เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน I 101 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครัง้ ท่ี 14 : สาขาบริการวิชาการ” รปู ชุดที่ 3 เมนอู าหารตา่ งๆ ในโครงการ 4.3 การทดลองการใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากแหนแดงพืชสดและปุ๋ยหมักจากแหนแดงในสภาพ แปลงนาอนิ ทรยี ์ วางแผนการทดลองแบบ RCBD มี 4 ซ้า ในแปลงนาขา้ วขาวดอกมะลิ 105 ท่ีมีปลา และเปด็ ใน นาข้าวแบบอินทรีย์ มี 2 กรรมวิธีการทดลอง คือ 1.แปลงนาที่เล้ียงแหนแดง (อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่) และ 2.แปลงนาท่ีมีการเล้ียงแหนแดง (อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่) ร่วมกับการใส่ปุ๋ยหมักจากแหนแดง (อัตรา 100 กิโลกรัมตอ่ ไร)่ ผลการทดลองพบว่า แปลงนาที่มีการเลี้ยงแหนแดงร่วมกับการใส่ปุ๋ยหมักจากแหนแดง มีผลทา ให้การเจริญเติบโต ผลผลิตและคุณภาพผลผลิตของข้าวขาวดอกมะลิ 105 สูงกว่ากรรมวิธีท่ีเพาะเล้ียง แหนแดงในนาข้าวเพียงอย่างเดียว โดยไม่ใช้ปุ๋ยหมักจากแหกนแดง โดยต้นข้าวมีการแตกกอสูง (17.16 ต้นต่อกอ) มีจานวนรวงต่อกอ (16.25 รวงต่อกอ) จานวนเมล็ดต่อรวง (157.50 เมล็ด) เปอรเ์ ซน็ ต์เมล็ดดี (96.17 เปอร์เซ็นต์) เปอร์เซ็นตต์ ้นขา้ ว (56.15 เปอร์เซน็ ต์) ผลผลิต (466.16 กิโลกรัมต่อไร่) โดยขา้ วท่ีได้ จากท้งั สองกรรมวิธกี ารทดลองไม่มีขา้ วทอ้ งไข่ ที่เปน็ เชน่ นเ้ี พราะปรมิ าณธาตอุ าหารหลัก ธาตุอาหารรอง และอนิ ทรียวัตถทุ ไี่ ดจ้ ากปุ๋ยหมกั แหนแดง มปี ระโยชน์ตอ่ การพัฒนาการของตน้ ข้าวและการพฒั นานาการ เจริญเติบโตของแหนแดงท่ีเลี้ยงในนาข้าวเอง ทาให้แหนแดงในนาข้าวที่มีการใส่ปุ๋ยหมักจากแหนแดง เจริญเติบโต แล้วให้ธาตุอาหารท่ีเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเจริญเติบโตของข้าวขาวดอกมะลิ 105 จนส่งผลตอ่ ผลผลติ และคุณภาพผลผลติ สงู
102 I เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจัย ครงั้ ท่ี 14 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” ตารางท่ี 1 การเปรียบเทยี บการเจริญเตบิ โต ผลผลติ และคุณภาพผลผลติ ขา้ ว ในแปลงที่มีการเลย้ี งปลา และเปด็ กรรมวธิ กี ารทดลอง การแตก จานวนรวง จานวน เปอรเ์ ซน็ ต์ เปอรเ์ ซ็นต์ ผลผลิต กอ (ตน้ ต่อกอ เมล็ดต่อ เมล็ดดี ต้นขา้ ว (กโิ ลกรมั ต่อกอ) รวง ต่อไร่) 1. แหนแดง (อัตรา 50 กิโลกรัม 15.07b 14.15b 138.22b 91.20b 48.25b 439.20b ตอ่ ไร)่ 2.แหนแดง (อัตรา 50 กิโลกรัม 17.16a 16.25a 157.50a 96.17a 56.15a 466.16a ตอ่ ไร่) ร่วมกับการใส่ปุ๋ยหมักจาก แหนแดง (อัตรา 100 กิโลกรัม ตอ่ ไร)่ P (0.05) ** * * ** * แตกต่างทางสถติ ิที่ระดบั ความเชื่อมน่ั 95 เปอร์เซน็ ต์ 4.4 การบรู ณการโครงการ [ / ] การจดั การเรยี นการสอน รายวชิ าการปลูกพชื ไรอ่ ินทรยี ์ [ / ] การปรบั ปรุงรายวชิ าศึกษาทั่วไป วชิ าหน่ึงหลกั สูตรหน่ึงชมุ ชน ในสว่ นของคณะ เทคโนโลยี [ / ] การตอ่ ยอดสหู่ นังสอื ตาราเกษตรผสมผสาน หลักสตู รเทคโนโลยีการเกษตร [ / ] การวจิ ยั การใชป้ ุ๋ยอนิ ทรีย์จากแหนแดงพชื สดและปุ๋ยหมักจากแหนแดงในสภาพ แปลงนาอินทรีย์ [ / ] การทานบุ ารงุ ศลิ ปวฒั นธรรม การผลติ ข้าว ปลาและเปด็ ในชมุ ชนแบบพงึ่ ตนเอง ดว้ ย การแหนแดงในระบบการปลกู ขา้ ว 4.5 ข้อมลู ผูท้ ่ีได้รับประโยชนจ์ ากการดาเนินงาน ดังนี้ ผลจาการประเมนิ โครงการพบวา่ 1.ผูร้ ่วมโครงการสามารถนาความรไู้ ปใช้ประโยชนไ์ ด้ 100 เปอรเ์ ซน็ ต์ 2.รายไดจ้ ากการนาไปใชป้ ระโยชน์ 2.1รายไดท้ ่ไี ด้รบั คิดเปน็ 2.1.1 รายได้หลกั 24 เปอรเ์ ซน็ ต์ของจานวนผ้เู ขา้ ร่วมโครงการ 2.1.2 รายไดเ้ สริม 76 เปอรเ์ ซน็ ตข์ องจานวนผู้เข้ารว่ มโครงการ 3.สามารถนาความรู้ไปลดรายจ่ายรายเดือนได้ (บาท/เดือน) 1. น้อยกวา่ 1000 บาท จานวน 156 ราย 2. 1001-2000 บาท จานวน 33 ราย 3. 2001-3000 บาท จานวน 27 ราย 4. มากกวา่ 3001 บาทข้ึนไป จานวน 24 ราย
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน I 103 ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจยั ครัง้ ที่ 14 : สาขาบริการวิชาการ” 4.ดา้ นคณุ ภาพชวี ติ 1.สามารถระบเุ ปน็ จานวนเงินได้ ต้ังแต่ตา่ กว่า 1000-3000 บาท/เดือน 216 ราย 2.ไมเ่ ป็นตัวเงินแต่นาความร้ไู ปพฒั นาอาชพี 240 ราย 3.ไม่เป็นตัวเงนิ แต่เปน็ เร่ืองความจาเป็นของสังคมและสงิ่ แวดล้อมส่วนรวม 57ราย 4.ไมเ่ ป็นตวั เงิน แต่สามารถประเมนิ ในดา้ นคุณภาพชีวติ และความเป็นอยูท่ ี่ดขี ้ึน 46ราย 5.การนาความรู้ไปใช้หลงั จากเข้ารว่ มโครงการ 1.หลงั การอบรมทันทจี านวน 176 ราย 2.หลงั การอบรมภายใน 1 เดอื นจานวน 74 ราย 6.การนาความรู้ทีไ่ ดร้ ับไปใชป้ ระโยชน์ 1.ใชใ้ นครอบครับจานวน 240 ราย 2.ใช้ในชุมชน/กลุ่ม จานวน 43 ราย 7.การนาความรู้ไปขยายผลต่อ 1.ประยุกต์เปน็ องคค์ วามรใู้ หม่ จานวน 34 ราย 2.เปน็ วทิ ยากรถ่ายทอดเทคโนโลย/ี เผยแพร่ตอ่ ไป จานวน 3 ราย 3.ให้บริการ/คาปรึกษา จานวน 3 ราย 5. สรุปผลการดาเนนิ งาน โครงการได้ดาเนินงานตามวัตถุประสงค์ นิสิตและคณาจารย์ได้ลงพ้ืนที่เรียนรู้การเกษตรแบบ ผสมผสาน คณาจารย์มีกระบวนการบริการวิชาการให้ความรู้ในการทาเกษตรผสมผสาน การเลี้ยงแหน แดง ปลาและเป็ด บรเิ วณแปลงนาขา้ วในระบบอินทรยี ์ นอกเหนือจากนยี้ ังมี การบริการวิชาการในด้าน การเล้ียงกบเพ่อื เพาะลูกออ้ ด การเพาะเห็ด การเลยี้ งปลาหมอไทยในบอ่ ดนิ การผลิตสารชวี ภณั ฑแ์ ละไตร โคเดอร์มาเพ่ือป้องกันกาจัดศัตรูพืช โดยได้ความร่วมมือจากสานักงานเกษตรอาเภอกันทรวิชัย จังหวัด มหาสารคาม และความรว่ มมอื จาก 3 ศนู ยก์ ารเรยี นรู้ในชุมชนตาบลนาสนี วน ไดแ้ ก่ • 1.ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพยี ง หมู่ 14 • 2.ศนู ยเ์ รียนรูเ้ ศรษฐกิจพอเพียง หมู่ 17 • 3. ศนู ยเ์ รียนรู้ “สวนครูผเู้ รยี น” อาจารย์ธวัช ชินราศรี ด้วยการอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรจานวน 8 รุ่นๆ ละ 25-40 คน รวมประมาณ 240 คน พร้อมทั้งประชุมสรุปผลการอบรม มีการต่อยอดของชุมชนในการเขียนโครงการเพ่ือขอเงินทุนสนับสนุน จากภายนอก โดยเกษตรกรชุมชนตาบลนาสนี วนมีความตอ้ งการให้มหาวทิ ยาลัยมีการติดตามเพ่ือพัฒนา กิจกรรมอยา่ งตอ่ เนอื่ งตอ่ ไป การต่อยอดงานบริการวิชาการสู่ชุมชนในคร้ังต่อไป คือการอบรมเชิงปฏิบัติการแปรรูปข้าว เหด็ และผลิตภัณฑ์ทีไ่ ดร้ บั จากเกษตรผสมผสาน
104 I เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย คร้งั ท่ี 14 : สาขาบริการวิชาการ” เอกสารอา้ งองิ กรมการข้าว (2556) การตดั พนั ธ์ปุ น. องคค์ วามรูเ้ รอื่ งขา้ ว. สานกั วจิ ยั และพัฒนาข้าว. กรมการข้าว. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร. ได้จาก http://www.brrd.in.th/rkb2/manual/index.php- file=content.php&id=50.htm มูลนิธขิ ้าวขวัญ (2560) เทคนคิ การคัดพนั ธข์ุ า้ ว. ไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/13872 พีระยศ แข็งขัน. 2560. ข้าวอินทรีย์. ทางรอดของชาวนาไทย ลดต้นทุน พึ่งตนเอง เพ่ิมคุณภาพ. ตารา วิชาการ สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. จานวน 132 หนา้
การบูรณาการการจดั การสขุ ภาพและระบบสบื พันธ์ุโคนมเพ่อื เพิ่มประสิทธิภาพฟารม์ โคนม ในกล่มุ ผู้เลี้ยงโคนมจงั หวดั มหาสารคาม โครงการบรู ณาการหนง่ึ หลกั สตู รหน่งึ ชุมชน ปฏิญญา ปะทเิ ก และคณะ คณะสตั วแพทยศาสตร์ 1. ความเป็นมาของปัญหา โครงการบูรณาการการจัดการสขุ ภาพและระบบสืบพนั ธุ์โคนมเพ่ือเพ่มิ ประสิทธภิ าพฟาร์มโคนม ในกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมจังหวัดมหาสารคาม เป็นโครงการต่อเน่ือง จากโครงการโครงการเพ่ิมประสิทธิภาพ ฟาร์มโคนม เพ่ือขยายผลด้านการเลี้ยงและการจัดการ ในกลุ่มผู้เล้ียงโคนมจังหวัดมหาสารคาม โดยการ จัดทาโครงการฯที่ผ่านมา พบข้อสรุปปัญหาและแนวทางแก้ไข จึงได้มีการจัดเตรียมโครงการฯในครั้งนี้ เพอ่ื ต่อยอดและนาไปใช้ประโยชนใ์ นวงกว้างมากขึ้น โดยมุง่ เน้นการแก้ปญั หาทเ่ี ปน็ ตรงตามความต้องการ ของเกษตรกร คือ ปัญหาการผสมพันธ์ุโคนม ปัญหาเต้านมอักเสบ และขยายผลทาให้เกิดเกษตรกร ตัวอย่างในพื้นที่ โดยในคร้ังน้ีจะมุ่งเน้น ลงพ้ืนท่ีหมู่บ้านศรีสุข ตาบลศรีสุข อาเภอกันทรวิชัย ซ่ึงเป็น หมูบ่ า้ นท่มี กี ารเลย้ี งโคนมหนาแน่นท่ีสุดแหง่ หนึง่ ในจังหวดั มหาสารคาม 2. วตั ถุประสงค์โครงการ 2.1 เพอ่ื ช่วยเพ่ิมคณุ ภาพผลผลิตนา้ นมในฟาร์มเกษตรกรในเขตจังหวัดมหาสารคาม 2.2 เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพระบบสืบพันธ์ุของโคนมในฟาร์มเกษตรกรในเขตจังหวัด มหาสารคาม 2.3 เพือ่ ใหฟ้ ารม์ โคนมสามารถเลย้ี งดโู คนมอย่างถกู หลักวชิ าการได้ด้วยตนเอง 3. กระบวนการดาเนินการ กระบวนการในการทางานแบ่งเปน็ 3 ข้ันตอน 3.1 กระบวนการวางแผนการดาเนินงาน โดยการจัดทาแบบสอบถามหาความต้องการของ เกษตรกรในพื้นท่ี โดยบุคลากรและนิสิตร่วมกันสอบถามข้อมลู จากเกษตรกรในพ้นื ท่ี 3.2 กระบวนการดาเนนิ งาน โดยการเข้าพื้นที่ จัดการแกป้ ญั หาที่เกิดขึน้ ให้กบั เกษตรกรผ้เู ล้ยี งโค นม โดยบูรณาการร่วมกับการเรียนการสอนในรายวิชา คลินิกปฏิบัติด้านสัตว์เค้ียวเอื้อง 1 เข้าทาการ ตรวจระบบสืบพันธ์ุและเก็บตัวอย่างน้านมโค เพ่ือตรวจหาเชื้อสาเหตุในการเกิดโรคเต้านมอักเสบและ ทดสอบหายาปฏิชีวนะท่จี ะใชใ้ นการรักษา 3.3 กระบวนการสรุปผล โดยการนาขอ้ มลู ที่ได้ กลบั มาคนื สชู่ ุมชน และใช้กระบวนการแกป้ ญั หา ต่อเนื่องให้กับเกษตรกร รวมท้ังอธิบายพูดคุยเพื่อให้เกษตรกรเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดปัญหาและ แนวทางในการปอ้ งกนั และแกป้ ญั หาในอนาคต
