของกรม วิชาการ ซงึ่ สง่ ผลกับการส่งออกในตลาด ตา่ งประเทศ รวมทั้งต้นทุนการขนส่งไป ยังศูนยก์ ระจายสนิ ค้า (อยธุ ยา) ยังอยู่ใน ระดับสงู ซ่งึ ไมค่ ุม้ ค่าแกก่ ารทำ� ตลาดอีกด้วย ตารางที่ 2-15 ผลตอบแทนการลงทุนตลอดหว่ งโซอ่ ปุ ทานมะมว่ งน�ำ้ ดอกไม้ 34 เพิ่มรายได้ด้วยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลคุ วามทา้ ทายพน้ื ท่กี สิกรรมน่าน
35เพมิ่ รายได้ดว้ ยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพนื้ ทกี่ สกิ รรมนา่ น ภาพที่ 2-11 โซอ่ ุปทานมะม่วงน�ำ้ ดอกไม้ในจงั หวดั น่าน ทมี่ า: รายงานโมเดลอาชพี ทางเลือกและห่วงโซ่อปุ ทาน โดย รศ.ดร. ศิรพิ ร กริ ตกิ ารกุล และคณะ (2563)
(6) กาแฟอาราบีกา้ ภาพที่ 2-12 ต้นกาแฟอาราบีกา้ จงั หวดั นา่ น ถอื เปน็ อีกหน่งึ พื้นทที่ ่เี หมาะสม ท่มี า: รศ.ดร. ศริ ิพร กิรติการกุล และคณะ ส�ำหรบั การปลกู กาแฟเปน็ อย่างยิ่ง โดยทั่วไป (2564) จะพบการผลิต ท้งั กาแฟสายพนั ธอ์ุ าราบกี า้ และโรบสั ตา นอกจากนี้ กาแฟยงั ถือเป็นพืชท่ี มีศกั ยภาพ ในการทดแทนขา้ วโพดเลี้ยงสัตว์ ไดเ้ ปน็ อย่างดี อกี ทัง้ เกษตรกรสามารถปลูก กาแฟรว่ มกับปา่ ไดเ้ ช่นเดียวกัน (โดยเฉพาะใน เขตพ้นื ทล่ี ่มุ นำ้� ชัน้ ที่ 1 2) ในด้านการจำ� หนา่ ย ผลผลิตยงั พบว่า มีผรู้ วบรวม ผู้รบั ซอ้ื ในท้อง ถิน่ และตลาดท่ีรองรับผลผลติ เป็นจำ� นวน มากทัง้ ในระดบั ประเทศ และระดบั โลก โดย เกษตรกรสามารถใชค้ วามประณีต ในการ พัฒนาผลติ ภณั ฑ์ จากการคัดเลอื กสายพันธุ์ กาแฟ กระบวนการคดั เลือกเมลด็ กาแฟ การ แปรรูปผลผลิตกาแฟ การหมัก เพ่อื ผลิตมล็ด กาแฟ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ในหัวข้อนจี้ ะมุ่ง เนน้ รายละเอยี ดของกาแฟอาราบีกา้ เปน็ หลัก เนอ่ื งจากเปน็ พืชใหมท่ ีส่ ร้างรายไดส้ งู เป็น ด้านต้นทุนการผลิตกาแฟอาราบีก้าในปีแรก อนั ดับสามของกลุม่ ไม้ผล / ไมย้ ืนตน้ รวม เกษตรกรจะมีค่าใช้จา่ ยประมาณ 1.1 หมืน่ ทงั้ ยังถอื เปน็ กาแฟสายพันธท์ุ ่ีเหมาะสม และ บาท/ไร่ โดยต้นทุนในส่วนนี้ จะครอบคลมุ เปน็ ทนี่ ยิ มปลกู ในจังหวัดน่าน (มสี ดั ส่วนของ ถึงค่ากลา้ พันธ์ุ ค่าวสั ดแุ ละแรงงาน และคา่ พนื้ ท่ปี ลูกมากถงึ ร้อยละ 90) โดยเฉพาะในเขต เตรียมพื้นที่ และเมื่อเขา้ สู่ปกี ารผลิตท่ี 2 – 3 ตอนบนของจงั หวัด ซึง่ ไดแ้ ก่ อ�ำเภอทา่ วังผา เกษตรกรจะมีต้นทุนดา้ นการบ�ำรงุ ดแู ลรกั ษา อ�ำเภอสองแคว อำ� เภอปวั อำ� เภอเชยี งกลาง เพ่มิ เขา้ มาประมาณ 1.4 พันบาท/ไร่/ปี และใน อำ� เภอท่งุ ช้าง อำ� เภอเฉลมิ พระเกยี รติ และ ช่วงปที ีส่ ามารถเริ่มเกบ็ เกี่ยวผลผลิตไดเ้ ปน็ ต้น อำ� เภอบอ่ เกลือ ไปตงั้ แตป่ ีที่ 4 – 21 เกษตรกรจะมีตน้ ทนุ ใน เงือ่ นไขส�ำคัญของการปลกู กาแฟสายพนั ธ์ุ สว่ นนเี้ พิ่มข้นึ ประมาณ 2.8 – 3.1 พนั บาท/ อาราบกี ้าน้ัน เกษตรกรจะตอ้ งใชด้ นิ รว่ นหรอื ไร่/ปี ซง่ึ ครอบคลมุ ถึงคา่ ปุ๋ยเคมี ค่าสารกำ� จดั ดนิ รว่ นปนทราย ซงึ่ เป็นดินทีเ่ หมาะสม ส�ำหรับ ศตั รพู ชื ค่าแรงงานในการดแู ล คา่ แรงงานเก็บ การปลกู ในดา้ นลักษณะพ้นื ทข่ี องการปลูก เกีย่ วกาแฟ กาแฟอาราบีก้า ควรใช้พื้นทท่ี มี่ รี ะดบั ความ สูงมากกว่า 700 เมตรจากระดบั นำ้� ทะเลปาน กลาง โดยมีปรมิ าณน�ำ้ ฝนในระดับมากกว่า 1,500 มิลลิเมตร/ปี กาแฟอาราบีก้ายัง เตบิ โตไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ในสภาพอากาศทห่ี นาว เยน็ มแี ดดปานกลาง และตอ้ งมีอุณหภูมเิ ฉลี่ย ระหวา่ ง 15 – 25 องศาเซลเซยี ส 36 เพม่ิ รายไดด้ ้วยวถิ เี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพ้นื ทก่ี สิกรรมน่าน
ตารางที่ 2-16 ต้นทนุ ผลตอบแทนการผลิตกาแฟอาราบกี า้ ในจงั หวดั น่าน การเก็บเกย่ี วผลผลิตกาแฟอาราบีก้านั้น มกั จะ มกี ำ� ไรสุทธิลดลงเมื่อเขา้ สู่ในชว่ งปที ่ี 12 – 21 เริม่ ด�ำเนินการในช่วงปลายเดอื นพฤศจกิ ายน ประมาณ 4.2 พนั บาท/ไร/่ ปี เน่ืองจากมี จนถึงตน้ เดือนกมุ ภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ตน้ ทุนการบ�ำรุงดแู ลรักษาท่เี พมิ่ ข้ึน เนือ่ งจากสภาพพนื้ ท่ี ที่มคี วามแตกต่างกัน สามารถส่งผลต่อการเจรญิ เตบิ โต ทีไ่ มเ่ ทา่ ภายหลงั จากการเก็บเกี่ยวผลผลติ เปน็ ที่ กนั หากเกษตรกรสังเกตวา่ กาแฟเรม่ิ ติดผล เรยี บรอ้ ยแลว้ เกษตรกรสามารถนำ� กาแฟ กส็ ามารถค�ำนวณไดท้ นั ที ถึงเวลาเก็บเกีย่ ว กะลาไปจ�ำหนา่ ยใหก้ ับสถานที่รบั ซอื้ ต่างๆ ของ ผลสกุ ในอกี 6 เดอื นขา้ งหน้า (โดยท่วั ไปผล จังหวัดนา่ น (เกษตรกรส่วนใหญม่ กั จะขาย จะเร่ิมสุกในชว่ งเดือนพฤศจกิ ายน - ตน้ เดือน ผลผลิตกาแฟในรปู แบบกาแฟผลสกุ [เรียก มีนาคม) ทั้งนี้ กาแฟอาราบกี ้าสามารถสรา้ ง ว่ากาแฟเชอร่]ี โดยจะมีผรู้ วบรวมนำ� ไปแปรรูป รายได้ตง้ั แต่ชว่ งปที ี่ 3 ของการผลติ เป็นต้น เป็นกาแฟกะลา และกาแฟสาร เพือ่ จำ� หนา่ ยให้ ไป โดยเกษตรกรจะมกี �ำไรสุทธิในปกี ารผลติ ท่ี ผปู้ ระกอบการโรงคัว่ ตอ่ ไป) เชน่ ร้าน Gem 3 – 11 ประมาณ 1.2 หมนื่ บาท/ไร/่ ปี และจะ forest 37เพ่มิ รายได้ด้วยวถิ ีเกษตรทางเลือกใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพ้ืนทีก่ สกิ รรมน่าน
coffee กาแฟมณีพฤกษ์ (บ้านมณพี ฤกษ์ 2. หลังจากแยกเปลอื ก และเนื้อเยอ่ื ออกจาก อำ� เภอทงุ่ ชา้ ง จงั หวัดนา่ น) รา้ นกาแฟภพู ยัคฆ์ เมลด็ กาแฟเปน็ ท่เี รียบรอ้ ยแลว้ ใหห้ มักกาแฟ (บ้านสนั เจรญิ อำ� เภอท่าวังผา จงั หวัดน่าน) โดยนำ� ไปแช่น�้ำในถงั พลาสติก แทงค์ หรือบอ่ ร้านอาราบกี ้าคอฟฟ่ี (ตำ� บลในเวยี ง อำ� เภอ ซีเมนต์ท่มี ขี นาด 3.0x1.5x1.2 เมตร โดยเจาะ เมืองนา่ น จังหวดั นา่ น) วสิ าหกจิ ชุมชนแปรรปู ให้มีรรู ะบายน�ำ้ ด้านล่าง จากนั้นใส่น�ำ้ ใหท้ ว่ มสูง กาแฟสวนยาหลวง (ตำ� บลผาทอง อำ� เภอ กว่าระดับของเมลด็ กาแฟ และปิดคลุมปากบ่อ ทา่ วงั ผา จงั หวัดน่าน) และวิสาหกจิ ชุมชนดอย ซีเมนต์ทง้ิ ไวป้ ระมาณ 24 – 48 ชวั่ โมง มณพี ฤกษ์ เปน็ ตน้ นอกจากโซ่อุปทานการผลิตกาแฟอาราบี 3. นำ� กาแฟท่ผี ่านการหมกั ตามระยะเวลา ก้า ตามทไ่ี ดก้ ลา่ วไวข้ ้างต้น ในดา้ นของโซ่ ท่ีเหมาะสมไปล้าง และตากแดดให้แหง้ โดย อปุ ทานการแปรรปู กาแฟขนั้ ต้น กม็ ีรปู แบบ กระบวนการนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 7 การดำ� เนนิ การท่นี า่ สนใจ ไม่แพ้กนั แต่อย่าง คนื (ความช้ืนประมาณ 12 เปอรเ์ ซน็ ต์) กาแฟ ใด โดยผ้ปู ระกอบการ จะมีการด�ำเนินการ ทตี่ ากยังมคี วามช้นื สงู อาจจะสง่ ผลตอ่ รสชาติ รบั ซื้อ และรวบรวมกาแฟเชอร่ีจากเกษตรกร ของกาแฟ และมีระยะเวลาในการเกบ็ รักษา เพือ่ น�ำไปแปรรูปเปน็ กาแฟกะลา ก่อนน�ำ เพยี ง 6 เดือน แตส่ �ำหรับกาแฟที่ตากแห้งสนิท ไปจำ� หนา่ ยให้กับผู้ประกอบการ โรงคั่วกาแฟ (เรยี กวา่ กาแฟกะลา) จะมีอายกุ ารเก็บรักษา ในราคากิโลกรัมละ 120 บาท (กาแฟเชอรี่ ยาวนานถงึ 1 – 2 ปี ปริมาณ 320 กิโลกรมั สามารถแปรรูปเป็น กาแฟกะลาได้ประมาณ 100 กิโลกรัม) ต้นทุน 4. น�ำกาแฟกะลาหรอื กาแฟทต่ี ากแห้งสนทิ ของการแปรรูปในโซอ่ ุปทานน้ี จะครอบคลมุ ไปทำ� การสี เพอื่ แยกกะลาออกจากเมล็ดกาแฟ ถึงคา่ กาแฟเชอรี่ คา่ ขนสง่ คา่ แรงงาน และค่า เพื่อให้ไดก้ าแฟสาร ส�ำหรับนำ� ไปจำ� หนา่ ยให้ สาธารณูปโภคต่างๆ จำ� นวน 1 หมืน่ บาท/คร้ัง กบั ผู้ประกอบการโรงคั่วทัง้ ในพืน้ ท่ี และต่าง ท่แี ปรรูป สำ� หรับผลตอบแทนของปริมาณ ประเทศ กาแฟค่ัวในพืน้ ทีจ่ ังหวัดน่านท้งั ในและ กาแฟเชอร่ี 320 กโิ ลกรมั ท่ถี กู แปรรปู เป็น นอกทอ้ งถิ่นส่วนใหญ่ มกั จะปรากฎในลักษณะ กาแฟสารจ�ำนวน 100 กโิ ลกรมั จะส่งผลให้ ของผู้ประกอบการรา้ นอาหาร และเครอ่ื งดืม่ ที่ ผปู้ ระกอบการ สามารถสร้างรายไดเ้ ฉลีย่ มโี รงค่วั เปน็ ของตนเอง โดยโรงคั่วทีม่ ีชอ่ื เสียง ประมาณ 1.2 หม่ืนบาท/ครัง้ ทแี่ ปรรูป โดย ในจงั หวดั น่านไดแ้ ก่ โรงคัว่ มณพี ฤกษ์ (ต�ำบล รายละเอียดของกระบวนการแปรรูปกาแฟ ใน และ อ�ำเภอทงุ่ ช้าง) ลักษณะดังกลา่ วประกอบดว้ ย 1. การล้างผลกาแฟเชอร่ีดว้ ยน้�ำสะอาด หลัง จากนนั้ เพื่อคดั แยกคณุ ภาพผลสดใหน้ ำ� ผล กาแฟท่ลี อยน�้ำทง้ิ ไป และต้องแยกผลกาแฟสี เขียวและสีแดงออกจากกัน (ผลแก่จัดจะมีสี แดง ซ่ึงเปน็ กาแฟเกรดดี) จากนน้ั น�ำผลกาแฟ ท่จี มนำ้� ไปปอกเปลือก โดยให้แยกเปลอื กสี แดง และเน้ือเย่ือออกจากเมล็ด โดยข้นั ตอนนี้ สามารถใช้แรงงาน หรอื เครอ่ื งจกั รก็ได้ 38 เพมิ่ รายได้ดว้ ยวิถเี กษตรทางเลอื กใหม.่ .ทะลคุ วามท้าทายพนื้ ที่กสิกรรมน่าน
ภาพท่ี 2-13 ผลกาแฟอาราบีกา้ ทมี่ า: รศ.ดร. ศริ ิพร กริ ตกิ ารกุล และคณะ (2564) โซอ่ ปุ ทานการแปรรปู กาแฟ ท่ีมรี ปู แบบเพิม่ โซอ่ ปุ ทานสุดท้ายหรือโซก่ ารตลาดกาแฟ เตมิ นอกเหนือจากวธิ ีการแปรรปู แบบขน้ั ต้น จะเปน็ การน�ำกาแฟ ที่ผา่ นการค่ัวจากโซ่ สามารถใช้แนวทางการน�ำกาแฟสารแบบกาแฟ อุปทานกอ่ นหน้า ออกจัดจำ� หนา่ ยให้กบั เมลด็ ดิบ (Green bean) ไปผ่านความร้อน ตลาดทั้งภายใน และตา่ งประเทศ โดยตลาด ในถังควั่ ทมี่ ีอณุ หภูมิมาตรฐานประมาณ 120 ภายในประเทศ จะเนน้ รูปแบบการขายสง่ ให้ – 300 องศาเซลเซียส คา่ ดำ� เนนิ การของผู้ กบั ผปู้ ระกอบการโรงคัว่ กาแฟ เครือข่ายรวม ประกอบการโรงคั่วในส่วนน้ี จะอย่ทู ่ีประมาณ ถงึ ผู้ประกอบการรา้ นอาหาร และเครอ่ื งด่ืม 7.9 พนั บาท/ครงั้ ทแ่ี ปรรปู บวกกับค่ากาแฟ (ท้ังแบบท่ชี งขาย และจ�ำหน่ายผลิตภณั ฑต์ อ่ ) สารทซี่ ือ้ จากผแู้ ปรรปู ขัน้ ต้น จะมีตน้ ทนุ ทงั้ ทัง้ ภายในพืน้ ที่จังหวัดนา่ น และจังหวดั อื่น ส้นิ ประมาณ 2 หมื่นบาท/คร้ังทแ่ี ปรรูป โดย นอกจากน้ี ผู้ประกอบการยงั สามารถน�ำกาแฟ ปรมิ าณกาแฟสารจ�ำนวน 100 กโิ ลกรัม สาร และเมล็ดกาแฟจากโรงคว่ั สง่ ออกไปขาย สามารถแปรรปู เป็นกาแฟคัว่ ได้ประมาณ 80 ยงั ตลาดต่างประเทศได้ดว้ ยเช่นกัน ส�ำหรบั รูป - 85 กิโลกรัม (ราคาจำ� หน่ายทั้งใน และตา่ ง แบบการขายปลกี จะเนน้ การจ�ำหน่ายกาแฟ ประเทศ 400 บาท/กก.) กระบวนการในส่วน ค่วั และกาแฟสารใหก้ ับผู้บรโิ ภคทัว่ ไปท่ีซ้ือชง น้ี จะทำ� ใหผ้ ู้ประกอบการสามารถสรา้ งรายได้ ด่ืมเองท้งั ในจังหวัดนา่ น และพื้นทต่ี ่างจงั หวัด ประมาณ 2.4 หมน่ื บาท/ครงั้ ท่ีแปรรูป ทั้งน้ี ทั้งนี้ ผูป้ ระกอบการจะมรี ายได้จากการขาย รูปแบบของการค่วั กาแฟทมี่ สี ี และรสชาติที่ ในส่วนน้ปี ระมาณ 3.6 หมน่ื บาท/ไร่ โดยมี เปน็ เอกลกั ษณต์ า่ งกนั สามารถจำ� แนกได้ 3 ตน้ ทนุ รวมทง้ั หมดประมาณ 3.3 หมื่นบาท/ ลักษณะคือ การค่ัวออ่ น การคัว่ กลาง และ ไร่ ซงึ่ ครอบคลุมตน้ ทุนคา่ กาแฟคั่วประมาณ การค่ัวแบบเขม้ จากนั้น จงึ นำ� เมลด็ กาแฟค่ัว 2.4 หมื่นบาท/ไร่ ค่าใช้จ่ายดา้ นการตลาด ที่ได้ไปจำ� หน่ายใหก้ ับแหล่งรบั ซอ้ื ต่าง ๆ เช่น ประมาณ 9 พนั บาท/ไร่ ผูป้ ระกอบการร้านอาหาร และเครอ่ื งดื่ม ผู้ บรโิ ภค หรอื อาจสามารถสง่ ออกไปจ�ำหน่าย ยังต่างประเทศ 39เพ่มิ รายได้ดว้ ยวิถเี กษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความท้าทายพืน้ ท่ีกสิกรรมนา่ น
ตารางท่ี 2-17 ผลตอบแทนการลงทุนตลอดห่วงโซอ่ ุปทานกาแฟ (พนั ธุ์อาราบีกา้ ) 40 เพ่ิมรายได้ดว้ ยวถิ เี กษตรทางเลือกใหม.่ .ทะลุความทา้ ทายพื้นทก่ี สกิ รรมนา่ น
41เพมิ่ รายได้ดว้ ยวิถีเกษตรทางเลอื กใหม่..ทะลคุ วามท้าทายพนื้ ทกี่ สกิ รรมนา่ น ภาพที่ 2-14 โซอ่ ปุ ทานกาแฟในจงั หวดั น่าน ทมี่ า: รายงานโมเดลอาชพี ทางเลอื กและห่วงโซอ่ ุปทาน โดย รศ.ดร. ศิรพิ ร กริ ติการกลุ และคณะ (2563)
Search