106 I เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครง้ั ที่ 14 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 4. การบรู ณาการกับภารกิจหลกั ด้านอนื่ ๆ 4.1 บรู ณาการกับการเรยี นการสอน ในรายวชิ าคลินกิ ปฏบิ ตั ิดา้ นสัตวเ์ ค้ยี วเออื้ ง1 5. ผลลพั ธจ์ ากการดาเนินงานโครงการ 5.1 ขอ้ ค้นพบตามวัตถปุ ระสงค์ 5.1.1 ช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลติ น้านมในฟารม์ เกษตรกร จากการตรวจเพาะเชื้อหาสาเหตุท่ี ทาให้เกิดเต้านมอกั เสบและทดสอบเพือ่ หายาปฏิชวี นะเพ่อื ทาการรักษา พบว่า โคมีเช้ือแบคทีเรยี คือ 5.1.1.1 เชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus จานวน 4 ตัว ซึ่งเป็นเชื้อ แบคทีเรียท่ีมีความสาคัญในกระบวนการเกิดเต้านมอักเสบ เนื่องจากมีหลายสายพันธ์ุ บางสายพันธ์ุ ก่อให้เกิดความรุนแรง บางสายพันธุ์ก่อให้เกิดการดื้อยา ซึ่งจาเป็นจะต้องใช้ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เข้าช่วยในการจาแนกเช้ือ จากการลงพ้ืนที่ในคร้ังน้ี พบเช้ือจาพวกที่มีการด้ือยา oxytetracycline และ penicillin ซง่ึ เปน็ ยาปฏชิ ีวนะทใ่ี ช้กนั อยา่ งแพร่หลายในฟารม์ โคนม จานวน 1 ตวั 5.1.1.2 เชื้อ Streptococcus agalactiae จานวน 1 ตัว ซึ่งเป็นเชื้อที่อาศัยอยู่ใน เต้านม โดยจะแฝงตัวและกอ่ ใหเ้ กิดโรคเต้านมอักเสบชนิดไม่แสดงอาการ ส่วนใหญ่จะไม่ก่อโรครุนแรง แต่ จะสามารถติดตอ่ จากโคตวั หน่งึ สู่โคอีกตวั หนงึ่ ได้งา่ ย ผา่ นทางเคร่อื งรีดนม และจะทาใหป้ รมิ าณ somatic cell รวมของฟาร์มมีปริมาณสูงข้ึน และในตัวอย่างนี้เป็นเช้ือที่ดื้อต่อยา cloxacillin, penicillin และ ceftriaxone โดยยา cloxacillin และ penicillin เป็นยาที่ใช้ท่ัวไปในฟาร์ม ส่วนยา ceftriaxone เป็น ยาในกล่มุ เดยี วกับ cloxacillin และ penicillin เน่ืองจากได้แก้ปัญหาเต้านมอักเสบให้กับเกษตรกรอย่างถูกหลัก จะทาให้ลดการเกิดเต้า นมอักเสบแบบแฝงหรือแบบไม่แสดงอาการภายในฟาร์มลงได้ นอกจากนี้การแก้ปัญหาอย่างถูกหลัก จะ ทาให้เกิดแนวทางปฏิบัติท่ีดี เนื่องจากท่ีผ่านมาเกษตรกรส่วนใหญ่จะไม่ตระหนักถึงการแก้ปัญหาน้ี จะ ปล่อยไว้ทาให้เกิดเป็นปัญหาเรื้อรังและสุดท้ายจะต้องจาใจในการขายโคนมของตนออกไป ทาให้รายได้ ลดลง หากไม่ขายโคนมก็จะเกิดปญั หาซา้ ไปซ้ามา ทาให้ไมไ่ ด้ผลผลิตทด่ี ีเท่าทค่ี วร 5.1.2 พัฒนาประสิทธิภาพระบบสืบพันธุ์ของโคนมในฟาร์มเกษตรกร จากการล้วงตรวจ ระบบสบื พนั ธ์ุ แบ่งเป็น การตรวจการตัง้ ทอ้ ง 24 ตัว การตรวจระบบสบื พันธุ์ 15 ตวั พบปญั หาคอื 5.1.2.1 ปัญหา luteal cyst จานวน 3 ตัว เป็นการคงค้างของ corpus lutuem ซ่ึง ทาให้โคไม่แสดงการเป็นสัด แก้ปัญหาโดยการฉีดฮอร์โมน PGF2a ที่ช่วยในการสลาย corpus lutuem จะทาให้โคแสดงการเป็นสัดอกี คร้ัง 5.1.2.2 ปัญหา follicular cyst จานวน 1 ตัว เป็นการคงค้างของ follicle ซึ่งทาให้ โคแสดงการเป็นสัดตลอดเวลา และทาให้ผสมไม่ติด แก้ปัญหาโดยการใช้ฮอร์โมน Lh หรือ GnRh เพ่ือ ชว่ ยใหโ้ คเกิดการตกไข่
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน I 107 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครง้ั ท่ี 14 : สาขาบริการวิชาการ” 5.1.2.3 ปัญหามดลูกอักเสบจานวน 2 ตัว ปัญหามดลูกอักเสบ เกิดจากการติดเช้ือ หรอื ความไม่สะอาดในการจัดการการคลอด ทาให้เกิดการอักเสบในบริเวณมดลูกของโค และส่งผลให้โค ไม่แสดงการเปน็ สัด แกป้ ญั หาโดยการลา้ งมดลูกและใหย้ าปฏชิ วี นะ การแก้ปัญหาด้านระบบสืบพันธุ์ในครั้งนี้ จาเป็นจะต้องใช้นายสัตวแพทย์ในการวินิจฉัย ซ่ึง นอกจากได้ทาการแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้วยังได้มีการให้คาแนะนาให้กับเกษตรกร ถึงการเกิดปัญหาและ หลักการในการสังเกตโคของตนเองเพ่ือให้ทราบว่า โคของตนเองครบกาหนดและจาเป็นที่จะต้องมีการ ตรวจระบบสืบพันธุ์ เพ่ือให้ไม่เกิดวันท้องว่าง ที่จะทาให้เป็นการเพิ่มต้นทุน เนื่องจากโคไม่ตั้งท้องก็ถือว่า ไม่ไดใ้ ห้ผลผลิตในอนาคต 5.1.3 เกิดฟาร์มโคนมสามารถเลีย้ งดูโคนมอย่างถูกหลกั วิชาการได้ดว้ ยตนเอง ในการจัดทาโครงการ ในคร้ังนี้ได้มีการลงพืน้ ท่ี ในเขตหมบู่ า้ นศรีสขุ จานวนทง้ั สน้ิ 9 ฟาร์ม โดยในทุกฟาร์มได้มีการปฏิบัติท่ีเหมือนกัน ซ่ึงจะก่อให้เกิดแนวทางปฏิบัติชัดเจนในชุมชม และในฟาร์ม ท้ังหมดจะได้รับคาแนะนาและสามารถต่อยอดไปเป็นฟาร์มท่ีดูแลตนเองได้ ท้ังนี้ก็ขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ใน แต่ละฟาร์ม 5.2 การขยายผลไปสู่หน่วยงานอ่ืนๆ ท่ีเก่ียวข้อง ในการจัดทาโครงการ ในคร้ังน้ีส่งผลถึง หน่วยงานหลกั ๆ 2 หน่วยงานคือ 1.สหกรณผ์ ้เู ลยี้ งโคนมมหาสารคาม จะมีการพัฒนาดา้ นคุณภาพน้านม (ลดจานวนโคท่ีเป็น เต้านมอักเสบ) และเพ่ิมผลผลิตน้านม (เพ่ิมจานวนโคที่ต้ังท้อง) และเกิดฟาร์มสมาชิกท่ีสามารถดูแล ตวั เองเบื้องต้นได้ ท้งั น้ีสหกรณ์ก็จาเป็นที่จะต้องสร้างบคุ ลากรเพอ่ื มาตอ่ ยอดและตดิ ตามผล 2.คณะสตั วแพทยศาสตร์ ได้มกี ารประชาสมั พนั ธ์และต่อยอดความสมั พันธก์ ับพื้นที่ เพือ่ ให้ เกดิ หอ้ งเรยี นทอี่ ยู่ในสถานทจี่ รงิ เพอ่ื ใหน้ ิสิตไดป้ ฏิบตั ิงานจรงิ และพบกับปัญหาในพ้นื ที่จรงิ ภาพ : การลงพ้ืนท่ใี นการเกบ็ ขอ้ มลู ปัญหาของเกษตรกรที่ต้องการแก้ไข ภาพ : การประชุมรวมกลุม่ เพื่อเตรยี มตวั ในการลงพน้ื ทก่ี บั เกษตรกร
108 I เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั คร้งั ท่ี 14 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” ภาพ : การลงพื้นท่ี แก้ปญั หาใหก้ บั เกษตรกร ภาพ : การให้คาแนะนา ให้กับเกษตรกร 6. บทสรุป การจัดทาโครงการในครั้งนี้ มุ่งเน้นในการจัดการแก้ปัญหาปัญหาท่ีเกิดขึ้น อันจะส่งผลต่อ ประสทิ ธิภาพในการผลิตของฟาร์มโคนมในดา้ นตา่ งๆ เกษตรกรมคี วามพงึ พอใจจากการแกป้ ญั หาท่ตี นเอง ต้องการให้แก้ไข โคที่ได้รับการแก้ปัญหาก็สามารถให้ผลผลิตท่ีดีขึ้น คณะฯก็ได้เพิ่มประสบการณ์ในการ ทางานและเพ่ิมความสัมพันธ์กบั ชุมชน ท้ังหมดจึงเกิดเป็นประโยชน์รว่ มกนั ของทุกฝ่าย และจะก่อใหเ้ กิด แนวทางปฏิบัติท่ีดีต่อไปในอนาคต ทั้งนี้การต่อยอดท่ีดี คือการสร้างความต่อเน่ืองในการจัดการฟาร์ม หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วข้องจงึ จาเป็นจะต้องมีบคุ ลากรในการลงพื้นทตี่ ่อไป
หมอยาอาสา Care โครงการบรู ณาการหนึง่ หลกั สตู รหน่งึ ชมุ ชน ธารินี ศรศี ักดน์ิ อก และคณะ คณะเภสชั ศาสตร์ 1. ความเป็นมาของปญั หา พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 เป็นจุดเร่ิมต้นของการปฏิรูประบบสุขภาพของ ประเทศไทยให้มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพในระดับสาธารณสุขมูลฐาน สนับสนุนให้ประชาชนสามารถดูแล สขุ ภาพด้วยตนเอง ทาให้เกดิ บุคลากรสาธารณสขุ ตอ้ งปรบั วิธกี ารใหบ้ ริการมาเน้นงานเชิงรกุ เน้นการดแู ล ในครอบครัวและชุมชนอย่างผสมผสานและเป็นองคร์ วม นโยบายน้ีเป็นจดุ เร่ิมต้นให้เภสัชกรมีบทบาทใน การบริการระดับปฐมภมู มิ ากข้นึ เพม่ิ การทางานร่วมกบั สหวชิ าชีพเพ่อื ใหเ้ กดิ การใชย้ าอย่างสมเหตผุ ล เพ่ือสนับสนุนนโยบายสาธารณสุขของประเทศและพันธกิจของคณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย มหาสารคาม ในฐานะผู้ผลิตเภสชั กร ทงั้ ด้านการจัดการเรยี นการสอน การบรกิ ารวิชาการ และทานุบารุง ศิลปวัฒนธรรม จึงมีแนวคิดท่ีบูรณาการพันธกิจหลักทั้งสามด้านน้ีผ่านกระบวนการการจัดการเรยี นสอน เป็นหลัก โดยให้ความสาคัญกบั การฝึกทักษะนิสติ เภสชั ศาสตร์ให้สามารถทางานเชิงรุกด้านการบริการใน ระดบั ปฐมภมู ิไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ จึงมกี ระบวนการการเรียนการสอนท่ีให้นิสิตได้ฝึกการทางานจริงใน ชุมชนผ่านกระบวนการรายวิชา มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นิสิตได้ฝึกทักษะการวิเคราะห์ ค้นหา วางแผน ปอ้ งกัน และแกไ้ ขปัญหา เพ่ือสร้างเสริมสุขภาพและการใช้ยาอย่างสมเหตุผลให้แกค่ นในชุมชน อีกทั้งยัง ส่งเสริมให้นิสิตมีคุณลกั ษณะบัณฑิตท่ีพึงประสงคต์ ามค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ เช่น มีความ รับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา มีวินัย และมีจิตอาสา เป็นต้น โดยจะให้นิสิตเภสัชศาสตร์ช้ันปีท่ี 2 ทุก คนเข้าไปเย่ีมบ้านค้นหาปัญหา และจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่คนในชุมชนตามความต้องการและสภาพ ปัญหาที่แท้จริง และมีนิสิตหลักสูตร วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (สมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ) และ นิสิตหลักสูตร ปริญญาดุษฎีบัณฑิต (เภสัชศาสตร์) ช่วยดูแลการจัดกิจกรรม สนับสนุนด้านองค์ความรู้ และเป็นวิทยากรรว่ ม สาหรับปีการศึกษา พ.ศ.2560 นี้ ชุมชนท่ีนิสิตไปเรียนรู้ คือ ชุมชนในเขตการดูแลของศูนย์ สุขภาพชุมชนเมอื งบูรพา เทศบาลมหาสารคาม ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสาคาม ภายใต้ โครงการ “หมอ ยาอาสา Care” เป็นโครงการต่อยอดจากกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนร่วมระหว่างวิชาชีพ (Interprofessional Education, IPE) 5 คณะ คือ คณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะพยาบาล ศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมือง และนฤมิตศิลป์ และคณะวิทยาการสารสนเทศ (นิเทศ ศาสตร์) มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม เพอ่ื ใหเ้ กดิ ทักษะทางานร่วมกันเป็นทมี และการดูแลผ้ปู ่วยท่ีบ้านดว้ ย หัวใจความเป็นมนุษย์ ซ่ึงเป็นข้ันตอนการค้นหาปัญหาสุขภาพที่มีอยู่ในชุมชน เมื่อนิสิตท้ัง 5 คณะลง ชุมชนจะพบว่า พ่อฮักแม่ฮกั มักมีปัญหาท่เี กิดจากการใช้ยาในด้านต่างๆ คณะเภสัชศาสตร์จึงจัดโครงการ
110 I เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครั้งที่ 14 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” ตอ่ ยอดเพ่อื เข้าไปแกป้ ัญหาการใชย้ าของคนในชุมชน โดยร่วมกนั คน้ หาจดุ เด่น จุดด้อย โอกาสพัฒนาและ ภาวะคุมคาม (SWOT analysis) เพ่ือวิเคราะห์ปัญหาและร่วมกันวางแผนคิดหาแนวทางแก้ไข ร่วมกับ เจ้าหน้าท่ีศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองบูรพา เทศบาลมหาสารคาม อสม. และผู้นาชุมชน จากนั้นจะเข้าไปจัด นทิ รรศการในชุมชน เพ่อื ให้ความรู้และแก้ไขปญั หาการใชย้ าและสขุ ภาพของคนในชมุ ชน และจัดทาคูม่ ือ ให้คาแนะนาการใชย้ าอย่างถกู ตอ้ งเหมาะสมเพอื่ สขุ ภาพที่ดีของคนในชุมชน 2. วตั ถุประสงคข์ องโครงการ เพื่อค้นหาปัญหา หาแนวทางในการแก้ไขและดาเนินการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพและการใช้ยา ในชุมชนแบบมีส่วนรว่ มและสามารถดูแลตนเองไดอ้ ย่างย่ังยนื 3. กระบวนการดาเนินการ โครงการหมอยาอาสา Care มีจุดมุ่งหมายเพื่อค้นหาปัญหา หาแนวทางในการแก้ปัญหา และ ดาเนินการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพและการใช้ยาในชุมชนแบบมสี ่วนร่วมและสามารถดูแลตนเองได้อย่าง ย่ังยืน โดยใช้กระบวนการ PDCA ในการทางาน และดาเนินงานแบบมีส่วนร่วมกับชุมชน ขั้นตอนหลัก ของการทางาน 3 ข้ันตอน คอื 3.1 ข้ันตอนการสารวจพ้ืนที่และคัดเลือกประเด็นสุขภาพ เพื่อเลือกชุมชนเป้าหมายและคัดเลือก ประเด็นสุขภาพ คือ อาจารย์ประสานงานกับผู้นาชุมชน เพื่อกาหนดพื้นที่เป้าหมายและช่วงเวลาในการ ดาเนินโครงการ จากนั้นอาจารย์ ตัวแทนนิสิต แกนนาชุมชน และศูนย์แพทย์ชุมชนเมืองบูรพา ประชุม หารอื เพอ่ื กาหนดประเดน็ ในการทากิจกรรมโครงการ โดยเนน้ เร่ืองปญั หาสขุ ภาพ การใช้ยาหรอื ผลติ ภัณฑ์ สุขภาพ(ตามประเด็นของมหาวิทยาลัยสาหรับคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ในทัศนะของชุมชน เพ่ือให้ ประเด็นท่ีจะดาเนินการนั้นเป็นความต้องการของชุมชน ซึ่งจะนาไปสู่การมีส่วนร่วมของชุมชนและเป็น การแก้ปัญหาอย่างย่ังยืน จากนั้นอาจารย์และนิสิตทั้งช้ันปีลงพื้นท่ีเพ่ือสารวจชุมชน (บูรณาการกับ กิจกรรม IPE) เพ่ือให้นิสิตสารวจปัญหาและข้อมูลสุขภาพจากคนในชุมชนเพ่ือเลือกประเด็นท่ีรวบรวม จากแกนนาชุมชน เทศบาลมหาสารคาม ศูนย์แพทย์ชุมชนเมืองบรู พา. ที่คนในชมุ ชนตอ้ งการให้โครงการ ดาเนินการมากท่ีสดุ รวมท้งั สารวจข้อเสนอแนะเพ่มิ เติมจากชุมชน เพ่อื รวบรวมขอ้ มลู สง่ ให้แกนนาชมุ ชน เทศบาลเมืองมหาสารคาม ศูนย์แพทย์ชุมชนเมืองบูรพา ใช้ประกอบการกาหนดแนวทางในการ ดาเนินงานในอนาคต นาข้อมูลปัญหาและข้อมูลสุขภาพได้จากคนในชุมชน นามาสรุปประเด็นท่ีได้รับ เลือกมากท่ีสุด นาเสนอต่อแกนนาชุมชน เทศบาลมหาสารคาม ศูนย์แพทย์ชุมชนเมืองบูรพา. เพื่อหา ข้อสรุปประเด็นความร่วมมือที่จะดาเนินกิจกรรมโครงการร่วมกัน นิสิตท้ังช้ันปี 2 และนิสิตหลักสูตร วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (สมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ) และนิสิตหลักสูตร ปริญญาดุษฎีบัณฑิต (เภสัชศาสตร)์ ร่วมกันวางแผนการดาเนนิ งาน เตรียมการในการลงพ้นื ท่ี และกาหนดวิธีการวัดผลภายหลงั จัดกจิ กรรม
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน I 111 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย คร้ังท่ี 14 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 3.2 ข้ันตอนการลงพื้นที่ ดาเนินกิจกรรมบริการวิขาการภายใต้โครงการ “หมอยาอาสา Care” โดยการจัดกิจกรรมน้ีจะเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท่ีรับผิดชอบท่ีเก่ียวข้องในพ้ืนท่ี คือเป็น เทศบาลมหาสารคาม ศูนย์แพทย์ชุมชนเมืองบูรพา เพ่ือให้ความรู้และแก้ไขปัญหาการใช้ยาและสุขภาพ ของคนในชุมชน และจัดทาคู่มือให้คาแนะนาการใช้ยาอย่างถูกต้องเหมาะสมเพ่ือสุขภาพท่ีดีของคนใน ชุมชนและมีคู่มอื จดบนั ทึกสุขภาพเพื่อให้ครัวเรือนติดตามสขุ ภาพของตัวเองได้อย่างต่อเนอื่ ง และเม่อื พบ ปัญหาสุขภาพ สามารถนาสมุดจดบันทึกสุขภาพไปสื่อสารแก่บุคลากรทางการแพทย์เพ่ือการรักษาที่ ตอ่ เน่อื งและตรงกับปญั หาสขุ ภาพย่งิ ข้ึน โดยมี 3 ช่วงคอื ช่วงที่ 1 นิสิตแบ่งกลุ่มลงเยี่ยมบ้านพ่อฮัก แม่ฮักในชุมชนจานวน 50 หลังคาเรือนโดยใช้หลักการของ INHOMESSS ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนแบบสหสาขา วิชาชีพ (interprofessional education, IPE) รวม 5 คณะ ในปีการศึกษา 1/2560 นิสิตได้ฝึกการทาความรู้จักพ่อฮักแม่ ฮกั และค้นหาปัญหาสุขภาพและการใช้ยาท่ีมใี นชุมชนและการ ทางานเปน็ ทีม ช่วงท่ี 2 ทา SWOT analysis ร่วมกับเจ้าหน้าท่ีศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองบูรพา อสม. ผู้นาชุมชนและอาจารย์ท่ีปรกึ ษาเพื่อวิเคราะห์ปญั หาสุขภาพและการใช้ยาท่ีสาคัญรว่ มกัน ช่วงท่ี 3 กิจกรรมนิทรรศการในชุมชนให้คาแนะนาปรึกษาและให้ความรตู้ ามสภาพจริง เก่ยี วกับปัญหาในชุมชนเพ่ือมงุ่ หวังจะช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจและช่วยแก้ปัญหาสขุ ภาพและการใช้ยา ของคนในชุมชน มีการจดั ทาคู่มือบันทึกสุขภาพเพอื่ ให้พอ่ ฮักแม่ฮักบันทึกปัญหาสุขภาพและการใช้ยาใน แต่ละวนั เพ่ือสื่อสารกับบุคลากรทางการแพทย์เมื่อไปรับการรักษา เก็บข้อมูลจากตัวแทนพ่อฮักแมฮ่ ักที่ ร่วมกิจกรรม นิสิต อาจารย์และเจ้าหน้าที่ศูนย์สุขภาพฯ พบปัญหาเก่ียวกับสุขภาพและการใช้ยาและ นามาจัดนิทรรศการให้ความรู้ 10 ด้าน คือ อันตราจากยาชุด การใช้ยาปฏิชีวนะ การระบาดของโรคพิษ สุนัขบ้า การระบาดของโรคไข้เลือดออก โรคเรื้อรัง(โรคความดันโลหิตและโรคเบาหวาน) สมุนไพรใน สาธารณสขุ มูลฐาน การเคลือ่ นไหวของผู้สงู อายุ โรคไตเรอื้ รัง พิษภยั ของบหุ รี่ และการอา่ นฉลาก 3.3 ข้ันตอนติดตามผล โครงการ “หมอยาอาสา care” วัดผลลัพธ์หลังจากกิจกรรม โดยวัด ทศั นคติและความตระหนักในการดูแลสร้างเสริมสุขภาพแก่ ตนเองและคนในชุมชน และวัดความพึงพอใจของ กิจกรรม โดยผ่านแบบสอบถามและการสัมภาษณ์ และ ระบบ QR code 4. การบูรณาการกบั ภารกิจหลกั ด้านอนื่ ๆ 4.1บูรณาการกบั การเรยี นการสอน
112 I เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครงั้ ท่ี 14 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” โครงการน้ีเป็นการบูรณาการ 2 พนั ธกิจหลักของคณะเภสชั ศาสตร์ ได้แก่ การเรียนการสอนและ การบริการวิชาการ ประโยชน์และคุณค่าท่ีเกิดขึ้นต่อหลักสูตร โดยการดาเนินโครงการนั้นเป็นส่วนหน่ึง ของการเรียนการสอนของของนิสิตเภสัชศาสตร์ชั้นปีท่ี 2 มี 5 วิชาท่ีเก่ียวข้องคือ 1. วิชาเภสัช สาธารณสุข เพื่อให้เรียนรู้ระบบสุขภาพ ระบบบริการสุขภาพ ระบบยา การสร้างเสริมสุขภาพและการ จัดการปัญหายาและพฤติกรรมในชมุ ชน กจิ กรรมบรู ณาการคอื ยาในบา้ นมีอะไรบา้ ง ได้มาอยา่ งไร มีคูม่ ือ สุขภาพ และการจัดกิจกรรมนิทรรศการ วชิ าพยาธิสรรี วิทยา กิจกรรมบูรณาการคือการทาแผ่นพับกลไก การเกดิ โรคประจาตัวที่พ่อฮักแมฮ่ ักเป็น วิชาเภสชั จุลชีววิทยา นิสติ ทารายงานส่งอาจารย์และทาแผน่ พับ ให้นิสิตนาไปมองให้พ่อฮักแม่ฮัก วิชาเทคโนโลยีทางเภสัชกรรม1 กิจกรรมท่ีบูรณาการคือ หายาและ ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีอยู่ในบ้าน มี dosage form ใดบ้าง และวิชาการค้นคว้าข้อมูลทางเภสัชศาสตร์ เบื้องต้น กิจกรรมที่บูรณาการคือ แผ่นพับกลไกการเกิดโรคจะต้องเขียนอ้างอิง (reference) ได้ถูกต้อง อีกท้ังยังได้บูรณาการโครงการ IPE ร่วมกับนิสิตอีก 4 คณะคือ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ – ผังเมือง – นฤมิตรศิลป์ รายวิชาที่ร่วมบูรณาการคือหลกั ารสถาปตั ยกรรมผังเมอื ง เนอื้ หาประกอบดว้ ย ผังเมอื ง และ สิ่งแวดล้อเพื่อศึกษาผังเมือง สภาพแวดล้อมลชุมชน ผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อม เพ่ือการพัฒนาสู่ความ ย่ังยืน คณะพยาบาลศาสตร์ รายวิชาท่ีร่วมบูรณาการคือการพยาบาลผู้ใหญ่ โดยมีเนื้อหาเก่ียวกับการ ประเมินสภาพร่างกายผู้ป่วย คณะสัตวแพทยศาสตร์ วิชาท่ีร่วมคือวิชาการฝึกปฏิบัติภาคสนามสัตว แพทยศาสตร์ชมุ ชน เนื้อหาจะเป็นการปฏิบัติ การเลย้ี งสัตว์ การดแู ลสัตว์ในชุมชน และคณะแพทย์ศาตร์ รายวชิ าที่รว่ มบรู ณาการคือ วชิ าเวชศาสตร์ครอบครวั 1 ซ่ึงเปน็ รายวชิ าทใี่ ช้ครอบครัวเปน็ เคร่ืองมือในการ ดูแลสุขภาพของผู้ป่วยอย่างเป็นองค์รวม กิจกรรม IPE และหมอยาอาสาแคร์ เป็นกลไกทาให้นิสิตได้ เรียนรู้จากสถานการณ์จริง เรียนรู้จากทีมสหวิชาชีพ เรียนรู้การทางานเป็นทีม และได้แลกเปลี่ยนองค์ ความรู้ระหวา่ งวิชาชพี ซงึ่ จะส่งผลดตี ่อการทางานในอนาคต โครงการนี้ออกแบบข้ึนเพื่อให้นิสิตเป็นผู้ดาเนินการหลักร่วมกับผู้นาชุมชน ทาให้นิสิตได้เรียนรู้ กระบวนการทางานในหลายมิติ ท้ังการทางานของตนเอง การทางานกบั เพ่ือน การทางานกับชุมชน และ การทางานกับหน่วยงานในชุมชน ซ่ึงนาไปสู่การสร้างสมรรถนะให้แก่นิสิตสามารถปรับตัวที่จะทางาน ร่วมกบั ผอู้ นื่ ได้ กิจกรรมในโครงการส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมบริการวิชาการความรู้ความเข้าใจ เก่ียวกับโรคที่พบ จรงิ ในชุมชนนี้ ฝึกการจดั การเรยี งลาดับความสาคญั ของปญั หา และระดม ความคิดช่วยแก้ไขปัญหา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาชุมชน ให้คนในชุมชนมี คณุ ภาพชีวติ ท่ดี ีและสามารถดแู ลสุขภาพของตนได้ ซงึ่ เป็นพันธกิจสาคญั ท่ี คณะเภสัชศาสตร์ได้ดาเนินการอยู่เป็นประจา อันจะช่วยเพ่ิมทักษะ และ ความชานาญให้กับนิสติ ในเชงิ วชิ าชีพได้ 4.2 ผลลพั ธใ์ นการดาเนินโครงการ 1) ข้อคน้ พบตามวตั ถุประสงค์ ในการสารวจปัญหาสุขภาพเพ่อื ให้ทราบข้อมูลเบ้ืองต้นของ
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน I 113 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครัง้ ท่ี 14 : สาขาบริการวิชาการ” ชุ ม ช น นั้ น ไ ด้ ล ง เย่ี ย ม บ้ า น ผู้ ป่ ว ย ใน กิ จ ก ร ร ม ก า ร จั ด ก า ร เรี ย น ก า ร ส อ น ร่ ว ม ร ะ ห ว่ า ง วิ ช า ชี พ (interprofessional Education, IPE) ท่ีลงชุมชนเยี่ยมบ้านผู้ป่วย(พ่อฮักแม่ฮัก) ร่วมกัน 5 คณะ เป็น ข้นั ตอนในการค้นหาปญั หา ไดเ้ ก็บขอ้ มลู ในหลายประเด็น ได้แก่ พฤติกรรมสขุ ภาพ ความเจ็บป่วย การใช้ ยา และอ่ืน ๆ ที่เกย่ี วข้อง สารวจคนในชุมชนท้ังหมด 50 ครัวเรือน สมั ภาษณ์ตัวแทนครัวเรือน เพศชาย 15 คน และเพศหญิง 35 คน ผลการสารวจพบว่าคนในชุมชนมีโรคประจาตัว คือ โรคความดันโลหิตสูง 22 คน และโรคเบาหวาน 28 คน นอกน้ันมีโรคประจาตัวอื่น ๆ เช่น โรคไตวายเรื้อรัง โรคเกาต์ เป็นต้น คนในชมุ ชนส่วนใหญ่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราเป็นคร้ังคราว หรือนาน ๆ ครั้ง สาหรับพฤติกรรมการออกกาลัง กาย พบว่าคนในชุมชนส่วนใหญ่ออกกาลังกายทุกวัน ๆ ละอย่างน้อย 30 นาที สาหรับพฤติกรรมการ รบั ประทานอาหาร พบวา่ คนในชุมชนให้ข้อมูลว่าชอบรับประทานอาหารรสเค็มจานวน 51 คน และชอบ รับประทานอาหารรสหวาน 33 คน สาหรับข้อมูลด้านพฤติกรรมการใช้ยา พบการซ้ือยามารับประทาน เอง ทั้งยาชุด ยาลูกกลอนและน้าสมุนไพร โดยส่วนใหญ่ใช้รักษาอาการปวด และโรคประจาตัว อีกทั้งยัง พบการใช้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกต้อง ไม่รับประทานครบตามแพทย์ส่ังและเรยี กยาปฏิชีวนะเป็นยาแก้อักเสบ และพบปัญหาการการฉลากยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพตางๆไม่ถกู ต้อง จากปัญหาท่ีพบไดน้ าข้อมูลมาทา SWOT analysis ร่วมกับเจ้าหน้าท่ีศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองบูรพา อสม. ผู้นาชุมชนและอาจารย์ท่ีปรึกษา เพอื่ วเิ คราะหป์ ญั หาสขุ ภาพและการใชย้ าทส่ี าคัญร่วมกัน จงึ เกดิ กิจกรรมนทิ รรศการในชุมชนให้คาแนะนา ปรกึ ษาและให้ความรู้ตามสภาพจริงเก่ียวกับปัญหาในชมุ ชนเพ่ือมุ่งหวังจะช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจและ ชว่ ยแก้ปัญหาสุขภาพและการใช้ยาของคนในชุมชน ด้านต่างๆ คือ อนั ตราจากยาชุด การใช้ยาปฏิชีวนะ การระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า การระบาดของโรคไข้เลือดออก โรคเรื้อรัง(โรคความดันโลหิตและ โรคเบาหวาน) สมุนไพรในสาธารณสุขมูลฐาน การเคล่ือนไหวของผู้สูงอายุ โรคไตเร้ือรัง พิษภัยของบุหรี่ และการอ่านฉลาก มีการจัดทาคมู่ ือบนั ทึกสุขภาพเพื่อใหพ้ ่อฮกั แม่ฮักบันทึกปัญหาสุขภาพและการใช้ยา ในแตล่ ะวันแลว้ สื่อสารกับบคุ ลากรทางการแพทยเ์ มอ่ื ไปรับการรกั ษา 2) ข้อคน้ พบอ่ืนๆท่ีนอกเหนือจากวัตถปุ ระสงค์ ในชุมชนมีการจัดกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ดูแลด้วยศูนย์แพทย์เทศบาลเมืองบูรพา ซ่ึงเป็นกลุ่มท่ี เข้มแข็งมีการรวมตัวกันทากิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกาลังกาย ซ่ึงเม่ือลงไปจัดกิจกรรมเย่ียมบ้าน นิทรรศการให้ความรู้ และสมุดคู่มือดูแลสขุ ภาพ ยิ่งเพิ่มความเข้มแข็งในการดูแลสุขภาพของตนเอง และ กลุ่มผู้สูงอายไุ ด้มากขนึ้ 3) การขยายผลไปสหู่ นว่ ยงานอืน่ ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง สมุดคู่มือบันทึกสุขภาพให้ศูนย์แพทย์เทศบาลเมืองบูรพาไว้มอบให้ผู้ป่วย เนื่องจากปัญหา คือผู้ป่วยไม่สามารถจดจาปัญหาสุขภาพเมื่อมาพบแพทย์ได้ ซ่งึ จากการประเมินความพึงพอใจของพ่อฮัก แม่ฮักหลังจากจบโครงการ พ่อฮักแม่ฮักมีความพึงพอใจต่อนวัตกรรมคู่มือบันทึกสุขภาพและนามาใช้ ร้อยละ 65 โดยนาส่ือสารกับบุคคลกรทางการแพทย์เมื่อมาเข้ารับการรักษาที่ศูนย์แพทย์เทศบาลเมือง บรู พา เพ่ือให้เป็นการเชื่อมโยงขอ้ มูลระหวา่ งกนั และยังมี
114 I เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครง้ั ท่ี 14 : สาขาบริการวชิ าการ” 5. บทสรุป คณะเภสัชศาสตร์มีกิจกรรมบูรณาการการเรียนการสอนร่วมกับชุมชน คือหมอยาอาสา Care เป็นเป็นโอกาสทีด่ ีทใ่ี ห้คณะฯได้บรกิ ารวชิ าการในชมุ ชนชน นิสติ ได้ฝึกการทางานเปน็ ทีม ได้ฝกึ การทางาน ร่วมกับชุมชน ได้เข้าใจถึงปัจจัยดา้ นเศรษฐกิจ สังคม และส่งแวดลอ้ มท่ีมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งจะเป็น กลไกสาคัญท่ีช่วยให้เกดิ ความเหน็ อกเห็นใจความเปน็ มนุษย์ นสิ ิตได้ลองฝึกการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้าน สขุ ภาพเพื่อชุมชน โดยเน้นให้สื่อสารกับชุมชนได้อย่างง่าย โดยภาพรวมแล้วถือไดว้ ่าได้ผลเป็นท่ีน่าพอใจ และไดร้ ับการตอบรับที่ดจี ากทางชุมชน ประชาชนในครวั เรือนไดร้ ับการแก้ไขปญั หาด้านสุขภาพและการ ใช้ยาทีค่ ้นพบโดยนสิ ิต ชุมชนมกี ารแกไ้ ขปัญหาดา้ นสุขภาพและการใช้ยาแบบมีส่วนรว่ ม ซึง่ เปน็ นสิ ิตชั้น ปีท่ี 2 องคร์ วมรู้ในการดูแลสุขภาพยังไม่มากพอ จึงมีความจาเป็นที่ต้องดาเนินการภายใต้คาแนะนาของ อาจารย์ท่ีปรึกษาประจากล่มุ และคาแนะนานาจากพ่นี ิสิตระดับบณั ฑิตศึกษาที่มีองค์ความรู้เพยี งพอท่จี ะ ดูแลสุขภาพของประชาชน โครงการนี้ควรดาเนินกิจกรรมอย่างต่อเน่ืองอย่างน้อย 3 ปี เพื่อให้เกิดแก้ไข และการพฒั นาเพือ่ การดแู ลสุขภาพได้ดว้ ยตนเองและย่ังยนื
การพัฒนาชุมชนต้นแบบเครอื่ งจักสานหวายหมูบ่ ้านวงั ไผส่ ู่เศรษฐกิจเชงิ สรา้ งสรรคไ์ ทยแลนด์ 4.0 โครงการบรู ณาการหนง่ึ หลกั สตู รหนึ่งชมุ ชน สมุ ติ รา จิระวฒุ นิ นั ท์, อจั ฉริยา อิสสระไพบูลย์ และ เอกภูมิ วงษาไฮ คณะการบัญชีและการจดั การ 1. บทนา วิสาหกิจชุมชนเครื่องจักสานหวาย หมู่บ้านวังไผ่ ตาบลลาดพัฒนา อาเภอเมือง จังหวัด มหาสารคาม เป็นวิสาหกิจชุมชน OTOP ท่ีมีความโดดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ท่ีผลิตมาจากวัสดุธรรมชาติ และมีความคงทนสูงกว่าเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ทักษะของช่างมีคุณภาพสูง จึงทาให้สามารถสร้างสรรค์ ผลิตภณั ฑ์ท่มี ีความหลากหลาย รูปแบบผลติ ภัณฑ์เหมาะกับการใชง้ านเอนกประสงค์ไดท้ ง้ั ภายในบ้านและ นอกบ้าน เช่น ชุดรับแขก, โต๊ะรับประทานอาหาร, เตียงนอน, โคมไฟ เตียงกึ่งนอน เก้าอี้หีบสมบัติ เปล นอน กระเป๋า แจกัน ชั้นวางของ ผ้าม่าน ธรรมมาสน์พระ เป็นต้น นอกจากน้ีกลุ่มเคร่ืองจักสานหวาย หมู่บ้านวังไผ่ ยังได้รับรางวัล OTOP ดีเด่นระดับจังหวัดปี พ.ศ. 2551 และได้รบั รางวัลหมู่บ้านหัตถกรรม ดีเด่นปี 2552 อย่างไรก็ตามจากการสัมภาษณ์พบว่า ในปัจจุบันความสามารถในการแข่งขันมีแนวโน้ม ลดลง เนื่องจากขาดการสบื ทอดภูมิปัญญาการจักสานหวายอย่างเป็นระบบ การไม่มีความชัดเจนในการ พัฒนาสมาชิกกลุ่มอย่างต่อเน่ือง ทาให้ในปัจจุบันปัจจัยด้านแรงงานมีอย่างจากัดโดยเฉพาะจานวน แรงงาน ส่งผลต่อความสามารถในการผลิตของกิจการไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด การขาด แคลนแรงงานรนุ่ ใหม่ทีไ่ ม่มคี วามสนใจในการประกอบอาชพี ในพื้นท่ี การผลิตใช้เทคโนโลยแี บบด้ังเดิมทา ให้คุณภาพไม่สม่าเสมอ ไม่มีการพัฒนาไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ ทั้งยังพบว่าตลาด ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอรม์ ีการแขง่ ขันท่รี ุนแรงเพราะมีสินคา้ ทดแทนเฟอรน์ ิเจอร์เข้าสตู่ ลาดมากข้ึน วัตถุดิบ หลกั จาเป็นต้องพ่ึงพาจากแหล่งภายนอก ต้องนาเขา้ วตั ถดุ ิบบางส่วนจากตา่ งประเทศ จากปัญหาที่กลา่ วมาข้างต้น คณะการบัญชีและการจัดการเลง็ เห็นความสาคัญของการพัฒนา วิสาหกิจชุมชนเชิงสร้างสรรค์สู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยการปรับเปลี่ยนวิสาหกิจชุมชนแบบดั้งเดิมของกลุ่ม OTOP ท่ีมีศักยภาพ ให้เป็น วิสาหกิจชุมชนท่ีทันสมัย (Smart SMEs) ซึ่งการปรับเปลี่ยนวิสาหกิจแบบ ด้งั เดมิ จะชว่ ยใหผ้ ลิตภณั ฑ์มมี ลู ค่าสงู (High Value Product) การพัฒนาช่องทางการตลาดที่หลากหลาย รปู แบบสามารถเขา้ ถึงผู้บริโภคง่ายและรวดเรว็ ข้นึ อีกทงั้ จะเป็นแนวทางในการสง่ เสริมใหม้ ผี ้ปู ระกอบการ หน้าใหมเ่ กดิ ขึ้น (Startups) สาหรับวิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพในการที่จะเขา้ ส่วู ิสาหกิจชุมชนท่ีทันสมัย คณะผู้ศกึ ษาจึงดาเนนิ การศึกษาเพอ่ื หาแนวทางพัฒนาชมุ ชนต้นแบบเคร่ืองหวายหมู่บ้านวังไผ่สู่เศรษฐกิจ เชิงสร้างสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 โดยมีเป้าหมายการเพ่ิมมูลค่าของผลิตภัณฑ์ชุมชนซ่ึงจะทาให้ผลิตภัณฑ์มี ราคาสูงข้ึนภายใต้แนวคิดการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมของวิสาหกิจ จะสามารถเพ่ิมรายได้ ให้แรงงานสูงขึน้ ซ่งึ จะทาให้คนในชมุ ชนสนใจหนั มาทาเป็นอาชีพจกั สานหวายมากข้ึน สามารถแกป้ ัญหา การขาดแคลนแรงงาน ช่วยให้คนในชุมชนมีงานทามากข้ึน และเป็นการแก้ปัญหาการเดินทางไปทางาน
116 I เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครงั้ ที่ 14 : สาขาบริการวชิ าการ” ต่างท้องถิ่น ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์ที่มาจากท้องถ่ินอีกทางหนึ่ง ซ่ึงในที่สุดแล้วจะทาให้ ชุมชนมีอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน การพัฒนาช่องทางการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายได้ อย่างรวดเร็วโดยไม่มีข้อจากัดด้านเวลาและสถานท่ี การสร้างช่องทางการจัดจาหน่ายในรูปแบบต่างๆ เพื่อใหส้ ินคา้ สามารถกระจายไปยังพนื้ ทต่ี ่างๆ ทงั้ ภายในและภายนอกประเทศ โดยอาศยั ช่องทางออนไลน์ เพ่ือช่วยให้สามารถขายผลิตภัณฑ์ให้มีราคาสูงข้ึน การให้ความรู้และส่งเสริมระบบบัญชีต้นทุนและบัญชี ครัวเรือน เพ่ือให้สามารถยกระดับให้วิสาหกิจชุมชุมเครื่องจักสานหวายให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน รวมถงึ การพฒั นาไปสู่การเปน็ ผูป้ ระกอบการใหม่ (Startups) ดังนั้น คณะการบัญชีและการจดั การ จงึ ดาเนินการโครงการบูรณาการหนงึ่ หลักสูตรหนึ่งชมุ ชน โดยการผสมผสานหลักสูตร 11 หลักสูตรเพ่ือพัฒนาชุมชนเครื่องจักสานหวายบ้านวังไผ่ให้เป็นต้นแบบ เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 ประกอบด้วย สาขาการจัดการ สาขาการจัดการประกอบการ สาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ สาขาการจัดการระหว่างประเทศ สาขาการตลาด สาขาการบัญชี สาขาการเงิน สาขาเศรษฐศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ สาขาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และ สาขาการจัดการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในการผลักดันให้ชมุ ชนเคร่ืองจกั สานหวายบา้ นวังไผ่ ตาบล ลาดพัฒนา เขา้ สู่มาตรฐานวสิ าหกจิ ชมุ ชนทีท่ ันสมยั (Smart SMEs) เพือ่ ยกระดบั เศรษฐกิจฐานรากชมุ ชน โดยการพัฒนาผลิตภณั ฑ์ การจัดการตราสินคา้ เทคโนโลยี ภูมิปัญญา และแรงงาน ภายใต้การมีสว่ นร่วม ศึกษาของกลุ่มผู้ผลิตและคณะการบัญชีและการจัดการ เพื่อพัฒนาสู่เป็นชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจเชิง สรา้ งสรรคไ์ ทยแลนด์ 4.0 อนั จะสรา้ งความยัง่ ยนื ในการผลิตและจัดจาหน่ายสินคา้ ที่สร้างมลู ค่าเพอื่ ความ เปน็ อยทู่ ่ีดใี นอนาคตต่อไป 2. วตั ถุประสงคข์ องการศึกษา 2.1 เพื่อบูรณาการบริหารจัดการและสร้างมลู คา่ เพมิ่ เครอ่ื งจักสานหวายบา้ นวงั ไผ่ ตาบลลาด พฒั นา อาเภอเมือง จงั หวัดมหาสารคาม ภายใตแ้ นวคดิ เศรษฐกิจเชงิ สร้างสรรคไ์ ทยแลนด์ 4.0 2.2 เพอื่ ยกระดับเคร่ืองจกั สานหวายบา้ นวังไผ่เขา้ สู่วสิ าหกจิ ชุมชนท่ที นั สมยั 2.3 เพอ่ื พัฒนาชมุ ชนเครอ่ื งจกั สานหวายบ้านวงั ไผใ่ หเ้ ปน็ ชุมชนต้นแบบเศรษฐกจิ เชงิ สร้างสรรค์ ไทยแลนด์ 4.0 3. กระบวนการดาเนนิ งาน การดาเนินงานโครงการการพัฒนาชุมชนต้นแบบเครือ่ งจักสานหวายหมบู่ า้ นวังไผ่สูเ่ ศรษฐกิจเชิง สร้างสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 มขี ้นั ตอนในการดาเนินงานดงั น้ี 3.1 ข้ันเตรียมการตั้งโจทย์ร่วมกับผู้นาชุมชนเพื่อให้ทราบข้อมูลและบริบทชุมชนบ้านวังไผ่ ตาบลลาดพฒั นา อาเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม โดยการเข้าพบผู้นาชุมชนประกอบไปด้วย ผู้ใหญ่บา้ น วังไผ่ ปลัดองค์การบริหารส่วนตาบลลาดพัฒนา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวังไผ่ กรรมการกลุ่ม วิสาหกิจชุมชน เพื่อศึกษาปัญหาของชุมชนเครื่องจักสานหวาย การวิเคราะห์สถานการณ์ และความ
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน I 117 ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ยั คร้งั ท่ี 14 : สาขาบริการวชิ าการ” จาเป็นในการยกระดับเครื่องจักสานหวายบ้านวังไผ่เข้าสู่วิสาหกิจชุมชนท่ีทันสมัย (Smart SMEs) โดย การลงพื้นที่จัดเวทีเสวนา และการสัมภาษณ์ผู้เก่ียวข้อง เพื่อทราบความเป็นมาของกลุ่ม สภาพปัญหา และความต้องการพฒั นาของกลุ่มเพ่ือนามากาหนดเป็นแผนการดาเนินงานที่สอดคลอ้ งกับความต้องการ พัฒนาของสมาชกิ ในชมุ ชน 3.2 ข้ันดาเนินการดาเนนิ กจิ กรรมทจี่ ัดขนึ้ มดี งั น้ี 3.2.1 คณาจารย์คณะการบัญชีและการจัดการเข้าพบเพื่อหารือกับผู้นาชุมชนถึงการ แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การเพิม่ รายได้ การจัดการช่องทางการตลาด การจัดการตลาดออนไลน์ และการบริหารต้นทุน โดบการบูรณาการกิจกรรมกับรายวิชาในหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนของ คณะการบัญชีและการจัดการง 3.2.2 ประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกทั้งภายในและภายนอกชุมชนให้เข้าร่วมโครงการเพื่อ ร่วมมือกันพัฒนากลุ่มให้สอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยให้นิสิตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัด กิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการในพื้นท่ีชุมชน ทั้งนี้เพื่อให้นิสิตเกิดความคุ้นเคยในการทางานกับชุมชน และเกิดการเรียนรกู้ ารสร้างความเข้มแข็งของการรวมกลุ่มในชุมชนท่ีนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของ ทอ้ งถิ่น 3.2.3. จัดการประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างความเข้าใจ และจุดประกายความคิดใน การร่วมมือ และสร้างความเชื่อม่ันซ่ึงกันและกันระหว่างสมาชิกกลุ่ม และทีมงานจากคณะการบัญชีและ การจัดการ ประกอบด้วย สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน คณาจารย์ และนิสิตท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือสร้างสรรค์ กิจกรรมร่วมกันให้สามารถดาเนินงานอย่างราบรื่นจนเสร็จสิ้นโครงการ ซึ่งทาให้นิสิตได้ลงมือปฏิบัติงาน ในพ้ืนที่จริง เกิดการเรียนรู้การทางานในสถานการณ์จริงที่สามารถนาไปปรับใช้ในการทางานในอนาคต ตอ่ ไป 3.2.4 จัดกิจกรรมการสร้างประสบการณ์ประกอบด้วยตัวแทนสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตัวแทนหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ ตัวแทนอาจารย์ และตัวแทนนักศึกษาท่ีร่วมกิจกรรม โดยการศึกษาดู งานด้านความสาเร็จจากกลุ่มตัวอย่างวิสาหกิจชุมชนเคร่ืองเรือนหวายที่ประสบความสาเร็จในจังหวัด นครราชสีมา เพ่ือกระตุ้นการพัฒนาประสิทธิภาพกลุ่ม และสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ จากสิ่งท่ีพบเห็น รวมทงั้ การสรา้ งความร่วมมอื ซึง่ กันและกันอยา่ งเป็นระบบ 3.2.5 จัดฝึกอบรมให้ความรู้การบริหารต้นทุน การจัดการบัญชีครัวเรือน และการจัดการ ทางการเงิน. การจัดการตลาด การสร้างและจัดการตราสินค้า การพัฒนาเยาวชนเครื่องจักสานหวาย และการสร้างตลาดสินค้าออนไลน์ โดยวิทยากรท่ีมีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชาจากคณะการบัญชี และการจัดการ ท้ังนี้ใหน้ ักศึกษาแต่ละสาขาวิชาได้เข้ามามสี ่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมการฝกึ อบรมแต่ละ หัวข้อท่สี อดคล้องกับสาขาวิชานั้นๆ รวมท้ังการวิเคราะห์และจัดทาแผนการผลิต การเงิน การตลาด การ ทาธุรกิจออนไลน์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การจัดการเชิงกลยุทธ์ และการจัดกิจกรรมพัฒนา ผู้ประกอบการกลุ่มผู้ผลิตเครือ่ งจักสานหวายลาดพัฒนาเพื่อเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการใหม่ (Startups) การจัดตกแตง่ ร้านแสดงสินค้า การจัดวาง และนาเสนอสินคา้ โดยให้นิสติ สาขาการตลาดเข้ามามีส่วนรว่ ม
118 I เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครง้ั ที่ 14 : สาขาบริการวชิ าการ” ในกิจกรรมดังกล่าว รวมทั้งจัดทารายการบัญชีสินค้าสาหรับลูกค้าส่ังซ้ือจากนิสิตสาขาการบัญชี จากน้ัน จัดทารายงานเสนออาจารย์ในรายวิชาน้ันๆ ซึ่งกิจกรรมทุกกิจกรรมนิสิตได้นาความรู้จากการศึกษาใน ห้องเรียนมาปฏิบัติเสมือนเป็นเวทีให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการลงมือทา (Learning by doing) ซึ่งจาก การประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมทุกกิจกรรมพบว่า นักศึกษามีความพึงพอใจในระดับมากท่ีสดุ โดยมีความ คิดเห็นว่า เป็นกิจกรรมท่ีทาให้ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง ทาให้ซึมซับความเป็นภูมิปัญญาท้องถ่ิน และทาให้เกิดความภาคภูมิใจต่อวัฒนธรรมท้องถิ่นนอกจากนี้ยังพบว่า นักศึกษาต้องการให้มีการจัด กิจกรรมต่อไปในอนาคต 3.3 จัดเสวนาเพื่อวิเคราะห์และถอดบทเรียนจากกิจกรรมและเขียนแนวทางการเข้าสู่ชุมชน ต้นแบบเชิงสร้างสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 เพ่ือไว้ใช้เป็นแนวทางดาเนินงานของกลุ่มเกษตรกรกลุ่มต่างๆท่ี สนใจ 3.4 สรุป ประเมนิ ผล รายงานผลการดาเนนิ โครงการ และตดิ ตามผลโครงการ 4. การบูรณาการกับภารกิจหลกั มหาวทิ ยาลยั การจัดโครงการการพัฒนาชุมชนต้นแบบเคร่ืองจักสานหวายหมู่บ้านวังไผ่สู่เศรษฐกิจเชิง สรา้ งสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 ไดต้ อบสนองภารกจิ หลกั ของมหาวิทยาลยั ดังน้ี 4.1 นักศึกษาแต่ละสาขาวิชาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการฝึกอบรมแต่ละหัวข้อท่ี สอดคล้องกับสาขาวิชานั้นๆ เช่น สาขาการเงินได้นานิสิตมาให้ความรู้การบริหารการเงิน สาขาบัญชีจัด ฝึกอบรมบัญชีครัวเรือนและการจัดการต้นทุนสินค้า การทาบัญชีกิจการอย่างง่าย สาขาการตลาดได้มา การจดั ตกแตง่ รา้ นแสดงสินคา้ การจัดวาง การนาเสนอสนิ ค้า และการทาตลาดออนไลน์ สาขาการจัดการ ทรัพยากรมนุษย์ได้มาทากิจกรรมการสร้างงานหัตถกรรมกับเยาวชนในพ้ืนที่เพ่ือสร้างแรงบันดาลใจใน การสืบทอดงานหัตถกรรม วิชาการจดั การเชงิ กลยทุ ธ์ได้มาวิเคราะหแ์ ผนธรุ กิจเพ่ือเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน I 119 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครัง้ ที่ 14 : สาขาบริการวชิ าการ” และการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการกลุ่มผู้ผลิตเคร่ืองจักสานหวายลาดพัฒนาเพื่อเข้าสู่การเป็น ผู้ประกอบการใหม่ (Startups) จากนั้นจดั ทารายงานเสนออาจารยใ์ นรายวิชาน้ันๆ ทกุ กิจกรรมนิสติ ได้ นาความรู้จากการศึกษาในห้องเรียนจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติเกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ เช่น การวิเคราะห์และ สงั เคราะห์ข้อมูล การแก้ไขปัญหาในการทางาน นอกจากน้ียังเป็นเวทีให้นิสิตได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมใน ท้ อ ง ถ่ิ น ท่ี มี คุ ณ ค่ า อั น ท า ให้ เกิ ด ก า ร ซึ ม ซั บ ใน วิ ถี ชี วิ ต ท่ี เป็ น ร า ก ฐ า น ท า ง เศ รษ ฐ กิ จ ร ะ ดั บ ฐ า น ร า ก 4.2 โครงการการพัฒนาชุมชนต้นแบบเครื่องจักสานหวายหมู่บ้านวังไผ่สู่เศรษฐกิจเชิง สรา้ งสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 ไดบ้ รู ณาการในการพฒั นาผลติ ภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมและเพิ่มมลู ค่าทางเศรษฐกิจ เครื่องเรือนหวายเพื่อให้มีศักยภาพเข้าสู่ตลาดต่างประเทศภายใต้ช่ือโครงการวิจัย กา รศึกษ า ศักยภ า พ ก า ร บ ริห า ร จัด ก า ร วิส า ห กิจ ชุม ช น ก ลุ่ม ผ ลิต ภัณ ฑ์เ ชิง วัฒ น ธ ร ร ม ใน จัง ห วัด ม ห า ส า ร ค า ม สู่ต ล า ด ต่างประเทศ ของสานกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติประจาปงี บประมาณ 2561 5. ผลลพั ธ์จากการดาเนินโครงการ จากการดาเนินโครงการกอ่ ใหเ้ กิดการบูรณาการบริหารจัดการและสร้างมูลค่าเพ่ิมเคร่ืองจักสาน หวายบ้านวังไผ่ ตาบลลาดพัฒนา อาเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจเชิง สร้างสรรค์ไทยแลนด์ 4.0 โดยการมีส่วนร่วมของสถานศึกษากับชุมชน นาไปสู่การยกระดับการพัฒนา ผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจเคร่ืองเรือนหวายเพื่อให้มีศักยภาพเข้าสู่ตลา ด ต่างประเทศ นอกจากน้ียังได้เกิดพัฒนากลุ่มให้เป็นชุมชนต้นแบบแห่งการเรียนรู้หัตถกรรมหวายของ ท้องถิ่นตามเป้าหมายของโครงการเพอ่ื เปน็ แหล่งเรยี นรู้ใหก้ ับหนว่ ยงานท่ีสนใจศึกษาอีกทางหนึ่ง 6. บทสรุป งานหัตถกรรมหวายของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวังไผ่ เป็นฝีมือแรงงานของคนในชุมชนอย่าง แท้จริง โดยถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุน่ จึงทาให้คนในชุมชนมีความผูกพันกันเหมอื นญาติพ่ีน้อง มีการรวมกลุ่ม สมาชิกให้รับความรู้ สรา้ งความเขา้ ใจตรงกันในการพฒั นาภูมิปัญญา อีกทัง้ เป็นการรกั ษางานจกั สานให้คู่ กบั คนไทยซึง่ เป็นต้นแบบหัตถกรรมเครอ่ื งจักสานหวายทีม่ ีคุณค่า อย่างไรก็ตามจากการทากิจกรรมพบว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจในการสบื ทอดภูมิปัญญาการทาเคร่อื งเรือนหวายลดน้อยลง ทั้งนี้มาจาก ความเปล่ียนแปลงของค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่มุ่งทางานในเมืองที่มีความทันสมัยมากกว่าการทางานใน พ้ืนที่ ซ่ึงจะทาให้ในอนาคตศิลปะและงานหัตถกรรมของชุมชนจะขาดการสานต่ออย่างย่ังยืน ดังนั้นจึง ควรส่งเสริมให้นางานหัตถกรรมเครื่องเรือนหวายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรในการเรียนการสอน ของโรงเรียนในท้องถ่ินเพ่ือให้เยาวชนได้เรียนรู้งานหัตถกรรมของท้องถ่ินให้คงอยู่ต่อไป โดยยกระดับคน รุน่ เก่าท่ีมีฝีมือหัตถกรรมให้เป็นครูหวายในท้องถิ่น เพ่ือการเป็นต้นแบบสืบทอดงานหัตถกรรมหวายจาก รุ่นสู่รุน่ ตอ่ ไปอย่างยง่ั ยืน
120 I เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจยั ครง้ั ท่ี 14 : สาขาบริการวิชาการ”
การให้ความรแู้ ก่เด็กมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนอนุบาลมหาสารคาม เพอื่ ลดความเสย่ี งใน การตกเป็นผกู้ ระทาความผิด ตามพระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยการกระทาความผิด เก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 โครงการบรู ณาการหนง่ึ หลกั สตู รหนงึ่ ชมุ ชน อมรเทพ เมอื งแสน และคณะ คณะนติ ศิ าสตร์ 1. ความเป็นมาของปัญหา จากการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาอาชญาวิทยาและทัณฑวิทยา พบว่า กฎหมาย อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิด เก่ียวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับท่ี 2 พ.ศ.2560 โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวถือเป็นกฎหมายท่ีมีโทษในทาง อาญา ซึ่งผู้กระทาความผิด จะแก้ตัวว่าตนไม่รู้กฎหมาย เพ่ือให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้ อาชญากรรมคอมพิวเตอร์หรือการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นผลมาจากการกลับหลกั ของ ทฤษฎีในทางอาชญาวทิ ยาดัง้ เดิมท่ีมองว่า อาชญากรรมส่วนใหญ่ มักจะเกดิ ขึ้นจากการกระทาของผู้ที่อยู่ ชายขอบของสงั คม (Marginal man) ไม่วา่ จะเป็นกลมุ่ คนยากจน มีการศึกษาต่า ว่างงาน จรจัดท่ีกระทา ไปเพ่ือเป็นการตอบสนองต่อความต้องการข้ันพ้ืนฐานอันปรากฏออกมาในรูปแบบของอาชญากรรมที่ ประสงคต์ อ่ ทรัพย์หรือต่อชวี ิตร่างกายเป็นหลัก ซ่ึงอาชญากรรมประเภทน้ีถูกเรยี กว่า อาชญากรรมพืน้ ฐาน (traditional street crimes) หรอื อาชญากรรมท่ัวไปทเี่ กิดขนึ้ ในท้องถนน แตจ่ ากสภาพสงั คมในปจั จุบัน การประกอบอาชญากรรมไม่จาเป็นต้องเกิดขึ้นในที่ท่ีมีผู้คนสัญจรพลุกพล่าน รวมถึงผู้กระทาความผิด ไม่ใช่คนชายขอบของสังคม แต่เป็นคนที่มีต้นทุนทางความคิด เป็นผู้ท่ีได้รับการศึกษา และโดยเฉพาะใน กรณีของความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรืออาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ผู้กระทาความผิดไม่จาเป็น ต้อง เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญหรือเป็นผู้ท่ีประกอบวิชาชีพทางคอมพิวเตอร์ แค่เพียงเป็นผู้ท่ีอยู่ใกล้ชิดกับ คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะมีคอมพิวเตอร์ท่ีสามารถเข้าอินเทอร์เน็ตได้อยู่ในความครอบครอง รวมถึงผู้ท่ีมี โทรศัพท์มือถือท่ีสามารถเช่ือมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต อาจกลับกลายเป็นผู้กระทาความผิดตามกฎหมาย ดังกลา่ ว ไดโ้ ดยไม่ร้ตู วั ซึ่งโรงเรียนอนุบาลมหาสารคาม ก็เป็นอีกสถานศึกษาหนึ่ง ซ่ึงได้พบและเจอกับปัญหาในเรื่อง ดังกล่าว ซ่ึงจากการลงสารวจพื้นท่ีและสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้รับผิดชอบโครงการ พบว่า สภาพปัญหาที่ โรงเรียนกาลังเผชิญอยู่ คือ เด็กนักเรียนมัธยม ศึกษาตอนต้น หลายคน ชอบนาภาพ หรือคลิปที่ถ่ายเล่น ในโทรศัพท์มือถือไป Post ลงในโลกของสงั คมออนไลน์ ในลักษณะทีไ่ ม่เหมาะสม รวมถึงในบางคร้งั มกี าร ส่ือ ถึงการสร้างแนวโน้มของการก่อความรุนแรงขึ้นระหว่างสถาบัน และทาให้หน่วยราชการเกิดความ เสียหาย ซ่ึงเป็นปัญหาท่ีเกิดจากความคึกคะนอง รวมถึงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซ่ึงทางโรงเรียนอยากจะ แก้ ปัญหาดังกล่าวให้ตรงจุด แต่เนอ่ื ง จากการกระทาในลกั ษณะใดจะเป็นหรือไมเ่ ป็นความผิด รวมถึงผู้ที่
122 I เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ยั คร้งั ที่ 14 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” ฝ่าฝืนจะต้องรับโทษหรือไม่อย่างไรนั้น เป็นอานาจเด็ดขาดของรัฐ กฎหมายจึงเป็นเรื่องท่ีอยู่นอกเหนือ ความสามารถของบุคคลท่ัวไป ที่จะรับรู้และจินตนาการเอาเองได้ เพราะบทบัญญัติของกฎหมายส่วน ใหญ่ เป็นเรอื่ งของการสมมติ จากเหตุผลดังกล่าว คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงเห็นสมควรท่ีจะเข้าไป ดาเนินการแก้ไขปัญหา ด้วยการให้ความรู้ ในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการ กระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 เพื่อลดความเสี่ยงในสว่ นของการกระทาหรือพฤติกรรมท่ี ไม่พึงประสงคข์ องเดก็ มัธยมศึกษา อกี ทั้ง ตอ้ งยอมรับในความจรงิ อยา่ งหนงึ่ วา่ นติ ิศาสตร์ไม่ใช่ศาสตร์ที่มี ความเข้าใจต่อธรรมชาติที่แท้จริงของตัวผู้กระทา ซ่ึงเป็นเด็กท่ีอยู่ในช่วงของวัยรุ่น รวมถึงไม่มีความ สนุ ทรยี ะพอทจ่ี ะดงึ ดูดผู้ฟงั ในตวั เอง ด้วยเหตุนี้ ผู้รับผิดชอบโครงการ จึงเห็นสมควรท่ีจะให้การบริการวิชาการ ด้วยการบูรณาการ ข้ามศาสตร์ ข้ามคณะ ด้วยการทางานร่วมกัน ในระหว่างสาขาวิชานิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ กับ สาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษาและแนะแนว คณะศึกษาศาสตร์ และสาขาวิชาดุริยางค์ตะวันตก วิทยาลัย ดุริยางค์ศิลป์ ในลักษณะของการให้คาแนะนาและให้ความรู้ในเชิงจิตวิทยาแก่วัยรุ่น เพื่อปรับเปลี่ยน มุมมอง วิธีคิด พฤติกรรม รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายอาญาโดยทั่วไป และกฎหมายอาญาที่ เก่ียวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงมีการขับกล่อมดนตรี เพื่อสร้างสุนทรียะให้แก่เด็กมัธยมผู้เข้าร่วมโครงการ เพ่ือลดความเสี่ยงในการตกเป็นผู้กระทาความผิด รวมถึงลดปัญหาและผลกระทบท่ีเกิดจากความ ร้เู ท่าไมถ่ งึ การณข์ องเด็ก ทส่ี ง่ ผลโดยตรงตอ่ ปัญหาทีโ่ รงเรยี นกาลังเผชญิ อยู่ในปจั จุบัน 2. วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการ 2.1 เพ่ือให้ความรู้ในส่วนท่ีเก่ียวกับทักษะในการใช้ชีวิต รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกฎหมายอาญา และอาชญากรรมคอมพวิ เตอร์ แก่นักเรยี นมัธยมศึกษาตอนตน้ ในโรงเรียนอนุบาลมหาสารคาม 2.2 เพื่อให้นักเรียนมัธยม โรงเรียนอนุบาลมหาสารคาม สามารถนาเอาทักษะชีวิต รวมถึง ความรูข้ ้อกฎหมายทไ่ี ดร้ ับ ไปประยุกต์กับการใช้ชวี ติ ประจาวนั ได้อย่างเหมาะสม 2.3 เพื่อส่งเสริมให้คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นิสิตและชุมชน มีส่วนร่วมใน กิจกรรมทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ ชุมชน 3. กระบวนการดาเนินการ รูปแบบการดาเนินโครงการ เป็นการออกให้การบรกิ ารวชิ าการแกช่ ุมชนภายนอกมหาวิทยาลยั และเปน็ การบรู ณาการขา้ มศาสตร์ ข้ามคณะ ด้วยการทางานรว่ มกนั ในระหว่างสาขาวิชานติ ศิ าสตร์ คณะ นิติศาสตร์ กับสาขา วิชาจิตวิทยาการศึกษาและแนะแนว คณะศึกษาศาสตร์ และสาขาวิชาดุริยางค ตะวันตก วิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ในลักษณะของการให้คาแนะนาและให้ความรู้ในเชิงจิตวิทยาแก่วัยรุ่น เพื่อปรับเปล่ียนมุมมอง วิธีคิด พฤติกรรม รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายอาญาโดยทั่ วไป และ กฎหมายอาญาที่เก่ียวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงมีการขับกล่อมดนตรี เพื่อสร้างสุนทรียะให้แก่เด็กมัธยม
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน I 123 ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครัง้ ที่ 14 : สาขาบริการวชิ าการ” ผู้เข้าร่วมโครงการ เพ่ือลดความเส่ียงในการตกเป็นผู้กระทาความผิด รวมถึงลดปัญหาและผลกระทบท่ี เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณข์ องเด็ก ท่สี ง่ ผลโดยตรงต่อปญั หาท่ีโรงเรียนกาลงั เผชิญอยู่ในปจั จบุ ัน โดยกระบวนการดาเนนิ งานเป็นไปตามกลไก PDCA มีสามระยะ คอื ต้นน้า มกี ารวางแผนการ ทางานอย่างเป็นระบบ กาหนดบทบาทการมีส่วนร่วมในการทางานของคณาจารย์และนิสิตทั้งสามคณะ กลางน้า มีการจัดโครงการขึ้นในวันพุธท่ี 16 พฤษภาคม 2561 ณ โรงเรียนอนุบาล จังหวัดมหาสารคาม ทง้ั เช้าและบา่ ยโดยช่วงเช้าหลังจากพิธีเปดิ นิสิตจากคณะศึกษาศาสตร์ สาขาจติ วิทยา เข้ามาจัดกิจกรรม สันทนาการ ละลายพฤติกรรมก่อนท่ีจะเข้าสู่การพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้ปรึกษาเชิงจิตวิทยา มี กจิ กรรม “ไซโค โบนัส” เพ่ือสร้างพฤติกรรมในโลกไซเบอร์ที่สร้าง สรรค์ มีทั้งการเลน่ เกม/แบ่งกลุ่ม/ตั้ง ช่ือกลุ่ม แบ่ง 10 กลุ่ม ระดมสมอง “แนวทางแก้ปัญหาพฤติกรรมของนักเรียนมีอะไรบ้าง” แจก กระดาษฟลิปชาร์ทและปากกาเคมี แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนาเสนอ สรุปเป็นแผนที่ความคิด สรุป ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ การจัดการความรแู้ ละแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ เสรจ็ แลว้ จึงพักรบั ประทานอาหารเท่ยี ง ส่วนช่วงบ่ายเป็นการสร้างสุนทรียะผสานกับการให้ความรู้เกี่ยวกับ กฎหมายอาชญากรรม คอมพิวเตอร์ เพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงในการตกเป็นผู้กระทาความผิด โดยนิสิต จากสาขาดนตรีตะวันตก ขับกล่อมบทเพลง เพ่ือสร้างสุนทรียะก่อนที่นิสิตจาก สาขานิติศาสตร์จะแนะนาลักษณะของกฎหมาย อาญา แนะนาลักษณะของการกระทาความผดิ อาญารวมถึง รปู แบบของการกระทาท่เี ป็นความผิดอาญา รวมถึงอธิบายถึงพฤติกรรมในลักษณะต่างๆ ที่เส่ียงต่อการตกเป็นผู้กระทาความผิด ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ สลับไปมากับเล่นดนตรีเพื่อสรา้ งสุนทรยี ะ ก่อนที่จะมีพิธีปิด ได้มีการแจกกระดาษรปู หัวใจ ให้นักเรียนแต่ละคนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นต่อกิจกรรม สรุปกิจกรรม ทบทวนความรู้ และให้ ผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมตอบคาถามชิงรางวัล โดยในกิจกรรมทั้งชว่ งเช้าและช่วงบ่ายได้มีการวัดผลความรู้ก่อน จัดกิจกรรมและภายหลังจากที่ได้จัดกิจกรรม ซ่ึงในวันจัดกิจกรรม ได้มีคณะผู้บริหาร ครูและนักเรียน โรงเรียนอนบุ าลมหาสารคามใหค้ วามสนใจเขา้ รว่ มเปน็ จานวนมาก ปลายน้า ภายหลังจากทไี่ ด้มีการจัดโครงการบริการวชิ าการแบบบรู ณาการขา้ มศาสตร์เสร็จสิ้น คณะทางานอันประกอบไปด้วยอาจารย์ท้ังสามสาขาวิชา ได้มีการประชุมหารือ สรุปข้อมูลโครงการสาม คณะหนง่ึ ชุมชน ในวนั ท่ี 15 มถิ ุนายน 2561 โดยคณะทางานได้สรปุ ผลจากการกจิ กรรม แลว้ ถอดออกมา เป็นบทเรียนส้ันๆ คือ “การจัดการความเครียด แบบจิตวิทยา แล้วใช้สุนทรียะในการตะล่อมกล่อม เกลา ก่อนที่จะเข้าสู่เน้ือของกฎหมาย” รวมถึงคณะทางานยังได้กาหนดวันที่จะต้อง ไปทาการการ ตดิ ตามผลสัมฤทธิ์ในโครงการบริการวิชาการในวันท่ี 25 มิถุนายน 2561 ท่ีโรงเรียนอนุบาลมหาสารคาม
124 I เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครั้งท่ี 14 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” โดยในวันดังกล่าวคณะทางานได้ทาการประชุมหารือกับผู้บริหารสถานศึกษาในหลายประเด็น และได้ แนวทางในการติดตามผลท่ีได้จากการจัดโครงการ ในลักษณะของการเข้าไปมีส่วนร่วมของคณะทางาน โดยการเข้าไปให้คาแนะนา อีกท้ังช้ีแนะแนวทางในการใช้สื่อออนไลน์อย่างสร้าง สรรค์ในกลุ่ม Facebook ของนักเรยี นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนอนบุ าลเพื่อติดตามผลท่ีได้จากการจัดกจิ กรรม โดย ภายหลังจากน้ัน หัวหน้าโครงการได้ไปเพ่ือดาเนินการสรุปเล่มโครงการ ทาวีดีทัศน์ สรุปยอดค่าใช้จ่าย ตลอดจนทาการรายงานความก้าวหนา้ และสรุปตวั รูปเล่มโครงการไปยังสถาบนั วิจยั รวมถงึ ได้นาผลของ การประเมินความสาเร็จตามตัวบ่งชี้ของแผนบริการวิชาการ และตัวบ่งช้ีความสาเร็จของโครงการ กิจกรรม เข้าสู่วาระการประชุมของคณะกรรมการประจาคณะ คร้ังท่ี 6/2561 ในวันท่ี 24 กรกฎาคม 2561 เพื่อให้คณะกรรมการประจาคณะรับทราบผลการประเมินแผนและโครงการกิจกรรม และเพื่อให้ คณะกรรมการประจาคณะ เห็นชอบต่อข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมเพื่อการปรับปรุงแผน หรือพัฒนาการ ให้บริการวิชาการสังคมในปีต่อไป 4. การบรู ณาการกับภารกจิ หลักด้านอืน่ ๆ 4.1 บูรณาการกบั การเรยี นการสอน ได้มีการบูรณาการ การบริการวิชาการเข้ากับการเรียนการสอนในรายวิชา อาชญาวิทยา และทัณฑวิทยา โดยนิสิตท่ีเรียนในวิชาดังกลา่ วได้มีส่วนร่วมในการจดั กิจกรรม ต้ังแต่การวางแผนเตรียม งาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการและเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่เด็ก ในแง่มุมของกฎหมายต่างๆ นอกจากนั้นแลว้ ประโยชน์ท่ีนิสิตนติ ศิ าสตร์ไดร้ ับ สะทอ้ นออกมาจากข้อเสนอแนะท่ีวา่ นิสิตศึกษาศาสตร์ จัดกิจกรรมได้ดีมาก แสดงให้เห็นว่านิสิตหลักสูตรนิติศาสตร์ไม่เคยสัมผัสกับการจัดกิจกรรมแบบมี สว่ นรวมกับชุมชนเลย เม่ือได้มาเห็นหลักสูตรท่ีมีความเชยี่ วชาญ จึงทาให้เกิดกระบวนการเรียนรู้แบบซึม ซบั รว่ มกัน
เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน I 125 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งท่ี 14 : สาขาบรกิ ารวิชาการ” 4.2 บูรณาการกับการวิจยั การจัดโครงการดังกล่าว นาสู่การบูรณาการกับการทาวจิ ัย ในหัวเรื่อง “การจัดการความรู้ เพ่ือ ลดความเส่ียงในการตกเป็นผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัติ การกระทาความผิดเก่ียวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนอนุบาลมหาสารคาม (Knowledge Management to Reduce the Risk of Becoming Offenders in Computer Crime Act B.E. 2560 Study on, Students of Secondary School in Mahasarakham’s Kindergarten)” ซึ่งได้ การรับทุนอุดหนุนการวิจยั จากงบประมาณเงินรายได้ประจาปี 2561 จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหาสารคาม 4.3 บรู ณาการกบั การทานุบารุงศลิ ปวฒั นธรรม มีการสร้างวัฒนธรรมที่ดีต่อในการใช้สื่อออนไลน์ของเด็ก เกิดมารยาทการใช้ภาษาในใ ช้ คอมพิวเตอร์ 5. ผลลพั ธ์จากการดาเนนิ งานโครงการ 5.1 ขอ้ คน้ พบตามวัตถปุ ระสงค์ โครงการหน่ึงหลักสูตรหน่ึงชุมชน มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ เป็นจานวนท้ังสิ้น 235 คน จาก จานวนทต่ี ั้งเปา้ เอาไว้ 220 คน ทาให้บรรลตุ ัวบง่ ชค้ี วามสาเร็จ ทงั้ 3 ข้อ คอื ข้อที่ 1. มีนิสิตสามสาขาวิชา และคณาจารย์ บุคลากร เข้าร่วมไม่ต่ากว่าร้อยละ 80 ของ เป้าหมาย โดยมีผเู้ ข้าร่วม 63 คน จากทตี่ ้งั เปา้ เอาไว้ 60 คน ผู้บริหาร ครแู ละนักเรียนโรงเรียนอนบุ าล มหาสารคาม เขา้ รว่ ม 172 คน จากท่ีตั้งเป้าเอาไว้จานวน 160 คน ข้อท่ี 2 นักเรยี นสามารถนาเอาทกั ษะชวี ิต รวมถงึ ความรขู้ ้อกฎหมายทไ่ี ดร้ ับ ไปประยุกต์กับการ ใช้ชวี ติ ประจา วันไดอ้ ย่างเหมาะสม โดยพจิ ารณาได้จาก การประเมินความรกู้ อ่ นและหลังการจัดโครงการ ในช่วงเช้า โดยสาขาจิตวิทยาและแนะแนว เรื่องการใช้จิตวิทยาเพ่ือลดความเสี่ยงการกระทาความผิด ตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พบว่า คะแนนเฉล่ีย Pre-test = 13.06 คะแนนเฉล่ีย post-test = 14.78 ส่วนการประเมินความรู้ก่อนและหลังการจัดโครงการ ในช่วงบ่าย โดยสาขาวิชานิติศาสตร์ เรอื่ ง การลดพฤติกรรมเส่ียง ในการตกเป็นผู้กระทาความผิด ตามพระราช บัญญัติความผิดอันเก่ียวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 พบว่า คะแนนเฉลย่ี Pre-test = 5.54 คะแนนเฉลี่ย post-test = 8.68 รวมถึง มีการนาเอาความรทู้ ไี่ ด้รับจากการจดั กิจกรรมไปต่อยอดดว้ ยการต้ังเป็นกลมุ่ การใช้สอื่ ออนไลน์อยา่ งสรา้ ง สรรคใ์ น Facebook ของนักเรยี นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น โรงเรียนอนบุ าลมหาสารคาม ข้อท่ี 3 โดยผู้เข้าร่วมโครงการ มีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.33) โดยสามารถแยก พจิ ารณาตามขอ้ ไดด้ ังน้ี ด้านกระบวนการและขน้ั ตอนการจัดโครงการ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.31) ด้านส่ิงอานวยความสะดวก ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( = 4.10) ด้านการนาไปใช้ประโยชน์
126 I เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย คร้ังที่ 14 : สาขาบริการวิชาการ” ในภาพรวม อยใู่ นระดบั มากท่ีสุด ( = 4.56) ด้านความคิดเห็นเก่ยี วกบั วทิ ยากร ในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ( = 4.37) 5.2 ข้อค้นพบอื่นๆ ที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ (Impact) ในแต่ละระดับ เช่น ระดับ กลมุ่ เป้าหมาย การจดั โครงการในคราวนี้ นับเป็นครง้ั แรกท่มี กี ารบรู ณาการข้ามศาสตรข์ า้ มคณะด้วยการทางาน ร่วมกันของสามสาขาวิชา สามคณะในมหาวิทยาลัย ที่เกิดเป็นประโยชน์อย่างมากแก่โรงเรียนอนุบาล มหาสารคามซ่ึงเป็นชุมชนเป้าหมาย ท่ีได้รับความรู้ในกิจกรรมเดียวจากสามสาขาวิชาท่ีมีความเชี่ยวชาญ และมธี รรมชาติของวชิ าทีแ่ ตกต่างกันโดยสน้ิ เชิง 5.3 การขยายผลไปสู่หนว่ ยงานอนื่ ๆ ที่เก่ียวข้อง สามารถนาเอารูปแบบการจัดโครงการในคร้ังน้ไี ปปรับใชก้ ับการจัดกิจกรรมในสถานศึกษาต่างๆ ท่ีมรี ูปแบบของการเรียนการสอนในลักษณะใกล้เคียงกันได้ 6. บทสรปุ การจัดการความรู้เพื่อลดความเส่ียงในการตกเป็นผู้กระทาความผิดตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ ไม่ ปรากฏว่าเคยมีการจัดโครงการในลักษณะอย่างน้ีมาก่อน การจัดโครงการบริการวิชาการดังกล่าว เกิด ประโยชน์และสรา้ งคณุ คา่ ต่อโรงเรียน เน่ืองจาก การให้ความร้ดู ้านจติ วทิ ยา รวมถึงความร้ใู นขอ้ กฎหมาย เกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์แกน่ ักเรียน ทาให้นักเรียนได้ทราบถึงขอ้ ห้าม บทลงโทษในการกระทา ท่ีไม่สมควรตามพระราชบัญญัติการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ ทาให้โรงเรียนเกิดองค์ความรู้ ในทางกฎหมาย และต่อยอดไปสู่การสร้างชุมชนที่มีเกราะคุ้มครอง ป้องกัน ที่สร้างความเข้มแข็งและ ย่ังยืนต่อไป
การสง่ เสรมิ การปลูกขา้ วพื้นเมืองเพอ่ื การอนุรกั ษ์พนั ธกุ รรมพืชในชมุ ชนบ้านวงั จานโนนสาราญ ตาบลนาขา่ อาเภอวาปปี ทุม จังหวดั มหาสารคาม โครงการบูรณาการหนึง่ หลกั สตู รหนงึ่ ชุมชน สมบตั ิ อัปมระกา และคณะ สถาบนั วิจยั วลยั รกุ ขเวช 1. ความเปน็ มาของปญั หา สืบเนื่องจากปีงบประมาณ 2560 สถาบนั วิจัยวลัยรุกขเวช มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ไดท้ าการ สารวจองค์ความรู้ท่ีเก่ียวข้องกับภูมิปัญญาท้องถิ่นกับความหลากหลายทางชีวภาพ สภาพปัญหาและ ความต้องการของชุมชนโดยการสัมภาษณ์และเก็บรวบรวมข้อมูลในพ้ืนที่ 4 หมู่บ้าน จานวน 82 ครอบครัวประกอบด้วย บ้านวังจานหมู่ที่ 4 บ้านวังเหนือ หมู่ท่ี 16 บ้านวังใหม่ หมู่ท่ี 13 ตาบลนาข่า อาเภอวาปีปทุม และบ้านโนนสาราญหมู่ท่ี 8 ตาบลบ้านหวาย อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามซึ่ง ผลจากการสารวจพบว่า ชมุ ชนท้ัง 4 หมู่บ้าน มคี วามต้องการปลูกข้าวพันธุด์ ้ังเดิมซงึ่ เปน็ พันธุ์พ้นื เมืองท้ัง ข้าวเหนียวและข้าวจา้ ว เช่น ขา้ วดอนางนวล ข้าวพม่า ข้าวปลาซิว ข้าวสันป่าตอง ข้าวก่า ข้าวปล้องแอ้ว และข้าวจ้าวแดง เป็นต้น แต่ปัจจุบันพันธ์ุข้าวเหล่าน้ีหายไปจากชุมชน เน่ืองจากกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ไดน้ าเอาเมล็ดพันธ์ขุ ้าวท่ีได้รับการปรับปรุงพันธุโ์ ดยกรมการข้าวมาจาหน่ายให้กับเกษตรกรโดย ผ่านช่องทางสหกรณ์การเกษตรในพ้ืนท่ี มีท้ังข้าวเหนียว และข้าวจ้าว ทาให้เกษตรกรมีทางเลือกมากข้ึน และมีการโฆษณาชวนเช่ือจากหน่วยงานภาครัฐวา่ “พันธ์ขุ ้าวพ้ืนเมอื งท้ังขา้ วเหนียวและขา้ วจ้าวทปี่ ลกู มา ตั้งแต่อดีตถึงปจั จบุ ันนี้ ไมม่ ภี มู ิตา้ นทานโรค และให้ผลผลติ ตอ่ ไรต่ ่าเกษตรกรควรปรับเปลี่ยนพนั ธ์ขุ ้าวจาก พันธ์ุพื้นเมืองมาใช้พันธ์ุข้าวที่รัฐบาลส่งเสริมเพื่อให้ได้ปริมาณ ผลผลิตต่อ ไร่สูงและต้านทานโรค”โดย ภาครัฐไมไ่ ดค้ านึงถึงบรบิ ทชองชุมชนแต่ละพ้ืนท่ี นอกจากนย้ี ังพบวา่ ชาวบา้ นตอ้ งการปลูกขา้ วเหนยี วพนั ธุ์ ดอนางนวล เพื่อบริโภคในครัวเรือนซ่ึงเป็นพันธ์ุข้าวเหนียวมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ รสชาติดี นุ่ม และเป็น ข้าวพนั ธ์ุเบา คนอีสาน จึงเรยี กวา่ ข้าวดอ หรืออีดอ นัน่ เอง นอกจากน้ีภูมปิ ัญญาการคัดเลือกพันธ์ขุ ้าวกับ บริบทและฐานะทางเศรษฐกิจมีความสัมพันธ์กันคือ หากครอบครัวใดมฐี านะยากจน มลี ูกมาก ข้าวไม่พอ กนิ หัวหน้าครอบครวั จะวางแผนการปลกู ข้าวโดยเลือกข้าวพนั ธ์อุ ีดอ ท้ังข้าวเหนยี วและขา้ วจา้ วเพื่อให้ได้ เก็บเกีย่ วก่อนนามาบรโิ ภคในครวั เรือน 2. วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 2.1 เพื่อเกบ็ รวบรวมพันธุข์ ้าวพ้นื เมอื ง 2.2 เพ่ือฝกึ อบรมเกษตรกรให้มีความรเู้ ก่ียวกบั การอนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมข้าวพื้นเมือง
128 I เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจัย ครัง้ ที่ 14 : สาขาบริการวชิ าการ” 2.3 เพ่ือสง่ เสริมให้เกษตรกรไดท้ ดลองเพาะปลกู ข้าวพนื้ เมอื งเพือ่ การอนรุ กั ษ์ 2.4 เพอ่ื ใหเ้ กิดแปลงเรียนรดู้ า้ นพนั ธกุ รรมข้าวพนื้ เมอื ง รปู ที่ 1(ก) ดอนางนวล (ข) ก่าดอ (ค) โสมมาลี 3. กระบวนการดาเนนิ การ กระบวนการดาเนินงานการส่งเสริมการปลูกข้าวพื้นเมืองเพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช มี กระบวนการดาเนินงานโดยชาวบ้านและนิสิตมีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกข้ันตอน โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะต้นน้า เป็นการศึกษาสภาพปัญหา ความต้องการของชุมชน โดยการติดต่อประสานงานกับผู้นา ชุมชน ผู้ใหญบ่ ้าน สมาชกิ อบต. หรือผู้มสี ่วนเกี่ยวข้อง ร่วมประชุมช้ีแจงโครงการ วัตถุประสงค์ สารวจความ ตอ้ งการของ และการเก็บรวบรวมสายพันธุข์ ้าวพื้นเมืองเพือ่ ปลูกเป็นแปลงตัวอย่างภายในสถานปี ฏิบตั ิการนา ดูน และแจกจ่ายให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ระยะท่ี 2 ระยะกลางน้าเป็นฝึกอบรมเกษตรกรที่เข้าร่วม โครงการและถา่ ยทอดความรู้เก่ียวกบั การอนุรกั ษพ์ ันธกุ รรมข้าวพ้ืนเมืองและการศึกษาสณั ฐานวทิ ยาของข้าว วิธีการ ข้ันตอนการปลูก การดูแลรักษาและการเก็บเกี่ยวผลผลิต และในข้ันน้ีนิสิตมีส่วนร่วมในการศึกษา สณั ฐานวิทยาของข้าวเพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลการอนุรักษ์พันธุกรรมข้าวพ้ืนเมือง และระยะท่ี 3 การเก็บเก่ียว ผลผลติ และการถ่ายทอดองค์ความรู้สชู่ มุ ชนอ่นื ๆ ซง่ึ สรุปเปน็ กระบวนการ PDCA ดงั นี้ 3.1 การวางแผน (Plan)การวางแผนเป็นจุดเริ่มต้นของงานและเป็นส่วนสาคัญท่ีจะทาให้การ ทางานในส่วนอื่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิผลโดยผู้รับผิดชอบโครงการประสานกับผู้นาชุมชนท้ัง4หมู่บ้าน เพ่ือ ช้แี จงความเปน็ มาของโครงการ และกาหนดวนั เวลาในการจัดกจิ กรรม โดย 1) ประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อให้ชุมชนได้รับทราบ และเปิดรับสมัครเกษตรกรที่สนใจเข้า ร่วมโครงการ การปลูกข้าวพ้ืนเมืองเพื่อการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โดยจากัดหมู่บ้านละ 10 คน รวมเป็น 40 และจัดทารายชือ่ สมาชกิ 2) การจัดหาและเตรียมเมล็ดพันธ์ุข้าวพ้ืนเมืองให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรท่ี เข้าร่วมโครงการ โดยนิสิตหลักสูตรความหลากหลายทางชีวภาพได้ช่วยจัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ และคัดแยกสาย พันธ์ุ 3) อาจารย์ประจาหลักสูตรและนิสิตช่วยกันกาหนดวันเวลา รายละเอียด เนื้อหาที่เก่ียวขอ้ ง กับการจดั กิจกรรมเพือ่ ให้บรรลุตามวัตถปุ ระสงคท์ ่ีวางไว้
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน I 129 ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย คร้ังท่ี 14 : สาขาบรกิ ารวชิ าการ” 3.2 การปฏิบตั ติ ามแผน (Do) เป็นการลงมือปฏิบตั ติ ามแผนงานโดยอาจารยป์ ระจาหลักสูตรนสิ ติ และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ร่วมประชุมชี้แจงรายละเอียดความเป็นมาของโครงการการอบรมใหค้ วามรู้ แก่เกษตรกร โดยวิทยากรท่ีมีความเชย่ี วชาญในการเพาะปลูกและรวบรวมพันธุ์ข้าวพื้นเมือง การแลกเปล่ียน เรียนรู้ร่วมกัน การแจกเมล็ดพันธุ์ข้าว เพ่ือนาไปปลูกในแปลงเกษตรกร ในขั้นตอนนี้อาจใช้วธิ ีการปักดา หรือ นาหว่านก็ไดท้ ง้ั นขี่ น้ึ อย่กู บั บรบิ ทพ้ืนที่นาแต่ละแปลง 3.3 การตรวจสอบ (Check)เป็นการตรวจสอบดูว่าเมื่อปฏิบัติงานตามแผน หรือการแก้ปัญหา งานตามแผนแล้ว ผลลัพธ์เป็นอย่างไร เช่น การทานาดากับนาหว่านให้ผลผลิตต่อไร่แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไรในสภาพของฝนท้ิงช่วง หรือวิธกี ารแก้ปัญหาของเกษตรกรถูกต้องหรือไม่หรอื ได้รบั การแก้ไขตรงตาม เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ หรือจานวนผลผลิตข้าวท่ีได้ประสบผลสาเร็จหรือบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ หรือหากไม่ บรรลุวัตถุประสงค์เกิดจากสาเหตุอะไร เช่น การไม่ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ ความไม่เหมาะสมของแผน การ เลือกใช้เทคนิคท่ีไม่เหมาะสม หรือเป็นเพราะปัจจัยส่ิงแวดล้อมและสภาพของดินฟ้าอากาศ เป็นต้น ซึ่งข้ัน ตอนน้ีอาจารย์ นิสิตและชาวบ้านรว่ มกนั ตรวจสอบอกี ครง้ั 3.4 การดาเนินการให้เหมาะสม (Action)ขั้นตอนนี้เป็นการนาเอาผลจากขั้นการตรวจสอบ (C) มาดาเนนิ การใหเ้ หมาะสม โดยพิจารณาผลท่ีได้จากการตรวจสอบ ซง่ึ มีอยู่ 2 กรณี คอื ผลที่เกิดข้นึ เป็นไปตาม แผนทว่ี างไว้ หรือไมเ่ ปน็ ไปตามแผนทีว่ างไว้ หากเป็นไปตามแผนท่ีวางไว้ ก็จะให้นาแนวทางหรอื กระบวนการ ปฏิบัตนิ ้ันมาจัดทาให้เป็นมาตรฐาน พรอ้ มทง้ั หาวธิ ีการท่จี ะปรบั ปรงุ ใหด้ ีย่งิ ขึ้นไป กข คง รปู ที่ 2 (ก) เมลด็ พันธ์ขุ ้าว (ข) หวั หน้าโครงการชีแ้ จง (ค) นิสติ เข้าร่วมโครงการ (ง) เกษตรกรทเี่ ข้ารว่ ม 4. การบรู ณาการกบั ภารกจิ หลักดา้ นอนื่ ๆ 4.1 บูรณาการกบั การเรียนการสอน มีการบูรณาการด้านการเรียนการสอนในรายวิชา ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านความหลากหลายทาง ชีวภาพ หลักสูตรความหลากหลายทางชีวภาพ โดยให้นิสิตมีส่วนร่วมในการดาเนินกิจกรรมทุกข้ันตอน โดยฝึกให้นิสิตลงชุมชนเพื่อศึกษาบริบทของชุมชนต้ังแต่การทบทวนบทเรียนก่อนทากิจกรรม (Before action review) การทบทวนบทเรียนระหว่างกิจกรรม (During action review) การทบทวนเมื่อ กิจกรรมเสร็จสิ้นลง (After action review) รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องท่ีเกิดขึ้นจากการทา
130 I เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจยั ครั้งที่ 14 : สาขาบริการวิชาการ” กิจกรรม ทาให้นิสติ ได้ประสบการณ์ตรงในการทางานร่วมกับชุมชนซ่ึงจะเป็นประโยชน์ในการนาไปใช้ใน ชีวติ ประจาวนั และการทางานในอนาคต 4.2 บูรณาการกับการการวิจยั การศกึ ษาความหลากหลายของสายพนั ธ์ขุ ้าวพนื้ เมือง สามารถพฒั นาและตอ่ ยอดเป็นโจทย์วจิ ยั ได้ เชน่ การศึกษาสัณฐานวทิ ยาของพนั ธุ์ข้าวพ้นื เมือง การศกึ ษาเขตกรรมข้าวหรอื การพัฒนาการแปรรปู เปน็ นวัตกรรมเพ่อื สุขภาพ เป็นตน้ 4.3 บูรณาการกบั การทานบุ ารุงศิลปวัฒนธรรม วฒั นธรรมของวิถีชีวิตคนอีสานเป็นวัฒนธรรมท่ีเชื่อมโยงสัมพันธ์กับข้าวและความเช่ือทางพุทธ ศาสนาและประเพณี “ฮีตสิบสองคองสิบสี่”เป็นปฏิทินปฏิบัตกิ ารทางสังคมวัฒนธรรม ซึ่งประเพณีต่างๆ ถกู จัดขึ้นในแตล่ ะเดือนในรอบหน่ึงปี ล้วนแตเ่ กยี่ วข้องกับข้าวแทบท้ังสน้ิ โดยเฉพาะบุญเดอื นย่ี เกี่ยวข้อง กบั บญุ คณู ลาน กุ้มขา้ วใหญ่ และบญุ เดือนสามเกีย่ วขอ้ งกบั ประเพณบี ญุ ข้าวจ่ี เปน็ ต้น 5. ผลลัพธ์จากการดาเนินโครงการ 5.1 ข้อคน้ พบตามวัตถุประสงค์ การดาเนินโครงการวิจัยเพ่ือชุมชน เรื่อง การส่งเสริมการปลูกข้าวพื้นเมืองเพ่ือการอนุรักษ์ พันธุกรรมพืชในชุมชนบ้านวังจานโนนสาราญ ตาบลนาข่า อาเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามซ่ึงข้อ ค้นพบจากงานวิจัยดังกล่าว สอดคล้องและเป็นไปตามวัตถปุ ระสงคท์ ่ีต้ังไว้ท้ัง 4 ขอ้ คือ มีเก็บรวบรวมพันธุ์ ข้าวพ้ืนเมือง จานวน 25 สายพันธุ์ และรวบรวมปลกู ในแปลงทดลองภายในสถาบนั วจิ ัยวลยั รกุ ขเวช และ จัดสรรสายพันธ์ุข้าวเหนียว “ดอหอมนางนวล” ให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนาไปปลูกเพ่ือ ขยายพนั ธุ์ต่อไป มีการฝกึ อบรมเกษตรกรให้มีความรเู้ กย่ี วกับการอนุรักษ์พนั ธกุ รรมข้าวพื้นเมือง โดยเชิญ วิทยากรมาบรรยายให้ความร้เู ก่ียวกับการปลูกและขยายพันธุ์ข้าวเหนียว “หอมนางนวล”จานวน 45 คน ซง่ึ เกินจานวนทรี่ ะบุไว้ในโครงการ 5.2 ขอ้ ค้นพบอื่น ๆท่นี อกจากจากวตั ถุประสงค์ (Impact) ในแต่ละระดบั - ระดับกลุ่มเป้าหมายหรอื ผู้มีส่วนเกยี่ วข้อง (Stakeholder)มีการขยายกลุ่มเป้าหมายมาก ข้นึ จากเดมิ มีผู้สนใจเข้ารว่ มโครงการ จานวน 30 ครอบครวั ปจั จุบันเพม่ิ เป็น 45ครอบครวั - ระดับองคก์ รในชุมชนและนอกชุมชน เกดิ ภาคเี ครอื ข่ายนอกพืน้ ทีม่ ีการแลกเปล่ียนเรยี นรู้ กับศูนย์เรียนรูช้ ุมชนตน้ แบบการจดั การสิ่งแวดล้อมด้านเกษตรอินทรยี ์ และนุรักษพ์ นั ธข์ุ ้าวพน้ื เมืองชุมชน เข่ือนยาง หมู่ท่ี 3 เทศบาลตาบลนาเยีย อาเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี และกลุ่มเครือข่าย เกษตรกรรมทางเลอื ก อาเภอเมอื ง จังหวดั มหาสารคาม 5.3 การขยายผลส่หู น่วยงานอน่ื ๆ ท่เี กีย่ วขอ้ งโดยในปีถดั ไปจะขยายผลไปสู่ตาบลอ่ืนๆ
เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน I 131 ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย คร้ังท่ี 14 : สาขาบริการวิชาการ” 6. บทสรปุ การส่งเสรมิ การปลกู ข้าวพื้นเมอื งเพื่อการอนุรักษ์พนั ธุกรรมพชื ในชมุ ชนบ้านวังจานโนนสาราญ ตาบล นาขา่ อาเภอวาปีปทมุ จังหวัดมหาสารคาม ได้สะท้อนให้เห็นศักยภาพและความสาเร็จของโครงการด้าน บริการวิชาการ สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้และให้บริการวิชาการแก่ชุมชนรวมทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนท่ัวไปที่สนใจศึกษาเรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพของสายพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ด้าน การวิจัย สามารถบูรณาการกับงานวิจัยของเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ซ่ึง สอดคล้องกับงานวิจัยมุ่งเปา้ แบบบูรณาการตอบสนองความต้องการในการพัฒนาประเทศกลุ่มเร่ืองข้าว. เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพของข้าวพ้ืนเมืองในชุมชน ส่วนด้านการเรียนการสอน สามารถนาไปใช้ประโยชน์ด้านการเรียนการสอนในระดับบัณฑิตศึกษา รายวิชาภูมิปัญญาท้องถ่ินด้าน ความหลากหลายทางชวี ภาพหลักสูตรความหลากหลายทางชีวภาพและวชิ าอืน่ ๆ ท่ีเก่ียวข้อง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132